The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by krupatchaniya Chumpom, 2019-08-07 04:52:20

bio-way-of-life

bio-way-of-life

ชีววถิ ี กฟผ.

เพื่อการพัฒนาอยา่ งย่งั ยืน

ชีวติ ทเ่ี พียงพอ ตามแบบพ่อทีพ่ อเพียง

เกอื บ 2 ทศวรรษที่ กฟผ. ร่วมสรา้ งรากฐานใหช้ มุ ชนดว้ ย “ชีววถิ ”ี



“เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ เสมอื นรากฐานของชวี ติ
รากฐานความมน่ั คงของแผน่ ดนิ เปรยี บเสมอื นเสาเขม็ ทถ่ี กู ตอก
รองรบั บา้ นเรอื น ตวั อาคารไวน้ น่ั เอง สง่ิ กอ่ สรา้ งจะมน่ั คงได้

กอ็ ยทู่ เ่ี สาเขม็ แตค่ นสว่ นมากมองไมเ่ หน็ เสาเขม็
และลมื เสาเขม็ เสยี ดว้ ยซ�ำ้ ไป”

พระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
วารสารชัยพัฒนา
สิงหาคม 2542

“...มาทน่ี ่ี ไดค้ วามรู้ แตเ่ ดมิ มีความกังวลว่าประชาชนท่ีชว่ ยกันรักษาป่า
และปฏิญาณว่าจะไมต่ ดั ไม้ท�ำ ลายป่าจะอยู่กนั อย่างไร

เมอ่ื มาเห็นโครงการนี้แลว้ รู้สกึ มคี วามสบายใจที่ได้เห็นประชาชน
มีอาหารรับประทาน โครงการนเี้ ป็นโครงการท่ีดมี าก
อยากใหน้ ำ�ไปทำ�ใหก้ ับหมู่บา้ นอ่ืน ๆ ด้วย
เพื่อให้ราษฎรได้มีอาหารรบั ประทานอยา่ งเพียงพอ...”

พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
ณ บ้านโนนสวรรค์ ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม
จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2541

ชีววิถี กฟผ. เพ่อื การพฒั นาอยา่ งยงั่ ยืน หนา้

สารบัญ 4
8
พระราชดำ�รสั 9
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 10
กฟผ. น้อมสบื สานพระราชปณธิ านงานของพ่อ 12
จุดเริม่ ต้นโครงการชีววิถฯี 14
แนวทางดำ�เนนิ การโครงการชวี วิถีฯ 16
ขับเคลอื่ นชุมชนด้วยแนวทาง “ชีววิถี” 18
งานโครงการชีววถิ ี กฟผ. 20
โครงการชมุ ชนตน้ แบบชีววถิ ี กฟผ. 24
- บ้านดงเรือง หมู่ 6 ต้นแบบเหรยี ญทอง 26
- มติ รภาพชุมชน... คน “โคกสยา” จงั หวดั นราธวิ าส 30
- บ้านโคกน้อย ชมุ ชนตน้ แบบโครงการชวี วิถีฯ 34
- หมอดนิ ...แห่งบา้ นเกาะกลาง ขา้ วปลอดสาร “สงั ข์หยด” 38
- สร้างชวี ติ จากชวี วิถี 48
ศนู ย์การเรยี นรชู้ ีววิถี กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำ�ปาง 50
ชวี วถิ ี DIY 52
วิธีทำ� EM Ball (ดงั โงะ) 53
การทำ�โบกาฉิ (ปยุ๋ แหง้ ) 54
การทำ�จุลินทรีย์ขยาย 55
การทำ� EM หมกั น้ำ�ซาวข้าว 56
การทำ�น้ำ�นมฮอร์โมน 57
การทำ�ฮอร์โมนผลไม้ 58
การทำ�สารไล่แมลง (สุโตจู หรือ EM 5)
การทำ�สารสกัดพชื หมัก (EM F.P.E)
สารสมุนไพรใชป้ ราบศัตรพู ืช ปราบหญา้

6

สารบัญ หนา้

สารสมุนไพรชะลอการเจรญิ เตบิ โตของเชื้อราเอน็ เทก็ โนส 59
สูตรปอ้ งกันเชอื้ ราหรอื ไร 60
สูตรไล่หอยหรอื เพลยี้ ไฟ ปอ้ งกนั ใบข้าวไหม้ 61
สูตรพริกไล่เพล้ยี ไฟ 62
สตู รกาแฟไล่แมลงศตั รพู ชื 63
การเกษตร 64
- การปลูกพชื ผกั สวนครัว 70
- การปลกู พชื ไร่ 75
- การปลูกพชื สวน 76
- การทำ�นาขา้ ว 80
การประมง 82
- การเลี้ยงปลา 85
- การเลย้ี งก้งุ 86
- การเลย้ี งตะพาบนำ้ � 89
ปศุสตั ว์ 90
- การเลยี้ งไก่ 93
- การเลี้ยงโค (ววั ) 94
- การเลี้ยงสกุ ร (หมู) 95
การใชจ้ ุลินทรียท์ ี่มปี ระสทิ ธภิ าพ (EM) กบั ส่งิ แวดล้อม 96
- การกำ�จดั กลิ่น
- การบำ�บดั น้ำ�เสยี
- การกำ�จดั ขยะ
- การกำ�จัดขยะเปยี ก

7

ชีววถิ ี กฟผ. เพ่ือการพัฒนาอย่างยั่งยืน =

ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

พอประมาณ

มีเหตุผล มภี มู ิคุ้มกันทด่ี ี

เงอื่ นไขความรู้ เง่อื นไขคุณธรรม

รอบรู้ (วทิ ยาการ+ภูมปิ ญั ญาชาวบา้ น) ซือ่ สตั ย์สุจริต
รอบคอบ ขยนั อดทน
ระมัดระวัง สตปิ ญั ญา
แบ่งปนั
นำ�สู่

ชวี ติ | เศรษฐกจิ | สงั คม | ส่ิงแวดลอ้ ม
สมดลุ | มั่นคง | ย่ังยืน

8

กฟผ.นอ้ มสืบสานพระราชปณธิ านงานของพอ่
โครงการ “ชีววิถ”ี ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียง

การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไดน้ ้อมนำ�ปรัชญาพระราชดำ�ริ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร
มาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต้ังแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ดว้ ยการจัดตัง้ “โครงการ
ชวี วิถีเพอ่ื การพัฒนาอย่างย่งั ยนื ” โดยสง่ เสรมิ ให้ชมุ ชนพงึ่ พาตนเองได้ มคี วามเปน็
อยอู่ ย่างพอประมาณ ลดการใชส้ ารเคมี ตามวิถีภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหัวใจใน
การพฒั นาอย่างย่งั ยืน

9

ชวี วถิ ี กฟผ. เพ่ือการพัฒนาอยา่ งยั่งยนื

จดุ เร่ิมต้นโครงการชีววถิ ีฯ

2540

• พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
พระราชทานพระราชดำ�รสั เกยี่ วกับ “เศรษฐกจิ พอเพยี ง”
เนอื่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

2541
• สมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ ในรชั กาลท่ี 9

เสดจ็ ไปประทบั แรมทเี่ ขอื่ นสิรินธร จ.อบุ ลราชธานี เพือ่ ปฏบิ ัติภารกิจ
ในภาคอสี าน และทรงมพี ระราชเสาวนยี ห์ ่วงใยวิถีชวี ติ ของพสกนกิ ร
ท่ปี ฏิญานตนช่วยกนั รกั ษาปา่
• กฟผ. จงึ รบั สนองพระราชดำ�ริของทัง้ 2 พระองค์ โดยการนำ�แนวคดิ
เศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นแนวทางในการดำ�เนนิ “โครงการชีววถิ ี
เพอื่ การพฒั นาอย่างย่ังยืน” อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ
• ผ้วู า่ การ กฟผ. คุณวีระวัฒน์ ชลายน (ขณะนนั้ ) และผ้บู รหิ ารระดบั สูง
เข้าฟังการบรรยาย สาธติ และเยีย่ มชมหมูบ่ า้ นตวั อยา่ ง ณ หม่บู า้ น
โนนสวรรค์ อ.โขงเจยี ม ซ่ึงเป็นหมบู่ า้ นท่กี องอำ�นวยการเพือ่ ความมั่นคง
เฉพาะพ้นื ที่ปา่ ดงนาทาม (กอ.ปา่ ดงนาทาม) อันเนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ
จังหวดั อบุ ลราชธานี ไดเ้ ข้าไปส่งเสริมแนวทางการดำ�เนนิ ชีวิตด้วย
การเกษตรแบบธรรมชาติ และนำ�แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบตั ิ
อยา่ งเปน็ รูปธรรม

10

2542

• ผู้ว่าการ กฟผ. ดำ�เนนิ การจดั ต้ังโครงการชีววถิ ีเพือ่ การพฒั นาอยา่ งย่งั ยืน
ขนึ้ อย่างไม่เป็นทางการ โดยความรับผิดชอบของ ผูช้ ว่ ยผู้วา่ การ คุณ
ประพนั ธ์ ฟกั เทศ (ขณะน้นั )

• ฝ่ายฝึกอบรม กฟผ. ดำ�เนินการฝกึ อบรมผูป้ ฏบิ ัติงาน กฟผ. ในส่วน
ภมู ภิ าคท่ีกระจายอยทู่ วั่ ประเทศ มีการขยายผลไปยงั หนว่ ยงานราชการ
รัฐวสิ าหกจิ วัด และชมุ ชนต่างๆ เพ่อื ใหเ้ กิดการพัฒนาท้องถิ่นตอ่ ไป
ซ่งึ ได้รบั ความร่วมมอื เปน็ อย่างดจี าก กอ.ปา่ ดงนาทาม เปน็ ผ้ถู า่ ยทอด
ความรู้ และนำ�เทคนิควธิ ีการนำ�จุลินทรีย์ทม่ี ีประสิทธภิ าพ มาใช้ทางดา้ น
เกษตรและปศุสัตว์ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

• โครงการน้ี ได้รบั รางวลั จากมูลนธิ กิ ำ�ธน สินธวานนท์ เน่อื งจากเปน็
โครงการทีส่ ร้างประโยชน์ให้กับสงั คมโดยรวม อีกท้ังยังเป็นโครงการที่
เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการเก้ือกลู กันและกันระหวา่ งธรรมชาติ
และการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ ทำ�ให้คุณภาพชวี ติ ดีขึ้น และนำ�ไปส่กู าร
พฒั นาอย่างยง่ั ยนื ในทา้ ยทสี่ ดุ

2546

• ผู้วา่ การ กฟผ. คณุ สทิ ธิพร รัตโนภาส (ขณะนน้ั ) จดั ต้ัง “โครงการชวี วถิ ี
เพื่อการพัฒนาอย่างย่งั ยืน” อย่างเป็นทางการ โดยรว่ มมอื กบั สำ�นกั งาน
คณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา (สอศ.) ในการนำ�โครงการชีววถิ ฯี เข้าสู่
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วทิ ยาลัยประมง วทิ ยาลยั การอาชีพ และ
ศนู ย์วิศวกรรมการเกษตรปทมุ ธานี เนอื่ งจากการทำ�เกษตรอนิ ทรียถ์ ือเปน็
วาระแหง่ ชาติ และโครงการนี้มีการดำ�เนนิ การที่ตอบสนองนโยบายของรฐั
อีกทงั้ ยงั มกี ารขยายผลเครอื ขา่ ยออกไปอยา่ งกว้างขวาง ซึ่งผลการดำ�เนิน
งานนั้นประสบความสำ�เร็จเปน็ อย่างดี

11

ชวี วถิ ี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอยา่ งยั่งยนื

แนวทางดำ�เนินการโครงการชวี วิถีฯ
พึง่ พา “ชวี วิถ”ี แบบธรรมชาติ ลดการใชส้ ารเคมี

กลไกในการขับเคลอ่ื นท่ีสำ�คัญ คือส่งเสรมิ ให้มกี ารลด ละ การใชส้ ารเคมี
เริ่มจากในครวั เรือนและขยายไปสูช่ มุ ชน โดยการใชก้ ล่มุ จลุ ินทรีย์ทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ
Effective Microorganisms (EM) เปน็ เครอ่ื งมอื หลกั เพราะตน้ ทนุ ตำ่ � เรยี นรงู้ า่ ย
นำ�ไปใช้ได้จรงิ ใน 4 กิจกรรมทีม่ ีอยู่รอบตวั เรา ทง้ั การปลกู พืช การเล้ยี งสตั วบ์ ก
การเลย้ี งสตั วน์ ำ้ � และการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม โดยสง่ เสรมิ ชมุ ชนดว้ ยการพาลงมอื ทำ�
ให้ได้เรียนรู้ ทดลอง และลงมอื ปฏิบตั จิ รงิ จนเกิดความเชยี่ วชาญ กระทัง่ ม่ันใจวา่
สง่ิ ตา่ งๆ เหล่าน้ี สามารถทดแทนการใชส้ ารเคมีได้ในทุกๆ กจิ กรรม จนนำ�ไปสู่
การเปลยี่ นแปลงในทีส่ ุด

เพาะปลกู

พชื ไร่ พืชสวน พืชผัก นาข้าว ไมด้ อกไมป้ ระดบั

12

เล้ียงสตั ว์บก

เลย้ี งไก่ หมู ววั เนื้อ วัวนม แพะ
ไกง่ วง ฯลฯ

เลย้ี งสัตวน์ ้ำ�

เล้ียงปลาในบอ่ พลาสตกิ ขนาดเล็ก (2 x 4 ม. ลกึ 1 ม.)
เลย้ี งกงุ้ เลี้ยงกบ เลีย้ งตะพาบน้�ำ ฯลฯ

ส่งิ แวดล้อม

การทำ�ความสะอาดและจัดการเศษอาหารในครวั เรือน
บำ�บัดน้�ำ เสยี บำ�บัดกลิ่นในห้องน้ำ� สขุ ภณั ฑ์ เฟอรน์ ิเจอร์

13

ชวี วิถี กฟผ. เพื่อการพฒั นาอยา่ งย่ังยนื

ขับเคลือ่ นชุมชนดว้ ยแนวทาง “ชวี วิถี”

กวา่ 20 ปี ของการดำ�เนินโครงการฯ เราไดว้ างแนวทางการพฒั นาชุมชน
อย่างเปน็ ระบบ ดว้ ยแนวคดิ ทาง “ชวี วิถ”ี สร้างกระบวนการการมสี ว่ นรว่ มให้เกิด
การเกื้อกูล แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ พึ่งพากันในชุมชน โดยในปัจจุบัน มีชุมชน
ไม่น้อยกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ที่ ได้นำ�แนวทางนี้ ไปปฏิบัติใช้ และ เกิดผล
สัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน

14

บันได 3 ข้ันสู่แนวทางการพัฒนา “ชุมชนชีววิถ”ี

ข้ันอยู่รอด : ม่งุ เน้นการส่งเสรมิ ชุมชนรายครวั เรอื น ให้เรียนรู้พงึ่ พาตนเอง จาก
สิ่งต่างๆ ท่มี ีอยรู่ อบตัวภายในรั้วบา้ น เพือ่ ลดรายจา่ ยครวั เรอื น จากการมีอาหาร
ปลอดภัยไวบ้ ริโภค จนเกดิ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองอยา่ งเขม้ แข็ง
ขั้นพอเพยี ง : รวบรวมครัวเรือนทเ่ี ข้าร่วมโครงการ ผนึกกำ�ลงั กนั เป็นชุมชน ก่อให้
เกดิ การรวมกล่มุ อย่างเขม้ แข็ง นำ�ของที่เหลอื จากการบริโภคในรั้วบา้ นมาแบ่งปัน
เกดิ การแลกเปลย่ี นและตอ่ ยอดองค์ความร้ทู ่ีไดล้ งมอื ทำ�ร่วมกัน มีผลผลิตเหลือ
พอสำ�หรบั ขาย สรา้ งรายได้ ควบคไู่ ปกบั การลดรายจ่าย ภาระหน้ีสินเริ่มลดลง
ขัน้ ยง่ั ยืน : มีการจดั ตง้ั กลมุ่ บรหิ ารชมุ ชนอย่างเปน็ ระบบ ทง้ั การจัดการ
องคค์ วามรู้พนื้ ฐานเดิม และการตอ่ ยอดความรู้ใหม่ เป็นแหล่งศกึ ษาดูงาน
มีการนำ�ผลผลติ มาพฒั นาเป็นผลิตภัณฑ์ เรม่ิ นำ�แนวคดิ “ชวี วิถ”ี ไปใช้ใน
อาชีพหลกั นอกเหนือจากภายในครวั เรอื น และมคี วามพรอ้ มสูก่ ารพัฒนาเปน็
วิสาหกิจชุมชนต่อไป

เพอื่ นทแี่ สนดี “ชวี วถิ ”ี จากเครอื ข่าย สอศ.

กฟผ. ไดล้ งนามความรว่ มมือกบั สำ�นกั งานคณะกรรมการ
การอาชีวศกึ ษา (สอศ.) ตั้งแต่ ปี 2546 - ปัจจบุ นั โดยมีทงั้
วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลยั ประมง วิทยาลัยการอาชีพ วทิ ยาลยั
เทคโนโลยแี ละการจัดการ วทิ ยาลยั เทคนคิ วิทยาลยั สารพัดชา่ ง เขา้ ร่วมโครงการ
มากกว่า 100 แห่งทวั่ ประเทศ และนำ�แนวทางน้ี ไปส่งเสริมให้เกดิ การเรียนรู้ใน
สถานศึกษา ตลอดจนชุมชนและราษฎรท่ีอย่ใู กล้เคียง สง่ ผลให้เกดิ แนวร่วมใน
การพัฒนาชมุ ชน ต่อยอดการเรยี นรู้ไปยังบุคลากรทางการศกึ ษา โดยเฉพาะ
อยา่ งยงิ่ การพฒั นาดา้ นงานวจิ ัย ส่ิงประดษิ ฐ์ และ นวตั กรรม ทีเ่ กีย่ วข้องกบั
“ชีววถิ ี” ซ่ึงมีมากกวา่ 200 ชนิ้ งาน ท่ีช่วยสรา้ งความเช่ือม่ันให้แกช่ ุมชนต่างๆ
ตลอดระยะเวลาดำ�เนินงานรว่ มกนั

15

ชวี วิถี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอย่างยง่ั ยืน

16
วษวทษว.ทษเช.ทยีเ.ชงเยีรชางยี ยรงารยาย งงางานานนโโคโคครรงรงกงกาการารชรชชวี วี วี วิถวถิ ีถิ กี ีกฟกฟฟผผผ...

ชมุ ชชุมชนชุมบนชา นบนบา สนานั นสตันสน นัตแนตฟนแนฟแฟนน

ววษกววทษ.วฝกว.ษทา.กเฝท.ชง.าฝเยี.ชงางเียชงใหงียใงมหใ หมม วษวทษว.ษทพท. ะพ.เพยะาเะยเายา

ชมุ ชชมุชนชุมบนชา บนาบหนาัวหนฝัวหาฝยัวาฝยาย วกว.เกว.ียกเวง.เยีสวงายี สงาสา

วษวทษว.ษทลท.ําล.พาํลนู พําพนู ูน ศนู ศยนูศก ยูนากรยเากรรวายี เรษนวเยี รทษนวูโียค.รษนทรูโแรคทง.ูโพกรคแ.งารรพแกรงชาพรกรีวารชวร ีวถิชวีวริถวฟีิถร.ีแฟรม.ฟแเ ม.แาเมมะเ ามะาะ
วกว.ลกวอ.กลง.อลงอง

ศนู ศยูนศกศยนูานู กรยศยเากูนรศกรายียูนาเรนกรยเยี เรากรนโูรียายีคเรนรนรโู เรยีคงรโูนกรโูียคคงารนรกรรูโ งรคงชากโู กรรีวคางาชวรรกรีวงถิชชากวีเวรวีขิถาวชวอืรชีเถิ ีวขถิชนมุีเวอืีเชวขวขชถินวือชชมุชอืีเนถิวนริขมุชุมนชชีเาบวอืขชศนชลริุมชชนาบือรานงนบริชชศุมนีนลกาาบบาบวรคุมนชศงรโนลชีนนากษาปณบราวชนบงวอคมุชนินรีนโนกงทากนบาษปงณรวทวชคุมรใหโนอ..ินนคบาษปตพณรงทกกวนชงวอทินธนใหาห.างทก.นคนบาตพงรกิทนใหญวว..ยธนควบาหตพารกนหาวยิษนธจทญาหวายนวานิ ินนหทญวยวษยจนวทแบหนนิ.ยนษจททตวหนิุรแวนบนาท.วลีตหแษกบนรุ.มวาตหลชีทรุษกวาุมมลี.ชษกทสชมววุมชนพุท.ษษสชุมวบว.รนทพุสชวทษาวษรวชบกน.พุร.ณษทกษวทอว.าุมบใรศชกาํทนห.ุทวษ.บณาชกรรอว.แมุชใกมน.ศีสัย.ทณุรนําวหกทุษอบวพ.ชนุมรใัชศธีแ.ทมบําหีสุทยัษาบทสุรนชนวงราพแนวแ.มชัาธีสียัเวโุาท.ทนรุอนบวาพษสขนนนงขาชัลธกีวุท.แ.ีบามเวาโุาสนอยัทนชทงดา.พษขวนขัยแ.ลเากเวโุาทุนอีรง.ยันมพษขยัทชชธนทดขล.กงทุัยีเินมายัวทรัยชง.ทดัยาน.ชธยัเนงขษมนรง.ัยนิาวยัชธาีางาทนนิขาษมนวัยามท.นีาขษมนาทพวมีทาาท.ววกจิ พมวท.ทก.ติวรพววกิจว.ัตวว.กร.นทสกววิตวกจรอนษ...ัตอโวคทว.กศกรติวปรนสคทอ.นษงร.ัต.วว.กรอรวนอโคสศก.แปอไนะตุษคท.ลก.ทงรอโคสศอสรรควปกพคท..แไ.ดะุตงทิยรําลสกอวรวทสกสิตรค.แบไโธะตุพรล.กดถวททิยรําสสสวิววรคะุรวิตพ.บงโดกธทิยราํสษีบวกถวรวติวิบ.ะรุยโวธรทดงุก.ถวทิรษีวบิววกะรุ ีา.ง.ยกทิษีเิทดบเรุ.กชนชวพ.ยีาทด.ุรุม.วชซิเเียวชชนีชมุพชาว.ษชรวาเิเุมวชชรนนซียชพษชมุทบกยนมุชบวษุมวชชชบรซวายีช.ทชบรช.นุรบมุชษุมวษรูุมาทบชกยชนนารวาบีชชร.บนัวณชษน.ทบนมุทัยบ.กยรุบบนมุบูรนาชใชบใหนาชช.ีทบ.ภคหาช.รุวันหณบบนุมวนูราัยชบนาุมวนีใญร.ยูมใหมาชัวนณชนนภคทหาัยชหบหมบนรวฉใิใหุมวน.ชญะรยภมูคนหมาาาชแโนโนหบวมวทนหชนหมวมุวรนปุมบฉชญํากยอิมูมาวว.นระนษนทชาแโลนโนชพหมว.มนรางีสฉกนหอินกบวปยนงุมบ.ทบชะาํกอนบอาแชโวนโวนนิรวมนษีมาชาบลนห.นพา..วปางุมีงสบชโกวักาํกทอขอบนวววยนงบนราทนนาษบคนอชลพิน.เรอางีนีมารสไาบก.อชกบา.โงวจยนงงกบทโวักผทขบนนอนวนะินามุินิทดัาีมคาาบ.นา.เรองนรไแโัวกวทนขชนนกโยชงวจววกานผาคอนนกะวนุมเรษายอาินทิมุัดนรไวชนวโงกวจกยแรลผนวนชบนวากชยกนะวทุมษนิิทดับอนยักนว.นงษาาชยานุมแทวนวชน.หวกยช.กาวเทย-รนลนวบุมวบอาอชบกทกวทนษโาชษยานมุวบวน.วัย.วหนิทงกชา.นนชาดุยรคลทนนบว.หาโชบมุาก.าทเท-นกษววนนษมุบบอยบนนนโัยุมท.รงอโชาชนนวนทว.ารุยน.หหนิท.ชบป.นาาชนเ.าดุท-นคธวนแวุมบอโบมุาบททงนพรีเโกชโนงวนนษวลาผยนว.นดทิโุมสหาพนริทตอชน.ลนชาุดชนมัคนหาุรยนบนโบุมาร.บปยันาน.ิือยกธวนแชวยนนษยือยทนบมนโมุงนพรีเรองยตสิลาชนอานสผเําาดิทแารุยาสนาพแีตนบปลีาน.ตคัมัธวแาชหบนะนทใลรห.ยันางดพนิีรเือยโัยนลงยนลยือานผบมดนจทินสคาพตลยตัยสิฆราอหสัมงเาําหแาะบนีแร.ายันีินือตคัยุนายดสยพะือนใลหบมกาดนยัลยตนสิงาอสภเําาสนจแนาคแีงัยีฆราตคัหงัดาะะนอใลหาาดรุเัยลวนดงรสพามูนจนวกคชนรวัยวพงฆรหภงสชะางาากรุือัดดตสาพอิอกษัดรกมุนเวราภมูสวงคงชารวะ.วพงาชัดศชอเ.รอกรทอืเวไรตาาอิูมวาโษัดกชกนุมรววพงก.ุดชงคงงะ.พกรอืช.สมศชบตาอิษเ.ษัดอกมุสทรรไาาโงคงกนาะ.กรุชนธ.ุรดุศชองเพ.อตทน.สมไบินวษาาาโกนินสรรกท.ุดยสางพนรทรุน.ธสมุรบกอษตทสนรวรินเวอรวาีนิาวรุนธทน.รุอยสนรทตนรพกิสงินววาชนิสทวษทเด็อรวียสชนรชทวกุมน.วอยักรทรวพทิสงเอวรรว.ชีมุสษมุรวน็ดน.อชรชกนมุรพวัย.ิสรงวชณชสคาษชทศด็ร.ชบมุชมุชรกมุนแวัยรนนนารท.าร.ชณชวุมกคาชุมรศนนบรสีบนแนบ.ษณนชโคานาชรศาบวนกะานแิคาีสนทบนานบนรเษาวโนกนนมกะสสีบ.านบิคาษทโยหนําหเษนนะนามิครากสโท.นนนาเยนหสนาํหมษกญส.อรอโยชธหนําหนษสงรงญมุรโนอนอากชธสแชชญงองอุมรชลธุมนกแงชวชงวชมุรชบอกลุมแษุมนชกชนาววชงอชงบลุมน.บทษมุเวกนนวชงชางบโขา.ชชบษมุน.บทอกนาเมนมุาชนโขาบุ.บทด.ชบนนชเรอนจโมอขาุมล.ชาหนานบุบอดิกนนชรมมุวรฐจบานอุบลดชหานยนาชริกานจอวีรแฐลบชหานกิชยนดาวราฐบธโีแงชชยนาาดีแธนชโนงนดาสธโีงนนําาสรนนี าํสีญราํ ารญาญ
ชมุ ชชมุชนชมุ บนชา นบนบา พนานุ นพาํ พนุ เปนุาํ เราํ ปยีเปรวยีรวยี ว วษวทษว.ษทวสกรท.วสะ..วกรสแังะ.กรกวนแะ.วงัวกําแนงัเวกยนํา ว ็นเาํ ยเน็ยน็
ชมุ ชชุมชนชุมหนชมหนู 7มหูม7ู 7

วษวทษว.ษทราท.รช.ารบชาุรบชี บรุ ีุรี วกว.พกวว.กนพษว.สั พทนษวนน.ัสษทชคิ นสั ทล.มชนคิ บ.ลชมคิ ุรบลมี บุรีรุ ี วษวทษว.ษทฉะท.ฉเ.ชะฉเงิะชเทิงชเรงิ ทาเทรารา
วกว.บกว.ากบน.บาโนปานโงปโปง ง
วทิ ยวาทิ วลยิทยัายสลาัยลรสัยพาสดัราพชราดั พงชัดฉา ชะงเาฉชงะิงฉเเชะทเิงรชเาทิงเรทารา

วก.พนัสนิคม
วษวทก.เ.พไชชยราบุรี

วษท.ระนอง วป.ชมุ พรเขตรอดุ มศกั ดิ ชุมชนบานขาวหอม ,ชุมชนบานคลองนาหมอน
วษท.ชวมุ กพ.ทราแซะ วอศ.ปทมุ ธานี / วท.ธญั บรุ ี ชมุ ชนบานบงึ กาสาม

วก.หลงั สวน วท.กาญจนาภิเษก

วษท.สุราษฎรธ านี วษท.ศูนยศิลปาชพี บางไทร / วก.เสนา / วก.มหาราช / วท.พระนครศรีอยุธยา
วก.เวียงสระ วก.โพธิทอง
ชุนชนโรงเรียนบา นไทรงาม วษท.สิงบุรี

17 วษท.พงั งา วษวทท..ทนงุคสรงศรธี รรมราช

ชนุ ชนบา นเกาะกลาง ชวนุ ิทชยนาลปยั กสาาสรยัพัดชา งกระบี 1ว0ิทว13ย0ิทา3ยแลาหแัยลงหใยั น่งใสนังสกงั ัดกัดสอสศอ.ศต. าตมาคมวคาวมารมวรมว่ มมอืมือกฟกฟผ.ผ-ส. อ-ศส.อศ.
วษท.กระบี
ชนุ ชนบา นปาใหม ชุนชนบานคลองยาว ววษก.ทค.วพนัทขลนงุ นุ ชมุชมุชชนนตตน ้นแแบบบบ3399 ชมุ ชน
ชุนชนบานวงั มะปรางคเ หวววนษกกือ.ท.ปต.ะตรเังรหังลยี น วววิทษกวยท.สกา.มส.ลนงเัยดาขปทจ็ ลรเวาจะี มาพงตะณิโคสะลู านนท
3ศ3ศูนนู แแยยหหก์กงง่ าารรเเรรยีียนนรรโูู้โคครรงงกกาารรชชวีีวววถิิถีี ภภาายยใในนพพ้นืนื ทที่ี กกฟฟผผ..
วษทว.กส.ตลูละงู วษป.ปน. ขอ้ มลู : ปี 2560

วก.สุไหงโก-ลก

ชนุ ชนบานโคกสยา

ชวี วิถี กฟผ. เพื่อการพฒั นาอย่างย่ังยืน

โครงการชุมชนต้นแบบชีววิถี กฟผ.

“บ้านดงเรอื ง หมู่ 6” ต้นแบบเหรยี ญทอง
“ชีววิถีเพ่ือการพฒั นาอย่างยง่ั ยืน”

พ้ืนที่ใกลแ้ นวสายสง่ ไฟฟา้ แรงสูง 115,000 โวลต์ อดุ รธานี 3 – พงั โคน

บ้านดงเรือง หมู่ 6 ต.หนองเม็ก
อ.หนองหาน จ.อดุ รธานี มจี ำ�นวนครวั เรอื น
179 ครัวเรอื น ต้นแบบระดับเหรยี ญทอง
ไดด้ ำ�เนนิ กจิ กรรมชวี วถิ คี รบถว้ น เกนิ 40%
ของครวั เรอื นทง้ั หมด พรอ้ มการจดั ตง้ั ทำ�เล
ภมู ทิ ัศน์ โดยวทิ ยาลยั การอาชพี หนองหาน
และความร่วมมือของชุมชนบ้านดงเรือง
กวา่ 100 ครัวเรอื น มผี ปู้ ระสานงาน คอื
ประเสรฐิ ประกอบศกั ด์ิ ซง่ึ ผลงานมคี วาม
ก้าวหน้าดีขึ้นอย่างชัดเจน

18

บานเยน็ องอาจ ผู้ใหญบ่ า้ น บา้ นดงเรอื ง
เลา่ วา่ “รสู้ กึ ดีใจ ภมู ิใจท่ี กฟผ. และ วทิ ยาลยั
การอาชพี หนองหาน เขา้ มาใหค้ ำ�แนะนำ� จากเดมิ
เขา้ ใจวา่ การไฟฟา้ อยแู่ ตใ่ นเมอื ง ไมค่ ดิ วา่ จะเขา้ มา
ชว่ ยชมุ ชนใหเ้ กดิ เปน็ รปู ธรรม อยดู่ กี นิ ดี พง่ึ พา
ตนเองไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื และพรอ้ มจะเปน็ ตวั อยา่ ง
ชกั ชวนชมุ ชนใกลเ้ คยี งมาดงู านตอ่ ไป”
ปัจจุบันความพรอ้ มเพรียงของชุมชนสามารถดำ�เนินการโครงการชีววิถฯี
กฟผ. ไดอ้ ยา่ งย่งั ยนื ชุมชนแต่ละครวั เรอื นอยูด่ กี ินดีขึ้น พร้อมมุ่งส่เู ป้าหมาย
ในอนาคตคอื ตน้ แบบเศรษฐกิจพอเพยี ง ด้วยความอดทน ความเสยี สละ ความ
สม่ำ�เสมอ คดิ ดี ทำ�ดี และพดู ดี ชมุ ชนจึงเกิดความไวว้ างใจ พร้อมได้เครือขา่ ย
ไดค้ วามรว่ มมือ ไดม้ ติ รภาพ

“ชุมชนอยูด่ ีกินดอี ย่างยั่งยนื ” ควบคไู่ ปกบั
“กฟผ. ผลติ ไฟฟา้ เพ่ือความสขุ ของคนไทย”

19

ชวี วถิ ี กฟผ. เพื่อการพัฒนาอยา่ งยั่งยืน

มติ รภาพชุมชน... คน “โคกสยา” จงั หวัดนราธิวาส

บ้านโคกสยา อ.สุไหงปาดี เป็นหนึ่งในชมุ ชนต้นแบบท่ี กฟผ. มีความ
ภาคภูมิใจท่ีได้เปน็ สว่ นหน่งึ ของการพฒั นาอย่างย่ังยนื ดว้ ยความร่วมมือ ร่วมแรง
ร่วมใจกันของชาวบ้านโคกสยา และ กฟผ. ก่อให้เกดิ โครงการต่างๆ ทม่ี ีประโยชน์
มากมาย ทง้ั การสร้างศูนยส์ าธารณสขุ ซึง่ ประสบความสำ�เร็จเป็นอยา่ งดี
โครงการเสยี งตามสาย ทจ่ี ัดตั้งหอกระจายเสยี ง โดยใช้แรงงานจากเยาวชนท่ีมี
ความรูด้ ้านช่างมาช่วยกนั ติดต้ัง เพื่อกระจายข่าวภายในชุมชน และสร้างโรงเรยี น
ประจำ�ชุมชน จำ�นวน 3 หอ้ งเรียน เน้นการรวมกลุม่ เยาวชน ปลูกฝงั คุณธรรม
และจรยิ ธรรมให้แกเ่ ด็กๆ ในพื้นท่ี

20

จนถึงโครงการชีววถิ ีเพ่อื การพัฒนาอยา่ งย่ังยนื ที่ กฟผ. ไดม้ สี ่วนเขา้ ไป
แนะนำ�การเกษตรปลอดสารพษิ ส่งเสริมการใชป้ ยุ๋ ชวี ภาพ เริ่มจากการทำ�แปลงนา
สาธติ ขุดบ่อเลย้ี งปลาภายในสถานีไฟฟา้ แรงสงู ของ กฟผ. เมื่อผลผลติ งอกงาม
ชาวบ้านก็ชวนกันมาดู ได้เห็นของจริงจึงเกิดความสนใจ และขอให้ช่วยชี้แนะ
แนวทางการปลกู พชื เลยี้ งปลา เลีย้ งแพะ สร้างอาชพี ใหแ้ กพ่ วกเขา กฟผ. จงึ ได้
แนะนำ�กลา้ พชื ผกั ใหป้ ลูกใต้แนวสายสง่ ไฟฟ้า ตดิ กับบริเวณสถานีไฟฟา้ แรงสงู
ปรบั เปล่ียนพ้ืนที่ใต้แนวสายสง่ ไฟฟา้ ที่เคยรกร้าง และไม่สามารถทำ�ประโยชน์
ใดๆ ได้ ใหก้ ลายเป็นแปลงนาสาธิต ปลกู พชื ผกั ขุดบอ่ เลี้ยงปลา สอนชาวบ้าน
ทำ�ปุ๋ยชีวภาพ อีกทง้ั ชาวบา้ นยงั สามารถใช้ประโยชน์จากพนื้ ที่ใต้แนวสายสง่ ไฟฟา้
มาเป็นพนื้ ท่ที ำ�การเกษตร และสรา้ งรายไดแ้ กช่ มุ ชน
นอกจากน้ี กฟผ. ยังได้ชาวบ้านมาเปน็ กำ�ลังในการช่วยสอดส่องดูแล
เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง สาธารณสมบัตขิ องชาตอิ กี ทางหน่งึ ดว้ ย

21

ชวี วถิ ี กฟผ. เพือ่ การพัฒนาอยา่ งยั่งยืน

แรกเริม่ โครงการฯ มีชาวบา้ นเข้าร่วมเพียง 10 คน เมอื่ ผลท่ีได้จากการ
ปลูกพืช เล้ยี งปลา สามารถสรา้ งรายได้ใหก้ ับชาวบา้ นกลมุ่ แรก ก็ได้มกี ารชกั ชวน
คนอื่นมาให้ร่วมโครงการชีววถิ ีฯ น้ีดว้ ย จวบจนปัจจุบนั โครงการชวี วิถฯี ได้ขยาย
ไปยงั 8 หมบู่ า้ น ใน ต.ปะลุรู มีชาวบ้านสนใจเข้าร่วมกว่า 500 คน มกี ารจัดตง้ั
เปน็ ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง โดยเชิญผู้บริหารส่วนทอ้ งถ่ิน เกษตรกร ปศุสตั ว์
ผู้ใหญ่บา้ น ผูน้ ำ�ชุมชน มาประชุมกนั เพ่ือหาแนวทางในการพัฒนาชมุ ชนอยา่ ง
ย่งั ยืน มีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพมากกว่า 11 กลมุ่ มีการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ความถนัด
ของแต่ละกล่มุ อาชีพ ช่วยเสริมสรา้ งรายได้ และสร้างความเขม้ แข็งให้แกช่ มุ ชน
ได้เปน็ อยา่ งดี

22

ตลอดระยะเวลากวา่ 10 ปี ไดเ้ กดิ การพัฒนาของชุมชนบา้ นโคกสยาและ
ชุมชนใกลเ้ คียงมาโดยตลอด กฟผ. พร้อมที่จะสนบั สนุนและใหค้ วามช่วยเหลอื
ในฐานะ “เพื่อน” และ “คนบา้ นเดียวกนั ” เพราะตระหนักว่า ที่ กฟผ. สามารถ
ปฏบิ ัตหิ นา้ ทภ่ี ายในพืน้ ทีด่ ้วยความเรยี บร้อย เป็นเพราะได้มติ รแท้ ไดเ้ พ่ือนทค่ี อย
ชว่ ยเหลอื อยา่ งเตม็ ท่ีและจรงิ ใจ รางวัลทีบ่ ้านโคกสยาไดร้ ับใหเ้ ปน็ ชุมชนต้นแบบ
เศรษฐกจิ พอเพยี งน้นั เป็นเครอื่ งยนื ยนั ว่า ชาวบา้ นมคี วามเปน็ อยูท่ ่ดี ี ครอบครวั
ไดอ้ าศยั อยู่ร่วมกัน มีมติ รภาพทดี่ อี ย่างยง่ั ยืนเกดิ ขึ้นระหวา่ งชาวบา้ น และ กฟผ.
แมว้ า่ จะตอ้ งปฏบิ ัตงิ านอย่ใู นพ้ืนทีเ่ ส่ียงภัย ก็ไมก่ ลวั เพราะมเี พ่ือนท่ีคอยเปน็ หู
เปน็ ตา เปน็ เกราะคมุ้ ภยั ทัง้ ทรัพยส์ นิ และชวี ติ ผู้ปฏบิ ัตงิ านไดด้ ีกว่าเกราะกำ�แพง
ใดๆ แน่นอน...

23

ชวี วถิ ี กฟผ. เพื่อการพฒั นาอย่างยั่งยืน

บ้านโคกนอ้ ย

ชมุ ชนต้นแบบโครงการชีววิถี
เพื่อการพัฒนาอย่างย่ังยนื

ชมุ ชนบา้ นโคกน้อย อำ�เภอโนนสัง จังหวดั หนองบัวลำ�ภู เปน็ ชุมชนที่อยู่
ติดกับเขื่อนอุบลรตั น์ ในช่วงฤดนู ้ำ�หลากของทกุ ปี ชมุ ชนแห่งน้จี ะไดร้ บั ผลกระทบ
จากนำ้ �ท่ีไหลเข้าอา่ งเกบ็ นำ้ �เขอ่ื นอบุ ลรัตน์เกินปริมาณ จนทำ�ใหน้ ำ้ �เอ่อล้นและ
ท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบา้ น สร้างความลำ�บากอย่างมากต่อการดำ�เนินชีวิต
และการประกอบอาชพี ของชาวบ้านทช่ี ุมชนบา้ นโคกนอ้ ย
การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รบั ร้ถู งึ ปญั หาของชาวบ้าน
ชมุ ชนบา้ นโคกนอ้ ย จึงส่งเจา้ หน้าที่ลงไปยงั พ้ืนที่เพ่อื พดู คุย รับฟงั และสร้าง
ความรคู้ วามเข้าใจแกช่ าวบา้ น ดว้ ยการนำ�โครงการชีววิถีเพ่ือการพฒั นาอย่าง
ยง่ั ยืนเข้ามาพัฒนาชมุ ชน
โครงการชีววถิ เี พื่อการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื เปน็ โครงการท่ีนอ้ มนำ�แนว
พระราชดำ�รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร
เก่ยี วกับเศรษฐกิจพอเพียงมาปรบั ใช้ในการดำ�เนินชีวติ มี 4 ดา้ น คือ ดา้ นสิง่
แวดล้อม เช่น การทำ�ปยุ๋ ชวี ภาพ ดา้ นการเลย้ี งสตั วน์ ำ้ � เชน่ การเล้ยี งปลาดุก การ
ทำ�บอ่ เลีย้ งปลาขนาดเลก็ ดา้ นการเกษตร เชน่ การปลกู ทุกอยา่ งที่เรา
กิน และดา้ นปศสุ ัตว์ เชน่ การเล้ียงเปด็ เลี้ยงไก่ เลีย้ งหมู ฯลฯ
ระยะแรกมีชาวบา้ นให้ความสนใจเพยี ง 5-6 คน เนอื่ งจาก
ชาวบ้านคนอื่นๆ ยังไมม่ ่ันใจในความสำ�เร็จของโครงการ แต่ กฟผ. ผู้ใหญบ่ ้าน
และชาวบ้านทเ่ี ข้าร่วมโครงการในระยะแรก ร่วมมอื กนั จนในท่สี ุดทุกคนทัง้ หมูบ่ า้ น

24

เหน็ ผลลัพธ์วา่ โครงการชวี วิถเี พ่ือการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืนไดผ้ ลจริง และปจั จบุ นั มี
จำ�นวนครวั เรือนท่ีดำ�เนินกจิ กรรมมากกว่าร้อยละ 80 ของหมูบ่ ้าน
หลงั จากทช่ี มุ ชนไดด้ ำ�เนนิ โครงการชวี วถิ เี พอ่ื การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื มาระยะ
หนง่ึ เหน็ ว่าสามารถประหยดั ค่าใชจ้ ่ายจากการปลูกผกั เล้ยี งปลา ฯลฯ ในพ้นื ท่ี
แปลงเล็กๆ ของแตล่ ะครวั เรอื นแล้ว ทางชุมชนอยากมอี าชพี เสรมิ เพอ่ื เพิ่มรายได้
ในครวั เรือน จึงรวมกลุม่ กอ่ ตงั้ โครงการจกั สานขนึ้ ซ่งึ ทาง กฟผ. ไดเ้ ชญิ วิทยากร
มาให้ความร้กู บั ชมุ ชนบ้านโคกนอ้ ย ทำ�ให้ชาวบา้ นมีอาชีพเสรมิ สร้างรายได้ และ
สามารถขยายองคค์ วามรู้ส่ผู อู้ ่ืน ซึง่ ทุกสงิ่ ทกุ อยา่ งทีเ่ กดิ ข้ึนนัน้ เปน็ เพราะความ
เพียรพยายาม และความตั้งใจ จนทำ�ให้ชมุ ชนบา้ นโคกน้อยสามารถพ่งึ พาตวั เอง
ได้อยา่ งยง่ั ยนื

25

ชวี วิถี กฟผ. เพอ่ื การพฒั นาอยา่ งยั่งยนื

หมอดิน...แห่งบ้านเกาะกลาง

ผพู้ ลกิ ดินป่วย จนเป็นผนื นาทอง

ข้าวปลอดสารทช่ี ื่อ “สงั ขห์ ยด”

ประวัติ คลองรั้ว ประธานโครงการขา้ วสงั ข์หยดบา้ นเกาะกลาง จงั หวัด
กระบ่ี เลา่ ถงึ ความเปน็ มาวา่ “จากเดมิ เคยทำ�งานรบั จา้ งทว่ั ไป ซง่ึ ตอนนน้ั กม็ ที ่ีนา
อยู่แต่ไม่มีคณุ ภาพ จนกระทั่งได้เจอกบั คนของ กฟผ. ที่เขา้ มาดูแลเร่อื งของชมุ ชน
และสงิ่ แวดล้อม เราก็เลยขอเขาไปอยา่ งเดียว คือเรอ่ื งของวิชาการ หลังจากนัน้
ทาง กฟผ. ก็ไดส้ ่งอาจารยเ์ ข้ามาสอน ตง้ั แตป่ ี 2551 สอนตั้งแต่หลกั วิชาการ
ทงั้ เร่อื งการทำ�ปุ๋ยชวี ภาพ (EM) สอนเร่ืองทำ�ป๋ยุ หมัก โบกาฉิ ฮอร์โมนผลไม้
การวิเคราะห์ดิน การเลือกสายพนั ธุข์ ้าวไปจนถงึ การทำ�บ่อปลาดุก การทำ�แปลง
ผัก การทำ�น้ำ�ยาซักผา้ นำ้ �ยาลา้ งจาน ยาสระผม สบู่ เพื่อฝึกให้คนที่น่ีได้สร้าง
อาชพี อย่างยัง่ ยืน เรียนรู้การใชช้ วี ติ แบบพง่ึ พาตัวเองไดแ้ ละปลอดภยั จากสารเคมี”
“ปญั หาเดิมคือ ดนิ ขาดการบำ�รงุ ชาวบ้านใช้ปยุ๋ เคมี เป็นหลกั พดู ง่ายๆ
ว่าจากทบ่ี า้ นผมไมเ่ คยปลูกอะไรได้เลย เวลานอนก็จะสะดุ้ง ถ้าฝนตกอากาศไมด่ ี
จะไมไ่ ด้ออกทะเล ก็ไมร่ ูว้ ่าจะหาอะไรกนิ แตต่ อนนเี้ รามีข้าว ปลา ผกั ต่างๆ ไว้กิน
เองไดต้ ลอด ทกุ วันน้ีผมไมต่ ้องซื้ออะไรสักอย่างมาทำ�กบั ข้าว นอกจากกระเทียม
หวั หอม เทา่ นน้ั เอง

26

ตอนเราเริ่มทดลองการทำ�ปุ๋ยหมักชีวภาพ (EM) ปีแรกกับนาข้าว
ด้วยความที่ดินที่นี่เป็นดินเค็มไม่เหมือนที่อื่น อาจารย์ก็หาวิธีทำ�ปุ๋ยที่เหมาะสม
มาให้ใช้ เราทดลองใชร้ ะหวา่ งป๋ยุ เคมี กับปยุ๋ ธรรมชาตเิ ทยี บกนั เลย รากพืชท่ีได้
จากปยุ๋ ธรรมชาติทอี่ าจารย์สอนจะไม่มสี คี ล้ำ� จะเป็นสีขาวโพลนหมด
การปลูกข้าวน้ัน ปยุ๋ เคมีไมใ่ ชป่ ัญหา ไม่ไดม้ สี ารตกคา้ ง แต่ปัญหาอยทู่ ่ี
สารพษิ จากยากำ�จัดวชั พืชตา่ งๆ ยาฆา่ แมลง ปจั จุบันท่ีนาเราไมใ่ ช้สารเคมีนเ้ี ลย
พวกเพลี้ยก็ไม่มี เพราะมันไมม่ ที ่พี ักพงิ เนือ่ งจากเราทำ�แคป่ ลี ะครงั้ พอหมดแล้วก็
หมดเลย ไมม่ ตี ้นหญ้าให้ฟกั ไข”่

27

ชวี วิถี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอยา่ งยงั่ ยนื

“สมยั ก่อนเรามขี ้าวสังขห์ ยด แต่เปน็ แบบธรรมดาคณุ ภาพไมด่ ี
กิโลกรัมละ 30 - 40 บาท หลังจากที่อาจารย์ได้เข้ามา
สอนชวี วถิ ี ร่วมกันพฒั นาดนิ และวจิ ยั ข้าวแบบทเ่ี หมาะสม
ข้าวสังขห์ ยดที่นีก่ ็เรม่ิ ขายได้ราคาดขี ้ึนเรอ่ื ยๆ จนปจั จบุ ันขาย
ไดก้ ิโลกรัมละ 100 บาท เปน็ การสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมใหก้ ับขา้ วของเรา
โดยเฉพาะลกู คา้ จากจังหวัดเชยี งใหม่และจังหวดั ขอนแกน่
อยากใหเ้ ราสง่ ไปขาย แตผ่ ลผลติ ไม่มเี หลอื ให้ส่งขาย เราขายท่ีน่ีกม็ ี
คนเข้ามาซอ้ื ข้าวจากเราไปตลอด ทำ�ขายคร่ึงหนึ่ง อกี คร่งึ หน่ึงไวก้ นิ เอง
เพราะท่ีน่ที ำ�นาได้ไม่เกนิ 800 ไร่ เนือ่ งจากนำ้ �เค็มเข้ามา ทุกวันน้ผี มขายข้าวสังข์
หยดไดต้ นั ละ 100,000 บาท เราภูมิใจขา้ วสังข์หยดท่ีนี่ ปลกู ดว้ ยปุ๋ยอินทรีย์
ลองเทียบกันดกู ับข้าวทีป่ ลกู ดว้ ยเคมี ข้าวเคมจี ะแขง็ กวา่ เยอะ”

28

ทกุ วนั นีท้ ่ีบา้ นประวัตมิ ีไกเ่ ลยี้ ง มีปลาดกุ เตม็ ท้ัง 2 บ่อ เหนือพลาสตกิ
รองบอ่ มีแปลงฟักลูกอวบใหญร่ ายรอบดว้ ยมะนาว กระเจีย๊ บ ลำ�ไย ส้มจ๊ดี และ
สารพัดพืชผักสวนครัวที่หมุนเวียนทำ�อาหารแต่ละเมนูได้ไม่รูจ้ บ
แถมท่ีแปลงนายงั มีหญ้าไว้เลย้ี งควาย ซึง่ ไถกลบเป็นป๋ยุ ไดอ้ ีกด้วย เรยี ก
ได้ว่าจากความร้ชู ีววิถี ในวันนัน้ ได้เปลยี่ นแปลงพื้นที่รอบๆ ตวั ให้เป็นพ้นื ทีแ่ หง่
ความสขุ ณ บ้านเกาะกลาง และเป็นแผ่นดินทองของขา้ วสงั ข์หยดปลอดสารพิษท่ี
อยกู่ ลางทะเล จ.กระบ”ี่

29

ชวี วิถี กฟผ. เพอ่ื การพฒั นาอย่างยงั่ ยนื

“สรา้ งชวี ิตจากชวี วิถี กลายมาเปน็ ครูผู้สอน
ความสุขปลอดสาร ใหช้ าวนาไทย”

“ความสุขท่แี ทจ้ รงิ ในวนั น้ขี องเล็ก เกิดจากการได้เปล่ียนแปลงตวั เอง
จากผรู้ ับมาเปน็ ผู้ให้ทมี่ คี วามสขุ ในทุกคร้ังท่ีไดส้ อนเรื่องสูตรจลุ ินทรีย์ หรอื
แนวคิดวธิ ีการตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวกบั ชวี วถิ ี ให้แก่ผู้อื่น เหมือนที่เราเคยได้รบั ความรมู้ า”
น่ีคอื คำ�กล่าวจากใจของจิตอาสา “คุณศิริรตั น์ มีพร้อม” ชาวนาแต่กำ�เนดิ
อำ�เภอไทรน้อย จังหวดั นนทบรุ ี จากผู้ทเ่ี คยทำ�นาโดยใชแ้ ตส่ ารเคมี วันน้ีเธอได้
ก้าวมาเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ที่สอนให้ชุมชนรจู้ ักกบั การเกษตรแบบปลอดสาร และ
เปิดให้ผ้สู นใจเขา้ มาเรียนรู้ท่แี ปลงสาธติ ของเธอได้อย่างเตม็ ภาคภมู ิ
“จุดเรม่ิ ตน้ เกิดขน้ึ เมอ่ื ประมาณปี 2549 - 2550 หลังจากทส่ี ามีลม้ ป่วย
เพราะสารเคมี ก็เลยเปน็ จุดสำ�คัญให้เปล่ยี นวิธีทำ�การเกษตร ซึ่งเปน็ ช่วงเวลาพอดี
กับทก่ี ารไฟฟ้าฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไดเ้ ข้ามาจดั อบรมเร่ืองโครงการ
ชวี วถิ เี พอ่ื การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื ทว่ี ดั ใหมผ่ ดงุ เขต อำ�เภอบางกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี
ทางเกษตรตำ�บลไดส้ ง่ ไปอบรมพอดี ก็เลยไดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากตรงนนั้ จริงๆ
ก็พยายามทำ�เกษตรแบบปลอดสารเคมีมานานแล้วต้งั แตส่ มยั ป่ยู า่ แตก่ ็ลองผดิ
ลองถกู มาตลอด หลงั จากเข้าอบรมเรากม็ คี วามสนใจท่ีจะรับอาสาใชท้ ี่นาของเรา
เปน็ แปลงสาธติ จึงสง่ เรื่องเสนอไปที่ กฟผ. ซงึ่ กฟผ. ไดพ้ ดู คยุ สอบถามขอ้ มูล
กบั เราอยู่นานพอสมควร กว่าจะลงมาชว่ ยทำ�ที่น่ีใหเ้ ปน็ แปลงสาธติ

30

โดย กฟผ. บอกว่า เขาวัดทคี่ วามต้ังใจจรงิ
เขาเหน็ เรามงุ่ ม่นั ทจ่ี ะทำ� จงึ ลงมาชว่ ยทกุ อยา่ ง
ทง้ั ดา้ นวทิ ยากรและการจดั หลกั สตู รฝกึ อบรม
ใหก้ ารสนบั สนนุ อุปกรณ์บางอยา่ ง รวมท้ัง
ใหค้ ำ�แนะนำ�ในเรอ่ื งการเกษตรอนิ ทรยี ์
การเลี้ยงสัตว์ บ่อเลย้ี งปลา กระชังกบ
และทกุ อยา่ งที่เกี่ยวขอ้ งกับการเกษตร
ผสมผสานกับ วถิ ีของเศรษฐกจิ พอเพียง
ซง่ึ กฟผ. ไดเ้ ข้ามาสอนเราตัง้ แต่ปี
2550 - 2551
หลงั จากไดเ้ รยี นรดู้ ว้ ยความเขา้ ใจถงึ แกน่ แทแ้ ลว้
จงึ นำ�มาประยุกต์ใชบ้ างอย่างตามวธิ ีของเรา ซ่งึ ความร้ทู ่ี กฟผ. สอนก็เปน็ พนื้ ฐาน
อย่างดี ให้เราหาวธิ ตี อ่ ยอดไปไดเ้ รอ่ื ยๆ ซึ่งปัจจุบันเรากย็ ังมกี ารตดิ ต่อกบั ทาง
กฟผ. อยูเ่ ป็นการแลกเปลี่ยนความรรู้ ะหวา่ งกันและกัน”
“การไดเ้ ปน็ แปลงสาธติ ภายใตโ้ ครงการชวี วถิ ฯี ของ กฟผ. เราตง้ั ใจทำ�จรงิ
อย่างสม�ำ่เสมอ ในแตล่ ะปจี ะมีคนเข้ามาดงู านของเรานบั เป็นพนั ๆ คน และมี
หลากหลายวัย บางครั้งก็เชิญเราไปเป็นวิทยากรภายนอก ก็ไปบ้าง แต่ไม่ใช่
ทุกงาน เพราะอยากใหเ้ ขาเขา้ มาชมทีแ่ ปลงสาธติ ของเรามากกว่า เน่ืองจากตรงนี้
มที กุ อย่างพร้อมอยูแ่ ลว้ บริเวณรอบๆ ชุมชนบา้ นเรา ก็จะมเี พื่อนบ้านมาปรึกษา
อยเู่ ร่ือยๆ ส่ิงทเ่ี ป็นความสขุ ที่ได้รบั จากการไดเ้ ป็นแปลงนาสาธติ นอกเหนือจาก
ผลผลติ ทดี่ ี และทำ�ให้มีสุขภาพดีเพราะปลอดสารพิษแลว้ ยงั ไดค้ วามสุขที่ไดอ้ ยู่
กับธรรมชาติ และได้ถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ทเี่ รียนมาไปให้กับคนอื่น ความสขุ ท่ีได้
เห็นเขาไดล้ องเอาไปทำ�แลว้ ประสบความสำ�เร็จ เหมอื นอย่างทีม่ ีนอ้ งคนหนง่ึ มา
พูดกับเรา ขอบคุณเรา ทที่ ำ�ให้เขามรี ายได้มากข้นึ ซงึ่ เวลาทเี่ หน็ เขามคี วามสุข
เราก็มีความสขุ ไปดว้ ย”
31

ชวี วิถี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอย่างยง่ั ยืน

“บอกได้เลยวา่ ทีเ่ รามาถึงจุดน้ี
ไดเ้ พราะ ความรูเ้ รือ่ งชวี วิถจี าก กฟผ.
ถา้ ไมเ่ จอกนั ชวี ติ คงไปตามเรอ่ื งตามราว
แตต่ อนน้ีชวี ติ มาไกลแลว้ ยงั นกึ ขอบคณุ
กฟผ. มาตลอด ทกุ วนั นเ้ี ราแลกเปลย่ี น
ความรกู้ นั เหมอื นพ่ีนอ้ งกนั อะไรทเ่ี รารู้
กพ็ รอ้ มทจ่ี ะแชร์ใหเ้ ขาฟงั อยา่ งปยุ๋ หมกั
ชวี ภาพ โบกาฉิ จลุ นิ ทรยี ์ ฮอร์โมนผลไม้
เรามสี ูตรเยอะ ก็แชร์ให้เขา เหมือนที่
เขาให้ความรู้ ท่ที ำ�ให้เราได้พบทางออก
ของชวี ิตได้อยา่ งมีความสุข ปลอดสาร
พษิ มาจนถึงทุกวันน้ี”
“การส่งต่อความรู้แนวคิด
ชีววิถี ให้กับคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
ในการที่จะได้ร่วมกันสร้างชุมชน
สังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีความสุข
อย่างยั่งยืน”

32

33

ชวี วถิ ี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอย่างย่งั ยืน

ศนู ยก์ ารเรียนรชู้ ีววิถี กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำ�ปาง

“จุดเร่ิมต้นชวี วิถที ีส่ ่งตอ่ ความรู้ สร้างปราชญช์ าวบ้านได้ไมร่ ู้จบ
เราเช่อื วา่ เมือ่ องค์ความรเู้ ชื่อมถึงกนั ความร้กู ็จะส่งผา่ นตอ่ กันได้ไมร่ ู้จบ”
เรือ่ งของความรู้นน้ั เราไม่จำ�เป็นต้องอา่ นหนงั สือบนโลกน้เี องทัง้ หมด
แต่เราสามารถเรียนรู้ได้จากการแบ่งปนั ความรู้ ถา่ ยทอดและส่งต่อถงึ กันรนุ่
แลว้ รุ่นเล่าไดเ้ ชน่ เดียวกบั ทศี่ นู ยก์ ารเรียนรูช้ ีววิถฯี ของการไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่
ประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ จ.ลำ�ปาง ทถี่ ่ายทอดความร้เู ร่อื งชีววถิ เี พอ่ื การ
พฒั นาอย่างยง่ั ยืนให้คนในชมุ ชนและชาวบ้านตา่ งถ่ินท่เี ข้ามาเรยี นรู้โดยเฉล่ียถงึ
6,000 คน/ปี บนพื้นที่กวา่ 25 ไร่ ท่มี ีทง้ั แปลงทดลองผลผลติ ทางการเกษตร
ต่างๆ ตัง้ แตก่ ารปลกู ขยายพันธุ์ รวมถึงไปถึงการแปรรปู เพ่ือใหช้ าวบา้ นนำ�ไป
ตอ่ ยอดพัฒนาอาชพี และชุมชนในถิ่นบ้านเกิด

34

บญุ เทียน หงษท์ อง หน่ึงในผู้ดูแลศนู ย์การเรยี นรชู้ วี วถิ ีฯ กฟผ. เลา่ ว่า
“ด้วยความทยี่ งั ไม่มศี ูนย์ฯ ทสี่ อนเปน็ หลกั แหลง่ ในตอนนน้ั เราเขา้ ไปแนะนำ�
ชาวบ้านทำ�เกษตร โดยตระเวนเข้าไปถามถงึ ปัญหาและความต้องการของคน
ในหมบู่ า้ น พรอ้ มกบั แนะนำ�วิธกี ารให้ พอชาวบ้านทีเ่ ราสอนในหมบู่ า้ นหน่ึงมี
ขอ้ สงสัย ก็ตอ้ งรอเรากลับมาจากอกี หมู่บา้ นหน่งึ เสยี ก่อน ผบู้ ริหาร กฟผ. จงึ ให้
จดั ตัง้ ศูนย์กลางสำ�หรับเรียนรูช้ วี วิถีฯ โดยจัดต้งั ข้ึนที่นี่ เพื่อใหช้ าวบา้ นเข้ามา
ศกึ ษาหรือถ้ามอี ะไรสงสยั ก็สามารถกลับมาดทู ี่แปลงสาธติ ได้ทุกเวลา ไม่ต้องเสีย
ค่ารถไปดงู านทีต่ า่ งจังหวดั ไกลๆ ชาวบา้ นที่น่เี องก็รู้สกึ ดีท่ีเรามีสว่ นรว่ มกับเขา
ตลอดเพราะไม่ว่าจะเปน็ เร่อื งอะไรก็แลว้ แต่ทีเ่ กยี่ วข้องกับเร่อื งผลผลติ ของเขา
เราเองก็จะรู้หมดเพราะเราอยู่รอบๆ ดนิ ฟ้า อากาศเดียวกัน และยงั เปน็ ทท่ี ่ีจะ
สร้างคนในชมุ ชนใหเ้ ปน็ ผนู้ ำ� เอาเรอื่ งชีววถิ ีไปสอนต่อไดอ้ กี ด้วย”

35

ชวี วถิ ี กฟผ. เพอื่ การพัฒนาอย่างยง่ั ยืน

ศนู ยก์ ารเรียนร้ชู วี วิถฯี กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำ�ปาง ถือว่าเป็นศนู ยก์ ารเรยี นรู้
ขนาดใหญ่ มแี ปลงสาธิตปลกู พนั ธุไ์ ม้หลากหลายพันธ์ุ รวมไปถงึ พันธุ์ไมห้ ายาก
มีแปลงสาธติ การปลูกมะนาวนอกฤดู ปลกู ผกั ตามฤดกู าล มนี าขา้ ว เพาะเหด็
เล้ยี งเปด็ ไก่ ววั จนถึงหมูหลุม บอ่ เล้ียงปลา มีสอนเรื่องพลังงานทดแทน การ
ทำ�น้ำ�สม้ ควันไม้ ทเ่ี ป็นทงั้ สารบำ�รุงดนิ และกำ�จดั ศตั รูพชื เพื่อเนน้ การทำ�เกษตร
โดยไม่ใชส้ ารเคมีและยาฆ่าแมลง สอนการใช้วัสดุจากธรรมชาตมิ าทำ�ปุ๋ยหมกั โดยใช้
จุลินทรยี ์ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ (EM) รวมถงึ การสนบั สนนุ ในเรอื่ งหัวเชือ้ EM จนเกิด
เป็นโครงการธนาคารจลุ นิ ทรยี ์ ซึง่ ก็มีหลายคนในหมู่บา้ นทเ่ี รยี นรแู้ ลว้ นำ�ไปตอ่ ยอด
อยา่ งเหน็ ได้ชัด อาทิ บา้ นหวั ฝาย และบา้ นใหมน่ าแขมซง่ึ เปน็ ชมุ ชนตน้ แบบดว้ ย

36

ชญากร วงศ์อะถะ รองนายกเทศมนตรี ต.แมเ่ มาะ เล่าวา่ “วนั หน่งึ ไดพ้ า
ผ้สู ูงอายุ ต. แม่เมาะ ซง่ึ มีปราชญ์ชาวบา้ นรวมอยู่ด้วย เข้าดงู านท่ีโครงการชวี วิถีฯ
ท่ีน่ี ไดป้ ระโยชนก์ บั คนในชมุ ชนเพราะไดแ้ ลกเปลย่ี นความรู้ซ่งึ กนั และกัน มีการ
รวบรวมสมุนไพรทั้งจากทางบ้านผ้สู ูงอายแุ ละสมุนไพรบางตวั ท่ที าง กฟผ. ไม่มี
มารวมกนั ไวท้ ่ีนี่ ใหเ้ ป็นศูนยก์ ลางการเรยี นรเู้ พอ่ื สรา้ งปราชญช์ าวบา้ นรุ่นใหม่ๆ
ใหเ้ ขามีความรูน้ ำ�ไปต่อยอดท่ีบา้ นของเขาเองได้”
ศูนยก์ ารเรยี นรู้ชวี วิถฯี กฟผ. แม่เมาะ จ.ลำ�ปาง กลายเปน็ แหลง่ รวบรวม
ความรูแ้ ละแลกเปลย่ี นการเรียนรูข้ องชุมชน พลังของความรูท้ ีส่ ามารถแบ่งปันให้
กันและกันได้น่แี หละ ทเ่ี ราเชือ่ ว่าจะช่วยสรา้ งปราชญช์ าวบ้าน และสร้างความสขุ
ให้เกดิ กับชมุ ชนไดอ้ ยา่ งย่งั ยนื ตลอดไป

37



รวมสตู ร DIY นำ้ �หมักชีวภาพ

ทสี่ ามารถทำ�ตามไดง้ ่ายๆ ดว้ ยตวั คุณเอง

ชวี วถิ ี กฟผ. เพ่ือการพฒั นาอยา่ งยั่งยนื

จลุ นิ ทรยี ท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ (EM) คอื อะไร ?

EM ไม่ใช่ปุย๋ !!

แต่เป็นสง่ิ มีชีวิตขนาดเล็กท่ชี ่วยเรง่ การย่อยสลายอินทรียวตั ถทุ ่ีมอี ยู่
ภายในดินได้รวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ และมขี นาดโมเลกลุ ทีเ่ หมาะสมตอ่ การดดู ซมึ ของพชื
จงึ ทำ�ใหม้ กี ารเจริญเติบโตไดอ้ ย่างรวดเรว็

จุลินทรีย์ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ (EM)

• ยอ่ มาจากคำ�ว่า Effective Microorganisms หมายถึง
กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ มีลกั ษณะเปน็ ของเหลวสีนำ้ �ตาล
กลิ่นหอมอมเปร้ยี วอมหวาน (เกิดจากการทำ�งานของกลมุ่ จลุ ินทรยี ์
ต่างๆ)

• หากนำ�ไปส่องดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ทม่ี ีกำ�ลัง
ขยายสงู ไม่ตำ่ �กว่า 700 เทา่ จะเหน็ จุลินทรีย์
ชนดิ ตา่ งๆ อยู่มากมาย

• เป็นกลุ่มจลุ นิ ทรยี ์ท่มี ีชวี ิต ไมส่ ามารถใช้รว่ ม
กบั สารเคมี หรือ ยาปฏิชวี นะและยาฆ่าเชือ้ ต่างๆ ได้

• ไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ สงิ่ มีชีวติ เชน่ คน สัตว์ พืช
และแมลงที่เปน็ ประโยชน์

• ช่วยปรับความสมดุลของสิง่ มีชวี ติ และส่ิงแวดล้อม
• สามารถนำ�ไปเพาะขยายเพ่ือชว่ ยแก้ปัญหาตา่ งๆ ไดด้ ้วยตนเอง

40

จลุ ินทรยี ์ชนิดไหนทอ่ี ยูใ่ นอเี อม็

คำ�ว่า จุลนิ ทรีย์หรอื แบคทีเรีย บางคนอาจเขา้ ใจว่าเป็นเช้อื โรคทเ่ี ปน็
อันตราย อย่างไรก็ตามจุลินทรยี ์ท่ีใช้ในการผลิต EM เปน็ จุลนิ ทรยี ธ์ รรมชาติ
ไมม่ จี ุลนิ ทรียก์ อ่ โรค ไม่มีสารสงั เคราะหแ์ สง และไม่ใชก่ ารตัดต่อยนี ส์ (GMOs)
ซงึ่ เปน็ โทษต่อมนษุ ย์ สตั วแ์ ละพชื ได้แก่ กลุ่มจลุ ินทรียส์ ังเคราะห์แสง แลกโต-
บาซิลัส เพนนิซีเล่ียม ไตรโคเดอมา ฟซู าเรยี ม สเตรปโตไมซิส อโซโตแบคเตอ
ไรโซเบยี ม ยีสต์ รา ฯลฯ
จุลนิ ทรยี ์ใน EM ส่วนใหญเ่ ป็นจลุ ินทรียท์ ี่ไมต่ ้องการอากาศและมพี ลัง
“แอนตอิ อกซเิ ดชั่น” ซง่ึ เป็นพลังสร้างสรรคข์ องชวี ติ ปอ้ งกันมิใหม้ กี ารทำ�ลาย
ชวี ภาพท่ีสำ�คัญของเซลล์ ปอ้ งกนั ฤทธิข์ องสารพิษไดห้ ลายชนิด รกั ษาสภาพ
ธรรมชาติของเซลล์มิให้เสื่อมสภาพ รักษาสขุ ภาพของคนและสตั ว์ มิใหเ้ ป็นโรค
หรอื เจบ็ ป่วยได้

จุลนิ ทรียม์ ี 2 ประเภท

1. ประเภทต้องการอากาศ (Aerobic Bacteria)
2. ประเภทไมต่ อ้ งการอากาศ (Anaerobic Bacteria)
จลุ ินทรียท์ ง้ั 2 กลุม่ นต้ี า่ งพ่ึงพาอาศัยซง่ึ กันและกัน และ
สามารถอยู่ร่วมกนั ได้ จากการค้นควา้ ดงั กล่าว ไดม้ ีการนำ�เอาจุลินทรีย์
ท่ีไดร้ บั การคดั และเลอื กสรรอยา่ งดจี ากธรรมชาติ ที่มีประโยชนต์ อ่
พชื สัตว์ และสงิ่ แวดล้อม มารวมกัน 5 กลมุ่ (Families) 10 จีนัส
(Genus) 80 ชนิด (Species) ได้แก่

41

ชวี วิถี กฟผ. เพือ่ การพัฒนาอยา่ งยัง่ ยืน

กลมุ่ ที่ 1 เป็นกลมุ่ จลุ ินทรียพ์ วกเชือ้ ราทมี่ เี สน้ ใย
(Filamentous fungi)

ทำ�หน้าท่เี ป็นตัวเร่งการย่อยสลาย สามารถทำ�งานไดด้ ี ในสภาพที่มี
ออกซิเจน มคี ณุ สมบตั ิต้านทานความ
ร้อนไดด้ ี ปกติใชเ้ ป็นหวั เชอ้ื ผลติ เหล้า
ผลติ ปุ๋ยหมัก ฯลฯ

กลุ่มท่ี 2 เปน็ กลมุ่ จลุ นิ ทรยี พ์ วกกลมุ่ สงั เคราะห์แสง
(Photosynthetic microorganisms)

ทำ�หน้าที่สงั เคราะหส์ ารอนิ ทรยี ์ใหแ้ กด่ ิน เช่น ไนโตรเจน (N2)
กรดอะมิโน (Amino acids)
น้ำ�ตาล (Sugar) วติ ามนิ (Vitamins)
ฮอร์โมน (Hormones) และอื่นๆ
เพอ่ื สร้างความสมบรู ณ์ใหแ้ กด่ ิน

กลมุ่ ที่ 3 เป็นกลมุ่ จลุ ินทรีย์ท่ีใช้ในการหมกั
(Zynogumic or Fermented microorganisms)

ทำ�หนา้ ทเ่ี ป็นตวั กระตุ้นให้ดนิ ตา้ นทานโรค (Diseases resistant) ฯลฯ
เขา้ สู่วงจรการยอ่ ยสลายไดด้ ี ชว่ ยลดการพังทลายของดนิ ปอ้ งกนั โรคและแมลง
ศัตรพู ืช ทัง้ ในพชื และสตั ว์ สามารถ
บำ�บัดมลพิษในนำ้ �เสียทีเ่ กดิ จาก
สง่ิ แวดลอ้ มเป็นพษิ ตา่ งๆ ได้

42

กลุม่ ที่ 4 เปน็ กลุม่ จลุ ินทรยี พ์ วกตรึงไนโตรเจน
(Nitrogen fixing microorganisms)

มีท้ังทเี่ ปน็ สาหรา่ ย (Algae) และแบคทเี รยี (Bacteria) ทำ�หนา้ ที่ตรงึ
ไนโตรเจนจากอากาศ เพื่อใหด้ ินผลติ สารท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อการเจรญิ เติบโต เช่น
โปรตีน (Protein) กรดอนิ ทรยี ์ (Organic acids) กรดไขมัน (Fatty acids)
แปง้ (Starch or Carbohydrates) ฮอร์โมน (Hormones) วติ ามนิี
(Vitamins) ฯลฯ

กลุ่มที่ 5 เป็นกล่มุ จลุ ินทรยี ์พวกสรา้ งกรดแลคติก
(Lactic acids)

มปี ระสทิ ธิภาพในการตอ่ ต้านเช้อื รา และแบคทีเรียทเ่ี ป็นโทษ สว่ นใหญ่
เป็นจลุ ินทรยี ท์ ี่ไม่ตอ้ งการอากาศหายใจ ทำ�หนา้ ทเี่ ปลยี่ นสภาพดินเน่าเปอื่ ย หรอื
ดินกอ่ โรคใหเ้ ปน็ ดนิ ท่ีตา้ นทานโรค ชว่ ยลดจำ�นวนจลุ นิ ทรยี ์ทีเ่ ป็นสาเหตขุ องโรค
พืชทีม่ จี ำ�นวนนับแสน หรือให้หมดไป นอกจากน้ียังชว่ ยยอ่ ยสลายเปลอื กเมลด็
พนั ธ์ุพชื ช่วยใหเ้ มล็ดงอกได้ดแี ละแขง็ แรงกว่าปกตอิ ีกด้วย

43

ชวี วิถี กฟผ. เพื่อการพฒั นาอย่างยั่งยืน

ลกั ษณะการผลติ

เพาะขยายจากจุลนิ ทรียท์ ม่ี ีประโยชนม์ ากกว่า 80 ชนิด จากกล่มุ
จลุ นิ ทรยี ส์ งั เคราะหแ์ สง ซ่ึงเปน็ จุลินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาตนิ ำ�มาเพาะเลี้ยง
และขยายให้จุลินทรียข์ ยายตัวด้วยปริมาณทสี่ มดลุ กันดว้ ยเทคโนโลยพี เิ ศษ
โดยใช้อาหารจากธรรมชาติ เชน่ โปรตีน รำ�ขา้ ว และสารประกอบอ่ืน ที่ไม่เป็น
อนั ตรายต่อสิง่ มีชวี ิต

วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของการใช้จลุ นิ ทรีย์ทมี่ ีประสิทธภิ าพ

1. ลดตน้ ทนุ การผลิต
2. ผลผลิตปลอดสารพิษและสารเคมี รักษาสิ่งแวดลอ้ ม
3. ผลผลิตสงู มีคณุ คา่ ทางโภชนาการ และรสชาติดี
4. สขุ ภาพผูผ้ ลติ และผูบ้ ริโภคแขง็ แรงมพี ลานามัยดี
5. ช่วยเหลอื ดา้ นเศรษฐกิจและจิตใจของผูผ้ ลติ และผ้บู รโิ ภค

พฒั นาคณุ ภาพชวี ิต
6. เปน็ วิธงี ่ายๆ ใครก็ทำ�ได้

44

การเก็บรกั ษาจลุ นิ ทรีย์

สามารถเก็บรกั ษาไว้ไดน้ าน อยา่ งน้อย 6 เดือน ในอณุ หภมู หิ ้องปกติ ไม่
เกิน 46 - 50 องศาเซลเซียส ต้องปิดฝาให้สนทิ อยา่ ให้อากาศเข้าและอย่าทิง้ ไว้
กลางแดด อย่าเก็บไว้ในตเู้ ย็น ทุกครั้งท่แี บง่ ไปใช้ต้องรีบปิดฝาใหส้ นทิ เพอื่ ไม่ให้
เชือ้ โรค หรือจุลนิ ทรยี ์ในอากาศท่เี ปน็ โทษ เข้าไปปะปน การนำ� EM ไปขยายต่อ
ควรใช้ภาชนะทส่ี ะอาดและใช้ให้หมดภายในเวลาทีเ่ หมาะสม หัวเชอ้ื EM สามารถ
เก็บได้ประมาณ 1 ปี โดยปดิ ฝาให้สนทิ

ข้อสงั เกตพิเศษ

• หาก EM เป็นสดี ำ� มีกล่ินเหม็นเน่า ถือว่า EM ตาย ไมส่ ามารถใช้
ประโยชน์ไดอ้ กี ใหน้ ำ� EM ทเ่ี สยี ผสมนำ้ � ใชร้ ดกำ�จัดหญา้ และวัชพชื
ที่ ไม่ต้องการได้

• กรณเี ก็บไว้นานๆ จะมีฝ้าขาวเหนือผิวน้ำ� แสดงวา่ EM พักตัว เมอื่
เขยา่ ภาชนะ ฝา้ สีขาวจะสลายตัวกลบั ไปอยใู่ นนำ้ �เหมือนเดิม นำ�ไปใช้ได้

• เม่อื นำ�ไปขยายเชอื้ ในน้ำ�และกากนำ้ �ตาล จะมีกล่ินหอมและเปน็ ฟอง
ขาวๆ ภายใน 2 - 3 วนั ถา้ ไมม่ ฟี อง น้ำ�นง่ิ สนิท แสดงว่าการหมัก
ขยายเชอ้ื ยังไม่ไดผ้ ล
45

ชวี วิถี กฟผ. เพ่ือการพัฒนาอย่างยง่ั ยืน

ประโยชนข์ องจลุ นิ ทรยี ์โดยทั่วไป

ดา้ นการประมง

1. ชว่ ยควบคุมคณุ ภาพในบ่อเลีย้ งสัตว์นำ้ �ได้
2. ชว่ ยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำ�ทีเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ กงุ้ ปลา กบ

หรอื สตั วน์ ้ำ�ทเี่ ลยี้ งได้
3. ช่วยรกั ษาโรคแผลต่างๆ ในปลา กบ จระเข้ ฯลฯ ได้
4. ช่วยลดปริมาณขเ้ี ลนในบ่อ และทำ�ใหเ้ ลนไมเ่ น่าเหมน็

สามารถนำ�ไปผสมปยุ๋ หมักใช้สำ�หรบั พืชตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งดี

ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม

1. ชว่ ยปรับสภาพเศษอาหารจากครัวเรอื น ให้กลายเปน็ ปุ๋ยที่มีประโยชน์
ต่อพชื ผักได้

2. ชว่ ยปรบั สภาพนำ้ �เสยี จากอาคารบา้ นเรอื น โรงงาน โรงแรม
หรอื แหลง่ นำ้ �เสียได้

3. ชว่ ยดบั กลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หมักหมมมานานได้

46

ด้านการเกษตร

1. ช่วยปรับสภาพความเปน็ กรด - ด่างในดินและนำ้ �
2. ช่วยแก้ปญั หาจากแมลงศตั รูพชื และโรคระบาดต่างๆ
3. ช่วยปรบั สภาพดินให้ร่วนซยุ อุ้มน้ำ� และอากาศผ่านไดด้ ี
4. ชว่ ยย่อยสลายอินทรียวัตถุ เพือ่ ใหเ้ ปน็ ปุ๋ย (อาหาร) แก่พชื

และสามารถดูดซึมไปเปน็ อาหารได้ดี ไมต่ อ้ งใชพ้ ลังงานมาก
เหมอื นการใหป้ ุ๋ยวทิ ยาศาสตร์
5. ช่วยสรา้ งฮอร์โมนพืช ใหพ้ ชื มผี ลผลิตสงู และคณุ ภาพดีขนึ้
6. ชว่ ยให้ผลผลติ คงทน สามารถเกบ็ รักษาไว้ได้นาน มีประโยชนต์ ่อการ
ขนสง่ ไกลๆ เช่น สง่ ออกต่างประเทศ

ดา้ นปศสุ ัตว์

1. ชว่ ยกำ�จดั กลิ่นเหมน็ จากฟาร์มปศสุ ตั ว์ ได้ภายในเวลา 24 ชว่ั โมง
2. ช่วยกำ�จัดนำ้ �เสียจากฟาร์มไดภ้ ายใน 1 - 2 สัปดาห์
3. ชว่ ยกำ�จัดแมลงวนั โดยการตดั วงจรชีวิตของหนอนแมลงวนั

ไมใ่ หเ้ ขา้ ดกั แด้เกิดเปน็ ตวั แมลงวนั
4. ชว่ ยปอ้ งกนั การเกิดอหิวาตกโรค และโรคระบาดตา่ งๆ ในสตั ว์ แทน

ยาปฏิชีวนะ และอ่ืนๆ ได้
5. ชว่ ยเสรมิ สุขภาพสัตวเ์ ล้ียง ทำ�ให้สัตวแ์ ข็งแรง มีความตา้ นทานโรคสูง

ให้ผลผลติ สูง อตั ราการตายต่ำ�
47

ชวี วิถี กฟผ. เพือ่ การพัฒนาอยา่ งย่งั ยืน

วิธที ำ� EM Ball (ดงั โงะ)

เพ่อื การบำ�บดั นำ้ �เสยี ในแหล่งนำ้ �ท่มี โี คลนตะกอน มีนำ้ �ไหล หรือนำ้ �ลึก
ให้ได้ผลดกี วา่ การใช้ EM ขยาย หรอื จะใช้ทัง้ EM Ball และ EM ขยาย ร่วมกัน
กจ็ ะไดผ้ ลดยี ิ่งขนึ้

ส่วนผสม สว่ นที่ 1

รำ�ละเอียด 1 สว่ น
แกลบป่น หรอื รำ�หยาบ 1 สว่ น
ดนิ ทราย 1 ส่วน
*ใช้โบกาฉิ แทนส่วนที่ 1 หรอื ใช้โคลนตะกอน แทนดินทรายได้

สว่ นผสม สว่ นท่ี 2

EM 10 ชอ้ นแกง / นำ้ � 10 ลิตร
วดั ความช้ืนพอเหมาะ ป้ันเปน็ กอ้ นกลม (*หรือดัดแปลงไดต้ ามความตอ้ งการ)
นำ�ไปวางไว้ในท่รี ม่ จนแห้งสนทิ ควรเก็บไว้อกี 10 - 15 วนั เพ่อื ให้เช้อื
เรม่ิ ทำ�งานใหเ้ ต็มที่ แล้วนำ�ไปใช้

อตั ราการใช้ EM Ball

1. นำ้ �เสยี จากอาคารบา้ นเรอื น บ่อเกรอะ ท่อพกั นำ้ �ทงิ้ บอ่ ดกั ไขมัน
และบ่อนำ้ �เสียรวม
- ใช้ EM Ball 1 กอ้ น/นำ้ �เสยี 2 - 4 ลกู บาศกเ์ มตร ลกึ ไมเ่ กนิ 3 เมตร
- ใส่ 15 - 30 วัน/คร้ัง

48

2. บ่อปลา บอ่ กงุ้ กระชงั เลี้ยงปลา คูคลอง แมน่ ้ำ�
- ใช้ EM Ball 1 ก้อน/พนื้ ท่ี 5 - 10 ตารางเมตร ลกึ ไมเ่ กนิ 2 เมตร
- ใสท่ กุ 2 - 3 ครั้ง/เดือน ชว่ ยยอ่ ยสลายโคลนตะกอน
ลดแอมโมเนียในบ่อ สร้างไรแดงและแพลงก์ตอนพชื เป็นอาหาร
ของปลาและสัตว์นำ้ �อ่ืนๆ

3. บ่อบำ�บดั น้ำ�เสยี โรงงานอุตสาหกรรม
3.1 บอ่ ปูนซเี มนต์ น้ำ�เสยี มาก มีกล่ินเนา่ เหมน็
- ใช้ EM Ball 1 ก้อน/น้ำ�เสยี 2 - 3 ลูกบาศกเ์ มตร
ลึกไมเ่ กิน 3 เมตร
- ใส่ 1 ครั้ง/เดือน
3.2 บ่อดนิ
- ใช้ EM Ball 1 กอ้ น/พน้ื ท่ี 2 - 5 ตารางเมตร ลกึ ไมเ่ กนิ 3 เมตร
- ใส่ 1 ครั้ง/เดอื น ชว่ ยเร่งยอ่ ยสลายตะกอน กำ�จดั กลิ่นเนา่ เหม็น
ปรบั ค่า PH ในนำ้ �ใหส้ มดลุ เพ่ือให้น้ำ�สะอาดไดน้ านขึ้น

4. นำ้ �เสยี จากสถานประกอบการ โรงอาหาร โรงแรม โรงพยาบาล
4.1 บอ่ ดักไขมัน บอ่ พกั นำ้ �ท้ิง
- ใช้ EM Ball 1 ก้อน/นำ้ �เสีย 1 ลกู บาศกเ์ มตร
- ใส่ทกุ 15 - 30 วนั /ครง้ั ช่วยยอ่ ยสลายไขมนั
และกำ�จัดกลิ่นเน่าเหม็น
4.2 บ่อบำ�บดั น้ำ�เสยี รวม
- ใช้ EM Ball 1 กอ้ น/น้ำ�เสีย 3 - 5 ลูกบาศก์เมตร
- ใส่ 1 ครัง้ /เดอื น ชว่ ยยอ่ ยสลายสิ่งปฏกิ ูลหรอื ของเสยี กน้ บ่อ
และกำ�จัดกลิ่นเหมน็

49

ชวี วิถี กฟผ. เพ่ือการพัฒนาอย่างย่ังยนื

การทำ�โบกาฉิ (ปยุ๋ แห้ง)

สว่ นผสม 1 ส่วน (กระสอบ)
1 สว่ น (กระสอบ)
มูลสัตว์แหง้ 1 ส่วน (กระสอบ)
แกลบดบิ 20 ซีซี (หรือ 2 ช้อนโต๊ะ)
รำ�ละเอียด 20 ซีซี (หรือ 2 ชอ้ นโตะ๊ )
จลุ นิ ทรยี ์ที่มปี ระสิทธภิ าพ (EM) 10 ลติ ร
กากนำ้ �ตาล
น้ำ�สะอาด

วิธีการทำ�

1. เตรยี มจุลินทรีย์ EM กากน้ำ�ตาล และน้ำ�สะอาด ผสมไว้ในถัง
2. นำ�มูลสัตวแ์ ห้ง และรำ�ละเอยี ด ผสมคลกุ เคล้าใหเ้ ข้ากนั
3. นำ�แกลบดบิ ใส่ลงในนำ้ �จุลนิ ทรีย์ EM ในขอ้ 1 จุม่ ให้เปยี กพอหมาดๆ

นำ�มาคลกุ เคลา้ กบั ส่วนผสมในขอ้ ท่ี 2 ให้เข้ากัน จะได้ความชน้ื
40 - 50 % กำ�แลว้ ไม่มีนำ้ �หยดออกจากงา่ มมือ
4. เอาสว่ นผสมทั้งหมดบรรจลุ งในกระสอบป่าน หรือถงุ ปุ๋ย โดยบรรจุ
ลงไป 3 ใน 4 ของกระสอบ ไมต่ อ้ งอดั ใหแ้ น่น วางไว้ที่ไม่ช้ืนแฉะ
ไมโ่ ดนแดดโดยตรง พลิกกลบั กระสอบทกุ วนั จนปุ๋ยแหง้ สนิทสามารถ
นำ�มาใช้ได้ หรอื วางส่วนผสมทั้งหมดบนพ้ืน แผ่ออกให้หนาประมาณ
1 - 2 น้วิ แลว้ คลมุ ด้วยถุงป๋ยุ หรอื กระสอบปา่ น ไมโ่ ดนแดดโดยตรง
พลกิ กลับกองปุ๋ยทุกวัน จนกวา่ ปยุ๋ แห้งสนทิ สามารถนำ�กลบั มาใช้ได้
5. การเก็บรกั ษาเม่ือโบกาฉแิ หง้ สนิท ควรเก็บรักษาในทีร่ ม่ ไมโ่ ดนฝน
และไมโ่ ดนแดด สามารถเก็บไว้ใช้ไดน้ านประมาณ 1 ปี

50


Click to View FlipBook Version