แบบบนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาสง่ เสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหน่ง …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 10 รายวชิ าหนา้ ท่พี ลเมอื ง
สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
รหสั วิชา ส 23235
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563
เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรอ่ื งที่ 2 ความสำคญั ของวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ัติตนตามหนา้ ทข่ี องการเปน็ พลเมอื งดี มีคา่ นิยมที่ดงี าม และธำรงรกั ษาประเพณี
และวฒั นธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยูร่ ว่ มกนั ในสังคมไทย และ สงั คมโลกอย่างสนั ตสิ ขุ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
วฒั นธรรมไทยและภูมปิ ัญญาไทยมีความสำคัญตอ่ วิถีการดำเนินชวี ติ ของชาวไทย
3. ตัวชี้วดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ตวั ชี้วัด
ส 2.1 ม.3/3 อนุรักษว์ ัฒนธรรมไทยและเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลทเี่ หมาะสม
3.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้
1) เสนอแนวทางการอนรุ กั ษแ์ ละมีสว่ นร่วมในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและภมู ิปญั ญาไทยได้
4. สาระการเรียนรู้
การอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยท่ีเหมาะสม
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1.) ทกั ษะกระบวนการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ
5.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงา
4. รกั ความเปน็ ไทย
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ิศ
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ครูให้นักเรยี นรอ้ งเพลงเก่ยี วกบั วฒั นธรรมไทย เช่น เพลงลอยกระทง เพลงรำวงเก่ยี วขา้ ว
2. ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหข์ ้อคิดที่ไดจ้ ากเนอ้ื เพลง และตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
นกั เรยี นร้จู กั เพลงไทยเดมิ หรอื เพลงไทยทใี่ หข้ อ้ คิดเกย่ี วกับวิถีการดำเนินชีวติ ของคนไทยเพลงใดบ้าง
ยกตวั อยา่ ง (พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
3. ครูอธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า เนอ้ื เพลงดงั กลา่ วแสดงถึงวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยท่ีสัง่ สม
มาจากบรรพบุรษุ ไทย
4. ครใู หน้ กั เรียนกลมุ่ เดมิ รว่ มกันศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง การอนรุ กั ษ์ วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย จาก
หนังสอื เรยี น
5. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายประเดน็ สำคญั ของขอ้ มลู ทไ่ี ดศ้ ึกษามา และตอบคำถามกระตนุ้
ความคิด
การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทยให้ได้ผลดนี ัน้ ตอ้ งได้รับความร่วมมอื จากฝา่ ยใด
(องค์กรของรฐั องค์กรเอกชน และประชาชนทุกคน)
6. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ นำขา่ วหรอื ภาพขา่ ว (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1) มาวิเคราะหแ์ ละตอบคำถาม
ตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดในใบงานที่ 3.2 เร่อื ง การอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
7. ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอใบงานที่ 3.2 หนา้ ชัน้ เรียน ครูตรวจสอบความถูกต้อง
8. สมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั เลือกแนวทางในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทย แลว้ นำไปปฏิบตั ิ
ในระยะเวลาท่ตี กลงกับครู
9. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มมอื กันปฏบิ ตั ติ นในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทยตามทต่ี กลงกนั
แลว้ บนั ทึกการปฏิบตั ิ นำสง่ ครตู ามระยะเวลาท่กี ำหนด
10. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปแนวทางในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย และตอบคำถาม
กระตุ้นความคิด ขอ้ 1-2
1) นักเรยี นปฏิบตั ิตนในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยและภูมปิ ญั ญาไทยไดอ้ ย่างไรบ้าง และคาด
วา่ จะมีผลดอี ย่างไร (พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน)
2) นักเรยี นคดิ วา่ ถา้ คนไทยทกุ คนรว่ มมือกนั อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทยและภมู ิปญั ญาไทย
จะส่งผลต่อการดำเนนิ ชวี ติ ของคนไทยอยา่ งไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
8. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมือ เกณฑ์
ใบงานที่ 3.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วิธกี าร แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 3.2 แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มั่นใน
การทำงาน และรกั ความเป็นไทย
9.สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้
9.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียน หน้าทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชีวติ ในสังคม ม.3
2) เอกสารประกอบการสอน
3) ใบงานท่ี 3.2 เร่อื ง การอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทย
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ
- http://www.m-culture.go.th/knowlage-wisdom-all.php?m_id=103
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ิศ
เอกสารประกอบการสอน
แบบบนั ทกึ การปฏบิ ตั ติ นในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
คำชแ้ี จง 1. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ เสนอแนวทางการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย
2. นกั เรยี นในกลมุ่ เลือกแนวทางการปฏบิ ตั ิตนแลว้ บันทกึ ผลการปฏบิ ตั พิ ร้อมหลกั ฐานประกอบ
ลำดบั ที่
1. (ตัวอย่าง)
2.
3. กจิ กรรม/พฤตกิ รรม การเลอื ก/ตดั สนิ ใจ ผลการ หลกั ฐาน
นำไปปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั ิ
พูด/สือ่ สารภาษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง
เข้าร่วมกจิ กรรมวันลอยกระทง
กบั ทางโรงเรยี น
จัดทำแผน่ พับเผยแพร่
ภูมปิ ญั ญาไทยชนดิ ต่าง ๆ ฯลฯ
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ิศ
เพลง ลอยกระทง
คณะสนุ ทราภรณ์
วนั เพญ็ เดือนสบิ สอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราท้ังหลายชายหญงิ สนกุ กันจริงวันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอย กระทง ลอยกระทงกนั แล้วขอเชญิ นอ้ งแกว้ ออกมารำวง รำวง วนั ลอยกระทง
รำวง วนั ลอยกระทง บุญจะสง่ ใหเ้ ราสขุ ใจ บญุ จะสง่ ให้เราสขุ ใจ
วันเพญ็ เดือนสิบสอง น้ำกน็ องเตม็ ตล่ิง เราท้ังหลายชายหญิง สนกุ กันจริงวันลอยกระทง
ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแลว้ ขอเชิญนอ้ งแก้วออกมารำวง รำวงวนั ลอยกระทง
รำวงวนั ลอยกระทง บญุ จะส่งใหเ้ ราสุขใจ บญุ จะสง่ ใหเ้ ราสุขใจ
เพลง รำวงเกยี่ วขา้ ว
คำรอ้ ง เอบิ ประไพเพลงผสม ทำนอง เออ้ื สนุ ทรสนาน
(สรอ้ ย) เก่ียวเถอะนะแมเ่ กยี่ ว เกีย่ วเถอะนะแม่เก่ยี ว อย่ามวั แลเหลียว เดยี๋ วเคยี วจะบาดก้อยเอย (2 เทีย่ ว)
ชาย ร่วมใจเดยี ว ขอเชิญมาเกยี่ วข้าวกนั แมช่ ืน่ ใจฉนั ดวงชวี นั ชว่ ยกันลงแรง เชญิ มารวมรว่ มใจ
นอ้ งอยา่ ไดร้ ะแวง อย่ามัวคลางแคลง ขอแรงคนงามเก่ยี วตามชอบใจ
(สรอ้ ย) เกี่ยวเถอะนะแมเ่ กย่ี ว เกย่ี วเถอะนะแม่เก่ียว อยา่ มวั แลเหลียว เดย๋ี วเคยี วจะบาดก้อยเอย (2 เทย่ี ว)
หญงิ ไดฟ้ ังเชญิ เสยี งชายมาเกริ่นเชญิ ชวน จิตใจรญั จวน ฟงั เชญิ ชวนปนั่ ปว่ นฤทัย ชายมาวอนลงแรง
นึกระแวงแคลงใจ พดู จาปราศรยั นำ้ ใจไม่จรงิ หลอกหญงิ ใหเ้ พลิน
(สรอ้ ย) เก่ียวเถอะนะแมเ่ กยี่ ว เก่ยี วเถอะนะแม่เก่ียว อย่ามวั แลเหลยี ว เดย๋ี วเคยี วจะบาดก้อยเอย (2 เทยี่ ว)
ชาย แมง่ ามงอน นอ้ งฟังดูกอ่ นเปน็ ไร ถ้อยคำปราศรยั ความจรงิ ใจพี่ไมล่ ่วงเกิน รักจรงิ จริงดวงใจ
นอ้ งอยา่ ไดท้ ำเมินแกลง้ ทำหา่ งเหนิ ขอเชญิ คนดปี รานเี มตตา
(สรอ้ ย) เก่ยี วเถอะนะแมเ่ กยี่ ว เก่ียวเถอะนะแมเ่ กี่ยว อยา่ มวั แลเหลยี ว เดย๋ี วเคียวจะบาดก้อยเอย (2 เที่ยว)
หญงิ ช่นื ใจจริง นอ้ งยงั เกรงกร่งิ ในใจ
ชาย แม่งามทรามวยั จงวางใจเชอื่ ในวาจา
หญงิ ฟงั คารมชมชื่น หวานระรื่นวิญญาณ์
ชาย โอ้ ยอดชีวา นอ้ งมายินดกี ับพเ่ี ถดิ เอย
(สรอ้ ย) เกย่ี วเถอะนะแมเ่ กยี่ ว เกี่ยวเถอะนะแม่เกย่ี ว อยา่ มวั แลเหลียว เดย๋ี วเคียวจะบาดก้อยเอย (2 เท่ียว)
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ิศ
แบบบนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาสง่ เสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหน่ง …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 11 รายวชิ าหน้าที่พลเมอื ง
สาระการเรยี นร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
รหสั วชิ า ส 23235
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563
เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื งท่ี 3 ความสำคญั ของวฒั นธรรมสากล
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ตั ติ นตามหนา้ ทข่ี องการเป็นพลเมอื งดี มคี า่ นิยมทดี่ งี าม และธำรงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ิตอยูร่ ว่ มกันในสงั คมไทย และ สงั คมโลกอยา่ งสันตสิ ุข
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
วฒั นธรรมสากลเป็นสง่ิ ท่มี คี ณุ ค่าในการพัฒนาความเจรญิ รงุ่ เรอื งในดา้ นตา่ งๆ ท้งั ในดา้ นวตั ถแุ ละจิตใจของ
มวลมนุษยใ์ นโลก
3. ตวั ชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ตวั ชว้ี ัด
ส 2.1 ม.3/3 อนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยและเลอื กรับวัฒนธรรมสากลท่เี หมาะสม
3.2 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1) เสนอแนวทางการอนุรักษ์และมสี ว่ นรว่ มในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทยและภมู ปิ ญั ญาไทยได้
4. สาระการเรยี นรู้
ความสำคญั ของวฒั นธรรมสากล
5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1.) ทกั ษะกระบวนการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
5.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงา
4. รกั ความเปน็ ไทย
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนดูภาพเก่ยี วกบั วฒั นธรรมสากล แลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหภ์ าพว่า ภาพตา่ งๆ มีผล
ต่อการดำรงชีวติ ของคนในปจั จบุ นั อย่างไรบา้ ง
2. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
วัฒนธรรมตะวันตกทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ การดำรงชีวิตของชาวไทย ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
(ทอี่ ยู่อาศยั การแตง่ กาย อาหาร ภาษา องค์ความรู้)
3. ครอู ธิบายเชอื่ มโยงให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ ภาพวัฒนธรรมดังกลา่ วจดั เป็นสว่ นหนงึ่ ของวฒั นธรรมสากลท่ี
ประเทศไทยไดร้ บั วัฒนธรรมดงั กลา่ วเขา้ มาเปน็ สว่ นหน่ึงของสงั คมไทย
4. ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นเข้าใจถงึ ความหมายและความสำคญั ของวฒั นธรรมสากล
5. นกั เรยี นกลุ่มเดมิ เลอื กหัวหนา้ กลุ่มและแบง่ หน้าที่ความรบั ผดิ ชอบให้ สมาชิกในกลมุ่ ศกึ ษาความรจู้ าก
หนงั สอื เรียน ตามหวั ขอ้ ทกี่ ำหนด ดงั นี้
1) ความสำคัญของวัฒนธรรมสากล
2) การกำเนดิ วฒั นธรรมสากล
6. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
ทำไมจงึ กล่าววา่ วฒั นธรรมตะวันตกมคี วามสำคญั ต่อชาวโลก
(เพราะทำให้มผี ลตอ่ การพัฒนาความเจริญของประเทศ อนั เน่อื งมาจากการคดิ คน้ เทคโนโลยีประเภทต่างๆ)
7. สมาชิกแต่ละกลมุ่ วางแผนการทำงานและกำหนดหนา้ ที่ของสมาชิกในการทำใบงานที่ 3.3 เรอ่ื ง
วฒั นธรรมสากล โดยแบง่ ความรบั ผิดชอบในการตอบคำถาม คนละ 1 ข้อ
8. สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ ตอบคำถามในใบงานที่ 3.3 แล้วทบทวนความถกู ต้อง จากน้นั ให้สมาชกิ
แตล่ ะคนผลัดกนั อภิปรายคำตอบของตนเองในการตอบคำถามในใบงาน ข้อที่ 1-5 ใหส้ มาชิกคนอื่นฟังและ
ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง
9. ครูและนักเรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบในใบงานท่ี 3.3 และชว่ ยกนั สรปุ ความสำคัญของวัฒนธรรมสากล
ตอ่ การดำรงชวี ติ ของมนษุ ย์ พรอ้ มกับตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด ข้อ 1-3
1) นักเรยี นมวี ิธีการเลอื กรบั วฒั นธรรมตะวนั ตกอย่างเหมาะสมอย่างไรบา้ ง
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผูส้ อน)
2) ทำไมจึงตอ้ งเลอื กรับวฒั นธรรมตะวนั ตก
(เพราะวฒั นธรรมบางอยา่ งไม่เหมาะสมกบั การดำเนนิ ชวี ติ ของคนไทย)
3) นักเรยี นประทบั ใจวัฒนธรรมตะวนั ตกในเรอื่ งใด ทำไมจึงมคี วามประทบั ใจ
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู ้สู อน)
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
10. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ แสวงหาความรูใ้ นหอ้ งสมุดหรอื จากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศกี่ยวกบั
วฒั นธรรมสากลที่นักเรยี นประทับใจและยอมรับ เพอ่ื มานำเสนอในชว่ั โมงเรียนต่อไป
8. การวดั และประเมินผล
วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 3.3 ใบงานที่ 3.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ ใน
การทำงาน และรกั ความเปน็ ไทย
9.สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม.3
2) บตั รภาพ
3) ใบงานท่ี 3.3 เร่ือง วัฒนธรรมสากล
9.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ
- http://th.wikipedia.org/wiki/
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
บัตรภาพ
ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2
ภาพท่ี 3 ภาพที่ 4
ภาพที่ 5 ภาพท่ี 6
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรยี นรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
แบบบนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาสง่ เสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหน่ง …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 12 รายวชิ าหน้าท่พี ลเมอื ง
สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3
รหสั วชิ า ส 23235
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563
เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื งท่ี 4 วฒั นธรรมสากลกบั การดำเนนิ ชวี ติ ในสังคมไทย
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ติ นตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมท่ดี งี าม และธำรงรกั ษาประเพณี
และวฒั นธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยูร่ ว่ มกนั ในสังคมไทย และ สังคมโลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
วัฒนธรรมสากลเปน็ สง่ิ ที่มีคุณคา่ ในการพฒั นาความเจรญิ รุง่ เรอื งในด้านตา่ งๆ ทง้ั ในดา้ นวตั ถแุ ละจติ ใจของ
มวลมนษุ ยใ์ นโลก
3. ตวั ชว้ี ัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ตัวช้วี ัด
ส 2.1 ม.3/3 อนุรกั ษว์ ัฒนธรรมไทยและเลอื กรบั วัฒนธรรมสากลทีเ่ หมาะสม
3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1) วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของวัฒนธรรมสากลท่มี ผี ลตอ่ การดำเนินชวี ิตในสงั คมไทยได้
2) เสนอแนวทางการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสมได้
4. สาระการเรยี นรู้
การเลอื กรบั วฒั นธรรมสากลท่ีเหมาะสม
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1.) ทักษะกระบวนการคิดอย่างมวี ิจารณญาณ
5.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงา
4. รกั ความเปน็ ไทย
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
1. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2
1) นกั เรยี นคดิ วา่ วัฒนธรรมตะวนั ตกในเรอ่ื งใดที่เหมาะสมต่อการนำมาประยุกต์ใชใ้ น
สังคมไทย อธบิ ายเหตุผล
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
2) ทำไมประเทศตา่ งๆ ในโลก จงึ ใหค้ วามสำคญั ตอ่ วัฒนธรรมตะวนั ตก
(เพราะดินแดนทางซีกโลกตะวนั ตกเปน็ แหลง่ ทมี่ อี ารยธรรมรุ่งเรืองมาเปน็ เวลายาวนาน)
2. ครใู ห้นกั เรยี นดภู าพเก่ียวกบั วัฒนธรรมธรรมของชาวตะวันตกที่มีการกระทำทเี่ หมาะสมและไม่
เหมาะสมกับสังคมไทย เช่น ภาพชาวตะวนั ตกชมการแสดงดนตรี ภาพการแต่งกายของชาวตะวนั ตก เปน็ ตน้
3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะหแ์ ละแสดงเหตผุ ลวา่ ภาพใดเป็นภาพที่เหมาะสมทีจ่ ะนำมาประยุกต์
ปฏิบตั ิในสังคมไทย
4. นักเรียนกลมุ่ เดิม นำภาพวฒั นธรรมสากลทนี่ ักเรยี นประทับใจวา่ เป็นสง่ิ ทดี่ แี ละยอมรบั ได้มาวิเคราะห์
แล้วตอบคำถามลงในใบงานที่ 3.4 เรื่อง แนวทางการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล
5. สมาชิกแต่ละกลุม่ ชว่ ยกันกำหนดแนวทางการปฏบิ ัตติ นเกี่ยวกับการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม และการเลือก
รบั วัฒนธรรมสากล เพอ่ื นำไปปฏบิ ตั ิในการดำเนนิ ชวี ิต
6. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนปฏบิ ัติตนเก่ียวกับการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย และเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล
7. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ข้อ 1-2
1) ภูมปิ ญั ญาไทยทก่ี ลายเป็นภมู ิปญั ญาสากล ได้แกอ่ ะไรบา้ ง
(อาหารไทย สถาปัตยกรรมไทย)
2) นักเรียนมวี ิธกี ารเลือกรบั วัฒนธรรมสากลอย่างไร
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
8. นกั เรียนทกุ คนทำแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3
ครมู อบหมายให้นักเรยี นแตล่ ะคนรายงานผลการปฏบิ ตั ติ นกย่ี วกับการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทย
และเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามที่กำหนด ดังนี้
1) การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
2) การเลอื กรับวฒั นธรรมสากล
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
8. การวัดและประเมินผล
วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 3.4 ใบงานท่ี 3.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมัน่ ใน แบบประเมนิ รายงานการปฏบิ ัติตนในการ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
การทำงาน และรกั ความเปน็ ไทย อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม และเลอื กรับวัฒนธรรม
ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการ สากล
เรียนรทู้ ี่ 3
ตรวจรายงานการปฏบิ ัตติ นในการ
อนุรักษว์ ัฒนธรรม และเลอื กรับ
วัฒนธรรมสากล
9.ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
9.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียน หน้าท่ีพลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม ม.3
2) บัตรภาพ
3) ใบงานที่ 3.4 แนวทางการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล
9.2 แหล่งการเรยี นรู้
—
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ ................................................................................................................ชั้น............เลขท่ี.........................
การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมนิ รายงานการปฏบิ ตั ติ นในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย และเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล
ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
432
1 การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
2 การเลอื กรับวัฒนธรรมสากล
รวม
ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
ดมี าก = 4 คะแนน
ดี = 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ = 2 คะแนน
ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 8 ดีมาก
6 - 7 ดี
4 - 5 พอใช้
ต่ำกวา่ 4 ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
บัตรภาพ
ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2
ภาพท่ี 3 ภาพท่ี 4
ภาพที่ 5 ภาพที่ 6
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรยี นรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
แบบบนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาสง่ เสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหน่ง …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 13 รายวิชาหน้าทพ่ี ลเมอื ง
สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
รหสั วิชา ส 23235
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563
เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เรอื่ งท่ี 1 สถาบนั ในสงั คมไทย
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตนตามหน้าทีข่ องการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นิยมทดี่ ีงาม และธำรงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยู่รว่ มกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอย่างสันตสิ ุข
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
สถาบนั ทางสงั คมไทยมบี ทบาทหนา้ ที่สำคัญในการขัดเกลาสมาชกิ ในสงั คมใหอ้ ย่รู ว่ มกนั อยา่ งปกติสุข
ลดความขัดแยง้ ระหว่างกนั
3. ตวั ชีว้ ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ตัวชีว้ ัด
ส 2.1 ม.3/4 วิเคราะหป์ จั จัยท่กี ่อใหเ้ กิดปญั หาความขดั แย้งในประเทศ และเสนอแนวคดิ ใน
การลดความขัดแย้ง
3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1)อธิบายบทบาทหนา้ ทข่ี องสถาบนั ในสงั คมไทยซึ่งมสี ว่ นรว่ มมอื กันในการแก้ปญั หาความขัดแย้งได้
4. สาระการเรยี นรู้
ปจั จยั ที่กอ่ ใหเ้ กิดความขัดแยง้ เช่น การเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม ความเชอ่ื
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1.) ทกั ษะการวเิ คราะห์
5.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรียนร้สู งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. นกั เรียนทกุ คนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4
2. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง
ปานกลางค่อนขา้ งออ่ น และออ่ น
3. ครแู จกภาพเกี่ยวกับสงั คมไทยให้นักเรยี น กล่มุ ละ 1 ภาพ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั วเิ คราะหภ์ าพที่แจกให้
ว่าเปน็ ลกั ษณะสำคญั ของสังคมไทยอยา่ งไร แลว้ ช่วยกันเขยี นสรปุ ไวใ้ ตภ้ าพ
4. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน และให้กลมุ่ อนื่ ช่วยกันเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ครูตรวจสอบความ
ถูกตอ้ ง จากน้ันครูอธบิ ายเชอื่ มโยงเกยี่ วกับลกั ษณะของสงั คมไทย
5. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2
1) นักเรียนมคี วามประทบั ใจสงั คมไทยในเรอื่ งใด อธบิ ายเหตุผล
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครูผ้สู อน)
2) สังคมไทยมเี อกลกั ษณท์ ่ีเด่นกว่าสงั คมอื่นในเรอ่ื งใด
(เทดิ ทูนพระมหากษตั ริย์ คนสว่ นใหญน่ ับถอื พระพทุ ธศาสนา รักความเปน็ อิสระ)
6. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นในกลุ่มรว่ มกันศึกษาความรเู้ รอื่ ง ลักษณะของสถาบันทางสงั คมไทย
จากหนงั สือเรยี น โดยใหส้ มาชิกทกุ คนในกลุม่ ศึกษาความรู้ คนละ 1-2 หัวขอ้ ตามความเหมาะสม ดงั นี้
✓ สถาบนั ครอบครวั
✓ สถาบันการศกึ ษา
✓ สถาบนั ศาสนา
✓ สถาบนั ทางเศรษฐกจิ
✓ สถาบันการเมืองการปกครอง
✓ สถาบนั นนั ทนาการ
✓ สถาบันสือ่ สารมวลชน
7. สมาชกิ ในกลมุ่ ผลดั กนั เลา่ ลกั ษณะสำคญั ของสถาบันทางสังคมท่ีตนไดศ้ ึกษามาให้สมาชิกในกล่มุ ฟงั โดย
ให้เล่าทลี ะคนเรยี งกันตามลำดับเปน็ การเลา่ เรื่องรอบวง และใหส้ มาชิกคนอ่นื ชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเตมิ
8. สมาชิกทุกคนในกลมุ่ รว่ มกนั สรุปประเดน็ สำคัญท่ีไดจ้ ากการฟังเพอื่ นเลา่ เรอื่ ง จากนั้นครสู ุ่มตัวแทน
กลุ่ม 2-3 กล่มุ ออกมานำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น และให้กลมุ่ อ่นื ที่มผี ลงานแตกต่างกันได้นำเสนอเพิม่ เตมิ
9. ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ ความสำคญั และลักษณะสำคัญของสงั คมไทย จากน้ันให้นักเรียนตอบ
คำถามกระตนุ้ ความคิด
ปญั หาสงั คมไทยจะลดนอ้ ยลงไปน้นั เนอื่ งจากความสมั พนั ธท์ ดี่ ีของสถาบันใด
(สถาบนั ครอบครวั สถาบันการศึกษา สถาบนั ศาสนา)
10. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นหาข่าวเก่ยี วกับการขดั แย้งในสังคมไทยมาลว่ งหน้า เพอื่ ทำกจิ กรรมในชวั่ โมง
ต่อไป
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุม่ สาระการเรียนรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
8. การวัดและประเมนิ ผล
วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์
ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการ แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 (ประเมนิ ตามสภาพจริง)
เรยี นร้ทู ่ี 4
ประเมนิ การนำเสนอผลงาน แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่
ในการทำงาน
9.สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี น หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม ม.3
2) บัตรภาพ
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
—
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
บตั รภาพ
ภาพที่ 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
บตั รภาพ
ภาพที่ 2
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
บตั รภาพ
ภาพที่ 3
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
บตั รภาพ
ภาพที่ 4
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
แบบบนั ทึกผลการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาส่งเสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครผู สู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหนง่ …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทิศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 14 รายวชิ าหนา้ ที่พลเมอื ง
สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
รหัสวิชา ส 23235
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563
เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอ่ื งท่ี 2 ความขัดแยง้ ในสงั คมไทย
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบัติตนตามหนา้ ท่ขี องการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านิยมทด่ี ีงาม และธำรงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยู่รว่ มกนั ในสงั คมไทย และ สงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ความขัดแยง้ ในสงั คมไทยน้นั เกิดจากปจั จัยสำคัญหลายประการ ซงึ่ ส่งผลกระทบตอ่ วถิ กี ารดำเนนิ ชวี ิต
ของคนไทย ดังนน้ั ทุกคนจึงต้องรว่ มมือกันลดปญั หาความขัดแยง้ และสรา้ งสมานฉนั ท์
3. ตวั ช้ีวัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ตัวชีว้ ดั
ส 2.1 ม.3/4 วเิ คราะหป์ จั จยั ท่กี ่อใหเ้ กิดปญั หาความขดั แยง้ ในประเทศ และเสนอแนวคิดใน
การลดความขัดแย้ง
3.2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) วเิ คราะหส์ าเหตุทีท่ ำให้เกดิ ปญั หาความขัดแยง้ ในประเทศ ผลกระทบ และแนวทางแกไ้ ขได้
4. สาระการเรียนรู้
1) สาเหตปุ ญั หาทางสงั คม เชน่ ปัญหาสงิ่ แวดลอ้ ม ปญั หายาเสพติด ปญั หาการทุจริตปญั หา
อาชญากรรม
2) แนวทางความร่วมมอื ในการลดความขดั แยง้ และการสรา้ งความสมานฉันท์
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1.) ทกั ษะการวเิ คราะห์
5.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ศิ
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
สาเหตสุ ำคัญของความขดั แยง้ ในสังคมไทย คอื อะไร
(1. ความคิดเห็นทางการเมอื งแตกตา่ งกนั 2. ความเอาเปรยี บกนั ทางด้านเศรษฐกิจ 3. ความเช่ือทแ่ี ตกต่างกนั )
2. ครูนำภาพเก่ยี วกบั ความขดั แยง้ ของกลมุ่ คนในสงั คมมาใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหต์ ามประเดน็ ต่างๆ ตอ่ ไปน้ี
➢ ภาพแต่ละภาพแสดงถึงความขัดแย้งในเรอื่ งใด
➢ ความขดั แย้งของกลุ่มคนในภาพจะส่งผลเสยี หายอย่างไร
3. ครอู ธบิ ายเชอื่ มโยงใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่า ความขดั แยง้ ในสังคมไทยนัน้ มีปัจจัยสำคญั ทจี่ ะนำไปสู่ความ
ขัดแยง้ ไดแ้ ก่ การเมอื งการปกครอง เศรษฐกิจ และความเชื่อ
4. นกั เรียนกลมุ่ เดมิ ร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง ปจั จยั ทก่ี อ่ ให้เกดิ ความขดั แยง้ จากหนงั สอื เรยี น
5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มแบ่งออกเป็น 2 คู่ ใหแ้ ต่ละคนู่ ำขา่ วเกี่ยวกับความขดั แย้งในสังคมไทย (หามา
ล่วงหนา้ ) มาวิเคราะหแ์ ลว้ ตอบคำถามตามท่ีกำหนดในใบงานที่ 4.1 เร่ือง ความขดั แย้งในสังคมไทย
6. นกั เรยี นแต่ละคูน่ ำคำตอบในใบงานที่ 4.1 ของคู่ตนเองมาเล่าใหเ้ พอ่ื นอีกคู่หนงึ่ ฟงั แลว้ ชว่ ยกันเพ่มิ เตมิ
ในส่วนท่บี กพรอ่ ง
7. ตัวแทนกลุ่มออกมานำเสนอใบงานท่ี 4.1 หน้าชน้ั เรียน และใหก้ ล่มุ ผฟู้ ังไดแ้ สดงความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ
ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง
8. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
ความขดั แยง้ ของกลุม่ คนในสงั คมไทย สง่ ผลกระทบตอ่ ประเทศไทยอยา่ งไร
(1. ดา้ นเศรษฐกิจ ความขัดแยง้ ของกลุ่มคนด้านแรงงานกบั นายจา้ งทำให้การประกอบการ
ชะงกั ไปจนกวา่ จะตกลงกนั ได้
2. คนในชาติขาดความสามคั คี ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือในทกุ ด้าน สง่ ผลกระทบต่อการพฒั นา
ประเทศ)
9. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกนั สรปุ ปัจจัยท่ีก่อให้เกิดปญั หาความขดั แยง้ ในประเทศไทย และแนวคดิ ในการ
ลดความขัดแย้ง
10. นกั เรียนตอบคำถามกระตุ้นความคดิ
นักเรยี นมวี ธิ กี ารลดความขัดแย้งในสงั คมไทยได้อย่างไร
(1. รณรงค์ให้ประชาชนทกุ คนตระหนักถึงผลกระทบทเี่ กดิ จากความขัดแยง้
2. จดั โครงการในการทำกิจกรรมร่วมกันเพ่ือสเู่ ป้าหมายสำคญั ในการพฒั นาประเทศชาติ
3. ผู้นำระดับสูง ระดับประเทศ ระดับท้องถิน่ องคก์ รตา่ งๆ รว่ มมอื กันชว่ ยหาวธิ กี ารลดปญั หา
ความขดั แยง้ ตง้ั แตต่ ้นกอ่ นทีป่ ญั หาจะลุกลามมากข้นึ
4. สถาบันทางสงั คมทุกสถาบันรว่ มมือกันปลูกฝงั คณุ ธรรมใหแ้ ก่ประชาชนทุกคน ทุกระดับ)
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
8. การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
ใบงานที่ 4.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วิธีการ แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 4.1 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน
สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั
ในการทำงาน
9.สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน หนา้ ท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวติ ในสังคม ม.3
2) บตั รภาพ
3) ใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง ความขดั แย้งในสงั คมไทย
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
—
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุม่ สาระการเรียนรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
บตั รภาพ
ภาพที่ 1
ภาพที่ 2
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรสู้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ิศ
แบบบนั ทึกผลการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาส่งเสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครผู สู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหนง่ …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทิศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 15 รายวิชาหน้าท่ีพลเมอื ง
สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
รหสั วิชา ส 23235
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563
เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรอื่ งที่ 3 สงั คมไทยในปัจจบุ นั (1)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ขี องการเปน็ พลเมอื งดี มีค่านิยมทดี่ ีงาม และธำรงรกั ษาประเพณี
และวฒั นธรรมไทย ดำรงชวี ติ อยู่รว่ มกันในสังคมไทย และ สังคมโลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ปัญหาสังคมไทยในปจั จุบนั มหี ลายประการ ซึ่งสง่ ผลกระทบตอ่ วิถีการดำเนนิ ชวี ิตของคนไทย ซงึ่ ทุกคน
ควรรว่ มมือกันหาแนวทางในการแกไ้ ขปญั หา และสง่ เสริมการดำรงชีวิตให้มีความสุข
3. ตวั ชีว้ ดั /จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ตัวช้ีวดั
ส 2.1 ม.3/4 วิเคราะหป์ ัจจัยทก่ี ่อให้เกิดปญั หาความขดั แยง้ ในประเทศ และเสนอแนวคิดใน
การลดความขัดแย้ง
ม.3/5 เสนอแนวคดิ ในการดำรงชวี ติ อยา่ งมีความสขุ ในประเทศและสังคมโลก
3.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) วิเคราะห์ปญั หาสงั คมไทย สาเหตุ และผลกระทบได้
2) วเิ คราะหป์ ัจจยั ท่ที ำให้เกดิ ความขัดแย้ง และเสนอแนวทางความรว่ มมือในการลดความขดั แยง้
และการสร้างความสมานฉันทไ์ ด้
3) วิเคราะหป์ ัจจัยทสี่ ง่ เสรมิ การดำรงชวี ติ ใหม้ ีความสุขได้
4. สาระการเรียนรู้
1) สาเหตปุ ัญหาทางสงั คม เชน่ ปญั หาสิ่งแวดล้อม ปญั หายาเสพตดิ ปญั หาการทุจรติ ปญั หา
อาชญากรรม
2) แนวทางความรว่ มมอื ในการลดความขดั แยง้ และการสรา้ งความสมานฉนั ท์
3) ปจั จยั ทีส่ ง่ เสรมิ การดำรงชวี ิตให้มคี วามสขุ เชน่ การอยูร่ ่วมกันอย่างมขี ันตธิ รรม หลักปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง เห็นคุณค่าในตนเอง รจู้ ักมองโลกในแง่ดี สรา้ งทกั ษะทางอารมณ์ รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญั ญา
เลอื กรับ-ปฏเิ สธขา่ วหรอื วตั ถตุ ่างๆ ปรับปรงุ ตนเองและส่ิงต่างๆ ใหด้ ขี น้ึ อยู่เสมอ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1) ทักษะการวเิ คราะห์
2) ทักษะกระบวนการคิดอยา่ งมวี จิ าณญาณ
5.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ิศ
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
7. กิจกรรมการเรียนรู้
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
นักเรียนคิดว่า ปัญหาสงั คมไทยท่สี ำคญั หรอื รา้ ยแรงท่สี ดุ ในปัจจุบนั คอื อะไร และทำไมจงึ คิดเช่นน้ัน
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน)
2. นกั เรยี นผลัดกันเลา่ เหตุการณเ์ กี่ยวกับปญั หาสังคมไทยที่นกั เรยี นคดิ วา่ เปน็ ปัญหาที่สำคัญที่สดุ พรอ้ มท้ัง
อธิบายเหตุผลว่าทำไมจงึ คิดเช่นนั้น
3. ครูอภปิ รายรว่ มกบั นกั เรียนเกย่ี วกับปญั หาสงั คมไทยในปัจจบุ นั แล้วให้แตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั เขยี น
ผงั มโนทศั นล์ งในใบงานท่ี 4.2 เร่อื ง ปญั หาสังคมไทย ในหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1) สาเหตุ 2) ผลกระทบจากปัญหา 3) แนวทางแก้ไขและปอ้ งกนั
4. ครสู มุ่ ตัวแทนกลมุ่ 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอผลงานและให้กลุ่มอนื่ ที่มีผลงานแตกตา่ งออกมานำเสนอ
เพมิ่ เติม ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
5. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
ปัญหาสังคมไทยมีผลกระทบตอ่ สิ่งใด และมีแนวทางแกไ้ ขอย่างไร
(มผี ลกระทบตอ่ คณุ ภาพชวี ติ ของคนไทย ความม่ันคงของประเทศชาติ และเปน็ อุปสรรคตอ่ การพฒั นาประเทศ)
6. ครใู ห้นักเรยี นดภู าพเกี่ยวกบั ปัญหาสงั คมไทย แล้วให้นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ขอ้ คิดทไ่ี ด้จากภาพว่าแสดง
ถงึ ปญั หาในเรอ่ื งใด
7. ครูให้นกั เรียนอ่านใบความรู้ เร่อื ง ปัญหาสังคมและแนวทางแกไ้ ข จากนนั้ ให้สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกัน
สรุปเป็นความคิดรวบยอดถงึ ปัญหาสังคมท่ีสำคญั ทสี่ ุดตามลำดบั ผลกระทบตอ่ สังคมไทยและแนวทางแกไ้ ข
พร้อมบันทึกผลการอ่านลงในแบบบันทกึ การอา่ น
8. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
ปญั หาสงั คมไทยที่มีผลกระทบหรอื เปน็ อปุ สรรคตอ่ การพฒั นาประเทศจะเป็นปัญหาเก่ียวกับเรอื่ งใด
(การเมือง เศรษฐกจิ อาชญากรรม การทุจรติ ฉ้อราษฎรบ์ งั หลวง)
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
8. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์
ใบงานท่ี 4.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
วิธีการ แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 4.1 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมินการนำเสนอผลงาน
สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่
ในการทำงาน
9.สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 ส่อื การเรียนรู้
1) ใบความรู้
2) บัตรภาพ
3) ใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง ปญั หาสงั คมไทย
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
—
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลุม่ สาระการเรียนรสู้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ศิ
ใบความรู้
ปญั หาสงั คมและแนวทางแกไ้ ข
พจนานุกรมศพั ทส์ ังคมวิทยา ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2524 ให้คำจำกดั ความของ ปญั หาสังคมว่า “ภาวะ
ใดๆ ในสังคมทค่ี นจำนวนมากถอื ว่าเป็นสง่ิ ผดิ ปกติ ไมพ่ ึงปรารถนา และเป็นการแกไ้ ขใหก้ ลบั คืนสภู่ าวะปกติ เช่น ปญั หายา
เสพตดิ ปญั หาการทุจริตในวงราชการ ฯลฯ ปัญหาสงั คมทเ่ี ป็นผลมาจากกระบวนการทางสงั คม รวมถึงการประเมนิ
พฤตกิ รรมของคนในสงั คมดว้ ยมาตรฐานศีลธรรมในขณะนนั้ ” ปญั หาสังคมสง่ ผลตอ่ การดำเนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม สง่ิ ท่ีสำคญั
ที่สุดคอื เม่ือเกิดปญั หาทางสงั คมขึ้นคนในสังคมตอ้ ง ไมน่ งิ่ ดดู ายจะตอ้ งมสี ว่ นรว่ มในการคิดและปฏบิ ตั ิเพอื่ แก้ไขปญั หาเหล่าน้นั
ในประเทศไทยมีปญั หาสังคมที่สำคญั ดงั น้ี
ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม
แต่เดิมนนั้ ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมทีส่ มบรู ณอ์ ยา่ งมาก เม่ือสภาพแวดล้อมดยี ่อมสง่ ผลให้ประเทศไทยมคี วามอดุ ม
สมบูรณด์ ังคำกลา่ วทวี่ า่ “ในน้ำมปี ลา ในนามขี ้าว” แตเ่ มื่อกาลเวลาเปลย่ี นไป สงั คมไทยมีการขยายตัวและมคี วามเจรญิ มาก
ข้นึ สภาพแวดล้อมก็เปลีย่ นไป มมี ลพษิ ท่กี อ่ ให้เกิดอันตรายอยา่ งใหญห่ ลวงต่อคนในสงั คม เช่น อากาศเป็นพิษ นำ้ เสยี
เสยี งดัง สารพษิ ปนเปื้อน อกี ทงั้ เกิดภยั พบิ ัตริ นุ แรง เช่น นำ้ ท่วม ฝนแล้ง อันเป็นผลมาจากการตดั ไมท้ ำลายปา่ เป็นตน้
ปญั หาเหลา่ นล้ี ้วนเปน็ ผลมาจากการกระทำของมนษุ ย์ทีใ่ ชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรอยา่ งสนิ้ เปลือง และไม่เอาใจใสท่ ำนุบำรุงให้
ธรรมชาตคิ ืนสู่สภาพปกติ ปญั หาดงั กลา่ วจึงสง่ ผลรา้ ยต่อคนในสังคม
สาเหตทุ ที่ ำใหเ้ กดิ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม
1. ประชากรเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ รวมท้งั มีการอพยพจากชนบทเข้าสู่เขตเมอื ง เมือ่ ประชากรเพมิ่ จำนวนมากขึ้น
การบริโภคและการใช้ทรพั ยากรกเ็ พมิ่ มากข้ึนเชน่ กัน เม่ือใช้ทรพั ยากรนำ้ กป็ ล่อยนำ้ เสยี และของเสยี ลงในแม่นำ้ ลำ
คลอง โดยไม่ไดบ้ ำบดั เอาของเสียออกอยา่ งถกู ต้อง รวมทั้งทงิ้ ขยะไมเ่ ป็นทีเ่ ปน็ ทาง ใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งสนิ้ เปลอื งและ
ไมม่ กี ารปลูกตน้ ไม้ขึน้ เพื่อทดแทน
2. การพฒั นาอตุ สาหกรรมและการคมนาคมขนสง่ ทำใหเ้ กดิ ปญั หาส่ิงแวดลอ้ มตามมา เช่น ปญั หานำ้ และอากาศ
เสยี เปน็ ผลมาจากการปล่อยมลพษิ จากกิจกรรมทางดา้ นอตุ สาหกรรมและการขนสง่ ในขณะทเ่ี สยี งดงั จากรถยนต์และเครอ่ื งบนิ
สรา้ งมลภาวะทางเสยี งตอ่ ผูท้ อี่ าศัยอยูใ่ นบริเวณใกลเ้ คยี ง ส่งผลตอ่ สุขภาพรา่ งกายและจิตใจ
3. การพฒั นาเกษตรกรรม วธิ เี พิม่ ผลผลิตทางด้านการเกษตรทใี่ ช้กนั ทัว่ ไป ไดแ้ ก่ การใชป้ ยุ๋ เคมี และการใชย้ าฆา่
แมลงและวชั พชื ในขณะเดียวกนั มกี ารแผว้ ถางต้นไม้ ปา่ ไม้ และป่าชายแลน เพอ่ื ขยายพน้ื ทเ่ี พาะปลูกกอ่ ใหเ้ กดิ
นำ้ ปา่ ไหลหลากในช่วงฤดูฝน
ผลกระทบจากปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม
1. ทอี่ ยอู่ าศยั ไมเ่ พยี งพอ ก่อให้เกดิ เปน็ แหลง่ เสื่อมโทรม ผคู้ นอาศัยอยู่กนั อย่างแออดั ขาดสขุ อนามยั ทำให้
สภาพแวดลอ้ มเส่อื มโทรมรวมท้งั เปน็ แหลง่ แพรเ่ ช้ือโรคชนดิ ตา่ งๆ
2. ผคู้ นมสี ขุ ภาพไมด่ ี เน่ืองจากไดร้ บั สารพษิ จากแหล่งต่างๆ เชน่ ควนั พษิ จากรถยนต์ น้ำเสียจากโรงงาน
อุตสาหกรรมสารพษิ ปนเปอื้ นในพืชผัก ผลไม้ และเนือ้ สตั ว์ ทำใหเ้ กดิ โรคหลายชนดิ เช่น โรคทางเดนิ หายใจ โรคภูมิแพ้
โรคมะเรง็ เปน็ ต้น
3. เกดิ ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ สาเหตหุ ลกั มาจากการทำลายธรรมชาติ เชน่ การตดั ไมท้ ำลายป่า ส่งผลให้เกิดนำ้
ท่วมดนิ ถล่ม ความแหง้ แล้งเน่ืองจากฝนไม่ตกตอ้ งตามฤดูกาล สรา้ งความเดือดรอ้ นในการดำเนินชวี ติ เป็นอยา่ งมาก
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม
1. มมี าตรการลดอตั ราการเพมิ่ ประชากร กระจายความเจรญิ ทางด้านการศกึ ษาและแหล่งประกอบการในชนบทและ
สง่ เสรมิ ให้มกี ารบำบดั น้ำเสยี ทกุ ครัวเรอื นและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ก่อนปลอ่ ยลงแม่นำ้ และคคู ลองตอ้ งเกบ็ และแยกขยะ
ก่อนสง่ ลงในถงั ขยะทีม่ ฝี าปดิ มดิ ชดิ และชว่ ยบำบดั น้ำเสยี ตามคคู ลองดว้ ยการเติมสารชวี ภาพลงไป
2. รณรงคก์ ารขจดั มลพษิ ทางอากาศ นำ้ และเสยี ง เพอื่ ใหผ้ ปู้ ระกอบการและผเู้ กี่ยวขอ้ งมคี วามตระหนักในการ
ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายส่ิงแวดลอ้ มอย่างเคร่งครดั
3. รว่ มกนั ปลูกปา่ มีการรณรงค์ไมใ่ หแ้ ผ้วถางป่าและตดั ต้นไม้ นอกจากน้ี ควรส่งเสริมการทำกจิ กรรมในการทำนุ
บำรงุ ปรบั ปรุงสภาพของทรพั ยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ที่ดิน แหล่งนำ้ การทำประมง ตามโครงการตา่ งๆ เช่น โครงการ
อนรุ ักษ์พื้นทตี่ ้นน้ำลำธาร โครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธส์ุ ัตวป์ ่า โครงการพัฒนาและรณรงค์การปลกู หญ้าแฝก
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ เพ่ือป้องกนั การพงั ทลายของหนา้ ดนิ เปน็ ตน้ เพอ่ื ใหพ้ ืน้ ที่และทรพั ยากรกลับคืนสสู่ ภาพเดมิ และ
รว่ มกันรณรงค์ให้รู้จกั การใชท้ รพั ยากรท่ีมอี ยู่จำกัดอย่างประหยัด และเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ เพอื่ ให้เปน็ การพัฒนาแบบย่ังยนื
เช่น การปิดไฟดวงท่ีไมใ่ ช้ การใชก้ ระดาษอยา่ งคุ้มคา่ โดยใช้ท้งั สองหน้า ใช้อปุ กรณช์ ่วยประหยดั นำ้ เชน่ ชกั โครกประหยดั
นำ้ ฝกั บวั ประหยดั นำ้ เปน็ ตน้
ปญั หายาเสพตดิ
ปัญหายาเสพตดิ เป็นปญั หาท่สี ำคญั ของสังคม โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในสงั คมไทยทมี่ ีผู้ตดิ ยาเสพตดิ เปน็ จำนวนมากและที่
น่าตกใจ คือ ผเู้ สพยาอายุนอ้ ยลงถอื เปน็ ปญั หาสงั คมรา้ ยแรงที่ทุกคนตา่ งต้องรว่ มมือกนั แกไ้ ข เพราะเป็นปญั หาที่กระทบตอ่
บุคลากรของชาติซ่งึ เป็นกำลังสำคญั ในการพฒั นาประเทศ
ยาเสพตดิ หรอื สงิ่ เสพตดิ คอื สารหรอื ยาซ่งึ บุคคลเสพเขา้ สูร่ ่างกายโดยวิธีการใดวธิ ีการหนึง่ เชน่ กนิ สูบ ดมหรอื
ฉีดตดิ ต่อกันช่วั ระยะเวลาหนง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจติ ใจของผู้เสพทำให้เกดิ สภาพเปน็ พษิ เร้ือรัง
ยาเสพติดอาจจำแนกเปน็ ประเภทได้หลายลกั ษณะ เช่น จำแนกตามแหล่งกำเนดิ ตามอาการท่ีออกฤทธต์ิ ่อระบบ
ประสาทหรอื จำแนกตามพระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ในทน่ี ี้จะกลา่ วถงึ ประเภทของยาเสพตดิ โดยจำแนกตามแหลง่ กำเนดิ
ดังน้ี
ยาเสพตดิ ธรรมชาติ หมายถึง สารที่สกัดหรือกลนั่ ได้จากพชื บางชนดิ เช่น ฝิ่น กญั ชา ใบกระท่อม โคเคน
รวมทง้ั นำสารนนั้ มาแปรรปู เปน็ อย่างอ่นื โดยกรรมวิธีทางเคมี เชน่ เฮโรอนี มอรฟ์ ีน เปน็ ต้น
ยาเสพตดิ สงั เคราะห์ หมายถงึ สารทผ่ี ลติ ข้ึนในห้องปฏิบตั กิ ารด้วยกรรมวิธที างเคมี สามารถนำมาใช้เปน็ ยาเสพตดิ
เพราะออกฤทธิเ์ หมอื นยาเสพตดิ ธรรมชาติ สารสังเคราะหเ์ หลา่ นม้ี มี ากกวา่ ร้อยชนดิ ในรปู ของผง เมด็ แคปซลู ขนม
ลกู กวาด เช่น ยาบา้ ยาอี โคเคน ทินเนอร์ เปน็ ต้น
สาเหตทุ ที่ ำใหเ้ กดิ ปญั หายาเสพตดิ
1. ตวั ผเู้ สพ เกดิ จากความอยากรู้ อยากลอง และคกึ คะนอง โดยเฉพาะวยั รนุ่ ทีข่ าดความยง้ั คิด จึงทดลองเสพ โดย
คิดวา่ คงไมต่ ิดงา่ ยๆ หรือเห็นเปน็ เรอื่ งโกเ้ ก๋ บางคนมคี วามเช่ือทผ่ี ิด คดิ วา่ ยาเสพตดิ สามารถแก้ไขปญั หาของตน จงึ เสพยา
เพ่ือให้ลืมปญั หาตา่ งๆ แตห่ ลังจากเสพเขา้ ไปในระยะหน่งึ กจ็ ะติดยานนั้
2. สงิ่ แวดลอ้ ม สาเหตสุ ำคญั คอื การถูกชักจูงจากเพือ่ นฝูงท่ีตดิ ยา หรือถูกหลอกลอ่ ไปทดลองเสพยา ทำให้ผู้
รูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์หลงเช่อื ในบางกรณีทค่ี รอบครวั แตกแยกหรอื พ่อแมไ่ ม่มีเวลาเอาใจใส่ หรือครอบครวั อาศัยอยู่ในชุมชนแออดั
ทแ่ี วดลอ้ มไปดว้ ยยาเสพตดิ จึงอาจผลกั ดันใหเ้ ดก็ เข้าหายาเสพตดิ ได้ง่าย
3. ดา้ นเศรษฐกจิ ปจั จบุ นั ค่าครองชพี ไดเ้ พิม่ สูงข้นึ อยา่ งรวดเรว็ ทำใหค้ นปรบั ตวั เขา้ กบั ภาวะเศรษฐกจิ ไมท่ ัน
กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาต่างๆ ตามมา เช่น ความยากจน การว่างงาน จึงมีความจำเปน็ ต้องหารายไดเ้ พม่ิ บางคนกห็ นั ไปค้ายา
เสพตดิ โดยขายใหแ้ กเ่ ดก็ วยั รุน่ และผู้หลงผดิ ทำให้เกิดการแพร่กระจายยาเสพตดิ ทั่วไปในวงกวา้ ง
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ
ผลกระทบจากปญั หายาเสพตดิ
1. สง่ ผลเสยี ตอ่ ตวั ผเู้ สพตดิ ได้แก่ สขุ ภาพรา่ งกายและจติ ใจไมป่ กติเน่อื งจากการทำงานของสมองและประสาทเสือ่ ม
ลงกระเพาะอาหารและสำไสพ้ กิ าร มคี วามตา้ นทานโรคน้อยลง เกดิ อาการประสาทหลอน และสง่ิ ที่ร้ายแรงท่ีสดุ
คือ คลุม้ คล่ัง อาละวาด ทำร้ายตวั เองและผูอ้ ื่น
2. สง่ ผลเสยี ทางดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ บ่ันทอนประสิทธิภาพในการผลิต สญู เสยี แรงงานหรอื บุคลากรโดยเปลา่
ประโยชน์ กระทบต่อรายได้ และเสียงบประมาณในการบำบดั ผูต้ ิดยาเสพติด รวมถงึ ความเจรญิ กา้ วหน้าและการพฒั นาอาชีพ
3. สง่ ผลเสยี ตอ่ สงั คม ไดแ้ ก่ กอ่ ให้เกิดอาชญากรรม สังคมระส่ำระสาย ผูค้ นไมม่ คี วามมั่นใจในชวี ติ และทรัพย์สนิ
รัฐต้องสูญเสยี งบประมาณและเพมิ่ ภาระให้กบั เจา้ หน้าท่ขี องรฐั ในการปราบปราม เปน็ ตน้
แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หายาเสพตดิ
1. รูเ้ ทา่ ทนั ในพษิ ภยั ของยาเสพตดิ ทุกคนควรศกึ ษาหาความรเู้ กยี่ วกับยาเสพตดิ เพ่ือใหร้ ูเ้ ท่าทันถงึ ภยั อันตรายของ
ยาเสพติด ไม่ควรคกึ คะนองทดลองใช้ และควรเรยี นรูเ้ ทา่ ทนั คนอน่ื หรือมิจฉาชพี ทีจ่ ะชักจูงไปในทางที่ผิด ควรรูจ้ กั
ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ เชน่ ออกกำลังกาย อ่านหนงั สอื ทำงานบ้าน เป็นตน้ นอกจากนี้ควรรูจ้ ักเลือกคบเพอื่ น
ชักชวนกนั ไปทำกจิ กรรมท่ีดีท่สี รา้ งสรรค์ รูจ้ ักแกไ้ ขปญั หาที่ถกู ต้องไม่พึง่ ยาเสพตดิ
2. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ในครอบครวั ครอบครวั คอื สถาบันทางสงั คมท่มี ีบทบาทสำคญั อย่างมากตอ่ การแก้ไข
ปัญหายาเสพตดิ ครอบครวั ทอี่ บอนุ่ เปรยี บเสมอื นเกราะป้องกันมิใหส้ มาชกิ หลงผดิ หนั ไปหายาเสพติด ดังนัน้
จงึ ตอ้ งสร้างความรัก ความเข้าใจ และความสงบสขุ รวมทัง้ ร่วมกนั แกไ้ ขปญั หาดว้ ยสติปญั ญา และความรอบคอบ
ครอบครัวทอ่ี บอุ่นและอบรมส่งั สอนลกู หลานใหเ้ ป็นคนดี มีความประพฤตชิ อบถงึ แมว้ ่าสภาพแวดลอ้ ม ทีอ่ ยูอ่ าศยั
จะเปน็ แหลง่ เสื่อมโทรมกต็ าม โดยพยายามปลูกฝังความคดิ ใหเ้ ด็กรู้วา่ “คนเราอาจเลือกเกดิ ไม่ได้ แต่สามารถเลือก
ทีจ่ ะเป็นคนดีได”้
3. การมสี ว่ นรว่ มของคนในสงั คม ไม่ว่าจะเปน็ เจา้ หนา้ ทที่ ี่เกยี่ วข้อง สือ่ มวลชน สถาบันการศึกษา และสถาบนั
ศาสนา ควรประชาสมั พนั ธใ์ หผ้ ูค้ นรบั รู้ถึงปญั หายาเสพติดอย่างเปน็ ระบบและตอ่ เนอ่ื ง ในขณะทเี่ จ้าหนา้ ที่ตำรวจตอ้ งบงั คบั ใช้
กฎหมายลงโทษผูก้ ระทำผิดโดยไมม่ กี ารยกเวน้ นอกจากนี้ สถาบนั บำบดั รักษาผูต้ ดิ ยาเสพตดิ และฟ้ืนฟสู มรรถภาพผูต้ ดิ ยา
ทงั้ ของรฐั และเอกชนไดด้ ำเนนิ กิจกรรมอยา่ งจรงิ จังทัว่ ทกุ ภูมภิ าคของประเทศ ดว้ ยวธิ ีการหักดบิ (เลกิ ยาเสพตดิ ทันทีทันใดโดย
ไมใ่ ชย้ าชนดิ อนื่ ทดแทน) และการถอนพษิ ยาด้วยการรบั ประทานยาตามเวลาท่กี ำหนด สว่ นการฟน้ื ฟูสมรรถภาพ หมายถึง
กระบวนการบำบดั รกั ษาอย่างต่อเน่ืองเพ่อื ฟื้นฟสู ภาพร่างกายและจติ ใจของผู้ตดิ ยาให้ปรับเปลย่ี นลกั ษณะนิสยั บคุ ลิก และ
พฤตกิ รรมให้เกดิ ความเข้มแข็งมน่ั คงในจิตใจ สามารถกลับไปดำเนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งปกติสุข โดยไมห่ วนกลบั ไปใช้ยาเสพตดิ ซ้ำ
อกี นอกจากองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น หรือกลมุ่ ต่างๆ ควรจดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ วยั รุ่นได้แสดงความสามารถในทางท่ถี กู เช่น
การเล่นกฬี าการรอ้ งเพลง การเลน่ ดนตรี เปน็ ตน้
ปญั หาอาชญากรรม
อาชญากรรม หมายถึง การกระทำความผิดของบุคคลใดบคุ คลหนงึ่ ซ่ึงขัดตอ่ กฎหมายอนั ไดบ้ ัญญัตเิ ป็นข้อหา้ มไว้
ผู้ประกอบอาชพี อาชญากรรมกระทำโดยเจตนาละเมดิ กฎหมายอาญา หรอื เจตนาละเวน้ ไมก่ ระทำในส่งิ ที่กฎหมายบังคบั ไว้โดย
ไมม่ ขี ้อแก้ตวั ทส่ี มเหตุสมผล จะต้องไดร้ บั โทษ สำนกั ตำรวจแหง่ ชาติ ได้กำหนดใหม้ ีการแบง่ คดอี าชญากรรมออกเปน็ 5
กลมุ่ ดังน้ี
คดอี กุ ฉกรรจแ์ ละสะเทอื นขวญั เช่น ฆ่าโดยเจตนา วางเพลงิ ปลน้ ทรพั ย์ เป็นต้น
คดปี ระทษุ รา้ ยตอ่ ชวี ติ เช่น ฆา่ พยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย ขม่ ขืน เป็นต้น
คดปี ระทษุ รา้ ยตอ่ ทรพั ย์ เช่น ปล้นทรัพย์ ชงิ ทรพั ย์ ลกั ทรพั ย์ กรรโชกทรพั ย์ ทำให้เสียทรพั ย์ และรบั ของโจร
คดที นี่ า่ สนใจ เช่น ข่มขืนและฆา่ โจรกรรมรถ ฉอ้ โกง ยกั ยอก เป็นตน้
คดที ร่ี ฐั เปน็ ผเู้ สยี หาย เชน่ การพนนั และสลากกินรวบ ยาเสพตดิ ค้าประเวณี มีและเผยแพรว่ ตั ถลุ ามก
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
สำหรบั การกระทำผดิ ของเดก็ และเยาวชนในคดีอาญานน้ั การดำเนนิ การตามกระบวนการยตุ ธิ รรมจะไม่เหมอื น
การกระทำผิดของผู้ใหญ่ โดยผู้กระทำผิดจะถกู พจิ ารณาคดีทศี่ าลเยาวชนและครอบครวั ทั้งน้กี ารกระทำผดิ ของเดก็ และเยาวชน
ส่วนใหญน่ น้ั มักจะมาจากความบกพรอ่ งทางครอบครัว เชน่ พอ่ แม่ไมม่ ีเวลาดูแลลกู ปญั หาการหยา่ ร้าง และสภาพแวดลอ้ ม
ตา่ งๆ
สาเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กดิ ปญั หาอาชญากรรม
1. ปจั จยั ดา้ นเศรษฐกจิ เชน่ ความยากจนแรน้ แค้น เศรษฐกจิ ตกตำ่ ความเหลื่อมลำ้ ทางฐานะเศรษฐกจิ และ
ค่าครองชพี สูง เป็นต้น
2. ปจั จยั ดา้ นครอบครวั และสงั คม เชน่ การอบรมส่งั สอนของพ่อแมใ่ นทางท่ีผิด หรอื มาจากครอบครัวทเ่ี ดก็ มปี ญั หา
ถกู เพ่ือนฝูงชกั จูงใหก้ ระทำผิดรปู แบบต่างๆ เปน็ ต้น
3. ปจั จยั ทางชวี ภาพและจติ วทิ ยา เชน่ ความบกพร่องของสมองหรือสภาพปญั ญาออ่ นความผดิ ปกตขิ องต่อมไร้ทอ่ ทมี่ ี
ฮอร์โมนแอนโดรเจนมากเกนิ ไปทำใหพ้ ฤตกิ รรมก้าวร้าวและอาการโรคจิต เปน็ ต้น
ผลกระทบจากปญั หาอาชญากรรม
1. คนในสงั คมเกดิ ความรูส้ กึ ไมป่ ลอดภยั อาชญากรรมที่เกดิ ขึน้ จะสง่ ผลกระทบใหป้ ระชาชนเกดิ ความรสู้ ึก
ไม่ปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยส์ ิน เพราะเป็นการกระทำผดิ ตอ่ กฎหมายบา้ นเมือง สร้างความหวาดหว่ัน สะเทือน
ขวญั และมีแนวโน้มที่จะทวคี วามรนุ แรงขึน้ เร่อื ยๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในยคุ ทสี่ งั คมเผชิญกบั วกิ ฤตเศรษฐกิจ
2. ประเทศชาตไิ มม่ น่ั คง อาชญากรรมมผี ลต่อการดำเนนิ ชวี ิตของคนในสังคม ไม่วา่ จะเปน็ ด้านการเมอื ง เศรษฐกจิ
สงั คม และความมน่ั คงของชาติ นอกจากนี้ ยงั เปน็ สิ่งขดั ขวางความเจรญิ ของสงั คม เพราะต้องเสยี งบประมาณในการปราบปราม
เป็นการทำลายความสงบสขุ และความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ยของสังคม ทำให้สงั คมขาดความมนั่ คง
3. กระทบตอ่ กระบวนการทางกฎหมาย เมอื่ มผี ู้กระทำความผิดทางอาชญากรรมยอ่ มส่งผลกระทบตอ่ หลายฝ่ายโดย
จะตอ้ งดำเนนิ การตามกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องอาศัยงบประมาณและบคุ ลากรจำนวนมาก ซง่ึ ถา้ หากประเทศมกี ารก่อ
อาชญากรรมในระดับสูง กย็ ่อมสง่ ผลให้กระบวนการทางกฎหมายต้องทำงานอย่างหนกั เปน็ การเสยี งบประมาณชาตอิ ยา่ งมาก
แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรม
1. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนมงี านทำและจดั ระเบยี บของสงั คม ผลักดันให้มรี ะบบการควบคุมโดยนำกฎระเบยี บเขา้ มาบังคบั
ใชก้ ับพฤติกรรมของคนในสังคม เสรมิ สรา้ งการจดั กจิ กรรมสร้างสรรคเ์ พอ่ื ใหเ้ กดิ ความสามคั คีใหท้ กุ คนรกั สังคมท่ีตวั เองอาศยั
อยู่
2. สนบั สนนุ ทางสงั คม ใหส้ มาชกิ ในสังคมเรยี นรู้บรรทดั ฐานและปฏบิ ตั ติ วั อยา่ งถูกต้อง รู้วา่ พฤติกรรมใดดีและ
เหมาะสม ผ่านกระบวนการขดั เกลาทางสงั คม โดยครอบครวั โรงเรียน สื่อมวลชน เป็นผมู้ ีบทบาทสำคญั ในการสนบั สนนุ
ให้กำลงั ใจ และฟื้นฟูความสมานฉันท์ในสงั คม ในขณะเดยี วกนั รัฐต้องกำหนดนโยบายการพัฒนาทางเศรษฐกจิ และสังคม
เพ่อื ให้ทกุ คนอยูด่ กี ินดี และกระจายการพฒั นาไปสคู่ นทกุ กลมุ่ อยา่ งเท่าเทียมกนั ให้การ สงเคราะห์ผูด้ อ้ ยโอกาส และคน
ยากจนใหม้ งี านทำและให้มชี วี ติ ความเปน็ อยู่ท่ดี ี
3. ลดชอ่ งโอกาสของการเกดิ อาชญากรรม เชน่ การเพิ่มแสงสว่างและการตดั ต้นไมท้ รี่ กบรเิ วณทางเขา้ หมบู่ ้าน
และในชุมชน จดั เวรยามดูแลชุมชน ตลอดจนการมตี ำรวจออกตรวจตราบริเวณท่มี กั มีอาชญากรรมหรอื ตั้งกล่มุ
เพ่ือนบา้ น – ตำรวจ โดยใหป้ ระชาชนมีสว่ นรว่ มและมบี ทบาทในการดแู ลสวสั ดภิ าพของชุมชน
4. ใหก้ ารดูแลผูป้ ว่ ยไมใ่ ห้ออกไปกอ่ อาชญากรรม โดยการสง่ เสรมิ สถานบำบดั รักษาท้งั ของรัฐและเอกชนให้
มบี ทบาทดูแลรักษาผู้ป่วยทางร่างกายและจิตใจอยา่ งใกลช้ ดิ ไม่ใหอ้ อกไปก่ออาชญากรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทิศ
ปญั หาทจุ รติ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง
การฉ้อราษฎร์ หมายถงึ การเบยี ดบงั เอาผลประโยชน์ของราษฎร (ประชาชน) ไปโดยมชิ อบหรอื การโกงประชาชน
การบงั หลวง หมายถงึ การกระทำดว้ ยวิธีการหนงึ่ วิธีการใดทีน่ ำผลประโยชน์จากราชการไปใชส้ ว่ นตวั หรอื การเบยี ดบังของหลวง
หรอื ของทางราชการไปเป็นสมบัตขิ องตนเอง
นอกจากนี้ การฉ้อราษฎรบ์ ังหลวงยงั หมายความครอบคลุมไปถงึ การใชเ้ วลาราชการไปใชส้ ่วนตวั เชน่ ไปดูหนังไป
ซื้อของรวมท้งั เอาของราชการไปใช้ส่วนตวั การรบั สนิ บน การซ้ือของในงานราชการสูงกว่าราคาปกตเิ พอื่ รบั เงนิ สว่ นเกนิ จา
ผูข้ ายการรบั อามสิ สินจ้าง ตลอดจนการเลือกทร่ี กั มกั ท่ีชงั อนั เปน็ การลิดรอนความเปน็ ธรรมและความถกู ตอ้ งตามกฎหมาย
สาเหตทุ ที่ ำใหเ้ กดิ ปญั หาทจุ รติ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง
1. คา่ นยิ มของสงั คม คนส่วนใหญย่ ดึ ถือเงิน ตำแหนง่ วตั ถุ และการรกั พวกพ้องว่าเปน็ สิ่งสำคญั และเหน็ วา่ เปน็
สงิ่ ท่ถี ูกต้อง โดยไมส่ นใจวา่ ทรพั ย์สนิ เงนิ ทองนัน้ จะไดม้ าโดยวธิ ีการใด จึงกลายเปน็ บอ่ เกดิ ของการทจุ ริตในหม่ขู า้ ราชการบาง
กลมุ่ บางคนใชต้ ำแหนง่ ในการทจุ ริตเพือ่ สรา้ งฐานะบารมีของตน
2. ความบบี คน้ั ทางเศรษฐกจิ บคุ คลบางคนต้องทจุ รติ ด้วยความจำเป็นเพราะถกู ภาวะทางเศรษฐกิจของครอบครัวและ
สงั คมบบี ค้นั ใหก้ ระทำ เช่น มรี ายไดต้ ่ำแตจ่ ำเป็นตอ้ งใช้จ่ายเงินทองมาก อาจเปน็ ผลมาจากการมลี กู มากตอ้ งใชจ้ า่ ยในการ
รักษาอาการเจ็บปว่ ย เม่ือทำการทจุ รติ ครง้ั แรกได้ กก็ อ่ ใหเ้ กดิ นสิ ยั ไม่ดีและกระทำตอ่ ๆ ไปจนกลายเปน็ เร่ืองปกติ
3. ระบบราชการเปดิ โอกาสและอำนวยให้ ระบบราชการมีความสลับซบั ซอ้ นและใหอ้ ำนาจเจ้าหน้าทข่ี องรฐั จงึ เปน็ การ
เปดิ โอกาสให้ขา้ ราชการบางคนทขี่ าดความสำนกึ ใช้เป็นช่องทางในการแสวงหาประโยชนแ์ กต่ นและหมขู่ ณะได้ในบางกรณี
ผู้บงั คบั บัญชาละเวน้ และไม่สนใจต่อการป้องกนั การคอรร์ ปั ชันของผู้ใต้บังคบั บญั ชา จงึ ไมเ่ อาใจใส่ปล่อยให้ผใู้ ต้บังคับบัญชากลา้
ทำการทจุ ริต
4. ขาดการลงโทษทเ่ี ดด็ ขาด แมว้ า่ กฎระเบยี บจะมกี ารกำหนดโทษทรี่ นุ แรงแต่ในทางปฏบิ ัติน้ันไมม่ กี ารลงโทษตอ่
ผกู้ ระทำผดิ อย่างจรงิ จัง ทำใหก้ ารทจุ ริตมปี รากฏอยตู่ ลอดเวลา
5. ความยนิ ยอมของประชาชนบางกลมุ่ เชน่ นกั ธุรกิจ พอ่ คา้ หลายสาขาท่ตี ้องการความสะดวกในการติดตอ่
งานราชการหรอื บางคนกระทำผดิ แตไ่ มต่ อ้ งการรับโทษ มกั จะให้เงนิ และส่ิงของกับเจา้ หน้าทีข่ องรัฐบางคนทส่ี ามารถอำนวย
ผลประโยชนบ์ างอย่างใหแ้ กต่ นตามทตี่ ้องการ กอ่ ใหเ้ กดิ การใหอ้ ามสิ สินจา้ งตามมา
ผลกระทบจากการทจุ รติ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง
1. รฐั เสยี ผลประโยชน์ กอ่ ใหเ้ กิดระบบการสมยอมและหลอกลวง ทำให้รัฐตอ้ งสญู เสยี เงนิ ซือ้ สินคา้ ในราคาสงู กวา่
ความเปน็ จรงิ รัฐไม่มีโอกาสไดเ้ ลอื กสนิ คา้ ท่มี ีคณุ ภาพเหมาะสมเพราะเกดิ การผกู ขาดการขายให้แกร่ าชการและเป็นการบอ่ น
ทำลายความมัน่ คงและการพัฒนาประเทศเพราะแทนทจ่ี ะนำงบประมาณไปพฒั นาประเทศแบบเต็มเมด็ เตม็ หนว่ ยกลบั ถูก
ข้าราชการที่ทจุ ริตเบยี ดบงั เงินและสง่ิ ของไปใชส้ ว่ นตวั เป็นเหตุใหก้ ารก่อสรา้ งถนน อาคารสถานทบ่ี างแห่งสร้างผดิ สญั ญาและ
ดอ้ ยคณุ ภาพ เป็นตน้
2. ผลเสยี ตอ่ ระบบขา้ ราชการ หากผทู้ ำการทุจรติ มพี วกพอ้ งรว่ มทจุ รติ ดว้ ยกนั มากกจ็ ะมขี า้ ราชการท่ีไม่มีคุณภาพมี
การรกั ษาผลประโยชนข์ องกลุ่มตน ทำใหค้ นทม่ี ีความสามารถไมม่ โี อกาสเข้ารับราชการ นอกจากนี้ การทจุ รติ ยงั บัน่ ทอน
กำลังใจของขา้ ราชการทต่ี ้ังใจทำงานด้วยความซ่อื สัตยส์ จุ ริต เพราะคนท่ที ำช่ัวกลับไดด้ ี มีทรพั ยส์ นิ เงนิ ทองเพ่ิมขึ้นมากมาย
ข้าราชการทสี่ ุจรติ จงึ ขาดกำลังใจในการทำงาน และกอ่ ให้เกดิ ระบบการทำงานทเี่ รียกวา่ เช้าชามเยน็ ชาม คือ ไมต่ ้ังใจทำงาน
เพราะคิดว่าถงึ ทำดีอย่างไรกค็ งไมเ่ กิดประโยชน์
3. ผลเสยี ตอ่ ประชาชน เชน่ เมอื่ งบประมาณของประเทศถกู ทจุ ริตไปบางสว่ นทำให้การสร้างสาธารณปู โภค เชน่
ถนน เขื่อน อาคาร โรงเรยี น โรงพยาบาล ฯลฯ ไมไ่ ดม้ าตรฐาน เพราะใช้ตน้ ทนุ ในการผลิตต่ำ ประชาชนกจ็ ะได้รบั ผลการ
พัฒนาไมเ่ ต็มที่กอ่ ใหเ้ กดิ การเสื่อมศรทั ธาตอ่ หนว่ ยงานราชการ นอกจากนี้ประชาชนยงั ไม่ได้รบั ความเป็นธรรมเพราะคนท่ี
สุจริตจะถกู กดี กนั ไม่ใหเ้ กยี่ วข้องกับการซอ้ื ขายกับองคก์ รของรฐั เพราะไม่ใชพ่ วกพ้อง เปน็ ต้น
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรียนร้สู ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทิศ
แนวทางในการแกไ้ ขและปอ้ งกนั ปญั หาทจุ รติ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง
1. ปลูกฝงั เยาวชน โดยการสร้างคา่ นิยมและปลูกจติ สำนึกในการปฏบิ ัตติ นอยู่บนพน้ื ฐานของความซื่อสัตยส์ ุจรติ
มีความละอายตอ่ การกระทำใดๆ กต็ ามที่ไดม้ าโดยการทจุ รติ และมีความตระหนักท่ีจะหลีกเลีย่ ง รวมถึงไม่ยอมรับพฤตกิ รรม
การทุจริตคอรร์ ปั ชนั
2. ใชม้ าตรการลงโทษ จะตอ้ งมมี าตรการเพือ่ ป้องกันการทจุ รติ อย่างรดั กุม และมีบทลงโทษตอ่ ผู้กระทำการทุจรติ อยา่ ง
รุนแรง นอกจากนม้ี าตรการต่างๆ ทีว่ างไวต้ ้องมกี ารนำไปใช้จรงิ โดยไมเ่ ลอื กปฏิบตั ิ จึงจะทำใหม้ าตรการเหล่าน้นั มี
ประสิทธภิ าพ
3. นำเสนอขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งของสอื่ มวลชน สอ่ื มวลชนย่อมมหี น้าท่ีโดยตรงในการนำเสนอขา่ วสาร ขอ้ มลู ทีเ่ กย่ี วกับ
การทำทจุ ริตอยา่ งตรงไปตรงมา เปน็ กลาง เป็นจริง เพือ่ ใหป้ ระชาชนไดร้ บั ทราบในสิ่งต่างๆ ทีเ่ กิดขน้ึ และจะไดใ้ ชว้ จิ ารณญาณ
ตอ่ ไป
4. ปรบั เปลย่ี นการดำรงตำแหนง่ ขา้ ราชการ ควรมกี ารหมนุ เวยี นเปลย่ี นเจ้าหนา้ ท่ขี ้าราชการในตำแหนง่ ท่ีมอี ำนาจใน
การตดั สินใจอนุมตั ิการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ มกี ารกระจายอำนาจและแสดงทรพั ยส์ นิ ส่วนตัวก่อนและหลังดำรงตำแหนง่
5. ปรบั เงนิ เดอื น คา่ ตอบแทน และสวสั ดกิ ารใหเ้ หมาะสม จากสภาพเศรษฐกจิ และสังคมที่มีการพฒั นาอย่างต่อเนือ่ ง
ส่งผลใหค้ ่าครองชพี สูงข้ึน ภาครฐั จงึ ควรมีนโยบายหรือมาตรการต่างๆ ท่จี ะชว่ ยเพิ่มรายได้และส่งเสรมิ สวัสดิการตา่ งๆ ท่ชี ่วย
ใหป้ ระชาชนสามารถดำเนนิ ชีวติ ได้อย่างสงบสขุ และมคี ณุ ภาพชีวติ ทด่ี ี
6. มสี ว่ นรว่ มจากภาคประชาชน ประชาชนจะต้องรว่ มมือเป็นหเู ปน็ ตาสอดสอ่ งพฤติกรรมการกระทำทุจรติ ในรปู แบบ
ต่างๆ และแจง้ แก่เจ้าหนา้ ทตี่ ำรวจหรือเจ้าหน้าทที่ ่ีเกย่ี วข้อง เชน่ สำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ
แหง่ ชาติ เพ่ือให้ดำเนินการตรวจสอบและลงโทษผูก้ ระทำผิดต่อไป
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ิศ
บตั รภาพ
ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2
ภาพที่ 3 ภาพท่ี 4
ภาพที่ 5 ภาพท่ี 6
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุม่ สาระการเรียนร้สู งี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
แบบบนั ทึกผลการจัดการเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพัฒนาสง่ เสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหน่ง …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .........................................
(.......................................................)
ตำแหนง่ ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 16 รายวิชาหนา้ ทพี่ ลเมอื ง
สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3
รหสั วิชา ส 23235
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563
เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ งที่ 4 สงั คมไทยในปัจจบุ ัน (2)
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ส 2.1 เข้าใจและปฏบิ ัตติ นตามหน้าทข่ี องการเปน็ พลเมอื งดี มคี า่ นิยมทีด่ งี าม และธำรงรักษาประเพณี
และวัฒนธรรมไทย ดำรงชวี ติ อย่รู ว่ มกนั ในสงั คมไทย และ สังคมโลกอย่างสนั ตสิ ขุ
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ปญั หาสังคมไทยในปจั จบุ นั มหี ลายประการ ซึ่งสง่ ผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชวี ิตของคนไทย ซง่ึ ทกุ คน
ควรรว่ มมือกนั หาแนวทางในการแก้ไขปญั หา และสง่ เสริมการดำรงชวี ิตให้มีความสุข
3. ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ตัวชี้วัด
ส 2.1 ม.3/4 วิเคราะห์ปจั จัยทีก่ อ่ ให้เกดิ ปญั หาความขัดแย้งในประเทศ และเสนอแนวคดิ ใน
การลดความขดั แยง้
ม.3/5 เสนอแนวคดิ ในการดำรงชวี ิตอย่างมีความสขุ ในประเทศและสังคมโลก
3.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1) วิเคราะหป์ ญั หาสังคมไทย สาเหตุ และผลกระทบได้
2) วเิ คราะหป์ ัจจยั ท่ที ำใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ และเสนอแนวทางความร่วมมอื ในการลดความขัดแย้ง
และการสรา้ งความสมานฉันทไ์ ด้
3) วิเคราะห์ปจั จัยทสี่ ่งเสรมิ การดำรงชวี ิตใหม้ ีความสุขได้
4. สาระการเรยี นรู้
1) สาเหตุปญั หาทางสงั คม เชน่ ปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม ปญั หายาเสพตดิ ปญั หาการทจุ ริต ปญั หา
อาชญากรรม
2) แนวทางความรว่ มมือในการลดความขัดแยง้ และการสร้างความสมานฉันท์
3) ปจั จยั ทส่ี ง่ เสริมการดำรงชวี ิตใหม้ คี วามสขุ เชน่ การอยรู่ ว่ มกันอยา่ งมีขนั ติธรรม หลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง เห็นคณุ ค่าในตนเอง รู้จักมองโลกในแง่ดี สร้างทักษะทางอารมณ์ รจู้ กั บรโิ ภคด้วยปญั ญา
เลอื กรบั -ปฏเิ สธข่าวหรือวตั ถตุ า่ งๆ ปรับปรุงตนเองและสิ่งต่างๆ ใหด้ ีขึน้ อยู่เสมอ
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวเิ คราะห์
2) ทักษะกระบวนการคดิ อยา่ งมวี ิจาณญาณ
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ศิ
5.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ครูให้นักเรียนสรปุ ความรเู้ ดิมเกย่ี วกับปัญหาสังคมไทยทส่ี ำคัญ สาเหตแุ ละแนวทางปอ้ งกนั แก้ไข
2. นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ ขอ้ 1-2
1) นกั เรียนคิดว่า มวี ธิ กี ารลดความขัดแย้งอยา่ งไรทไี่ ด้ผลดที ่ีสดุ
(การร่วมมอื ของบคุ ลากรทกุ ระดับท่ีเกี่ยวข้องกับความขดั แยง้ น้ัน)
2) การแก้ไขปญั หาความขดั แยง้ วธิ ใี ดทีส่ ง่ ผลใหค้ กู่ รณีมคี วามสัมพนั ธ์ทดี่ ตี ่อกัน
(การไกลเ่ กล่ีย การเจรจาตอ่ รอง)
3. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันศึกษาความรู้ในใบความรู้ เรอ่ื ง การลดความขดั แย้งและการดำรงชวี ิตอย่าง
มีความสขุ ในหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1) แนวทางในการลดความขดั แยง้
2) แนวทางในการแกไ้ ขปญั หาความขดั แย้ง
3) การสร้างความสมานฉนั ทใ์ นชมุ ชน
4) ปัจจัยสง่ เสรมิ การดำรงชวี ิตให้มีความสุข
แล้วบันทกึ สาระสำคญั ลงในแบบบันทึกการอา่ น
4. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนำความรทู้ ่ีไดศ้ กึ ษาจากใบความรู้มาเปน็ พ้นื ฐานในการวเิ คราะหก์ รณีตัวอยา่ งและ
ตอบคำถามลงในใบงานที่ 4.3 เรอื่ ง สังคมไทยกบั การพฒั นา เมอ่ื ทำเสรจ็ แล้วครูและนกั เรียน ชว่ ยกนั เฉลย
คำตอบในใบงาน
5. นักเรียนตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ ขอ้ 1-3
1) ทำไมจงึ ต้องมกี ารสร้างความสมานฉันทห์ รอื ความสามัคคีในชมุ ชน
(เพอ่ื ป้องกนั การใชค้ วามรุนแรงในการแก้ปัญหา ปอ้ งกันการขัดแยง้ กนั และฝกึ การใช้ปญั ญาใน
การแก้ไขปญั หา)
2) นักเรียนจะมีสว่ นรว่ มในการลดความขัดแย้งและสรา้ งความสมานฉนั ทไ์ ด้อยา่ งไรบา้ ง
(พิจารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินจิ ของครผู ู้สอน)
3) นักเรียนสามารถทำใหก้ ารดำรงชวี ิตอย่ใู นสงั คมอยา่ งมคี วามสขุ ไดอ้ ย่างไร
(ใช้หลกั ธรรมเกยี่ วกบั ขนั ตธิ รรม ความมนี ้ำใจ มาเป็นหลักในการดำเนนิ ชีวติ ยดึ ปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี งมาเป็นแนวทางปฏบิ ตั ิ มองโลกในแง่ด)ี
ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ จัดทำแผน่ พบั เรอื่ ง สังคมไทยยคุ ปจั จบุ นั
โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามที่กำหนด ดงั นี้
1) การวเิ คราะห์ปจั จยั ที่ก่อให้เกดิ ปัญหาความขดั แยง้ ในประเทศ
2) การเสนอแนวคดิ ในการลดความขัดแยง้ ในสงั คมไทย
3) การวิเคราะห์ปญั หาสังคมไทย พรอ้ มเสนอแนวทางแก้ไข
4) การเสนอแนะแนวทางการดำรงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ ในสังคมไทยและสังคมโลก
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
6. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันวิเคราะห์ผลงานจากการทำแผ่นพับ ปรับปรงุ และพฒั นาให้ดียง่ิ ขึ้น
แลว้ นำสง่ ครูเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
7. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มนำแผน่ พับไปตดิ ทป่ี า้ ยนเิ ทศ เพ่ือใหส้ มาชกิ กลุ่มอ่ืนไปศกึ ษาและช่ืนชมหรอื
วิพากษว์ จิ ารณอ์ ย่างสร้างสรรค์ (นอกเวลาเรยี น)
8. นกั เรียนทกุ คนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4
8. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์
ใบงานท่ี 4.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วิธีการ แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 4.3 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบนั ทึกการอา่ น
แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่นั แบบประเมินแผน่ พับ เรอ่ื ง สงั คมไทย ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ในการทำงาน ยุคปจั จบุ นั
ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการ
เรียนร้ทู ่ี 4
ตรวจแผน่ พับ เรอ่ื ง สังคมไทยยุค
ปจั จุบัน
9.สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
9.1 สื่อการเรยี นรู้
1) ใบความรู้
2) ใบงานท่ี 4.3 เร่อื ง สังคมไทยกบั การพฒั นา
9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
—
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ิศ
ช่อื -สกุล/กลมุ่ ..................................................................................................................ช้นั ..............เลขท่.ี .......................
การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมนิ แผน่ พบั เรอ่ื ง สงั คมไทยยคุ ปจั จบุ นั
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32
1 การวเิ คราะห์ปัจจยั ทก่ี อ่ ให้เกดิ ปญั หาความขดั แยง้ ในประเทศ
2 การเสนอแนวคดิ ในการลดความขดั แย้งในสงั คมไทย
3 การวเิ คราะหป์ ัญหาสังคมไทย พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข
4 การเสนอแนะแนวทางการดำรงชวี ิตอย่างมีความสขุ ใน
สังคมไทยและสังคมโลก
รวม
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ
ดมี าก = 4 คะแนน
ดี = 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
พอใช้ = 2 คะแนน
ปรับปรงุ = 1 คะแนน 14 - 16 ดมี าก
11 - 13 ดี
8 - 10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สีงคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอทุ ศิ
แบบบนั ทึกผลการจดั การเรยี นรู้
1. ผลการจัดการเรียนรู้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ปญั หา / อปุ สรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. แนวทางการแกไ้ ข / การพฒั นาส่งเสริม / ขอ้ เสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………………………….ครูผสู้ อน
(……………………………………………….)
ตำแหนง่ …………………………..
…………/……………./……………
ความเหน็ ของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื .........................................
(.......................................................)
ตำแหน่ง ......................................................
…………/……………./……………
แผนการจดั การเรยี นรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17 รายวิชาหน้าทพี่ ลเมอื ง
สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
รหสั วิชา ส 23235
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอื่ งท่ี 1 การปกครองในยคุ ปัจจบุ นั เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ส 2.2 เข้าใจระบบการเมอื งการปกครองในสงั คมปัจจบุ ัน ยึดมน่ั ศรัทธา และธำรงรกั ษาไว้ซงึ่ การ
ปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การปกครองระบอบเผดจ็ การและระบอบประชาธิปไตยเปน็ ระบอบการปกครองที่ใช้อยใู่ นยุคปัจจบุ นั
3. ตวั ช้วี ัด/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ตัวชวี้ ดั
ส 2.2 ม.3/1 อธบิ ายระบอบการปกครองแบบตา่ งๆ ทีใ่ ช้ในยุคปจั จุบัน
3.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1) อธบิ ายความหมายและองคป์ ระกอบสำคัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยได้
2) อธิบายความหมายและรูปแบบการปกครองระบอบเผดจ็ การได้
4. สาระการเรียนรู้
ระบอบการปกครองแบบต่างๆ ทีใ่ ชใ้ นยุคปจั จบุ นั เชน่ การปกครองระบอบเผด็จการ การปกครอง
ระบอบประชาธปิ ไตย
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการคดิ
1) ทกั ษะการรวบรวมข้อมลู
5.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มั่นในการทำงาน
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ิปฐวี
กลุ่มสาระการเรยี นรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรยี นสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอทุ ิศ
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. นักเรียนทกุ คนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5
2. ครูนำขา่ วเกย่ี วกบั กจิ กรรมทางการเมอื งของประเทศต่างๆ มาให้นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์วา่ ประเทศ
ดังกล่าวมกี ารปกครองแบบใด ครูช่วยตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
3. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
กจิ กรรมทางการเมอื งของประเทศท่ีมีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยกบั การปกครองระบอบเผดจ็ การ
มีความแตกต่างกนั อย่างไร
(ประเทศทม่ี กี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยประชาชนจะมเี สรภี าพในกิจกรรมทางการเมืองมากกว่าประเทศ
ที่มกี ารปกครองระบอบเผดจ็ การ)
4. ครูอธิบายความรใู้ หน้ ักเรียนเขา้ ใจประเดน็ สำคัญของรูปแบบการปกครองในปจั จุบนั ซง่ึ มีรูปแบบสำคัญ
คอื การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย และการปกครองระบอบเผดจ็ การ
5. ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางค่อนข้างเกง่
ปานกลางคอ่ นข้างออ่ น และอ่อน ใหแ้ ต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศึกษาความรเู้ รอื่ ง รูปแบบการปกครองในปจั จบุ นั จาก
หนังสือเรียน หนังสอื ค้นควา้ เพมิ่ เตมิ หรือหอ้ งสมุด แลว้ สรปุ สาระสำคัญของเร่ืองลงในแบบบนั ทึกการอา่ น
6. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั ทำใบงานที่ 5.1 เรือ่ ง รปู แบบการปกครองในยุคปัจจบุ ัน โดยปฏิบตั ติ าม
ขัน้ ตอน ดงั นี้
1) สมาชิกคนท่ี 1 ของกลุม่ เขียนคำตอบ ข้อ 1 แลว้ ส่งใบงานใหส้ มาชิกคนตอ่ ไป
2) สมาชกิ คนตอ่ ไปอา่ นคำตอบของสมาชกิ ทเ่ี ขียนไปแล้ว ตรวจสอบความถกู ตอ้ งแล้วเขียน
คำตอบเพม่ิ เติม จากน้ันเขยี นคำตอบ ข้อ 2 สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มจะเวียนกันตอบคำถามไปจนกระทงั่ ทุกคนได้
ตอบคำถามครบทุกขอ้
7. ครูและนักเรียนช่วยกนั ตรวจคำตอบในใบงานท่ี 5.1 ครูชมเชยกลมุ่ ท่ีทำใบงานไดถ้ ูกตอ้ งทัง้ หมด
8. นักเรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ข้อ 1-2
1) การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยกบั การปกครองระบอบเผดจ็ การแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
(การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยแบ่งแยกการใชอ้ ำนาจการปกครอง ประชาชนมสี ่วนรว่ ม
ในการปกครองประเทศและมสี ิทธเิ สรีภาพตามกฎหมาย สว่ นการปกครองระบอบเผดจ็ การน้นั
อำนาจการปกครองอยทู่ ผี่ ้นู ำประเทศ ประชาชนไมม่ ีส่วนรว่ มในการปกครองประเทศและถกู จำกัด
สทิ ธเิ สรีภาพ)
2) นกั เรียนคิดว่า การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยมขี อ้ ดอี ยา่ งไร
(พจิ ารณาตามคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน)
9. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะสำคญั ของรูปแบบการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและระบอบ
เผดจ็ การ
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑริ า ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ีงคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ หง่ ประเทศ
ไทยอุทศิ
8. การวดั และประเมินผล เครื่องมอื เกณฑ์
วธิ ีการ แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ )
ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการ ใบงานท่ี 5.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
เรียนรู้ท่ี 5 แบบบันทึกการอา่ น ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 5.1 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบันทึกการอา่ น แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ัน
ในการทำงาน
9.สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
9.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน หนา้ ท่ีพลเมอื ง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชีวติ ในสงั คม ม.3
2) หนงั สือค้นคว้าเพมิ่ เตมิ
- เกรียงศกั ด์ิ ราชโคตร์. (2552). การเมอื งการปกครองไทย(901-106) : Thai Government
and Politices.กรงุ เทพมหานคร : ดวงแก้ว.
3) ตวั อยา่ งข่าว
4) ใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง รปู แบบการปกครองในยุคปจั จบุ ัน
9.2 แหล่งการเรียนรู้
– ห้องสมุด
แผนการจดั การเรียนรู้ นางสาวมณฑิรา ทองผาภมู ปิ ฐวี
กล่มุ สาระการเรียนรู้สงี คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม โรงเรียนสมาคมปา่ ไมแ้ ห่งประเทศ
ไทยอุทศิ