Foundation Engineering
วิศวกรรมฐานราก
รองศาสตราจาย ดร. สขุ สนั ติ์ หอพิบูลสขุ
สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี
4 เสถียรภาพของลาดดิน
(SLOPE STABILITY)
4.1 บทนํา
การถลมของดิน (Landslide) ตามธรรมชาติเกิดจากการเคล่ือนตัวขึ้นหรือลงของวัสดุลาดดิน
(Slope material) เน่ืองจากการสูญเสียกําลังตานทานแรงเฉือน การถลมของแผนดินตามธรรมชาติอาจ
สังเกตไดจากภาพถายทางอากาศหรือการสํารวจทางธรณี นอกจากการถลมของดินตามธรรมชาติแลว การ
ถลมของดินยังเกิดข้ึนกับโครงสรางที่ถูกสรางขึ้นโดยมนุษย เชน เข่ือนดิน วิศวกรจะตองใหความสําคัญกับ
การเลือกใชวัสดุและข้ันตอนการกอสรางเพื่อหลีกเลี่ยงการวิบัติของลาดดินระหวางและหลังการกอสราง การ
วิเคราะหเสถียรภาพลาดดินจะเกี่ยวของกับการหาคาอัตราสวนปลอดภัย (Factor of safety) ตานการวิบัติ
ของลาดดิน
4.2 สาเหตุของการวิบัตขิ องลาดดิน
ปจจัยภายนอก ไดแ ก การเพิ่มขนึ้ ของหนวยแรงเฉือนในขณะที่กําลังตานทานแรงเฉือนของวัสดุคงเดิม
การวิบัติอาจเกดิ เน่อื งจากการเพิ่มความชนั ของลาดดนิ และแผน ดินไหว เปนตน
ปจ จัยภายใน ไดแก สาเหตุทั้งหมดท่ีทําใหเกิดการเคล่ือนตัวของมวลดินโดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง
ความชันและหนวยแรงเฉือนในวัสดุลาดดิน เกิดเน่ืองมาจากการลดลงของกําลังตานทานแรงเฉือนซึ่งอาจ
เกิดจากการเพ่ิมขนึ้ ของความดันโพรง การชะลางของเกลือ (Leaching of salt) การแตกสลายของพันธะ
เชื่อมประสานธรรมชาติ (Breakage of cementation bonds) และการแลกเปล่ียนประจุ (Ion
exchange) เปนตน
4.2 สาเหตขุ องการวิบัตขิ องลาดดนิ
ลักษณะการวิบตั ขิ องลาดดนิ
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรา งและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
การวเิ คราะหเสถียรของลาดดินจะตองกระทําในสองกรณี
1)เสถียรภาพหลังสิน้ สุดการกอ สราง (End of construction)
2) เสถียรภาพท่รี ะยะเวลาอนนั ต (Long term condition)
เมื่อมีการกอสรางทั้งงานดินขุดหรืองานดินถมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของความเคนรวม (Total
stress) ในมวลดิน สงผลใหเกิดการเปลี่ยนแปลงความดันนํ้า อัตราสวนปลอดภัยจะมีคาลดลงเม่ือ
ความดันนํา้ เพิ่มข้นึ จนกระทงั่ ถึงจดุ ต่าํ ท่สี ดุ (จุดวกิ ฤติ) เมอื่ ความดันนํา้ มคี า มากทสี่ ุด
4.3 เสถยี รภาพหลงั สน้ิ สุดการกอสรางและเสถียรภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
4.3.1 งานดินขดุ (Cutting)
งานดนิ ขดุ ท่ีสภาวะหลังส้ินสดุ การกอ สราง และระยะเวลาอนนั ต
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรา งและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
การลดลงของความเคน รวมจะทําใหเ กิดการลดลงของความดนั นา้ํ และดินพยายามที่จะขยายตัว ถาการ
ขุดดินเกดิ ขน้ึ อยา งรวดเรว็ ความดนั นํา้ สว นเกนิ คาํ นวณไดจ าก
Δu = BΔσ3 + A⎜⎛ Δσ1 − Δσ3 ⎞
⎝ ⎟
⎠
Δu = B ⎡ Δσ3 + ⎛ Δσ3 ⎟⎠⎞⎟⎟⎤⎥⎥⎥⎦⎥
⎢ Δσ1 Δσ1
Δσ1 ⎢ A⎜⎜1−
⎢ ⎜
⎢⎣ ⎝
Δu = B ⎡ ⎜⎝⎛1− A⎟⎠⎞ ⎛ Δσ3 ⎟⎟⎠⎟⎞⎥⎥⎥⎦⎥⎤ = B
Δσ1
Δσ1 ⎢⎢1− ⎜⎜1−
⎢ ⎜
⎢⎣ ⎝
เมือ่ A และ B คอื ตวั แปรไรหนว ยของ Skempton
4.3 เสถียรภาพหลงั สน้ิ สุดการกอสรางและเสถียรภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
ความดันนํ้าจะมีคาลดลงอยางมากหลังส้ินสุดการกอสราง ซ่ึงมีคามากหรือนอยข้ึนอยูกับชนิดของดิน
ขณะท่ีขุด นํ้าจะไหลไปตามไหลของทางลาดและเกิดการลดลงของระดับน้ํา (Drawdown) หลังสิ้นสุดการ
ขุดทันที ดินจะอยูในสภาพไมระบายนํ้าและการวิเคราะหเสถียรภาพท่ีสภาวะนี้สามารถทําโดยการวิเคราะห
แบบความเคนรวม (Total stress analysis) การวิเคราะหแบบความเคนประสิทธิผล (Effective
stress analysis) แตตองทราบคาความดันน้ํา ซึ่งมีคาเทากับ (u0 + Δu) ดังนั้น วิธีการวิเคราะหแบบ
ความเคนรวมจงึ เปนทน่ี ยิ มมากกวา เนอ่ื งจากเปนวิธที ่งี ายกวา (ไมจ าํ เปนตองทราบคาความดนั นา้ํ สวนเกิน)
4.3 เสถยี รภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรางและเสถยี รภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
ในการวิเคราะหแบบความเคนรวม อัตราสวนปลอดภัยท่ีคํานวณไดจะเปนสภาวะที่ความดันน้ํามีคา
เทากับความดันนํ้าเม่ือมวลดินวิบัติพอดี (เนื่องจากใชคา Su ในการวิเคราะห) ในขณะท่ี อัตราสวนปลอดภัย
ท่ีคํานวณไดจากวิธีความเคนประสิทธิผล (Effective stress analysis) ความดันนํ้าที่ใชในการวิเคราะห
จะเปนความดันน้ําที่แทจริงท่ีเกิดข้ึนหลังส้ินสุดการกอสราง ซึ่งมวลดินยังไมเกิดการวิบัติ สําหรับการ
คํานวณหาอัตราสวนปลอดภัยที่ระยะเวลาอนันต (Long tern condition) (ความดันน้ําสวนเกินมีคา
เทากบั ศูนย) ดังน้ัน การวิเคราะหแบบความเคน ประสทิ ธิผลจะใหค า เหมาะสมที่สุด
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรา งและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
กําลังตานทานแรงเฉือนท่ีจุดวิกฤติ (Critical state shear strength) ของดินเหนียวอัดตัวมากกวา
ปกติสําหรับใชการวิเคราะหเ สถียรภาพเปน คาทป่ี ระมาณไดย าก
Skempton (1970) แนะนําวากําลังตานทานแรงเฉือนที่สภาวะวิกฤตินี้อาจประมาณไดจากคากําลัง
ตานทานแรงเฉือนสูงสดุ (Peak shear strength) ของดินเหนยี วปนใหม (Remolded clay)
4.3 เสถียรภาพหลงั สน้ิ สุดการกอสรางและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
เมื่อปริมาณความชื้นในมวลดินเพ่ิมข้ึน (อาจเนื่องจากน้ําฝนหรือน้ําท่ีเติมเขาในอางเก็บน้ํา) กําลัง
ตานทานแรงเฉอื นจะลดลงอยางฉับพลนั และเกิดการวิบัติในทส่ี ุด
การวบิ ตั ขิ องลาดดินขดุ อา งเกบ็ นา้ํ ภายในมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
4.3 เสถยี รภาพหลงั สน้ิ สดุ การกอสรางและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
4.3.2 งานดินถม
งานดนิ ถมที่สภาวะหลงั สิน้ สดุ การกอสรา งและระยะเวลาอนนั ต
4.3 เสถยี รภาพหลงั สน้ิ สดุ การกอสรางและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
การกอสรางกระทําในเวลาอันรวดเร็วบนชั้นดินที่มีสัมประสิทธ์ิความซึมผานต่ํา ความดันนํ้าสวนเกินจะ
มีคามากที่สุดหลังสิ้นสุดการกอสราง และจะมีคาลดลงสูคาสุดทายท่ีระยะเวลาอนันต (Long term
condition)
ที่สภาวะหลังส้ินสุดการกอสราง (Short term condition) สามารถสมมติวาดินมีพฤติกรรมแบบไม
ระบายนํ้า (Undrained condition) ท่ีสภาวะนี้ อัตราสวนปลอดภัยจะมีคานอยที่สุด ท่ีระยะเวลาอนันต
(Long term condition) ความดันน้ําสวนเกินจะเริ่มสลายทั้งในแนวด่ิงและแนวนอน จนกระทั่งเขาสู
สภาวะสมดุล
4.3 เสถียรภาพหลงั สน้ิ สดุ การกอสรา งและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
4.3.3 งานเขื่อนดิน
โดยสวนใหญแลว เขื่อนดินจะถูกกอสรางเปนสวนๆ เขื่อนดินจะประกอบดวยสวนแกนซ่ึงเปนดินที่มี
คาสัมประสิทธิการซึมผานตํ่า และไหลเขื่อนซึ่งทําจากวัสดุมีกําลังตานทานแรงเฉือนสูง โดยท่ัวไป ไหล
เข่ือนดานเหนือน้ําจะถูกคลุมดวยกอนหินท่ีเรียกวา Rip-rip เพื่อปองกันการกัดเซาะเนื่องจากการกระแทก
ของคล่ืน ไหลเข่ือนดานทายน้ําโดยทั่วไปมักจะทําเปนสวนสาธารณะเพื่อใชเปนท่ีพักผอนหยอนใจ ระบบ
ระบายนํ้าภายในเข่ือนดินจําเปนตองมีการจัดทําข้ึนอยางดี เพ่ือปองกันผลจากการไหลซึมของนํ้า โดยอาจมี
การจดั ทําระบบระบายน้าํ ในแนวนอนเพ่ือเรง การสลายตัวของความดันนํ้าสว นเกนิ และมมุ ของไหลเ ขอ่ื นตอง
มคี ามากพอทีจ่ ะปอ งกนั การวบิ ตั ิ
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สดุ การกอสรา งและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
สภาวะหลงั ส้นิ สุดการกอสราง
โดยสวนใหญ การวิบัติของเข่ือนดินเกิดข้ึนในชวงกอสรางและหลังส้ินสุดการกอสราง ความดันนํ้า
สวนเกิน (Excess pore pressure) ขึ้นอยูกับปริมาณความช้ืนของวัสดุดินถม และอัตราเร็วของการ
กอสราง การกอสรางท่ีรวดเร็วจะทําใหเกิดความดันนํ้าสวนเกินอยางมาก การวิเคราะหที่ถูกตองท่ีสุดคือการ
วิเคราะหแบบความเคนประสิทธิผล (Effective stress analysis) ซึ่งจําเปนตองทราบคาความดันน้ําใน
มวลดิน
4.3 เสถยี รภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรา งและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
การประมาณคาความดนั นํ้าสามารถกระทําไดด ังนี้
ความดนั น้าํ ที่จดุ ใดๆ สามารถเขียนไดดังน้ี
u =u0 + Δu
เมื่อ u0 คือความดันนํ้าเริ่มตน และ Δu คือความดันนํ้าสวนเกินที่เกิดขึ้นภายใตสภาวะไมระบายนํ้า
พิจารณาในพจนข องการเปลีย่ นแปลงความเคนหลกั ใหญรวม (Total major principal stress)
u =u0 + BΔσ1
4.3 เสถยี รภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรางและเสถียรภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
เนื่องจากการคาํ นวณความดันนา้ํ สว นเกินมีความยุงยาก จึงสรางตัวแปรตัวหน่ึงเรียกวา อัตราสวนความ
ดันนา้ํ (Pore pressure ratio, ru) และมนี ยิ ามเปนอตั ราสวนระหวางความดันนา้ํ ตอ ความเคน ทเี่ พ่ิมข้ึนใน
แนวดิง่ เนื่องจากวัสดถุ ม ณ จดุ ที่พจิ ารณาบนระนาบวบิ ตั ิ (Δσv = γH เม่อื H คอื ความสงู ของดินถม)
ru = γ u
H
ru = u0 + B Δσ1
γH
γH
ถาสมมติวาความเคนหลักใหญรวมที่เพิ่มขึ้น (Δσ1) เทากับความเคนในแนวดิ่งท่ีเพ่ิมข้ึนเน่ืองจากวัสดุถม
(Δσv) ตามแนววบิ ัติ จะไดวา
ru = u0 + B
γH
4.3 เสถยี รภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรา งและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
การสรางเข่ือนดินจําเปนตองทําการบดอัดดิน ดินบดอัดจะอยูในสภาพไมอิ่มตัวดวยน้ํา (มีปริมาณ
ความชื้นตํ่า) ซึ่งมีคาความดันน้ําเริ่มตน (u0) เปนลบ และมีคาข้ึนอยูกับปริมาณความช้ืนของดิน ปริมาณ
ความชน้ื ยงิ่ มาก คาความดนั นา้ํ ยิง่ มีคาใกลศูนย คา B ก็เปนคาที่แปรผันตามปริมาณความชื้นเชนเดียวกัน
ปริมาณความชื้นยิง่ มาก คา B ก็ยิ่งมากตาม ดังน้นั คา ru ท่มี ากทส่ี ุดคือ
ru = B
สมการดังกลาวสรางข้ึนโดยสมมติวาไมมีการระบายน้ําเกิดข้ึนระหวางการกอสราง ดังน้ัน อัตราสวน
ปลอดภัยที่เทากับ 1.3 เปนคาที่เพียงพอและยอมรับไดในการวิเคราะหเสถียรภาพท่ีสภาวะนี้ (หลังส้ินสุดการ
กอ สราง)
4.3 เสถียรภาพหลงั สน้ิ สุดการกอสรางและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
ถา ru มีคามาก ระบบระบายของความดันน้ําสวนเกินมีความจําเปนอยางยิ่ง ซ่ึงสามารถทําไดโดยการ
ติดต้ังช้ันระบายน้ําในแนวนอน (Horizontal drainage layers) การระบายน้ําจะเกิดขึ้นในแนวด่ิงและ
พุงเขาสูช้ันระบายนํ้าในแนวนอน Gibson and Shefford (1968) กลาววาคาสัมประสิทธ์ิความซึมผาน
นํ้าของชั้นระบายนาํ้ ในแนวนอนควรมคี า อยา งนอย 106 เทา ของดินทใี่ ชท ําเข่ือน
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรางและเสถยี รภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
สภาวะการไหลของน้าํ แบบราบเรยี บ (Steady Seepage)
หลังจากเข่ือนดินถูกเติมเต็มดวยนํ้า นํ้าจะไหลผานตัวเขื่อนและดินใตฐานจนทําใหดินอิ่มตัวดวยนํ้า
และเกิดการไหลแบบราบเรียบในท่ีสุด ท่ีสภาวะนี้ จะตองทําการวิเคราะหเสถียรภาพดวยวิธีความเคน
ประสทิ ธิผล (Effective stress analysis) คาความดันนํ้าสวนเกินสามารถคํานวณไดจากตาขายการไหล
หรืออาจคํานวณโดยใชอัตราสวนความดันนํ้า ซึ่งอาจใชคาเทากับ 0.45 สําหรับการคํานวณเข่ือนที่มี
คุณสมบัตสิ ม่าํ เสมอ แตอาจมีคา ตาํ่ กวานี้ก็ไดส ําหรับเขื่อนดินที่มีช้ันระบายนํ้าในแนวดิ่ง อัตราสวนปลอดภัย
ควรมคี าอยางนอย 1.5
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สดุ การกอสรางและเสถียรภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
สภาวะการลดลงของระดบั นา้ํ อยางรวดเรว็ (Rapid Drawdown)
การลดลงของระดับนํ้าในเขื่อนอยางรวดเร็วจะสงผลใหเกิดการเปล่ียนแปลงของการกระจายความดัน
นํ้า สําหรับดินท่ีมีคาสัมประสิทธิ์ความซึมผานต่ํา การวิเคราะหอาจพิจารณาวาการลดลงของระดับนํ้าเกิดข้ึน
อยางรวดเร็วจนทําใหความดันน้ําสวนเกินไมสามารถระบายออกไดทัน ดังนั้น การเปล่ียนแปลงความดันนํ้า
สามารถพิจารณาวาเปน แบบไมร ะบายน้ํา
4.3 เสถยี รภาพหลงั สนิ้ สดุ การกอสรา งและเสถียรภาพ
ท่ีระยะเวลาอนนั ต
จากรปู ความดนั นํา้ ทจี่ ดุ ใดๆ (สมมตใิ หเ ปนจุด P) บนระนาบการวิบัติกอนเกิดการลดระดับของนํ้าอยาง
รวดเรว็ สามารถเขยี นไดดังนี้
u0 = γ w ⎛ h + hw − Δh⎟⎞
⎜ ⎠
⎝
เม่ือ hw คือระดับน้ําท่ีลดลง h คือความสูงของระดับน้ําสุดทายหลังสิ้นสุดการลดลงของระดับนํ้าโดยวัดจาก
จุด P และ Δh คือพลังงานที่สูญเสียท้ังหมด (Total head loss) เนื่องจากการไหลซึมของนํ้าจากดาน
เหนือนา้ํ มายงั จดุ P
4.3 เสถยี รภาพหลงั สน้ิ สดุ การกอสรา งและเสถียรภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
สมมติวาความเคนหลักใหญรวมบนระนาบวิบัติมีคาเทากับความเคนในแนวด่ิงเน่ืองจากวัสดุถม และ
ความเคนหลักใหญร วมท่ลี ดลงมคี าเทากบั ความเคน ท่ีลดลงเนอื่ งจากการลดลงของระดบั น้าํ ดังนั้น
Δσ1 = −γ whw
ความดนั นา้ํ สวนเกนิ สามารถคาํ นวณไดจ าก
Δu = BΔσ1= −Bγwhw
ความดนั นํ้าที่จุดใดๆ บนระนาบวิบัติหลังการลดลงของระดบั ของนํา้ คือ
u = u0 + Δu = γ w ⎨⎧⎪h + hw ⎜⎝⎜⎛1− B ⎞ − Δh⎬⎫⎪
⎠⎟⎟ ⎭⎪
⎪⎩
4.3 เสถียรภาพหลงั สนิ้ สุดการกอสรางและเสถยี รภาพ
ที่ระยะเวลาอนนั ต
อัตราสวนความดนั นํา้ มีคาเทา กบั
ru = γ u = γγswat ⎧ hw ⎜⎝⎜⎛1− B ⎞ − Δh ⎫
wh h ⎟⎠⎟ h ⎪
⎨⎪1+ ⎬
⎭⎪
⎩⎪
เม่ือความเคนรวมลดลง คา B จะมีคามากกวา 1.0 เล็กนอย ดังน้ัน คา ru ที่มากท่ีสุดสามารถหา
ไดโดยการสมมติคา B = 1 และพิจารณาวา Δh มีคานอยมาก (สมมติวา Δh = 0) คา ru สําหรับการ
วเิ คราะหก ารลดลงของระดับนาํ้ อยา งรวดเรว็ จึงมีคา ประมาณ 0.3 ถงึ 0.4 ในกรณีนี้ อัตราสวนปลอดภัยตอง
มีคาอยางนอย 1.2
4.4 การวิเคราะหส ําหรับกรณี φ = 0 (วธิ ีความเคน รวม)
วิธีการวิเคราะหแบบนี้เหมาะสําหรับการวิเคราะหเสถียรภาพของลาดดินเหนียวที่อิ่มตัวดวยนํ้า
(Saturated soil) ภายใตส ภาวะไมระบายนํ้า การวิเคราะหอ าศยั หลักการเพียงแคความสมดุลของการหมุน
(Moment equilibrium) ระนาบการวิบตั ถิ ูกพจิ ารณาใหเปนสวนโคงของวงกลม
o 2Su
(b)
r
La
a
W Su
(a)
การวิเคราะหส าํ หรับกรณี φ = 0
4.4 การวิเคราะหส าํ หรบั กรณี φ = 0 (วิธีความเคน รวม)
แรงท่ีทําใหเกิดการหมุนของลาดดินรอบจุด O เปนแรงเน่ืองจากนํ้าหนักท้ังหมดเหนือระนาบการวิบัติ
(W ตอความยาว 1 หนวย) ท่ีสภาวะสมดุล กําลังตานทานแรงเฉือน (τf) ของดินตองเทากับแรงเฉือนท่ี
เกิดขน้ึ ตามแนววิบัติ (τ) และสามารถเขียนไดดังสมการตอไปนี้
τ = τf = Su
FS
FS
Wa = Su Lar
FS
ดังนั้น
FS = Su Lar
Wa
4.4 การวิเคราะหสาํ หรบั กรณี φ = 0 (วธิ ีความเคนรวม)
จากหลักการความคลายคลึงเชิงเลขาคณิต (Geometric similarity) Taylor (1937) ไดเสนอ
สัมประสิทธ์ิความเสถียรภาพ (Stability coefficient) สําหรับการวิเคราะหเสถียรภาพของลาดดินที่มี
คุณสมบัติสมํ่าเสมอ และมีความสูงเทากับ H สัมประสิทธ์ิความเสถียรภาพ (Ns) สําหรับระนาบวิบัติซ่ึงมีคา
อัตราสวนปลอดภัยต่าํ สุดคือ
Ns = Su H
(FS)γ
อตั ราสว นปลอดภัย (FS) สามารถหาไดจากสมการดงั น้ี
FS = Su
Nsγ H
คา Ns มคี าขึ้นอยกู บั ความชนั ของลาดดิน (β) และปจจัยความลึก (χ)
4.4 การวิเคราะหส าํ หรบั กรณี φ = 0 (วธิ ีความเคน รวม)
คา Ns หาได เมอ่ื ทราบคาความชันของลาดดิน (β) และปจ จยั ความลึก (χ)
สมั ประสทิ ธคิ์ วามเสถียรภาพของ Taylor สําหรบั กรณี φ = 0 (Taylor, 1937)
4.5 การวิเคราะหแ บบแบง เปนชนิ้ ๆ (Method of Slices)
การวิเคราะหโดยวิธีนี้สามารถใชไดกับการวิเคราะหท้ังแบบความเคนรว(มφ =0) และแบบความเคน
ประสิทธผิ ล (c′,φ′)
วิธีการวิเคราะหแบบแบงเปน ชิ้นๆ
4.5 การวิเคราะหแบบแบง เปน ช้นิ ๆ (Method of Slices)
แรงที่กระทําบนแตล ะช้ินคือ
1) นํ้าหนักของแตละชน้ิ , W =γ bH
2) แรงทีก่ ระทาํ ตงั้ ฉากกับฐาน (N) มคี าเทา กบั σ ×l ซึง่ คอื ผลรวมของแรงประสิทธิผล (N′)
เทากบั σ′×l และแรงดนั นาํ้ (U) เทา กับ u×l เม่ือ u คือความดนั นาํ้ ที่จุดกง่ึ กลางของฐาน
และ l คือความยาวของฐาน
3) แรงเฉอื นบนฐาน, T =τ ×l
4) แรงกระทําตัง้ ฉากในแนวนอนของแตล ะช้นิ ไดแก E1 และ E2
5) แรงเฉือนในแนวดง่ิ ของแตล ะชิ้น ไดแก X1 และ X2
4.5 การวิเคราะหแบบแบง เปนช้นิ ๆ (Method of Slices)
พิจารณาสมดุลของการหมุนรอบจุด O ลาดดินจะเสถียร เมื่อผลรวมของโมเมนตเน่ืองจากแรงเฉือน
T บนสวนโคงวิบัติ AC เทากับโมเมนตของนํ้าหนักของกอนดิน ABCD แขนของโมเมนตของน้ําหนัก W
แตละชิ้นคอื r sinα ดังนั้น
∑Tr = ∑Wrsinα
เม่ือ T =τ l = τf l
FS
ดงั นน้ั ∑τFfSl = ∑W sinα
FS = ∑τ f l
∑W sinα
4.5 การวิเคราะหแบบแบงเปน ช้ินๆ (Method of Slices)
สําหรับการวเิ คราะหแบบความเคนประสทิ ธิผล (Effective stress analysis)
FS = ∑⎛ c′+σ n′ tanφ′⎞⎟l
⎜ ⎠
⎝ ∑W sinα
FS = c′La + tanφ′∑ N ′
∑W sinα
เมื่อ La คือความยาวของสวนโคง AC ในการแกสมการจําเปนตองทราบคาN′ ซึ่งสามารถหาไดจากการ
แกสมการสมดลุ แบบ Indeterminate เพ่ือความสะดวกในการคํานวณ ไดมีนักวิจัยหลายทาน (Fellinus,
Bishop และ Janbu เปนตน) เสนอสมมติฐานในการประมาณคา X และ E เพ่ือใหปญหาดังกลาว
กลายเปนแบบ Determinate
4.5 การวิเคราะหแบบแบงเปน ชิ้นๆ (Method of Slices)
4.5.1 วิธแี กปญ หาของ Fellenius
ขอ สมมติฐาน คือ ผลลพั ธข องแรงทกี่ ระทาํ ระหวางชนิ้ มคี า เทา กบั ศนู ย (X1 = X2 และ E1 = E2)
N′=W cosα −ul
ดังนั้น อตั ราสว นปลอดภัยสาํ หรับการวเิ คราะหแบบความเคน ประสิทธิผล
FS = c′La + tanφ′∑ ⎛⎜W cosα −ul ⎞
⎟
⎝ ⎠
∑W sinα
คา W cosα และ W sinα สามารถคํานวณไดโดยวิธีวาดรูป (Graphic) ของช้ินแตละช้ิน คาของ
α สามารถหาไดท้ังจากวัดหรือการคํานวณ การวิเคราะหดวยวิธีของ Fellenius นี้ใหผลคําตอบที่ตํ่ากวา
ความเปน จรงิ (Underestimation) ความผดิ พลาดท่เี กดิ จากการคาํ นวณดวยวิธีนี้ประมาณ 5 - 20%
4.5 การวิเคราะหแบบแบง เปนชน้ิ ๆ (Method of Slices)
4.5.2 วิธีแกป ญหาของ Bishop
สมมติฐานวา ผลลพั ธข องแรงเฉอื นในแนวดิ่งท่ีกระทําระหวา งช้ิน มคี าเทากับศูนย
X1− X2 = 0
ที่สภาวะสมดลุ แรงเฉือนบนฐานของแตล ะชน้ิ มคี า เทา กบั
T = 1 ⎛ c′l + N ′ tanφ ′⎟⎞
FS ⎜ ⎠
⎝
4.5 การวิเคราะหแบบแบงเปน ช้นิ ๆ (Method of Slices)
ดังนนั้ ผลลพั ธของแรงในแนวด่ิงเปน
W = N′cosα + ul cosα + c′l sinα + N′ tanφ′sinα
FS FS
⎛ − c′l sinα −ul cosα ⎞
FS ⎟
N ′ = ⎜⎜W ⎟
⎟⎠
⎜⎝
⎛ cosα + tanφ′sinα ⎞
⎜ ⎟
⎜ FS ⎟
⎝⎜ ⎠⎟
แทนคา l = b sec α ลงในสมการดานบน
⎡⎤
⎢⎢⎢⎪⎨⎧c′b ⎥
1 + ⎛⎜W − ⎞ tanφ ′⎬⎫⎪ secα ⎥
⎢⎩⎪ ⎟ ⎭⎪1+ tanα tanφ′/ ⎥
W sinα ⎢⎣ ⎝ ⎠ ⎥
∑ ∑FS = ub ⎛ FS ⎞ ⎦⎥
⎜ ⎟
⎝ ⎠
4.5 การวิเคราะหแ บบแบงเปน ชิ้นๆ (Method of Slices)
Bishop (1955) ไดแสดงใหเห็นวาการสมมติวา (X1 - X2 = 0) ใหคาอัตราสวนปลอดภัยที่ใกลเคียง
กันความเปน จรงิ มาก
FS = 1 ∑ ⎨⎧⎪c′b +W ⎝⎛⎜1− ru ⎞ tanφ ′⎪⎬⎫ ⎛ secα / FS ⎞
⎟⎠ ⎭⎪1+ ⎜ tanα tanφ ⎟
∑W sinα ⎩⎪ ′
⎝⎠
จะเห็นวา FS ปรากฏอยูท้ังพจนทางซายมือและขวามือ ซึ่งทําใหการคํานวณคอนขางยุงยากและ
ซับซอ น วิธีนีเ้ หมาะกบั การคาํ นวณโดยอาศยั คอมพิวเตอร
โดยทั่วไป ru จะเปนคาไมคงท่ีตลอดระนาบวิบัติ แตในทางปฏิบัติคาน้ีสามารถสมมติใหเปนคาคงท่ี
อัตราสวนปลอดภัยที่คํานวณโดยวิธีนี้ใหคาตํ่ากวาความเปนจริง (Underestimation) โดยมีคาความ
ผดิ พลาดไมเ กิน 7 เปอรเซ็นต และโดยสวนใหญม ีคานอ ยกวา 2 เปอรเ ซ็นต
4.6 การวิเคราะหก ารลนื่ ไถลในแนวระนาบ
ถา ระนาบวบิ ัตอิ ยูใ นแนวขนานกบั ผวิ ของลาดดิน และลาดดินมีความลึกนอยมากเมื่อเทียบกับความยาว
อาจพิจารณาวาลาดดินมีความยาวไมจํากัด พิจารณารูป ความชันของลาดดินทํามุม β กับแนวนอน และ
ความลกึ ของระนาบวบิ ตั ิเทากับ z ระดับนํ้าใตด ินถกู พิจารณาวามีทิศทางขนานกับความชันของลาดดินและสูง
เทากับ mz (0 < m < 1) เหนอื ระนาบวบิ ตั ิ การไหลซึมของนํ้าถูกสมมติวาเปนแบบราบเรียบในทิศทางขนาน
กบั ระนาบวบิ ตั ิ แรงทก่ี ระทําบนแตละดานของแตละชิ้นในแนวด่งิ มคี าเทากนั และมีทศิ ทางตรงกันขา ม
การวิบัตแิ บบระนาบ
4.6 การวิเคราะหก ารลนื่ ไถลในแนวระนาบ
โดยการวิเคราะหแบบความเคนประสิทธิผล (Effective stress analysis) กําลังตานทานแรง
เฉอื นของดนิ ตลอดระนาบวิบัติคือ
τ f =c′+(σ −u)tanφ′
เมอ่ื
σ = ⎧⎪⎨⎜⎛1− m⎞⎟γ + mγ sat ⎪⎫ z cos2 β
⎬
⎪⎩⎝ ⎠ ⎪⎭
τ = ⎧⎪⎨⎪⎩⎛⎝⎜1− m⎟⎞⎠γ + mγ sat ⎪⎫ zsin β cos β
⎬
⎭⎪
u = mzγ w cos2 β
4.6 การวิเคราะหการลนื่ ไถลในแนวระนาบ
ถา c′ = 0 และ m = 0 (มวลดินและระนาบวบิ ัตไิ มอมิ่ ตวั ดวยนํ้า) จะได
FS = tanφ′
tan β
ถา c′ = 0 และ m = 1 (ระดบั นํา้ ใตดินอยทู ีผ่ ิวของลาดดิน) จะได
FS = γ′ tanφ′
γ tan β
จะเหน็ ไดว า เมือ่ c′ = 0 อตั ราสวนปลอดภยั ไมข ึน้ อยูก บั ความลกึ z
ตวั อยางที่ 4.1
ในงานดินขุดงานหน่ึง ทําการขุดดินจนถึงระดับความลึก 8 เมตร โดยมีมุมเอียง 45 องศา งานดินขุดน้ีถูก
กระทําในช้ันดินเหนียวอ่ิมตัวดวยน้ําที่มีหนวยนํ้าหนักเทากับ 19 กิโลนิวตันตอลูกบาศกเมตร และ
พารามเิ ตอรกําลงั ตานทานแรงเฉือนในสภาวะไมระบายนํ้า Su = 65 กิโลนิวตันตอตารางเมตร จงคํานวณหา
อัตราสว นปลอดภัยตา นการวิบัติของลาดดนิ ทรี่ ะนาบวิบัติ โดยวิธีการวิเคราะหสาํ หรับกรณี φ = 0
ตวั อยางท่ี 4.1
วธิ ที ํา จากรูป พ้ืนที่หนาตัดของสวนโคงวงกลม ABCD เทากับ 70 ตารางเมตร ดังนั้น นํ้าหนักของมวลดิน
W มคี า เทา กบั 70 x 19 = 1330 กิโลนวิ ตันตอ เมตร
จุดศูนยรวมของนํ้าหนัก (Centroid) ของรูป ABCD อยูท่ีระยะ 4.5 เมตร วัดจากจุด O มุม AOC
เทา กับ 89.5 องศา และรัศมี OC เทา กับ 12.1 เมตร
ดังน้ัน ความยาวสวนโคง ABC เทากับ θr = 18.9 เมตร อัตราสวนปลอดภัยตานการวิบัติของลาด
ดนิ คอื
FS = Su Lar = 651×31380.9××41.52.1= 2.48
Wd
ตัวอยางท่ี 4.1
คาอัตราสวนปลอดภัยที่คํานวณไดน้ีไมจําเปนวาจะตองเปนคาท่ีต่ําที่สุด คาอัตราสวนปลอดภัยท่ีต่ําท่ีสุด
สามารถประมาณไดโดยวธิ ขี อง Taylor
จากรูป จะไดวา β = 45 องศา และจากการสมมติวา D มีคามาก จะได Ns เทากับ 0.18 (จากรูปสัมประสิทธ์ิ
ความเสถยี รภาพของ Taylor สําหรับกรณี φ = 0) ดังนนั้
FS = Su
Nsγ H
= 65
0.18×19×8
= 2.37
ตัวอยางท่ี 4.2
ลาดดินที่ถูกตัดในช้ันดินเหนียวออนแหงหนึ่งมีกําลังตานทานแรงเฉือนในสภวาะไมระบายนํ้า (Undrained
shear strength) เทากับ 30 กิโลนิวตันตอตารางเมตร และหนวยน้ําหนักเทากับ 18 กิโลนิวตันตอ
ลูกบาศกเมตร ลาดดินนี้มีความสูง 8.0 เมตร และมีอัตราสวนแนวราบตอแนวดิ่ง 2:1 จงหาอัตราสวน
ปลอดภัยบนระนาบสวนโคงวงกลมท่ีแสดงในรูป โดยการวิเคราะหแบบแบงเปนช้ินๆ (Method of slices)
ของ Fellenius
ตัวอยางที่ 4.2
วิธที าํ นาํ้ หนกั ของแตล ะช้ินหาไดจาก W = γbh
ช้ินที่ b h W α (องศา) Wsinα La = bsecα
1 0.65 0.15 1.8 -25.7 -0.8 0.72
-20.0 -14.8 2.13
2 2.0 1.23 43.2 -1.8 -20.6 2.04
-3.9 -9.9 2.01
3 2.0 2.82 100.8 3.9 12.4 2.01
11.8 42.8 2.04
4 2.0 4.06 146.2 20.0 77.1 2.13
28.6 109.6 2.28
5 2.0 5.08 182.9 38.0 133.0 2.54
48.9 124.8 3.04
6 2.0 5.82 209.5 61.7 51.4 3.59
ผลรวม = 505.0 24.53
7 2.0 6.26 225.4
8 2.0 6.36 229.0
9 2.0 6.02 216.7
10 2.0 0.60 165.6
11 1.7 1.94 58.4
ตวั อยางที่ 4.2
FS = cu La + tanφu ∑(W cosα − ul)
∑W sinα
FS = 30×24.53 =1.46
505.0
โดยอาศัยวธิ ขี อง Taylor ปจ จยั ความลกึ (Depth factor) = 9.6/8.0 = 1.2
จากรูปสัมประสิทธค์ิ วามเสถยี รภาพของ Taylor สาํ หรบั กรณี φ = 0 จะได Ns = 0.146 ดงั นั้น
FS = 30 =1.43
0.146×18×8
ตัวอยางที่ 4.3
สําหรับลาดดินขุดในช้ันทรายปนดินเหนียว ซึ่งระดับนํ้าใตดินอยูลึกมาก ดังแสดงในรูป จงคํานวณหา
อัตราสว นปลอดภัยตา นการวบิ ัติบนระนาบวิบตั ิสมมติ AC (Trial slip surface) โดยวิธีของ Fellinus
ตวั อยางที่ 4.3
วิธีทํา มวลดินถกู แบงออกเปน 7 ชิน้ การคาํ นวณแสดงดงั นี้
ช้นิ ที่ W (kN/m) α (องศา) Wsin α Wcos α l (เมตร)
8.4 2.924
1 28.0 70 26.3 216.4 6.803
428.6 5.076
2 368.0 54 298.1 497.2 4.376
477.2 4.090
3 544.0 38 335.1 336.0 4.000
82.7 3.232
4 544.0 24 221.4 30.501
2046.5
5 488.0 12 101.5
6 336.0 0 0
7 83.2 -8 -9.25
ผลรวม = 973.2
FS =10×30.501+9(7ta3n.230°)×2046.5 =1.53
ตัวอยางท่ี 4.4
งานดินขุดงานหนึ่งมีความลึก 12 เมตร และความชันของลาดดินเทากับ 1:1 งานดินขุดนี้ขุดผานชั้นดินดัง
แสดงในรูป
ตวั อยางท่ี 4.4
ขอ มูลดินสําหรบั ดนิ แตล ะชน้ั แสดงดงั ตอ ไปนี้ สมมติใหห นวยนํ้าหนักของดินทั้งสามชั้นมีคาเทากันคือ 18 กิโล
นิวตนั ตอ ลกู บาศกเมตร จงคํานวณหาอัตราสวนปลอดภัยตานการวิบัติในสภาวะหลังสิ้นสุดการกอสราง (End
of construction) โดยการวิเคราะหแ บบความเคน รวม สําหรบั จุดหมุนดงั แสดงในรูป
ความลึก (เมตร) ชนิดของดนิ กําลงั ตานทานแรงเฉอื น (กิโลปาสคาล)
0–5 ดินเหนยี วออนมาก 10
5–8 ดินเหนยี วแข็งปานกลาง 50
8 - 15 100
ดินเหนยี วแข็ง -
15 หิน