กาญจน์นิยม
ไม้โขด
Caudiciform Plants, Caudex Plants
คำนำ
หากกล่าวถึง “ไม้ประดับ” มักนึกถึงต้นไม้ที่ดอกหรือใบสีสันสดใส สำหรับตกแต่ง
อาคาร บ้านเรือน เพื่อความสวยงาม เจริญตา ทั้งนี้ไม้ประดับทั่วไปมีรูปร่างที่ไม่ต่างกัน
มากนัก แต่ในปัจจุบันพันธุ์ไม้ประดับรูปร่างแปลกใหม่ถูกค้นพบมากขึ้น รวมไปถึง
“ไม้โชด” ที่เป็นพันธุ์ไม้เก่าแก่หายากของไทย ความงดงามเฉพาะตัว ทำให้ไม้โขดได้รับ
การยอมรับ จนกลายเป็นอีกหนึ่งไม้ประดับที่ทุกบ้านต้องมี
“ไม้โขด” เป็นไม้พันธุ์ใหม่ที่ได้รับความนิยมได้ไม่นาน สำหรับกลุ่มคนรักต้นไม้แล้ว
ย่อมต้องเคยเห็นพันธุ์ไม้รูปทรงป้อม ๆ อย่างไม้โขดผ่านตาบ้าง ด้วยรูปทรงเฉพาะที่มี
โขดใหญ่โดดเด่น แปลกตา ทำให้ไม้โขดพูดถูกถึงอย่างมากเมื่อนำมาใส่กระถาง พร้อม
จัดวางองค์ประกอบให้สวยงามแล้ว ก็น่าดูชมไปอีกแบบไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่น ๆ เช่นกัน
เนื้อหาภายในหนังสือ มุ่งเน้นให้ผู้อ่านได้ทราบถึงข้อมูลพันธุ์ไม้โขดที่มีอยู่ในไทย
และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจไม้โขดได้เข้าใจถึงความเป็นมาของไม้โขด และลักษณะเฉพาะ
แต่ละชนิด ชื่อที่มีความหมายมงคล คุณสมบัติของไม้โขด การดูแลรักษา รวมไปถึง
อาชีพหาไม้โขด ของคนในพื้นที่จังหวัด “กาญจนบุรี” กับความยากลำบากในการค้นหา
อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ ไม้โขดแตกต่างจากไม้ประดับทั่วไป แต่เป็นสมบัติที่ไม่สามารถ
ประเมินราคาได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะสามารถให้ความรู้และเกิด
ประโยชน์แก่ผู้อ่าน ตลอดจนผู้ที่มีความสนใจในไม้โขดได้เป็นอย่างดี
สารบัญ
CONTENT
เรื่อง หน้า
6
บทที่
10
1 รู้จักไม้โขด
14
บทที่ คุณค่าไม้โขด 15
18
2 22
บทที่ หลากหลายไม้โขด
3 บอระเพ็ดพุงช้าง
บัวบกผา หรือ บัวหิน
1 บัวบกโขด หรือ บัวบกหัว
2
3
เรื่อง หน้า
22
4 มะยมเงิน มะยมทอง 22
5 เสน่ห์นางพิม 22
6 โขดตำลึง
บทที่ คำแนะนำสำหรับมือใหม่ปลูกไม้โขด 32
4
บทที่ 58
5 ตลาดไม้โขด
ภาค เส้นทางอาชีพนักหาไม้โขด 74
ผนวก
อ้างอิง 80
บทที่ 1 : บทนำ
รู้จักไม้โขด
6
“ไม้โขด Caudiciform Plants, Caudex Plants” เป็นศัพท์ที่บัญญัติขึ้นมา
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จากนักวิชาการด้านพืชสวนอย่าง คุณ ชนินทร์ โถรัตน์ นักปลูกเลี้ยง
และสะสมไม้ประดับ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในวงการไม้โขด และยังเป็น
ผู้ที่เรียบเรียงหนังสือเรื่อง “ไม้อวบน้ำ (Succulents)” ซึ่งไม้โขดเป็นชื่อเรียกที่อยู่ใน
กลุ่มไม้อวบน้ำนั่นเอง “ไม้อวบน้ำ” คือ ต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและ
อาหารให้อยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของต้น ไม่ว่าจะเป็นใบ ลำต้น หรือราก เพื่อให้เติบโต
และดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพที่แห้งแล้งจากการโดนแสงแดดรุนแรงแผดเผา ซึ่งกลุ่ม
แคคตัสทั้งหลายล้วนเป็นไม้อวบน้ำทั้งหมดเช่นกัน
โดยนายกวีศักดิ์ กีรติเกียรติ ได้กล่าวถึงพืชอวบน้ำไว้ว่า "พืชอวบน้ำนั้นไม่
จำเป็นต้องมีโขดทุกชนิด ยกตัวอย่างกลุ่มว่านหางจระเข้ ที่กักเก็บน้ำไว้ที่ใบจำนวน
มาก แต่ไม่มีโขด ก็อยู่ในกลุ่มไม้อวบน้ำที่ไม่มีโขด นอกจากนี้ยังมีพืชอีกหนึ่งชนิดที่
เรียกว่า “ไม้หัว” พืชชนิดนี้จะแตกต่างจากกลุ่มว่านหางที่จะสะสมอาหารไว้ที่ใบ คือ
จะกักเก็บอาหารไว้ที่ส่วนกาบใบหรือใบ เช่น หัวหอม พลับพลึง หรือจะสะสมอาหาร
ในหัวจนกลมแต่ออกรากจากด้านบนหัวที่คอก้านใบ เช่น บุก อุตพิศ กวักมรกต หรือ
อีกหนึ่งชนิดที่กักเก็บอาหารไว้ที่ราก เช่น กระชาย ขิงต่าง ๆ"
(นายกวีศักดิ์ กีรติเกียรติ, 2563: ออนไลน์)
7
โดยทั้งหมดนี้เป็นไม้อวบน้ำเช่นกัน แต่ไม่จัดเป็นไม้โขด
หากพืชชนิดใดที่มีการปลูกเลี้ยงหรือสภาพธรรมชาติที่อาจทำให้
ลำต้นดูอวบอ้วน แต่หากไม่เป็นไม้อวบน้ำแต่แรกแล้ว ย่อมไม่ใช่
ไม้โขด เช่นบอนไซ ที่เลี้ยงจนต้นอ้วนใหญ่ หากแต่ถ้าไม่ใช่ไม้
อวบน้ำ ก็ย่อมไม่เป็นไม้โขด จึงเป็นเพียงต้นไม้ที่ดูมีโขดเท่านั้น
ลักษณะของไม้โขด จะเป็นไม้ที่มีลำต้นหรือรากที่ขนาด
ใหญ่ในบางชนิด หรืออาจเป็นรูปทรงกลมขนาดเล็ก แล้วแต่สาย
พันธุ์ บางชนิดก็เป็นขด หรือเป็นหัวที่มีเกร็ดหนา ต่างจากต้นไม้
ทั่วไปที่มีลำต้นตรง รูปทรงแปลกตานี้เองทำให้ไม้โขดเป็นที่
ต้องการของกลุ่มคนรักต้นไม้ เนื่องจากเป็นไม้ที่มีรูปทรงเฉพาะ
ตัว และพบได้ในป่าและเขาที่ค่อนข้างหาได้ยากเท่านั้น ไม้โขด
จึงกลายเป็นไม้สะสมที่มีมูลค่าสูง
8
บทที่ 2 :
คุณค่าไม้โขด
10
“ไม้โขด” เป็นเพียงพืชตระกูลไม้อวบน้ำที่มีรูปร่างแปลก เฉพาะตัว แต่
น้อยคนนักจะทราบว่า ไม้ที่รูปร่างแปลก ๆ นี้ ราคาแต่ละชนิดนั้นไม่ธรรมดา
เพราะราคาของแต่ละสายพันธุ์ ซื้อขายกันสูงถึง 10,000-20,000 บาท สาเหตุ
ที่ต้องตีราคาสูงเพียงนี้ ต้องแลกมาด้วยความยากลำบาก อีกทั้งความเสี่ยงสูงใน
การค้นหา เนื่องจากถิ่นที่อยู่เดิมของไม้โขดนั้นจะอยู่เฉพาะบนหน้าผาสูงเขา
หินปูนเท่านั้น จึงกลายเป็นไม้ที่มีราคาสูงนั่นเอง แม้ราคาจะสูง กลับทำให้
ความต้องการของไม้โขดมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นไม้โขด กลายเป็นไม้สะสม
ที่คนปลูกต้นไม้ต้องมี อีกทั้งในบางกลุ่มก็เลี้ยงเพื่อโชว์ความสวยของโขด หรือ
เลี้ยงเพื่อโชว์ความใหญ่ของโขด เพื่อนำมาอวด และแบ่งปันรูปทรงแปลก ๆ
ของแต่ละสายพันธุ์ให้ได้ชมกันอีกด้วย
11
สายพันธ์ุของไม้โขด ที่เห็นในไทยและนิยมปลูกมากที่สุด คือ
บัวบกโขด ซึ่งบัวบกโขดนิยมมาได้ 2-3 ปีแล้ว ช่วงหลังนิยมชนิดต่าง ๆ เพิ่ม
ขึ้น เช่น บอระเพ็ดพุงช้าง เสน่ห์นางพิมพ์ มะยมเงิน มะยมทอง เป็นต้น
ความนิยมของไม้โขดมีมากขึ้นจากการบอกต่อถึงรูปร่างที่แปลกตาของไม้
ชนิดนี้ บางคนก็เก็บสะสมไม้โขดในลักษณะแปลก ๆ เช่น โขดมีรูปทรงคล้าย
เต่า นอกจากนี้ยังมีอีกลักษณะหนึ่งที่เรียกว่า “ทรงปู่” ลักษณะนี้ลวดลาย
ของโขดเกร็ดจะหนาลึก เกร็ดใหญ่ ไม่เหมือนใคร ว่ากันว่า หากใครได้ครอบ
ครองคล้ายกับการได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ เนื่องจากลวดลายที่ดู
โบราณ มีความคลังในตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ว่าชอบ
ลาย หรือเกร็ดแบบใด อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับการจินตนาการว่าจะมองไม้โขดเป็น
รูปร่างแบบไหน นอกจากความสวยงามแปลกตาแล้ว บางชนิดยังมีสรรพคุณ
มากมาย บ้างก็มีฤทธิเป็นยา รักษาอาการป่วยต่าง ๆ อีกทั้งข้อสำคัญคือมี
ความเชื่อว่าไม้โขดยังเป็นไม้มงคลอีกด้วย
12
บทที่ 3 :
หลากหลายไม้โขด
บอระเพ็ดพุงช้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Stephania suberosa
บอระเพ็ดพุงช้างเป็นพืชในสกุลสบู่เลือด วงศ์บอระเพ็ด
เป็นไม้เถาอายุหลายปีที่มีรากหัวขนาดใหญ่เจริญเหนือพื้นดินและมี
ลำต้นที่มีเนื้อแข็ง หัวหนาขรุขระและเป็นร่องแนวยาว ใบรูปทรงไข่
กว้าง โคนใบคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ อีกทั้งมีผลสดกลมมีขนาด
เล็ก ดอกเป็นช่อ และจะออกดอกเดือนกรกฎาคม−สิงหาคม จะพบ
ได้เฉพาะเขาหินปูนในภาคตะวันตก และพบครั้งแรกที่ประเทศไทย
เขาหินปูนอำเภอบ้านวังขนาย จังหวัดกาญจนบุรี
15
พุงช้างเป็นพืชสกุลเดียวกันกับกระท่อมเลือดหรือสบู่เลือด ทั้งนี้ยัง
พบว่าคนส่วนใหญ่มักสับสนว่า กระท่อมเลือด สบู่เลือด และบอระเพ็ดพุงช้าง
เป็นพืชชนิดเดียวกัน ทำให้เรียกชื่อแบบผิด ๆ และเข้าใจไปว่าบอระเพ็ดดพุง
ช้างเป็นสบู่เลือด หรือเรียกกระท่อมเลือดว่าสบู่เลือด เนื่องจากลักษณะของ
ต้นที่มีความคล้ายคลึงกันนั่นเอง แต่มีข้อสังเกตง่าย ๆ คือ หากเป็นกระท่อม
เลือดให้สังเกตที่น้ำยางจะเป็นสีแดง ส่วนพุงช้าง น้ำยางจะเป็นสีขาวใส
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า หากบ้านใดปลูกพุงช้างจะทำให้อยู่ยง
คงกระพัน สุขภาพแข็งแรง และอายุยืนเหมือนช้าง ทั้งนี้ลักษณะของหัวที่มี
เกร็ดหนาคล้ายกระดองเต่า ก็มีความเชื่อว่าจะอายุยืนเหมือนเต่าอีกด้วย อีก
ทั้งในโบราณน้ำยางของต้นกระท่อมเลือดที่มีน้ำยางสีแดงนั้นนิยมนำมาใช้เป็น
น้ำหมึกในการสักยันต์โดยเชื่ออีกว่าจะทำให้หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้าอีกด้วย
16
ส ร ร พ คุ ณ
บอระเพ็ดพุงช้างมีสรรพคุณทางยาเฉพาะตัวที่แตกต่างกับกระท่อมเลือดและสบู่เลือดอยู่ สมัย
ก่อนคนโบราณมักนิยมนำมาใช้เพื่อเป็นยาคงกระพัน ในส่วนของบอระเพ็ดพุงช้างความหมายของความ
คงกระพันในที่นี้หมายถึง เป็นยาที่ช่วยให้กระชุ่มกระช่วย สุขภาพแข็งแรง จนเชื่อว่าทำให้อายุยืน
นั่นเอง ทำให้บอระเพ็ดพุงช้างมีความโดดเด่นว่าเป็นยาบำรุงชั้นดี นอกจากนี้ยังบำรุงกำหนัด และยัง
ต้านมะเร็งได้อีกด้วย
สรรพคุณของพุงช้างหากนำหัวไปดองจะเป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี หากนำไปฟานบาง ๆ ตากแดด
ให้แห้ง แล้วนำไปต้มยังเป็นยาแก้เลือดลม ลดความดันโลหิต ขับเสมหะ หรือนำมาตากแห้งแล้วบดเป็น
ผงปั้นเป็นลูกกลอนไว้กินเป็นยาอายุวัฒนะก็ได้ นอกจากนี้หัวพุงช้างยังช่วยรักษาอาการตกขาวของสตรี
ช่วยเรื่องการตกเลือดได้ หรือแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หากใครที่อยากผิวพรรณดี ดอกของพุงช้างนำ
ไปตำ แล้วนำมาทาตามตัวเพื่อช่วยแก้โรคผิวหนังต่าง ๆ ผื่นคัน สิวหลัง ทั้งนี้ผิวพรรณดีต้องคู่กับหุ่นดี ๆ
ดอกของพุงช้างนำไปตากให้แห้งแล้วนำไปต้ม ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร และขับพยาธิในลำไส้ช่วยให้
หน้าท้องแบนราบนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังในการใช้ยา ควรใช้ยาในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรใช้มากจนเกินไป
เพราะจะเป็นพิษ ส่งผลต่อไตในอนาคตได้ และควรปรึกษาแพทย์หากพบผลข้างเคียงใด ๆ
17
บัวบกผา หรือ บัวหิน
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
STEPHANIA KAWEESAKII
JENJITT. & RUCHIS.
บัวบกหินเป็นพืชในสกุลสบู่เลือด วงศ์บอระเพ็ด โดย
ธรรมชาติพืชชนิดนี้จะฝังตัวอยู่ในซอกผนังผาหินปูน ลำต้นมี
ลักษณะผิวเปลือกบาง ๆ หุ้มสีน้ำตาลเข้ม เมื่ออายุมากขึ้นผิว
เปลือกจะซ้อนทับหนาขึ้นเป็นชั้นตามอายุ อักทั้งรูปทรงของ
หบิันวหปิูนนนตี้จาะมมธีรครวมาชมาหตลิใานกถิห่นลขาอยงไ
มมั่นมีรูปใทนรดง้าทีน่ชัขดอเจงในบคมลี้ทารยงก้กอลนม
ก้านใบอยู่แกนกลางใบคล้ายใบบัว เส้นใบชัดเจน ก้านใบยาว
สีของใบตั้งแต่ใบอ่อนจนใบแก่จะมีหลายสี เช่น ในตอนใบ
อ่อนจะมีสีม่วง สีชมพู สีแดง เมื่อใบแก่จะเปลี้ยนสีเป็นสีเขียว
อมฟ้า โดยปริมาณความฟ้าที่เคลือบผิวใบจะมีมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงที่ได้รับ เมื่อโตเต็มที่ใบจะใหญ่เทียบเท่า
ฝ่ามือก็มี
18
ค้นพบไม้โขดสายพันธุ์ใหม่ !! สรรพคุณ
จากการค้นพบของทีมวิจัยนักพฤกษศาสตร์ไทยพบว่า บัวบกผาหรือบัว สรรพคุณของบัวหินจะคล้ายกันกับ
หิน เป็นพืชชนิดใหม่ของโลกที่ถูกค้นพบได้ไม่นาน โดยพบที่เขาหินปูนของ บอระเพ็ดพุงช้าง เนื่องจากอยู่ใน
ป่าในภาคตะวันตกของประเทศไทย อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สกุลเดียวกันกับสบู่เลือด จึงมีคุณ
เมื่อ พ.ศ. 2537 โดย "นายกวีศักดิ์ กีรติเกียรติ" นักพฤกษศาสตร์ที่กำลัง สมบัตติเรื่องเป็นยาบำรุงกำลัง
สำรวจพรรณไม้ในขณะนั้น จากนั้นจึงได้เก็บตัวอย่างพรรณไม้และศึกษา และเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะคล้าย
เรื่อยมา จนเมื่อถึง พ.ศ. 2563 ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ โดยทีมวิจัย กับพุงช้างอีกด้วย
ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิยาลัยมหิดล และได้ตีพิมพ์
เผยแพร่พืชชนิดใหม่นี้ในชื่อ “Stephania kaweesakii” เพื่อเป็นเกียรติ เป็นเพียงความเชื่อของคนรุ่นก่อน
แก่ นายกวีศักดิ์ กีรติเกียรติ ผู้ค้นพบและเก็บตัวอย่างพันธ์ไม้ชนิดนี้ เท่านั้น การจะนำมาทานโดยไม่
ปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งที่อาจส่งผล
อันตรายถึงชีวิตได้
19
ค ว า ม พิ เ ศ ษ ข อ ง บั ว บ ก หิ น มีความสนุกในการเลี้ยง
เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงไปลุ้นไป ในช่วงที่ไม้พักตัว
จะเป็นเพียงหัวแห้ง ๆ มือใหม่หัดเลี้ยงอาจจะเข้าใจได้
ว่าต้นไม้เราตายแล้ว แต่นี่เป็นลักษณะของไม้ที่กำลังพัก
ตัว ต้องใช้เวลาและความใจเย็นในการรอให้ไม้เติบโต
อาจใช้เวลานานถึง 4 เดือน ในการแตกใบ แต่เมื่อออก
ใบแล้ว ในตอนโตเต็มที่ใบจะใหญ่เท่าฝ่ามือ หรืออาจ
เท่าใบบัวเลยก็ได้
ทั้งนี้บัวบกหินยังว่ากันว่าเป็นพืชที่มีความ
ยากลำบากมากในการขุด เนื่องจากไม้ชนิดนี้
จะเกิดที่ซอกหินที่ไม่มีดินเลย ทำให้มีโอกาส
น้อยที่จะได้แต่ละหัวมาอย่างสมบูรณ์ไร้รอย
ขีดข่วน การขุดจึงต้องระวังอย่างมากเพื่อให้
เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เพราะอาจส่งผล
ถึงราคาในการขายได้
20
บัวบกโขด หรือ บัวบกหัว
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Stephania erecta craib
บัวบกโขดจัดอยู่ในวงศ์ Menispermaceae เป็นไม้ล้มลุกที่ขึ้นอยู่ตามป่าเขา ฝังหัวอยู่ใต้ดิน และโผล่
ก้านพ้นดินขึ้นมา แตกใบเป็นลักษณะทรงกลมเป็นแว่นสีเขียวสด บางใบมีขนเล็ก ๆ ขอบใบมีสีแดง บ้างก็สี
เหลือง มีดอกสีเหลือง บัวโขดหากขุดหัวขึ้นมาจะมีลักษณะคล้ายก้อนดินสีน้ำตาล ผิวสัมผัสจะเรียบและมีรอย
แตกเล็กน้อย รูปทรงของบัวโขดค่อนข้างเป็นทรงกลมได้รูปทรงชัดเจน มีขนาดตั้งแต่นิ้วหัวแม่มือจนถึงกำปั้น
แล้วแต่ความสมบูรณ์และอายุของหัวนั้นๆ ยิ่งอายุมากหัวจะยิ่งใหญ่และยิ่งมีราคาสูง
22
สรรพคุณ
บัวบกโขดนี้ คนละชนิดกับใบบัวบกที่รู้จักกันในเรื่องที่ช่วยรักษา
อาการช้ำใน แต่บัวบกโขดมีสรรพคุณเฉพาะตัวที่คนสมัยก่อนนิยมนำมาใช้เป็น
ยาแก้ลม แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย บ้างก็กินบำรุงกำลัง ช่วยย่อย
อาหาร โดยการจะนำมาทานเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ ต้องนำหัวที่ขุดจากดินไป
ล้างน้ำให้สะอาด ฝานบาง ๆ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาบดให้
ละเอียด เป็นอันเสร็จ
บัวบกโขดมีรสชาติขม จึงนิยมนำมาผสมกับน้ำผึ้งและปั้นเป็นยา
ลูกกลอน ทานก่อนอาหาร เช้า - เย็น ครั้งละ 2 – 3 เม็ด และยังเชื่อว่าเป็นยา
อายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนนาน
มีข้อควรระวัง ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรทานติดต่อกัน
มากจนเกินไป ทั้งนี้สมุนไพรชนิดนี้เป็นเพียงคำบอกเล่าของคนโบราณ ไม่ควรทำ
ทานเอง อีกทั้งคนที่มีโรคประจำตัวควรระวังเป็นพิเศษ
23
มะยมเงิน มะยมทอง หรือ มะยมโขด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : PHYLLANTHUS MIRABILIS
มะยมเงิน มะยมทอง อยู่ในวงศ์เดียวกันกับต้นมะยม คือวงศ์ Euphorbiaceae
ลักษณะของโคนต้นจะพองออกเป็นหัว รูปร่างแตกต่างกัน เล็กบ้างใหญ่บ้างตาม
ธรรมชาติ และเป็นไม้ที่มีรากใหญ่ ลักษณะคล้ายกับมันสำปะหลัง โดยหัวของต้นนี้
จะไม่อยู่ในดินทั้งหมดเหมือนไม้โขดต้นอื่น ๆ แต่จะโผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นหัวใหญ่ ๆ
ใบจะมีลักษณะคล้ายใบมะยมทั่วไป แตกต่างกันที่มะยมเงิน มะยมทองในตอนใบ
แตกใหม่หรือใบอ่อนจะสีแดงแดงระเรื่อ รวมถึงก้านก็เป็นสีแดงเช่นกัน เมื่อเริ่มแก่
จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว ด้านหลังใบมีสีเขียวออกแดงเล็กน้อย ไม้โขดชนิดนี้เป็นอีก
หนึ่งชนิดที่หายากเช่นกัน เพราะมักพบในป่าลึกเท่านั้น
24
ม ะ ย ม เ งิ น ม ะ ย ม ท อ ง เ ป็ น ไ ม้ ที่ มี ค ว า ม พิ เ ศ ษ
ต ร ง ที่ เ มื่ อ ถึ ง เ ว ล า ก ล า ง คื น ใ บ จ ะ หุ บ เ ข้ า พ อ ต อ น
เ ช้ า ใ บ จ ะ ก า ง อ อ ก เ พื่ อ รั บ แ ส ง อ า ทิ ต ย์ อี ก ทั้ ง ห า ก
ต้ น โ ต เ ต็ ม ที่ จ ะ มี ข น า ด ใ ห ญ่ แ ล ะ สู ง ถึ ง 8 เ ม ต ร
แ ต่ ต้ อ ง ใ ช้ เ ว ล า ห ล า ย 1 0 ปี ทำ ใ ห้ ผู้ ค น นิ ย ม ที่
มจะะยเมลีท้ ยองงดูยัต้งนเ ปเ็ล็นกไมม้ามกงกควล่ าที่ เนป็อนกอีจกาหกนึน่ีง้ มเ หะ ยตุมผ เลงิ น
ทำ ใ ห้ ไ ด้ รั บ ค ว า ม นิ ย ม ม า ก
ต้นมะยมเงิน มะยมทอง อายุ 15 ปี
ต้นมะยมเงิน มะยมทอง ช่วงใบหุบ
25
การจะเลือกปลูกต้นไม้สักต้นนอกจากความสวยงาม
แล้วยังเลือกเพราะมีความหมายที่ดี เพื่อความเจริญ
รุ่งเรือง รวมถึงช่วยเสริมดวงต่าง ๆ
เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ม ะ ย ม เ งิ น ม ะ ย ม ท อ ง
มทีี่ตนิ ดอบก้ าจนา กสัรกู ปต้ทนร งโทีด่ สยวคยว า มยั งเ ชเื่ปอ็ นขไอมง้ มคงนคที่ลเทลีี่้ ยคงวดรู
ม ะ ย ม เ งิ น ม ะ ย ม ท อ ง มี ค ว า ม เ ชื่ อ ว่ า เ ป็ น ไ ม้
ที่ ช่ ว ย เ ส ริ ม ฮ ว ง จุ้ ย ใ ห้ กั บ บ้ า น เ มื่ อ นำ ม า ว า ง ไ ว้
ต า ม มุ ม บ้ า น ก็ ช่ ว ย ใ ห้ ถู ก ห ลั ก ฮ ว ง จุ้ ย ม า ก ขึ้ น
ห า ก ถู ก ห ลั ก ฮ ว ง จุ้ ย ก็ จ ะ ช่ ว ย เ รื่ อ ง ก า ร
ค้ า ข า ย อ ย า ก ค้ า ข า ย อ ะ ไ ร ก็ ขึ้ น ค้ า ข า ย ร่ำ ร ว ย
หห ราื กอ วว าา งง ไใ วน้ หบ้นา้นา บก้็าทำนใก็หเ้รบี้ยากนทร่ รมั พเ ยย็์น เ ป็เนรี ยสุ กข ลู กช่คว้ยา
เ ส ริ ม ส ร้ า ง บ า ร มี แ ล ะ ค ว า ม เ ป็ น สิ ริ ม ง ค ล แ ก่ ค น
ใ น บ้ า น อี ก ทั้ ง ช่ ว ย ใ ห้ รุ่ ง เ รื อ ง ใ น ห น้ า ที่ ก า ร ง า น
ไ ด้ เ ลื่ อ น ขั้ น เ ลื่ อ น ตำ แ ห น่ ง อี ก ด้ ว ย
26
เ ส น่ ห์ น า ง พิ ม
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
STERCULIA COLORATA
เสน่ห์นางพิมเป็นว่านเก่าแก่โบราณของไทย
เสน่ห์นางพิมพบได้มากที่สุดที่เขาหินปูนเขาสามร้อย
ยอด อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจอบคีรีขันธ์
ลักษณะของโขดหรือหัวจะอ้วนกลม ผิวขรุขระเล็กน้อย
ไม่มีลวดลาย และรูปทรงที่ชัดเจน ทำให้คนเลี้ยง
จินตนาการได้ว่ารูปทรงคล้ายกับอะไร มีลำต้นที่แตก
กิ่งตามธรรมชาติ ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ บ้างก็
มองว่าคล้ายค้างคาว หรือใบโพธิ์ ใบอ่อนสีจะออกเขียว
อมแดง เมื่อใบแก่จะออกสีเขียวสด อีกทั้งเป็นพันธุ์ที่
คนนิยมปลูกเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย
28
ชื่อ "เสน่ห์นางพิม"
เป็นชื่อที่มีความหมายมงคล
ด้วยชื่อ “เสน่ห์” ทำให้มีความเชื่อว่า คนที่ปลูกไม้ชนิดนี้จะมี
เสน่ห์ มีเมตตามหานิยม ผู้คนรักใคร่ ดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นที่รัก
ของทุกคน หรือเชื่อว่าสามารถปกป้องคุ้มครองจากภัยต่าง ๆ
ในเรื่องของการค้าขาย ทำให้ค้าขายร่ำรวย เรียกลูกค้า และนำพา
โชคลาภมาให้อีกด้วย
29
โ ข ด ตำ ลึ ง
ชื่ อ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ : C O C C I N I A
GRANDIS VOUGT
ตำลึงเป็นพืชในวงศ์แตง Cucurbitaceae ตำลึง
เป็นไม้เลื้อยและจัดอยู่ในไม้โขด อีกทั้งโขดตำลึงมีรูป
ร่างค่อนข้างสวยจึงนิยมนำมาเลี้ยงไว้เป็นไม้ประดับ
ลักษณะของโขดขึ้นอยู่กับอายุ ยิ่งปลูกนานยิ่งมีขนาด
ใหญ่ ในด้านของผิวจะขรุขระและแตกเป็นแผ่นบาง ๆ
ใบรูปหัวใจสีเขียวสด ขอบใบหยักเว้า หรืออาจจะเป็น
ใบเต็มก็ได้ มีดอกสีขาว ทั้งนี้ลักษณะของดอกสามารถ
ระบุได้ว่า เป็นตำลึงเพศเมีย หรือเพศผู้ ถ้าหากเป็นเพศ
เมียจะมีกระเปาะอยู่ใต้ดอก เรียกว่ารังไข่ ที่ในเพศผู้จะ
ไม่มีนั้นเอง
ทั้งนี้ไม้ชนิดนี้เป็นชนิดที่หาง่ายที่สุด เพราะเป็นพืชพื้นบ้าน เป็นที่รู้จักมานานหลายสิบปี เพราะนอกจากโขดที่สวย
จนกลายมาเป็นที่นิยมในตอนหลัง ยังมีสรรพคุณที่นอกจากนำมาประกอบอาหารอีกด้วย
30
สรรพคุณ
ตำลึงเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น จึงนิยมนำรากมาต้ม
ดื่มช่วยดับพิษร้อน หากใครเป็นไข้ตัวร้อนก็สามารถ
ดื่มเพื่อถอนพิษไข้ และคลายความร้อนในตัวได้ดี อีก
ทั้งยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ ในส่วนใบเป็นผักที่ให้
วิตามินเอ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
นอกจากนี้ตำลึงยังเป็นพืชที่มีไฟเบอร์สูง ที่ช่วย
ในเรื่องของการขับถ่าย จะเห็นได้จากยาดีท็อกซ์บาง
ผลิตภัณฑ์ที่มักมีส่วนผสมของตำลึง ทำให้ขับถ่าย
คล่องนั่นเอง แม้จะเป็นเพียงผักริมรั้วธรรมดา แต่
มากคุณประโยชน์ รวมถึงมีโขดสวย ๆ ไว้เลี้ยงเพื่อ
ความสวยงามได้อีกด้วย
31
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ปลูกไม้โขด
วัสดุในการปลูก ขั้นตอนการปลูก และการดูแลรักษา
แม้ไม้โขดจะเป็นไม้ที่เลี้ยงง่ายและทนทานแค่ไหน ก็ยัง
ต้องการการดูแลเอาใจใส่ที่ดีเช่นเดียวกับต้นไม้อื่น ๆ เช่นกัน
ซึ่งปัจจัยสำคัญต่อการปลูกไม้โขดให้เติบโตคือดิน ดินเป็นแหล่งสะสมของสารอาหาร
สำหรับต้นไม้เกือบทุกชนิด เช่นเดียวกับไม้โขด ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็ต้องการสาร
อาหารที่เหมาะสม ทั้งนี้ดินที่ใช้ในการปลูกไม้โขดต้องเป็นดินที่ระบายน้ำได้ง่าย ซึ่งหากผสม
กับวัสดุปลูกหลาย ๆ ชนิดในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ต้นไม้ของเราเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ไม่เพียงแต่การเลือกวัสดุในการปลูกเท่านั้น แม้แต่การดูแลรักษา และสภาพอากาศก็มีผลต่อ
ต้นไม้เราเช่นกัน จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ หากเรามองข้ามก็อาจส่งผลให้ต้นไม้เน่าตายได้นั่นเอง
ฉะนั้นควรศึกษาลักษณะนิสัยของไม้โขดให้พร้อมก่อนปลูก เพื่อให้ไม้โขดของเรามีฟอร์มที่
สวย และอยู่กับเรานาน ๆ
33
บอระเพ็ดพุงช้าง
วัสดุในการปลูก
ดินแคคตัส 20 %
หินภูเขาไฟ เบอร์ 00 80 %
34
ขั้นตอนการปลูก
1.แบ่งหินภูเขาไฟมาส่วนหนึ่งเพื่อนำไปใส่รองก้นกระถาง โดยหินภูเขาไฟจะช่วยเรื่องเก็บ
ความชื้น ไม่ให้เป็นเชื้อรา อีกทั้งยังมีแร่ธาตุ
2. วางต้นไม้ลงกระถาง จัดวางตามใจชอบ
35
3. นำดินแคคตัสผสมกับหินภูเขาไฟ จากนั้นนำไปโปรยรอบ ๆ ต้น
4. ขั้นสุดท้ายอาจโปรยด้านบนปิดหน้าดินด้วยหินภูเขาไฟ หรือ
หินสีตามใจชอบ เพื่อความสวยงาม เหตุที่เครื่องปลูกเน้นหินมาก
ที่สุด เพราะจะได้มีความโปร่งน้ำให้น้ำไหลผ่านได้ดี น้ำไม่ขัง
ช่วยให้รากหรือหัวไม่เน่า
การดูแลรักษา
1. หากอยากได้ใบใหญ่และเยอะ ให้นำมาไว้ในจุดที่แสงเพียงพอ หากนำไปไว้ที่ลับแสงอาจจะได้
ใบเล็กและมีเพียงกิ่งที่ยืดยาวเท่านั้น หรือนำไปวางไว้จุดที่แดดจัดใบอาจจะเหลืองเพราะความ
ร้อนเกินไปได้ ฉะนั้นให้โดนแสงเพียง 70 – 80 % จะดีที่สุด
2. การรดน้ำ รดบริเวณรอบ ๆ ต้น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง มีข้อห้ามคือ ห้ามรดจนแฉะเกินไปเพราะ
อาจเสี่ยงให้เน่าได้ อีกทั้งห้ามรดที่หัวโดยตรงเด็ดขาด เพราะเป็นเหตุให้หัวเน่าได้เช่นกัน ส่วนใบ
สามารถพ่นละอองน้ำให้ใบชุ่มชื่นได้
3. พอต้นเริ่มชินกับสภาพดิน รากเริ่มเกาะจะเริ่ม
แตกยอดกิ่งจะยืดยาวหาที่เกาะ ให้นำไม้มาปัก
ไว้ให้เถาของพุงช้างเกาะ หรือให้นำลวดปักที่ปลายหัวเพื่อดัดให้ไม้เลื้อยกลายเป็นรูปทรงที่เรา
ต้องการได้ ส่วนใหญ่มักดัดลวดให้เป็นวงกลม รูปหัวใจ และดาว หรืออาจปล่อยตามธรรมชาติก็
ย่อมได้
36
บัวบกผา หรือ บัวหิน
วัสดุในการปลูก
หินภูเขาไฟ
ดินแคคตัส
แกรบดิบ
ขี้วัว
ขุยมะพร้าว
ไตรโคเดอร์มา
38
ขั้นตอนการปลูก
1. นำวัสดุทุกอย่างมาผสมให้เข้ากัน 2. จัดเตรียมภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วแบ่งหิน
ภูเขาไฟมาส่วนหนึ่งเพื่อนำไปใส่รองก้นกระถาง
3. จากนั้นให้นำส่วนผสมที่ผสมไว้เทลงกระถาง 4. นำหินภูเขาไฟโปรยปิดหน้าดินด้านบน เพื่อป้องกันไม่
ให้ต้นสัมผัสกับดินโดยตรง เพราะอาจจะเน่าได้
39
5. รดน้ำเล็กน้อย
6. นำหัวของบัวบกผามาวาง จัดวางตามใจชอบ
7. ขั้นตอนสุดท้ายให้นำหินภูเขาไฟโปรยรอบต้นอีกครั้ง
เพื่อประคองต้นไม่ให้ล้ม หรือจะเปลี่ยนเป็นหินสีก็ได้
40
การดูแลรักษา
1. บัวผาต้องการเพียงแดดรำไร ไม่ชอบแดดที่แรงเกินไป ควรวางไว้ที่ร่มไม้หรือโรงเรือนที่
แดงส่องมาในปริมาณที่พอเหมาะ
2. ควรรดน้ำแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ส่วนใบสามารถพ่นละอองน้ำให้ใบชุ่มชื่นได้
3. หากใครที่ไม่ชอบใบใหญ่ เมื่อใบเริ่มใหญ่ให้ตัดกิ่งออกได้เลย รอ 1- 2 อาทิตย์ ก็จะเริ่มแตก
ใบใหม่เอง หรือคนที่ชอบใบใหญ่อาจใส่ปุ๋ยละลายช้าเพิ่มไปอีก 1 หยิบมือ เป็นการเร่งใบให้
ใหญ่และเยอะได้
41
บัวบกโขด หรือ
บัวบกหัว
วัสดุในการปลูก
01
ดินขุยมะพร้าว
02
หินภูเขาไฟเบอร์ 00
03
ทราย
04
ยากันเชื้อรา 1 ช้อนชา
42
ขั้นตอนการปลูก 2
1
นำวัสดุที่เตรียมมาทุกอย่าง นำไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำส่วนผสมที่เตรียมไว้เทลงภาชนะ
34
รดน้ำให้ทั่วหน้าดิน ห้ามแฉะจนเกินไป จากนั้นนำหัวบัวบกโขดมาวาง จัดองค์ประกอบ
ตามใจชอบ
43
56
เมื่อวางหัวลงไปแล้ว ให้เพิ่มดินลงไปอีกครั้ง ขั้นตอนสุดท้ายให้รดน้ำให้ชุ่ม เป็นอันเสร็จ
การดูแลรักษา
1. บัวโขดเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดรำไร หากอยู่ในจุดที่แดดแรงเกิน อาจทำให้ใบเหลือง หรือไม่ขึ้นใบได้
2. การรดน้ำ บัวโขดชอบน้ำน้อยมาก อาจจะรด 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ได้
3. บัวบกโขดเป็นไม้ที่ค่อนข้างจะออกใบช้า นานถึง 2 – 3 เดือน ทั้งนี้แต่ละหัวก็มี เวลาในการงอก
ที่แตกต่างกันออกไป
44
มะยมเงิน มะยมทอง
วัสดุในการปลูก
1. ดินแคคตัส
2. ดินใบก้ามปูร่อน
3. ขุยมะพร้าว
4. หินภูเขาไฟเบอร์ 01 หรือ 02
46
ขั้นตอนการปลูก
1
นำวัสดุทุกอย่างมาผสมให้เข้ากัน
2
นำภาชนะที่เตรียมมา อาจเป็นกระถาง
เซรามิกก็ได้ จากนั้นนำหินภูเขาไฟใสรอง
ก้นกระถางเพื่อเก็บความชื้น ไม่ให้เป็น
เชื้อรา อีกทั้งยังมีแร่ธาตุ
3
จากนั้นเทดินที่ผสมไว้ลงใส่ภาชนะ
ที่เตรียมมาให้แน่น
47
4
นำหัวมะยมเงิน มะยมทองมาปักลงในดิน
จัดวางองค์ประกอบตามใจชอบ แล้วนำดิน
ที่เหลือเททับหัวแล้วกดให้แน่น
5
ขั้นตอนสุดท้ายให้นำหินภูเขาไฟ หรือหิน
สีมาโปรย เพื่อความสวยงาม
48
การดูแลรักษา
1. มะยมเงินมะยมทองเป็นไม้ที่ต้องการแดดจัด เนื่องจากลักษณะของต้นที่ตอนเช้าใบจะ
กางออกเพื่อรับแสงอาทิตย์
2. การรดน้ำ รดน้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และควรฉีดละอองน้ำพรมใบทุกวันถ้าอากาศร้อนมาก
3. ใบของมะยมเงินมะยมทองใช้เวลาเพียง 9 – 10 วัน ในการแตกใบ
49
เ ส น่ ห์ น า ง พิ ม
วั สดุ ในการปลู ก
1. ขุยมะพร้าว
2. แกรบดิบ
3. ดินแคคตัส
4. ขี้วัว
5. ไตรโคเดอร์มา
6. หินภูเขาไฟ
50