ฝ่ายการพยาบาล มกราคม 2564 คู่มื คู่ อ มื สมรรถนะพยาบาล โรงพยาบาลศูน ศู ย์ก ย์ ารแพทย์ม ย์ หาวิทยาลัยแม่ฟ้ม่ า ฟ้ หลวง
สารบัญ เรื่อง หน้า สมรรถนะพยาบาล 1 Competency Model Framework 3 Core Competency (CC) 4 CC 1. การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงาน 5 CC 2. คุณธรรมและจริยธรรม 6 CC 3. การมงุ่ผลสมัฤทธิ์ 7 CC 4. การท างานเป็นทีม 8 Functional Competency (FC) 9 FC 1. จิตส านึกการให้บริการ 10 FC 2. การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ 11 FC 3. การสร้างและรักษาสัมพันธภาพ 12 FC 4. การบริหารจัดการทางการพยาบาล 13 Managerial Competency (MC) 14 MC 1. ความเป็นผู้น า 15 MC 2. วิสัยทัศน์ 16 MC 3. ศักยภาพเพื่อน าการปรับเปลี่ยน 17 MC 4. การควบคุมตัวเอง 18 MC 5. การพัฒนาศักยภาพคน 19 Technical Competency (TC) 20 TC 1. การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษา(OPD) 21 TC.1.1 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคกระดูกและข้อ 22 TC.1.2 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคทางศัลยศาสตร์ 23 TC.1.3 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด 24 TC.1.4 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด 25 TC.1.5 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทางอายุรศาสตร์ 26 TC1.6 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคทางสูตินรีเวชศาสตร์ 27 TC1.7 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคทางหู คอ จมูก 28 TC1.8 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบ าบัด 29 TC1.9 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคเด็ก 30 TC1.10 การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคทั่วไป 31 TC 2. การดูแลผู้ป่ วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (ER) 32 TC2.1 การคัดแยกผู้ใช้รับบริการที่มารับการตรวจรักษาทางอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 33 TC2.2 การดูแลผู้ใช้รับบริการบาดเจ็บหลายระบบที่มารับการตรวจรักษาทางอุบัติเหตุและฉุกเฉิน 34
สารบัญ เรื่อง หน้า TC 2. การดูแลผู้ป่ วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน (ER) TC2.3 การดูแลผู้ใช้บริการที่เข้ารับการตรวจรักษาระบบ FastTrack (STEMI, acute stroke) 35 TC 3. การดูแลผู้ป่ วยผ่าตัด 36 TC 3.1 การดูแลผู้ป่ วยที่มารับการผ่าตัด 37 TC 4. การดูแลผู้ป่ วยทางวิสัญญี 38 TC 4.1 การดูแลผู้ป่ วยที่ได้รับยาระงับความรู้สึก 39 TC 5. การดูแลผู้ป่ วยกุมารเวชศาสตร์ 41 TC 5.1 การดูแลทารกแรกเกิด 42 TC 5.2 การดูแลผู้ป่ วยเด็ก 43 TC 6. การดูแลผู้ป่ วยสูตินรีเวชศาสตร์ 44 TC 6.1 การดูแลผู้คลอดและทารกแรกเกิด 45 TC 7. การดูแลผู้ป่ วยระยะวิกฤต 46 TC7.1 การดูแลผู้ป่ วยระยะวิกฤต 47 TC 8. การดูแลผู้ป่ วยศัลยศาสตร์ 48 TC 8.1 การดูแลผู้ป่ วยศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับ และทางเดินน ้าดี 49 TC 8.2 การดูแลผู้ป่ วยศัลยกรรมประสาทและไขสันหลัง 50 TC 8.3 การดูแลผู้ป่ วยศัลยกรรมศีรษะ คอ และเต้านม 51 TC 8.4 การดูแลผู้ป่ วยศัลยกรรมตกแต่ง 52 TC 9. การดูแลผู้ป่ วยออร์โธปิดิกส์ 53 TC 9.1 การดูแลผู้ป่ วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ 54 TC 10. การดูแลผู้ป่ วยอายุรศาสตร์ 55 TC10.1 การดูแลผู้ป่ วยอายุรกรรมโรคหัวใจและหลอดเลือด 56 TC10.2 การดูแลผู้ป่ วยอายุรกรรมโรคหลอดเลือดสมอง 57 TC10.3 การดูแลผู้ป่ วยอายุรกรรมระบบทางเดินหายใจ 58
รายชื่อคณะผู้จัดทา คู่มือสมรรถนะพยาบาล โรงพยาบาลศนูยก์ารแพทย์มหาวทิยาลัยแม่ฟ้าหลวง ๑. นางสาวประชิด ศราธพันธุ์ หัวหน้าฝ่ ายการพยาบาล ประธาน ๒. นางสาวโจธิกา เบ็ญชา nurse educator รองประธาน . ๓. นางสาวพรทิพย์ภา ตรีทิพยศาสตร์ พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจรักษาทั่วไป คณะท างาน ๔. นางณภัทร พากุดเรือ พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจสุขภาพ คณะท างาน ๕. นางสาวนีย์ชยา สุธาธรรม พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจสุขภาพจิต คณะท างาน ๖. นางสาวศิริวรรณ รื่นบันเทิง successor หัวหน้าหน่วยตรวจ หู คอ จมูก คณะท างาน ๗. นางสาวหนึ่งฤทัย ค าน้อย พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจตา คณะท างาน ๘. นางสาวอัมราวดี อิ่นแก้ว พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจโรคสูตินรีเวชศาสตร์ คณะท างาน ๙. นางสาวอัมพิกา วงศ์บุญมา พยาบาลวิชาชีพหออภิบาลทารกแรกเกิด คณะท างาน ๑o. นางสาวพิมลภัสศ์ พานิชกระจ่าง หัวหน้างานการพยาบาลศัลยศาสตร์และออร์โธปิดิกส์ คณะท างาน ๑๑. นางปุณยนุช จี๋มะลิ หัวหน้าหน่วยตรวจศัลยศาสตร์ คณะท างาน ๑๒. นางศศิญดา จันทน์ธวัช หัวหน้าหน่วยตรวจออร์โธปิดิกส์ คณะท างาน ๑๓. นางสาวเมขลา เขื่อนเพชร หัวหน้าหน่วยตรวจหัวใจและหลอดเลือด คณะท างาน ๑๔. นางสาวนิจชิตา คุณธรรม successor หัวหน้าหน่วยสวนหัวใจและหลอดเลือด คณะท างาน ๑๕. นายพิษณุ ศรีมาลา พยาบาลวิชาชีพหน่วยตรวจอายุรศาสตร์ คณะท างาน ๑๖. นางสาวกันยารัตน์ ยอดมูลดี หัวหน้าหอผู้ป่ วยสามัญ 7 B คณะท างาน ๑๗. นางสาวกนกพร แซ่ล้อ หัวหน้าหอผู้ป่ วยพิเศษ 10 B คณะท างาน ๑๘. นางสาวจิราภรณ์ ค าตา หัวหน้าหอผู้ป่ วยพิเศษ 10 A คณะท างาน ๑๙. นางสาวเกศินี วิมลวรรธนะสาร พยาบาลวิชาชีพงานการพยาบาลวิสัญญี คณะท างาน ๒o. นายธนนท์ ไชยา พยาบาลวิชาชีพงานการพยาบาลผ่าตัด คณะท างาน ๒๑. นางสาวสุทธิพันธ์ ปัญญากาศ พยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่ วยวิกฤต CCU คณะท างาน ๒๒. นางสาวญารวี จันธิมา พยาบาลวิชาชีพงานการพยาบาลอุบัติเหตุและฉุกเฉิน คณะท างาน ๒๓. นางสาววัชราภรณ์ อัญชลีไพบูลย์ successor หัวหน้าหน่วยตรวจเคมีบ าบัด เลขานุการ ๒๔. นางสาวกัญญาภัค ค าฟู successor หัวหน้าหอผู้ป่ วยสามัญ 9A ผู้ช่วยเลขานุการ
1 สมรรถนะพยาบาล สมรรถนะพยาบาล หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่เป็นผลมาจากความรู้ ทักษะ ความสามารถ และคุณลักษณะ อื่นๆที่ท าให้พยาบาลสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นในองค์กร ฝ่ ายการพยาบาล โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก าหนดประเภทสมรรถนะออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สมรรถนะหลัก สมรรถนะประจ าสายงานพยาบาล สมรรถนะด้านการบริหาร และสมรรถนะเชิงเทคนิคทางการพยาบาล สมรรถนะหลัก(Core Competency) หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่ก าหนดเป็นคุณลักษณะร่วมของพนักงาน โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ฯ เพื่อเป็นการหล่อหลอมค่านิยมและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ร่วมกัน สมรรถนะหลักโรงพยาบาลศูนย์ การแพทย์ฯ ประกอบด้วย 1. การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงาน (CC.1) 2. คุณธรรมและจริยธรรม (CC.2) 3. การมงุ่ผลสมัฤทธิ์(CC.3) 4. การท างานเป็นทีม (CC.4) สมรรถนะประจ าสายงานพยาบาล(Functional Competency) หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่ก าหนดเฉพาะ ส าหรับสายงานพยาบาล เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้พยาบาลในสายงาน มีพฤติกรรมที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติงาน ให้สามารถ ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุด สมรรถนะประจ าสายงานพยาบาล ประกอบด้วย 1. จิตส านึกการให้บริการ (FC.1) 2. การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ (FC.2) 3. การสร้างและรักษาสัมพันธภาพ (FC.3) 4. การบริหารจัดการทางการพยาบาล (FC.4) สมรรถนะด้านการบริหาร(Managerial Competency) หมายถึง คุณลักษณะของ พยาบาลที่ด ารงต าแหน่งด้านการ บริหารการพยาบาลจ าเป็นต้องมี ซึ่งสมรรถนะประเภทนี้ จะสะท้อนถึงความคาดหวังขององค์กรที่มีต่อผู้บริหารการพยาบาล ระดับต่างๆ นอกเหนือจากสมรรถนะหลัก และสมรรถนะประจ าสายงานพยาบาล หรือใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาความก้าวหน้า ในสายอาชีพ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานประสบความส าเร็จ สมรรถนะด้านการบริหาร ประกอบด้วย 1. ความเป็นผู้น า (MC.1) 2. วิสัยทัศน์(MC.2) 3. ศักยภาพเพื่อน าการปรับเปลี่ยน (MC.3) 4. การควบคุมตนเอง (MC.4) 5. การพัฒนาศักยภาพ (MC.5)
2 สมรรถนะเชิงเทคนิคทางการพยาบาล(Technical Competency) หมายถึง ทักษะด้านการพยาบาลที่จ าเป็นในการ น าไปปฏิบัติงานให้บรรลุผลส าเร็จ โดยจะแตกต่างกันตามลักษณะงาน สามารถจ าแนกได้ 2 ย่อย ได้แก่สมรรถนะเชิงเทคนิคหลัก (Core technical competency) และสมรรถนะเชิงเทคนิคเฉพาะ(Specific technical competency) แนวทางการแบ่งระดับความช านาญการ(Proficiency Level) ระดับ ค านิยาม 1 Basic รู้ เข้าใจ กฎระเบียบ ขั้นตอนการท างาน 2 Doing เข้าใจและอธิบายการท างาน วิเคราะห์ สรุป วางแผนปฏิบัติงานได้ 3 Developing ออกแบบ พัฒนา ปรับปรุงงานได้ 4 Advance บริหารจัดระบบงาน ให้ค าปรึกษา เสนอแนะแนวทางได้ 5 Expert เชื่อมโยงบูรณาการความรู้สู่การปฏิบัติ สร้างองค์ความรู้ใหม่ การก าหนดค่าความคาดหวังตามต าแหน่งงาน (Competency Mapping) CC = Core Competency, FC = Functional Competency, TC = Technical Competency, MC = Managerial Competency พยาบาลปฏิบัติการ ระดับสมรรถนะ CC FC TC MC 1. พยาบาลจบใหม่(Novice) 1 1 1 - 2. พยาบาลเริ่มปฏิบัติใหม่(Beginner) 1 1 1 - 3. พยาบาลผู้มีความสามารถ(Competent) 1 2 2 - 4. พยาบาลผู้คล่องงาน(Proficient) หรือ หัวหน้าเวร(Charge Nurse) 1 3 3 1 5. พยาบาลผู้ช านาญการ(Expert) 1 4 4 2 ผู้บริหารการพยาบาล ระดับสมรรถนะ CC FC TC MC 1. หัวหน้าหอผู้ป่ วย 2 4 4 2 2. หัวหน้างานการพยาบาล 3 5 4 3 3. ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ ายการพยาบาล 3 5 4 4 4. หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล 4 5 4 5
Competency Mo Vision Mission Strategies Core Value Competency M Core Competency Managerial Comp Functional Compe Technical compet Individual Development Plan (IDP) ประเมินสมรร ความรู้โดยใช้แบบทด ทักษะ โดยให้ทดลองป คุณลักษณะ โดยการสัง Training & Training Roadmap ประเมินผลการปฏิบตัิง ประเมินเพื่อเข้าส่ตูา แ
3 odel Framework Model y etency etency ency Competency Dictionary Competency Names & Definitions Proficiency Level Behavioral Indicators รถนะ สอบความรู้ ปฏิบัติ ังเกตพฤติกรรม Competency Mapping หัวหน้าฝ่ ายการพยาบาล ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ ายการพยาบาล หัวหน้างานการพยาบาล Nurse Educator หัวหน้าหอผู้ป่ วย/หน่วยงาน พยาบาลหัวหน้าเวร Charge Nurse พยาบาลผู้มีความสามารถ Competent พยาบาลเริ่มปฎิบัติงานใหม่ Novice/Beginner งานประจา ปี แหน่งบริหาร
4 MFU-MCH Core Competency สมรรถนะหลัก
5 CC1: การส่ังสมความชา นาญในงาน ค าจ ากัดความ: ความสนใจใฝ่ รู้ สั่งสมความรู้ความสามารถของตน ในการปฏิบัติงาน ด้วยการศึกษาค้นคว้า และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง จน สามารถประยกุตใ์ชค้วามรูเ้ชิงวิชาการและเทคโนโลยตีา่งๆเขา้กบัการปฏบิตังิานและเกิดผลสมัฤทธิ์ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 แสดงความสนใจและติดตามความรู้ใหม่ๆในสาขาอาชีพของตนหรือที่เกี่ยวข้อง ศึกษาหาความรู้ สนใจเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆในสาขาอาชีพของตน พัฒนาความรู้ความสามารถของตนให้ดียิ่งขึ้น ติดตามเทคโนโลยี และความรู้ใหม่อยู่เสมอ ด้วยการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อการ ปฏิบัติงาน 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และมีความรู้ในวิชาการและเทคโนโลยีใหม่ๆในสาขาอาชีพของตน รอบรู้ในเทคโนโลยี หรือองค์ความรู้ใหม่ๆในสาขาอาชีพของตน รับรู้ถึงแนวโน้มวิทยาการที่ทันสมัย และเกี่ยวข้องกับงานของตนอย่างต่อเนื่อง 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสามารถน าความรู้ วิทยาการ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้กับการปฏิบัติงาน สามารถน าวิชาการ ความรู้ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้ สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการน าเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการปฏิบัติงานได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และศึกษาพัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในงานมากขึ้น ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง อย่างต่อเนื่อง มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องที่มีลักษณะเป็น สหวิทยาการ และสามารถน าความรู้ไปปรับใช้ได้อย่าง กว้างขวาง สามารถน าความรู้เชิงบูรณาการของตนไปใช้ในการสร้างวิสัยทัศน์ เพื่อการปฏิบัติงานในอนาคต 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และสนับสนุนการท างานของคนในองค์กร เน้นความเชี่ยวชาญในวิทยาการด้านต่างๆ สนับสนุนให้เกิดบรรยากาศแห่งการพัฒนาความเชี่ยวชาญในองค์กร ด้วยการจัดสรรทรัพยากร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เอื้อต่อการพัฒนา
6 CC2: ยึดม่ันในคุณธรรมและจริยธรรม ค าจ ากัดความ: การด ารงตนและประพฤติปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสมทั้งตามกฎหมาย คณุธรรม จรรยาบรรณแหง่วิชาชีพ เพื่อรกัษาศกัดิศ์รแีหง่ วิชาชีพ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 มีความสุจริต ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบวินัยของมหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาชีพอย่างสุจริต 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และมีสัจจะเชื่อถือได้ รักษาค าพูด มีสัจจะ และเชื่อถือได้ แสดงให้ปรากฎถึงความมีจิตส านึกในความเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2และยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในหลักการ จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ไม่เบี่ยงเบนด้วยด้วยอคติหรือผลประโยชน์ กล้ารับผิดและ รับผิดชอบ เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร/มหาวิทยาลัย 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง โดยมุ่งพิทักษ์ผลประโยชน์ขององค์กร/มหาวิทยาลัย แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจ ยากล าบาก กล้าตัดสินใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้องเป็นธรรม แม้อาจก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจให้แก่ผู้เสีย ประโยชน์ 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และอุทิศตนเพื่อความยุติธรรม ยืนหยัดพิทักษ์ผลประโยชน์และชื่อเสียงขององค์กร/มหาวิทยาลัย แม้ในสถานการณ์ที่อาจต่อความมั่นคงใน ต าแหน่งหน้าที่การงาน หรืออาจเสี่ยงภัยต่อชีวิต
7 CC3 : การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ค าจ ากัดความ: ความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดี หรือให้เกินมาตรฐานที่มีอยู่ โดยมาตรฐานอาจเป็นผลการปฏิบัติงานของตนเอง หรือเกณฑ์วัด ผลสมัฤทธิ์ที่องคก์รกา หนดขึน้อีกทงั้ยงัหมายรวมถึง การสรา้งสรรคพ์ฒันาผลงาน หรอืกระบวนการปฏบิตัิงานตามเป้าหมายที่ยาก และทา้ทาย ชนิดที่อาจไม่เคยมีผู้ใดสามารถกระท าได้มาก่อน ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 แสดงความพยายามในการท างานให้ดี พยายามท างานในหน้าที่ให้ถูกต้อง พยายามปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จตามก าหนดเวลา มานะ อดทน ขยันหมั่นเพียรในการท างาน แสดงออกว่าต้องการท างานให้ดีขึ้น แสดงความเห็นในเชิงปรับปรุงพัฒนา เมื่อเห็นความสูญเปล่า หรือหย่อน ประสิทธิภาพในงาน 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และสามารถท างานได้ผลงานตามเป้าหมายที่วางไว้ ก าหนดมาตรฐาน เป้าหมายในการท างานเพื่อให้ได้ผลงานที่ดี ติดตามแลประเมินผลงานของตน โดยเทียบเคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน ท างานได้ตามเป้าหมายที่ผู้บังคับบัญชาก าหนด หรือเป้าหมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบ มีความละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ ตรวจตราความถูกต้องเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสามารถปรับปรุงวิธีการท างาน เพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงวิธีการท างานให้ดีขึ้น เร็วขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น หรือท าให้ผู้รับบริการพึงพอใจมากขึ้น เสนอ หรือทดลองวิธีการท างานแบบใหม่ที่คาดว่าจะท าให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสามารถก าหนดเป้าหมาย รวมทั้งพัฒนางานเพื่อให้ได้ผลงานที่โดดเด่น หรือแตกต่าง อย่างมีนัยส าคัญ ก าหนดเป้าหมายที่ท้าทายและเป็นไปได้ยาก เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด พัฒนาระบบ ขั้นตอน วิธีการท างาน เพื่อให้ได้ผลงานที่โดดเด่น หรือแตกต่างไม่เคยมีผู้ใดท าได้มาก่อน 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และกล้าตัดสินใจ แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะมีความเสี่ยง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของหน่วยงาน หรือองค์กร ตัดสินใจได้ โดยมีการค านวณผลได้ผลเสียอย่างชัดเจน และด าเนินการ เพื่อให้องค์กรได้ประโยชน์สูงสุด บริหารจัดการและทุ่มเทเวลา ตลอดจนทรัพยากรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจของหน่วยงาน ตามที่ วางแผนไว้
8 CC4 : การท างานเป็ นทีม ค าจ ากัดความ: ความตั้งใจที่จะท างานร่วมกับผู้อื่น เป็นส่วนหนึ่งของทีม หน่วยงาน หรือโรงพยาบาล โดยผู้ปฏิบัติมีฐานะเป็นสมาชิก ไม่ จ าเป็นต้องมีฐานะหัวหน้าทีม รวมทั้งความสามารถในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับสมาชิกในทีม ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 ท าหน้าที่ของตนในทีมให้ส าเร็จ สนับสนุนการตัดสินใจของทีม และท างานในส่วนที่ตนได้รับมอบหมาย รายงานให้สมาชิกทราบความคืบหน้าของการการด าเนินงานของตนในทีม ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการท างานของทีม 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และให้ความร่วมมือในการท างานกับเพื่อนร่วมงาน สร้างความสัมพันธ์ เข้ากับผู้อื่นในกลุ่มได้ดี ให้ความร่วมมือกับผู้อื่นในทีมด้วยดี กล่าวถึงเพื่อนร่วมงานในเชิงสร้างสรรค์ และแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเพื่อนร่วมทีมทั้งต่อหน้าและ ลับหลัง 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และประสานความร่วมมือของสมาชิกในทีม รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในทีม และเต็มใจเรียนรู้จากผู้อื่น ตัดสินใจ หรือวางแผนงานร่วมกันในทีมจากความคิดเห็นของเพื่อนร่วมทีม ประสานและส่งเสริมสัมพันธภาพอันดีในทีม เพื่อสนับสนุนการท างานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้งานประสบความส าเร็จ ยกย่อง ให้ก าลังใจเพื่อนร่วมทีมอย่างจริงใจ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลแก่เพื่อนร่วมทีม แม้ไม่มีการร้องขอ รักษามิตรภาพอันดีกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อช่วยเหลือกันในวาระต่างๆให้งานส าเร็จ 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และสามารถน าทีมให้ปฏิบัติภารกิจให้ได้ผลส าเร็จ เสริมสร้างความสามัคคีในทีม โดยไม่ค านึงความชอบหรือไม่ชอบส่วนตน คลี่คลาย หรือแก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทีม ประสานสัมพันธ์ สร้างขวัญก าลังใจของทีม เพื่อปฏิบัติภารกิจขององค์กรให้บรรลุผล
9 MFU-MCH Functional Competency สมรรถนะประจ าสายงานพยาบาล
10 FC 1: จิตส านึกการให้บริการ(Service Mind) ค าจ ากัดความ : ความตั้งใจและความพยายามในการให้บริการ ต่อผู้รับบริการ หรือหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1. สามารถให้บริการที่ผู้รับบริการต้องการได้ด้วยความเต็มใจ ให้บริการที่เป็นมิตรและสุภาพ ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ชัดเจนแก่ผู้รับบริการ แจ้งให้ผู้รับบริการทราบความคืบหน้าในการบริการ หรือขั้นตอนการบริการที่ให้บริการอยู่ ประสานงานภายในหน่วยงาน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับบริการที่ต่อเนื่องและรวดเร็ว 2. แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้รับบริการ รับเป็นธุระ ช่วยแก้ปัญหาหรือหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการอย่างรวดเร็ว ไม่บ่ายเบี่ยง ไม้แก้ตัวหรือ ปัดภาระ ดูแลให้ผู้รับบริการได้รับความพึงพอใจ และน าข้อขัดแย้งใดๆในการบริการไปพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้น 3. แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และให้บริการที่เกินความคาดหวัง แม้ต้องใช้เวลาหรือความพยายามเป็นอย่างมาก ให้เวลาแก่ผู้รับบริการเป็นพิเศษ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้แก่ผู้รับบริการ ให้ข้อมูล ค าแนะน าแก่ผู้รับบริการ แม้ว่าผู้รับบริการไม่ได้ถาม น าเสนอวิธีการในการให้บริการ ที่ผู้รับบริการจะได้รับประโยชน์สูงสุด 4. แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และเข้าใจ และให้บริการที่ตรงตามความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการได้ เข้าใจ หรือพยายามท าความเข้าใจด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้บริการได้ตรงความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการ ให้ค าแนะน าที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับบริการ เพื่อตอบสนองความจ าเป็น หรือความต้องการที่แท้จริงของผู้รับบริการ 5. แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และให้บริการที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผู้รับบริการ คิดถึงประโยชน์ของผู้รับบริการในระยะยาว และพร้อมที่จะเปลี่ยนวิธี หรือขั้นตอนการให้บริการเพื่อประโยชน์สูงสุด ของผู้รับบริการ เป็นที่ปรึกษาที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจที่ผู้รับบริการไว้วางใจ สามารถให้ความเห็นที่แตกต่างจากวิธีการ หรือขั้นตอนที่ผู้รับบริการต้องการ ให้สอดคล้องกับความจ าเป็น ปัญหา โอกาส เพื่อประโยชน์อย่างแท้จริงของผู้รับบริการ
11 FC 2: การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ ค าจ ากัดความ : การระบุและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา รวมทั้งหาแนวทางเลือก และพิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1. สามารถแก้ไขปัญหาในงานประจ าของหน่วยงานได้ รู้ เข้าใจวิธีการและแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการท างานประจ าวันที่ไม่ยุ่งยาก ตัดสินใจตามวิธีการและขั้นตอนที่ก าหนด 2. แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และวิเคราะห์ตัดสินใจแก้ไขปัญหาโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งอาจมีการปรึกษาบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องบ้าง ตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ 3. แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อช่วยในการวางแผนแก้ไขปัญหาและมีเหตุผลรองรับ เข้าใจปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง ตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลภายนอกและมีเหตุผลรองรับ 4. แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และผสมผสานความคิดจากทีมหรือสหสาขาวิชาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ กระตุ้นให้บุคลากรในทีมมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียและแนวทางเลือกได้ 5. แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และบูรณาการความรู้ ความเชี่ยวชาญในเชิงวิชาชีพ เพื่อแก้ไข ป้องกันปัญหาทีมีความซับซ้อน ขององค์กรได้อย่างยั่งยืน สามารถคาดการณ์และแยกแยะปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายและ ความส าเร็จขององค์กร ก าหนดแนวทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเชิงกลยุทธ์ และหาแนวทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา ตัดสินใจภายใต้สถาณการณ์และข้อจ ากัดได้
12 FC 3: การสร้างและรักษาสัมพันธภาพ ค าจ ากัดความ : สร้างหรือรักษาสัมพันธภาพฉันมิตร เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ หรือผู้เกี่ยวข้องกับงาน ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1. สร้างหรือรักษาการติดต่อกับผู้ใช้บริการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับงาน โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือใช้วิธีการติดต่อหรือการ ประสานงานที่ดีกับผู้ที่ต้องเกี่ยวข้อง 2. แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ สร้างหรือรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างมิตรภาพกับเพื่อนร่วมงาน และผู้อื่นอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง 3. แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสร้างหรือรักษาการติดต่อสัมพันธ์ทางสังคม เข้าร่วมกิจกรรมของหน่วยงานทุกครั้ง เพื่อประโยชน์ในการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ริเริ่มกิจกรรม เพื่อให้มีการติดต่อสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้ที่ต้องเกี่ยวข้องกับงานในวงกว้าง 4. แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสร้างหรือรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตร สร้างวิธีการติดต่อกับผู้ใช้บริการและผู้เกี่ยวข้องกับงาน โดยมีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ในทางส่วนตัวมากขึ้น สร้างมิตรภาพกับผู้ใช้บริการและผู้เกี่ยวข้องกับงาน โดยมีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ในทางส่วนตัวมากขึ้น รักษาสัมพันธภาพกับผู้ใช้บริการและผู้เกี่ยวข้องกับงาน โดยมีลักษณะเป็นความสัมพันธ์ในทางส่วนตัวมากขึ้น 5. แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรในระยะยาว สร้างวิธีติดต่อ และสร้างมิตรภาพกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานอย่างต่อเนื่อง รักษาสัมพันธภาพ และสนับสนุนมิตรภาพกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานอย่างต่อเนื่อง
13 FC4: การจัดการทางการพยาบาล ค าจ ากัดความ : มีความรู้ความเข้าใจและทักษะการบริหารจัดการ สามารถวางแผน มอบหมาย จัดการงาน และติดตามประเมินผลให้เกิด ประสิทธิภาพในองค์กร สอดคล้องกับนโยบาย กลยุทธ์ เป้าหมาย และการเปลี่ยนแปลง ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 มีความรู้เกี่ยวกับระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงาน วิชาชีพและปฎิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่างถูกต้อง ปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่ก าหนดได้อย่างถูกต้อง ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา ใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า ตรวจสอบความถูกต้อง และความเรียบร้อยของผลงานก่อนส่งมอบงาน 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และล าดับความส าคัญหรือความเร่งด่วนของงานและจัดการงานได้อย่างเหมาะสม จัดล าดับความส าคัญ วางแผนและจัดการงานที่รับผิดชอบได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และทรัพยากรให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด ตรวจสอบความถูกต้องในงานของผู้อื่น ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับและวิธีการที่ก าหนดไว้ วางตนให้เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง ตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับและวิธีการที่ก าหนด 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และวางแผนจัดการงาน/เชื่อมโยงงานทีมีความซับซ้อนเพื่อให้บรรลุตามแผนที่ก าหนดไว้ได้ บริหารจัดการก าลังคนให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน รวมทั้งมอบหมายและกระจายงานได้เหมาะสมกับ ความสามารถของบุคลากร นิเทศ ก ากับ ดูแล การปฏิบัติงาน และติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม รับและถ่ายทอดแผนงาน นโยบาย หรือค าสั่งไปสู่ผู้ปฏิบัติได้อย่างครบถ้วน ชัดเจน บริหารจัดการวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ ยาและเวชภัณฑ์ให้มีอย่างเพียงพอ และพร้อมใช้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับงาน เตรียมทางเลือกส าหรับป้องกันแก้ไขปัญหา หรือ ก าหนดแนวปฎิบัติที่ดีเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด สอน แนะน าและจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานตามแผนงาน/แนวทางที่ก าหนดไว้ บริหารจัดการความเสี่ยงในการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดนวัตกรรม/แนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) และน ามาใช้ในการปฏิบัติงาน วิเคราะห์ความจ าเป็นและวางแผนการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และบูรณาการแนวคิดที่ดีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการงานให้มีประสิทธิภาพ น าแนวคิดการบริหารจัดการที่ดีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพงาน ร่วมก าหนดแผนกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล และองค์กร วางแผนเชิงรุกที่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและเทคโนโลยีสารสนเทศ น าแนวคิดหลักธรรมาภิบาล (Good governance) มาใช้ในการบริหารองค์กร
14 MFU-MCH Managerial Competency สมรรถนะด้านการบริหาร
15 MC1: ความเป็นผู้นา (Leadership) ค าจ ากัดความ: ความสามารถ หรือความตั้งใจที่จะรับบทเป็นผู้น าของกลุ่ม ก าหนดทิศทาง เป้าหมาย วิธีการท างาน ให้ทีมปฏิบัติงานได้อย่าง ราบรื่น เต็มประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 ด าเนินการประชุมได้ดีและคอยแจ้งข่าวสารความเป็นไปโดยตลอด ด าเนินการประชุมให้เป็นไปตามระเบียบวาระ วัตถุประสงค์ และเวลา ตลอดจนมอบหมายงานให้แก่ บุคลากรในกลุ่มได้ แจ้งข่าวสารให้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจรับทราบอยู่เสมอ แม้ไม่ได้ถูกก าหนดให้ต้องกระท า อธิบายเหตุผลในการตัดสินใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และเป็นผู้น าในการท างานของกลุ่มและใช้อ านาจอย่างยุติธรรม ส่งเสริมและกระท าการเพื่อให้กลุ่มปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก าหนดเป้าหมาย ทิศทางที่ชัดเจน จัดกลุ่มงานและเลือกคนให้เหมาะกับงานหรือก าหนดวิธีการที่จะท าให้ กลุ่มท างานได้ดีขึ้น รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น สร้างขวัญและก าลังใจในการปฏิบัติงาน ปฏิบัติต่อสมาชิกในทีมด้วยความยุติธรรม 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และให้การดูแลช่วยเหลือทีมงาน เป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือทีมงาน ปกป้องทีมงานและชื่อเสียงขององค์กร จัดหาบุคลากร ทรัพยากร หรือข้อมูลที่ส าคัญมาให้ทีมงาน 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และประพฤติตนสมกับเป็นผู้น า ก าหนดธรรมเนียมปฏิบัติประจ ากลุ่ม และประพฤติตนอยู่ในกรอบของธรรมเนียมปฏิบัตินั้น ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ยึดหลักธรรมาภิบาลในการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และน าทีมให้ก้าวไปสู่พันธกิจระยะยาวขององค์กร สามารถรวมใจคนและสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานเกิดความมั่นใจในการปฏิบัติภารกิจให้ส าเร็จลุล่วง เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และมีวิสัยทัศน์ในการสร้างกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
16 MC2: วิสัยทัศน์ (Visioning) ค าจ ากัดความ: ความสามารถในการก าหนดทิศทาง ภารกิจ และเป้าหมายการท างานที่ชัดเจน สามารถสร้างความร่วมมือร่วมใจเพื่อให้ภารกิจ บรรลุวัตถุประสงค์ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 รู้จักและเข้าใจวิสัยทัศน์ขององค์กร รู้ เข้าใจและสามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ว่า งานที่ท าอยู่นั้นเกี่ยวข้องหรือตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของ องค์กรอย่างไร 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และช่วยท าให้ผู้อื่นรู้และเข้าใจวิสัยทัศน์ขององค์กร อธิบายให้ผู้อื่นรู้และเข้าใจวิสัยทัศน์และเป้าหมายการท างานของหน่วยงานภายใต้ภาพรวมขององค์กร แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อประกอบการก าหนดวิสัยทัศน์ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่นเต็มใจที่จะปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ โน้มน้าวให้สมาชิกในทีมเกิดความเต็มใจและกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ ให้ค าปรึกษาแนะน าแก่สมาชิกในทีมถึงแนวทางในการท างาน โดยยึดถือวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์เป็น ส าคัญ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และก าหนดนโยบายให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร ริเริ่มและก าหนดนโยบายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อการน าวิสัยทัศน์ไปสู่ความส าเร็จ 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และก าหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัย ก าหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายและทิศทางในการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กร เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล และวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คาดการณ์ได้ว่าองค์กรจะได้รับผลกระทบอย่างไร จากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก
17 MC3: ศักยภาพเพื่อนา การปรับเปลี่ยน (Change Leadership) ค าจ ากัดความ: ความสามารถในการกระตุ้น หรือผลักดันหน่วยงานไปสู่การปรับเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ รวมถึงการสื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ เข้าใจและ ด าเนินการให้การปรับเปลี่ยนนั้นเกิดขึ้นจริง ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 เห็นความจ าเป็นของการปรับเปลี่ยน เห็นความจ าเป็นของการปรับเปลี่ยน และปรับพฤติกรรมหรือแผนการท างานให้สอดคล้องกับการ เปลี่ยนแปลงนั้น เข้าใจและยอมรับถึงความจ าเป็นของการปรับเปลี่ยน และเรียนรู้เพื่อให้สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง นั้นได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และสามารถท าให้ผู้อื่นเข้าใจการปรับเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้น ช่วยเหลือให้ผู้อื่นเข้าใจถึงความจ าเป็นและประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงนั้น สนับสนุนความพยายามในการปรับเปลี่ยนองค์กร พร้อมทั้งเสนอแนะวิธีและการมีส่วนร่วมในการ ปรับเปลี่ยนดังกล่าว 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และกระตุ้น สร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่นเห็นความส าคัญของการปรับเปลี่ยน กระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ผู้อื่นเห็นความส าคัญของการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจ เปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน กับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงนั้นแตกต่างกันในสาระส าคัญอย่างไร สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นแก่ผู้ที่ยังไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้น 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และวางแผนที่ดีเพื่อรับการปรับเปลี่ยนในองค์กร วางแผนอย่างเป็นระบบ และชี้ให้เห็นประโยชน์ของการปรับเปลี่ยน เตรียมแผน และติดตามการบริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างสม ่าเสมอ 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้การปรับเปลี่ยน สามารถด าเนินไปได้อย่างราบรื่น และประสบความส าเร็จ สร้างขวัญก าลังใจ และความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนให้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ
18 MC4: การควบคุมตนเอง (Self-Control ) ค าจ ากัดความ : ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมในสถานการณ์ที่อาจจะถูกยั่วยุ หรือเผชิญหน้ากับความไม่เป็นมิตร หรือต้อง ท างานภายใต้สภาวะกดดัน รวมถึงความอดทนอดกลั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ก่อความเครียดอย่างต่อเนื่อง ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 ไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ หรือไม่เหมาะสมในทุกสถานการณ์ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และควบคุมอารมณ์ในแต่ละสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และควบคุมได้อย่างเหมาะสม โดยอาจหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการ เกิดความรุนแรงขึ้น หรืออาจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หรือหยุดพักชั่วคราวเพื่อสงบสติอารมณ์ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสามารถใช้ถ้อยทีวาจา หรือปฏิบัติงานต่อไปได้อย่างสงบ แม้จะอยู่ในภาวะที่ถูกยั่วยุ รู้สึกได้ถึงความรุนแรงทางอารมณ์ในระหว่างสนทนา หรือการปฏิบัติงาน เช่นความโกรธ ความผิดหวัง หรือ ความกดดัน แต่ไม่แสดงออกแม้จะถูกยั่วยุ โดยยังคงสามารปฏิบัติงานต่อไปได้อย่างสงบ สามารถเลือกใช้วิธีการแสดงออกที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลในเชิงลบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการกับความเครียด หรือผลที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะกดดันทางอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประยุกต์ใช้วิธีการเฉพาะตน หรือวางแผนล่วงหน้าเพื่อจัดการกับความเครียดและความกดดันทางอารมณ์ที่ คาดหมายไว้ว่าจะเกิดขึ้น บริหารจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเครียดของตนเองหรือผู้ร่วมงาน 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และเอาชนะอารมณ์ด้วยความเข้าใจ ระงับอารมณ์รุนแรงด้วยการพยายามท าความเข้าใจและแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา รวมทั้งบริบทและปัจจัย แวดล้อมต่างๆ ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ รวมถึงท าให้คนอื่นๆมีอารมณ์ที่ สงบลงได้
19 MC5 : การพัฒนาศักยภาพคน ค าจ ากัดความ: ความตั้งใจที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ หรือการพัฒนาผู้อื่นในระยะยาว จนถึงระดับที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถมอบหมายหน้าที่ความ รับผิดชอบให้ผู้นั้นมีอิสระที่จะตัดสินใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตนได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 สอนงานหรือให้ค าแนะน าเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงาน สอนงานด้วยการให้ค าแนะน าอย่างละเอียด หรือด้วยการสาธิตวิธีปฏิบัติงาน ชี้แนะแหล่งข้อมูล หรือแหล่งทรัพยากรอื่นๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาการปฏิบัติงาน 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และตั้งใจที่พัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีศักยภาพ สามารถให้ค าปรึกษาชี้แนะแนวทางในการพัฒนา หรือส่งเสริมข้อดีและปรับปรุงข้อด้อยให้ลดลง ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาได้แสดงศักยภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงาน 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2และวางแผนเพื่อให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงความสามารถในการท างาน วางแผนในการพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มอบหมายงานที่เหมาะสม รวมทั้งให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะได้รับการฝึกอบรม หรือพัฒนาอย่าง สม ่าเสมอ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบในระดับตัดสินใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นบางเรื่องเพื่อให้มีโอกาสริเริ่มสิ่ง ใหม่ๆ หรือบริหารจัดการด้วยตนเอง 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติเดิมที่เป็นปัจจัยขัดขวางการพัฒนาศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา สามารถเข้าใจถึงสาเหตุแห่งพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เพื่อน ามาเป็นปัจจัยในการพัฒนาศักยภาพของ ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และท าให้องค์กรมีระบบการสอนงานและการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบ สร้างและสนับสนุนให้มีการสอนงาน และมีการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเป็นระบบในองค์กร สร้างและสนับสนุนให้มีวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในองค์กร
20 MFU-MCH Technical Competency สมรรถนะเชิงเทคนิคทางการพยาบาล
21 OPD Technical Competency
22 TC. 1.1 การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาโรคกระดูกและข้อ ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคกระดูกและข้อ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening) การพันผ้า ฉีดยา เจาะเลือด ท าแผล ตัดไหม การเตรียมอุปกรณ์และการช่วยเหลือแพทย์ เข้าเฝือก 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ Osteoarthritis knee, low back pain, arthritis, spondylolisthesis, carpal ganglion, rotator cuff syndromes, meniscus tear, trigger finger หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Denosumab, , Morphine, Pethidine, Tramadol, Ketorolac, Sodium hyarulonate, Ibandronate 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การฉีดยาเข้าข้อ(Intra-articular injection), การเจาะข้อเข่า (Kneearthrocentesis), การเข้าเฝือก (On cast/slab)และ Gypney strap เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนผ่าตัดและส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Electrolyte, BS, CBC, Cr, Coagulogram เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคกระดูกและข้อ เช่น ภาวะความดันในช่องกล้ามเนื้อ สูง (compartment syndrome) การติดเชื้อในข้อเทียมหลังผ่าตัด ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดด าส่วนลึก (deep vein thrombosis) ภาวะความดันโลหิตสูง 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ภาวะข้อติด (joint stiffness), กระดูกผิดรูป(malunion), การติดเชื้อในข้อหลังผ่าตัด 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาโรคกระดูกและข้อได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคระบบกระดูกและข้อ
23 TC.1.2 การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาโรคทางศัลยศาสตร์ ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคศัลยศาสตร์ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่ เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening), การท าแผล, การตัดไหม, การประเมินระดับความรู้สึกตัว, การให้สารน ้าทางหลอดเลือด ด า, การฉีดยา, การใส่สายสวนปัสสาวะ, การใส่สาย NG tube เป็นต้น 2.สามารถดูแลผู้ป่ วยที่มีแผลผ่าตัด แผลสายระบายและแผล ostomy ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย เช่น hemorrhagic stroke, brain tumor, colorectal cancer, breast cancer, abdominal aortic aneurysm, gall stone, appendicitis, hernia, hemorrhoid, diabetic foot หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Zometa, Triamcinolone, ยาชาเฉพาะที่ 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น Fine needle aspiration (FNA), Core needle biopsy, Per rectum and proctoscope ligation, Hemorrhoid ligation, Negative pressure wound therapy, Bio plasma, Ankle Brachial index (ABI) เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นทางหลอดเลือดด าเพื่อให้ยาหรือสารน ้า การจัดท่าเพื่อให้การพยาบาล. เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนผ่าตัดและส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, Coagulogram, Creatinine, Electrolyte, Blood sugar เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคศัลยศาสตร์ เช่น การติดเชื้อที่แผลผ่าตัด (Surgical site infection), shock, skin/flap necrosis 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ผู้ป่ วยที่มีแบบแผนการขับถ่ายเปลี่ยนแปลง ผู้ป่ วยที่มีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาโรคทางศัลยศาสตร์ได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคศัลยศาสตร์ได้
24 TC.1.3 การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาโรคหวัใจและหลอดเลือด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ ทักษะการพยาบาลเบื้องต้นเช่น การคัดกรอง (screening) เจาะเลือด ให้น ้าเกลือ ท าแผล การให้ยา การวัด สัญญาณชีพ การท าหัถการการพิเศษเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เช่น การตรวจ E.C.G , Holter, ABP, A.B.I , เตรียม ผู้ป่ วยท าหัตถการ Echo, EST และ TTT 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ CAD, Atrial fibrillation and atrial flutter, PVC , DCM, Mitral valveinsufficiency หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2.สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น กลุ่ม Anticoagulant, NOAC, Antiplatelet , ACEI, ARB, ARNI, BB, MRA และ Diuretic drug เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อนและหลังท าหัตถการได้ เช่น การตรวจ Exercise Stress Test ,การตรวจ Dobutamine Echocardiography, การตรวจTrans Esophageal Echocardiography และการตรวจ TiltTableTest เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การให้ ออกซิเจนผู้ป่ วยกรณีผู้ป่ วย SpO2 < 90 % ,การจัดท่าผู้ป่ วยกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะท าหัตถการพิเศษ และสามารถ ช่วยฟื้นชีวิตและการเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินได้ เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนและหลังตรวจพิเศษได้ 3.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Troponin T, Troponin-I, CKMB, CPK, NT- pro BNP, PT, PTT, INR, Electrolyte, CBC, BUN, Cr และ TFT เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถคัดกรองผู้ป่ วยโดยใช้ESIและประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ผู้ป่ วย Coronary artery disease ที่มีอาการ Chest pain , ผู้ป่ วย Atrial fibrillation and atrial flutterและ SVT ที่มี อาการใจสั่น และ Dilated cardiomyopathyและ Heart failure ที่มีอาการหนื่อย 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการใน ผู้ป่ วยแต่ละรายได้ เช่น ผู้ป่ วย Coronary artery disease หลังหัตถการ PCI และผู้ป่ วยภาวะ HFrEF 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับการตรวจรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
25 TC.1.4 การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาในการทา หตัถการตรวจสวนหวัใจและหลอดเลือด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการท าหัตถการตรวจสวนหัวใจ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การท าหัตถการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด การท าหัตถการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดถาวร การดูแลผู้ป่ วยที่ใส่ สายรัดข้อมือห้ามเลือด 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1. สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ NSTEMI, STEMI, DCM, CAD, HF หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Heparin, Adenosine, Atropine, NTG, Eptifibatide, Morphine, Contrast media เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การท าหัตถการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด การท าหัตถการฝัง เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดถาวร การดูแลผู้ป่ วยที่ใส่สายรัดข้อมือห้ามเลือด เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ การกดห้ามเลือด เป็นต้น 2. สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนท าหัตถการตรวจสวนหัวใจได้ 3. สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Electrolyte, CBC, BUN, Cr, PT, INR, Anti-HIV เป็นต้น 4. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะความดันโลหิตต ่า ภาวะแพ้ยา ภาวะ Hypoglycemia เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ภาวะไตวายจากสารทึบรังสี, Heart failure, Bleeding, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, แพ้ยา เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดข้อได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
26 TC 1.5 การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาโรคไม่ติดต่อเรือ้รัง (NCD) ในหน่วยตรวจอายุรศาสตร์ ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาทางอายุรศาสตร์ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening) การฉีดยา การเจาะเลือด การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การเตรียมอุปกรณ์และการ ช่วยเหลือแพทย์ในการท าหัตถการเช่น FNA, Bone marrow, On DLC 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ DM, HT, DLP, CKD, Hypothyroidism Hyperthyroidism, Hepatitis, Rheumatoid, SLE หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดระดับน ้าตาลในเลือด 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น FNA, Bone marrow, On DLC. เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ การประเมินผู้ป่ วยภาวะ น ้าตาลในเลือดสูง/ต ่า การประเมินภาวะความดันโลหิตสูง/ต ่า. เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนผ่าตัดและส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Creatinine, Electrolyte, Ca, P, HBsAg, HBsAb, TSH, Free T3, Free T4, Lipid Profile เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรค DM HT เช่นHyper/Hypotension, Hyper/Hypoglycemia 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น การควบคุมความดันโลหิต การควบคุมระดับน ้าตาลในเลือด การชะลอความเสื่อมของไต 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคทางอายุรศาสตร์
27 TC.1.6 : การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษา หน่วยตรวจสูตินรีเวชศาตร์ ค าจ ากัดความ : การมีความรู้ ความสามารถในการดูแลให้การพยาบาลผู้ป่ วยทางนรีเวชวิทยา และการดูแลหญิงตั้งแต่ในระยะตั้งครรภ์ คลอดและหลัง คลอดแบบองค์รวม ระดับสมรรถนะ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาล และวิธีปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้ถูกต้อง เช่น การตรวจครรภ์, การ monitor NST 2 1. สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย เช่น Endometriosis , Abnormal uterine bleeding, Polycystic ovarian syndrome เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยาและอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือผู้รับบริการเบื้องต้นได้ 3. สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ช่วยเหลือแพทย์ ตรวจ และให้การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อนและหลังท าหัตถการได้เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การตรวจอัลตราซาวด์ และ การตรวจพิเศษทางนรีเวชอื่นๆ เช่น colposcope การตรวจพิเศษทางรังสีของท่อน าไข่และโพรงมดลูก (HSG) เป็นต้น 3 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การดูแล ผู้รับบริการเบื้องต้นที่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการท าหัตถการทางนรีเวช เช่น การเกิด syncope, การประเมิน/แก้ไขกรณีผลตรวจ NST non-reactive เป็นต้น 2. สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยกลุ่มโรคต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม 3. สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติ หรือภาวะแทรกซ้อน ของกลุ่มโรคต่างๆ ได้ เช่น (active) abnormal uterine bleeding, severe dysmenorrhea pain score ≥8 (Teheran, Pinerous, Pulido & Guatibonza, 2018), Preterm uterine contraction, PIH, Eclampsia, PPH เป็นต้น 4. สามารถแปลผลทางห้องปฏิบัติการ และสามารถแปลผล Non stress test (NST) ได้ และให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อ พบความผิดปกติ เช่น การรายงานผลค่าวิกฤตทางห้องปฏิบัติการ, การรายงานเมื่อพบทารกอยู่ในภาวะเครียด (fetal distress) เป็นต้น 5. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน 6. สามารถอธิบาย สอน/สาธิตการฝึกปฏิบัติผู้ป่ วยและครอบครัวให้สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ เช่น การนับลูกดิ้น การ เตรียมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนนัด 7. สามารถคัดกรองภาวะเสี่ยงของหญิงตั้งครรภ์ทุกรายได้ และสามารถคัดกรองผู้ป่ วยได้ถูกต้อง เหมาะสมและรวดเร็วตาม ความเร่งด่วน (ESI) 8. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวม เหมาะสมกับผู้ใช้บริการ หญิงตั้งครรภ์และมารดาหลังคลอดแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น งาน โภชนาการ งานแพทย์บูรณาการ/เวชศาตร์ฟื้นฟู งานการพยาบาลจิตเวชศาตร์ เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤติ Early warning sign และให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีเช่น (active) abnormal uterine bleeding, severe dysmenorrhea pain score ≥8, PIH เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้เช่น การดูแลตนเองหลังผ่าตัดมดลูก/ รังไข่ 2. สามารถน าองค์ความรู้/หลักฐานเชิงประจักษ์ใหม่มาบูรณาการในการวางแผน การดูแลผู้ป่ วยได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค ได้แก่ abnormal uterine bleeding
28 TC.1.7 : การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาหูคอ จมูก ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาหู คอ จมูกตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสม ได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening) การวัดสัญญาณชีพTriage จัดโซนดูแลเฝ้าระวังขณะรอตรวจ ท าแผล ตัดไหม การเตรียม อุปกรณ์และการช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการต่างๆ เช่น I&D Removed สิ่งแปลกปลอมเข้าหู คอ จมูก ส่องกล้องโดย nasal endoscope/ FOL เป็นต้น 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ Allergic Rhinitis , Chronic otitis media , Thyroid nodule , Hearing loss , Sinusitis 2 สามารถให้การช่วยเหลือเบื้องต้นในผู้ป่ วยที่มีภาวะฉุกเฉินทางหู คอ จมูก ได้ เช่น ประเมินอาการที่อาจเกิดภาวะฉุกเฉิน จากสิ่งแปลกปลอมอุดตันขณะรอตรวจ และสามารถรายงานสิ่งผิดปกติได้ ต้องส่งERด่วนหรือไม่ เช่น มีภาวะอุดกั้น ทางเดินหายใจส่วนต้น 3. สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อนหลังท าหัตถการได้ เช่น การช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการต่างๆ เช่น I&D Removed สิ่ง แปลกปลอมเข้าหู คอ จมูก ส่องกล้องโดย nasal endoscope/ FOL เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนผ่าตัดและส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถจัดล าดับการตรวจเพื่อให้ผู้ป่ วยที่มีภาวะฉุกเฉินทางหู คอ จมูก ได้รับการตรวจตามล าดับอย่างเหมาะสม และรวดเร็ว 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคหู คอ จมูกเช่น ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ความไม่พึงพอใจในบริการ ผู้รับบริการไม่เข้าใจแผนการรักษาของแพทย์ ความจ าเป็นส่งต่อรักษารพ.อื่น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับการบริการ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/ในผู้ป่ วยโรคหู คอ จมูกเช่น Allergic Rhinitis , Chronic otitis media , Thyroid nodule , Hearing loss , Sinusitis
29 TC.1.8: การดูแลผู้ใช้บริการทมี่ารับการตรวจรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบา บัด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบ าบัดและโรคทาง โลหิตวิทยา ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening) การเจาะเลือด การบริหารยา การให้ส่วนประกอบของเลือด การป้องกันและจัดการเมื่อเกิดภาวะ extravasation การเตรียมอุปกรณ์และการช่วยเหลือแพทย์ในการเจาะไขกระดูก 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย เช่น top 5 disease ทางมะเร็งวิทยา และโลหิตวิทยา ได้แก่ CA breast, CA colon, CA lung, Multiple myeloma, NHL, Anemia, MDS, thalassemia และ thrombocytopenia เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา ล าดับการให้ยาเคมีบ าบัด อาการแพ้ยา ผลข้างเคียง และการสังเกตอาการข้างเคียงขณะ ได้รับยาเคมีบ าบัดได้อย่างถูกต้อง 3.สามารถเตรียมความพร้อมผู้ใช้บริการก่อน ระหว่างและหลังได้รับยาเคมีบ าบัด อธิบายค าแนะน าการปฏิบัติตัวก่อนและหลัง การได้รับยาเคมีบ าบัดได้ 4.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการการเจาะไข กระดูก (Bone marrow biopsy) และให้การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ 5. สามารถเตรียมอุปกรณ์เมื่อเกิดยาเคมีบ าบัดหก ตก รั่วไหลได้ถูกต้อง 6. สามารถอธิบายวิธีการป้องกันและจัดการเมื่อเกิดภาวะ extravasation ได้ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิดเส้น เลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนการส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถสังเกตอาการผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อนหลังท าหัตถการ และการแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/ รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ 4. สามารถแยกประเภทความเสี่ยง เฝ้าระวังและประเมินอาการข้างเคียงของยาเคมีบ าบัดแต่ละชนิดได้ 5. สามารถจัดการเมื่อเกิดยาเคมีบ าบัดหก ตก รั่วไหล/extravasation ได้ถูกต้อง 6.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น สูญเสียภาพลักษณ์ มีภาวะ ทุพโภชนาการ เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ได้แก่ ภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity), ภาวะเม็ดเลือดขาวต ่าและ มีไข้ในผู้ป่ วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบ าบัด (Febrile neutropenia) ภาวะแทรกซ้อนขณะได้รับส่วนประกอบของเลือด เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น วางแผนการจัดการอาการรบกวนและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น myelosuppression (neutropenia-anemia, Fatigue), nausea vomiting, diarrhea, anorexia เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ใน การสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยที่ได้รับยาเคมีบ าบัดและโรคทางโลหิตวิทยา 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบ าบัดและโลหิตวิทยา
30 TC.1.9 : การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคเด็ก ค าจ ากัดความ : การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยเด็ก อายุแรกเกิดถึงอายุ 15 ปีตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ให้เหมาะสมได้ ระดับสมรรถนะ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาล และวิธีปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้ถูกต้อง เช่น การเช็ดตัวลดไข้, การ พ่นยาขยายหลอดลมผ่านละอองฝอย 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1. สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย เช่น Gastroenteritis , Pneumonia , Asthma , Allergic Rhinitis , Febrile Convulsion , HFMD เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยาหรือวัคซีนตามวัย อาการแพ้ยา/วัคซีน และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้ การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ 3. สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์เครื่องทางการแพทย์ ช่วยเหลือ แพทย์ตรวจ และให้การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้เช่น การพ่นยาขยายหลอดลมผ่านละอองฝอย การเจาะ เลือด การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น ชักจาก ไข้ แพ้ยา/อาหารซ ้า ผู้ป่ วยเด็กมีอาการเปลี่ยนแปลงขณะรอตรวจ 2. สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยกลุ่มโรคต่างๆ ได้ ตลอดจนสามารถบริหารจัดการวัคซีนเด็กได้ 3. สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติ หรือภาวะแทรกซ้อน ของกลุ่มโรคต่างๆได้ เช่น ชักจากไข้ ภาวะขาดน ้า 4. สามารถแปลผลทางห้องปฏิบัติการได้ และให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC MCB UA หรือผล Culture เป็นต้น 5. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6. สามารถอธิบาย สอน/สาธิตการฝึกปฏิบัติผู้ป่ วยและครอบครัวให้สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การดูแลผู้ป่ วยเด็ถ่ายเหลว การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อหรือการสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ 7. สามารถคัดกรองพัฒนาการและส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เหมาะสมตามวัยได้ 8. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น Anaphylaxis การ ส่งเสริมสุขภาพเด็ก เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤติ Early warning sign และให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีเช่น ภาวะชัก จากไข้ ภาวะขาดน ้า เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้เช่น การป้องกันการเกิด Anaphylaxis ในผู้ป่ วยภูมิแพ้ การจัดการไข้เพื่อป้องกันภาวะชักจากไข้สูง 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค ได้แก่ Febrile Convulsion
31 TC.1.10: การดูแลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาโรคท่ัวไป ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้บริการที่มารับการตรวจรักษาทั่วไป ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัดกรอง (screening) การวัดสัญญาณชีพ การท าและแปลผล EKG, การคัดแยก (Triage), การจัดโซนดูแล เฝ้าระวังขณะรอตรวจ การฉีดยา การเจาะเลือด การเจาะ DTX การท าแผล และการตัดไหม 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ HT, DM, DLP, Dyspepsia หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Adrenaline, Morphine, Pethidine, tramadol, ketorolac, regular insulin และวัคซีนต่างๆ (Influenza, dT, MMR, Eric test, Speeda, Pneumococcal , Hepatitis B ) เป็นต้น 3. สามารถแปลผล EKG พื้นฐานและสามารถรายงานสิ่งผิดปกติในกลุ่มผู้ป่ วยส าคัญที่ต้องเฝ้าระวังได้ เช่น อาการ เร่งด่วนที่ต้องส่งต่อหน่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน อาการเจ็บอก ในกลุ่มผู้ป่ วย STEMI, อาการส าคัญในกลุ่มผู้ป่ วย stroke และ sepsis เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และ ให้การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การตรวจภายใน, I&D, ultrasound เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นหลอดเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ เป็นต้น 2.สามารถเตรียมความพร้อมของผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนส่งตรวจพิเศษได้ 3.สามารถแปลตรวจEKG และผลทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Electrolyte, BS, CBC, Cr เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งต่อรพ อื่น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคทั่วไป เช่น chest pain ภาวะความดันโลหิตสูง 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ความไม่พึงพอใจในบริการ ผู้รับบริการไม่เข้าใจแผนการรักษาของแพทย์ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัย มาใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับการบริการ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ HT DM DLP Dyspepsia
32 ER Technical Competency
33 TC.2.1 การคัดแยกผู้ใช้รับบริการที่มารับการตรวจรักษาทางอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาล คัดแยกผู้ใช้รับบริการ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การซักประวัติและตรวจร่างกาย การเช็ดตัวลดไข้ การท าแผล การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การเจาะ DTX การ ประคบเย็น/ร้อน การห้ามเลือด การดามกระดูก ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ถูกต้อง 2.มีความรู้เกี่ยวกับอาการและการประเมินภาวะคุกคามชีวิต ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายระบบดัชนีความฉุกเฉินและความรุนแรงของ Emergency Severity index ESI ได้ถูกต้อง 2 สามารถอธิบายเกี่ยวกับการจัดล าดับความเร่งด่วนของการักษา และให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลที่จ าเป็นขณะขณะรอ ตรวจได้ถูกต้อง เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การห้ามเลือด การดามกระดูก เป็นต้น 3.สามารอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ยาที่ใช้ในการช่วยชีวิตขั้นสูง ยาในกลุ่ม Fast tract (Acute stroke, STEMI, septic shock) ยาลดไข้ เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่า และเปิดทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด า การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2.สามารถประเมิน ค้นหาภาวะที่มีความเสี่ยงสูง /การบาดเจ็บรุนแรง/กลุ่มอาการ Fast tract ต่างๆ (Acute stroke, STEMI, septic shock) ที่ต้องได้รับการรักษาภาวะเร่งด่วนได้ถูกต้อง 3.สามารถเฝ้าระวังและประเมินซ ้าตามล าดับความเร่งด่วนของผู้รับบริการอย่างถูกต้อง 4.สามารถแปลผลตรวจEKG , ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Cr, Electrolyte, PT,PTT, INR, LFT, ABG, Lactate, troponin T, pro bnp, เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานส่งต่อเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความเร่งด่วนของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการคัดแยกผู้รับบริการที่มารับการตรวจรักษาได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการคัดแยกผู้รับบริการได้
34 TC.2.2 การดูแลผู้ใช้รับบริการบาดเจ็บหลายระบบทมี่ารับการตรวจรักษาทางอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ใช้รับบริการบาดเจ็บหลายระบบ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การให้ สารน ้าทางหลอดเลือดอย่างรวดเร็ว การให้เลือด การห้ามเลือด การดามกระดูก การจัดท่าและเคลื่อนย้ายผู้ป่ วย การประเมิน Glasgow coma scale การให้ออกซิเจน การเตรียมผู้ป่ วยก่อนผ่าตัดฉุกเฉิน ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2.สามารถใช้อุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกคอและไขสันหลังได้อย่างถูกต้องภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 3.มีความรู้เกี่ยวกับการประเมินผู้บาดเจ็บตามแนวปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บขั้นสูง (Advanced Trauma life support; ATLS) 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาภาวะ life threatening injuries ที่พบในผู้ป่ วยที่มีการบาดเจ็บหลายระบบ ได้แก่ respiratory failure, tension pneumothorax, open pneumothorax, massive hemothorax, cardiac tamponade, , hypovolemic shock เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น เป็นต้น 3.สามารประเมินผู้บาดเจ็บตามแนวปฏิบัติการช่วยชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บขั้นสูง (Advanced Trauma life support; ATLS) ได้ถูกต้อง 4.สามารถใช้อุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกคอและไขสันหลังได้ถูกต้อง 5.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การใส่สายระบายทรวงอก การเปิดเส้นเลือดทางหลอดเลือดด าใหญ่ การท า close reduction เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่าและเปิด ทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด า การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2.สามารถอธิบายและประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) life threatening injuries ใน ผู้ป่ วยบาดเจ็บหลายระบบได้อย่าง ทันท่วงที เช่น acute respiratory failure, hypovolemic shock ,tension pneumothorax, open pneumothorax, massive hemothorax, cardiac tamponade, cardiac arrest เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจในการผ่าตัดฉุกเฉินได้ภายใน 30 นาทีหลังได้รับค าสั่งการรักษา 4.สามารถแปลผล EKG และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Cr, Electrolyte, PT,PTT, INR, LFT, ABG เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการแต่ ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น. ผู้ป่ วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิการรักษา ผู้ป่ วยไร้ ญาติ เป็นต้น 2. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละในรายได้ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการ สร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยบาดเจ็บหลายระบบได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยบาดเจ็บหลายระบบได้
35 TC.2.3 การดูแลผู้ใช้บริการทเี่ข้ารับการตรวจรักษาระบบ Fast Track (STEMI, acute stroke ) ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาล ผู้ป่ วยFast Track (STEMI, acute stroke) ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่ เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การประเมินระดับความรู้สึกตัว การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การให้ออกซิเจน การ เช็ดตัวลดไข้ ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ถูกต้อง 2.มีความรู้เกี่ยวกับอาการและการประเมิน chest pain checklist , BEFAST ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายสามารถอธิบายพยาธิสรีรภาพอาการและแนวทางการรักษาผู้ป่ วย Fast Track STEMI, acute stroke ได้ถูกต้อง 2 สามารอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ยากลุ่ม fibrinolysis agent , ยาควบคุมความดันโลหิต, ยากันชัก เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมผู้ป่ วยทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจในการท าหัตถการ/ส่งตรวจพิเศษได้ เช่น การท า CAG/PCI เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่า และเปิดทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด า การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2. สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆในกลุ่มผู้ป่ วย Fast tract STEMI, acute stroke ได้ เช่น cardiac arrhythmia, cardiogenic shock, heart failure, cardiac arrest, respiratory failure, seizure, hydrocephalus, cerebral edema เป็นต้น 3.สามารถแปลผลตรวจEKG , ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Cr, Electrolyte, PT,PTT, INR, LFT, ABG, troponin T, pro bnp, เป็นต้น 4.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานส่งต่อกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานส่งต่อเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยกลุ่ม Fast tract ได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการพยาบาลผู้ป่ วยกลุ่ม Fast tract ได้
36 OR Technical Competency
37 TC.3.1: การดูแลผู้ป่วยทมี่ารับการผ่าตัด ค าจ ากัดความ : การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยที่มารับการผ่าตัด ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาล และวิธีปฏิบัติงาน (work instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้ อย่างถูกต้อง ได้แก่ การท าความสะอาดห้องผ่าตัด การล้างมือสวมเสื้อและถุงมือปลอดเชื้อ การป้องกันการผ่าตัดผิดคน ผิดต าแหน่งและผิดประเภทการผ่าตัด การจัดท่า การป้องกันเครื่องมือ/ผ้าซับโลหิตตกค้างในผู้ป่ วยผ่าตัด การป้องกัน อันตรายจากการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าและเครื่องมือผ่าตัด การเก็บสิ่งส่งตรวจ การจัดการขยะมูลฝอย การเคลื่อนย้ายผู้ป่ วย และ การบันทึกทางการพยาบาลโดยใช้รูปแบบ Focus charting ภายใต้การนิเทศ ก ากับและติดตาม โดยหัวหน้าทีม หรือ พยาบาลพี่เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายขั้นตอนและเทคนิคเฉพาะในการบริการผ่าตัด ตลอดจนส่งเครื่องมือ (scrub nurse) และอ านวยการ (circulating nurse) ในการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน 2.สามารถประเมินสภาพผู้ป่ วยก่อน- หลังผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนเตรียมจ าหน่ายจากห้อง ผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง 3.สามารถบันทึกอาการ อาการแสดง การเปลี่ยนแปลง ภาวะแทรกซ้อน และการพยาบาลขณะผ่าตัดได้ถูกต้อง ครบถ้วน 4.สามารถจัดล าดับการผ่าตัดตามเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ 5.สามารถเตรียมและใช้อุปกรณ์ เวชภัณฑ์ที่ใช้ในการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง 6.สามารถประเมิน และให้การพยาบาลเบื้องต้น เมื่อผู้รับบริการผ่าตัดเกิดภาวะวิกฤตและฉุกเฉิน 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถอธิบายขั้นตอนและเทคนิคเฉพาะในการบริการผ่าตัด ตลอดจนส่งเครื่องมือ (scrub nurse) และอ านวยการ (circulating nurse) ในการผ่าตัดใหญ่/ซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน 2.ประเมินสภาพผู้ป่ วยก่อน- หลังผ่าตัดใหญ่/ซับซ้อนทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนเตรียมจ าหน่ายจากห้องผ่าตัด และส่งต่อการดูแลได้อย่างต่อเนื่อง 3.สามารถบริหารจัดการในการจัดล าดับการผ่าตัด การเลื่อนการผ่าตัด การเปลี่ยนห้องผ่าตัด ในกรณีมีการผ่าตัดฉุกเฉิน 4.สามารถเตรียมและใช้อุปกรณ์เวชภัณฑ์ที่ใช้ในการผ่าตัดใหญ่/ซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง 5.สามารถประเมิน รายงานแพทย์และตัดสินใจในการให้การพยาบาลได้ด้วยตนเองเมื่อเมื่อผู้รับบริการผ่าตัดเกิดภาวะ วิกฤตและฉุกเฉิน 6.สามารถนิเทศงานและเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ที่มีประสบการณ์น้อยกว่า เช่น การเตรียมเครื่องมือ การประเมินสภาพผู้ป่ วย 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1.สามารถคาดการณ์ภาวะวิกฤตและฉุกเฉินและวางแผนในการดูแลผู้รับบริการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงแต่ละรายแบบองค์ รวม โดยเป็นหัวหน้าทีมหรือประสานงานให้ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ครบถ้วน 2.สามารถนิเทศ ก ากับ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับรองในการตรวจเยี่ยมผู้ที่มารับบริการ ผ่าตัด การประเมินสภาพก่อนและหลังผ่าตัด การส่งเครื่องมือ (scrub nurse) การอ านวยการผ่าตัด (circulating nurse) และการเตรียมจ าหน่ายก่อนออกจากห้องผ่าตัดในผู้รับบริการผ่าตัดที่มีภาวะวิกฤตและฉุกเฉินได้ 3.สามารถจัดล าดับการผ่าตัดที่มีภาวะวิกฤตและฉุกเฉินได้เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์การเกิดภาวะวิกฤต และฉุกเฉินในผู้ที่มารับบริการผ่าตัดได้ล่วงหน้า วางแผนให้การดูแลช่วยเหลือ และป้องกันการเกิดภาวะวิกฤตและฉุกเฉินได้เหมาะสม 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ที่มารับบริการผ่าตัดได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์ หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ที่มารับบริการผ่าตัด 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่หรือนวัตกรรมในการผ่าตัด ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และประหยัดงบประมาณ
38 Anesthesia Technical Competency
39 TC4.1 : การพยาบาลผู้ป่วยทไี่ด้รับยาระงบัความรู้สึก ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อน ระหว่าง และหลังได้รับยาระงับความรู้สึก ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ได้ อย่างเหมาะสม ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่การประเมินสภาพผู้ป่ วยก่อนได้รับยาระงับความรู้สึก การจัดท่า การดูแลทางเดินหายใจ การบริหารยาระงับ ความรู้สึก การน าสลบ (Induction) การรักษาภาวะสลบ (Maintenance) การฟื้ นจากภาวะสลบ (Recovery or emergence) และ การประเมินและจ าหน่าย ผู้ป่ วยออกจาก PACU การจัดการความปวด ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่ เลี้ยงได้ถูกต้อง 2. สามารถเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องดมยาสลบ เครื่องเฝ้าระวัง เครื่องให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า อุปกรณ์ ออกซิเจน เครื่องให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพื่อพร้อมใช้งาน ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้อย่างถูกต้อง 3. รายงานผู้ป่ วยในการเตรียมความพร้อมก่อนให้การระงับความรู้สึกและประสานทีมวิสัญญีและทีมผ่าตัดภายใต้การ ก ากับติดตามได้อย่างถูกต้อง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถประเมินกายวิภาคและเตรียมความพร้อมผู้ป่ วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงการตรวจสอบความพร้อมอื่นๆ ก่อนให้การระงับความรู้สึก เช่น ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจองเลือด การจอง ICU ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน 2.สามารถให้ข้อมูลแก่ผู้ป่ วยและญาติเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อน การปฎิบัติตนก่อนและหลังการระงับความรู้สึกได้ด้วย ตนเองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 3.ซักประวัติ ประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่ วย ประเมินทางหายใจและค้นหาความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของ ผู้ป่ วยก่อนได้รับการระงับความรู้สึก และบันทึกทางการพยาบาลวิสัญญีได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน 4. สามารถบรหิารยาระงบัความรูส้กึและยาอื่นๆที่ใชร้ะหวา่งระงบัความรูส้กึแบบตา่งๆโดยอธิบายกลไกการออกฤทธิ์ อาการข้างเคียง อาการแพ้ยา ข้อห้ามใช้ และค านวณปริมาณยาได้ด้วยตนเองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 6.สามารถปฏิบัติการน าสลบ การรักษาภาวะสลบ และการฟื้นจากภาวะสลบในการระงับความรู้สึกแบบทั่วร่างกายได้ด้วย ตนเองอย่างถูกต้องครบถ้วน 7.สามารถประเมินความพร้อมของผู้ป่ วยในการถอดท่อช่วยหายใจออกตามเกณฑ์และปฎิบัติได้ด้วยตนเองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 8.สามารถประเมินสภาพผู้ป่ วยหลังการระงับความรู้สึกแรกรับเข้าห้องพักฟื้นและจ าหน่ายผู้ป่ วยออกจาก PACU ตา มกณฑ์ได้ด้วยตนเองอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 9.สามารถเป็นทีมปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นสูงและแก้ปัญหาวิกฤติภายในขอบเขตหน้าที่ได้ด้วยตนเอง รายงานวิสัญญีแพทย์ หรือแพทย์ที่ท าหัตถการทราบอย่างถูกต้อง ครบถ้วน 10. สามารถรวบรวมและบันทึก สภาวะของผู้ป่ วย ข้อมูลระงับความรู้สึกและการผ่าตัด ปัญหาต่างๆและการพยาบาลที่ให้ ทั้งในห้องผ่าตัดและห้องพักฟื้น ส่งต่อข้อมูลแก่พยาบาลหอผู้ป่ วยอย่างถูกต้องครบถ้วน 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา ตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆที่วิกฤตและฉุกเฉินในทางวิสัญญีโดยปฏิบัติการพยาบาล ได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่า การเปิดทางเดินหายใจ การเปิดเส้นทางหลอดเลือดด าเพื่อให้สารน ้าหรือยา การช่วยชีวิตขั้น สูง เป็นต้น 2.สามารถประเมิน ค้นหาความเสี่ยง วางแผน ป้องกันและให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อน ระหว่าง และหลังได้รับยาระงับ ความรู้สึกได้อย่างต่อเนื่องจนเป็นแบบอย่างและปฏิบัติบทบาทเป็นพี่เลี้ยงได้
40 ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 3 3.สามารถอธิบาย ประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆระหว่างและภายหลังได้รับยาระงับความรู้สึกได้ เช่น ภาวะ hypoxia, bradycardia, hypotension, hypertension, การหลุดของสายระบายหรือสายให้สารน ้าหรือสาย invasive หรือวงจรดมยาสลบ และประเมินการสูญเสียเลือด เป็นต้น สามารถปฏิบัติการพยาบาลแก้ไขได้ด้วยตนเองอย่าง ถูกต้อง 4.สามารถแปลผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการที่มีความเสี่ยงสูงแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1 .ร่วมพัฒนาแนวปฏิบัติหรือมาตรฐานการให้ยาระงับความรู้สึก ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ ประเมินผลและปรับปรุงแนว ปฏิบัติ/มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ 2 .วางแผนและด าเนินการเพื่อพ ฒนาและฟื้นฟูความรู้ ทัศนคติ และทักษะในการให้ยาระงับความรู้สึก ตามขอบเขตหรือ ข้อตกลงกับแพทย์ 3.เป็นที่ปรึกษาหรือให้ค าปรึกษาแก่บุคลากรทางการพยาบาล และ ญาติ ในการให้ยาระงับความรู้สึก ยาระงับปวด
41 Pediatric Technical Competency
42 TC.5.1: การดูแลทารกแรกเกิด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลทารกแรกเกิด ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การรับใหม่ทารกแรกเกิดในหน่วยงาน การดูแลสะดือทารกแรกเกิด การเลี้ยงลุกด้วยนมแม่ การฉีดวัคซีนในทารก แรกเกิด ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อยเช่น ภาวะ Hypothermia, ภาวะ Hypoglycemia, Hyperbilirubinemia, TTNB หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Terramycin ointment, Vitamin K, BCG vaccine, HBV vaccine, Ampicillin, Gentamycin เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การจัดท่าและให้ออกซิเจน การดูแลทางเดินหายใจทารกให้โล่ง การ ช่วยเหลือแพทย์ในการใส่ Umbilical Vein Catheterization & Umbilical Artery Catheterization, การเตรียมทารกก่อน ใส่ท่อช่วยหายใจเป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นทางหลอดเลือดด าเพื่อให้สารน ้า การฟื้นคืนชีพในทารก เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการผิดปกติของทารกแรกเกิด ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติ เช่น HCT, MB, Blood sugar, CBC เป็นต้น โดยให้การพยาบาล หรือรายงานแพทย์ได้ทันท่วงที 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆของทารกแรกเกิดได้ เช่น ภาวะ Hypothermia, ภาวะ Hypoglycemia, TTNB, RD, RDS เป็นต้น 4. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การประสานงานกับสห สาขาในการดูแลทารก การส่งต่อทารกไปยังโรงพยาบาลในเครือข่าย การรับรักษาต่อทารกจากโรงพยาบาลในเครือข่าย เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (Early warning sign) ทารกแรกเกิด และให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น ภาวะ Hypothermia, ภาวะ Hypoglycemia, TTNB, RD, RDS เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ทารกพิการแต่ก าเนิด มารดาที่มีปัญหาทางด้านเศรษกิจ เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลทารกแรกเกิดได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะทารกแรกเกิดได้
43 TC 5.2 : การดูแลผู้ป่วยเด็ก ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยเด็ก อายุ 28 วัน –15 ปี ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การเช็ตตัวลดไข้การให้ออกซิเจน การพ่นยาขยายหลอดลมผ่านละอองฝอย การบริหารยา small dose การ ประเมินภาวะขาดน ้า การประเมินพัฒนาการตามช่วงวัย การเคาะปอดดูดเสมหะ 2. สามารถใช้แบบประเมิน Modify Pediatric Early warning ได้อย่างถูกต้อง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบบ่อยในหน่วยงาน ได้แก่ Acute Bronchitis, Acute Gastroenteritis, Pneumonia, Febrile convulsion และ Asthma 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น กลุ่ม Bronchodilators, Hydrocortisone, Morphine 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น เจาะหลัง (Lumbar puncture) 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหาคิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นทางเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าในภาวะ Severe dehydrate การจัดการภาวะไข้สูง การจัดการภาวะหาย ใจหอบ เหนื่อยในเด็ก 2.สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยเด็กในกลุ่มเสี่ยงได้ เช่น ชักซ ้าจากไข้สูง severe dehydrate จาก Diarrhea และ ARDS ในกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆในผู้ป่ วยเด็กได้ เช่น ชักซ ้า, Dehydrate และ ARDS 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการ และให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC Electrolyte UA 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วยและครอบครัวให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การใช้ยา พ่นสูดแบบ Metered Dose Inhaler 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ป่ วยเด็กโรคเรื้อรัง (Thalassemia,HIV,DM) ผู้ป่ วยเด็กที่มีความซับซ้อน/รุนแรง ของโรค (Kawasaki disease) ผู้ป่ วยเด็กที่มีปัญหาทางเศรษ ฐานะและสัญชาติที่ไม่มีสิทธิ์การรกัษา 2. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่ วยแต่ละใน รายได้ เช่น .ผู้ป่ วยเด็กที่มีภาวะชักซ ้าจากไข้สูง severe dehydrate จาก Diarrhea ARDS ในกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยเด็กได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยเด็ก
44 LR Technical Competency