The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jothika.ben, 2023-06-27 03:56:46

คู่มือสมรรถนะพยาบาล โรงพยาบาลศูนย๋การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

รวมเล่มคู่มือสมรรถนะพยาบาลฉบับสมบูรณ์

45 TC.6.1 : การดูแลผู้คลอดและทารกแรกเกิด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้คลอดและทารกแรกเกิด ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤตกิรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การคัด กรอง (screening) ภาวะเสี่ยงในหญิงตั้งครรภ์ การประเมินระดับการเจ็บครรภ์ การบรรเทาอาการเจ็บครรภ์ การประเมินทารกใน ครรภ์ การประเมินและคัดกรองภาวะผิดปกติในทารกแรกเกิด การดูแลมารดาหลังคลอดปกติและผ่าตัดคลอดได้ ภายใต้การดูแลของ พยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2. สามารถประเมินความก้าวหน้าในระยะก่อนคลอด โดยการวิเคราะห์ Partograph ฟัง FHS จับ Uterine contraction ตรวจภายใน และท าคลอดปกติตามมาตรฐาน ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อยเช่น PPH, PIH, Preterm labor, birth asphyxia หรือ 5 อันดับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Oxytocin, Methylergometrine, Duratocin, MgSO4, Calcium gluconate, Bricanyl, Dexamethasone, Pethidine, Cytotec, Hydralazine, Nifedipine เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การตรวจภายใน การตรวจ NST การตรวจ ultra sound เป็นต้น 4.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าคลอดผิดปกติ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าคลอดผิดปกติได้ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิดเส้นทาง หลอดเลือดด า การจัดท่าและให้ออกซิเจนมารดา การคลึงมดลูก การตรวจภายใน การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2. สามารถแปลผลตรวจ NST ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, LFT, LDH, BUN, Cr, Electrolyte, PT, PTT, INR, U/A, Urine protein เป็นต้น 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆของมารดาในทุกระยะการคลอด และทารกแรกเกิดได้ เช่น. Fetal distress, prolapse cord, uterine rupture, antepartum hemorrhage, postpartum hemorrhage, amniotic fluid embolism เป็นต้น 4. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ แต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น. การติดเชื้อก่อนคลอดและหลังคลอด , uterine rupture, antepartum hemorrhage, postpartum hemorrhage, amniotic fluid embolism เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้คลอดและทารกแรกเกิด และให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงทีเช่น Fetal distress, prolapse cord, uterine rupture, antepartum hemorrhage, postpartum hemorrhage, amniotic fluid embolism, retained placenta เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละในรายได้ เช่น postpartum blue มารดาที่มีปัญหาทางด้านเศรษกิจ การเลี้ยงดู หรือทารกพิการแต่ก าเนิด เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการ สร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค เช่น PPH, PIH, Preterm labor, birth asphyxia เป็นต้น


46 ICU/CCU Technical Competency


47 TC.7.1 การดูแลผู้ป่วยระยะวิกฤต ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยที่มีภาวะวิกฤต ตลอดจนสามารถประยกใช้ความรู้หมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่การพยาบาลผู้ป่ วยที่มีภาวะ shock. การพยาบาลผู้ปวยใส่ท่อช่วยหายใจ, การพยาบาลผู้ป่ วยภาวะหัวใจล้มเหลว, การพยาบาลผู้ปวยที่ใด้รับการสวนหัวใจ การพยาบาลผู้ปวยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท, การพยาบาลผู้ป่ วยที่ใด้รับ ยาละลายลิ่มเลือด เป็นต้น 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1. สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการ แนวทางการรักษาในโรคที่พบบ่อย ได้แก่ septic stock, respiratory failure, NSTEMI, STEMI, CHF หรือ 5 อันตับโรคแรกของหน่วยงาน เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Levophed, Fentanyl, Dobutamine, Dopamine, Morphine, Streptokinase เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น เชน การใส่ท่อช่วงหายใจ,.การใส่สายสวนหลอดเลือดค าส่วนกลาง,การ ใส่สายสวนหลอดเลือดแดง, การฟอกไตชนิดต่อเนื่อง เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิด เส้นเลือดด าเพื่อเตรียมให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือท าหัตถการ การช่วยชีวิต เป็นต้น 2. สามารถวางแผนและให้กรทยาบาลผู้ปวยที่มีภาวะวิกฤติได้ เช่น การประเมินและเฝ้าระวังอวัยวะ สัมเหลวจากภาวะ Shock, การประมินและเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างได้รับยาลิ่มเลือด เป็นต้น 3.สามารอิธิบายและประเมินอาการผิคปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่น การคิดเชื้อระบบทางเดินหายใจขณะใส่ เครื่องช่วยหายใจ (VAP), ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ความดันโลหิตต ่า,hematoma เป็นต้น 3. สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Lactate, Pro BNP Troponin T, Troponin I, CPK, CK-MB, CRP, CBC. Electrolyte, Albumin, Coagulogram เป็นต้น 4. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ใช้บริการและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 5. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1. สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยวิกฤต เช่น ผู้ป่ วยเกิดภาวะ DIC, ผู้ป่ วย coronary artery disease ที่มีอาการ chest pain, arrthymia เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ เช่น ผู้ป่ วย coronary artery disease หลังท าหัตถการ PCI, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, แพ้ยา เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาในภาวะวิกฤตได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยที่มีภาวะวิกฤตได้


48 Surgical Technical Competency


49 TC.8.1 การดูแลผู้ป่วยการดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและทางเดินนา ้ดี ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและทางเดินน ้าดี ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การใส่ สาย nasogastric tube, การให้อาหารทาง nasogastric tube/ gastrostomy/ jejunostomy tube, การให้สารอาหารทางหลอดเลือด ด า, การบริหารยาทางทวารหนัก, การสวนอุจจาระ, การแช่ก้น, gastric lavage เป็นต้น 2. สามารถดูแลผู้ป่ วยที่ใส่สายระบายต่างๆได้ เช่น PTBD, PCD, radivac drain, Jackson Pratt drain ภายใต้การดูแลของพยาบาล พี่เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ Gastric cancer, Gut obstruction, Colorectal cancer, Acute appendicitis, Cholecystitis, Gall stone, Pancreatitis, cholangio CA, HCC, Hernia เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Morphine, Pethidine, Fentanyl, Ketorolac, Nefopam เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การเย็บแผล, การใส่สาย central line, การสวนล้างcolostomy Colonoscopy, Esophagogastroduodenoscopy (EGD), Endoscopic retrograde cholangiopancreatography (ERCP) เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง 2.สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัดศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและทางเดินน ้าดีได้ เช่น explore laparotomy, gastrectomy, colectomy, appendectomy, hepatectomy, laparoscopic cholecystectomy, Whipple operation เป็นต้น 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆภายหลังผ่าตัดศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและ ทางเดินน ้าดีได้ เช่น Dumping syndrome, Bowel ileus, Nausea vomiting, Surgical site infection เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, LFT, Electrolyte, LDH, Transferrin, Lipase, Amylase, CEA, CA 19-9 เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ แต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูญเสียภาพลักษณ์ การเปลี่ยนแปลงแบบ แผนการรับประทานอาหาร, การเปลี่ยนแปลงแบบแผนการขับถ่าย เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและทางเดินน ้าดี. และให้การ พยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น Active bleeding, Peritonitis, Anastomosis leakage ,Bowel prolapsed Stoma necrosis, Common bile duct injuries เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละในรายได้ เช่น ผู้ป่ วยที่ได้รับ home TPN, ผู้ป่ วยที่มี ostomy และ ผู้ป่วยสูญเสียภาพลักษณ์ เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการ สร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ตับและทางเดินน ้าดีได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคได้


50 TC.8.2 การดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมประสาทและไขสันหลัง ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมประสาทและไขสันหลังตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่การ เก็บน ้าไขสันหลังส่งตรวจ, การจัดท่าและเคลื่อนย้ายผู้ป่ วย, การใส่กายอุปกรณ์ 2. สามารถดูแลผู้ป่ วยที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆได้ เช่นVP shunt, ventriculostomy, spinal drain ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ Intracerebral hemorrhage Sub arachnoids hemorrhage, Hydrocephalus, Brain tumor, Cerebral aneurysm, Arteriovenous malformation (AVM), spinal cord tumor เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Phenytoin(Dilantin), Sodium valproate, Mannitol, Nicardipine, Nimodipine, Nitroglycerine, Labetalol เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การช่วยแพทย์ฉีดยาเข้า ventriculostomy/ intra thecal,Lumbar puncture, การ ใส่ท่อช่วยหายใจ, การเปลี่ยนท่อหลอดลมคอเป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง 2.สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อนและหลังผ่าตัดได้ เช่น Burr hole, craniotomy, craniectomy, tumor removal, clipping aneurysm เป็นต้น 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆภายหลังผ่าตัดได้ เช่น Increase intracranial pressure (IICP), Brain edema, Seizure, Brain herniation, Cerebral infarction, Meningitis, Diabetes insipidus (DI), Syndrome of inappropriate antidiuretic hormone secretion(SIADH) เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Electrolyte, Dilantin level, Sodium valproate level, Cerebrospinal fluid profile เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วย/ผู้ดูแลให้บริหารร่างกายหรือใช้อุปกรณ์ด้วยตนเองได้ 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูญเสียภาพลักษณ์ การสูญเสียการท างานของอวัยวะ, การเปลี่ยนแปลงแบบแผนการด าเนินชีวิต เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมประสาทและไขสันหลัง. และให้การพยาบาลได้ อย่างทันท่วงที เช่น Increase intracranial pressure (IICP), spinal shock เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ เช่น การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อลีบ, การป้องกันและดูแลแผล pressure sore เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ใน การสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมประสาทและไขสันหลังได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมประสาทและไขสันหลังได้


51 TC.8.3 การดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมศรีษะ คอและเต้านม ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมศรีษะ คอและเต้านม ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การท าแผล, การให้ออกซิเจน, การพ่นยาแบบละอองฝอย, การท าแผลท่อหลอดลมคอ, การวัดเส้นรอบวงแขนก่อนและหลัง ผ่าตัดมะเร็งเต้านม, การดูแล vacuum drain เป็นต้น 2. สามารถดูแลผู้ป่ วยที่เจาะคอและหรือมี vacuum drain ต่างๆ ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ มะเร็งช่องปาก, โรคของต่อมไทรอยด์ มะเร็งเต้านม เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Eltoxin, PTU, Morphine, Pethidine, Fentanyl, Propranolol เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดการเมื่อ ผู้ป่ วยกลืนล าบากหรือส าลัก 2.สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อนและหลังผ่าตัดได้ เช่น Thyroidectomy, Mastectomy, การผ่าตัดมะเร็งช่อง ปาก เป็นต้น 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆภายหลังผ่าตัดได้ เช่น Active bleeding, Laryngeal nerve injury, Thyroid crisis, Tetany, lymphadenitis, surgical site infection, Tissue gangrene เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC Electrolyte เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วย/ผู้ดูแลให้บริหารร่างกายได้ 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูญเสียภาพลักษณ์ การกลืนล าบาก ออกเสียงไม่ได้ และแบบแผนการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลง เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมศรีษะ คอและเต้านม. และให้การพยาบาลได้ อย่างทันท่วงที เช่น ทางเดินหายใจอุดกั้น, Thyroid crisis, Tetany, การบาดเจ็บของเส้นประสาทหลังผ่าตัดมะเร็งศรีษะและ คอ, flap necrosis, seroma, Lymphadenitis เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ เช่น ปัญหาการกลืน/การออกเสียง, ภาวะ malnutrition, การดูแลผู้ป่ วยเจาะคอ เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ใน การสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมศรีษะ คอและเต้านมได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมศรีษะ คอและเต้านมได้


52 TC. 8.4 การดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมตกแต่ง ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมตกแต่ง ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่การท าแผล, การให้ออกซิเจน การดูดเสมหะ เป็นต้น 2. สามารถดูแลผู้ป่ วยที่มี vacuum drain / negative pressure wound therapy ต่างๆ ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่ เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ Clef –lip, clef - palate, Burn scar Skin graft, Flap coverage, การต่อนิ้วหรืออวัยวะอื่นๆ เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น Morphine, Pethidine, Tramadol, Detram เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง 2.สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อนและหลังผ่าตัดได้ 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆภายหลังผ่าตัดได้ เช่น Active bleeding, Tissue necrosis, Hematoma, Venous congestion, Arterial insufficiency เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, Electrolyte Coagulogram เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วยให้บริหารร่างกายหรือใช้กายอุปกรณ์ด้วยตนเองได้ 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การสูญเสียภาพลักษณ์ (Body image), การสูญเสียการท าหน้าที่ของอวัยวะ เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมตกแต่งและให้การพยาบาลได้อย่าง ทันท่วงที เช่น Tissue necrosis, Arterial insufficiency เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละ ในรายได้ 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมตกแต่งได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคศัลยกรรมตกแต่งได้


53 Orthopedic Technical Competency


54 TC.9.1 การดูแลผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การ ประคบเย็นและร้อน การป้องกันเท้าตก การป้องกันการเกิดแผลกดทับ และการดูแลสาย radivac drain 2. สามารถดูแลผู้ป่ วยที่ใส่กายอุปกรณ์และเครื่องพยุงต่างๆได้ เช่น skin traction, skeletal traction และ vest ต่างๆ ภายใต้การดูแล ของพยาบาลพี่เลี้ยง 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1. สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ knee ligament injury, osteoarthritis knee, fracture neck of femur, subluxation AVN hip, cervical spondylosis, spinal stenosis, brachial plexus injury เป็นต้น 2. สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น morphine, pethidine, fentanyl, nefopam, ketorolac, parecoxib, gabapentin เป็นต้น 3. สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การท า manipulation, การใส่เฝือก/เฝือกอ่อน, Halo vest, การใส่เครื่องถ่วงน ้าหนัก แบบ skin traction, skeletal traction เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1. สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การเปิดเส้นทาง หลอดเลือดด าเพื่อให้ยาหรือสารน ้า, การจัดท่าเพื่อให้การพยาบาล การช่วยชีวิต เป็นต้น 2. สามารถวางแผนและให้การพยาบาลผู้ป่ วยก่อนและหลังผ่าตัดโรคกระดูกสันหลังและข้อได้ เช่น laminectomy, discectomy, arthroscopic rotator cuff repair, arthroscopic ACLR and meniscus repair, total knee arthroplasty, total hip arthroplasty เป็นต้น 3. สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆภายหลังผ่าตัดโรคกระดูกและข้อได้ เช่น ภาวะเลือดออก, ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary emboli), ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดด าส่วนลึก (deep vein thrombosis), แผล ผ่าตัดติดเชื้อ (Surgical site infection), ภาวะน ้าไขสันหลังรั่ว เป็นต้น 4. สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น ESR, CRP, CBC, Electrolyte, Albumin, Coagulogram เป็นต้น 5. สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6. สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วยให้บริหารร่างกายหรือใช้กายอุปกรณ์ด้วยตนเองได้ 7. สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ แต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ป่ วยที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการด าเนิน ชีวิต, มีการสูญเสียการท าหน้าที่ของอวัยวะและสูญเสียอวัยวะ เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยโรคกระดูกและข้อและให้การพยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น ภาวะ ความดันในช่องกล้ามเนื้อสูง (compartment syndrome) ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary emboli), ภาวะลิ่มเลือดอุดตันใน หลอดเลือดด าส่วนลึก (deep vein thrombosis),, การติดเชื้อในข้อเทียมหลังผ่าตัด เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละในรายได้ เช่น ภาวะข้อติด (joint stiffness), ภาวะกระดูกติดผิดรูป(malunion), การติดเชื้อในข้อหลังผ่าตัด เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการ สร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้มารับกาตรวจรักษาโรคกระดูกและข้อได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคระบบกระดูกและข้อ


55 Medicine Technical Competency


56 TC.10.1 : การดูแลผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหวัใจและหลอดเลือด ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสม ได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การตรวจและแปลผล EKG การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การให้ออกซิเจน การใส่สายสวนปัสสาวะ ภายใต้การดูแล ของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ STEMI/NSTEMI, CHF, AF, SVT หรือ 5 อันดับแรกโรคของหน่วยงาน เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ASA, ISDN, clopidogrel, ticagrelor, prasugrel, adenosine, amiodarone, furosemide, warfarin เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้ การพยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การเตรียมตรวจ CAG การเตรียมท า PCI เป็นต้น 4.สามารถอ่านและแปลผล EKG พื้นฐานได้ถูกต้อง 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่า และเปิดทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด าส่วนปลาย การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 3.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เช่น cardiac arrhythmia, cardiogenic shock, heart failure, cardiac arrest, respiratory failure เป็นต้น 4.สามารถแปลผล EKG และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น Troponin T, CBC, BUN, Cr, Electrolyte, PTT, INR เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วย/ครอบครัวให้มีทักษะจ าเป็นในการดูแลต่อเนื่องเช่น การปรับแบบแผนการ ด าเนินชีวิต การออกก าลังกาย การรับประทานอาหาร เป็นต้น 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ป่ วยเข้ารับโปรแกรม cardiac rehabilitation ผู้ป่ วยที่ได้รับยา warfarin เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดและให้การ พยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น cardiac arrest, heart failure, respiratory failure เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1 สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ เช่น heart failure, cardiac arrhythmia, warfarin overdose เป็นต้น 2 สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมา ใช้ในการสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยทางอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ 3 สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดได้


57 TC.10.2 : การดูแลผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหลอดเลือดสมอง ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยอายุรศาสตร์โรคหลอดเลือดสมอง ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การ ประเมินอาการทางระบบประสาท (Glasco coma scale, NIHSS) การให้สารน ้าทางหลอดเลือดด า การให้ออกซิเจน การใส่สายสวน ปัสสาวะ การใส่ NG การประเมินและการดูแลการกลืน การป้องกันดูแลแผลกดทับ การป้องกันการพลัดตกหกล้ม ภายใต้การดูแล ของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ thrombotic/ischemic stroke, Transient ischemic attack (TIA) เป็นต้น 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ASA, clopidogrel, nicardipine, sodium nitroprusside, labetalol, captopril หรือยากลุ่มควบคุมความดันโลหิตอื่นๆ เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่าและเปิด ทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด า การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้ เช่น seizure, hydrocephalus, cerebral edema, cerebellar infraction, MCA infraction, hemorrhagic transformation เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Cr, Electrolyte, Coagulogram, BS, HbA1C, Lipid profile (cholesterol, triglyceride, HDL, LDL) เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.. สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วย/ครอบครัวให้มีทักษะจ าเป็นในการดูแลต่อเนื่องเช่น การบริหารร่างกาย/การเคลื่อนไหว ร่างกาย การป้องกันการส าลัก การดูดเสมหะ การให้อาหารทางสายยาง การจัดการเรื่องการขับถ่าย การดูแลป้องกันแผลกดทับ การ ป้องกันการพลัดตกหกล้ม เป็นต้น 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ แต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น. ผู้ป่ วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวการเคลื่อนไหว, การพูดและสื่อความหมาย, การเคี้ยวและการกลืน, ความรู้สึกและการรับรู้, การมองเห็น รวมถึงผู้ป่ วยและ/หรือครอบครัวที่มีปัญหา ด้านความเครียด ซึมเศร้า สังคมและเศรษฐกิจของผู้ป่ วยเป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยอายุรศาสตร์โรคหลอดเลือดสมองและให้การพยาบาลได้อย่าง ทันท่วงที เช่น cerebral edema, IICP, cerebellar infarction, MCA infraction, hemorrhagic transformation, เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละในรายได้ เช่น aspirate pneumonia, hydrocephalous, recurrent stroke เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ในการ สร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยทางอายุรศาสตร์โรคหลอดเลือดสมองได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคหลอดเลือดสมองได้


58 TC.10.3: การดูแลผู้ป่วยอายุรกรรมระบบทางเดินหายใจ ค าจ ากัดความ: การมีความรู้และสามารถให้การพยาบาลผู้ป่ วยอายุรศาสตร์ระบบทางเดินหายใจ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เหมาะสมได้ ระดับความสามารถ พฤติกรรมบ่งชี้ 1 1.สามารถใช้กระบวนการพยาบาลและวิธีปฏิบัติงาน (Work Instruction) ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ การ พ่นยาละอองฝอย การให้ออกซิเจน การดูดเสมหะ การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2.สามารถดูแลผู้ป่ วยที่ on High Flow Nasal cannula ภายใต้การดูแลของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ 2 แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และ 1.สามารถอธิบายพยาธิสภาพ อาการและ แนวทางการรักษาที่พบในหน่วยงาน ได้แก่ pneumonia, asthma, COPD, TB หรือ โรค 5 อันดับแรกของหน่วยงาน 2 สามารถอธิบายเหตุผลในการให้ยา อาการแพ้ยา และอาการข้างเคียงได้อย่างถูกต้อง และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เช่น ยากลุ่ม bronchodilator (Salbutamol, Terbutaline, Salmeterol, Fenoterol, Ipratropium bromide, Tiotropium, Theophylline) ยากลุ่ม steroid (Dexamethasone, Hydrocortisone, Prednisolone) ยารักษาวัณโรค (INH, Rifampicin, Pyrazinamide, Ethambutol) เป็นต้น 3.สามารถเตรียมความพร้อมแก่ผู้ใช้บริการทั้งทางร่างกาย จิตใจและ เตรียมอุปกรณ์ ช่วยเหลือแพทย์ท าหัตถการ และให้การ พยาบาล ผู้ป่ วยก่อน หลังท าหัตถการได้ เช่น การเจาะปอด การใส่สายระบายทรวงอก การใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น 3 แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และ 1.สามารถประเมินปัญหา คิดตัดสินใจจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในการปฏิบัติการพยาบาลได้ด้วยตนเอง เช่น การจัดท่าและ เปิดทางเดินหายใจ การให้ออกซิเจน การเปิดเส้นหลอดเลือดด า การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ การฟื้นคืนชีพ เป็นต้น 2.สามารถอธิบายและประเมินอาการผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้ เช่น acute respiratory failure, pleural effusion, ventilator associated pneumonia (VAP), hepatitis เป็นต้น 4.สามารถแปลตรวจสมรรถภาพปอด (Pulmonary function test) ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและให้การพยาบาล/รายงาน แพทย์เมื่อพบความผิดปกติได้ เช่น CBC, BUN, Cr, Electrolyte, LFT, Sputum C/S, Sputum G/S, AFB, ABG เป็นต้น 5.สามารถสื่อสารข้อมูลผู้ป่ วยและประสานงานกับหน่วยงานหรือทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและราบรื่น 6.. สามารอธิบาย สอน/สาธิต ฝึกปฏิบัติผู้ป่ วย/ครอบครัวให้มีทักษะจ าเป็นในการดูแลต่อเนื่องเช่น การพ่นยาแบบละอองฝอย การใช้ออกซิเจน การฝึกการหายใจเพื่อบรรเทาอาการเหนื่อย การไออย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องและ กระบังลม เป็นต้น 7.สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้มีประสบการณ์น้อยกว่าในการปฏิบัติการพยาบาลได้ 4 แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และ 1 สามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการวางแผนเพื่อให้การพยาบาลได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวมและเหมาะสมกับ ผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือประสานงานเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น. ผู้ป่ วยที่ต้องใช้ home oxygen/ventilator, ผู้ป่ วยที่มีประวัติ exacerbation, ผู้ป่ วยสูงอายุที่มีปัญหาการใช้ยาขยายหลอดลมแบบสูดพ่น เป็นต้น 2. สามารถประเมินอาการน าก่อนภาวะวิกฤต (MEWS) ในผู้ป่ วยอายุรศาสตร์ทางอายุรศาสตร์ระบบทางเดินหายใจให้การ พยาบาลได้อย่างทันท่วงที เช่น respiratory failure, septic shock, ventilator associated pneumonia (VAP) เป็นต้น 3. สามารถจัดล าดับความส าคัญของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม 5 แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และ 1. สามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และวางแผนให้การพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละใน รายได้ เช่น การให้ออกซิเจนระยะยาว/การใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน, ความร่วมมือในการใช้ยา (Medication adherence), การ ฟื้นฟูสมรรถภาพปอด เป็นต้น 2. สามารถน าความรู้ใหม่มาบูรณาการในการวางแผนการดูแลผู้ป่ วยได้ เช่น จากหลักฐานเชิงประจักษ์หรือผลงานวิจัยมาใช้ใน การสร้างหรือปรับปรุงแนวทางการพยาบาลผู้ป่ วยทางอายุรศาสตร์ระบบทางเดินหายใจได้ 3. สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติการพยาบาลเฉพาะโรค/กลุ่มผู้ป่ วยโรคทางอายุรศาสตร์ระบบทางเดินหายใจได้


Click to View FlipBook Version