46 บทที่ 5 บทสรุป งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ในครั้งนี้ได้ดำเนินการ วิจัยโดยผู้วิจัยเลือกกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มทดลองเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งมีวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลัง เรียนด้วยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด 2) เพื่อศึกษาระดับ ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนหนองกี่ พิทยาคม อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา 2565 จำนวน 12 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 507 คน และกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 45 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีที่ใช้วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ร่วมกับแผนที่ความคิด ซึ่งผ่านการตรวจค่าดัชนีความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน มีค่าเฉลี่ยแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 4 ฉบับ เท่ากับ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ อยู่ในระดับ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ โดยมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ ความคิด เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ ซึ่ง ผ่านการตรวจค่าดัชนีความสอดคล้องจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ อยู่ในระดับ
47 สรุปผลการวิจัย งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้ 1. ค่าความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับแผนที่ความคิด มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ อยู่ในระดับ 2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนด้วยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด หลังเรียน มี ค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ สูงกว่าก่อนเรียน มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 3. ค่าคะแนนความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อวิธีสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด มีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ อยู่ในระดับ อภิปรายผล จากผลการวิจัยในครั้งนี้ มีผลการวิจัยที่นำมาอภิปรายผลในประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้วิธีสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ร่วมกับแผนที่ความคิด พบว่า ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ประเมินความเหมาะสมอยู่ ในระดับมากที่สุด (Χ̅ = ) โดยด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้มีคะแนนความคิดเห็นเฉลี่ย มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ใช้ความรู้ ความสามารถในเรียนรู้ด้วยตนเอง มีส่วนร่วมในกิจกรรม อีกทั้งส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความสนใจ ใฝ่ เรียนรู้ และมีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนกิจกรรมนั้นมีความเหมาะสมกับเวลา สื่อประกอบการสอน และบรรยากาศในชั้นเรียนที่เอื้ออำนวยให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ผ่านการออกแบบกิจกรรมของ ครูผู้สอน ซึ่งสอดคล้องกับพิมพ์ชญา ธนาพรพงศ์สถิต และวัชรภัทร เตชะวัฒนศิริดำรง (2563) อธิบาย ไว้ว่า บทบาทหน้าที่สำคัญของครู คือ มีการวางแผนในการจัดการเรียนการสอนอย่างรอบคอบ โดยมุ่ง ให้เรียนได้เรียนรู้ตามวุฒิภาวะและความแตกต่างระหว่างบุคคล การจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งผลให้ นักเรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้เต็มศักยภาพนั้น ครูผู้สอนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการ จัดการเรียนรู้ การฝึกการพัฒนา เพื่อวางแผนกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้
48 และทำงานแบบท้าทาย เกิดการฝึกฝนและแสดงออกมาอย่างสร้างสรรค์ในทุกด้าน ทำให้นักเรียนเกิด การพัฒนาการเรียนรู้เต็มตามศักยภาพ นอกจากนี้การเรียนรู้รูปแบบใหม่ ในการจัดการเรียนการสอน ให้เหมาะสมกับนักเรียน รูปแบบและวิธีการที่แปลกใหม่ หลากหลายจะช่วยให้ครูได้มีการพัฒนาและ คิดค้นนวัตกรรม ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น นอกจากนั้น อุบลวรรณ ส่งเสริม (2562) อธิบายขั้นตอนการพัฒนาและหาคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ไว้ว่า เมื่อออกแบบและจัดทำ แผนการจัดการเรียนรู้แล้วนั้น ควรมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้1) ตรวจสอบเชิงเนื้อหา (Comtent Validity) โดยใช้การพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 คน พิจารณาหาค่าดัชนีความ สอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence : IOC) มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ขึ้นไป จึง ถือว่าแผนการจัดการเรียนรู้นั้นใช้ได้ มีความเหมาะสม หรือมีความสอดคล้อง ซึ่งแผนการจัดการ เรียนรู้วรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับแผนที่ ความคิด เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญ ควรปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ และนำไปทดลองใช้เพื่อดูความเหมาะสมในการนำไปใช้ ซึ่งกลุ่มที่ มีความคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างนั้น พบว่าพฤติกรรมการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของการ เรียนรู้ เช่น เวลาเรียน กิจกรรมการเรียนการสอน เป็นต้น แต่กลุ่มตัวอย่างนั้นสามารถเรียนรู้ได้กับ สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้วิจัยจึงปรับปรุงแก้ไขบางกิจกรรมเพียง เล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับเวลา 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและ หลังเรียนด้วยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด พบว่าผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวรรณคดีหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนนั้นมีการลงมือปฏิบัติจริง (active learning) ช่วยสร้างแรงจูงใจ ในการทำกิจกรรมสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนรู้ ซึ่งการนำแผนที่ความคิดมาใช้ประกอบในการ เรียนการสอนจึงเป็นการพัฒนานักเรียนในทุก ๆ ด้าน ฝึกการคิดสรุปประเด็นต่าง ๆ และสามารถ พัฒนานักเรียนให้มีทักษะทั้งด้านความรู้ เจตคติที่ดีในการเรียนพร้อมกันเป็นอย่างดี เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้ลงมือกระทำเกิดการเรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ที่ร่วมเล่น ซึ่งผู้เรียนมี ส่วนร่วมในการเรียนรู้สนุกสนาน กระตือรือร้น ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เรียน ซึ่งจะช่วยให้นักเรียน สามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น มีพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนมีความอิสระ ส่งผลให้นักเรียน สามารถเรียนรู้ได้โดยไม่เบื่อหน่ายเรียนรู้ได้มากและจดจำได้นานซึ่งสอดคล้องกับ จรรยาภรณ์ อุ่มออง (2560) ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีโดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความคิดและการ สืบค้นสำรวจตรวจสอบ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นผู้แสดงความรู้และสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยเป็นการ
49 สังเกตุที่อยากรู้ร่วมกันอภิปรายสรุปข้อค้นพบศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ความรู้ที่สมบูรณ์เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่ คงทนเนื่องจากเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นจากตนเอง สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนและ ชีวิตประจำวัน โดยสามารถวิเคราะห์ผลจากการเรียนรู้แต่ละขั้นตอนของผู้เรียนได้ดังนี้1) ขั้นสร้าง ความสนใจ (Engage) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนโดยการจัดกิจกรรมหรือสถานการณ์เพื่อสร้างความ สนใจผู้เรียนกระตุ้นและเร้าให้ผู้เรียนเกิดความสนใจสงสัยและเกิดคำถามในการเรียน 2) ขั้นสำรวจ (Explore) เป็นกิจกรรมหรือสถานการณ์ที่ทำให้ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหากำหนดแนวทางในการสำรวจ ค้นคว้าข้อมูลที่สงสัยหรือประเด็นที่ต้องการค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลจากสื่อและแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ 3) ขั้นอธิบาย (Explain) เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนนำข้อมูลที่ได้จากการค้นคว้าและรวบรวมมาวิเคราะห์ สรุปผลเป็นความรู้หรือความคิดรวบยอด 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) นักเรียนนำเสนอความรู้ หรือความคิดรวบยอดจากการวิเคราะห์และสรุปผล 5) ขั้นประเมินผล (Evaluate) ครูเป็นผู้ ประเมินผลการเรียนรู้โดยการสำรวจตรวจสอบอภิปรายผลการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซึ่งขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แต่วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียน ฝึกการคิดวิเคราะห์วรรณคดี ประยุกต์ใช้ความรู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง นักเรียนเกิดความเข้าใจ ในการเรียนวรรณคดีมากขึ้น ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน สอดคล้องกับ ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2552) และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2526) ได้กล่าวไว้ในแนวทาง เดียวกันว่า กระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเน้นการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนา ความคิดอย่างเต็มที่ ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองทำให้สามารถจดจำความรู้ได้นานและนำไปใช้ใน สถานการณ์ใหม่ได้ อีกทั้งยังเป็นกระบวนการที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเรียน นอกจากนี้ทำ ให้นักเรียนได้มีโอกาสสื่อความคิดและปฏิบัติได้เรียนรู้วิธีจัดระบบความคิดและวิธีเสาะแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองทำให้ความรู้ที่ได้รับนั้นคงทน นอกจากนี้การใช้เทคนิคการใช้แผนที่ความคิดตามแนวคิด ของบูซานร่วมกับวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5 ขั้นตอนเป็นวิธีการที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวรรณคดีของผู้เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เนื่องจากเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดเป็นเทคนิค ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถจัดลำดับความคิดและความรู้อย่างเป็นระบบ ผู้เรียนสามารถนำเสนอข้อมูล ได้อย่างเป็นขั้นตอน ฝึกทักษะการคิดเกิดกระบวนการเรียนรู้และส่งเสริมความคิดสร้างสรรของผู้เรียน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีและใช้เทคนิคการใช้แผนที่ความคิดในกระบวนการจัดการ เรียนรู้แบบสืบสอบหาความรู้ขั้นที่ 3 คือขั้นอธิบาย (Explain) เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนนำข้อมูลที่ได้จาก การศึกษาค้นคว้ามาวิเคราะห์สรุปผลเป็นความรู้หรือความคิดรอบยอด จัดลำดับความคิดและการ เชื่อมโยงข้อมูลให้สัมพันธ์กันแล้วนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแผนที่ความคิด ซึ่งเป็นวิธีการส่งเสริมให้ ผู้เรียนสรุปความคิดรวบยอดของตนเอง สอดคล้องกับสถาบันภาษาไทยสำนักวิชาการและมาตรฐาน
50 การศึกษา (2557) ที่กล่าวว่า แผนผังความคิดตามหลักคิดของบูซานเหมาะสมกับการพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์และการเชื่อมโยงความสัมพันธ์มโนทัศน์ซึ่งทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ เรียนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนอิสระในการสรุปความรู้ด้วยตนเอง ดังนั้นวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีของผู้เรียนหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน สอดคล้องกับผลการศึกษาของ ปัทมาภรณ์ พรดวงคำ (2555) และศึกษาการพัฒนา ความสามารถในการวิเคราะห์วรรณกรรมโดยใช้การสืบเสาะหาความรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่4 โรงเรียนบ้านเข็กน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ วรรณกรรมดีขึ้นตามลำดับ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องความสามารถในการวิเคราะห์วรรณกรรม อยู่ในระดับคุณภาพดีมาก คิดเป็นร้อยละ 83.63 และสอดคล้องกับผลการศึกษาของ รัตติกาล บุญอาจ (2555) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับวิธีสอนแบบใช้ผังมโนทัศน์ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะ หาความรู้มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนกลุ่มที่สอนโดยวิธีการสอนแบบใช้ผัง มโนทัศน์อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มที่สอนโดยใช้วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้มีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียน สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียนอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติระดับ .05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี ไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มที่สอนโดยใช้วิธีการสอนแบบใช้ผังมโนทัศน์มีค่าเฉลี่ย คะแนนหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อวิธีสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาความพึงพอใจ รายด้านพบว่า ด้านบรรยากาศในการเรียนอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด ด้านประโยชน์ที่ได้รับและ ด้านการจัดการเรียนรู้ระดับมากรองลงมาตามลำดับ ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับแผนที่ความคิดด้านบรรยากาศอยู่ในระดับเห็นด้วย มากที่สุดเนื่องจากการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดเป็น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ครูผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้จัดสถานการณ์ เป็นที่ปรึกษา ผู้เรียน มีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้ซึ่งทำให้การเรียนรู้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกับเพื่อนอย่างเป็นอิสระ ช่วยกระตุ้นให้ นักเรียนเกิดความสนใจและตั้งใจเรียนมากขึ้น ผู้เรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทำให้บรรยากาศ ในการเรียนสนุกสนานและเป็นกันเอง สอดคล้องกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี(2549) ที่กล่าวว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกระบวนการ จัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนฝึกคิด สังเกต ถามตอบ สื่อสาร
51 เชื่อมโยง บูรณาการ บันทึก นำเสนอ วิเคราะห์วิจารณ์สร้างองค์ความรู้โดยมีครูเป็นผู้กำกับควบคุม ดำเนินการให้คำปรึกษาชี้แนะช่วยเหลือ ให้กำลังใจกระตุ้นส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดและเรียนรู้ด้วยตนเอง สำหรับความคิดพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับแผนที่ความคิดรองลงมาคือด้านประโยชน์ที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดทำให้นักเรียนคิดอย่างมีเหตุผลเป็นระบบขั้นตอนโดยเฉพาะการ เรียนวรรณคดีผู้เรียนได้ฝึกวิเคราะห์เนื้อหา คุณค่าของวรรณคดีข้อคิดคติธรรมต่าง ๆ ผู้เรียนได้พัฒนา ทักษะการแก้ปัญหาเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งช่วยพัฒนาทักษะการคิดและทำงานอย่างเป็น ระบบเนื่องจากผู้เรียนต้องนำความรู้ที่ได้รวบรวมจากการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งต่าง ๆ มาวิเคราะห์ สรุปความคิดรวบยอดและนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของแผนที่ความคิด ด้านต่อมาคือด้านการจัด กิจกรรมการเรียนรู้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกันร่วมกับ เทคนิคการใช้แผนที่ความคิดช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความคิด ได้ลงมือปฏิบัติสืบค้นหาความรู้ด้วย ตนเอง มีการกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อคลายข้อสงสัย ระดมความคิดอภิปรายแลกเปลี่ยน ข้อมูลและความคิดเห็นกระทั่งค้นพบคำตอบความรู้แนวทางในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง อีกทั้งยังช่วย ส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายและจดจำความรู้ได้นานยิ่งขึ้น กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ เรียนมากขึ้น จากผลการวิจัยและการอภิปรายผลดังกล่าวเป็นเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนว่าผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวรรณคดีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองที่จัดการได้โดยวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ข้อเสนอแนะ ขอเสนอแนะเพื่อการนําผลการวิจัยไปใช้ 1. วรรณคดีที่นำมาใชในการจัดการเรียนการสอนดวยวิธีการสืบเสาะหาความรูร่วมกับเทคนิค การใชแผนที่ความคิดควรเปนวรรณคดีที่เหมาะกับวัยของผูเรียน มีเนื้อหาที่นาสนใจ สามารถดึงดูด ความสนใจของผูเรียนใหเกิดความสงสัยเพื่อสืบคนขอมูลความรูดวยตนเอง 2.ครูผู้สอนควรศึกษาขอมูลและขั้นตอนของวิธีแบบสอนสืบเสาะหาความรูและเทคนิคการใช แผนที่ความคิดอยางละเอียด ทําความเขาใจในบทบาทและหนาที่เพื่อจัดสถานการณไดลงมือปฏิบัติ จริงเพื่อไมให้เกิดความสับสนและสามารถดําเนินกิจกรรมไดอยางราบรื่น
52 ขอเสนอแนะในการวิจัยครั้งตอไป 1. ควรมีการศึกษาการใชวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรูรวมกับเทคนิคการใชแผนที่ความคิดกับ เนื้อหาอื่น ๆ สาระอื่น ๆ หรือกลุมสาระอื่น ๆ 2. ควรมีการศึกษาการใชวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรูรวมกับเทคนิคการใชแผนที่ความคิด เพื่อพัฒนาทักษะดานอื่น ๆ เชนการคิดวิเคราะหการคิดอยางมีวิจารณญาณ 3. ควรมีการศึกษาการใชวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรูรวมกับเทคนิคการใชแผนที่ความคิดใน ระดับชั้นอื่น ๆ
53 บรรณานุกรม
54 ภาคผนวก
55 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญ 1. นายณรงค์ศักดิ์ กาหลง ครูชำนาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม 2. นางปนัดดา ยอดแก้ว ครูชำนาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม 3. นางสาวศิริลักษณ์ ยศศิริ ครูผู้ช่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม
56 ภาคผนวก ข ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ตารางที่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อคำถาม (ข้อที่) ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย IOC สรุปผล 1 2 3 1 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 0 0.67 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 12 0 +1 +1 0.67 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 19 +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 20 +1 0 +1 0.67 ใช้ได้
57 ภาคผนวก ค ตัวอย่างแบบประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของ ผู้เชี่ยวชาญ แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (สำหรับผู้เชี่ยวชาญ) คำชี้แจง : โปรดทำเครื่องหมาย () ในช่องระดับความสอดคล้องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่านว่า รายการประเมินนี้มีความสอดคล้องอยู่ในระดับใด โดยมีค่าความสอดคล้อง ดังนี้ +1 หมายถึง มีความสอดคล้อง 0 หมายถึง ไม่แน่ใจ -1 หมายถึง ไม่มีความสอดคล้อง เรื่อง/เนื้อหาสาระ รายการประเมิน ระดับความ สอดคล้อง ค่า IOC -1 0 +1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ความเป็นมาและ ประวัติผู้แต่ง กลอน ดอกสร้อยรำพึงในป่า ช้า 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล
58 เรื่อง/เนื้อหาสาระ รายการประเมิน ระดับความ สอดคล้อง ค่า IOC -1 0 +1 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( ) ………../………../………..
59 เรื่อง/เนื้อหาสาระ รายการประเมิน ระดับความ สอดคล้อง ค่า IOC -1 0 +1 แผนการจัดการ เรียนรู้ที่ 2 วิเคราะห์เนื้อเรื่อง และคำศัพท์ 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
60 ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( ) ………../………../………..
61 เรื่อง/เนื้อหาสาระ รายการประเมิน ระดับความ สอดคล้อง ค่า IOC -1 0 +1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 วิเคราะห์เนื้อเรื่องและ คำศัพท์ [2] 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการ เรียนรู้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
62 ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( ) ………../………../………..
63 เรื่อง/เนื้อหาสาระ รายการประเมิน ระดับความ สอดคล้อง ค่า IOC -1 0 +1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สรุปความรู้และข้อคิด 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และ ประเมินผล 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐาน การเรียนรู้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
64 ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( ) ………../………../………..
65 ภาคผนวก ง ผลการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบ เสาะหาความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่ ผลการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (แผนการ จัดการเรียนรู้ที่ 1) รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 1 1.00 ใช้ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 2 0.89 ใช้ได้ 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 0 0.67 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 3 0.89 ใช้ได้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 4 0.89 ใช้ได้
66 รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 5 1.00 ใช้ได้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 6 1.00 ใช้ได้
67 ตารางที่ ผลการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2) รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 1 0.67 ใช้ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 2 1.00 ใช้ได้ 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 3 1.00 ใช้ได้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 4 1.00 ใช้ได้
68 รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 5 1.00 ใช้ได้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 6 1.00 ใช้ได้
69 ตารางที่ ผลการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (แผนการ จัดการเรียนรู้ที่ 3) รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 1 1.00 ใช้ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 2 1.00 ใช้ได้ 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 3 1.00 ใช้ได้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 4 0.78 ใช้ได้
70 รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 5 1.00 ใช้ได้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 6 1.00 ใช้ได้
71 ตารางที่ ผลการประเมินความเหมาะสมแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (แผนการ จัดการเรียนรู้ที่ 4) รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 1 0.67 ใช้ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 2 0.78 ใช้ได้ 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 3 0.78 ใช้ได้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 0 +1 0.67 ใช้ได้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 4 0.89 ใช้ได้
72 รายการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 5 1.00 ใช้ได้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ +1 +1 +1 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวมด้านที่ 6 1.00 ใช้ได้
73 ตารางที่ ค่าดัชนีความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ตามวิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกับเทคนิคการใช้แผนที่ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รายการประเมิน ค่าเฉลี่ย (แผนการจัดการเรียนรู้) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 4 1. สาระสำคัญ 1.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.00 0.67 1.00 0.67 0.83 ใช้ได้ 1.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 1.00 0.67 1.00 0.67 0.83 ใช้ได้ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 สอดคล้องกับเนื้อหา 1.00 1.00 1.00 0.67 0.91 ใช้ได้ 2.2 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 0.67 0.91 ใช้ได้ 2.3 สอดคล้องกับการเรียนรู้และ ประเมินผล 0.67 1.00 1.00 1.00 0.91 ใช้ได้ 3. เนื้อหา 3.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 0.67 0.91 ใช้ได้ 3.2 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐาน การเรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 0.67 0.91 ใช้ได้ 3.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 0.67 1.00 1.00 1.00 0.91 ใช้ได้ 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.00 1.00 0.67 0.67 0.83 ใช้ได้ 4.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 1.00 1.00 0.67 1.00 0.91 ใช้ได้ 4.3 สอดคล้องกับการวัดและประเมินผล 0.67 1.00 1.00 1.00 0.91 ใช้ได้
74 รายการประเมิน ค่าเฉลี่ย (แผนการจัดการเรียนรู้) ค่าเฉลี่ย (̅) แปล ผล 1 2 3 4 5. สื่อ 5.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 ใช้ได้ 5.2 สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 ใช้ได้ 6. การวัดและประเมินผล 6.1 สอดคล้องกับจุดประสงค์การ เรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 ใช้ได้ 6.2 สอดคล้องกับเนื้อหา 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 ใช้ได้ 6.3 สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 1.00 1.00 1.00 1.00 1.00 ใช้ได้ ค่าเฉลี่ยรวม 0.93 0.96 0.96 0.86 0.92 ใช้ได้
75 ภาคผนวก จ ผลการวิเคราะห์ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น และตัวอย่าง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ข้อคำถาม (ข้อที่) ความยากง่าย แปลผล อำนาจจำแนก แปลผล แปลผลคุณภาพ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.74
76 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า คำชี้แจง 1. ข้อสอบนี้เป็นข้อสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ รวม 20 คะแนน ใช้เวลา ทำแบบทดสอบ 30 นาที 2. ทำเครื่องหมาย × หน้าตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด เพียงคำตอบเดียว 1. ข้อใดไม่ใช่ฉันทลักษณ์ของกลอนดอกสร้อย (ความจำ) ก. กลอนดอกสร้อยมี 8 วรรค ข. วรรคสดับ คำที่ 2 ต้องใช้คำว่า เอ๋ย ค. วรรคสุดท้าย ต้องลงท้ายด้วยคำว่า เอย ง. กลอนดอกสร้อยบังคับสัมผัสใน และต้องมี 8 คำในทุกวรรค 2. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของกลอนดอกสร้อยที่แตกต่างจากคำประพันธ์ชนิดอื่น (ความเข้าใจ) ก. ใช้แต่งเพื่อเน้นเนื้อหาคติสอนใจ ข. ใช้เป็นบทขับร้องหรือบทร้องเล่น ค. ใช้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้แต่ง ง. ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวให้เกิดความสนุกสนาน 3. จากเรื่องกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ใด (การวิเคราะห์) ก. ชนบทในประเทศไทย ข. ป่าช้าของวัดชนบท ค. โบราณสถาน ง. ธรรมชาติในป่า 4. กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้ามาจากบทกวีนิพนธ์เรื่องใด (ความจำ) ก. Harry Potter ข. Fireflies in the Garden ค. Elegy Writen in a Country Churchyard ง. All of us are dead
77 “ยามเอ๋ยยามนี้ ปถพีมืดมัวทั่วสถาน อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง ! เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะ ! เพียง รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่วเอย” 5. จากบทประพันธ์นี้มีการใช้โวหารภาพพจน์ชนิดใดเด่นชัดที่สุด (การวิเคราะห์) ก. อุปมา ข. อุปลักษณ์ ค. บุคคลวัต ง. สัทพจน์ “ศพเอ๋ยศพสูง เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานต์ จารึกคำสำนวนชวนสักการ ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน จารึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์ อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์ ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย” 6. จากบทประพันธ์นี้มีความหมายสอดคล้องกับสำนวนไทยในข้อใด (ความเข้าใจ) ก. ยามจนดูคนหมิ่น ข. คนยากว่าผี ผู้ดีว่าศพ ค. คบคนจร นอนหมอนหมิ่น ง. คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ 7. กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้ให้ข้อคิดทางพุทธศาสนาข้อใด (ความเข้าใจ) ก. ไตรลักษณ์ ข. อริยสัจ 4 ค. ฆราวาสธรรม ๔ ง. อิทธิบาท ๔ “วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย” 8. บทประพันธ์นี้ให้อารมณ์ความรู้สึกในข้อใด (การวิเคราะห์) ก. กระวนกระวายใจ ข. สุขใจ ค. สะเทือนใจ
78 ง. โกรธ 9. “นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ อยู่บนยอกหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา” บทประพันธ์นี้ปรากฏคุณค่าด้านเนื้อหาตรงตามข้อใด (การวิเคราะห์) ก. ใช้ถ้อยคำเกี่ยวโยงความเชื่อของคนไทยผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์ ข. ใช้กลวิธีการประพันธ์เพื่อสะท้อนให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตาม ค. นกแสกเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับชาวนา จึงสะท้อนให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจถึงชีวิตได้ เป็นอย่างดี ง. เป็นการใช้ถ้อยคำเพื่อเปรียบเปรยความเรียบง่ายของชีวิตผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์ตาม ความเชื่อของคนไทย 10. ข้อใดดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับสภาพสังคมไทยโดยการใช้ต้นโพธิ์และต้นไทร เพื่ออธิบายถึง คุณค่าด้านเนื้อหาได้ถูกต้องที่สุด (การวิเคราะห์) ก. ต้นโพธิ์และต้นไทร เป็นต้นไม้ที่คนไทยยึดถือตามความเชื่อว่ามีคุณค่า และศักดิ์สิทธิ์ ข. ต้นโพธิ์และต้นไทร เป็นต้นไม้ที่ขึ้นตามสถานที่รกร้าง ป่าช้า และบริเวณวัด จึงทำให้ผู้อ่าน เกิดจินตนาการชัดเจน ค. ต้นโพธิ์และต้นไทร เป็นตัวแทนของธรรมเนียม ค่านิยม ความเชื่อ ทำให้ผู้อ่านได้รับ อรรถรสในการอ่านและเกิดอารมณ์ร่วม ง. ต้นโพธิ์และต้นไทร ถือเป็นต้นไม้ที่พบได้เป็นจำนวนมาก และเป็นที่รู้จักของคนไทย จึงทำ ให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้ง่าย 11. บทประพันธ์ในข้อใดแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศที่วิเวกวังเวงได้ชัดเจนที่สุด (การสังเคราะห์) ก. ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ข. อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง ค. และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป ง. เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา 12. “มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น คือความฟูมฟายสิ้นลิ้นโอหัง” บทประพันธ์นี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของบุคคลในข้อใด (การนำไปใช้) ก. กิตติกรฝึกซ้อมร้องเพลงเป็นประจำเพราะอยากเป็นนักร้องที่โด่งดัง ข. ปิยนุชชอบซื้อน้ำหอมเพื่อเสริมบุคลิกภาพของตนเอง ค. นฤมลกู้หนี้นอกระบบเพื่อซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด ง. ปิยธิดาซื้ออุปกรณ์กีฬาแบรนด์ชั้นนำเพราะมีความทนทาน
79 13. อิงอร พูดปลอบเพื่อนที่สูญเสียคนรักจากโรคร้ายว่าชีวิตของคนเราไม่เที่ยงแท้ การกระทำของ อิงอรเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด (การประเมินค่า) ก. เหมาะสม เพราะทุกคนล้วนมีชีวิตเป็นอนัตตา จึงควรปล่อยวางและยอมรับความจริง ข. เหมาะสม เพราะเป็นการพูดเตือนสติว่าทุกคนควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ค. ไม่เหมาะสม เพราะการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักนั้นยากที่จะทำใจได้ ง. ไม่เหมาะสม เพราะอาจเป็นการตอกย้ำความเสียใจของเพื่อน 14. “ดวงเอ๋ยดวงมณี มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน” บทประพันธ์นี้มีลักษณะเด่นตรงตามข้อใดมากที่สุด (การสังเคราะห์) ก. เล่นคำซ้ำ ข. มีสัมผัสอักษร ค. ใช้โวหารภาพพจน์ ง. ใช้คำที่สื่อความหมายชัดเจน 15. คำประพันธ์ในข้อใดเด่นในเรื่องการเล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะมากที่สุด (การวิเคราะห์) ก. จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ ข. เรไรหริ่ง ! ร้องขรมระงมเสียง ค. หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา ง. เขาเป็นสุขเรียบเงียบสงัด 16. วรรคในข้อใดมีสัมผัสสระ (ความเข้าใจ) ก. นกเอ๋ยนกแสก ข. อันความยากหากให้ไร้ศึกษา ค. อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ ง. ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำเอย 17. เติมคำในช่องว่างให้ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ (ความจำ) ดอกเอ๋ยดอกไม้ ร้อย.....๑.....มาลีหลากสีสัน บุษบาผกาน้อยร้อยหมื่น....๒..... ล้วนงามล้ำแต่งโลกาน่ามองเอย ก. มะลิ, นาม ข. มาลัย, พันธุ์
80 ค. ดวงใจ, หอมฟุ้ง ง. ดวงมาลย์, คำหวาน “ผู้แต่งได้ดัดแปลงเนื้อหาให้เข้ากับบริบทของสังคมไทย ทำให้ชาวไทยเข้าถึงเนื้อเรื่องและใกล้ ตัวมากขึ้น” จากข้อความข้างต้น ผู้แต่งเปลี่ยนองค์ประกอบในเนื้อหาให้เป็นไปตามข้อใด จงตอบคำถามข้อ 18 – 20 จากตัวเลือกต่อไปนี้ (ความจำ) ก. ต้นไอวี ข. แมลงบีเทิล ค. จอห์น มิลตัน ง. ต้นเอล์ม 18. ต้นโพธิ์ 19. จิ้งหรีดเรไร 20. ศรีปราชญ์
81 ภาคผนวก ฉ แผนการจัดของแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับ เทคนิคการใช้แผนที่ความคิดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิชาภาษาไทย 4 รหัสวิชา ท22102 หน่วยการเรียนรู้ที่6 เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เวลาเรียน 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 เรื่อง ความเป็นมาและประวัติผู้แต่ง เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นายธีรวุฒิ ศรีสุภโยค สอนวันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ. ................. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.2/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ยากขึ้น จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความเป็นมาของกลอนดอกสร้อยรำาพึงในป่าช้า ได้ (K) 2. สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้ (P) 3. มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) สาระสำคัญ กลอนดอกสร้อยรำาพึงในป่าช้า เป็นงานประพันธ์ของพระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งท่านได้เรียบ เรียงจากบทกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Elegy Writtenina Country Churchyard ของทอมัส เกรย์ เนื้อหาของเรื่องแสดงปรัชญาชีวิตเรื่องความตาย ซึ่งพระยาอุปกิตศิลปสาร สามารถถ่ายทอดบทกวี ดังกล่าวให้สอดคล้องกับธรรมเนียมไทยได้อย่างดียิ่ง สาระการเรียนรู้ 1. ความเป็นมาของวรรณคดีเรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า 2. ผู้แต่งวรรณคดีเรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า 3. เนื้อเรื่องย่อของวรรณคดีเรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
82 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. รักความเป็นไทย สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด กิจกรรมการเรียนรู้(วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engage) 1. ครูสุ่มถามนักเรียนว่าในชุมชนของนักเรียนนั้นมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความตาย อย่างไร 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ว่า “คนตายแล้วไปไหน” พร้อมให้ เหตุผลประกอบ ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจ (Explore) 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จากนั้นครูแจกบัตรข้อความเกี่ยวกับความ เป็นมา และผู้แต่งให้นักเรียนศึกษา และอภิปรายร่วมกันถึงเหตุการณ์ หรือความคิดของผู้แต่งในการ ประพันธ์ว่ามีลักษณะอย่างไร ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบาย (Explain) 4. นักเรียนร่วมกันศึกษาข้อความแล้วสรุปความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและผู้แต่ง โดย นำเสนอเป็นแบบแผนที่ความคิด ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaborate) 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแผนที่ความคิดของตนเอง โดยครูและนักเรียน อภิปรายความรู้ร่วมกัน ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluate)
83 6. ครูประเมินการเขียนสรุปความรู้แบบแผนที่ความคิดของนักเรียน โดยการติชมและให้ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือวรรณคดีและวรรณกรรม ม.๒ 2. บัตรข้อความ การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีการวัด เครื่องมือวัด การประเมินผล ด้านพุทธิพิสัย - บอกความเป็นมาของ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่า ช้า ได้ การถาม การถาม นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อตอบ ถูกต้องร้อยละ ๖๐ ด้านทักษะพิสัย - สรุปเนื้อหารายละเอียด ของวรรณคดี เรื่อง กลอน ดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้ การเขียนแผนที่ความคิด แผนที่ความคิด นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อผ่าน เกณฑ์ร้อยละ ๖๐ ด้านจิตพิสัย - มีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ การประเมิน แบบประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อได้ คะแนนร้อยละ ๖๐
84 บันทึกหลังการสอน 1. การดำเนินการจัดการเรียนรู้ ( ) เป็นไปตามแผน ( ) ไม่เป็นไปตามแผน 2. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียน ม.2/2 บอกความเป็นมาของกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ......... นักเรียน ม.2/5 บอกความเป็นมาของกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ......... นักเรียน ม.2/9 บอกความเป็นมาของกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ......... นักเรียน ม.2/11 บอกความเป็นมาของกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน.......คน คิดเป็นร้อยละ......... 2.2 ด้านทักษะ/ กระบวนการ (P) นักเรียน ม.2/2 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/5 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/9 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/11 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้ จำนวน.........คน คิดเป็นร้อยละ........... 2.3 ด้านคุณลักษณะ (A) นักเรียน ม.2/2 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/5 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/9 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/11 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ..................
85 3. ปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้ ............................................................................................................................................... ................. ................................................................................................................................................................ 4. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................... ............ ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (นายธีรวุฒิ ศรีสุภโยค) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
86 ผู้ประเมิน…………………………………………… วันที่…………. เดือน…………….......……… พ.ศ. …………… ประเมินผลครั้งที่…………………………. เรื่อง............................................................ เลขที่ ชื่อ-สกุลผู้รับการประเมิน มีวินัย ใฝเรียนรู้ มุ่งมั่นในการ ทำงาน รักความเป็น ไทย รวม ๑๒ คะแนน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑ 2 3 4 5 6 7 8 9 10 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
87 รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ ๒ ๑ ๐ ๑.มีวินัย ปฏิบัติตนตามข้อตกลง ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ตรงต่อเวลาในการปฏิบัติ กิจกรรมและรับผิดชอบ ในการทํางาน ปฏิบัติตนตาม ข้อตกลง ตรงต่อเวลา ในการปฏิบัติกิจกรรม และรับผิดชอบในการ ทํางาน ปฏิบัติตนตาม ข้อตกลง ตรงต่อ เวลาในการปฏิบัติ กิจกรรม ไม่ปฏิบัติตนตาม ข้อตกลง และไม่ ตรงต่อเวลาในการ ปฏิบัติกิจกรรม ๒.ใฝ่เรียนรู้ เข้าเรียนตรงเวลาตั้งใจ เรียน และมีส่วนร่วมใน การเรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรียนเป็น ประจํา เข้าเรียนตรงเวลาตั้งใจ เรียน และมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้และเข้า ร่วมกิจกรรมการ เรียนรู้ต่าง ๆ บ่อยครั้ง เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน และมี ส่วนร่วมในการ เรียนรู้และเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้ ต่าง ๆ เป็นบางครั้ง ไม่ตั้งใจเรียน ไม่ ศึกษาค้นคว้าหา ความรู้ ๓.มุ่งมั่นในการ ทำงาน ตั้งใจและรับผิดชอบใน การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายให้สําเร็จ มี การปรับปรุงและ พัฒนาการทํางานให้ขึ้น ภายในเวลาทีกําหนด ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมายให้ สําเร็จ มีการปรับปรุง และพัฒนาการทํางาน ให้ขึ้นภายในเวลาที กําหนด ตั้งใจและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้ สําเร็จ ไม่ตั้งใจปฏิบัติ หน้าที่การงาน ๔.รักความเป็น ไทย มีสัมมาคารวะต่อครู อาจารย์ปฏิบัติตนเป็นผู้ มีมารยาทแบบไทย ใช้ ภาษาไทย เลขไทยใน การสื่อสารได้ถูกต้อง มีสัมมาคารวะต่อครู อาจารย์ปฏิบัติตน เป็นผู้มีมารยาทแบบ ไทย ใช้ภาษาไทย เลข ไทยในการสื่อสาร มีสัมมาคารวะต่อครู อาจารย์ใช้ ภาษาไทย เลขไทย ในการสื่อสาร ไม่มีสัมมาคารวะต่อ ครูอาจารย์
88 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิชาภาษาไทย 4 รหัสวิชา ท22102 หน่วยการเรียนรู้ที่6 เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เวลาเรียน 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 21 เรื่อง วิเคราะห์เนื้อเรื่องและคำศัพท์ เวลาเรียน 1 ชั่วโมง ผู้สอน นายธีรวุฒิ ศรีสุภโยค สอนวันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ. ................. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.2/2 วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นที่ อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้ (K) 2. สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้(P) 3. มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี (A) สาระสำคัญ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เป็นงานประพันธ์ของพระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งท่านได้เรียบเรียง จากบทกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Elegy Writtenina Country Churchyard ของทอมัส เกรย์ เนื้อหาของเรื่องแสดงปรัชญาชีวิตเรื่องความตาย ซึ่งพระยาอุปกิตศิลปสาร สามารถถ่ายทอดบทกวี ดังกล่าวให้สอดคล้องกับธรรมเนียมไทยได้อย่างดียิ่ง สาระการเรียนรู้ 1. ถอดคำประพันธ์กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า 2. เนื้อเรื่องกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า
89 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. รักความเป็นไทย สมรรถนะสำคัญ 2. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด กิจกรรมการเรียนรู้(วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้) ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engage) 1. ครูให้นักเรียนดูวิดิทัศน์เกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาเกี่ยวกับงานศพจาก ภาพยนตร์ เรื่อง นางนาก (เรื่องราวเกี่ยวกับการมัดตราสัง การฝังศพของคนในสมัยอดีต) แล้วซักถามนักเรียนว่ามีความแตกต่างจากท้องถิ่นหรือไม่ อย่างไร ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจ (Explore) 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน จากนั้นครูให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเลือก ซองบัตรบทประพันธ์ ซึ่งเป็นเนื้อหาเรื่องกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ซองละ 5 บท โดยให้แต่ละ กลุ่มศึกษา และอภิปรายในประเด็นดังต่อไปนี้ 3.1 เนื้อหาที่ได้รับเกี่ยวข้องกับสิ่งใด และมีเหตุการณ์สำคัญอย่างไรบ้าง 3.2 นักเรียนคิดว่าอะไรที่ผู้เขียนต้องการสื่อสาร 3.3 เลือกบทประพันธ์จำนวน 1 บท ที่สมาชิกภายในกลุ่มคิดว่าซาบซึ้งหรือ น่าสนใจ พร้อมยกเหตุผลประกอบ ขั้นที่ 3 ขั้นอธิบาย (Explain) 4. เมื่อสมาชิกภายในกลุ่มศึกษาและอภิปรายร่วมกันแล้ว ครูมอบหมายให้นักเรียน ร่วมกันเขียนสรุปในกระดาษชาร์ท โดยนำเสนอเป็นแบบแผนที่ความคิด ซึ่งจะต้องครอบคลุมประเด็น ที่ครูกำหนดให้ ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaborate)
90 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผลงานติดไว้ภายในห้องเรียน เพื่อให้เพื่อน ๆ กลุ่มอื่น ๆ ได้ ศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยเขียนเพิ่มเติมลงในกระดาษได้ ขั้นที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluate) 6. ครูประเมินการเขียนสรุปความรู้แบบแผนที่ความคิดของนักเรียน โดยการติชม และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือวรรณคดีและวรรณกรรม ม.2 2. กระดาษชาร์ท 3. ซองบัตรบทประพันธ์ 4. วิดิทัศน์ภาพยนต์เรื่อง นางนาก การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีการวัด เครื่องมือวัด การประเมินผล ด้านพุทธิพิสัย - สรุปเนื้อหากลอน ดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้ ตรวจชิ้นงานกลุ่ม ชิ้นงานกลุ่ม นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อได้ คะแนนร้อยละ 60 ด้านทักษะพิสัย - สรุปเนื้อหารายละเอียด ของวรรณคดี เรื่อง กลอน ดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้ ตรวจชิ้นงานกลุ่ม ชิ้นงานกลุ่ม นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อได้ คะแนนร้อยละ 60 ด้านจิตพิสัย - มีพฤติกรรมการทำงาน กลุ่มที่ดี การสังเกต แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม นักเรียนผ่านการ ประเมินเมื่อได้ คะแนนร้อยละ 60
- 91 - บันทึกหลังการสอน 1. การดำเนินการจัดการเรียนรู้ ( ) เป็นไปตามแผน ( ) ไม่เป็นไปตามแผน 2. สรุปผลการจัดการเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียน ม.2/2 สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/5 สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/9 สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/11 สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้จำนวน........คน คิดเป็นร้อยละ........... 2.4 ด้านทักษะ/ กระบวนการ (P) นักเรียน ม.2/2 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/5 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/9 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้จำนวน .........คน คิดเป็นร้อยละ........... นักเรียน ม.2/11 สรุปเนื้อหารายละเอียดของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ได้ จำนวน.........คน คิดเป็นร้อยละ........... 2.5 ด้านคุณลักษณะ (A) นักเรียน ม.2/2 มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/5 มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/9 มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................... นักเรียน ม.2/11 มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี จำนวน.............คน คิดเป็นร้อยละ.................. 3. ปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
- 92 - 4. แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ.......................................................ครูผู้สอน (นายธีรวุฒิ ศรีสุภโยค) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
- 93 - แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม กลุ่ม ที่ ชื่อกลุ่มที่รับการประเมิน การมีส่วน ร่วม ความ รับผิดชอบ การรับฟัง ความคิดเห็น การนำเสนอ ผลงาน รวม ๑๒ คะแนน ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒
- 94 - รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนน การสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ ๒ ๑ ๐ ๑.การมีส่วนร่วม สมาชิกกลุ่มทุกคนมี ส่วนร่วมในการ ปฏิบัติงานกลุ่ม สมาชิกกลุ่มส่วน ใหญ่มีส่วนร่วมใน การปฏิบัติงานกลุ่ม สมาชิกกลุ่มให้ ความร่วมมือใน การปฏิบัติงาน กลุ่มเป็นส่วนน้อย สมาชิกกลุ่มส่วน ใหญ่มีส่วนร่วม ในการ ปฏิบัติงานกลุ่ม น้อย ๒.ความรับผิดชอบ สมาชิกทุกคนทำงาน ตามหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย ไม่ หลีกเลี่ยงงาน งาน เสร็จทันตามเวลาที่ กำหนด สมาชิกส่วนใหญ่ ทำงานตามหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมาย ไม่ หลีกเลี่ยงงาน งาน เสร็จทันตามเวลาที่ กำหนด สมาชิกส่วนน้อย ทำงานตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย หลีกเลี่ยงงานเป็น บางคน งานเสร็จ ช้ากว่าเวลาที่ กำหนดเล็กน้อย สมาชิกส่วน ใหญ่ไม่ทำงาน ตามหน้าที่ที่ ได้รับมอบหมาย หลีกเลี่ยงงาน เป็นบางคน งาน เสร็จช้ากว่า กำหนด ๓.การรับฟังความ คิดเห็น สมาชิกทุกคนยอมรับ ฟังความคิดเห็นผู้อื่น อย่างมีเหตุผลและ สร้างสรรค์ สมาชิกส่วนใหญ่ ยอมรับฟังความ คิดเห็นผู้อื่นและมี เหตุผล สมาชิกส่วนน้อย ยอมรับฟังความ คิดเห็นผู้อื่นและมี เหตุผล สมาชิกส่วน ใหญ่ไม่รับฟัง ความคิดเห็น ผู้อื่น และไม่มี เหตุผลเลย ๔.การนำเสนอผลงาน นำเสนอผลงานด้วย ความมั่นใจ กล้า แสดงออก พูดจา ชัดเจน ผลงานมี ความถูกต้องและ สร้างสรรค์ กล้าแสดงออก พูดจาชัดเจน ผลงาน มีความถูกต้องและ สร้างสรรค์ พูดจาชัดเจน ผลงานมีความ ถูกต้องหรือ สร้างสรรค์ ผลงานมีความ ถูกต้องหรือ สร้างสรรค์
- 95 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 วิชาภาษาไทย 4 รหัสวิชา ท22102 หน่วยการเรียนรู้ที่6 เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เวลาเรียน 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 เรื่อง วิเคราะห์เนื้อเรื่องและคำศัพท์ [2] เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นายธีรวุฒิ ศรีสุภโยค สอนวันที่ ............ เดือน ........................ พ.ศ. ................. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท 5.1 ม.2/3 อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สรุปเนื้อหากลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้ (K) 2. ถอดคำประพันธ์กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าได้ (P) 3. มีพฤติกรรมการทำงานกลุ่มที่ดี (A) สาระสำคัญ กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า เป็นงานประพันธ์ของพระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งท่านได้เรียบเรียง จากบทกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Elegy Writtenina Country Churchyard ของทอมัส เกรย์ เนื้อหาของเรื่องแสดงปรัชญาชีวิตเรื่องความตาย ซึ่งพระยาอุปกิตศิลปสาร สามารถถ่ายทอดบทกวี ดังกล่าวให้สอดคล้องกับธรรมเนียมไทยได้อย่างดียิ่ง สาระการเรียนรู้ 1. คุณค่าของวรรณคดี เรื่อง กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า - ด้านเนื้อหา - ด้านแนวคิด - ด้านวรรณศิลป์ - ด้านสังคม