อิศรญาณภาษติ
1
ศรญาณ
ภาษิต
ผ้แู ต่ง
หม่อมเจ้าอศิ รญาณ แต่งขนึ้ ในสมยั
รัชกาลที่ ๔ มเี รอื่ งเลา่ กันวา่ หมอ่ มเจ้าอิศรญาณ
มพี ระจริตทีไ่ ม่ปกตนิ กั เคยทาอะไรผดิ จรติ ไปอย่าง
หนึ่งจงึ ถกู รชั กาลท่ี ๔ ตรัสว่า บ้า ทาให้เกิดความ
นอ้ ยพระทัย จงึ นพิ นธเ์ พลงยาวขนึ้ บทหน่งึ ภายหลัง
เรยี กวา่ “ภาษติ อิศรญาณ”
ลกั ษณะคาประพันธ์
อศิ รญาณภาษิต แตง่ ดว้ ย กลอนเพลงยาว มีลักษณะ
เหมอื นกลอนสภุ าพ (กลอนแปด) แต่ขึ้นบทแรกดว้ ยวรรครบั
และจบด้วยคาวา่ เอย ในสมัยก่อนผ้ชู ายนิยมเขยี นเพลงยาว
ถึงหญงิ ทรี่ กั เพลงยาวทใ่ี ช้เป็นจดหมายรกั ลงท้ายด้วย “เอย”
จึงเป็นทม่ี าของคาวา่ “ลงเอย”
อศิ รญาณภาษิต
อิศรญาณภาษติ มีเนอ้ื หาท่ใี หข้ ้อคดิ
คตเิ ตือนใจ จึงเรยี กว่า ภาษิต
สอนการปฏบิ ัตติ นใหเ้ หมาะสม
บางตอนใชถ้ ้อยคาประชดเหน็บแนม
ในการสอน
อิศรญาณภาษิต
๏ อิศรญาณชาญกลอนอักษรสาร
เทศนาคาไทยให้เป็นทาน โดยตานานศภุ อรรถสวสั ดี
หม่อมเจ้าอศิ รญาณผ้ทู รงเชี่ยวชาญในเชิงกลอนทรงนพิ นธ์
คากลอนสภุ าษิตโบราณ สงั่ สอนเตอื นใจไวเ้ พอ่ื เปน็ ทาน
อิศรญาณภาษติ
๏ สาหรับคนเจือจติ จรติ เขลา ดว้ ยมวั เมาโมห์มากในซากผี
ต้องหาม้ามโนมยั ใหญย่ าวรี สาหรบั ขีเ่ ป็นม้าอาชาไนย
สาหรับคนท่ีโงเ่ ขลาเบาปญั ญาทีไ่ ปลมุ่ หลงในความช่ัวตอ้ ง
ฝกึ ใจให้รู้เท่าทนั กเิ ลส คอื เอาใจเปน็ นายบังคบั ใจตวั เองให้อยู่
เหนอื กิเลส เพ่ือจะได้เปน็ พาหนะไปส่คู วามสุข
อศิ รญาณภาษิต
๏ ชายข้าวเปลอื กหญิงข้าวสารโบราณวา่
นา้ พึง่ เรือเสือพง่ึ ป่าอชั ฌาสัย
เรากจ็ ิตคดิ ดูเล่าเขากใ็ จ
รกั กันไวด้ ีกว่าชังระวังการ
อิศรญาณภาษติ
ผชู้ ายกับผู้หญงิ นนั้ ตา่ งกนั ดงั ขา้ วเปลือกกบั ขา้ วสาร โบราณกลา่ วไวว้ ่า
ชายเปรยี บเสมือนข้าวเปลือก หญิงเปรียบเสมือนขา้ วสาร ซึ่งเป็นการสอนให้
ผูห้ ญงิ ร้จู ักรักนวลสงวนตัว เพราะผู้หญงิ คลา้ ยกบั ข้าวสารทผี่ ่านการขัดสพี ร้อมที่
จะนาไปหงุ อยา่ งเดียว ไมส่ ามารถนามาปลูกใหมไ่ ด้อกี ขณะท่ีผชู้ ายเปรียบเสมอื น
ข้าวเปลอื กทส่ี ามารถนาไปเพาะปลูกและเจริญงอกงามใหม่ไดเ้ ร่อื ย ๆ ซ่งึ ทั้งชาย
และหญงิ ตา่ งกต็ ้องชว่ ยเหลอื เกื้อกลู กนั เหมอื นกบั สานวน นา้ พง่ึ เรอื เสือพงึ่ ปา่
และต้องนกึ ถึงใจเขาใจเรา รกั กันไวก้ อ่ นจะดีกว่าการเกลียดชงั กัน
อิศรญาณภาษิต
๏ ผู้ใดดีดตี ่ออยา่ กอ่ กจิ ผ้ใู ดผดิ ผ่อนพกั อยา่ หกั หาญ
สบิ ดีกไ็ ม่ถงึ กับกึง่ พาล เป็นชายชาญอย่าเพ่อคาดประมาทชาย
ผใู้ ดทที่ าดีตอ่ เรา เราควรทาดตี ่อเขาตอบ ส่วนผู้ใดทท่ี าไม่
ดีต่อเราหรือทาไมถ่ ูกตอ้ งกไ็ ม่ควรโกรธหรือตัดรอน จนแตกหกั
ทาความดีสบิ ครั้ง กไ็ ม่เท่าทาความชั่วครึ่งครั้ง ความชั่วนั้นจะ
ทาลายความดีลงจนหมดสนิ้ เกดิ เปน็ ชายกไ็ ม่ควรดถู กู ชายด้วยกัน
อศิ รญาณภาษติ
๏ รกั สน้ั น้ันให้รอู้ ยู่เพยี งสน้ั รักยาวนน้ั อย่าใหเ้ ย่นิ เกนิ กฎหมาย
มิใชต่ ายแต่เขาเราก็ตาย แหงนดฟู า้ อย่าใหอ้ ายแก่เทวดา
ความรกั ความสัมพนั ธ์จะเป็นไปอย่างยาวนาน ต้องอาศยั การทาดตี ่อกัน
อยา่ งสมา่ เสมอ และไม่ทาอะไรเกนิ ขอบเขตกฎหมาย อยา่ งไรเสียเราทุกคนก็ตอ้ ง
ตาย ควรทาดตี ่อกันไว้ เวลาทีแ่ หงนดูฟา้ จะไดไ้ มอ่ ายเทวดาทีอ่ ยบู่ นสวรรค์
อศิ รญาณภาษิต
๏ อยา่ ดถู กู บุญกรรมวา่ ทาน้อย
น้าตาลย้อยมากเม่ือไรได้หนกั หนา
อยา่ นอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ส่องดูหนา้ เสยี ทีหนึ่งแลว้ จึงนอน
อศิ รญาณภาษิต
อย่าดถู ูกความดที ท่ี าเพยี งเล็กนอ้ ย เพราะมนั จะสะสมไปเร่อื ย ๆ
และมากขนึ้ ทุกที คลา้ ยกับการปาดนา้ ตาลท่แี ม้จะไหลออกมาเพียง
เลก็ น้อย แต่หากเวลาผ่านไป นา้ ตาลกส็ ามารถจะเพม่ิ จานวนขึ้นมาก
เร่ือย ๆ ไดเ้ ชน่ กนั “อย่านอนเปลา่ เอากระจกยกออกมา” ตอ้ งการจะสื่อ
ใหเ้ ราสารวจกาย จิตใจ และการกระทาของตวั เองในแต่
ละวัน เตอื นใจให้มสี ตหิ มัน่ ทบทวนตวั เองในทุก ๆ วัน
อศิ รญาณภาษติ
๏ เห็นตอหลักปกั ขวางหนทางอยู่
พเิ คราะห์ดูควรท้งึ แล้วจงึ ถอน
เห็นเต็มตาแลว้ อยา่ อยากทาปากบอน
ตรองเสียก่อนจึงคอ่ ยทากรรมทงั้ มวล
อศิ รญาณภาษิต
เหน็ สิ่งใดกดี ขวางทางอยู่ จงพิจารณาให้รอบคอบกอ่ นที่
จะเอาออกเพราะอาจเปน็ อันตรายได้ และเมือ่ ไปเหน็ การกระทา
ของใคร อย่ารบี พูดออกไป ควรคดิ พิจารณาให้ดเี สียก่อน
ก่อนที่จะพดู หรอื กระทาอะไรเพราะอาจนาผลรา้ ยมาสตู่ นเองได้
สอนใหร้ ู้จักคดิ ใครค่ รวญ ไตรต่ รองก่อนจะพดู หรือทาสงิ่ ใด
อศิ รญาณภาษติ
๏ ค่อยดาเนินตามไตผ่ ไู้ ปหน้า ใจความว่าผู้มีคุณอยา่ หนุ หวน
เอาหลังตากแดดเปน็ นิจคดิ คานวณ รู้ถีถ่ ว้ นจึงสบายเม่ือปลายมือ
ใหป้ ระพฤติปฏิบัตติ นตามผู้ใหญ่ เพราะย่อมมีความร้แู ละประสบการณ์
มากกว่า และอยา่ เปน็ คนอกตญั ญู จงมคี วามขยนั หมัน่ เพียรทางานอยู่เสมอ
แลว้ จะมคี วามสุขสบายในภายหนา้
อศิ รญาณภาษิต
๏ เพชรอย่างดีมีค่าราคายิง่
สง่ ใหล้ ิงจะรู้คา่ ราคาหรือ
ต่อผดู้ ีมปี ัญญาจงึ หารอื
ใหเ้ ขาลือเสียว่าชายนี้ขายเพชร
อศิ รญาณภาษติ
การนาของมีค่าให้กับคนทไ่ี ม่ร้คู า่ ก็เหมอื นกับ
การนาเพชรไปใหก้ ับลิง ดงั น้นั เราควรจะสมาคมกับคน
ทมี่ ีปญั ญาและมองเหน็ คา่ ของตวั เรา วรรคท่บี อกว่า
“ ให้เขาลอื เสยี วา่ ชายน้ีขายเพชร “ หมายถึง ให้คน
ร่าลือวา่ เรานนั้ มปี ญั ญาราวกับมีเพชรมากพอท่ี
จะอวดได้
อศิ รญาณภาษติ
๏ ของสิ่งใดเจา้ วา่ งามต้องตามเจ้า
ใครเลยเลา่ จะไมง่ ามตามเสดจ็
จาไวท้ ุกสงิ่ จรงิ หรอื เทจ็
พริกไทยเม็ดนดิ เดียวเคยี้ วยังร้อน
อศิ รญาณภาษิต
บทน้พี ดู ถึงการเห็นดเี ห็นงามตามเจ้านาย ตอ่ ให้ไม่
เหน็ ด้วยก็ตอ้ งเก็บไว้ข้างใน เพื่อใหไ้ มเ่ ดือดร้อนตนเอง
เพราะหากเดือดร้อนขน้ึ มาตอ่ ให้เปน็ เรอื่ งเลก็ เหมือน
พริกไทยเมด็ เดียวก็กลายเป็นเรอื่ งใหญ่โตได้เช่นกนั
อศิ รญาณภาษติ
๏ เกิดเปน็ คนเชิงดูใหร้ เู้ ท่า ใจของเราไมส่ อนใจใครจะสอน
อยากใช้เขาเราต้องก้มประนมกร ใครเลยหอ่ นจะว่าตัวเป็นวัวมอ
เกิดเปน็ คนต้องรู้เท่าทันใจของตนเอง คือต้องสอนใจตนเองหรือเตอื น
ตนเองได้ และถ้าจะขอความชว่ ยเหลือจากผู้ใด เราต้องอ่อนน้อมถอ่ มตน
เพราะไมม่ ีใครท่จี ะคดิ ว่าตนเปน็ วัวให้คนอื่นใช้งาน
อศิ รญาณภาษิต
๏ เปน็ บา้ จีน้ ิยมชมวา่ เอก
คนโหยกเหยกรกั ษายากลาบากหมอ
อันยศศักด์ิมิใชเ่ หล้าเมาแตพ่ อ
ถา้ เขายอเหมือนอยา่ งเกาให้เราคัน
อศิ รญาณภาษิต
คนบา้ ยอชอบใหค้ นเขานยิ มยกยอ่ งเปรียบเหมือนคนไมอ่ ยู่
กบั รอ่ งกับรอย ซึ่งแกไ้ ขได้ยาก ยศ หรือตาแหนง่ นน้ั ก็มใิ ช่เหล้า
จงเมาแต่พอควร อย่าไปยึดติด หลงยศ หลงตาแหนง่ คาเยินยอ
ต่าง ๆ นั้น ถา้ เราหลงเชอื่ อาจทาให้เราเดอื ดร้อนได้
อศิ รญาณภาษติ
๏ บา้ งโลดเล่นเตน้ ราทาเปน็ เจ้า
เปน็ ไรเขาไม่จับผดิ คิดดขู ัน
ผมี ันหลอกช่างผีตามทมี นั
คนเหมือนกนั หลอกกนั เองกลัวเกรงนกั
อิศรญาณภาษิต
บางคนทาตัวเหมอื นเจา้ เขา้ สงิ ไม่มใี ครคดิ
จับผดิ วา่ เปน็ ผจี รงิ หรอื ไม่ แต่ตอ่ ให้เปน็ ผจี รงิ ก็
ปล่อยให้หลอกไป เพราะอย่างไรก็น่ากลัวน้อย
กวา่ คนทม่ี าหลอกกันเอง
อศิ รญาณภาษิต
๏ สูงอยา่ ให้สงู กว่าฐานนานไปล้ม
จะเรยี นคมเรียนเถิดอยา่ เปิดฝัก
คนสามขามีปญั ญาหาไวท้ ัก
ที่ไหนหลกั แหลมคาจงจาเอา
อิศรญาณภาษิต
ถ้าจะสร้างส่งิ ใดที่สูงเกินสมดลุ ของฐานก็อาจจะทาใหล้ ม้
ได้ สอนใหร้ จู้ ักประมาณตน ไมใ่ ห้ทาอะไรเกนิ ฐานะของตนเอง
การศึกษาหาความรกู้ ็ตอ้ งขยันหม่ันเพียรโดยไมอ่ วดรจู้ นเกนิ ไป
และเราควรท่จี ะปรกึ ษาหารอื กับผ้ใู หญเ่ พราะมีประสบการณ์มา
ก่อนเรา หากส่ิงไหนที่ดงี ามก็ควรจะจดจาและนาไปใช้
อศิ รญาณภาษติ
๏ เดินตามรอยผใู้ หญ่หมาไม่กัด
ไปพูดขัดเขาทาไมขัดใจเขา
ใครทาตึงแล้วหยอ่ นผ่อนลงเอา
นกั เลงเกา่ เขาไมห่ าญราญนกั เลง
อศิ รญาณภาษติ
เราควรประพฤตปิ ฏิบตั ิตามแบบอยา่ งผใู้ หญซ่ ่งึ มี
ประสบการณ์มากอ่ น เหมอื นกับสานวน เดนิ ตามผใู้ หญ่
หมาไม่กัด และไมค่ วรไปพดู ขดั ผูอ้ นื่ เพราะอาจขดั ใจเขาได้
นอกจากน้ี เราควรร้จู กั ยืดหยนุ่ ถา้ มคี นหาเร่อื งก่อนเราก็
จะไม่หาเรือ่ งตอบ
อศิ รญาณภาษติ
๏ เปน็ ผหู้ ญงิ แมห่ ม้ายทไี่ รผ้ วั
ชายมักยว่ั ทาเลยี บเทียบขม่ เหง
ไฟไหมย้ งั ไม่เหมือนคนทจ่ี นเอง
ทาอวดเกง่ กบั ข่อื คาว่ากระไร
อิศรญาณภาษติ
ในยุคสมยั ก่อนนน้ั มีมมุ มองวา่ การเป็นหญงิ หม้ายไมม่ ี
สามีคอยปกปอ้ ง มโี อกาสถูกชายอื่นพูดจาแทะโลมขม่ เหง สว่ น
ไฟไหมบ้ ้านยังไม่รา้ ยแรงเทา่ กับคนทที่ าตนเองให้ยากจน ซง่ึ ใน
ท่นี อี้ าจหมายถึงการหมดเงนิ ไปกับกเิ ลสตณั หาต่าง ๆ และอย่า
ทาตวั ทา้ ทายกฎหมาย และบทลงโทษ
อศิ รญาณภาษิต
๏ อนั เสาหนิ แปดศอกตอกเปน็ หลกั
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว
จงฟงั หูไวห้ ูคอยดไู ป
เชื่อน้าใจดกี ว่าอย่าเชอื่ ยุ
อิศรญาณภาษิต
เสาหนิ ขนาด ๘ ศอกถกู ตอกลงบนพืน้ ดินอย่างม่ันคง
เม่อื มีคนมาผลักไปผลกั มาเสาหินย่อมสนั่ คลอน เหมือนใจคน
ย่อมออ่ นไหวไปตามคาพูดของผู้อืน่ ได้ ฉะนั้น จงึ ควรฟังหไู ว้หู
และคดิ ใหร้ อบคอบก่อนท่ีจะเชือ่ ใคร มีใจคอหนักแน่นไม่หลงเชื่อ
คายุยงโดยง่าย ให้รู้จักไตรต่ รองให้ดีเสยี ก่อนท่ีจะคล้อยตาม
คาพูดของผอู้ ่ืน
อศิ รญาณภาษติ
๏ หญิงเรยี กแม่ชายเรียกพอ่ ยอไวใ้ ช้ มนั ชอบใจขา้ งปลอบไม่ชอบดุ
ที่ห่างปิดที่ชิดไชให้ทะลุ คนจักษุเหล่หล่ิวไพลพ่ ลวิ้ พลกิ
ถา้ เราตอ้ งการขอความชว่ ยเหลือกค็ วรใช้คาพดู ออ่ นหวานเพราะ
ไมม่ ใี ครชอบให้ใช้คาพูดห้วน ๆ หรือดุดนั และควรพดู จาใหร้ ้จู ักกาลเทศะ
เช่น เมอ่ื เจอคนตาเหลก่ ็ควรรู้จักเลี่ยงไมพ่ ูดตรง ๆ เพ่ือมิใหเ้ สยี น้าใจ
อศิ รญาณภาษติ
๏ เอาปลาหมอเปน็ ครูดปู ลาหมอ
บนบกหนออุตสา่ หเ์ สอื กกระเดอื กกระดิก
เขาย่อมว่าฆา่ ควายเสยี ดายพรกิ
รักหยอกหยิกยับท้งั ตวั อยา่ กลวั เลบ็
อศิ รญาณภาษิต
เราควรเพียรพยายามแบบปลาหมอท่ีอยู่บนบกแลว้
พยายามตะเกียกตะกายกลบั ไปในนา้ ใหไ้ ด้ สว่ นการฆา่ ควาย
แลว้ อย่าเสียดายพริกนั้น หมายถงึ หากจะทาการใหญ่กไ็ มค่ วร
กลวั แต่ควรทาให้เต็มที่ ส่วนวรรคสดุ ท้ายต้องการจะส่ือว่า
หากเราอยากจะหยอกล้อผอู้ ืน่ เราก็ควรไมก่ ลัวทผ่ี ู้อ่ืนจะหยอก
ลอ้ เรากลับบ้าง
อศิ รญาณภาษติ
๏ มใิ ชเ่ น้ือเอาเป็นเนอ้ื ก็เหลอื ปล้า
แตห่ นามตาเขา้ สกั นิดกรดี ยงั เจบ็
อันโลภลาภบาปหนาตัณหาเย็บ
เมยี รเู้ กบ็ ผวั รทู้ าพาจาเรญิ
อิศรญาณภาษิต
คนเราถา้ ไมใ่ ชเ่ นอื้ คกู่ นั อยู่ดว้ ยกนั แม้จะเปน็ เร่อื งเลก็ นอ้ ยก็
เจบ็ ปวดได้ เหมือนกับหนามตาเพียงนิดเดียวก็สรา้ งความเจบ็ ปวด
ได้ไมน่ ้อย นอกจากนี้การใชช้ ีวิตร่วมกันระหวา่ งสามภี รรยา ควร
ตัดความโลภ และตัณหาตา่ งๆ ออก ฝา่ ยสามตี ้องขยนั ทางาน
เลีย้ งครอบครัว ส่วนภรรยาตอ้ งรจู้ กั เกบ็ หอมรอมริบจะทาให้
ครอบครัวเจรญิ ย่ิงขน้ึ
อิศรญาณภาษติ
๏ ถึงรจู้ รงิ น่งิ ไว้อย่าไขรู้ เตม็ ที่คร่เู ดยี วเท่านั้นเขาสรรเสริญ
ไม่ควรก้าเกินหนา้ กอ็ ยา่ เกนิ อยา่ เพลดิ เพลินคนชงั นักคนรักนอ้ ย
แม้ว่าเราจะรู้จริง เราก็ไม่ต้องอวดวา่ เรารู้ แมจ้ ะไดร้ ับการชื่นชม
จากผูอ้ น่ื กเ็ พียงในระยะเวลาส้ัน ๆ ดงั นนั้ อย่าทาอะไรเกนิ หน้าเกิน
ตาผู้อน่ื เพราะจานวนคนทีร่ ักเราน้นั มีนอ้ ยกวา่ คนท่ีเกลียดเรา
อศิ รญาณภาษิต
๏ วาสนาไมค่ เู่ คียงเถยี งเขายาก ถึงมปี ากมเี สยี เปลา่ เหมือนเตา่ หอย
ผเี รือนตวั ไมด่ ีผีอื่นพลอย พูดพล่อยพลอ่ ยไมด่ ีปากขี้ร้ิว
ผู้มีอานาจนอ้ ยกวา่ ยอ่ มไมส่ ามารถเถยี งผู้ทีม่ อี านาจสูงกวา่ ได้
ถึงแม้วา่ จะมปี ากในการพูดแตพ่ ดู ไปก็ไร้ประโยชน์ หากไมร่ ะวังกายและใจ
ของตนเองให้ดี ตัวเราจะประพฤตชิ ัว่ ได้โดยง่าย การพูดพล่อยๆ โดยไม่คิด
ให้ดีก่อนพูดเป็นสิ่งที่ไมค่ วรกระทา
อศิ รญาณภาษิต
๏ แต่ไมไ้ ผอ่ นั หนงึ่ ตนั อันหนง่ึ แขวะ
สีแหยะแหยะตอกตะบนั เป็นควนั ฉวิ
ชา้ งถีบอยา่ ว่าเลน่ กระเด็นปลิว
แรงหรอื หิวชัง่ ใจดจู ะสู้ชา้ ง
อิศรญาณภาษติ
สอนใหไ้ ม่ประมาทเพราะบางอยา่ งอาจจะมพี ษิ ภัยกวา่ ที่คิด
อย่างไมไ้ ผ่อนั ทตี่ นั กับอกี อนั ทีเ่ จาะเป็นรู เมอ่ื นามาสีกนั เบา ๆ
กเ็ กิดความร้อนได้เหมือนกนั และหากเราโดนชา้ งถีบหรือทารา้ ย
หากคิดจะแก้แคน้ เอาคนื ควรพิจารณาตัวเองให้ดกี อ่ นวา่ มี
พละกาลังมากพอจะสกู้ ับช้างหรอื ไม่
อศิ รญาณภาษิต
๏ ลอ้ งเู ห่าเลน่ ก็ไดใ้ จกล้ากลา้
แต่ว่าอยา่ ยักเยอ้ื งเขา้ เบ้อื งหาง
ต้องวอ่ งไวในทานองคลอ่ งท่าทาง
ตบหวั ผางเดียวม้วนจึงควรลอ้
อิศรญาณภาษิต
ถ้าเราจะล้อเลน่ กบั งูเหา่ (สิง่ ทีด่ ูอนั ตรายและ
เส่ียงภัย) จะต้องมีใจที่กลา้ หาญ คล่องแคล่ว ว่องไว
ต้องรู้วธิ ีการจบั งู ไมจ่ บั งูเห่าขา้ งหาง และสามารถตบ
หัวงูเหา่ ให้ตายในครงั้ เดยี วได้ หากไม่สามารถทาได้
งเู หา่ จะย้อนกลบั มากัดเราตายได้
อศิ รญาณภาษติ
๏ ถงึ เพือ่ นฝงู ทชี่ อบพอขอกนั ได้
ถ้าแม้ให้เสียทกุ คนกลวั คนขอ
พ่อแมเ่ ล้ียงปิดปกเปน็ กกกอ
จนแล้วหนอเหมอื นเปรตเหตดุ ว้ ยจน
อิศรญาณภาษติ
การจะขออะไรกับเพอื่ นฝูงทช่ี อบพอกนั กส็ ามารถขอกนั ได้
แต่เราไม่สามารถใหท้ ุกคนท่ีเข้ามาขอได้ เพราะพ่อแมก่ ็ดแู ล
ทะนุถถนอมเรามาอยา่ งดี กวา่ เราจะมที ุกสงิ่ อยา่ งจนวนั น้ี
แตถ่ ้าเราใหค้ นอืน่ ไปจนหมดตวั สดุ ท้ายแล้วเราจะกลายเป็น
เหมือนเปรตทต่ี ้องไปขอสว่ นบุญกับผูอ้ ่นื
อศิ รญาณภาษติ
๏ ถึงบุญมไี มป่ ระกอบชอบไมไ่ ด้
ตอ้ งอาศัยคิดดจี งึ มีผล
บุญหาไม่แล้วอยา่ ไดท้ ะนงตน
ปถุ ุชนรักกบั ชังไมย่ ั่งยืน
อศิ รญาณภาษิต
ถึงมีบญุ วาสนาก็ตอ้ งทาดีอยา่ งสม่าเสมอ คดิ ดี
ทาดีบญุ จึงส่งผล เมื่อหมดวาสนาลงแล้วอย่า ทะนงตน
ว่าเป็นผ้มู ีบญุ บารมี ความรักความชงั นน้ั เปน็ สิง่ ที่ไมจ่ ีรัง
ยง่ั ยนื เทา่ การทาความดี
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์
หม่อมเจ้าอิศรญาณ ทรงใช้สานวนไทยหลายสานวนเปรียบเปรยหรอื
ประชดประชัน ซึง่ ทาให้ผอู้ ่านเข้าใจไดโ้ ดยไมต่ อ้ งอธิบายความมาก เช่น
ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร ผู้หญงิ มักเสยี เปรียบผู้ชาย คือ ขา้ วสาร
งอกใหมไ่ ม่ไดเ้ หมือนข้าวเปลือก
นา้ พึ่งเรอื เสอื พง่ึ ปา่ คนเราจาเปน็ ต้องพงึ่ พาอาศยั กันและกนั
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
ผซี า้ ด้าพลอย ถกู ซา้ เตมิ เมอ่ื พลาดพลง้ั หรอื เม่ือคราวเคราะหร์ า้ ย
เดนิ ตามผ้ใู หญ่ หมาไมก่ ัด ประพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามแนวทางทผ่ี ้ใู หญท่ ามา
ก่อนแลว้ เพอ่ื ไมใ่ ห้เกิดความผิดพลาด