คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
การใชโ้ วหาร นาธรรมชาตทิ ีพ่ บเหน็ มาเปรียบเทียบกบั ส่งิ ท่เี ปน็ นามธรรม
ทาใหผ้ ู้อา่ นเขา้ ใจมากข้ึน ดงั ตวั อย่าง
๏ อยา่ ดถู ูกบญุ กรรมวา่ ทานอ้ ย
น้าตาลยอ้ ยมากเมื่อไรได้หนกั หนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
สอ่ งดหู น้าเสยี ทีหนึง่ แล้วจึงนอน
คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์
จากตัวอย่าง มีการเปรียบเทียบการทาบุญว่าเหมือนกับการ
รองน้าตาล ซึ่งทีแรกก็จะได้เพียงน้อยนิด แต่นานๆ ไปจะเพิ่มพูน
มากขึ้น และสอนให้พิจารณาตนเองว่า ทาประโยชน์อะไรบ้างอย่า
ปลอ่ ยเวลาใหเ้ สียไปโดยเปลา่ ประโยชน์ ซ่ึงเปรียบเทียบการส่องกระจก
คอื การสารวจตนเอง
คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
การใชโ้ วหาร นาธรรมชาตทิ พ่ี บเหน็ มาเปรียบเทียบกับส่งิ ท่เี ปน็ นามธรรม
ทาใหผ้ ู้อา่ นเขา้ ใจมากขนึ้ ดังตวั อย่าง
๏ อนั เสาหินแปดศอกตอกเปน็ หลัก
ไปมาผลกั บ่อยเขา้ เสายังไหว
จงฟังหูไว้หูคอยดไู ป
เชื่อน้าใจดกี ว่าอยา่ เชอื่ ยุ
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
จากตวั อย่าง มีการเปรยี บเทยี บวา่ เสาหนิ ขนาด ๘
ศอกถูกตอกลงบนพน้ื ดินอยา่ งมน่ั คง เมอื่ มีคนมาผลักไปผลกั
มาเสาหินยอ่ มส่ันคลอน เหมอื นใจคนยอ่ มออ่ นไหวไปตาม
คาพดู ของผูอ้ ืน่ ได้ ฉะนนั้ จึงควรฟังหูไว้หู และคิดให้รอบคอบ
ก่อนทจี่ ะเชื่อใคร มีใจคอหนกั แนน่ ไม่หลงเชอ่ื คายยุ งโดยง่าย
ใหร้ ู้จักไตรต่ รองให้ดีเสยี กอ่ นที่จะคลอ้ ยตามคาพดู ของผอู้ ื่น
คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
การเลน่ เสยี งสมั ผสั อักษร เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความไพเราะ ดงั ตวั อย่าง
๏ หญงิ เรียกแม่ชายเรียกพ่อยอไวใ้ ช้
มนั ชอบใจข้างปลอบไมช่ อบดุ
ท่หี ่างปิดทชี่ ิดไชใหท้ ะลุ
คนจกั ษเุ หล่หลิ่วไพล่พลว้ิ พลกิ
คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
การเลยี นเสียงธรรมชาติ (สัทพจน์ ) ผาง หมายถงึ เสียงดงั เหมือน
เสยี งเอามอื ตบสิ่งของ ดังตัวอยา่ ง
๏ ล้องูเหา่ เล่นก็ได้ใจกล้ากลา้
แต่ว่าอยา่ ยักเยื้องเข้าเบ้อื งหาง
ต้องวอ่ งไวในทานองคล่องทา่ ทาง
ตบหวั ผางเดยี วม้วนจงึ ควรล้อ
คุณคา่ ด้านความรู้
อิศรญาณภาษติ มีเน้ือหาคาสอนทหี่ ลากหลาย ดังตอ่ ไปนี้
๑. สอนใหเ้ ห็นความสาคัญของปัญญาแต่อยา่ อวดรู้
ดังที่ว่า "จะเรยี นคมเรยี นเถดิ อยา่ เปิดฝกั " คอื ให้เป็นคนใฝรู้
แต่ให้เก็บความรไู้ ว้ใช้เมอ่ื ถงึ เวลาสมควร เชน่ เดียวกับการสอน
ใหร้ ้จู ริงแตม่ ิให้โอ้อวด ดงั ทว่ี ่า "ถึงรูจ้ รงิ นงิ่ ไว้อย่าไขรู้"
คุณค่าด้านความรู้
๒. สอนใหร้ ูจ้ ักคดิ ใครค่ รวญ ไตรต่ รองก่อนจะพดู หรอื ทาสิง่ ใด
ดังทีว่ ่า ๏ เห็นตอหลกั ปกั ขวางหนทางอยู่
พเิ คราะห์ดูควรทิง้ แลว้ จงึ ถอน
เห็นเต็มตาแล้วอย่าอยากทาปากบอน
ตรองเสียกอ่ นจงึ คอ่ ยทากรรมท้งั มวล
คณุ ค่าดา้ นความรู้
๓. สอนใหพ้ จิ ารณาขอ้ บกพร่องของตนเองเพื่อจะไดป้ รบั ปรุงแก้ไข
ดังทวี่ า่
"อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา สอ่ งดูหนา้ เสียท่หี น่ึงแล้วจนึ อน"
คากลอนนีส้ อนวา่ เราควรสารวจจติ ใจของตนเองอยู่เป็นนจิ
วา่ คิดดที าดีอยหู่ รือไม่ เพื่อจะไดเ้ ตอื นตนอยู่เสมอ
คุณคา่ ด้านความรู้
๔. สอนให้มใี จหนักแน่น ไมห่ ลงเชือ่ คาพูดยุยงโดยง่าย
ให้รู้จักไตรต่ รองให้ดีเสียก่อนท่จี ะคล้อยตามคาพดู ของผู้อนื่ ดังที่วา่
๏ อนั เสาหนิ แปดศอกตอกเป็นหลกั
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายงั ไหว
จงฟงั หูไว้หคู อยดไู ป
เชือ่ น้าใจดกี วา่ อยา่ เช่อื ยุ