พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟดู้
Fast food consumption behavior
ปรญิ ญานพิ นธ์
ของ
จิรพฒั น์ รักษสุธากาญจน์
วทิ ยานพิ นธน์ เ้ี ปน็ สว่ นหนึ่งของการศกึ ษาตามหลกั สตู รศิลปกรรมศาสตรบ์ ัณฑิต
สาขาวิชาทัศนศิลป์ – ศลิ ปะจนิ ตทัศน์
คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ
ปกี ารศึกษา 2564
พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟดู้
Fast food consumption behavior
ปรญิ ญานพิ นธ์
ของ
จริ พัฒน์ รกั ษสุธากาญจน์
วิทยานิพนธน์ เ้ี ปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สูตรศลิ ปกรรมศาสตร์บัณฑิต
สาขาวชิ าทัศนศิลป์ – ศลิ ปะจนิ ตทศั น์
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ
ปีการศึกษา 2564
ลิขสทิ ธเ์ิ ปน็ ของคณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
Fast food consumption behavior
Jirapat Raksasuthakan
This thesis is part of the study in the Bachelor of Fine and Applied Arts Program
Visual Arts – Mixed media
Faculty of Fine and Applied ArtsSrinakharinwirot University
2021
Copyright belongs to the Faculty of Fine and Applied Arts.Srinakharinwirot
University
เรื่อง
พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟูด้
ของ
นาย จริ พัฒน์ รักษสุธากาญจน์
สาขาทศั นศิลป:์ ศิลปะจินตทศั น์ คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ อนมุ ัติให้
นับใบปริญญานิพนธ์ ฉบบั นเี้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปกรรมศาสตร์
บณั ฑติ
............................................................อาจารย์ท่ปี รึกษา
(รองศาตราจารย์สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง)
............................................................กรรมการ
(ผู้ช่วยศาตราจารย์อัยนา ภยู ทุ ธานนท)์
ก
จิรพัฒน์ รักษสุธากาญจน์. (2564). พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด. ปริญญานิพนธ์ ศป.บ.
(ทัศนศิลป์ - ศิลปะจินตทัศน์). อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์: รศ.ดร.สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง,
ผศ.ดร.อัยนา ภูยทุ ธานนท์.
บทคัดยอ่
อาหารนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากมนุษย์นั้นต้องรับประทาน
อาหารทุกวันโดยพฤติกรรมการบริโภคอาหารนั้นมีหลายปัจจัยจากอิทธิพลจากความเปล่ียนแปลง
ทางด้านสังคม วัฒนธรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สภาพวิถีชีวิตของครอบครัว เพื่อน
สังคม และสภาพแวดล้อม การแข่งขันกับเวลา บวกกับสถานะการการ ระบาดของโรคโควิด 19
(COVID-19) จึงทำใหม้ กี ารปรับเปลีย่ นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร โดยหันมา รับประทานอาหาร
จานด่วน หรืออาหารฟาสต์ฟูดมากขึ้น เนื่องจากที่มีความสะดวก รวดเร็ว แต่ไม่มีประโยชน์ต่อ
ร่างกายมากนัก เมื่อรับประทานเข้าไป จะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน และจะทำ
ให้เสย่ี งตอ่ การเป็นโรคเบาหวาน ภาวะความดนั โลหิตสูง ภาวะไขมันในเลอื ดสงู โรคหัวใจขาดเลือด
โรคหลอดเลือดสมองตีบ และพบว่ามี แนวโน้มสูงข้ึนเรื่อย ๆ ดังนั้นผู้ศึกษา จึงมีความสนใจที่จะ
ศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมล้อเลียน ผู้
ศึกษามีความสนใจทจ่ี ะศึกษาการสร้างสรรคผ์ ลงานท่ีสะท้อนถึงพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์
ฟดู้ ของผคู้ นในสงั คนปจั จุบนั
คำสำคญั : พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร , อาหารฟาสต์ฟูด , ประติมากรรมล้อเลียน
ข
Jirapat Raksasuthakan. (2564). Fast Food Consumption Behavior. Thesis Ph.D. (Visual
Arts - Visual Arts). Thesis Advisors: Assoc. Prof. Dr. Satit Timwattanabantheng, Ass.
Prof. Dr. Ayana Phuyuttanon.
Abstract
Food is an important factor in everyday life. because humans have to eat Daily diet
by dietary habits is influenced by socio-cultural changes and technological
advances. lifestyle of family, friends, society and environment race against time plus
the status of The outbreak of COVID-19 (COVID-19) has resulted in a change in food
consumption behavior by turning to fast food. or more fast food Because it is
convenient, fast, but not very beneficial to the body. when eaten Will cause
overnutrition and obesity and will increase the risk of diabetes. high blood pressure
hyperlipidemia ischemic heart disease ischemic stroke and found that the trend is
increasing gradually, so the study Therefore, it is interested to study the behavior
of fast food consumption. by creating sculptures that mimic The researcher was
interested to study the creation of works that reflect the fast food consumption
behavior of people in the present society.
Keywords : food consumption behavior , fast food , mimicry sculpture
ค
กติ ติกรรมประกาศ
การที่ศิลปนิพนธ์ของผู้ศึกษาสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความกรุณาและความ
ช่วยเหลือที่เกิดจากหลายฝ่าย และหลายบุคคลที่ช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริม และให้กำลังใจ ซึ่ง
สิ่งเหล่านี้ส่งผลผู้ศึกษาสามารถทำงานสร้างสรรค์ได้จนเสร็จสมบูรณ์ ผู้ศึกษาขอขอบพระคุณ รอง
ศาตราจารย์สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง และผู้ช่วยศาตราจารย์อัยนา ภูยุทธานนท์ อาจารย์ท่ีปรึกษาท่ี
ได้กรุณาเสียสละเวลาอันมีค่าเพื่อให้การช้ีแนะและให้คำแนะนำมาโดยตลอดจนถึงให้คำปรึกษา
ตรวจแก้ไขความเรียบร้อย ตลอดจนการชี้แนะในการหาคำตอบในปัญหาต่างๆ ระหว่างการ
ดำเนินการสร้างสรรค์ ด้วยความเอาใจใส่ผู้ศึกษาเสมอมา พร้อมด้วยอาจารย์พิศรวัส ภู่ทอง
กรรมการสอบศลิ ปนพิ นธ์ ผคู้ อยช้แี นะแนวทางในการทำงานของผ้ศู ึกษาให้มสี มบรู ณม์ ากยิง่ ขนึ้
ขอบพระคุณทุกคนในครอบครัวที่คอยสนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ผู้ศึกษามาโดยตลอด
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ ช่วยแก้ปัญหา และรับฟังปัญหาในทกุ เร่ืองๆ ขอบคุณทุกคนท่ีมา
เข้าชมผลงานสร้างสรรค์และทำแบบสอบถามให้ผู้ศึกษา ผู้ศึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศิลปนิพนธ์น้ี
จะเป็นประโยชน์ต่อผูท้ ่ีสนใจนำไปศกึ ษา และพัฒนาต่อไปไม่มากกน็ ้อย ขอบคุณทุกท่านอีกคร้ังไว้
ณ ที่นี้
จริ พัฒน์ รกั ษสธุ ากาญจน์
สารบัญ ง
บทคดั ยอ่ หนา้
กติ ติกรรมประกาศ ก
สารบญั ค
สารบัญภาพ ง
ช
บทท่ี 1 บทนำ 1
ท่ีมาและความสำคญั ของปัญหา 1
วัตถุประสงค์ของการศกึ ษาคน้ คว้า 2
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 2
วิธีดำเนินการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน 2
การสร้างสรรคผ์ ลงาน 2
วิธกี ารศกึ ษาคน้ คว้า 2
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 3
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกยี่ วขอ้ ง 4
ท่มี าของแนวคดิ และแรงบันดาลใจ 4
เอกสารทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด 4
ปัจจัยกำหนดพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟู้ด 5
ผลเสียจากการรบั ประทานอาหารจานด่วน 7
ประเภทฟาสต์ฟดู้ : ปลาและมันฝรงั่ ทอด 8
ประเภทฟาสต์ฟู้ด : แซนดว์ ิชกับแอปเปล้ิ 1 ผล 8
ประเภทฟาสต์ฟดู้ : พิซซา่ 8
ประเภทฟาสตฟ์ ู้ด : เบอรเ์ กอรเ์ นื้อ มนั ฝรง่ั ทอด และมิลกเ์ ชก (นมป่ัน) 8
เอกสารท่ีเก่ยี วข้องกับศลิ ปะประตมิ ากรรมและศิลปะล้อเลียน 10
ความหมายของประติมากรรม 10
ประเภทของงานประตมิ ากรรม 11
รูปแบบของประติมากรรม 12
ความหมายของภาพลอ้ เลียน 13
รปู แบบการล้อเลยี นท่ีใช้ในงานศลิ ปะและวรรณกรรมช่วงศิลปะยคุ กลาง 17
จ
สารบญั (ต่อ)
หนา้
อิทธพิ ลจากศลิ ปินทม่ี ผี ลตอ่ การสร้างสรรค์ผลงาน 17
Fernando Botero Angulo 17
Liu Xue 19
ลำพู กนั เสนาะ 20
บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ การวจิ ยั 22
การสรุปผลจากการศึกษาขอ้ มลู และทฤษฎที ่ีเกยี่ วขอ้ งในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ 23
การกำหนดประชากร และกล่มุ ตวั อยา่ งในการสร้างผลงานศลิ ปะ 24
เคร่ืองมือท่ใี นการศึกษา 24
การดำเนินงานวจิ ัยงานสร้างสรรค์ 28
แผนผังความคดิ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ 28
แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ 29
แบบรา่ งผลงานสร้างสรรค์ที่ 1 29
แบบรา่ งผลงานสรา้ งสรรค์ท่ี 2 30
แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ท่ี 3 31
แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ท่ี 4 32
วัสดแุ ละอุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการดำเนินงานสรา้ งสรรคผ์ ลงาน 33
ข้ันตอนการสรา้ งสรรค์ผลงานประตมิ ากรรมล้อเลยี น 37
การทำโครงทำห่นุ คน 37
การทำประติมากรรมหนุ่ คน 38
การทำประตมิ ากรรมโซฟา 43
การทำพร็อพ 45
การทดลองทำงานจัดวางครงั้ ท่ี 1 47
การทดลองทำงานจดั วางครัง้ ท่ี 2 48
การเผยแพรง่ านศิลปะสู่สาธารณะ 50
สารบัญ(ตอ่ ) ฉ
บทที่ 4 การวิเคราะห์ขอ้ มูลและผลงานสรา้ งสรรค์ หนา้
การเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู 53
แจกแจงขั้นตอนการวเิ คราะห์
53
ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล 53
วเิ คราะห์แนวคิดทไ่ี ดค้ บื คน้ 53
แนวทางการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน 53
ขอ้ มลู การคน้ คว้าเพ่ือการสรา้ งสรรค 54
54
การวิเคราะหก์ ระบวนการสรา้ งสรรค์ 55
ขน้ั ตอนการสร้างสรรค์ 55
กระบวนการสร้างสรรคผ์ ลงาน 55
56
การวิเคราะหผ์ ลงานสร้างสรรค์ 56
วเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบ 57
58
วเิ คราะห์รูปทรง รปู แบบ 58
วิเคราะหด์ ้านพน้ื ทก่ี ารจัดวาง 59
59
บริบทของพน้ื ที่ 59
มติ ขิ องเวลา 63
ผลจากการวเิ คราะผู้เขา้ ชมนทิ รรศการ/ผลงานสร้างสรรค์
ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผเู้ ข้าชม 64
ผลจากการวเิ คราะห์ประเดน็ การสร้างสรรค์
64
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 64
64
วัตถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาค้นคว้า 65
ความสำคัญของการศกึ ษาคน้ คว้า 66
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 67
สรปุ ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ 69
ข้อเสนอแนะ
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก
สารบญั ภาพ ช
ภาพประกอบท่ี หนา้
2.1 Caballo con bridas 18
2.2 We Are The World 19
2.3 Eating Coconu 20
3.1 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด 24
3.2 ผลรวมแบบสอบถามออนไลนพ์ ฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้ 25
3.3 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้ 25
3.4 ผลรวมแบบสอบถามออนไลนพ์ ฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด 26
3.5 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟ้ดู 26
3.6 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้ 27
3.7 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้ 27
3.8 แผนผงั ความคิดในการสรา้ งสรรค์ผลงานศลิ ปะ 28
3.9 แบบรา่ งผลง่นสรา้ งสรรคท์ ่ี 1 29
3.10 แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ท่ี 2 30
3.11 แบบรา่ งผลงานสรา้ งสรรคท์ ี่3 31
3.12 แบบร่างผลงานสรา้ งสรรค์ท่ี4 32
3.13 โฟมแผ่น ขนาด 60 x 120 ซม. หนา 10นิ้ว 34
3.14 กาวลาเทก็ ซ์ 34
3.15 กระดาษ 34
3.16 สอี ะครลิ ิค 34
3.17 แปรงหรอื พกู่ ัน 34
3.18 ไมพ้ าเลท 34
3.19 ผา้ ดำ 35
3.20 ปากกาตัดโฟมไฟฟา้ 35
3.21 PUโฟม 35
3.22 มดี ตัดโฟม 35
3.23 โต๊ะญป่ี ุ่น 36
3.24 เศษผา้ 36
3.25 กระดาษทราย 36
3.26 การข้นึ โครงทำหุ่นคน 37
3.27 การทำประตมิ ากรรมหนุ่ คน 38
3.28 การทำประตมิ ากรรมหุน่ คน 38
สารบญั ภาพ(ต่อ) ซ
ภาพประกอบที่ หนา้
3.29 การทำประติมากรรมหนุ่ คน 38
3.30 การทำประตมิ ากรรมหุ่นคน 38
3.31 การทำประติมากรรมหนุ่ คน 39
3.32 การทำประติมากรรมหนุ่ คน 39
3.33 การทำประติมากรรมห่นุ คน 40
3.34 การทำประตมิ ากรรมหุ่นคน 40
3.35 การทำประตมิ ากรรมหุ่นคน 41
3.36 การทำประติมากรรมหนุ่ คน 41
3.37 การทำประตมิ ากรรมหุ่นคน 42
3.38 การทำประตมิ ากรรมห่นุ คน 42
3.39 การทำประตมิ ากรรมโซฟา 43
3.40 การทำประติมากรรมโซฟา 43
3.41 การทำประติมากรรมโซฟา 44
3.42 การทำประติมากรรมโซฟา 44
3.43 การทำพร็อพ 45
3.44 การทำพร็อพ 45
3.45 การทำพร็อพ 46
3.46 การทำพร็อพ 46
3.47 การทดลองทำงานจัดวางครั้งท่ี 1 47
3.48 การทดลองทำงานจัดวางคร้งั ที่ 1 47
3.49 การทดลองทำงานจัดวางครั้งที่ 2 48
3.50 การทดลองทำงานจัดวางคร้ังท่ี 2 49
3.51 การเผยแพรง่ านศิลปะสู่สาธารณะ 50
3.52 การเผยแพร่งานศิลปะสู่สาธารณะ 50
3.53 การเผยแพร่งานศิลปะสู่สาธารณะ 51
3.54 การเผยแพรง่ านศิลปะสู่สาธารณะ 51
3.55 การเผยแพรง่ านศิลปะสูส่ าธารณะ 52
3.56 การเผยแพร่งานศลิ ปะสูส่ าธารณะ 52
4.1 ผลงานสร้างสรรค์ประติมากรรมล้อเลียน 56
4.2 ผลงานสร้างสรรค์ประติมากรรมลอ้ เลียน 57
4.3 ผลงานสรา้ งสรรค์ประตมิ ากรรมลอ้ เลียน 58
สารบญั ภาพ(ต่อ) ฌ
ภาพประกอบที่ หนา้
4.4 ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผูเ้ ขา้ ชม 59
4.5 ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผู้เข้าชม 60
4.6 ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผเู้ ขา้ ชม 60
4.7 ข้อมลู การตอบแบบสอบถามจากผู้เขา้ ชม 61
4.8 ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผเู้ ขา้ ชม 61
4.9 ข้อมูลการตอบแบบสอบถามจากผเู้ ข้าชม 62
4.10 ขอ้ มลู การตอบแบบสอบถามจากผ้เู ข้าชม 62
1
บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคญั ของปัญหา
อาหารนั้นเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากมนุษย์นั้นต้องรับประทาน
อาหารทุกวันโดยพฤติกรรมการบริโภคอาหารนน้ั มีหลายปัจจัยแต่ปัจจัยท่ีเห็นชดั ท่ีคือ สังคม ซ่ึงไม่
ว่าจะเป็นสังคมเมืองหรือสังคมชนบทนั้นก็มีส่วนในการตัดสินใจเลือกอาหารทั้งนั้น ซึง่ ผู้ศึกษาเหน็
ว่าอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารจานด่วนนั้นมีอิทธิพลในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
อาหารของสังคมเมอื งและสังคมชนบท
การดำเนินชีวิตของคนไทยในสังคมปัจจุบันจำเป็นต้องรวดเร็ว เร่งรีบ จึงส่งผลต่อ
พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารในแต่ละชว่ งเวลา พฤตกิ รรมของคนไทยนยิ มการบริโภคแบบตะวันตก
จากรา้ นอาหารฟาสต์ฟูด้ ชื่อดงั ท่อี รอ่ ย สวยงามแปลกตา สะดวกซอื้ สะดวกกิน จนบางคนเรียกว่า
‘อาหารจานด่วน’ซึ่งเป็น อาหารที่สามารถเตรียมและปรุงแต่งได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจัดเป็น
อาหารที่ใช้วัตถดุ บิ คุณภาพต่ำ ให้บริการแก่ลูกค้าในรูปหบี ห่อท่ีสามารถนำออกไปรับประทานข้าง
นอกได้ นับเป็นอาหารท่สี ะดวก และรวดเร็ว นักวชิ าการส่วนใหญพ่ ดู ถงึ อาหารประเภทนี้กันว่าเป็น
อาหารขยะ เนอื่ งจากผบู้ รโิ ภคไม่ได้ รับสารอาหารตามที่ควรจะไดร้ บั ซ่ึงแบ่งออกเปน็
1) อาหารประเภทกินอิ่ม (Full Meal Fast Food) โดยในหนึ่งชุดอาจประกอบไปด้วย
อาหารประเภทแป้ง
2) อาหารประเภทกึ่งขนม (Snack Fast Food) ถือเป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ เป็นอาหาร
หวาน (เจณิภา คงอิม่ . 2560: 41-42)
ทำให้ได้คุณค่าของอาหารไม่ครบตามหลัก 5 หมู่ ซึ่งเป็นปัญหากับ สุขภาพของคนไทยทุก
วันนี้ ดังที่ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยอมรับว่า “ส่วนสำคัญเกิดจากปัญหาสารพิษในอาหาร ซึ่งมีถึง 9
ชนิดอันตราย และ 6 ชนิดร้ายแรง ก่อให้เกิดโรคมะเร็งแฝงตัวอยู่ในอาหารที่คนไทยบริโภคกันอยู่
ทกุ วนั (เจณภิ า คงอ่มิ . 2560: 43)
ผศ.ดร.มนสิการ กาญจนะจิตรา กล่าวว่า เทคโนโลยีทุกวันนี้มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภค
อาหารของวัยรุ่นและเยาวชนไทยมากขึ้น ทั้งเพจรีวิวอาหาร ฟู้ดบล๊อกเกอร์ และล่าสุดคือแอป
พลเิ คชันสง่ั ซ้ืออาหาร มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์อาหาร และการเขา้ ถงึ รา้ นอาหารอย่าง
ง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สอดคล้องกับผลการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้สำรวจ
พฤติกรรมทางออนไลน์ เรื่อง “การใช้บรกิ าร Online Food Delivery ของคนไทย” ระหว่างวันท่ี
5-15 มนี าคม 2563 พบว่า กล่มุ ผใู้ ช้บรกิ ารส่งั อาหารออนไลนม์ ากทสี่ ุดคือ Gen Y (อายุ 19-38 ปี)
จำนวน 51.09% รองลงมาคือกลุ่ม Gen X (อายุ 39-54 ปี) กลุ่ม Baby Boomer (อายุ 55-73 ปี)
และกลุ่ม Gen Z (อายุต่ำกว่า 19 ปี) การสำรวจยังพบด้วยว่า อาหารยอดนิยมที่ทุก Gen สั่ง
มากกวา่ 61.06% คืออาหารจำพวกฟาสตฟ์ ้ดู อาทิ ไกท่ อด เบอร์เกอร์ และพซิ ซ่า แตม่ ีขอ้ มูลอ่ืนว่า
คนไทยกินผักและผลไม้สดเป็นประจำน้อย อย่างไรก็ตาม หากผู้ผลิตแอปฯ สั่งอาหาร หันมาให้
2
ความสำคัญกับการสนับสนุนโปรโมทอาหารเพื่อสุขภาพ อาจช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภค
อาหารท่ีมปี ระโยชน์มากขน้ึ ก็เป็นได้ (hfocus team. 2020: ออนไลน์)
จากที่กล่าวมาข้างต้นตัวผู้ศึกษามองเห็นถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งเป็น
อาหารที่มีความสะดวก รวดเร็ว แต่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากนักปัจจัยที่ให้ผู้คนหันมาบริโภค
อาหารฟาสต์ฟู้ดมากขึ้นเนื่องจากว่าเทคโนโลยีทุกวันน้ีท่ีมีความทันสมัยมากขึ้น ผู้ศึกษาต้องการท่ี
จะทำผลงานออกมาในรูปแบบ ประติมากกรรมล้อเลียนเสียดสีพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสต์
ฟดู้
วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษาคน้ ควา้
1. เพือ่ ศกึ ษาเก่ียวกบั พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ้ดู
2. เพอื่ นำข้อมูลทไี่ ดม้ าสร้างสรรค์ และพฒั นาผลงานของผูศ้ กึ ษา
ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้
1. การศกึ ษารูปแบบการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด
2. ศึกษารปู แบบและเทคนิคการปนั้ ประตมิ ากรรม
3. นำรูปแบบ และขอ้ มลู ทีไ่ ด้มาพัฒนา สรา้ งสรรคผ์ ลงานทัศนศลิ ปใ์ นรปู แบบของผูศ้ ึกษา
วธิ ีดำเนนิ การสร้างสรรค์ผลงาน
1. ศึกษาค้นคว้าขอ้ มลู ความเป็นมาเกย่ี วกบั อาหารฟาสตฟ์ ้ดู
2. ศึกษาค้นควา้ ข้อมลู เกีย่ วกับการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ูด้
3. ศกึ ษาเทคนคิ การทำประตมิ ากรรม
4. สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ ในรปู แบบของผู้ศึกษา
การสร้างสรรค์ผลงาน
1. กำหนดประเดน็ ท่ตี ้องการศึกษา
2. ศึกษาหาขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้องเพือ่ เป็นแนวทางในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
3. สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์
วิธกี ารศกึ ษาคน้ ควา้
1. ศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู เก่ียวกบั การบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟูด้ จากแหล่งขอ้ มูลตา่ ง ๆ
- หอ้ งสมดุ มหาวิทยาลัยศรีนครินวโิ รฒ
- รปู เลม่ วทิ ยานพิ นธ์
- อนิ เทอรเ์ นต็
2. รวบรวมข้อมลู จากเอกสาร ตำรา ต่าง ๆ
3. นำผลท่ไี ด้จากการศึกษามาประยุกต์ใชก้ ับการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์
3
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ
ฟาสต์ฟู้ด (Fast Food) หมายถึง อาหารที่ปรุงไว้แล้ว สามารถเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้
ในทนั ที หรือใชเ้ วลา อันสน้ั มากในการเตรยี มกอ่ นเสิร์ฟ เพราะอาหารเหลา่ นี้ มักถกู เตรยี มและปรุง
ไว้จนสำเร็จรูป หรือเกือบสำเร็จรูปแล้ว เมื่อลูกค้าสั่งก็จะเหลือแค่ขั้นตอนสุดท้าย หรือการอุ่น
เท่านั้น ซึ่งก็มักจะใช้เวลาไม่กี่นาที จึงมักเรียกว่า “อาหารจานด่วน” บางชนิดมีสารอาหาร
ครบถ้วน เพราะอาหารประเภทนี้ จำแนกได้ด้วยความเร็วของการเสิร์ฟ จึงไม่เกี่ยวกับคุณค่าทาง
โภชนาการ
อาหารประเภทกินอิ่ม หรือ FULL MEAL FASTFOOD มีส่วนประกอบจำพวกแป้ง
เนื้อสัตว์ และผัก โดยในหนึ่งชุดอาจประกอบไปด้วยอาหารประเภทแปง้ เช่น ขนมปัง หรือมันฝร่งั
ทอด ส่วนเนื้อสัตว์ก็แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน ไก่ย่าง ไก่
ทอด เป็นต้น
อาหารกึ่งขนม หรือ SNACK FASTFOOD เป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ อาจเป็นอาหาร
หวานหรืออาหารคาวซึ่งมีรูปแบบมากมาย เช่น ไอศครีม ขนมเค้ก โดนัท ข้าวเกรียบ ปอเปี๊ยะ
ลูกชนิ้ ปงิ้ หรือขนมไทย เปน็ ต้น
4
บทที่2
เอกสาร และงานวจิ ัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง
การศกึ ษาครงั้ น้ี ผศู้ ึกษาได้ศกึ ษาเอกสารงานวจิ ัยที่เก่ียวข้อง และนำเสนอหัวขอ้ ตังต่อไปนี้
2.1 ทม่ี าของแนวคิด และแรงบนั ดาลใจ
2.2 เอกสารที่เก่ยี วข้องกบั พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ้ดู
2.3 เอกสารทเี่ กย่ี วข้องกบั ศลิ ปะประติมากรรมและศลิ ปะลอ้ เลยี น
2.1 ท่มี าของแนวคดิ และแรงบนั ดาลใจ
เนื่องจากอาหารเป็นหนึ่งในปจั จัย4 ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ อันมีผลใน
การเสริมสร้าง ร่างกายและสติปัญญาตลอดจนสภาพจิตใจที่ดี ความหลากหลายและแตกต่างของ
มนุษย์แต่ละเผ่าพันธุ์ มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
อาหารในทนี่ ่จี งึ มีความแตกต่างไปตามพฤติกรรมการบริโภค ความแตกตา่ งดงั กล่าวมีท้ังส่วนที่เป็น
ตัวอาหารเอง(ชนดิ ของอาหาร) และในส่วนที่ช่วยเสริมซ่ึงทำให้เกดิ พฤติกรรมการบริโภคอาหารใน
ลกั ษณะต่าง ๆ (คนเพยี รพอ. 2564: ออนไลน์)
ดว้ ยเหตนุ ้ีทำให้ผู้ศึกษาสนใจ ในอาหารฟาสต์ฟดู้ เนื่องมาจากสังคมปัจจุบันผู้คนหันมานิยม
อาหารฟาสต์ฟู้ดกันมากขึ้น เนื่องมาจากอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้นมคี วามสะดวก สบาย ทำให้เหมาะสม
กับสังคมปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ ทำให้ไม่ใส่ใจในการรับประทานอาหาร และสารอาหารซักเท่าไร
และได้รับอทิ ธพิ ลจากตะวันตกจึงทำให้อาหารฟาสต์ฟู้ด เปน็ ทน่ี ิยมมากข้ึน บวกกบั สถานะการการ
ระบาดของโรคโควิด 19 (COVID-19) จงึ ทำให้ผคู้ นหันมาบริโภคอาหารฟาสต์ฟูด้ มากขึ้น
2.2 เอกสารท่เี กี่ยวข้องกบั พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้
อาหารจานด่วน หรือ “อาหารจานเดียว” หรือ “ฟาสต์ฟู้ด” (Fast Food) เป็นอาหารท่ี
ผู้ผลิตมีการเตรียม และปรุงไว้จนสำเร็จรูปหรือเกือบสำเร็จรูป เพื่อจำหน่ายแก่ ผู้บริโภคสามารถ
บริโภคได้ทันทีหรือใช้กรรมวิธีขั้นสุดท้าย ก่อนรับประทานเพียงแค่ไม่กี่นาที โดยผู้บริโภคสามารถ
รับประทานภายในร้านหรือซื้อไปรับประทานภายนอกร้าน ก็ได้ ซึ่งเหมาะสมกับสังคมและวถิ ีชีวติ
ท่ีเร่งรบี (คำรน ศรีวงคษ์ า. 2560: 22)
อาหารฟาสต์ฟู้ดมีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเป็น
ยุค แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประชาชนมีชีวิตที่เร่งรีบ มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ มีภาวะค่า
ครองชีพท่ี สูงขึ้น กลุ่มคนงานและผู้มีรายได้ปานกลางจึงหันมานิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มี
ราคาถกู เช่น แฮมเบอรเ์ กอร์ พิซซา่ ไกท่ อด ฮอทดอก แซนด์วิช โดนัท มนั ฝรัง่ ทอด ฯลฯ ซึ่งต่อมา
ได้รับความนิยม อย่างรวดเรว็
ในประเทศไทย ร้านวมิ ปี้ (Wimpy) เป็นรา้ นอาหารฟาสตฟ์ ดู แหง่ แรก ต้งั ขนึ้ ในปพี .ศ.2507
ที่ศูนย์การค้าราชประสงค์ จำหน่ายแฮมเบอร์เกอร์ น้ำส้มคั้น ต่อมาได้เปลี่ยนสถานที่ให้บริการมา
อยู่ตามร้านอาหารและคอฟฟี่ชอพ เมื่อร้านเคนตั๊กกี้ฟรายด์ชิกเก้น(KFC) ร้านโฮเบอร์เกอร์ (Ho-
Burger) เข้ามาเปิดให้บริการในย่าน ศูนย์การค้าสยามสแควร์ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมอยู่ใกล้กับ
5
สถาบันการศึกษาหลายแห่ง และมีการปรุง แต่งรสอาหารใหเ้ หมาะสมกับลิ้นของคนไทย ทั้งพิซซ่า
ขนมพาย ขนมโดนัท ไอศกรมี ฯลฯ ทำให้ สนิ คา้ ไดร้ บั ความนยิ มจากผบู้ รโิ ภคเปน็ อนั มาก และในปี
ต่อมาร้านมิสเตอร์โดนัทกถ็ อื กำเนดิ ข้ึนจน ปัจจุบันเฉพาะในกรุงเทพมหานครร้านอาหารฟาสต์ฟดู้
เปิดข้ึนมากกว่า 100 รา้ น (เจณภิ า คงอ่มิ . 2560: 42)
ในปัจจุบันพบว่า วัยรุ่นมีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก ทั้งน้ี
เนื่องจากวัยรุ่นได้รับอิทธิพลจากความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วัฒนธรรม และความก้าวหน้า
ทางเทคโนโลยี สภาพวิถีชีวิตของครอบครัว เพื่อน สังคม และสภาพแวดล้อม การแข่งขันกับเวลา
ในการศึกษาหาความรู้ จึงทำให้วัยรุ่นมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยหันมา
รับประทานอาหารจานด่วน หรอื อาหารฟาสต์ฟูด ทั้งนเ้ี นอื่ งจากอาหารจานดว่ น หรอื อาหารฟาสต์
ฟูด เป็นอาหารที่มีการเตรียมขึ้นมาจำหน่ายแก่ผู้บริโภคเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
ประหยัดเวลา สามารถรับประทานได้ทันที ซึ่งเหมาะกับสังคมในสภาพที่ต้องเร่งด่วน เช่น
แฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก แซนดว์ ชิ พาย พชิ ซา่ ไก่ทอด ไสก้ รอก เปน็ ต้น ส่วนประเภทขนม เชน่ โดนทั
พดุ ดิง้ เคก้ และไอศกรีม เปน็ ตน้
การบริโภคอาหารไม่ครบ 5 หมู่ บริโภคอาหารมากเกินไป และไม่รับประทานอาหารเป็น
เวลา ทำให้เกิดการเจ็บปว่ ยด้วยโรคตา่ ง ๆ ที่สามารถปอ้ งกันได้ เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคขาด
สารอาหาร โรคอว้ น โรคภาวะโภชนาการเกนิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหติ สูง เปน็ ตน้
อาหารจานด่วนจะเป็นอาหารจำพวก แป้ง ไขมัน และน้ำตาลมาก เมื่อรับประทานเข้าไป
จะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน และจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ภาวะ
ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบ และพบวา่ มี
แนวโน้มสูงข้ึนเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม อาหารไม่ใช่ทั้งหมดของการมีสุขภาพดี หากยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่มี
ผลต่อการสร้างภูมิตา้ นทานในรา่ งกาย ไมว่ า่ จะเป็นการออกกำลังกาย การมองโลกในแง่ดี หรอื การ
ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ (วอชิดา ปลาสกุล,รุจิรา คิ้ววงศ์งาม,อคิราภ์ ศิริสวัสดิ์,กัญญารัตน์
พานแก้ว . 2557: ออนไลน์)
2.2.1 ปจั จยั กำหนดพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด
ด้านการบริโภคอาหารไม่ว่าจะเป็นการบริโภคผักและผลไม้น้อย และ การบริโภค
หวาน มัน เค็มที่มากเกินความต้องการของร่างกาย ล้วนมีปัจจัย (สาเหตุ) ที่ก่อให้เกิด พฤติกรรม
เส่ียงเหล่านนั้ ซงึ่ จากการศกึ ษา พบปัจจยั ท่ีก่อให้เกิดพฤตกิ รรมเสย่ี ง ดงั นี้
2.2.1.1 ไม่มีความตระหนักหรือสนใจ/ขาดความรู้ท่ีจำเป็นในการเลือกรบั ประทาน
อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการนักศึกษาซึ่งอยู่ในกลุ่มวัยทำงาน ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการ
บริโภคอาหารเกยี่ วกับคุณค่า ของสารอาหารทไี่ ดร้ ับ อาหารทใ่ี ห้โปรตนี อาหารทไ่ี ม่ควรบรโิ ภคเป็น
ประจำ และผลกระทบจาก การรับประทานอาหารหวานปริมาณมากเกนิ ไป ซงึ่ การท่วี ัยทำงานไม่มี
ความตระหนักหรือสนใจ/ ขาดความรู้ที่จำเป็นในการเลือกรับประทานอาหารท่ีมีคุณค่าทาง
โภชนาการเป็นสาเหตุที่จะทำให้ บริโภคอาหารไม่ถูกต้อง ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนตามเกณฑ์
6
และท้ายที่สุดทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ/โรคตามมา ดังนั้น ความรู้และความตระหนักจึงมี
ความสำคัญและจำเป็น เพื่อให้สามารถ เลือกรับประทานอาหารโดยคำนึงถึงประโยชน์ด้านคุณคา่
ของอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมทั้งคำนึงถึง ความสะอาด ปลอดภัย รวมทั้งเกดิ การปฏิบัติดว้ ยการมี
พฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ถูกต้อง ลดการบริโภคอาหารรสจัดทุกแบบ ไม่ว่าหวานจัด มันจัด
เค็มจัด ลดการพึ่งพาอาหารขยะ หรือ อาหารจานด่วนบางประเภทที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่
ครบถว้ น ไม่ทำตนตามกระแสนยิ มของ ผลติ ภณั ฑ์อาหารบางอย่าง มีวิจารณญาณหรอื สติไตร่ตรอง
ถึงคุณประโยชน์ของอาหารซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำ
กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวนั (กระทรวงสาธารณสุข. 2554: 9-10)
2.2.1.2 คา่ นยิ มการบรโิ ภคอาหารจานด่วนแบบชาติตะวนั ตกเพิ่มมากข้ึน ความเร่ง
รีบ ของกลุ่มวัยทำงาน ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคอาหารเปลี่ยนแปลงไป มีความต้องการความ
สะดวก ง่ายต่อการบริโภค สามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการ
รับประทาน อาหารจานด่วนหรอื อาหารจานเดยี ว แบบชาตติ ะวันตกหรอื ท่เี ราเรยี กวา่ “ฟาสต์ฟดู้ ”
จึงเข้ามามี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การบริโภคอาหารำหรับวัยทำงาน 10 บทบาทและส่งผลให้
เปน็ ทน่ี ิยมบรโิ ภคเพ่มิ มากขึ้น กลายเป็นวฒั นธรรมการบริโภคถ่ายทอดถงึ กนั อยา่ งแพร่หลาย เช่น
แฮมเบอร์เกอรส์ เต็ก แซนต์วชิ พาย พชิ ซ่า ไกท่ อดไส้กรอก เป็นต้น ส่วน ประเภทขนม เช่น โดนัท
พุดดิ้ง เค้ก และไอศกรีม เป็นต้น ล้วนเป็นอาหารจำพวก แป้ง ไขมัน และ น้ำตาลมาก เมื่อ
รับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน ทำให้เสี่ยง ต่อการเป็น
โรคเบาหวาน ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือด
สมองตบี ซงึ่ มแี นวโนม้ สงู ข้ึนเร่ือย ๆ (กระทรวงสาธารณสุข. 2554: 9-10)
2.2.1.3 มีพฤติกรรมกินอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
และ สังคมทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลกับคนเมือง
คนวัย หนุ่มสาว คนทำงานสำนักงานต่าง ๆ ฯลฯ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปรับตัวให้
สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่น บางครอบครัว
สมาชิก ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ต้องทำงานนอกบ้าน มีความเร่งรีบในการเดินทางไปทำงาน ด้วย
เวลาทม่ี จี ำกัด หรือมีเวลาไม่ตรงกนั ประกอบกบั การร่วมสังสรรค์กบั เพ่อื นรว่ มงานมีมากข้ึน ส่งผล
ให้การทำอาหาร รับประทานร่วมกับคนในครอบครัวน้อยลง โดยพึ่งพาอาหารนอกบ้านมากข้ึน
(กระทรวงสาธารณสขุ . 2554: 9-10)
2.2.1.4 ความเคยชินในการรับประทานอาหาร ติดรสหวาน มัน เค็ม การ
รับประทาน อาหารรสชาติอร่อย กลายเป็นวิธีการคลายเครียดจากการทำงานของกลุ่มวัยทำงาน
โดยเฉพาะติด รสหวาน มัน เค็ม การรับประทานอาหารหวาน จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะ
ความเคยชิน แต่แท้จริงแล้วเป็นกับดักน้ำตาล (Sugar Trap) เพราะเมื่อรับประทานของหวานเข้า
ไป น้ำตาลจาก ของหวานจะให้ความสดชื่นเพียง 30 นาทีจากนั้นเมื่อน้ำตาลในเลือดลดลงจะ
กระตุ้นให้ รา่ งกายเกิดความอยากในการรับประทานของหวานขน้ึ อกี จนกลายเปน็ วงจรท่ซี ำ้ ๆ กนั
ในแต่ละวัน เมื่อขาด ของหวานจะรู้สกึ อ่อนแรงไม่สดชืน่ การกินหวานเปน็ ประจำ ยังทำให้เป็นคน
7
หงุดหงิดง่าย และความเคยชินจากการเติมน้ำตาล น้ำปลา จากเครื่องปรุง เช่น ก๋วยเตี๋ยว
ข้าวราดแกง เป็นต้น และอาหาร แปรรูป เช่น อาหารกระป๋องอาหารหมักดองอาหารเค็ม อาหาร
ตากแห้ง เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ปลาร้า ผักดอง ผลไม้ดอง หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่ โจ๊ก
ข้าวต้ม เป็นต้น ล้วนเป็นสาเหตุ ของพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคทั้งโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง
ตบี เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และโรคมะเร็งบางชนิด(กระทรวงสาธารณสขุ . 2554: 9-10)
2.2.1.5 อิทธิพลของสื่อโฆษณาต่อการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง การใช้ชีวิตอยู่ใน
สังคม บริโภคนยิ มขอ้ มูลข่าวสารเกยี่ วกับสินค้า ผลติ ภณั ฑ์ หรอื บริการตา่ ง ๆ ท่ีผ่านสอื่ โฆษณาจาก
หลาก หลายชอ่ งทางท้งั โทรทัศน์วทิ ยสุ ง่ิ พิมพ์และอนิ เตอร์เนต็ การโฆษณาประชาสมั พันธ์ผลิตภัณฑ์
อาหาร กล่าวอ้างสรรพคุณและคุณค่าโภชนาการอาหารที่เกินจริง ทำให้คล้อยตามและมีแนวโน้ม
วิ่งตามกระแสสังคมคนสมัยใหม่ที่อาศัยความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก ตกเป็นเหยื่อการโฆษณา
ส่วนมากมักไม่ค่อยให้ความสำคัญ และไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับ
สุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การบริโภคอาหารสำหรับวัยทำงาน 11 ร่างกาย ด้วยปัญหา
ดังกล่าวที่เกิดขึ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนวัยทำงานรู้เท่าทันสื่อ โดยมีความสามารถ
และทักษะในการตรวจสอบความถูกตอง้ ความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่สื่อนำเสนอ และเลือกรับส่ือ
เพือ่ หลกี เล่ยี งความเส่ียงท่อี าจเกดิ ขน้ึ กับสขุ ภาพของตนเองฉะนั้นคนท่ีร้เู ท่าทนั สื่อ จะเลือกซ้ือและ
บรโิ ภคอาหารมคี ุณค่าตอ่ สขุ ภาพเป็นสำคัญ(กระทรวงสาธารณสขุ . 2554: 9-10)
2.2.2 ผลเสยี จากการรับประทานอาหารจานดว่ น
2.2.2.1 โรคกระดูกข้ออักเสบ เป็นโรคยอดฮิตของคนที่มีน้ำหนักส่วนเกินมาก
เพราะน้ำหนักส่วนเกินที่เกิดจากการสะสมของน้ำตาล และไขมันนั้น จะทำให้กระดูกเสื่อมสภาพ
ลงเรื่อยๆ ช่องว่างระหว่างข้อต่อจะหดแคบลงจนบดซ้อนทับกันในท่ีสุด นำมาซึ่งอาการปวดเมื่อย
ตามกระดูกข้อเข่า สะโพก และชาตามกระดกู สันหลัง
2.2.2.2 โรคอ้วน ผลเสียที่เห็นได้อย่างชัดเจนจากการกินอาหารจานด่วน คือ
นำ้ หนักเพิม่ ขน้ึ และเมื่อกนิ บ่อยๆกจ็ ะก่อให้เกิดโรคอว้ น และอีกสารพัดโรคตามมา
2.2.2.3 โรคหัวใจ เมื่อกินอาหารที่มีไขมันบ่อยๆ จะทำให้มีคอเลสเตอรอลสูง ซึ่ง
อาจทำให้มีการสะสมลิม่ เลือดในหลอดเลือดแดง
2.2.2.4 ความดันโลหิต ความเค็มปริมาณสูงจากอาหารดังกล่าว หากสะสมใน
ร่างกายเยอะๆ จะเส่ยี งต่อการเปน็ โรคความดนั โลหิต และโรคไตคอ่ นข้างสงู
2.2.2.5 โรคตับ การสะสมไขมันในตบั อาจทำให้เกิดโรคตับแข็งได้
2.2.2.6 โรคเบาหวาน ผู้ทมี่ ีไขมนั ในรา่ งกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าทอ้ งมากเกินไป
มักเกิดภาวะต้านอนิ ซูลิน ทำให้มีการสะสมกลูโคสในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานได้ และ
ภาวะแทรกซ้อนประการหน่งึ คอื การทำลายหลอดเลือดในจอตา อันจะทำใหต้ าบอดได้
2.2.2.7 ภาวะไขมนั ในเลือดสงู คนทก่ี ินอาหารดงั กล่าวเปน็ ประจำ จะมีระดับไขมัน
ในเลอื ดมากกว่าคนที่ไมไ่ ด้กิน และมโี อกาสเปน็ เส้นเลือดในสมองอดุ ตนั
8
2.2.2.8 หลอดเลือดพิการ เพราะอาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยแป้งขาว ไขมัน และ
นำ้ ตาล เปน็ สาเหตุหนึง่ ทีท่ ำให้ ไขมนั เกาะทผี่ นังหลอดเลอื ด
2.2.2.9 โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คนที่กินอาหารดงั กล่าวเป็นประจำมีความเส่ียงต่อการ
เป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากการสะสมไขมัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง(วอชิดา ปลาสกุล
,รุจริ า คิว้ วงศ์งาม,อคริ าภ์ ศริ สิ วัสด์,ิ กัญญารตั น์ พานแก้ว . 2557: ออนไลน์)
ผู้ศึกษาสรุปได้วา่ การรับประทานอาหารจานด่วนนัน้ สามารถส่งผลกระทบกับร่างกายของ
ผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เนื่องจากสังคมปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ บวกกับการได้รับอิทธิพล
ทางดา้ นสงั คม วฒั นธรรมแบบตะวนั ตกจงึ ทำใหผ้ ู้คนนยิ มบริโภคอาหารจานดว่ นมากขึ้น
เพ่อื ไมต่ ้องเสย่ี งกบั สารพัดโรคท่มี ากับอาหารจานดว่ นแบบเดมิ ๆ เรามที างเลอื กเพอื่ สขุ ภาพ
ให้ดังน้ี
- ประเภทฟาสตฟ์ ดู้ : ปลาและมันฝร่ังทอด
ผลเสียที่เกิดกับร่างกาย : แม้ร่างกายจะได้รับวิตามินบี 6 บี 12 โปรตีนคาร์โบไฮเดรตสูง
และโพแทสเซียมอยู่บ้าง ทว่าอาหารจานนี้ก็มีไขมันสูง ใยอาหารน้อย มีวิตามินเอ ซี ดี โฟเลต
และเบต้าแคโรทีนตำ่ ให้ไขมนั ร้อยละ 30-50 ของปริมาณทค่ี วรได้รับในแตล่ ะวนั
ทางเลอื กเพ่อื สขุ ภาพ : ขนมปังโฮลวีท กับสลดั ผักกาดแก้ว มะเขอื เทศ หอม นำ้ มันมะกอก และน้ำ
มะนาว เปน็ อาหารทใี่ ห้พลงั งานตำ่ แต่มีวติ ามนิ ซี ดี โฟเลต และเบต้าแคโรทีนสูง
- ประเภทฟาสตฟ์ ้ดู : แซนด์วิชกบั แอปเป้ิล 1 ผล
ผลเสียที่เกิดกับร่างกาย : หากใช้เนื้อสัตว์คลุกน้ำสลัดข้นมายองเนสกับขนมปังทาเนยคุณ
จะได้พลังงาน 2 เท่าและไขมนั 3 เทา่ ของแซนด์วิชปลาทูนา่
ทางเลือกเพื่อสุขภาพ : อาหารจานนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของขนมปัง ส่วนประกอบและปริมาณไส้ของ
แซนดว์ ิช หากคุณใชข้ นมปังโฮลวที ไสป้ ลาทูน่ากบั ผกั กาดแก้ว และแอปเป้ลิ ไมป่ อกเปลือก คุณจะ
ไดร้ ับคณุ ค่าทางอาหารมากกว่า
- ประเภทฟาสต์ฟู้ด : พซิ ซ่า
ผลเสียที่เกิดกับร่างกาย : อาหารจานนี้ให้พลังงานและไขมันสูง แต่โปรตีนต่ำ บางครั้งมี
เกลอื โซเดียมสูง ถา้ เปน็ หนา้ บลูชีส ซาลามิ เพป็ เปอโรนิ หรอื แฮมระดบั ไขมนั กย็ ่ิงเพิม่ ขน้ึ
ทางเลือกเพื่อสุขภาพ : แป้งพิซซ่าที่ทำจากแป้งโฮลวีทจะช่วยเพิ่มใยอาหาร มะเขือเทศให้โปรตีน
แคลเซยี ม และฟอสฟอรสั
- ประเภทฟาสตฟ์ ดู้ : เบอรเ์ กอร์เนอื้ มนั ฝร่ังทอด และมิลกเ์ ชก (นมป่นั )
ผลเสียที่เกิดกับร่างกาย : แม้จะมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม แต่ในขณะเดียวกันก็มี
ไขมันสูงโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีคอเลสเตอรอลและเกลือโซเดียมสูง รวมทั้งมีสีและ
สารแต่งกลิ่นรสสงั เคราะห์ มใี ยอาหารและวิตามินซตี ำ่
9
ทางเลือกเพื่อสุขภาพ : สลัดท่ีใสพ่ าสต้าชนิดทท่ี ำจากแป้งโฮลวที กบั ผกั สดน่ึงพอสุก แปง้ โฮลวีทให้
ใยอาหาร ผักให้วิตามินซี และเบต้าแคโรทีน ส่วนบล็อกโคลีให้ธาตุเหล็ก(นิตยสารชีวจิต. 2558:
ออนไลน)์
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาภาคีสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ สำนักงาน
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า รายงานสุขภาพคนไทย 2563 โดย สสส.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล และภาคีเครือข่ายนักวิชาการ พบสถิติสำคัญว่าวัยรุ่น
และเยาวชน อายุ 10-24 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดจากประเทศ
ตะวันตก อย่างน้อย 1 วัน/สัปดาห์ มากถึง 69.2% รองลงมาคือภาคกลาง 54.6% ภาคใต้ 48.7%
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 41.9% และภาคเหนือ 38.7% ตามลำดับ (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติ
แห่งชาติ ปี 2560) ซึ่งล่าสุดในช่วงโควิด-19 คนไทยอาจมีแนวโน้มบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดมากขน้ึ
จากการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน Food Delivery โดย Kantar Worldpanel ได้สำรวจ
ผู้บริโภคคนไทย 1,638 ราย อายุระหว่าง 15-49 ปี ที่อยู่อาศัยในเขตเมือง ระหว่างวันที่ 10-16
เมษายน 2563 พบวา่ ผู้บรโิ ภคสัง่ อาหารผ่าน Food Delivery มากข้ึน 38% เมอ่ื เทียบกบั เมือ่ กอ่ น
“ข้อดีของการสั่งอาหารออนไลน์ช่วยลดการรวมตัวของคนในที่สาธารณะ ลดโอกาส
แพร่กระจายโควิด-19 แต่อาหารท่ีได้รับความนิยมสั่งมักเป็นอาหารจานด่วน สสส. จึงเกิดความ
กังวลเป็นห่วงสุขภาพคนไทย เพราะอาหารฟาสต์ฟู้ดมีคลอเรสเตอรอลสูง เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่
ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน โรคอ้วน ฯลฯ เราจึงขอแนะนำให้ผู้บริโภค
รับประทานอาหารแบบ 2:1:1 ผัก 2 ส่วน ข้าวหรือแป้ง 1 ส่วน และเนื้อสัตว์ 1 ส่วน ลดอาหาร
หวาน มัน เค็ม ควบคู่ไปกับการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พร้อมกับขอความร่วมมือผู้บริโภคและผู้ประกอบการลดใช้พลาสติก เนื่องจากอาหารพร้อมทาน
ส่วนใหญ่มักใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกหลายชิ้น อาทิ กล่องโฟม ช้อนส้อมพลาสติก หลอดพลาสติก
ซองน้ำจิ้ม ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าปริมาณขยะพลาสติกของกรุงเทพมหานครเพิ่มข้ึน
ประมาณ 1,000 ตัน/วัน โดยขยะประเภทนี้ใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปี ส่งผลกระทบต่อ
ส่งิ แวดล้อมโดยตรง” (hfocus team. 2564: ออนไลน)์
การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนั้นจะทำให้ทราบถงึ
ลักษณะ ความต้องการของผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ ส่งผลให้นักการตลาดสามารถจัดหาแนวทาง
กระตุ้น การตลาดได้อย่างเหมาะสม มีการแบ่งปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ ความรู้สึกนึกคิดออกเป็น 4
ปจั จัย ดังต่อไปน้ี
1. ปัจจัยด้านวัฒนธรรม (Cultural Factor) เป็นสัญลักษณ์และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดย
เป็นที่ยอมรับจาก คนรุ่นหนึ่งจนถึงอีกรุ่นหนึ่งโดยเป็นตัวกำหนดและควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์
ในสังคมหนึ่ง ซึ่งวฒั นธรรมแบ่งออกเป็น วัฒนธรรมพ้นื ฐานวฒั นธรรมยอ่ ย และชนช้ันของสังคม
2. ปจั จัยด้านสงั คม (Social Factors) เปน็ ปจั จัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในชีวิตประจำวันและมีอิทธิพล
ตอ่ พฤตกิ รรม การซ้ือซ่งึ ประกอบด้วย 2.1 กลมุ่ อ้างอิง (Reference Groups) เปน็ กลุม่ ทบ่ี ุคคลเข้า
ไปเกีย่ วขอ้ งดว้ ยกลุ่มนจ้ี ะมอี ิทธิพลต่อ ทศั นคตคิ วามคิดเหน็ และค่านิยมบคุ คลในกลมุ่ อา้ งอิง
10
2.2 กลุ่มครอบครัว (Family) บุคคลในครอบครัวถือว่ามีอิทธิพลมากที่สุดต่อ
ทศั นคติความคิดเหน็ และคา่ นิยมของบุคคล
2.3 บทบาทและสถานะ (Roles and Statuses) บุคคลคนหนึ่งอาจจะเข้าไป
เก่ยี วขอ้ งกบั หลายกลุ่ม ซ่งึ บคุ คลน้ันจะมีบทบาทและสถานะทีแ่ ตกต่างกนไปในแต่ละกลมุ่ ท่ีร่วมอยู่
3. ปัจจัยส่วนบคุ คล (Personal Factors) ไดแ้ ก่ อายุ ขัน้ ตอนวัฎจกั รชีวติ ครอบครัว อาชีพ
โอกาสทาง เศรษฐกจิ การศกึ ษา รูปแบบการดำรงชวี ติ
4. ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological Factors) การเลือกซื้อของบุคคลได้รับอิทธิพล
จาก ปัจจัยทาง จิตวิทยาซึ่งถือวาเป็นปัจจัยภายในตัวผู้บริโภคเองที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซ้อื
และการใช้สินคา้ (สมุ ติ า เปรมปราศภยั . 2564: 5)
ผู้ศึกษาสรุปได้ว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้ออาหารจานด่วนนั้น มี
หลายปัจจัย เช่น ปัจจัยทางด้านสังคม ปัจจัยทางด้านวัฒนธรรม ปัจจัยทางด้านบุคล ปัจจัย
ทางด้านจิตวิทยา ล้วนส่งผลต่อการเลือกซื้ออาหารจานด่วนบวกกับปัจจุบันมีการสั่งอาหารผ่าน
แอปพลิเคชนั จึงทำให้ผู้บรโิ ภคหันมาส่ังอาหารจานด่วนกนั มากขน้ั
2.3 เอกสารทีเ่ กีย่ วข้องกบั ศลิ ปะประติมากรรมและศลิ ปะล้อเลยี น
2.3.1 ความหมายของประติมากรรม
ประติมากรรม หมายถึง งานศิลปะประเภทวิจิตรศิลป์ ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อการ
ชื่นชมในคุณค่าทางศิลปะเป็นสำคัญ มีการแสดงออกด้วยปริมาตร เป็นรูปทรง 3 มิติ มีความ
กว้าง ความยาวหรือความลึก ความสูง ซึ่งกินระวางพื้นที่ในอากาศ สร้างโดยกรรมวิธีต่างๆ
สามารถชนื่ ชมรับรูด้ ้วยการมองเห็นทางสายตา ซึ่งเรยี กวา่ ทัศนศลิ ป์ (อดลุ ย์ บุญฉำ่ . 2559: 1)
นอกจากนแ้ี ล้วยังมผี ู้ให้ความหมายของคำวา่ ประตมิ ากรรมไวม้ าก ทส่ี ำคญั มดี ังน้ี
กำจร สุนพงษ์ศรี (2547 : 56) อธิบายว่า ประติมากรรม คืองานศิลปกรรม
สาขาหนึ่ง เกิดจากการสร้างสรรค์ให้มีรูปลักษณะปรากฏขึ้น ทำด้วยวัสดุที่สามารถเปลี่ยนแปลง
รูปทรงได้ (Plasticity) ครอบคลุมไปถึงงานปั้น งานหล่อ งานแกะสลักและงานเชื่อมประกอบ
วัสดุ มีลักษณะ 3 มิติ กินที่ในอากาศ รับรู้ได้ด้วยการมอง การดู เรียกว่าทัศนศิลป์ แต่
ประตมิ ากรรมแปลกแยกออกไปอีก คอื สามารถรบั รู้ความงามด้วยการสมั ผัส การจบั ต้อง จึงอาจ
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ผัสสะศิลป์ หรือศิลปะรูปทรง (Plastic Art) ที่หมายถึง ศิลปะทีม่ ีรูปทรง
เป็นสามมิติ ซึ่งงานศิลปะแขนงนี้อาจรวมทั้งงาน Visual Art บางประเภทที่ใช้วัสดุต่างๆ จัด
ลกั ษณะรปู ทรงแบบสามมติ ดิ ้วย
วิเชียร อินทรกระทึก (2539 : 6 – 7) อธิบายว่า ประติมากรรม คือ การ
แสดงออกทางปริมาตรด้วยสื่อชนดิ ตา่ งๆ อนั เปน็ ทัศนศิลปแ์ ละเปน็ สาขาหนง่ึ ของวิจิตรศิลป์ และ
ถือว่าเป็นศิลปะที่มีลักษณะกินระวางพื้นที่ในอากาศ (Space Art) คือ มีสามมิติ หรือศิลปะ
11
รูปทรง (Plastic Art) ซึ่งครอบคลุมถึงงานปั้น งานแกะสลัก และงานที่เกิดจากการผสมผสาน
ตา่ งๆ
ราชบัณฑิตยสถาน (2550 : 509) ประติมากรรม คือ ศิลปะประเภทหนึ่งใน
สาขาทศั นศิลป์ มรี ปู ทรงเปน็ 3 มิติ ทำขึ้นดว้ ยวัสดุหลายชนิด เช่น ดินเหนยี ว ไม้ หิน โลหะ
โดยกรรมวิธตี ่างๆ เป็นรูปคน รปู สัตว์ ลวดลาย หรอื รปู ทรงนามธรรม
Robert Mavilard (1960 : 193) กล่าวว่า การกินเนื้อที่ในอากาศเป็น
ความสำคัญอีกประการหนึ่งในรูปทรงที่เปิดเผยให้เห็น จะต้องทำชีวิตของสรรพสิ่งด้วยการ
แสดงออกถึงการขยายตัวของมันในอากาศให้มีความเด่นชัด หมายความว่า เป็นวัตถุกินที่ใน
อากาศ ความเป็นศิลปวัตถุที่จะต้องมีพื้นที่ว่างรองรับ ทำให้งานประติมากรรมแตกต่างไปจาก
งานประเภทโสตศลิ ปท์ ัว่ ไป
ความหมายคำว่าประติมากรรมของผู้ศึกษา คือ งานศิลปะทัศนศิลป์อย่างหนึ่งท่ี
สร้างสรรค์ออกมาเป็นงาน 3 มิติ มีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ นู่นต่ำ นู่นสูง และลอยตัว โดยสามารถ
ให้วสั ดุในการสรา้ งสรรค์ผลงานหลายชนดิ เช่น ไม้ ดิน หิน โลหะ สัมฤทธิ์ ฯลฯ
2.3.2 ประเภทของงานประติมากรรม
การแบ่งงานประติมากรรมอาจถูกแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามมิติของความลึก
ของช้ินงานที่ ถูกสร้างสรรค์
ประติมากรรมนูนต่ำ ได้แก่ งานประติมากรรมที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับประติมากรรม
ประเภทนูนสูง แต่จะแบนหรอื บางกวาประติมากรรมประเภทน้ีไม่ปรากฏมากนักในอดีต ซึ่งมักจะ
ไดแ้ กป่ ระติมากรรมทีเ่ ป็นลวดลายประดับตกแตง่ เช่น แกะสลกั ด้วยไม้ หนิ ปนู ป้นั เป็นต้น
ประติมากรรมนูนสูง ได้แก่ ประติมากรรมที่ไม่ลอยตัว มีพื้นหลัง ตัวประติมากรรมจะย่ืน
ออกมาจากพื้นหลังค่อนข้างสูง ประติมากรรมที่เป็นลวดลายประดับตกแต่งด้วย เช่น
ประตมิ ากรรม ปูนป้นั ประดับกระจกหนา้ บา้ น พระอโุ บสถและวหิ ารต่าง ๆ ตลอดจนถงึ การประดับ
ตกแต่ง สถาปัตยกรรมในปัจจุบัน เช่น ประติมากรรมที่ปั้นเป็นเรื่องราวหรือเป็นลวดลายประดับ
ตกแต่ง อาคาร ตกแต่งฐานอนุสาวรยี ์ ตกแต่งสะพาน และสง่ิ ก่อสรา้ งต่าง ๆ เปน็ ต้น และ ลอยและ
บนิ ได้
ประติมากรรมลอยตัว ได้แก่ ประติมากรรมทีป่ ั้น หล่อ หรือแกะสลักขึ้นเป็นรูปร่างลอยตวั
มองได้รอบด้าน ไม่มีพื้นหลัง เช่น รูปประติมากรรมที่เป็นอนุสาวรีย์ประติมากรรมรูปเหมือน และ
พระพุทธรูปลอยตัวสมัยต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงประติมากรรมสำหรับประดับตกแต่ง เป็นต้น การ
สร้างงานประติมากรรม วธิ ีการสรา้ งผลงาน ความงามของงานประติมากรรม เกิดจากการแสงและ
เงา ที่ เกดิ ข้ึนใน ผลงานการสร้างงานประติมากรรมทำได้ 4 วธิ ี คือ
12
การปั้น (Casting) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุ ทีเหนียว อ่อนตัว และยึดจับตัว
กันได้ดี วัสดุที่นิยมนำมาใช้ปั้น ได้แก่ ดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูน แป้ ง ขี้ผึ้ง กระดาษ หรือ ขี้เลื่อย
ผสมกาว เป็นต้น
การแกะสลัก (Carving) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่ แข็ง เปราะ โดยอาศัย
เคร่อื งมือ วสั ดุท่นี ยิ มนำมาแกะ ได้แก่ ไม้ หิน กระจก แกว้ ปูนปลาสเตอร์ เป็นตน้
การหล่อ (Molding) เป็นการสร้างรูปทราง 3 มิติ จากวัสดุที่หลอมตัวได้และกลับแข็ง ตัว
ได้ โดยอาศยั แม่พมิ พ์ ซึ่ งสามารถทำใหเ้ กดิ ผลงานที่เหมือนกนั ทุกประการตั้งแต่ 2 ช้ิน ข้นึ ไป วัสดุ
ที่ นยิ มนำมาใช้หล่อ ไดแ้ ก่ โลหะ ปูน แป้ ง แก้ว ขีผ้ ้งึ ดิน เรซิน่ พลาสติก ฯลฯ รำมะนา
การประกอบขึ้นรูป (Construction) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ โดยนำวัสดุต่าง ๆ มา
ประกอบเขา้ ดว้ ยกัน และยึดตดิ กนั ด้วยวัสดตุ ่าง ๆ(อภิศักดิ์ วฒั วรรณผล. 2551: 72-73)
2.3.3 รปู แบบของประตมิ ากรรม
รูปแบบของประตมิ ากรรม หรอื รปู แบบทางศลิ ปะ (Art Form) หมายถึง ผลรวม
จากการผสานรวมตัวกันของส่วนประกอบทางศิลปะ (Elements of Art) ต่างๆ เช่น เส้น
ระนาบ มวล ปริมาตร สี รูปร่าง พื้นผิว ที่ว่างฯลฯ การจำแนกรูปแบบทางศิลปะนั้นมีความ
แตกตา่ ง และหลากหลายขึ้นอยูก่ บั เกณฑ์ทีใ่ ช้ในการจำแนก ทีส่ ำคญั มดี งั น้ี
1 แบบเหมือนจริง (Realistic) หมายถึง ประตมิ ากรรมที่แสดงรูปลักษณะของคน สัตว์
สิ่งอื่นๆ ที่พบเห็นในธรรมชาติ เกิดจากประสบการณ์ที่ศิลปินพบเห็นสิ่งต่างๆ และนำเสนอ
ผลงานโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือบิดเบือนไปจากความเป็นจริง จะยึดหลักความจริงที่ปรากฏ
อยู่ในธรรมชาติอย่างเคร่งครัด แต่การสร้างสรรค์ของประติมากรนั้นไม่ใช่เป็นการลอกเลียนแบบ
ธรรมชาติ แตเ่ ป็นการแปลความหมายและถ่ายทอดความรู้สึกนกึ คดิ ของตนลงไปในผลงานอกี ทอด
หนึ่ง รูปแบบ จะเป็นการนำเสนอความจริงและข้อเท็จจริงต่างๆ ประติมากรรมแบบรูปลักษณ์
จำแนกออกเปน็ 2 ลักษณะ ดงั นี้
1.1 แบบเหมือนจริงธรรมชาติ (Natural Realistic) หมายถึง ประติมากรรมที่
สร้างสรรค์ข้นึ เพ่ือความมุ่งหมายในการเลียนแบบลกั ษณะความเป็นจริงตา่ งๆ ตามธรรมชาตใิ หม้ าก
ที่สดุ เท่าทีป่ ระตมิ ากรจะสามารถทำได้ ประติมากรรมรปู แบบน้ีสว่ นมากจะนิยมสร้างขน้ึ ในลักษณะ
รปู เหมอื นบุคคล ซ่ึงไดแ้ สดงการเลยี นแบบความเหมอื นจริงตามธรรมชาติในสว่ นต่างๆ เช่น รอย
ย่นของผิวหนัง สีผิว เส้นผม ลูกตา สีลูกตา เล็บ และขุมขนตา่ งๆ โดยใช้ขี้ผึ้งเป็นวสั ดุในการ
ปั้น ตกแต่ง สร้างรายละเอียด เพราะเป็นวัสดุที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี แล้วหล่อด้วยไฟ
เบอร์กลาส นอกจากนั้นแล้วยังนำวัสดุจริงมาเป็นส่วนประกอบ เช่น เสื้อผ้า รองเท้าและส่ิง
สังเคราะห์มาเป็นส่วนประกอบ เช่น ลูกตามเทียม และเส้นผมสังเคราะห์ รวมถึงการระบายสี
เพื่อใหเ้ กิดความเหมอื นจริงตามธรรมชาตใิ ห้มากท่สี ุด
1.2 แบบเหมือนจริง (Realistic) หมายถึง ประติมากรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อความมุ่ง
หมายในการแสดงความเหมือนจริง โดยความเหมือนจริงนั้นเป็นความเหมือนในทางโครงสร้าง
13
สดั สว่ น และความถูกตอ้ งของลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ประตมิ ากรรมรูปแบบ
นี้ส่วนมากจะนิยมสร้างขึ้นในลักษณะรูปเหมือนบุคคล ซึ่งได้แสดงความเหมือนจริงในทาง
โครงสร้าง สัดสว่ น และความถูกตอ้ งของลกั ษณะทางกายวิภาคศาสตรโ์ ดยรายละเอียด บางส่วน
จะปั้นให้เป็นมวล (Mass) เช่น เส้นผม คิ้ว จะทำเป็นกลุ่มของมวล เป็นต้น รวมถึงไม่มีการ
สร้างรอยย่นที่ละเอียดบริเวณผิวหนัง การใช้ลูกตาเทียมและการใช้กรรมวิธีทางจิตรกรรมในการ
ระบายสีผิหนังใหเ้ หมอื นกับสีผวิ ของบุคคลดังเช่นประตมิ ากรรมแบบเหมือนจริงธรรมชาติ
2 แบบนามธรรม (Abstract) หมายถึง ประติมากรรมทีส่ ร้างสรรค์ขึน้ โดยการคลี่คลาย
และตัดทอนรูปทรงให้ผิดแผกไปจากรูปทรงธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง โดยได้เปลี่ยนสภาพของส่วน
ต่างๆ ให้กลายเป็นทัศนธาตุทางศิลปะ เช่น เส้น พื้นผิว มวล ปริมาตร เป็นต้น แล้วใช้
หลักการทางองค์ประกอบศิลป์ (Art Composition Principle) ในการจัดการ ควบคุมทัศนธาตุ
ต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของประติมากร ทั้งนี้ผลงานในรูปแบบนี้จะมุ่งเน้นการ
แสดงออกถงึ แนวความคิดของประติมากร รวมถงึ ความรู้สกึ ของรูปทรงเป็นสำคัญ มากกว่าความ
เหมือนจรงิ ตามธรรมชาตทิ ีต่ าเหน็
3 แบบกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) หมายถึง ศิลปะที่มีการตัดทอนรูปทรงบางส่วน
ออกไปจากความเป็นจริง หรือดัดแปลงไปจากธรรมชาติ รูปแบบนี้ที่จริงแล้วอยู่บนเส้นแกน
เดียวกันมีปลายข้างหนึ่งเป็นรูปธรรมและอีกข้างหนึ่งเป็นนามธรรม ตรงกลางเป็นกึ่งนามธรรม
นอกจากสามจุดน้ีแล้วผู้สร้างสรรค์มีอิสระที่จะยืนที่จุดใดจุดหนึ่งของเส้นแกนนี้ก็ได้ (อดุลย์ บุญ
ฉ่ำ. 2559: 4-6)
รูปแบบของงานประติมากรรมของผู้ศึกษา คือ งานประติมากรรมสร้างสรรค์ผลงานได้ 4
วิธี คือ การปั้น การแกะสลัก การหล่อ การประกอบขึ้นรูป โดยการสร้างสรรค์งานประเภท
ประติมากรรมได้ 3 รูปแบบ คือ แบบนามธรรม แบบกึ่งนามธรรม แบบเหมือนจริง ซึ่งแต่ละ
รปู แบบกม็ เี อกลกั ษณ์และกระบวนการทำท่ีต่างกนั
2.3.4 ความหมายของภาพล้อเลียน
ภาพล้อ จัดเป็นสื่อแฝงอารมณ์ขันรูปแบบหนึ่งที่สามารถบอกเล่าข้อมูล เรื่องราว หรือ
เหตกุ ารณส์ ำคญั ซง่ึ อยู่ในความสนใจของคนในสังคมในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ข้อมูล ที่ปรากฏ
ในภาพล้อ มักเป็นข้อมูลที่มีการสอดแทรกทัศนะ ความคิด ความเห็น และอารมณ์ ความรู้สึกเชิง
หยอกล้อ ล้อเลียน เสียดสีประชดประชัน เยาะหยัน เหน็บแนม ตำหนิหรือกล่าว โทษ ผ่านการใช้
ถ้อยคำภาษา(สุวรรณา งามเหลือ. 2559: 74-78)
การสื่อความหมายโดยตรงของภาพล้อ สื่อความหมายผ่านภาพและข้อความ ได้แก่ ภาพ
บุคคล ภาพวัตถุสิ่งของ ภาพเหตุการณ์สถานที่ และข้อความในบทสนทนาและคำบรรยายภาพ
ส่วนการสื่อความหมายโดยนัย ได้แก่ การสื่อความหมายผ่านการใช้ถ้อยคำสำนวนภาษา อาทิ คำ
สร้างจินตภาพ สำนวน คำสร้างใหม่ คำสแลง ที่ส่ือถึงการล้อเลียน หยอกล้อ เยาะหยัน เสียดสี
14
ประชดประชัด เหน็บแนม ตำหนิหรือก่นด่า แบบแฝงอารมณ์ขัน (สุวรรณา งามเหลือ. 2559: 74-
78)
ภาพสะท้อนบริบทในมิติทางสังคมและวัฒนธรรมไทย ภาพล้อเกิดจากความก้าวหน้า ทาง
เทคโนโลยที เ่ี อือ้ อำนวยให้การสร้างส่ือหรือการสร้างภาพลอ้ ทำได้งา่ ยขนึ้ ทั้งยังเปน็ ชอ่ งทาง ในการ
สรา้ งความเท่าเทียมด้านอำนาจในการส่ือสารของคนในสังคม ในมติ ิสงั คมไทย การสื่อสาร สำหรับ
สื่อบางประเภทยังคงถูกควบคุมหรือผูกขาดทางอำนาจในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เช่น
สื่อมวลชนที่อยู่ภายใต้การดูแลการสัมปทานของภาครัฐที่ไม่สามารถเป็นช่องทางในการสื่อสาร
ของประชาชนได้ แต่สำหรับสื่อสังคมออนไลน์ ยังมีการควบคุมน้อยและประชาชนสามารถ เข้าถึง
สื่อได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นพื้นที่สาธารณะในการสื่อสารภาพล้อ ทาง
การเมืองของคนในสังคม เพื่อการกระตุ้น วิพากษ์วิจารณ์ และสะท้อนความคิดเห็น อารมณ์
ความรู้สึกของประชาชนต่อการทำงานของนักการเมือง ที่ช่วยลดความรุนแรงในการวิพากษ์
วิจารณ์เสียดสีทางการเมือง โดยเน้นการสื่อสารด้วยอารมณ์ขำขัน ลดความตึงเครียดจาก
สถานการณ์ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ดังนั้น การถ่ายทอดในรูปแบบนี้จึงช่วยลดความ รุนแรง
ในการสื่อสารและทำให้ผู้ส่งสารรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในการสื่อสารความคิดเห็นทางการ เมืองที่
ขัดแย้งกับกลุ่มนักการเมืองที่มีอำนาจในสังคม เพื่อช่วยตีแผ่พฤติกรรมที่น่ารังเกียจหรือ ไม่พึง
ประสงค์ของบุคคลกลุ่มนี้ โดยนำการละเล่นทางภาษามาใช้เพื่อทำให้เป็นเรื่องขำขัน ชวนหัวเราะ
และกระตุ้นความสนใจจากประชาชนผู้รับสารคนอื่น ๆ เพื่อหาแนวร่วมในการสื่อสาร นอกจากนี้
บริบททางการเมืองด้านการสื่อสารนโยบายหรือความขัดแย้งทางการเมืองในสังคม เป็นข้อมูลที่
ผู้รับสารใช้ตคี วามร่วมกับการใช้ภาษาทีผ่ ิดแปลก โดยการเล่นคำ แปลงความหมาย เพื่อสื่อสารให้
เกิดอารมณ์ขัน ดังนั้น บริบททางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมการสื่อสารของไทย จึงมี
ความสำคัญที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจการสื่อสารภาพล้อมีดังกล่าวได้เป็นอย่างดี (สุวรรณา งาม
เหลอื . 2559: 74-78)
ภาพสะท้อนในมุมของผู้ผลิตภาพล้อ ภาพล้อสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนิสัย ความรู้
ความสามารถ ความมีสทิ ธเิ สรภี าพ และมุมมองท่ผี ู้ผลติ ภาพล้อต่อสงิ่ ตา่ ง ๆ ในสังคม ดังนี้
- ด้านลักษณะนิสัย ภาพล้อสะท้อนถึงลกั ษณะนิสัยความเป็นคนขี้เล่น รักความสนุกสนาน
และมีอารมณ์ขนั รู้จักหยิบยกเร่ืองที่เป็นประเดน็ ปัญหาที่สรา้ งความเคร่งเครยี ดใหก้ ลายเป็น เรื่อง
ขบขัน แม้ในภาวะวิกฤตที่ต้องประสบกับความทุกข์ยาก เช่น ภาวะวิกฤตจากเหตุการณ์ น้ำท่วม
ครั้งใหญ่ในประเทศไทย พ.ศ. 2554 หรือเหตุการณ์ความเดือดร้อนและความสูญเสยี จากความไม่
สงบทางการเมอื งในประเทศไทย พ.ศ. 2553 นอกจากน้ี ยงั แสดงถึงความเป็นคน
- ช่างสังเกต รูจ้ ักหยิบยกเรอื่ งราวแง่มุมต่าง ๆ มาสร้างสรรค์เพ่ือสะท้อนเหตกุ ารณ์ที่เกดิ ข้ึน
ในสงั คม ภาพล้อจึงเป็นเสมือนแหล่งข้อมูลที่บันทึกเรอื่ งราว เหตุการณ์ซึง่ สะทอ้ นความรู้สึก นึกคิด
และอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนที่เกิดข้ึนในสังคมแบบแฝงอารมณ์ขัน อันจะกลายเป็น เสมือนหน้า
ประวัตศิ าสตร์อีกหนา้ หนึง่
15
- ด้านความรู้ความสามารถ ภาพล้อสะท้อนให้เห็นความรู้ความสามารถเชิงสร้างสรรค์
ความมีจินตนาการในการเชื่อมโยงภาพ เข้ากับเรื่องราว ความสามารถเชิงศิลปะการถ่ายทอด
ความหมายผ่านภาพที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้มากกว่าถ้อยคำ ดังคำกล่าวว่า “ภาพหนึ่ง ภาพ
แทนคำพูดนับพันคำ” รวมถึงความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อแต่ง ภาพ
ไดอ้ ยา่ งสวยงามสมจรงิ นอกจากน้ี ยังสะท้อนถงึ ความมปี ฏภิ าณไหวพริบในการแสดงความ คิดเหน็
การวิพากษ์วิจารณ์ ผ่านช่องทางศิลปะการใช้ภาพแทนการสื่อความหมายแบบตรง ๆ ที่จะไม่
ก่อให้เกดิ ปญั หาหรือเป็นการหักหาญนำ้ ใจดว้ ยการกล่าวตำหนิหรือกล่าวโทษดว้ ย ถอ้ ยคำรุนแรง
- ด้านสิทธิเสรีภาพ ภาพล้อสะท้อนถึงความมีอิสระในการแสดงความคิดความเห็น และ
เสรีภาพ ที่คนในสังคมได้รับในการแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องราว เหตุการณ์ และบุคคล โดยเฉพาะ
บุคคลสาธารณะ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นช่องทางที่แสดงถึงการมีส่วนร่วม ในความ
รับผิดชอบตอ่ สงั คม ทั้งยังเป็นช่องทางเพือ่ ให้ข้อเสนอแนะ ติชม เพื่อกระตุ้นเตือน ก่อใหเ้ กิดความ
ฉกุ คิด สร้างความตระหนกั ตอ่ หน้าท่ี ตอ่ การกระทำหรอื พฤติกรรม ขณะเดยี วกนั ยังเป็นการแสดง
ถึงการเฝ้าติดตามตรวจสอบผลงานและพฤติกรรมของบุคคลและหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่มีหน้าที่
รบั ผิดชอบสงั คมและประเทศอกี ทางหนง่ึ
- ด้านความนิยม ภาพล้อสะท้อนให้เห็นความสนใจ ความนิยม ตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ใน
ความจดจำของคนในสังคมในช่วง เวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารการเมือง เหตุการณ์ สำคัญ
บุคคลสำคัญ วัตถุสิ่งของ รวมถึงข่าวสารความบันเทิง ทั้งภาพยนตร์ ละคร มิวสิควีดิโอ เพลง ล้วน
ถูกนำมาใช้เป็นเครอื่ งมอื ในการผลติ ภาพลอ้ ดว้ ยเช่นกัน (สวุ รรณา งามเหลือ. 2559: 74-78)
ภาพล้อ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่คนในสังคมกลุ่มหนึ่งใช้เพื่อเป็นช่องทางในการแสดงออก
ทางความคดิ ความเหน็ การวพิ ากษ์วจิ ารณ์ในทำนองหยอกเย้าหรอื หยิกแกมหยอก เนือ้ หา ในภาพ
ล้อส่วนใหญ่มุ่งสะท้อนถึงพฤติกรรม บุคลิกลักษณะ ผลงาน รวมถึงความรู้ความ สามารถของ
บุคคล ที่อาจเรียกว่าเป็น “บุคคลสาธารณะ” โดยแฝงการหยอกเย้า เย้าแหย่ เสียดสี ประชด
ประชัน ตำหนิติเตียนหรือก่นด่า ซึ่งบางครั้งใช้ถ้อยคำรุนแรง สำหรับบุคคลผู้ไม่ เกี่ยวข้องคงมอง
แบบมีอารมณ์ขบขัน แต่สำหรับผู้ถูกลอ้ ซ่ึงเป็นผู้ถูกพาดพิงโดยตรงคงมคี วามรู้สกึ ต่างออกไป หาก
เนื้อหาในภาพล้อเป็นไปในทำนองบอกเล่าข้อมูลประเภทข้อเท็จจริง คงไม่กระทบต่อความรู้สึก
หรือจิตใจเท่าใด หากจะกระทบบ้างก็คงไม่มากจนเป็นที่รบกวนจิตใจ ในทางตรงข้าม ผู้ถูกล้อบาง
คนอาจมองอย่างมีอารมณ์ขันร่วมหรือรู้สึกสนุกไปกับการ หยอกเย้าด้วยภาพก็เป็นได้ แต่หาก
เนื้อหาในภาพล้อนำเสนอเป็นข้อมูลเชิงลบที่แฝงการเสียดสี ประชด ประชัน ตำหนิติเตียน หรือ
กล่าวโทษถึงขั้นต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงหรือหยาบคาย ผู้ได้รับผลกระทบย่อมเกิดความรู้สึกไม่ดี
เช่น ไม่สบายใจ ไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจ หรือถึงขั้น โกรธหรือแค้นเคืองเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม
ด้วยสถานภาพของความเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องทำใจยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่าง
หลีกเลี่ยงได้ยาก คิดในแง่ดี หากเนื้อหาและน้ำ เสียงที่แฝงในภาพล้อเป็นสิ่งสะท้อนจากความจริง
หรือเป็นการแสดงความคดิ เห็นอย่างเป็นกลาง ไม่อคติหรือเลอื กขา้ ง ก็น่าจะเปน็ ประโยชน์ เพราะ
ภาพล้อเหล่านี้จะเป็นเสมือนกระจกเงาท่ีช่วย สะท้อนให้เห็นว่าตนเป็นอยา่ งไรในสายตาของคนใน
16
สังคม ทั้งนด้ี ้วยธรรมชาตขิ องคนทมี่ ักมอง ขา้ มความผดิ พลาดหรอื ขอ้ บกพร่องของตนเอง แต่หากผู้
ถูกล้อสามารถเปิดใจกว้าง รับฟังคำติชม หรือคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ ภาพล้อเหล่านี้ก็จะเป็น
เครอื่ งมอื ในการกระตนุ้ เตือนตนไดเ้ ป็นอย่างดี (สุวรรณา งามเหลือ. 2559: 74-78)
ในทางกลับกัน ผู้ผลิตภาพล้อก็ควรสะท้อนภาพและเนื้อหาตามความเป็นจริง ไม่ใส่ร้าย
ป้ายสีหรือแต่งเติมให้เกินความเป็นจรงิ แสดงความคิดเหน็ และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยใจเป็นกลาง ไม่
อคติ หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำภาษารุนแรง หยาบคาย และให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้ภาษา
อย่างถูกต้อง* หลีกเลี่ยงการใช้ภาพที่มีลักษณะไม่สุภาพหรืออนาจาร เพราะภาพลักษณะดงั กลา่ ว
ย่อมแสดงถึงความเอนเอียงไม่เป็นกลางหรือแสดงถึงความมีอคติสูง ภาพลักษณะนั้นย่อมจะขาด
ซึง่ ความนา่ เชื่อถือ ขาดซึ่งการยอมรับและความสนใจจากคนส่วนใหญ่ในสงั คม ฉะนัน้ ภาพล้อ ที่ดี
นอกจากจะทำขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความคิดเห็น เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ หรือเพื่อร้องบอก ให้สังคม
ได้รับรู้ด้วยการแฝงอารมณ์ความรู้สึกและแฝงอารมณ์ขันแล้ว ภาพล้อควรสะท้อนภาพ บริบทใน
สังคมในเวลานั้นตามความเป็นจริง ถูกต้องและเป็นธรรม เพื่อจะได้ใช้เป็นเครื่องมือหนึ่ง ในการ
บันทึกเหตุการณ์เรื่องราวและความร้สู กึ นึกคิดของคนในสังคม ผา่ นศลิ ปะการถ่ายทอด ความหมาย
ด้วยภาพและด้วยศลิ ปะในการใชภ้ าษาอยา่ งมอี ารมณข์ นั
อย่างไรกต็ าม เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ส่ือทำหน้าที่ ได้ทั้ง
ในฐานะผสู้ ง่ สารและผู้รับสาร ขณะเดียวกนั ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสาร ก็ช่วยให้การ
ใชง้ านผ่านสอ่ื สงั คมออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกย่ิงขึ้น ด้วยเหตุน้ี หากผใู้ ช้สื่อ เปล่ียนบทบาท
เป็นผู้ส่งสารโดยขาดวิจารณญาณ ขาดการยั้งคิด ย่อมส่งผลกระทบต่อบุคคลอ่ืน และสังคมในวง
กว้างได้ เชน่ การสรา้ งภาพล้อเชิงเสยี ดสี ตำหนิ กน่ ด่า และท้ายสุดอาจสง่ ผล กระทบโดยตรงต่อผู้
ส่งสาร ดังนั้น สิ่งที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันควรระมัดระวัง คือ การใช้สื่อสังคมออนไลน์
อย่างมีวจิ ารณญาณและรเู้ ทา่ ทัน
ปัจจุบันการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสื่อ ดังกล่าว
เปน็ สอ่ื ทเี่ ขา้ ถงึ คนกล่มุ ใหญ่ในสังคม ทอี่ าจสรา้ งผลกระทบในวงกว้างได้ง่าย ปจั จบุ นั จึงมีกฎหมาย
ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ได้แก่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ท่ีมบี ทลงโทษทัง้ โทษปรบั และโทษจำคกุ เพือ่ มิใหเ้ กิดการกระทำ
ความผิดเกี่ยวกับการสร้างภาพ ข้อความ การแชร์ภาพ หรือข้อความ ที่จะส่งผลกระทบหรือสร้าง
ความเสียหายต่อบุคคลอื่นหรือสังคมโดยรวม ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทุกคนจึงควรจะศึกษา
กฎหมายการใช้คอมพิวเตอร์ และใช้สื่อสังคมออนไลน์ด้วยความตระหนัก และระมัดระวังมาก
ยิ่งข้ึนด้วย(สุวรรณา งามเหลอื . 2559: 74-78)
The MATTER ได้ให้คำอธิบายความหมายการล้อเลียนหรือ Parody ว่าหมายถึง การ
สร้างงานเพื่อเลียนแบบหรือวิพากษ์วิจารณ์งานต้นฉบับ โดยใช้วิธีการเขียน หรือวาดรูป รวมไปถึง
ใชศ้ ิลปะการสอ่ื สารอย่างการพูด แม้วา่ ไมไ่ ดเ้ อย่ ถงึ ตัวผถู้ ูกล้อเลยี น โดยตรงแต่ผอู้ า่ นหรือผู้ติดตาม
สามารถระลึกได้วาพูดถึงใครหรือเหตุการณ์ใดอยู่ สไหรับ สาเหตุที่การใช้วิธีล้อเลียนได้รับความ
นิยมในสื่อบันเทิงหรือสื่อสังคมออนไลน์เป็นเพราะ สามารถให้ข้อมูลพร้อมกบความบันเทิงควบคู่
17
กนั ไปได้ (Not only information but also entertainment) และยังเข้าถึงทุกชนช้ันในสังคมอีก
ด้วยนอกจากการเข้าถึงและความรวดเร็ว แล้ว ยังสามารถหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ (Censor)
จากผู้ที่อำนาจทางสังคมอย่างรัฐบาล อีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์เจตนารมณข์ องผู้สร้างเนือ้ หาดังกล่าว
ได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับ Mary Louise Pratt กล่าวว่าในสังคมที่วาทกรรมแห่งการครอบงำ
และกดข่มี มี าก การต้องหากลวธิ ีในการพดู เรอื่ งอันไม่อาจจะพูดได้ดว้ ยหนทางต่าง ๆนานาจึงดูจะมี
การพัฒนาทนี่ า่ สนใจและกาวหนา้ เสมอมา(จนั ทรวรรณ ตระกลุ ผวิ . 2563: 49-50)
2.3.5 รปู แบบการล้อเลยี นท่ใี ชใ้ นงานศลิ ปะและวรรณกรรมชว่ งศลิ ปะยุคกลาง
1) กล่าวเกินจริง (Exaggeration) คือ การสร้างเนื้อหาในวรรณกรรมหรืองาน ด้านศิลปะ
แต่ละประเภทโดยมากใช้วิธีการกล่าวเกินจริงเช่นพูดให้ม่ากกวาความจริงหรือ น้อยจนลด
ความสำคัญในบางบริบทลงไป เจตนาเพื่อลดความตึงเครียดในเหตุการณ์ ดังกล่าวหรือลด
ความสำคญั ลงไป
2) สลับบทบาท (Inversion) ในทีนี้หมายถึง การสวมบทบาทตัวละครใหม่แต่ทำซ้ำ
เหตกุ ารณเ์ ดมิ อีกคร้งั เพอื่ เปล่ยี นแปลงความหมายหรอื เบยี่ งเบนประเด็นให้เบาลง
3) การทำให้เป็นเรื่องล้อเล่น (Trivialization)คือการแปลงให้ข้อมูลท่ีมีอยู่นั้นจาก เดิมท่ี
เคยจริงจัง เครียด และสะเทอื นอารมณใ์ หก้ ลายเป็นเรือ่ งเหลวไหล ใหผ้ อู้ ่านมองวา่ เป็นเรือ่ งไมต่ อ้ ง
ทำใหเ้ ปน็ เรอ่ื งทมี่ ีเหตุผล (จนั ทรวรรณ ตระกุลผิว. 2563: 49-50)
ภาพลอ้ เลยี นสำหรับผู้ศึกษา คือ ภาพท่วี าดขึน้ มาเพ่ือแสดงเหตุการณ์ล้อเลียนหหรือบุคคล
ที่จะล้อเลยี นเพอ่ื ใหด้ รู ู้สึก หยอกล้อ เยาะหยัน เสียดสี ประชดประชัด เหน็บแนม ตำหนหิ รือก่นด่า
แบบแฝงอารมณ์ขนั ซ่ึงทุกวนั นี้เราจะเหน็ ภาพล้อเลยี นผา่ นสอื่ สงั คมออนไลน์มากขึน้
2.3.6 อทิ ธพิ ลจากศลิ ปนิ ทมี่ ีผลต่อการสร้างสรรคผ์ ลงาน
ในการศึกษาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรม แนวคิดเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภค
อาหารฟาสต์ฟู้ด ผู้ศกึ ษาได้รบั อทิ ธพิ ลมาจากศลิ ปนิ ในการสร้าสรรคง์ าน ดังตอ่ นี้
2.3.6.1 Fernando Botero Angulo
เฟอร์นันโด โบเตโร อังกูโล (Fernando Botero Angulo) (19 เมษายน 1932) จิตรกร
และประติมากรชาวโคลมั เบีย ผูเ้ ป็นที่ร้จู ักจากผลงานศิลปะรูปคนและสตั วข์ นาดรูปร่างสมบูรณ์ล้น
หลามในช่วงแรกเขาหยิบเอาแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของศิลปินเม็กซิกันผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ดิเอ
โก ริเวียเรา (Diego Rivera) รวมถึงศิลปินสเปนชั้นครูในตำนานอย่าง เลโอนาร์โด ดา วินชี
(Leonardo da Vinci), ราฟาเอล (Raphael), ยัน ฟัน ไอก์ (Jan van Eyck), ฟรานซิสโก เดอ โก
ยา (Francisco de Goya) และ ดิเอโก เบลาสเกซ (Diego Velázquez) ฯลฯ มาวาดใหม่ในเชิง
ล้อเลียน โดยให้ตัวละครในภาพเหล่านั้นมีรูปร่างอวบอั๋นกลมกลึง สไตล์การวาดภาพอันเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาเช่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “Boterismo" หรือรูปแบบที่นำเสนอภาพของ
18
ร่างกายคนและสัตว์ในรูปกายที่ล้นหลามเต่งตึงจนคล้ายกับลูกโป่งพองลม เพื่อแสดงอารมณ์ขัน
เสียดสแี ละทา้ ทายขนบความงามแบบโบราณไดอ้ ยา่ งชวนหวั
โบเตโรได้รับการยกให้เป็นศิลปินที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและจดจำมากที่สุด
ของละตินอเมริกา เขาเรียกขานตัวเองว่าเป็น “ศิลปินโคลัมเบียที่มีความเป็นโคลัมเบียที่สุด”
ผลงานของเขาได้รับการสะสมโดยพิพิธภัณฑ์ องค์กร และนักสะสมชั้นนำทั่วโลก เขาได้รับรางวัล
มากมาย และมีผลงานปรากฏให้เห็นในสถานที่หลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น พาร์ค อเวนิว ใน
นวิ ยอร์ก, ช็องเซลีเซ ในปารีส, พพิ ธิ ภัณฑอ์ ิสราเอล ในกรุงเยรูซาเลม็ (wurkon. 2564: ออนไลน์)
ภาพประกอบที่ 2.1 Caballo con bridas (วันที่สบื ค้น 5 พฤษภาคม 2564)
ทมี่ า:
19
2.3.6.2 Liu Xue
หลิว เชวย (Liu Xue) ปัจจุบันมีศิลปินร่วมสมัยหลายคนที่ใช้รูปทรงสตั ว์และมนุษยเ์ ป็นส่อื
หลิว เชวย (Liu Xue) ไดส้ ร้างงานประตมิ ากรรมมนษุ ย์ ในวธิ ีการผสมกันระหวา่ งคนและ สตั ว์ การ
ผสมกนั ทผ่ี ดิ ปกติในงานของเขา อนาโตมีทมี่ คี วามแตกตา่ งกันมาผสมผสานรวมกันอย่าง แนบเนยี น
ให้ดูเป็นสิ่งมีชีวิต ประติมากรรมที่มีความพิสดารมันเป็นรูปลักษณ์ที่น่าสนใจ ในตัวงาน
ประติมากรรมของข้าพเจ้าก็ได้มีการผสมผสานระหว่างมนุษย์และสัตว์ด้วย แต่ไม่ได้ผสมครึ่งคน
ครึ่ง สัตว์แบบตัวศิลปิน แต่เป็นการผสมกันด้วยพฤติกรรม การเรียนแบบมนุษย์ หลิว เชวย (Liu
Xue) หลิวอาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งประเทศจีน ผลงานของเขาอาจจะไม่ได้มี เนื้อหามากมายนัก แต่
ตัวขา้ พเจ้าชน่ื ชอบในรูปแบบและตัวงานประตมิ ากรรมของศลิ ปินท่านน้ี การล้อเล่ยี นเสียดสีมนุษย์
และสัตว์ การจับมาผสมผสานกันที่มีความตรงไปตรงมา แต่มีความลงตัว งานของศิลปินมีความ
เหนือจริงและใชร้ ูปแบบก่ึงการ์ตนู ในการนำเสนอ
รูปประกอบท่ี 2.2 We Are The World (วนั ท่สี ืบคน้ 5 พฤษภาคม 2564)
ที่มา: https://art-sheep.com/art-sheep-features-liu-xue/
ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างคนอ้วนและหมู ตัวศิลปินอาจต้องการ
เสียด สีการบริโภคของมนุษย์ ด้วยการจับเอาคนอ้วนมาผสมกับหมู การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า
ของตัวงาน และชั้นไขมันตามตัวทำให้ดูแล้วเกิดอารมณ์ที่ชวนอึดอัดและรู้สึกลำบากในการ
ดำรงชวี ติ (นทั ชยั วัดอ่อน. 2559: 4-5)
20
2.3.6.3 ลำพู กันเสนาะ
ลำพู กันเสนาะจบจากคณะจติ รกรรม ประตมิ ากรรม และภาพพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร
ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทสร้างสรรค์ผลงานและมีนิทรรศการมากมาย แวะเวียนมาเสิรฟ์
สายตาคนดูอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผลงานของศิลปินเป็นที่จดจำ และประทับใจผู้ชม จากแรง
ปะทะที่เกิดจากความรู้สึก “ขบขัน จริงใจ และมีเนื้อหาแฝงซ่อน” ผ่านภาพใบหน้าและร่างกาย
ของผู้คนในภาพ ซึ่งถูกยืด ย่อ หด ขยาย ให้มีสัดส่วนผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ผ่านฝีแปรงที่
ปดั ป้ายแบบทิ้งรอบหยาบและการทบั ซ้อนของชนั้ สไี ว้ให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเนอ้ื หาของผลงานมัก
เป็นการกล่าวถึงสังคมและสิ่งรอบตัวในมุมมองของเธอที่หยอกเย้า กลิ่นอายแห่งการเสียดสี(JWD
ART SPACE .2561: ออนไลน์)
ภาพประกอบท่ี 2.3 E a t i n g C o c o n u t (วันท่ีสืบคน้ 5 พฤษภาคม 2564)
ที่มา: https://www.jwd-artspace.com/artist/lampu-kansanoh/
21
ผู้ศึกษาคิดว่าอิทธิพลจากศิลปินรูปแบบและกระบวนการทำงานของศิลปินแต่ละคน
แตกต่างกนั แตส่ ิ่งท่เี หมอื นกันคือการล้อเลียน เสียดสี ประชดประชัด เหน็บแนมในรูปแบบผลงาน
ประตมิ ากรรม จงึ ทำใหผ้ ศู้ ึกษาคิดว่าการสร้างสรรคผ์ ลงานทเี่ ก่ียวขอ้ งกับสงั คมบริโภคอาหารฟาสต์
ฟู้ด เป็นรูปแบบประติมากรรมล้อเลียนสามารถสื่อถึงพฤติกรรมการบริโภคได้ โดยกระบวนการ
ทำงานประติมากรรมรปู แบบการป้ัน ที่เป็นสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุ ทีเหนียว อ่อนตัว และยึด
จับตัว กันได้ดี วัสดุที่นิยมนำมาใช้ปั้น ได้แก่ ดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูน แป้ง ขี้ผึ้ง กระดาษ หรือ ขี้
เล่ือยผสมกาว เปน็ ต้น
22
บทที่ 3
วิธีการดำเนินการวิจยั
จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะรูปแบบ
ประติมากรรม ทำให้พบว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด ของ
วัยรุ่นและเยาวชนไทยมากขึ้น เนื่องมาจากสังคมปัจจุบันจำเป็นต้องรวดเร็ว เร่งรีบ ทำให้
เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเทรนด์อาหารทั้งเพจรีวิวอาหาร ฟู้ดบล๊อกเกอร์ และ
ล่าสุดคือแอปพลิเคชันสั่งซื้ออาหารจึงทำให้เข้าถึงร้านอาหารอย่างง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมา
ก่อน ผู้ศึกษาจึงต้องการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะรูปแบบประติมากรรมล้อเลียนพฤติกรรมการ
บรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟูด้
โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพอ่ื ศึกษาเก่ียวกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟดู้
2. เพ่อื นำขอ้ มลู ท่ีได้มาสรา้ งสรรค์ และพฒั นาผลงานของผศู้ กึ ษา
ผศู้ ึกษาได้ดำเนินการตามข้ันตอนดังน้ี
3.1 การสรุปผลจากการศกึ ษาข้อมูล และทฤษฎีที่เกย่ี วข้องในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ
3.2 การกำหนดประชากร และกลุ่มตวั อย่างในการสรา้ งผลงานศลิ ปะ
3.3 เครอ่ื งมือที่ในการศกึ ษา
3.4 การดำเนนิ งานวจิ ยั งานสร้างสรรค์
3.5 การเผยแพรง่ านศลิ ปะสสู่ าธารณะ
23
3.1 การสรุปผลจากการศึกษาขอ้ มลู และทฤษฎีท่ีเกย่ี วขอ้ งในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
จากการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภค
อาหารฟาสต์ฟู้ด และศิลปะล้อเลียน และรูปแบบการสร้างสรรค์ผลงานในเทคนคิ ประติมากรรม ผู้
ศกึ ษาได้ศกึ ษาขอ้ มูล แนวคิดและทฤษฎที างศิลปะดงั น้ี
3.1.1 ขอ้ มลู ตา่ ง ๆจาก เอกสาร ตำรา บทความ งานวจิ ยั และส่ือออนไลน์
3.1.1.1 เอกสารท่เี กยี่ วขอ้ งพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด
3.1.1.1.1 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของคนเมืองวยั ทำงานในกรุงเทพมหานคร
3.1.1.1.2 พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนิสิต มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ และ ปัจจัยทีสัมพันธ์
กนั
3.1.1.1.3 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารประเภทฟาสตฟ์ ู้ดของประชาชนในจงั หวดั นนทบุรี
3..1.1.1.4 การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดของนักศึกษาปริญญาตรีใน
มหาวิทยาลยั เอกชน
3.1.1.1.5 ความรู้ ค่านิยม วิถีชีวิตกับพฤติกรรมการบริโภค อาหารจานด่วนแบบตะวันตกของ
นกั เรยี นวัยรนุ่ ในพ้ืนทเ่ี ขตเมอื ง จงั หวัดสมทุ รสงคราม
3.1.1.1.6 การบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ้ดู
3.1.1.1.7 การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรม การบรโิ ภคอาหาร สำหรับวยั ทำงาน
3.1.1.1.8 วยั รุ่นกนิ อาหารฟาสต์ฟดู้ อย่างนอ้ ย 1 ครั้งต่อสปั ดาห์ชว่ งโควดิ 19
3.1.1.2 เอกสารที่เกีย่ วข้องศิลปะลอ้ เลียน
3.1.1.2.1 การลอ้ เลยี นในเพจเฟซบุ๊กประเภทเสยี ดสีการเมอื ง
3.1.1.2.2 การศึกษาวิเคราะห์ภาพลอ้ สงั คมไทยในส่ือสงั คมออนไลน์
3.1.1.3 เอกสารท่เี กย่ี วขอ้ งเทคนคิ ประติมากรรม
3.1.1.3.1 ความรเู้ กย่ี วกบั ประติมากรรม
3.1.2 ข้อมูลจากการสํารวจการเก็บข้อมูลจากแ บบสอบถามออนไลน์(Online
Questionnaire) ทเ่ี กย่ี วข้องกับพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้
24
3.2 การกำหนดประชากร และกล่มุ ตัวอย่างในการสร้างผลงานศลิ ปะ
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ข้อมูล งานวิจัยและเอกสารที่เกี่ยวข้องกบั พฤติกรรมการ
บริโภคอาหารฟาสตฟ์ ้ดู
กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการศึกษาคร้ังนี้คือ กลมุ่ คนทีบ่ รโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ดู้ จำนวน 50 คน
3.3 เครือ่ งมือทใ่ี นการศกึ ษา
ในการศึกษาและการทำครั้งนี้ ผู้ศึกษาต้องการมุ่งศึกษาข้อมูลชองพฤติกรรมการบริโภค
อาหารฟาสต์ฟู้ด โดยหยิบยกกลุ่มตัวอย่างคนที่บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดที่จากการทำแบบสอบถาม
ออนไลน์ รวมไปถึงการศึกษา เอกสาร ตำรา บทความ งานวิจัย และสื่อออนไลน์ เพื่อนำมา
วิเคราะห์แล้วสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบของผู้ศึกษาเอง โดยในการเก็บข้อมูลได้ใช้
เครื่องมือในการสอบถามเป็นรปู แบบออนไลน์ ผา่ น Google Form
ข้อมูลแบบสอบถามออนไลน์ (Online Questionnaire) ท่ีใช้ในการศึกษาแบ่งออกเป็น 3
ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 แบบสอบถามข้อมลู ที่เกยี่ วกับขอ้ มลู ส่วนบคุ คลของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 แบบสอบถามข้อมูลที่เกยี่ วกบั พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด
ตอนที่ 3 แบบสอบถามข้อมูลท่ีเกย่ี วกบั ความคิดเหน็
ภาพประกอบที่ 3.1 ผลรวมแบบสอบถามออนไลนพ์ ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด
จากรูปที่ 3.1 พบว่าผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน พบว่าเป็น ผู้ชายมี 23 คน (คิดเป็น
46%) สว่ นเป็นผู้หญงิ มี 21 คน (คดิ เปน็ 42%) และเป็นLGBTQIA+มี 6 คน (คดิ เป็น 12%)
25
ภาพประกอบที่ 3.2 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟูด้
จากรูปที่ 3.2 พบวา่ ผเู้ ข้าร่วมทำแบบสอบถามทง้ั หมด 50 คน พบว่าเปน็ คนที่มอี ายุต่ำกว่า 20 ปีมี
23 คน (คดิ เปน็ 46%) สว่ นคนทีม่ ีอายุ20-30 ปมี ี 18 คน (คดิ เปน็ 36%) สว่ นคนท่ีมอี ายุ30-40 ปี
มี 7 คน (คดิ เป็น 14%) และคนที่มีอายมุ ากกวา่ 40 ปีมี 2 คน (คดิ เป็น 4%)
ภาพประกอบท่ี 3.3 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟดู้
จากรูปที่ 3.3 พบว่าผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน พบว่าเป็นคนมีอาชีพนักเรียน/
นักศึกษามี 27 คน (คิดเป็น 54%) ส่วนคนอาชีพข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจมี 5 คน (คิดเป็น 10%)
ส่วนคนอาชีพพนักงานบริษัทเอกชนมี 6 คน (คิดเป็น 12%) ส่วนคนอาชีพธุรกิจส่วนตัวมี 12 คน
(คิดเปน็ 24%)
26
ภาพประกอบท่ี 3.4 ผลรวมแบบสอบถามออนไลนพ์ ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟ้ดู
จากรูปที่ 3.4 พบว่าผู้เขา้ รว่ มทำแบบสอบถามทัง้ หมด 50 คน พบวา่ เป็นมกี ารบรโิ ภคอาหารฟาสต์
ฟดู้ ทกุ วนั มี 7 คน (คิดเป็น 14%) สว่ นบริโภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด1 – 2 คร้งั ตอ่ สัปดาห์มี 22 คน (คิด
เป็น 44%) ส่วนบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์มี 10 คน (คิดเป็น 20% ) และ
บริโภคอาหารฟาสตฟ์ ูด้ เฉพาะวนั หยุดมี 11 คน (คิดเปน็ 22%)
ภาพประกอบที่ 3.5 ผลรวมแบบสอบถามออนไลนพ์ ฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารฟาสตฟ์ ู้ด
จากรูปที่ 3.5 พบว่าผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน พบว่ารับประทานประเภทของ
อาหารฟาสต์ฟู้ดบ่อยที่สุดเป็น ไก่ทอด 19 คน (คิดเปน็ 36.5%) รองลงมาเปน็ พิซซ่า 12 คน (คิด
เปน็ 23.1%) รองลงมาเป็น แฮมเบอรเ์ กอร์ 14 คน (คดิ เป็น 21.2%) รองลงมาเป็น เฟรนชฟ์ ราย 9
คน (คดิ เปน็ 17.3%) และอ่นื ๆ 1 คน (คิดเปน็ 1.9%)
27
ภาพประกอบที่ 3.6 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟ้ดู
จากรูปที่ 3.6 พบว่าผู้เข้าร่วมทำแบบสอบถามทั้งหมด 50 คน พบว่าผู้คนนิยมใช้บริการสถานที่
หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดบริเวณชุมชนที่พกั อาศัย มี 5 คน (คิดเปน็ 9.6%) ส่วนร้านอาหารฟาสต์
ฟู้ด เจ้าดังในย่านต่างๆ มี 23 คน (คิดเป็น 44.2%) ส่วนห้างสรรพสินค้าทั่วไป มี 5 คน (คิดเป็น
9.6%) สว่ นใช้บริการจดั สง่ ถึงบ้าน มี 19 คน (คิดเปน็ 36.5%) และอ่ืนๆ มี 5 คน (คดิ เป็น 9.6%)
ภาพประกอบท่ี 3.7 ผลรวมแบบสอบถามออนไลน์พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารฟาสต์ฟดู้
จากรปู ที่ 3.7 พบวา่ ผูเ้ ข้าร่วมทำแบบสอบถามท้ังหมด 50 คน พบวา่ เหตุผลผู้คนการบริโภคอาหาร
ฟาสต์ฟู้ดมากที่สุด คือ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด มีการบริการที่รวดเร็ว ทันเวลา มี 16 คน (คิดเป็น
30.8%) รองลงมาเปน็ เมนอู าหารฟาสต์ฟดู้ มีความหลากหลาย มี 13 คน (คิดเปน็ 25%) รองลงมา
เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดมีรสชาติอาหารที่ อร่อยถูกปาก มี 9 คน (คิดเป็น 17.3%) รองลงมาเป็น
อาหารฟาสต์ฟู้ดหาซื้อได้ง่าย มี 5 คน (คิดเป็น 9.6%) รองลงมาเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดคุณค่า
โภชนาการสูง และ ประหยัดเวลาในการทําอาหารรับประทานเอง มี 3 คน (คิดเป็น 5.8%)
28
รองลงมาเป็นประหยดั เวลาในการดาํ เนินชีวติ มี 2 คน (คิดเป็น 3.8%) และอาหารฟาสต์ฟดู้ มรี าคา
ไม่แพง มี 1 คน (คดิ เป็น 1.9%)
เมือ่ ไดร้ บั ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามแลว้ ผู้ศึกษาจงึ ได้นำข้อมูลทไ่ี ด้จากการผู้เขา้ รว่ ม
ทำแบบสอบถามมาวิเคราะห์เพ่อื มาสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะประตมิ ากรรมล้อเลยี นในรูปแบบของผู้
ศึกษา เพ่ือสะทอ้ นถึงพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟดู้
3.4 การดำเนนิ งานวิจยั งานสร้างสรรค์
ผู้ศึกษามีความต้องการที่จะสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมล้อเลียน ที่สะท้อนถึง
พฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยที่ได้จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร
ตำรา บทความ งานวิจัย สื่อออนไลน์ และข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ (Online
Questionnaire) ท่ีได้จากผู้เข้าร่วมทำแบบสมอบถามจำนวน 50 คน และได้หารูปแบบผลงานที่
เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ดจากศิลปินต่าง ๆ เพื่อมาเป็นแนวทางการ
สร้างสรรค์ผลงานในแบบของผศู้ ึกษาเอง โดยมีการดำเนนิ งานดังน้ี
3.4.1 แผนผงั ความคิดในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ
ภาพประกอบท่ี 3.8 แผนผังความคิดในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ
ในแผนผงั ความคดิ ซ่งึ ได้ประกอบไปดว้ ยรูปแบบและแนวทางของผลงานสร้างสรรค์เหตุผล
ท่ี สนใจจะทำในเรอื่ งน้ี สาเหตุ ปัญหาหรอื ผลเสียนจากอาหารฟาสตฟ์ ูด้ และได้กำหนดเนื้อหาและ
การทำงานสร้างสรรคใ์ นขน้ั ตอนต่อๆไป
29
3.4.2 แบบร่างผลงานสร้างสรรค์
3.4.2.1 แบบร่างผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 1
ภาพประกอบท่ี 3.9 แบบร่างผลง่นสร้างสรรคท์ ี่ 1
แบบรา่ งผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 1 ผศู้ กึ ษาตอ้ งการออกแบบให้เป็นงานประติมากรรมล้อเลียน
เป็นชายวัยผู้ใหญ่ โดยภายในประติมากรรมนี้จะเป็นชายที่ย่ืนถือ แฮมเบอร์เกอร์ และไก่ทอด โดย
มีพงุ ท่เี ปน็ แฮมเบอร์เกอร์
30
3.4.2.2 แบบรา่ งผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 2
ภาพประกอบท่ี 3.10 แบบร่างผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 2
แบบรา่ งผลงานสร้างสรรค์ที่ 2 ผศู้ ึกษาต้องการออกแบบให้เปน็ งานประติมากรรมล้อเลียน
ชายวัยร่นุ โดยภายในประติมากรรมนี้จะเป็นชายท่ยี นื่ ถือ พิซซา่ และไก่ทอด โดยมีพงุ ท่เี ปน็ ไกท่ อด
31
3.4.2.3 แบบรา่ งผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 3
ภาพประกอบท่ี 3.11 แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ที่ 3
แบบรา่ งผลงานสร้างสรรคท์ ่ี 3 ผูศ้ กึ ษาต้องการออกแบบให้เป็นงานประติมากรรมล้อเลียน
ชายวัยร่นุ โดยภายในประติมากรรมน้ีจะเป็นชายทนี่ ่งั โซฟาทถ่ี ือกล่องไกท่ อด และโดนทั โดยมีพงุ ที่
เปน็ โดนัท
จากแบบร่างผลงานสร้างสรรค์ทั้ง 3ชิ้น ผู้ศึกษาได้ปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา และได้ข้อ
สรุปว่าจะใช้แบบร่างผลงานสร้างสรรค์ที่ 3 เนื่องจากเป็นแบบร่างที่มีความเหมาะสมกับงานมาก
ที่สุด และผู้ศึกษาจึงได้นำแบบร่างผลงานสร้างสรรค์มาปรับและแก้ไขเพิ่มเติมตามคำแนะนำของ
อาจารย์ทปี่ รึกษา
32
3.4.2.4 แบบร่างผลงานสรา้ งสรรค์ที่ 4
ภาพประกอบที่ 3.12 แบบร่างผลงานสรา้ งสรรคท์ ่ี 4
จากแบบร่างผลงานสร้างสรรค์ชิ้น 3 ผู้ศึกษาได้นำแบบร่างผลงานสร้างสรรค์มาปรับและ
แก้ไขเพิ่มเติมตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษา โดยแก้ไขเพิ่มเติมเป็นโซฟาและโต๊ะที่แบะและ
พัง ส่วนตวั คนทเ่ี ปน็ ประติมากรรมได้เพมิ่ ใหม้ คี วามอ้วนแผละมากกวา่ เดมิ และมีอาหารท้งิ ไว้รอบๆ
33
3.4.3 วสั ดุและอปุ กรณท์ ่ีใช้ในการดำเนนิ งานสร้างสรรค์ผลงาน
การสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมล้อเลียน มีวัสดุและอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์ผลงาน
ดังนี้
3.4.3.1 โฟมแผ่น ขนาด 60 x 120 ซม. หนา 10นวิ้
3.4.3.2 กาวลาเท็กซ์
3.4.3.3 กระดาษ
3.4.3.4 สอี ะครลิ คิ
3.4.3.5 แปรงหรอื พกู่ ัน
3.4.3.6 ไม้พาเลท
3.4.3.7 ผ้าดำ
3.4.3.8 ปากกาตดั โฟมไฟฟ้า
3.4.3.9 PUโฟม
3.4.3.10 มีดตดั โฟม
3.4.3.11 โตะ๊ ญ่ีปุ่น
3.4.3.12 เศษผา้
3.4.3.13 กระดาษทราย
34
3.4.4 ภาพวสั ดุและอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการดำเนินงานสรา้ งสรรคผ์ ลงานประติมากรรมล้อเลียน
ภาพประกอบท่ี 3.13 โฟมแผ่น ขนาด 60 x 120 ซม. หนา 10นวิ้ ภาพประกอบท่ี 3.14 กาวลาเทก็ ซ์
ภาพประกอบท่ี 3.15 กระดาษ ภาพประกอบท่ี 3.16 สอี ะครลิ ิค
ภาพประกอบที่ 3.17 แปรงหรือพู่กนั ภาพประกอบที่ 3.18 ไม้พาเลท
35
ภาพประกอบที่ 3.19 ผา้ ดำ ภาพประกอบท่ี 3.20 ปากกาตัดโฟมไฟฟ้า
ภาพประกอบท่ี 3.21 PUโฟม ภาพประกอบที่ 3.22 มดี ตัดโฟม
36
ภาพประกอบท่ี 3.23 โตะ๊ ญปี่ ุ่น ภาพประกอบท่ี 3.24 เศษผ้า
ภาพประกอบที่ 3.25 กระดาษทราย
37
3.4.5 ขน้ั ตอนการสร้างสรรคผ์ ลงานประติมากรรมล้อเลียน
3.4.5.1 การทำโครงทำหุ่นคน
ภาพประกอบที่ 3.26 การขึ้นโครงทำห่นุ คน
การทำโครงทำหุ่นคน ไดน้ ำโฟมแผน่ ขนาด 60 x 120 ซม. หนา 10น้ิว 2 แผ่น
มาตดิ กันดว้ ยPUโฟมแลว้ นำมาแกะเป็นโครงหุ่นคน