เอกสารประกอบการวิเคราะห์หลกั สูตรรายวิชา
ช่อื วิชา หลกั การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบ้อื งตน้ รหัสวิชา 30900-2002
หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี หลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี ช้นั สงู
ประเภทวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สาขาวชิ า เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สาขางาน เทคโนโลยสี ารสนเทศ
จัดทำโดย
นายกนั ตภณ พมุ่ จนั ทร์
ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย
แผนกวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศ
วิทยาลัยเทคนิคยโสธร อาชวี ศกึ ษาจงั หวดั ยโสธร
สถาบนั การอาชวี ศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
-ก-
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นสมรรถนะวิชาชีพและบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพียงเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนรายวิชาหลักการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เบ้ืองตน้ รหสั วิชา 30900-0002 โดยพระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2546 มาตรา 22 ได้
กำหนดแนวทางในการจัดการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมี
ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมี ความสำคัญที่สุด ฉะนั้น ครูผู้สอนและ
ผูจ้ ดั การศกึ ษาจะต้องเปล่ียนแปลงบทบาทจากการเป็นผู้นำถ่ายทอดความรู้ไปเปน็ ผชู้ ่วยเหลอื ส่งเสรมิ
สนับสนุนผู้เรียนในการแสวงหาความรู้จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับ
ผู้เรียน เพ่อื นำขอ้ มลู เหลา่ น้ันไปสร้างสรรค์ความร้ขู องตนให้เพ่มิ มากขนึ้
การเรียนรู้ในสาระและมาตรฐานต่างๆ ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
จำเป็นจะต้องมีกระบวนการและวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนาทางด้าน
ร่างกายและสติปัญญา วิธีการเรียนรู้ ความเข้าใจและความสามารถของผู้เรียนเป็นระยะ ๆ อย่าง
ต่อเนื่อง ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ควรใช้รู้แบบและวิธีการที่หลากหลาย เน้นการเรียนการสอนแบบ
บูรณาการตามสภาพจริง เรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้ร่วมกัน การเรียนรู้จากธรรมชาติ การเรียนรู้คู่
คุณธรรม การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ให้มีการประเมินผลตามสภาพจริงและ การใช้การวิจัยในชัน้
เรียนเปน็ ส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาการเรียนการสอน ทัง้ นต้ี อ้ งมีการจัดขบวนการเรียนกานสอนที่ให้
มกี ารจัดขบวนการเรียนร้อู ยา่ งเปน็ ระบบมขี ัน้ ตอนเหมาะกบั กลุม่ ผูเ้ รยี น
นายกนั ตภณ พ่มุ จันทร์
ผจู้ ดั ทำ
ชื่อวชิ า หลกั การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบอื้ งตน้ รหสั วชิ า 30900-0002
จำนวน 3 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ชัว่ โมง / สปั ดาห์
รวมจำนวน 90 ชั่วโมง
จุดประสงค์รายวิชา เพอ่ื ให้
1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในโครงสรา้ งและไวยากรณ์ของภาษาซี
2. สามารถเขียนโปรแกรมขนาดเล็กด้วยภาษาซี
3. สามารถเขียนโปรแกรมภาษาซีจดั การแฟม้ ข้อมูล
4. เหน็ คณุ ค่าและความสำคญั ของโปรแกรมภาษาซี
มาตรฐานรายวิชา
1. เขียนโปรแกรมประยุกตถ์ ูกตอ้ งตามโครงสรา้ งของภาษาซี
2. สามารถทดสอบและแก้ไขการทำงานของโปรแกรม
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการเบื้องต้นในการเขียนโปรแกรมภาษาซี ลักษณะทั่วไปและ
ลกั ษณะจำเพาะของภาษาซี ลกั ษณะทแี่ ตกตา่ งจากภาษาอน่ื หลักการของภาษาซี องคป์ ระกอบและ
โครงสร้างของโปรแกรม ลักษณะของตัวแปร ตัวดำเนินการนิพจน์ วิธีการและคำสั่งต่าง ๆ ในการ
เขียนโปรแกรมภาษาซี การสร้างและเรียกใช้ฟังก์ชั่น การสร้างไฟล์ การเข้าถึงไฟล์และการ
ประยุกตใ์ ช้งาน
ลกั ษณะรายวชิ า
ช่อื วิชา หลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบ้ืองต้น รหสั วิชา 30900-0002
จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระยะเวลาเรยี น 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ช่วั โมง / สัปดาห์
รวมจำนวน 90 ชั่วโมง
หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สมรรถนะรายวิชา
1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกย่ี วกับการ 1. บอกเข้าใจในโครงสรา้ งและไวยากรณ์ของภาษาซี
การเขียนโปรแกรม 2. เขยี นโปรแกรมขนาดเลก็ ด้วยภาษาซี
3. เขียนโปรแกรมภาษาซจี ดั การแฟ้มขอ้ มูล
2 ตวั แปร คา่ คงที่ และชนดิ ข้อมลู 4. เหน็ คณุ คา่ และความสำคญั ของโปรแกรมภาษาซี
3 รหสั ควบคมุ และตัวดำเนินการ 5. นอ้ มนำปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
4 การรับและแสดงผล
5 การควบคุมโปรแกรม 6. มรี ะเบยี บวนิ ยั ซือ่ สตั ย์ ตรงตอ่ เวลา
6 ฟังก์ชั่น
7 แถวลำดับ 7. ปฏิบตั งิ านทีไ่ ดร้ บั มอบหมายดว้ ยความกระตอื รอื ร้น
8 ตวั แปรโครงสร้าง
8. รับผิดชอบตอ่ หน้าท่ี มีจติ อาสา
9. เหน็ คุณค่าและมเี จตคติท่ีดตี ่อรายวชิ าท่ีศึกษา
9 ตัวช้ี
10 ไฟล์
ตารางวิเคราะหค์ ำอธิบายรายวชิ า
ช่อื วชิ า หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบอื้ งตน้ รหสั วชิ า 30900-0002
จำนวน 3 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ชัว่ โมง / สัปดาห์
รวมจำนวน 90 ช่วั โมง
ลำดับที่ ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ พฤตกิ รรมที่คาดหวงั ต่อการเรียนการสอน 1 ครั้ง
ความรู้ ทกั ษะ จติ พิสัย รวม(ชม.)
1 ความรู้เบอ้ื งต้นเกยี่ วกบั การเขียนโปรแกรม 21 1 4
2 ตวั แปร ค่าคงท่ี ชนิดขอ้ มลู และนิพจน์
64 2 12
3 รหสั ควบคุม และตัวดำเนนิ การ 64 2 12
4 การรบั และแสดงผล 64 2 12
5 การควบคุมโปรแกรม 64 2 12
6 ฟงั ก์ชัน่ 42 28
7 แถวลำดบั 42 28
8 ตัวแปรโครงสรา้ ง 22 1 5
9 ตวั ช้ี 22 1 5
10 ไฟล์ 64 2 12
ประเมินผลการเรียน 44 29 17 90
รวม 90
90
ตารางวเิ คราะหจ์ ดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ชอ่ื วชิ า หลกั การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบื้องต้น รหสั วิชา 30900-0002
จำนวน 3 หนว่ ยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ชว่ั โมง / สัปดาห์
รวมจำนวน 90 ช่วั โมง
ที่ หวั ขอ้ ความรู้ความจำ
ความเ ้ขาใจ
การนำไปใช้
การวิเคราะห์
การสังเคราะ ์ห
การประเ ิมนค่า
รวม
อันดับความสำ ัคญ
1 ความรู้เบ้อื งต้นเกีย่ วกบั ภาษาซี 33 1 079
2 ตวั แปร คา่ คงที่ และชนดิ ขอ้ มูล 44
3 รหัสควบคุม และตัวดำเนินการ 43 3 0 11 3
4 การรับและแสดงผล 44
5 การควบคมุ โปรแกรม 66 3 0 10 5
6 ฟงั ก์ชั่น 33
7 แถวลำดับ 23 62 0 16 2
8 ตัวแปรโครงสร้าง 22
9 ตวั ช้ี 22 4 2 1 0 19 1
10 ไฟล์ 44
2 086
2 077
2 068
1 0 5 10
21 0 11 4
100
หน่วยการเรยี นรู้
ช่อื วิชา หลกั การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น รหสั วิชา 30900-0002
จำนวน 3 หน่วยกติ ระยะเวลาเรียน 18 สัปดาห์ จำนวน 5 ช่ัวโมง / สปั ดาห์
รวมจำนวน 90 ชั่วโมง
หน่วยท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ เวลา
(ชม.)
1 ความรเู้ บ้อื งตน้ เกย่ี วกบั ภาษาซี
2 ตวั แปร ค่าคงท่ี นพิ จน์ 4
3 รหสั ควบคมุ และตวั ดำเนินการ 12
4 การจดั รูปแบบการรับและแสดงผล 12
5 การควบคุมโปรแกรม 12
6 ฟงั ก์ชน่ั 12
7 แถวลำดบั 8
8 ตัวแปรโครงสรา้ ง 8
9 ตัวชี้ 5
10 ไฟล์ 5
12
รวม 90
วธิ สี อนและกิจกรรม
กกกกกกกก1. บรรยายประกอบเอกสารประกอบการสอนตามหวั ข้อต่าง ๆ
กกกกกกกก2. แบ่งกลุ่มศึกษาและอภิปรายเนือ้ หาเพอ่ื ให้ผู้เรยี นไดศ้ ึกษาค้นคว้าดว้ ยกระบวนการกลุ่ม
กกกกกกกก3. ฝึกปฏบิ ตั ิ
กกกกกกกก4. ตอบแบบฝึกหดั
สือ่ การเรยี นการสอน
กกกกกกกก1. เอกสารประกอบการเรยี น
กกกกกกกก2. แบบฝึกหัด
การวดั ผลและประเมนิ ผล
กกกกกกกกการวัดผล 80 เปอรเ์ ซนต์
กกกกกกกก1. คะแนนระหว่างเรยี น 20 เปอรเ์ ซนต์
กกกกกกกก 1.1 แบบฝึกปฏบิ ัติ
กกกกกกกก 1.2 แบบทดสอบระหวา่ งเรยี น 40 เปอร์เซนต์
กกกกกกกก 1.3 จติ พสิ ยั 20 เปอร์เซนต์
กกกกกกกก2. คะแนนสอบปลายภาคเรยี น 20 เปอรเ์ ซนต์
รวม 100 เปอรเ์ ซนต์
กกกกกกกกการประเมนิ ผล ไดร้ ะดับ 4
คะแนนระหวา่ ง 80-100 ไดร้ ะดับ 3.5
คะแนนระหว่าง 75-79 ได้ระดับ 3
คะแนนระหวา่ ง 70-74 ได้ระดบั 2.5
คะแนนระหว่าง 65-69 ได้ระดับ 2
คะแนนระหว่าง 60-64 ไดร้ ะดบั 1.5
คะแนนระหวา่ ง 55-59 ไดร้ ะดบั 1
คะแนนระหวา่ ง 50-54 ไดร้ ะดบั 0
คะแนนระหว่าง 0-49
ตารางวิเคราะห์รายวิชา
ชอื่ วิชา หลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบอ้ื งต้น รหัสวชิ า 30900-0002
จำนวน 3 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ช่ัวโมง / สัปดาห์
รวมจำนวน 90 ชั่วโมง
หน่วยการเรียน
หลกั สูตรระดบั ประกาศนียบตั รช้นั สูง ที่ ชื่อหน่วยการเรียน เวลา(ช.
ม.)
จุดประสงคร์ ายวิชา 1 ความรูเ้ บ้ืองตน้ เก่ียวกบั ภาษาซี
2 ตวั แปร คา่ คงที่ 4
5. มีความรูค้ วามเขา้ ใจในโครงสร้างและ 12
ชนิดขอ้ มูล และนิพจน์
ไวยากรณ์ของภาษาซี 12
3 รหสั ควบคุม และตวั ดาเนินการ 12
6. สามารถเขียนโปรแกรมขนาดเลก็ ดว้ ยภาษาซี 4 การรับและแสดงผล 12
7. สามารถเขียนโปรแกรมภาษาซีจดั การ 5 การควบคุมโปรแกรม 8
6 ฟังกช์ น่ั 8
แฟ้มขอ้ มลู 7 แถวลาดบั 5
8 ตวั แปรโครงสร้าง 5
8. เห็นคุณคา่ และความสาคญั ของโปรแกรม 9 ตวั ช้ี 12
10 ไฟล์
ภาษาซี
มาตรฐานรายวิชา
3. เขียนโปรแกรมประยกุ ตถ์ ูกตอ้ งตาม
โครงสร้างของภาษาซี
4. สามารถทดสอบและแกไ้ ขการทางานของ
โปรแกรม
คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบตั ิเก่ียวกบั หลกั การเบ้ืองตน้ ในการเขียน
โปรแกรมภาษาซี ลกั ษณะทว่ั ไปและลกั ษณะจาเพาะของภาษาซี
ลกั ษณะท่ีแตกตา่ งจากภาษาอ่ืน หลกั การของภาษาซี
องคป์ ระกอบและโครงสร้างของโปรแกรม ลกั ษณะของตวั แปร
ตวั ดาเนินการนิพจน์ วิธีการและคาส่งั ตา่ ง ๆ ในการเขียน
โปรแกรมภาษาซี การสร้างและเรียกใชฟ้ ังกช์ น่ั การสร้างไฟล์
การเขา้ ถึงไฟลแ์ ละการประยกุ ตใ์ ชง้ าน
รวม 90
ตารางวิเคราะห์หน่วยการเรียน
ชอ่ื วชิ า หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งต้น รหัสวชิ า 30900-0002
จำนวน 3 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 18 สปั ดาห์ จำนวน 5 ชั่วโมง / สัปดาห์
รวมจำนวน 90 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนยอ่ ย
ช่ือหน่วยการเรียน ที่ ช่ือหน่วยการเรียนยอ่ ย เวลา(ช.
ม.)
หน่วยที่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั ภาษาซี 1 ประวตั ิความเป็นมาภาษาซี 1
2 โครงสร้างภาษาซี 1
3 กฏเกณฑแ์ ละการเขียนคาสงั่ ใน 2
โปรแกรม
4 คอมเมน็ ตใ์ นภาษาซี 2
5 กฎการต้งั ช่ือ 2
หน่วยที่ 2 ตวั แปร ค่าคงท่ี และชนิดขอ้ มลู 1 ตวั แปร 3
2 คา่ คงท่ี 2
3 ชนิดขอ้ มลู 2
4 นิพจน์ 2
หน่วยท่ี 3 รหสั ควบคุม และตวั ดาเนินการ 1 รหสั ควบคุมในภาษาซี 2
2 ตวั ดาเนินการ 2
3 ตวั ดาเนินการทางคณิตศาสตร์ 2
4 ตวั ดาเนินการทางตรรกศาสตร์ 2
5 ตวั ดาเนินการเปรียบเทียบ 2
6 ลาดบั ในการดาเนินการ 2
หน่วยที่ 4 การรับและแสดงผล 1 การแสดงผลขอ้ มลู 2
2 การจดั รูปแบบการแสดงผล 2
3 การรับขอ้ มูล 4
4 รูปแบบการรับขอ้ มูล 4
หน่วยที่ 5 การควบคุมโปรแกรม 1 คาส่ังเงื่อนไข if 3
2 คาสัง่ เง่ือนไข if..else 3
3 คาสง่ั เง่ือนไข if ซอ้ นกนั 3
4 คาสง่ั switch 3
ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรียน(ต่อ)
หน่วยการเรียนยอ่ ย
ชื่อหน่วยการเรียน ท่ี ช่ือหน่วยการเรียนยอ่ ย เวลา(ช.
ม.)
หน่วยที่ 6 ฟังกช์ น่ั
หน่วยท่ี 7 แถวลาดบั 5 คาสงั่ วนรอบ for 1
หน่วยที่ 8 ตวั แปรโครงสรา้ ง 6 คาสงั่ วนรอบ do..while 1
หน่วยที่ 9 ตวั ช้ี
หน่วยที่ 10 ไฟล์ 7 คาส่ังวนรอบ while 1
8 คาสง่ั break และ continue 2
1 ฟังกช์ น่ั และการใชง้ าน 2
2 ประเภทของฟังกช์ น่ั 2
3 ฟังกช์ นั่ มาตราฐาน 1
1 การประกาศตวั แปรแถวลาดบั 1
2 การอา้ งถึงสมาชิกตวั แปรแถวลาดบั 1
3 การกาหนดคา่ ใหต้ วั แปรแถวลาดบั 1
4 แถวลาดบั สองมิติ 1
5 แถวลาดบั สามมิติ 1
1 การประกาศตวั แปรแบบโครงสร้าง 2
2 การกาหนดคา่ ให้กบั ตวั แปรโครงสร้าง 2
3 ตวั แปรแถวลาดบั ในตวั แปรโครงสร้าง 2
1 การประกาศตวั แปรชนิดตวั ช้ี 1
2 การดาเนินการตวั ช้ี 1
3 การใชง้ านเน้ือที่หน่วยความจา 1
4 การใชง้ านตวั ช้ีกบั ตวั แปรชนิดอื่น 1
1 การใชง้ านแฟ้ม 4
2 การใชง้ านขอ้ มูลในแฟ้ม 4
3 ฟังกช์ นั่ ในการประมวลผลแฟ้ม 4
รวม 90
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่ 1
วิชา หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้ รหัสวิชา 30900-0002 สปั ดาหท์ ี่ 1
ช้นั ปวส. 1 เวลา 4 ชัว่ โมง
เร่ือง ความรู้เบอ้ื งตน้ เก่ียวกบั การเขยี นโปแกรม
1. สาระสำคญั
การศกึ ษาการเขยี นโปรแกรม เพอ่ื สั่งงานคอมพวิ เตอร์ความรพู้ ื้นฐานถอื วา่ เปน็ ส่งิ ท่ีสำคัญ เมอื่
มคี วามรพู่ ้ืนฐานทด่ี ี กจ็ ะทำให้การศกึ ษามกี ารพฒั นา และประสบผลสำเร็จ ยง่ิ ถ้าทราบถงึ ที่ไปท่มี า
ของภาษาท่จี ะทำการศกึ ษาแลว้ ยงิ่ ทำใหเ้ หน็ คุณค่าของภาษานน้ั มากยง่ิ ขนึ้
ภาษาซกี ็เปน็ ภาษาคอมพวิ เตอรภ์ าษาหนงึ่ ท่ีเหมาะจะเป็นภาษาพ้นื ฐานของการเร่ิมตน้ เขยี น
โปรแกรม เพ่อื เปน็ แนวทางในการศกึ ษาการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรภ์ าษาอ่นื ตอ่ ไปในอนาคต
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
เขา้ ใจในโครงสรา้ งและไวยากรณ์ในการเขยี นโปรแกรม
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ่ัวไป (จุดประสงคน์ ำทาง)
3.1.1 เพื่อศกึ ษาประวตั คิ วามเป็นมาของภาษาซี
3.1.2 เพื่อศกึ ษาโครงสรา้ งของภาษาซี
3.1.3 เพ่ือศกึ ษาการคอมเมน็ ตใ์ นโปรแกรม
3.1.4 เพื่อศกึ ษากฏเกณฑ์ในการเขยี นโปรแกรม
3.1.5 เพอ่ื ศกึ ษาการตง้ั ชอ่ื ในภาษาซี
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (จุดประสงคป์ ลายทาง)
3.1.1 บอกประวตั ิความเป็นมาของภาษาซีได้
3.1.2 บอกโครงสรา้ งของภาษาซไี ด้อย่างถกู ตอ้ ง
3.1.3 บอกวธิ ีการคอมเมน็ ตใ์ นโปรแกรมได้
3.1.4 บอกกฏเกณฑใ์ นการเขยี นโปรแกรมได้
3.1.5 สามารถตั้งช่ือในภาษาซไี ด้ถกู ต้อง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ประวตั ิความเปน็ มา
4.2 โครงสรา้ งภาษาซี
4.3 กฎเกณฑแ์ ละการเขียนคำส่งั ในโปรแกรม
4.4 คอมเม็นต์ในภาษาซี
4.5 กฎการต้ังช่อื
4.6 การตดิ ตั้งและใชง้ าน Turbo C version 3.0
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
5.1 หว่ งที่ 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรยี นร้จู กั ใช้อปุ กรณ์ดา้ นคอมพิวเตอรอ์ ยา่ งระมัดระวังและใชอ้ ย่างคมุ้ ค่า
5.1.2 นักเรียนมอี ุปกรณ์ สมุด หนังสอื ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝกึ หัดนอ้ ย ทำใหป้ ระหยัดคา่ ไฟฟา้
5.2 หว่ งท่ี 2 ความมีเหตุผล
5.2.1 นักเรียนสามารถทำใบงานที่ไดร้ บั มอบหมายใหต้ ามความร้คู วามสามารถของตนเอง
5.2.2 นักเรยี นสามารถอธิบายในเนอ้ื หาหนว่ ยการเรียนรดู้ ้วยตนเองได้
5.3 หว่ งที่ 3 การมภี มู ิคมุ้ กนั ที่ดี
5.3.1 นกั เรยี นมที กั ษะกระบวนการดา้ นความคดิ และสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ดจ้ รงิ
5.3.2 นักเรียนเกิดองคค์ วามรใู้ หมแ่ ละไดร้ บั การพฒั นาการดา้ นพ้ืนฐานการโปรแกรม
5.3.3 นกั เรยี นสามารถแก้ปัญหา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทเี่ กิดขน้ึ ในอนาคต
5.4 เงือ่ นไขท่ี 1 ความรู้
นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจในเรื่อง
5.4.1 บอกประวตั ิความเปน็ มาของภาษาซไี ด้
5.4.2 บอกโครงสรา้ งของภาษาซไี ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
5.4.3 บอกวิธีการคอมเมน็ ต์ในโปรแกรมได้
5.4.4 บอกกฏเกณฑ์ในการเขยี นโปรแกรมได้
5.4.5 สามารถต้งั ชอ่ื ในภาษาซไี ด้ถูกตอ้ ง
5.5 เงอ่ื นไขที่ 2 คุณธรรม
นักเรยี นควรมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดังนี้
5.5.1 การปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บของสถานศึกษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏบิ ัติงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายด้วยความกระตือรือรน้
5.5.4 มีความรับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี มีจติ อาสา
5.5.5 มคี วามสะอาดและเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย
5.5.6 มีความซอ่ื สตั ยต์ ่อตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เห็นคณุ คา่ และมีเจตคติทดี่ ตี อ่ รายวิชาที่ศึกษา
5.6 การเช่อื มโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มิติด้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกับผู้อ่นื ไม่สรา้ งความเสอื่ มเสียใหแ้ ก่
องคก์ รและ สงั คมใหเ้ กิดความเสยี หาย
5.6.2 ดา้ นวฒั นธรรม : นำทักษะทมี่ ีออกไปช่วยเหลอื ในงานบุญประเพณี ในวเิ คราะหก์ ฏ
กติกา เพือ่ นำมาใช้ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรม
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกิจ : สามารถนำหลักการโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพือ่ ให้
สามารถทำงานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
5.6.4 ดา้ นสิ่งแวดล้อม : รูจ้ กั การใชค้ อมพิวเตอรอ์ ย่างถกู ตอ้ ง ดแู ลและเกบ็ รกั ษาได้อยา่ ง
ถกู วธิ ี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมครู กิจกรรมผู้เรยี น
ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน (สัปดาหล์ ะ 30 นาท)ี ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน (30 นาท)ี
1. ครูพดู เก่ียวการใชง้ านโปรแกรม 1. นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ และ
สำเรจ็ รูปตา่ ง ๆ ทน่ี ักเรียนเคยใช้งาน และพูดถึง ตอบคำถาม
การทำงานของคอมพวิ เตอร์ ถามนักเรยี น 2. นกั เรยี นบอกกิจวัตรประจำวนั และ
เกยี่ วกับขอ้ ดีของคอมพวิ เตอร์ ยกตวั อยา่ งการทำงานทต่ี อ้ งมกี ารเตรียมการ
2. ครถู ามนกั เรยี นเกีย่ วกบั การปฏิบัติ 3. นกั เรียนตอบคำถาม เกี่ยวกบั อาชีพ
กิจวัตรประจำวัน หรือ การวางแผนการทำงาน ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับคอมพิวเตอร์
ตา่ งทีต่ อ้ งมขี น้ั ตอน เพอ่ื โยงสกู่ ารทำงานท่ี
เรยี กว่า
โปรแกรม
3. ครพู ูดถึงอาชพี ท่เี กย่ี วข้องกับ
คอมพิวเตอร์ และถามนักเรียนเกย่ี วกบั อาชพี ท่ี
เก่ียวขอ้ งกบั คอมพิวเตอรว์ า่ มอี าชพี อะไรทนี่ กั
เรยี นรูจ้ ก และเขาทำงานอย่างไร ขณะเรยี น (160 นาท)ี
ขนั้ ดำเนินการสอน ( 160 นาที) 1. ฟัง ทำความเขา้ ใจและซกั ถาม ศกึ ษาเอกสาร
1.บอกจดุ ประสงคก์ ารเรยี น 2. ฟงั อยา่ งตั้งใจ ปฏบิ ัติตามตวั อย่าง ถามเมื่อมี
2.บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อยา่ ง ลงมอื ปฏิบัติ ใน ปญั หา
แตล่ ะหวั ขอ้ การเรยี นและให้นกั ศึกษาศึกษาไป 3. ลงมือเขยี นโปรแกรม ผลของโปรแกรม
พร้อมกัน อธบิ ายตามความเข้าใจ ลงในสมดุ บนั ทึก
3. ใหค้ ำแนะนำ 4. ทำแบบฝกึ หัด
4. ใหน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หดั
5. เฉลยแบบฝกึ หัด 5. นกั เรียนเปลี่ยนกนั ตรวจแบบฝึกหัด ให้
คะแนน
ขน้ั สรปุ (สปั ดาหล์ ะ 50 นาท)ี
1.ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ สาระสำคัญ ขัน้ สรปุ (สปั ดาห์ละ 50 นาท)ี
2.เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามข้อสงสัย 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญ
3.ครแู นะนำให้ผู้เรยี น ไปศกึ ษาเอกสารหนว่ ยถัด 2. นักเรยี นสอบถามข้อสงสัย
3. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาว่าง
7. สือ่ การเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าการเขยี นโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรู้ประจำหนว่ ย
3. เครื่องโปรเจคเตอร์
8. วัดผลประเมนิ ผล
1. สงั เกต การตอบคำถาม
2. ปฏิบัตติ ามใบงานและตรวจแบบฝกึ หดั
9. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ผูเ้ รยี นตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งต้ังใจ และมสี มาธิ
2. ผเู้ รยี นควรหมัน่ ฝึกตามตวั อยา่ ง เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจการเขียนโปรแกรมมากยง่ิ ขึ้น
3. ในขณะทำแบบฝึกปฏบิ ตั ิและแบบฝกึ หดั ควรใหน้ กั เรียนรว่ มกันทำกบั เพอื่ นทีเ่ พ่อื ทจ่ี ะได้
ช่วยเหลอื กนั และอธิบายในส่วนท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจ
10.เกณฑ์การประเมินผล
วดั ผลสมั ฤทธ์ิจากแบบประเมินผลการเรียนรู้
รอ้ ยละ 80-100 หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก
ผลการเรียนดี
รอ้ ยละ 70-79 หมายถงึ ผลการเรียนปานกลาง
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรยี นไม่ผ่านเกณฑ์
ร้อยละ 50-59 หมายถึง มีพฤตกิ รรมดี
มพี ฤติกรรมพอใช้
ต่ำกวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถึง
แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถึง
5-7 คะแนน หมายถงึ
ตำ่ กว่า 5 คะแนน หมายถึง มพี ฤติกรรมทต่ี ้องปรบั ปรุง
บันทกึ หลงั การสอน (ปญั หาและข้อเสนอแนะ)
ข้อสรปุ หลังการจดั การเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปญั หาทีพ่ บ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแกป้ ญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2
วชิ า หลกั การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองต้น รหัสวิชา 30900-0002 สัปดาหท์ ี่ 2-3
ชน้ั ปวส. 1 เวลา 8 ชัว่ โมง
เรือ่ ง ตัวแปร ค่าคงท่ี นพิ จน์
1. สาระสำคญั
ในการประมวลผล ขอ้ มูลจะถูกเก็บในหน่วยความจำในรปู ของตวั แปร ตวั แปรจะเปน็ ส่วน
ท่ีนำขอ้ มูลเพ่ือประมวลผลตามวธิ ีการประมวล แลว้ ได้ผลลัพธ์ ซ่ึงข้อมลู ท่เี กบ็ ในตวั แปรอาจเป็นค่าคงท่ี
ตัวอกั ษร ตวั เลข ผเู้ ขียนโปรแกรมจะตอ้ งเลือกชนิดขอ้ มูลให้ถกู ต้องกับข้อมูลที่จะนำไปประมวลผล
เพ่อื ใหไ้ ด้ผลลพั ธต์ ามท่ีตอ้ งการ
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
ประกาศตัวแปร และกำหนดคา่ ได้
บอกความหมายและคา่ ของนพิ จน์
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงค์ทัว่ ไป (จุดประสงคน์ ำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายของตัวแปร
3.1.2 ศกึ ษาชนดิ ของตวั แปรในภาษาซี
3.1.3 ศกึ ษาการประกาศตวั แปร
3.1.4 ศกึ ษาการกำหนดคา่ คงท่ใี ห้กับตวั แปร
3.1.5 ศกึ ษาหลักการเขยี นนพิ จน์
3.1.6 ศกึ ษาการบอกคา่ ของนพิ จน์
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (จุดประสงคป์ ลายทาง)
3.2.1 บอกความหมายของตวั แปรได้
3.2.2 สามารถเลอื กชนดิ ของตวั แปรในภาษาซีได้
3.2.3 สามารถประกาศตัวแปรได้
3.2.4 สามารถกำหนดคา่ คงทีใ่ ห้กับตัวแปรได้
3.2.5 บอกหลกั การเขยี นนพิ จนไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
3.2.6 บอกคา่ ของนพิ จน์ไดถ้ กู ตอ้ ง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ตัวแปร
4.2 คา่ คงท่ี
4.3 นพิ จน์
5. วิเคราะห์ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5.1 ห่วงท่ี 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรียนรู้จักใช้อปุ กรณ์ด้านคอมพวิ เตอรอ์ ย่างระมัดระวังและใชอ้ ยา่ งคุ้มคา่
5.1.2 นักเรียนมีอปุ กรณ์ สมุด หนงั สอื ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝึกหดั น้อย ทำให้ประหยดั ค่าไฟฟ้า
5.2 หว่ งที่ 2 ความมีเหตผุ ล
5.2.1 นกั เรยี นสามารถทำใบงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายให้ตามความรูค้ วามสามารถของตนเอง
5.2.2 นักเรยี นสามารถอธิบายในเน้อื หาหน่วยการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้
5.3 ห่วงที่ 3 การมีภมู ิคุ้มกนั ทดี่ ี
5.3.1 นักเรียนมที กั ษะกระบวนการดา้ นความคดิ และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้จริง
5.3.2 นักเรียนเกิดองคค์ วามรใู้ หมแ่ ละไดร้ บั การพฒั นาการดา้ นพ้ืนฐานการโปรแกรม
5.3.3 นักเรยี นสามารถแกป้ ัญหา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทีเ่ กิดขน้ึ ในอนาคต
5.4 เงื่อนไขที่ 1 ความรู้
นักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจในเร่ือง
5.4.1 บอกความหมายของตวั แปรได้
5.4.2 สามารถเลอื กชนดิ ของตวั แปรในภาษาซไี ด้
5.4.3 สามารถประกาศตัวแปรได้
5.4.4 สามารถกำหนดคา่ คงที่ให้กับตวั แปรได้
5.4.5 บอกหลกั การเขียนนพิ จนไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
5.4.6 บอกคา่ ของนพิ จนไ์ ด้ถกู ต้อง
5.5 เงือ่ นไขที่ 2 คุณธรรม
นักเรยี นควรมีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดังนี้
5.5.1 การปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสถานศกึ ษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏบิ ัตงิ านที่ได้รับมอบหมายดว้ ยความกระตอื รือร้น
5.5.4 มีความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี มจี ิตอาสา
5.5.5 มคี วามสะอาดและเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย
5.5.6 มคี วามซอื่ สตั ยต์ ่อตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เหน็ คุณคา่ และมีเจตคติทดี่ ตี อ่ รายวิชาที่ศึกษา
5.6 การเช่อื มโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มิติด้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกับผู้อื่น ไมส่ รา้ งความเสอื่ มเสยี ให้แก่
องค์กรและ สังคมใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
5.6.2 ดา้ นวัฒนธรรม : นำทกั ษะทีม่ อี อกไปชว่ ยเหลอื ในการคดิ วเิ คราะหผ์ ลลัพธ์ที่จะ
เกดิ ข้ึนไดถ้ กู ตอ้ ง
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกิจ : สามารถนำหลกั การโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพือ่ ให้
สามารถทำงานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
5.6.4 ดา้ นสง่ิ แวดล้อม : ร้จู กั การใชค้ อมพิวเตอรอ์ ยา่ งถูกต้อง ดแู ลและเก็บรกั ษาได้อยา่ ง
ถูกวิธี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมครู กจิ กรรมผเู้ รยี น
ขัน้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น (สัปดาห์ละ 30 นาที) ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน (30 นาท)ี
1. ครพู ดู การประมวลผลของ 1. นกั เรียนแสดงความคดิ เห็น และ
คอมพิวเตอรท์ ่ีตอ้ งมีขนั้ ตอนและวิธี และถาม ตอบคำถาม
นกั เรยี น 2. นักเรียนบอกวธิ ีการซอื้ สินค้า ท่ี
2. ครูถามนักเรยี นเก่ียวกับการทำงาน จำเป็นในเงือ่ นไขของจำนวนเงนิ ทจี่ ำกัด
ที่เก่ยี วข้องกับการซอ้ื สินค้าที่มีการคำนวนเงินท่ี
มี และสนิ ค้าทจ่ี ำเป็นตอ้ งซือ้ นกั เรียนมีวิธิการ
อย่างไรเชน่ การซือ้ สนิ คา้ ขณะเรยี น (290 นาท)ี
ขนั้ ดำเนินการสอน ( 290 นาท)ี 1. ฟงั ทำความเขา้ ใจและซักถาม ศกึ ษาเอกสาร
1.บอกจดุ ประสงคก์ ารเรยี น 2. ฟงั อยา่ งตงั้ ใจ ปฏบิ ตั ติ ามตวั อย่าง ถามเมอื่ มี
2.บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อย่าง ลงมอื ปฏิบัติ ใน ปัญหา
แต่ละหัวข้อการเรียนและใหน้ ักศึกษาศึกษาไป 3. ลงมือเขียนโปรแกรม ผลของโปรแกรม
พรอ้ มกนั อธิบายตามความเขา้ ใจ ลงในสมุดบันทกึ
3. ใหค้ ำแนะนำ 4. ทำแบบฝกึ หัด
4. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั 5. นักเรียนเปล่ยี นกนั ตรวจแบบฝกึ หดั ให้
5. เฉลยแบบฝกึ หดั คะแนน
ข้นั สรปุ (สปั ดาหล์ ะ 60 นาท)ี ขนั้ สรุป (สัปดาหล์ ะ 60 นาท)ี
1.ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญ 1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญ
2.เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามขอ้ สงสยั 2. นักเรยี นสอบถามขอ้ สงสัย
3.ครแู นะนำให้ผเู้ รยี น ไปศกึ ษาเอกสาร 3. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาวา่ ง
7. สื่อการเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรปู้ ระจำหนว่ ย
3. เคร่ืองโปรเจคเตอร์
8. วดั ผลประเมินผล
1. สงั เกต การตอบคำถาม
2. ปฏบิ ัติตามใบงานและตรวจแบบฝกึ หัด
9. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ผเู้ รยี นตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งตง้ั ใจ และมีสมาธิ
2. ผเู้ รียนควรหม่ันฝึกตามตวั อยา่ ง เพื่อใหเ้ ข้าใจการเขยี นโปรแกรมมากยงิ่ ข้นึ
3. ในขณะทำแบบฝกึ ปฏบิ ตั แิ ละแบบฝึกหดั ควรใหน้ ักเรียนร่วมกันทำกบั เพอื่ นท่เี พอ่ื ทจ่ี ะได้
ชว่ ยเหลอื กัน และอธบิ ายในส่วนท่ยี งั ไม่เขา้ ใจ
10.เกณฑ์การประเมนิ ผล
วดั ผลสมั ฤทธ์จิ ากแบบประเมินผลการเรยี นรู้
ร้อยละ 80-100 หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก
ผลการเรียนดี
ร้อยละ 70-79 หมายถงึ ผลการเรียนปานกลาง
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์
ร้อยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรียนไม่ผ่านเกณฑ์
ร้อยละ 50-59 หมายถึง มพี ฤติกรรมดี
มีพฤติกรรมพอใช้
ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถึง มีพฤตกิ รรมทต่ี อ้ งปรับปรงุ
แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถึง
5-7 คะแนน หมายถึง
ต่ำกวา่ 5 คะแนน หมายถึง
บนั ทกึ หลงั การสอน (ปญั หาและขอ้ เสนอแนะ)
ข้อสรปุ หลังการจดั การเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปัญหาที่พบ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแกป้ ัญหา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 1
วชิ า หลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบอ้ื งต้น รหสั วชิ า 30900-0002 สัปดาหท์ ี่ 4-5
ชัน้ ปวส. 1 เวลา 8 ชวั่ โมง
เรือ่ ง รหสั ควบคุม และตวั ดำเนนิ การ
1. สาระสำคญั
การแสดงรูปแบบของผลลพั ธแ์ ละการจดั รูปแบบต้องมรี หสั ควบคมุ เพื่อใหส้ ามารถแสดง
ผลลัพธต์ ามทต่ี ้องการ แต่ผลลพั ธท์ ่ีถูกตอ้ งผเู้ ขยี นโปรแกรมต้องเลือกใช้เครื่องหมายดำเนนิ การและ
ลำดบั ในการดำเนนิ การอย่างถูกต้องดว้ ย
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้
สามารถเลือกรหสั ควบคมุ และรหัสแสดงผลไดถ้ กู ต้อง
สามารถเลือกใชต้ ัวดำเนนิ การได้
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ่ัวไป (จดุ ประสงค์นำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายรหัสควบคมุ
3.1.2 ศกึ ษาการเลือกใชร้ หสั ควบคุมได้
3.1.3 ศกึ ษาประเภทของตวั ดำเนนิ การได้
3.1.4 ศกึ ษาความหมายของตัวดำเนินการได้
3.1.5 ศกึ ษาการใชเ้ ครื่องหมายดำเนนิ การไดถ้ ูกตอ้ ง
3.1.6 ศกึ ษาคา่ ของนิพจนท์ ใี่ ช้ตัวดำเนนิ การได้
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (จุดประสงคป์ ลายทาง)
3.2.1 บอกความหมายรหสั ควบคมุ ได้ถูกตอ้ ง
3.2.2 สามารถเลือกใช้รหัสควบคุมได้
3.2.3 บอกประเภทของตวั ดำเนินการได้
3.2.4 บอกความหมายของตัวดำเนินการได้
3.2.5 สามารถเลือกใชเ้ ครอื่ งหมายดำเนนิ การไดถ้ กู ต้อง
3.2.5 สามารถบอกคา่ ของนิพจน์ท่ีใชต้ ัวดำเนนิ การได้
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 รหสั ควบคุม
4.2 ตวั ดำเนินการ
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
5.1 หว่ งท่ี 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรียนรู้จักใช้อปุ กรณด์ า้ นคอมพิวเตอรอ์ ย่างระมดั ระวังและใชอ้ ยา่ งคุ้มค่า
5.1.2 นักเรยี นมีอปุ กรณ์ สมุด หนงั สือ ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝึกหดั นอ้ ย ทำให้ประหยดั คา่ ไฟฟ้า
5.2 ห่วงท่ี 2 ความมเี หตุผล
5.2.1 นกั เรยี นสามารถทำใบงานที่ไดร้ บั มอบหมายให้ตามความรู้ความสามารถของตนเอง
5.2.2 นักเรยี นสามารถอธิบายในเนอื้ หาหน่วยการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้
5.3 หว่ งท่ี 3 การมีภมู ิคมุ้ กันท่ดี ี
5.3.1 นกั เรียนมีทกั ษะกระบวนการด้านความคิด และสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ไดจ้ ริง
5.3.2 นกั เรยี นเกิดองคค์ วามรใู้ หมแ่ ละได้รับการพัฒนาการดา้ นพื้นฐานการโปรแกรม
5.3.3 นักเรียนสามารถแกป้ ัญหา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในอนาคต
5.4 เง่อื นไขที่ 1 ความรู้
นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรอ่ื ง
5.4.1 บอกความหมายรหสั ควบคุมได้ถกู ตอ้ ง
5.4.2 สามารถเลอื กใชร้ หสั ควบคุมได้
5.4.3 บอกประเภทของตัวดำเนนิ การได้
5.4.4 บอกความหมายของตวั ดำเนินการได้
5.4.5 สามารถเลือกใช้เครอื่ งหมายดำเนนิ การไดถ้ กู ตอ้ ง
5.4.6 สามารถบอกค่าของนิพจนท์ ใี่ ชต้ ัวดำเนินการได้
5.5 เงื่อนไขที่ 2 คณุ ธรรม
นักเรียนควรมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดงั นี้
5.5.1 การปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสถานศกึ ษา
5.5.2 ความตรงตอ่ เวลา
5.5.3 ความสนใจปฏบิ ตั งิ านท่ีได้รบั มอบหมายด้วยความกระตอื รอื รน้
5.5.4 มีความรับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี มีจติ อาสา
5.5.5 มคี วามสะอาดและเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย
5.5.6 มีความซือ่ สัตยต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม
5.5.7 เห็นคณุ คา่ และมีเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ รายวิชาที่ศกึ ษา
5.6 การเช่ือมโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มิติด้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืน ไมส่ ร้างความเสอ่ื มเสยี ใหแ้ ก่
องค์กรและ สงั คมใหเ้ กิดความเสียหาย
5.6.2 ดา้ นวฒั นธรรม : นำทกั ษะท่มี ีออกในการเลือกใชเ้ ครอื่ งมืออย่างมเี หตผุ ล
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกจิ : สามารถนำหลกั การโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพอ่ื ให้
สามารถทำงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
5.6.4 ดา้ นสงิ่ แวดล้อม : รู้จกั การใชค้ อมพวิ เตอรอ์ ย่างถกู ตอ้ ง ดูแลและเก็บรักษาไดอ้ ยา่ ง
ถกู วธิ ี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมครู กจิ กรรมผูเ้ รยี น
ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน (สปั ดาห์ละ 30 นาที) ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรยี น (30 นาท)ี
1. ครูทบทวนเกยี่ วกบั เนือ้ หาหน่วย 1. นกั เรียนแสดงความคดิ เห็น และ
การเรยี น เร่อื งตัวแปร คา่ คงที่ นิพจน์ โดยตวั ตอบคำถาม
แปรแตล่ ะชนดิ มีการใช้รหสั ควบคมุ ท่ตี ่างกนั แต่ 2. นกั เรียนบอกขั้นตอนเก่ยี วกบั การ
รหสั การแสดงผลของแต่ละประเภท จะ
สอดคลอ้ งกับรหสั ควบคมุ แก้สถานการณต์ ามท่นี กั เรียนเข้าใจ
3. นักเรียนฟังข้นั ตอนในการแก้ปญั หา
2. ครพู ดู เกยี่ วกบั การทำงานที่ตอ้ งมี
การตัดสนิ ใจ วา่ นักเรียนมกี ระบวนการในการ พรอ้ มวธิ ีคดิ
ตัดสินใจอยา่ งไร โดยครยู กสถานการณ์ปัญหา
แล้วให้นักเรียนลองหาวิธกี ารแก้ปญั หา
3. ครแู นะนำขน้ั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญั หา
และหลกั ในการคดิ
ขนั้ ดำเนินการสอน ( 100 นาท)ี ขณะเรียน (100 นาที)
1.บอกจุดประสงคก์ ารเรยี น 1. ฟงั ทำความเข้าใจและซักถาม ศกึ ษาเอกสาร
2.บรรยาย อธิบาย ยกตวั อยา่ ง ลงมอื ปฏิบัติ ใน 2. ฟงั อยา่ งต้ังใจ ปฏบิ ัตติ ามตวั อยา่ ง ถามเมือ่ มี
แต่ละหัวข้อการเรียนและให้นักศกึ ษาศึกษาไป ปัญหา
พร้อมกัน 3. ลงมอื เขยี นโปรแกรม ผลของโปรแกรม
3. ใหค้ ำแนะนำ อธบิ ายตามความเขา้ ใจ ลงในสมุดบนั ทกึ
4. ใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัด 4. ทำแบบฝึกหัด
5. เฉลยแบบฝกึ หัด 5. นักเรียนเปลีย่ นกันตรวจแบบฝกึ หัด ให้
คะแนน
ข้ันสรุป (สปั ดาหล์ ะ 30 นาท)ี
1.ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ สาระสำคญั ขน้ั สรุป (สัปดาหล์ ะ 30 นาท)ี
2.เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามข้อสงสยั 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญ
3.ครแู นะนำให้ผู้เรียน ไปศกึ ษาเอกสารหนว่ ยถัด 2. นักเรียนสอบถามขอ้ สงสัย
3. ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาว่าง
7. ส่อื การเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าการเขยี นโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรู้ประจำหน่วย
3. เคร่อื งโปรเจคเตอร์
8. วัดผลประเมินผล
1. สังเกต การตอบคำถาม
2. ปฏิบัติตามใบงานและตรวจแบบฝกึ หดั
9. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ผเู้ รียนตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งตัง้ ใจ และมีสมาธิ
2. ผู้เรียนควรหมั่นฝกึ ตามตวั อยา่ ง เพ่อื ให้เข้าใจการเขียนโปรแกรมมากยงิ่ ขน้ึ
3. ในขณะทำแบบฝึกปฏบิ ตั ิและแบบฝึกหดั ควรให้นกั เรียนรว่ มกนั ทำกบั เพอื่ น จะได้
ช่วยเหลอื กัน และอธบิ ายในสว่ นท่ียังไม่เข้าใจ
10.เกณฑ์การประเมินผล
วดั ผลสมั ฤทธจิ์ ากแบบประเมินผลการเรยี นรู้
รอ้ ยละ 80-100 หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก
ผลการเรยี นดี
รอ้ ยละ 70-79 หมายถงึ ผลการเรียนปานกลาง
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์
ร้อยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์
ร้อยละ 50-59 หมายถึง มีพฤติกรรมดี
มพี ฤตกิ รรมพอใช้
ตำ่ กวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถงึ มพี ฤตกิ รรมทต่ี อ้ งปรับปรุง
แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบคุ คล
8-10 คะแนน หมายถึง
5-7 คะแนน หมายถึง
ตำ่ กว่า 5 คะแนน หมายถงึ
บันทกึ หลังการสอน (ปญั หาและข้อเสนอแนะ)
ขอ้ สรุปหลงั การจดั การเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปญั หาที่พบ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ 4
วิชา หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บอื้ งตน้ รหสั วชิ า 30900-0002 สัปดาห์ท่ี 6-8
ชนั้ ปวส. 1 เวลา 12 ชวั่ โมง
เรอ่ื ง การจดั รูปแบบการรบั และแสดงผล
1. สาระสำคญั
การแสดงผลของโปรแกรมทางจอภาพและการรับข้อมูลผา่ นทางคยี บ์ อรด์ ของโปรแกรม
ภาษาซี สามารถทำได้โดยการเลือกรปู แบบที่ถกู กบั ชนดิ ตวั แปรและขอ้ มูลที่จะทำการประมวลผล
2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้
เข้าใจในโครงสร้างและไวยากรณข์ องภาษาซี
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ท่ัวไป (จุดประสงค์นำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายของรหัสในการจดั รูปแบบไดถ้ กู ต้อง
3.1.2 ศกึ ษาการใช้รหัสรปู แบบในการรบั ขอ้ มูลและแสดงผลไดถ้ กู ต้อง
3.1.3 ศกึ ษาการใช้รหสั รปู แบบในการเขยี นโปรแกรมได้ถูกต้อง
3.1.4 ศกึ ษาการหาข้อผดิ พลาดจากใช้คำส่ังรับและแสดงผลกับรหัสรปู แบบได้
3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (จดุ ประสงค์ปลายทาง)
3.2.1 บอกความหมายของรหสั ในการจัดรปู แบบได้ถูกตอ้ ง
3.2.2 เลอื กใช้รหสั รปู แบบในการรบั ขอ้ มลู และแสดงผลได้ถูกตอ้ ง
3.2.3 สามารถใช้รหัสรปู แบบในการเขียนโปรแกรมได้ถูกตอ้ ง
3.2.4 สามารถหาขอ้ ผิดพลาดจากใช้คำสง่ั รับและแสดงผลกบั รหัสรูปแบบได้
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การจดั รูปแบบการแสดงผล
4.2 อกั ขระควบคุมและการแสดงผล
4.3 ฟงั กช์ ัน่ รับขอ้ มูล getchar()
4.4 ฟงั ก์ช่นั แสดงผล putchar()
4.5 คำสั่งรับข้อมลู scanf()
4.6 คำส่ังรบั ข้อมูลชนดิ ขอ้ ความ gets()
4.7 คำส่ังแสดงขอ้ มูลชนดิ ข้อความ puts()
4.8 คำส่งั รับข้อมูล getch() และ getche()
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
5.1 ห่วงท่ี 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นักเรียนรู้จักใช้อปุ กรณด์ ้านคอมพิวเตอรอ์ ย่างระมดั ระวังและใชอ้ ยา่ งค้มุ คา่
5.1.2 นกั เรียนมอี ุปกรณ์ สมุด หนังสอื ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝกึ หดั นอ้ ย ทำให้ประหยดั คา่ ไฟฟา้
5.2 หว่ งที่ 2 ความมีเหตุผล
5.2.1 นกั เรยี นสามารถทำใบงานที่ไดร้ บั มอบหมายให้ตามความรู้ความสามารถของตนเอง
5.2.2 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายในเนอื้ หาหน่วยการเรยี นรดู้ ้วยตนเองได้
5.3 หว่ งที่ 3 การมีภมู คิ มุ้ กนั ทีด่ ี
5.3.1 นกั เรยี นมที กั ษะกระบวนการดา้ นความคดิ และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ไดจ้ ริง
5.3.2 นักเรียนเกดิ องคค์ วามรใู้ หมแ่ ละไดร้ บั การพัฒนาการดา้ นพน้ื ฐานการโปรแกรม
5.3.3 นกั เรยี นสามารถแกป้ ัญหา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทีเ่ กิดข้ึนในอนาคต
5.4 เง่อื นไขท่ี 1 ความรู้
นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในเรอื่ ง
5.4.1 บอกความหมายของรหัสในการจัดรูปแบบได้ถกู ตอ้ ง
5.4.2 เลือกใช้รหัสรปู แบบในการรบั ข้อมูลและแสดงผลไดถ้ กู ตอ้ ง
5.4.3 สามารถใชร้ หสั รปู แบบในการเขียนโปรแกรมได้ถูกตอ้ ง
5.4.4 สามารถหาข้อผดิ พลาดจากใช้คำสงั่ รบั และแสดงผลกบั รหัสรูปแบบได้
5.5 เง่อื นไขที่ 2 คณุ ธรรม
นกั เรียนควรมีคุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดังนี้
5.5.1 การปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บของสถานศึกษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏบิ ัตงิ านทไ่ี ด้รบั มอบหมายดว้ ยความกระตอื รอื รน้
5.5.4 มคี วามรับผิดชอบต่อหน้าที่ มจี ติ อาสา
5.5.5 มคี วามสะอาดและเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย
5.5.6 มีความซอ่ื สตั ยต์ อ่ ตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เหน็ คณุ คา่ และมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อรายวชิ าทศ่ี กึ ษา
5.6 การเชือ่ มโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มติ ิด้านสังคม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ไม่สรา้ งความเสอ่ื มเสยี ให้แก่
องค์กรและ สงั คมให้เกิดความเสียหาย
5.6.2 ดา้ นวฒั นธรรม : นำทักษะท่มี อี อกไปช่วยเหลอื ในงานบุญประเพณี ออกแบบการ
แสดงท่ีคำนึงถงึ ผลการทำงาน
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกจิ : สามารถนำหลักการโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพอ่ื ให้
สามารถทำงานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
5.6.4 ดา้ นส่งิ แวดล้อม : รู้จกั การใชค้ อมพิวเตอรอ์ ย่างถกู ต้อง ดูแลและเก็บรักษาไดอ้ ยา่ ง
ถูกวธิ ี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมครู กิจกรรมผู้เรยี น
ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน (สปั ดาห์ละ 30 นาท)ี ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน (30 นาท)ี
1. ครูพดู เกย่ี วการใชง้ านโปรแกรม 1. นกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ และ
สำเรจ็ รูปตา่ ง ๆ ท่ีนกั เรยี นเคยใชง้ าน และพดู ถงึ ตอบคำถาม
การทำงานของคอมพวิ เตอร์ ถามนักเรียน 2. นักเรียนบอกกจิ วตั รประจำวัน และ
เก่ียวกับข้อดขี องคอมพิวเตอร์ ยกตัวอยา่ งการทำงานทตี่ ้องมกี ารเตรียมการ
2. ครถู ามนกั เรียนเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิ 3. นกั เรยี นตอบคำถาม เกย่ี วกบั อาชีพ
กจิ วัตรประจำวนั หรือ การวางแผนการทำงาน ทเี่ ก่ียวข้องกบั คอมพวิ เตอร์
ต่างทีต่ อ้ งมีขัน้ ตอน เพอื่ โยงสกู่ ารทำงานท่ี
เรยี กว่า
โปรแกรม
3. ครพู ดู ถึงอาชพี ท่เี กย่ี วขอ้ งกบั
คอมพิวเตอร์ และถามนกั เรียนเกี่ยวกบั อาชีพท่ี
เก่ียวข้องกบั คอมพิวเตอรว์ ่า มอี าชพี อะไรท่นี ัก
เรยี นรจู้ ก และเขาทำงานอยา่ งไร ขณะเรยี น (100 นาที)
ขั้นดำเนินการสอน ( 100 นาท)ี 1. ฟงั ทำความเขา้ ใจและซักถาม ศึกษาเอกสาร
1.บอกจุดประสงค์การเรยี น 2. ฟังอยา่ งตั้งใจ ปฏิบัติตามตวั อยา่ ง ถามเมอื่ มี
2.บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อย่าง ลงมือปฏบิ ัติ ใน ปัญหา
แต่ละหวั ขอ้ การเรยี นและใหน้ ักศึกษาศกึ ษาไป 3. ลงมอื เขยี นโปรแกรม ผลของโปรแกรม
พรอ้ มกนั อธบิ ายตามความเข้าใจ ลงในสมุดบันทกึ
3. ให้คำแนะนำ 4. ทำแบบฝกึ หดั
4. ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั
5. เฉลยแบบฝกึ หดั 5. นกั เรยี นเปลี่ยนกนั ตรวจแบบฝกึ หดั ให้
ขนั้ สรุป (สัปดาห์ละ 30 นาท)ี คะแนน
1.ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ สาระสำคญั ข้นั สรุป (สปั ดาห์ละ 30 นาท)ี
2.เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามข้อสงสยั 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสาระสำคญั
3.ครูแนะนำใหผ้ เู้ รยี น ไปศกึ ษาเอกสารหนว่ ยถัด 2. นกั เรยี นสอบถามขอ้ สงสยั
3. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาว่าง
7. สอื่ การเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรู้ประจำหน่วย
3. เครอ่ื งโปรเจคเตอร์
8. วดั ผลประเมินผล
1. สงั เกต การตอบคำถาม
2. ปฏิบตั ติ ามใบงานและตรวจแบบฝกึ หดั
9. กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ผู้เรียนตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งต้งั ใจ และมีสมาธิ
2. ผู้เรียนควรหมัน่ ฝึกตามตัวอยา่ ง เพ่ือให้เขา้ ใจการเขียนโปรแกรมมากยง่ิ ขนึ้
3. ในขณะทำแบบฝกึ ปฏิบตั แิ ละแบบฝึกหดั ควรให้นักเรยี นร่วมกันทำกบั เพ่ือนท่ีเพ่ือทจ่ี ะได้
ช่วยเหลอื กนั และอธบิ ายในส่วนทย่ี งั ไมเ่ ขา้ ใจ
10.เกณฑ์การประเมินผล
วดั ผลสมั ฤทธิ์จากแบบประเมินผลการเรยี นรู้
ร้อยละ 80-100 หมายถึง ผลการเรียนดีมาก
ผลการเรียนดี
รอ้ ยละ 70-79 หมายถึง ผลการเรียนปานกลาง
ผลการเรียนผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ผลการเรยี นไม่ผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 50-59 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมดี
มพี ฤตกิ รรมพอใช้
ตำ่ กว่ารอ้ ยละ 50 หมายถงึ มีพฤติกรรมทต่ี ้องปรับปรงุ
แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถึง
5-7 คะแนน หมายถึง
ต่ำกว่า 5 คะแนน หมายถึง
บนั ทึกหลังการสอน (ปญั หาและข้อเสนอแนะ)
ขอ้ สรุปหลังการจัดการเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปัญหาที่พบ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ 5
วชิ า หลักการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้อื งตน้ รหัสวิชา 30900-0002 สัปดาห์ท่ี 9-11
ชนั้ ปวส. 1 เวลา 12 ชัว่ โมง
เร่ือง การควบคมุ โปรแกรม
1. สาระสำคัญ
ในการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เพือ่ ใหท้ ำงานไดต้ ามต้องการ นอกจากการ ตวั แปร ชนดิ
ตวั แปรเคร่ืองหมายดำเนินการ ยังตอ้ งศึกษาคำส่ังทใ่ี ช้ในการควบคุมโปรแกรม เพ่ือใหส้ ามารถกำหนด
ทศิ ทางการทำงานของโปรแกรมให้ทำงานตามทตี่ อ้ งการ
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
สามารถเขยี นโปรแกรมควบคมุ การทำงานของโปรแกรมอย่างงา่ ยได้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ทวั่ ไป (จุดประสงคน์ ำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาประเภทของเง่อื นไข
3.1.2 ศกึ ษาความหมายของเงื่อนไข
3.1.3 ศกึ ษาการใชค้ ำสงั่ เงื่อไข
3.1.4 ศกึ ษาการใช้คำสงั่ ทำซำ้
3.1.5 ศกึ ษาการเขยี นโปรแกรมในการทำซำ้
3.1.6 ศกึ ษาข้อผดิ พลาดในการเขียนโปรแกรมใชค้ ำสงั่ ทำซำ้
3.1.7 ศกึ ษาความหมายของคำสงั่ ประกอบการควบคุมทศิ ทาง
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (จุดประสงค์ปลายทาง)
3.2.1 บอกประเภทของเงื่อนไขได้
3.2.2 บอกความหมายของเงือ่ นไขได้
3.2.3 สามารถใช้คำสัง่ เงื่อไขไดถ้ ูกต้อง
3.2.4 อธบิ ายคำสง่ั ทำซำ้ ได้
3.2.5 สามารถเขียนโปรแกรมในการทำซำ้ ได้ถกู ต้อง
3.2.6 สามารถบอกข้อผดิ พลาดในการเขียนโปรแกรมใช้คำส่งั ทำซำ้ ไดถ้ กู ตอ้ ง
3.2.7 บอกความหมายของคำสัง่ ประกอบการควบคุมทศิ ทางได้
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 คำสงั่ เงื่อนไข if และ switch
4.2 การทำซ้ำ
4.3 คำสงั่ ประกอบควบคุมทศิ ทาง
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
5.1 ห่วงที่ 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรียนร้จู กั ใชอ้ ปุ กรณด์ ้านคอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งระมดั ระวังและใช้อย่างคุ้มคา่
5.1.2 นกั เรยี นมีอุปกรณ์ สมดุ หนังสือ ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝกึ หัดนอ้ ย ทำให้ประหยัดค่าไฟฟา้
5.2 ห่วงท่ี 2 ความมเี หตุผล
5.2.1 นักเรียนสามารถทำใบงานท่ีไดร้ ับมอบหมายใหต้ ามความรู้ความสามารถของตนเอง
5.2.2 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายในเนอ้ื หาหนว่ ยการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้
5.3 ห่วงที่ 3 การมีภมู ิคมุ้ กันที่ดี
5.3.1 นกั เรียนมที กั ษะกระบวนการดา้ นความคดิ และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้จรงิ
5.3.2 นกั เรียนเกดิ องคค์ วามรใู้ หมแ่ ละไดร้ บั การพฒั นาการดา้ นพนื้ ฐานการโปรแกรม
5.3.3 นกั เรยี นสามารถแก้ปญั หา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทเี่ กิดข้นึ ในอนาคต
5.4 เง่อื นไขที่ 1 ความรู้
นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื ง
5.4.1 บอกประเภทของเงอ่ื นไขได้
5.4.2 บอกความหมายของเงือ่ นไขได้
5.4.3 สามารถใชค้ ำสงั่ เงื่อไขไดถ้ ูกต้อง
5.4.4 อธบิ ายคำส่ังทำซำ้ ได้
5.4.5 สามารถเขยี นโปรแกรมในการทำซำ้ ไดถ้ กู ต้อง
5.4.6 สามารถบอกขอ้ ผิดพลาดในการเขยี นโปรแกรมใชค้ ำส่งั ทำซ้ำได้ถูกตอ้ ง
5.4.7 บอกความหมายของคำส่ังประกอบการควบคมุ ทศิ ทางได้
5.5 เงอ่ื นไขที่ 2 คณุ ธรรม
นักเรียนควรมคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดงั นี้
5.5.1 การปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บของสถานศกึ ษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏิบัติงานทีไ่ ด้รับมอบหมายด้วยความกระตือรือร้น
5.5.4 มีความรับผดิ ชอบต่อหน้าที่ มีจติ อาสา
5.5.5 มีความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย
5.5.6 มีความซอ่ื สัตยต์ อ่ ตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เห็นคุณคา่ และมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อรายวชิ าที่ศึกษา
5.6 การเชือ่ มโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มติ ดิ ้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื ไมส่ รา้ งความเสอ่ื มเสียใหแ้ ก่
องคก์ รและ สังคมให้เกดิ ความเสียหาย
5.6.2 ดา้ นวฒั นธรรม : นำทกั ษะทม่ี อี อกไปชว่ ยเหลอื ในงานบญุ ประเพณี ในการ
ควบคุมดแู ลงานทีท่ ำใหเ้ กิดประสิทธภิ าพ
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกจิ : สามารถนำหลักการโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพอ่ื ให้
สามารถทำงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
5.6.4 ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม : รจู้ กั การใช้คอมพิวเตอรอ์ ย่างถูกต้อง ดแู ลและเกบ็ รักษาได้อยา่ ง
ถกู วิธี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมครู กจิ กรรมผเู้ รยี น
ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น (สัปดาหล์ ะ 30 นาที) ข้นั นำเข้าสู่บทเรยี น (30 นาท)ี
1. ครพู ดู เกี่ยวการใชง้ านควบคุมการ 1. นักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ และ
ทำงานของโปรแกรมสำเรจ็ รูปตา่ ง ๆ ทีน่ กั เรียน ตอบคำถาม
เคยใชง้ าน และพูดถงึ การสัง่ ใหค้ อมพวิ เตอร์ 2. นกั เรียนวธิ ีการทำงาน เพ่ือให้ได้
ทำงานในลกั ษณะของโปรแกรม งานที่มีคุณภาพ และมกี ารตดั สนิ ใจอยา่ งไร
2. ครถู ามนักเรียนเก่ียวกบั การปฏิบัติ 3. นกั เรียนตอบคำถาม การใชจ้ า่ ยเงิน
กิจวัตรประจำวัน หรือ การวางแผนการทำงาน ในการเรยี น ว่านกั เรยี นมวี ิธคี วบคุมอย่างไร
ตา่ งท่ีตอ้ งมขี น้ั ตอน และวิธกี ารตดั สนิ ใจอยา่ งไร เพอื่ ใหใ้ ชจ้ ่ายอยา่ งมคี ณุ ภาพ
มีเง่อื นไขอยา่ งไร
3. ครพู ดู ถงึ การใชจ้ ่ายเงนิ ในการเรียน
นักเรียนมวี ิธีคิดและควบคมุ อย่างไร และมี
ทางเลอื กในการใช้เงนิ อยา่ งไร
ขัน้ ดำเนนิ การสอน ( 100 นาท)ี ขณะเรียน (100 นาที)
1.บอกจดุ ประสงคก์ ารเรยี น 1. ฟงั ทำความเขา้ ใจและซักถาม ศึกษาเอกสาร
2.บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อย่าง ลงมอื ปฏิบตั ิ ใน 2. ฟังอยา่ งตงั้ ใจ ปฏบิ ตั ติ ามตวั อย่าง ถามเมื่อมี
แตล่ ะหวั ข้อการเรียนและใหน้ ักศกึ ษาศกึ ษาไป ปญั หา
พร้อมกัน
3. ลงมอื เขียนโปรแกรม ผลของโปรแกรม
3. ใหค้ ำแนะนำ
อธบิ ายตามความเขา้ ใจ ลงในสมุดบนั ทึก
4. ให้นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั
4. ทำแบบฝกึ หัด
5. เฉลยแบบฝึกหัด
5. นักเรยี นเปลี่ยนกันตรวจแบบฝกึ หดั ให้
คะแนน
ข้นั สรุป (สัปดาห์ละ 30 นาท)ี
1.ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปสาระสำคัญ ขั้นสรุป (สปั ดาหล์ ะ 30 นาท)ี
2.เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามข้อสงสยั 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปสาระสำคัญ
3.ครูแนะนำให้ผ้เู รียน ไปศกึ ษาเอกสารหนว่ ยถดั 2. นักเรียนสอบถามข้อสงสยั
3. ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาวา่ ง
7. สอื่ การเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรปู้ ระจำหนว่ ย
3. เคร่อื งโปรเจคเตอร์
8. วัดผลประเมินผล
1. สังเกต การตอบคำถาม
2. ปฏบิ ตั ติ ามใบงานและตรวจแบบฝึกหัด
9. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ผูเ้ รียนตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งตัง้ ใจ และมีสมาธิ
2. ผ้เู รียนควรหมั่นฝกึ ตามตวั อยา่ ง เพือ่ ให้เขา้ ใจการเขยี นโปรแกรมมากยงิ่ ขึ้น
3. ในขณะทำแบบฝกึ ปฏบิ ัตแิ ละแบบฝึกหดั ควรให้นักเรียนรว่ มกันทำกบั เพ่อื นท่เี พ่อื ที่จะได้
ชว่ ยเหลือกนั และอธบิ ายในสว่ นที่ยังไมเ่ ขา้ ใจ
10.เกณฑก์ ารประเมินผล
วดั ผลสมั ฤทธิ์จากแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
ร้อยละ 80-100 หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก
ผลการเรียนดี
ร้อยละ 70-79 หมายถึง ผลการเรียนปานกลาง
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ผลการเรียนไมผ่ า่ นเกณฑ์
ร้อยละ 50-59 หมายถึง มีพฤตกิ รรมดี
มีพฤตกิ รรมพอใช้
ต่ำกวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถงึ มพี ฤตกิ รรมท่ตี อ้ งปรบั ปรงุ
แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถงึ
5-7 คะแนน หมายถงึ
ต่ำกว่า 5 คะแนน หมายถึง
บนั ทกึ หลังการสอน (ปญั หาและขอ้ เสนอแนะ)
ขอ้ สรุปหลังการจดั การเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปัญหาทพ่ี บ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 6
วชิ า หลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งต้น รหัสวชิ า 30900-0002 สัปดาห์ท่ี 12-13
ช้นั ปวส. 1 เวลา 8 ชว่ั โมง
เรื่อง ฟงั ก์ชัน
1. สาระสำคัญ
เมื่อสามารถเขียนโปรแกรมและเข้าใจการใช้งานของส่วนตา่ งในภาษาซีแล้ว ในการเขียนโปแก
รมที่มขี นาดใหญ่ อาจมกี ารทำงานของโปรแกรมทเ่ี หมือนกัน เกิดความซ้ำซอ้ น ภาษาซจี งึ ให้มีการนำ
ชุดคำส่ังทซ่ี ้ำซ้อนนนั้ มาเขียนรปู ของฟงั กช์ ัน และเลอื กใช้งาน อีกท้งั ยังมฟี งั กช์ ันมาตรฐานให้สามารถ
เลอื กใชไ้ ด้อีกทางหนึ่ง
2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้
สามารถสร้างฟังก์ชนั และเรยี กใชฟ้ งั กช์ ันได้
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป (จดุ ประสงค์นำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายของฟังกช์ ั่น
3.1.2 ศกึ ษาประโยชนข์ องฟังก์ชนั่
3.1.3 ศกึ ษารูปแบบการเรียกใช้ฟังกช์ นั่
3.1.4 ศกึ ษาประเภทของฟงั ก์ชัน่ ที่เขยี นข้นึ เอง
3.1.6 ศกึ ษาการสร้างฟงั กช์ ัน่
3.1.7 ศกึ ษาการเรียกใชง้ านฟงั กช์ ่นั
3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (จุดประสงค์ปลายทาง)
3.1.1 บอกความหมายของฟงั ก์ช่นั ไดถ้ กู ต้อง
3.1.2 บอกประโยชน์ของฟงั กช์ ่นั ได้
3.1.3 บอกรปู แบบการเรยี กใชฟ้ ังก์ชัน่ ไดถ้ กู ต้อง
3.1.4 อธบิ ายประเภทของฟงั ก์ชน่ั ที่เขยี นขน้ึ เองไดถ้ กู ตอ้ ง
3.1.6 สามารถสร้างฟงั กช์ ัน่ ได้ถกู ต้อง
3.1.7 สามารถเรียกใช้งานฟังก์ชั่นไดถ้ ูกตอ้ ง
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ฟังกช์ นั
4.2 ฟงั ก์ชันมาตรฐาน
4.3 ฟังกช์ ันผูใ้ ช้สรา้ งข้ึนเอง
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
5.1 ห่วงที่ 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นักเรยี นรูจ้ ักใช้อปุ กรณ์ด้านคอมพวิ เตอรอ์ ย่างระมัดระวังและใชอ้ ย่างคุ้มค่า
5.1.2 นักเรียนมอี ปุ กรณ์ สมดุ หนงั สอื ของตนเอง
5.1.3 การประหยดั ใชเ้ วลาในการทำแบบฝึกหดั น้อย ทำใหป้ ระหยดั ค่าไฟฟา้
5.2 ห่วงที่ 2 ความมีเหตุผล
5.2.1 นักเรียนสามารถทำใบงานที่ไดร้ บั มอบหมายให้ตามความรูค้ วามสามารถของตนเอง
5.2.2 นกั เรียนสามารถอธิบายในเน้อื หาหนว่ ยการเรยี นรดู้ ้วยตนเองได้
5.3 ห่วงท่ี 3 การมภี มู คิ ุ้มกนั ทด่ี ี
5.3.1 นกั เรยี นมีทกั ษะกระบวนการด้านความคิด และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
5.3.2 นกั เรยี นเกดิ องคค์ วามรใู้ หม่และไดร้ ับการพัฒนาการดา้ นพื้นฐานการโปรแกรม
5.3.3 นักเรยี นสามารถแก้ปญั หา สถานการณต์ า่ ง ๆ ท่เี กดิ ข้นึ ในอนาคต
5.4 เงอ่ื นไขที่ 1 ความรู้
นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจในเรอ่ื ง
5.4.1 บอกความหมายของฟงั กช์ ่ันไดถ้ ูกต้อง
5.4.2 บอกประโยชน์ของฟังก์ชัน่ ได้
5.4.3 บอกรปู แบบการเรยี กใชฟ้ งั กช์ ่ันไดถ้ ูกตอ้ ง
5.4.4 อธิบายประเภทของฟงั กช์ ั่นท่ีเขยี นข้ึนเองได้ถกู ตอ้ ง
5.4.6 สามารถสรา้ งฟงั กช์ ่นั ได้ถกู ต้อง
5.4.7 สามารถเรยี กใช้งานฟงั กช์ นั่ ได้ถูกต้อง
5.5 เงอ่ื นไขที่ 2 คุณธรรม
นกั เรยี นควรมีคุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ดังน้ี
5.5.1 การปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบของสถานศึกษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏิบตั ิงานท่ีไดร้ ับมอบหมายดว้ ยความกระตอื รือร้น
5.5.4 มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มจี ิตอาสา
5.5.5 มีความสะอาดและเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย
5.5.6 มคี วามซ่ือสัตยต์ ่อตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เห็นคุณคา่ และมเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ รายวชิ าท่ศี กึ ษา
5.6 การเชื่อมโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มติ ดิ ้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกบั ผู้อนื่ ไมส่ รา้ งความเสอ่ื มเสียให้แก่
องคก์ รและ สังคมให้เกิดความเสียหาย
5.6.2 ดา้ นวัฒนธรรม : นำทักษะทม่ี อี อกไปช่วยเหลือในการคดิ ทำอุปกรณ์ประกอบใน
งานบุญประเพณี ที่ใช้เปน็ ประจำ เพ่อื ใหไ้ ด้นำมาใชง้ านในครัง้ ตอ่ ไป โดยไมต่ ้องเสยี คา่ ใช้จา่ ยเพม่ิ เตมิ
ในการจัดงานบุญประเพณี ครัง้ ตอ่ ไป
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกจิ : สามารถนำหลกั การโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพือ่ ให้
สามารถทำงานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
5.6.4 ดา้ นสิ่งแวดล้อม : รจู้ กั การใช้คอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งถูกต้อง ดูแลและเกบ็ รกั ษาไดอ้ ยา่ ง
ถกู วธิ ี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กิจกรรมครู กิจกรรมผเู้ รยี น
ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น (สปั ดาห์ละ 30 นาท)ี ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น (30 นาท)ี
1. ครูพดู เกยี่ วการใช้งานโปรแกรม 1. นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ และ
บางครงั้ การทำงานท่ีซำ้ กนั และใช้งานบอ่ ย ตอบคำถาม
สามารถลดขนาดของโปรแกรมและเวลาได้ โดย 2. นกั เรียนยกตวั อยา่ งสตรทีน่ กั เรียน
การสร้างเปน็ ฟังกช์ ัน รจู้ กั
2. ครูพดู ถงึ โปรแกรมตา่ งทม่ี บี างสว่ นที่
พบเหน็ บ่อย พรอ้ มถามนกั เรียนจากการเรยี นที่
ผ่านมา
เชน่ ชอ่ื การคำนวณต่าง ๆ ทม่ี ีสตู ร
ข้นั ดำเนนิ การสอน ( 100 นาที) ขณะเรียน (100 นาท)ี
1.บอกจุดประสงค์การเรยี น 1. ฟงั ทำความเขา้ ใจและซกั ถาม ศึกษาเอกสาร
2.บรรยาย อธบิ าย ยกตวั อย่าง ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ใน 2. ฟังอยา่ งตัง้ ใจ ปฏบิ ตั ิตามตวั อย่าง ถามเมอื่ มี
แต่ละหัวข้อการเรียนและให้นกั ศกึ ษาศึกษาไป ปญั หา
พรอ้ มกัน
3. ลงมอื เขียนโปรแกรม ผลของโปรแกรม
3. ให้คำแนะนำ
อธิบายตามความเขา้ ใจ ลงในสมุดบนั ทึก
4. ใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัด
4. ทำแบบฝึกหดั
5. เฉลยแบบฝึกหดั
5. นักเรยี นเปลี่ยนกันตรวจแบบฝกึ หัด ให้
คะแนน
ข้ันสรุป (สัปดาหล์ ะ 30 นาท)ี
1.ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สาระสำคญั
2.เปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั ข้นั สรุป (สัปดาห์ละ 30 นาท)ี
3.ครูแนะนำใหผ้ ้เู รียน ไปศึกษาเอกสารหน่วยถดั 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สาระสำคัญ
2. นกั เรียนสอบถามขอ้ สงสัย
3. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาวา่ ง
7. ส่ือการเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวชิ าการเขียนโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรปู้ ระจำหนว่ ย
3. เครือ่ งโปรเจคเตอร์
8. วดั ผลประเมินผล
1. สังเกต การตอบคำถาม
2. ปฏบิ ตั ติ ามใบงานและตรวจแบบฝกึ หัด
9. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ผูเ้ รยี นตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งตัง้ ใจ และมีสมาธิ
2. ผู้เรียนควรหมน่ั ฝกึ ตามตัวอยา่ ง เพื่อให้เขา้ ใจการเขียนโปรแกรมมากยง่ิ ข้นึ
3. ในขณะทำแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิและแบบฝกึ หดั ควรให้นกั เรยี นรว่ มกันทำกบั เพ่ือนทเ่ี พ่อื ทจ่ี ะได้
ช่วยเหลือกัน และอธิบายในสว่ นที่ยังไมเ่ ข้าใจ
10.เกณฑ์การประเมนิ ผล
วัดผลสมั ฤทธ์ิจากแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
รอ้ ยละ 80-100 หมายถึง ผลการเรยี นดีมาก
ผลการเรียนดี
ร้อยละ 70-79 หมายถงึ ผลการเรยี นปานกลาง
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60-69 หมายถงึ ผลการเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 50-59 หมายถงึ มพี ฤติกรรมดี
มีพฤตกิ รรมพอใช้
ตำ่ กว่ารอ้ ยละ 50 หมายถงึ
แบบประเมินพฤติกรรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถงึ
5-7 คะแนน หมายถึง
ตำ่ กว่า 5 คะแนน หมายถึง มพี ฤติกรรมท่ตี ้องปรับปรงุ
บันทึกหลงั การสอน (ปญั หาและข้อเสนอแนะ)
ข้อสรุปหลังการจัดการเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปัญหาท่พี บ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแกป้ ญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 7
วิชา หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองตน้ รหสั วิชา 30900-0002 สัปดาห์ที่ 14
ชน้ั ปวส. 1 เวลา 4 ชวั่ โมง
เรือ่ ง แถวลำดบั
1. สาระสำคญั
ในการเก็บขอ้ มลู โดยใชต้ วั แปร ถา้ มขี อ้ มลู มาก จำนวนตวั แปรกจ็ ะมากตาม ดังนัน้ ภาษาซีจงึ มี
รปู แบบขอ้ มูลแบบแถวลำดบั เข้ามาช่วยใหส้ ามารถใช้งานตวั แปรนอ้ ยลง โดยในการอา้ งถึงตอ้ งใชด้ ัชนี
กำกับ เพอ่ื อ้างถึงข้อมลู ทแ่ี ตกตา่ งกนั ทำใหใ้ ช้ตวั แปรน้อยลง ทำให้ประหยดั เนือ้ ที่น่วยความจำ
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้
เข้าใจเก่ยี วกบั ฟงั ก์ชัน และสามารถสร้างฟงั ก์ชันได้
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป (จุดประสงค์นำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายของแถวลำดับ
3.1.2 ศกึ ษาประเภทของตัวแปรแถวลำดับไดถ้ กู ต้อง
3.1.3 ศกึ ษาเก่ยี วกับตวั แปรแถวลำดบั ไดถ้ ูกตอ้ ง
3.1.4 ศกึ ษาการอา้ งถึงตวั แปรแถวลำดบั ได้ถกู ตอ้ ง
3.1.5 ศกึ ษาการเขียนโปรแกรมเก่ยี วกับตัวแปรแถวลำดับได้
3.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (จดุ ประสงค์ปลายทาง)
3.2.1 บอกความหมายของแถวลำดับไดถ้ ูกต้อง
3.2.2 บอกประเภทของตัวแปรแถวลำดับได้ถูกตอ้ ง
3.2.3 สามารถอธิบายเก่ยี วกับตวั แปรแถวลำดับไดถ้ กู ต้อง
3.2.4 สามารถอา้ งถึงตัวแปรแถวลำดบั ได้ถูกต้อง
3.2.5 สามารถเขยี นโปรแกรมเกย่ี วกับตวั แปรแถวลำดบั ได้
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 แถวลำดับ
4.2 แถวลำดับสองมติ ิ
4.3 แถวลำดับสามมติ ิ
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
5.1 ห่วงท่ี 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรียนรจู้ กั ใช้อปุ กรณด์ ้านคอมพิวเตอรอ์ ยา่ งระมัดระวังและใช้อยา่ งคมุ้ ค่า
5.1.2 นกั เรยี นมอี ุปกรณ์ สมดุ หนังสือ ของตนเอง
5.1.3 การประหยดั ใชเ้ วลาในการทำแบบฝึกหดั นอ้ ย ทำให้ประหยดั คา่ ไฟฟ้า
5.2 หว่ งที่ 2 ความมเี หตุผล
5.2.1 นักเรยี นสามารถทำใบงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายให้ตามความรู้ความสามารถของตนเอง
5.2.2 นกั เรียนสามารถอธิบายในเน้ือหาหนว่ ยการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้
5.3 ห่วงท่ี 3 การมีภมู ิคมุ้ กนั ที่ดี
5.3.1 นักเรยี นมีทกั ษะกระบวนการด้านความคิด และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ได้จริง
5.3.2 นกั เรยี นเกิดองคค์ วามรใู้ หม่และไดร้ บั การพัฒนาการดา้ นพ้ืนฐานการโปรแกรม
5.3.3 นกั เรยี นสามารถแก้ปัญหา สถานการณต์ า่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ขนึ้ ในอนาคต
5.4 เงอ่ื นไขท่ี 1 ความรู้
นกั เรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจในเร่ือง
5.4.1 บอกความหมายของแถวลำดับได้ถกู ต้อง
5.4.2 บอกประเภทของตัวแปรแถวลำดบั ไดถ้ กู ตอ้ ง
5.4.3 สามารถอธบิ ายเก่ียวกับตวั แปรแถวลำดับได้ถกู ตอ้ ง
5.4.4 สามารถอา้ งถึงตัวแปรแถวลำดับได้ถูกตอ้ ง
5.4.5 สามารถเขียนโปรแกรมเกีย่ วกบั ตวั แปรแถวลำดับได้
5.5 เง่อื นไขท่ี 2 คุณธรรม
นกั เรยี นควรมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดังน้ี
5.5.1 การปฏิบัติตามกฎระเบยี บของสถานศึกษา
5.5.2 ความตรงตอ่ เวลา
5.5.3 ความสนใจปฏบิ ัตงิ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมายดว้ ยความกระตือรือรน้
5.5.4 มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ี มีจิตอาสา
5.5.5 มีความสะอาดและเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย
5.5.6 มีความซอ่ื สัตยต์ ่อตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เห็นคณุ ค่าและมเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ รายวิชาที่ศึกษา
5.6 การเชอ่ื มโยง 4 มติ ิ
5.6.1 มิตดิ ้านสงั คม : สามารถออกไปทำงานรว่ มกับผู้อนื่ ไมส่ ร้างความเสอ่ื มเสียใหแ้ ก่
องคก์ รและ สังคมใหเ้ กิดความเสียหาย
5.6.2 ดา้ นวัฒนธรรม : นำทกั ษะท่มี อี อกไปชว่ ยเหลอื ในงานบญุ ประเพณี ในการ
จัดลำดบั
ในการทำงาน
5.6.3 ดา้ นเศรษฐกจิ : สามารถนำหลักการโปรแกรม ไปวางแผนในการทำงาน เพ่ือให้
สามารถทำงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
5.6.4 ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม : รู้จกั การใช้คอมพวิ เตอรอ์ ย่างถูกต้อง ดูแลและเกบ็ รกั ษาได้อยา่ ง
ถูกวิธี
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมครู กจิ กรรมผู้เรยี น
ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น (สปั ดาห์ละ 30 นาที) ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรียน (30 นาที)
1. ครพู ดู เกี่ยวการใช้งานโปรแกรม 1. นกั เรยี นแสดงความคดิ เห็น และ
ท่มี ีการใชง้ านตวั แปร ยังมีตัวแปรอีกชนดิ หนงึ่ ที่ ตอบคำถาม
เรยี กว่า กลุม่ ตวั แปร ทสี่ ามารถเกบ็ ข้อมูล และ 2. นกั เรียนยกตวั อยา่ ง ลักษณะของ
อ้างอิงข้อมูล โดยการตงั้ ในลกั ษณะ แถวลำดับ แถวลำดับ ตามทีน่ กั เรียนเข้าใจ พร้อมถามเพือ่ น
2. ครยู กตวั อย่างลกั ษณะแถวลำดับ ว่ามีความคิดเห็นอยา่ งไร
เช่น
ขบวนรถไฟ หอ้ งแถว ตึกอาพาตเมน็ ต์ ขณะเรียน (100 นาท)ี
ขัน้ ดำเนนิ การสอน ( 100 นาที) 1. ฟงั ทำความเข้าใจและซักถาม ศึกษาเอกสาร
1.บอกจุดประสงคก์ ารเรยี น 2. ฟงั อยา่ งตัง้ ใจ ปฏบิ ัติตามตวั อย่าง ถามเมือ่ มี
2.บรรยาย อธิบาย ยกตวั อยา่ ง ลงมือปฏิบตั ิ ใน ปญั หา
แต่ละหวั ข้อการเรียนและให้นักศึกษาศกึ ษาไป 3. ลงมือเขียนโปรแกรม ผลของโปรแกรม
พร้อมกนั อธบิ ายตามความเขา้ ใจ ลงในสมุดบนั ทกึ
3. ให้คำแนะนำ 4. ทำแบบฝึกหดั
4. ให้นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั 5. นักเรยี นเปลีย่ นกันตรวจแบบฝกึ หัด ให้
5. เฉลยแบบฝึกหดั คะแนน
ขั้นสรปุ (สปั ดาห์ละ 30 นาท)ี ขั้นสรปุ (สปั ดาห์ละ 30 นาท)ี
1.ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ สาระสำคัญ 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปสาระสำคญั
2.เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามข้อสงสัย 2. นักเรียนสอบถามข้อสงสัย
3. ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน ในเวลาวา่ ง
3.ครูแนะนำใหผ้ ู้เรยี น ไปศกึ ษาเอกสารหน่วย
ถดั ไป
7. สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาซี
2. ใบความรู้ประจำหน่วย
3. เคร่ืองโปรเจคเตอร์
8. วดั ผลประเมนิ ผล
1. สังเกต การตอบคำถาม
2. ปฏิบตั ิตามใบงานและตรวจแบบฝึกหัด
9. กิจกรรมเสนอแนะ
1. ผูเ้ รยี นตอ้ งศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนอยา่ งต้งั ใจ และมสี มาธิ
2. ผเู้ รยี นควรหม่นั ฝกึ ตามตัวอยา่ ง เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจการเขยี นโปรแกรมมากยงิ่ ขน้ึ
3. ในขณะทำแบบฝกึ ปฏบิ ตั แิ ละแบบฝึกหดั ควรใหน้ ักเรียนร่วมกันทำกบั เพื่อนท่เี พ่อื ทจี่ ะได้
ชว่ ยเหลอื กนั และอธบิ ายในส่วนทย่ี งั ไม่เขา้ ใจ
10.เกณฑก์ ารประเมินผล
วดั ผลสัมฤทธิ์จากแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้
รอ้ ยละ 80-100 หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก
ผลการเรียนดี
ร้อยละ 70-79 หมายถงึ ผลการเรยี นปานกลาง
ผลการเรียนผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60-69 หมายถึง ผลการเรยี นไม่ผ่านเกณฑ์
รอ้ ยละ 50-59 หมายถงึ มพี ฤตกิ รรมดี
มีพฤติกรรมพอใช้
ต่ำกวา่ รอ้ ยละ 50 หมายถึง มพี ฤตกิ รรมที่ต้องปรับปรงุ
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมรายบุคคล
8-10 คะแนน หมายถงึ
5-7 คะแนน หมายถึง
ตำ่ กวา่ 5 คะแนน หมายถึง
บนั ทึกหลังการสอน (ปญั หาและข้อเสนอแนะ)
ข้อสรปุ หลงั การจัดการเรยี นรู้
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.........................................................................................................
ปัญหาทพ่ี บ
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
แนวทางการแก้ปญั หา
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................
แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 8
วิชา หลักการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบื้องต้น รหัสวิชา 30900-0002 ชน้ั ปวส. 1 สัปดาหท์ ี่ 15
เรอ่ื ง ตวั แปรโครงสรา้ ง เวลา 4 ชั่วโมง
1. สาระสำคญั
โครงสรา้ งข้อมลู เปน็ การกำหนดตวั แปรขึ้นมาใหม่ โดยการนำตวั แปรพ้ืนฐานทมี่ ีอยูแ่ ลว้ ใน
ภาษาซีมารวมกัน กลายเป็นโครงสรา้ งขอ้ มลู แบบใหม่ ภายใตช้ ่ือตวั แปรใหม่ ทปี่ ระกอบดว้ ยขอ้ มลู ท่ี
ตา่ งชนดิ กนั ทำให้ข้อมูลมลี กั ษณะเปน็ เรคคอรด์ เหมือนโครงสร้างของโปรแกรมฐานข้อมลู ทวั่ ไป
2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้
สามารถกำหนดและเรียกใช้งานตวั แปรโครงสรา้ งได้ถกู ต้อง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป (จุดประสงคน์ ำทาง)
3.1.1 ศกึ ษาความหมายตวั แปรโครงสรา้ ง
3.1.2 ศกึ ษารปู แบบการประกาศตวั แปรโครงสรา้ ง
3.1.3 ศกึ ษาการประกาศตวั แปรแบบโครงสรา้ ง
3.1.4 ศกึ ษาการอา้ งถงึ สมาชกิ ของตัวแปรโครงสร้าง
3.1.5 ศกึ ษาการกำหนดค่าให้กับตวั แปรโครงสรา้ ง
3.1.6 ศกึ ษาการแสดงผลข้อมูลแบบโครงสรา้ ง
3.2 จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (จดุ ประสงค์ปลายทาง)
3.2.1 บอกความหมายตวั แปรโครงสรา้ งได้
3.2.2 บอกรปู แบบการประกาศตวั แปรโครงสรา้ งได้
3.2.3 สามารถประกาศตัวแปรแบบโครงสรา้ งไดถ้ ูกต้อง
3.2.4 สามารถอ้างถึงสมาชิกของตัวแปรโครงสรา้ งได้
3.2.5 สามารถกำหนดคา่ ใหก้ ับตวั แปรโครงสรา้ งได้
3.2.6 สามารถแสดงผลขอ้ มูลแบบโครงสร้างได้
4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ตัวแปรโครงสรา้ ง
4.2 การประกาศรูปแบบโครงสรา้ ง
4.3 การประกาศตวั แปรโครงสรา้ ง
4.4 การประกาศรูปแบบและตัวแปรโครงสรา้ ง
4.5 การอา้ งถึงสมาชกิ ตวั แปรโครงสรา้ ง
4.6 การกำหนดค่าเร่ิมตน้ ใหก้ ับตวั แปรโครงสรา้ ง
4.7 การใชต้ วั แปรแถวลำดบั กบั ตวั แปรโครงสรา้ ง
5. วเิ คราะหต์ ามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
5.1 ห่วงท่ี 1 ความพอประมาณ
5.1.1 นกั เรยี นรูจ้ ักใช้อปุ กรณด์ า้ นคอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งระมดั ระวังและใช้อยา่ งคมุ้ คา่
5.1.2 นักเรยี นมอี ุปกรณ์ สมดุ หนงั สอื ของตนเอง
5.1.3 การประหยัด ใชเ้ วลาในการทำแบบฝกึ หัดนอ้ ย ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้า
5.2 ห่วงท่ี 2 ความมเี หตผุ ล
5.2.1 นักเรียนสามารถทำใบงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายใหต้ ามความรูค้ วามสามารถของตนเอง
5.2.2 นักเรยี นสามารถอธบิ ายในเนอ้ื หาหนว่ ยการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองได้
5.3 หว่ งท่ี 3 การมภี มู ิคุ้มกันท่ดี ี
5.3.1 นักเรยี นมที กั ษะกระบวนการดา้ นความคิด และสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้จรงิ
5.3.2 นกั เรียนเกิดองคค์ วามรใู้ หม่และไดร้ บั การพัฒนาการดา้ นพื้นฐานการโปรแกรม
5.3.3 นกั เรียนสามารถแก้ปญั หา สถานการณต์ า่ ง ๆ ท่เี กดิ ขนึ้ ในอนาคต
5.4 เงอื่ นไขท่ี 1 ความรู้
นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจในเรือ่ ง
5.4.1 บอกความหมายตวั แปรโครงสรา้ งได้
5.4.2 บอกรปู แบบการประกาศตวั แปรโครงสรา้ งได้
5.4.3 สามารถประกาศตัวแปรแบบโครงสรา้ งไดถ้ ูกตอ้ ง
5.4.4 สามารถอา้ งถึงสมาชกิ ของตวั แปรโครงสรา้ งได้
5.4.5 สามารถกำหนดคา่ ใหก้ ับตัวแปรโครงสรา้ งได้
5.4.6 สามารถแสดงผลขอ้ มลู แบบโครงสรา้ งได้
5.5 เง่ือนไขที่ 2 คุณธรรม
นกั เรยี นควรมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดงั น้ี
5.5.1 การปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสถานศึกษา
5.5.2 ความตรงต่อเวลา
5.5.3 ความสนใจปฏิบัตงิ านทไ่ี ด้รับมอบหมายดว้ ยความกระตอื รือรน้
5.5.4 มีความรบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ี มจี ิตอาสา
5.5.5 มีความสะอาดและเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย
5.5.6 มคี วามซ่ือสัตยต์ อ่ ตนเองและส่วนรวม
5.5.7 เห็นคณุ คา่ และมเี จตคตทิ ด่ี ีตอ่ รายวชิ าที่ศึกษา