บทเรียนรายวิชาภาษาไทย ลิลิตตะเลงพ่าย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
แบบเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม ไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๔ - ๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของ วรรณคดีและวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถเรียงลำ ดับเหตุการณ์ที่อยู่ในเรื่องได้อย่างถูกต้อง ๒. นักเรียนสามารถแปลความหมายของบทประพันธ์ในเรื่องได้อย่างถูกต้อง ๓. นักเรียนสามารถอภิปรายคุณค่าที่ได้รับจากเรื่องได้อย่างถูกต้อง
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บทเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำ หรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ จัดทำ ขึ้น เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ให้กับผู้ เรียน โดยภายในเล่มเนื้อหาประกอบด้วย คู่มือผู้สอนและคู่มือผู้เรียน แบบทดสอบก่อน เรียน ประวัติผู้แต่ง เนื้อเรื่องย่อ ลักษณะคำ ประพันธ์ บทประพันธ์ในเรื่อง เกร็ดความรู้ เพิ่มเติม แบบฝึกหัด และแบบทดสอบหลังเรียน รวมทั้งหมด ๙ องค์ประกอบ คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ จะช่วยให้ผู้เรียน เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น สามารถช่วยยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รวมทั้งเป็น ประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษานำ ไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงการเรียนการสอนและสื่อ ทางการศึกษาต่อไป โดยหากมีข้อบกพร่องประการใดในการจัดทำ หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ทางคณะผู้จัดทำ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ คณะผู้จัดทำ คำ นำ ก
เรื่อง คำ นำ สารบัญ คู่มือครูผู้สอน คู่มือผู้เรียน แบบทดสอบก่อนเรียน ประวัติผู้แต่ง เนื้อเรื่องย่อ ลักษณะคำ ประพันธ์ บทประพันธ์ในเรื่อง เกร็ดความรู้เพิ่มเติม แบบฝึกหัด ตอนที่ ๑ แบบฝึกหัด ตอนที่ ๒ แบบทดสอบหลังเรียน ภาคผนวก บรรณานุกรม สารบัญ หน้า ข ก ข ๑ ๒ ๓ ๑๒ ๑๓ ๑๖ ๑๙ ๓๒ ๔๕ ๔๖ ๕๓ ๖๑ ๘๗
บทเรียนที่นักเรียนกำ ลังศึกษานี้ เรียกว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทยที่ใช้ประกอบการเรียนและเป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ที่นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง โดยนักเรียนอ่านคำ แนะนำ และปฏิบัติ ตามขั้นตอน โดยในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทยนี้ ประกอบด้วย ๑. ประวัติผู้แต่ง ๒. เรื่องย่อ ๓. บทประพันธ์ ๔. คำ ศัพท์ยาก ๕. เกร็ดความรู้ ๖. วรรณศิลป์และภาพพจน์ ขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทยสำ หรับผู้สอน ๑. ศึกษาเนื้อหาล่วงหน้าอย่างละเอียดก่อนจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ๒. จัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ เครื่องมือที่จะใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรม การเรียนรู้วิชาภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย ๓. จัดชั้นเรียนให้เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และเตรียมชุดการเรียนรู้วิชา ภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย ประกอบการเรียนรู้ให้ครบตามจำ นวนนักเรียน ๔. ชี้แจงบทบาทของนักเรียนในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ๕. ดำ เนินกิจกรรมตามลำ ดับขั้นตอน (ตามแผนการจัดการเรียนรู้) โดยมีขั้นตอนแยก ย่อยในรายชั่วโมง ดังนี้ ๕.๑ กระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้คำ ถามทบทวนความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนใหม่ ๕.๒ เปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรมการ เรียนรู้ในข้อที่ยังไม่เข้าใจ ๕.๓ ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้ด้วยตนเองและคอยให้คำ แนะนำ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดที่มีอยู่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจากใบความรู้ ๕.๔ สรุปความรู้จากการศึกษาเพื่อนำ ความรู้ที่เกิดขึ้นไปต่อยอดในเนื้อหาของ บทเรียนต่อไป ๕.๕ เมื่อทำ ใบกิจกรรมครบแล้วให้นักเรียนทำ แบบทดสอบหลังเรียน ๖. สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนอย่างใกล้ชิด หากพบปัญหามีการให้คำ แนะนำ กับนักเรียนและร่วมกันแก้ไข คู่มือครูผู้สอน ๑
บทเรียนที่นักเรียนกำ ลังศึกษานี้ เรียกว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทยที่ใช้ประกอบการเรียนและเป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ที่นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง โดยนักเรียนอ่านคำ แนะนำ และปฏิบัติ ตามขั้นตอนด้วยความซื่อสัตย์และตั้งใจ ดังนี้ ๑. ศึกษาคำ แนะนำ สำ หรับนักเรียนและแผนผังขั้นตอนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ให้เข้าใจอย่างชัดเจน ๒. นักเรียนทำ แบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อเป็นการวัดความรู้พื้นฐานของนักเรียน ๓. นักเรียนศึกษาสาระสำ คัญ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดและจุดประสงค์การเรียนรู้ ๔. ลงมืออ่านและทำ แบบฝึกหัดจากแบบเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย สำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ และเมื่อทำ แบบฝึกหัดต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ ตรวจคำ ตอบได้จากเฉลยในส่วนภาคผนวกของเล่ม ๕. นักเรียนทำ แบบทดสอบหลังเรียนเพื่อเป็นการวัดประเมินผลการเรียนรู้ในบทเรียน ทั้งหมดนักเรียนต้องตั้งใจทำ แบบทดสอบหลังเรียน เพราะการสอบครั้งนี้ทำ ให้ทราบว่า นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจบทเรียนมากน้อยเพียงน้อยเพียงใด ๖. ตรวจคำ ตอบจากเฉลยแบบฝึกหัดทดสอบหลังเรียน นักเรียนต้องทำ แบบทดสอบ หลังเรียนได้ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไปจึงจะผ่านเกณฑ์ ถ้านักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำ หนดให้ ทบทวนเนื้อหาแล้วทำ แบบทดสอบหลังเรียนอีกครั้ง คู่มือผู้เรียน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ศึกษาคำ แนะนำ ทำ แบบ ทดสอบก่อน เรียน ศึกษาสาระ สำ คัญ อ่านและทำ แบบฝึกหัด ทำ แบบ ทดสอบหลัง เรียน ตรวจคำ ตอบ ๒
๑. ลิลิตตะเลงพ่ายใช้คำ ประพันธ์ประเภทใด (ความรู้ความจำ ) ก. ร่ายและโคลง ข. กลอนและกาพย์ ค. ฉันท์และร่าย ง. กาพย์และโคลง ๒. ข้อใดเป็นคำ ที่มีความหมายว่า “จระเข้” (ความรู้ความจำ ) ก. สฤคาล ข. ดุรงค์ ค. มัชชาระ ง. สุงสุมาร แบบทดสอบก่อ ก่ นเรีย รี น คำ ชี้แจง ให้นักเรียนทำ เครื่องหมาย X หน้าข้อที่ถูกต้อง เพียงคำ ตอบเดียว ๓. พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ด้วยอาวุธใด (ความรู้ความจำ ) ก. ง้าว ข. ปืน ค. ดาบ ง. มีด ๓ สแกนเพื่อทำ แบบทดสอบก่อนเรียนผ่านโปรแกรม quizizz
๔. จงเจริญชเยศด้วย ชาวอยุธย์อย่าพะ จงแพ้พินาศพระ ชนะแด่สองท่านไท้ (วรรณคดีวิจักษ์, หน้า ๕๑) จากบทประพันธ์ข้างต้น สามารถอนุมานได้ว่าผู้พูดคือใคร (วิเคราะห์) ก. พระมหาอุปราชา ข. พระเจ้าอยู่หัวบุเรงนอง ค. พระเจ้าหงสาวดี ง. พระยาศรีไสยณรงค์ เดชะ พ่อได้ วิริยภาพ พ่อนา ธิราชเจ้าจอมสยาม ๕. บทประพันธ์ในข้อใด ตรงกับการใช้คำ ซ้ำ เพื่อเน้นความหมาย (วิเคราะห์) ก. สลัดไดใดสลัดน้อง เพราะเพื่อมาราญรอน สละสละสมร นึกระกำ นามไม้ ข. สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง สายบ่หยุดเสน่ห์หาย กี่คืนกี่วันวาย ถวิลทุกขวบค่ำ เช้า แหนงนอน ไพรฤา เศิกไสร้ เสมอชื่อ ไม้นา แม่นแม้นทรวงเรียม ยามสาย ห่างเศร้า วางเทวษ ราแม่ หยุดได้ฉันใด ๔
ค. จงจำ คำ พ่อไซร้ จงประสิทธิ์สมพร จงเรืองพระฤทธิ์ธอน จงพ่อลุลาภได้ ง. เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง รักดั่งรักนุชพาง ช้องนางเฉกช้องนาง โศกพี่โศกสมด้วย สั่งสอน พ่อให้ อริราช เผด็จด้าวแดนสยาม นวลปราง พี่ม้วย คลายคลี่ ลงฤา ดั่งไม้นามมี ๖. การเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เส้นทางใดปรากฎอยู่ในเนื้อเรื่อง (ความรู้ความจำ ) ก. บ้านหนองตะแบง ข. ปากโมก ค. บ้านสระบุรี ง. กรุงธนบุรี ๗. จากในเรื่องฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ทรงฝันถึงการต่อสู้กับจระเข้ และจระเข้ ในที่นี้คือใคร (ความรู้ความจำ ) ก. พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ข. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ค. พระมหาอุปราชา ง. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๕
๘. พระผาดผายสู่ห้อง หนุ่มเหน้าพระสนม ปวงประนมนบเกล้า อยู่ถ้าทูลสนอง กรตระกองกอดแก้ว คลาตเคล้าคลาสมร จำ ใจจรจากสร้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล (วรรณคดีวิจักษ์, หน้า ๕๑) จากบทประพันธ์ข้างต้น ใช้คำ ประพันธ์ใดในการแต่ง (ความเข้าใจ) ก. กาพย์ยานี ๑๑ ข. โคลงสองสุภาพ ค. ร่ายสุภาพ ง. อินทรวิเชียร์ฉันท์ หาอนุชนวลน้อง งามเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้า เรียมจักร้างรสแคล้ว แม่อย่าละห้อย ๙. เพราะเหตุใดพระเจ้าหงสาวดียกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา (ความเข้าใจ, วิเคราะห์) ก. เพราะต้องเครื่องเทศน์ ข. เพราะทราบว่ากรุงศรีอยุธยามีความอุดมสมบูรณ์ ค. เพราะต้องการความสะใจ ง. เพราะทราบว่ากษัตริย์ไทยคือพระมหาธรรมราชาสวรรคต จึงคาดการณ์ ว่าพระราชโอรสทั้งสองจะชิงราชสมบัติกัน ๖
๑๐. คำ ว่า ยุทธหัตถี หมายถึงอะไร (ความรู้ความจำ , ความเข้าใจ) ก. การต่อสู้กันบนหลังม้า ข. ความขัดแย้งเป็นวงกว้าง ค. การต่อสู้กันบนหลังช้าง เป็นวิธีการรบอย่างกษัตริย์ในสมัยโบราณ ง. การต่อสู้กันระหว่างฝ่ายมอญและฝ่ายล้านนา ๑๑. “แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์ สร่างเคราะห์” (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๖๕) จากข้อความดังกล่าวคือเหตุการณ์ในข้อใด (ความเข้าใจ) ก. พระเจ้านันบุเรงทรงอวยพรพระมหาอุปราชา ข. สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสประชดสมเด็จพระเอกาทศรถ ค. แม่ทัพใหญ่ของพม่ากล่าวกับหมู่ทหาร ง. พระเจ้านันบุเรงทรงกริ้วและตรัสประชดพระมหาอุปราชา ๑๒. จากเรื่องตัวละครใดที่นักเรียนสามารถนำ มาเป็นแบบอย่างในทางที่ดีในด้านการ มีสติปัญญาและไหวพริบเป็นเลิศ (นำ ไปใช้) ก. สมเด็จพระเอกาทศรถ ข. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ค. พระมหาอุปราชา ง. พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ๗
๑๓. ข้อใดเป็นคำ ที่มีความหมายแตกต่างจากคำ ว่า “กมลาสน์” (ความรู้ความจำ ) ก. จัตุพักตร์ ข. กฤษณะ ค. นิรท ง. ธาดา ๑๔. บัดมงคลพ่าห์ไท้ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด อุกคลุกพลุกเงยงัด เบนบ่ายหงายแหงนให้ (วรรณคดีวิจักษ์, หน้า ๖๒) จากบทประพันธ์ข้างต้น แสดงให้เห็นว่าฝ่ายใดกำ ลังได้เปรียบในการต่อสู้ (วิเคราะห์) ก. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ข. สมเด็จพระเอกาทศรถ ค. พระมหาอุปราชา ง. พระเจ้าบุเรงนอง ทวารัติ ตกใต้ คอคช เศิกแฮ ท่วงท้อทีถอย ๑๕. ข้อใดเป็นสัตว์ที่อยู่ในพระสุบินของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ความเข้าใจ) ก. ไกรสร ข. กุมภีล์ ค. อัศว ง.คชสาร ๘
๑๖. ข้อใดมีภาพพจน์อุปลักษณ์โวหารปรากฏในบทประพันธ์ (วิเคราะห์) ก. ไพรินทรนาศเพี้ยง พระดั่งองค์อวตาร แสนเศิกห่อนหาญราญ ดาลตระดกเดชลี้ ข. นางแย้มเหมือนแม่แย้ม ใบโบกกลกวักอรม ช้องนางคลี่สาหร่ายขจร เชิญราชชมไม้ไหล้ ค. หัสดินปิ่นธเรศไท้ คือสมิทธิมาตงค์ หนึ่งคือคิริเมขล์มง เศียรส่ายหงายงาคว้าง ง. พระคุณตวงเพียบพื้น เต็มตรตลอดแหล่งบน พระเกิดพระก่อชนม์ เกรงบ่ทันลูกได้ พลมาร แต่กี้ รอฤทธิ์ พระฤา ประลาตหล้าแหล่ง ยวนสมร เรียกไท้ โบกเรียกพระฤา กิ่งก้มถวายก โททรง หนึ่งอ้าง คลอาสน์ มารเอย ไขว่แคว้งแทงโถม ภูวดล บ่อนใต้ ชุบชีพ มานา กลับเต้าตอบสนอง ๙
๑๗. สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง สายบ่หยุดเสน่ห์หาย กี่คืนกี่วันวาย ถวิลทุกขวบค่ำ เช้า (วรรณคดีวิจักษ์, หน้า ๕๓) จากบทประพันธ์ข้างต้น ปรากฏวรรณศิลป์ใดชัดเจนที่สุด (วิเคราะห์) ก. การสัมผัส ข. การซ้ำ คำ ค. การสรรคำ ง. การเล่นคำ ๑๘. เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง รักดั่งรักนุชพาง ช้องนางเฉกช้องนาง โศกพี่โศกสมด้วย (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๗๙) จากบทประพันธ์ข้างต้น ปรากฏภาพพจน์อุปมาโวหารทั้งหมดกี่คำ (วิเคราะห์) ก. ๓ คำ ข. ๔ คำ ค. ๕ คำ ง. ๖ คำ ยามสาย ห่างเศร้า วางเทวษ ราแม่ หยุดได้ฉันใด นวลปราง พี่ม้วย คลายคลี่ ลงฤา ดั่งไม้นามมี ๑๐
๑๙. โบราณมีความเชื่อเรื่องความฝัน มีทั้งหมดกี่ประเภทและมีอะไรบ้าง (ความรู้ความจำ ) ก. ๓ ประเภท ได้แก่ บุพนิมิต จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ ข. ๓ ประเภท ได้แก่ จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุเหล็ก ค. ๔ ประเภท ได้แก่ บุพนิมิต จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุโขภ ง. ๔ ประเภท ได้แก่ บุพนิมิต จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ ธาตุเหล็ก ๒๐. “…..ถับถึงโคกเผาเข้า พอยามเช้ายังสาย หมายประมาณโมงครบ ประทบทัพ รามัญ ประทันทัพพม่า ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแขงเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อุดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงเห่เอาชัย สาดปืนไฟยะแย้ง แผลงปืนพิษยะยุ่ง พุ่งหอกใหญ่คะ คว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาด งาง้าวฟาดฉะฉับ…..” (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๑๑๖) จากบทประพันธ์ข้างต้น ปรากฏวรรณศิลป์ใดชัดเจนที่สุด (วิเคราะห์) ก. การใช้สัมผัสวรรณยุกต์ ข. การใช้คำ ซ้ำ ค. การใช้สัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ ง. การสรรคำ ๑๑
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระนามเดิม คือ พระองค์เจ้า วาสุกรี เป็นลูกเจ้าพระยาเธอองค์ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ ผนวชเมื่อพระชนมายุ ๑๒ พรรษา ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ ที่ ๗ แห่งอาณาจักรรัตนโกสินทร์ ทรงศึกษาหนังสือไทยและภาษาบาลี มีพระปรีชาสามารถ ด้านการประพันธ์ประเภทโคลง ร่าย และฉันท์ มีผลงานอันเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ เป็นจำ นวนมาก เช่น ลิลิตตะเลงพ่าย ปฐมสมโพธิกถา กฤษณาสอนน้องคำ ฉันท์ ฉันท์ดุษฎี สังเวยกล่อมช้างพัง สรรพสิทธิ์คำ ฉันท์ เป็นต้น สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๖๖ ประวัติผู้แต่ง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส รางวัลและ วันสำ คัญ ๑๑ ธันวาคม เป็นวันกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสเป็นบุคคลดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดับโลก เมื่อครั้งวันคล้ายประสูติครบ ๒๐๐ ปี ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ๑๒
เริ่มตอนต้นเรื่องกล่าวถึงฝ่ายพม่าซึ่งขณะนั้นพระเจ้านันทบุเรงโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง ครองราชย์ ทรงทราบว่ากษัตริย์ไทยคือพระมหาธรรมราชาสวรรคต ทรงคาดการณ์ว่า พระราชโอรส ทั้งสอง คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระเอกาทศรถจะชิงราชสมบัติกัน จึงตรัสสั่งให้พระมหา อุปราชากรีธาทัพใหญ่ถึงแสนห้ามาตีกรุงศรีอยุธยา โหรทำ นายพระมหาอุปราชาว่าพระองค์เคราะห์ ร้ายถึงฆาตทำ ให้พระเจ้านันทบุเรงนองกริ้วถึงกับตรัสประชดว่า “แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่า ยาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์” พระมหาอุปราชาจึงเกิดขัตติยมานะกรีธา ทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา เนื้อเรื่องย่อ เมื่อพระมหาอุปราชากรีธาทัพ เข้าถึงตำ บลพนมทวนในเวลาใกล้ค่ำ ก็เกิดลมเวรัมภา พัดถูกฉัตรหัก เป็นลาง ไม่ดี แต่โหรใช้คำ ปฏิภาณทำ นายเลี่ยง เสียว่าถ้าเกิดเวลาเช้าจะไม่ดี แต่เมื่อ เกิดยามเย็นเช่นนี้จะดี จะได้ชนะศึก ๑๓ ที่มา : https://youtu.be/Kj1FEONYS5A?si=3jGx-NpbFSM0H1AG ที่มา : https://youtu.be/Kj1FEONYS5A?si=3jGx-NpbFSM0H1AG
เมื่อทัพหลวงเคลื่อน เจ้าพระยาไชยานุภาพช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรฯ และ เจ้าพระยาปราบไตรจักรช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถเกิดตกมัน ฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก ทรงมองเห็นข้าศึกสวมเทริดและมีฉัตรกั้นอยู่ถึงสิบหกคน จึงทรงเร่งขับช้างตามหาพระมหาอุป ราชา พระองค์ทรงเห็นพญาช้างเชือกหนึ่งกั้นฉัตรอยู่ใต้ต้นข่อย ทรงมีพระราชดำ ริว่าน่าจะเป็น ขุนศึกของพม่าจึงขับช้างบ่ายหน้าเข้าพบพระมหาอุปราชา เชิญพระมหาอุปราชารบกันด้วยช้าง คำ พรรณนาของสมเด็จพระนเรศวรฯ ทำ ให้พระมหาอุปราชาเกิดขัตติยมานะขึ้น จึงขับช้างเข้ารบ ปะทะด้วยทันที ทันใดนั้น จึงเงื้อพระแสงของ้าวแสนพลพ่ายฟันลงไป พระอุระของพระมหาอุปราชาถูกฟัน ขาดเป็นรอยแยกจากกัน พระวรกายเอนฟุบลงบนคอช้าง พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ทำ ให้ สมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ชัยชนะยุทธหัตถีจากพม่า ทางฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรฯ ในคืนนั้น ประทับค้างคืนที่ปากโมกเกิดศุภนิมิตแรก คือ ทรงสุบินว่ามีน้ำ ท่วมมาทางทิศตะวันตก (ทิศที่ตั้งของพม่า) พระองค์ลุยน้ำ เชี่ยวไปเจอจระเข้ ต่อสู้กับ จระเข้แล้วพระองค์ทรงสามารถฟันจระเข้ตาย น้ำ ที่ท่วมนั้นก็เหือดแห้งหายไป โหรทำ นายว่าน้ำ ที่ ท่วมมาทางทิศตะวันตกนั้นคือกองทัพพม่า จระเข้คือพระมหาอุปราชา การที่พระองค์ต่อสู้กับจระเข้ ก็คือจะได้ทำ ยุทธหัตถีกันและพระองค์จะได้ชนะยุทธหัตถีในครั้งนี้ ศุภนิมิตอันดับที่สอง คือ ในตอนที่ จะเคลื่อนทัพได้ทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริกธาตุลอยมาจากทางทิศใต้ หมุนเวียนขวาหรือ ทักษิณาวรรตรอบกองทัพ ๓ รอบ แล้วผ่านไปทางทิศเหนือ เป็นนิมิตที่ดีว่าจะทรงชนะศึกครั้งนี้ เนื้อเรื่องย่อ ๑๔ ที่มา : https://youtu.be/Kj1FEONYS5A?si=3jGx-NpbFSM0H1AG
เนื้อเรื่องย่อ ทันใดนั้น จึงเงื้อพระแสงของ้าวแสนพลพ่ายฟันลงไป พระอุระของพระมหาอุปราชาถูกฟัน ขาดเป็นรอยแยกจากกัน พระวรกายเอนฟุบลงบนคอช้าง พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ทำ ให้ สมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ชัยชนะยุทธหัตถีจากพม่า ๑๕ ที่มา : https://youtu.be/Kj1FEONYS5A?si=3jGx-NpbFSM0H1AG ที่มา : https://youtu.be/Kj1FEONYS5A?si=3jGx-NpbFSM0H1AG
ร่ายสุภาพ ๑ บท จะมีความยาวกี่วรรคก็ได้ กำ หนดวรรคละ ๕ คำ มีสัมผัส คล้องจองกันทุกวรรค โดยท้ายร่ายจบลงด้วยโคลงสองสุภาพ และคำ สุดท้ายที่มา ก่อนจะส่งสัมผัสไปยังคำ ที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ก็ได้ ร่ายสุภาพไม่มีบังคับเอกโท เว้นแต่ การรับสัมผัสเท่านั้นที่กำ หนดว่า ถ้าส่งเอก ต้องรับด้วยเอก ถ้าส่งโท ต้องรับด้วยโท และท้ายร่ายต้องจบลงด้วยโคลงสองสุภาพ ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีที่แต่งด้วยลิลิตสุภาพ ประกอบด้วย ร่ายสุภาพ โคลง สองสุภาพ โคลงสามสุภาพ และโคลงสี่สุภาพ แต่งสลับกันไปมา เรียกว่า “การเข้าลิลิต” ทั้งหมดจำ นวน ๔๓๙ บท ลักษณะคำ ประพันธ์ ร่ายสุภาพ ๑๖
โคลงสองสุภาพ ๑ บท มี ๓ วรรค วรรคที่ ๑ และ ๒ มีจำ นวนวรรคละ ๕ คำ วรรคที่ ๓ มีจำ นวน ๔ คำ และสองคำ สุดท้ายเป็นคำ สร้อยจะมีหรือไม่มี ก็ได้ คำ สุดท้ายของวรรคที่หนึ่งสัมผัสกับคำ สุดท้ายของวรรคที่สอง มีการบังคับ เอกโท ได้แก่ เอก ๓ คำ โท ๓ คำ ลักษณะคำ ประพันธ์ โคลงสองสุภาพ โคลงสามสุภาพ โคลงสามสุภาพ ๑ บท มี ๔ วรรค วรรคที่ ๑ , ๒ และ ๓ มีจำ นวน ๕ คำ วรรคที่ ๔ มีจำ นวน ๔ คำ และอาจมีคำ สร้อยท้ายบทได้อีก ๒ คำ มีการบังคับเอกโท ได้แก่ เอก ๓ คำ โท ๓ คำ โดยคำ สุดท้ายของวรรคที่หนึ่งส่งสัมผัสไปยังคำ ที่ ๓ ของ วรรคที่สอง และคำ สุดท้ายของวรรคที่สองส่งสัมผัสไปยังคำ สุดท้ายของวรรคที่สาม ( ) ( ) ่ ่ ่ ้ ้ ้ ่ ่ ่ ้ ้ ้ ๑๗
ลักษณะคำ ประพันธ์ โคลงสี่สุภาพ โคลงสี่สุภาพ ๑ บท มี ๔ บาท วรรคหน้า มี ๕ คำ วรรคหลัง บาทที่ ๑ และ ๓ มีจำ นวน ๒ คำ (สามารถเพิ่มคำ สร้อยได้บาทละ ๒ คำ ) บาทที่ ๒ มีจำ นวน ๒ คำ และบาทที่ ๔ มีจำ นวน ๔ คำ มีการบังคับเอกโท ได้แก่ เอก ๗ คำ โท ๔ คำ คำ สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๑ ส่งสัมผัสไปยังคำ สุดท้ายของวรรค หน้าในบาทที่ ๒ และ ๓ คำ สุดท้ายของวรรคหลังในบาทที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำ สุดท้ายของวรรคหน้าในบาทที่ ๔ ( ) ( ) ่ ้ ้ ่ ่ ่ ่ ่ ่ ่ ้ ้ ้ ๑๘
ผผ ผู้เกิดภายหลัง, น้องสาว นางงามซึ่งเป็นที่รัก พูดด้วยน้ำ เสียงอ่อย ๆ ชวนให้สงสาร เคย ถอดคำ ประพันธ์ หลังจาก พระมหาอุปราชาเสด็จไปลานางสนมซึ่งร่ำ ไห้คร่ำ ครวญ และขอตาม เสด็จด้วย แต่พระมหาอุปราชาได้ตรัสว่าหนทางลำ บากนัก พระองค์จำ ใจจากเหล่า สนมไป ในไม่ช้าก็คงจะได้กลับคืนมา บทประพันธ์ในเรื่อง ๑. เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี พระผาดผายสู่ห้อง หนุ่มเหน้าพระสนม ปวงประนมนบเกล้า อยู่ถ้าทูลสนอง กรตระกองกอดแก้ว คลาตเคล้าคลาสมร จำ ใจจรจากสร้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล ฯลฯ หาอนุชนวลน้อง งามเสงี่ยมเฟี้ยมเฝ้า เรียมจักร้างรสแคล้ว อยู่แม่อย่าละห้อย คำ ศัพท์ประจำ บท อนุช สมร ละห้อย ห่อน หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง ๑๙ ฝึกฝนคำ ศัพท์
ภูบาลอื้นอำ นวย จงอยุธย์อย่าพ้น จงเจริญชเยศด้วย ชาวอยุธย์อย่าพะ จงแพ้พินาศพระ ชนะแด่สองท่านไท้ สงครามความเศิกซึ้ง จงพ่ออย่ายินยล อย่าลองคะนองตน การศึกลึกเล่ห์พื้น จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง เป็นประโยชน์ยุทธการ เอาใจทหารหาญ อย่าระคนปนใกล้ บทประพันธ์ในเรื่อง ๑. เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี (ต่อ) อวยพระพรเลิศล้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา เดชะ พ่อได้ วิริยภาพ พ่อนา ธิราชเจ้าจอมสยาม แสนกล แต่ตื้น ตามชอบ ทำ นา ล่อเลี้ยวหลอกหลอน โบราณ กล่าวไว้ เริงรื่น อยู่นา เกลือกกลั้วขลาดเขลา ชเยศ วิริยภาพ เศิก ยุทธการ คำ ศัพท์ประจำ บท หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง ชนะ ความเพียร, ความบากบั่น, ความกล้า ศึก การรบ, การทำ สงคราม ๒๐ ฝึกฝนคำ ศัพท์
ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากพระมหาอุปราชาเสด็จกราบทูลลาพระเจ้าหงสาวดีพระเจ้า นันทบุเรงตรัสอวยพรให้ได้รับชัยชนะ ขอให้กรุงศรีอยุธยาอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า ขอให้เจ้าจงได้รับชัยชนะ ด้วยเดชานุภาพ ชาวอยุธยาอย่าได้ทำ อันตรายเจ้าได้ พวกชาวอยุธยาจงพ่ายแพ้แก่ความพากเพียรของเจ้าขอให้ได้ชัยชนะทั้ง พระนเรศวรและพระเอกาทศรถ พระเจ้านันทบุเรงทรงชี้ให้เห็นถึงคำ โบราณท่าน สอนสั่งไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการรบ คือ ท่านว่าให้รู้จักเอาใจทหาร ทำ ให้เขา รู้สึกฮึกเหิมอยู่ตลอดเวลา และอย่าเข้าใกล้อย่างได้ไว้ใจคนขี้ขลาดและคนโง่ เป็นอันขาด บทประพันธ์ในเรื่อง ๑. เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี (ต่อ) ภูบาลอื้นอำ นวย จงอยุธย์อย่าพ้น จงเจริญชเยศด้วย ชาวอยุธย์อย่าพะ จงแพ้พินาศพระ ชนะแด่สองท่านไท้ สงครามความเศิกซึ้ง จงพ่ออย่ายินยล อย่าลองคะนองตน การศึกลึกเล่ห์พื้น จงแจ้งแห่งเหตุเบื้อง เป็นประโยชน์ยุทธการ เอาใจทหารหาญ อย่าระคนปนใกล้ อวยพระพรเลิศล้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา เดชะ พ่อได้ วิริยภาพ พ่อนา ธิราชเจ้าจอมสยาม แสนกล แต่ตื้น ตามชอบ ทำ นา ล่อเลี้ยวหลอกหลอน โบราณ กล่าวไว้ เริงรื่น อยู่นา เกลือกกลั้วขลาดเขลา ๒๑
กระบวน, หมู่, กองทัพ ความชนะ แตกต่าง, แยกออก, แตกออก สามารถ ปราบศัตรูให้มีกำ ลังน้อยลง ความเพียร, ความบากบั่น, ความกล้า ย่อม, ล้วนแล้วไปด้วย บทประพันธ์ในเรื่อง ๑. เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี (ต่อ) พยุห พิชัย แผก สมรรถ จืดเสี้ยน วิริยะยล เที้ยร คำ ศัพท์ประจำ บท หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้ เจนจิตวิทยาการ รู้เชิงพิชัยชาญ อาจจักรอนรณแผ้ว หนึ่งรู้บำ เหน็จให้ อันสมรรถมือผจญ อย่าหย่อนวิริยะยล แปดประการกลเที้ยร จงจำ คำ พ่อไซร้ จงประสิทธิ์สมพร จงเรืองพระฤทธิ์รอน จงพ่อลุลาภได้ ฯลฯ สบสถาน กาจแกล้ว ชุมค่าย ควรนา แผกแพ้พังหนี ขุนพล จืดเสี้ยน อย่างเกียจ ถ่องแท้ทางแถลง สั่งสอน พ่อให้ อริราช เผด็จด้าวแดนสยาม หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง ๒๒ ฝึกฝนคำ ศัพท์
ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากให้รู้จักวิธีจัดกระบวนทัพ ให้รอบรู้เจนจบตำ ราพิชัยสงครามเข้าใจ หลักการตั้งค่าย ซึ่งจะช่วยให้เอาชนะศึกสงครามได้ ให้รู้จักการปูนบำ เหน็จความดี ความชอบแก่แม่ทัพนายกองที่มีความสามารถในการปราบศัตรู จงขยันหมั่นเพียร อย่าย่อหย่อนอย่าเกียจคร้าน ทั้ง ๘ อย่างที่สั่งสอนมานี้ควรศึกษาให้ดี ขอให้จดจำ คำ สั่งสอนของพ่อไว้ ขอให้ประสบผลสำ เร็จสมดังพรที่พ่อให้ ขอให้เอาชนะข้าศึก เผด็จแผ่นดินสยามให้ได้ บทประพันธ์ในเรื่อง ๑. เหตุการณ์ทางกรุงหงสาวดี (ต่อ) หนึ่งรู้พยุหเศิกไสร้ เจนจิตวิทยาการ รู้เชิงพิชัยชาญ อาจจักรอนรณแผ้ว หนึ่งรู้บำ เหน็จให้ อันสมรรถมือผจญ อย่าหย่อนวิริยะยล แปดประการกลเที้ยร จงจำ คำ พ่อไซร้ จงประสิทธิ์สมพร จงเรืองพระฤทธิ์รอน จงพ่อลุลาภได้ ฯลฯ สบสถาน กาจแกล้ว ชุมค่าย ควรนา แผกแพ้พังหนี ขุนพล จืดเสี้ยน อย่างเกียจ ถ่องแท้ทางแถลง สั่งสอน พ่อให้ อริราช เผด็จด้าวแดนสยาม ๒๓
ชื่อลมพายุชนิดหนึ่ง เร็ว หายใจแผ่ว ๆ จวนจะหมดกำ ลัง ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากตอนที่พระมหาอุปราชายกทัพมาเกิดเหตุการณ์ที่เป็นลางร้าย ท้องฟ้า มืดคลุ้ม เกิดลมชื่อเวรัมภาพัดคลุ้ม พัดจนฉัตรบนช้างทรงหัก มองเห็นแต่ฝุ่นฟุ้ง รุนแรงหมุนพัดมาเหมือนจักรของพระนารายณ์ บทประพันธ์ในเรื่อง เวรัมภา จักรผัน กระเหม่น คำ ศัพท์ประจำ บท ๒. ลางร้ายของพระมหาอุปราชา เกิดเป็นหมอกมืดห้อง ลมชื่อเวรัมภา หวนหอบหักฉัตรา แลธุลีกลัดกลุ้ม พระพลันเห็นเหตุไซร้ ถนัดดั่งภูผาหลวง กระหม่ากระเหม่นทรวง หนักหฤทัยท่านร้อง ฯลฯ เวหา หนเฮย พัดคลุ้ม คชขาด ลงแฮ เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน เสียวดวง แดเอย ตกต้อง สั่นซีด พักตร์นา เรียกให้โหรทาย หมายถึง หมายถึง หมายถึง ๒๔ ฝึกฝนคำ ศัพท์
ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากน่าสงสารพระราชบิดา ที่จะทรงเปล่าเปลี่ยวและโศกเศร้าพระทัย พระองค์ทรงพระราชภาพมากแล้ว เกรงว่าจะทรงเพลี่ยงพล้ำ พ่ายแพ้ในศึกสยาม ครั้งนี้ การศึกสงครามในครั้งนี้เป็นที่หนักใจหนักหนา พระองค์ทรง หนาวเหน็บ พระทัย หากต้องตายไปในสนามรบใครจะนำ ร่างกลับไป ศพคงจะถูกทิ้งไว้ไร้คน เผาเป็นแน่ บทประพันธ์ในเรื่อง ภูธเรศ อุระ บพิตร เพลี่ยงพล้ำ เท้ง คำ ศัพท์ประจำ บท ๓. พระมหาอุปราชาทรงรำ พึงถึงพระราชบิดา เอ็นดูภูธเรศเจ้า เปลี่ยวอุระราชรันพระชนม์ชราครัน เกรงบพิตรจักแพ้ สงครามครานี้หนัก เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ ลูกตาย ฤ ใครเก็บ ผีจักเท้งที่โพล้ ฯลฯ จอมถวัลย์ ทดแท้ ครองภพ พระเอย เพลี่ยงพล้ำ ศึกสยาม ใจเจ็บ ใจนา อกโอ้ ผีฝาก พระเอย ที่เพล้ใครเผา หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน อก พระองค์ท่าน เสียที ทิ้ง ๒๕ ฝึกฝนคำ ศัพท์
หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง เดินอย่างมีลีลา เดิน จระเข้ รู้สึกเยือกเย็น หวาดหวั่นหรือกลัวจนตัวสั่น ทะเล พระราชา จระเข้ การสิ้นไป, การเสื่อมไป บทประพันธ์ในเรื่อง ย่างเยื้อง จรลี กุมภีล์ สระท้าน ชลธี นฤบดี สุงสุมาร กษัย คำ ศัพท์ประจำ บท ๔. พระสุบินและพระนิมิตของสมเด็จพระนเรศวร พระกรายกรย่างเยื้อง ลุยมหาวารี พอพานพะกุมภีล์ โถมปะทะเจ้าช้าง พระทรงแสงดาบแก้ว โจมประจัญฟันฟอน ต่างฤทธิ์ต่างรบรอน สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำ นฤบดีโถมถีบสู้ ฟอนฟาดสุงสุมาร สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์ พระเร่งปรีดาด้วย ฯลฯ จรลี เรี่ยวกว้าง หนึ่งใหญ่ ไสร้นา จักเคี้ยวขบองค์ กับกร เฟื่องน้ำ ราญชีพ กันแฮ ท่งท้องชลธี ศึกธาร มอดม้วย หายเหือด แห้งแฮ เผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ๒๖ ฝึกฝนคำ ศัพท์
ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากสมเด็จพระนเรศวรเสด็จพระราชดำ เนินลุยกระแสน้ำ อันไหลเชี่ยว กว้างใหญ่ ขณะนั้นได้มีจระเข้ใหญ่ตัวหนึ่งได้เข้ามาโถมปะทะจะกัดพระองค์ สมเด็จ พระนเรศวรทรงใช้ดาบต่อสู้จระเข้ ทรงต่อสู้จู่โจมฟาดฟันแทงจนน้ำ ฟุ้งกระจาย ทั้งคนทั้งจระเข้ ได้ต่อสู้กันอย่างเต็มกำ ลังเพื่อหวังจะปลิดชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ส่งเสียงดังไปทั่วท้องน้ำ สมเด็จพระนเรศวรทรงต่อสู้กับจระเข้สามารถใช้พระแสง ดาบฆ่าจระเข้จนตาย แล้วในทันใดนั้นเอง น้ำ ที่ท่วมนองป่าก็เหือดแห้งไป พระองค์ทรงดีพระทัยว่าคงจะกำ จัดเสี้ยนสงครามได้สำ เร็จ บทประพันธ์ในเรื่อง ๔. พระสุบินและพระนิมิตของสมเด็จพระนเรศวร (ต่อ) พระกรายกรย่างเยื้อง ลุยมหาวารี พอพานพะกุมภีล์ โถมปะทะเจ้าช้าง พระทรงแสงดาบแก้ว โจมประจัญฟันฟอน ต่างฤทธิ์ต่างรบรอน สระท้านทุกถิ่นท่าถ้ำ นฤบดีโถมถีบสู้ ฟอนฟาดสุงสุมาร สายสินธุ์ซึ่งนองพนานต์ พระเร่งปรีดาด้วย ฯลฯ จรลี เรี่ยวกว้าง หนึ่งใหญ่ ไสร้นา จักเคี้ยวขบองค์ กับกร เฟื่องน้ำ ราญชีพ กันแฮ ท่งท้องชลธี ศึกธาร มอดม้วย หายเหือด แห้งแฮ เผด็จเสี้ยนเศิกกษัย ๒๗
สยามินทร์ ห่อนพ้อง ฤๅถูก องค์เอย ปัดด้วยขอทรง ทวารัติ ตกใต้ คอคช เศิกแฮ ท่วงท้อทีถอย ในรณ พ่ายฟ้อน เผด็จคู่ เข็ญแฮ ขาดด้าวโดยขวา ยลสยบ ท่าวดิ้น สังเวช สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ เบี่ยงพระมาลาผิน ศัสตราวุธอรินทร์ เพราะพระหัตถ์หากป้อง บัดมงคลพ่าห์ไท้ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด อุกคลุกพลุกเงยงัด เบนบ่ายหงายแหงนให้ พลอยพล้ำ เพลียกถ้าท่าน บัดราชฟาดแสงพลพระเดชพระแสดงดล ถนัดพระอังสาข้อน อุรารานร้าวแยก เอนพระองค์ลงทบ เหนือคอคชซอนซบ วายชิวาตม์สุดสิ้น ฯลฯ บทประพันธ์ในเรื่อง นฤนาถ พระมาลา อรินทร์ พ่าห์ รณ พระอังสา คำ ศัพท์ประจำ บท ๕. ยุทธหัตถีและชัยชนะของไทย หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง หมายถึง ความกึกก้อง หมวก ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายข้าศึก ผู้ทรงไว้, ผู้แบก, ผู้ถือ เสียง, เสียงดัง ไหล่ ๒๘ ฝึกฝนคำ ศัพท์
สยามินทร์ ห่อนพ้อง ฤๅถูก องค์เอย ปัดด้วยขอทรง ทวารัติ ตกใต้ คอคช เศิกแฮ ท่วงท้อทีถอย ในรณ พ่ายฟ้อน เผด็จคู่ เข็ญแฮ ขาดด้าวโดยขวา ยลสยบ ท่าวดิ้น สังเวช สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ เบี่ยงพระมาลาผิน ศัสตราวุธอรินทร์ เพราะพระหัตถ์หากป้อง บัดมงคลพ่าห์ไท้ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด อุกคลุกพลุกเงยงัด เบนบ่ายหงายแหงนให้ พลอยพล้ำ เพลียกถ้าท่าน บัดราชฟาดแสงพลพระเดชพระแสดงดล ถนัดพระอังสาข้อน อุรารานร้าวแยก เอนพระองค์ลงทบ เหนือคอคชซอนซบ วายชิวาตม์สุดสิ้น ฯลฯ บทประพันธ์ในเรื่อง ๕. ยุทธหัตถีและชัยชนะของไทย (ต่อ) ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากขณะนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงพระมาลา(หมวก)หลบได้ทัน พร้อมกัน นั้นก็ใช้พระแสงของ้าวปัดป้องออกเสีย ทำ ให้อาวุธของพระมหาอุปราชาไม่ถูกพระวรกาย ในทันใดนั้นเอง ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรได้แว้งเบี่ยงเศียร (เบี่ยงหัว) เบนสะบัดจน ได้ล่างแล้วใช้งางัดคอช้างของพระมหาอุปราชาให้เงยขึ้นบ้าง ทำ ให้ช้างทรงของพระมหา อุปราชาเพลี่ยงพล้ำ เสียท่าในการรบ ในทันใดนั้น สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงเงื้อพระแสง ของ้าวที่ชื่อพระแสงพลพ่ายฟาดฟันพระมหา อุปราชาจนถูกพระอังสา (ไหล่) ขาดสะพาย แล่งพระอุระ (อก) ของพระมหาอุปราชาถูกพระแสงของ้าวฟันจนเป็นรอยแผลแยกเอน พระวรกายซบบนคอช้าง เป็นที่น่าสังเวช๒ใจ๙ยิ่งนัก สิ้นพระชนม์ทันที
ถอดคำ ประพันธ์ หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลกทั้งสาม (มนุษย์ เทวดา พรหม) ทรงปราบพญามารได้สำ เร็จ ก็เป็นเฉกเช่นกับที่สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จ พระเอกาทศรถทรงปราบข้าศึกได้ราบคาบ ทำ ให้พระเกียรติฟุ้งเฟื่องเลื่องลือไกล แม้นจะถูกข้าศึกศัตรูมากมายมารุกรานอย่างไร พระองค์ก็ทรงเอาชนะได้หมด พระองค์ทรงมีพระบรมเดชานุภาพแผ่ขจรกระฉ่อนไป ความเพียร, ความบากบั่น ข้าศึก พระเจ้าแผ่นดิน บทประพันธ์ในเรื่อง พิริยะ อมิตร ธเรศ คำ ศัพท์ประจำ บท ๖. ภายหลังจากศึกสงคราม พระตรีโลกนาถแผ้ว เฉกพระราชสมภาร เสด็จไร้พิริยะราญ เสนอพระยศยินก้อง ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า ชนะอมิตรมวลมอญ พระเดช บ่ ดาลขจร ไปทั่วธเรศออกอ้าง ฯลฯ เผด็จมาร พี่น้อง อรินาศ ลงนา เกียรติท้าวทุกภาย โรมรอน มั่วมล้าง เจริญฤทธิ์ พระนา เอิกฟ้าดินไหว หมายถึง หมายถึง หมายถึง ๓๐ ฝึกฝนคำ ศัพท์
๕ บทอาขยานบทหลัก ลิลิตตะเลงพ่าย เบื้องนั้นนฤนาถผู้ เบี่ยงพระมาลาผิน ศัสตราวุธอรินทร์ เพราะพระหัตถ์หากป้อง บัดมงคลพ่าห์ไท้ แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียรสะบัด อุกคลุกพลุกเงยงัด เบนบ่ายหงายแหงนให้ พลอยพล้ำ เพลียกถ้าท่าน บัดราชฟาดแสงพล- พระเดชพระแสดงดล ถนัดพระอังสาข้อน อุรารานร้าวแยก เอนพระองค์ลงทบ เหนือคอคชซอนซบ วายชิวาตม์สุดสิ้น สยามินทร์ ห่อนพ้อง ฤๅถูก องค์เอย ปัดด้วยขอทรง ทวารัติ ตกใต้ คอคช เศิกแฮ ท่วงท้อทีถอย ในรณ พ่ายฟ้อน เผด็จคู่ เข็ญแฮ ขาดด้าวโดยขวา ยลสยบ ท่าวดิ้น สังเวช สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ เสียงการอ่านทำ นองเสนาะ ๓๑
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ คำ ว่า ตะเลงพ่าย แปลว่า มอญแพ้ ซึ่งมอญในที่นี้หมายถึงพม่า การที่เรียก ตะเลง หรือ มอญ เหตุผลมาจากเมืองหลวงของพม่าในเวลานั้นคือ หงสาวดี เคยเป็น เมืองหลวงของมอญมาก่อน และอยู่ในดินแดนมอญ กษัตริย์พม่าราชวงศ์ตองอู ที่ยกทัพ มารุกรานไทย มีพระนามตามประวัติศาสตร์ไทยว่า “พระเจ้าหงสาวดี” เช่น พระเจ้า หงสาวดีตะเบงชะเวตี้ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เป็นต้น เกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์ วรรณคดีเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย เมื่อพม่าได้ครอบครองดินแดนและยึดเมืองหลวงของมอญ เป็นเมืองหลวงของตน พระเจ้าแผ่นดินพม่าจึงได้เป็นพระเจ้าแผ่น ดินมอญและทหารที่เกณฑ์มารบก็ย่อมมีทหารมอญปะปนอยู่ด้วย ฉะนั้นการที่พระมหาอุปราชา โอรสของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ยกทัพมารุกรานไทยและต้องพ่ายถึงแก่สิ้นพระชนม์ จึงอาจกล่าว ได้ว่า ตะเลงพ่าย หรือ มอญแพ้ แผนที่ประเทศพม่าและรัฐมอญในปัจจุบัน ๓๒
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ เส้นทางการเดินทัพของพระมหาอุปราชา พระมหาอุปราชานำ ทัพผ่านป่าเขามาอย่างช้า ๆ เดินทางเฉพาะเวลาเช้าและเวลาเย็น กลางวันร้อนก็หยุดพักผ่อน เพื่อให้รี้พล ช้าง ม้า ร่าเริงและกล้าหาญ เมืองและตำ บลที่ทัพ ของพระมหาอุปราชาผ่านเรียงลำ ดับ ดังนี้ ๑. เมืองหงสาวดี ๒. ด่านพระเจดีย์สามองค์ ปัจจุบันอยู่ในเขตอำ เภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เจดีย์องค์หนึ่ง อยู่ในเขตมอญ อีกสององค์อยู่ในเขตไทย เดิมเป็นเพียงก้อนหินรูปเจดีย์ เพิ่งสร้างเป็นเจดีย์จริง ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นักวิชาการบางท่านบ้างก็ว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร ๓๓
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ ๓. ตำ บลไทรโยครับสั่งให้ตั้งค่าย ทรงปรึกษาแผนการที่จะเข้าตีเมืองกาญจนบุรี แล้วเคลื่อนทัพ ไปตามแผนการ ๔. ลำ น้ำ กระเพิน พระยาจิดตองคุมพลสร้างสะพานเรือกไม้ไผ่ข้ามลำ น้ำ ๕. เมืองกาญจนบุรี ถึงพนมทวนในเย็นวันนั้น เกิดลมเวรัมภาพัดฉัตรหัก โหรแสร้งทำ นายว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเกิดในช่วงช้าจะไม่มี แต่ถ้าเกิดในช่วงเย็นจะเป็นศุภนิมิตได้ชัยชนะแก่ข้าศึก ๓๔
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ ๖. ตำ บลตระพังตรุ เขตจังหวัดกาญจนบุรี ทรงตั้งทัพเป็นแบบดาวล้อมเดือน ๗. ตำ บลโคกเผาข้าว เขตจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ปะทะกับทหารไทยเวลา ๐๗.๐๐ น. ๓๕
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ เส้นทางการเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวร ๑. กรุงศรีอยุธยา ๒. ปากโมก : ทรงสุบินเป็นมงคลนิมิต ๓. บ้านสระแก้ว ๓๖
เกร็ด ร็ ความรู้ เพิ่มเติมติ ๔. บ้านสระเหล้า ๕. หนองสาหร่าย : ตั้งค่ายรูปดอกบัว ตรงชัยภูมิครุฑนาม โขลนทวาร คือ ประตูป่าที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทหารลอดผ่านไปประพรมน้ำ มนต์ จากพราหมณ์หรือพระภิกษุคู่หนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนร้านสูงสองข้างประตู ละว้าเซ่นไก่ คือ พิธีทางไสยศาสตร์ที่บวงสรวงปีศาจหรือเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยไก่ ๓๗
การนับโมงยามแบบโบราณ แบ่งช่วงเวลาดังนี้ ปฐมยาม ระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ทุติยาม ระหว่างเวลา ๒๑.๐๐ – ๒๔.๐๐ น. ตติยาม ระหว่างเวลา ๒๔.๐๐ – ๐๓.๐๐ น. ปัจฉิมยาม ระหว่างเวลา ๐๓.๐๐ – ๐๗.๐๐ น. หรืออาจแบ่งเป็น ๓ ช่วง ๆ ละ ๔ ชั่วโมง แบ่งเป็น ยามต้น (ปฐมยาม) ยามกลาง (มัชฌิมยาม) และ ยามปลาย (ปัจฉิมยาม) การตั้งทัพก่อนออกรบก็มีความสำ คัญไม่น้อยไปกว่าการตั้งกระบวนทัพ ดัง นั้นแม่ทัพจึงจำ เป็นต้องทราบว่าภูมิประเทศของศัตรูเป็นแบบใด หรือตั้งทัพใน ลักษณะภูมิแบบใด ชื่อแม่ทัพต้องข่มนามดังกล่าว หรือตั้งทัพให้สถานที่ข่มนามนั้น เพื่อกองทัพจะได้มี ลักษณะ ที่ดีกว่าและสามารถเอาชนะข้าศึกได้ การสังเกตลักษณะภูมิต่าง ๆ ดังนี้ ครุฑนาม คือ มีจอมปลวก ต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง พยัคฆนาม คือ ตั้งอยู่แนวป่าริมทาง สีหนาม คือ มีต้นไม้สามต้นเรียงกัน มีภูเขาใหญ่ จอมปลวกใหญ่มหึมา สุนัขนาม คือ ตั้งทัพใกล้ของโบราณ หรือริมทางใกล้หมู่บ้าน นาคนาม คือ ตั้งรายทางไปใกล้คลอง ห้วย แม่น้ำ ไหล มุสิกนาม คือ มีดิน โพรง ปลวก มีรู อัชนาม คือ ตั้งทัพกลางทุ่ง คชนาม คือ สถานที่มีหญ้าแกมไม้ไผ่ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม การตั้งทัพตามตำ ราภูมิ การนับโมงยามแบบโบราณ ๓๘
วรรณคดีเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย แฝงนัยการเมืองการปกครอง ผ่านบททดสอบของ ตัวละครวรรณคดีและอุบายต่าง ๆ เช่น ๑. การท้าประลองยุทธหาม : เป็นการประลองฝีมือทางการรบ และแสดงความกล้า หาญของสมเด็จพระนเรศวรกับมหาอุปราชา นันทบุเรง เนื้อเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย จุดไคลแม็กซ์ของเรื่องเรื่องลิลิตตะเลงพ่าย สะท้อนความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว เเละชาตินิยม ของกษัตริย์ไทย ๒. การใช้กลอุบาย : ทั้งการปลอมเป็นทหารหงสาวดี สงครามยุทธหัตถี การลอบตีค่าย และการใช้ช้างพลายพังคีรี แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบความสามารถ ในการ วางแผนการรบของสมเด็จพระนเรศวร ๓. การเจรจาสัญญาสงบศึก : สะท้อนถึงความต้องการยุติสงคราม สรุปลิลิตตะเลงพ่าย และรักษาผลประโยชน์ของกรุงศรีอยุธยา ๔. การกอบกู้เอกราช : ศึกยุทธหัตถี การขับไล่กองทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา นำ พาสันติสุขกลับคืนสู่แผ่นดิน เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ๑. คติสอนใจ : ลิลิตตะเลงพ่ายสรุป ความรักชาติ ศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ ความเสียสละ และการไม่ ยอมแพ้ ๒. วิถีชีวิตคนไทย : ประเพณี วัฒนธรรม และ การเคารพกษัตริย์ ๓. ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ : เหตุการณ์ สถานที่ บุคคลสำ คัญ พระมหาอุปราชา ในสมัยกรุง ศรีอยุธยา ๑. ผู้นำ ควรมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและแสดงออกอย่างเหมาะสม ๒. บิดาเป็นผู้มีพระคุณ เราจึงควรมีความกตัญญูและตอบแทนเมื่อมีโอกาส ๓. คนเราควรมีความรักในศักดิ์ศรี ๔. คนเราควรรู้จักการให้อภัย ข้อคิด คติคำ สอน และความจรรโลงใจ สะท้อท้นสังคม ลิลิลิตลิตะเลงพ่าย ๓๙
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ๑. การสรรคำ ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นวรรณคดีมรดกล้ำ ค่าที่ คนไทยควรศึกษา เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในวีรกรรมของนักรบไทย และภูมิใจในภาษาไทยที่กวีใช้ ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างมีคุณค่า ทางด้านวรรณศิลป์ ด้วยการเลือกใช้ถ้อยคำ ได้อย่างไพเราะ การใช้คำ ที่เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคล กวีเลือกใช้คำ ที่แสดงฐานะ ของบุคคล ดังนี้ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ สยามินทร์ เบี่ยงพระมาลาผิน ห่อนพ้อง ศัสตราวุธอรินทร์ ฤาถูก องค์เอย เพราะพระหัตถ์หากป้อง ปัดด้วยขอทรง (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๑๒๖) ๒. เสียงเสนาะ บทร้อยกรองที่มีความไพเราะ จะต้องประกอบด้วยการ เลือกสรรคำ ที่มีเสียงไพเราะฟังเสนาะประดุจเสียงของดนตรี ถ้าอ่านบทร้อยกรอง ตามทำ นองเสนาะ จะมีส่วนช่วยให้มองเห็นความงามของถ้อยคำ ภาษา และสดับ ความไพเราะของเสียงที่เปล่งออกมานั้นด้วยเสียงเสนาะเกิดจากสิ่งต่อไปนี้ คือ ๒.๑ การสัมผัส บทร้อยกรองย่อมมีลักษณะสัมผัสคล้องจอง โดยเฉพาะ สัมผัสนอก (สัมผัสระหว่างวรรค และระหว่างบท) ซึ่งถือว่าเป็นสัมผัสบังคับ แต่ สัมผัสที่จะช่วยสร้างเสียงไพเราะ คือสัมผัสใน (สัมผัสภายในวรรค) ซึ่งอาจเป็นได้ ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษรหรือสัมผัสพยัญชนะ การสร้างคำ ให้สัมผัสกัน ต้อง คำ นึงถึงรูปแบบ ความหมาย และลีลาที่ก่อให้เกิดเสียงเสนาะ ๒.๒ ลีลาจังหวะ คือการเลือกสรรคำ ที่มีเสียงซึ่งก่อให้เกิดลีลาจังหวะ เหมาะสมกับบรรยากาศ หรือมีท่วงทำ นองสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ซึ่งลักษณะดัง กล่าวนี้ มักเกิดจากการเลือกใช้คำ ที่มีเสียงหนักเบา หรือคำ ที่มีสระเสียงสั้นยาวมา ช่วยสร้างลีลาจังหวะ ๔๐ คุณค่าทางวรรณศิลป์
๓. การเล่นคำ เป็นการใช้คำ คำ เดียวในความหมายต่างกัน และการเล่นคำ ยัง หมายรวมไปถึง การซ้ำ อักษร ซ้ำ คำ และซ้ำ ความ เป็นกลวิธีที่จะช่วยให้เกิดเสียงเสนาะ ได้เป็นอย่างดี ๓.๑ การเล่นคำ พ้อง คือการเล่นคำ ที่ออกเสียงเหมือนกันแต่ความหมาย ไม่เหมือนกัน ๓.๒ การเล่นคำ ซ้ำ คือ การนำ คำ คำ เดียวกันมาใช้ซ้ำ ๆ กัน ในที่ใกล้ ๆ กันเพื่อย้ำ ความหมาย ๓.๓ การใช้คำ ซ้ำ เพื่อเน้นความหมาย ๓.๔ การใช้คำ อัพภาส คือ การซ้ำ อักษรลงหน้าคำ ศัพท์ ทำ ให้เกิดความ ไพเราะ ๓.๕ การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การใช้เสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกัน ใน คำ ที่มีพยัญชนะต้น สระ ตัวสะกดเหมือนกัน โดยไล่เรียงไปตามระดับเสียงวรรณยุกต์ ๔๑ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม โวหารภาพพจน์ คือ กลวิธีหรือชั้นเชิงที่ผู้แต่งใช้ในการเรียบเรียงถ้อยคำ ให้มีพลัง ที่จะสัมผัสอารมณ์ของผู้อ่านผู้ฟังจนเกิดความประทับใจและเห็นภาพในจิต โวหารภาพพจน์ จะก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจได้มากกว่าที่จะใช้ถ้อยคำ กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ๑. อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนอีกสิ่งหนึ่ง สังเกตได้จากการใช้คำ ที่มี ความหมายว่า “เปรียบเหมือน” เช่น ดุจ ประดุจ ดัง ดั่ง เพียง เพี้ยง พ่าง ปูน เฉก เป็นต้น ดังตัวอย่าง เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง นวลปราง รักดั่งรักนุชพาง พี่ม้วย ช้องนางเฉกช้องนาง คลายคลี่ ลงฤา โศกพี่โศกสมด้วย ดั่งไม้นามมี (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๗๙) การใช้โช้ วหารภาพพจน์ ๒. อุปลักษณ์ คือ การเปรียบว่าสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เป็นภาพพจน์ที่นำ สิ่งที่แตก ต่างกัน แต่มีลักษณะร่วมกัน มาเปรียบเทียบกัน โดยใช้คำ ว่า เป็น คือ เท่า หรือบางครั้งอาจ ไม่ปรากฏคำ เชื่อมเลย ดังตัวอย่าง ด้าวท้ายกเรนทเรศผู้ พนักงาน เมืองมลวนเป็นควาญ ขี่คว้าง กรายกรกระลึงธาร ขอเข่น คอยขับคชง่าง้าง เงือดเงื้อหงายคม (รวมยอดลิลิต ๓ เรื่อง, หน้า ๑๐๗) ๔๒
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ๔. สัทพจน์ คือ การเลียนเสียงธรรมชาติหรือเลียนเสียงต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เสียงพูด เช่น เสียงสัตว์ร้อง เสียงลมพัด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฯลฯ ดังตัวอย่าง “…เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำ รนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แล คะไขว่ง…” ๓. บุคคลวัต คือ การสมมุติให้สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ได้แก่ สัตว์ พืช ลมฟ้าอากาศ ฯลฯ มีความรู้สึก กิริยาอาการ เหมือนมนุษย์ หรือให้สิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง มีกิริยาอาการเสมือนมีชีวิต มีจิตวิญญาณ มีความคิด มีความรู้สึกต่าง ๆ ดังตัวอย่าง นางแย้มเหมือนแม่แย้ม ยวนสมร ใบโบกกลกวักอร เรียกไท้ ช้องนางคลี่สาหร่ายขจร โบกเรียกพระฤา เชิญราชชมไม้ไหล้ กิ่งก้มถวายกร (ลิลิตพระลอ) ๕. อติพจน์ หรือ การกล่าวเกินจริง คือโวหารที่กล่าวเกินความจริง เพื่อเน้นความรู้สึกทำ ให้ ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ดังตัวอย่าง พระคุณตวงเพียบพื้น ภูวดล เต็มตรตลอดแหล่งบน บ่อนใต้ พระเกิดพระก่อชนม์ ชุบชีพ มานา เกรงบ่ทันลูกได้ กลับเต้าตอบสนอง ฯ ๔๓
๖. นามนัย คือ การใช้คุณสมบัติหรือส่วนประกอบสำ คัญของสิ่งนั้นกล่าวแทนสิ่งนั้น ทั้งหมด ดังตัวอย่าง “..ว่านครรามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราช เยียววิวาทชิงฉัตร" (ฉัตร ในที่นี้แทน ราชบัลลังก์) ๗. สัญลักษณ์ คือ การใช้สิ่งหนึ่งแทนอีกสิ่งหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติหรือลักษณะภาวะ บางประการร่วมกัน ส่วนใหญ่มักจะเป็นที่เข้าใจกันในหมู่ชน เช่น ดอกไม้ เป็นสัญลักษณ์แทน ผู้หญิง ราชสีห์ เป็นสัญลักษณ์แทน ผู้มีอำ นาจ ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์แทน ความสะอาด บริสุทธิ์ ตะวันขึ้น เป็นสัญลักษณ์แทน ความหวัง ๘. ปฏิพากย์ คือ การนำ คำ ตรงกันข้าม หรือคำ ที่มีความหมายที่ไม่สอดคล้องกัน และดูเหมือนจะขัดแย้งกันมาใช้ด้วยกันเพื่อให้กระทบความรู้สึกเป็นพิเศษ ดังตัวอย่าง แทบฝั่งธารที่เราเฝ้าฝันถึง เสียงน้ำ ซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง จักรวาลวุ่นวาย ไร้สำ เนียง โลกนี้เพียงแผ่นภพสงบเย็น (วารีดุริยางค์ : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) ๔๔ เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเรียงลำ ดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ถูกต้อง โดยใส่ตัวเลข แบบฝึฝึก ฝึฝึ หัหั หัหั ด จงเจริญชเยศด้วย ชาวอยุธย์อย่าพะ จงแพ้พินาศพระ ชนะแด่สองท่านไท้ เดชะ พ่อได้ วิริยภาพ พ่อนา ธิราชเจ้าจอมสยาม สลัดไดใดสลัดน้อง เพราะเพื่อมาราญรอน สละสละสมร นึกระกำ นามไม้ แหนงนอน ไพรฤๅ เศิกไสร้ เสมอชื่อ ไม้ แม่นแม้นทรวงเรียม เกิดเป็นหมอกมืดห้อง ลมชื่อเวรัมภา หวนหอบหักฉัตรา แลธุลีกลัดกลุ้ม เวหา หนเฮย พัดคลุ้ม คชขาด ลงแฮ เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน พระกรายกรย่างเยื้อง ลุยมหาวารี พอพานพะกุมภีล์ โถมปะทะเจ้าช้าง จรลี เรี่ยวกว้าง หนึ่งใหญ่ ไสร้นา จักเคี้ยวขบองค์ เบื้องนั้นนฤนาถผู้ เบี่ยงพระมาลาผิน ศัตราวุธอรินทร์ เพราะพระหัตถ์หากป้อง สยามินทร์ ห่อนพ้อง ฤๅถูก องค์เอย ปัดด้วยขอทรง อุรารานร้าวแยก เอนพระองค์ลงทบ เหนือคอคชซอนซบ วายชิวาตม์สุดสิ้น ยลสงบ ท่าวดิ้น สังเวช สู่ฟ้าเสวยสวรรค์ ๔๕
แม้เจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรีย์สร่างเคราะห์ กรตระกองกอดแก้ว เรียมจักร้างรสแคล้ว คลาดเคล้าคลาสมร จำ ใจจรจากสร้อย อยู่แม่อย่าละห้อย ห่อนช้าคืนสม แม่แล แบบฝึฝึก ฝึฝึ หัหั หัหั ด ตอนที่ ๒ ให้นักเรียนอ่านคำ ประพันธ์ที่กำ หนด และถอดความเป็นร้อยแก้วให้ถูกต้อง ๑ ถอดความได้ว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ถอดความได้ว่า ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒ ๔๖