๔๕
นักเรียนต้องใช้จินตนาการในการ
วาดและระบายสีรูปภาพ
ต้องใช้ความรู้ความจาในการทา
กจิ กรรมบตั รคา
บทท่ี ๒ ภผู า
วิเคราะห์เนือ้ หา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. ชวนกนั ประดษิ ฐ์
นักเรยี นวาดรปู หวั ชา้ ง แลว้ ระบายสี นามาประดิษฐ์เป็น
หมวกหรือหน้ากาก
๒. ร้องเลน่ เตน้ ระบา
นกั เรียนสวมหมวกช้างหรอื หนา้ กากชา้ งทแ่ี ตล่ ะคน
ประดิษฐ์ขึน้ แล้วอา่ นบทรอ้ งเล่น ช้างปา่ นา่ รกั ตามครู หรือ
ร้องเพลงจากแผ่นชีดีรอมและทาท่าประกอบ อาจเพ่ิมคา
รอ้ งเล่นตามความเหมาะสม เพลง ช้างปา่ นา่ รกั
๓. ฝกึ อ่าน
๓.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเกี่ยวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน ร้จู ักคา นาเรือ่ ง
๓.๒ ครูอา่ นนา เร่ือง ภผู า นกั เรยี นอา่ นตามและสนทนา
เก่ยี วกับเร่ือง พร้อมทงั้ ดูภาพประกอบ
๔๖
นักเรียนต้องใช้จินตนาการในการ
ทา
นักเรียนต้องใช้จินตนาการคิดท่า
เต้นและอาจเพมิ่ คาให้เหมาะสมได้
ต้องรู้และเข้าใจความหมายของคา
ถึงจะทากิจกรรมได้
ต้องใชความรู้ความจาในการอ่าน
ตามครู
๓.๓ ฝึกอ่านพยัญชนะและเลขไทยใน อธิบายเพิ่ม เติม
ความรู้
๓.๔ ครสู อนอา่ นแจกลกู สะกดคา และฝกึ อา่ นใน
อธบิ ายเพ่มิ เตมิ ความรู้
๓.๕ ฝกึ อ่านออกเสยี งใน อ่านคลอ่ ง ร้องเล่น ให้เปน็ จังหวะ
จนคล่อง หรือร้องเพลง เพื่อนภูผา จากแผ่นซีดีรอมและ
ทาทา่ ประกอบ
๔. ฝึกเขียน
๔.๑ ฝึกคัดพยญั ชนะ เลขไทย และคาอ่านใน อธบิ ายเพ่มิ
เตมิ ความรู้
๔.๒ ฝึกเขยี นคาทีอ่ ่านแจกลกู ทอ่ี ่านสะกดคา และท่ีฝกึ อ่าน
ใน อธิบายเพ่มิ เติมความรู้
๔.๓ วาดรูปสัตวท์ ีเ่ ป็นเพ่อื นของนักเรยี น ต้ังช่อื ภาพและ
เขยี นบอกส่วนต่าง ๆ ของสตั ว์น้นั
๕. ฝึกคดิ
จากบทรอ้ งเล่น ช้างป่าน่ารกั นกั เรยี นคดิ ว่า ช้างเดินเลาะรมิ
รว้ั บ้านหรอื รว้ั อะไร และจะมีอันตรายหรอื ไม่
๔๗
นักเรียนต้องรู้พยัญชนะไทยและ
เลขไทย
นัดเรียนต้องมีความรู้ความจาใน
การอ่าน
ต้องรู้และจาเนื้อร้องและคิดท่า
ประกอบ
นักเรียนต้องมีความรู้ในการคัด
พยัญชนะและเลขไทย
นักเรียนต้องเข้าใจและมีความรู้
เรือ่ งการเขยี นสะกดคาและฝกึ อา่ น
นักเรียนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ในการวาดภาพ
ต้องวิเคราะห์เพื่อจะตอบคาถามได้
และใหน้ ักเรียนคิดสรา้ งสรรค์
บทท่ี ๓ เพ่ือนกัน
วิเคราะหเ์ นื้อหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. ชวนฟงั ชวนร้อง
๑.๑ แบ่งนักเรยี นออกเป็น ๖ กลุ่ม ไดแ้ ก่ กลุ่มนก กา ไก่
แมว วัว ช้างให้แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดเสียงร้องของสัตว์ เมื่อ
ครูเอ่ยชื่อสัตว์ชนิดใด ให้นักเรียนในกลุ่มร้องเสียงสัตว์ชนิด
นั้นขนึ้ พรอ้ มกนั
๑.๒ ครูนาอ่านบทร้องเล่น ระบาเสียงสัตว์ ให้นักเรียนอ่าน
ตามทาทา่ และรอ้ งเสียงสตั วช์ นดิ น้นั
๒. ฝึกอ่าน
๒. อา่ นคา พูดคยุ หรือลองทาทา่ เกย่ี วกับความหมายของคา
และภาพประกอบใน รูจ้ ักคา นาเรอ่ื ง
๒.๒ ครูอ่านนา เรื่อง เพ่ือนกัน นักเรียนอ่านตาม ผลัดกัน
อ่านและสนทนาเก่ยี วกบั เรอื่ ง พรอ้ มทัง้ ดูภาพประกอบ
๔๘
ต้องคิดเสียงสัตว์เองและวิเคราะห์
วา่ เสยี งนั้นคอื สัตวช์ นดิ ใด
นักเรียนมีความรู้ในการอ่านตามครู
และใช้จินตนาการทาท่าประกอบ
เสยี ง
ต้องใช้ความรู้ในการอ่านและต้อง
เขา้ ใจความหมายของคาถึงจะทาท่า
ประกอบได้
ต้องมีความรู้ในการอ่านและได้ใช้
จินตนาการพดู คุยเก่ียวกับเรื่อง
๒.๓ ฝึกอ่านพยัญชนะ สระ และเลขไทยใน อธิบายเพิม่
เติมความรู้
๒.๕ ครสู อนอ่านแจกลกู อา่ นสะกดคา และฝึกอ่านใน
อธิบายเพม่ิ เตมิ ความรู้
๒.๕ ฝึกอ่านออกเสียงใน อ่านคล่อง รอ้ งเล่น ให้เปน็ จังหวะ
จนคล่อง หรือร้องเพลง เพ่ือนลูกช้าง จากแผ่นซีดีรอมและ
ทาทา่ ประกอบ
๓. ฝึกเขยี น
๓.๑ ฝึกคัดพยัญชนะ สระ เลขไทยและคาอ่านใน อธิบาย
เพมิ่ เติมความรู้
๓.๒ ฝึกเขยี นคาทอ่ี า่ นแจกลกู ทีอ่ า่ นสะกดคาและท่ฝี กึ อา่ น
ใน อธิบายเพ่มิ เตมิ ความรู้
๔. ลองคิด ลองทา
วาดภาพ ฉีกกระดาษ หรือปนั้ ดินน้ามนั เป็นรปู สัตวต์ ่าง ๆ
ตามความสนใจ และผลัดกันออกมารอ้ งเสียงสตั ว์น้นั ๆ
๔๙
ต้องมีความรู้ในการอ่านพยัญชนะ
สระ และเลขไทย
ต้องมคี วามรูใ้ นการอา่ นสะกดคา
ต้องมีความรู้ความจาในการอ่าน
เนื้อเพลงและใช้จินตนาการในการ
ทาท่าประกอบ
มคี วามรู้ในการคดั พยญั ชนะ
ต้องมีความรู้และความเข้าใจในการ
เขยี นสะกดคา
นักเรียนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ในการทากิจกรรม
บทท่ี ๔ ตามหา
วิเคราะหเ์ นื้อหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคิด
๑. ชวนพูด ชวนฟัง
แบง่ กลุ่มนักเรียนแขง่ ขันกันพูดขอ้ ความต่อไปน้ีตามครู
- คอใบโบกมกี ระดงึ คอใบบัวมีกระพรวน
- ภผู าผกู กระดงึ ทค่ี อใบโบก ภผู าผูกกระพรวนทคี่ อใบบัว
- คอใบโบกมีกระดงึ ดงั โปก๊ เปก๊ คอใบบัวมกี ระพรวนดัง
กรงุ๋ กรงิ๋
๒. ฝึกอ่าน
๒.๑ อ่านคาจากบตั รคาท่ีครแู จก แล้วพดู คุยหรือลองทาท่า
เกีย่ วกบั ความหมายของคาใน รูจ้ ักคา นาเรื่อง
๒.๒ ครอู ่านนา เรอ่ื ง ตามหา นักเรยี นอา่ นตาม สนทนา
เกี่ยวกบั เรอื่ ง และเรยี งบตั รคาทีค่ รแู จกใหเ้ ป็นประโยคตามที่
ครูอ่าน
๕๐
ต้องรู้ความจาในการพูด
ตอ้ งมคี วามรใู้ นการอา่ นคา
ต้องรูจ้ ักความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
ใช้ความรู้ความจาในการอ่านและ
เรียงคาให้เปน็ ประโยค
๒.๓ ฝึกอ่านพยญั ชนะ สระ และเลขไทยใน อธิบายเพ่ิม
เตมิ ความรู้
๒.๔ ครสู อนอ่านแจกลกู อ่านสะกดคา และฝกึ อา่ นใน
อธบิ ายเพ่มิ เตมิ ความรู้
๒.๕ ฝกึ อ่านออกเสียงใน อ่านคลอ่ ง รอ้ งเลน่ ใหเ้ ป็นจงั หวะ
จนคล่อง หรือร้องเพลง โปก๊ เป๊ก จากแผน่ ชดี ีรอม
๓. ฝกึ เขยี น
๓.๑ ฝึกคัดพยัญชนะ สระ เลขไทยและคาอ่านใน อธิบาย
เพ่มิ เตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาท่อี า่ นแจกลูก ทีอ่ ่านสะกดคาและทีฝ่ ึกอา่ น
ใน อธิบายเพิม่ เติมความรู้
๔. ลองคิด ลองทา
ครูและนักเรียนช่วยกันหากระดึง กระพรวนหรือส่ิงอ่ืน ๆ ท่ี
ทาให้เกิดเสียง นามาให้นักเรียนฟังเสียงท่ีแตกต่างกัน แล้ว
ทายวา่ เป็นเสยี งของอะไรกอ่ นท่ีจะเห็นส่ิงนนั้
๕๑
ต้องใช้ความรคู้ วามจาในการอ่าน
ตอ้ งใชค้ วามรู้ความจาในการอา่ น
ต้องใช้ความรู้ความจาในการอ่าน
และการร้องเพล
ต้องมีความรู้ความจาพยัญชนะสระ
และเลขไทย
ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการ
สะกดคา
ต้องวิเคราะห์เสียงของส่ิงต่าง ๆ ท่ี
ได้ยินและใชจ้ ินตนาการในการตอบ
บทที่ ๕ ไปโรงเรยี น
วเิ คราะหเ์ นื้อหา กิจกรรมชวนทา ชวนคิด
๑. ชวนร้อง ชวนเลน่
นักเรียนรอ้ งเพลง ลากนั ไปโรงเรยี น จากแผ่นซดี ีรอม และ
ทาท่าประกอบ
๒. ฝกึ อา่ น
๒.๑ อา่ นคาจากบตั รคาท่ีครแู จก แลว้ พดู คุยหรือลองทาท่า
เกย่ี วกบั ความหมายของคาใน รจู้ ักคา นาเร่ือง
๒.๒ ครูอา่ นนา เรือ่ ง ไปโรงเรยี น นกั เรยี นอา่ นตาม
และสนทนาเก่ียวกับเรื่อง และเรียงบัตรคาที่ครูแจกให้เป็น
ประโยคตามทีค่ รูอา่ น
๒.๓ ครอู ่านคา ใหน้ ักเรยี นบอกพยญั ชนะตน้ ของคานนั้
๒.๔ ครสู อนอ่านแจกลกู อา่ นสะกดคา และฝกึ อ่านใน
อธบิ ายเพิ่ม เติมความรู้
๕๒
นักเรียนต้องจาเน้ือเพลงและคิดท่า
ประกอบเพลง
ตอ้ งมีความรู้ในการอ่านคา
ต้องรจู้ ักความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
ต้องใช้ความรู้ในการอ่านตามและ
ต้องเขา้ ใจการเรยี งประโยค
นักเรียนต้องใช้ความรู้ความจาใน
การบอกพยญั ชนะตน้
ตอ้ งใชค้ วามรคู้ วามจาในการอ่าน
๒.๕ ฝกึ อา่ นออกเสยี งใน อ่านคลอ่ ง รอ้ งเล่น ให้เปน็ จังหวะ
จนคล่อง และแบง่ กล่มุ ช่วยกนั คิดแล้วแสดงทา่ ทางประกอบ
๓. ฝึกเขียน
๓.๑ ฝกึ คดั พยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์ใน อธบิ ายเพม่ิ
เตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาท่ีอา่ นแจกลูก ทอ่ี ่านสะกดคาและทีฝ่ กึ อา่ น
ใน อธบิ ายเพ่ิม เติมความรู้
๔. ลองคดิ ลองทา
๔.๑ ชว่ ยกันคดิ คาคล้องจอง ๒ พยางค์ แลว้ พูดต่อ ๆ กัน
โดยครูชว่ ยแนะนา เชน่ นกั เรยี น เขยี นอา่ น บา้ นเธอ เจอกนั
๕๓
ต้องมีความรู้ในการอ่านและใช้
จนิ ตนาการในการคดิ ท่าประกอบ
นักเรียนต้องใช้ความรู้ความจาใน
การเขยี น
ต้องเข้าใจการเขียนแจกลูกและการ
สะกดคา
ต้องเข้าใจคาคล้องจองและคิดคา
คลอ้ งจอง
๔.๒ วาดรูปเคร่อื งเขียน หรอื ภาชนะบรรจอุ าหาร และเขยี น
คาประกอบภาพ
บทท่ี ๖ โรงเรยี นลูกชา้ ง
วเิ คราะหเ์ น้ือหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. นักเรียนชว่ ยกนั เลือกอาหารของช้างและไก่
๒. ฝกึ อ่าน
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเก่ียวกับความหมายของ
คา และภาพประกอบใน รูจ้ ักคา นาเรือ่ ง
๒.๒ ครูอา่ นนา เรอ่ื ง โรงเรียนลูกชา้ ง นกั เรยี นอา่ นตามและ
สนทนาเกย่ี วกับเรื่อง พรอ้ มท้งั ดภู าพประกอบ
๒.๓ ฝึกอา่ นพยัญชนะและสระใน อธบิ ายเพ่ิม เติมความรู้
๒.๔ ครสู อนอ่านแจกลูก อ่านสะกดคา และฝกึ อ่านใน
อธิบายเพม่ิ เตมิ ความรู้
๕๔
ต้องใชจ้ นิ ตนาการในการวาดภาพ
นักเรียนต้องมีความรู้ความจาว่า
สตั วแ์ ตล่ ะชนิดกินอะไร
ตอ้ งมีความรู้ในการอ่านคา
ตอ้ งร้จู ักความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
ตอ้ งมีความรูใ้ นการอ่าน
ต้องมีความรู้ในการอ่าน
ตอ้ งมคี วามรใู้ นการอา่ น
๒.๕ ฝึกอา่ นออกเสียงใน อ่านคล่อง ร้องเลน่ ให้เปน็ จงั หวะ
จนคลอ่ ง และร้องเพลง ฝึกจูงหาง จากแผ่นซดี ีรอม
๓. ฝึกเขยี น
๓.๑ ฝึกคัดพยญั ชนะ สระใน อธิบายเพ่ิม เติมความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาท่ีอา่ นแจกลกู ทอ่ี า่ นสะกดคาและทฝี่ กึ อ่าน
เขียนคาใน อธบิ ายเพมิ่ เตมิ ความรู้
๓.๓ วาดภาพผัก หรือผลไม้ท่ีนักเรียนรู้จักและเขียนช่ือ
กากบั (อาจใหค้ รชู ว่ ยสะกด)
๔. ลองคิด ลองเล่น
คิดทา่ ทางประกอบบท อ่านคลอ่ ง รอ้ งเล่น แล้วออกเดนิ เป็น
วงกลม พรอ้ มทาทา่ ประกอบใหเ้ ข้าจงั หวะ
บทที่ ๗ เพ่ือนรักเพื่อนเลน่
วิเคราะหเ์ น้ือหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. ชวนกันคดิ
ดูภาพและสนทนาเกี่ยวกบั ภาพ แลว้ ชว่ ยกันคิดว่าจะเตมิ
พยญั ชนะและสระอะไรให้สมบรู ณแ์ ละมีความหมายครูและ
นักเรียนช่วยกนั สรปุ ข้อคิดของสานวนนี้
๕๕
ต้องมีความร้ใู นการอ่าน
ตอ้ งมีความรู้พยัญชนะ
ตอ้ งมีความรแู้ ละเข้าใจการสะกดคา
แจกลกู
ตอ้ งใชจ้ นิ ตนาการในการวาดภาพ
ต้องใช้จินตนาการในการคิดท่า
ประกอบ
ต้องเข้าใจในเรอื่ งถึงจะสรุปได้
๒. ฝึกอ่าน
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเกี่ยวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รจู้ กั คา นาเรอื่ ง
๒.๒ ครูอ่านนา เร่อื ง เพือ่ นรัก เพอ่ื นเลน่ นกั เรียนอ่านตาม
และสนทนาเกยี่ วกบั เรอ่ื ง พรอ้ มท้ังดูภาพประกอบ
๒.๓ ฝกึ อ่านพยญั ชนะ สระ และวรรณยุกตใ์ น อธบิ ายเพมิ่
เตมิ ความรู้
๒.๔ ครสู อนอา่ นแจกลูก อา่ นสะกดคา และฝกึ อา่ นใน
อธิบายเพ่ิม เติมความรู้ โดยให้นักเรียนจับคู่กันอ่าน ฝ่าย
หน่ึง สะกดคา อกี ฝ่ายหนึง่ อ่านคานั้น สลับกันอา่ น
๒.๕ นกั เรยี นอ่านออกเสียง คาคลอ้ งจอง ในส่วนท้ายของ
อธิบายเพ่มิ เตมิ ความรู้ โดยอ่านแถวละคาสลับกนั ไป
๒.๖ ฝกึ อ่านออกเสียงใน อา่ นคล่อง รอ้ งเลน่ ใหเ้ ป็นจังหวะ
จนคล่อง และรอ้ งเพลง ชา้ งอาบนา้ จากแผน่ ชีดรี อม
๒.๗ ฝกึ อ่านในใจ แล้วจึงอ่านออกเสียงประโยค ในสว่ นทา้ ย
ของ อธบิ ายเพมิ่ เติมความรู้
๕๖
ต้องมคี วามรู้ในการอ่านคา
ตอ้ งรจู้ กั ความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
ต้องใชค้ วามรู้ในการอา่ น
ต้องใช้ความรใู้ นการอ่าน
ต้องเข้าใจการสะกดคาแจกลกู
ตอ้ งใช้ความรู้ในการอา่ น
ต้องใชค้ วามรู้ในการอา่ น
ต้องใช้ความรู้ในการอ่าน
๓. ฝึกเขยี น
๓.๑ ฝึกคัดคาท่ีอ่านแจกลูก และท่ีอ่านสะกดคาใน อธิบาย
เพ่มิ เตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาคล้องจอง และประโยค ในส่วนท้ายของ
อธบิ ายเพมิ่ เติมความรู้
๔. ลองคดิ ลองทา
นักเรียนเดินเป็นวงกลม พร้อมกับท่องบท อ่านคล่อง ร้อง
เล่นและทาท่าประกอบ เมื่อครูเป่านกหวีด ให้หยุดเดินและ
จับกลุ่มตามคาส่ัง เช่น จับกลุ่มเท่ากับจานวนขาช้างหนึ่ง
เชือก ใบหูของช้างหน่ึงเชือก งาและงวงของช้างหนึ่งเชือก
หางของชา้ ง ๕ เชือกเปน็ ต้น
บทที่ ๘ พดู เพราะ
วิเคราะห์เน้ือหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. เล่นทายปัญหา
ครอู า่ นปริศนาคาทาย ให้นกั เรยี นตอบ แลว้ เรยี กตวั แทน
ออกมาหาบัตรคาทต่ี รงกบั คาตอบ ติดไว้ใหอ้ า่ นบนกระดาน
๕๗
ต้องใช้ความรใู้ นการคัดคา
ต้องเข้าใจคาคลอ้ งจองและประโยค
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบเพลง
ต้องวิเคราะห์และจินตนาการในการ
หาคาตอบคาถาม
๒. ฝึกอา่ น
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเก่ียวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รจู้ กั คา นาเร่ือง
๒.๒ ครูอา่ นนา เร่ือง พดู เพราะ นกั เรยี นอ่านตามและ
สนทนาเกี่ยวกับเรอ่ื ง พรอ้ มทั้งดูภาพประกอบ
๒.๓ ครูสอนอา่ นแจกลกู อา่ นสะกดคา และฝึกอ่านใน
อธิบายเพิ่ม เติมความรู้ โดยให้นักเรียนจับคู่กันอ่าน ฝ่าย
หนึง่ สะกดคา อกี ฝา่ ยหนง่ึ อา่ นคาน้ัน สลบั กันอ่าน
๒.๔ นกั เรียนอา่ นออกเสยี ง คาคล้องจอง ในสว่ นทา้ ยของ
อธบิ ายเพิม่ เตมิ ความรู้ โดยอา่ นแถวละคาตอ่ ๆ กันไป
๓. ฝึกเขียน
๓.๑ ฝึกคัดคาท่ีอ่านแจกลูก และท่ีอ่านสะกดคาใน อธิบาย
เพิ่มเตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขยี นคาคลอ้ งจอง และประโยค ในส่วนทา้ ยของ
อธิบายเพิ่ม เตมิ ความรู้ และช่วยกนั แตง่ เพ่ิมเตมิ
๕๘
ต้ อ ง จ า ค า ค ล้ อ ง จ อ ง แ ล ะ เ ข้ า ใ จ
ความหมายของคา
ตอ้ งใชความรู้ในการอา่ น
นักเรียนต้องใช้ความรู้และความ
เข้าใจในการอา่ นสะกดคา
นกั เรียนต้องใชค้ วามรู้ในการอ่าน
ตอ้ งใช้ความรู้ในการคัดคา
ตอ้ งเข้าใจคาคลอ้ งจองและประโยค
๔. ลองคิด ลองทา
๔.๑ ครูแจกบัตรคา ทเ่ี ตรียมไว้จากประโยคในสว่ นทา้ ยของ
อธบิ ายเพ่ิม เติมความรู้ ให้นักเรยี นถือไวค้ นละ ๑ ใบ เม่ือครู
อ่านประโยค นักเรียนที่มีบัตรคาตรงกับประโยคนั้น ๆ ให้
ออกมายืนเรยี งแถวกนั และชูบตั รคาให้เพอ่ื นอา่ น
๔.๒ นักเรียนแต่งประโยคดว้ ยวาจา และลองเขียนประโยค
เก่ยี วกับสตั วท์ ร่ี ูจ้ ัก
บทที่ ๙ เกือบไป
วเิ คราะหเ์ นือ้ หา กจิ กรรมชวนทา ชวนคิด
๑. ชวนกันปน้ั ชวนกนั เล่า
แบ่งกลุ่มนักเรยี นช่วยกนั แตง่ เรื่อง งูกบั ชา้ ง แลว้ ชว่ ยกันปั้น
ดินเหนียวหรือดนิ นา้ มันเปน็ เรื่องตามความคิดของกลมุ่ จะมี
ตัวละครเพิ่มก็ได้ แล้วให้แต่ละกลุ่มแสดงผลงานพร้อมเล่า
เร่อื งที่ชว่ ยกนั คดิ
๒. ฝกึ อ่าน
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเก่ียวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รู้จักคา นาเรอ่ื ง
๕๙
นักเรียนต้องใช้ความรูในการทา
กิจกรรม
ตอ้ งเขา้ ใจประโยคถงึ จะทาได้
นกั เรียนตอ้ งแต่งเร่อื งเองและปั้นดิน
นา้ มันอย่างสรา้ งสรรค์
ตอ้ งมีความรู้ในการอ่านคา
ตอ้ งรู้จักความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
๒.๒ ครูอ่านนา เรอื่ ง เกือบไป นกั เรยี นอา่ นตาม สนทนา
หรอื ตอบคาถามเกีย่ วกับเรือ่ ง พร้อมท้งั ดภู าพประกอบ
๒.๓ ครสู อนอา่ นแจกลูก อา่ นผันวรรณยกุ ต์ อา่ นสะกดคา
และฝึกอา่ นใน อธบิ ายเพม่ิ เตมิ ความรู้ โดยแบ่งนกั เรียนเป็น
๒ ฝา่ ยฝ่ายหน่งึ สะกดคา อกี ฝา่ ยหนง่ึ อ่านคานัน้ สลบั กันไป
๒.๔ นกั เรยี นอา่ นออกเสียง คาคล้องจอง ในสว่ นท้ายของ
อธิบายเพิ่ม เติมความรู้ โดยอา่ นแถวละคาต่อ ๆ กันไป
๒.๕ ฝกึ อ่านออกเสยี งใน อ่านคล่อง ร้องเล่น ให้เป็นจงั หวะ
จนคลอ่ ง และร้องเพลง จ้องตากัน จากแผน่ ซดี ีรอม
๓. ฝึกเขียน
๓.๑ ฝึกคัดคาที่อ่านแจกลูก และท่ีอ่านสะกดคาใน อธิบาย
เพ่มิ เตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขยี นคาคล้องจอง และประโยคในส่วนทา้ ยของ
อธบิ ายเพ่มิ เตมิ ความรู้ และชว่ ยกันแต่งเพม่ิ เตมิ
๖๐
ต้องใชค้ วามรู้ในการอ่าน
ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการ
อา่ นและการสะกดคา
ต้องใชค้ วามรูใ้ นการอา่ น
ต้องใช้ความรใู้ นการอ่าน
นักเรยี นต้องใชค้ วามรใู้ นการคดั
นกั เรียนต้องเข้าใจคาคล้องจองและ
การแตง่ ประโยค
๔. ลองคิด ลองทา
๔.๑ นกั เรียนแต่งประโยคเก่ยี วกับสัตว์ในปา่ ทีน่ กั เรยี นรู้จกั
ดว้ ยวาจา หรืออาจเขยี นเป็นประโยค
๔.๒ ครูแจกบัตรคาทีเ่ ตรยี มไว้ จากประโยคในส่วนทา้ ยของ
อธิบายเพิ่ม เติมความรู้ ให้นักเรียนถือไว้คนละใบ ครูหรือ
นกั เรียนอ่านประโยค นกั เรียนที่มีบัตรคาตรงกบั ประโยคน้ัน
ให้ออกมายืนเรียงแถวกัน และชูบัตรคาให้นักเรียนอ่าน
พรอ้ มกนั หรอื อา่ นทลี ะคน
๔.๓ นกั เรยี นคน้ ควา้ นทิ านทีม่ เี นอ้ื เร่อื งเกยี่ วกบั ชา้ งหรอื งู
นามาเล่าให้เพ่ือนฟังหรือให้ครูช่วยอ่านให้ฟัง แล้วชวนกัน
สนทนาเก่ียวกับเร่ืองท่ีฟัง ช่วยกันสรุปและแสดงความ
คดิ เห็น
๖๑
นกั เรียนต้องเข้าใจการแตง่ ประโยค
นักเรียนต้องมีความรู้ในการทา
กิจกรรม
นักเรียนต้องค้นคว้านิทานและต้อง
เขา้ ใจเร่อื งถึงจะสรุปได้
บทที่ ๑๐ เพ่ือนร้ใู จ
วเิ คราะห์เนอ้ื หา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. เล่นทายปญั หา
ครอู า่ นปรศิ นาคาทายใหน้ ักเรียนตอบ เมอ่ื ตอบได้ทกุ ขอ้ แล้ว
ร่วมกนั แสดงความคิดเห็นวา่ มีอะไรอีกบ้างทช่ี า้ งกินได้
๒. ฝึกอ่าน
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเกี่ยวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รู้จกั คา นาเรือ่ ง
๒.๒ ครูเตรียมบัตรคาจากเรือ่ ง ให้นักเรียนผลดั กนั ออกมา
อ่านในใจ และทาท่าให้เพ่ือนทาย ครูเฉลยด้วยบัตรคา ให้
นักเรียนอ่านพร้อมกันแล้วคัดลงสมุด ตัวอย่างคา เช่น ต่ืน
ยืน โยกตัว นอนเดิน หันหลัง ชูงวง แกว่งหาง โบกหู ป้อน
กิน ดัน หวั เราะ ดึง
๒.๓ ครอู า่ นนา เรือ่ ง เพือ่ นรใู้ จ นกั เรียนอา่ นตาม สนทนา
และตอบคาถามเกย่ี วกบั เรอื่ ง พร้อมท้งั ดูภาพประกอบ
๖๒
นักเรียนตอ้ งวเิ คราะห์คาถามและใช้
จินตนาการถงึ จะตอบได้
ต้องมีความรู้ในการอ่านคา
ต้องรูจ้ กั ความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
นักเรียนต้องใช้ความรู้ในการอ่าน
และใช้จินตนาการในการทาท่าให้
เพอื่ นทาย
นักเรียนต้องใช้ความรู้ในการอ่าน
และตอ้ งเข้าใจถงึ จะตอบคาถามได้
๓. ฝกึ เขียน
๓.๑ ฝึกคัดคาทอ่ี ่านสะกดคาใน อธิบายเพม่ิ เติมความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาที่ผันวรรณยุกต์ คามาตราต่าง ๆ และ
ประโยคในสว่ นทา้ ยของ อธบิ ายเพม่ิ เติมความรู้
๔. ลองคิด ลองทา
๔.๑ ชว่ ยกนั คดิ วา่ ผลไมจ้ ากปรศิ นาคาทายสามารถนามา
ดัดแปลงเป็นอาหารอะไรได้ เช่น กล้วยปิ้ง สับปะรดกวน
นา้ ออ้ ยน้าแตงโมปัน่ หรอื แช่เย็น ฯลฯ
๔.๒ สนทนาเกยี่ วกบั ความรู้เร่ืองดินโปง่ และเกยี่ วกบั สตั วท์ ี่
กนิ ดินโปง่
บทท่ี ๑๑ ชา้ งนอ้ ยน่ารัก
วเิ คราะห์เนื้อหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคดิ
๑. ชวนกนั เล่า
นกั เรยี นที่มปี ระสบการณ์ ออกมาเล่าว่าเคยเหน็ ช้างแสดง
ความสามารถ เช่น เตะฟุตบอล ชักเย่อ ตีกลอง ยืนสองขา
ฯลฯ
๖๓
นักเรียนต้องใช้ความรใู้ นการคดั
นักเรียนต้องใช้ความรู้และความ
เข้าใจในการเขียนผันวรรณยุกต์
สะกดคามาตราตา่ ง ๆ
นักเรียนต้องใช้จินตนาการในการ
ตอบปญั หา
ตอ้ งใชค้ วามรูใ้ นการทากิจกรรม
นักเรียนต้องจาประสบการณ์ต่าง ๆ
แล้วมาเล่า
๒. ฝึกอ่าน
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเก่ียวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รจู้ ักคา นาเร่อื ง
๒.๒ ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกนั หาคาทีข่ น้ึ ต้นดว้ ย คาว่า แปรง มี
อะไรบ้าง เชน่ แปรงสฟี ัน แปรงลบกระดาน แปรงขัดรองเทา้
แลว้ อธบิ ายลักษณะ และวธิ ีใชแ้ ปรงแต่ละชนิด อาจวาดภาพ
ประกอบดว้ ย
๒.๓ ครูอา่ นนา เร่ือง ช้างนอ้ ยนา่ รัก นักเรียนอ่านตามและ
สนทนาเกยี่ วกบั เร่ือง พรอ้ มทั้งดูภาพประกอบ
๒.๔ แบ่งนักเรยี นเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ ๓-๕ คน แยกยา้ ยกนั
ฝกึ อา่ น เรอื่ ง ช้างนอ้ ยน่ารกั ประมาณ ๑๐-๑๕ นาที (อาจ
เป็นนอกหอ้ งเรียนก็ได้) เพ่อื ตอบคาถามของครู
๒.๕ ครสู อนอ่านผนั วรรณยกุ ต์ อา่ นสะกดคา และฝึกอ่าน
คาทม่ี ตี ัวสะกดแมต่ ่าง ๆ ใน อธบิ ายเพม่ิ เติมความรู้
๒.๖ ฝกึ อ่านออกเสยี งใน อ่านคลอ่ ง ร้องเล่น ให้เปน็ จงั หวะ
จนคล่อง และรอ้ งเพลง อายจงั อายจัง จากแผ่นชีดีรอม
๖๔
ต้องมคี วามรใู้ นการอ่านคา
ต้องรู้จกั ความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
นักเรียนต้องใช้จินตนาการในการ
หาคาต่าง ๆ และต้องเข้าใจจึงจะ
อธิบายลักษณะได้
ต้องใชค้ วามร้ใู นการอา่ น
นักเรียนต้องเข้าใจเร่ืองท่ีอ่านจึงจะ
ตอบคาถามได้
ตอ้ งใชค้ วามรใู้ นการอา่ น
ต้องใช้ความรใู้ นการอา่ น
๓. ฝึกเขยี น
๓.๑ ฝึกคดั คาทผ่ี นั วรรณยุกตแ์ ละทอี่ ่านสะกดคาใน
อธิบายเพิ่ม เตมิ ความรู้
๓.๒ ฝึกเขียนคาคล้องจอง และประโยค ในส่วนทา้ ยของ
อธิบายเพ่ิม เติมความรู้ และช่วยกันแตง่ เพิ่มเตมิ
๔. ลองคิด ลองทา
๔.๑ แบ่งกลุ่มนักเรียนให้ช่วยกันวาดและตกแต่งภาพ
เกี่ยวกับการแสดงของช้างตามความคิดของกลุ่ม แล้วนาไป
จดั นทิ รรศการ
๔.๒ วาดภาพสญั ลักษณ์ หรือเครอื่ งหมาย หรือสัญญาณ
ที่นักเรียนพบเห็นเป็นประจา แล้วบอกว่าเป็นสัญลักษณ์
หรอื เครอื่ งหมาย หรือสัญญาณอะไร
บทที่ ๑๒ วันสงกรานต์
วิเคราะห์เนื้อหา กจิ กรรมชวนทา ชวนคิด
๑. ชวนกนั ฟัง
ครูเล่านิทานเกี่ยวกับตานานวันสงกรานต์ แล้วชวนสนทนา
ถงึ ประสบการณ์ท่ีนกั เรียนเคยเล่นสงกรานตแ์ ละวธิ ีปฏบิ ตั ใิ น
การเล่นอยา่ งปลอดภัย
๖๕
นกั เรยี นตอ้ งใช้ความรู้ในการคดั
นกั เรียนต้องเข้าใจคาคล้องจองและ
การแต่งประโยค
นักเรียนต้องใช้จินตนาการในการ
วาดภาพระบายสี และนาไปใช้จัด
นิทรรศการ
นักเรียนต้องมีความจาในสิ่งท่ีเคย
เห็นและวาดภาพ
ต้องมีความจาจากประสบการณ์ที่
นกั เรียนเคยพบ
๒. ฝึกอา่ น
๒.๑ อ่านคา พูดคุยหรือลองทาท่าเก่ียวกับความหมายของ
คาและภาพประกอบใน รจู้ ักคา นาเรอ่ื ง
๒.๒ ครชู วนสนทนาเกย่ี วกับเร่ือง วนั สงกรานต์ พรอ้ มทั้งดู
ภาพประกอบ นักเรียนอา่ นออกเสียงเป็นกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก
และเปน็ รายบุคคล
๒.๓ ฝึกนักเรียนลองอ่านในใจ ตอบคาถามเกี่ยวกับ
รายละเอยี ดของเร่อื ง วันสงกรานต์ และฝึกสรปุ ความ
๒.๔ ครสู อนอา่ นผันวรรณยกุ ต์ อา่ นสะกดคา และฝกึ อา่ น
คาที่มีตัวสะกดแมต่ า่ งๆ ใน อธิบายเพิ่ม เติมความรู้
๒.๕ ฝึกอ่านออกเสยี งใน อ่านคล่อง รอ้ งเลน่ ให้เปน็ จังหวะ
จนคล่อง และร้องเพลง ปใี หมไ่ ทย จากแผน่ ซดี ีรอม
๒.๖ ฝกึ อา่ นในใจ แลว้ จึงอ่านออกเสยี งประโยค ในส่วนทา้ ย
ของ อธิบายเพม่ิ เติมความรู้
๓. ฝึกเขยี น
๓.๑ ฝกึ คดั คาท่ีอา่ นสะกดคาใน อธบิ ายเพิ่ม เตมิ ความรู้
๖๖
ต้องมีความรูใ้ นการอ่านคา
ต้องรจู้ ักความหมายของคา
ต้องใช้จินตนาการในการทาท่า
ประกอบคา
นักเรยี นตอ้ งใช้ความรู้ในการอา่ น
นักเรียนต้องใช้ความเข้าใจในการ
ตอบคาถามและสรุปจากเรอื่ ง
นกั เรยี นต้องใชค้ วามรใู้ นการอ่าน
นกั เรยี นต้องใชค้ วามรู้ในการอา่ น
นักเรียนต้องใช้ความรใู้ นการอา่ น
นักเรียนตอ้ งใชค้ วามรใู้ นการคัดคา
๓.๒ ฝกึ เขยี นคาท่มี รี ปู วรรณยุกต์ คาท่มี ตี วั สะกดแม่ตา่ ง ๆ
และประโยค ในสว่ นท้ายของ อธบิ ายเพิม่ เติมความรู้
๔. ลองคิด ลองทา
นักเรียนแสดงบทบาทสมมตุ ิ โดยเลอื กทากิจกรรม ๑ หรือ ๒
กิจกรรม ตามความเหมาะสม เช่น
๑. แตง่ ชุดทเี่ ป็นเอกลกั ษณ์ของชาตหิ รอื ของท้องถิ่น
เน้นความเรยี บง่ายและประหยดั
๒. สรงนา้ พระพทุ ธรปู
๓. ก่อพระเจดียท์ ราย
๔. จดั การละเลน่ ตา่ งๆ ท่ีนยิ มในทอ้ งถ่ิน
๖๗
นักเรียนต้องรู้และเข้าใจการผัน
วรรณยุกต์ การสะกดคามาตรา
ต่าง ๆ
นักเรียนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
ในการแสดงบทบาทสมมุติ
ตารางสรปุ ความสอดคล้องระหว่างกจิ กรรมชวนคดิ พนิ ิจคณุ ค
ตามทฤษฎีการเรียนรู้ของ B
บทเรียน ความ ู้รความจา
บทท่ี ๑ ใบโบกใบบวั ๘
บทที่ ๒ ภผู า ๗
บทท่ี ๓ เพ่ือนกนั ๘
บทที่ ๔ ตามหา ๘
บทท่ี ๕ ไปโรงเรียน ๗
บทท่ี ๖ โรงเรียนลกู ชา้ ง ๘
บทท่ี ๗ เพื่อนรักเพื่อนเล่น ๗
บทท่ี ๘ พดู เพราะ ๖
บทท่ี ๙ เกือบไป ๗
บทที่ ๑๐ เพอ่ื นรู้ใจ ๖
บทที่ ๑๑ ชา้ งน้อยนา่ รัก ๗
บทที่ ๑๒ วนั สงกรานต์ ๘
๘๗
รวม
๖๘
่ากับพฤตกิ รรมดา้ นพทุ ธพิสยั (Cognitive Domain)
Benjamin Bloom
ผลการวเิ คราะห์
ความเข้าใจ
การนาไปใช้
การ ิวเคราะห์
การประเมินค่า
การสร้างสรร ์ค
๑๐๑๐๔
๒๐๑๐๘
๒๐๑๐๕
๒๐๑๐๒
๔๐๐๐๕
๒๐๐๐๓
๔๐๐๐๒
๔๐๐๐๑
๕๐๐๐๓
๓๐๑๐๔
๔๑๐๐๓
๓๐๐๐๒
๓๖ ๑ ๕ ๐ ๔๒
๖๙
๕. วเิ คราะห์ขอ้ ดแี ละขอ้ บกพรอ่ งของแบบเรยี น
จากการศึกษาวิเคราะห์หนังสือเรียน รายวิชา ภาษาไทย ชุดภาษาพาที ช้ันประถมศึกษา
ปีท่ี ๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕ด ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์จาก
การศึกษาวิเคราะห์หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชีวิตภาษาพาที ช้ันองค์การ
ค้าของ สกสค. สามารถสรุปขอ้ ดีและข้อบกพรอ่ งไดด้ ังน้ี
ข้อดี ข้อบกพรอ่ ง
๑.เนื้อหาส่วนใหญ่ตรงตามตัวชวี ัด และครบ ๑.มีกจิ กรรมทา้ ยบทท่มี ากเกนิ ไป
ทุกตัวช้วี ดั ของสาระการเรยี นรทู้ ัง้ ๕ ตวั ชว้ี ตั ๒.ภาพประกอบบางส่วนไม่มีคาอธิบายอาจทาให้
๒. ภาพาเปน็ ทางการ อ่านง่าย เรยี บเรยี ง เกิดความสับสน
เนื้อหาดี และมีคาอบายศัพท์และข้อความ ๓.ใชไ้ มย้ มกไม่เว้นวรรคหน้าและหลัง
เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจเน้อื หามากขึ้น ๔.มกี ารฉีกคาทาใหข้ ้อความไมส่ มบรู ณ์
๓.มกี จิ กรรมเพ่ือการเรียนรซู้ ่งึ สอดคล้องกับ
เน้ือหา และช่วยพฒั นาทักษะทางดา้ นการคดิ
๔. กิจกรรมในส่วนชวนคิดพินจิ คุณค่าเปดิ
โอกาลให้ผู้เรียนใต้แสดงความคิดเห็น และ
ทางานกลุ่มซ่ึงจะช่วยพัฒนาทักษะการคิดและ
การทางาน
๕.ภาพประกอบภายในเลม่ ลว้ นสอดคลอ้ งกบั
เน้ือหา และมีสีสันที่สวยงามมีสารบัญใช้
ตั ว อั ก ษ ร ชั ด เ จ น จึ ง ง่ า ย ต่ อ ก า ร คั น ห า ห น้ า ท่ี
ต้องการ
๖.ใช้ตังอักษรสอนที่ชัดเจนทาให้ผู้เรียนมองได้
งา่ ย
๗.หนังสือมีภาพประกอบท่ีมีสีสันสวยงาม
เหมาะสมกบั ผูเ้ รยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑