ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ศศิวิมล สมแก้ว รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต หลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน คณะบริหารธุรกิจ ปีการศึกษา 2566 ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ศศิวิมล สมแก้ว รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต หลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน คณะบริหารธุรกิจ ปีการศึกษา 2566 ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ชื่องานวิจัย ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ชื่อนักศึกษา นางสาว ศศิวิมล สมแก้ว รหัสนักศึกษา 116310509475-4 ปริญญา บริหารธุรกิจ หลักสูตร การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปีการศึกษา 2566 อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.นพปฏล สุวรรณทรัพย์ รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต โดยผ่านการพิจารณาจาก คณะกรรมการสอบวิจัย ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ อาจารย์ที่ปรึกษา ................................................... ( ดร.นพปฏล สุวรรณทรัพย์) รายงานวิจัยนี้ได้พิจารณาเห็นชอบโดย ประธานกรรการ ................................................... ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พุทธิวัต สิงห์ดง) กรรมการ .................................................... (ดร.ชาริณี พลวุฒิ) ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ก ชื่องานวิจัย ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ชื่อนักศึกษา นางสาว ศศิวิมล สมแก้ว รหัสนักศึกษา 116310509475-4 ปริญญา บริหารธุรกิจ หลักสูตร การจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปีการศึกษา 2566 อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.นพปฏล สุวรรณทรัพย์ บทคัดย่อ การศึกษางานวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเรื่อง ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีผลต่อ ความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อบรรจุภัณฑ์หลังจากที่ได้รับสินค้า โดยทำการศึกษาแนวคิดทฤษฎีบรรจุภัณฑ์และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บ รวบรวมข้อมูล จากนั้นดำเนินงานโดยทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป ทางสถิติ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และความพึงพอใจในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยใช้ ค่าสถิติ ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาที่เกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของบริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด คือ ผู้ประกอบการยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทางบริษัทมีโลโก้ หรือ ตราสินค้าเป็น ของตัวเอง แต่ยังไม่นำออกมาใช้ให้เป็นที่น่าจดจำแก่ผู้บริโภค ไม่มีรายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ สำหรับในการขนส่งเพื่อบ่งบอกแก่พนักงานขนส่ง และตัวกล่องยังไม่มีความแข็งแรงมากพอกับสินค้า บางชนิดที่มีขนาดใหญ่ ผู้วิจัยจึงได้เสนอแนะการพัฒนาบรรจุภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ยังสามารถเพิ่มคุณภาพ ให้กับสินค้า เพื่อให้ลูกค้าที่ได้รับเกิดความประทับใจ และเป็นที่น่าจดจำ และตอบสนองต่อความ ต้องการของผู้บริโภค คำสำคัญ : บรรจุภัณฑ์/ ความพึงพอใจ
ข Title: Packaging form factors that affects customer satisfaction Case study: Hi-So Network Co., Ltd. Student Name: Miss Sasiwimon Somkaew Student ID: 116310809475-4 Degree: Bachelor of Business Administration (Logistics Management) Program: Logistics and supply chain management Academic Year: 2023 Advisor: Noppadol Suwannasap Abstract This research study The researcher conducted a study on Packaging form factors That affects customer satisfaction. A case study of Hi-So Network Company Limited to study and analyze packaging problems. and to study customer satisfaction with the packaging after receiving the product. By studying the concept of packaging theory. and collect data by using questionnaires to collect data. Then carry out the work by analyzing the data using a statistical computer program. To find guidelines for packaging development and satisfaction in packaging development. Using statistical values: frequency (Frequency), percentage (Percentage), mean and standard deviation. The research results found that Problems related to the development of the company's packaging Hi-So Network Co., Ltd. is that entrepreneurs still lack understanding about packaging development. The company has its own logo or brand. But it has not yet been brought out to be memorable to consumers. There is no information on the shipping packaging to indicate to the courier. And the box is not strong enough for some large products. The researcher therefore
ค suggested the development of packaging. Packaging can also increase the quality of the product. To make the customers who receive them impressed and it's memorable. and respond to consumer needs. Keywords: packaging/ satisfaction
ง กิตติกรรมประกาศ รายงานวิจัยนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยได้รับความกรุณาและความช่วยเหลือเป็นอย่างดี จากอาจารย์นพปฎล สุวรรณทรัพย์ซึ่งกรุณาเสียสละเวลาให้คำปรึกษาและคำแนะนำ รวมถึงการ แก้ไขข้อบกพร่องเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินการศึกษาฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์ขอขอบพระคุณ คณาจารย์หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนทุกท่าน ที่ได้เสียสละ เวลาในการเป็นคณะกรรมการในการสอบ และตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมทั้งให้คำแนะนำต่างๆ เพื่อให้รายงานวิจัยเล่มนี้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ขอขอบพระคุณที่กรุณาให้ความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อใช้ใน การทำวิจัย อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดทำรายงานวิจัยในครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผู้เขียนจึงขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาสนี้ ศศิวิมล สมแก้ว ตุลาคม พ.ศ. 2566
จ สารบัญ บทคัดย่อภาษาไทย ก บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ข กิตติกรรมประกาศ ง สารบัญ จ สารบัญภาพ ช สารบัญตาราง ซ บทที่ 1 บทนำ 1 1.1ที่มาและความสำคัญของปัญหา 1 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 1.4 ขอบเขตการศึกษา 2 1.5 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย 3 1.6 สมมติฐานการวิจัย 3 1.7 นิยามศัพท์เฉพาะ 4 บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 5 2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า 5 2.2 ทฤษฎีด้านการออกแบบโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ 6 2.3 ทฤษฎีเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ 8 2.4 ทฤษฎีความพึงพอใจ 10 2.5 แนวคิดทฤษฎีปัจจัยส่วนบุคคล 13 2.6 ข้อมูลองค์กรกรณีศึกษา 14 2.6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 15
ฉ สารบัญ (ต่อ) บทที่ 3 วิธีการดำเนินการศึกษา 17 3.1 วิธีการดำเนินงานวิจัย 17 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 17 3.3 เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 18 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล 18 3.5 ค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 19 บทที่ 4 ผลการวิจัยและอภิปรายผล 20 ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 20 ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลังจากที่ ได้รับสินค้าจาก บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด 23 ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไข 27 การรายงานผลด้วยสถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) 27 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ 39 5.1 สรุปผลการศึกษา 39 อภิปรายผล 41 5.2 ข้อเสนอแนะ 42 บรรณานุกรม 43 ประวัติผู้วิจัย 56
ช สารบัญภาพ ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย................................................................................................3 ภาพที่ 2 สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์ ....................................................................................................7
ซ สารบัญตาราง ตารางที่ 4. 1 ข้อมูลทั่วไปด้านเพศ...................................................................................................20 ตารางที่ 4. 2 ข้อมูลทั่วไปด้านอายุ..................................................................................................21 ตารางที่ 4. 3 ข้อมูลทั่วไปด้านอาชีพ................................................................................................21 ตารางที่ 4. 4 ข้อมูลทั่วไปด้านระดับการศึกษา................................................................................22 ตารางที่ 4. 5 ข้อมูลทั่วไปด้านรายได้...............................................................................................22 ตารางที่ 4. 6 ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์.........................................................................................23 ตารางที่ 4. 7 ด้านการบรรจุ............................................................................................................24 ตารางที่ 4. 8 ด้านการอำนวยความสะดวก......................................................................................25 ตารางที่ 4. 9 ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย................................................................................25 ตารางที่ 4. 10 ด้านสิ่งแวดล้อม.......................................................................................................26 ตารางที่ 4. 11 ตารางสรุปผล..........................................................................................................26 ตารางที่ 4. 12 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านเพศ (t-test).............................................................................................................27 ตารางที่ 4. 13 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์...........28 ตารางที่ 4. 14 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ..............................29 ตารางที่ 4. 15 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก.......29 ตารางที่ 4. 16 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย..30
ฌ สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ 4. 17 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการสิ่งแวดล้อม.....................30 ตารางที่ 4. 18 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์.........31 ตารางที่ 4. 19 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ...........................31 ตารางที่ 4. 20 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก.....32 ตารางที่ 4. 21 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย32 ตารางที่ 4. 22 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการสิ่งแวดล้อม ..................33 ตารางที่ 4. 23 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้อง ผลิตภัณฑ์........................................................................................................................................33 ตารางที่ 4. 24 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ............34 ตารางที่ 4. 25 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม
ญ สถานภาพด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความ สะดวก............................................................................................................................................34 ตารางที่ 4. 26 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัด จำหน่าย..........................................................................................................................................34 ตารางที่ 4. 27 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านสิ่งแวดล้อม.........35 ตารางที่ 4. 28 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์........35 ตารางที่ 4. 29 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ..........................36 ตารางที่ 4. 30 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก....37 ตารางที่ 4. 31 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย37 ตารางที่ 4. 32 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านสิ่งแวดล้อม .......................37
1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา บรรจุภัณฑ์ (Package) หมายถึง ภาชนะ กล่อง หีบ ห่อ ลังพาเลท ตู้ หรือ สิ่งอื่นใดที่ทำหน้าที่เพื่อการ บรรจุสินค้า หรือ สิ่งของไว้ภายใน ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพและเป็นเครื่องมือใน การกระจายสินค้า (Distribution) ไปสู่ผู้ใช้ผู้ซื้อ หรือผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ขั้นตอนหลักในการดึงดูดหรือเรียกความสนใจจากผู้บริโภค โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การผลิตสินค้าหรือบริการให้ ความสำคัญกับผู้บริโภค (Consumer oriented) บรรจุภัณฑ์ หมายถึง วัสดุใด ๆ ที่นำมาใช้สำหรับห่อหุ้ม ป้องกัน ลำเลียง จัดส่ง และนำเสนอสินค้าตั้งแต่ วัตถุดิบถึงสินค้า ที่ผ่านการผลิตตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ใช้หรือผู้บริโภคโดยมีวัตถุประสงค์ การป้องกันหรือรักษา ผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพตลอดจนมีคุณภาพใกล้เคียงกับครั้งแรกที่ผลิตให้มากที่สุด ทั้งนี้บรรจุภัณฑ์เป็นกลไก สำคัญให้มีการส่งมอบสินค้าแก่ผู้ที่ต้องการขายไปสู่ผู้ที่ต้องการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่ การระบุ ข้อมูลของสินค้าบนกล่อง หรือ บรรจุภัณฑ์รายละเอียดของสินค้า แหล่งที่ผลิต และแหล่งสินค้าที่ส่งมอบ เพื่อ การขนส่งที่ปลอดภัยไปยังผู้บริโภคคนสุดท้ายในสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ โดยเสียต้นทุนต่ำที่สุด ดังนั้นบรรจุ ภัณฑ์จึงเป็นงานเทคนิคที่ต้องอาศัยความชำนาญ ประสบการณ์ และ ความคิดสร้างสรรค์ ที่จะออกแบบและ ผลิตบรรจุภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมกับสินค้าเพื่อให้ความคุ้มครองสินค้า หรือ เพื่อประโยชน์ใช้สอย (สมพงษ์ เฟื่องอารมณ์, 2550) จากกรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับของเล่นโดยให้บริการด้านของเล่นราคา ถูก ของเล่นขายส่ง ของใช้เบ็ดเตล็ด อาหารเสริม และ สินค้าทางเกษตร โดยมีผลิตภัณฑ์ คือ ของเล่นทั่วไป ของเล่นสะสม กระเป๋า รองเท้า วิตามิน ซึ่งผู้คนต่างเลือกซื้อตามความต้องการของสิ่งของนั้น ๆ และ ในส่วน ของผู้วิจัยที่ได้รับมอบหมายในการปฏิบัติงานภายในองค์กร ได้เห็นถึงปัญหาขององค์กรในกระบวนการจัดส่ง สินค้า เนื่องจากสินค้าบางชิ้นมีขนาดที่ใหญ่กว่ากล่องบรรจุภัณฑ์มาตรฐานจึงทำให้ต้องมีการประดิษฐ์กล่อง ขึ้นมาเองอยู่เสมอ ซึ่งจากการที่ได้ศึกษากระบวนการทำงานได้พบจุดบกพร่อง คือ เศษกล่องที่นำมาใช้ประดิษฐ์ เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ไม่ค่อยมีความแข็งแรงทนทาน ทำให้สินค้าที่อยู่ด้านในเกิดความเสียหายระหว่างทางการ ขนส่ง ส่งผลให้องค์กรสูญเสียทางด้านต้นทุน และเกิดของเสียจำนวนมาก ดังนั้น ผู้วิจัยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมีความสนใจศึกษาการพัฒนาบรรจุภัณฑ์โลจิ สติกส์ สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาให้มีบรรจุภัณฑ์ที่มี ความแข็งแรงทนทาน ปกป้องสินค้าภายในได้ โดดเด่น สวยงาม สามารถสื่อสารถึงบริษัทได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะ
2 นำไปสู่ความพึงพอใจของผู้ที่ได้รับสินค้า รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างรายได้และรักษามาตราฐานให้กับ ลูกค้า 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1.2.1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาของบรรจุภัณฑ์ที่ใช่ในการขนส่ง 1.2.2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อบรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์สําหรับผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ของบริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด 1.2.3) เพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.3.1) ได้ทราบถึงปัญหาของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการขนส่ง 1.3.2) เพื่อรักษาและคงสภาพสินค้าให้มีคุณภาพเมื่อสินค้าไปถึงมือผู้ใช้ 1.3.3) เพื่อเป็นข้อมูลแก่องค์กรสามารถนำผลที่ได้จากการศึกษาไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไข บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการขนส่งเพื่อลดความเสียหายของสินค้าในระหว่างการขนส่ง 1.4 ขอบเขตการศึกษา ศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้าของ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 1.4.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา ศึกษาและสำรวจความพึงพอใจของผู้ใช้โดยจะทำการศึกษาในเรื่องการออกแบบโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ 1.4.2 ขอบเขตด้านสถานที่ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด เลขที่ 34/252 หมู่3 ซอย หมู่บ้านภัสสร2 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี12120 1.4.3 ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการศึกษานี้ มีระยะเวลาในการทำการศึกษาประมาณ 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2566 ถึง วันที่ 27 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2566
3 1.5 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย 1.6 สมมติฐานการวิจัย ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกันส่งผลต่อความพึงพอใจในแต่ละด้านแตกต่างกัน ปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่างกัน ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้านการ ปกป้องผลิตภัณฑ์แตกต่างกัน 2. ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้านการ บรรจุแตกต่างกัน 3. ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้านการอ า อ านวยความสะดวกแตกต่างกัน 4. ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้านการ ส่งเสริมการจัดจ าหน่ายแตกต่างกัน 5. ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และรายได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจในด้าน สิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน ปัจจัยส่วนบุคคล - เพศ - อายุ - อาชีพ - รายได้ - ระดับการศึกษา การออกกแบบบรรจุภัณฑ์ - การออกแบบกราฟิก โลโก้ หรือ ตราสินค้า - สัญลักษณ์ที่ใช้ในการขนส่ง - ความครบถ้วนของบรรจุภัณฑ์ - ขนาดของกล่องบรรจุภัณฑ์ - ความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์ ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มี ต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ หลังจากที่ได้รับสินค้าจาก บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด
4 1.7 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.5.1 บรรจุภัณฑ์(package) หมายถึง วัสดุใดๆ ที่นำมาใช้สำหรับห่อหุ้ม ป้องกัน ลำเลียง จัดส่ง และนำเสนอสินค้า ตั้งแต่วัตถุดิบถึงสินค้าที่ผ่านการผลิตตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ใช้หรือผู้บริโภคโดยมีวัตถุประสงค์ เบื้องต้นในการป้องกัน หรือรักษาผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพตลอดจนมีคุณภาพใกล้เคียงกับเมื่อแรกผลิตให้มากที่สุด (สมพงษ์ เฟื่องอารมณ์2550) 1.5.2 การจัดการบรรจุภัณฑ์ หมายถึง วิธีการห่อหุ้มสินค้าเพื่อการขนส่งที่ปลอดภัยไปยังผู้บริโภคคน สุดท้ายในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเสียต้นทุนต่ำที่สุด 1.5.3 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การออกแบบปรังปรุงเพื่อปกป้องรักษาโครงสร้างและ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพอายุของสินค้าได้นานมากขึ้น และแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่นำมาห่อหุ้ม เพื่อรักษาคุณภาพสินค้า รวมไปถึงการออกแบบกราฟิกบนตัวบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความประทับใจ ให้แก่ลูกค้าและสามารถสร้างมูลค้าเพิ่มให้กับสินค้าได้ (พรวจี บุญเลี้ยง, 2561) 1.5.4 ความพึงพอใจของลูกค้า หมายถึง เป็นความรู้สึกพึงพอใจในสิ่งที่ได้รับจากการซื้อสินค้าและ บริการ โดยเน้นความแตกต่างระหว่างมูลค่าที่ลูกค้ารับรู้ได้กับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังไว้ก่อนซื้อสินค้า หลังจากที่ ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า และ บริการ ลูกค้าจะเกิดความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจสินค้าที่ซื้อนั้นขึ้นอยู่กับมูลค่าที่ ลูกค้าได้รับ (ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ ,2547)
5 บทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาปัญหาเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ในการ ขนส่ง โดยทำการศึกษาแนวคิดทฤษฎีต่าง ๆ ประกอบด้วยทฤษฎีแและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า 2.2 ทฤษฎีด้านการออกแบบโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ 2.3 ทฤษฎีเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ 2.4 ทฤษฎีความพึงพอใจ 2.5 แนวคิดทฤษฎีปัจจัยส่วนบุคคล 2.6 ข้อมูลองค์กรกรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า การหยิบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ และ น้ำหนัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการปกป้อง พัสดุในระหว่างการขนส่ง โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปรับปรุงให้วัสดุมีความแข็งแรง ทนทานมาก ขึ้น สะดวกทั้งในการบรรจุ และ ขนย้าย รวมทั้งการพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยมีการออกแบบกราฟิก สัญลักษณ์ ต่าง ๆ บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ การลดบรรจุภัณฑ์ส่วนเกินและขนาดการจัดส่ง สามารถลดการใช้วัสดุ และใช้ตัวเลือกที่สามารถใช้ซ้ำ ได้ เมื่อลูกค้าปฏิเสธที่จะรับของจะช่วยให้ลูกค้าคืนบรรจุภัณฑ์เดิมได้โดยเกิดขยะน้อยลง 2.1.1 ความหมายการเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization) ในทางบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การวิเคราะห์บรรจุภัณฑ์และเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เกิดประสิทธิภาพ และ คุ้มค่ามากที่สุด คือการเลือกขนาดกล่องและวัสดุที่เหมาะสม รวมถึงการเสริมสร้างความสมดุลระหว่างความ คงทนกับราคา อีกทั้งยังช่วยลดการแตกหักในเส้นทางขนส่ง และประหยัดเวลาในการห่อพัสดุ ผู้ประกอบการสามารถวางแผนสำหรับการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยอาศัยการวิเคราะห์ ด้วยหลัก 5W2H เพื่อให้การออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์มีประสิทธิภาพได้ ดังนี้ 1) ทำไม (Why) ปัจจัยหรือเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เห็นถึง ความสำคัญของผลิตภัณฑ์นั้นๆ
6 2) ใคร (Who) ผู้ประกอบการต้องทราบว่าจะออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์นี้เพื่อใคร ทั้งนี้เพื่อเป็น การกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจน นำไปสู่การดำเนินการที่มีคุณภาพ 3) ที่ไหน (Where) ลูกค้าเป้าหมายอยู่ที่ไหน อยู่ในตัวเมืองหรือต่างจังหวัด อยู่ในประเทศหรือ ต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการวางแผนระบบโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับการตั้งคำถามเพื่อติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค เมื่อกลุ่มเป้าหมายหันมาใช้เวลาบนโลกออนไลน์มาก ขึ้น ข้อมูลที่รวบรวมมาได้ควรเป็นประโยชน์ต่อการวางแผน เพื่อสร้างโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย มากขึ้น มีการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมและครอบคลุมถึงความต้องการของผู้บริโภค 4) อะไร (What) ผู้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ตระหนักว่าตนเองกำลังออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของ ผลิตภัณฑ์อะไร รูปแบบบรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์หรือไม่ 5) เมื่อไหร่ (When) การออกแบบและพัฒนาต้องเหมาะสมกับช่วงเวลา จะนำมาซึ่งประโยชน์ของการ จัดสรรทรัพยากร เช่น การวางแผนกำลังคน การลดราคาสินค้า การแถมสินค้า ย่อมช่วยทำให้ธุรกิจสามารถ ขายสินค้าและบริการประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น 6) อย่างไร (How) บรรจุภัณฑ์ที่ได้ออกแบบและพัฒนาขึ้นมานั้นตอบสนองการใช้งานอย่างไร และมี วิธีการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ 7) เท่าไหร่ (How much) ผู้ประกอบการต้องรู้ราคาต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการออกแบบและพัฒนาบรรจุ ภัณฑ์เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เพื่อทำให้สามารถประเมินมูลค่าของบรรจุภัณฑ์ แล้วนำไปกำหนดราคาในการ จำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ 2.2 ทฤษฎีด้านการออกแบบโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ การออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การกำหหนดลักษณะรูปร่าง รูปทรง ขนาด และ ปริมาตร ให้เหมาะสมต่อการบรรจุ และ การขนส่ง การออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่จะมีขนาด มาตรฐานสากล และรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจน สามารถปกป้องผลิตภัณฑ์จากแรงกระแทก การรับน้ำหนัก การ วางซ้อน หรือป้องกันการเปียกชื้น และป้องกันไม่ให้เกิดการแตกหักของสินค้า เป็นต้น ธุรกิจสามารถลดความ เสี่ยงได้ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงทนทานต่อการเคลื่อนย้ายและขนส่งสินค้า ด้วยการกำหนดมาตรฐานของ บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้การขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ให้ เหมาะสม จะต้องศึกษาลักษณะของสินค้าที่จะบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์ว่ามีลักษณะเป็นแบบใด การออกแบบ บรรจุภัณฑ์สำหรับโลจิสติกส์จะต้องมีลักษณะ ดังนี้ 1) ด้านการออกแบบ (Packaging Design) การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในการขนส่ง จะต้อง เหมาะสมกับรูปแบบที่ขนส่งกำหนด มีตราสินค้าหรือมีโลโก้ของแบรนด์ มีเครื่องหมาย สัญลักษณ์ ระบุชัดเจน และควรใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาเพื่อลดต้นในการขนส่ง
7 2) ด้านการเก็บรักษา (Storage support) ในระบบโลจิสติกส์บรรจุภัณฑ์จะทำหน้าที่ ปกป้องสินค้า ไม่ให้ได้รับความเสียหายในระหว่างทางการขนส่ง และถนอนสินค้า เพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าใน สภาพที่สมบูรณ์ 3) ด้านสิ่งแวดล้อม (ECO Packaging) การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควร เลือกใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ และหลีกเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2.2.1) หลักการออกแบบบรจุภัณฑ์ ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคจะมองเห็นก่อนตัวสินค้า และแน่นอนว่าการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์จะต้องสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้บริโภค ดังนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หรือการออกแบบกล่องสินค้าจะต้องมีรูปร่างที่สวยงาม น่าใช้งาน มีความโดดเด่นทั้งรูปทรงทั้งสี เพราะการออกแบบให้บรรจุภัณฑ์ดูดีนั้นจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ แต่เพียงแค่การออกแบบให้ สวยงามอาจจะคงไม่พอ ต้องมีปัจจัยหลายๆ ด้านเข้ามาประกอบด้วย แต่ถ้าหากไม่คำนึงถึงปัจจัยด้าน อื่นก็อาจจะทำให้บรรจุภัณฑ์ไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า ส่วนประกอบที่สำคัญของบรรจุ ภัณฑ์ควรประกอบด้วย 1) ตราสินค้า หรือแบรนด์สินค้า จะเป็นข้อความ สัญลักษณ์ หรือนำสิ่งเหล่านี้มารวมกัน เพื่อ สามารถบ่งบอกผลิตภัณฑ์สินค้า หรือการบริการของผู้ขายได้ ในการออกแบบจะทำเป็นสัญญา ลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อทำให้ผู้บริโภคสามารถที่จะจำแบรนด์สินค้าได้ และที่สำคัญควรที่จะสร้าง ความโดดเด่นใช้คำพูดที่ง่าย ทำให้ผู้บริโภคสามารถจดจำสินค้าต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 2) ชื่อสินค้า ชื่อสินค้าสามารถบ่งบอกถึงลักษณะของสินค้า ว่าสินค้าเป็นอะไร จัดอยู่ในประเภทไหน เพื่อทำให้ลูกค้านั้นจะได้สามารถจดจำสินค้าได้ 3) สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายการค้าต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อบรรจุภัณฑ์ เพราะตรา สินค้าจะเป็นเครื่องหมายที่สามารถป้องกันสินค้าได้ เช่น สัญลักษณ์ห้ามโยน ระวังแตก ห้ามวาง ซ้อน ภาพที่ 2 สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์ https://www.thaideemove.com/side-box-sign/
8 4) รายละเอียดต่างๆ ของสินค้า ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถ เข้าใจในสินค้าของเราได้ โดยผลิตภัณฑ์จำเป็นที่จะต้องชี้แจ้งรายละเอียดต่างๆ ของสินค้า เพื่อให้ ลูกค้านั้นสามารถเข้าใจข้อมูลต่างๆของสินค้า เช่น ราคา ที่มา วิธีการใช้งาน 5) ขนาดและการบรรจุของสินค้า ตัวเลขของ ขนาดหรือปริมาณ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ต้องมีบนบรรจุภัณฑ์ พราะจะทำให้ ผู้บริโภคได้ทราบว่า สินค้าของเรามีขนาดและปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งก็จะเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ง่าย ต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า 6) ข้อมูลโภชนาการต่างๆของสินค้า หากสินค้าเป็นอาหาร ยา ผู้ผลิตจำเป็นที่ต้องบอกถึง สารอาหาร ต่างๆ หรืออ้างโภชนาการต่างๆ นั้นควรเป็นข้อมูลที่เป็นความจริง เพราะผู้บริโภคบางกลุ่ม อาจจะ มีความกังวลเกี่ยวกับโภชนการอาหารแต่ละชนิด และผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ที่อยู่ในหมวดอาหาร นั้นก็ควรที่จะต้องมีการอ้างโภชนาการเพื่อทำให้ลูกค้าได้ทราบว่าสินค้านั้น มีปริมาณสารอาหาร อะไรบ้าง เพื่อที่จะได้ประกอบการตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น 7) ข้อระวังในการบริโภค ควรมีในตัวบรรจุภัณฑ์ เพราะส่วนใหญ่จะเห็น คำเตือนได้จากสินค้า ประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารคาเฟอีนต่างๆ ทั้งนั้นการเตือนนั้นก็ จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคนั้นตัดสินใจ จากที่กล่าวมาข้างต้น บรรจุภัณฑ์สินค้าควรที่จะต้องมี วันที่ผลิตและวันหมดอายุ ในการบอกให้ ผู้บริโภคได้ทราบ เพื่อเป็นตัวช่วยในการการันตีได้ว่า สินค้าของเรามีคุณภาพจริง รวมถึงชื่อผู้ผลิต ซึ่งจะทำให้ ผู้บริโภคได้ทราบว่า สินค้าผลิตจากที่ไหน และนำเข้ามาจากที่ไหน เพื่อทำให้ผู้บริโภคนั้นได้มั่นใจ 2.3 ทฤษฎีเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ บทบาทของบรรจุภัณฑ์และลักษณะของบรรจุภัณฑ์ที่ดี จากความหมายของบรรจุภัณฑ์ ทำให้ในอดีต บรรจุภัณฑ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสินค้าที่มีบทบาทหน้าที่เพียงช่วยถนอม และรักษาคุณภาพของสินค้า หรือใช้ หีบห่อเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและป้องกันไม่ให้ชำรุดเสียหายก่อนที่จะส่งถึงลูกค้า ต่างจาก ปัจจุบันที่บรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่นๆมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นและอยู่ในฐานะเครื่องมือทางการตลาด ทำหน้าที่ ส่งเสริมการขายในหลากหลายรูปแบบ ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ปกป้องสินค้าเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นส่วนประกอบและมีบทบาทสำคัญต่อ องค์กรธุรกิจทุกประเภท ผู้ประกอบการที่มีความรู้หรือเข้าใจบทบาทหน้าที่และลักษณะของบรรจุภัณฑ์ที่ดี ก็ จะสามารถสื่อสารหรือทำความเข้าใจให้ออกแบบได้ตอบโจทย์ตรงความต้องการและสอดคล้องเหมาะสมกับ ผลิตภัณฑ์ได้มากที่สุด (Hong Thai หงส์ไทย, 2562)
9 2.3.1) ประเภทของบรรจุภัณฑ์ แบ่งประเภทของบรรจุภัณฑ์เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย หรือ บรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 1 (Individual Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใน การห่อหุ้มสินค้าโดยตรง จะทำหน้าที่ปกป้องสินค้าไม่ให้สินค้าเสียคุณภาพ การเลือกบรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย จะต้องเข้าใจสินค้าในแต่ละประเภทว่ามีลักษณะอย่างไร 2) บรรจุภัณฑ์ชั้นใน (Inner Package) คือ ทำหน้าที่ในการห่อหุ้ม รวมหน่วยกับบรรจุภัณฑ์เฉพาะ หน่วยให้ได้ปริมาณที่ต้องการ เพื่อความสวยงามดึงดูดผู้บริโภค และป้องกันแสงแดด ความชื้น มีกันกระแทก และช่วยอำนวยความสะดวกในการขาย 3) บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก หรือ บรรจุภัณฑ์ชั้น 3 (Outer Package) คือ ทำหน้าที่ป้องกันสินค้าไม่ให้ เสียหาย การขนถ่าย เคลื่อนย้ายสินค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกรวดเร็วในการขนส่ง 2.3.2) ความสำคัญและหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง บรรจุภัณฑ์จึงมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริม ทางการตลาด (market promotion) โดยเน้นเรื่องความสวยงาม ความสะดุดตาและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้ ตัดสินใจซื้อ บรรจุภัณฑ์ในยุคปัจจุบันจึงทำหน้าที่ในการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าก่อนที่ผู้ซื้อจะเห็นตัวสินค้า สำหรับหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์ด้านโลจิสติกส์ จะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นคนสุดท้าย แต่จะเน้นด้านความ สะดวกต่อการทำงานและต้นทุน จะสังเกตเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์จะกระทำได้บ่อยๆ โดยไม่ กระทบถึงลูกค้า โดยสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุลดขนาด หรือเพิ่มขนาดได้ทันที (คำนาย อภิปรัชญาสกุล, 2546) JMP THAILAND (2021) กล่าวถึง บทบาทและหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสำหรับโลจิ สติกส์ บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสำคัญหลายแง่มุมและแตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงการป้องกัน ความ ปลอดภัย ความสามารถในการใช้งานที่เพิ่มขึ้น รูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด การออกแบบที่เหมาะสม และข้อกำหนด เฉพาะของลูกค้า เพราะในการขนส่งบรรจุภัณฑ์ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีต่อทั้งผู้ส่งและผู้รับถือว่าเป็น ความสำเร็จของระบบขนส่ง แสดงให้เห็นว่าบรรจุภัณฑ์นั้นสำคัญต่อการขนส่ง ดังนี้ 1) การหลีกเลี่ยงความล่าช้าโดยปฏิบัติตามข้อกำหนด ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการที่จะจัดส่ง จะต้องมี แนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดในการขนส่งสินค้า เพราะหากไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การจัดส่งของ มักจะเกิดความล่าช้าเพราะถูกกักไว้ หรืออาจจะถูกปฏิเสธการเข้ารับ ดังนั้นหากต้องการจัดส่ง สินค้า ต้องนึกถึงปัญหาและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด 2) ช่วยให้สะดวกต่อการขนส่ง บรรจุภัณฑ์ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าจากที่หนึ่งไป ยังอีกที่หนึ่ง จากผู้ส่งไปยังผู้รับ ช่วยให้การขนส่งง่ายและการจัดการผลิตภัณฑ์ระหว่างการขนส่งดี ขึ้น หากมีสินค้าที่อาจขนส่งได้ยาก ไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม อย่างเช่น แก้ว หรือสิ่งของที่
10 แตกหักง่าย การขนส่งย่อมเป็นไปอย่างยากลำบาก ก็จำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่รับแรงกระแทกได้ ดีกว่าบรรจุภัณฑ์ทั่วไป บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะทำให้สะดวกต่อการขนส่งในด้านต่าง ๆ เนื่องจากสินค้าหรือสิ่งของแต่ละชนิดจำเป็นต้องมีการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน รวมทั้งการขนส่งใน แต่ละรูปแบบก็มีขั้นตอนที่แตกต่างกัน ทำให้บรรจุภัณฑ์นั้นต้องออกแบบมาให้รองรับสินค้า เหล่านั้นอย่างเหมาะสม 3) บรรจุภัณฑ์ปกป้องและรักษาคุณภาพสินค้า การรักษาสินค้าหรือสิ่งของ บรรจุภัณฑ์ที่ดีจะต้อง สามารถรักษาคุณภาพสิ่งของหรือสินค้าที่อยู่ด้านในจากปัจจัย หรือผลกระทบสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เช่น รักษาสินค้าจากการขนส่ง รักษาสินค้าจากสภาพอากาศ หรือรักษาสินค้าจากสิ่งแปลกปลอม หรือปนเปื้อนที่อาจเกิดจาก แมลง ฝุ่นละออง และอื่น ๆ 4) ทำให้การจัดเก็บสะดวกยิ่งขึ้น บรรจุภัณฑ์ที่ดีคือ บรรจุภัณฑ์ที่ง่ายต่อการจัดเก็บและ เคลื่อนย้าย สามารถวางซ้อนกันได้โดยไม่มีช่องว่างมากเกินไประหว่างแต่ละบรรจุภัณฑ์โดยบรรจุ ภัณฑ์ที่มีรูปร่างผิดปกติอาจทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงหากมีการขนส่งบรรจุภัณฑ์ เดียวกันหลายชิ้น การมีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การจัดเก็บง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะ มีรูปร่างแบบใด บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้จัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้ง่าย 5) กระตุ้นยอดขายหรือใช้เพื่อทำการตลาด หน้าที่สำหรับบรรจุภัณฑ์สุดท้ายนั้นคือการทำเพื่อ กระตุ้นยอดขาย หรือเพื่อทำการตลาด เหตุเพราะบรรจุภัณฑ์เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคหรือลูกค้าจะ เห็นสินค้าของคุณ ทำให้บรรจุภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาให้มีรูปร่างสวยงาม โดดเด่นย่อมดึงดูดผู้คน ได้มากกว่า การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมทั้งการขายปลีกและขายส่ง รวมถึงการเลือกสีรูปร่างของ บรรจุภัณฑ์การออกแบบกราฟิก และตราสินค้าช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าและอาจส่งผลให้ ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 2.4 ทฤษฎีความพึงพอใจ ความพึงพอใจ (Satisfaction) หมายถึง ชอบใจ พอใจ แต่มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของ ความพึงพอใจ ไว้หลายความหมาย ดังนี้ ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) เป็นความรู้สึกพึงพอใจในสิ่งที่ได้รับจากการซื้อ สินค้าและบริการ โดยเน้นความแตกต่างระหว่างมูลค่าที่ลูกค้าได้รับรู้ได้กบสิ่งที่ ลูกค้าคาดหวังไว้ก่อนซื้อสินค้า หลังจากที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ลูกค้าจะเกิดความรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจสินค้าที่ซื้อนั้น ขึ้นอยู่กับ มูลค่าที่ลูกค้ารับรู้ได้ (Perceived Values) ซึ่งเกิดจากการใช้สินค้าและบริการ แล้วนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ คาดหวังไว้ก่อนทำาการซื้อ (ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ ,2547)
11 ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) เป็นความรู้สึกของลูกค้าว่าพึงพอใจ หรือ ไม่พึง พอใจหลังการรับบริการ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปรียบเทียบระหว่างการรับรู้ต่อการปฏิบัติงานของผู้ให้บริการ หรือประสิทธิภาพของสินค้า กับการให้บริการที่ลูกค้าคาดหวัง ซึ่งถ้าหากการรับรู้ในการทำงานของผู้ให้บริการ หรือประสิทธิภาพของสินค้าต่ำกว่าความคาดหวังของลูกค้า ลูกค้าก็จะไม่พึงพอใจ และถ้าหากการรับรู้ในการ ทำงานของผู้ให้บริการ หรือประสิทธิภาพ ของสินค้าสูงกว่าความคาดหวังของลูกค้าก็จะเกิดความพึงพอใจอย่าง มาก โดยการรับรู้ต่อการปฏิบัติงานหรือประสิทธิภาพของสินค้า จะต้องสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดย การสร้างคุณค่าเพิ่ม ซึ่งเกิดจากการผลิตและจากการตลาด รวมทั้งการทำงานร่วมกันของฝ่ายต่าง ๆ โดยยึด หลักการสร้างคุณภาพโดยรวม (Philip Kotler, 2003 อ้างใน ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ, 2541) สง่า (2540) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับผลสำเร็จตามความมุ่ง หมาย หรือเป็นความรู้สึกขั้นสุดท้ายที่ได้รับ ผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ มอส (Morse,1958) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง สภาวะจิตที่ปราศจากความเครียดทั้งนี้เพราะ ธรรมชาติของมนุษย์มีความต้องการ ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนองทั้งหมดหรือบางส่วน ความเครียดก็ จะน้อยลง ความพึงพอใจก็จะเกิดขึ้นและในทางกลับกันถ้าความต้องการนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง ความเครียดและความไม่พึงพอใจก็จะเกิดขึ้น วรูม (Vroom,1964) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึงผลที่ได้จากการที่บุคคลเข้าไปมีส่วนร่วมใน สิ่งนั้น ทัศนคติด้านบวกจะแสดงให้เป็นสภาพความพึงพอใจในสิ่งนั้น และทัศนคติด้านลบจะแสดงให้เห็นสภาพ ความไม่พึงพอใจนั่นเอง Domabedian ( 1980 , อ้างถึงใน วาณี ทองเสวต,2548 ) กล่าวว่า ความพึงพอใจของผู้รับบริการ หมายถึง ผู้บริการประสบความสำเร็จในการทำให้สมดุลระหว่างสิ่งที่ผู้รับบริการให้ค่ากับความคาดหวังของ ผู้รับบริการ และประสบการณ์นั้นเป็นไปตามความคาดหวัง พิบูล ทีปะปาล (2549) ให้ความหมายไว้ว่า ความพึงพอใจ คือ ความรู้สึกของบุคคลที่แสดงความพึง พอใจหรือผิดหวัง เป็นผลเนื่องมาจากการเปรียบเทียบผลงานของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าได้รับกับความคาดหวังของ ลูกค้า ซึ่งมี 3 ระดับ ดังนี้ 1) ถ้าผลการทํางานของผลิตภัณฑ์ ( performance) ตํ่ากวาความคาดหวัง ( expectations) ลูกค้าจะรู้สึก ไม่พอใจ (dissatisfied) 2) ถ้าผลการทํางานของผลิตภัณฑ์เป็นไปตามที่ลูกค้าคาดหวัง ลูกค้าก็จะรู้สึก พอใจ (satisfied)
12 3) ถ้าผลการทํางานของผลิตภัณฑ์ดีเกินกวาที่ลูกค้าคาดหวัง ลูกค้าจะรู้สึก ยิ่งพอใจมาก (highly satisfied) หรือ รู้สึกประทับใจ (delighted) เมนาร์ด ดับบริล เชลลี่ (Maynard W.Shelly,1975) ได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจ ซึ่งสรุป ได้ว่าความพึงพอใจเป็นความรู้สึก แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ความรู้สึกในทางบวกและความรู้สึกในทางลบ ความรู้สึกในทางบวกเป็นความรู้สึกที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้เกิดความสุข ความสุขนี้เป็นความสุขที่แตกต่างจาก ความรู้สึกทางบวกอื่นๆ กล่าวคือเป็นความรู้สึกที่มีระบบย้อนกลับความสุขสามารถทำให้เกิดความสุขหรือ ความรู้สึกทางบวกอื่นๆ ความรู้สึกทางลบ ความรู้สึกทางบวกและความรู้สึกที่มีความสัมพันธ์กันอย่าง สลับซับซ้อนและระบบความสัมพันธ์ของความรู้สึกทั้งสามนี้เรียกว่า ระบบความพึงพอใจ จากความหมายที่กล่าวมา สรุปความหมายของความพึงพอใจได้ว่า เป็นความรู้สึกของบุคคลใน ทางบวก ความชอบ ความสบายใจ ความสุขต่อสภาพแวดล้อมในด้านต่าง ๆ หรือเป็นความรู้สึกที่พอใจต่อสิ่งที่ ทำให้เกิดความชอบ ความสบายใจ และเป็นความรู้สึกที่บรรลุถึงความต้องการ 2.4.1) ความสำคัญของความพึงพอใจ ความพึงพอใจเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่ช่วยให้งานสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการ ให้บริการ นอกจากผู้บริหารจะดำเนินการให้ผู้ปฏิบัติงานให้บริการเกิดความพึงพอใจในการทำงานแล้ว ยัง จำเป็นต้องดำเนินการที่จะให้ผู้มาใช้บริการเกิดความพึงพอใจด้วย เพราะความเจริญเติบโตของงานบริการ ปัจจัยที่เป็นตัวบ่งชี้ คือ จำนวนผู้มาใช้บริการ ดังนั้นผู้บริหารที่ชาญฉลาดจึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาปัจจัยและ องค์ประกอบต่างๆที่จะทำให้เกิดความพึงพอใจทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 2.4.2) การวัดระดับความพึงพอใจ ความพึงพอใจจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการให้บริการขององค์กร ประกอบกับความรู้สึกของผู้มารับ บริการในมิติต่าง ๆ ของแต่ละบุคคล การวัดระดับความพึงพอใจนั้นเป็นการกระทำเพื่อวัดความรู้สึก ความ คิดเห็นจากสิ่งที่ได้รับในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สำหรับการวัดระดับความพึงพอใจต่อการบริการขององค์กรสามารถ ทำได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้(สาโรช ไชยสมบัติ, 2534) 1) การใช้แบบสอบถาม ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยการขอความร่วมมือจากกลุ่ม บุคคลที่ต้องการวัด แสดงความคิดเห็นลงในแบบฟอร์มที่กำหนดคำตอบไว้ให้เลือก หรือเป็นคำตอบอิสระ โดย คำถามที่ถามอาจจะถามถึงความพึงพอใจในด้านต่าง ๆ ที่หน่วยงานกำลังให้บริการ เช่น ลักษณะของการ ให้บริการ สถานที่ให้บริการ ระยะเวลาในการให้บริการ พนักงานที่ให้บริการ เป็นต้น 2) การสัมภาษณ์ เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการที่จะได้ทราบถึงระดับความพึงพอใจของผู้มาใช้บริการ ซึ่ง เป็นวิธีการที่ต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญของผู้สัมภาษณ์ที่จะจูงใจให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ตอบคำถามให้ตรง
13 กับข้อเท็จจริง การวัดระดับความพึงพอใจโดยวิธีสัมภาษณ์นับว่าเป็นวิธีการที่ประหยัด และมีประสิทธิภาพอีก วิธีหนึ่ง 3) การสังเกต เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ทราบถึงระดับความพึงพอใจของผู้มาใช้บริการได้โดย วิธีการ สังเกตจากพฤติกรรมทั้งก่อนมารับบริการ ขณะรอรับบริการ และหลังจากการได้รับบริการแล้ว เช่น การสังเกต กิริยาท่าทางการพูด สีหน้า และความถี่ของการมาขอรับบริการ เป็นต้น การวัดความพึงพอใจวิธีนี้ผู้วัดจะต้อง กระทำอย่างจริงจังและมีแบบแผนที่แน่นอนจึงจะสามารถประเมินถึงระดับความพึงพอใจของผู้มารับบริการได้ อย่างถูกต้อง มิลเล็ต (Millet, 1954, p. 397) กล่าวว่า ความพึงพอใจในงานบริการหรือความสามารถที่จะพิจารณา ว่าบริการนั้นเป็นที่พอใจหรือไม่ วัดจาก 1.การให้บริการอย่างเท่าเทียม (Equitable Service) คือ การให้บริการ ที่มีความยุติธรรม 2.การให้บริการที่รวดเร็ว ทันต่อเวลา (Timely Service) คือ การให้บริการตามลักษณะความ จำเป็นรีบด่วน 3.การให้บริการอย่างพอเพียง (Ample Service) คือ ความต้องการเพียงพอในด้านสถานที่ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ 4.การให้บริการอย่างต่อเนื่อง (Continuous Service) จนกว่าจะบรรลุผล 5.การ ให้บริการที่มีความก้าวหน้า (Progressive Service) คือ การพัฒนางานบริการด้านปริมาณและคุณภาพอย่าง สม่ำเสมอ ในปัจจุบันบริษัทหรือองค์กร เริ่มมีการแข่งขันเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพอใจมากที่สุดหลังจากการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้กลับมาใช้บริการ ซึ่งหากนำวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ก็จะ สามารถวัดความรู้สึกของผู้รับบริการทั้งที่พึงพอใจ และ ไม่พึงพอใจต่อการปฎิบัติงานหรือการให้บริการของ องค์กรได้ 2.5 แนวคิดทฤษฎีปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ อาชีพ รายได้ และระดับการศึกษา เหล่านี้เป็นเกณฑ์ที่นิยม ใช้ในการแบ่งลักษณะทางประชากรศาสตร์เป็นลักษณะที่สำคัญและสถิติที่วัดได้ของประชากรที่ช่วยกำหนด เป้าหมาย รวมทั้งง่ายต่อการวัดมากกว่าตัวแปรอื่น ตัวแปรด้านปัจจัยส่วนบุคคลที่สำคัญ ดังนี้ (ศิริวรรณ เสรี รัตน์ และคณะ,2538, หน้า 41-42) 2.5.1 เพศ ความแตกต่างทางเพศ เป็นตัวแปรในการแบ่งส่วนที่สำคัญ เช่น เพศหญิงมีแนวโน้มความ ต้องการมากกว่าเพศชาย เพราะในปัจจุบันตัวแปรด้านเพศมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการบริโภคการ เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้เพศหญิงและเพศชายมีความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องของความคิด ค่านิยมและ ทัศนคติเพราะ วัฒนธรรมและสังคมกําหนดบทบาทและ กิจกรรมของคนสองเพศไว้ต่างกัน 2.5.2 อายุ เนื่องจากผลิตภัณฑ์จะสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุแตกต่าง กัน จึงใช้อายุเป็นตัวแปรด้านปัจจัยส่วนบุคคลที่แตกต่าง อายุเป็นปัจจัยที่ทําให้คนมีความแตกต่างกันในเรื่อง ของความคิดและพฤติกรรม คนที่อายุน้อยมักจะมีความคิดเสรีนิยม มากกว่าคนที่อายุมาก ในขณะที่คนอายุ
14 มากมักจะมีความคิดที่อนุรักษ์นิยม มากกว่าคนที่มีอายุน้อย เนื่องมาจากผ่านประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ลักษณะการใช้สื่อก็ต่างกัน คนที่มีอายุมากมักจะใช้สื่อเพื่อหาข่าวสารมากกว่าความบันเทิง 2.5.3 การศึกษา เป็นปัจจัยที่สำคัญของคุณสมบัติส่วนบุคคล เนื่องจากระดับการศึกษาจะเป็นตัวกลาง หรือเป็นตัววัดระดับความคิดเห็น ระดับทัศนคติหรือระดับของความคิดของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ระดับการศึกษาจะสามารถบ่งบอกถึงความเป็นอยู่และ ความสนใจในสิ่งต่างๆ ได้ 2.5.4. อาชีพ เป็นปัจจัยที่สำคัญของการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติส่วนบุคคล เพราะอาชีพของแต่ละ บุคคลจะนําไปสู่ความจําเป็น และความต้องการสินค้า และบริการที่แตกต่างกัน เช่น พนักงานที่ทํางาในบริษัท ต่างๆ ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพ ข้าราชการก็จะซื้อสินค้าที่จําเป็น นักธุรกิจก็จะซื้อสินค้า เพื่อสร้างภาพพจน์ให้กับตัวเอง เป็นต้น การบริการของบริษัทเป็นที่ต้องการของกลุ่มอาชีพประเภทใด เพื่อที่จะ จัดเตรียมสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม 2.5.5 รายได้ หรือ สถานภาพทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่ส าคัญอีกประการหนึ่งของการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติ ส่วนบุคคล เนื่องจากระดับรายได้จะเป็นการแสดงออกถึงระดับทางด้านสถานภาพทางเศรษฐกิจของบุคคล จะกระทบต่อ ตราสินค้า และบริการที่ตัดสินใจแนวโน้มของรายได้ส่วนบุคคลจะมีผลต่ออ านาจของการซื้อ คนที่มีรายได้ต ่าจะมุ่งซื้อ สินค้าที่จ าเป็นต่อ และมีความไวต่อราคามาก ส่วนคนที่มีรายได้สูงจะมุ่งซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ เน้นที่ราคาสินค้าเป็นหลัก การศึกษาอาชีพ และรายได้นั้นมีแนวโน้มสัมพันธ์กันอย่างมาก ดังนั้น ลักษณะของประชากรที่มีความแตกต่างกัน จะส่งผลต่อพฤติกรรในการเลือกซื้อสินค้าที่ แตกต่างกัน โดยการกำหนดปัจจัยส่วนบุคคลแบ่งออกเป็น 5 ลักษณะ ประกอบไปด้วย เพศ อายุ อาชีพ ระดับ การศึกษา และรายได้(อดุลย์ จาตุรงคกุล 2544, หน้า 38-39) 2.6 ข้อมูลองค์กรกรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 34/252 หมู่3 ซอย หมู่บ้านภัสสร2 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด เป็นบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าประเภท ร้านของเล่นราคาถูก ของเล่นขายส่ง ของเล่นเด็ก ของใช้เบ็ดเตล็ด ครีมบำรุง ยาสมุนไพร และสินค้าอื่นๆ มี สินค้าหลากหลายชนิด บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค เป็นธุรกิจSME (Small and Medium Enterprises) เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ทำภายใน ครอบครัว ไม่มีพนักงานประจำบริษัท แต่มีตัวแทนจำหน่ายสินค้าตามแพลทฟอร์มต่างๆบนออนไลน์ อาทิเช่น Shopee Lazada Facebook และมีเว็บไซต์บนแพลตฟอร์ม Google โดยใช้ชื่อว่า ร้านของเล่นราคาถูก ของ เล่นขายส่ง ร้านไฮโซช็อป HISOSHOP สินค้าภายในร้าน มีดังนี้ 1. ของเล่นเด็กเสริมพัฒนาการ 2. รองเท้า
15 3. กระเป๋า 4. ของใช้ ของตกแต่งภายในบ้าน 5. สินค้าทางการเกษตร 6. ของใช้จิปาฐะ เบ็ดเตล็ดทั่วไป 2.6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ธนพร สิทธิยศ (2561) ได้ทำการศึกษางานวิจัย เรื่อง การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ไวน์สตรอว์เบอร์รี่ สวน ดอยแก้ว เชียงใหม่ งานวิจัยนี้นำเสนอแนวทางการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ด้านโครงสร้าง และ ด้านการออกแบ กราฟฟิกบนบรรจุภัณฑ์ ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาและอุปสรรค คือ ผู้ประกอบการยังขาดความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ จึงได้ทำการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์โดยเลือกใช้วัสดุให้เป็นที่จดจำ พร้อมทั้ง ใส่รายละเอียดช่องทางการติดต่อ และได้ทำการสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภค พบว่าผู้บริโภคมีความพึง พอใจมาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจวบ เพิ่มสุวรรณ, พัฒน์ พิสิษฐเกษม (2556) ได้ทำการศึกษา เรื่อง จะจัดการ บรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่า จะต้องพิจารณาถึงแนวทางการจัดการ ต่างๆได้แก่การพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ การเพิ่มการจ้างงานในการบรรจุภัณฑ์ การเลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์ การป้องกันสูญหายในระหว่างการขนส่ง การจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีใน การบรรจุภัณฑ์ทั้งนี้การจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนของธุรกิจ และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าให้ลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพและทันเวลา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ ประสบความสำเร็จสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ในยุคโลกาภิวัตน์ ณธกร อุไรรัตน์ (2559) ได้ทำการศึกษางานวิจัย เรื่อง การศึกษาเพื่อการพัฒนาการออกแบบบรรจุ ภัณฑ์ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ จ.สระบุรี งานวิจัยนี้นำเสนอแนวทางเกี่ยวกับ องค์ประกอบต่างๆ ในการออกแบบ บรรจุภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพ ผลการวิจัยพบว่า การปรับดีไซน์เป็นการสกรีนเพื่อความสามารถ ในการผลิตได้ง่ายขึ้น ออกแบบทำโลโก้เพื่อสร้างการจดจำ และประทับใจ จิติมา เสือทอง (2555) ได้ทำการศึกษางานวิจัย เรื่อง การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ขนมทองพับ กลุ่มสตรีแม่บ้านเขียวขจี จังหวัดนนทบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และเพื่อประเมินความพึงพอใจ บรรจุภัณฑ์ขนมทองพับ กลุ่มสตรีแม่บ้านเขียวขจี จังหวัดนนทบุรี ผลการวิจัยพบว่า บรรจุภัณฑ์มีลักษณะเป็น รูปแบบทรงสูงทำให้มีจุดสนใจและสามารถบรรจุขนมทองพับได้ดีและดูสวยงาม จิราวรรณ สมหวัง (2565) ได้ทำการศึกษางานวิจัย เรื่อง การพัฒนาบรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์สําหรับ ผลิตภัณฑ์ปลาร้า 5 วันของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการแปรรูปและการถนอมอาหารบ้านทุ่งสาธารณ์ อําเภอบ้าน หมี่ จังหวัดลพบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความต้องการรูปแบบบรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์สําหรับผลิตภัณฑ์
16 ปลาร้า 5 วัน และ พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์ต้นแบบ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการเสนอความ คิดเห็นและคําแนะนําในปรับปรุงและพัฒนาแบบร่างของกราฟิกฉลากและต้นแบบบรรจุภัณฑ์ ทําให้ได้ตรา สินค้า คือ “ปลาร้าบ้านทุ่ง” แสดงถึงอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ชุมชน และตราสัญลักษณ์ซึ่งเป็นรูปปลา รวงข้าว และโรงนาที่มีป้ายชื่อวิสาหกิจชุมชนการแปรรูปและการถนอมอาหารบ้านทุ่งสาธารณ์ ซึ่งสื่อสารให้ผู้บริโภคได้ ทราบถึงคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ลักษณะของธุรกิจ และอัตลักษณ์ของท้องถิ่นที่มีความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้ง การแสดงรายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์ ชัยพร ภัทรวารีกุล (2554) ได้ทำการศึกษางานวิจัย เรื่อง ความพึงพอใจของผู้บริโภค ผู้วิจัยมี ความเห็นว่าความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นแนวคิดหนึ่งในทางการตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการของ ธุรกิจ ผลการวิจัยพบว่า จากความพึงพอใจซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบริษัทว่าได้รับผลกระทบจากตัวแปรอื่น หรือไม่นอกเหนือจากความพึงพอใจ และการน าไปประยุกต์ใช้ ประโยชน์จากงานวิจัยในเรื่องความพึงพอใจนี้ ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งผู้ผลิตที่จะได้รับ ผลลัพธ์ทางการเงินที่ต้องการและผู้บริโภคจะได้รับการบริการที่ดี พึงพอใจ ต่อสิ่งที่ผู้ผลิตมอบให้ กัญญานัฐ ปิ่นเกษ (2559) ได้ทำการศึกษาเรื่อง การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ในการทํางาน และ ปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตในการทํางาน ที่ส่งผลต่อความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน ระดับ ปฏิบัติการ การท่าเรือแห่งประเทศไทยงาน ผลวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย คิดเป็น ร้อยละ 69.5 อายุระหว่าง 36-45 ปีคิด เป็นร้อยละ 54.8 การศึกษาระดับปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 59.5 สถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 77.8 และประสบการณ์ในการทํางาน 7-9 ปีคิดเป็นร้อยละ 40.3 ระดับความ คิดเห็นของปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทํางาน โดยรวมอยู่ในระดับเห็นด้วย มาก ด้านกายภาพ อยู่ใน ระดับเห็นด้วยมาก ด้านการบริหารงาน อยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด และ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตในการทํางาน โดยรวมอยู่ในระดับ เห็นด้วย มาก ด้านค่าตอบแทน อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ด้านความม ั่นคงในการทํางาน อยู่ในระดับเห็นด้วย มาก และด้านสวัสดิการ อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ระดับความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานระดับปฏิบัติการ การท่าเรือกรุงเทพ โดยรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ด้านการยอมรับองคกร์ อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ด้านการ ใช้ความสามารถเพื่อองค์กร อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก และด้านความต้องการเป็นสมาชิกขององค์กร อยู่ใน ระดับเห็นด้วย มากที่สุด
17 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการศึกษา ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ที่มีผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า กรณีศึกษา บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด โดยมี หัวข้อการอธิบายถึงขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ไว้ ดังนี้ 3.1 วิธีการดำเนินงานวิจัย 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.3 เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 วิธีการดำเนินงานวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีกรอบแนวคิดที่ใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานโดยใช้เครื่องมือ วิจัยในการเก็บรวบรวมแบบสอบถาม ดังนี้ 1. ศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสินค้า และบรรจุภัณฑ์รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อ พัฒนากรอบแนวคิด 2. พัฒนาแบบสอบถามและทำการประเมินความเที่ยงตรง และ ความน่าเชื่อถือของแบบสอบถาม 3. เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล 4. ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ 3.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ คือ ลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ซึ่งจำนวนประชากรในการศึกษางานวิจัยครั้งนี้ได้มีการเก็บบันทึกข้อมูลเป็นจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้าตั้งแต่ช่วง เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2566 ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน จำนวน 400 ตัวอย่าง โดยเทียบจำนวนกลุ่ม ตัวอย่างจากตารางสำเร็จรูปคำนวณหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างของทาโร ยามาเน (Taro Yamane,1973) กำหนดให้ค่าระดับความเชื่อมั่น 95% เกิดความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ 5% (0.05) (ธานินทร์ ศิลป์จาร, 2555, หน้า 46)
18 3.2.1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สูตรคำนวณ Cochran (1963) ใช้เมื่อไม่ทราบขนาดหรือจำนวนประชากรของงานวิจัย และต้องการ ประมาณสัดส่วนของประชากร = (1−) 2 2 เมื่อ n แทน ขนาดของกลุ่มประชากรที่ต้องการ P แทน สัดส่วนของประชากรที่ต้องการ มีค่าเท่ากับ 0.50 Z แทน ระดับความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 มีค่าเท่ากับ 1.96 e แทน ค่าความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ 0.05 = 0.5(1−0.5)3.84162 0.00252 = 384.16 ≈ 385 คน 3.3 เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย คือ แบบสอบถาม โดยคำถามมีลักษณะปลายเปิดและคำถามปลายปิดที่ให้ ผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะและมีคำตอบให้เลือก ซึ่งประกอบไปด้วยคำถาม ทั้งหมด 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม มีข้อคำถามจำนวน 5 ข้อ ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ รายได้ระดับการศึกษา ส่วนที่ 2 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลังจาก ที่ได้รับสินค้า มีข้อคำถามจำนวน 16 ข้อ แบ่งเป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ 2. ด้านการบรรจุ 3. ด้านการอำนวยความสะดวก 4. ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย 5. ด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนที่ 3 เป็นแบบสอบถามข้อเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขของผู้บริโภค เป็นลักษณะคำถาม ปลายเปิด โดยมีข้อเสนอแนะทั้งหมดแบ่งเป็น 5 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ 2. ด้านการบรรจุ 3. ด้านการอำนวยความสะดวก 4. ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย 5. ด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา 3.4 การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามจะถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปสำหรับ การวิจัย ใช้สถิติเชิงอนุมาน และ ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive analytics) ในการวิเคราะห์ข้อมูล
19 แสดงผลการ วิเคราะห์โดยใช้ค่าสถิติคือ ความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Means) และ ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล แล้วนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ ของตารางและ การบรรยายในการวัดระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ จำแนก ตามองค์ประกอบ บรรจุภัณฑ์โลจิสติกส์ทั้ง 5 ด้าน โดยใช้มาตราวัดแบบอัตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) เป็นเกณฑ์การให้ คะแนน มี 5 ระดับ (บุญชม ศรีสะอาด, 2545) ดังนี้ คะแนน ระดับความพึงพอใจ 5 คะแนน หมายถึง มากที่สุด 4 คะแนน หมายถึง มาก 3 คะแนน หมายถึง ปานกลาง 2 คะแนน หมายถึง น้อย 1 คะแนน หมายถึง น้อยที่สุด การหาค่าเฉลี่ยของคะแนนในแบบสอบถาม ผลคะแนนที่ได้จะนำมาวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย และ แปล ความหมายตามเกณฑ์ ดังนี้ ค่าเฉลี่ย แปลความหมาย 4.21 - 5.00 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3.41 - 4.20 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 2.81 - 3.40 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง 1.81 - 2.60 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย 1.00 - 1.80 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด 3.5 ค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.5.1 สถิติเชิงพรรณนา การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.5.2 สถิติเชิงอนุมาน การวิเคราะห์ด้วย T-test และ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว Oneway Anowa หรือ F-test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
20 บทที่ 4 ผลการวิจัยและอภิปรายผล จากการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาในหัวข้อเรื่อง ปัจจัยด้านรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีผลต่อความพึงพอใจ ของลูกค้า โดยใช้แบบสอบถามเพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของ บริษัท ไฮโซ เน็ทเวิร์ค จำกัด โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อสินค้าจากร้าน ไฮโซช้อป จำนวน 400 คน โดยมี ผลการวิจัยดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 แบบสอบถามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ หลังจากที่ได้รับสินค้าจาก บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การวิจัยครั้งนี้ได้ทำการศึกษาข้อมูลส่วนบุคคล จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ซึ่งเป็นลูกค้าที่ทำ การสั่งซื้อสินค้าจากร้าน ไฮโซช้อป โดยมีการศึกษา เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา และ รายได้ ซึ่งได้ผลการ ศึกษาวิจัยดังนี้ 1) เพศ ผู้ให้ข้อมูลเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเพศหญิงจำนวน 220 คน คิดเป็นร้อยละ 45 รองลมาคือ เพศชาย จำนวน 180 คน คิดเป็นร้อยละ 55 ตารางที่ 4. 1 ข้อมูลทั่วไปด้านเพศ เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 180 55 หญิง 220 45 รวม 400 100
21 2) อายุ ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี จำนวน 234 คน คิดเป็นร้อยละ 58.5 รองลงมาคือ 31- 40 ปี จำนวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ 20.5 อายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 74 คน คิดเป็นร้อยละ 18.5 และอายุมากกว่า 50 ปี จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5 ตารางที่ 4. 2 ข้อมูลทั่วไปด้านอายุ อายุ จำนวน ร้อยละ ต่ำกว่า 20 ปี 74 18.5 20 - 30 ปี 234 58.5 31 – 40 ปี 82 20.5 มากกว่า 50 ปี 10 2.5 รวม 400 100 3) อาชีพ ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่คือนักเรียน/นักศึกษา จำนวน 208 คน คิดเป็นร้อยละ 52 รองลงมาเป็นพนักงาน บริษัทเอกชน จำนวน 76 คน คิดเป็นร้อยละ 19 ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 44 คิดเป็นร้อย ละ 11 ประกอบธุรกิจส่วนตัวจำนวน 48 คิดเป็นร้อยละ 12 แม่บ้าน/ว่าง จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อย ละ 2.5 และ อาชีพอิสระ จำนวน 14 คิดเป็นร้อยละ 3.5 ตารางที่ 4. 3 ข้อมูลทั่วไปด้านอาชีพ อาชีพ จำนวน ร้อยละ นักเรียน/นักศึกษา 208 52 พนักงานบริษัทเอกชน 76 19 ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ 44 11 ประกอบธุรกิจส่วนตัว 48 12 แม่บ้าน/ว่างงาน 10 2.5 อาชีพอิสระ 14 3.5 รวม 400 100
22 4) ระดับการศึกษา ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปริญญาตรีจำนวน 202 คน คิดเป็นร้อยละ 50.5 รองลองมาคือ มัธยมศึกษาจำนวน 122 คน คิดเป็นร้อยละ 30.5 อนุปริญญา (ปวช./ปวส.) จำนวน 70 คน คิดเป็น ร้อยละ 17.5 และสูงกว่าปริญญาตรี จำนวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 1.5 ตารางที่ 4. 4 ข้อมูลทั่วไปด้านระดับการศึกษา ระดับการศึกษา จำนวน ร้อยละ มัธยมศึกษา 122 30.5 อนุปริญญา (ปวช./ปวส.) 70 17.5 ปริญญาตรี 202 50.5 สูงกว่าปริญญาตรี 6 1.5 รวม 400 100 5) รายได้ ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท จำนวน 166 คน คิดเป็นร้อยละ 41.5 รองลงมามี รายได้10,000-15,000 บาท จำนวน 114 คน คิดเป็นร้อยละ 28.5 รายได้ 15,001-20,000 บาท จำนวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 21 รายได้ 20,001-25,000 บาท จำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 7.5 รายได้ 25,001-30,000 บาท จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 0.5 และ รายได้มากกว่า 30,000 บาท จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1 ตารางที่ 4. 5 ข้อมูลทั่วไปด้านรายได้ รายได้ จำนวน ร้อยละ ต่ำกว่า 10,000 บาท 166 41.5 10,000-15,000 บาท 114 28.5 15,001-20,000 บาท 84 21 20,001-25,000 บาท 30 7.5 25,001-30,000 บาท 2 0.5 มากกว่า 30,000 บาท 4 1 รวม 400 100
23 ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลังจากที่ได้รับ สินค้าจาก บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ในการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ด้านการบรรจุ ด้านการอำนวยความสะดวก ด้านการส่งเสริม การจัดจำหน่าย และ ด้านสิ่งแวดล้อม ผู้วิจัยได้กำหนดเกณฑ์หลักความพึงพอใจที่ใช้ในการประเมินไว้ ดังนี้ คะแนนเฉลี่ย 4.21 - 5.00 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 3.41 - 4.20 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 2.81 - 3.40 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.81 - 2.60 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย คะแนนเฉลี่ย 1.00 - 1.80 หมายถึง ความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด 1. ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ โดยภาพรวมความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์พบว่า วัสดุที่ใช้สามารถป้องกันการ สัมผัสน้ำ กับ ความชื้นหรืออากาศ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.77 โครงสร้างของบรรจุ ภัณฑ์มีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย 3.34 เมื่อพิจารณา โดยประเด็นย่อยด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ พบว่าประเด็นต่อไปนี้ทำให้เกิดความพึงพอใจในระดับปานกลาง คือ โครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ปิดได้สนิทมิดชิดเพื่อคุ้มครองสินค้าผลิตภัณฑ์ภายใน โดยมีค่าเฉลี่ย 3.29 โครงสร้างบรรจุภัณฑ์มีความแข็งแรง ทนทาน ในการรับน้ำหนักของสินค้าที่มีการบรรจุ โดยมีค่าเฉลี่ย 3.23 ตารางที่ 4. 6 ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ค่าเฉลี่ย SD ระดับความพึงพอใจ วัสดุที่ใช้สามารถป้องกันการสัมผัสกับน้ำ ความชื้น และอากาศ 3.77 0.82 มาก
24 โครงสร้างของบรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมกับ ผลิตภัณฑ์ 3.34 1.22 ปานกลาง โครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ปิดได้สนิทมิดชิดเพื่อ คุ้มครองสินค้าผลิตภัณฑ์ภายใน 3.29 1.16 ปานกลาง โครงสร้างบรรจุภัณฑ์มีความแข็งแรง ทนทาน ในการ รับน้ำหนักของสินค้าที่มีการบรรจุ 3.23 1.23 ปานกลาง รวม 3.41 1.14 ปานกลาง 2. ด้านการบรรจุ โดยภาพรวมความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์พบว่า ปริมาณการบรรจุมีความ เหมาะสม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.58 รูปแบบของบรรจุภัณฑ์สามารถ เปิด/ปิด เพื่อบรรจุสินค้าได้สะดวก มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย 3.47 ตารางที่ 4. 7 ด้านการบรรจุ ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ค่าเฉลี่ย SD ระดับความพึงพอใจ ปริมาณการบรรจุมีความเหมาะสม 3.58 0.91 มาก รูปแบบของบรรจุภัณฑ์สามารถ เปิด/ปิด เพื่อบรรจุ สินค้าได้สะดวก 3.47 1.09 ปานกลาง รวม 3.53 1.00 มาก 3. ด้านการอำนวยความสะดวก โดยภาพรวมความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบบรรจุภัณฑ์พบว่า สามารถเปิดเพื่อนำสินค้า ภายในออกมาใช้งานได้อย่างสะดวก มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.69 สะดวกต่อการ เคลื่อนย้าย มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.52 ไม่เกิดบาดแผลแก่ผู้ใช้เนื่องจากความไม่ เรียบร้อยของบรรจุภัณฑ์ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.67 สะดวกต่อการจัดเก็บ สามารถซ้อนทับเพื่อประหยัดพื้นที่ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.64
25 ตารางที่ 4. 8 ด้านการอำนวยความสะดวก ด้านการอำนวยความสะดวก ค่าเฉลี่ย SD ระดับความพึงพอใจ สามารถเปิดเพื่อนำสินค้าภายในออกมาใช้งานได้อย่าง สะดวก 3.69 0.83 มาก สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย 3.52 1.09 มาก ไม่เกิดบาดแผลแก่ผู้ใช้เนื่องจากความไม่เรียบร้อยของ บรรจุภัณฑ์ 3.67 0.98 มาก สะดวกต่อการจัดเก็บสามารถซ้อนทับเพื่อประหยัด พื้นที่ 3.64 1.05 มาก รวม 3.63 1.00 มาก 4. ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย โดยภาพรวมความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์พบว่า รูปแบบโดยรวมสวยงาม น่าสนใจ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.71 ตราสินค้า หรือ โลโก้แบรนด์ มีให้จดจำ มี ความพึงพอใจอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย 2.90 เมื่อพิจารณาโดยประเด็นย่อยด้านการส่งเสริม การจัดจำหน่าย พบว่าประเด็นต่อไปนี้ทำให้เกิดความพึงพอใจในระดับปานกลาง คือ ความครบถ้วนของ บรรจุภัณฑ์สามารถแจ้งรายละเอียดให้กับผู้ซื้อได้โดยมีค่าเฉลี่ย 3.09 บรรจุภัณฑ์มีสัญลักษณ์ในการขนส่ง ชัดเจน เช่น สัญลักษณ์ระวังแตก ห้ามโยน โดยมีค่าเฉลี่ย 3.07 ตารางที่ 4. 9 ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย ค่าเฉลี่ย SD ระดับความพึงพอใจ รูปแบบโดยรวมสวยงามน่าสนใจ มีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับ 3.71 0.77 มาก ตราสินค้า หรือ โลโก้แบรนด์ มีให้จดจำ 2.90 1.36 ปานกลาง ความครบถ้วนของบรรจุภัณฑ์สามารถแจ้งรายละเอียด ให้กับผู้ซื้อได้ 3.09 1.33 ปานกลาง บรรจุภัณฑ์มีสัญลักษณ์ในการขนส่งชัดเจน เช่น สัญลักษณ์ระวังแตก ห้ามโยน 3.07 1.38 ปานกลาง รวม 3.19 1.28 ปานกลาง
26 5. ด้านสิ่งแวดล้อม โดยภาพรวมความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์พบว่า บรรจุภัณฑ์สามารถนำมาใช้ ซ้ำได้ เช่น นำมาเป็นที่ใส่ของ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.85 ทำจากวัสดุที่ย่อย สลายได้ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.01 ตารางที่ 4. 10 ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสิ่งแวดล้อม ค่าเฉลี่ย SD ระดับความพึงพอใจ บรรจุภัณฑ์สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ เช่น นำมาเป็นที่ใส่ ของ 3.85 0.91 มาก ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ 4.01 0.92 มาก รวม 3.93 0.92 มาก 6. สรุป สรุปความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด จำแนก ตามองค์ประกอบทั้ง 5 ด้าน พบว่า ผู้ให้ข้อมูลให้ความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากในด้านการบรรจุ ค่าเฉลี่ย 3.53 ด้านการอำนวยความสะดวก ค่าเฉลี่ย 3.63 ด้านสิ่งแวดล้อม ค่าเฉลี่ย 3.93 ผู้ให้ความพึง พอใจโดยรวมในระดับปานกลางในด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ค่าเฉลี่ย 3.41 และ ด้านการส่งเสริมการจัด จำหน่าย ค่าเฉลี่ย 3.19 ตารางที่ 4. 11 ตารางสรุปผล ลำดับ ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ของ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ค่าเฉลี่ย ระดับความพึงพอใจ 1 ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ 3.41 ปานกลาง 2 ด้านการบรรจุ 3.53 มาก 3 ด้านการอำนวยความสะดวก 3.63 มาก 4 ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย 3.19 ปานกลาง 5 ด้านสิ่งแวดล้อม 3.93 มาก
27 ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไข ผลการศึกษาข้อเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ของ บริษัท ไฮโซเน็ทเวิร์ค จำกัด ดังนี้ 1. ด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ผู้ให้ข้อมูลเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขว่า ควรมีกล่องให้พอดีกับ สินค้า เนื่องจากสินค้าบางชนิดมีขนาดใหญ่กว่ากล่องที่ใช้ในการขนส่งทำให้ต้องมีการประดิษฐ์กล่อง ขึ้นมาเอง อาจจะทำให้สินค้าด้านในเกิดความเสียหายได้ 2. ด้านการบรรจุผู้ให้ข้อมูลเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขว่า ควรปิดกล่องให้ดี และตรวจสอบกล่อง สินค้าทุกครั้งก่อนทำการจัดส่ง เพื่อไม่ให้ของข้างในเกิดการสูญหายระหว่างทาง 3. ด้านการอำนวยความสะดวก ผู้ให้ข้อมูลเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขว่า ควรจะมีกล่องให้พอดีกับ ขนาดสินค้าประเภทนั้นๆ เนื่องจากตอนที่ได้รับสินค้าการเปิดกล่องเพื่อนำสินค้าออกมาใช้ ส่งผลให้ดึง ออกมาใช้งานได้ยาก 4. ด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย ผู้ให้ข้อมูลเสนอแนะและการปรับปรุงแก้ไขว่า ทางร้านควรมี สัญลักษณ์ หรือ สติ๊กเกอร์ ระวังแตก ห้ามโยน แปะบนกล่องบรรจุภัณฑ์มาด้วย เพื่อไม่ให้สินค้าด้าน ในเกิดความเสียหาย ทางผู้วิจัยจึงได้นำข้อเสนอแนะจากลูกค้าที่ได้รับสินค้า เพื่อให้บริษัทนำมาปรับปรุงแก้ไขในด้านต่างๆ เนื่องจาก ลูกค้าบางท่านที่ได้รับสินค้าไป สินค้าด้านในเกิดความเสียหายระหว่างทางการขนส่ง เพราะทางบริษัทไม่มี สัญลักษณ์แจ้งกับขนส่งว่าสินค้าชิ้นนี้สามารถโยน วางซ้อน หรือ แตกหักง่ายได้หรือไม่ และกล่องที่ประดิษฐ์เอง ไม่มีความแน่นหนามากพอ จึงทำให้มีการคืนสินค้าอยู่บ่อยครั้ง เมื่อทางบริษัทได้รับสินค้าที่ลูกค้าแจ้งคืนมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถนำไปขายต่อได้ บริษัทก็จะเสียต้นทุนกับสินค้าชิ้นนั้นไป การรายงานผลด้วยสถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics) สมมติฐานที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคลด้านสถานภาพทางเพศที่แตกต่างกัน มีผลความพึงพอใจต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์ทั้ง 5 ด้าน โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 12 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของ การเปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตาม สถานภาพด้านเพศ (t-test) ความพึงพอใจของ ผู้บริโภคที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ เพศชาย เพศหญิง t p ค่าเฉลี่ย ̅ S.D. ค่าเฉลี่ย ̅ S.D.
28 ด้านการปกป้อง ผลิตภัณฑ์ 3.21 0.844 3.56 1.057 -3.656 0.000* ด้านการบรรจุ 3.38 0.816 3.64 1.007 -2.826 0.005 ด้านการอำนวย ความสะดวก 3.33 0.814 3.87 0.811 -6.523 0.000* ด้านการส่งเสริม การจัดจำหน่าย 2.97 0.983 3.37 1.166 -3.778 0.000* ด้านสิ่งแวดล้อม 3.79 0.798 4.04 0.850 -3.033 0.003 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.12 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ด้านเพศ พบว่า เพศที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์อย่าง มีนัยสำคัญสถิติที่ระดับ 0.05 สมมติฐานที่ 2 ใช้สถิติทดสอบหาความแตกต่างค่า F-test เพื่อศึกษาหาค่าความแตกต่างของปัจจัย ส่วนบุคคลด้านอายุ ที่มีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทั้ง 5 ด้าน ว่ามีผลต่อความพึงพอใจหรือไม่ ตารางที่ 4. 13 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ อายุ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 64.072 21.357 26.424 0.000* ภายในกลุ่ม 396 320.068 0.080 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.13 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันแต่ละช่วงอายุ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
29 ตารางที่ 4. 14 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ อายุ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 68.679 22.893 32.485 0.000* ภายในกลุ่ม 396 279.071 0.705 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.14 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันแต่ละช่วงอายุ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการบรรจุอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 15 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก อายุ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 51.635 17.212 28.505 0.000* ภายในกลุ่ม 396 239.114 0.604 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.15 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันแต่ละช่วงอายุ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการอำนวยความสะดวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
30 ตารางที่ 4. 16 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อายุ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 99.238 33.079 33.777 0.000* ภายในกลุ่ม 396 387.822 0.979 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.16 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันแต่ละช่วงอายุ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 17 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอายุที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการสิ่งแวดล้อม อายุ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 21.364 7.121 10.971 0.000* ภายในกลุ่ม 396 257.034 0.649 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.17 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอายุ พบว่าอายุที่แตกต่างกันแต่ละช่วงอายุ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการสิ่งแวดล้อม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
31 สมมติฐานที่ 3 ใช้สถิติทดสอบหาความแตกต่างค่า F-test เพื่อศึกษาหาค่าความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอาชีพ ที่มีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทั้ง 5 ด้าน ว่ามีผลต่อความพึงพอใจหรือไม่ ตารางที่ 4. 18 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ อาชีพ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 68.306 13.661 17.042 0.000* ภายในกลุ่ม 394 315.834 0.802 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.18 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอาชีพ พบว่าอาชีพที่แตกต่างกันแต่ละอาชีพ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มี ต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 19 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ อาชีพ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 89.217 17.843 27.193 0.000* ภายในกลุ่ม 394 258.533 0.656 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.19 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอาชีพ พบว่าอาชีพที่แตกต่างกันแต่ละอาชีพ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มี ต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการบรรจุอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
32 ตารางที่ 4. 20 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก อาชีพ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 21.045 4.209 6.149 0.000* ภายในกลุ่ม 394 269.704 0.685 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.20 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอาชีพ พบว่าอาชีพที่แตกต่างกันแต่ละอาชีพ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มี ต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการอำนวยความสะดวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 21 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อาชีพ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 103.535 20.707 21.272 0.000* ภายในกลุ่ม 394 383.525 0.973 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.21 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอาชีพ พบว่าอาชีพที่แตกต่างกันแต่ละอาชีพ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มี ต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
33 ตารางที่ 4. 22 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านอาชีพที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการสิ่งแวดล้อม อาชีพ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 18.329 3.666 5.554 0.000* ภายในกลุ่ม 394 260.068 0.660 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.22 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านอาชีพ พบว่าอาชีพที่แตกต่างกันแต่ละอาชีพ ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มี ต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการสิ่งแวดล้อม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมมติฐานที่ 4 ใช้สถิติทดสอบหาความแตกต่างค่า F-test เพื่อศึกษาหาค่าความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ด้านการศึกษา ที่มีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทั้ง 5 ด้าน ว่ามีผลต่อความพึงพอใจหรือไม่ ตารางที่ 4. 23 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์ ระดับการศึกษา แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 29.049 9.683 10.798 0.000* ภายในกลุ่ม 396 355.091 0.897 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.23 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านระดับการศึกษา พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึง พอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
34 ตารางที่ 4. 24 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ ระดับการศึกษา แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 39.879 13.293 17.098 0.000* ภายในกลุ่ม 396 307.871 0.777 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.24 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านระดับการศึกษา พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึง พอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการบรรจุอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 25 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก ระดับการศึกษา แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f P ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 52.075 17.358 28.800 0.000* ภายในกลุ่ม 396 238.674 0.603 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.25 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านระดับการศึกษา พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึง พอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการอำนวยความสะดวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 26 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย
35 ระดับการศึกษา แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f P ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 63.156 21.052 19.666 0.000* ภายในกลุ่ม 396 423.094 1.070 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.26 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านระดับการศึกษา พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึง พอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 27 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านระดับการศึกษาที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านสิ่งแวดล้อม ระดับการศึกษา แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 3 11.842 3.947 5.864 0.001 ภายในกลุ่ม 396 266.556 0.673 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.27 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านระดับการศึกษา พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึง พอใจที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านสิ่งแวดล้อม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สมมติฐานที่ 5 ใช้สถิติทดสอบหาความแตกต่างค่า F-test เพื่อศึกษาหาค่าความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ด้านรายได้ที่มีความพึงพอใจต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ทั้ง 5 ด้าน ว่ามีผลต่อความพึงพอใจหรือไม่ ตารางที่ 4. 28 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์
36 รายได้ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 57.605 11.521 13.901 0.000* ภายในกลุ่ม 394 326.535 0.829 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.28 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านรายได้ พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการปกป้องผลิตภัณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 29 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการบรรจุ รายได้ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 82.382 16.476 24.463 0.000* ภายในกลุ่ม 394 265.368 0.674 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.29 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านรายได้ พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการบรรจุอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
37 ตารางที่ 4. 30 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการอำนวยความสะดวก รายได้ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms F p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 26.277 5.255 7.829 0.000* ภายในกลุ่ม 394 264.472 0.671 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.30 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านรายได้ พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการอำนวยความสะดวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 31 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย รายได้ แหล่งความ แปรปรวน df ss ms f p ความพึงพอใจของ ผู้บริโภค ระหว่างกลุ่ม 5 113.405 22.681 23.916 0.000* ภายในกลุ่ม 394 373.655 0.948 รวม 399 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.31 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบ บรรจุภัณฑ์จำแนกตามสถานภาพด้านรายได้ พบว่าระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ความพึงพอใจที่มีต่อ รูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่างกันด้านการส่งเสริมการจัดจำหน่าย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ตารางที่ 4. 32 ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานของการ เปรียบเทียบความแตกต่างความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์ จำแนกตามสถานภาพ ด้านรายได้ที่มีผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีผลต่อด้านสิ่งแวดล้อม