The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phatchayaphon, 2020-11-04 02:51:21

คู่มือการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โครงงานอาชีพ สำหรับครูผู้สอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน

โครงงานอาชีพ

สาหรับครูผสู้ อน
กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

ดร.อภชิ ยั นชุ เนอื่ ง ศกึ ษานิเทศกเ์ ชีย่ วชาญ สพป.ตาก เขต 1
พัชญภณ สารสา ศึกษานิเทศกช์ านาญการ สพป.ตาก เขต 1

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา
สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 1

สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน

โครงงานอาชีพ

สาหรับครผู สู้ อน
กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ

ดร.อภิชยั นุชเนื่อง ศึกษานิเทศกเ์ ช่ยี วชาญ สพป.ตาก เขต 1
พชั ญภณ สารสา ศึกษานิเทศกช์ านาญการ สพป.ตาก เขต 1

กลุม่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา
สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต 1

สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ

เอกสาร คู่มือการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี เล่มน้ี ที่จัดทาขึน้ เพื่อใช้ในการ
พฒั นาครูผ้สู อนให้มีความรู้ความเข้าใจการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนดว้ ยโครงงานในกลุม่ สาระการ
เรียนรู้การงานอาชพี ซง่ึ เป็นแนวทางใหก้ บั ครผู สู้ อนจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบ Active Learning
โดยเร่มิ ต้งั แตก่ ารกาหนดปัญหาของโครงงาน การวางแผน การลงมือปฏิบัติ การสรปุ การเขยี นรายงาน
โครงงานการประเมนิ และการจัดแสดงโครงงานอาชพี ทั้งนี้สามารถใชเ้ อกสารเล่มนเ้ี ปน็ ได้ทัง้ ค่มู ือครูและ
เอกสารประกอบการอบรมครูเพอ่ื เพ่ิมพูนประสบการณ์การจดั การเรียนร้ดู ้วยโครงงาน โดยผ้เู ขยี นได้ใหผ้ ู้
เขา้ รับการอบรมประเมนิ เอกสารเล่มน้ีทกุ คร้ังเพ่ือใชเ้ ป็นข้อมลู ในการปรับปรงุ มาโดยตลอดจนถงึ ปจั จบุ ัน

ดังนน้ั ผูท้ ีใ่ ช้ค่มู ือเลม่ นี้ควรศึกษาเอกสารให้เขา้ ใจอย่างถ่องแท้เพ่ือให้การจัดการเรยี นรูห้ รอื
การพัฒนาครูมคี ุณค่าและมีความหมาย โดยเฉพาะครผู สู้ อนซ่ึงจะต้องเป็นท่ปี รึกษาโครงงานใหก้ ับ
นักเรียน จงึ ตอ้ งใหค้ วามสาคัญเปน็ อย่างมาก

ขอขอบคุณผ้ทู ่ีมสี ่วนเกยี่ วข้องทุกทา่ นทใี่ ห้คาแนะนาและข้อสงั เกต จนทาให้เอกสารเลม่ นี้มี
ความสมบรู ณแ์ ละสามารถนาไปใช้เปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ศกึ ษานิเทศก์กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี
สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 1

(1)

สารบญั

คานา หนา้
สารบัญ
(1)
Ω โครงงานคือ............................................................................................... (2)
หลกั การสาคญั ของโครงงาน.................................................................. 1
จดุ ประสงค์ของการจัดทาโครงงาน........................................................ 2
2
Ω โครงงานอาชพี ......................................................................................... 3
Ω โครงงานอยา่ งงา่ ยในห้องเรียน.................................................................. 5
Ω องค์ประกอบของรายงานโครงงานอาชพี ประเภทสารวจ........................... 6
Ω องค์ประกอบของรายงานโครงงานอาชพี ประเภททดลอง.......................... 7
Ω องค์ประกอบของรายงานโครงงานอาชีพประเภทสงิ่ ประดษิ ฐ์ หรอื
8
พัฒนาผลิตภัณฑ.์ ....................................................................................... 9
Ω ตัวอย่างชื่อโครงงานอาชีพ......................................................................... 10
Ω การจดั กิจกรรมเพ่ือกาหนดปญั หาหรอื การกาหนดหวั ข้อโครงงาน............ 11
Ω กจิ กรรมทนี่ าไปสูห่ ัวข้อโครงงาน............................................................... 11
16
กจิ กรรมท่ี 1 สาหรับคร.ู ....................................................................... 18
กจิ กรรมที่ 2 สาหรับคร.ู ....................................................................... 20
กิจกรรมที่ 3 การต้ังช่อื เร่ืองโครงงาน................................................... 22
กิจกรรมที่ 4 การศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานท่เี กย่ี วขอ้ ง.................. 24
กิจกรรมท่ี 5 การเขียนความเปน็ มา....................................................... 26
กิจกรรมที่ 6 การเขยี นวตั ถุประสงค์...................................................... 28
กิจกรรมท่ี 7 การเขียนประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ................................ 34
กจิ กรรมท่ี 8 การเขยี นสมมตุ ิฐาน ตัวแปรตน้ และตวั แปรตาม...............
กจิ กรรมที่ 9 การเขียนวิธดี าเนนิ การ.....................................................

(2)

สารบัญ (ต่อ)

กจิ กรรมที่ 10 การสรา้ งเครื่องมอื ที่ใชใ้ นโครงงาน....................................... หน้า
กจิ กรรมที่ 11 การลงมือจัดทาโครงงาน .................................................... 36
กิจกรรมที่ 12 การแปลผลข้อมลู ............................................................... 38
Ω กิจกรรมการเขียนรายงานโครงงาน ............................................................... 40
Ω แนวการเขียนรายงานโครงงาน ...................................................................... 42
Ω การจัดแสดงโครงงาน .................................................................................... 43
Ω การนาเสนอโครงงาน...................................................................................... 53
Ω การประเมนิ โครงงาน...................................................................................... 54
Ω เกณฑ์การประกวดโครงงานอาชีพในงานศลิ ปหตั ถกรรมนักเรยี น 55
ครัง้ ที่ 69 .....................................................................................................
บรรณานกุ รม .................................................................................................................... 59
คณะทางาน ........................................................................................................................ 60
61

(3)

คู่มือ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

โครงงานคอื ........?

โครงงาน เปน็ จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนวธิ หี นึง่ ให้กับนักเรียน โดยใหน้ กั เรียนได้เปน็ ผู้คดิ คน้ หา
คาตอบจากส่งิ ทตี่ นเองสงสยั หรือสนใจ หรอื เปน็ ปญั หาทปี่ ระสบอยู่ การคน้ หาคาตอบจะต้องจัดกระทาอย่าง
เป็นระบบ โดยใชว้ ธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ ครผู ้สู อนอาจจัดกิจกรรมโครงงานในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียน
ก็ได้ โดยไม่จากดั สถานท่ี และใหจ้ ัดทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกล่มุ ก็ไดโ้ ดยตอ้ งมีครูท่ีปรึกษาโครงงานด้วย

โครงงานเปน็ กระบวนการจัดการเรียนรูท้ ีม่ ีมานาน ซ่งึ เริม่ จากโครงงานวทิ ยาศาสตร์ และมกี าร
พัฒนาสู่วชิ าอน่ื ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยใช้หลกั การเดยี วกัน เพื่อใหเ้ ข้าใจความหมายดงั้ เดิมของโครงงานจึง
ไดน้ าความหมายโครงงานวิทยาศาสตร์ ซึ่งมผี ู้ให้ความหมายไว้ดังนี้

ปญั ญา อุทยั พัฒนแ์ ละอรรถสิทธิ์ สมรรถการอักษรกจิ (2526 หน้า 356) ไดก้ ล่าวว่า โครงงาน
วิทยาศาสตรเ์ ป็นกิจกรรมหนึ่งของชุมนุมวิทยาศาสตร์ ทสี่ ามารถนามาใช้ในห้องเรยี นได้ กิจกรรมนีม้ ุง่ ให้
นกั เรยี นศึกษาคน้ คว้าหาความร้โู ดยอสิ ระ

นันทิยา บุญเคลือบ (2528 หนา้ 46) กลา่ วว่า โครงงานวิทยาศาสตรเ์ ปน็ การศึกษาเร่ืองใดเรอ่ื ง
หน่งึ เพอ่ื ตอบปญั หาข้อสงสยั กจิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์เป็นการทาวจิ ัยย่อยนัน่ เอง เพราะผ้ทู จ่ี ัดทา
กจิ กรรมน้จี ะต้องศกึ ษา ค้นคว้าอย่างเปน็ ระบบอาจใช้เครื่องมือทางวทิ ยาศาสตรห์ รืออุปกรณต์ า่ งๆ เข้าช่วย
ในการปฏิบตั กิ ารได้

โครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มคี วามหมายกวา้ งมาก กจิ กรรมใดก็ตามทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ที่นกั เรยี นเป็นผคู้ ิดค้นและปฏิบตั ิด้วยตนเอง โดยอาศัยวิธกี ารทาง
วทิ ยาศาสตรช์ ว่ ยในการศึกษาค้นควา้ นับได้ว่าเปน็ โครงงานวิทยาศาสตร์ทั้งส้นิ

สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2531 หนา้ 7- 17) และ ธีรชัย ปูรณโชติ
(2531 หน้า 5 - 10) ได้แบ่งโครงงานวิทยาศาสตร์ออกเป็น 4 ประเภท คอื

1. โครงงานประเภทสารวจ
2. โครงงานประเภททดลอง
3. โครงงานประเภท สิง่ ประดิษฐ์
4. โครงงานประเภททฤษฎี
โครงงานทกุ ประเภทดงั กล่าวขา้ งตน้ จะมีลักษณะ รปู แบบ กระบวนการ สอดคลอ้ งกับงานวิจัย
กลา่ วคอื งานวจิ ยั และโครงงาน เป็นการค้นคว้าหาคาตอบอย่างเป็นกระบวนการ โดยวธิ กี ารทาง
วิทยาศาสตร์ ซึง่ มีลกั ษณะเหมอื นกนั กลา่ วคือ มีการวางแผนการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ข้อมูลท่ีไดม้ านัน้
ต้องเชือ่ ถอื ได้ สามารถพสิ ูจนไ์ ดเ้ ช่นเดยี วกบั การทาวจิ ยั กระบวนการการดาเนนิ การจดั ทา และการเขยี น
รายงานจะมลี ักษณะและรปู แบบเดยี วกัน ซึง่ อาจสรปุ ลักษณะสาคัญของงานวิจยั และโครงงาน ไดด้ ังน้ี

อภชิ ัย นุชเนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 1

ค่มู อื การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

1. เป็นค้นหาความรู้ความจรงิ ซ่งึ จะต้องมีการรวบรวมขอ้ มูลเพื่อตอบจดุ มงุ่ หมายอยา่ งใด
อยา่ งหนง่ึ ในเร่ืองทจ่ี ะศึกษา

2. มีการวางแผน/เตรยี มการท่ีเป็นระบบ
3. เปน็ การดาเนนิ การอยา่ งเป็นกระบวนการ
4. มีการสงั เกต บนั ทึก ระหว่างดาเนินการศึกษา
5. ตอ้ งใช้หลักแหง่ เหตผุ ล การสรุปผล ตอ้ งปราศจากความลาเอยี ง
6. การนาเสนอรายงานต้องเสนออยา่ งละเอยี ดทุกขนั้ ตอน ตามวัตถปุ ระสงค์

ดงั นั้นโครงงานจงึ หมายถึง กระบวนการศึกษาหาความรู้ ที่มีการวางแผน การลงมือปฏิบัติและ
สรปุ ผล โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมคี วามเช่ือถือได้ (อภชิ ยั นชุ เนื่อง, 2542 หน้า 6)

หลักการสาคญั ของโครงงาน การจัดทากจิ กรรมโครงงานมีหลกั การทสี่ าคัญดังนคี้ ือ
1. เนน้ การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง เปน็ การเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นรเิ ร่มิ วางแผนและดาเนนิ การ

ศกึ ษาดว้ ยตนเองโดยมีครูผสู้ อนเปน็ ท่ปี รกึ ษา
2. เนน้ กระบวนการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบ ต้งั แต่การกาหนดปัญหา การเลอื กหัวข้อทส่ี นใจ

การวางแผนศกึ ษาคน้ คว้า ทดลอง สรุปผลการศึกษาคน้ ควา้ และ การเขยี นรายงาน
3. เนน้ การคดิ เป็น ทาเป็น และแก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบด้วยตนเอง

จุดประสงค์ของการจดั ทาโครงงาน การจัดทาโครงงานมีจุดประสงค์ท่ีสาคญั ดังตอ่ ไปน้ี
1. เพือ่ ให้นักเรยี นมปี ระสบการณ์ตรงในการแก้ปญั หาอยา่ งเป็นกระบวนการ
2. เพอ่ื ให้นักเรียน ประดิษฐ์ คดิ ค้น และศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
3. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้พัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ การสือ่ สารและการตัดสินใจ

อภชิ ัย นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 2

คูม่ ือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

โครงงานอาชพี

ความสาคญั ของโครงงานอาชีพ
โครงงานอาชพี เป็นโครงงานท่มี งุ่ เน้นใหผ้ ู้เรียนไดศ้ ึกษาหาความรทู้ ส่ี อดคล้องกบั ความเป็นอยู่หรอื

วถิ ีชวี ติ ประจาวนั ซ่ึงสามารถนาไปแก้ไขปัญหา หรือสรา้ งสรรคส์ ิ่งใหมๆ่ เพื่อชว่ ยอานวยความสะดวกในการ
เปน็ อย่ขู องคน โดยใหร้ ู้จักการคดิ วเิ คราะห์ การวางแผนการทางานและลงมอื ทางานอยา่ งเป็นระบบ การ
ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างกัลยาณมิตร ซึง่ เป็นรากฐานของการดาเนนิ ชีวติ ในอนาคต

โครงงานอาชพี จะเป็นการเรียนรูต้ ามความถนดั ความสนใจและศกั ยภาพของนักเรยี น ซ่ึงสามารถ
เรียนรไู้ ดต้ ลอดเวลาทั้งในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรยี น นกั เรียนจะต้องลงมอื ปฏิบตั ิจริงซงึ่ จะก่อใหเ้ กิดความรู้
ที่ฝังแน่น และเป็นประสบการณพ์ ้ืนฐาน และยังสง่ ผลให้ผูเ้ รยี นมที ักษะทางด้านการใชเ้ ครื่องมือท่เี ก่ยี วข้อง
ในวชิ าชีพต่างๆ รวมทง้ั ทาให้ผู้เรียนไดค้ น้ พบความถนดั ของตนเองซึ่งจะเปน็ รากฐานของการศกึ ษาต่อใน
ระดบั ที่สงู ข้ึน นอกจากน้กี ารเรียนร้เู รอื่ งอาชีพจะทาใหผ้ ู้เรยี นเกิดความภาคภูมิใจในท้องถ่ินและชุมชน
ย่อมจะได้ประโยชนอ์ ย่างมากมาย ในแง่ของการใหน้ ักเรยี นได้มโี อกาสร่วมพัฒนาอาชีพต่างๆ ในท้องถนิ่ ซ่ึง
เปน็ ผลพลอยได้ท่ตี ามมาก็คือ ทาให้นกั เรียนเกดิ ความรักความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองดว้ ย

หลกั การสาคัญของการทาโครงงานอาชีพ
1. ให้ผู้เรยี นแต่ละคนเลือกทาโครงงานอาชีพใดก็ได้ตามความสนใจ ในกลุ่มอาชพี สาขา งานบา้ น

งานเกษตร งานประดิษฐ์ งานชา่ งอสุ าหกรรมและงานอาชพี บรกิ าร
2. โครงงานอาชพี แต่ละสาขาให้คานงึ ถึงวสั ดุ อุปกรณ์ เงินทนุ แหลง่ ข้อมลู ทจ่ี ะช่วยให้การ

ดาเนนิ งานสาเร็จลุลว่ ง
3. โครงงานอาชพี ต้องเป็นโครงงานทีเ่ นน้ การนาไปใช้จริงได้ ดงั น้ันการสร้าง ประดิษฐห์ รือพัฒนา

เครือ่ งมือเคร่ืองใช้ในงานอาชพี ตา่ งๆ ให้คานงึ ถึงขนาด ความสะดวกที่จะนาไปใชไ้ ดจ้ รงิ ในชีวติ ประจาวนั
4. การจดั ทาโครงงานอาชีพต้องมีขน้ั ตอนหลักที่จะขาดไมไ่ ด้ ได้แก่ ขั้นตอนการกาหนดวสั ดุ

อปุ กรณ์ ขัน้ ตอนการสร้าง ขน้ั ตอนการหาคณุ ภาพและการทดลองใช้ และการคดิ ราคาต้นทุนการผลติ

ประเภทของโครงงานอาชพี
โครงงาน เปน็ กระบวนการเรียนรูก้ ระบวนการหนงึ่ ทส่ี ่งเสริมใหผ้ ้เู รียนไดใ้ ช้ทักษะตา่ งๆ ได้อย่าง

รอบตวั เป็นกิจกรรมท่สี ง่ เสริมความสามารถท่ีสอดคล้องกับศกั ยภาพของบุคคล ดงั นนั้ ครูทกุ คนต้องศึกษา
หาความรูใ้ ห้ตนเองมีความรูค้ วามเข้าใจการจดั การเรยี นการสอนโครงงานอย่างแท้จรงิ เพือ่ จะไดน้ าวธิ ีการ
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยโครงงานไปประยุกตใ์ ช้กับนักเรียนให้เหมาะสมกับวฒุ ภิ าวะของนักเรยี น

อภชิ ัย นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 3

คู่มือ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

ดงั นั้นครูผ้สู อนจึงต้องมีความรู้เร่ืองโครงงานให้ลึกซง้ึ เพอ่ื จะไดน้ าไปใช้ประโยชน์และแก้ปญั หาในการจดั
กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อยา่ งมีคุณภาพ

นักเรียนระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศึกษาเป็นวัยท่ีอยากรู้ อยากเหน็ ช่างสังเกต และต้องการ
ค้นพบความถนดั และความสนใจ ซึง่ เป็นจุดเด่นของนักเรยี นทีค่ รูผู้สอนสามารถนาจดุ เด่นน้ีใชป้ ระโยชนใ์ น
การจัดกิจกรรม เพ่ือกระตนุ้ นักเรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากทดลองมากย่ิงข้นึ และครูจะเปน็ ผู้ที่
ชว่ ยเสริมสรา้ งใหน้ กั เรยี นมปี ระสบการณ์ เปน็ คนมเี หตุผล มกี ารทางานอย่างเปน็ ระบบ และได้พัฒนาตนเอง
ให้เป็นไปตามศักยภาพท่ีมีอยู่ ดงั นน้ั การจัดกิจกรรมโครงงานอาชีพจงึ ควรจดั กจิ กรรมให้เหมาะสมกบั ผเู้ รยี น
ซง่ึ โครงงานท่สี ามารถนามาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนใหเ้ หมาะสมกบั วัยของผูเ้ รียนในระดับการศกึ ษา
ภาคบังคบั ได้แก่

โครงงานประเภทสารวจ
โครงงานประเภททดลอง
โครงงานประเภทสง่ิ ประดิษฐ์ / พัฒนาผลิตภณั ฑ์

ดงั น้ันครจู งึ ควรศึกษาโครงงานแตล่ ะประเภท ซ่ึงเอกสารฉบับน้ีไดน้ าเสนอองคป์ ระกอบของ
โครงงานอย่างงา่ ยในห้องเรียน และโครงงานอาชพี ประเภท ประเภทสารวจ ประเภททดลอง
และประเภทสิ่งประดิษฐ์ / การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์

การนาเสนอโครงงานดังกลา่ วจะเนน้ ที่องคป์ ระกอบรายงานของโครงงานอาชีพแตล่ ะประเภท
เพอื่ ใหค้ รูผ้สู อนเข้าใจ ถงึ ขั้นตอนการดาเนินงานของโครงงานแต่ละประเภท ดังรายละเอียดดังต่อไปน้ี

อภิชัย นุชเนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 4

คู่มือ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

โครงงานอย่างง่ายในห้องเรียน

การเร่มิ ต้นกับโครงงานสาหรับนักเรียนไม่ควรใชโ้ ครงงานท่ีเตม็ รูปแบบ ควรจัดทาอย่างง่าย

โดยมหี วั ขอ้ หรือองค์ประกอบดงั ต่อไปน้ี

1. การหาหวั ข้อของโครงงานหรือปัญหาที่จะศึกษา (มีปัญหาอะไร / อยากรเู้ รอื่ งอะไร?)

1) หากนกั เรยี นมขี ้อสงสยั ใดๆ ก็ตามทีจ่ ะนาสูโ่ ครงงานไดค้ รูควรศึกษาค้นคว้าไปกับนักเรยี น

หรอื

2) นักเรยี นควรมีสมุดจดบนั ทึกขอ้ สงสยั หรือปัญหาของนักเรยี นไว้ หรอื

3) ครูควรจดั กิจกรรมใหน้ ักเรียนไดเ้ กดิ ข้อคาถาม ซึง่ สามารถจดั ได้ท้ังในห้องเรียนและนอก

ห้องเรียน

2. การเขียนวตั ถปุ ระสงค์ (จะทาอะไร?)

ในขน้ั น้เี ปน็ การบอกวตั ถปุ ระสงคว์ า่ เดก็ ต้องการทาอะไรร้อู ะไรจากปญั หาท่ีสงสยั ครูควร

ดาเนินการสนทนากบั นกั เรยี น แล้วให้นักเรียนบันทึกไว้ตามทน่ี กั เรยี นได้พูดกับครู

3. การเขียนผลทคี่ าดวา่ จะได้รับ (ทาแล้วจะไดอ้ ะไร?)

เปน็ การถามนกั เรียนว่าโครงงานของนักเรยี นหากประสบความสาเร็จแล้วจะมีประโยชน์

อะไรบา้ งโดยให้นักเรยี นพูดใหฟ้ ังแลว้ ครูเพิม่ เติมตามความเหมาะสม และใหน้ ักเรียนบันทึกไว้

4. การเขยี นวิธดี าเนินการ (จะทาอย่างไร?)

การเขียนวิธดี าเนนิ การสาหรับนกั เรยี นเป็นเรื่องยาก ดังนน้ั ในขั้นนค้ี รผู ู้สอนจะเปน็ บคุ คลสาคัญ

ท่จี ะเป็นผ้กู ระตุ้นนักเรียน โดยมีขอ้ เสนอแนะดังน้ี

1) ครคู วรใหน้ ักเรยี นเล่าให้ฟังโดยครใู หข้ ้อเสนอแนะเปน็ ระยะๆ

2) ใหน้ กั เรยี นเขียนอย่างทเ่ี ลา่ ใหค้ รูฟงั

3) ใหน้ กั เรียนจดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ และแบบบันทึกต่างๆ ให้พรอ้ ม

4) ให้นักเรียนเขียนขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิ

5. ลงมอื ปฏบิ ัติ / ลงมอื จดั ทาโครงงาน

1) ให้นกั เรยี นลงมือปฏิบัตโิ ครงงานตามที่ได้คิดไว้

2) ให้นกั เรียนบันทกึ ผลการทาโครงงานไว้

6. ฝึกเขยี นรายงาน

เปน็ การนาการดาเนินงานตามคาถามทั้ง 4 ข้อดังกล่าวขา้ งตน้ มาเรียบเรียง เขียนเป็นรายงาน

แล้วเพ่มิ เติมผลของโครงงาน แลว้ จงึ เขียนรายงานซ่งึ ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ งา่ ยๆ คอื

1) ชื่อเรื่อง 2) วตั ถปุ ระสงค์ 3) ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั

4) วิธีดาเนินการ 5) ผลของโครงงาน

อภิชัย นชุ เนื่อง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 5

คู่มอื การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

องคป์ ระกอบของรายงานโครงงานอาชพี ประเภทสารวจ

1. ปก
2. กิตตกิ รรมประกาศ
3. บทคัดย่อ
4. สารบัญ
5. บัญชตี าราง (ถา้ มี)
6. เนื้อหารายงาน 5 บท มีดังน้ี

6.1 บทที่ 1 ประกอบด้วย
- ท่มี าของโครงงาน
- วตั ถุประสงค์
- สมมติฐาน (ถา้ มีการสารวจเปรียบเทยี บ)
- ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ
- ขอบเขตด้านเน้อื หา
- ขอบเขตด้านกลุ่มเปา้ หมาย / แหล่งข้อมูล
- ขอบเขตด้านตวั แปร (ถา้ ม)ี
- นิยามศพั ท์เชงิ ปฏบิ ัติการ (ถา้ มี)

6.2 บทท่ี 2 ให้นาเนอ้ื หาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองที่ทามาเขยี น
6.3 บทที่ 3 ประกอบดว้ ย

- แหล่งข้อมลู / กลมุ่ เป้าหมาย ท่ีจะจัดเก็บขอ้ มูล
- เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการสารวจ
- การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
- การวิเคราะหข์ ้อมลู
- สถิตทิ ี่ใช้(ถ้ามี)
6.4 บทท่ี 4 ให้นาผลการวิเคราะห์ข้อมูลมานาเสนอในรู้ของตาราง กราฟ ฯลฯ
6.5 บทที่ 5 สรปุ อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ
7. บรรณานุกรม หรือ เอกสารอา้ งอิง ระบชุ ่อื หนังสือหรือเอกสารต่างๆ ทใี่ ช้ อา้ งองิ หรือคน้ ควา้ ใน
การทาโครงงาน และควรเขียนใหถ้ กู ต้องตามหลกั การเขียนเอกสารอา้ งอิง
8. ภาคผนวก ให้เอกสารเสริมความรู้ รูปภาพหรอื ส่งิ อนื่ ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องกับโครงงานนามาเขียนไว้
เพื่อทาให้โครงงานมีความนา่ เช่ือถือ และมคี วามสมบูรณ์ย่งิ ขน้ึ

อภชิ ัย นชุ เน่ือง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 6

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

องค์ประกอบของรายงานโครงงานอาชีพ ประเภททดลอง

1. ปก
2. กติ ตกิ รรมประกาศ
3. บทคัดย่อ
4. สารบัญ
5. บัญชีตาราง (ถ้ามี)
6. เนอื้ หารายงาน 5 บท มดี ังนี้

6.1 บทที่ 1 ประกอบดว้ ย
- ที่มาของโครงงาน
- วตั ถปุ ระสงค์
- สมมุติฐาน
- ขอบเขตด้านเนอ้ื หา
- ขอบเขตด้านกลุม่ เปา้ หมาย / แหลง่ ขอ้ มลู
- ขอบเขตด้านตวั แปรตน้ และตัวแปรตาม
- ผลท่คี าดว่าจะได้รบั
- นิยามศพั ท์เชงิ ปฏิบัติการ

6.2 บทท่ี 2 ใหน้ าเนอ้ื หาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองทที่ ามาเขียน
6.3 บทท่ี 3 ประกอบด้วย

- วสั ดุอุปกรณท์ ีจ่ ะใชใ้ นการทดลอง
- เคร่ืองมือที่ใช้ในการทดลอง
- ขั้นตอนการทดลอง
- การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
- การวเิ คราะหข์ ้อมูล
- สถิตทิ ่ใี ช้(ถ้ามี)
6.4 บทที่ 4 ใหน้ าผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลมานาเสนอในรูปของตาราง กราฟ ฯลฯ
6.5 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
7. บรรณานกุ รม หรอื เอกสารอา้ งอิง ระบชุ อ่ื หนังสอื หรือเอกสารต่างๆ ท่ใี ช้ อ้างองิ หรือค้นควา้
ในการทาโครงงาน และควรเขียนให้ถูกต้องตามหลักการเขียนเอกสารอา้ งอิง
8. ภาคผนวก ให้เอกสารเสริมความรู้ รูปภาพหรือ สง่ิ อน่ื ๆ ทเ่ี ก่ียวข้องกับโครงงานนามาเขียนไว้
เพื่อทาให้โครงงานมคี วามน่าเช่อื ถือ และมคี วามสมบูรณ์ยง่ิ ขนึ้

อภิชยั นุชเน่ือง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 7

คูม่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

องคป์ ระกอบของรายงานโครงงานอาชีพประเภทสิ่งประดษิ ฐ์
หรือพฒั นาผลิตภณั ฑ์

1. ปก 8
2. กติ ติกรรมประกาศ
3. บทคัดย่อ
4. สารบญั
5. บัญชีตาราง (ถา้ มี)
6. เนอื้ หารายงาน 5 บท มีดังนี้

6.1 บทท่ี 1 ประกอบดว้ ย
- ที่มาของโครงงาน
- วตั ถุประสงค์
- สมมุตฐิ าน (ถา้ ม)ี
- ขอบเขตด้านเนือ้ หา
- ขอบเขตด้านแหลง่ ข้อมลู
- ขอบเขตด้านตัวแปรทศ่ี ึกษา
- ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ ับ
- นิยามศพั ท์เชิงปฏบิ ตั ิการ (ถ้ามี)

6.2 บทท่ี 2 ใหน้ าเนอ้ื หาทเี่ กี่ยวข้องกับเร่ืองทที่ ามาเขียน
6.3 บทที่ 3 ประกอบดว้ ย

6.3.1 วสั ดุ อปุ กรณ์ ท่ีจะใช้
6.3.2 ข้นั ตอนการสร้าง
6.3.3 ขนั้ ตอนการหาคุณภาพหรอื ประสิทธภิ าพของสงิ่ ทีส่ ร้าง

1) แหลง่ ข้อมลู / กลุ่มเปา้ หมาย
2) เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการทดสอบ
3) การดาเนินการทดสอบ
4) การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
5) การวิเคราะห์ข้อมลู
6) สถิติที่ใช้(ถ้ามี)
7. บทท่ี 4 ใหน้ าผลการวเิ คราะห์ข้อมลู มานาเสนอในรูปของตาราง กราฟ ฯลฯ
8. บทท่ี 5 สรปุ อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ

อภชิ ยั นุชเน่อื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 |

ค่มู ือ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

9. บรรณานกุ รม หรอื เอกสารอา้ งอิง ระบชุ ่ือหนังสอื หรือเอกสารตา่ งๆ ทใี่ ช้ อา้ งอิงหรือค้นควา้ ใน
การทาโครงงาน และควรเขียนใหถ้ กู ต้องตามหลกั การเขยี นเอกสารอ้างองิ

10. ภาคผนวก ให้เอกสารเสริมความรู้ รปู ภาพ หรือสงิ่ อื่นๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั โครงงานนามาเขียนไว้
เพือ่ ทาใหโ้ ครงงานมีความนา่ เช่อื ถอื และมคี วามสมบรู ณย์ ิ่งขึน้

ตัวอย่างช่อื โครงงานอาชีพ

โครงงานอาชีพประเภทสารวจ
1. การสารวจราคาผลผลิตเกษตรในท้องถิ่น
2. การสารวจราคาสนิ คา้ อุปโภคบรโิ ภคในท้องถิ่น
3. การสารวจแหล่งวิชาการและสถานประกอบการในท้องถนิ่
4. การสารวจงานบริการในท้องถ่นิ
5. การสารวจปริมาณการปลูกขา้ วโพดในทอ้ งถ่ิน
6. การสารวจปรมิ าณการเลี้ยงไก่เน้ือในท้องถ่ิน
7. การสารวจปรมิ าณการเลี้ยงหา่ นในทอ้ งถ่ิน
8. การสารวจคลองแม่ราพนั สโุ ขทยั
9. การสารวจสิง่ มชี ีวติ ในนาขา้ ว
10. การศึกษาปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของสตั ว์
11. การศึกษาแหลง่ อาหารของหนอนผเี สอื้ ในท้องถน่ิ
12. สารวจการป้องกนั ตนเองให้ปลอดภัยจากยาเสพตดิ
13. การศึกษาอาชพี ที่กอ่ ให้เกิดรายได้
14. อาหารชนดิ ใดไดร้ ับความนยิ ม

โครงงานอาชพี ประเภททดลอง 9
1. การศึกษาสตู รอาหารเลยี้ งปลานา้ จดื
2. การทดลองปลูกพืชในน้ายาหรือการปลูกพืชโดยไม่ใชด้ ิน
3. การควบคุมการเจริญเติบโตของไมป้ ระดับประเภทเถา
4. การใชฮ้ อร์โมนกับกง่ิ มะลิ
5. การศึกษาขนมอบชนิดต่างๆ
6. การกาจัดปลวกดว้ ยใบยูคาลปิ ตสั
7. แสงอาทิตย์กับการเจรญิ เติบโตของพืช

อภิชยั นุชเนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 |

คมู่ ือ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

โครงงานอาชพี ประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์/พัฒนาผลติ ภัณฑ์
1. การประดิษฐ์หวั ฉดี พน่ น้าในแปลงปลกู ผัก
2. การประดษิ ฐข์ องชารว่ ย
3. การประดษิ ฐ์เคร่อื งรับวทิ ยุ
4. การประดิษฐเ์ ครอ่ื งเสียง
5. การออกแบบเส้ือผ้าชาย หญิง
6. ถ่านมันสาปะหลังพลงั เทอรโ์ บ
7. การทาดินเทยี มจากกระดาษ
8. การสรา้ งเคร่อื งดกั จับแมลงวนั ทอง
9. พลังงานทดแทนจากซังขา้ วโพด
10. การทาไวนจ์ ากลาไย
11. เปลือกผลไม้กาจัดแมลง
12. การสรา้ งกลอ่ งแบบประหยดั

การจดั กจิ กรรมเพอ่ื กาหนดปญั หาหรอื การกาหนดหัวขอ้ โครงงาน

กจิ กรรมการเลือกหวั ข้อโครงงาน เป็นกิจกรรมท่ีมคี วามสาคัญสาหรบั การจดั ทาโครงงานของ
นกั เรียน เป็นขนั้ ตอนแรกซึ่งหัวขอ้ โครงงานอาจไดม้ าจาก เรื่องท่นี ักเรียนสนใจ หรอื สงสยั หรอื เปน็ ปญั หาท่ี
นกั เรียนประสบมา หรืออาจเป็นเรื่องทเ่ี คยมีประสบการณ์ทารว่ มกับผอู้ ่นื ซึ่งอาจจะเป็นเร่ืองที่ได้จากในชนั้
เรียน หรือนอกช้นั เรียนก็ได้ เรอื่ งเหล่านีล้ ้วนมาจากความสนใจและความต้องการของนักเรยี นอยา่ งแทจ้ ริง
จะส่งผลให้นกั เรียนมีความมงุ่ ม่นั ท่ีจะคน้ คว้าหาความรู้อยา่ งจริงจงั ซ่งึ จะกอ่ ให้เกดิ การเรียนรทู้ ่ีมี
ประสทิ ธิภาพและฝงั แนน่ ให้กับนักเรยี น

ดงั นน้ั ครูจึงเปน็ ผู้ที่มีความสาคัญทจ่ี ะจุดประกายความคดิ ของนักเรยี นใหเ้ กิดความอยากรอู้ ยากเห็น
ซึ่งจะนาไปส่กู ารได้มาของหัวข้อโครงงาน โดยครูต้องจดั กิจกรรมหรอื สถานการณ์ที่หลากหลายเพ่ือให้
นักเรยี นได้ลงมือปฏิบตั ิ รวมท้ังการปฏิบัตกิ ิจกรรมนอกหอ้ งเรียนของนักเรยี น หากเกิดข้อสงสยั ให้เก็บ
รวบรวมข้อสงสัย หรอื ปญั หาต่างๆ ทน่ี กั เรียนพบและอยากรอู้ ยากหาคาตอบ ซง่ึ สงิ่ เหล่าน้ีจะไปสกู่ าร
กาหนดหวั ขอ้ โครงงานของนักเรยี นต่อไป

ในลาดบั ต่อไปนจ้ี ะเป็นกจิ กรรมเสนอแนะหรอื กจิ กรรมตวั อย่างท่ีครูผู้สอนสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้
ในการจัดการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนให้กับนักเรยี นเพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถกาหนดหัวขอ้ โครงงานได้
หลงั จากนน้ั ครูตอ้ งพานักเรยี นทาโครงงานตามองค์ประกอบแตล่ ะประเภทต่อไป

อภชิ ยั นุชเน่อื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 10

คู่มอื การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กิจกรรมท่ีนาไปสหู่ ัวขอ้ โครงงาน

กิจกรรมที่ 1 (สาหรบั ครูผู้สอน)

การระบุหรือกาหนดหัวข้อโครงงานของนักเรียนน้ัน ครคู วรจดั กจิ กรรมท่ีเร้าใจ สง่ เสริมใหน้ ักเรียน
ไดเ้ กดิ ความอยากรู้อยากเหน็ โดยให้ทากิจกรรมหลายๆ กจิ กรรม หลายๆ ลกั ษณะ ท้งั ในห้องเรียนและนอก
ห้องเรยี น โดยให้ครผู ้สู อนดาเนนิ การดงั นี้

1. เลือกใชก้ ิจกรรมใดสอนก่อนกไ็ ด้ตามความเหมาะสม หรือ
2. จดั กิจกรรมอ่นื ๆ ตามความสนใจของนักเรยี น จนกว่านักเรยี นจะไดห้ วั ข้อโครงงาน
3. นกั เรียนบางกล่มุ อาจทากิจกรรมเพียงกิจกรรมเดยี วแลว้ ได้หัวขอ้ โครงงาน ซง่ึ สามารถ
ใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมโครงงานอ่นื ๆ ต่อไปได้

กจิ กรรมท่ี 1 - 3 เปน็ กจิ กรรมท่ใี ห้นักเรียนลงมือปฏิบตั ิเพื่อกาหนดหวั ข้อโครงงาน
กจิ กรรมที่ 4 เป็นกิจกรรมทใี่ หน้ กั เรยี นศึกษาเอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง

วัตถปุ ระสงค์
1. เพ่อื ใหน้ ักเรยี นเกดิ กระบวนการคิดอย่างเปน็ ระบบ
2. เพอ่ื ฝึกนักเรียนใหม้ ีการสงั เกตและการบนั ทึกอย่างเปน็ กระบวนการ
3. เพ่อื ให้นักเรยี นได้หัวข้อโครงงาน

การดาเนนิ การ
การจดั กิจกรรมใหน้ กั เรยี นเกิดความอยากรู้เปน็ กิจกรรมท่ีกระตุน้ ความคิดของนักเรยี นโดยมแี นว

ทางการดาเนนิ งานมีดังนี้
1. จัดทาใบกิจกรรมใหน้ กั เรยี นโดยใช้ใบกจิ กรรมท่ีนาเสนอมานห้ี รอื กิจกรรมอ่นื ทค่ี รูจดั ทาขนึ้ ตาม

ความเหมาะสม โดยจัดให้สอดคลอ้ งกบั สภาพของนักเรยี นและท้องถนิ่
2. จัดใหน้ ักเรียนได้ศึกษาเปน็ กลุ่มๆ ละ 3 - 5 คน
3. ให้นกั เรยี นศกึ ษาตามใบกิจกรรมทค่ี รูแจกให้
4. ใหน้ ักเรยี นบนั ทึกขอ้ มูลที่ไดล้ งในแบบบนั ทึกกิจกรรม ในแตล่ ะกิจกรรม

อภชิ ยั นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 11

คมู่ อื การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

ใบกจิ กรรมที่ 1.1 (สาหรบั นกั เรียน)

คาชี้แจง
ให้นกั เรยี นสังเกตพชื ท่ปี ลกู ในสวนเกษตร ว่า แมลงและพชื อ่ืนๆ ที่อย่ใู นบรเิ วณน้ันสง่ ผลดี ผลเสีย

ต่อพืชทน่ี ักเรยี นปลูกอย่างไรบา้ ง มอี ะไรทน่ี า่ สงสัย เราจะไดบ้ ันทกึ ไวใ้ นแบบบันทึกของเรา

สิง่ ทพ่ี บเหน็

ผลดตี อ่ พืชท่ปี ลูก ผลเสียตอ่ พชื ที่ปลกู

สงิ่ ทส่ี งสยั หรอื อยากร้หู รืออยากสร้าง
1…………………………………………………………..
2…………………………………………………………..
3…………………………………………………………..
4…………………………………………………………..
5…………………………………………………………..
6…………………………………………………………..
7…………………………………………………………..

อภชิ ยั นุชเนื่อง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 12

คู่มอื การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกิจกรรมท่ี 1.2 (สาหรับนกั เรยี น)

นักเรียนรหู้ รอื ไม่วา่ ที่บ้านนักเรยี น มีสงิ่ ของต่างๆ หลายอยา่ ง
นกั เรยี นลองกลบั ไปศึกษาดวู ่ามอี ะไรบา้ ง และมีอะไรที่นักเรียนอยากรู้บา้ ง ให้
บนั ทึกไว้ให้มากที่สดุ

ห้องนอน หอ้ งครวั หรอื ในครวั

……………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………
…………………………………….......................... …………………………………............................
.................................................................... ...................................................................

บริเวณบา้ น สิง่ ทอ่ี ยากรู้

……………………………………………… เป็นสิ่งอืน่ ๆ หรือเรื่องอ่นื ๆ ที่
…………………………………………………………… นกั เรยี นอยากรู้ นอกเหนือจากเรือ่ งท่ี
…………………………………………………………… สารวจมาแล้ว
……………………………………………………………
…………………………………………………………… ………………………………………………
…………………………………………………………… …………………………………………………………..
…………………………………….......................... …………………………………………………………..
.................................................................... ...................................................................
...................................................................

อภิชยั นุชเน่อื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 13

คูม่ ือ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกิจกรรมที่ 1.3 (สาหรับนกั เรียน)

นกั เรยี นร้หู รอื เปลา่ ว่า สารเคมที ี่นักเรียนใช้ในชวี ิตประจาวัน มอี ะไรบ้าง
นักเรยี นลองสารวจดูวา่ มสี ารเคมีอะไรบ้างทีเ่ รารจู้ ัก สารเคมีที่รับประทานได้
สารเคมที ี่ใช้ซักลา้ ง สารเคมีท่ีเปน็ พิษ สารเคมีอ่ืนๆ ทีน่ ักเรียนรู้จกั โดยใหน้ ักเรยี น
ดาเนนิ การดงั น้ี

1. ให้ ออกแบบเพื่อใช้จดบันทึกข้อมูลเอง โดยแยกสารเคมีออกเปน็
หมวดหมคู่ อื สารเคมที ่ใี ช้ทาความสะอาด สารเคมีท่ีมีผสมอยู่ในอาหาร
สารเคมีท่ีเปน็ พิษ หรอื สารเคมีอืน่ ๆ ท่ีนกั เรยี นสนใจ

2. เม่อื บนั ทึกข้อมูลเรียบรอ้ ยแลว้ นกั เรียนลองคดิ ดวู ่า อยากทดสอบ
เรือ่ งอะไร อยากรูเ้ รื่องอะไรแลว้ บันทกึ ลงใน ชอ่ ง ส่ิงที่อยากรู้

สงิ่ ทีอ่ ยากรู้ / สงสยั

นกั เรียนอยากรเู้ รือ่ งอน่ื ๆ อะไรอกี บา้ ง ให้บนั ทึกไว้
1………………………………………………
2……………………………………………..
3……………………………………………..
4……………………………………………..

อภชิ ยั นชุ เนือ่ ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 14

คมู่ อื การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกจิ กรรมท่ี 1.4 (สาหรบั นักเรยี น)

คาชีแ้ จง
ใหน้ กั เรยี นไปสอบถามคนที่ทาอาชพี เกษตรในหมบู่ า้ น อย่างนอ้ ย 10 คน โดยให้สอบถาม

เกีย่ วกับเครื่องมือการเกษตร และประโยชนว์ า่ ใชท้ าอะไร วธิ ีการใช้ ใหจ้ ดบนั ทึกลงในแบบต่อไปนี้

ช่อื เครื่องมอื การเกษตร มีประโยชนอ์ ย่างไร วิธกี ารใช้

นกั เรียนอยากรหู้ รอื สนใจ หรือมีข้อสงสัยเก่ียวกับเคร่ืองมือการเกษตรบ้าง ใหบ้ นั ทกึ ไว้

1………………………………………………………………………….
2………………………………………………………………………….
3…………………………………………………………………………
4………………………………………………………………………….

อภิชัย นุชเนอื่ ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 15

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

กจิ กรรมที่ 2 (สาหรับครูผู้สอน)

กิจกรรมการเลือกหวั ขอ้ โครงงาน เปน็ กจิ กรรมทสี่ าคญั สาหรับการจัดทาโครงงาน การปฏิบตั ิ
กิจกรรมที่ 5 เป็นการสรุปรวบรวมปัญหาต่างๆ หรอื สงิ่ ทนี่ ักเรียนอยากรู้ อยากพสิ ูจน์ อยากทดลอง อยาก
ทราบคาตอบ ซ่ึงหวั ขอ้ ตา่ งๆ เหลา่ นีเ้ ป็นปัญหา ข้อสงสัย หรอื ส่ิงท่ีสนใจท่นี ักเรยี นได้ปฏิบตั ิในกิจกรรม
ที่ 1 - 4 มาแลว้ หรอื อาจเปน็ หัวขอ้ ท่นี กั เรียนเกิดความคดิ อื่นๆ นอกเหนือจากกจิ กรรมทีค่ รูกาหนดให้
กส็ ามารถทาได้ซึ่งจะเปน็ ส่งิ ท่ีดีสาหรับการจัดทาโครงงาน

วตั ถุประสงค์
เพื่อให้นกั เรียนเลอื กหวั ข้อทจี่ ะจัดทาโครงงานไดด้ ว้ ยตนเอง

วธิ ีดาเนินการ ครูควรพจิ ารณาและดาเนนิ การดงั ต่อไปนี้
1. ครอู ธิบายถงึ ความสาคัญในการเลือกเร่ืองท่จี ะนามาจัดทาโครงงาน ให้นกั เรยี นเขา้ ใจกอ่ นทจ่ี ะ

ทาการเรียงลาดบั หัวข้อเรื่อง
2. หวั ขอ้ เรื่องที่นามาเรียงลาดับควรเป็นหวั เรอื่ งจากการจัดกจิ กรรมกระตุ้น แลว้ นักเรียนเกดิ ความ

สงสยั และบันทึกไว้ใน สง่ิ ทอ่ี ยากรู้ หรอื เรือ่ งอืน่ ๆ ทน่ี ักเรยี นสนใจอยากรู้นอกเหนือจากส่ิงทบี่ ันทึกไว้แล้ว
สามารถนาบันทึกลงในกจิ กรรมท่ี 5 ไดเ้ พราะเปน็ ส่วนหน่ึงของความอยากรู้ ซงึ่ อาจเกดิ ข้นึ ไดภ้ ายหลงั

3. ครูควรพจิ ารณาแบ่งกลุม่ ใหน้ กั เรียนทาโครงงานตาม ความเหมาะสม(แตล่ ะกลุม่ ประมาณ 3 คน)
หรอื ใหน้ ักเรยี นทาคนเดียว

4. เมื่อนักเรียนได้หัวขอ้ เร่อื งท่ีต้องการแล้ว ครูควรดาเนินการจดั กจิ กรรมการวางแผนตอ่ ไปได้

อภชิ ยั นชุ เน่ือง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 16

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกิจกรรมที่ 2.1 (สาหรับนักเรียน)

ทกุ กจิ กรรมท่ีนักเรยี นทาผ่านมานน้ั มหี ลายสิ่งหลายอยา่ งที่นกั เรยี นไมร่ ู้แต่อยากรูซ้ ง่ึ นักเรียนไดจ้ ด
บันทกึ ไวแ้ ล้วนัน้

ใหน้ ักเรยี นลองจัดลาดับดซู วิ ่า อยากรเู้ รื่องอะไรมากทสี่ ดุ ใหใ้ ส่ไวใ้ นข้อ 1 และ เรยี งลาดับตาม
ความอยากรู้ในข้ออ่ืน ๆ

1……………………………………………….
2……………………………………………….
3……………………………………………….
4……………………………………………….
5……………………………………………….
6………………………………………………
7……………………………………………….

ฯลฯ
ใหน้ กั เรียนเลอื กหวั ข้อมา 1 ชอ่ื เรอ่ื งเพ่ือจะนาไปศึกษาคน้ ควา้ หาคาตอบ

นกั เรียนทุกคนไดห้ วั ข้อเร่ืองท่ีต้องการอยากรแู้ ล้ว
เด๋ยี วเราจะมาช่วยกนั วางแผนเพือ่ หาคาตอบนะครับ

การหาคาตอบน้ันเราจะมขี ัน้ ตอนการหาคาตอบ
มากมาย ซงึ่ น่าต่ืนเตน้ และชวนตดิ ตามเป็นอยา่ งยิ่ง
และทาให้เราไดร้ บั ความรมู้ ากมายอีกดว้ ยนะครับ

เรามาวางแผนหาคาตอบกนั ดีกว่า ?

อภิชยั นชุ เน่อื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 17

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

กิจกรรมท่ี 3 (สาหรับครผู ้สู อน)
การตัง้ ชอ่ื เรื่องโครงงาน

การต้ังช่อื เรื่องโครงงานเป็นกระบวนการท่ีคล้ายกับการศึกษาปญั หาหรือการต้ังชื่อเรือ่ งเพ่อื ทางาน
วิจยั ดงั นั้นชือ่ เรื่องท่ตี ้ังขนึ้ น้ันตอ้ งสะดุดตา ใหค้ ุณคา่ มีความหมายในตวั เอง มีความคิดรวบยอด ซ่งึ จะทาให้
โครงงานนนั้ เป็นทีน่ า่ สนใจ

วัตถุประสงค์
เพื่อให้นกั เรยี นตงั้ ช่ือโครงงาน จากสิ่งทีต่ นเองสนใจได้อย่างเหมาะสม และมคี วามสอดคลอ้ งกับ

เรอื่ งท่ีจะทาโครงงาน

วิธดี าเนนิ การ
1. ใหน้ ักเรยี นเลา่ เรือ่ งทีต่ นเองสนใจใหค้ รูและเพ่ือนฟัง
2. ให้นักเรยี นเขยี นช่ือเร่ืองหลายๆ ชอ่ื โดยใหส้ อดคล้องกับเรอ่ื งทีเ่ ล่า
3. ใหน้ กั เรยี นนาชอ่ื ที่คิดขน้ึ ไดป้ รึกษากบั ครู เพอ่ื น เพื่อขอความคิดเห็นในการตัดสินใจเลอื กช่ือ

โครงงานทเี่ หมาะสม
4. เลือกช่ือโครงงานทเี่ หมาะสมเพียงช่ือเดียว

การประเมนิ ผล
ตรวจผลงานของนกั เรยี น

อภิชยั นชุ เนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 18

คู่มอื การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกจิ กรรมท่ี 3.1 (สาหรับนักเรียน)

การต้งั ช่อื เรื่องของโครงงาน นักเรียนควรพจิ ารณาดงั ต่อไปนี้
1. เป็นท่นี ่าสนใจ ฟังแล้วทาใหอ้ ยากอ่าน หรอื อยากรู้
2. มคี วามหมายตรงกับเร่อื งที่ทา
3. ควรใช้ช่อื ทีไ่ มซ่ า้ กับคนอ่ืนๆ

การต้ังชอื่ จะทาใหโ้ ครงงานมีคณุ ค่าและเพิม่ ความสนใจให้กบั ผูอ้ ่านเป็นอย่างมากนักเรยี นได้ปัญหา
หรอื เร่ืองทจ่ี ะนามาจัดทาโครงงานแลว้ ใหน้ กั เรียนต้งั ช่อื เร่ืองโครงงานให้มีความไพเราะ น่าสนใจ และได้
ความหมาย

เรอ่ื งท่สี นใจ (จากกจิ กรรมท่ี 2.1)
เรอ่ื งทน่ี ักเรียนสนใจ คอื ………………………………………………….

ช่ือเร่ืองทต่ี ั้งใหม่
1…………………………………………….
2…………………………………………….
3…………………………………………….
4……………………………………………
5…………………………………………….
6…………………………………………….
7…………………………………………….
8……………………………………………

นกั เรยี นเลอื กมา 1 ช่ือที่สนใจมากท่สี ุดจะเป็นชื่อโครงงาน ได้แก่
………………………………………………….
………………………………………………….

อภชิ ยั นชุ เน่ือง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 19

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กิจกรรมท่ี 4 (สาหรับครูผู้สอน)
การศกึ ษาค้นคว้าเอกสารและงานทีเ่ กีย่ วข้อง

การศึกษาคน้ คว้าเอกสารและงานที่เก่ียวข้อง เป็นการใหน้ ักเรยี นคน้ คว้าหาความรู้เพิ่มเติมหลงั จาก
ทีไ่ ด้กาหนดหวั ข้อโครงงานแล้ว ต้องให้นกั เรยี นศกึ ษาค้นคว้าเพมิ่ เติมเพ่ือให้เกดิ แนวคดิ หรือไดแ้ นวทางจาก
ตัวอยา่ ง หรอื คาบอกเลา่ หรอื เร่ืองทม่ี ีคนเคยทามาแล้ว พร้อมท้งั ให้นักเรียนไดบ้ นั ทึกผ้เู ขียนไวด้ ว้ ยเพื่อ
จดั ทาบรรณานุกรมภายหลงั

วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเอกสาร หนงั สอื และเรื่องท่เี กีย่ วขอ้ งกับโครงงานท่ที า
2. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนบันทึกรายละเอียดของเอกสารตา่ งๆ ในการนาไปใช้อ้างอิงการเขยี นรายงานใน

โอกาสตอ่ ไป

การดาเนินการ
1. ให้นักเรียนพิจารณาโครงงานของตนเองว่ามเี ร่อื งอะไรที่ควรเกีย่ วขอ้ งบ้าง
2. ใหน้ ักเรียนศกึ ษา คน้ คว้าเอกสาร ในหอ้ งสมดุ หรือหาเพิ่มเตมิ ทบ่ี ้านหรือท่ีอน่ื ๆ ได้
3. ใหน้ ักเรยี นจดบันทึกตามใบกิจกรรมท่ี 4.1
4. ครตู รวจสอบผลงานนกั เรียนและให้ข้อแนะนาอกี ครั้ง

การประเมนิ ผล
ตรวจผลการค้นคว้าเอกสารอ้างอิง

อภิชยั นุชเนื่อง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 20

คู่มือ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

ใบกจิ กรรมท่ี 4.1 (สาหรับนกั เรียน)
การค้นควา้ เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง

คาช้ีแจง
ให้นักเรียนศึกษาคน้ คว้าหนังสือ เอกสาร แผน่ พับ ส่ิงพมิ พ์ หรือค้นควา้ ทางอินเตอร์เน็ตในเรอื่ งที่

เกย่ี วขอ้ งกับโครงงานของนักเรยี น ใหน้ ักเรยี นเขยี นชือ่ เอกสารเหลา่ นนั้ ไวพ้ ร้อมบอกหน้า จะได้ง่ายตอ่ การ
ค้นหาเมอื่ เขยี นรายงาน

ที่ ชอ่ื ผแู้ ตง่ และช่ือหนงั สือ เร่อื ง หนา้

อภิชัย นชุ เนื่อง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 21

คูม่ ือ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

กิจกรรมท่ี 5 (สาหรับครผู สู้ อน)
การเขยี น “ความเป็นมา”

การเขยี นความเปน็ มาหรือภมู ิหลงั นน้ั เปน็ ส่งิ ท่ีจะบ่งบอกได้ว่า นักเรียนตอ้ งการทาโครงงานน้ีโดยมี
แรงบันดาลใจมาจากอะไร ทาไมถึงอยากทา ดงั นั้นการเขยี นบรรยายต้องมุ่งเนน้ ใหผ้ ู้อ่าน อา่ นแลว้ เขา้ ใจ
เห็นภาพท่เี ป็นปญั หาว่า จะต้องศึกษาค้นควา้ จงึ จะได้คาตอบและการเขียนต้องมีแหลง่ อา้ งอิง ได้แก่เคยเหน็
หรอื มีใครบอกเล่า หรือเคยอ่านพบในหนงั สืออะไร ส่ิงเหล่านี้ต้องนามาอ้างเพื่อให้เหตผุ ลการศกึ ษามีนา้ หนัก
เพียงพอและเหมาะสมท่ีจะทา

วตั ถุประสงค์
เพือ่ ใหน้ ักเรียนเขียนทมี่ าหรือภมู หิ ลงั ของโครงงานได้

วธิ ดี าเนนิ การ
1. ใหน้ กั เรยี นเล่าถงึ เหตผุ ลหรือประสบการณ์ท่ีพบให้ครูและเพอ่ื นฟงั
2. ครแู ละเพื่อนนกั เรียนในชน้ั ร่วมกนั ซกั ถามถึงแรงบันดาลใจหรือสง่ิ ทีผ่ ู้ทาโครงงาน

อยากทา หรือถามในส่วนท่ียงั เป็นข้อสงสัย
3. ให้นกั เรียนเขยี นตามที่ได้เล่าและปรับตามท่ีครแู ละเพ่ือนในชน้ั เรยี นไดซ้ ักถาม เสนอแนะ
4. เม่อื นักเรียนเขยี นเสรจ็ แล้วครชู ่วยขัดเกลาสานวนภาษาใหเ้ หมาะสม

การประเมนิ ผล
ตรวจผลงานทน่ี ักเรยี นเขียน

อภชิ ัย นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 22

คู่มอื การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกจิ กรรมท่ี 5.1 (สาหรบั นกั เรียน)

ความเปน็ มาของโครงงาน

ใหน้ ักเรยี นเขยี นแรงบนั ดาลใจในการจัดทาโครงงานของนักเรยี น โดยพิจารณา
วา่ ทาไมนกั เรียนจึงอยากรเู้ รื่องน้ี เคยได้ยิน เคยพบเหน็ เคยทดลอง หรอื เคยชว่ ยใครทา
ทไ่ี หน เรอื่ งน้ดี อี ยา่ งไร ก่อนที่นักเรียนจะเขยี น ใหน้ ักเรียนดาเนินการดงั นี้

1. เล่าใหค้ รู หรือเพ่ือนๆ ฟงั ก่อน
2. ใหเ้ ขียนตามทีเ่ ลา่ ให้ครฟู ัง และตามท่ีครูไดแ้ นะนาเพิ่มเติม
แรงบนั ดาลใจ
……..………………………………………………………………………….……………………………
………………………………….………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..
......……………………………………………………………………………………………………………………..
............................................................................................................................. .............
............................................................................................................................. .............
........................................................................................................ ..................................
............................................................................................................................. .............
.................................................................................. ........................................................
............................................................................................................................. .............
..........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............
..........................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............
..........................................................................................................................................

อภชิ ยั นุชเน่อื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 23

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

กิจกรรมที่ 6 (สาหรบั ครผู สู้ อน)
การเขยี น “วัตถุประสงค์”

วัตถุประสงค์ เป็นเสมือนเข็มทิศของการทางาน วา่ ส่งิ ท่ตี อ้ งการคืออะไร ดงั นน้ั การเขยี น
วตั ถุประสงคเ์ ปน็ การบอกให้รู้ความต้องการว่า จะทาอะไร หรือจะสร้างอะไร และจดุ ประสงค์ยังจะเป็น
แนวทางในการวางแผนการทางาน ซ่ึงจะช่วยใหโ้ ครงงานสาเรจ็ ได้ด้วยดี

วตั ถปุ ระสงค์
เพอ่ื ให้นักเรียนเขียนวตั ถุประสงคข์ องโครงงานได้

วิธดี าเนนิ การ
1. ให้นักเรียนบอกถึงความตอ้ งการทีแ่ ทจ้ รงิ ของตนเองให้ครแู ละเพ่ือนฟัง วา่ ต้องการรู้

หรือตอ้ งการทาอะไร หรือตอ้ งการศึกษาอะไร
2. ให้นักเรียนเรยี บเรยี งคาพูดในขอ้ 1 ใหม้ ใี จความและความหมายที่เหมาะสม โดยครูช่วย

ตรวจทานและเสนอแนะ
3. ใหน้ ักเรียนเขียนวัตถุประสงคต์ ามทไ่ี ด้ปรบั ปรุงแล้ว

การประเมินผล
ตรวจผลสอบการเขียนวตั ถปุ ระสงค์

อภชิ ยั นุชเน่ือง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 24

คมู่ ือ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

ใบกจิ กรรมที่ 6.1 (สาหรบั นกั เรยี น)

คาช้ีแจง
ให้นกั เรยี นเขยี นวัตถุประสงค์ของโครงงานที่นักเรียนจะทา โดยศกึ ษาตวั อยา่ งและสอบถาม

ครทู ป่ี รกึ ษาโครงงาน โดยตอ้ งเขียนใหร้ วู้ ่า “นกั เรียนต้องการทาอะไร หรือศกึ ษาอะไร”

การเขียนวตั ถุประสงค์ไม่ควรเขยี นเกิน 2 ข้อ ดงั ตวั อยา่ ง
1. เพือ่ สร้างเคร่ืองดักจบั แมลงวันทอง
2. เพอ่ื หาประสิทธภิ าพของเครอื่ งดกั จบั แมลงวนั ทอง

วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงานของนักเรียน ได้แก่
1.…………………………………………………………………………….………………………

…………………………………………………………….………………………………………………........
2.…………………………………………………………………………….………………………

…………………………………………………………….………………………………………………........

อภิชัย นชุ เนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 25

คมู่ ือ การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

กจิ กรรมที่ 7 (สาหรับครูผสู้ อน)
การเขียน “ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ”

ผลทีค่ าดว่าจะได้รบั เป็นการกลา่ วถึงประโยชนข์ องโครงงานวา่ หลงั จากจดั ทาโครงงานสาเร็จแล้วจะ
สามารถนาผลจากการทาโครงงานนีไ้ ปใชป้ ระโยชนอ์ ะไรได้บ้าง เช่น โครงงานสิง่ ประดิษฐ์
เรื่อง“การประดิษฐต์ เู้ ก็บผัก” ผลทีค่ าดวา่ จะได้รบั ได้แก่

1. สามารถเก็บผกั ไวไ้ ดห้ ลายวันโดยทผ่ี ักไมเ่ ห่ยี วเฉา
2. นาไปใชใ้ นท้องถนิ่ ทีไ่ ม่มีไฟฟา้
3. เผยแพร่ให้ชุมชนที่ห่างไกลความเจรญิ ได้นาไปประยกุ ต์ใช้
4. สร้างตู้เก็บผักขายได้ เป็นการสร้างรายไดใ้ ห้กับตนเอง

วัตถปุ ระสงค์
เพอ่ื ให้นักเรียนเขยี นประโยชนห์ รอื ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั จากโครงงานที่ทาได้

วธิ ีดาเนนิ การ
1. ใหน้ ักเรยี นบอกประโยชนท์ ่นี กั เรียนคดิ วา่ จะเกิดข้นึ หลังจากที่โครงงานน้ีสาเรจ็
2. ใหน้ กั เรียนเขียนใหม้ ากท่สี ุดใหค้ รอบคลมุ ว่าประโยชนจ์ ากโครงงานนีส้ ามารถนาไป

ใช้อะไรไดบ้ า้ ง
3. ครูควรช่วยตรวจทานและเสนอแนะนักเรียน
4. ให้นักเรยี นเขยี นประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ ับตามท่ีได้ปรับปรุงแล้ว

การประเมินผล
ตรวจผลสอบผลการเขียน “ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รบั ”

อภชิ ยั นชุ เน่ือง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 26

ค่มู ือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกจิ กรรมที่ 7.1 (สาหรับนกั เรยี น)

คาชแี้ จง
เมอ่ื นกั เรยี นเขียนวัตถุประสงคข์ องโครงงานแล้ว ให้นักเรยี นคาดคะเนว่า หลงั จากทนี่ ักเรียนจัดทา

โครงงานสาเรจ็ แล้ว จะมีประโยชนอ์ ะไรบ้าง ดังตัวอยา่ งเช่น โครงงานส่ิงประดิษฐ์
เร่อื ง“การประดิษฐ์ตเู้ กบ็ ผัก” ผลท่คี าดวา่ จะได้รบั ได้แก่

1. สามารถเกบ็ ผักไว้ได้หลายวนั โดยท่ผี ักไม่เห่ียวเฉา
2. นาไปใช้ในท้องถ่นิ ทไ่ี ม่มไี ฟฟ้า
3. เผยแพร่ให้ชมุ ชนทห่ี ่างไกลความเจรญิ ไดน้ าไปประยกุ ต์ใช้
4. สร้างต้เู ก็บผกั ขายได้ เป็นการสร้างรายได้ให้กับตนเอง

ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะไดร้ บั (ผลที่คาดวา่ จะไดร้ บั ) ไดแ้ ก่
1.……………………………………………………....................................................................
2.……………………………………………………....................................................................
3.……………………………………………………....................................................................
4.……………………………………………………....................................................................

อภชิ ยั นชุ เนือ่ ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 27

คู่มอื การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

กิจกรรมที่ 8 (สาหรับครูผู้สอน)
การเขียนสมมุติฐาน ตวั แปรตน้ และตวั แปรตาม (ถา้ มี)

การเขียนสมมุตฐิ าน ตวั แปรต้น ตวั แปรตามน้นั การเริ่มต้นกบั โครงงานน้นั จงึ เป็นเรื่องค่อนขา้ ง
ยากสาหรบั นักเรยี น หากโครงงานของนักเรียนเรื่องใดทีม่ ีการเขยี น สมมุติฐาน ตัวแปรต้น ตวั แปรตาม
ครตู ้องให้คาแนะนาอย่างใกล้ชดิ จนนกั เรยี นเขา้ ใจ
(โครงงานบางเร่ืองไม่จาเปน็ ต้องมีสมมุติฐาน ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม)

สมมตุ ิฐาน หมายถงึ การคาดเดาคาตอบไว้ลว่ งหน้า
ตวั แปรต้น หมายถงึ สงิ่ ทีเ่ ราจะศึกษา หรอื สิง่ ทเี่ ป็นตน้ เหตุ
ตวั แปรตาม หมายถึง สงิ่ ที่เปน็ ผลตามมาจากตวั แปรตน้

วตั ถปุ ระสงค์
เพื่อใหน้ ักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจเร่อื งสมมตุ ฐิ าน ตวั แปรตน้ และตวั แปรตาม

การดาเนนิ การ
เพือ่ ให้นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจและประสบการณ์ การฝึกเขียน สมมตุ ฐิ านตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม

ครูควรจัดกจิ กรรมให้นกั เรยี นไดฝ้ กึ ปฏิบตั ดิ ังน้ี
1. ครูตั้งประเดน็ สมมตุ ฐิ าน ให้ใช้ประเด็นงา่ ยๆ ทเ่ี ป็นเรอ่ื งใกลต้ ัว
2. ใหน้ ักเรยี นลองเดาวา่ จากสมมตุ ิฐานน้ี อะไรคือตัวแปรต้น อะไรคือตวั แปรตาม
3. ครูควรยกตวั อย่างหลายๆ ตัวอยา่ งจนนักเรียนเข้าใจดี
4. ให้นกั เรยี นฝกึ ต้ังสมมุติฐานและบอกตวั แปรต้น ตวั แปรตามเองจนเกดิ ความชานาญ
5. ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบการต้งั สมมตุ ฐิ าน ตัวแปรตน้ และตัวแปรตาม โดยครจู ัดทา

แบบทดสอบไดต้ ามความเหมาะสม

อภชิ ยั นุชเนื่อง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 28

คู่มอื การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

ใบกจิ กรรมท่ี 8.1 (สาหรับนักเรียน)

ใหน้ ักเรยี นคาดเดาคาตอบในเรื่องทตี่ นเองทาวา่ ผลนา่ จะเป็นอยา่ งไรแล้วใหน้ ักเรียนนาไปปรกึ ษา
ครอู ีกคร้งั เพอ่ื ขอรับคาแนะนา

ตัวอยา่ ง : เครื่องดักจับแมลงวันทองสามารถจับแมลงวนั ทองไดป้ รมิ าณมาก
สมมุตฐิ าน : เคร่อื งดักจบั แมลงวนั ทอง (ส่ิงทเ่ี ปน็ เหตุ)
ตวั แปรตน้ : จานวนแมลงวนั ทองทีจ่ บั ได้ (ส่ิงที่เปน็ ผล)
ตัวแปรตาม

ช่อื เรื่อง……………………………...............................
สมมตุ ิฐาน ไดแ้ ก่………………………………………………………………..............................
............................................................................................................................. ...

ตัวแปรตน้ (สง่ิ ทน่ี กั เรียนอยากจะรหู้ รือตน้ เหตุ )
…………………………………………………………………………..……………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………..

ตัวแปรตาม (สง่ิ ทีจ่ ะเกิดตามมาหลงั จากนกั เรียนได้กระทากบั ตวั แปรตน้ )
…………………………………………………………………………..……………………………………..
…………………………………………………………………………..……………………………………..

อภิชัย นชุ เนอื่ ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 29

คู่มือ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกิจกรรมท่ี 8.2 (สาหรบั ครผู ู้สอน)

คาชี้แจง
ใหค้ รูผู้สอนเขยี นวตั ถุประสงค์ ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั สมมุตฐิ าน และ ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม

แลว้ แลกเปล่ียนเรียนรู้ซ่ึงกนั และกัน

แบบฝึกเขยี นวัตถุประสงค์

1. ช่อื เร่ือง……การทากระดาษจากใบลาน
วัตถุประสงค์ 1. เพ่อื …………………………………………………………………..
2. เพ่ือ………………………………………………………………….

2. ชื่อเรอ่ื ง……การผลิตหมวกโดยใชใ้ บลานขนาดต่างกัน
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อ…………………………………………………………………..
2. เพอ่ื ………………………………………………………………….

3. ชื่อเรอ่ื ง……การสารวจวงจรชวี ิตเห็นโคน
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อ…………………………………………………………………..
2. เพอ่ื ………………………………………………………………….

4. ชื่อเร่อื ง……หินทค่ี นนิยม
วตั ถุประสงค์ 1.เพ่ือ…………………………………………………………………..
2.เพอื่ ………………………………………………………………….

5. ช่อื เรื่อง……การศึกษาผลิตภัณฑข์ องอ่ึง
วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื …………………………………………………………………..
2. เพื่อ………………………………………………………………….

6. ชื่อเรอ่ื ง……การศึกษาชวี ติ ของแย้
วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ …………………………………………………………………..
2. เพ่อื ………………………………………………………………….

อภชิ ยั นชุ เนื่อง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 30

คู่มือ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

แบบฝกึ เขยี น ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ

1. ชอ่ื เรอ่ื ง……การทากระดาษจากใบลาน
ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

2. ชื่อเรือ่ ง……การผลิตหมวกโดยใชใ้ บลานขนาดต่างกัน
ผลที่คาดวา่ จะไดร้ บั …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

3. ชื่อเรอื่ ง……การสารวจวงจรชีวิตเห็นโคน
ผลทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

4. ชอ่ื เรื่อง……เคร่อื งหยอดเมลด็ พชื (ข้าวโพด)
ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

5. ชอ่ื เรอ่ื ง……การศึกษาผลติ ภณั ฑข์ องอ่ึง
ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

6. ชื่อเร่อื ง……การศึกษาชีวติ ของแย้
ผลทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

7. ชอื่ เรอ่ื ง……อันตรายจากผักหวาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

8. ช่อื เรื่อง……การศึกษาประโยชน์ทไ่ี ด้จากโค
ผลที่คาดว่าจะได้รับ …………………………………………………………………..
…………………………………………………………………..

อภชิ ัย นชุ เนือ่ ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 31

คู่มือ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

แบบฝกึ เขยี นสมมตุ ิฐาน

1. วัตถุประสงค์
เพอ่ื สารวจความพงึ พอใจของนกั เรยี นทมี่ ีต่ออาหารท่ที าจากอ่งึ 3 ชนิด ได้แก่ องึ่ ยา่ ง อึ่งทอดและ

อง่ึ ตม้ ยา
สมมตุ ฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..

2. วตั ถปุ ระสงค์
เพื่อประดษิ ฐ์แก้วนา้ จากหิน 3 ชนิดได้แก่ หนิ แกรนิต หนิ ทรายและหินอ่อน
สมมุตฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..

3. วตั ถปุ ระสงค์
เพือ่ ผลิตเครื่องดักจับแย้จากใบลาน
สมมุตฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..

4. ช่อื เรื่อง
ความพึงพอใจของคนในชุมชนทม่ี ีต่อการบรโิ ภคเน้ือโค
สมมตุ ฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..

อภชิ ัย นชุ เนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 32

คูม่ อื การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

การเขยี น ตัวแปรตน้ และตัวแปรตาม

1. วัตถุประสงค์
เพื่อสารวจความพึงพอใจของนกั เรียนทีม่ ีต่ออาหารท่ที าจากอ่ึง 3 ชนิด ได้แก่ อึง่ ย่าง อึ่งทอดและ

อง่ึ ต้มยา
สมมตุ ิฐาน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..
ตวั แปรตน้ ………………………………………………………………………..
ตวั แปรตาม ………………………………………………………………………..

2. วตั ถุประสงค์
เพอ่ื ประดษิ ฐ์แก้วน้าจากหนิ 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ หนิ แกรนติ หนิ ทรายและหินอ่อน
สมมตุ ิฐาน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..
ตวั แปรตน้ ………………………………………………………………………..
ตัวแปรตาม ………………………………………………………………………..

3. วตั ถุประสงค์ เพือ่ ผลิตเคร่ืองดักจับแยจ้ ากใบลาน
สมมตุ ฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..
ตวั แปรต้น ………………………………………………………………………..
ตัวแปรตาม ………………………………………………………………………..

4. ช่อื เรือ่ ง ความพึงพอใจของคนในชุมชนท่มี ตี ่อการบรโิ ภคเนื้อโค
สมมตุ ฐิ าน ………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………..
ตวั แปรตน้ ………………………………………………………………………..
ตวั แปรตาม ………………………………………………………………………..

อภชิ ยั นุชเนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 33

ค่มู ือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กจิ กรรมที่ 9 (สาหรับครผู สู้ อน)
การเขียนวธิ ีดาเนนิ การ

วิธีดาเนินการ เป็นกระบวนการท่ปี ฏบิ ตั ิตามแผนทีว่ างไว้ ครูจะตอ้ งให้คาปรึกษาอยา่ งใกล้ชิด
วธิ ดี าเนนิ การจะเป็นขั้นตอนการหาคาตอบอย่างเปน็ กระบวนการท่ีนกั เรียนจะต้องลงมือปฏิบัติ จึงตอ้ งมีการ
เตรียมการในเรื่องตา่ งๆ ใหพ้ รอ้ ม

วตั ถุประสงค์
1. เพื่อให้นักเรียนกาหนดวัสดุ อุปกรณ์ กาหนดข้นั ตอนการทาโครงงานได้
2. เพอ่ื ให้นักเรียนกาหนดวธิ ีการทดสอบผลติ ภัณฑ์หรือหาคุณภาพของสิ่งท่ีทาได้

วธิ ีดาเนนิ การ การวางแผนดาเนินการนนั้ ครูควรใหน้ ักเรียนดาเนินการดงั นี้
1. ให้นักเรียนบอกอุปกรณ์ทีต่ ้องใช้ในการจัดทาโครงงาน
2. นกั เรยี นบอกขั้นตอนการทาตงั้ แต่ต้นจนจบ
3. ครูควรซักถามนกั เรียนเพ่ือให้เกิดความชัดเจน และเมื่อเห็นวา่ ควรมีวสั ดุ อุปกรณห์ รอื วธิ ีการท่ี

จะทาใหโ้ ครงงานนั้นมีความสะดวกขึน้ ครคู วรใหข้ ้อแนะนา ชว่ ยเหลอื และอานวยความสะดวกใหก้ บั
นักเรยี นดว้ ย

4. ให้นกั เรยี นลงมือบันทกึ สิง่ ทนี่ กั เรียนได้บอกท้งั หมด

การประเมินผล
1. สงั เกตและบนั ทึกการปฏบิ ตั ิงานของนกั เรยี น กอ่ น ระหวา่ ง และหลังการปฏบิ ัติการ
2. ตรวจสอบผลงานเปน็ ระยะๆ

อภชิ ัย นุชเนอ่ื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 34

คู่มือ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกิจกรรมท่ี 9.1 (สาหรบั นักเรยี น)

ใหน้ กั เรยี นเขยี นส่ิงท่นี ักเรยี นจะดาเนนิ การตามรายการต่อไปนี้

เครื่องมือท่ีใชใ้ นการทาโครงงาน (สาหรบั โครงงานสง่ิ ประดิษฐ์หรอื พัฒนา)
1………………………………………………………………………………….......................................
2………………………………………………………………………………….......................................
3………………………………………………………………………………….......................................
4………………………………………………………………………………….......................................
5………………………………………………………………………………….......................................

ฯลฯ

ขั้นตอนการสร้างผลิตภัณฑ์ (สาหรบั โครงงานสง่ิ ประดิษฐ์หรือพัฒนาฯ)
1………………………………………………………………………………….......................................
2………………………………………………………………………………….......................................
3………………………………………………………………………………….......................................
4………………………………………………………………………………….......................................
5………………………………………………………………………………….......................................

ขั้นตอนการหาประสิทธภิ าพผลิตภัณฑ์ (สาหรบั โครงงานส่งิ ประดิษฐห์ รือพัฒนาฯ)
1………………………………………………………………………………….......................................
2………………………………………………………………………………….......................................
3………………………………………………………………………………….......................................
4………………………………………………………………………………….......................................
5………………………………………………………………………………….......................................

อภชิ ัย นชุ เนือ่ ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 35

คู่มือ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กิจกรรมที่ 10 (สาหรับครูผู้สอน)
การสร้างเคร่อื งมือทใี่ ชใ้ นโครงงาน

การสร้างเคร่ืองมือเพ่ือจัดเก็บข้อมูลนนั้ เปน็ การเตรียมแบบสาหรับเกบ็ ขอ้ มูลเพ่ือจะนาไปใชใ้ นการ
วิเคราะห์ และสรปุ ผล ดังนนั้ จึงจาเปน็ ที่จะต้องฝึกให้นักเรียนได้รู้จักแบบกรอกข้อมลู รปู แบบตา่ งๆ และ
นกั เรียนได้ลงมือปฏิบตั ิ จดั ทาแบบบนั ทกึ ขอ้ มลู อย่างจรงิ จัง

วัตถปุ ระสงค์
1. เพอื่ ใหน้ ักเรยี นร้จู กั แบบเก็บขอ้ มลู
2. เพอื่ ใหน้ ักเรียนสามารถออกแบบการเก็บข้อมลู ในรูปแบบต่างๆ ได้

วิธดี าเนินการ
1. ครนู าตัวอย่างรปู แบบการกรอกคะแนนต่างๆ ใหน้ กั เรยี นได้ศึกษาคน้ คว้า
2. ใหน้ ักเรยี นทุกคนวเิ คราะห์โครงงานของตนเองวา่ ควรจะจัดทาเคร่ืองมืออะไรบ้าง

เคร่อื งมอื ควรมีลักษณะอยา่ งไร เช่น เป็นแบบตรวจสอบรายการ หรอื แบบประเมิน หรือแบบบันทึกการ
สงั เกต โดยครูสอนใหน้ ักเรยี นเข้าใจเครื่องมือแต่ละชนดิ

3. ให้นกั เรยี นฝึกสร้าง แบบบันทกึ รายการต่างๆ ตามทน่ี กั เรยี นเห็นวา่ เหมาะสมกับโครงงานของตน
4. ให้ทกุ คนนาเสนอแบบเก็บข้อมูลให้เพ่ือนทกุ คนได้ศกึ ษา

การประเมินผล
ตรวจสอบจากแบบบนั ทึกที่นักเรยี นคิดคน้ ขนึ้

อภิชัย นชุ เนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 36

คมู่ ือ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชีพ

ใบกจิ กรรมที่ 10.1 (สาหรบั นักเรยี น)
การสร้างเคร่ืองมือทีใ่ ช้ในโครงงาน

คาช้แี จง
ใหน้ กั เรยี นออกแบบการเกบ็ ข้อมูล หรือแบบบันทึกขอ้ มูลโดยทาในกระดาษทีค่ รูแจกให้

โดยให้นักเรยี นปฏิบัตดิ งั น้ี
1. ศกึ ษารูปแบบของแบบกรอกข้อมูลแบบต่างๆ ทีค่ รนู ามาให้ดู
2. ให้นกั เรียนพจิ ารณาโครงงานของนักเรยี นวา่ มขี ้อมลู อะไรบ้าง
3. ฝึกออกแบบการเกบ็ ขอ้ มลู โดยพิจารณาดวู า่ จะออกแบบเกบ็ ข้อมลู อย่างไร จะทาแบบตาราง

เติมคา หรอื อนื่ ๆ ตามทน่ี กั เรียนเห็นว่าดีและเหมาะสมแล้ว
4. นาแบบเก็บข้อมลู ปรึกษาครูทีป่ รึกษาอีกคร้ัง

อภชิ ัย นชุ เน่ือง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 37

คู่มือ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

กจิ กรรมท่ี 11 (สาหรบั ครูผู้สอน)
การลงมือจดั ทาโครงงาน

การลงมอื ทาโครงงาน ครจู ะต้องให้นกั เรียนจัดทาตามขั้นตอนทก่ี าหนดไวใ้ นวิธดี าเนนิ การ ซ่งึ ได้
กาหนดไว้แล้วว่ามเี คร่ืองมือหรอื วัสดุอุปกรณท์ ีใ่ ชไ้ ด้แก่อะไรบ้าง ขัน้ ตอนการสร้างผลิตภัณฑห์ รอื การทดลอง
ทาอยา่ งไร การหาคณุ ภาพของผลติ ภัณฑ์ทาอยา่ งไร ท้ังน้คี รูตอ้ งให้คาแนะนานกั เรยี นตามลักษณะและ
ประเภทของโครงงาน โดยให้ทาตามขั้นตอนทีละข้นั

วัตถุประสงค์
เพอ่ื ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามวธิ ดี าเนนิ การที่กาหนดไว้

การดาเนนิ การ
1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาวิธดี าเนนิ การของโครงงานที่กาหนดไว้
2. ให้นักเรียนจดั เตรียม วัสดุ อุปกรณ์ (กรณกี ารทดลองหรือการสร้างผลติ ภัณฑ์)
3. ให้นักเรียนจัดเตรยี ม แบบสอบถาม แบบสารวจ หรอื แบบบันทกึ การทดลอง
4. ให้นักเรียนลงมอื ปฏิบตั ิตามแผนทวี่ างไว้

การประเมนิ ผล
สังเกตการปฏบิ ัติงานของนักเรยี น

อภิชัย นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 38

คมู่ อื การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

ขัน้ ตอนการปฏบิ ัติตามโครงงานแต่ละประเภทใหค้ รูตรวจสอบและแนะนานกั เรียนทากจิ กรรมตาม
ข้ันตอนท่ีกาหนด ต่อไปนี้

โครงงานสารวจ โครงงานส่งิ ประดษิ ฐ์ / การพฒั นาผลติ ภัณฑ์
ขัน้ ตอนการทา ข้นั ตอนการทา
1. วสั ดุ อุปกรณ์ ทจ่ี ะใช้
- แหลง่ ข้อมลู / กลุ่มเปา้ หมาย ที่จะสารวจ 2. ข้นั ตอนการสรา้ ง
- เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการสารวจ 3. ขน้ั ตอนการหาคุณภาพหรือประสทิ ธิภาพ หรือการ
- วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ทดสอบ
- การวิเคราะหข์ ้อมลู
- การแปรผลและสรุปผลการทดลอง 1) แหล่งข้อมลู ทจี่ ะทดสอบ
- เขียนรายงาน 2) เคร่ืองมือที่ใช้ในการทดสอบ
3) การดาเนนิ การทดสอบ
4) การเก็บรวบรวมข้อมูล
5) การวเิ คราะห์ข้อมูล
6) การแปรผลและสรุปผลการทดลอง
7) เขียนรายงาน

โครงงานทดลอง
ขัน้ ตอนการทา
1. พิจารณาปัญหา ท่ีกาหนด
2. พิจารณาสมมตุ ิฐาน ท่กี าหนด
3. ลงมือปฏบิ ัตทิ ดลองตามวางแผนท่กี าหนด
4. สงั เกต บันทึก รวบรวมข้อมลู
5. การวิเคราะห์ข้อมลู
6. การแปรผลและสรุปผลการทดลอง
7. เขยี นรายงาน

อภิชัย นุชเนอ่ื ง และพัชญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 39

คมู่ อื การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

กจิ กรรมท่ี 12 (สาหรับครูผู้สอน)
การแปลผลข้อมลู

หลงั จากดาเนนิ การลงมือปฏิบตั ิโครงงานครบถ้วนตามข้นั ตอนเรยี บรอ้ ยแล้ว จะต้องแปลผลข้อมลู
ซ่ึงเปน็ การนาข้อมลู จาก แบบบนั ทกึ ข้อมูลหรือแบบสอบถามทีน่ ักเรยี นสรา้ งขนึ้ แล้วนาไปเก็บข้อมูล /
บนั ทกึ ข้อมลู ไว้แลว้ นามาแปลผล โดยอธิบายผลท่เี กดิ ขึ้นจากการศึกษาคน้ ควา้

วัตถุประสงค์
1. เพื่อฝึกใหน้ ักเรยี นอธิบายผลการศกึ ษาค้นควา้ จากข้อมูลได้
2. เพ่ือฝกึ และสง่ เสริมใหน้ ักเรียนสรุปองคค์ วามรไู้ ดด้ ้วยตนเอง

วิธดี าเนนิ การ
1. ครูจัดเตรยี มตัวอยา่ งโครงงานของวิชาต่างๆ เพื่อให้นกั เรียนศกึ ษาคน้ ควา้
2. ใหน้ ักเรียนบันทึกผลการศึกษาค้นคว้าจากการปฏบิ ตั งิ านตามแผนท่วี างไว้ ใหส้ มบูรณ์ครบถว้ น
3. ให้แปลผลจากข้อมูลท่ีได้ โดยการ
- จัดทา ตาราง แผนภูมริ ปู ภาพ ตามความเหมาะสมโดยศึกษาจากตัวอย่างโครงงานท่คี รูจะ

นามาให้นกั เรียนไดศ้ ึกษา
- อา่ นคา่ และอธบิ ายความหมายจากแบบบันทกึ ข้อมูล จากตวั อยา่ ง
- ใหน้ กั เรยี นลงมือปฏบิ ตั ิอ่านคา่ และแปลผลจากแบบบนั ทึกขอ้ มูลของตนเอง
- สรุปองค์ความรทู้ ี่ได้จากการศึกษาคน้ คว้า

การประเมินผล
ตรวจสอบผลงาน

อภิชยั นชุ เน่ือง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 40

คมู่ ือ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโครงงานอาชพี

ใบกจิ กรรมท่ี 12.1 (สาหรับนกั เรยี น)

ใหน้ กั เรียนศึกษาข้อมลู จากแบบบนั ทึกข้อมลู หรือแบบสอบถาม แลว้ เขียนอภปิ ราย ในหวั ขอ้
ต่อไปน้ี

1. สรุปผลของโครงงาน
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………….…………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………….………………………………………………………………………………….…………………………
…………………………………………………...…………………………………………………………………………………………………
2. อภิปรายผลของการศกึ ษาคน้ ควา้ (ผลนน้ั เป็นไปตามความคาดหมายหรอื ตรงตามสมมุติฐานที่ต้ัง
ไวห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด หรอื สอดคล้องกับเอกสารโครงงานของใครบา้ ง)
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………….…………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………….………………………………………………………………………………….…………………………
…………………………………………………...…………………………………………………………………………………………………
3. ปัญหาอปุ สรรคในการจัดทาโครงงาน
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………….…………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………….………………………………………………………………………………….…………………………
…………………………………………………...…………………………………………………………………………………………………
4. ขอ้ เสนอแนะในการจัดทาโครงงานครัง้ ตอ่ ไป
………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………….…………………………………………………………………………………..…………………………………………
……………………………………….………………………………………………………………………………….…………………………
…………………………………………………...…………………………………………………………………………………………………

อภิชยั นชุ เนื่อง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 41

คูม่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กิจกรรมการเขยี นรายงานโครงงาน

การเขยี นรายงานโครงงาน จะต้องเขียนหลังจากท่ีจดั ทาโครงงานเสรจ็ แลว้ ซง่ึ รูปแบบการเขยี น
รายงานท่ีนามาใหค้ รูผู้สอนนั้น ได้ประยุกต์มาจากการเขียนรายงานการวิจัย ซงึ่ ครูที่ปรกึ ษาโครงงานต้องมี
ความเขา้ ใจอย่างลึกซ้ึง จงึ จะเปน็ ท่ีปรกึ ษาโครงงานทดี่ ีได้ และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ดังกล่าวกับการจัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

วตั ถปุ ระสงค์
เพอ่ื ให้ครผู ู้สอนมีความร้คู วามเขา้ ใจ ในการเขยี นรายงานโครงงาน

วธิ ีดาเนินการ
1. ให้ครผู ู้สอนศกึ ษารายละเอียดการเขยี นรายงานโครงงาน
2. วทิ ยากรและครูผู้สอนอภิปรายประเดน็ ทีเ่ ป็นปัญหาเพ่ิมเตมิ ตามความเหมาะสม
3. ให้ครผู สู้ อนนากจิ กรรมของโครงงานและผลจากการปฏิบัตทิ ี่ ดาเนนิ การแล้ว มาประกอบ

การเขียนรายงานโครงงาน
4. วทิ ยากรอธบิ ายการเขยี นรายงาน และฝกึ ปฏิบตั ิทีละหัวขอ้ ตามแบบฝึกจนถงึ บทท่ี 5
5. ใหว้ ทิ ยากรอธบิ ายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั การเขยี นรายงานโครงงานประเภทอืน่ ๆ ได้ตามความ

เหมาะสม
6. วทิ ยากรตรวจสอบและร่วมอภปิ รายการเขยี นรายงานของครผู ู้เข้ารับการอบรมโดยสุ่มตวั อย่าง

การเขียนรายงานตามความเหมาะสม

การประเมนิ ผล
ประเมนิ จากการร่วมอภิปราย

อภชิ ัย นุชเนื่อง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 42

คู่มอื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

แนวการเขยี นรายงานโครงงาน

การเขยี นรายงานโครงงาน เป็นการเสนอผลการศึกษาค้นควา้ ทเ่ี ป็นเอกสาร เพ่อื อธบิ ายให้ผู้อนื่
ทราบแนวความคิด ปญั หาทีศ่ ึกษา วธิ ีการจัดทาโครงงาน การรวบรวมขอ้ มูล การวิเคราะหข์ อ้ มูลและ
ผลสรุปของโครงงาน ตลอดจนประโยชน์และข้อเสนอแนะตา่ งๆ ที่ได้จากการทาโครงงาน ท้งั น้ีตอ้ งเปน็ การ
เขยี นสื่อความ

วิธกี ารเขยี นรายงานโครงงานมลี ักษณะหรือแนวทางในการเขยี นเชน่ เดียวกับการเขยี นรายงาน
ผลการวิจยั ต้องมีความชดั เจน ตามขัน้ ตอนที่กาหนด ใช้คาศพั ท์และภาษาทีเ่ ข้าใจงา่ ย โดยมีองคป์ ระกอบ
ตามโครงงานแต่ละประเภท ดังต่อไปน้ี

รายงานโครงงาน
เรอ่ื ง

……………………………………………………

ผจู้ ัดทาโครงงาน
……………………………………………..
…………………………………………….
……………………………………………..

อาจารยท์ ่ีปรึกษา
…………………………………………….

โรงเรยี น……………………………อาเภอ………………… 43
สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษา…………….….

อภชิ ยั นุชเนือ่ ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 |

คมู่ อื การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชพี

กิตตกิ รรมประกาศ

การเขียนกิตติกรรมประกาศในการเขยี นรายงานนัน้ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และขอบคุณผู้ท่ีให้
ความช่วยเหลอื หรอื รว่ มมือ สนบั สนุน ของบคุ คลหรอื หน่วยงานต่างๆ ทมี่ ีสว่ นทาให้การดาเนนิ งานสาเร็จ
ลงด้วยดี โดยท่วั ไปจะเขียนขอบคณุ

- อาจารย์ทปี่ รึกษาโครงงาน
- ผทู้ ่ีใหข้ ้อมูล
- ผู้ทีม่ สี ว่ นเก่ียวข้องอนื่ ๆ

บทคดั ยอ่

บทคัดย่อ (Abstract) เปน็ สว่ นทกี่ ลา่ วถึงกระบวนการทาโครงงานโดยยอ่ เพ่ือช่วยใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจ
งานอยา่ งรวดเรว็ ในเวลาอันสั้น และช่วยใหผ้ ู้อา่ นตดั สินใจได้วา่ เปน็ โครงงานทีน่ ่าสนใจหรอื ไม่ หากน่าสนใจ
กจ็ ะอ่านรายละเอยี ดต่อไป

โดยทว่ั ไปบทคัดย่อจะกลา่ วถึง
- วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน
- วธิ ีดาเนนิ การ
- สรปุ ผลโครงงาน
- ความยาวของบทคัดย่อโดยทั่วไปมคี วามยาวประมาณ 1 – 2 หน้ากระดาษพิมพ์

อภิชยั นุชเน่อื ง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 44

คมู่ ือ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโครงงานอาชีพ

สารบญั

กิตติกรรมประกาศ หน้า

บทคัดย่อ โครงงานพฒั นาฯ
- วัสดุอุปกรณ์
สารบัญ - ขัน้ ตอนการทา/ประดิษฐ์
- ขนั้ ตอนการทดลองใช้
บทที่ 1 บทนา - การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
- การวิเคราะห์ข้อมลู
- ท่มี าของโครงงาน - สถติ ทิ ่ีใช้(ถ้ามี)

- วตั ถุประสงค์

- สมมุตฐิ าน (ถ้าม)ี

- ผลทีค่ าดวา่ จะไดร้ บั

- ขอบเขตด้านเนอ้ื หา

- ขอบเขตด้านแหลง่ ข้อมลู

- ขอบเขตด้านตวั แปรทศี่ ึกษา

- นยิ ามศัพทเ์ ชิงปฏบิ ตั ิการ (ถา้ มี)

บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้อง

-

บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ การ

โครงงานสารวจ โครงงานทดลอง

- ขอบเขตสิง่ ทจ่ี ะสารวจ - วัสดอุ ปุ กรณ์

- เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการสารวจ - วธิ ีทา/ขนั้ ตอนการทดลอง

- การเกบ็ รวบรวมข้อมลู - การเก็บรวบรวมขอ้ มลู

- การวเิ คราะหข์ ้อมลู - การวิเคราะห์ข้อมลู

- สถติ ทิ ี่ใช้(ถา้ มี) - สถติ ทิ ี่ใช้(ถ้ามี)

บทท่ี 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน
บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
ภาคผนวก

อภชิ ัย นชุ เนื่อง และพชั ญภณ สารสา สพป.ตาก เขต 1 | 45


Click to View FlipBook Version