The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by BoBo Polcha, 2023-07-14 13:55:59

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา

1

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา นางสาวจิราวรรณ์ พลชา รายงานการวิจัยฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 2565


การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา นางสาวจิราวรรณ์ พลชา รายงานการวิจัยฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 2565


ใบอนุมัติวิจัยในชั้นเรียน คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต รายวิชาการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 1 รหัสวิชา 101501 ชื่องานวิจัย : การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ชื่อผู้ทำวิจัย : นางสาวจิราวรรณ์ พลชา ลงชื่อ ................................................................ (นางปาริฉัตร นริศยาพร) ครูพี่เลี้ยง ลงชื่อ ................................................................ (นางรัธนาฏ กมลกลาง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลงชื่อ ................................................................ (นายไพฑูรย์ โนนสูงเนิน) รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ


ก ชื่องานวิจัย การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา หลักสูตร ครุศาสตร์ สาขาวิขาเคมี ผู้วิจัย นางสาวจิราวรรณ์ พลชา อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมณชนก วงศ์สุขสิน สถาบัน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ปีการศึกษา 2565 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุ หมู่หลักที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 39 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบ 3) แบบประเมินความพึง พอใจของนักเรียนที่มีแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูสถิติ พื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ ทดสอบสมมติฐานเพื่อเปรียบเทียบวิเคราะห์ผลทางสถิติโดยใช้ t-test dependent samples ผลการศึกษาครั้งนี้มีดังต่อไปนี้ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น กว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ .05 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับพึงพอใจมาก (X̅= 4.14 และ S.D. = 0.77)


ข กิตติกรรมประกาศ รายงานวิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัด การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ฉบับนี้เสร็จสมบูรณ์ได้เนื่องจากควาเสียสละ ความกรุณาจาก นางปาริฉัตร นริศยาพร ครูพี่เลี้ยง ครูวิทยฐานะ ครูชำนาญการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมณชนก วงศ์สุขสิน ที่ปรึกษาโครงการวิจัยทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน ผู้ซึ่งให้คำปรึกษาด้านความรู้ การปฏิบัติการ และตรวจสอบ ปรับปรุง แก้ไข ข้อบกพร่องต่าง ๆ ของการเขียนรายงานวิจัย ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐานฉบับนี้ด้วยความใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง จนรายงานวิจัยทางการเรียน รายวิชาเคมีพื้นฐาน เสร็จสมบูรณ์ ผู้ทำการวิจัยขอขอบคุณครูเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ขอบพระคุณ คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้ให้ข้อมูล คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ต่อการวิจัย ขอบคุณนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ให้ความร่วมมือในการทำวิจัย ขอบพระคุณ ผู้อำนวยการ นายวิลาศ ดวงเงิน ผู้อำนวยการโรงเรียนสุรนารีวิทยา ที่ได้ให้โอกาสและเอื้ออำนวยสถานที่ ในการทำวิจัยครั้งนี้ ท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดา และครอบครัวที่ได้ให้อุปการะเลี้ยงดู ตลอดจน การให้ได้ศึกษา สนับสนุนเรื่องการเงิน และคอยให้กำลังใจตลอดมา รวมทั้งขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ คอยให้กำลังใจเสมอมา ขอขอบคุณเจ้าของเอกสารและงานวิจัยทุกท่าน ที่ผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้ามา เพื่อใช้อ้างอิงในการทำวิจัยจนเสร็จสมบูรณ์ ขอขอบคุณทุกท่านที่กล่าวมาข้างต้นเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ที่ช่วยให้งานวิจัยนี้สำเร็จลงด้วยดี จิราวรรณ์ พลชา 2565


สารบัญ หน้า บทคัดย่อภาษาไทย ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญตาราง จ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของการวิจัย 1 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 สมมติฐานงานวิจัย 3 1.4 ขอบเขตของการวิจัย 3 1.5 กรอบแนวคิดในการวิจัย 3 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 4 1.7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 2.2 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 10 2.3 แผนการจัดการจัดการเรียนรู้ 13 2.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 17 2.5 สื่อการสอนแบบเกม 19 2.6 ความพึงพอใจ 20 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 21 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 24 3.2 แบบการวิจัย 24 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและหาประสิทธิภาพ 24 3.4 ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล 26 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 26


ง สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 4 ผลการทดลองและวิจารณ์ผลการทดลอง 4.1 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 30 4.3 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอน 31 บทที่ 5 สรุปผลการทดลอง และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการวิจัย 34 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 34 5.3 ข้อเสนอแนะ 35 บรรณานุกรม 36 ภาคผนวก ภาคผนวก กแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 39 ภาคผนวก ข แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความพึงพอใจ และรายนามผู้เชี่ยวชาญตรวจเครื่องมือวิจัย 67 ภาคผนวก ค ผลวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 74 ภาคผนวก ง การวิเคราะห์หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เรียน เรื่องสมบัติของธาตุหมู่หลัก 76 ภาคผนวก จ ตารางค่าของ t ที่ระดับนัยสำคัญต่าง ๆ 84 ภาคผนวก ฉ การวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะ (5E) ร่วมกับการใช้เกมบัตรคำ 87 ภาคผนวก ช เกมบัตรคำเรื่องการดุลสมการเคมี 93 ประวัติผู้วิจัย 97


จ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 4.1 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 31 4.2 ผลความพึงพอใจของผูเรียนที่เรียนเรื่อง สมบัตของธาตุหมู่หลัก ด้วยเกมบันไดงูโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะความรู้ (5E) 32 ค.1 ดัชนีความสอดคลอง (IOC) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 66 ง.1 การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 79 ง.2 แสดงการวิเคราะห์ผลหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนก่อนเรียนและ หลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู 82 จ.1 ค่าของ t ที่ระดับนัยสำคัญต่าง ๆ 87 ฉ.1 การวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 91


บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของปัญหา วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมยุคปัจจุบันและอนาคต ถือได้ว่ามีความจำเป็น ต่อวิถีชีวิตของเราทุกคน ทั้งในการดำรงชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ การคมนาคม การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ตลอดจนผลิตผลต่าง ๆ เพื่อเอื้อและ อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของมนุษย์ และการใช้ชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้เองล้วน เป็นผลมาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ อีก ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิดที่เป็นทั้งเหตุและผล คิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิจารณ์มีทักษะที่สำคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็น ระบบและสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายที่ประจักษ์พยานสามารถตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ ซึ่งเป็นสังคมแห่งความรู้ (Knowledge based society) ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ (Scientific literacy for all) เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในโลกธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น และนำความรู้ ไปใช้อย่างมีเหตุผล จะเห็นได้ว่าวิทยาศาสตร์มีความจำเป็นต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2546 : 2) วิชาเคมีจึงเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้าง และองค์ประกอบของสสาร สมบัติของธาตุตามตางรางธาตุ หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง และกลไกการเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยาเคมีของสสาร เป็นเหตุผลสำคัญของการเรียนวิชาเคมี ซึ่งผลจากการค้นพบและการประยุกต์ใช้กฎต่าง ๆ ทางเคมีนั้น สามารถทำให้เกิดการคิดค้นหรือใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ จากการสังเกตนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พบว่า นักเรียนยังขาดความกระตือรือร้นในการเรียนเนื่องจากวิธีการสอนของ ผู้สอนมีความน่าเบื่อหน่ายและไม่มีความน่าสนใจมากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ทำให้ นักเรียนจำเนื้อหาที่เรียนไม่ได้ดังนั้นผู้วิจัยได้หาวิธีการสอนและนวัตกรรมที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียน มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน มีสื่อที่เอื้อต่อการเกิดการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย ได้เรียนรู้ ตามความสามารถ ทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนน่าสนใจ ไม่เกิดความเบื่อหน่าย ซึ่งจะส่งผลให้ การจำเนื้อหารายวิชาเคมีสูงขึ้น จากการศึกษาข้อมูลพบว่า เกมการสอน เป็นนวัตกรรมที่ผู้เรียน


2 มีความสนใจมากที่สุดโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เปลี่ยนศูนย์กลางการเรียนรู้จากครูมาเป็นผู้เรียน โดยตรง จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนด้วยการใช้แหล่งความรู้จากสื่อการสอนแบบต่าง ๆ ในรูปของเกม การสอน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมที่ชอบในห้องเรียน เนื่องจากเกมสามารถกระตุ้นให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และดึงเอาศักยภาพของผู้เรียนออกมาได้มากที่สุด ทั้งนี้ผู้วิจัยจึงได้จัดทำวิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง สมบัติขิงธาตุหมู่หลัก ด้วย เกมบันไดงูโดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้มีการจัดการเรียนรู้ที่ประกอบด้วย 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นสร้างความสนใจ ขั้นสำรวจ และค้นหา ขั้นอธิบาย และลงข้อสรุป ขั้นขยายความรู้ และขั้นประเมินผล ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสวงหาและ ศึกษาค้นคว้า ลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างองค์ความรู้ของตนเอง และครูมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้อำนวย ความสะดวกในการสนับสนุนให้ผู้เรียนแสดงบทของตนเองให้เต็มที่เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง 1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลักที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา 1.3 สมมติฐานการวิจัย 1. นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นหลังได้รับการจัด การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยเกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 2. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ที่การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 1.4 ขอบเขตงานวิจัย 1.4.1 ขอบเขตด้านประชากร 1.4.1.1 ประชากรที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ผู้เรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565


3 1.4.1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียน สุรนารีวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียนซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 39 คน 1.4.2 ของเขตด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้ใช้เนื้อหาตามบทเรียนในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ เคมี เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) สาระที่ 1 เคมี เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและ สมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ ผลการเรียนรู้ วิเคราะห์ และบอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และคาบ 1.4.3 ตัวแปรที่ศึกษา 1.4.3.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกม บันไดงูเรื่อง สมบัติขิงธาตุหมู่หลัก 1.4.3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2. ความพึงพอใจของผู้เรียน 1.4.4 ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง 1.5 กรอบแนวคิดในการวิจัย ตัวแปรอิสระ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยเกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ตัวแปรตาม 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2. ความพึงพอใจของผู้เรียน


4 1.6 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.6.1 การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่ประกอบด้วย 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นสร้างความสนใจ ขั้นสำรวจและค้นหา ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป ขั้นขยายความรู้ และ ขั้นประเมินผล 1.6.2 แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ที่ จัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้ในการปฏิบัติการสอนในรายวิชาเคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว30122 1.6.3 เกมบันไดงูหมายถึง นวัตกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ในรายวิชาเคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว30122 1.6.4 ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โดยวัดได้จากแบบประเมิน ความพึงพอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มี 4 ด้าน จำนวน 15 ข้อ 1.6.5 นักเรียน หมายถึง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ที่เรียนในรายวิชาเคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว30122 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 39 คน 1.6.6 โรงเรียน หมายถึง โรงเรียนสุรนารีวิทยา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 1.7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.7.1 นักเรียนที่ได้รับการการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู มีพฤติกรรมการจำเนื้อหาได้เพิ่มขึ้นและทำให้คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนน เฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียนโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 1.7.2 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกม บันไดงู 1.7.3 เป็นแนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้สำหรับครูผู้สอนวิชาเคมีและผู้สอน ในกลุ่มสาระ


บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และได้นำเสนอตามลำดับ หัวข้อดังต่อไปนี้ 2.1 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2560) 2.1.1 เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ 2.1.2 เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ 2.1.3 คุณภาพผู้เรียน 2.1.4 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2.2 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2.2.1 หลักการของการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2.2.2 วิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2.3 แผนการจัดการเรียนรู้ 2.3.1 ความสำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.3.2 ลักษณะที่ดีของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.3.3 ประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้ 2.3.4 แผนการจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 2.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.4.1 ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.4.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.5 สื่อการสอนแบบเกม 2.5.1 ความหมายของเกม 2.5.2 ประเภทและลักษณะของเกมประกอบการสอน 2.5.3 บันไดงู 2.6 ความพึงพอใจ 2.6.1 ความหมายของความพึงพอใจ 2.6.2 การวัดความพึงพอใจ 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง


6 2.1 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง พ.ศ. 2560) 2.1.1 เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเอง มากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้งกระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็นหลักการแนวคิด และองค์ความรู้การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ จึงมีเป้าหมายที่สำคัญดังนี้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัด ในการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี 4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมวลมนุษย์ และสภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ ทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ 7. เพื่อให้เป็น ผู้ที่ มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์เป้าหมายของวิทยาศาสตร์กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ 2.1.2 เรียนอะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้น การเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดย กำหนดสาระสำคัญดังนี้ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของ สิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทาง ชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลง ของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น


7 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกในเอกภพ ระบบโลก และ มนุษย์กับการเปลี่ยนแปลงของโลก ชีววิทยา เรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาชีววิทยา สารเคมีในสิ่งมีชีวิต เซลล์ของ สิ่งมีชีวิต พันธุกรรมและการถ่ายทอด วิวัฒนาการ ความหลากหลายทางชีวภาพ โครงสร้างและ การทำงานของส่วนต่าง ๆ ในพืชดอก ระบบและการทำงานในอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ และ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เคมี เรียนรู้เกี่ยวกับปริมาณสารองค์ประกอบ และสมบัติของสารการ - เปลี่ยนแปลงของสาร ทักษะและการแก้ปัญหาทางเคมี ฟิสิกส์ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและการค้นพบทางฟิสิกส์ แรงและการเคลื่อนที่ และพลังงาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ โลกและกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาข้อมูลทางธรณีวิทยาและการนำไปใช้ประโยชน์ การถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนของโลก การเปลี่ยนแปลงลักษณะลมฟ้าอากาศกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ โลกในเอกภพ และดาราศาสตร์กับมนุษย์ เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศสื่อสารในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่าง มีประสิทธิภาพ 2.1.3 คุณภาพผู้เรียน จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของ มนุษย์ ภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสาร ต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการ ที่ทำให้เกิดความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ความสำคัญและผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม


8 เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติ บางประการของธาตุ การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและสมบัติ ต่าง ๆ ของสารที่มีความสัมพันธ์กับแรงยึดเหนี่ยว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ การเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และการเขียนสมการเคมี เข้าใจปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและ ความเร่งผลของความเร่งที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟ้า และแรงภายในนิวเคลียส เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยน พลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า เทคนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวมคลื่น การได้ยิน ปรากฎการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง สีกับการมองเห็นสี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบ การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิด แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ระเบิด สึนามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ที่มีต่อการหมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการหมุนเวียนของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรและ ผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคัญจากแผนที่อากาศ และข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของ เอกภพ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กชี โครงสร้างและองค์ประกอบของ กาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดและการสร้างพลังงาน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส่องสว่างของ ดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของ ดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มีต่อโลก รวมทั้งการสำรวจอวกาศและ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ


9 ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ สืบคันข้อมูลจากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจ เลือกตรวจสอบสมมติฐานที่เป็นไปได้ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจ ทางวิทยาศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษา ค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการสำรวจตรวจสอบตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ได้อย่าง เหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการในการสำรวจตรวจสอบอย่าง ถูกต้องทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสำรวจตรวจสอบอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุป เพื่อตรวจสอบกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำ ข้อมูลและนำเสนอข้อมูลด้วยเทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบ โดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้ทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจโดยมีหลักฐานอ้างอิงหรือ มีทฤษฎีรองรับ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะ หาความรู้ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรือ แก้ปัญหาได้ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผล ประกอบเกี่ยวกับผลของการพัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี ประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าผล ของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็นผลมาจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือสร้าง ชิ้นงานตามความสนใจ


10 แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะ วิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดย คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรเพื่อ ออกแบบสร้างหรือพัฒนาผลงาน สำหรับแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อสังคม โดยใช้กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนำเสนอผลงาน เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย รวมทั้งคำนึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร เพื่อรวบรวมข้อมูลในชีวิตจริงจากแหล่งต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อื่นมาประยุกต์ใช้ สร้างความรู้ใหม่ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้อย่างปลอดภัย มีจริยธรรม 2.1.4 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิตมุ่งพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่ เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักและภูมิใจในความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 2.2 การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2.2.1 หลักการของการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญคือการเรียนรู้ที่ต้องการให้ เกิดขึ้นกับ ผู้เรียนมากที่สุด วิธีดำเนินการ คือให้เสรีภาพแก่ผู้เรียนในการบรรลุเป็นผู้มีปัญญา ด้วยการเรียนรู้ ด้วยตนเอง โดยผ่านประสบการณ์ตรง เช่น ประสบการณ์ในการแก้ปัญหา


11 การเรียนการสอน ต้องมีการพัฒนาและกระตุ้นสติปัญญาให้มีความสามารถในการใช้เหตุผล รู้จัก คิดวิเคราะห์ และ ใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่สามารถปรับตนให้ประสานกับสภาพแวดล้อม ทั้งที่เป็นมนุษย์ ธรรมชาติ และความเจริญทางเทคโนโลยี ในวงการศึกษาต่างก็ยอมรับว่าการจัดการศึกษาที่ดีจะต้องคำนึงถึงธรรมชาติ ของผู้เรียน แต่ละคนว่ามีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ได้แก่ เชาวน์ปัญญา บุคลิกภาพ ความคิด สร้างสรรค์ และพฤติกรรมอื่นๆ การจัดการเรียนการสอน จึงมุ่งให้เกิดการเรียนรู้ ทั้งด้านความ เข้าใจ ทักษะ และเจตคติไปพร้อม ๆ กัน ในระบบการเรียน ผู้เรียนควรเป็นผู้แสดงออกมากกว่า ผู้สอน การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนควรให้ผู้เรียนมีโอกาสได้แสดงออกมากที่สุด ให้ ความสำคัญกับความรู้สึก นึกคิด และค่านิยมของผู้เรียน การจัดบรรยากาศในการเรียน ควรเป็น แบบร่วมมือมากกว่าการแข่งขัน ครูทำหน้าที่ช่วยเหลือให้กำลังใจ และอำนวยความสะดวก ในขบวนการเรียนของผู้เรียนการจัดการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามแนวทางการจัดการ เรียนรู้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีเทคนิคและวิธีการศึกษาค้นคว้าดังนี้ 1. การวิเคราะห์ผู้เรียน การรู้จักผู้เรียนเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่มช่วยให้ ครู ผู้สอนมีข้อมูล ที่สำคัญในการออกแบบ การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมหลักการวิเคราะห์ผู้เรียน ควรคำนึงถึงองค์ประกอบที่สำคัญ 3 องค์ประกอบ คือธรรมชาติของผู้เรียน ประสบการณ์ และ พื้นฐานความรู้เดิมวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน 2. การใช้จิตวิทยาการเรียนรู้และการบูรณาการคุณธรรม ค่านิยมในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 3. การวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเชื่อมโยงกับการพัฒนา หลักสูตรและการจัดการ 4. การออกแบบการเรียนรู้ตามสภาพจริงให้สอดคล้องกับมาตรฐาน หลักสูตรและเชื่อมโยง บูรณาการระหว่างกลุ่มวิชาโดยใช้ผลการเรียนรู้ที่กำหนดเป็นหลัก และใช้ กระบวนการวิจัยเป็นส่วนหนึ่ง ของการจัดการเรียนรู้ เพื่อมุ่งพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน 5. การออกแบบการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงโดยใช้เครื่องมือวัดที่ หลากหลาย เพื่อสะท้อนภาพได้ชัดเจนและแน่นอนว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้านต่างๆ อย่างไร ทำ ให้ได้ข้อมูล ของผู้เรียนรอบด้านที่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพื่อประกอบการตัดสินผู้เรียนได้ อย่างถูกต้องและ มีประสิทธิภาพ (คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2556)


12 2.2.2 วิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีลักษณะดังต่อไปนี้ 1. ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ รู้เป้าหมายของการจัดการศึกษาและ หลักสูตรการศึกษาอุดมศึกษา โดยการศึกษาข้อมูล พระราชบัญญัติการศึกษา ตำราเอกสาร หลักสูตร หลักสูตรสาขาวิชาลักษณะรายวิชาจัดทำแผน การสอนและเอกสารประกอบการสอน 2. ครูผู้สอนมีการวิเคราะห์ศักยภาพของผู้เรียนและเข้าใจผู้เรียนเป็น รายบุคคล ใช้หลักการวิเคราะห์ผู้เรียน เช่น วิเคราะห์จากรูปแบบการเรียนรู้ ความภูมิใจตนเอง เจตคติต่อวิชา ความคาดหวังในการเรียน ใช้แบบวัดความรู้พื้นฐานของผู้เรียน (Pretest) ก่อนเรียน วัดผลการเรียน ของผู้เรียนเป็นรายหน่วยและมีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนในระหว่าง การเรียนการสอน 3. ครูผู้สอนมีความสามารถในการจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยการจัดทำแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เช่น การบูรณาการเนื้อหา การจัดการเรียนรู้ เพื่อชี้แนะการรู้คิด 4. ครูผู้สอนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการเรียนเของ ตนเองและ ผู้เรียน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ในการหาความจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มอบหมายให้ นักศึกษา ค้นคว้าและนำมาอภิปรายในชั้นเรียน ฝึกการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการประมวล ข้อมูล และจัดทำรายงาน พัฒนาและใช้สื่อการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 5. ครูผู้สอนมีการประเมินผลการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสภาพ การเรียนรู้ที่จัดให้ ผู้เรียนและอิงพัฒนาการของผู้เรียน เช่น มอบหมายงานเดี่ยวและงานกลุ่ม ประเมินผลการเรียนรู้ จากผลงานที่มอบหมายในระหว่างเรียน และทดสอบหลังเรียน 6. ครูผู้สอนมีการนำผลประเมินมาปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน เพื่อ พัฒนาผู้เรียนให้เต็ม ตามศักยภาพ ในการนำผลการประเมินการเรียนรู้มาเป็นแนวทางใน การปรับเปลี่ยนการเรียนการสอน อาจทำได้โดย - ให้นักศึกษาศึกษาบทเรียนนอกเวลาแล้วนำเสนอรายงานหน้าชั้น (Presentation) เรียนรู้ในสถานศึกษา - มอบหมายงานให้นักศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองแล้วทำรายงาน(Report) - ให้นักศึกษาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแทนการถาม - ตอบ 7. ครูผู้สอนมีการวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ของผู้เรียนและนำผลไปใช้ พัฒนาผู้เรียน ได้รวบรวมวิธีสอนแบบต่าง ๆ ที่สามารถเลือกนำมาใช้ให้สัมพันธ์กับเนื้อหา ประสบการณ์การพัฒนาทักษะตามวัตถุประสงค์ของหน่วยเรียนนั้น ๆ ซึ่งมีอยู่ มากมายหลาย แบบดังต่อไปนี้


13 วิธีสอนแบบเน้นปัญหา (Problem-Based Teaching and Learning) วิธีสอนแบบเน้นโครงการ (Project-Based Teaching and Learning) วิธีสอนแบบเน้นทักษะปฏิบัติ (Skil- Based Teaching and Learning) วิธีสอนแบบเน้นกระบวนการสืบสวน (Inquiry-Based) วิธีสอนแบบเน้นกระบวนการคิด (Thinking-Based) วิธีสอนแบบเน้นความคิดรวบยอด (Concept-Based) วิธีสอนแบบเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process-Based) วิธีสอนแบบตั้งคำถาม (Questioning - Based) วิธีสอนแบบโต้วาที (Debate) วิธีสอนแบบแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) วิธีสอนแบบกรณีตัวอย่าง (Case) วิธีสอน แบบ ใช้บท เรียน แบบ เรียน รู้ด้วยต นเอง (Self-Learning Module) (คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2556) 2.3 แผนการจัดการเรียนรู้ ชนาธิป พรกุล (2552) ได้ให้ความหมายไว้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้เป็นแนวทาง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เขียนไว้ล่วงหน้า ทำให้ผู้สอนมีความพร้อม และมั่นใจว่า สามารถสอนได้บรรลุจุดประสงค์ที่กำหนดไว้และดำเนินการสอนได้ราบรื่น เอกรินทร์ ลี่มหาศาล (2552) ได้ให้ความหมายไว้ว่า วัสดุหลักสูตรที่ควรพัฒนา มาจากหน่วยการเรียนรู้ ที่กำหนดไว้เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุป้าหมายตามมาตรฐาน การเรียนรู้ของหลักสูตรเป็นส่วนที่แสดงการจัดการเรียนการสอนตามบทเรียน และประสบการณ์ การเรียนรู้เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ชวลิต ชูกำแพง (2553) ได้อธิบายไว้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง เอกสาร ที่เป็นลายลักษณ์อักษรของครูผู้สอน ซึ่งเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละครั้ง โดยใช้สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง เนื้อหา เวลา เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนใหเป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ วิมลรัตน์ สุนทรวิโรจน์ (2553) ได้อธิบ ายไว้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้เป็น แผนการจัดกิจกรรมการเรียน การจัดการเรียนรู้ การใช้สื่อการจัดการเรียนรู้ การวัดผล ประเมินผลให้สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ได้ว่าแผนการจัดการเรียนรู้เป็นแผนที่จัดทำขึ้นจากคู่มือครู หรือแนวทางการจัดการเรียนรู้


14 ของกรมวิชาการ ทำให้ผู้จัดการเรียนรู้ทราบว่าจะจัดการเรียนรู้เนื้อหาใด เพื่อจุดประสงค์ใด จัดการเรียนรู้อย่างไร ใช้สื่ออะไร และวัดผลประเมินผลโดยวิธีใด อาภรณ์ ใจเที่ยง (2553) ได้อธิบายไว้ว่า แผนการสอนมีความหมายเช่นเดียวกัน กับแผนการจัดการเรียนรู้ กล่าวคือ เป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การใช้สื่อการเรียนรู้ และ การวัดผลประเมินผลที่สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ และจุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนด สรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แนวการจัดการเรียนการสอนของครู ภายใต้กรอบเนื้อหาสาระที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยกำหนดจุดประสงค์ วิธีการ ดำเนินการหรือกิจกรรมให้ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ สื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และวิธีวัดผล ประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้(แผนการจัดการเรียนรู้, 2561) 2.3.1 ความสำคัญของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการสอน หรือการวางแผนการจัดการเรียนรู้เป็นงานสำคัญของครูผู้สอน การสอนจะประสบผลสำเร็จด้วยดีหรือไม่มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการวางแผนการสอนเป็น สำคัญประการหนึ่ง ถ้าผู้สอนมีการวางแผนการสอนที่ดีก็เท่ากับบรรลุจุดมุ่งหมายปลายทางไป แล้วครึ่งหนึ่ง การวางแผนการสอนจึงมีความสำคัญหลายประการ ในการวางแผนการสอน จึง เป็นการเตรียมการสอนสำหรับการสอนล่วงหน้า ครอบคลุมภารกิจในชั้นเรียนที่ครูจะต้อง ดำเนินการเรียนการสอนในแต่ละครั้ง และนอกจากนั้นแล้วยังรวมไปถึงการวางแผนกิจกรรม การเรียนตลอดภาคเรียน และตลอดปีการศึกษาด้วยการเตรียมการสอนล่วงหน้าอย่างนี้จะเป็น ผลดีต่อผู้สอน สามารถจัดประสบการณ์ และกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอนสอดคล่องกับ ธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียน การวิเคราะห์ลำดับเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอน ตลอด การเตรียมสื่ออุปกรณ์ ตามที่ระบุไว้ในบทเรียนที่จะสอนในแต่ละชั่วโมง ผู้เรียนก็จะได้เรียนรู้ อย่างต่อเนื่องครบถ้วนตามหลักสูตรการศึกษาที่ตั้งไว้ การวางแผนการสอน หรือการวางแผน การจัดการเรียนรู้ดังกล่าว จะอำนวยประโยชน์ทั้งผู้สอนและผู้เรียน สุพิน บุญชูวงศ์ (2543) แผนการสอนหรือการวางแผนการจัดการเรียนรู้ดังนี้ 1. ทำให้ผู้สอนสอนด้วยความมั่นใจ เมื่อเกิดความมั่นใจในการสอนย่อม จะสอนด้วยความแคล่วคล่อง เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด เพราะเตรียมการ ทุกอย่างไว้พร้อมแล้วการสอนก็จะดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างสมบูรณ์ 2. ทำให้เป็นการสอนที่มีคุณค่าคุ้มกับเวลาที่ผ่านไป เพราะผู้สอนสอนอย่างมี แบบแผน มีเป้าหมาย และมีทิศทางในการสอน มิใช่สอนอย่างเลื่อนลอย ผู้เรียนก็จะได้รับความรู้ เกิดเจตคติความคิด เกิดทักษะ และเกิดประสบการณ์ใหม่ตามที่ผู้สอนวางแผนไว้ ท ำให้เป็น การเรียนการสอนที่มีคุณค่า


15 3. ทำให้เป็นการสอนที่ตรงตามหลักสูตร ทั้งนี้เพราะการวางแผนการสอน ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรทั้งด้านจุดประสงค์การสอน เนื้อกาสาระที่จะสอน การจัดกิจกรรม การเรียนการสอน การใช้สื่อการสอน และการวัดผลประเมินผล แล้วจัดท ำออกมาเป็นแผน การสอน เมื่อผู้สอนสอนตามแผนการสอนก็ย่อมทำให้เป็นการสอนที่ตรงตามจุดหมายและทิศทาง ของหลักสูตร 4. ทำให้การสอนบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าสอนไม่มีการวางแผน เนื่องจากในการวางแผนการสอนผู้สอนต้องวางแผนอย่างรอบคอบในทุกองค์ประกอบ ของ การสอนรวมทั้งการจัดเวลา สถานที่ และสิ่งอ านวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้เกิด การเรียนรู้ได้โดยสะดวกและง่ายดายขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการวางแผนการสอนที่รอบคอบและปฏิบัติ ตามแผน การสอนที่วางไว้ ผลของการสอนย่อมสำเร็จได้ดีกว่าการไม่ได้วางแผนการสอน 5. ทำให้ผู้สอนมีเอกสารเตือนความจำ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางใน การสอนต่อไปทำให้ไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นแนวทางในการทบทวนหรือการออกข้อทดสอบ เพื่อวัดผลประเมินผลผู้เรียนได้ นอกจากนี้ทำให้ผู้สอนมีเอกสารไว้ให้แนวทางแก่ผู้ที่เข้าสอนแทน ในกรณีจำเป็น เมื่อผู้สอนไม่สามารถเข้าสอนเองได้ ผู้เรียนจะได้รับความรู้และประสบการณ์ ที่ต่อเนื่องกัน 6. ทำให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน ทั้งนี้เพราะผู้สอน สอนด้วยความพร้อม เป็นความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจ และความพร้อมทางด้านวัตถุ ความพร้อม ทางด้านจิตใจ คือ มั่นใจในการสอน เพราะผู้สอนได้เตรียมการสอนมาอย่างรอบคอบ ส่วนความ พร้อมทางด้านวัตถุ คือ การที่ผู้สอนได้เตรียมเอกสารหรือสื่อการสอนไว้อย่างพร้อมเพรียง เมื่อ ผู้สอนเกิดความพร้อมในการสอนย่อมสอนด้วยความกระจ่างแจ้ง ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ อย่างชัดเจนในบทเรียน อันส่งผลให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน (ศุภลักษณ์ ทองจีน, 2558) 2.3.2 ลักษณะที่ดีของแผนการจัดการเรียนรู้ เธียร พานิช (2544) กล่าวถึงแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีว่า ควรประกอบด้วย กิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ให้โอกาสผู้เรียนค้นพบคำตอบหรือทำสำเร็จด้วยตนเอง เน้น กระบวนการ มุ่งให้ผู้เรียนรับรู้ด้วยตนเอง นำกระบวนการไปใช้จริง และส่งเสริมการใช้วัสดุ อุปกรณ์ที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น บูรชัย ศิริมหาสาคร (2555) ได้กล่าวว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีต้องมี ส่วนประกอบอย่างน้อย 3 ส่วน คือ จุดประสงค์การเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน (Objective) การเรียนการสอนที่จะทำให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้ (Learning) และ การวัดและประเมินผล เพื่อตรวจสอบว่า ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้หรือไม่


16 (Evaluation) ในส่วนของสื่อการสอนจะต้องสัมพันธ์กับจุดมุ่งหมายและเรื่องที่จะสอน เหมาะสม กับความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน เหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผู้เรียน เนื้อหาและ วิธีใช้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน น่าสนใจ และทันสมัย เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการใช้ และ สามารถนำมาใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนได้สะดวก ณัฐวุฒิ กิจรุ่งเรือง (2555) กล่าวว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีต้องมีลำดับ ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ โดยคำนึงถึงขั้นตอนการสอนตามธรรมชาติวิชา และจุดประสงค์ การเรียนรู้การกำหนดเนื้อหาต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์เหมาะสมกับวัยและความสามารถของ ผู้เรียน และเนื้อหาที่จะให้ผู้เรียนเรียนรู้ต้องเรียงตามลำดับ 2.3.3 ประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้ ถ้าครูได้ทำแผนการสอนและใช้แผนการสอนที่จัดทำขึ้น เพื่อนำไปใช้สอนใน คราวต่อไป แผนการสอนดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ดังนี้(สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษา แห่งชาติ. 2544) 1. ครูรู้วัตถุประสงค์ของการสอน 2. ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยความมั่นใจ 3. ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน 4. ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ 5. ถ้าครูประจำชั้นไม่ได้สอน ครูที่มาทำการสอนแทนสามารถสอนแทนได้ สำลี รักสุทธี (2544 : 101-102) ยังได้กล่าวถึงประโยชน์ของแผนการจัด การเรียนรู้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ช่วยให้เกิดกระบวนการจัดการสอนอย่างเป็นระบบรัดกุมทำ ให้เกิดความเคลื่อนไหวเป็นลำดับ ขั้นตอนจากหัวไปท้าย จากง่ายไปยาก เป็นรูป ธรรมชัดเจน มองเห็นความเคลื่อนไหวของกิจกรรมอย่างสอดคล้อง เป็นลูกโซ่สัมพันธ์กันตลอดเริ่มจนจบ นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมอย่างมีชีวิตชีวา มีความสุข สนุกสนานกับการเรียน และนักเรียนเป็นจุด ศูนย์กลางการเรียนรู้ ณัฐวุฒิ กิจรุ่งเรือง (2555) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของแผนการจัดการเรียนรู้ว่า ช่วยให้จัดการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียน สามารถเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ให้พร้อมก่อนทำการสอนจริง ทำให้ผู้สอนมีความ มั่นใจและเชื่อมั่นใน การจัดการเรียนรู้ ทำให้ผู้อื่นสอนแทนได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น เป็นหลักฐาน สำหรับการพิจารณาผลงานและคุณภาพในการปฏิบัติการสอน และเป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็น วิชาชีพของครูผู้สอน (แผนจัดการเรียนรู้เป็นลักษณะเฉพาะของวิชาชีพครู) จากที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า แผนการจัดการเรียนรู้ทำให้การดำเนินการ เรียนการสอนเป็นไปอย่างมีขั้นตอน เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องกันมีความชัดเจน ส่งผลให้


17 นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมอย่างมีความสุข สนุกกับการเรียน นักเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ทำ ให้ผู้สอนมีความพร้อมในเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ แหล่งเรียนรู้ ก่อนทำการสอนจริง ทำให้ผู้สอนเกิด ความมั่นใจและเชื่อมั่นในการจัดการเรียนรู้ อีกทั้งยังสามารถให้ผู้อื่นสอนแทนได้เมื่อมีเหตุจำเป็น 2.3.4 แผนการจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียน การสอนตามขั้นตอนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (สสวท.) ได้สรุปไว้ 5 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนซึ่ง อาจเกิดความสนใจ ความสงสัย จากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจ ใคร่รู้ นำไปสู่ประเด็นที่จะศึกษาค้นคว้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขั้นที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เป็นการทำความเข้าใจใน ประเด็นที่ศึกษา วิธีการศึกษาอาจเป็นการตรวจสอบ การทดลอง การปฏิบัติ การสืบค้นความรู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างพอเพียงในการที่จะใช้ในขั้นต่อไป ขั้นที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เป็นการนำข้อมูลข้อสนเทศที่ ได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนำเสนอในรูปของภาพวาด ตาราง แผนภูมิ การค้นพบในขั้น นี้อาจเป็นการสนับสนุนหรือโต้แย้งสมมติฐานก็ได้ ผลที่ได้สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการ เรียนรู้ได้ ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยง กับความรู้เดิม หรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม หรือนำข้อสรุปไปอธิบายสถานการณ์เหตุการณ์ ต่างๆ ทำให้เกิดความรู้ที่กว้างขึ้น ขั้นที่ 5 ประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวน การต่าง ๆ ว่ามีความรู้อะไรบ้าง รู้มากน้อยเพียงใดและนำไปประยุกต์ความรู้สู่เรื่องอื่น ๆ 2.4 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2.4.1 ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีผู้ใหความหมายไวหลายท่านดังนี้ พวงรัตน ทวีรัตน (2530) ใหความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวา หมายถึง ความรูความสามารถของบุคคล อันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน มวลประสบการณทั้งปวง ของบุคคลที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียน การสอนทำใหบุคคลเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางด้าน ต่าง ๆ


18 เกตุสุดา มนิระพงค (2537) ใหความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวา คือ ความสามารถของบุคคลที่จะเขาถึงความรูซึ่งเกิดจากการทำงานที่ประสานกัน และตองอาศัย ความพยายามอย่างมาก รวมทั้งองคประกอบที่เกี่ยวของกับสติปัญญา และองคประกอบที่ไม่ใช่ สติปัญญาแสดงออกมาในรูปของความสำเร็จซึ่งสามารถสังเกตและวัดได้ด้วยเครื่องมือทางจิตวิทยา หรือแบบทดสอบความสามารถทั่วไป กูด (Good : 1973) กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ หมายถึง การทำใหสำเร็จมี ประสิทธิภาพในด้านการกระทำในลักษณะที่กำหนดใหหรือในดานความรูสวนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน หมายถึง การเขาถึงความรูหรือการพัฒนาทักษะทางการเรียน โดยปกติก็จะพิจารณา จากคะแนนทดสอบที่กำหนดใหหรือคะแนนที่ได้จากงานที่ครูมอบหมายใหทำหรือทั้งสองอย่าง จากความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มีผู้กล่าวไว้ สามารถสรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์สัมฤทธิ์ทางการเรียนหมายถึง ความรู้ความสามารถของบุคคลที่ได้จากการสั่งสม ประสบการณ์ การศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองหรือได้จากครูผู้สอนในห้องเรียน สามารถแสดงออก ในรูปความสำเร็จซึ่งสามารถสังเกตและวัดได้โดยอาศัยเครื่องมือทางจิตวิทยาหรือแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั่วไป 2.4.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบที่มุ่งวัดพฤติกรรมและ ประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน หรือมุ่งสอบวัดความสามรถในการเรียนของผู้เรียนว่าเรียนมาแล้ว รู้เท่าไร รู้อะไรบ้าง ข้อสอบประเภทนี้จึงวัดคุณลักษณะด้านความรู้ ความคิด ในส่วนที่เป็นผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนใช้กันแพร่หลายที่สุด ข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก็คือ มุ่งตรวจสอบความสามารถ (Ability) ใน การเรียนของบุคคล ทั้งในส่วนของระดับความสามรถในการเรียน ความก้าวหน้า หรือการพัฒนาใน การเรียน ผลการเรียนที่เด่นหรือด้อย รวมถึงทักษะด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนว่ามีผลสัมฤทธิ์ มากน้อย เพียงใด หลังจากได้เรียนไปแล้ว แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมี 2 ประเภท (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2536) คือ 2.4.1 แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้น เป็นแบบทดสอบที่ครูเป็นผู้สร้างขึ้น ซึ่งจะเป็น ข้อคำถามที่ถามเกี่ยวกับความรู้ที่นักเรียนได้เรียนในห้องเรียน ว่านักเรียนมีความรู้มากเพียงใด บกพร่องที่ตรงไหนจะได้สอนซ่อมเสริม หรือวัดดูความพร้อมที่จะขึ้นในบทเรียนใหม่ 2.4.2 แบบทดสอบมาตรฐาน เป็นแบบทดสอบที่สร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละ สาขาวิชาหรือจากครู ที่สอนวิชานั้น แต่ผ่านการทดลองหาคุณภาพหลายครั้ง จนกระทั่งมีคุณภาพ ดีพอ จึงสร้างเป็นเกณฑ์ปกติ ของแบบทดสอบนั้น แบบทดสอบนี้นอกจากมีคุณภาพแล้ว ยังมี มาตรฐานในด้านการดำเนินการสอบ และยังมีมาตรฐานในด้านการแปลงคะแนนด้วย


19 2.5 สื่อการสอนแบบเกม 2.5.1 ความหมายของเกม ดอบสัน (Dobson. 1998) ได้ใหความหมายของเกมไววา เกม หมายถึง กิจกรรม ที่สนุกสนาน มีกฎเกณฑกติกา กิจกรรมที่เล่นมีทั้งเกมเงียบ (Passive Games) หรือเกมที่เล่นไม่ตอง เคลื่อนที่และเกมที่ใชความวองไว (Active Games) หรือเกมที่ตองเคลื่อนไหว เกมเหลานี้ขึ้นอยู่กับ ความวองไว ความแข็งแรง การเล่นเกมมีทั้งเล่นคนเดียว สองคน หรือเล่นเป็นกลุม บางเกม ก็กระตุนการทำงานของร่างกายและสมอง บางเกมก็ฝกทักษะบางสวนของร่างกายและจิตใจ วิมลรัตน คงภิรมยชื่น (2564) ได้ให้ความหมายของเกมประกอบการสอนไววา เกม หมายถึงกิจกรรมการเล่นที่ใหความสนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยฝึกทักษะใหนักเรียนเกิดความคิด รวบยอดในสิ่งที่เรียน อาจมีการแขงขันหรือไม่ก็ได้แต่จะตองมีกติกาการเล่นกำหนดไวและจะตองมี การประเมินผลความสำเร็จของผู้เล่นด้วย จากความหมายของเกมที่มีผู้กล่าวไว้ สามารถสรุปได้ว่าเกม หมายถึง กิจกรรม การเล่นที่มีกฎกติกา มีการเล่นที่หลากหลายรูปแบบ เป็นกิจกรรมการเล่นที่ให้ความสนุกสนาน แก่ผู้เล่น และยังเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยฝึกทักษะและเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ 2.5.2 ประเภทและลักษณะของเกมประกอบการสอน บำรุง โตรัตน์ (2540) ได้แบ่งเกมประกอบการสอนออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. เกมเคลื่อนไหว (Active Games) หมายถึง เกมที่นักเรียนหรือผู้เล่นต้อง เคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ห้องเรียนและบางครั้งนักเรียนต้องออกเสียงดัง 2. เกมเงียบ (Passive Games) หมายถึง เกมที่ผู้เล่น หรือนักเรียนเล่นโดยไม่ต้อง เคลื่อนที่เป็นเกมที่เล่นแล้วไม่ส่งเสียงดัง เกมที่ใช้ประกอบการสอนมีลักษณะดังนี้ (วรรณพร ศิลาขาว, 2539) 1. ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า 2. เล่นได้ง่ายแต่เป็นการส่งเสริมความเฉลียวฉลาด 3. สั้น และสามารถนำไปแทรกในบทเรียนได้ 4. ทำให้นักเรียนได้รับความสนุกสนาน แต่ครูก็ยังควบคุมชั้นเรียนได้ 5. ถ้ามีการเขียนตอบในตอนหลังก็ไม่ต้องเสียเวลาตรวจแก้ 2.5.3 เกมบันไดงู เกมบันไดงูเป็นเกมกระดานเพื่อการศึกษาคือส่วนผสมของความสนุกสนานกับ ความรู้และการพัฒนาทักษะของผู้เล่น (ผู้เรียน) มีการศึกษาถึงความสัมพันธ์ของความรู้และทักษะของ ผู้เล่นกับเกมกระดานดั้งเดิมต่าง ๆ โดยองค์ประกอบของเกมบันไดงูจะมีตัวเลขและการเดินไปที่ละ


20 ช่อง สร้างโอกาสในการเรียนรู้ของผู้เล่น ครูสามารถปรับเปลี่ยนกฎการเล่นและรูปแบบกระดาน และ สามารถปรับขนาดกระดาน จํานวนตัวเลข และเนื้อหาให้เหมาะสมกับวัย ในขณะที่องค์ประกอบของ การให้รางวัลของบันไดและการลงโทษของงูเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนําเสนอความรู้และใส่เรื่องราวเพื่อ ปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของผู้เล่นครูสามารถดัดแปลงและเพิ่มเติมช่องต่างๆ เช่น ช่องตอบ คําถาม ช่องที่ให้ความรู้ เพื่อบรรจุสาระวิชาการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การเรียนมากยิ่งขึ้น (Yuangngoen, W., 2021) 2.6 ความพึงพอใจ 2.6.1 ความหมายของความพึงพอใจ Good (1973) ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจที่มีต่อคุณภาพในการทำงาน ว่า หมายถึง คุณภาพหรือระดับความพึงพอใจของบุคคลที่เป็นผลมาจากความสนใจและทัศนคติของ บุคคลที่มีต่อคุณภาพ และสภาพงานบุคคลนั้น ๆ อุทัยพรรณ สุดใจ (2545) ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือทัศนคติของ บุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยอาจจะเป็นไปในเชิงประเมินค่าว่าความรู้สึกหรือทัศนคติต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั้นเป็นไปในทางบวกหรือทางลบ จากความคิดเห็นของนักวิชาการ ได้กล่าวถึงสิ่งที่สร้างความพึงพอใจสรุปได้ว่า ความพึงพอใจจะทำให้บุคคลเกิดความสบายใจ หรือสนองความต้องการทำให้เกิดความสุขเป็นผลดีต่อ การปฏิบัติงาน 2.6.2 การวัดความพึงพอใจ หทัยรัตน์ ประทุมสูตร (2542) กล่าวว่า การวัดความพึงพอใจ เป็นเรื่องที่ เปรียบเทียบได้กับความเข้าใจทั่ว ๆ ไป ซึ่งปกติจะวัดได้โดยการสอบถามจากบุคคลที่ต้องการจะถาม มีเครื่องมือที่ต้องการจะใช้ในการวิจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะมีการวัดอยู่หลายแนวทาง แต่การศึกษาความพึงพอใจอาจแยกตามแนวทางวัดได้สองแนวคิดตามความคิดเห็นของ ซาลีซนิคค์ คริสเทนส์ กล่าวคือ 1. วัดจากสภาพทั้งหมดของแต่ละบุคคล เช่น ที่ทำงาน ที่บ้าน และทุก ๆ อย่าง ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต การศึกษาตามแนวทางนี้จะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ แต่ทำให้เกิดความยุ่งยากกับการที่ จะวัด และเปรียบเทียบ 2. วัดได้โดยแยกออกเป็นองค์ประกอบ เช่น องค์ประกอบที่เกี่ยวกับงาน การนิเทศงานเกี่ยวกับนายจ้าง


21 2.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รงคเทพ ลิ้มมณีและศรีสมร พุ่มสะอาด (2563) ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการพูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เกมเพื่อการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยทักษะการพูด ภาษาอังกฤษหลังจากการใช้เกมโดยเทียบกับเกณฑ์ระดับผลการเรียนของโรงเรียนร้อยละ 50 เปรียบเทียบทักษะการพูดภาษาอังกฤษก่อนและหลังจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม และศึกษาความสนใจ ของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 41 คน ที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการ จัดการเรียนรู้ เรื่อง Sport’s Day และ Holiday ที่ใช้เกมบันไดงู และเกมเล่าเรื่องจากภาพ จำนวน 4 แผน 2) แบบทดสอบวัดทักษะการพูดภาษาอังกฤษ และ 3) แบบวัดความความสนใจของนักเรียนที่มี ต่อการใช้เกมเพื่อการเรียนรู้ทำการทดลองและเก็บข้อมูลโดยผู้วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิง พรรณนาและการทดสอบค่าที (t-test แบบ Dependent) ผลการวิจัยแสดงว่า 1) นักเรียนมีทักษะ การพูดภาษาอังกฤษหลังการใช้เกมเพื่อการเรียนรู้สูงกว่าเกณฑ์ของโรงเรียนจำนวน 33 คน และ ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 8 คน 2) ทักษะการพูดหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนมีความสนใจในการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเพื่อการเรียนรู้ ในภาพรวม อยู่ระดับมาก พิทยา โพธิ์ทอง (2549) การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจทางการ เรียน เรื่อง มาสร้างโลกสีเขียวกันเถอะ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 โดยการใชเกมและ เพลง ประกอบการสอนโดยใช้เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่อง มาสร้างโลกสีเขียวกันเถอะ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจที่มีตอการเรียนโดย การใช้เกมและเพลงประกอบการสอน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการทดสอบค่าสถิติ t – test แบบ dependent ผลการทดลองพบวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังจากที่ได้รับการสอนโดย การใชเกมและเพลงประกอบการสอเรื่อง มาสร้างโลกสีเขียวกันเถอะสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนมีความพึงพอใจทางการเรียนตอรูปแบบการสอนโดยการใชเกมและ เพลงประกอบการสอนอยูในระดับพึงพอใจมาก นพมณีเชื้อวัชรินทร์, พัชรินทร์ศรีพล และเชษฐ์ศิริสวัสด (2556) ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้ รูปแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD วิจัยครั้ง นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาเคมี หน่วยการเรียนรู้เรื่อง สารชีวโมเลกุล ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบ วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ 80/80 ศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมี หน่วยการเรียนรู้เรื่องสารชีวโมเลกุล ของนักเรียนก่อนเรียนและ


22 หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และศึกษาเจตคติต่อวิชาเคมีของนักเรียนหลังเรียน กลุ่มที่ศึกษา เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยางคำพิทยาคม ตำบล ห้วยยาง อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น จำนวน 31 คน ใช้เวลาในการทดลอง 19 ชั่วโมง เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบ วัดเจตคติต่อวิชาเคมี การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และการทดสอบค่าทีพบว่า 1) การสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาเคมี หน่วยการเรียนรู้เรื่อง สารชีวโมเลกุล ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รูปแบบ วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 89.39/83.87 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชาเคมี หน่วยการเรียนรู้เรื่อง สารชีวโมเลกุล ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ มีเจตคติต่อวิชาเคมีในภาพรวมระดับดี มิ่งมุก สุทธิกิตติพงศ์(2562) การพัฒนาความสามารถในการสร้างคำอธิบายทาง วิทยาศาสตร์ เรื่อง สมบัติของสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะเป็นฐาน (5E) เพื่อศึกษาความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรื่องสมบัติของ สาร และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ระหว่างก่อน เรียนและหลังเรียนเรื่องสมบัติของสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะเป็นฐาน (5E) รูปแบบการวิจัยเป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ ดำเนินเป็นวงจรต่อเนื่องกัน 4 วงจร ปฏิบัติการ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะเป็นฐาน (5E) เรื่องสมบัติ ของสารจำนวน 4 แผน แบบบันทึกการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อนุทินสะท้อนคิดของผู้เรียน และแบบ วัดความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรื่องสมบัติของสารที่มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.80 ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ t (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ก่อน เรียนอยู่ในระดับพอใช้ (13.02 คะแนน จาก 48 คะแนน) ภายหลังการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะเป็น ฐาน (5E) ทั้ง 4 แผนนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 59.08 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป จัดอยู่ในระดับดี (28.36 คะแนน จาก 48 คะแนน) โดยมีคะแนนเฉลี่ยของแต่ละองค์ประกอบในการสร้างคำอธิบาย ทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้ ข้อกล่าวอ้าง 14.28 คะแนน, หลักฐาน 8.98 คะแนน และการให้เหตุผล 5.10


23 คะแนน 2) นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูง กว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย 3.1 การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.1.1 ประชากรที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ ผู้เรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน สุรนารีวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 3.1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 39 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง 3.2 แบบการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (quasi experimental research) ในส่วนที่เกี่ยวข้อง การผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีพื้นฐาน และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหา ความรู้(5E) ซึ่งดำเนินการวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design (Fitz-Gibbon, 1987 : 113) ซึ่งมีรูปแบบการวิจัย ดังนี้ รูปที่ 3 - 1 แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pretest - Posttest Design สัญลักษณ์ที่ใช้ในแผนการทดลอง T1 หมายถึง การทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ T2 หมายถึง การทดสอบความรู้ความเข้าใจหลังการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ X หมายถึง การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและหาประสิทธิภาพ 3.3.1 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.3.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู เรื่อง สมบัติ ของธาตุหมู่หลัก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 แผน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 3.3.1.2 แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบหลังเรียนจำนวน 10 ข้อ T1 X T2


25 3.3.1.3 แบบประเมินความพึงพอใจ ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก และมากที่สุด จำนวน 15 ข้อ 3.3.2 ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.3.2.1 แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงู มีขั้นตอนการสร้างเครื่องมือดังนี้ 1) ศึกษาศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุงใหม่ 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหา มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 2) ดำเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกม บันไดงู โดยรูปแบบของแผนตามแบบฟอร์มที่โรงเรียนกำหนด จำนวน 1 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง 3) ตรวจสอบความถูกต้องแผนการจัดการเรียนรู้โดยครูพี่เลี้ยง 3.3.2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ ดังนี้ 1) ศึกษาการสร้างแบบทดสอบ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง จุดประสงค์ การเรียนรู้วิชาเคมีพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก 2) สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ประกอบด้วย 1 ตอน จำนวน 10 ข้อ 3) ตรวจสอบคุณภาพด้านความเที่ยวตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ตรวจเพื่อพิจารณาว่าข้อสอบมีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดหรือไม่ โดยใช้เกณฑ์กำหนดคะแนน ความคิดเห็นดังนี้ คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดได้สอดคล้องกับจุดประสงค์ คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดได้สอดคล้องกับจุดประสงค์ คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ นำผลการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญมาคำนวณแต่ละข้อ เพื่อหาดัชนี ความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ (IOC) คัดเลือกข้อที่มีค่าดัชนีความสอดคล้อง ได้มากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 พบว่า ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) มีค่าระหว่าง 0.67 - 1.00 4) นำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแล้ว ไปทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 10 คน แล้วนำแบบทดสอบมาตรวจโดยให้คะแนน 1 คะแนน สำหรับข้อ ที่ตอบถูก และให้ 0 สำหรับข้อที่ตอบผิดหรือไม่ตอบหรือตอบเกิน 1 คำตอบ


26 5) นำผลคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์ค่าความยากง่ายและอำนาจจำแนกของข้อสอบ แล้วคัดเลือกข้อที่มีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.20 – 0.80 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่ 0.20 ขึ้นไป คัดเลือกไว้ตอนละ 10 ข้อ พบว่า ค่าความยากง่าย (p) มีค่าระหว่าง 0.26 - 0.80 และค่าอำนาจ จำแนก (r) มีค่าระหว่าง 0.30 - 0.69 6) นำแบบทดสอบที่เลือกไว้ไปทดสอบกับนักเรียนจำนวน 39 คน เพื่อหาค่าความ เชื่อมั่นโดยใช้สูตร KR-20 ของคูเดอร์ - ริชาร์ดสัน ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.72 7) นำแบบทดสอบไปเก็บตัวอย่างกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย 3.3.2.3 แบบประเมินความพึงพอใจ มีขั้นตอนการสร้างเครื่องมือดังนี้ 1) ศึกษาและสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตรา ส่วนประมาณค่า 5 ระดับ คือ น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก และมากที่สุด 2) นำแบบประเมินไปเก็บตัวอย่างกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย 3.4 ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.4.1 ผู้วิจัยอธิบาย ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจ 3.4.2 ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) ของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 10 ข้อ 10 นาที 3.4.3 ผู้วิจัยดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 1 ห้องเรียน 39 คน ใช้เวลาการสอน ทั้งสิ้น 1 สัปดาห์ จำนวน 4 ชั่วโมง 3.4.4 เมื่อสิ้นสุดการจัดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก แล้วจึงให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ซึ่ง เป็นฉบับเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ 10 นาที ตรวจเป็นคะแนนสอบหลังเรียน 3.4.5 ให้นักเรียนทำแบบประเมินความพึงพอใจ 3.4.6 นำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์โดยหาค่าทางสถิติเพื่อสรุปผลการวิจัย 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 3.5.1 สถิติพื้นฐาน ได้แก่ 3.5.1.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 3.5.1.2 ค่าเฉลี่ย (Mean)


27 สามารถคำนวณได้จากสูตร N X X = X = ค่าเฉลี่ยของคะแนน X = ผลรวมของคะแนน N = จำนวน 3.5.1.3 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ( ) ( 1) S.D. 2 2 − − = N N N x x S.D. = ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (X - X) = ผลรวมของคะแนนลบด้วยคะแนนเฉลี่ย N = จำนวน 3.5.2 สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐานเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู วิเคราะห์ t-test dependent samples โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป 3.5.3 สถิติที่ใช้หาคุณภาพเครื่องมือ 3.5.3.1 ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) คำนวณค่าตามสูตร N R IOC = IOC = ดัชนีความสอดคล้องของเครื่องมือ R = ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ N = จำนวนของผู้เชี่ยวชาญ 3.5.3.2 หาค่าความยากง่าย (p) และค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก วิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ จากสูตร p= R N เมื่อ p แทน ค่าความยากง่าย R แทน จำนวนนักเรียนที่ทำข้อนั้นถูก N แทน จำนวนนักเรียนที่ทำข้อนั้นทั้งหมด


28 3.5.3.3 การหาค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความสามารถทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ขั้นสูง โดยใช้สูตร KR-20 ของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน คำนวณจากการตอบถูกหรือผิดจึง ใช้ได้เฉพาะข้อสอบที่ทีคะแนนเป็น 1 และ 0 เท่านั้น ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้คูเดอร์-ริชาร์ดสัน (KR-20) − − = 2 t S pq 1 n 1 n tt r r tt = สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น n = จำนวนข้อ = 2 t S คะแนนความแปรปรวนทั้งฉบับ p = สัดส่วนของคนทำถูกในแต่ละข้อ q = สัดส่วนของคนทำผิดในแต่ละข้อ = 1 - p 3.5.3.4 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน สูตร t-test สำหรับการทดลองกับนักเรียนกลุ่มเดียว มีการวัดก่อนและหลังการทดลอง ใช้สูตรดังนี้ พวงรัตน์ ทวีรัตน์ (2540 : 165) t = ∑ D √ N ∑ D2 − (∑ D) 2 N − 1 เมื่อ t แทน ค่าสถิติใน t-Distribution D แทน การนำเอาผลต่างของคะแนนครั้งหลังกับครั้งแรกของนักเรียน แต่ละคนบวกกัน N แทน จำนวนนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ทดลองใช้แบบฝึกหัดเสริมทักษะ 2 D แทน นำเอาผลต่างของคะแนนครั้งหลังกับครั้งแรกของนักเรียนแต่ละ คนยกกำลังสองแล้วมาบวกกัน 2 ( D ) แทน การนำเอาผลต่างของคะแนนครั้งแรกกับครั้งหลังของนักเรียนแต่ ละคนบวกกันยกกำลังสอง N-1 แทน ชั้นแห่งความอิสระ


29 3.5.3.5 เกณฑ์การประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์โดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและความ เบี่ยงเบนมาตรฐาน แปลผลโดยใช้เกณฑ์การประเมินแบบมาตราส่วน 5 ระดับ (ล้วน สายยศและ อังคณา สายยศ, 2543) โดยมีเกณฑ์แปลผลดังนี้ ค่าคะแนน ระดับความคิดเห็น 1.00 - 1.50 ความพึงพอใจระดับน้อยที่สุด 1.51 - 2.50 ความพึงพอใจระดับน้อย 2.51 - 3.50 ความพึงพอใจระดับปานกลาง 3.51 - 4.50 ความพึงพอใจระดับมาก 4.51 - 5.00 ความพึงพอใจระดับมากที่สุด


บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การทำวิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้การจัด การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน และเพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา ผู้วิจัยได้แบ่งผลการวิจัยออกเป็น 2 ตอน โดยเสนอ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นลำดับในลักษณะตารางประกอบคำบรรยายดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ด้วยเกมบันไดงูโดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียน สุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา 3. ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) โดยใช้เกมบันไดงู ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัดนครราชสีมา 4.1 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน การวิเคราะห์หาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 จำนวน 39 คน โดยการเปรียบเทียบจากคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ปรากฏผลทางสถิติเบื้องต้นดังแสดงในตารางที่ 4.1 หลังจากนั้นทำการวิเคราะห์เพื่อทดสอบสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยนำค่าเฉลี่ยของ คะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนไปทดสอบความแตกต่างโดยใช้ t-test dependent โดยใช้สมการทางสถิติ ได้ผลดังแสดงในตารางที่ 4.1


31 ตารางที่ 4.1 แสดงผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน หลังเรียน และหลังใช้ นวัตกรรม การทดสอบ N X̅ X̅(ร้อยละ) S.D. T ก่อนเรียน หลังเรียน หลังใช้นวัตกรรม 39 39 39 2.03 5.82 7.74 20.26 58.21 77.44 1.18 0.84 0.96 30.67 ** จากตารางที่ 4.1 แสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 จำนวน 39 คน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการทดลอง ทำแบบทดสอบก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 20.26 ทำแบบทดสอบหลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 58.21 และทำแบบทดสอบหลังใช้เกมการสอน ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 77.44 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียนและคะแนนหลัง ใช้เกมการสอน พบว่า ค่า t = 30.67 นั่นคือ นักเรียนมีคะแนนสอบหลังใช้เกมการสอนสูงกว่า คะแนนสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.2 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอน ผู้วิจัยแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมมาวิเคราะห์ผลพบว่าความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้(5E) เรื่องสมบัติของธาตุหมู่หลัก มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ พึงพอใจมากที่สุด (x̅= 4.51 และ S.D.= 0.47) ปรากฏดังตารางที่ 4.2


32 ตารางที่ 4.2 ผลความพึงพอใจของผู้เรียนที่เรียนเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ด้วยเกมบันไดงูโดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) รายการ X̅ S.D. แปลความหมาย 1. ด้านการสอนของครู 4.67 0.48 มากที่สุด 1.1 ความรอบรู้ ในเนื้อหาของครูผู้สอน 4.70 0.47 มากที่สุด 1.2 ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ 4.68 0.47 มากที่สุด 1.3 การใช้คำพูด น้ำเสียง ชัดเจน 4.70 0.46 มากที่สุด 1.4 อธิบายเนื้อหาให้เข้าใจง่าย 4.53 0.55 มากที่สุด 1.5 เปิดโอกาสหรือกระตุ้นให้นักเรียนคิด วิเคราะห์ และลองแก้ปัญหา 4.73 0.45 มากที่สุด 2. ด้านความรู้ความเข้าใจ (เฉพาะหลังเรียน) 4.53 0.50 มากที่สุด 2.1 ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ ก่อน การเรียนผ่านเกมการสอน 1.95 0.78 น้อย 2.2 ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้ หลัง การเรียนผ่านเกมการสอน 4.53 0.50 มากที่สุด 3. ด้านผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน 4.26 0.44 มาก 3.1 สามารถจดจำเนื้อหาได้เร็วขึ้น และนานขึ้น 4.15 0.36 มากที่สุด 3.2 สามารถสร้างความรู้ และความเข้าใจด้วยตนเองได้ 4.20 0.40 มาก 3.3 มีความมั่นใจ และคาดว่าจะสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ 4.43 0.50 มาก 3.4 คาดว่าสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่/ถ่ายทอดได้ 4.33 0.47 มาก 3.5 มีความพร้อมมากขึ้นก่อนที่จะสอบ 4.25 0.49 มาก 3.6 คาดว่าจะมีความสำเร็จมากขึ้นจากการสอบ 4.23 0.42 มาก 4. ด้านอื่น ๆ 4.60 0.47 มากที่สุด 5.1 ระยะเวลาในสอนมีความเหมาะสม 4.43 0.49 มาก 5.2 สื่อประกอบการสอนมีความเหมาะสม 4.75 0.44 มากที่สุด 5.3 ความต้องการของนักเรียนต่อเกมการสอนในเรื่องอื่น ๆ 4.63 0.49 มากที่สุด โดยภาพรวม 4.51 0.47 มาก


33 จากตารางที่ 4.2 พบว่า ความพึงพอใจทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ของ โรงเรียนสุรนารีวิทยา ที่ได้เรียนเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ด้วยเกมบันไดงูโดยการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ผลเฉลี่ยโดยภาพรวมความพึงพอใจของการจัดการเรียนการสอน อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านปรากฏผลดังนี้ 1. ด้านการสอนของครู พบว่า ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนการสอนด้วยเกมบันไดงู โดย การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ด้านการสอนของครูในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X̅= 4.67, S.D. = 0.48) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุด 2. ด้านความรู้ความเข้าใจ พบว่า นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้หลังการเรียนผ่าน ด้วย เกมบันไดงู โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) อยู่ในระดับมากที่สุด (X̅= 4.53, S.D. = 0.50) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3. ด้านผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียน พบว่า ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนการสอนด้วยเกมบันไดงู โดย การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ด้านผลที่เกิดขึ้นกับนักเรียนโดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (X̅= 4.26, S.D. = 0.44) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ ในระดับมาก 4. ด้านอื่นๆ พบว่า ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนการสอนด้วยเกมบันไดงู โดยการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ในด้านอื่น ๆ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (X̅= 4.60, S.D. = 0.47) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ทุกข้อนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้จากผลความพึงพอใจของผู้เรียนที่เรียนเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ด้วยเกมบันไดงูโดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียน สุรนารีวิทยา จำนวนทั้งสิ้น 39 คน ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅= 4.51, S.D = 0.47) ทั้งนี้ จากการประเมินนักเรียนมีความพึงพอใจในด้านการสอนของครูสูงสุด (X̅= 4.67, S.D. = 0.48) ซึ่งอยู่ ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือด้านอื่น ๆ (X̅= 4.60, S.D. = 0.47) ซึ่งอยู่ในระดับมากที่สุด เช่นเดียวกัน


34 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ งานวิจัยในครั้งนี้เรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงู เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสุรนารีวิทยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูและศึกษา ความพึงพอใจ ต่อการจัดการเรียนรู้แบบดังกล่าว 5.1 สรุปผลการวิจัย การวิจัยในครั้งนี้เรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงู สรุปผลได้ดังนี้ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลักที่จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา จังหวัด นครราชสีมา พบว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ที่จัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ยอยู่ใน ระดับพึงพอใจมากที่สุด (x̅= 4.51 และ S.D.= 0.47) 5.2 อภิปรายผล จากการศึกษาการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูสามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 5.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา ที่การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการใช้เกม บันไดงูหลังเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .05 สอดคล้องกับ


35 งานวิจัยของรงคเทพ ลิ้มมณีและศรีสมร พุ่มสะอาด (2563) ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการพูด ภาษาอังกฤษโดยใช้เกมเพื่อการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยทักษะการพูด ภาษาอังกฤษหลังจากการใช้เกมโดยเทียบกับเกณฑ์ระดับผลการเรียนของโรงเรียนร้อยละ 50 เปรียบเทียบทักษะการพูดภาษาอังกฤษก่อนและหลังจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมบันไดงูผลการวิจัยแสดง ว่า 1) นักเรียนมีทักษะการพูดภาษาอังกฤษหลังการใช้เกมเพื่อการเรียนรู้สูงกว่าเกณฑ์ของโรงเรียน จำนวน 33 คน และไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 8 คน 2) ทักษะการพูดหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 5.2.2 ความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการเรียนการสอน การศึกษาความพึงพอใจต่อการเรียน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลักที่จัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนสุรนารีวิทยา พบว่าความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงู มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (x̅= 4.51 และ S.D.= 0.47) เนื่องจากการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5E) ร่วมกับเกมบันไดงูสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้นักเรียนมีความสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อหน่าย และส่งเสริมให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ลงมือปฏิบัติค้นหาคำตอบ ด้วยตนเองมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดจนสามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองทำให้เข้าใจ ในเนื้อหามากขึ้น สอดคล้องกับพิทยา โพธิ์ทอง (2549) นักเรียนมีความพึงพอใจทางการเรียนตอรูปแบบ การสอนโดยการใชเกมและเพลงประกอบการสอนอยูในระดับพึงพอใจมาก 5.3 ข้อเสนอแนะ การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาเคมีพื้นฐาน เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุรนารีวิทยา มีข้อเสนอแนะดังนี้ 5.3.1 จากผลการวิจัย ได้ใช้กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 พบว่า การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) โดยใช้เกมบันไดงูในการเรียนการสอนสามารถพัฒนา ความรู้ความสามารถของผู้เรียนได้จริง ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น นอกจาก นี้ ควรจัดทำแบบฝึกที่มีสีสันมากขึ้นเพื่อเร้าความสนใจของผู้ด้วยการใช้ภาพที่มีสีสัน กระตุ้นให้เกิดความ สนใจที่จะเรียนรู้ 5.3.2 ควรมีการส่งเสริม และสนับสนุน ให้มีการผลิตสื่อ และพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษา ในรายวิชาอื่น ๆ และในทุกช่วงชั้น ซึ่งผู้วิจัยคาดว่าจะทำให้นักเรียนมีพัฒนาการทางการเรียนที่มากขึ้น และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น


36 5.3.3 ครูผู้สอนควรสรางบรรยากาศ การเรียนรูที่เหมาะสมและเปิดเวทีใหผู้เรียนได้แสดง ความสามารถของตนอย่างอิสระ และแลกเปลี่ยนความรูกับเพื่อนนักเรียนเอง


บรรณานุกรม เกตุสุดา มนิระพงศ์. (2537). แบบจำลองความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา คณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ไทย. เข้าถึงได้ จาก http://www.thaithesis.org/detail.php?id=31354 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์. (2556). คู่มือเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญคณะมนุษย์ศาสตร์และ สังคมศาสตร์[เอกสารไม่ได้ตีพิมพ์]. คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลัยราช ภัฏลำปาง ชนาธิป พรกุล. (2552). การออกแบบการสอน การบูรณาการการอ่าน การคิดวิเคราะห์และ การเขียน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชวลิต ชูกำแพง. (2553). การวิจัยหลักสูตรและการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 2 มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. วิมลรัตน์ สุนทรวิโรจน์. (2553). การออกแบบการเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์. (2546). การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. พิทยา โพธิ์ทอง. (2549). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจทางการเรียน เรื่อง มาสร้างโลกสีเขียวกันเถอะโดยใช้เกมและเพลงประกอบการสอน. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. รงคเทพ ลิ้มมณีและศรีสมร พุ่มสะอาด. (2563). การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้เกม เพื่อการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1. APHEIT JOURNAL, 26(2), 40-51. ล้วน สายยศและอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่3. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. เธียร พานิช. (2544). 4 MAT การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ ของผู้เรียน. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสดศรี - สฤษดิ์วงศ์. นพมณีเชื้อวัชรินทร์, พัชรินทร์ศรีพล และเชษฐ์ศิริสวัสด. (2556). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และเจตคติต่อวิชาเคมีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้รูปแบบวัฎ จักรการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ร่วมกับการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา. บูรชัย ศิริมหาสาคร. (2555). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ: บุ๊คพอยส์.


37 มิ่ง มุก สุทธิ กิตติ พงศ์. (2562). การพัฒนาความสามารถในการสร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สมบัติ ของสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะเป็น ฐาน (5E). (Doctoral dissertation, มหาวิทยาลัยรังสิต). ณัฐวุฒิ กิจรุ่งเรือง. (2555). ผู้เรียนเป็นสำคัญและการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ของครูมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: สถาพรบุ๊คส์. บำรุง โตรัตน์. (2540). วิธีสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร. แผนการจัดการเรียนรู้. (2561). บทที่ 7 แผนการจัดการเรียนรู้. http://aritbooks.nrru.ac.th/ uploadfiles/books/2-2018-08-30-08-45-01.pdf พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2530). การสร้างและพัฒนาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. วรรณพร ศิลาขาว. (2539). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์และความคงทนในการเรียนรู้คำศัพท์ ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกหัดที่มีเกมและไม่มีเกมประกอบการสอน. กรุงเทพฯ: บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิมลรัตน์ คงภิรมย์ชื่น. (2564). การศึกษาผลการใช้เกมคำศัพท์ประกอบการสอนที่มีต่อความคงทนใน การเรียนรู้คำศัพท์. เข้าถึงได้จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Tea_Eng_For_ Lan(M.A.)/Samnao_S.pdf ศุภลักษณ์ ทองจีน. (2558). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา การออกแบบและการจัดการเรียนรู้. https://portal5.udru.ac.th/ebook/pdf/upload/1808s5V0LZ97E3n58y3i.pdf สุพิน บุญชูวงศ์. (2543). หลักการสอน. กรุงเทพฯ: แสวงสุทธิการพิมพ์. สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2544). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. สำลี รักสุทธี. (2554). เทคนิคการจัดการเรียนการสอนและเขียนแผนการสอนโดยยึดผู้เรียน เป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ: พัฒนาการศึกษา. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนมุสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. อุทัยพรรณ สุดใจ. (2545). ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการที่มีต่อการให้บริการของอองค์การโทศัพท์ แห่งประเทศไทย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. อาภรณ์ ใจเที่ยง. (2553). หลักการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 5 กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ. (2552). กระบวนการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดสู่ ปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์


38 G.V. Good. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hil. J. Dobson. (1998, May - June). Try One of My Games. Forum, 8 (3) : 9-17. Yuangngoen, W. (2021). APPROACHING BOARD GAMES TO SCHOOLS. JOURNAL OF EDUCATION NARESUAN UNIVERSITY, 23(4), 448-463.


ภาคผนวก ก แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก รหัสวิชา ว30122 รายวิชาเคมีพื้นฐาน


40 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 รายวิชา เคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว30122 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่2 . เรื่อง สมบัติของธาตุ เวลา 15 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก เวลา 2 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวจิราวรรณ์ พลชา 1. สาระและผลการเรียนรู้ 1.1 สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของ สารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์รวมทั้งการนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 1.2 ผลการเรียนรู้ 5. วิเคราะห์ และบอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ 2. สาระสำคัญ ธาตุเรพรีเซนเททีฟในหมู่เดียวกันมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน และธาตุที่อยู่ในคาบเดียวกันมีเวเลนซ์ อิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักเดียวกันธาตุเรพรีเซนเททีฟมีสมบัติทางเคมีคล้ายคลึงกันตามหมู่ และ มีแนวโน้มสมบัติบางประการเป็นไปตามหมู่และตามคาบ เช่น ขนาดอะตอม รัศมีไอออนพลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตีสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ 1. บอกแนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ 1. วิเคราะห์แนวโน้มสมบัติของธาตุเรพรีเซนเททีฟตามหมู่และตามคาบเกี่ยวกับขนาดของอะตอม รัศมี ไอออน พลังงานไอออนไนเซซัน อิเล็กโทรเนกาติวิตี สัมพรรคภาพอิเล็กตรอนพร้อมทังอธิบายเหตุผลประกอบ ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นักเรียนมี 1. ซื่อสัตย์ สุจริต 2. อยู่อย่างพอเพียง 3. รักความเป็นไทย


41 4. คุณลักษณะอันพึงประสงค์8 ประการ 4.1 รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 4.2 ซื่อสัตย์สุจริต 4.3 มีวินัย 4.4 ใฝ่เรียนรู้ 4.5 อยู่อย่างพอเพียง 4.6 มุ่งมั่นในการทำงาน 4.7 รักความเป็นไทย 4.8 มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 6. สาระการเรียนรู้ 1. ขนาดอะตอม 2. รัศมีไอออนพลังงานไอออไนเซชัน 3. อิเล็กโทรเนกาติวิตี 4. สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน 7. กิจกรรมการเรียนรู้(เน้นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5E) 7.1 ขั้นนํา (20 นาที) 1) ขั้นสร้างความสนใจ (1) ครูแจ้งหัวข้อที่จะสอนให้นักเรียนทราบ เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก (2) ครูแจกแบบทดสอบก่อนเรียน และให้นักเรียนทำแบบทดสอบ เรื่อง สมบัติของธาตุหมู่หลัก เป็นข้อสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที (3) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยใช้คำถามกระตุ้น ดังนี้ - อิเล็กตรอนในแบบจำลองอะตอมของกลุ่มหมอกสามารถบอกขอบเขตที่แน่นอนได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่สามารถบอกขอบเขตที่แน่นอนได้ เพราะอิเล็กตรอนมีขนาดเล็กมาก และ เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา หรือตามแนวคิดของนักเรียน) - นักเรียนคิดว่าจะวัดขนาดอะตอมได้อย่างไร (แนวคำตอบ วัดจากรัศมีอะตอม เพราะว่าอะตอมโดยทั่วไปไม่สามารถอยู่เป็นอะตอมเดี่ยว ๆ ได้แต่จะมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอะตอมไว้ด้วยกัน นั้นคือรัศมีอะตอมจะเป็นครึ่งหนึ่งของระยะห่างระหว่าง นิวเคลียสของอะตอมที่มีแรงยึดเหนี่ยวกันหรืออยู่ชิดกัน หรือตามแนวคิดของนักเรียน


Click to View FlipBook Version