The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือมัคนายกน้อย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สพป.ขอนแก่น เขต 4, 2022-05-12 01:26:54

คู่มือมัคนายกน้อย

คู่มือมัคนายกน้อย

47

48

49

การต้ังโต๊ะหมู่บชู าหน้าศพ การจัดโตะ๏ หมูลํ ักษณะนไ้ี มมํ ีรปู แบบการจัดที่แนํนอน เพียงแตํจัดเพื่อประดับดอกไม๎
ให๎ดูสวยงาม สํวนการบูชาจะใช๎เคร่ืองทองน๎อยหรือกระถางธูป เชิงเทียนก็ได๎ตามแตํจะจัดหาได๎โดยสะดวกไมํเดือดร๎อน
หากเป็นศพท่ีอยูํในพระบรมราชานุเคราะห์หรือการจัดงานท่ีเป็นทางการ โดยเฉพาะอยํางยิ่งงานของพระสงฆ์นิยมต้ัง
เคร่ืองทองน๎อย ๒ ชุด สําหรับบูชาศพชุดหนึ่ง และสําหรับจุดแทนศพเพื่อบูชาธรรมอีกชุดหนึ่ง ใช๎โต๏ะหมํู ๒ ตัว สูงํตํา
ลดหล่ันกันลงมา ตัวสูงวางด๎านในใช๎วางเครื่องทองน๎อยสําหรับศพบูชาธรรม ตัวํตําอยํูด๎านนอก สําหรับเจ๎าภาพจุดเพื่อ
สักการะศพ การตั้งเคร่ืองทองน๎อยนั้นมีข๎อสังเกต คือ จะบูชาส่ิงใด ให๎หัน ดอกไม๎ไปทางน้ัน สํวนการจัดโต๏ะหมํูบูชาอัฐิ
รูปภาพ ปาู ยช่อื รปู หลอํ ในการทําบญุ อุทศิ ใหจ๎ ัดลกั ษณะเดยี วกัน

อน่ึง ในงานศพท่ัวไป ทีบ่ ูชามกั มี ๒ ประเภท คอื
๑. ทบ่ี ชู าสาธารณะ
๒. ทีบ่ ูชาในพธิ ีการ

ประเภทที่ ๑ สําหรับบุคคลท่ัวไปจุดบูชาศพ นิยมใช๎กระถางธูปขนาดใหญํ จุดบูชา ได๎ตลอดเวลา ปัจจุบันใน
สํวนกลางศาลาสวดอภิธรรมศพจะเป็นห๎องปรับอากาศ ดังน้ัน จึงไมํ อนุญาตให๎จุดธูปเทียนบูชาสาธารณะในศาลา
เพยี งแตเํ ขา๎ ไปสักการะหรอื กราบศพโดยไมํต๎อง จดุ ธูปเทยี น แตํถ๎าเจ๎าภาพตอ๎ งการให๎มจี ะจัดตั้งไว๎ภายนอกศาลา

ประเภทที่ ๒ ประธานพิธีหรือเจ๎าภาพจุดบูชาหรือสักการะศพ หลังจากประธานจุด เทียนบูชาพระธรรม เบื้อง
หนา๎ พระสงฆ์ พระอภิธรรม

50

การต้ังพดั ยศสมณศักดิแ์ ละพดั รอง
การจัดท่ีต้ังพัดยศสมณศักด์ิและพัดรอง ให๎ต้ังไว๎ถัดลงมาจากโต๏ะหมูํบูชา กํอนพระสงฆ์ เน่ืองจากพัดยศสมณ
ศักดเ์ิ ป็นการแสดงถึงฐานันดรของพระสงฆ์รูปนั้น ๆ ซ่ึงการต้ังพัดรองหรือ ตาลปัตรก็พึงต้ังในลักษณะเดียวกับการต้ังพัด
ยศสมณศกั ด์ิ เพื่อความเข๎าใจงํายขน้ึ ให๎พึงจําวํา พัดยศสมณศักด์หิ รือพัดรองให๎ต้ังถดั จากโต๏ะหมํูบชู า

การวงสายสิญจน์
การวงสายสญิ จน์ใหเ๎ วยี นขวาตามเขม็ นาฬกิ า ลงดา๎ นหลงั พระพุทธรปู แลว๎ ให๎วงที่ฐาน พระพุทธรูปหรือขอบโต๏ะ
หมูํตัวที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยเวียนขวา ๓ รอบ ให๎เหลือกลุํม สายสิญจน์สําหรับพระสงฆ์ถือใสํพานวางไว๎ด๎านข๎าง
ประธานสงฆ์ ควรวางพานรองสายสิญจน์ไว๎ท๎าย อาสน์สงฆ์ด๎วย สําหรับในงานพระราชพิธี พระราชกุศล หรืองานเสด็จ
พระราชดาํ เนนิ ใหว๎ งท่ี ขอบโต๏ะหมูตํ วั ท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปแล๎วผูกยึดที่หลักพัดยศสมณศักดิ์หรือพัดรอง เหลือกลุํม
สายสิญจนส์ ําหรบั พระสงฆถ์ อื ใสพํ านวางไว๎ด๎านขวาหรอื ด๎านซ๎ายมือประธานสงฆ์
การเดินสายโยงหรือแถบทอง
การเดินสายโยงหรือแถบทองหรือสายโยง เป็นสิ่งที่โยงมาจากศพ อัฐิ ภาพถําย ปูายอุทิศให๎เดินชิดฝาผนัง ถ๎า
เดนิ ผาํ นโต๏ะหมบํู ชู า ใหผ๎ าํ นดา๎ นหลงั โต๏ะหมูบํ ชู า และให๎เดินํตํากวํา พระพุทธรูป ควรระวังไมํให๎สายโยงหรือแถบทองนั้น
เกาะหรือเกี่ยวกับโต๏ะหมํูบูชา ควรเดินให๎ชิด ไปทางประธานสงฆ์แล๎วเชื่อมตํอที่พานภูษาโยง ซ่ึงตั้งอยํูด๎านข๎างประธาน
สงฆ์ ภษู าโยงนนั้ ศาสนพิธีกรควรวัดความยาว เมื่อลาดต้ังแตํต๎นอาสนสงฆ์ถึงพระสงฆ์รูปสุดท๎ายให๎พอดี ทําเคร่ืองหมาย
ไวว๎ ําจะยกภูษาโยงลงมาจากพานเพ่อื ต้ังไว๎ ณ เบือ้ งหนา๎ ประธานสงฆ์ใหพ๎ อดกี ับ การทอดผา๎ บังสกุ ุล
การต้งั ครอบหรือภาชนะทาน้าพระพทุ ธมนต์
ภาชนะใสนํ ้าํ สําหรบั ทําน้าํ พระพทุ ธมนต์ ปจั จบุ นั นิยมใช๎ครอบสําริดทองแดงหรือทองเหลือง หากไมํมีสามารถใช๎
บาตรหรอื ขันแทนได๎ ภายในใสํน้ําสะอาด และติดเทียนบริเวณฝาครอบ สําหรับประธานจุดเพ่ือถวายประธานสงฆ์ทํานํ้า
พระพุทธมนต์ไว๎ให๎เรียบร๎อย เมื่อประธานสงฆ์เข๎าน่ัง ประจําอาสนสงฆ์เรียบร๎อยแล๎ว จึงนําครอบน้ํามนต์หรือภาชนะใสํ

51

น้าํ วางไวเ๎ บ้อื งหน๎าประธานสงฆ์ สาํ หรบั เทยี นทาํ นา้ํ พระพทุ ธมนต์ ควรใช๎เทยี นขีผ้ ึง้ แท๎ นิยมใชเ๎ ทียนขนาดน้ําหนัก ๑ บาท
หรอื จะหยอํ นหรอื เกนิ บ๎างตามความเหมาะสม

การจดั เครื่องรบั รองพระสงฆ์
ตามประเพณีนิยมจะต๎องมีการจัดเคร่ืองรับรองพระสงฆ์ และแขกผู๎มารํวมงาน แตํในที่นี้ จะขอกลําวเฉพาะใน
สวํ นท่ีต๎องเตรียมเคร่ืองรับรองสําหรับพระสงฆ์ ซึ่งประกอบด๎วยเครื่องรับรองหลัก ดังนี้ นํ้าร๎อน นํ้าเย็น ภาชนะใสํน้ําดื่ม
ไว๎ถวายพระสงฆ์ ส่ิงท่ีขาดไมํได๎อีกอยํางหน่ึง คือ กระโถน ซ่ึงถือเป็นส่ิงจําเป็น เน่ืองจากพระสงฆ์เมื่อน่ังในพิธีกรรม ไมํ
สามารถลุกเพ่ือจะนําส่ิง ท่ีไมํใช๎แล๎วไปท้ิงท่ีอื่นได๎ สําหรับการจัดต้ังเครื่องรับรองพระสงฆ์น้ัน ให๎ตั้งกระโถน นํ้าร๎อน น้ํา
เย็น โดยตั้งกระโถนเป็นหลักไว๎ด๎านใน ระวังอยําใหํ๎ล๎าไปด๎านหลังหรือออกมาด๎านนอกมากนัก ให๎พระสงฆ์ หยิบใช๎ได๎
สะดวก และควรตั้งให๎เป็นแนวตรงกันท้ังด๎านขวาง ด๎านยาว เม่ือพระสงฆ์เข๎านั่งท่ีประจํา ยังอาสนสงฆ์เรียบร๎อยแล๎ว ให๎
ประเคนนาํ้ รอ๎ น น้าํ เยน็ ให๎เรียบร๎อย

เคร่อื งไทยธรรมสาหรบั ถวายพระสงฆ์
เม่ือพระสงฆ์ได๎ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเรียบร๎อยแล๎ว เจ๎าภาพมักจะมีการถวาย เครื่องไทยธรรมแดํ
พระสงฆ์ ดังน้ัน ควรจัดเตรียมเคร่ืองไทยธรรมไว๎ด๎านท๎ายอาสน์สงฆ์ เม่ือ พระสงฆ์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และฉัน
ภัตตาหารเสร็จเรียบร๎อยแล๎ว ให๎นําเคร่ืองไทยธรรม มาวางไว๎เบื้องหน๎าพระสงฆ์ในพิธีทุกรูป แล๎วเชิญประธานหรือ
เจ๎าภาพประเคนพระสงฆ์

ภาชนะสาหรับกรวดน้า
การกรวดนํ้าเป็นการอทุ ศิ แผํสํวนบุญกุศลทต่ี นได๎บาํ เพญ็ สงํ ไปใหแ๎ กํบุรพชนตลอดจน สรรพสตั ว์ทั้งปวง เป็นการ
อธิษฐานใจในส่ิงท่ีประสงค์ให๎สําเร็จตามความปรารถนา ผ๎ูเป็นศาสนพิธีกร จะต๎องตรวจสอบภาชนะใสํนํ้ากรวดให๎
เรยี บรอ๎ ย แลว๎ จดั ตง้ั ไว๎ท๎ายอาสน์สงฆ์เชนํ เดียวกับ เครอื่ งไทยธรรม

เชงิ เทยี นและเทียนชนวน
เปน็ อุปกรณท์ ีอ่ าํ นวยความสะดวกให๎แกํผู๎เป็นประธานในพิธี หรือเจ๎าภาพ ในการจุดธูป เทียนบูชาพระรัตนตรัย
ผู๎เป็นศาสนพิธีกรจะต๎องจัดเตรียมให๎เรียบร๎อย ดูการติดเทียนกับเชิงเทียน ให๎แนํน เพราะอาจหลุดจากเชิงเทียนได๎
จัดเตรียมไว๎ท๎ายอาสน์สงฆ์ เม่ือถึงเวลางานศาสนพิธีกร จะได๎จุดแล๎วนําไปมอบให๎ประธานหรือเจ๎าภาพจุดธูปเทียนบูชา
พระรัตนตรัย
การทาเช้ือชนวนธปู เทียน
การทาเช้ือชนวนธูป เทียน เพื่อต๎องการให๎ส่ิงที่จุดบูชานั้นติดไฟงําย ดังน้ัน เม่ือประธาน จะจุดบูชาสิ่งใด ศาสน
พิธีกรควรเตรียมทาเชื้อชนวนธูป เทียน หรือสิ่งท่ีจะจุดให๎เรียบร๎อยกํอนถึง เวลาพิธีตามกําหนดการประมาณไมํเกิน ๑
ช่ัวโมง หากเตรียมไวน๎ านเกินไปจะทําให๎จดุ ตดิ ช๎า

วธิ ีทาเชื้อชนวน
๑) เตรยี มขวดแก๎ว ฝาโลหะขนาดพอสมควร ล๎างเชด็ ให๎แห๎ง และสะอาด
๒) นาํ เศษเทยี นขีผ้ ึ้งแท๎ทเ่ี หลือจากใช๎ในพิธตี าํ ง ๆ แลว๎ ตัดเปน็ ช้นิ เลก็ ๆ ใสไํ วใ๎ นขวด
๓) นาํ นํ้ามนั เบนซนิ ใสํลงไปในขวดให๎ทํวมเทยี น ปดิ ฝาทิ้งไว๎ประมาณ ๑ คืน
๔) คนใหเ๎ ทียนกับนาํ้ มนั ผสมเปน็ เนอ้ื เดยี วกนั ไมคํ วรให๎เหลวหรอื ข๎นเกินไป

52

๕) ปิดฝาเกบ็ ไว๎ เม่ือตอ๎ งการนาํ มาใช๎ ใหน๎ ําปลายรปู ชบุ ลงไปในขวดเช้ือชนวน หลังจากนั้น พันด๎วยสําลี และชุบ
ลงไปในขวดเชอื้ อกี ๑ ครั้ง นาํ มาแตงํ ใหส๎ วยงาม และทาตรงบรเิ วณไส๎เทียน ที่ประธานจะจุดให๎เรียบร๎อย ถ๎าหากเช้ือแห๎ง
หรือเชือ้ มลี กั ษณะแขง็ ให๎เติมนาํ้ มนั เบนซินลงไป หรอื นําขวดเชอื้ ชนวนไปวางไวท๎ ่ีที่มีอากาศรอ๎ น

การจดั เตรยี มเวลาในพธิ กี าร
งานท่ีเป็นทางการ ควรมีการกําหนดรปู แบบท่ีชดั เจน เพื่อให๎มกี ารปฏบิ ัติงานอยํางตํอเน่ือง มีการกําหนดเวลาใน
แตํละขนั้ ตอนของงานท่แี นํนอน ดังน้ัน เร่อื งเวลาถือเป็นสิ่งสําคัญ ศาสนพิธีกร จะต๎องจัดลําดับเวลาของพิธีการน้ัน ๆ ให๎
เหมาะสม ไมํเกิดการสะดุดหรือรอคอยเวลาอันเป็น การแสดงให๎เห็นความบกพรํองของผ๎ูดําเนินการ เพราะบางพิธีเป็น
เวลาบังคับ เชํน เวลาฤกษ์ เวลาพระสงฆ์ฉันภัตตาหาร เป็นต๎น ซ่ึงผ๎ูดําเนินการหรือศาสนพิธีกรควรคํานึงถึงเวลาแตํละ
ขั้นตอน วําต๎องใช๎เวลาเทําไหรํ ดังน้ัน จึงควรจัดสรรเวลาให๎เหมาะสม เพื่อความสะดวกในการกําหนด เวลาเร่ิมต๎นและ
เวลาสิน้ สุดของพธิ ี ดงั น้ี
๑) เวลาเร่ิมต๎นพิธี ต้ังแตํเวลาผร๎ู ํวมพิธีพร๎อมกนั
๒) เวลาทป่ี ระธานเดินทางมาถงึ จดุ ธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรยั และเรม่ิ เขา๎ สํูพิธีการ
๓) เวลาพระสงฆเ์ จริญพระพุทธมนต์ สวดพระพทุ ธมนต์ หรือแสดงพระธรรมเทศนา
๔) เวลาของพธิ ี ที่มีฤกษเ์ ร่มิ ต๎น และสนิ้ สุดแหํงฤกษ์ เชํน พิธวี างศลิ าฤกษ์ เปดิ อาคาร
๕) เวลาทีพ่ ระสงฆ์ฉันภตั ตาหาร
๖) เวลาสน้ิ สุดของงาน
การเตรียมเวลาน้ี เม่ือคํานวณและกําหนดเวลาแล๎ว ให๎ระบุไว๎ในกําหนดการ และ ผู๎ดําเนินการควรมีความร๎ูใน
เร่อื งพิธแี ตลํ ะขน้ั ตอนด๎วย เพื่อนาํ มาปรับใหย๎ ืดหยนุํ ได๎ตามความ เหมาะสม ท้ังนเี้ พอื่ ให๎การปฏบิ ตั ิพธิ เี ป็นไปอยํางตํอเนื่อง
เรียบร๎อย และสวยงาม

การปฏิบัติงานศาสนพธิ ี

เมื่อถึงเวลาจะเร่ิมปฏิบัติพิธี ศาสนพิธีกรควรแบํงหน๎าท่ีปฏิบัติงานของแตํละคน ให๎เรียบร๎อย ใครมีหน๎าที่ทํา
อะไร ผ๎ทู ่ไี ด๎รบั มอบหนา๎ ที่จะตอ๎ งรบั ผดิ ชอบหน๎าที่ให๎เรียบร๎อยจนกวํา จะเสร็จพิธี ถ๎าหากมีปัญหาหรือมีเหตุที่ไมํสามารถ
ปฏบิ ตั ิหนา๎ ท่ที ่ีได๎รับมอบได๎ จะต๎องแจง๎ ให๎ ผ๎ูรวํ มปฏบิ ตั ทิ ราบ หรอื มอบให๎ผอ๎ู ่นื ปฏบิ ตั แิ ทน เชนํ การเชิญเทยี นชนวน

การเชิญพัดรองถวายพระสงฆ์ การจุดธูปเทียนบูชา การอาราธนาศีล การอาราธนา พระปริตร และการ
อาราธนาธรรม เป็นต๎น การเชิญเทียนชนวน เทียนชนวน คือ อุปกรณ์อํานวย ความสะดวกสําหรับประธานพิธีใช๎ในการ
จดุ ธปู เทยี นบูชาพระรัตนตรัย หรอื จดุ ในกรณีอน่ื ๆ ศาสนพิธีกรผป๎ู ฏบิ ตั ิหน๎าทเ่ี ชญิ เทียนชนวนควรปฏิบัติ ดังน้ี

๑) ถือเชงิ เทยี นชนวนดว๎ ยมือขวา ใช๎ฝุามือรองรับใตฐ๎ านเชงิ เทียนชนวน ใชน๎ ้ิวหัวแมํมือ จับด๎านบนฐานเชิงเทียน
ชนวน มอื ซ๎ายถอื ไฟแช็กพรอ๎ มจุด ยนื รออยทูํ า๎ ยอาสน์สงฆ์

๒) เริ่มพิธี ศาสนพธิ กี รจุดเทียนชนวนท่ีบริเวณทา๎ ยสงฆ์ แล๎วเดนิ เข๎าไปพอประมาณ เพื่อใหผ๎ เ๎ู ป็นประธานเหน็
๓) แสดงความเคารพประธานพิธี (โค๎งคํานับ) เม่อื ประธานพิธลี กุ
เดินไปที่หน๎าโต๏ะหมํูบูชา หรือที่ซึ่งต๎องจุดธูปเทียน ศาสนพิธีกรจึงเดินไปถึงที่ประธานจะจุด สํงเทียนชนวนทางด๎าน
ขวามือ ของประธานพิธี (ถ๎าสถานที่บังคับก็สามารถสํงทางด๎านซ๎ายมือของประธานพิธีได๎ ไมํจําเป็นต๎อง แทรกตัวเข๎าไป
เพ่ือสํงทางด๎านขวามือของประธานพิธี) โดยนั่งคุกเขําสํงเทียนชนวนให๎ประธานพิธี แล๎ววางมือให๎เรียบร๎อย ไมํต๎อง
ประนมมอื แตํให๎เตรียมพร๎อมทีจ่ ะรับเทียนชนวนคืนหลังจาก ประธานพธิ จี ดุ เรยี บรอ๎ ยแลว๎

53

ในกรณที ี่ประธานพธิ เี ขา๎ มายงั บรเิ วณพธิ ีและเดนิ เขา๎ ไปยังโต๏ะหมูํบูชาหรือสถานที่ จุดบูชาสักการะทีเดียว ศาสน
พิธกี รพงึ จุดเทียนชนวนแลว๎ เชญิ ตามประธานเยือ้ งไปทางขวามือ ประธาน เมื่อถึงสถานท่ีจุด ให๎ศาสนพิธีกรน่ังคุกเขําแล๎ว
สงํ เทียนชนวนใหป๎ ระธานพิธีทางดา๎ นขวามอื ของประธาน

๔) เมื่อประธานพิธีจุดธูปเทียนเสร็จเรียบร๎อยแล๎ว สํงเทียนชนวนคืน ศาสนพิธีกรพึงรับ เทียนชนวนคืนด๎วยมือ
ขวา โดยการหงายฝุามอื ขวารองรับใต๎ฐานเทยี นชนวน แล๎วใช๎หัวแมํมือจับ ด๎านบน ถอยออกมาได๎ระยะพอสมควร แสดง
ความเคารพประธาน แลว๎ เดินถอยออกไปทางท๎าย อาสนส์ งฆ์ทนั ที

๕) เมือ่ ถงึ บรเิ วณท๎ายอาสนส์ งฆ์จึงดับเทียนชนวน ไมํควรใช๎วิธีเปุาหรือใช๎มือโบกหรือ สะบัดเพ่ือดับเทียน แตํให๎
ใช๎วธิ ีหาวสั ดุ เชํน ใบไม๎ หรือวสั ดอุ นื่ โดยวธิ จี บั หรอื รดู ไสเ๎ ทียนใหด๎ ับ

อนึ่ง สําหรับการสํงเทียนชนวนให๎ประธานจุดเทียนนํ้ามนต์ก็พึงกระทําในลักษณะ เดียวกัน ตํางกันแตํเพียงวํา
เมื่อประธานพธิ จี ดุ เทียนทําน้ําพระพุทธมนต์เสร็จเรียบร๎อยแล๎ว ศาสนพิธีกรจึงเรียนให๎ประธานพิธีประเคนภาชนะทํานํ้า
พระพุทธมนต์ด๎วย และเม่ือถอยออกมา แล๎วต๎องรอดูจนกวําพระสงฆ์จะทําน้ําพระพุทธมนต์เสร็จ แตํถ๎าหากเทียนทํานํ้า
พระพุทธมนต์ ดับกํอนท่ีพระสงฆ์จะทํานํ้าพระพุทธมนต์เสร็จ ศาสนพิธีกรพึ่งจุดเทียนชนวนเข๎าไปจุดเทียน น้ําพระพุทธ
มนตเ์ อง โดยไมตํ ๎องเชิญประธานพิธีเข๎าไปจุดอกี

การเชิญพัดรองถวายพระสงฆ์ ในงานพิธีบางพิธีมีการจัดทําพัดรองหรือตาลปัตร ท่ีระลึกถวายแดํพระสงฆ์
นิยมจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยกํอน แล๎วเชิญประธานพิธีถวายพัดรอง ด๎วยเหตุผลวํา การท่ีจะกระทําพิธีกรรมทาง
พระพุทธศาสนาควรบูชาพระรัตนตรัยกํอนการถวาย สิ่งหน่ึงส่ิงใด ดังน้ัน ศาสนพิธีกรควรจัดเตรียมพัดรองเพื่อถวาย
พระสงฆ์ โดยการจัดเรียงพัดรอง วางบนตะลุํมหรือพานหรือโตก โดยให๎ใบพัดแยกกัน ด๎ามพัดทับสลับกันไป เวลาจะ
ถวายให๎ใช๎ ศาสนพธิ ีกร ๒ คน คนหน่งึ เชิญพดั รองเลํมหน่ึงเข๎าไปทาํ ความเคารพประธานพิธี โดยการโค๎งคํานับ) เพื่อเข๎า
ไปถวายพดั รองแดพํ ระสงฆ์ และอกี คนหนงึ่ เชิญตะลมุํ หรือพานพดั รอง เดนิ ตามผู๎เชญิ พดั รองเพื่อให๎ผ๎ูเชิญพัดรองหยิบพัด
รองสํงให๎ประธานพิธีถวายพระสงฆ์ที่ละด๎ามตามลําดับ ต้ังแตํประธานสงฆ์จนถึงพระสงฆ์รูปสุดท๎าย เม่ือสํงพัดรองให๎
ประธานถวายพระสงฆ์ครบแลว๎ ใหท๎ าํ ความเคารพประธานพธิ พี รอ๎ มกันแล๎วถอยออกไป

54

การอาราธนาศีล อาราธนาพระปริตร และอาราธนาธรรม การอาราธนา คือ การนิมนต์ให๎พระสงฆ์ประกอบ
พิธีตําง ๆ ในพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เชํน ให๎ศีล เจริญพระพุทธมนต์ หรือสวดพระพุทธมนต์ หรือแสดงพระธรรม
เทศนา ในการอาราธนาแตํละ พิธีกรรม ศาสนพิธีกรผู๎ทําหน๎าท่ีอาราธนาจะต๎องศึกษาและมีความร๎ูในแตํละพิธีวํา ลําดับ
หรือขนั้ ตอนไหน อาราธนาใหพ๎ ระสงฆท์ ําอะไร ตามวัตถุประสงค์ของการบําเพ็ญกุศลของพิธีนัน้ ๆ

๑) งานพิธีท่ีไมํมีการเจริญพระพุทธมนต์หรือสวดพระพุทธมนต์ มีแตํเพียงการเจริญ ชัยมงคลคาถา หรือการ
ถวายทานตําง ๆ เม่ือประธานพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและกลับไป น่ังท่ีน่ังเรียบร๎อยแล๎ว จึงเดินเข๎าไปประมาณ
พระสงฆ์รูปที่ ๕ หรือ ๖ จากท๎ายสงฆ์ ยืนตรง หันหน๎าไปทางประธาน ทําความเคารพ (ถ๎าประธานเป็นพระสงฆ์ พึง
ประนมมือไหว๎ ประธาน เปน็ ฆราวาส พ่ึงโค๎งคํานับ) แล๎วหันหน๎าไปทางประธานสงฆ์ในพิธีโดยยืนอยูํที่เดิม น๎อมไหว๎แล๎ว
ยืนตัวตรง ประนมมือระหวํางอก กลําวคําอาราธนาศีล ไมํควรเสียงดังหรือเบาเกินไป เมื่อกลําวคํา อาราธนาจบแล๎ว ให๎
ยืนรอรับศลี เม่อื ประธานสงฆใ์ นพธิ ีใหศ๎ ีล พึงรับศีลโดยวาํ ตามไปทลี ะขอ๎ ๆ ตามลาํ ดบั จนถงึ
ข๎อสุดท๎าย จากน้ันประนมมือฟังประธานสงฆ์สรุปท๎ายศีลเรียบร๎อยแล๎ว จึงน๎อมไหว๎ จากนั้นหันไปทําความเคารพ
ประธานพิธีแล๎วถอยออกไปทางท๎ายอาสน์สงฆ์ สําหรับงานพิธีหลวง หรืองานพิธีท่ีเสด็จพระราชดําเนินในสถานที่ตําง ๆ
เมอื่ อาราธนาแลว๎ ไมํต๎องเปลงํ เสียงรับศลี ตามประธานสงฆ์ พึงยืนสงบโดยรับศีลในใจ จนประธานสงฆ์ถวายศีลจบ จึงหัน
ไปทําความเคารพ องค์ประธานพิธี แล๎วถอยออกไปทางท๎ายอาสน์สงฆ์ เพ่ือเตรียมพร๎อมในการปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข๎อง
ตอํ ไป

๒) งานพิธีท่ีมีการเจริญหรือสวดพระพุทธมนต์อยํางเดียว ศาสนพิธีกรจะต๎องอาราธนาศีล และอาราธนาพระ
ปริตร การอาราธนาศีลและอาราธนาพระปริตพึงปฏิบัติเหมือนข๎อ ๑ คือ เมื่อ ทําความเคารพประธานพิธีแล๎ว หันไป
ประนมมือน๎อมไหว๎ประธานสงฆ์ในพิธี กลําวคําอาราธนาศีล ประธานสงฆ์กลําวสรุปศีลจบ ศาสนพิธีกรน๎อมไหว๎ แล๎ว
กลําวคําอาราธนาพระปริตร เมื่อกลําวคํา อาราธนาพระปริตรจบ น๎อมไหว๎ไปทางประธานสงฆ์ในพิธี หันไปทําความ
เคารพประธานพธิ ี แล๎ว ถอยออกไปทางทา๎ ยอาสน์สงฆ์ และคอยปฏบิ ตั ิงานในข้นั ตอนตอํ ไป

๓) งานพิธที ีม่ ีการเจรญิ พระพุทธมนตห์ รอื สวดพระพุทธมนต์ ทีม่ กี ารแสดงพระธรรม เทศนารวมอยํูในพิธีนั้นและ
ตํอเน่ืองกัน ศาสนพิธีกรพึงปฏิบัติโดยอาราธนาพระปริตรให๎พระสงฆ์ สวดพระพุทธมนต์หรือเจริญพระพุทธมนต์กํอน
เมอื่ พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์หรอื เจริญพระพุทธมนต์ จบแลว๎ กํอนเร่ิมพิธีแสดงพระธรรมเทศนา ประธานจุดเทียนสํอง
ธรรม และเครอ่ื งทองน๎อย บูชาธรรม ศาสนพธิ ีกรจึงนมิ นตพ์ ระสงฆข์ น้ึ นั่งยังธรรมาสน์เทศน์แล๎ว ศาสนพิธีกรจึงอาราธนา
ศลี และอาราธนาธรรม ตามลําดับ

เม่ือพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาจบ ศาสนพิธีกรจึงเข๎าไปรับพัดรองและคัมภีร์เทศน์ ออกมาทางท๎าย
อาสนส์ งฆ์ และควรจดั ผู๎ชวํ ยศาสนพธิ ีกรเข๎าไปดแู ลพระสงฆ์ลงจากธรรมมาสนด์ ๎วย

อนึ่ง ถ๎าพิธีแสดงพระธรรมเทศนาจัดกํอนพิธีเจริญหรือสวดพระพุทธมนต์ ศาสนพิธีกร พึงอาราธนาศีล รับศีล
จบแล๎ว จึงอาราธนาธรรม ตามลําดับ และต๎องเผดียงพระสงฆ์องค์แสดง พระธรรมเทศนาให๎ทราบวํา ในกรณีน้ี ให๎
อนโุ มทนา (ยถา วาริ วาหา....) บนธรรมาสน์ ดงั นัน้ ศาสนพิธีกรจงึ ตอ๎ งเชิญท่กี รวดนาํ้ ไปใหป๎ ระธานในชวํ งนี้ และเมื่อถึง
เวลาพระสงฆเ์ จริญ พระพุทธมนตห์ รือสวดพระพทุ ธมนต์ จึงอาราธนาพระปริตรตํอไป โดยไมํตอ๎ งอาราธนาศลี อกี

๔) งานพิธีที่มีการแสดงพระธรรมเทศนาอยํางเดียว หรืองานมีหลายพิธี แตํจัดคนละ เวลา จึงถือวําเป็นคนละ
งาน คนละตอน การอาราธนาหรอื การจดุ ธปู เทยี นบูชา พงึ กระทําโดยแยก ปฏิบัติเป็นคนละตอน

การอาราธนาในพิธีแสดงพระธรรมเทศนา มีข๎อปลีกยํอยอีก คือ งานใดท่ีประธานพิธีก็ดี ศพก็ดี อัฐิก็ดี หรือผู๎
ลํวงลับ ที่เป็นพระสงฆ์ เมื่อศาสนพิธีกรอาราธนาศีล และรับศีลจบแล๎ว รอให๎ ประธานและ/หรือเจ๎าภาพจุดเครื่องทอง
นอ๎ ยบูชาธรรม และประธานหรือเจา๎ ภาพจุดเคร่อื งทองน๎อย หน๎าศพ หรืออฐั ิ เพื่อบูชาธรรมแทนอัฐิหรือผ๎ูที่ลํวงลับไปแล๎ว
กํอน จงึ อาราธนาธรรมตอํ ไป

55

การอาราธนาศลี ในงานพิธที ก่ี ราบบงั คมทลู อญั เชิญพระมหากษตั ริย์ หรือผู๎แทนพระองค์เสดจ็ ฯ เปน็ องคป์ ระธานในพธิ ี

การจัดเตรยี มอาหารและจตุปัจจยั เครื่องไทยธรรม ในงานพธิ ที ี่นิมนต์พระสงฆ์มาเจรญิ หรือสวดพระพุทธมนต์
และมีการถวายอาหาร ศาสนพิธีกรควรประสานเตรียมการเรื่องอาหาร ถวายพระสงฆ์ให๎เรียบร๎อยกํอนพระสงฆ์จะเจริญ
หรือสวดพระพุทธมนต์จบ เม่ือพระสงฆ์สวดบท ถวายพรพระ (พาหุงฯ) ศาสนพิธีกรจึงจัดผู๎ชํวยหรือเจ๎าหน๎าท่ียกอาหาร
มาตัง้ ไว๎เบอ้ื งหน๎าพระสงฆ์ พรอ๎ มทงั้ น้ําด่มื และจัดโต๏ะสาํ หรับตั้งอาหารบชู าพระพุทธให๎เรียบร๎อย เมื่อพระสงฆ์เจริญหรือ
สวด พระพุทธมนต์จบแล๎ว ศาสนพิธีกรจึงทําความเคารพและเชิญประธานพิธีและผ๎ูมีเกียรติประเคน ภัตตาหารแดํ
พระสงฆ์ หากประธานพิธเี ป็นพระสงฆ์ ศาสนพิธกี รต๎องยกอาหารประเคนประธานพธิ ี เพอ่ื ถวายพระสงฆ์ด๎วย

การจัดเตรียมและยกอาหารนี้ หากพระสงฆ์ฉันภัตตาหารรวมกันเป็นวงหรือเป็นโต๏ะ ต๎องรอให๎พระสงฆ์เจริญ
หรือสวดพระพุทธมนต์จบแล๎ว และนั่งเป็นวงหรือนั่งประจําท่ีโต๏ะกํอน แล๎วจึงยกอาหารมาให๎ประธานหรือเจ๎าภาพ
ประเคนพระสงฆ์

เมื่อศาสนพิธีกรสังเกตเห็นวํา พระสงฆ์ฉันภัตตาหารคาวเรียบร๎อยครบทุกรูปแล๎ว จึงยก ภัตตาหารคาวออก
พร๎อม ๆ กัน และยกภัตตาหารหวานเข๎าไปต้ังครบทุกรูปแล๎ว เชิญประธานและ ผ๎ูมีเกียรติมาประเคนภัตตาหารหวาน
พร๎อมกันอีกครั้งหนึ่ง แตํในบางกรณีประธานและผู๎มีเกียรติ ต๎องทํากิจอยํางอื่น ไมํสามารถมาถวายภัตตาหารหวานได๎
ศาสนพิธีกรจึงถวายเอง เพ่ือพระสงฆ์ จะได๎ไมํต๎องรอ ในระหวํางที่พระสงฆ์ฉันภัตตาหารศาสนพิธีกรจึงทําหน๎าท่ีปฏิบัติ
พระสงฆ์ สํารวจดูวํา พระสงฆ์ต๎องการส่ิงหน่ึงส่ิงใดเพิ่มเติมหรือไมํ เชํน อาหาร นํ้าด่ืม กระดาษเช็ดมือ เป็นต๎ น จะได๎
จัดหามาถวายเพ่ิมเติม มารยาทอยํางหนึ่งท่ีศาสนพิธีกรต๎องพึงระวัง คือ กํอนจะยก ภัตตาหารคาวหรือหวานเข๎า -ออก
ตอ๎ งรอให๎พระสงฆ์ฉนั เสรจ็ ครบทุกรปู กํอน (ซ่งึ ตามธรรมเนยี ม หรือประเพณปี ฏบิ ัตขิ อง
ศาสนพิธกี รท่ีปฏิบัตสิ บื ตํอกนั มาให๎ใชว๎ ธิ ีสงั เกตประธานสงฆใ์ นพิธเี ปน็ หลกั เนือ่ งจากธรรมเนียมของพระสงฆ์ให๎พระสงฆ์ผู๎
อาวุโสน๎อยสังเกตพระสงฆ์ผู๎มีอาวุโสมากกวํา และ ให๎พระสงฆ์ผู๎มีอาวุโสมากกวําเอ้ือเฟื้อแกํพระสงฆ์ผ๎ูมีอาวุโสน๎อยกวํา
ด๎วยการฉันภัตตาหาร คอยพระสงฆ์รูปอ่ืน ๆ เมื่อประธานสงฆ์เห็นวําพระสงฆ์สํวนใหญํฉันภัตตาหารเสร็จแล๎วจะแสดง
อาการ ให๎ศาสนพธิ ีกรหรอื ผ๎ทู ําหนา๎ ทป่ี ฏิบตั ิพระสงฆ์ได๎ทราบ ด๎วยอาการรวบซ๎อนหรือปิดฝาสํารับภัตตาหาร ให๎ผู๎ปฏิบัติ
เห็น) เนื่องจากหากยกภัตตาหารเข๎า-ออกในขณะที่พระสงฆ์บางรูปยังฉันไมํเสร็จ จะเป็นเสมือนการเรํงพระสงฆ์ ซ่ึงถือ
เป็นการเสียมารยาทของศาสนพธิ กี รในการปฏบิ ัติพระสงฆ์

จตุปัจจัยเครื่องไทยธรรม จะต๎องจัดเตรียมวางไว๎ที่โต๏ะด๎านท๎ายอาสน์สงฆ์กํอนเริ่มพิธีเสมอ เม่ือยกสํารับ
ภัตตาหารออกหมดแล๎ว ศาสนพิธีกรจึงทําความสะอาดอาสน์สงฆ์ ซ่ึงอาจเปื้อน หรือเปียกน้ํา เสร็จแล๎วยกเคร่ืองไทย
ธรรมมาวางเรยี งไวใ๎ หส๎ วยงามเป็นระเบียบเรียบรอ๎ ยเบ้อื งหน๎า พระสงฆ์ หากมีแจกันดอกไม๎ กําดอกไม๎ พวงมาลัย ให๎วาง

56

เป็นอันดับแรกแลว๎ จงึ วางสิง่ อ่นื ๆ ตํอไป (การวางให๎วางหนั ดอกไม๎เขา๎ หาพระสงฆ์เน่ืองจากเป็นการถวายเคร่ืองไทยธรรม
ด๎วยความเคารพ ถ๎าประธานพิธีเป็นพระสงฆ์ผู๎ใหญํให๎หันดอกไม๎มาทางประธานพิธี) เม่ือวางจตุปัจจัยไทยธรรม เสร็จ
เรยี บร๎อยแลว๎ เชญิ ประธานพธิ แี ละผ๎ูมเี กียรติมาประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม โดยการประเคน ดอกไม๎กํอนแล๎วประเคนส่ิง
อน่ื เปน็ ลาํ ดับไป

อน่ึง เป็นธรรมเนียมที่เจ๎าภาพจะถวายปัจจัยในการบําเพ็ญกุศลด๎วย ศาสนพิธีกร จึงเตรียมใบปวารณาเขียน
จํานวนเงนิ และชือ่ เจา๎ ภาพ จดั ใสซํ องให๎เรยี บรอ๎ ย และรวมถวายในเวลา ทีถ่ วายเครอื่ งไทยธรรมน้ดี ๎วย สวํ นปัจจัยหรือเงิน
ท่ีจะถวาย จึงมอบให๎ไวยาวัจกรรับไป

การจัดเตรยี มเคร่ืองไทยธรรมถวายพระสงฆ์

การประเคน การประเคนพระสงฆ์ จะเป็นชายหรือหญิงไมํมีห๎าม แตํต๎องทําให๎ถูก ลักษณะของการประเคน
คอื

๑) สิ่งของที่จะประเคนนั้น ต๎องไมํใหญํหรือหนักเกินไป เป็นส่ิงของที่คนปกติคนเดียวยกไหว โดยต๎องยกสิ่งของ
นน้ั ใหข๎ นึ้ พ๎นจากพ้ืนท่ีสิ่งของน้นั ตง้ั อยํู

๒) ผป๎ู ระเคนต๎องเข๎ามาในหัตถบาส คอื อยํูหาํ งจากพระภิกษผุ ร๎ู ับประเคนไมเํ กิน ๑ ศอก หรือพึ่งน้ําของประเคน
เขา๎ ไปให๎ใกล๎พระผูร๎ ับประเคนประมาณ ๑ ศอก จะนั่งหรอื ยืน แล๎วแตสํ ถานที่ทีพ่ ระภกิ ษุนั้นอํานวย

๓) ผปู๎ ระเคนนอ๎ มสง่ิ ของนัน้ เขา๎ มาถวายดว๎ ยกริ ิยาอาการแสดงความเคารพ
๔) กิริยาอาการท่ีน๎อมส่ิงของเข๎ามาถวายนั้น จะสํงถวายด๎วยมือก็ได๎ หรือจะตักสํงถวาย ด๎วยของเนื่องด๎วยกาย
เชํน ใช๎ทัพพตี ักถวายกไ็ ด๎
๕) พระภิกษผุ ๎ูรับประเคน จะรบั ด๎วยมอื ก็ได๎ จะเอาผา๎ ทอดรับก็ได๎ หรือจะเอาภาชนะรับ เชํน เอาบาตรหรือจาน
รับสิง่ ของท่เี ขาตกั ถวายกไ็ ด๎
ผ๎ูประเคน ต๎องเข๎าไปอยํูในท่ีใกล๎ระยะดังกลําว แล๎วยกสิ่งของให๎พ๎นข้ึนจากพื้น แล๎วน๎อม ถวายส่ิงของที่ต๎อง
ประเคน คือ ส่ิงที่จะพึงบริโภค เชํน อาหาร นํ้าร๎อน น้ําเย็น เป็นต๎น เมื่อประเคน แล๎วอยําไปจับต๎องหรือเล่ือนหากจะมี
การเลอ่ื นส่ิงหนง่ึ สิง่ ใดพระสงฆจ์ ะเปน็ ผูเ๎ ล่ือนเอง เนื่องจาก เมื่อจับต๎องแล๎วจะต๎องประเคนใหมํ ถ๎าสิ่งของนั้นไมํใชํส่ิงของ
ทใี่ ช๎บรโิ ภคก็ไมํตอ๎ งประเคน

57

การเชิญที่กรวดน้า เป็นธรรมเนียมอยํางหนึ่งของผ๎ูทําบุญหรือบําเพ็ญกุศล เม่ือพิธีการ ตําง ๆ ดําเนินการไป
จนถึงข้ันตอนสุดท๎าย จะมีการกรวดนํ้าอุทิศสํวนกุศลให๎แกํญาติสนิทมิตรสหาย และสรรพสัตว์ ศาสนพิธีกรต๎องเตรียมที่
กรวดนํ้า โดยทําความสะอาดและใสํน้ําพร๎อม ต้ังไว๎ที่ โต๏ะเคร่ืองไทยธรรมด๎านท๎ายอาสน์สงฆ์ เม่ือประธานพิธีถวาย
จตปุ ัจจัยไทยธรรมเสรจ็ และกลับไป นง่ั เรยี บรอ๎ ยแล๎ว ศาสนพธิ ีกรจงึ เชญิ ท่ีกรวดน้ําด๎วยมอื ซ๎าย ประคอง
ด๎วยมอื ขวาใหม๎ นั่ คง เดินเขา๎ ไป ใกล๎จะถึงประธานพธิ ี ทําความเคารพ นั่งคุกเขําเดินเขําเข๎าไปทางด๎านหน๎าโดยให๎เย้ืองไป
ทาง เขําซ๎ายของประธานพิธีเล็กน๎อย ไมํชิดหรือหํางเกินไป พอให๎ประธานพิธีจับที่กรวดนํ้าได๎สะดวก ถือที่รองรับน้ําไว๎
ด๎วยมือทั้งสอง ย่ืนให๎ประธาน ไมํสูงหรือํตําเกินไป พอให๎ประธานพิธีเทนํ้ากรวดได๎ โดยไมํต๎องก๎มลงหรือยกแขนสูงกวํา
ปกติ เมื่อพระสงฆเ์ ริ่มอนโุ มทนา “ยะถา วารี วหา.........” ประธานพิธีเร่ิมเทนํ้าลงยังที่รองรับนํ้าท่ีศาสนพิธีกรถืออยูํ เม่ือ
สงั เกตเห็นวาํ ประธานพิธเี ทน้าํ กรวดจวนหมดแล๎ว ศาสนพธิ กี รจงึ ปลํอยมือขวาออกจากทรี่ องรับนํ้าให๎ใช๎มือซ๎ายถือไว๎มือ
เดียว ยกมือขวาข้ึนรับเต๎านํ้ากรวดท่ีประธานพิธีเทหมดแล๎ว น้ําเต๎าน้ํากรวดมาชิดกับที่รองรับนํ้า เดินเขํา ถอยหลัง
ออกมาจากประธานพิธีพอสมควร ลุกขึ้นยืนทําความเคารพประธานพิธีแล๎วถอยออกไป ทางท๎ายอาสน์สงฆ์ นํานํ้ากรวด
ไปเทใต๎ต๎นไมท๎ ่ีเหมาะสมตามประเพณีโบราณ และต๎องเทด๎วย อาการสํารวมและสุภาพ ไมํเทในท่ีที่ไมํสะอาด ไมํสาดหรือ
คํวําภาชนะทใี่ สนํ า้ํ หากมีพิธีอ่ืน ๆ ตํอจาก พิธีน้ันอีก ศาสนพิธีกรต๎องใสํนํ้าในเต๎านกรวดไว๎ทันที เพ่ือพร๎อมท่ีจะใช๎ในพิธี
ตํอไป การกรวดนํ้า ในพิธีตําง ๆ หากเป็นพิธีใหญํ ๆ หรืองานพิธีที่เป็นทางการ นิยมใช๎ท่ีกรวดนํ้าสําหรับประธานพิธี ที่
เดียวเทาํ นัน้ สํวนในงานพธิ ขี องชาวบ๎านหรืองานทาํ บุญตามวัดวาอารามจะใชท๎ ีก่ รวดนํ้า หลายทก่ี ็ได๎ มไิ ด๎มขี ๎อห๎ามอนั ใด

อน่ึง ในพิธีท่ีเป็นทางการไมํนิยมนําที่กรวดน้ําไปตั้งไว๎ให๎ประธานพิธีกํอนที่จะถึงขั้นตอน กรวดน้ํา เชํน ที่โต๏ะ
เคียงหรือที่ประธานพิธีน่ัง เพราะอาจทําให๎เกิดข๎อผิดพลาดแกํประธานได๎ โดยเฉพาะอยํางยิ่งงานอวมงคล ซึ่งเคยมีเรื่อง
เลําวํา ในงานอวมงคลงานหน่ึง ศาสนพิธีกรได๎นํา ท่ีกรวดน้ําไปต้ังไว๎ท่ีโต๏ะเคียงของประธานพิธี เมื่อประธานพิธีทอดผ๎า
บังสุกุลและกลับมาน่ังที่ เรียบร๎อยแล๎ว เมื่อพระสงฆ์ตั้งพัดพิจารณาผ๎าบังสุกุล ประธานพิธีก็หยิบที่กรวดนํ้ามากรวดนํ้า
ทนั ที กอํ นที่พระสงฆจ์ ะอนโุ มทนา ซง่ึ บางทอ๎ งถ่ินมกี ารกรวดน้ําเมอ่ื พระสงฆ์พจิ ารณาผา๎ บังสุกลุ เชํนกัน

การประน้าพระพุทธมนต์ เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนาจบแล๎ว ถ๎าเป็นงานมงคลจะนิมนต์ พระสงฆ์ประน้ําพระพุทธ
มนต์เพื่อความเปน็ สริ ิมงคล สวํ นมากนิยมนิมนตพ์ ระสงฆร์ ูปท่เี ป็น ประธานสงฆ์ประนาํ้ พระพทุ ธมนต์ให๎ ควรเชิญประธาน
พิธีหรอื เจา๎ ภาพเข๎ารับการประน้าํ พระพทุ ธมนต์ จากพระสงฆ์กํอน ถ๎าเป็นงานพิธีมงคลสมรสให๎เชิญคูํบําวสาวเข๎ารับการ

58

ประน้ําพระพุทธมนต์ กํอนบุคคลอื่น เสร็จแล๎วจะนิมนต์พระสงฆ์ประนํ้าพระพุทธมนต์ในท่ีอื่น ๆ หรือการประน้ําพระ
พุทธมนต์ รวมกนั เปน็ หมูํ ๆ ศาสนพิธีกรต๎องเชิญภาชนะน้ําพระพุทธมนต์เดินตามโดยเยื้องไปทาง ด๎านซ๎ายของพระสงฆ์
รูปท่ีประน้ําพระพุทธมนต์

สิ้นสุดพิธี เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมในศาสนพิธีแล๎ว ส่ิงท่ีศาสนพิธีกรจะต๎องดําเนินการตํอไป เพื่อให๎การปฏิบัติ
หน๎าทีศ่ าสนพิธีกรเปน็ ไปด๎วยความเรยี บรอ๎ ยและสมบรู ณ์ ในชํวงสุดทา๎ ยของ ศาสนพธิ ี คือ

๑) รับพระสงฆ์ลงจากอาสนสงฆ์
๒) ประสานงานการสํงพระสงฆ์กลบั วดั
๓) ดับธปู เทยี นทีจ่ ุดบูชา ณ โตะ๏ หมูํบูชาให๎เรียบรอ๎ ย
๔) สํงคนื อปุ กรณ์ทยี่ ืมมาใช๎ในงานพิธี

แนวทางการจดั งานศาสนพธิ กี ับสถาบนั พระมหากษตั ริย์

สังคมไทยได๎ยอมรับกันท่ัวไปวํา ศาสนามีความสําคัญตํอวัฒนธรรมประเพณี เพราะมีผล ตํอความร๎ูสึกนึกคิด
ประเพณี และความเชื่อ ได๎ส่ือออกมาในลักษณะของพิธีกรรมทางศาสนา และถือปฏิบัติเป็นแบบอยําง ประเพณี และ
ธรรมเนียมสืบตํอกันมา ขณะท่ีพระมหากษัตริย์ ในฐานะท่ีทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ได๎ทรงเป็นแบบอยํางของ
การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดา๎ นศาสนพิธสี บื ทอดกนั มาได๎อยาํ งบรสิ ุทธิ์ไมํคลาดเคล่ือนจากอดีตถึงปัจจุบัน จนกลายเป็น
ราชประเพณสี ืบตอํ กันมาจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงพุทธศาสนิกชนชาวไทยได๎ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ เพ่ือเป็นการสืบทอดกิจกรรม
ดา๎ นศาสนพิธใี หค๎ งอยํูและแพรํหลายไปสูํสถาบันตําง ๆ ของสงั คมไทย ทงั้ ในสํวนกลางและภมู ภิ าค

ปัจจุบันองค์กรตําง ๆ ในสํวนภูมิภาค เชํน จังหวัด องค์กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน ชุมชน หรือองค์กรเอกชน ได๎มี
การจัดกิจกรรมที่เก่ียวเน่ืองกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจํานวนมาก อันเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูและความ
จงรกั ภักดีที่พสกนกิ รชาวไทยมีตํอสถาบัน พระมหากษัตริย์ ดังน้ัน เพ่ือให๎การจัดกิจกรรมในสํวนกลางและสํวนภูมิภาคท่ี
เก่ียวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงได๎รวบรวมนําเสนอไว๎เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม
รํวมกันไวเ๎ ป็นเอกสารเผยแพรํสบื ไป

วนั จักรี

วนั จักรี ตรงกบั วันท่ี ๖ เมษายนของทุก ๆ ปี เปน็ วนั คลา๎ ยวนั ประดิษฐานพระราชวงศจ์ ักรี ถอื เป็นงานรฐั พิธี เป็น
โอกาสท่ีพสกนิกรชาวไทยจะได๎มีโอกาสรําลึกในความเป็นสิริมงคลที่เกิดจาก พระมหากรุณาธิคุณ อันเป็นประโยชน์แกํ
ประเทศชาติอยํางมหาศาล ในสํวนกลางจัดให๎มีพิธีถวาย ราชสักการบูชาพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูา
จฬุ าโลกมหาราช (พิธนี ี้ไมํมีพระสงฆ์) ทเ่ี ชิงสะพานปฐมบรมราชานสุ รณ์

สําหรับในสํวนภูมิภาค หากมีการจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ อันเป็นการ ระลึกถึงพระราชกรณีย
กิจและพระมหากรุณาธิคุณท่ีพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ได๎ปกครองพสกนิกรด๎วยหลักทศพิธราชธรรม
และได๎ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็น คุณประโยชน์แกํประชาชนและประเทศชาติ สมควรท่ีพสกนิกรจะได๎
แสดงออกถึงความกตัญญท่ีมี แดํพระบรมวงศ์จักรี เพ่ือพร๎อมกันถวายพระพรชัยมงคล ขอให๎เทพยดาเบ้ืองบนโปรด
อภิบาล พระบรมวงศ์จักรี ให๎เสด็จสถิตเป็นศรีสถาพรอยูํคูํประเทศชาติช่ัวนิรันดร์และให๎พระเกียรติคุณ อเนกอนันต์แผํ
ไพศาลไปทัว่ ทุกทศิ านทุ ิศ ผู๎เปน็ พิธีกรจงึ ดาํ เนนิ การ ดังน้ี

59

การเตรยี มการ
๑) จัดเตรยี มพระบรมรูป พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู วั ๘ รัชกาล
๒) จัดเตรียมพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยํูหัว และสมเด็จพระ
นางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ใหป๎ ระดษิ ฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวไว๎ด๎านขวาของพระบรม
ฉายาลักษณส์ มเด็จพระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ
๓) จัดเตรียมโต๏ะหมํูบูชา จํานวน ๓ ชุด ชุดท่ี ๑ ประดิษฐานพระพุทธรูป ชุดท่ี ๒ ประดิษฐานพระบรมรูป
พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ๘ รัชกาล และชุดที่ ๓ ประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว
และพระบรมฉายาลกั ษณส์ มเด็จพระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินีนาถ
๔) เตรยี มจดั พํุมดอกไม๎ หรอื แจกนั ดอกไม๎ประดบั ตามความเหมาะสม
๕) จัดเตรียมเคร่ืองทองน๎อยวางท่ีโต๏ะหมํูบูชาแถวกลาง ตัวลําง ติดธูปเทียนให๎พร๎อม โดยหันด๎านท่ีมีพํุมดอกไม๎
ไปยังพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํู ๘ รัชกาล และหันด๎านรูป เทียนออกด๎านนอก โดยติดเทียนไว๎ด๎านขวามือ
ของผ๎ูจดุ ธปู ดา๎ นซา๎ ยมือของผ๎จู ุด (เพ่อื ผูเ๎ ปน็ ประธานพิธจี ดุ ถวายสกั การะ)
๖) จัดโต๏ะสาํ หรบั วางพานพุมํ ไว๎หน๎าโต๏ะหมบํู ูชา พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหัว ๘ รชั กาล จํานวน ๑ ตัว ในกรณี
มกี ารวางพานพํมุ ถวายสักการะ
๗) จดั เตรยี มเครอื่ งใช๎พธิ ีสงฆ์ (งานพธิ มี งคล)
๘) จดั เตรยี มกรวยดอกไม๎ ธูป เทียนแพ จํานวน ๑ ชุด วางไวท๎ ่โี ตะ๏ หมํูบูชาแถวกลาง ตัวลําง (หรือตัวที่ ๒ ถัดขึ้น
ไปจากตัวลําง) หนา๎ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัว รัชกาลปัจจุบัน และพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จ
พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อผ๎ูเป็น ประธานจะได๎เปิดกรวยดอกไม๎ธูปเทียนแพถวายสักการะพระบรมฉายา
ลกั ษณพ์ ระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยํูหัว รัชกาลปัจจุบัน และพระบรมฉายาลกั ษณส์ มเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ
๙) จัดโต๏ะสําหรับพักพานพุํม จํานวน ๑ ตัว ตั้งไว๎ทางด๎านซ๎ายของโต๏ะหมูํบูชาหํางจาก โต๏ะหมูํบูชาประมาณ ๕
เมตร พกั พานพมํุ ไว๎ พานพมํุ น้ีจะเปน็ คหูํ รอื เกี่ยว จะเปน็ พํุมดอกไม๎สด หรอื ดอกไม๎แหง๎ หรอื พมุํ ทอง พํุมเงินก็ได๎
๑๐) จัดเตรยี มเทียนชนวนไวเ๎ พื่อสํงให๎ประธานพิธีจุดเครือ่ งทองน๎อย
๑๑) จัดเตรียมแทํนกราบสําหรับประธานกราบหน๎าโต๏ะหมูํบูชา หลังจากวางพํุมดอกไม๎ และจุดเครื่องทองน๎อย
แล๎ว
๑๒) ถ๎ามีพิธบี วงสรวงต๎องมีการจัดเตรียม และต้งั เคร่ืองบวงสรวงดว๎ ย

60

แนวทางการปฏบิ ตั งิ าน
ในการปฏิบัติหากมหี นวํ ยงานหรือบคุ คลอ่ืนมีความประสงคจ์ ะวางพุํมดอกไม๎ ควรแนะนําให๎หนวํ ยงานหรือบุคคล
น้ัน วางกํอนท่ีประธานจะเดินทางมาถึงบริเวณพิธี เมื่อใกล๎ จะถึงเวลาตามกําหนดการ ให๎ผ๎ูรํวมพิธีถวายสักการะยืนเข๎า
แถวใหเ๎ ป็นระเบียบเรียบรอ๎ ยทีบ่ รเิ วณ ด๎านหน๎าโต๏ะหมูํบูชา เว๎นระยะหํางพอสมควร ข๎าราชการแตํงเครื่องแบบปกติขาว
สวมหมวก ยืนด๎านหน๎า สํวนผ๎ูมเี กียรติทั่วไปแตํงกายชุดสากล หรือชุดสุภาพ ยืนเข๎าแถว เมื่อประธาน เดินทางมาถึง ผู๎ท่ี
ไมํได๎ไปยืนเข๎าแถว แตํน่ังอยทูํ ่ีเก๎าอ้ใี ห๎ลุกข้ึนยนื ตอ๎ นรบั และให๎เกยี รติผท๎ู ําหน๎าท่ี ประธานพธิ ดี ว๎ ย
ลาดับขนั้ ตอนการปฏิบตั งิ าน
๑) เม่อื ประธานมาถงึ พธิ ี เรยี นเชิญประธานจดุ ธูปเทยี นบชู าพระรตั นตรยั
๒) เจ๎าหน๎าที่อาราธนาศลี ประธานและผ๎ูรวํ มพิธีรบั ศลี
๓) ในกรณีมีพธิ ีบวงสรวง ประธานพธิ ถี วายพํุมดอกไม๎สักการะ (ถ๎ามีการถวาย พํุมดอกไม๎ ๒ พํุม ให๎ประธานวาง
พุมํ ด๎านขวาของประธานพธิ กี อํ น แล๎วจงึ วางพุํมดา๎ นซ๎าย) แล๎วจุด เครื่องทองน๎อยหน๎าพระบรมรูป ๘ รัชกาล กราบถวาย
สักการะ ๑ ครั้ง (ไมแํ บมือที่แทํนกราบ) ออกไปจดุ ธปู เทยี นเคร่ืองบวงสรวง (ดรุ ิยางค์บรรเลงเพลงสาธกุ าร)

61

๔) เมื่อเสร็จพิธีบวงสรวง ประธานอํานอาศิรวาทปฐมราชสดุดี จบ (ดุริยางค์บรรเลง เพลงสรรเสริญพระบารมี
ขณะนีพ้ ระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา)

๕) ประธานพิธีถวายพุํมดอกไม๎ และเปิดกรวยดอกไม๎ ธูปเทียนแพ ถวายสักการะเบ้ืองหน๎า พระบรมฉายา
ลกั ษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว รัชกาลปัจจุบันและพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ
ถวายความเคารพ แล๎วถอยออกมายืนเบ้ืองหน๎าผ๎ูรํวมพิธี กลําวนําถวายพระพรชัยมงคล จบ (ดุริยางค์บรรเลงเพลง
สรรเสริญพระบารมี ขณะน้ีพระสงฆ์ เจรญิ ชัยมงคลคาถา)

๖) ในกรณีมีพธิ เี จรญิ พระพุทธมนต์ เพ่อื ถวายพระราชกศุ ล เจ๎าหนา๎ ที่อาราธนา พระปรติ ร
๗) พระสงฆเ์ จริญพระพุทธมนต์
๘) จบแลว๎ ถวายภตั ตาหาร พระสงฆฉ์ ันภัตตาหารเรียบรอ๎ ยแล๎ว
๙) ประธานพธิ ี และผรู๎ วํ มพิธี ประเคนจตปุ จั จยั ไทยธรรม
๑๐) ประธานพิธีกรวดน้ํา รบั พร
๑๑) พระสงฆ์อนโุ มทนา ถวายอดเิ รก เสรจ็ พธิ ี
หมายเหตุ
๑) พระสงฆ์ในพิธีใช๎พัดยศสมณศักดิ์ และถวายอดิเรกท้ัง ๒ พระองค์ (พระสงฆ์ที่ถวายอิเรกได๎ จะต๎องเป็น
พระราชาคณะ และใช๎พัดยศสมณศักดิ์ หรือพระครูสัญญาบัตรเจ๎าคณะจังหวัด รองเจ๎าคณะจังหวัด และเจ๎าอาวาสพระ
อารามหลวงชั้นเอก ซึง่ ถอื พดั เปลวเพลงิ และตอ๎ งตงั้ พัดยศ สมณศกั ดใ์ิ นการถวายอดเิ รก)
๒) ขณะประธานสงฆ์ถวายอดิเรก ประธานพธิ ีและผร๎ู วํ มพธิ ีลดมือลง
๓) เม่ือพระสงฆ์รูปที่ ๒ รับ “ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง” ประธานพิธีและผู๎รํวมพิธี พึงประนมมือขึ้นเพื่อรับพรตํอ
จนกวาํ พระสงฆ์จะสวดจบบท

วันปิยมหาราช

วนั ปยิ มหาราช กาลอนั เปน็ อภิลักขิตสมัย คล๎ายวันสวรรคตแหํงองค์พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัว
ผทู๎ รงพระคณุ อันประเสริฐ ซง่ึ ไดก๎ าํ หนดไว๎ในวันที่ ๒๓ ตุลาคมของทุกปี อันเป็นวันท่ีพสกนิกรชาวไทยแผํนดินสยามน๎อม
รําลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยํูหัว โดยทางราชการได๎กําหนดให๎วันน้ีเป็นวัน
สาํ คญั ของชาติ เรียกวาํ “วนั ปยิ มหาราช” หรือ “วนั ถวายบังคมพระบรมรปู ทรงม๎า”

สาํ หรบั ในสํวนกลาง เพ่อื เป็นการนอ๎ มราํ ลึกถงึ พระมหากรุณาธคิ ณุ ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยํูหัว
เน่ืองในอภิลักขิตสมัยคล๎ายวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล๎า เจ๎าอยํูหัว พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวได๎
ทรงบําเพ็ญพระราชกรณียกจิ ๒ ประการ คือ

๑) เสดจ็ พระราชดาํ เนินไปทรงวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ ลานพระราชวงั ดสุ ติ
๒) ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าฯ ให๎กําหนดเป็นงานพระราชพิธีทรงบําเพ็ญพระราชกุศล ทักษิณานุประทานเป็น
ประจําทุกปี มีการสวดพระพุทธมนต์ ถวายพระธรรมเทศนา และ สดับปกรณ์ ในการน้ีนิมนต์พระสงฆ์ จํานวน ๕๗ รูป
เทําพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยํูหัว ซึ่งต๎องนิมนต์พระสงฆ์วัดท่ีเก่ียวกับพระบรมอัฐิ
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา๎ เจ๎าอยูหํ ัว พระบรมอัฐิสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และพระบรมอัฐิ สมเด็จ
พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ๎า เป็นสําคัญ สํวนนอกนั้นนิมนต์ ตามลําดับสมณศักด์ิจากสูงลงมา
งานพระราชพธิ ีนี้จดั ที่พระทนี่ งั่ อมรนิ ทรวินจิ ฉัย
สําหรับสํวนราชการในภูมิภาค หากจะจัดพิธีเพื่อเป็นการน๎อมรําลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล๎าเจ๎าอยูํหัว ซ่ึงเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ของประชาชนชาวไทยท่ีมีแดํพระองค์ทําน ก็

62

สามารถดําเนนิ กิจกรรมตําง ๆ ได๎ แตผํ ๎ทู ําหนา๎ ท่พี ิธีกร จึงทําความเข๎าใจให๎ชัดเจนวํา มีการจัดกิจกรรมใดบ๎าง มีพระสงฆ์
หรอื ไมํ เพ่ือจะไดจ๎ ัดเตรยี มงาน สถานที่ และพิธีการได๎ถูกตอ๎ งเหมาะสม

การเตรยี มการ
๑) จัดเตรียมโต๏ะหมูํบูชา ๒ ชุด สําหรับตั้งเพ่ือบูชาพระรัตนตรัย จํานวน ๑ ชุด (ในกรณี มีพิธีสงฆ์) สําหรับต้ัง
เพ่อื ถวายเครื่องสักการะหนา๎ พระราชานุสาวรยี ์ จาํ นวน ๑ ชุด
๒) ในกรณีไมํมีพระราชานุสาวรีย์ จะต๎องจัดเตรียมพระบรมรูปหลํอ หรือพระบรม ฉายาลักษณ์ หรือ พระบรม
สาทสิ ลกั ษณ์ เพอ่ื ประดษิ ฐานในสถานท่ีจดั ทาํ พธิ ี
๓) จัดเตรียมเครื่องสักการะที่นํามาแสดงความเคารพบูชา ประกอบด๎วยพวงดอกไม๎ หรือพุํมดอกไม๎ และมีธรรมเนียม
ปฏิบตั ิวํา ถ๎ามใิ ชํเป็นวันสวรรคตแหงํ องคพ์ ระบรมราชานุสาวรีย์ ควรสักการะด๎วยพํุมดอกไม๎สด หรือพวงดอกไม๎สด และ
ไมํใช๎แถบแพรหรือผ๎าผูกเป็นโบสีดํา เชํน วันที่ ๖ เมษายน ซึ่งเป็นวันท่ีระลึกมหาจักรี แตํวันที่ ๒๓ ตุลาคม ถือเป็นวัน
สวรรคตแหํง องค์พระบรมราชานุสาวรีย์ ใหใ๎ ช๎แถบแพรหรอื ผ๎าผกู เป็นโบดาํ ได๎

63

แนวทางการปฏิบัตงิ าน

64

ในการปฏิบัติ หากมีหนํวยงานหรือบุคคลอ่ืนมีความประสงค์จะวางพุํมดอกไม๎ ควรแนะนําให๎หนํวยงานหรือ
บคุ คลน้ัน ๆ วางพํมุ ดอกไมห๎ รือพวงดอกไมก๎ อํ นท่ีประธานจะเดินทาง มาถึงบริเวณพิธี เมื่อใกล๎จะถึงเวลาตามกําหนดการ
ให๎ผ๎ูรํวมพิธีถวายสักการะยืนเข๎าแถวให๎เป็น ระเบียบเรียบร๎อยที่บริเวณด๎านหน๎าโต๏ะหมํูบูชา เบื้องหน๎าพระบรมราชานุ
สาวรีย์ เว๎นระยะหําง พอสมควร ข๎าราชการแตํงเคร่ืองแบบปกติขาว สวมหมวกยืนด๎านหน๎า สํวนผู๎มีเกียรติทั่วไป แตํง
กายชุดสากล หรือชุดสุภาพ ยืนเข๎าแถวด๎านหลัง เม่ือประธานเดินทางมาถึงบริเวณพิธี ผู๎ที่ไมํได๎ยืนเข๎าแถว แตํนั่งอยํูที่
เก๎าอ้ใี หล๎ ุกขนึ้ ยืนต๎อนรับและใหเ๎ กียรติผ๎ูทําหน๎าทีป่ ระธานพิธี

๑) เมื่อประธานมาถึงบริเวณพิธี เรียนเชิญประธานถวายสักการะวางพวงดอกไม๎ ยังขาหยั่งที่จัดเตรียมไว๎ และ
วางพํมุ ดอกไม๎ยังโต๏ะทจ่ี ัดเตรยี มไว๎

๒) จดุ ธูปเทียนเครื่องทองน๎อย (กราบที่แทํนกราบ ๑ คร้ัง ไมํแบมือ) ยืนข้ึนถอยออกมา ยืนด๎านหน๎าแถว ถวาย
ความเคารพ (กรณีสวมหมวก แสดงความเคารพด๎วยการวันทยหตั ถ์ กรณีไมํสวมหมวก ให๎โค๎งคาํ นบั พรอ๎ มกนั ๑ คร้ัง)

๓) เดนิ เขา๎ สูสํ ถานทป่ี ระกอบพธิ ีสงฆ์
๔) จดุ ธปู เทียนบชู าพระรัตนตรยั (กราบ ๓ ครั้ง)
๕) กรณีมีพระบรมรูป หรือพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ในสถานท่ี ประกอบพิธีสงฆ์ ให๎จุด
ธูปเทียนเครอ่ื งทองน๎อย และกราบที่แทํนกราบ ๑ ครงั้ ไมแํ บมือ
๖) เจา๎ หนา๎ ทอ่ี าราธนาศลี ประธานและผร๎ู ํวมพธิ ีรับศลี
๗) เจา๎ หน๎าท่ีอาราธนาพระปริตร
๘) พระสงฆส์ วดพระพุทธมนต์ จบแลว๎
๙) ถวายภัตตาหารแดพํ ระสงฆ์
๑๐) ประธานพธิ ี และผ๎ูรํวมพธิ ี ประเคนจตปุ จั จัยไทยธรรม
๑๑) เจ๎าหน๎าที่ลาดผา๎ รองโยง และลาดผา๎ ภูษาโยง
๑๒) ประธานพธิ ี และผ๎รู วํ มพธิ ี ทอดผ๎าไตรบังสกุ ลุ
๑๓) เม่ือทอดผ๎าเสร็จเจ๎าหนา๎ ทีเ่ ชื่อมตอํ แถบทองกบั ผา๎ ภูษาโยง
๑๔) พระสงฆพ์ ิจารณาผ๎าบงั สกุ ลุ
๑๕) ประธานกรวดนํ้า รับพร
๑๖) พระสงฆอ์ นโุ มทนา เสร็จพธิ ี
หมายเหตุ
๑) ในพิธนี ้ี พระสงฆ์ใช๎พัดรองหรอื ตาลปัตร (ไมใํ ช๎พดั ยศสมณศกั ดิ)์
๒) งานพิธีท่ีมีลักษณะงานเชํนนี้ เชํน วันที่ ๒๕ พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันที่ระลึก รัชกาลที่ ๖ สํานัก
พระราชวัง ได๎ออกหมายกําหนดการเสด็จพระราชดําเนิน ทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะท่ีพระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎าเจ๎าอยํูหัว ท่ีสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ข๎าราชการแตํงเคร่ืองแบบปกติขาว หากสํวน
ราชการใดจะจัดพิธีถวายสักการะ หรือจัดพิธีสงฆ์ พึ่งจัดอนุโลมตามพิธีการที่จัดในวันปิยมหาราช ท้ังพิธีวางพวงดอกไม๎
และ พิธบี าํ เพญ็ กุศล

65

วันเฉลิมพระชนมพรรษา

วันที่ ๕ ธนั วาคมของทุกปี เปน็ วนั เฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว ซ่ึงเมื่อเวียนมาบรรจบใน
แตลํ ะปี ปวงชนชาวไทยและชาวตํางประเทศทอี่ ยูภํ ายใต๎พระบรม โพธิสมภารตํางก็ถือเป็นเร่ืองท่ีปลื้มปีติยินดี ในอันที่จะ
รํวมกันเฉลิมฉลองในวาระสําคัญเชํนน้ี เนื่องจาก ทรงเป็นที่เทิดทูนของไพรํฟูาประชาราษฎร์ทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งใน
การจดั งาน พระราชพธิ เี ฉลมิ พระชนมพรรษา ไดม๎ ีการจัดให๎เปน็ ไปตามพระราชประเพณีท้ังงานในสํวนที่เป็น พระราชพิธี
รัฐพิธี ศาสนพิธี และงานเฉลิมฉลองอ่ืน ๆ ท้ังน้ี เพื่อเป็นการแสดงออกซ่ึงความ จงรักภักดีและเทิดทูนท่ีพสกนิกรมีแตํ
พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหวั

สําหรับพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาในรัชกาลปัจจุบัน มีหมายกําหนดการพระราชพิธี เฉลิมพระ
ชนมพรรษา โดยสังเขปดงั น้ี

วันที่ ๕ ธนั วาคม
เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ นาฬิกา สาํ นกั พระราชวงั จัดสถานท่ใี ห๎ข๎าราชการ พํอค๎า ประชาชน ได๎ลงนามถวายพระ
พร ในพระบรมมหาราชวัง
เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที เป็นพิธีเสด็จพระราชดําเนินออกมหาสมาคม พระบาท สมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวเสด็จ
ออกพระที่น่ังอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจน สิงหาสน์ บนพระราชบัลลังก์ ภายใต๎นพปฎลมหา
เศวตฉตั ร
เวลา ๑๗ นาฬิกา เสด็จพระราชดําเนินไปยังมุขหน๎าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง บรรพชิตจีนนิกาย และบรรพชิตอนัมนิกาย ถวายพระพร ชัยมงคล แล๎วเสด็จพระราชดําเนินเข๎าสูํ
พระอโุ บสถ ทรงจดุ ธปู เทยี นบูชาพระพุทธมหามณีรัตน ปฏมิ ากร พระสมั พทุ ธพรรณี พระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกย์
พระพุทธเลิศหล๎านภาไลย์ ทรงจุดธูป เทียนเคร่ืองนมัสการแล๎ว ทรงจุดเทียนบูชาเทพยดานพเคราะห์ พระสงฆ์จากวัด
ราชประดิษฐ์ สถิตมหาสีมาราม จํานวน ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายสุ มธัมม์
เสดจ็ พระราชดาํ เนนิ จากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เขา๎ สพํู ระทน่ี ั่งอมรนิ ทร วนิ ิจฉัย เพื่อทรงสถาปนา
ตัง้ และเลอ่ื นสมณศกั ดิ์ สมเดจ็ พระราชาคณะ รองสมเดจ็ พระราชาคณะ พระราชาคณะ แลว๎ พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์

วันที่ ๖ ธันวาคม
เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว เสด็จพระราชดําเนิน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
ทรงจดุ ธปู เทียนบูชาพระสยามเทวาธิราชแล๎ว เสดจ็ พระราชดาํ เนิน ไปยังพระที่น่ังอมรนิ ทรวินิจฉยั ทรงจุดธูปเทียนเคร่ือง
นมัสการพระสงฆ์ถวายพรพระ จบ รับพระราชทานฉันแล๎ว สมเด็จพระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถา
๑ กณั ฑ์
สําหรับการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ถ๎าสํวนราชการหรือองค์กรตําง ๆ จะจัด เพื่อเป็นการเฉลิมพระ
เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว จึงจัดกําหนดการโดยอนุโลมตาม หมายกําหนดการของสํานักพระราชวัง ซึ่งได๎
กําหนดรูปแบบการจัดกจิ กรรมเน่อื งในวันเฉลมิ พระชนมพรรษาไว๎ ๓ แบบ คอื
แบบที่ ๑ การลงนามถวายพระพรชยั มงคล
แบบที่ ๒ การลงนามถวายพระพร และประชมุ สดุดถี วายพระพรชัยมงคล
แบบที่ ๓ การลงนามถวายพระพร และบําเพ็ญกศุ ลถวายพระราชกุศล

66

การเตรยี มการ แบบท่ี ๑ การลงนามถวายพระพรชยั มงคล
๑) จัดแตงํ ห๎องประชมุ หรอื หอ๎ งโถง หรอื ศาลาประชาคม ตามความเหมาะสมของสถานที่
๒) ตกแตํงประดบั ธงชาติ ติดแผงพระปรมาภิไธย ภปร. ตามประทปี โคมไฟ ตามระเบยี บท่ีทางราชการกําหนดไว๎
๓) ภายในห๎องประชุมหรือห๎องโถง หรือเวที ตั้งโต๏ะหมูํ ๕ หรือ หมูํ ๗ หรือ หมํู ๙ แล๎วแตํความสะดวกและ
เหมาะสม ประดับแจกันดอกไม๎ พํุมดอกไม๎ อัญเชิญพระบรมรูป หรือ พระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์
ประดิษฐานบนโต๏ะหมํูตัวกลาง แถวบน (ตัวสูงสุด) หรือประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ บนขา
หยั่งก็ได๎ แตํโต๏ะหมํูตัวกลางแถวบน (ตัวสูงสุด) ไมํควรวางสิ่งใด เสมือนประหน่ึงวําพระบรมฉายาลักษณ์ หรือ พระบรม
สาทิสลักษณป์ ระดิษฐานอยํูบนโตะ๏ หมตํู ัวสูงน้ัน
๔) ต้ังพานธปู เทยี นแพและกรวยดอกไมส๎ ดไว๎บนโต๏ะหมตํู วั กลางหรือตัวลาํ ง แถวกลาง ตามความเหมาะสม
๕) จดั โต๏ะพรอ๎ มเกา๎ อส้ี าํ หรบั ลงนามถวายพระพรไวส๎ วํ นใดสํวนหน่งึ ของสถานท่ี เพ่ือ ลงนามถวายพระพร ในท่ีนี้
เพ่ือความเหมาะสมควรตั้งไวด๎ ๎านซ๎ายของโต๏ะหมํทู ่ปี ระดษิ ฐาน พระบรมฉายาลกั ษณ์ หรอื
พระบรมสาทสิ ลักษณ์
๖) จัดสมุดพร๎อมปากกาวางไว๎บนโต๏ะ และควรมเี จา๎ หน๎าท่รี ับรองกาํ กบั สมุดลงนามไว๎ดว๎ ย
๗) กําหนดเวลาลงนามถวายพระพรชยั มงคล ทางราชการสํานักพระราชวัง กําหนดไว๎ ในหมายกําหนดการ เริ่ม
แตํเวลา ๙ นาฬิกา ถึง ๑๗ นาฬิกา แตํงกายเคร่ืองแบบปกติขาว พํอค๎า ประชาชน แตํงสากลนิยม หรือชุดสุภาพ สํวน
ทอ๎ งถ่ินควรปฏบิ ัตติ ามกําหนดการสํานกั พระราชวัง โดยอนโุ ลม

แนวทางปฏิบตั งิ าน
๑) เมอ่ื ถงึ เวลาตามกาํ หนดการจัดเจา๎ หน๎าทร่ี ับรองกาํ กับสมุดลงนามประจําที่โต๏ะ ลงนามถวาย
พระพรชัยมงคล
๒) ผมู๎ าลงนามถวายพระพรชัยมงคล ลงนามในสมดุ ทจี่ ดั ไว๎เรยี บรอ๎ ยแล๎ว

67

๓) เดนิ ไปยืน ณ เบ้อื งหน๎าพระบรมรูป พระบรมฉายาลกั ษณ์ หรอื พระบรมสาทิสลกั ษณ์
๔) แสดงความเคารพพระบรมรูป พระบรมฉายาลกั ษณ์ หรอื พระบรมสาทสิ ลกั ษณ์ เสร็จพิธี
แบบที่ ๒ การลงนามถวายพระพรและชมุ นมุ สดดุ ี ถวายพระพรชัยมงคล
๑) จัดแตงํ หอ๎ งประชุม หรอื หอ๎ งโถง หรอื ศาลาประชาคม ตามความเหมาะสมของสถานที่
๒) ตกแตํงประดบั ธงชาติ ติดแผงพระปรมาภไิ ธย ภปร. ตามประทีปโคมไฟตามระเบียบ ท่ที างราชการกาํ หนดไว๎
๓) ภายในห๎องประชุมหรือห๎องโถง หรือเวที ตั้งโต๏ะหมํู ๕ หรือ หมํู ๗ หรือ หมูํ ๙ แล๎วแตํความสะดวกและ
ความเหมาะสม ประดับแจกันดอกไม๎ พํุมดอกไม๎ อัญเชิญพระบรมรูป พระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์
ประดิษฐานบนโต๏ะหมํูตัวกลางแถวบน (ตัวสงสด) หรือประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ บนขา
หย่ังก็ได๎ แตํโต๏ะหมํ ตัวกลางแถวบน (ตัวสูงสุด) ไมํควรวางสิ่งใด เสมือนประหน่ึงวําพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรม
สาทสิ ลกั ษณป์ ระดิษฐานอยูํบนโต๏ะหมูํตวั สงู นั้น
๔) ตง้ั พานธปู เทยี นแพและกรวยดอกไมส๎ ดไว๎บนโตะ๏ หมํตู ัวกลางหรือตัวลําง แถวกลาง
๕) จดั โต๏ะพร๎อมเก๎าอี้สาํ หรบั ลงนามถวายพระพรไว๎สํวนใดสํวนหน่ึงของสถานท่ี เพื่อ ลงนามถวายพระพร ในท่ีน้ี
เพ่อื ความเหมาะสมควร ตง้ั ไว๎ดา๎ นซา๎ ยของโตะ๏ หมูํท่ีประดษิ ฐาน พระบรมฉายาลกั ษณ์ หรอื พระบรมสาทสิ ลกั ษณ์
๖) จัดสมดุ พร๎อมปากกาวางไว๎บนโต๏ะ และควรมีเจา๎ หนา๎ ที่รับรองกาํ กับสมดุ ลงนามไว๎ดว๎ ย
๗) กําหนดเวลาและมีชุมนุมสดุดีเฉลิมพระเกียรติถวายพระพรชัยมงคล ในแบบ ๒ นี้ อนุโลมตาม
หมายกําหนดการของสาํ นกั พระราชวงั กาํ หนดเสดจ็ พระราชดําเนินออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ ข๎าราชการเฝูา
กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล เวลา ๙๐ นาฬิกา ๓๐ นาที การแตํงกายข๎าราชการแตํงเครื่องแบบเต็มยศ
ประชาชนแตํงสากลนิยม หรอื ชดุ สุภาพ สํวนทอ๎ งถ่นิ ควรปฏิบัตติ ามกาํ หนดการสาํ นกั พระราชวงั
๘) จัดเตรียมคําประกาศถวายสดุดีเฉลิมพระเกยี รตใิ ห๎ประธานพธิ ี
“ขา๎ พระพุทธเจา๎ นาย, นาง, นางสาว, ยศ................................... ตาํ แหนงํ ....................ในนามของขา๎ ราชการทกุ
ฝาุ ย ผู๎มีเกยี รติ ประชาราษฎรท์ ง้ั หลายในภูมิภาคน้ี ขอประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติถวายพระพรชัยมงคล ในมหามงคล
สมยั เฉลมิ พระชนมพรรษาแหงํ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั
อายนตุ โภนโต เทวสงฆาโย ขา๎ แตฝํ ูงเทพนิกร อมรพรหมมินทร์ อมรินทราธิราช สคเค กาเม ซ่ึงสถิตทิพยพิมาน
มาศ เมอื่ สวรรคช์ ัน้ ฉกามาพจร อกี ทั้งเทพเจา๎ อนั มีมเหศวรศกั ดาเดช ซึ่งสิงสถิตอยํูขอบเขตเขาจักรวาล และท้ังพระสยาม
เทวาธริ าช
อนุตลกิ เข วิมาเน อีกทัง้ อากาศพิมาน ภูมิเทวดา เป็นอาทิ ทั้งท๎าวธตรฐ ท๎าววิรุฬหก ท๎าววิสุปักษ์ ท๎าวกุเวรุราช
อีกทั้งเทพยดาอนั ศักดส์ิ ิทธ์ิ ทรงมหิทธอิ าํ นาจ เปน็ ตน๎ วํา พระสยาม เทวาธิราช พระเสอ้ื เมือง พระทรงเมอื ง
พระหลักเมืองผ๎ูเรืองฤทธ์ิ เทพยเจ๎าอันสิงสถิตทุกประเทศ เขตแคว๎นแสนโกฏิ จักรวาลทวีปน๎อยใหญํ ไตรโลกธาตุ จงต้ัง
ทิพยโสตเสวนาการ สดับฟงั ประกาศ ของข๎าพเจ๎า ซงึ่ ไดร๎ บั ฉนั ทานุมตั จิ าก..................................................(ข๎าราชการผ๎ูมี
เกียรติ ประชาชน ชาวจังหวัด..................................) บรรดาผู๎ที่ได๎มาประชุมพร๎อมกันในมงคลเขตสถานที่นี้ ล๎วนมี จิต
โสมนสั ปรารถนาถวายพระพรชยั มงคลแดํพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จัก
รนี ฤบดินทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพิตร ผ๎ทู รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ
พระองค์ทรงเป็นพระประมุขของชาติ และทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก มีพระราช หฤทัยประกอบไปด๎วย พระ
เมตตากรุณาอยูเํ นืองนติ ย์ ดว๎ ยพระราชประสงค์จํานงหมายจะให๎ ประชาชนท้งั หลายมีความเจรญิ รมํ เยน็ เป็นสขุ ทวั่ หน๎า
เหลําข๎าราชการและประชาชนท้ังหลาย ระลึกพระคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร จึงพร๎อมกันถวายพระพรชัยมงคลเพื่อถวาย
พระเกียรติ ในโอกาสอันเป็นมงคลสมัยเฉลิม พระชนมพรรษาในวาระน้ี ขออํานาจกุศลบุญราศีแหํงข๎าพระพุทธเจ๎า
ทั้งหลาย ท่ีได๎กระทําไว๎ ทั้งอํานาจพระศรีรัตนตรัย และเทวาภินิหาร จงบันดาลดลให๎พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา
ภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระเจริญพระชนมายุ

68

ยัง่ ยืนดว๎ ยร๎อยพรรษา ปราศจากสรรพโรคาพยาธิภัยพิบตั ิ ขอให๎ พระองค์ทรงดํารงสิริรัชพิพัฒนาไพบูลย์ พระบรมเดชานุ
ภาพแผํไพศาล ด๎วยจตุรพธิ พรทกุ ประการ จงประสทิ ธิ์

ชยตุ ภว ขอพระองค์ทรงพระเจรญิ ด๎วยราชฤทธิ์ ชนะศัตรูหมรํู า๎ ยทว่ั เมทนีดล
ชย มงคล ชยั มงคลดงั กลําวนี้ จงมีแดพํ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี
จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพติ ร ทุกประการเทอญ”

แนวทางปฏบิ ตั งิ าน
๑) เม่ือถงึ เวลาผ๎ูรํวมพิธมี าประชุมพร๎อมกนั บริเวณพธิ แี ลว๎
๒) จะจัดให๎น่ังเก๎าอี้ หรือยนื ตามลาํ ดบั ความเหมาะสม ข๎าราชการแตงํ เครื่องแบบ เต็มยศ อยดํู ๎านหน๎า ผ๎ูมีเกียรติ
พอํ คา๎ คฤหบดี ประชาชนทไ่ี มํไดแ๎ ตงํ เครื่องแบบ ควรอยดํู า๎ นหลงั ผท๎ู แี่ ตงํ เครอื่ งแบบเตม็ ยศ
๓) ประธานเข๎าสํูห๎องประชุม เดินตรงไปยืนท่ีหน๎าโต๏ะหมูํประดิษฐานพระบรม ฉายาลักษณ์ หรือพระบรม
สาทสิ ลักษณ์
๔) เปดิ กรวยที่ปดิ กระทงดอกไม๎ธูปเทียนแพออกวางไว๎ดา๎ นขา๎ ง
๕) ถอยออกมา ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ หรอื พระบรมสาทสิ ลักษณ์
๖) เจ๎าหนา๎ ทส่ี งํ คาํ ประกาศสดุดีเฉลมิ พระเกยี รตถิ วายพระพรชัยมงคลให๎ประธานพธิ ี

69

๗) ประธานพิธีอํานคําสดุดีเฉลมิ พระเกียรติถวายพระพรชยั มงคล จบ
๘) ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสรญิ พระบารมี จบ
๙) ประธานพธิ ี และผ๎รู ํวมพิธีถวายความเคารพพร๎อมกัน
๑๐) เสรจ็ พิธี
แบบท่ี ๓ การลงนามถวายพระพรชัยมงคลและบาเพ็ญกลุ ถวายเปน็ พระราชกุศล
๑) จัดเตรยี มตกแตํงสถานท่ี ห๎องประชุมหรอื ห๎องโถง หรือศาลาประชาคม ตามความ เหมาะสมของสถานที่
๒) ตกแตํงประดับธงชาติ ติดแผงพระปรมาภิไธยยํอ ภปร. ตามประทีปโคมไฟ ตามระเบียบท่ีทางราชการ
กําหนดไว๎
๓) จัดเตรียมอาสน์สงฆ์ สําหรับพระสงฆ์นั่ง ๑๐ รูป (อาสน์สงฆ์จะต๎องสูงกวําเก๎าอ้ีท่ี ประธานพิธี ข๎าราชการ
หรือผู๎รํวมพิธีน่ัง ถ๎าจัดงานพิธีตอนเช๎าควรจะเริ่มเวลาประมาณ ๙๐.๐๐ น. ถ๎ามีการถวายภัตตาหารพระสงฆ์ จะต๎องมี
การจดั เตรียมสถานทไ่ี ว๎ใหพ๎ ร๎อม)
๔) จัดเตรียมนิมนต์พระสงฆ์ไว๎กํอนวันงานพิธี (ให๎หมายเหตุไว๎ท๎ายฎีกานิมนต์ใช๎พัดยศ โปรดถึงกํอนเวลา) แจ๎ง
พระสงฆ์ให๎ชัดเจน
๕) จดั เตรยี มอุปกรณเ์ คร่ืองใชพ๎ ิธบี ําเพ็ญกุศลในงานมงคล
๖) จดั เตรยี มเครอื่ งรบั รองพระสงฆ์
๗) จัดเตรียมเคร่ืองไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๘) จัดเตรียมโตะ๏ หมํูประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู จาํ นวน ๑ ชดุ ตงั้ ไวท๎ ี่หัวอาสนส์ งฆ์ พรอ๎ มจัดแตงํ ดอกไม๎ธูปเทียนให๎
พร๎อม
๙) จัดต้ังโต๏ะหมํู ๕ หรือ หมํู ๗ หรือ หมูํ ๙ จํานวน ๑ ชุด แล๎วแตํความสะดวกและ ความเหมาะสม ประดับ
แจกันดอกไม๎ พุํมดอกไม๎ อัญเชิญพระบรมรูป หรือพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ ประดิษฐานบนโต๏ะ
หมูํตัวกลางแถวบน (ตัวสูงสุด) หรือจะประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ บนขาหยั่งก็ได๎ แตํโต๏ะ
หมูํตัวกลางแถวบน (ตัวสูงสุด) ไมํควรวางสิ่งใดเสมือนประหนึ่งวําพระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์
ประดษิ ฐาน อยํูบนโต๏ะหมํูตัวสงู น้ัน
๑๐) ต้งั พานธูปเทยี นแพและกรวยดอกไม๎สดไว๎บนโต๏ะหมํูตวั กลางหรอื ตวั ลําง แถวกลาง
แนวทางปฏิบัตงิ าน
๑) เมื่อขา๎ ราชการ ผู๎มเี กยี รติ พรอ๎ มกนั ยังมณฑลพิธี เจา๎ หนา๎ ที่รบั รองเชิญขา๎ ราชการ ผู๎มีเกียรติ น่ังตามลําดับชั้น
ตําแหนํง
๒) เจา๎ หนา๎ ทพี่ ิธจี ดั เตรียมพธิ กี ารตาํ ง ๆ ให๎เรยี บร๎อยพรอ๎ มท่จี ะปฏบิ ัตงิ าน
๓) ใกล๎ถึงเวลาท่ีประธานจะเข๎าสูํมณฑลพิธี เจ๎าหน๎าท่ีพิธีการนิมนต์พระสงฆ์ข้ึนนั่งยัง อาสน์สงฆ์ ให๎ต้ังพัดยศ
ของพระสงฆแ์ ตํละรปู ไวท๎ างด๎านโตะ๏ หมํูบชู า (หรอื กอํ นพระสงฆ์แตลํ ะรูป)
๔) ประธานพิธีเดินเข๎าสูํมณฑลพิธี ข๎าราชการและผู๎มีเกียรติทุกทํานที่นั่งรอรับประธานพิธี ลุกข้ึนยืนด๎วยความ
เคารพ เพื่อเป็นการรับประธานพิธี
๕) ประธานพิธีตรงไปท่ีโต๏ะหมํูเคร่ืองบูชา จุดธูปเทียนเคร่ืองนมัสการบูชาพระรัตนตรัย กราบที่แทํนกราบ ๓
ครง้ั
๖) ถวายความเคารพพระบรมฉายาลกั ษณ์ (คํานบั )
๗) นัง่ ยังเกา๎ อปี้ ระธานที่จัดเตรยี มไว๎
๘) เจ๎าหน๎าทอ่ี าราธนาศลี
๙) ประธานพธิ ี และผูม๎ เี กียรตปิ ระนมมอื รับศีลจบ

70

๑๐) ประธานพิธีลุกจากที่นั่ง เดินไปยังโต๏ะหมูํที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ ผ๎ูมีเกียรติ ทุกทํานยืนพร๎อม
กบั ประธานพิธี

๑๑) ประธานพิธีเปิดกรวยดอกไม๎ธูปเทียนแพออกวางไว๎ด๎านข๎างพานธูปเทียนแพ แล๎ว ถอยหลังออกมา
ประมาณ ๑-๒ กา๎ ว

๑๒) ประธานถวายความเคารพ (คํานับ) พระบรมฉายาลักษณ์ ผู๎รํวมพิธีทุกทําน ถวายความเคารพพร๎อมกับ
ประธานพิธี

๑๓) ประธานพิธีอํานคําสดุดีเฉลิมพระเกียรติถวายพระพรชัยมงคล จบ ถวายความเคารพ พร๎อมด๎วยผู๎ท่ีอยูํใน
พิธที ั้งหมด (ขณะนี้พระสงฆเ์ จรญิ ชยั มงคลคาถา ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญ พระบารมี จบ) ถวายความเคารพพร๎อม
กนั

๑๔) ประธานพธิ ีกลบั ไปนัง่ ยงั เก๎าอ้ีท่ีเดมิ
๑๕) (กรณมี กี ารเจรญิ พระพุทธมนต์) เจ๎าหน๎าที่อาราธนาพระปรติ ร
๑๖) พระสงฆ์เจริญพระพทุ ธมนต์ (หากไมมํ กี ารเจริญพระพทุ ธมนต์ ไมํต๎องอาราธนา พระปริตร เม่ือประธานพิธี
กลบั มานัง่ ยงั เก๎าอเ้ี รยี บรอ๎ ยแลว๎ พระสงฆส์ วดถวายพรพระ จบ)
๑๗) ถวายภัตตาหารแดํพระสงฆ์ เมอื่ พระสงฆฉ์ นั ภัตตาหารเรยี บรอ๎ ยแลว๎
๑๘) เจ๎าหนา๎ ทต่ี ง้ั เครอื่ งจตปุ จั จัยไทยธรรมเบ้อื งหน๎าพระสงฆ์
๑๙) เชิญประธานพิธี และขา๎ ราชการผ๎ูใหญํถวายจตุปจั จยั ไทยธรรมแลว๎ กลับน่งั ทเ่ี ดมิ
๒๐) พระสงฆ์ตง้ั พดั ยศอนุโมทนา และถวายอดเิ รกแดพํ ระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยูํหัว
๒๑) ประธานพธิ กี รวดนา้ํ รบั พร
๒๒) ประธานพิธีลุกไปกราบที่แทํนกราบหน๎าเคร่ืองนมัสการโต๏ะหมูํบูชาพระรัตนตรัย (ผ๎ูรํวมพิธียืนพร๎อมกับ
ประธาน)
๒๓) ประธานพิธีเดินไปยังหน๎าโต๏ะหมํูประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยูํหัว ถวาย
ความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ ผร๎ู วํ มพธิ ีถวายความเคารพพร๎อมกับ ประธาน
๒๔) เจ๎าหนา๎ ท่ีนมิ นต์พระสงฆล์ งจากอาสนส์ งฆ์
หมายเหตุ
๑) พระสงฆใ์ ช๎พดั ยศ
๒) ประธานสงฆท์ ีถ่ วายอดเิ รกจะต๎องมสี มณศักด์เิ ป็นพระราชาคณะหรือพระครูเจ๎าคณะ จังหวัด พระครูรองเจ๎า
คณะจังหวดั พระครูเจ๎าอาวาสพระอารามหลวงชัน้ เอก ซงึ่ ถือพดั เปลวเพลงิ เทํานน้ั
๓) เม่ือประธานสงฆ์ถวายอดิเรกแดํพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ประธานพิธีและ ผ๎ูรํวมพิธีลดมือลง จบคํา
ถวายอดเิ รกแล๎ว เมือ่ พระสงฆร์ ูปท่ี ๒ รับ “ภะวะตุ สพั พะมงั คะลงั ...” จึงยกมอื ขนึ้ ประนมไปจนจบ
๔) กาํ หนดการแตงํ กาย ขา๎ ราชการแตํงเคร่ืองแบบเต็มยศ
๕) หากเป็นวันเฉลมิ พระชนมพรรษาพระองคใ์ ด ให๎ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระองค์น้ัน เชํน วันเฉลิม
พระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว ก็ให๎ประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระ
เจา๎ อยูํหวั เปน็ ตน๎
๖) วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงอนุโลม จัดพิธีตามน้ี แตํประธานสงฆ์
ถวายอดเิ รก สมเดจ็ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ (ขา๎ ราชการ แตงํ เครอื่ งแบบปกตขิ าว)
๗) วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงอนุโลมจัดพิธีการตามนี้ แตํ
ไมมํ ีการถวายอดเิ รก (ข๎าราชการแตงํ เคร่อื งแบบปกติขาว)

71

การถวายผา้ พระกฐินพระราชทาน

การถวายผา๎ กฐิน เปน็ กาลทาน เนื่องจากพระผม๎ู พี ระภาคเจา๎ ได๎ดาํ ริ ถงึ ความยากลาํ บาก ของพระภกิ ษุ
๓๐ รูป ชาวเมืองไฐยยะ ท่ีเดินทางมายงั พระเชตวนั วิหาร ด๎วยหวังจะเข๎าเฝูาพระผ๎ูมีพระภาคเจ๎า แตํเมื่อเดินทางมายังไมํ
ถึงท่ีประทับของพระผ๎ูมีพระภาคเจ๎าก็ถึงกาลเข๎าพรรษา เสียกํอน จึงจําเป็นต๎องพักจําพรรษา ณ เมืองสาเกต คร้ันเมื่อ
ออกพรรษากร็ บี เดนิ ทางผํานโคลนตม ซ่งึ มนี าํ้ อยูํในหลุมในบํอทาํ ให๎จวี รเปรอะเปือ้ นโคลนตม พระผ๎ูมีพระภาคเจ๎าจึงได๎ให๎
ประชุมสงฆ์ และทรงอนุญาตให๎ภิกษุรับผ๎ากฐินเพื่อนําไปตัดไตรจีวรได๎เม่ือออกพรรษาแล๎ว ด๎วยทรงพิจารณา เห็นวํา
“กินตถาโร จ นาเมส สพพพุทเธหิ อนุญญาโต คือ การกรานกฐินน้ีพระพุทธเจ๎า ทุกพระองค์ได๎ทรงอนุญาตมา” ดังน้ัน
การถวายผ๎ากฐนิ จงึ เปน็ กาลทานตามพระวินัยปฎิ กได๎ กําหนดกาลไว๎ คือ ตงั้ แตวํ นั แรม ๑ ค่ํา เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ คํ่า
เดอื น ๑๒ ซงึ่ เป็นงานบุญ ทม่ี ีปลี ะครั้ง สําหรับการถวายผา๎ กฐนิ ในปจั จบุ นั

๑) พระกฐินหลวง คือ ผ๎าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ผู๎ทรงเป็นเอกอัคร พุทธศาสนูปถัมภก เสด็จ
พระราชดําเนินไปถวายผ๎าพระกฐนิ ด๎วยพระองค์เอง หรือทรงพระกรุณา โปรดเกล๎าฯ ให๎สมเด็จพระราชินี พระราชโอรส
พระราชธิดา พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี หรือ บุคคลผู๎หน่ึงผู๎ใด เสด็จไป หรือ ไปถวายแทนพระองค์ตามหมายของ
สํานักพระราชวัง

๒) พระกฐินพระราชทาน คือ ผ๎าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว พระราชทาน แกํกระทรวง ทบวง
กรม องค์การ สโมสร สมาคม หรอื เอกชนผู๎มเี กยี รติ ขอพระราชทานผําน กรมการ
ศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม เพอ่ื นําไปถวายพระอารามหลวง

๓) กฐินทวั่ ไปหรอื กฐินราษฏร์ คือ ผา๎ กฐนิ ทพี่ ทุ ธศาสนิกชนผ๎ูมีศรัทธานาํ ไปถวาย ณ วดั ตาํ ง ๆ ท่ีไมํใชํพระอาราม
หลวง พุทธศาสนิกชนกับทางวดั ท่จี ะนาํ ไปถวาย โดยการไปกราบ นมสั การกบั เจ๎าอาวาสนั้นวํา “มีความประสงค์จะนําผ๎า
กฐินมาถวายพระสงฆ์จําพรรษา ณ อารามนี้ และสามารถกําหนดวันท่ีจะนําผ๎ากฐนิ มาถวายกบั ทางวัดให๎เรียบร๎อย”

พระอารามหลวง ๑๖ พระอาราม ท่สี งวนไวไ๎ มํให๎มีการขอพระราชทานผา๎ พระกฐนิ มดี ังน้ี
๑. วัดพระเชตพุ นวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร
๒. วดั อรุณราชวราราม กรุงเทพมหานคร

72

๓. วดั ราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร
๔. วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร
๕. วัดเบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม กรุงเทพมหานคร
๖. วัดบวรนิเวศวิหาร กรงุ เทพมหานคร
๗. วดั ราชบพิธสถิตมหาสมี ารามกรงุ เทพมหานคร
๘. วัดสทุ ศั นเทพวรารามกรงุ เทพมหานคร
๙. วัดราชาธิวาสกรงุ เทพมหานคร
๑๐. วดั มกฏุ กษตั รยิ ารามกรุงเทพมหานคร
๑๑. วัดเทพศริ ินทราวาสกรุงเทพมหานคร
๑๒. วัดมหาธาตยุ ุวราชรังสฤษฎี กรงุ เทพมหานคร
๑๓. วดั พระปฐมเจดียจ์ ังหวดั นครปฐม
๑๔. วัดนเิ วศธรรมประวตั จิ ังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา
๑๕. วดั สุวรรณดารารามจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
๑๖. วดั พระศรรี ตั นมหาธาตุจังหวัดพิษณุโลก
สําหรับในที่นจ้ี ะกลําวถึงการจดั พธิ ถี วายผ๎าพระกฐนิ พระราชทาน ซง่ึ ผูท๎ ข่ี อรับพระราชทาน สามารถนําไปใช๎เป็น
แนวทางในการปฏบิ ตั ิศาสนพิธีทมี่ ีความเกี่ยวข๎องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขั้นตอนแรกผ๎ูที่มีความประสงค์จะขอรับ
พระราชทานควรดาํ เนินการตามขัน้ ตอนตาํ ง ๆ ดงั น้ี

การจองกฐนิ พระราชทาน ผขู๎ อรับพระราชทานผา๎ พระกฐินไปถวายยังพระอารามหลวงใด ควรปฏบิ ัตดิ งั น้ี
สว่ นกลาง
๑) กรมการศาสนาจัดทําประกาศกรมการศาสนา เรื่องการขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐิน แล๎วแจ๎งให๎สํวน
ราชการ กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ บริษัทห๎างร๎าน สมาคม มูลนิธิ และ เจ๎าอาวาสพระอาร ามหลวง เพื่อแจ๎ง
กําหนดระยะเวลาท่ีจะทําการถวายผ๎าพระกฐนิ
๒) ในกรงุ เทพมหานคร ผ๎ขู อรับพระราชทานผ๎าพระกฐินสามารถแจง๎ จองกฐนิ พระราชทาน ได๎ดังน้ี
กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม โทร. ๐ ๒๔๒๒ ๘๘๐๒-๗
จองกับพระอารามหลวงโดยตรง (และตอ๎ งแจง๎ ใหก๎ รมการศาสนาทราบด๎วย)
๓) กรมการศาสนาจะแจ๎งกําหนดวันถวายผ๎าพระกฐินพระราชทานให๎ผู๎ขอรับ พระราชทานทราบ เพ่ือจะได๎
ประสานกําหนดวันถวายกับทางพระอารามหลวงตํอไป
๔) ผู๎ขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐินจะต๎องทําหนังสือถึงอธิบดีกรมการศาสนา เพ่ือขอรับพระราชทานผ๎าพระ
กฐนิ
๕) กรมการศาสนาทําหนังสือแจ๎งการรับจองพระอารามหลวงท่ีผู๎ขอรับพระราชทาน ผ๎าพระกฐินจะนําผ๎าพระ
กฐินพระราชทาน จํานวน ๑ ฉบับ และทําหนังสือนมัสการเจ๎าอาวาส พระอารามหลวงที่จะรับผ๎าพระกฐินพระราชทาน
จาํ นวน ๑ ฉบบั
๖) เมื่อกรมการศาสนาจัดเตรียมเคร่ืองพระกฐินพระราชทานเรียบร๎อยแล๎ว จะทํา หนังสือแจ๎งให๎ผ๎ูขอรับ
พระราชทานผ๎าพระกฐิน ให๎มารับผ๎าพระกฐินและเคร่ืองพระกฐิน พระราชทานด๎วยตนเอง ท่ีกองศาสนูปถัมภ์ กรมการ
ศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนาํ ไปถวาย ยงั พระอารามหลวงทไ่ี ด๎ขอพระราชทานไว๎
สว่ นภูมภิ าค
๑) กรมการศาสนาจดั ทาํ ประกาศกรมการศาสนา เรอื่ งการขอรับพระราชทานผ๎า พระกฐินแจ๎งไปยังผู๎วําราชการ
จังหวัด ให๎ทราบกําหนดระยะเวลาท่ีจะทําการถวายผ๎าพระกฐิน เพื่อจะได๎ประกาศให๎สํวนราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัท

73

ห๎างรา๎ น สมาคม มลู นิธิ ฯลฯ ภายในจงั หวัด ไดท๎ ราบท่วั กัน ให๎สาํ นักงานวฒั นธรรมจังหวัดเป็นผ๎รู บั ผิดชอบ และนมัสการ
ใหเ๎ จา๎ อาวาส พระอารามหลวงทราบ หรือขอรับพระราชทานผา๎ พระกฐินกับพระอารามหลวงโดยตรง

๒) ผูท๎ จ่ี ะขอรบั พระราชทานผา๎ พระกฐนิ สามารถจองกฐินพระราชทานได๎ ดงั นี้
สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดท่ีเป็นที่ตั้งพระอารามท่ีจะขอพระราชทานผ๎าพระกฐิน ไปถวาย (เมื่อรับจองแล๎ว ต๎องแจ๎งให๎
กรมการศาสนาทราบทนั ที)

กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โทร. ๐ ๒๔๒๒ ๔๘๐๒-๗
จองกบั พระอารามโดยตรง (และต๎องแจง๎ ใหก๎ รมการศาสนาทราบด๎วย)
๓) กรมการศาสนาจะแจ๎งกําหนดวันถวายผ๎าพระกฐินพระราชทานให๎ผ๎ูขอรับพระร าชทานทราบ เพ่ือ
ประสานงานกับทางวัด กําหนดวันถวายผ๎าพระกฐินพระราชทานตํอไป
๔) เมื่อผู๎ขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐินได๎จองพระอารามหลวง เพื่อขอรับพระราชทาน ผ๎าพระกฐินควร
ดําเนนิ การ ดังน้ี
ผู๎ขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐินพระราชทาน ต๎องทําหนังสือถึงวัฒนธรรมจังหวัด เพ่ือแจ๎งให๎กรมการศาสนา
ทราบ
ผ๎ูขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐินพระราชทาน ต๎องประสานงานกับเจ๎าอาวาส พระอารามหลวง ทําหนังสือถึง
วัฒนธรรมจงั หวดั เพือ่ แจ๎งให๎กรมการศาสนาทราบ
ผขู๎ อรบั พระราชทานผ๎าพระกฐนิ พระราชทาน ต๎องทําหนังสอื แจ๎งกรมการศาสนาทราบ
๕) กรมการศาสนามหี นังสือแจง๎ การรบั จองพระอารามหลวงทผ่ี ข๎ู อรบั พระราชทาน ผ๎าพระกฐินทราบ จํานวน ๑
ฉบบั และทําหนังสือนมัสการให๎เจ๎าอาวาสพระอารามหลวงที่ผ๎ูขอรับ พระราชทานผ๎าพระกฐินจอง เพ่ือขอพระราชทาน
ผา๎ พระกฐินไปถวาย จํานวน ๑ ฉบับ
๖) เม่ือกรมการศาสนาจัดเตรียมเคร่ืองพระกฐินพระราชทานเรียบร๎อยแล๎ว จะทํา หนังสือสอบถามผ๎ูขอรับ
พระราชทานผ๎าพระกฐินวํา “มีความประสงค์จะรับเคร่ืองพระกฐิน พระราชทานที่กรมการศาสนาด๎วยตนเอง หรือมี
ความประสงค์จะให๎กรมการศาสนาจัดสํงไปยัง สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัด ในจังหวัดซึ่งเป็นสถานท่ีตั้งของพระอาราม
หลวงทไี่ ดจ๎ องไว๎”
๗) กรมการศาสนาทําหนังสือแจ๎งผ๎ูขอรับพระราชทานผ๎าพระกฐิน เพ่ือให๎ไปรับ เครื่องพระกฐินพระราชทานที่
กรมการศาสนา หรอื สํานกั งานวฒั นธรรมจงั หวัด แล๎วแตํกรณี ตามความประสงคข์ องผ๎ขู อรบั พระราชทาน
การเตรยี มการ
๑) การเตรยี มสถานทถ่ี วายผ๎าพระกฐินพระราชทานในพระอุโบสถ (ตามแผนผังการจัด สถานท่)ี
๒) จดั ทาํ กําหนดการถวายผ๎าพระกฐนิ พระราชทาน เพอื่ ให๎มีความเรยี บรอ๎ ยสวยงาม และสมพระเกยี รติ
๓) จัดเตรียมโต๏ะหมํูบูชา ประดับแจกัน พุํมดอกไม๎ โต๏ะหมูํตัวกลางสูงสุดประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์
พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว โต๏ะหมํูตัวกลางแถวกลางประดิษฐาน ผ๎าพระกฐินพระราชทาน ถัดลงมาตัวกลางแถวลําง
วางพานดอกไม๎ธูปเทยี นแพ (บนหลงั ธปู เทียนแพ มีกระทงดอกไมก๎ รวยครอบ)
๔) ตรวจสอบเคร่ืองพระกฐินพระราชทานครบตามจํานวนทก่ี รมการศาสนากาํ หนดไว๎
๕) จัดเตรยี มเทียนชนวน ท่ีกรวดน้าํ คําถวายผา๎ พระกฐนิ พระราชทาน
๖) จัดเตรียมพานสําหรบั ประดษิ ฐานผ๎าพระกฐินพระราชทาน เบ้ืองหน๎าพระบรมฉายาลักษณ์
๗) จดั เตรียมโต๏ะ พานแวนํ และพาน ตง้ั เบอื้ งหนา๎ พระสงฆร์ ปู ท่ี ๒ สําหรับวางเทียน ปาติโมกข์ และต้ังพานแวํน
ฟาู สําหรับใหผ๎ ขู๎ อรับพระราชทานผา๎ พระกฐนิ วางผา๎ พระกฐิน พระราชทานถวายพระสงฆ์
๘) จดั เตรยี มทีก่ รวดนา้ํ เทยี นชนวน

74

แนวทางปฏบิ ัติงาน
๑) จดั แตงํ ธปู เทียนเครื่องนมัสการพระพทุ ธปฏิมาในพระอุโบสถใหเ๎ รยี บรอ๎ ย
๒) จัดโต๏ะหมูํบูชาเพ่อื ประดษิ ฐานพระบรมฉายาลกั ษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั โตะ๏ หมํูแถวกลางตัวสูงสุด
ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ตัวกลาง โต๏ะหมํู แถวกลางประดิษฐานผ๎าพระกฐิน
พระราชทาน และโตะ๏ หมตูํ วั ลํางแถวกลางวางพาน ดอกไม๎ธปู เทยี นแพ
๓) ผา๎ พระกฐินพระราชทาน ใหน๎ าํ พลาสติกออก แล๎วจึงติดคําถวายบนผ๎าพระกฐิน พระราชทาน และวางผ๎าหํม
พระประธานไว๎บนคําถวายผ๎าพระกฐิน ควรใช๎เทปใสยึดติดให๎แนํน ปูองกันไมํให๎เล่ือนตก (สําหรับพระอารามหลวงท่ี
สังกดั คณะสงฆ์ธรรมยุต หรอื พระอารามหลวง ท่ีสงั กัดมหานกิ าย ซึง่ มอี ยํู ๕ พระอาราม ซึ่งมีผ๎าขาวให๎ใช๎ริบบ้ินผูกผ๎าขาว
ตดิ กับผ๎าพระกฐิน พระราชทานใหเ๎ รียบร๎อยกํอน แลว๎ จงึ ตดิ คําถวายไว๎บนผา๎ ขาว และนําผ๎าหํมพระประธานวางไว๎บน คํา
ถวาย ใชเ๎ ทปใสตดิ ให๎แนํนเพ่อื ปูองกันผ๎าหมํ พระประธานตก
คาถวายผา้ พระกฐนิ พระราชทาน
ประธานพธิ ีหันหน๎าไปยังพระประธานปฏิมากรประจาํ พระอโุ บสถ
กลําว นโม ๓ จบ
“นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสมพทุ ธสส”
“นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสมพทุ ธสส”
“นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมาสมพุทธสส”
หนั หน๎าไปทางพระสงฆ์ กลาํ วคําถวายผ๎าพระกฐนิ พระราชทาน
“ผ๎าพระกฐินทานกับทั้งผ๎าอานิสงสบริวารท้ังปวงน้ี ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธบิ ดี จกั รนี ฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ผู๎ทรงพระคณุ อันประเสริฐ กอปรด๎วยพระราช
ศรัทธา โปรดเกลา๎ โปรดกระหมํอมให๎ ...................(กลาํ วชอ่ื หนวํ ยงาน หรอื องค์กรผขู๎ อรบั พระราชทาน)
นอ๎ มนาํ ถวายแดํพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจําพรรษากาลถ๎วนไตรมาสในอาวาสวิหารน้ี ขอพระสงฆ์จงรับผ๎าพระกฐินทาน กระทํา
กฐนิ ตั ถารกจิ ตามพระบรมพุทธานุญาตน้ัน เทอญ”
๔) เม่ือใกล๎ถึงเวลาตามกําหนดการ ให๎อัญเชิญผ๎าพระกฐินพระราชทานวางไว๎บนตะลุํมมุก หรือพานเบ้ืองหน๎า
พระบรมฉายาลกั ษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูหํ ัว
๕) เครื่องบริวารผ๎าพระกฐินพระราชทาน ให๎นําออกจากกลํองหรือพลาสติก แล๎วจัดใสํ ตะลํุมหรือพานหรือ
ภาชนะทเี่ หมาะสม และจดั วางให๎เรียบรอ๎ ยสวยงาม
๖) จัดโต๏ะปด๎วยผ๎าขาว ตั้งไว๎ทางท๎ายอาสน์สงฆ์ สําหรับวางเครื่องบริวารผ๎าพระกฐิน และเคร่ืองจตุปัจจัยไทย
ธรรมท่จี ดั ถวายพระภกิ ษสุ ามเณร

การถวายผ้ากฐนิ หรอื การทอดกฐนิ

การถวายผ๎ากฐินหรือการทอดกฐิน ถือเป็นการถวายทานท่ีมีกาลเวลา คือ เป็นการถวายทาน ภายหลังวันออก
พรรษา คอื ในระหวาํ งวันแรม ๑ ค่ํา เดือน ๑๑ จนถึงวันเพ็ญ เดือน ๑๒ (ข้ึน ๑๕ ค่ํา เดือน ๑๒) และเพื่อให๎ได๎ทราบถึง
สาเหตุทพ่ี ระพุทธเจา๎ ไดท๎ รงอนุญาตใหภ๎ กิ ษรุ บั กฐิน และตํอมาพุทธศาสนิกชนได๎ถือเป็นการบําเพ็ญบุญสืบตํอกันมาตราบ
เทาํ ทกุ วนั น้ี ดังนี้

คร้งั หนง่ึ ภกิ ษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๓๐ รูป มีความประสงค์จะไปเฝูาพระพุทธเจ๎า ณ เมืองสาวัตถีจึงพากัน
เดินทางจากเมืองปาฐาไปเมืองสาวัตถี แตํพอไปถึงเมืองสาเกต ซึ่งอยูํใน ระยะทางหํางจากเมืองสาวัตถีประมาณ ๖
ประโยชน์ จึงจะถึงเมอื งสาวตั ถี กเ็ ป็นวันซ่ึงพระภกิ ษุ ต๎องเข๎าพรรษา ภิกษุเหลํานน้ั จะเดนิ ทางตํอไปไมํได๎ จึงจําพรรษาอยูํ
ณ เมืองสาเกต ในระหวําง พรรษามีความร๎อนรนอยากจะเข๎าเฝูาพระพุทธเจ๎า พอออกพรรษาก็เดินทางไปเมืองสาวัตถี

75

โดยเร็ว ในเวลาน้ัน ฝนยังตกมากอยูํ การเดินทางจึงถูกโคลนตมทําให๎เปรอะเปื้อน เม่ือถึงเมืองสาวัตถี ภิกษุเหลําน้ันได๎
เข๎าเฝูาพระพุทธเจ๎า พระองค์ทรงทราบความลําบากของภิกษุเหลํานั้น จึงทรงอนุญาต ให๎ภิกษุทําพิธีกรานกฐินใน
ระยะเวลาภายหลังออกพรรษาไปแล๎ว ๑ เดือน ภกิ ษุท่ไี ดร๎ บั กฐนิ และ กรานกฐินแล๎ว ยอํ มได๎อานสิ งส์
๕ ประการ ตามพระวินัย คอื

๑) เขา๎ บา๎ นโดยไมํตอ๎ งบอกลาภิกษุดว๎ ยกัน
๒) เดนิ ทางโดยไมตํ ๎องเอาผ๎าไตรจีวรไปครบสํารบั (ผ๎าไตร ประกอบด๎วย สบง ๑ ผนื จวี ร ๑ ผืน และ
สังฆาฏิ ๑ ผืน)
๓) ฉนั อาหารโดยลอ๎ มวงกันได๎
๔) เกบ็ จวี รที่ยงั ไมํตอ๎ งการใช๎ไวไ๎ ด๎
๕) ลาภท่ีเกดิ ขึน้ ให๎ตกเปน็ ของภกิ ษทุ ี่จาํ พรรษาในวัดนัน้ ซง่ึ ได๎กรานกฐินแล๎ว
การทอดกฐินนั้น เม่ือผู๎มศี รัทธาประสงค์จะนําผ๎ากฐินไปทอด ณ วัดใดวัดหน่ึงก็ตาม ผู๎มีศรัทธานั้นจะต๎องไปจอง
ไว๎กับเจ๎าอาวาส หรือบอกกลําวให๎พระสงฆ์วัดน้ัน ๆ ทราบลํวงหน๎ากํอน วําในปีน้ีจะนํากฐินมาทอด ณ วัดน้ี เพื่อทางวัด
จะไดป๎ ระกาศให๎ทายกทายิกาหรือผ๎ูมีศรัทธารายอ่ืน ๆ ได๎ทราบวํา ในพรรษากาลนี้มีผ๎ูจองกฐินมาทอด ณ วัดน้ีแล๎ว บาง
กรณีผ๎ูศรัทธาไมํได๎แจ๎งให๎พระสงฆ์ ได๎ทราบไว๎กํอนลํวงหน๎า แตํได๎นํากฐินไปทอดในทันทีท่ีไปถึงวัดนั้น จะเรียกวํา “กฐิน
จร”
การเตรียมการ
๑) จัดเตรียมผ๎าไตรกฐิน จํานวน ๑ ไตร (ถ๎าเป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ต๎องเตรียม ผ๎าขาว ๑ พับ ยาว
ประมาณ ๘-๑๐ เมตร วางบนผา๎ ไตรกฐินดว๎ ย และจัดเตรยี มสีย๎อมผ๎า (สกี ลัก) หรอื สีตามจีวรที่วัดนั้น ๆ ใช๎)
๒) ไตรจีวร สําหรบั ถวายคูสํ วด ๒ ไตร
๓) ของอื่น ๆ ท่ีพระสงฆใ์ ช๎ไดต๎ ามความเหมาะสม ซง่ึ ถือเป็นบรวิ ารกฐนิ
๔) จตุปัจจยั ไทยธรรมสาํ หรับถวายพระสงฆ์อันดบั ตามจาํ นวนพระสงฆส์ ามเณรในวดั นน้ั
๕) ปัจจัยสาํ หรบั ไว๎ใช๎จาํ ยในการกอํ สร๎างหรอื บํารุงถาวรวตั ถใุ นอาราม
๖) เทียนปาตโิ มกข์ จํานวน ๑ ชุด (เทียนขาว จํานวน ๒๔ เลมํ )
๗) พานแวํนฟาู สําหรับวางผ๎าไตรกฐนิ และพานวางเทยี นปาตโิ มกข์
๘) ดอกไม๎ ธปู เทียน สําหรับถวายพระภิกษุสามเณร
แนวทางการปฏิบตั งิ าน (กอ่ นเข้าสู่พธิ ีการ)
๑) ถ๎าเจา๎ ภาพมคี วามประสงค์จะใหม๎ กี ารฉลององค์กฐิน จัดพิธีเชํนเดยี วกับงานมงคล ตําง ๆ ดังที่กลําวไว๎แล๎วใน
เรอ่ื งการดําเนินงานพธิ มี งคล
๒) จดั โตะ๏ หมูหํ รือโตะ๏ ผ๎าไตรกฐนิ และบริวารกฐนิ เพ่มิ ขน้ึ อกี ๑ ที่ จากการตง้ั โตะ๏ หมํู บชู าพระรตั นตรยั
๓) เมือ่ ถึงวันที่จะนาํ กฐนิ ไปทอดยงั วดั ท่ีได๎จองไว๎ จะให๎มีการแหแํ หนไปยังวัดนนั้
๔) เมื่อถึงวัดจะให๎มีการนําองค์กฐินไปเวียนประทักษิณรอบอุโบสถกํอน ๓ รอบ ก็ได๎ หรือจะนําองค์กฐินเข๎าไป
ยังอุโบสถโดยไมตํ อ๎ งเวียนประทกั ษณิ ก็ได๎
๕) เม่อื เข๎าสูํสถานทีท่ ี่ถวายผ๎ากฐินและบริวารกฐิน (โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ หรือ สถานที่ท่ีทางวัดเห็นวํา
เหมาะสม) แลว๎ ใหจ๎ ัดวางผ๎ากฐนิ และบริวารกฐนิ ใหเ๎ รียบรอ๎ ยสวยงาม
แนวทางการปฏิบตั ิงาน
๑) เมื่อถึงเวลาพระสงฆล์ งสอูํ โุ บสถหรือศาลาการเปรียญ และนงั่ ยังอาสนส์ งฆเ์ รียบร๎อยแลว๎
๒) ประธานพธิ ีหรอื เจ๎าภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรตั นตรัย (กราบ ๓ ครงั้ )
๓) ประธานพิธีหรือเจา๎ ภาพประเคนพัดรองหรอื ตาลปัตรทีร่ ะลกึ แดปํ ระธานสงฆ์
๔) เจา๎ หน๎าที่พธิ อี าราธนาศีล

76

๕) ประธานสงฆ์ใหศ๎ ีล
๖) ประธานพิธีหรือเจา๎ ภาพ และผูร๎ ํวมอนโุ มทนาการทอดกฐินรับศีลพร๎อมกนั
๗) ประธานพิธหี รอื เจา๎ ภาพหยบิ ผา๎ หํมพระประธานมองใหไ๎ วยาวัจกรหรหรือเจา๎ หน๎าที่
๘) ประธานพิธหี รอื เจา๎ ภาพหยบิ ผ๎าไตรกฐนิ ทพ่ี านแวนํ ฟาู ขนึ้ อม๎ุ ประคองประนมมือ หันหนา๎ ไปทาง
พระประธาน กลําว “นะโม ๓ จบ”

“นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ”
๙) หันหนา๎ ไปทางพระสงฆ์ กลําวคําถวายผา๎ กฐิน ดงั น้ี

แบบท่ี ๑
“อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง,
กะฐินะทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง อัตถะระตุ, อัมหากัง ทีฆะรัตตั้ง, หิตายะ,
สุขายะ”
“ข๎าแตํพระสงฆ์ผู๎เจริญ, ข๎าพเจ๎าทั้งหลาย, ขอน๎อมถวายผ๎ากฐินกับทั้งบริวารนี้, แดํพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์จงรับ,
ผ๎ากฐินกับทั้งบริวารนี้, ของข๎าพเจ๎าทั้งหลาย, ครั้นรับแล๎ว, จงกรานกฐินด๎วยผ๎าผืนน้ี, เพ่ือประโยชน์, และความสุข, แกํ
ข๎าพเจ๎าท้ังหลาย, ตลอดกาลนาน เทอญ.
แบบท่ี ๒
“อมิ ัง, สะปะริวารงั , กะฐนิ ะจวี ะระทสุ สงั , สังฆสั สะ, โอโณชะยามะ. ทุติยัมปิ, อิมัง, สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระ
ทุสสงั , สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ ตะติยมั ปี, อิมัง, สะปะรวิ ารัง, กะฐินะจวี ะระทสุ สัง, สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ”
“ข๎าพเจา๎ ทัง้ หลาย, ขอนอ๎ มถวายผ๎าจวี รกฐิน, พร๎อมกับของบริวารนี้, แดํพระสงฆ์ แม๎ครั้งที่ ๒ ข๎าพเจ๎าทั้งหลาย,
ขอน๎อมถวายผ๎าจวี รกฐิน, พรอ๎ มกบั ของบรวิ ารน้ี, แดํพระสงฆ์
แมค๎ ร้ังท่ี ๓ ข๎าพเจ๎าทง้ั หลาย, ขอน๎อมถวายผา๎ จีวรกฐนิ , พร๎อมกบั ของบรวิ ารนี้ แตํพระสงฆ์ ”
๑๐) ประธานพิธีหรือเจ๎าภาพวางผ๎าไตรบนพานแวํนฟูา ณ เบื้องหน๎าพระสงฆ์ แล๎วยกประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒
(ต๎องประสานกับพระสงฆ์ เนื่องจากวัดบางวัดให๎วางไว๎ ณ เบ้ืองหน๎าพระสงฆ์ และพระสงฆ์จะประกอบพิธีอปโลกน์กฐิน
โดยประธานพิธหี รือเจ๎าภาพ ไมตํ ๎องประเคนผา๎ ไตรกฐนิ )
๑๑) ประธานพธิ ีหรือเจา๎ ภาพยกเทยี นปาตโิ มกขป์ ระเคนพระสงฆร์ ูปท่ี ๒
๑๒) พระสงฆป์ ระกอบพธิ อี ปโลกนก์ ฐิน
๑๓) ประธานพธิ ีหรอื เจา๎ ภาพประเคนบริวารกฐิน และเครือ่ งไทยธรรม
๑๔) เจ๎าหน๎าท่ีประกาศยอดเงนิ ของกฐนิ
๑๕) ประธานพธิ หี รือเจา๎ ภาพถวายยอดปัจจัยบาํ รงุ วัดแตํประธานสงฆ์
๑๖) พระสงฆอ์ นโุ มทนา
๑๗) ประธานพธิ ีหรือเจา๎ ภาพกรวดนา้ํ -รบั พร
๑๘) ประธานพิธีหรือเจา๎ ภาพกราบพระประธาน (กราบ ๓ ครัง้ )
๑๙) ประธานพธิ ีหรือเจ๎าภาพกราบลาพระสงฆ์
๒๐) เสร็จพิธี

77

การถวายผ้าปา่ (สามคั คี)

การถวายผ๎าปุา ไมํใชํเป็นการถวายทานตามกาลเชํนการทอดกฐิน แล๎วแตํใครมีศรัทธา จะทําเม่ือไร ก็รวบรวม
นดั หมายญาตมิ ิตรพรรคพวกทอดถวายเมือ่ น้นั ผา๎ ปุา ครั้งพุทธกาล เรียกวํา ผ๎าบังสุกุลจีวร คือ ผ๎าเปื้อนฝุนที่ไมํมีเจ๎าของ
หวงแหนทง้ิ อยูํตามปุาบ๎างปุาชา๎ บ๎าง ตามถนนหนทางบา๎ ง แขวนหอ๎ ยอยูตํ ามก่ิงไมบ๎ ๎าง ซึง่ ครัง้ พุทธกาล
ทรงอนุญาตให๎ภิกษุแสวงหาผ๎าบังสุกุล คือ ผ๎าเปื้อนฝุนท่ีไมํมีเจ๎าของเขาทิ้งแล๎ว หรือผ๎าที่เขาหํอซากศพทิ้งไว๎ตามปุาช๎า
และเศษผา๎ ท่ี ทงิ้ อยํูตามถนนหนทาง นํามาซกั ฟอกตัดเย็บเป็นจวี รผืนใดผนื หนึ่งที่ต๎องการ แล๎วใช๎นุํงหํม พุทธศาสนิกชนผู๎
นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาสวํ นมากในสมัยนน้ั เหน็ ความลําบากของภิกษุในเรื่องน้ี มีความประสงฆ์จะบําเพ็ญกุศลซ่ึงไมํขัดตํอ
พระพุทธบัญญัติในขณะนั้น จึงได๎จัดหาผ๎าที่สมควรแกํ สมณะบริโภคไปทอดท้ิงไว๎ตามที่ตําง ๆ โดยมากเป็นปุาช๎าท่ีรู๎วํา
ภกิ ษผุ ู๎แสวงหาเดนิ ไป

การเตรียมการ
๑) จัดโต๏ะหมบํู ูชาพรอ๎ มเครอื่ งนมสั การ
๒) ต๎นผ๎าปาุ หรอื กองผา๎ ปุาซึ่งมผี ๎าไตร หรอื จีวร หรือสบง หรือผ๎าเชด็ ตวั สเี หลอื ง พาดไว๎ ที่กิ่งไม๎ ปักไว๎ในกระถาง
หรือกระป๋อง ซ่งึ บรรจขุ ๎าวสารและอาหารแหง๎ ตามศรัทธา
๓) ปัจจยั บาํ รุงวดั ตามศรัทธา
๔) เตรยี มการนมิ นต์พระสงฆ์
๕) อปุ กรณ์เครือ่ งใช๎ในงานพิธี
แนวทางการปฏิบตั งิ าน
๑) เมื่อพระสงฆข์ ้ึนนง่ั ยังอาสนส์ งฆ์
๒) ประธานพธิ หี รือเจ๎าภาพ จุดธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรยั (กราบ ๓ คร้ัง)
๓) เจา๎ หน๎าทอี่ าราธนาศลี
๔) ประธานพธิ ีหรือเจา๎ ภาพและผู๎รํวมพิธีรับศีลพร๎อมกนั
๕) กลาํ วรายงาน (กรณีมีการจดั ถวายผ๎าปุาท่ีมีวัตถุประสงค์ดําเนินกิจกรรม สาธารณประโยชน์ และมีการกลําว
รายงานเพอ่ื ต๎องการให๎ผท๎ู ีม่ ารํวมพิธไี ดท๎ ราบถึงวตั ถุประสงคข์ องการจัด พิธีถวายผ๎าปาุ )
๖) ประธานพิธหี รอื เจ๎าภาพประคองผา๎ ไตร
๗) ประธานพิธีหรือเจ๎าภาพ กลาํ ว “นะโม ๓ จบ”
๘) ประธานพธิ หี รอื เจ๎าภาพ กลําวคาํ ถวายผ๎าปุา ดงั นี้
“อิมานิ มะยัง ภันเต, บังสะกูละจีวะรานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณซะยา มะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุ
สงั โฆ, อิมาน,ิ ปงั สกุ ูละจวี ะรานิ, สะปะรวิ ารานิ, ปะฏคิ คัณหาตุ, อมั หากงั , ทฆี ะรตั ตั้ง, หติ ายะ, สุขายะ”
“ข๎าแตํพระสงฆ์ผ๎ูเจริญ, ข๎าพเจ๎าท้ังหลาย, ขอน๎อมถวาย, ผ๎าบังสุกุลจีวร, กับท้ัง สิ่งของบริวารเหลํานี้, แดํ
พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์, จงรับผ๎าบังสุกุลจีวร, กับทั้งสิ่งของ บริวารเหลํานี้ เพื่อประโยชน์ เพ่ือความสุข, แกํ
ขา๎ พเจ๎าทงั้ หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.”
๙) เมื่อกลําวคาํ ถวายจบ นําผา๎ ไตรจวี รไปวางไวท๎ ี่กิ่งไม๎ หรอื พาดยงั ท่ีที่จัดเตรียมไว๎
๑๐) นมิ นต์พระสงฆ์ลงมาพิจารณาผ๎าปุา (เจ๎าหน๎าท่ีเตรียมพัดรองหรอื ตาลปัตรใหพ๎ ระสงฆ)์
๑๑) ประธานพธิ ีหรือเจ๎าภาพประเคนจตปุ จั จยั ไทยธรรมแดํพระสงฆ์
๑๒) พระสงฆอ์ นโุ มทนา
๑๓) ประธานพิธหี รือเจ๎าภาพกรวดน้ํา-รบั พร
๑๔) เสรจ็ พธิ ี

78

การถวายทานต่าง ๆ

การถวายทาน เป็นที่นิยมของพุทธศาสนิกชนผ๎ูท่ีมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการ ทําบุญใน
พระพทุ ธศาสนา อนั เปน็ การทาํ นุบํารงุ ผทู๎ าํ หน๎าทศ่ี าสนทายาทในสํวนของพระภกิ ษุ สามเณร เนอ่ื งจากการถวายทานเป็น
สํวนหนึ่งซึ่งนับเข๎าในบุญกิริยาวัตถุ โดยถวายเป็นสังฆทานบ๎าง ปาฏิบุคลิกทานบ๎าง ตามเจตนารมณ์ศรัทธาของผ๎ูที่จะ
ถวายทานน้นั ๆ

การเตรยี มการ
๑) จดั เตรียมทานวตั ถุที่ตอ๎ งการถวายตามท่ีตนเองมีความประสงคจ์ ะถวาย ทีพ่ ระสงฆ์ ใช๎ไดไ๎ มผํ ดิ พระวนิ ัย
๒) ดอกไม๎ธูปเทียน เพือ่ จดุ บูชาพระรัตนตรัยและถวายพระสงฆ์
๓) แจง๎ ความประสงค์ทีจ่ ะถวายทานน้นั ๆ ใหพ๎ ระสงฆ์ทราบ
๔) นิมนต์พระสงฆ์ท่ีจะรับทาน
๕) สถานที่ หรอื นดั หมายสถานที่ทีจ่ ะถวายทานให๎พระสงฆ์ทราบ
แนวทางการปฏบิ ัติ
๑) พระสงฆม์ าถึงยังสถานท่ีจะทาํ พธิ ีถวายทาน (บ๎านหรือวดั ) ตามทกี่ าํ หนดและนิมนต์ พระสงฆ์ไว๎
๒) นิมนต์พระสงฆ์นั่งยงั อาสน์สงฆท์ ีจ่ ัดเตรยี มไว๎ตามจํานวนท่จี ะถวายทาน
๓) นาํ วตั ถุทานมาตงั้ วางเรยี งไว๎ ณ เบ้อื งหน๎าพระสงฆ์
๔) จดุ ธูปเทยี นบูชาพระรตั นตรยั กราบ ๓ คร้งั
๕) อาราธนาศีล ดังน้ี
“มะยงั ภันเต วิสุง วิสุง รกั ขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิยาจามะ. ทุติยัมปี มะยัง ภันเต วิสุง วิ
สุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะ
ระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ”
๖) พระสงฆ์ใหศ๎ ีล
๗) กลาํ วนะโม ๓ จบ
๘) กลําวคาํ ถวายทาน
๙) พระสงฆ์รบั “สาธุ”
๑๐) ผู๎ถวายทานประเคนวัตถุทานน้ัน ๆ (ถ๎าเป็นสิ่งของที่ใหญํหรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ให๎ใช๎การประเคนกลํุม
ด๎ายสายสิญจนท์ เ่ี นือ่ งมาจากวัตถนุ ั้น ๆ หรอื ใช๎วิธหี ลง่ั นาํ้ เพือ่ เปน็ การแสดงวํา ได๎ถวายส่ิงน้ีหรือสิ่งที่จะถวายเป็นของสงฆ์
แล๎ว)
๑๑) พระสงฆอ์ นุโมทนา
๑๒) ผู๎ถวายทาน กรวดนา้ํ -รับพร
๑๓) เสรจ็ พิธถี วายทาน

79

แนวทางการจดั งานมงคลพธิ ี

การจัดงานท่ีเป็นพิธีมีลําดับข้ันตอน เพื่อให๎การดําเนินกิจกรรมในพิธีตําง ๆ เป็นไป ด๎วยความเรียบร๎อย ดังนั้น
เพ่ือใหผ๎ ทู๎ ที่ ําหน๎าท่ีประธานพิธี ผ๎ูรํวมพธิ ีและผ๎ปู ฏิบตั ิงานพธิ ี มีความเขา๎ ใจตรงกัน ในการท่ีจะดําเนินกิจกรรมศาสนพิธีให๎
เป็นไปด๎วยความเรียบร๎อย ศาสนพิธีกร จะต๎องเป็นผ๎ูท่ีมีความรู๎ความเข๎าใจในลําดับข้ันตอน วิธีการ ลักษณะของการจัด
กจิ กรรมงานพิธีตาํ ง ๆ ไมวํ าํ จะเป็นงานมงคล งานอวมงคล กุศลพธิ ี หรอื งานบญุ พธิ ีอยํางชดั เจน เพื่อให๎การปฏิบัติงานพิธี
เปน็ ไปดว๎ ยความเรียบรอ๎ ย สวยงาม นํามาซง่ึ ความศรทั ธาเลือ่ มใสของผู๎ท่ีเข๎ารํวมพิธี

งานกุศลพธิ ี

งานกศุ ลพธิ ี คือ การจัดงานดว๎ ยปรารภเหตุการณส์ รา๎ งกศุ ลให๎แกตํ นเอง เพ่ือความเป็น สวัสดิมงคล ซึ่งบุคคลน้ัน
ๆ จะจัดเองหรือบุคคลอ่ืนจัดให๎ก็ได๎ เชํน การบรรพชาสามเณร การบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ การสมาทานศีล ๕
ศลี ๘ หรือการรักษาศลี อุโบสถ การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เป็นต๎น

พธิ แี สดงตนเป็นพทุ ธมามกะ
๑) ไปนมัสการพระอาจารยเ์ พ่ือแจ๎งความประสงค์ นดั วัน เวลา และนิมนตพ์ ระสงฆ์
๒) ในวันประกอบพิธี ผู๎แสดงตนแตํงกายชุดสีขาวล๎วน ชุดนักเรียน หรือชุดสุภาพสีอํอน พร๎อมกัน ณ สถานท่ี
ประกอบพธิ ี
๓) จุดธปู เทยี นบูชาพระรตั นตรัยเปลํงวาจาบูชาพระรตั นตรัย กราบ ๓ ครั้ง
๔) ถือพานเคร่ืองสักการะเข๎าไปหาพระอาจารย์ ณ ที่ชุมนุมสงฆ์ วางพานแล๎ว กราบ ๓ คร้ัง ยกพานเครื่อง
สกั การะถวาย กราบ ๓ คร้ัง
๕) เปลงํ วาจากลาํ วคาํ นมสั การ (นะโม ๓ จบ) และคําปฏญิ าณตนเปน็ พทุ ธมามกะ จบ
๖) เมือ่ พระสงฆ์รับวํา “สาธุ” แลว๎ กราบ ๓ ครงั้ น่ังราบกับพื้น ประนมมือรับฟังโอวาท จากพระอาจารย์ เมื่อจบ
โอวาทแล๎ว รับวํา “สาธุ” แลว๎ นง่ั คกุ เขาํ ประนมมือ อาราธนาศลี ๕ รบั ศลี จบแล๎ว กราบ ๓ ครงั้
๗) ประเคนจตปุ จั จัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ (ถา๎ ม)ี
๘) พระสงฆ์อนุโมทนา
๙) กรวดนาํ้ รับพร
๑๐) กราบ ๓ ครัง้ เปน็ เสร็จพิธี

คาบูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สกั กาเรนะ พทุ ธังปเู ชมิ
อมิ นิ า สกั กาเรนะ ธมั มงั ปเู ชมิ
อมิ นิ า สักกาเรนะ สังฆงั ปูเชมิ
(ถา๎ หลายคน เปลีย่ น ปูเชมิ เปน็ ปูเชมะ)

80

มารยาทชาวพทุ ธ
มารยาท หมายถึงกิริยาวาจาที่ถือวาํ เรียบร๎อย มารยาทชาวพทุ ธจึงหมายถงึ กริ ยิ าวาจาทช่ี าวพุทธประพฤติ
ปฏิบัตทิ ่ีถือวาํ เรยี บร๎อย เน่อื งจากคนไทยสวํ นใหญนํ ับถือพระพุทธศาสนาในการกลาํ วถงึ มารยาทชาวพทุ ธจงึ เกีย่ วโยงกับ
มารยาทไทยโดยทวั่ ๆ ไปดว๎ ย สวํ นมารยาทตํางชาตเิ ป็นวัฒนธรรมของคนตาํ งชาตยิ ํอมมีการแสดงออกในด๎นตาํ งๆ
แตกตํางจากมารยาทไทย เชนํ การแสดงความเคารพ การทักทาย การแสดงคามยินดีโดยการจบั มอื เปน็ ต๎น
๑. มกี ริ ิยา วาจาสุภาพ เรยี บรอ๎ ย อํอนโยน
๒. แตํงกายด๎วยเส้อื ผ๎าที่เหมาะสมแกวํ ัย สุภาพและเหมาะสมกบั โอกาสและสถานท่ี
๓. มอี ริ ิยาบถอยํูในทําธรรมดาไมํฝืน แตสํ ภุ าพและไมแํ ข็งกระด๎าง
๔. การแสดงมารยาท ไมชํ า๎ จนอดื อาด และไมเํ รว็ จนลกุ ลลี้ ุกลน
การแสดงออกทางทาํ ทางกริ ิยาทาํ ทางและทางวาจาจะเกิดความต้งั ใจเปน็ หลักการตง้ั ใจดไี วก๎ อํ นยํอมจะสํงผลถงึ
การประพฤติให๎ถูกต๎องและเหมาะสมไปด๎วย ซ่ึงหลกั สาํ คัญอยาํ งหนึ่งของพระพธุ ศาสนาก็คือเรอ่ื งของการฝกึ ใจให๎ตงั้ ม่ัน
เพื่อใหส๎ งํ ผลถงึ การปฏบิ ัติในท่ีสดุ มารยาทชาวไทยแลมารยาทชาวพุทธเปน็ สิง่ ท่ีคูํกัน สํวนที่จะกลําวถึงในหนํวยนี้ ไดแ๎ กํ
การน่งั การยนื การเดนิ การไหว๎ และการกราบ ตามลําดบั

81

งานบุญพิธี

งานบญุ พธิ ี มี ๒ ประเภท
๑. งานมงคล คือ การทําบุญเพ่ือให๎เกิดความสุขสวัสดีและความเป็นสิริมงคลแกํตนเอง ญาติพี่น๎อง ครอบครัว
หรือบุคคลอนื่ ท่มี คี วามปรารถนาดตี อํ กันความเป็นสิรมิ งคลแกสํ ถานที่
๒. งานอวมงคล คือการทาํ บญุ อทุ ศิ ให๎แกํบรรพบุรุษ หรือบุคคลท่ีเสยี ชวี ิตไปแล๎ว พธิ ที าํ บญุ งานมงคลทวั่ ไป
พิธีทาบุญงานมงคลทั่วไป คือ การทําบุญ เมื่อมีโอกาสอันสมควร มิได๎ปรารภเหตุการณ์ ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็น
กรณีพเิ ศษ เชํน การทาํ บุญเน่อื งในโอกาสวนั ข้ึนปใี หมํ เป็นต๎น มีลาํ ดบั ขั้นตอนของงาน ดังน้ี
การเตรียมการ
๑) นิมนต์พระสงฆ์ตามจํานวนท่ีมีความประสงค์ งานมงคลตามประเพณีนิยมจะนิมนต์ พระสงฆ์ จํานวน ๕ รูป
๗ รูป หรือ ๙ รูป หรือตามจํานวนที่เจ๎าของงานประสงค์จะให๎นิมนต์ ควรแจ๎งไว๎ในฎีกานิมนต์ให๎เรียบร๎อยในเรื่อง วัน
เวลา และสถานทใ่ี ห๎ชัดเจน การรับ-สงํ พระสงฆ์
๒) จัดเตรียมโต๏ะหมูบํ ูชา และเคร่อื งนมัสการ พรอ๎ มพระพทุ ธรูป
๓) อาสนส์ งฆ์สาํ หรับพระสงฆน์ ัง่ เจรญิ พระพทุ ธมนต์

82

๔) เคร่ืองอุปกรณ์ศาสนพธิ ีสาํ หรับงานมงคล เชํน สายสญิ จน์ ทีก่ รวดนํ้า พานรอง สายสญิ จน์ ครอบ
สําหรบั ทาํ นาํ้ พระพุทธมนต์ เทยี นทาํ นา้ํ พระพุทธมนต์ (เทียนข้ผี ึ้ง น้ําหนัก ๑ บาท) กําหญ๎าคาสาํ หรบั ประพรมนํ้า
พระพทุ ธมนต์

๕) เครื่องรบั รองพระสงฆ์ เชนํ ภาชนะใสํนํ้าร๎อน-นํา้ เย็น กระโถน
๖) ถา๎ มีการถวายภตั ตาหาร จะต๎องมีการจดั เตรยี มภัตตาหารคาว-หวาน ไว๎ถวายพระสงฆ์
๗) สํารับหรอื เครื่องใสอํ าหารคาว-หวาน เพือ่ บูชาพระพทุ ธ และสาํ รบั อาหารคาว-หวาน สาํ หรับบูชา
พระภูมเิ จ๎าที่
๘) จตปุ ัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ เทํากบั จาํ นวนพระสงฆ์ท่ีนิมนต์ไว๎
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
๑) ผรู๎ ํวมพิธพี รอ๎ มกนั ณ บริเวณสถานทปี่ ระกอบพิธี
๒) เมือ่ ถึงเวลาที่กําหนดประกอบพิธี นิมนต์พระสงฆ์ขนึ้ ประจาํ อาสน์สงฆ์
๓) ประธานหรอื เจา๎ ภาพจุดธปู เทียนบชู าพระรตั นตรยั แลว๎ กราบ ๓ ครั้ง
๔) เจา๎ หนา๎ ท่ีอาราธนาศลี
๕) เจ๎าภาพและผ๎รู ํวมพิธีรับศลี
๖) เจา๎ หน๎าท่อี าราธนาพระปริตรแลว๎ ฟังพระสงฆเ์ จรญิ พระพุทธมนต์
๗) เม่อื พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนต์ถึงบทนโม ๘ บท ใกล๎จะจบ ประมาณบทท่ี ๕ จุด เทียนชนวน และสํงเทียน
ชนวนให๎เจา๎ ภาพหรือประธานจดุ เทยี นทาํ นํา้ พระพทุ ธมนต์ เม่ือพระสงฆ์ เจริญพระพทุ ธมนตถ์ ึงบท “อเสวนา จ พาลาน”
๘) เมอ่ื จดุ เทยี นนํ้าพระพุทธมนตแ์ ล๎ว ประธานหรือเจ๎าภาพยกครอบนํา้ พระพุทธมนต์ ประเคนประธานสงฆ์
๙) พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถึงบท “พาห๎ุ” หรือบท “มหาการุณิโก นาโถ...” ให๎จัดเตรียมยกสํารับบูชาข๎าว
พระพทุ ธมาตัง้ ยังทที่ ่ีจดั เตรียมไวห๎ น๎าโตะ๏ หมูบํ ูชา
๑๐) จัดเตรียมและยกภตั ตาหารสาํ หรบั ถวายพระสงฆม์ าตั้งไว๎ยงั ที่ท่ีพระสงฆจ์ ะฉันภตั ตาหาร
๑๑) เชญิ ประธานหรือเจา๎ ภาพประเคนภตั ตาหารแดพํ ระสงฆ์
๑๒) เมอ่ื พระสงฆเ์ สรจ็ ภัตตกิจแลว๎ ให๎ยกเครอ่ื งจตปุ ัจจยั ไทยธรรมตง้ั ไว๎ ณ เบื้องหน๎า พระสงฆแ์ ตํละรปู
๑๓) เชิญเจา๎ ภาพหรือประธานประเคนเครือ่ งจตปุ จั จัยไทยธรรมแดํพระสงฆ์
๑๔) พระสงฆ์อนุโมทนา
๑๕) เจ๎าภาพหรือประธานกรวดน้ํา-รับพร
๑๖) เสร็จพธิ ีทําบุญ
พธิ ที าบุญขน้ึ บ้านใหม่
การทําบุญข้ึนบ๎านใหมํ คือ การทําบุญในคราวที่ข้ึนบ๎านใหมํ หรือย๎ายไปอยูํที่ใหมํ หรือการทําบุญเปิดปูาย
สํานักงานใหมํ
การเตรียมการ
๑) จัดเตรยี มสถานท่ีในการประกอบพิธี
๒) โตะ๏ หมํูบชู า พระพุทธรูป และเครอ่ื งนมสั การ
๓) เครอื่ งใช๎ในพธิ สี งฆ์สาํ หรบั ใชใ๎ นงานมงคล
๔) เครื่องรับรองพระสงฆ์ ภาชนะใสนํ าํ้ รอ๎ น น้ําเย็น ถวายพระสงฆ์
๕) ภตั ตาหารคาว-หวาน ถวายพระสงฆ์ ถา๎ มีการเลี้ยงพระสงฆ์
๖) จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๗) นิมนต์พระสงฆ์ ๕, ๗, ๙ รูป ตามความเหมาะสมของสถานท่ี
๘) กําหนดฤกษ์ หรือเวลาในการประกอบพธิ ี

83

๙) โถปริกสําหรับใสํกระแจะแปงู เจมิ
๑๐) ทองคาํ เปลว ๙ แผํน
๑๑) วงสายสญิ จนร์ อบอาหารหรอื บ๎าน ไปยงั ฐานของพระพทุ ธรูป แลว๎ นํากลํมุ สายสิญจน์ วางไว๎ท่ีอาสน์สงฆ์ของ
ประธานสงฆ์
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
๑) เม่อื ไดเ๎ วลาตามทเ่ี จา๎ ภาพกําหนด และผ๎ูรํวมพธิ พี ร๎อมกัน
๒) เจา๎ ภาพจดุ ธปู เทียนบชู าพระรัตนตรยั (กราบ ๓ ครัง้ )
๓) เจ๎าหนา๎ ที่อาราธนาศีล
๔) ประธานสงฆใ์ หศ๎ ลี
๕) เจา๎ ภาพและผร๎ู ํวมพธิ ีรับศีล
๖) เจ๎าหนา๎ ทีอ่ าราธนาพระปริตร
๗) พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์ จบ
๘) เจา๎ ภาพถวายภตั ตาหารเชา๎ หรอื เพล ตามโอกาสเวลาทจี่ ัดงานพธิ ี
๙) พระสงฆเ์ สร็จภัตตกจิ (ฉันภตั ตาหารเสรจ็ เรียบรอ๎ ย)
๑๐) เจ๎าหนา๎ ท่ีนาํ เครอ่ื งจตปุ จั จยั ไทยธรรมมาวางไว๎ ณ เบ้อื งหนา๎ พระสงฆท์ กุ รปู
๑๑) เจ๎าภาพหรอื ผแ๎ู ทนประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแดพํ ระสงฆ์
๑๒) พระสงฆ์อนุโมทนา
๑๓) เจ๎าภาพกรวดนํา้ -รบั พร
๑๔) เจา๎ ภาพนิมนต์ประธานสงฆ์ หรอื พระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ไปเจิมที่ปูาย หรอื ประตู บริษทั หา๎ ง ร๎าน สํานักงาน
บา๎ น เรอื น หรอื ห๎อง ตามความประสงค์ของเจ๎าภาพ (เจิม ปิดทอง) แล๎วประพรมนํ้าพระพุทธมนต์ที่ปูาย หรือประตูท่ีเริ่ม
แล๎ว
๑๕) เสรจ็ พิธี
หมายเหตุ
๑) สามารถปรับเปลย่ี นการดาํ เนนิ พิธีกรรมตาํ ง ๆ ได๎ ตามกําหนดฤกษ์
๒) ในกรณีเปิดอาคารหรือเปิดปูายอาคาร ให๎เตรียมปูายและแพรคลุมปูายและกรรไกร สําหรับตัดริบบ้ินหรือ
เชอื ก

พิธีสงฆ์เนื่องในพิธีมงคลสมรส
การเตรยี มการ
๑) เครื่องใชพ๎ ิธสี งฆ์ (สําหรับใช๎ในงานพธิ มี งคล)
๒) ด๎ายมงคลแฝด (นิมนต์พระสงฆ์ท่ีเคารพนับถือจับให๎) ใสํพานตั้งไว๎ข๎างครอบทํานํ้า พระพุทธมนต์ เพ่ือจะได๎
เป็นสริ ิมงคลในขณะทีพ่ ระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนต์
๓) โถปริก แปูงกระแจะเพิ่ม (ใสํพานต้ังไว๎ข๎างครอบทํานํ้าพระพุทธมนต์ เพื่อจะได๎เป็น สิริมงคลในขณะที่
พระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนต์)
๔) เตรียมนิมนต์พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์
๕) เคร่ืองจตุปจั จยั ไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๖) ภัตตาหารคาว-หวานสาํ หรับถวายพระสงฆ์
๗) หมอนกราบ ๒ ใบ (หนา๎ โต๏ะหมูบํ ูชา)

84

แนวทางการปฏิบตั ิ
๑) เมื่อถงึ เวลาตามท่ีกาํ หนด และผ๎ูรํวมพธิ พี รอ๎ มกนั
๒) เชิญเจ๎าบําวและเจ๎าสาวนง่ั หน๎าโต๏ะหมบูํ ูชา (เจา๎ สาวนั่งทางดา๎ นซา๎ ยมือของเจ๎าบําว)
๓) รับเทยี นชนวนจากพิธีกร เจา๎ บาํ วและเจ๎าสาวจับดว๎ ยกนั จดุ ธูปเทยี นจากซ๎ายไปขวา ของผูจ๎ ุด
๔) กลาํ วคําบูชาพระรตั นตรยั แล๎วกราบพระรตั นตรยั ทห่ี มอนพร๎อมกนั ๓ คร้งั
๕) หนั ไปทางพระสงฆ์ กราบพระสงฆ์พร๎อมกัน ๓ ครง้ั
๖) พิธกี รอาราธนาศลี พระสงฆ์ใหศ๎ ีล
๗) เจ๎าบําว เจ๎าสาว และผรู๎ วํ มพิธีรบั ศลี พร๎อมกนั
๘) ศาสนพิธีกรอาราธนาพระปรติ ร พระสงฆเ์ จริญพระพทุ ธมนต์
๙) พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์กํอนถึงบท “อเสวนา จ พาลาน” เจ๎าบําวและเจ๎าสาว ไปนั่งคุกเขํา เบ้ืองหน๎า
ประธานสงฆ์
๑๐) รบั เทยี นชนวนจากศาสนพิธกี ร จับด๎วยกนั จดุ เทยี นทํานํ้าพระพุทธมนตบ์ นครอบนํา้ พระพุทธมนต์
๑๑) ยกครอบสําหรับทาํ นาํ้ พระพุทธมนตพ์ ร๎อมกนั ประเคนประธานสงฆ์
๑๒) กลับมาน่ังฟงั พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนต์ ณ ทเ่ี ดิม
๑๓) พระสงฆเ์ จรญิ พระพทุ ธมนตถ์ ึงบทถวายพรพระ “พาหุ สหสสมภนิ ิม...”
๑๔) ลกุ ไปตกั บาตร (จบั ทพั พี และหยิบของใสํบาตรพรอ๎ มกนั )
๑๕) พระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนต์ จบ
๑๖) ประเคนภตั ตาหารแดพํ ระสงฆ์ พระสงฆฉ์ ันภัตตาหารเสรจ็
๑๗) พิธีกรนาํ เครอ่ื งจตุปัจจัยไทยธรรมไปวางไว๎เบอ้ื งหน๎าพระสงฆ์ทุกรูป
๑๘) เจา๎ บาํ วและเจ๎าสาวประเคนจตปุ จั จยั ไทยธรรมด๎วยกนั ทุกรปู
๑๙) พระสงฆอ์ นุโมทนา
๒๐) เจ๎าบําวและเจา๎ สาวกรวดนํา้ -รับพร พร๎อมกัน
๒๑) เจ๎าบาํ วและเจา๎ สาวประนมมอื เข๎าไปรับนา้ํ พระพุทธมนต์จากพระสงฆแ์ ตํละรูป จบ ครบทกุ รูป
๒๒) เสรจ็ พธิ ี

พธิ ีหลง่ั น้าพระพทุ ธมนตแ์ ละประสาทพร
การเตรียมการ
๑) โต๏ะหมูบํ ูชา ๑ ชุด
๒) โต๏ะนํ้าสังข์ พรอ๎ มอปุ กรณร์ ดนํ้าสงั ข์ ๑ ชุด
๓) พวงมาลัย ๒ ชาย ๒ พวง
๔) ดา๎ ยมงคลแฝด ๑ ชดุ
๕) โถปริกพร๎อมแปงู กระแจะเพิ่ม ๑ ที่
๖) นา้ํ พระพุทธมนต์ ๑ ขัน พรอ๎ มขนั เล็กสําหรับตักนาํ้ พระพทุ ธมนต์ใสํสังข์ ๑ ที่
แนวทางการปฏบิ ัติ
๑) เมอ่ื ถงึ กําหนดเวลาเจ๎าบําวและเจา๎ สาวไปนัง่ คกุ เขาํ ท่โี ตะ๏ หมูํบชู า (หญงิ ซ๎าย ชายขวา)
๒) รับเทยี นชนวนจากศาสนพิธีกร แลว๎ จับดว๎ ยกนั จดุ ธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรัยพร๎อมกัน
๓) กราบพระรัตนตรยั ๓ ครง้ั
๔) เจ๎าบําวและเจา๎ สาวไปนัง่ ท่โี ตะ๏ รดน้ําสงั ข์
๕) ประธานพธิ ีไปทโ่ี ต๏ะน้ําสังข์ นอ๎ มศีรษะไหว๎พระรัตนตรัยที่โตะ๏ หมํบู ูชา ๑ คร้งั

85

๖) รับพวงมาลัยจากศาสนพิธีกร และกลําววํา “ขออานุภาพแหํงความรักทั้งที่เป็น บุพเพสันนิวาส และปัจจุบัน
เกื้อหนนุ ไดโ๎ ปรดํคา๎ จุนความรกั ของคุณทั้ง ๒ ให๎สดชื่น ย่ังยืนตลอดไป” แล๎วสวมพวงมาลัยให๎เจ๎าบําวและเจ๎าสาว (แตํง
ใหช๎ ายทงั้ สองของพวงมาลยั ทง้ั สองขา๎ งพาดอยูํบน โตะ๏ วางแขน)

๗) ประธานรับด๎ายมงคลแฝดจากพิธีกร ประนมมือกลําววํา “พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ เป็นมงคลใน
โลก ด๎วยอานุภาพแหํงคุณพระศรีรัตนตรัย ขอความสุขสวัสดีมงคลจงบังเกิด แกํคุณท้ังสองตลอดกาลทุกเม่ือเทอญ”
แล๎วคลิ้มงคลแฝดในแตํละชํวง ออกสวมศีรษะของเจ๎าบําว และเจ๎าสาวพร๎อม ๆ กัน (มือซ๎ายสวมเจ๎าบําว มือขวาสวม
เจา๎ สาว) โดยใหป๎ มอยํดู ๎านหลงั ศรี ษะ (จดั ให๎เรียบร๎อย)

๘) ประธานรับแปูงเจิมจากศาสนพิธีกร ใช๎นิ้วชี้จุํมแปูงกระแจะจุดที่กลางหน๎าผาก เจ๎าบําวและเจ๎าสาว เป็น ๓
จุด จุดแรก พุธโธ เต นาโถ จดุ ที่ ๒ ธัมโม เต นาโถ และจุดท่ี ๓ สังโฆ เต นาโถ หรือจะกลาํ ววาํ “อะอุมะ" ก็ได๎

๙) ประธานรบั สังขจ์ ากศาสนพธิ ีกร รนิ ลงทีม่ อื เจา๎ บาํ วและเจา๎ สาวท่ีประนมอยูํ
๑๐) ขณะทปี่ ระธานพิธีกระทํากจิ กรรมตาํ ง ๆ ดงั กลาํ ว เจา๎ บาํ วและเจ๎าสาวประนมมือรบั ทุกคร้งั )
๑๑) ประนมมือยนื่ พาดโต๏ะวางแขนไปข๎างหน๎าน๎อมปลายมือลงเล็กน๎อย และให๎มืออยํู เหนือพานดอกไม๎รองรับ
นํ้าสงั ข์
๑๒) น๎อมศีรษะเล็กน๎อยในขณะทท่ี ุกคนเขา๎ ไปหลั่งนํ้าสงั ข์ และประสาทพร
๑๓) เมอื่ แขกผ๎ูมเี กยี รตทิ ุกคนรดนาํ้ สังขเ์ รียบร๎อยแลว๎
๑๔) ประธานผู๎ถอดมงคลไปที่โตะ๏ นาํ้ สังข์น๎อมศีรษะไหวพ๎ ระ ๑ ครง้ั แลว๎ หนั ไปทาง เจา๎ บําวและเจ๎าสาว กลําววํา
“ขอสรรพมิ่งมงคลความสุขสวัสดีทั้งหลาย จงมีแกํคุณท้ัง ๒ ตลอดกาลทุกเม่ือเทอญ” แล๎วใช๎มือท้ังสองปลดมงคล (มือ
ซ๎ายปลดข๎างเจ๎าบําว มือขวาปลดเจ๎าสาว) พร๎อม ๆ กัน แล๎วรวบด๎ายมงคลแฝดใสํไว๎ในมือเจ๎าบําวและเจ๎าสาวท่ียื่น
ออกมารบั แลว๎ จบั มือ เจา๎ บําวและเจา๎ สาวเชญิ ยนื ขึ้น ใหเ๎ จ๎าบําวและเจ๎าสาวไปกราบพระรัตนตรัย
๑๕) เจ๎าบําวและเจ๎าสาวย่ืนมือซ๎อนกันรับด๎ายมงคลแฝดจากประธานพิธีถอดมงคลให๎ แล๎วลุกขึ้นยืนพร๎อมกัน
(เจ๎าบําวเกบ็ ดา๎ ยมงคลไวใ๎ นกระเป๋าเสอ้ื บน)
๑๖) เจ๎าบําวและเจา๎ สาวไปกราบพระรัตนตรัยพรอ๎ มกนั
๑๗) เสรจ็ พธิ ี

การจัดงานมงคลและอวมงคลในโอกาสเดียวกัน
ในพธิ ีทาํ บุญงานมงคลในปจั จบุ นั เชํน ในกรณีที่เจ๎าภาพไดป๎ ระกอบพธิ ที ําบุญเนื่องใน โอกาสท่ีตนเองได๎รับเลื่อน
ยศ หรือเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ หรือมีการทําบุญอายุวันเกิด เจ๎าภาพ มักจะนิยมให๎มีการทําบุญอุทิศอันเป็นการ
แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ส่ือเน่ืองการท่ีตนเอง ได๎รับความเจริญเรืองมาจนบัดนี้ ก็เพราะได๎รับความอุปการะํค๎า
จนุ มาจากบุพการีชน เชํน บิดา มารดา ครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ จึงทําให๎เจ๎าภาพได๎มีโอกาสสร๎างความเจริญรุํงเรืองให๎แกํ
ตนเอง เม่ือ ได๎แสดงออกด๎วยการทําบุญอุทิศอันเป็นการรําลึกถึงอุปการคุณของบุพการีชนอันตนนับถือแล๎ว จึงจะเป็น
การประกอบพธิ ีทําบญุ เพอื่ ความเปน็ สริ มิ งคลให๎แกํตนเองภายหลงั ซงึ่ สิ่งเหลาํ น้ี เปน็ การแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที
อนั เปน็ เคร่อื งหมายของคนดี ตามหลกั คาํ สอนของ พระพทุ ธศาสนา
การเตรยี มการ
๑) จดั เตรียมอุปกรณเ์ ครอื่ งใช๎งานมงคล (ตามทีก่ ลาํ วไว๎ในบทที่ ๒)
๒) อปุ กรณ์เคร่ืองใชง๎ านอวมงคล (ตามทีก่ ลําวไวใ๎ นบทท่ี ๒)
๓) สถานทปี่ ระกอบพธิ ี
๔) โต๏ะหมูบํ ูชา พรอ๎ มพระพทุ ธรูป และเครอื่ งนมสั การ
๕) โต๏ะหมูํบชู า สาํ หรับต้งั อัฐิหรือปูายบรรพบุรษุ พรอ๎ มเครื่องบชู า
๖) ภูษาโยง พรอ๎ มแถบทองหรอื สายโยง

86

๗) สายสญิ จน์
๘) ครอบนํา้ สาํ หรับทํานํ้าพระพุทธมนต์
๙) ผ๎าสบง ผา๎ ไตรจวี ร หรอื ผา๎ ท่พี ระสงฆส์ ามารถใชไ๎ ด๎
๑๐) ภัตตาหารถวายพระสงฆ์ (ในกรณมี กี ารจัดเลีย้ งพระสงฆ)์
๑๑) เครอ่ื งจตปุ ัจจยั ไทยธรรมถวายพระสงฆ์
แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน
๑) ผูร๎ ํวมงานพรอ๎ มกนั ณ มณฑลพิธี
๒) ประธานจดุ ธูปเทียนเคร่ืองทองน๎อยหน๎าอัฐิ กราบ ๑ ครั้ง หรือน๎อมไหว๎ (ในกรณีเป็น อัฐิของพระสงฆ์ กราบ
๓ ครั้ง)
๓) พธิ ีกรนมิ นตพ์ ระสงฆ์สวดมาติกา (ถา๎ มี)
๔) เมอื่ พระสงฆ์สวดมาตกิ าถึงบท เหตุปจโย............. (ถา๎ มี)
๕) พิธีกรนําจตปุ ัจจยั ไทยธรรมวางไว๎ ณ เบอ้ื งหน๎าพระสงฆ์ทกุ รูป (ถ๎ามี)
๖) เมอ่ื พระสงฆ์สวดมาติกาจบ เชิญเจา๎ ภาพถวายจตุปัจจยั ไทยธรรม (ถ๎ามี)
๗) พิธกี รลาดภูษาโยง (ถ๎าไมํมีการสวดมาติกาและถวายเครื่องไทยธรรม พิธีกรลาดภูษาโยง ในขณะเจ๎าภาพจุด
ธปู เทียนเครื่องทองน๎อย)
๘) เชิญผา๎ สบง หรอื ไตรจีวรใหเ๎ จ๎าภาพทอดผ๎าบังสุกลุ
๙) เจ๎าภาพทอดผ๎าบังสุกุล วิธีทอดผ๎าบงั สกุ ลุ ใหว๎ างผา๎ ขวางทบั ภูษาโยง) แลว๎ กลับมานั่ง ท่เี ดมิ
๑๐) พระสงฆพ์ ิจารณาผา๎ บังสุกุล
๑๑) พระสงฆ์อนโุ มทนา
๑๒) ประธานกรวดน้าํ รบั พร (เป็นเสร็จพิธีบังสุกุล และเปน็ การตดั ตอนงานพธิ อี วมงคล)
๑๓) เจา๎ ภาพจุดธูปเทยี นบชู าพระรัตนตรัย (กราบ ๓ คร้งั ) เป็นการเร่ิมงานพธิ ีมงคล
๑๔) เจา๎ ภาพถวายพัดรองหรอื ตาลปัตรทรี่ ะลกึ (ถ๎ามี)
๑๕) พิธกี รอาราธนาศลี
๑๖) ประธานสงฆ์ให๎ศลี เจ๎าภาพและผรู๎ วํ มพิธรี บั ศลี พรอ๎ มกนั
๑๗) พธิ กี รอาราธนาพระปรติ ร
๑๘) พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนต์
๑๙) พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนตถ์ ึงบท “อเสวนา จ พาลน ”
๒๐) ประธานจดุ เทียนทีค่ รอบนาํ้ พระพทุ ธมนต์แล๎วยกประเคนประธานสงฆ์ นอ๎ มไหว๎
๒๑) ประธานพรอ๎ มผูร๎ วํ มพิธปี ระเคนภัตตาหารถวายพระสงฆ์
๒๒) พระสงฆฉ์ ันภัตตาหารเสรจ็ เรียบรอ๎ ย
๒๓) พิธีกรนาํ เครอ่ื งจตปุ ัจจยั ไทยธรรมมาวางไว๎ ณ เบ้ืองหนา๎ พระสงฆ์
๒๔) เจา๎ ภาพประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๒๕) พระสงฆอ์ นโุ มทนา
๒๖) เจ๎าภาพกรวดน้าํ -รับพร
๒๗) พระสงฆป์ ระพรมนาํ้ พระพทุ ธมนต์
๒๘) เสร็จพธิ ี

87

ในกรณีมีการแสดงพระธรรมเทศนา
๑) ผู๎รวํ มงานพรอ๎ มกัน ณ มณฑลพิธี
๒) พระสงฆ์ขน้ึ นง่ั ณ อาสนะบนอาสน์สงฆ์
๓) ประธานพิธจี ุดธูปเทียนบชู าพระรัตนตรยั กราบ ๓ คร้ัง
๔) ประธานพิธีจุดเทยี นสํองธรรม (เทียนดหู นังสือเทศน์) และจุดธูปเทียนเคร่ืองทองนอ๎ ย บชู าธรรม
๕) พระสงฆข์ ึ้นสูํธรรมาสน์
๖) ศาสนพธิ ีกรเชญิ เทียนสํองธรรมไปตัง้ บนธรรมาสน์
๗) ศาสนพิธีกรอาราธนาศลี ทุกคนรับศลี จบ
๘) ศาสนพธิ ีกรอาราธนาธรรม
๙) พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบ อนุโมทนาบนธรรมาสน์
๑๐) ประธานพิธีกรวดนา้ํ -รับพร
๑๑) ศาสนพิธีกรเชิญเทียนสํองธรรมออก รับพระสงฆ์ลงจากธรรมาสน์
๑๒) ประธานพิธีประเคนจตุปจั จยั ไทยธรรมเครื่องกณั ฑ์เทศน์
๑๓) เสร็จพิธี

หมายเหตุ ในพธิ ีใดทมี่ กี ารแสดงพระธรรมเทศนา เจ๎าหนา๎ ทีป่ ฏิบัตดิ ังน้ี
๑) ให๎อาราธนาศลี และรบั ศลี กอํ นทพี่ ระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา
๒) ถา๎ มีการเจริญพระพทุ ธมนต์ หรอื สวดพระพทุ ธมนตก์ ํอน เมอ่ื ประธานจุดธูปเทียน นมัสการพระรัตนตรัยแล๎ว
ให๎อาราธนาพระปริตร
๓) ใหอ๎ าราธนาศลี เมือ่ พระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนา

การเตรยี มการและการปฏิบัตพิ ิธีงานศพท่ัวไป

การเตรยี มอุปกรณใ์ นพธิ งี านศพ
การเตรียมเครื่องใช๎สําหรับการนี้ นอกจากเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย และเคร่ือง บูชาศพแล๎ว จะต๎อง
จดั เตรยี มสิ่งทตี่ อ๎ งใชใ๎ นพธิ ที เ่ี ก่ยี วขอ๎ งกบั ศพ ดังน้ี
๑) ภูษาโยง หรือดา๎ ยสายโยง
๒) เครื่องทองนอ๎ ย
๓) ตพ๎ู ระอภิธรรม
๔) เคร่ืองกระบะมุก หรือเคร่ืองบชู าพระธรรม
๕) สิง่ ของเครื่องใชส๎ ําหรับพิธสี งฆ์

การอาบน้าศพ
๑) การอาบนา้ํ ศพนี้ ถือเป็นเร่ืองภายในครอบครัว ระหวํางญาติมิตรท่ีสนิท ไมํนิยมเชิญ บุคคลภายนอก ซึ่งเป็น
การอาบน้าํ ชําระรํางกายศพจริง ๆ โดยการอาบน้ําอุํนกอํ นแลว๎ อาบดว๎ ย น้ําเยน็ ฟอกด๎วยสบํขู ัดถูราํ งกายศพให๎สะอาด
๒) เมอ่ื อาบน้ําศพเสร็จแล๎ว ใหเ๎ อาน้าํ ขม้นิ หาตามราํ งกายตลอดถึงฝาุ เท๎า แลว๎ ประดว๎ ย นา้ํ หอม
๓) เมื่ออาบน้ําชําระรํางกายศพเสร็จเรียบร๎อยแล๎ว ก็แตํงตัวให๎ศพตามฐานะของผ๎ูตาย เชํน เป็นข๎าราชการ ก็
นิยมแตํงเคร่ืองแบบ เป็นต๎น เครื่องแตํงตัวน้ันนิยมใช๎เส้ือผ๎าที่สะอาด และใหมํเทําที่มีอยํู หลังจากนั้นนําศพข้ึนนอนบน
เตยี งสําหรับรอพิธรี ดนํ้าศพตามประเพณนี ยิ ม

88

การรดนา้ ศพ
๑) นยิ มจดั ตง้ั พระประจาํ วันเกิดของผวู๎ ายชนมพ์ ร๎อมจดุ ธูปเทียนบูชาไว๎ด๎านศรี ษะศพ
๒) เตียงท่ีศพนอนเพ่ือรอการรดนํ้าศพจากผู๎มารํวมพิธีรดน้ําศพ ให๎ต้ังโดยหันด๎านศีรษะศพ ไปทางโต๏ะหมูํบูชา
พระรตั นตรยั
๓) นิยมต้ังเตียงหันทางด๎านมือขวาของศพออกทางด๎านกว๎าง เพ่ือให๎ผู๎ท่ีเคารพนับถือ รดน้ําที่มือขวาได๎
โดยสะดวก
๔) ห๎ามมิให๎ผใู๎ ดเดินผํานทางดา๎ นศรี ษะของศพ เพราะถือวาํ เปน็ กิริยาอาการทไี่ มํแสดง ความเคารพตํอศพ
๕) จดั รํางศพใหน๎ อนหงายเหยยี ดยาว โดยใช๎ผ๎าหํมหรือผ๎าแพรคลุมตลอดรํางศพ เปิดไว๎ เฉพาะหน๎าและมือขวา
ของศพ และจดั มือขวาให๎เหยียดออกคอยรับการรดนํ้าจากผูท๎ ่เี คารพนับถือ
๖) จดั เตรียมขันโตกใสํน้ําอบ และโรยกลีบดอกไม๎ไว๎ด๎านขวามือของศพ พร๎อมท้ังขันเล็ก ๆ เพ่ือไว๎ให๎บุตรหลาน
หรือทายาทตักนา้ํ ให๎ผ๎ทู ี่มีความประสงคจ์ ะมารดน้ําศพ เพอ่ื การขมาศพ คูมํ ือการปฏิบตั ิศาสนพธิ เี บ้ืองต๎น
๗) จัดเตรียมขนั โตก หรือขันน้าํ พานรองขนาดใหญตํ ้ังไว๎คอยรองรบั น้ําท่ีรดศพ
๘) กํอนพิธีรดนํ้าศพ ควรให๎เจ๎าภาพจดุ เครอ่ื งสักการบชู าพระรัตนตรยั กอํ น แล๎วจึงเร่มิ พิธรี ดนา้ํ ศพ
๙) เม่อื ผูม๎ เี กียรติทมี่ าแสดงความเคารพศพดว๎ ยการรดนาํ้ ศพหมดแลว๎ ถา๎ ได๎รบั พระราชทานนํ้าอาบศพ ให๎เชิญผู๎
อาวโุ สที่อยูใํ นท่นี ั้น เป็นผูป๎ ฏิบตั หิ น๎าทร่ี ดนา้ํ ศพพระราชทาน ซึง่ ถอื เป็นลําดับสุดท๎ายของพิธีรดน้ําศพ เม่ือทําพิธีรดน้ําศพ
พระราชทานแลว๎ ถือเปน็ เสรจ็ พิธรี ดน้าํ ศพ ไมํสามารถให๎ผู๎หนงึ่ ผูใ๎ ดรดนํ้าศพอีก
๑๐) ตอํ จากนน้ั จะเปน็ หนา๎ ที่ของผท๎ู ไี่ ดร๎ ับหน๎าท่ดี ําเนินการนําศพลงหีบ เพอ่ื กระทํา พธิ กี รรมทางศาสนาตํอไป
๑๑) เมือ่ นาํ ศพลงโลงหรอื โกศแล๎ว บางเจ๎าภาพจะใหม๎ ีการทอดผ๎าบังสุกุล (สํวนใหญํ จะเป็นผ๎าไตรจีวรหรือสบง
ตามฐานะ) เพ่อื ให๎พระสงฆพ์ ิจารณาผ๎าบงั สกุ ลุ ซ่งึ เรยี กวาํ บังสุกุลปากหบี หรอื บังสกุ ลุ ปากโกศ (ซึ่งจะนิมนต์พระสงฆ์เพื่อ
การนีเ้ ทาํ ใดก็ได๎ไมมํ กี าํ หนด แตถํ า๎ เป็นพิธขี องหลวง มักจะนิมนตพ์ ระสงฆ์ จํานวน ๑๐ รปู )
๑๒) เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ๎าบังสุกุลเรียบร๎อยแล๎ว นิมนต์พระสงฆ์จํานวน ๔ รูป สวดพระอภิธรรม ตํอจากพิธี
บังสุกลุ ปากหีบ หรอื ปากโกศทนั ที โดยปฏบิ ัติดังนี้

(๑) เมื่อพระสงฆพ์ จิ ารณาผ๎าบังสุกุลปากหีบ หรือปากโกศลงจากอาสนส์ งฆแ์ ล๎ว
(๒) พิธีกรตง้ั ต๎พู ระธรรมเบอื้ งหนา๎ อาสนสงฆ์ของพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม
(๓) แตงํ ตัง้ เครอ่ื งนมัสการพระธรรม
(๔) นิมนตพ์ ระสงฆ์สวดพระอภิธรรม จาํ นวน ๔ รูป ขึน้ อาสนสงฆ์
(๕) เชญิ เจ๎าภาพหรือประธานพิธีจุดธูปเทียนบชู าพระธรรม
(๖) พระสงฆ์ จํานวน ๔ รปู สวดพระอภธิ รรม จาํ นวน ๑ จบ (ถ๎าเจ๎าภาพประสงค์ จะให๎สวดจนครบ ๔
จบ กไ็ ด๎) ในกรณีสวด ๑ จบ เม่ือได๎เวลาสวดพระอภิธรรมตามท่ีวัดกําหนด จะสวดตํออีก ๓ จบ ก็ทําได๎ หรือเจ๎าภาพจะ
ให๎นมิ นตส์ วดตามเวลาของวัตก็ยํอมได๎เชํนกัน

การจัดสถานท่ตี ั้งศพ
การจัดสถานที่ตั้งศพนน้ั จะตอ๎ งประกอบดว๎ ยสถานทแี่ ละอปุ กรณ์เครอื่ งใชเ๎ กยี่ วกับ พธิ งี านศพ ดังนี้
๑) สถานทีต่ ั้งโตะ๏ หมูบํ ชู าพระรัตนตรยั ตง้ั ไว๎ทางด๎านศรี ษะของศพ
๒) สถานที่ตั้งอาสน์สงฆ์สําหรับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ต้ังไว๎ทางด๎านซ๎ายของโต๏ะหมํูบูชา (เว๎นไว๎แตํสถานที่
บงั คับไมํอาจจะต้งั อาสนส์ งฆไ์ ว๎ทางดา๎ นซ๎ายของโตะ๏ หมบํู ชู าได)๎
๓) สถานทตี่ ง้ั ศพ ให๎ตั้งหนั ดา๎ นศีรษะของศพไปทางโต๏ะหมํูบชู าพระพุทธรูป
๔) สถานท่ีตงั้ เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ นิยมตงั้ ไว๎เบ้ืองหน๎าหบี หรือโกศศพ หรือหน๎ารูปถําย ของศพโดยการนําโต๏ะ
หมํมู าจดั ต้ังให๎เหมาะสมและสวยงาม

89

๕) สถานทตี่ ัง้ รปู ถําย นิยมตง้ั ไวท๎ างดา๎ นเทา๎ ของผต๎ู าย
๖) สถานทต่ี ัง้ หรือการใช๎อุปกรณเ์ ครื่องใช๎ใหศ๎ ึกษาในพธิ งี านอวมงคลตามท่ีได๎กลาํ วไวแ๎ ลว๎

การบาเพ็ญกศุ ลสวดพระอภธิ รรมศพประจาคนื
การจดั พธิ ีบาํ เพญ็ กศุ ลสวดพระอภิธรรมศพประจาํ คืนน้ัน นยิ มเริ่มจัดพิธีสวดพระอภิธรรม ตั้งแตํวันต้ังศพเป็นต๎น
ไปทุกคืน จนครบสัตตมวารท่ี ๑ คือ ครบ ๗ วัน แตํจะจัดให๎มีการสวด พระอภิธรรม ๓ คืน หรือ ๕ คืน ก็ได๎ ตามความ
สะดวกของผ๎เู ป็นเจา๎ ภาพ
การปฏิบตั ิพิธบี าเพญ็ กุศลสวดพระอภิธรรมประจาคนื
เมอ่ื ถงึ กาํ หนดเวลาตามประเพณีนยิ มหรือตามท่ีวดั กําหนด ศาสนพธิ ีกรพึงปฏบิ ัติ ดงั นี้
๑) นมิ นต์พระสงฆ์ ๔ รปู ขน้ึ นั่งยงั อาสนสงฆ์ ถวายน้ํารอ๎ น-นํา้ เยน็
๒) เชญิ เจา๎ ภาพหรือประธานหรอื ผ๎ูแทนในพธิ สี วดพระอภิธรรมประจาํ คืน โดยจุดธปู เทียนบูชาพระรัตนตรัย จุด
ธูป เทยี นบชู าพระธรรม และจุดเคร่อื งทองน๎อยหน๎าศพ ตามลําดับ
๓) ศาสนพิธกี รอาราธนาศีล ทกุ คนรับศีล
๔) พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม (ศาสนพิธีกรต๎องประสานกบั พระสงฆ์ แม๎ในปัจจุบัน ไมํนิยมอาราธนาธรรม แตํยัง
มีบางทอ๎ งถ่นิ เม่ือพระสงฆส์ วดพระอภิธรรม จะตอ๎ งมกี าร อาราธนาธรรมดว๎ ย)
๕) พระสงฆส์ วดพระอภิธรรมจบ ครบ ๔ จบ ศาสนพธิ ีกรนําตู๎พระ
ธรรมและ เครอื่ งสกั การะ ถอยออกมาทางท๎ายอาสนส์ งฆ์
๖) นาํ เคร่ืองไทยธรรม เขา๎ ไปตั้ง ณ เบือ้ งหนา๎ พระสงฆ์
๗) เชิญเจ๎าภาพ หรอื ประธาน หรือผ๎แู ทน ถวายเครอื่ งไทยธรรม
๘) เม่ือพระสงฆ์รับเคร่ืองไทยธรรมแล๎ว ให๎นําเคร่ืองไทยธรรมออกมาไว๎ด๎านท๎าย อาสน์สงฆ์ เพ่ือจะได๎ถวาย
พระสงฆ์ เมอื่ เสร็จพธิ ี
๙) ศาสนพธิ ีกรลาดภษู าโยง (เปน็ หน๎าทีข่ องศาสนพธิ ีกร)
๑๐) เชญิ ผ๎าไตร หรือผ๎าสบง ใหเ๎ จ๎าภาพหรอื ประธานทอดบนภูษาโยง ในลกั ษณะขวางภูษาโยง
๑๑) พระสงฆ์พจิ ารณาผ๎าบังสุกลุ
๑๒) พระสงฆ์อนโุ มทนา
๑๓) เจ๎าภาพ หรอื ประธาน กรวดนา้ํ -รับพร
๑๔) เสร็จพิธีบาํ เพญ็ กุศลสวดพระอภิธรรมประจาํ คืน

90

พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม
การบาเพญ็ กศุ ลอทุ ศิ ให้แก่ผู้ทลี่ ่วงลบั ๗ วนั ๕๐ วนั ๑๐๐ วัน
พิธีบําเพ็ญกุศลอุทิศให๎แกํผู๎ที่ลํวงลับ ก็จัดตามฐานะของเจ๎าภาพ ซึ่งเป็นไปตามประเพณีนิยม ที่กระทําเพ่ือเป็น
การแสดงความกตญั ญกู ตเวทีตํอผูม๎ ีพระคณุ หรอื ผูม๎ ีอุปการคณุ ตามประเพณนี ยิ ม
การนบั วันบาเพ็ญกุศล ครบ ๗ วนั ๕๐ วนั หรอื ๑๐๐ วัน
การนับวันเพ่ือการบําเพ็ญกุศลอุทิศเนื่องในวาระ ครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วันนั้น ให๎ถือวํา เมื่อตายวัน
ไหน ให๎ถือเอาวันนั้นเป็นวันสําคัญ คือ เป็นวันอุทิศผล เชํน ตายวันอาทิตย์ ถ๎าทํางานเป็น ๒ วัน ให๎สวดมนต์ในวันเสาร์
เลีย้ งพระหรอื ถวายภัตตาหารในวนั อาทติ ย์ แลว๎ จึงอุทิศ ผลบญุ ใหแ๎ กผํ ท๎ู ่ีลํวงลับ แตถํ า๎ เปน็ การทํางานวันเดียว ต๎องจัดให๎มี
การสวดมนต์และฉันภัตตาหาร ในวันอาทิตย์ เนื่องจากการอุทิศผลน้ัน นิยมทําลํวงไปแล๎ว ๗ วันจากวันท่ีตาย จึงได๎
ถือเอาวันท่ี ๘ เป็นวันอุทิศผล
การบาํ เพ็ญกศุ ลอุทศิ ครบ ๗ วัน เรยี กวาํ “สัตตมวาร”
การบาํ เพญ็ กุศลอทุ ศิ ครบ ๕๐ วนั เรยี กวาํ “ปัญญาสมวาร”
การบาํ เพญ็ กุศลอุทศิ ครบ ๑๐๐ วัน เรียกวํา “สตมวาร”
พิธีบําเพญ็ กศุ ลอุทิศนั้น ต๎องแล๎วแตํฐานะของเจ๎าภาพ จะทํามากหรือน๎อยก็สุดแตํกําลัง ในที่นี้จะกลําวถึงลําดับ
ข้ันตอนของงานที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าฯ บาํ เพญ็ พระราชทาน กุศล ๗ วัน พระราชทานศพ ซึ่งอยํูในพระบรมราชานุ
เคราะห์ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดพิธกี าร บําเพ็ญกุศล ๗ วัน ๕๐ วนั หรือ ๙๐ วัน พอสงั เขป ดังนี้

91

ลาดบั ขัน้ ตอนการบาเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่ผู้ท่ีลว่ งลับ ครบ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วนั
การเตรยี มการ
๑) จดั เตรยี มสถานที่ (การจัดงานอวมงคล)
๒) การเตรยี มโตะ๏ หมูบํ ูชา พระพทุ ธรปู และเคร่ืองนมัสการ
๓) ในกรณีฌาปนกิจศพแล๎ว ให๎จัดเตรียมโต๏ะหมํูบูชา เพื่อประดิษฐานอัฐิพร๎อมเครื่องบูชา และเครื่องทองน๎อย
จาํ นวน ๑ ชุด ถา๎ หากยังไมไํ ดท๎ าํ การฌาปนกิจศพกไ็ มํตอ๎ งจัดเตรียม ใหจ๎ ดั เครือ่ งบูชาท่ีหนา๎ หบี หรือโกศศพ แลว๎ แตกํ รณี
๔) ธรรมาสนเ์ ทศน์ ในกรณที ่ีมกี ารแสดงพระธรรมเทศนา (ถา๎ มเี ทศน์)
๕) เครอ่ื งกณั ฑเ์ ทศนส์ าํ หรับถวายพระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา (ถ๎ามีเทศน)์
๖) เทียนสํองธรรม และเคร่ืองทองน๎อย ๒ ชุด สําหรับเจ๎าภาพจุดบูชาธรรม ๑ ที่ และสําหรับผู๎วายชนม์บูชา
ธรรม ๑ ที่ (ถ๎ามเี ทศน)์
๗) เตรยี มนิมนต์พระสงฆ์ จาํ นวนพระสงฆ์แลว๎ แตคํ วามเหมาะสม
๘) เคร่อื งรับรองพระสงฆ์ ชุดนา้ํ รอ๎ น-น้ําเย็น ถวายพระสงฆ์
๙) อุปกรณเ์ คร่อื งใชพ๎ ธิ ีสงฆใ์ นงานอวมงคล (ตามทีก่ ลาํ วไวใ๎ นบทท่ี ๒)
๑๐) เครือ่ งจตปุ จั จยั ไทยธรรมสาํ หรบั ถวายพระสงฆ์
๑๑) ผา๎ ไตร หรือสบง สําหรบั ทอดถวายพระสงฆพ์ ิจารณาผา๎ บังสกุ ุล
๑๒) ภษู าโยง
๑๓) ภัตตาหาร (ในกรณมี กี ารเล้ียงภตั ตาหารแดํพระสงฆ์)
๑๔) ภาชนะทกี่ รวดน้ํา
การปฏิบตั ิงานพธิ ี
๑) เมอ่ื ถึงเวลาเจ๎าภาพและผ๎รู ํวมงานพรอ๎ มแล๎ว นิมนต์พระสงฆ์ขึน้ นัง่ อาสนส์ งฆ์
๒) เจ๎าภาพหรือประธานพธิ จี ุดธูป เทยี นบชู าพระรตั นตรยั กราบ ๓ ครัง้
๓) เจา๎ ภาพหรอื ประธานพธิ จี ดุ เคร่ืองทองนอ๎ ยสักการะศพ (ถา๎ มี
๔) เจา๎ หนา๎ ทีอ่ าราธนาพระปริตร (ในกรณมี เี ทศน์ ถ๎าไมํมีเทศน์เจ๎าหน๎าที่อาราธนาศีลกํอน แล๎วจึงอาราธนาพระ
ปรติ ร)
๕) พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต์ จบบท ภทเทกรตตคาถา (อดตี นานวาคเมยย............ สนโตอาจิกขเต มุนีติ.) ให๎
พกั ไว๎กอํ น ในกรณีมเี ทศน์ ถ๎าไมํมีเทศน์พระสงฆ์จะสวดบทถวายพรพระ ตอํ ไปจนจบบท ภวตุ สพพมงคล)
๖) เจ๎าหน๎าทีน่ มิ นต์พระสงฆข์ ึน้ สธูํ รรมาสน์เทศน์ (กรณีมีเทศน)์
๗) ประธานจุดเทียนสํองธรรม จุดเครือ่ งทองนอ๎ ยบชู าธรรม (สําหรบั ประธาน)
๘) ประธานหรอื มอบทายาทผู๎วายชนมจ์ ดุ เครือ่ งทองนอ๎ ยบชู าธรรม (แทนผู๎วายชนม)์
๙) เจ๎าหน๎าทอ่ี าราธนาศลี พระสงฆ์ใหศ๎ ีลจบ
๑๐) เจา๎ หน๎าท่ีอาราธนาธรรม
๑๑) พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบลงมาน่ังยงั อาสน์สงฆ์ ณ ทเ่ี ดมิ
๑๒) พระสงฆ์สวดถวายพรพระ จนจบบท ภวตุ สพพมงคล...
๑๓) เจ๎าหน๎าที่จัดเตรียมภัตตาหาร เม่ือพระสงฆ์สวดถวายพรพระถึงบท “พาหุ” หรือ บท “มหาการุณิโก นา
โถ” เพ่อื เตรยี มให๎เจา๎ ภาพประเคนพระสงฆ์
๑๔) เม่ือพระสงฆส์ วดถวายพรพระ จบ เชญิ ประธานหรอื เจ๎าภาพประเคนภตั ตาหาร
๑๕) พระสงฆฉ์ นั ภัตตาหารเรยี บร๎อยแล๎ว
๑๖) เจ๎าหนา๎ ทจ่ี ัดเตรียมเครือ่ งไทยธรรมวางไวเ๎ บอื้ งหนา๎ พระสงฆ์
๑๗) เจา๎ หนา๎ ที่เชิญเครอ่ื งกัณฑ์เทศนเ์ ข๎าไปเชญิ เจ๎าภาพประธานถวายพระสงฆ์ท่ีแสดง พระธรรมเทศนา

92

๑๘) จากนน้ั เชิญเจ๎าภาพหรือประธาน และผู๎รํวมงานถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแดพํ ระสงฆ์
๑๙) เจา๎ หน๎าทลี่ าดภูษาโยง
๒๐) ประธานหรือเจ๎าภาพทอดผา๎ ไตร เพ่ือพระสงฆ์พจิ ารณาผา๎ บงั สุกุล
๒๑) พระสงฆ์พจิ ารณาผา๎ บงั สกุ ลุ แลว๎
๒๒) พระสงฆ์อนโุ มทนา (ขณะพระสงฆอ์ นโุ มทนาเจ๎าหนา๎ ท่ีเก็บภูษาโยง)
๒๓) ประธาน รับพร
๒๔) เสรจ็ พธิ บี าํ เพญ็ กุศล ภาคกลางวัน
อน่ึง การบําเพ็ญกุศลอุทิศให๎ศพในวาระครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน กลางคืน นิยมมีพระสงฆ์สวดพระ
อภิธรรม อีก ๔ จบ สําหรบั การเตรียมการและการปฏบิ ัติงานพิธกี ็มี ลกั ษณะเชํนเดียวกบั การสวดพระอภธิ รรมประจําคนื
การบรรจศุ พ
๑) การบรรจุศพ ณ ศาลาท่ีตั้งบําเพ็ญกุศลศพสวดพระอภิธรรมน้ัน นิยมเร่ิมประกอบ พิธีบรรจุศพตํอจากที่ได๎
บําเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมคืนสุดท๎าย หรือเร่ิมประกอบพิธีบรรจุศพ ตํอจากท่ีได๎บําเพ็ญกุศลอุทิศ ทําบุญครบ ๗ วัน
เมอ่ื ประกอบพธิ ีบําเพ็ญกศุ ลเสร็จแลว๎
๒) การบรรจุศพ ณ สสุ านของวัดที่ตัง้ ศพบําเพญ็ กุศลสวดพระอภิธรรม นิยมเริ่ม ประกอบพิธีบรรจุศพตํอจากได๎
บําเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมคืนสุดท๎าย หรือนิยมเร่ิมประกอบพิธี บรรจุศพตํอจากได๎บําเพ็ญกุศลอุทิศศพ ครบ ๗ วัน
เมอื่ ประกอบพธิ ีบาํ เพญ็ กศุ ลเสรจ็ แล๎ว ให๎ทาํ พิธีบรรจุตํอไปทันที โดยนิมนตพ์ ระสงฆน์ าํ ศพไปยังสสุ านบรรจศุ พ ๑ รูป
การเตรียมการ
อปุ กรณเ์ ครื่องใชใ๎ นพิธีบรรจศุ พ
๑) ผ๎าไตร หรือผ๎าสบง อยาํ งน๎อย ๑ ผนื
๒) ก๎อนดนิ เลก็ ๆ หอํ ด๎วยผ๎าสีดาํ หรอื หอํ ด๎วยกระดาษสีดาํ มจี าํ นวนมากเพียงพอกับ ผรู๎ ํวมพิธี
(คนละ ๑ กอ๎ น)
๓) ดอกไมส๎ ด สวํ นมากนิยมดอกกุหลาบ จํานวนเพียงพอกับผ๎รู วํ มพิธี (คนละ ๑ ดอก)
๔) รูป นยิ มใชธ๎ ูปหอม มีจํานวนมากเพียงพอกบั ผร๎ู ํวมพิธี (คนละ ๑ ดอก)
๕) กระถางธูป ขนาดใหญํ จํานวน ๑ ใบ
แนวทางการปฏิบตั พิ ธิ ีบรรจุศพ
๑) อัญเชิญศพเข๎าสํทู ี่บรรจศุ พ (บางสถานที่นยิ มตั้งศพบาํ เพญ็ กศุ ลกํอนแลว๎ จึงอัญเชิญศพ เขา๎ สทํู บี่ รรจศุ พ)
๒) เจ๎าภาพมอบก๎อนดนิ ๑ กอ๎ น ดอกไมส๎ ด ๑ ดอก และธปู ที่จดุ แล๎ว ๑ ดอก ใหแ๎ กผํ ู๎รวํ มพิธบี รรจศุ พครบทกุ คน
๓) เจ๎าภาพเชิญผูม๎ เี กียรติท่ีมารวํ มพธิ แี ละเปน็ ผท๎ู ่เี คารพนบั ถอื เปน็ ประธานบรรจศุ พ
๔) ประธานพิธีหรอื เจ๎าภาพทอดผา๎ บงั สุกลุ ไว๎บนหลงั หีบศพ
๕) พระสงฆพ์ ิจารณาผา๎ บังสกุ ุล
๖) ประธานเร่ิมพิธีบรรจุศพด๎วยการวางก๎อนดิน และดอกไม๎สด ณ สถานท่ีบรรจุศพนั้น แล๎วถือธูปประนมมือ
ยกข้ึนไหว๎ตามฐานะของผ๎ตู าย ถ๎าผูต๎ ายอายมุ ากกวําให๎หัวแมํมือจรดปลายจมูก แตํถ๎าผู๎ตายอายุน๎อยกวําให๎หัวแมํมือจรด
ปลายคาง อธิษฐานในใจวํา “ขอจงอยํู เปน็ สขุ ๆ เถิด” แลว๎ ปักธูปไว๎ ณ กระถางธูปทีจ่ ดั เตรียมไว๎
๗) เจ๎าภาพนิยมนําเงนิ เหรยี ญ ๑ บาท หรือเหรียญ ๕ บาท จํานวน ๑ เหรียญ เป็นอยํางน๎อย วางลง ณ สถานที่
บรรจุศพน้ันพร๎อมนึกในใจวํา “ข๎าแตํทํานผ๎ูเป็นเจ๎าของท่ี ข๎าพเจ๎าขอมอบเงินน้ีเป็นคําที่อยํูให๎แกํศพน้ี” เป็นเสร็จพิธี
บรรจศุ พ
๘) ในการประกอบพิธีบรรจุศพน้ี บางท๎องถ่ินนิยมมีการโปรยทานด๎วย เพื่อเป็นการ บําเพ็ญทาน ซ่ึงถือเป็นการ
กศุ ลอกี สํวนหนึ่ง อนั เปน็ การสํงเสรมิ เพิม่ เติมบุญบารมขี องผู๎ทีล่ วํ งลบั ไป แลว๎ ใหม๎ มี ากย่งิ ขึ้นในคติวิสยั สัมปรายภพน้นั

93

การจัดพิธีฌาปนกิจศพ
การจดั งานฌาปนกิจ มกี ารจดั เปน็ ๒ กรณี คือ
๑) การจัดพิธีฌาปนกิจศพหลังจากมีการสวดพระอภิธรรมครบวันตามที่เจ๎าภาพกําหนดแล๎ว ๒) การจัดพิธี
ฌาปนกิจศพ โดยการนาํ ศพท่บี รรจุไวแ๎ ละรอโอกาสท่จี ะฌาปนกจิ
เมื่อมีความพร๎อมหรือได๎มีการปรึกษาหารือกันระหวํางญาติเพ่ือจะทําพิธีฌาปนกิจ เมื่อถึงวันที่กําหนดจะทําพิธี
ฌาปนกิจ ให๎เจ๎าภาพจัดเตรียมเครื่องใช๎ตําง ๆ ตามท่ีกลําวไว๎ในเร่ือง การเตรียมการในพิธีงานอวมงคล และดําเนินการ
ดังนี้

การเตรยี มการ (จัดพธิ ีฌาปนกิจศพหลงั จากมีการสวดพระอภธิ รรมครบวัน)
๑) จัดเตรียมนิมนต์พระสงฆ์ ๑๐ รูป หรืออยํางน๎อยไมํํตํากวํา ๕ รูป สวดพระพุทธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา
(พระสวดรับเทศน์ จะมีหรือไมํมีก็ได๎) มีการสดับปกรณ์หรือบังสุกุลและ กํอนท่ีจะเคล่ือนศพจากศาลาหรือสถานที่ตั้งศพ
ไปยงั ฌาปนสถานหรือเมรุ มักนยิ มนมิ นตพ์ ระสงฆ์ จํานวน ๑๐ รูป สวดมาติกาบังสุกุล อกี คร้งั หนง่ึ (แตใํ นปัจจุบันมักนิยม
นมิ นต์พระสงฆม์ าตกิ า บังสุกลุ หลังจากบําเพ็ญกศุ ลสวดพระพทุ ธมนต์ และพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร๎อยแล๎ว
และนําศพขึ้นตั้งบนเมรุทันที เพื่อความสะดวกในการท่ีเจ๎าภาพจะได๎กลับไปเตรียมตัว และคอยต๎อนรับ ผู๎มีเกียรติท่ีมา
รํวมงานในพธิ ฌี าปนกิจศพ)
๒) จตปุ จั จยั ไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๓) ผา๎ ไตรหรือผ๎าสบงทอดถวายพระสงฆ์
๔) เครื่องกัณฑ์เทศนถ์ วายพระสงฆท์ ่ีแสดงพระธรรมเทศนา
๕) ผา๎ ไตรทีจ่ ะใชบ๎ นเมรกุ ํอนทป่ี ระธานพธิ จี ะจดุ ไฟฌาปนกจิ ศพ
๖) รายชื่อผูท๎ จ่ี ะทอดผา๎ บงั สุกลุ บนเมรุ และผท๎ู จ่ี ะเปน็ ประธานในพิธี

การเตรียมการ (จัดพิธีฌาปนกิจ โดยนาศพทบ่ี รรจไุ วท้ าการฌาปนกจิ )
๑) จดั เตรยี มเร่อื งสถานท่ีหรือศาลาต้งั ศพเพอื่ บาํ เพ็ญกุศลกบั ทางวัด
๒) นมิ นต์พระสงฆ์
๓) พิมพบ์ ตั รเชญิ ผู๎ทเ่ี คารพนับถอื มารํวมงานพธิ ี
๔) อญั เชิญศพจากสุสานมาต้งั ยงั พธิ ีบําเพญ็ กุศลฌาปนกิจ ๑ คืน
๕) จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์
๖) ผ๎าไตรบงั สกุ ุลทจ่ี ะถวายพระสงฆ์
๗) เครือ่ งกัณฑเ์ ทศนเ์ พอ่ื ถวายพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา
๘) ผา๎ ไตรที่จะใช๎บนเมรกุ ํอนทป่ี ระธานพธิ ีจะจดุ ไฟฌาปนกจิ ศพ
๙) รายชอื่ ผท๎ู จ่ี ะทอดผา๎ บงั สุกลุ บนเมรุ และผ๎ทู ่ีจะเปน็ ประธานในพิธี

แนวทางการปฏบิ ัติงาน
๑) เจ๎าหน๎าทนี่ ิมนตพ์ ระสงฆ์ข้ึนน่งั ยังอาสนส์ งฆ์
๒) ประธานพิธีหรอื เจ๎าภาพจดุ ธูป เทยี น บชู าพระพทุ ธรปู ณ โตะ๏ หมบํู ชู า (กราบ ๓ คร้ัง)
๓) ประธานพิธีจดุ ธูปเทียนที่เครอื่ งทองนอ๎ ยหนา๎ หบี ศพ
๔) (กรณไี มมํ ีการเทศน์) เจา๎ หนา๎ ทีอ่ าราธนาศีล
๕) ประธานสงฆ์ใหศ๎ ลี ทกุ คนรบั ศลี
๖) เจา๎ หน๎าทอี่ าราธนาพระปริตร

94

๗) พระสงฆส์ วดพระพุทธมนต์ จบ
๘) ถวายภตั ตาหารเพลแดพํ ระสงฆ์
(กาหนดการเพ่ิมเติมในกรณีทม่ี ีการแสดงพระธรรมเทศนา)
๙) กรณีมีเทศน์ เจ๎าหน๎าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ ปฏิบัติ เชํนเดียวกับการสวดพระ
พทุ ธมนต์บาํ เพญ็ กศุ ลศพ ครบ ๗ วัน
๑๐) นิมนต์พระสงฆ์รปู ทแี่ สดงพระธรรมเทศนาขนึ้ ธรรมาสน์เทศน์
๑๑) ประธานหรอื เจ๎าภาพ จดุ เทยี นสํองธรรม เจ๎าหนา๎ ทีเ่ ชญิ เทียนสํองธรรมไปตงั้ ท่ี ธรรมาสน์เทศน์
๑๒) ประธานหรือเจ๎าภาพ จดุ ธปู เทยี นท่เี คร่ืองทองน๎อยบูชาธรรม
๑๓) ประธานหรือเจ๎าภาพ ไปจุดเคร่ืองทองน๎อยบูชาธรรมแทนผู๎วายชนม์ท่ีหน๎าหีบศพ (กรณีมี ๒ ชุด คือ ชุด
นอกสําหรบั ทายาทจดุ เพือ่ เคารพศพ และชดุ ในสําหรับศพบชู าธรรม)
๑๔) เจา๎ หนา๎ ที่อาราธนาศีล พระสงฆใ์ ห๎ศีล
๑๕) เจา๎ หนา๎ ท่ีอาราธนาธรรม พระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา
๑๖) เม่อื พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบ
๑๗) พระสงฆล์ งจากธรรมาสน์ ข้ึนนง่ั ยังอาสนส์ งฆแ์ ล๎ว สวดพระพุทธมนตถ์ วายพรพระ
๑๘) ถวายภตั ตาหารเพล เม่ือพระสงฆฉ์ นั ภัตตาหารเสรจ็ เรียบร๎อยแล๎ว
๑๙) จดั เตรียมตัง้ เคร่ืองไทยธรรม ณ เบ้ืองหน๎าพระสงฆ์
๒๐) ประธานหรอื เจา๎ ภาพประเคนเคร่อื งไทยธรรมแดพํ ระสงฆเ์ สรจ็ แลว๎ เก็บเครื่องไทยธรรม ไว๎ท๎ายอาสนส์ งฆ์
๒๑) เจ๎าหนา๎ ทล่ี าดภูษาโยง
๒๒) ประธานหรือเจา๎ ภาพทอดผา๎ บังสุกุล
๒๓) พระสงฆ์พิจารณาผ๎าบงั สุกุล
๒๔) พระสงฆ์อนุโมทนา
๒๕) ประธานหรือเจ๎าภาพ กรวดน้ํา-รับพร
สําหรับการฌาปนกิจศพทั่วไป บางท๎องถ่ินนิยมมีการแสดงพระธรรมเทศนา และสวด มาติกา บังสุกุลในภาค
บาํ ย กอํ นท่ีจะเคล่ือนศพไปต้ังท่ีฌาปนกิจหรือเมรุ เมือ่ เสรจ็ พธิ สี วดมาตกิ า บังสุกุล จะมกี ารนาํ ศพเวียนเมรุ และข้ึนตั้งบน
จติ กาธาน
การจดั ขบวนในการเวยี นเมรุ
๑) พระนาํ ศพ ๑ รปู
๒) หบี ศพ
๓) เครือ่ งทองนอ๎ ย
๔) เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์
๕) ญาติมติ รผ๎รู วํ มขบวน
สําหรบั การปฏิบัติในพิธีประชุมเพลิงศพนั้น เพ่ือให๎มีความเป็นระเบียบเรียบร๎อย กํอนท่ี ประธานจะมาถึงในพิธี
เจ๎าหน๎าท่ีพิธีจึงประสานกับเจ๎าภาพเรียนเชิญผู๎ที่มาเป็นเกียรติ ท่ีเคารพ นับถือขึ้นทอดผ๎าบังสุกุลให๎แล๎วเสร็จเสียกํอน
เมือ่ ประธานมาถงึ เรียนเชิญไปนัง่ ยังท่จี ดั เตรยี มไวใ๎ ห๎ ประธาน จากนนั้ เจา๎ หน๎าทพ่ี ิธีพ่ึงอํานประวัติของผู๎วายชนม์ เพื่อเป็น
การประกาศเกยี รตคิ ุณความดี จบแล๎ว เชิญผ๎ูรํวมพิธีฌาปนกิจศพยืนไว๎อาลัยให๎แกํผู๎วายชนม์ เป็นเวลาประมาณ ๑ นาที
หลงั จากนั้น เจา๎ หนา๎ ท่พี ธิ กี รพงึ ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
๑) เรียนเชิญประธานขึ้นทอดผา๎ บังสกุ ุลทหี่ ีบศพ
๒) นิมนตพ์ ระสงฆข์ ้นึ พจิ ารณาผา๎ บังสกุ ุล
๓) ประธานจดุ ไฟ เพื่อประชุมเพลิงศพ

95

ในการประชุมเพลิง ควรนมิ นต์พระสงฆ์สวดพระอภธิ รรม จํานวน ๔ รปู เรียกวาํ สวดหนา๎ ไฟ

การเกบ็ อฐั ิ
ในพธิ กี ารเกบ็ อัฐนิ ิยมทําตอนเชา๎ ของวนั รงํุ ข้ึน จากวันฌาปนกิจศพเรียบรอ๎ ยแล๎ว ส่งิ ทีจ่ ะตอ๎ งเตรียมในพิธเี กบ็ อฐั ิ

การเตรียมการ
๑) โกศสําหรบั ใสอํ ัฐิ
๒) ก๎งุ สาํ หรับใสํอัฐิ หรอื องั คารทเี่ หลอื เพื่อนาํ ไปลอยอังคาร
๓) ผา๎ ขาว ควรจดั เตรยี มไว๎ ๒ ผืน สาํ หรบั หํอลงุ๎ ที่ใสํอังคาร
๔) ผ๎าไตร หรือผ๎าสบง สาํ หรับทอดบังสกุ ุลกอํ นเกบ็ อฐั ิ
๕) อาหารคาว-หวาน นิยมจัด ๓ ชดุ ท่ีเรียก พิธีสามหาบ เพ่ือถวายพระสงฆ์ท่พี ิจารณา ผา๎ บังสกุ ุล
๖) นมิ นต์พระสงฆ์ จาํ นวน ๓ รูป
๗) เคร่ืองทองน๎อย สําหรับเชิญเจ๎าภาพจุดสักการบูชาอัฐิกํอนเก็บอัฐิใสํโกศ และนําอัฐิ ไปยังสถานที่ถวาย
ภัตตาหาร จาํ นวน ๓ รูป
๘) ดอกไม๎ (นิยมใชก๎ ลีบดอกกหุ ลาบ) สาํ หรบั โปรยเพอ่ื เป็นการสกั การะอฐั ิ
๙) นา้ํ อบ นาํ้ หอม เพ่ือพรมอัฐิ
๑๐) เหรยี ญบาท เพอ่ื โปรยทาน ซง่ึ ถอื เปน็ การบรจิ าคทานแทนผู๎วายชนม์
นอกจากน้ี เจา๎ หน๎าทพี่ ธิ พี ึงจัดเตรียมสถานที่ เพื่อเชญิ อัฐิไปตั้งและเรยี นเชญิ เจ๎าภาพ ถวายภัตตาหาร ๓ หาบแดํ
พระสงฆ์ หลังจากนน้ั พระสงฆอ์ นุโมทนา เจา๎ ภาพกรวดน้ํา รบั พร เปน็ เสร็จพธิ ี
แนวทางการปฏิบัตงิ าน
๑) กํอนถึงกําหนดเวลาพิธีเก็บอัฐิ (นิยมจัดพิธีชํวงเช๎า) เจ๎าหน๎าที่ฌาปนสถานจะทําพิธี แปรธาตุ คือ การนําอัฐิ
ของผ๎ูวายชนม์ออกมาจากเตาเผาแลว๎ จัดเปน็ โครงราํ งของคน โดยหนั ศีรษะไปทางทศิ ตะวันตก
๒) กํอนทําพิธนี ยิ มใหเ๎ จา๎ ภาพจดุ เครื่องทองน๎อย เพือ่ สักการะอฐั ขิ องผู๎วายชนม์
๓) เจา๎ หน๎าทพ่ี ิธนี าํ ผา๎ ขาวคลมุ อัฐไิ ว๎
๔) เชิญเจ๎าภาพทอดผ๎าบังสุกุล คร้ังละ ๑ ไตร และนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นพิจารณา ผ๎าบังสุกุล ครั้งละ ๑ รูป จน
ครบ ๓ รปู
๕) พระสงฆ์พจิ ารณาผ๎าบังสกุ ุลแลว๎ ลงไปน่งั ยงั อาสน์สงฆท์ ีเ่ จ๎าหน๎าทพี่ ิธไี ด๎จดั เตรียมไว๎
๖) เม่อื พระสงฆพ์ จิ ารณาผ๎าบงั สกุ ลุ แล๎ว เจา๎ หน๎าทพ่ี ธิ ีเชิญเจา๎ ภาพพรมน้าํ อบ และ โปรยดอกไมท๎ ีอ่ ัฐิและองั คาร
๗) เชิญเจ๎าภาพเก็บอัฐิใสํโกศตามที่พอแกํความต๎องการ โดยเลือกจากสํวนตําง ๆ ของรํางกาย ดังน้ี กระดูก
กะโหลกศรี ษะ ๑ ช้นิ กระดกู ซโ่ี ครงหนา๎ อก ๑ ชิ้น กระดูกแขน ทัง้
สองข๎าง ๆ ละ ๑ ชิน้ และกระดกู ขาทง้ั สองขา๎ ง ๆ ละ ๑ ชน้ิ
๘) อัฐทิ เี่ หลือรวมทงั้ องั คาร (ขี้เถ๎า) รวมเก็บหอํ ผา๎ ขาวใสถํ งุ หีบ หรอื กลอํ ง แลว๎ นําหอํ ผ๎าขาวให๎เรียบรอ๎ ย
๙) จากนั้นให๎ญาติผู๎วายชนม์ เชิญเครื่องทองน๎อย ๑ คน เชิญอัฐิ ๑ คน เชิญล๎ุงหรือ กลํองอังคาร ลงไปพักยัง
ศาลาบําเพญ็ กศุ ลพิธีเก็บอัฐิท่ีจัดเตรียมไว๎
๑๐) เชิญอัฐิไปประดิษฐานที่โต๏ะหมํูตัวสูง และเคร่ืองทองน๎อยประดิษฐานบนโต๏ะหมูํตัวท่ี ต้ังอยูํที่หน๎าอัฐิที่ได๎
จัดเตรยี มไว๎
๑๑) เชิญเจ๎าภาพถวายภัตตาหารสามหาบแดํพระสงฆ์ (เป็นชุดสํารับคาว-หวาน หรือ ปิ่นโตใสํภัตตาหารคาว-
หวาน จาํ นวน ๓ ชดุ )

96

การจัดพธิ บี าเพ็ญกุศลเน่ืองในโอกาสครบรอบวันตายของผู้วายชนม์

ในปัจจบุ นั มกี ารบําเพ็ญกศุ ลซึ่งปรารภถงึ วันครบรอบวนั ตายของบรรพบุรษุ ท่ไี ด๎วายชนม์ ไปแล๎ว มาเป็นที่ตั้งแหํง
การบําเพ็ญกุศลเพ่ืออุทิศให๎แกํผ๎ูท่ีวายชนม์ อันเป็นการแสดงออกถึง ความกตัญญูกตเวทีท่ีผู๎ปรารภเหตุแหํงการบําเพ็ญ
กศุ ลทีม่ ตี ํอบุพการีชนท้ังหลาย งานน้ีจัดเป็น งานอวมงคล เชํนเดียวกับการบําเพ็ญศพ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน ใน
สํวนพิธีสงฆ์ ก็มีการบําเพ็ญกุศลเชํนเดียวกับงานอวมงคลดังกลําวแล๎ว เชํน นิมนต์พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ และจะมี


Click to View FlipBook Version