คำนำ
ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.
2546 กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีหน้าที่สำคัญประการหนึ่ง คือ จัดทำนโยบาย
แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้อง กับนโยบาย มาตรฐานการศึกษา
แผนการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพน้ื ฐานและความต้องการของท้องถิ่น ดงั นัน้ เพอื่ ให้การพัฒนาคุณภาพ
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสอดคล้องกับทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 แผนแม่บทภายใต้
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรปู ประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570)
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 นโยบาย จุดเน้น กลยุทธของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน จึงได้จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566-2570) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศกึ ษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 ซง่ึ เปน็ แผนระยะปานกลางทรี่ ะบุทิศทางการพัฒนาการศึกษาขนั้ พื้นฐานที่กลุ่ม/
หน่วยและสถานศึกษาในสงั กัด ควรให้ความสำคัญและมุ่งดำเนินการในระยะ 5 ปี โดยใช้เปน็ กรอบแนวทางใน
การดำเนินงาน รวมถงึ การจัดทำแผนท่ีเก่ยี วขอ้ ง
สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 ขอขอบคณุ ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหาร
สถานศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะทำงานทุกท่านที่ได้ร่วมกันยกร่างแผนฯ แสดงความ
คิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพ้ื นฐาน (พ.ศ.
2566-2570) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจัดทำ
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566-2570) ของสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์
เขต 1 ฉบบั นี้ จะสง่ ผลให้เกดิ การพฒั นาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งผลให้เดก็ และเยาวชนสามารถต่อยอด
พัฒนาตนเองไปในทิศทางที่จะส่งเสริมการพัฒนาประเทศ และสังคมไทยคงอยู่ได้อย่างสงบสุบต่อไปในอนาคต
ตามวิสัยทัศของยุทธศาสตร์ชาติที่ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยการพัฒนาตามปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง ต่อไป
สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาเพชรบูรณ์ เขต 1
ธนั วาคม 2565
สารบัญ
ส่วนที่ 1 บทนำ
กฎหมาย แผน นโยบายสำคญั ทเ่ี กย่ี วข้อง......................................................................................................1
แนวโนม้ การเปลยี่ นแปลงทส่ี ำคญั และส่งผลต่อการศึกษาขัน้ พื้นฐาน.............................................................2
แนวโน้มเด็กและเยาวชนในอนาคต.............................................................................................................. ..7
พระบรมราโชบายเกย่ี วกบั การพัฒนาการศึกษา............................................................................................9
ส่วนที่ 2 ขอ้ มูลท่วั ไป
ข้อมลู สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 ............................................................10
สรุปประเด็นสำคญั ทพี่ บจากการวเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อม...........................................................................17
ส่วนท่ี 3 สาระสำคญั ของแผนพฒั นาการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
วิสยั ทศั น.์ .....................................................................................................................................................21
พันธกจิ ........................................................................................................................................................21
เป้าประสงค์............................................... ................................................................................................. .21
กลยุทธ์...................................................................................................................... ...................................22
ส่วนที่ 4 การขับเคลอ่ื นแผนพฒั นาการศึกษาข้นั พืน้ ฐานสู่การปฏิบัติ
แนวทางการบริหารแผนสู่การปฏิบัติ.............................................................................................. .............30
เงอื่ นไขความสำเรจ็ ......................................................................................................................................30
ภาคผนวก............................................................................................................................. ............................32
1
ส่วนที่ 1 บทนำ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการศึกษาที่จัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษาและเป็นรากฐาน
การศึกษาของคนไทย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจเกี่ยวกับ
การจัดและการส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศ ซึ่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
กำหนดให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา มาตรฐาน
และหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษา ศาสนา ศลิ ปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ
การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการเร่ือง การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา พ.ศ.๒๕๖๐ และฉบับท่ี ๒
พ.ศ.๒๕๖๑ กำหนดใหส้ ำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาจัดทำนโยบาย แผนพัฒนาและมาตรฐานการศึกษาของเขต
พื้นที่การศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายมาตรฐานการศึกษา แผนการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และความต้องการของท้องถิ่นที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษา
แห่งชาติ
เพื่อใหก้ ารพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานสอดคลอ้ งกบั ทศิ ทางของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2560 ยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี แผนการศึกษาแห่งชาติ 20 ปี และการเปล่ียนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21
จึงจำเป็นอย่างยิ่งท่ีตอ้ งกำหนดทศิ ทางการจัดการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ให้สามารถรองรับการเปลีย่ นแปลงที่สำคัญ
และส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจและสงั คม เพอื่ ประเทศไทยจะไดม้ ีความม่นั คง ม่งั คง่ั และย่ังยืน
และเพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 นำแผนพัฒนา
การศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566 - 2570) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 ไปใช้
เปน็ กรอบและแนวทางในการดำเนนิ งาน ต่อไป
กฎหมาย แผน นโยบายสำคญั ท่เี ก่ียวข้อง
แผนพัฒนาการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน มีกฎหมาย แผน นโยบายสำคัญ ท่ีเกี่ยวข้อง แสดงดงั ในภาพตอ่ ไปน้ี
ภาพ 1 : กฎหมาย ยุทธศาสตร์ แผนตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกบั แผนพัฒนาการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
โดยรายละเอียดการของกฎหมาย ยทุ ธศาสตร์ และแผนทเี่ กี่ยวข้อง ซึง่ เชอื่ มโยงกบั แผนพัฒนาการศึกษา
ขน้ั พื้นฐานฉบับนี้ ได้มปี ระมวลการวเิ คราะห์ไว้ในภาคผนวก ข
2
แนวโนม้ การเปลยี่ นแปลงท่สี ำคัญและส่งผลต่อการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร
สถานการณ์โครงสร้างประชากรในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 มีสัดส่วนผู้สงู อายุเกนิ ร้อยละ 10
ของประชากรทั้งประเทศ และจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวยั โดยสมบูรณ์ โดยมสี ัดสว่ นผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 20
ในปี พ.ศ. 2566 และคาดว่าจะมีสัดส่วนร้อยละ 28 ของประชากรท้ังหมด ในปี พ.ศ. 25761 ตามผลการคาดประมาณ
ประชากรของประเทศไทยในข้อสมมุติภาวะเจริญพันธุ์ระดับปานกลาง (Medium Fertility Assumption)
ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คาดประมาณประชากรจังหวัดเพชรบูรณ์กำลังจะเข้าสู่
สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป) ในระยะเวลา 5 ปี
ต้ังแต่ พ.ศ. 2566 - 2570 มอี ัตราเพม่ิ ข้นึ ทุกปี รายละเอียดตามตารางดงั ต่อไปน้ี2
ตาราง 1 : การคาดประมาณประชากรจงั หวดั เพชรบูรณ์ (จำแนกกลมุ่ อายุ) ต้ังแตป่ ี พ.ศ. 2566 - 2570
ปี พ.ศ. 2566 2567 2568 2569 2570
กลมุ่ อายุ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ
(พนั คน) (พันคน) (พันคน) (พนั คน) (พันคน)
0 - 59 ปี 657,493 74.12 645,561 73.21 633,352 72.27 621,716 71.40 610,398 74.12
60 ปีขน้ึ ไป 229,614 25.88 236,289 26.79 243,056 27.73 249,044 28.60 254,486 25.88
รวม 887,107 100 881,850 100 876,408 100 870,760 100 864,884 100
หมายเหตุ คำนวณร้อยละจากรายงานการคาดประมาณประชากรชองประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583 (ฉบับปรับปรุง),
สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562, น.210
ซึ่งภาวะประชากรสูงอายุดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการทีค่ นไทยมีอายุยนื มากขึ้น ประกอบกับการลดลง
ของภาวะเจริญพันธ์ุหรือการเกิดน้อยลง3 ส่งผลให้ประชากรวัยเด็กหรือประชากรวัยเรียน มีแนวโน้มลดลง
อย่างต่อเนื่อง การเป็นสังคมสูงวัยส่งผลให้อัตราการพึ่งพิงสูงขึ้น กล่าวคือ วัยแรงงานต้องแบกรับ
ภาระการดูแลผู้สูงวัยเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การพัฒนาประเทศให้มีความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
จำเป็นต้องเตรียมกำลังคนให้มีสมรรถนะเพื่อสร้างผลิตภาพ (Productivity) ที่สูงขึ้น การจัดการศึกษา
จึงต้องวางแผนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีทักษะและสมรรถนะสูง และปรับหลักสูตรการเรียน
การสอนให้บูรณาการกับการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์ทุกช่วงวัยเพียงพอ
ตอ่ การพฒั นาประเทศในอนาคต
ความก้าวหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยี
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและดิจิทัลอย่างรวดเร็ว (Digital Disruption) เป็นการเปลี่ยนแปลง
สังคมไปสู่สังคมดิจิทัลส่งผลต่อการศึกษาขั้นพื้นฐานและมีแนวโน้มที่การจัดการศึกษาจะเปลี่ยนไป
โดยการเปลีย่ นรปู แบบการศึกษา ซง่ึ สถานศกึ ษาต้องปรับตวั ใหเ้ ป็นองค์กรแห่งการเรยี นรู้เพ่ือสร้างความสัมพันธ์
กบั สังคมและองคก์ รภายนอก รวมถงึ การพัฒนาหลกั สตู รและการจดั การเรยี นการสอนทที่ ันตอ่ การเปลี่ยนแปลง
เพอื่ ให้สอดคล้องกับความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนรายบุคคล
โดยการนำเทคโนโลยแี ละส่ือตา่ ง ๆ มาประยุกตใ์ ช้ร่วมกับการเรยี นการสอน เพ่อื สนับสนุนการเรยี นรขู้ องผู้เรียน
1 จาก ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่ และภาพรวมปี 2563, โดยกองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ, 2563, น.27
2 จาก รายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583 (ฉบบั ปรับปรุง), 2562, น.210, สบื คน้ เม่อื 10 สงิ หาคม 2565 จาก
http://social.nesdc.go.th/social/Portals/0/Documents/รา ย งา นก า รคา ดประมาณประชากรของประ เทศไทย%20พศ%202553%20 -
%202583%20(ฉบบั _2315.pdf
3 จาก “ประชากรสูงอายุไทย : ปัจจุบันและอนาคต,” เอกสารประมวลสถิติด้านสังคม 1/2558, 2559, โดย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่ือสาร สำนกั งานปลัดกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์, น.2
3
ทั้งน้ี ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีจะทำให้เข้าสู่สังคมดิจิทัลที่มีการเสริมบทเรียนโดยสร้างสถานการณ์
จำลอง1 ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) และโลกเสมือนจริง (Metaverse) ดังนั้น การจัดการศึกษา
ของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายการพัฒนา การวางแผน และการสร้างทักษะพื้นฐานที่จำเป็น
ของทรัพยากรมนุษย์ที่จะศึกษาต่อในระดับต่าง ๆ หรือเข้าสู่ตลาดแรงงาน หรือต้องปรับหลักสูตรและวิธีการ
จัดการเรยี นรู้ที่มีความยืดหยุน่ มีความหลากหลาย เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะ
ที่พรอ้ มรบั การเปล่ยี นแปลงในโลกดิจทิ ลั ในปัจจุบันและอนาคต2
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยประชากรวัยเรียน
ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประชากร Generation Z หรือ Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2539 - 2553) ที่ดำเนิน
ชวี ิตประจำวนั พรอ้ มกับส่ิงอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีต่าง ๆ ทจ่ี ะทำให้สามารถเข้าถงึ สือ่ สงั คมออนไลน์
ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้รูปแบบใหม่ เช่น ระบบการเรียนรู้แบบเคลื่อนท่ีผ่านโทรศัพท์มือถือ
(Mobile Learning) การเรียนรู้ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่มีเนื้อหากระชับและตรงประเด็น (Micro-Learning)
การเรียนผ่านสื่อวีดีทัศน์ (Video-Based Learning) และการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยเกม (Gamification) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น จึงมีช่องทาง
ในการแสวงหาความรู้ทเี่ ปิดกวา้ งมากยิ่งข้ึน3 เมอ่ื พิจารณาจากสถิตกิ ารใช้อินเทอรเ์ น็ตของประชาชนอายุ 6 ปีขนึ้ ไป
ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 - 2563 จะเห็นได้ว่า อัตราการเข้าถึงและการใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศ
ไทยมีอัตราทีเ่ พมิ่ สงู ข้ึนอยา่ งต่อเน่อื งในระยะเวลา 5 ปี รายละเอยี ดดังภาพต่อไปน้ี4
90 สถิติการใชอ้ นิ เทอร์เน็ตของประเทศไทย ตง้ั แตป่ ี พ.ศ6.62.75%59 - 256737.8%
80
70 52.9% 56.8% 60.8%
60
47.5%
50
40
30
20
10
0
2559 2560 2561 (Q1) 2561 (Q4) 2562 2563
ภาพ 2 : สถิติการใช้อินเทอรเ์ น็ตของประเทศไทย ตัง้ แตป่ ี พ.ศ. 2559 - 2563
ที่มา : สรุปผลที่สำคัญ สำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2563 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ,
2564, น.3
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยียังทำให้การเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในระบบห้องเรียน
แบบเดิมเท่านั้น เพราะ ได้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากสื่อดิจิทัล และสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
1 จาก “แนวทางการบรหิ ารการศกึ ษาในยุคดจิ ิทลั ดิสรัปชั่น” โดย สภุ ัทรศักด์ิ คำสามารถ ศริ ินทพิ ย์ กลุ จติ รศรี โกวิท จันทะปาละ, 2563, Journal
of Modern Learning Development, 5(3), น.253-257
2 จาก แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579, โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2560, น.4
3 จาก Lifelong Learning Focus ของสถาบนั อทุ ยานการเรียนรู้ สำนักงานบรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน), 2564, น.53
4 จาก สรุปผลทสี่ ำคญั สำรวจการมกี ารใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในครวั เรอื น พ.ศ. 2563 ของสำนกั งานสถติ ิแหง่ ชาติ, 2564, น.3
4
ซึ่งในการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้มีมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนสำคัญในการเริม่ ตน้
การใช้ระบบการเรยี นออนไลน์ โดยเฉพาะ Massive Open Online Course หรอื MOOC เป็นบรกิ ารบทเรียน
ออนไลน์แบบเปิดที่ให้บริการฟรีเป็นส่วนใหญ่ โดยในประเทศไทยมีโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย (Thailand
Cyber University : TCU) เป็นผู้เริ่มใช้งานแพลตฟอร์ม Thai MOOC ในปี พ.ศ. 2556 ทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้
แบบตลาดวิชาออนไลน์ที่ได้สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำมาช่วยพัฒนาหลักสูตร และมุ่งเน้นการเรียนการสอนสำหรับ
กลุ่มคนขนาดใหญ่แบบเสรีในการเลือกเรียนรายวิชาต่าง ๆ โดยสามารถรองรับผู้เรียนได้จำนวนมาก และ
สามารถเรียนรู้ระยะทางไกลผ่านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต อีกทั้งเนื้อหายังเป็นเนื้อหาแบบเปิดที่ไม่ว่าบุคคลใด
ก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ โดยความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 598 แห่ง ท่ีมีรายวิชากว่า 631 รายวิชา
จำแนกเป็นหมวดหมู่ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2565) ได้ดังนี้1 1) การศึกษาและการฝึกอบรม จำนวน 75
รายวิชา 2) อาหารและโภชนาการ จำนวน 9 รายวิชา 3) คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จำนวน 16 รายวิชา
4) คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยี จำนวน 120 รายวิชา 5) ทักษะชวี ิตและการพัฒนาตนเอง จำนวน 64 รายวิชา
6) ธุรกิจและการบริหารจัดการ จำนวน 120 รายวิชา 7) ภาษาและการสื่อสาร จำนวน 42 รายวิชา
8) วิศวกรรมและสถาปัตยกรรม จำนวน 22 รายวิชา 9) ศิลปวัฒนธรรมและศาสนา จำนวน 30 รายวิชา
10) สังคม การเมืองการปกครอง จำนวน 28 รายวิชา 11) สุขภาพและการแพทย์ จำนวน 55 รายวิชา
12) เกษตรและสงิ่ แวดลอ้ ม จำนวน 27 รายวชิ า 13) อืน่ ๆ จำนวน 23 รายวิชา โดยมีอัตราการลงเรยี นรายวิชา
ธุรกิจมากท่ีสุด ที่ร้อยละ 20.4 รายวิชาเทคโนโลยีเปน็ อันดับท่ีสอง ร้อยละ 19.3 และรายวิชาสังคมศาสตรเ์ ป็น
อนั ดับท่ี 3 ร้อยละ 11.4 รายละเอยี ดดังภาพตอ่ ไปน้ี
อัตราการลงเรยี นหลักสตู ร MOOC (แบ่งตามรายวิชา)
การศกึ ษา เทคโนโลยี
ธุรกิจ สงั คมศาสตร์
คณิตศาสตร์ ศิลปะ
วิทยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์
มนุษยศาสตร์ สาธารณสขุ
ภาพ 3 : แสดงจำนวนอัตราการลงเรยี นหลกั สตู ร MOOC ในประเทศไทย
ทม่ี า : The Report by class central อ้างถึงใน Lifelong Learning Focus ของสถาบันอทุ ยานการเรยี นรู้ สำนักงานบรหิ าร
และพฒั นาองคค์ วามรู้ (องคก์ ารมหาชน), 2564, น.52
1 จาก Thai MOOC สบื ค้นเม่ือ 28 สงิ หาคม 2565 จาก https://thaimooc.org/course?f%5B0%5D=course_category_taxonomy%3A375
5
การเปลยี่ นแปลงทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อม และสถานการณโ์ รคอบุ ัติใหม่ โรคอบุ ตั ิซ้ำ
การเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ส่งผลกระทบต่อการเปล่ยี นแปลงทางสังคม วฒั นธรรม เศรษฐกจิ และสิ่งแวดล้อม
ดงั ตอ่ ไปน้ี
สังคม วฒั นธรรม
สหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้คาดการณ์ว่าโลกจะเข้าสู่ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์
(Age Society) ในปี พ.ศ. 2593 ส่วนประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 และคาดว่า
จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Complete aged Society) ภายในปี พ.ศ. 2566 ทำให้มีสัดส่วน
ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะท่ีกำลังแรงงานในตลาดแรงงานลดลงจนส่งผลให้เกิดการพึ่งพา
แรงงานข้ามชาติมากขึ้น นำไปสู่การเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งภายในและระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้รูปแบบ
ของสงั คมไทยปรับเปลยี่ นไปสู่สังคมพหุวัฒนธรรม (Multicultural Society) นอกจากนนั้ อตั ราการเกิดที่ลดลง
ของประชากรไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชากร Generation Y หรือ Gen Y ที่มีสุขภาพดีและอยู่ในวัยที่เหมาะสม
ต่อการสร้างครอบครัวมีอัตราการให้กำเนิดลดลง เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดที่มีความต้องการ
จะเป็นครอบครัวเดี่ยว โดยการใช้ชีวิตคนเดียว ด้วยการมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้นและสามารถพึ่งพาตัวเองได้
อีกทั้ง การที่คนในสังคมมีพฤติกรรมเสพติดสมาร์ทโฟน ทำให้ขาดความกระตือรือร้นและเอาใจใส่
ต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และการเกิดความสับสนในตัวเอง ที่มีทั้งตัวตนที่แท้จริง กับตัวตนเสมือน
ในโลกออนไลน์ เกิดเป็นสังคมก้มหน้า (Social Ignorance)1 ดังนั้น การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จึงต้องวางแผนในการรองรับผลกระทบจากประชากรวัยเรียนที่ลดลง รวมถึงการวางพื้นฐานในการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะและสมรรถนะสูง เพิ่มเติมทักษะชีวิตและทักษะทางสังคม และการส่งเสริม
การเรยี นร้ตู ลอดชวี ิตผ่านการพฒั นาการศึกษา เพอื่ ลดอัตราการพึง่ พิง พรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง และเปน็ กลไก
ในการขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศ2
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศเป็นสัดส่วนสูง 3
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลต่อตลาดแรงงานและตลาดการศึกษา เนื่องจากการกำหนดลักษณะของแรงงานที่ต้องการ
อาทิ เศรษฐกิจใหม่ จะแข่งขันกันด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น การศึกษา
ต้องพัฒนาคนให้มีทักษะ ที่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ที่มีคุณค่าต่อระบบเศรษฐกิจ การเปิดเสรีทางการค้า
และการลงทุน เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้า และเงินลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ต้อง
ลดการกีดกันการแขง่ ขันเท่าน้ัน ยังต้องแข่งขันกันด้วยสินค้าที่มีคณุ ภาพ ซึ่งต้องอาศัยแรงงานที่มฝี ีมือ มีทักษะ
ความสามารถที่หลากหลาย เช่น ความรู้ด้านเทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ การบริหาร ฯลฯ ประกอบกับ
สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลต่อ
เศรษฐกิจอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จะพัฒนาคน
ใหม้ คี วามรู้ ทักษะชวี ติ ทักษะอาชีพ ทจ่ี ะเป็นพนื้ ฐานในการดำรงชีวติ สกู่ ารมีงานทำในสภาพเศรษฐกิจที่เปล่ียนไป
1 จาก เฉลมิ พงษ์ จนั ทร์สุขา, 2559, พฤติกรรมการใช้สมารท์ โฟนกบั สังคมกม้ หนา้ : กรณศ๊ กึ ษานกั ศึกษาระดบั อุดมศึกษาในจงั หวัดเชียงใหม่
วทิ ยานพิ นธ์มหาวิทยาลยั แม่โจ้
2 จาก แผนปฏิบตั ิราชการประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ฉบบั จัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำป)ี
โดยสำนกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2565, น.50 - 51
3 จาก “เศรษฐกิจโลก เศรษฐกจิ ไทยหลังโควิด” โดยธนาคารแหง่ ประเทศไทย, สบื ค้นเมอ่ื 10 มีนาคม 2564 จาก https://www.bot.or.th/ Thai/
BOTMagazine/Pages/256303_CoverStory.aspx
6
ทั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
ในปี 2565 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7 - 3.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของการบริโภค
จากภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออกสินค้าจะขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในขณะท่ีหนี้สินครัวเรือนจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงตามความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังคงมีความรุนแรง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศท่ียังไม่ฟื้นตวั
จึงทำให้รายได้ครัวเรือนยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความกังวลและชะลอการก่อหนี้ อย่างไรก็ตาม
หนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ยังอยู่ในระดับสูง
เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งมีผลกระทบมาจาก
ภาระค่าครองชีพที่อาจกดดันให้ครัวเรือนมีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้ม
ปรบั ตวั เพมิ่ ข้ึนในอนาคต1
ส่ิงแวดล้อม
รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น พื้นที่น้ำแข็งในทะเล
อาร์คติกลดลงในระดับต่ำสุด และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมีความเข้มข้นสูงขึ้น เกิดภัยพิบัติ
ทางธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก เช่น การเกิดคลื่นความร้อน อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย ภัยแล้ง และการขาดแคลนนำ้
เนื่องจากจำนวนประชากรทีเ่ พิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมลพิษทางน้ำที่เพิ่มข้ึน ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่า สัตว์ปา่
และความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซึ่งในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่
ของมนุษย์ทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยประเทศต่าง ๆ ได้ใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุม
การเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนออกจากบ้านน้อยลง และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ชะลอตัว ทำให้มกี ารปลอ่ ยก๊าซเรอื นกระจกลดลง ในขณะทก่ี ารใชว้ สั ดทุ ่ใี ช้คร้งั เดียวแล้วท้งิ เพมิ่ ขน้ึ รวมถงึ ขยะมลู ฝอย
ติดเชื้อมีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการใช้ชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19
ทั้งนี้ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย มีทิศทางการพัฒนาไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) โดยการดำเนินงานตามอนสุ ัญญาและขอ้ ตกลงความร่วมมือระหวา่ งประเทศ
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีมาตรการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิง่ แวดลอ้ มดา้ นการเงินการคลงั รวมถึงการจดั สรรงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ท่ีนำไปบริหาร
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 คิดเป็นร้อยละ 2.19
ของงบประมาณทงั้ หมด2
สถานการณ์โรคอุบตั ใิ หม่ โรคอุบัติซ้ำ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ปรากฏขึ้นมากมาย สำหรับประเทศไทยมีการเกดิ
โรคติดต่ออุบัติใหม่อยู่เป็นระยะ ๆ เช่น โรคซาร์ส (SARS) ในปี พ.ศ. 2546 โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza)
ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2551 โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ชนิด เอ H1N1 และปัจจุบัน คือ โรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) และโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ซึ่งโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน โดยทำให้เกิด
การปรับตัวในการดำเนินชีวิตในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้แก่ การเว้นระยะห่างทางสังคม
(Social Distancing) การลดความเสี่ยงจากการชุมนุม หรืออยู่ในสถานที่สาธารณะกับผู้อื่นเป็นจำนวนมาก
การปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work from Home) การสวมใส่หน้ากากอนามัย การใช้แอลกอฮอล์
1 จาก ภาวะเศรษฐกจิ ไทยไตรมาสทีส่ องของปี 2565 และแนวโน้มปี 2565 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2565, น.7 - 9,
สืบคน้ เมื่อ 28 สงิ หาคม 2565 จาก https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=12810&filename=QGDP_report
2 จาก รายงานสถานการณค์ ณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม พ.ศ. 2564 ของสำนกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม, 2565, น.12-13
7
ในการทำความสะอาดอย่างเป็นประจำ การออกกำลังกายและการทำประกันสุขภาพจะมีแนวโน้มมากขึ้น
การใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ การประชุมทางไกล
ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ การทำงานจากท่ีพักอาศัยและการซื้อ-ขายสินค้าในรูปแบบออนไลน์
รวมถึงการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบออนไลน์ สำหรับในด้านการศึกษามีการปรับรูปแบบการเรียนการสอน
เป็นแบบเรียนออนไลน์ การสอนทางไกล การใช้เทคโนโลยีในการเรียน การสอน การเกิดความร่วมมือกัน
ระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาช่องทางการเรียนรู้แบบใหม่ สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ชั่วคราว
เพอื่ แกป้ ัญหาในช่วงเวลาวิกฤต1
นอกจากนี้ สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำส่งผลกระทบการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และนักเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งเป็นสถานที่มีนักเรียนอยู่รวมกัน
เป็นจำนวนมาก ถ้าหากมรี ะบบการบรหิ ารจดั การที่ไม่มปี ระสิทธิภาพจะทำให้มีความเสีย่ งสงู ต่อการแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในกลุ่มนักเรียน ฉะนั้น หากมีการระบาดในกลุ่มนักเรียนข้ึน
จะมีผลกระทบในสังคมหรือผูใ้ กล้ชิด เช่น ครู ผู้ปกครอง รวมถึงผู้สูงอายุท่ีสามารถติดเชื้อจากกลุม่ นักเรียนได้2
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาวะด้านสาธารณสุขให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งจะเติบโต
เป็นทรัพยากรของชาติในอนาคต จึงต้องจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาภายใต้แนวคดิ
“ล้มแล้วลุกไว” (Resilience) ได้แก่ 1) การพร้อมรับ (Cope) การปรับตัว (Adapt) และการเปลี่ยนแปลง
เพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน (Transform) เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ำ
ท่ีอาจเกดิ ขน้ึ ในอนาคตอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ3
จากการเปลี่ยนแปลงในสภาวการณ์ด้านต่าง ๆ ข้างต้น นอกจากจะส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่
และวิถีชีวิตของคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังส่งผลถึงการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
ต่อการพัฒนาการจัดการศึกษาด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งศึกษา ปรับเปลี่ยน
และพัฒนารูปแบบ แนวทางและมาตรการในการจัดการศึกษาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์
ท่ีเปล่ยี นแปลงอยา่ งพลิกผนั เพอ่ื การพัฒนาประเทศต่อไป
แนวโนม้ เด็กและเยาวชนในอนาคต
สังคมโลกในศตวรรษที่ 21 มีความแตกต่างจากในอดีตมาก มีการเคลื่อนย้ายผู้คน สื่อเทคโนโลยี
และทรัพยากรต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกอย่างรวดเร็วและสะดวก มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
การปกครองระหว่างภูมิภาค ประเทศ สังคมและชุมชน มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงของความรู้
และข้อมลู ข่าวสารตลอดเวลาอย่างเปน็ พลวัต แนวโนม้ เดก็ และเยาวชนในอนาคตจึงควรมีทักษะ และคุณลักษณะ ดงั นี้
ทกั ษะทจี่ ำเปน็ ของประชากรในศตวรรษที่ 21
ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ทักษะสำคัญที่เด็กและเยาวชนควรมี คือ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
หรือ 3Rs และ 8Cs4 ซึ่งมีองค์ประกอบ ดังน้ี
- 3Rs ได้แก่ อ่านออก (Reading) เขยี นได้ (W)Riting และคิดเลขเป็น (A)Rithemetics
1 จาก แผนปฏบิ ัติราชการประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ฉบบั จัดทำคำของบประมาณรายจา่ ยประจำป)ี
โดยสำนกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2565, น.49 - 50
2 จาก ค่มู อื การปฏิบตั สิ ำหรบั สถานศึกษาในการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด 19 โดยกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ , 2563, น.3
3 จาก แผนแม่บทเฉพาะกจิ ภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ อนั เปน็ ผลมาจากสถานการณโ์ ควิด-19 พ.ศ. 2564 - 2565 สืบค้นเม่อื 17 สงิ หาคม 2565 จาก
http://nscr.nesdb.go.th/wp-content/uploads/2021/01/แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ-ในราชกจิ จานุเบกษ.pdf, น.13 - 14
4 จาก พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ, โดยสำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2560, น.16
8
- 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา (Critical Thinking
and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ( Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ ( Cross-cultural Understanding)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ทกั ษะด้านการส่ือสารสารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy)
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy)
ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning Skills) และมีความเมตตากรุณา มีคุณธรรม
และระเบียบวนิ ยั (Compassion)
ทักษะทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กและเยาวชนในยุคการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21
เปน็ อย่างมาก ซงึ่ มคี วามแตกตา่ งจากการเรียนรู้ในอดตี เพื่อสง่ ผลใหก้ ารเรยี นรขู้ องผ้เู รยี นมีคณุ ภาพมากยงิ่ ข้ึน
คณุ ลกั ษณะ ค่านิยมร่วม ผลลัพธ์ทพ่ี ึงประสงค์ ตามมาตรฐานการศกึ ษาของชาติ พ.ศ. 2561
ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 25611 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ
ได้กำหนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education , DOE Thailand)
โดยมีค่านิยมร่วม ได้แก่ ความเพียรอันบริสุทธิ์ ความพอเพียง วิถีประชาธิปไตย ความเท่าเทียมเสมอภาค
มีคุณธรรมที่เป็นลักษณะนิสัยและคุณธรรมพื้นฐานที่เป็นความดีงาม และ 3 คุณลักษณะที่คาดหวัง
หลังสำเรจ็ การศึกษาแตล่ ะระดับ ได้แก่ 1) ผู้เรียนรู้ เปน็ ผมู้ คี วามเพียร ใฝเ่ รยี นรู้ และมที ักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
เพื่อก้าวทันโลกยุคดิจิทัลและโลกในอนาคต และมีสมรรถนะ (Competency) ที่เกิดจากความรู้ ความรอบรู้
ด้านต่าง ๆ มีสุนทรียะ รักษ์และประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิต เพื่อสร้างงานหรือสัมมาอาชีพ
บนพื้นฐานของความพอเพียง ความมั่นคงในชีวิต และคุณภาพชีวิตที่ดีต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม
2) ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ 21 ความฉลาดดิจิทัล
(Digital Intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะการบูรณาการข้ามศาสตร์
และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรม ทางเทคโนโลยี
หรือสังคม เพิ่มโอกาสและมูลค่าให้กับตนเอง และสังคม 3) พลเมืองที่เข้มแข็ง เป็นผู้มีความรักชาติ รักท้องถิ่น
รู้ถูกผิด มีจิตสำนึกเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ
บนหลักการประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและประชาคมโลกอย่างสันติ และได้จำแนกผลลัพธ์
ทพ่ี ึงประสงคต์ ามระดับการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานได้ดังน้ี
ตาราง 2 : ผลลพั ธท์ ีพ่ ึงประสงค์ของการศึกษา (คุณลักษณะของคนไทย 4.0)
คณุ ลกั ษณะ ปฐมวัย ประถมศกึ ษา มธั ยมศึกษาตอนต้น มธั ยมศึกษาตอนปลาย
ผ้เู รยี นรู้ มีพฒั นาการ รักและรับผิดชอบตอ่ การเรียนรู้ รู้จักตนเองและผู้อื่น มีเป้าหมาย ชี้นำการเรียนรู้ด้วยตนเอง
รอบดา้ น ชอบการอ่าน มีความรู้พื้นฐาน และทักษะการเรียนรู้ บริหาร มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต
และสมดลุ ทักษะและสมรรถนะทางภาษา จัดการตนเองเป็น มีทักษะชีวิต ม ี ความรอบร ู ้ และร ู ้ ทั น
สนใจเรยี นรู้ การคำนวณ มีเหตุผล มีนิสัย เพื่อสร้างสุขภาวะ และสร้างงาน การเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาสุข
และกำกบั และสุขภาพที่ดี มีสุนทรียภาพ ท่ีเหมาะสมกบั ช่วงวัย ภาวะ คณุ ภาพชวี ิตและอาชีพ
ตัวเองให้ ในความงามรอบตวั
1 จาก มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ พ.ศ.2561 โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2561.
9
คุณลกั ษณะ ปฐมวัย ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ผูร้ ่วม ทำส่ิงตา่ ง ๆ รับผิดชอบในการทำงาน มีทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะ สามารถแกป้ ญั หา สื่อสารเชิงบวก
สรา้ งสรรค์ ที่เหมาะสม ร่วมกับผู้อื่น มีความรู้ ทักษะ การสื่อสาร รอบรู้ทางข้ อมู ล ทักษะข้ามวัฒนธรรม ทักษะ
นวัตกรรม ตามช่วงวยั และสมรรถนะทางเทคโนโลยี สารสนเทศ และดิจิทลั เพอ่ื แกป้ ญั หา การสะท้อนการคิด การวิพากษ์
ไดส้ ำเรจ็ ดิจิทัล การคิดสร้างสรรค์ การคิดวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ เพอื่ สร้างนวัตกรรม และสามารถ
ภาษาอังกฤษ การสื่อสาร นำความคดิ สู่การสร้างผลงาน เป็นผ้ปู ระกอบการได้
และความรูด้ ้านต่าง ๆ
พลเมอื งท่ี แยกแยะผิดถูก ปฏิบัติตน เชื่อมั่นในความถูกต้อง ยุติธรรม เชื่อมั่นในความเท่าเทียม
เขม้ แข็ง ตามสิทธิและหน้าที่ของตน มีจิตประชาธิปไตย มีสำนึกและ เป็นธรรม มีจิตอาสา กล้าหาญ
โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ภาคภูมิใจในความเป็นไทยและ ทางจริยธรรมและเป็นพลเมือง
เป็นสมาชิกที่ดีของกลุ่ม มีจิต พลเมืองอาเซยี น ที่กระตือรือรน้ ร่วมสร้างสังคม
อาสา รกั ท้องถน่ิ และประเทศ ที่ยง่ั ยืน
พระบรมราโชบายเกีย่ วกบั การพัฒนาการศกึ ษา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 10 ทรงมพี ระบรมราโชบายเกี่ยวกบั การพัฒนาการศึกษาต้องมุ่งสรา้ งพ้นื ฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน1 ดงั นี้
1. มที ัศนคตทิ ี่ถูกต้องต่อบา้ นเมือง
มีความรู้ความเข้าใจที่มีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์
และมีความเอ้อื อาทรตอ่ ครอบครวั และชมุ ชนของตน
2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-มีคุณธรรม รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด-ชอบ/ชั่ว-ดี ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบที่ดีงาม
ปฏิเสธสง่ิ ทผี่ ิด สิ่งทีช่ ่ัว และช่วยกนั สร้างคนดีให้แก่บา้ นเมือง
3. มงี านทำ - มอี าชีพ
การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัว หรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้เด็กและเยาวชน
รักงาน สู้งาน ทำจนงานสำเร็จ การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียน
ทำงานเป็น และมีงานทำในที่สุด และต้องสนับสนุนผู้สำเร็จหลักสูตรมีอาชีพ มีงานทำ จนสามารถเลี้ยงตัวเอง
และครอบครวั
4. เปน็ พลเมืองดี
การเป็นพลเมืองดี เป็นหน้าที่ของทุกคน ครอบครัว-สถานศึกษาและสถานประกอบการต้องส่งเสริม
ให้ทุกคนมีโอกาสทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดี คือ “เห็นอะไรที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ”
เช่น งานอาสาสมัคร งานบำเพ็ญประโยชน์ งานสาธารณกุศลให้ทำดว้ ยความมีน้ำใจ และความเอื้ออาทร
1 จากพระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาในหลวงรชั กาลที่ 10 สบื คน้ เมื่อ 10 มนี าคม 2563 จากhttps://op.chandra.ac.th/plan/images/pdf/
plan_law%20R10.pdf
10
สว่ นที่ 2 ข้อมลู ทัว่ ไป
สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาเพชรบูรณ์ เขต 1
ภารกจิ ของหนว่ ยงาน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 มีภารกิจในการบริหารจัดการศึกษา
มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 38
และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และตามพระราชบัญญัติระเบียบการบริหารราชการ
กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 มาตรา 37 พรอ้ มกบั ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการเรื่อง การแบง่ ส่วนราชการ
ภายในสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560
ข้อ 5 ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และมีอำนาจ
หน้าท่ี ดังต่อไปนี้
(1) จัดทำ นโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้อง
กับนโยบาย มาตรฐานการศึกษา แผนการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน และความต้องการของ
ท้องถน่ิ
(2) วิเคราะห์การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไปของสถานศึกษา และหน่วยงานในเขต
พื้นที่การศึกษา และแจ้งการจัดสรรงบประมาณที่ได้รับให้หน่วยงานข้างต้นรับทราบ รวมทั้งกำกับตรวจสอบ
ตดิ ตามการใช้จ่ายงบประมาณของหนว่ ยงานดังกล่าว
(3) ประสาน สง่ เสริม สนบั สนุน และพฒั นาหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาในเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา
(4) กำกับ ดแู ล ติดตาม และประเมินผลสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานและในเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา
(5) ศึกษา วิเคราะห์ วจิ ัย และรวบรวมข้อมลู สารสนเทศดา้ นการศกึ ษาในเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา
(6) ประสานการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล เพื่อส่งเสริม สนับสนุน
การจัดและพฒั นาการศกึ ษาในเขตพืน้ ที่การศึกษา
(7) จัดระบบประกนั คณุ ภาพการศึกษา และประเมนิ ผลสถานศึกษาในเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
(8) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น รวมทั้งบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันอื่น
ทจี่ ัดการศึกษารูปแบบทห่ี ลากหลายในเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา
(9) ดำเนินการและประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นท่ี
การศกึ ษา
(10) ประสาน สง่ เสรมิ การดำเนินการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน
ด้านการศกึ ษา
(11) ประสานการปฏิบัติราชการท่ัวไปกับองคก์ รหรือหนว่ ยงานต่าง ๆ ท้งั ภาครัฐ เอกชน และ
องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่
(12) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รบั
มอบหมาย
ขอ้ 6 ใหแ้ บง่ สว่ นราชการภายในสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ไวด้ ังต่อไปน้ี
(1) กลมุ่ อำนวยการ
(2) กล่มุ นโยบายและแผน
(3) กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร
11
(4) กล่มุ บรหิ ารงานการเงนิ และสนิ ทรัพย์
(5) กลมุ่ บรหิ ารงานบุคคล
(6) กล่มุ พัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
(7) กลมุ่ นเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจดั การศึกษา
(8) กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
(9) หนว่ ยตรวจสอบภายใน
ขอ้ 7 ส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามีอำนาจหนา้ ท่ดี ังตอ่ ไปน้ี
(1) กลมุ่ อำนวยการ มีอำนาจหนา้ ทดี่ งั ตอ่ ไปนี้
(ก) ปฏบิ ัติงานสารบรรณสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา
(ข) ดำเนินการเกยี่ วกบั งานช่วยอำนวยการ
(ค) ดำเนนิ การเก่ยี วกับอาคารสถานที่ สง่ิ แวดล้อม และยานพาหนะ
(ง) จัดระบบบริหารงาน การควบคมุ ภายใน และพฒั นาองค์กร
(จ) ประชาสมั พันธ์ เผยแพรก่ จิ การ ผลงาน และบริการขอ้ มลู ขา่ วสาร
(ฉ) ประสานการดำเนนิ งานระหวา่ งหน่วยงานภายในและภายนอกเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา
(ช) ดำเนนิ การเลือกตั้งและสรรหากรรมการและอนุกรรมการ
(ซ) ประสาน ส่งเสรมิ การจดั สวัสดกิ ารและสวัสดภิ าพ
(ฌ) ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการภายในของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มิใช่
งานของสว่ นราชการใดโดยเฉพาะ
(ญ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่
ไดร้ ับมอบหมาย
(2) กลมุ่ นโยบายและแผน มีอำนาจหนา้ ทดี่ งั ต่อไปนี้
(ก) จัดทำนโยบายและแผนพัฒนาการศกึ ษาให้สอดคล้องกับนโยบาย มาตรฐานการศึกษา
แผนการศึกษา แผนพฒั นาการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน และความต้องการของทอ้ งถ่นิ
(ข) วิเคราะห์การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไปของสถานศึกษาและแจ้งการจัดสรร
งบประมาณ
(ค) ตรวจสอบ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณและผลการปฏิบัติ
ตามนโยบายและแผน
(ง) ดำเนินการวิเคราะห์ และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการจัดตั้ง ยุบ รวม เลิก และโอน
สถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน
(จ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือ
ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
(3) กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีอำนาจหน้าท่ี
ดังตอ่ ไปน้ี
(ก) ศึกษา วเิ คราะห์ ดำเนนิ การ และส่งเสริมการจดั การศกึ ษาทางไกล
(ข) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัด
การศกึ ษา
(ค) ดำเนินงานสารสนเทศเพอื่ การบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา
(ง) ดำเนินการวิเคราะห์ และปฏิบัติงานระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสือ่ สาร
12
(จ) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ และดำเนินงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ
(ฉ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ
ที่ไดร้ ับมอบหมาย
(4) กลุม่ บรหิ ารงานการเงินและสนิ ทรัพย์ มีอำนาจหน้าท่ีดงั ต่อไปนี้
(ก) ดำเนนิ งานเก่ยี วกบั งานบริหารการเงนิ
(ข) ดำเนนิ งานเกย่ี วกับงานบริหารงานบญั ชี
(ค) ดำเนนิ งานเก่ยี วกับงานบริหารงานพัสดุ
(ง) ดำเนนิ งานเกี่ยวกบั งานบริหารสินทรัพย์
(จ) ให้คำปรึกษาสถานศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินงานบริหารการเงิน งานบัญชี งานพัสดุ
และงานบรหิ ารสนิ ทรพั ย์
(ฉ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ
ที่ได้รบั มอบหมาย
(5) กลุม่ บรหิ ารงานบคุ คล มีอำนาจหน้าทีด่ งั ต่อไปนี้
(ก) วางแผนอตั รากำลงั และกำหนดตำแหน่ง
(ข) สง่ เสรมิ สนับสนนุ การมหี รือเล่ือนวิทยฐานะ
(ค) วิเคราะห์และจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการสรรหา บรรจุและแต่งตั้ง ย้าย โอน และ
การลาออกจากราชการของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา
(ง) ศึกษา วิเคราะห์ และดำ เนินการเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน การเลื่อน
เงนิ เดอื น การมอบหมายหนา้ ท่ใี ห้ปฏบิ ตั ขิ องขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
(จ) จัดทำขอ้ มลู เกี่ยวกบั บำเหนจ็ ความชอบและทะเบียนประวัติ
(ฉ) จัดทำข้อมูลระบบจ่ายตรงเงินเดือนและคา่ จ้างประจำ
(ช) ปฏิบัติการบริการและอำนวยความสะดวกในเรื่องการออกหนังสือรับรองต่าง ๆ
การออกบตั รประจำตัว และการขออนุญาตต่าง ๆ
(ซ) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อมูลเพื่อดำเนินงานวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และ
การดำเนนิ คดขี องรฐั
(ฌ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ
ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
(6) กลุ่มพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา มีอำนาจหน้าทดี่ งั ตอ่ ไปน้ี
(ก) ดำเนนิ งานฝึกอบรมการพฒั นาก่อนแตง่ ตงั้
(ข) ดำเนนิ งานฝกึ อบรมพฒั นาเพือ่ เพิ่มศักยภาพการปฏบิ ตั ิงาน
(ค) ดำเนนิ งานพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหเ้ ป็นไป ตามมาตรฐานวิชาชีพ
และจรรยาบรรณ
(ง) ปฏิบัติงานส่งเสริม สนับสนุน และยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา
(จ) ดำเนินการเกี่ยวกับการลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัยภายในประเทศ
หรอื ต่างประเทศ
(ฉ) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และเสริมสร้างระบบเครือข่ายการพัฒนาครูและบุคลากร
ทางการศึกษา
13
(ช) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ
มอบหมาย
(7) กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศึกษา มอี ำนาจหนา้ ทีด่ งั ต่อไปนี้
(ก) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตร
การศึกษาระดบั กอ่ นประถมศกึ ษา และหลกั สูตรการศกึ ษาพิเศษ
(ข) ศึกษา วิเคราะห์ วจิ ัย เพื่อพัฒนาหลกั สตู รการสอนและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
(ค) วิจัย พัฒนา ส่งเสริม ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินเกี่ยวกับการวัดและการ
ประเมินผลการศึกษา
(ง) วิจัย พัฒนา ส่งเสริม มาตรฐานการศึกษาและการประกันคุณภาพการศึกษา รวมท้ัง
ประเมิน ตดิ ตาม และตรวจสอบคุณภาพการศกึ ษา
(จ) นิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา
(ฉ) ศึกษา วเิ คราะห์ วิจยั และพฒั นาสอื่ นวตั กรรมการนิเทศทางการศกึ ษา
(ช) ปฏิบัติงานเลขานุการคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศ
การศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา
(ซ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือ
ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
(8) กลมุ่ สง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษา มอี ำนาจหนา้ ที่ดงั ต่อไปนี้
(ก) ศึกษา วเิ คราะห์ สง่ เสรมิ สนบั สนุน และดำเนินงานเกยี่ วกบั ศาสตรพ์ ระราชา
(ข) ส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษาในระบบ การศึกษา
นอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
(ค) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินการเกี่ยวกับการจัดเตรียมข้อมูลการจัดการศึกษา
ขน้ั พ้ืนฐานของบุคคล ครอบครวั องค์กร ชุมชน องคก์ รวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบัน
สังคมอนื่
(ง) ประสานและสง่ เสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใหส้ ามารถจัดการศกึ ษาสอดคล้องกับ
นโยบาย และมาตรฐานการศึกษา
(จ) สง่ เสรมิ การจัดการศกึ ษาสำหรับผูพ้ ิการ ผดู้ ้อยโอกาส และผูม้ ีความสามารถพิเศษ
(ฉ) ส่งเสริมงานการแนะแนว สุขภาพ อนามัย กีฬา และนันทนาการ ลูกเสือ ยุวกาชาด
เนตรนารี ผู้บำเพ็ญประโยชน์ นักศึกษาวิชาทหาร ประชาธิปไตย วินัยนักเรียน การพิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชน
และงานกิจการนักเรยี นอืน่
(ช) สง่ เสรมิ สนับสนนุ การระดมทรัพยากรเพอ่ื การศึกษา
(ซ) ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้สารเสพติด และส่งเสริมป้องกันแก้ไขและ
คมุ้ ครองความประพฤตนิ กั เรียนและนักศึกษา รวมท้งั ระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน
(ฌ) ดำเนินงานวิเทศสมั พันธ์
(ญ) ประสาน ส่งเสริมการศึกษากบั การศาสนาและการวฒั นธรรม
(ฎ) สง่ เสรมิ แหล่งการเรยี นรู้ ส่ิงแวดล้อมทางการศกึ ษา และภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น
(ฏ) ประสานและส่งเสรมิ สถานศกึ ษาใหม้ ีบทบาทในการสรา้ งความเข้มแข็งของชุมชน
(ฐ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่
ไดร้ ับมอบหมาย
(9) หนว่ ยตรวจสอบภายใน ใหป้ ฏบิ ัติงานขึน้ ตรงกับหวั หน้าส่วนราชการ และมีอำนาจหน้าทด่ี ังตอ่ ไปน้ี
14
(ก) ดำเนนิ งานเก่ยี วกบั งานตรวจสอบการเงิน การบญั ชี และตรวจสอบระบบการดแู ลทรัพย์สิน
(ข) ดำเนินงานเก่ียวกบั งานตรวจสอบการดำเนินงานหรือกระบวนการปฏิบัติงาน เปรียบเทียบกับ
ผลผลติ หรอื เปา้ หมายทีก่ ำหนด
(ค) ดำเนนิ งานเกี่ยวกบั การประเมนิ การบรหิ ารความเส่ียง
(ง) ดำเนินการอนื่ เกี่ยวกับการตรวจสอบภายในตามท่กี ฎหมายกำหนด
(จ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือ
ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561
ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (10) ของข้อ 6 แห่งประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง การแบ่งส่วน
ราชการภายในสำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา พ.ศ. 2560
“(10) กลมุ่ กฎหมายและคดี”
ข้อ 3 ใหเ้ พ่ิมความต่อไปน้เี ปน็ (10) ของขอ้ 7 แหง่ ประกาศกระทรวงกระทรวงศกึ ษาธิการ เรื่อง การ
แบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา พ.ศ. 2560
“(10) กลุ่มกฎหมายและคดี” ให้ปฏิบตั ิงานขึน้ ตรงกับผูอ้ ำนวยการสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาและ
มีอำนวจหนา้ ที่ ดงั ต่อไปน้ี
(ก) ส่งเสรมิ สนบั สนุน พฒั นาการมวี นิ ัยและรกั ษาวินัย
(ข) ดำเนนิ การสืบสวนเกีย่ วกบั เร่อื งรอ้ งเรียน
(ค) ดำเนินการสอบสวนเก่ยี วกบั วนิ ัยและการตรวจพจิ ารณาวินยั
(ง) ดำเนินการเกย่ี วกับการอุทธรณ์และการพจิ ารณาอุทธรณ์
(จ) ดำเนนิ การเกยี่ วกับการร้องทุกข์และการพิจารณารอ้ งทุกข์
(ฉ) ดำเนนิ การเกย่ี วกบั ความรับผิดทางละเมิดของเจา้ หน้าท่ี
(ช) ดำเนินการเก่ยี วกับงานคดีปกครอง คดแี พง่ คดีอาญา และคดีอ่ืนๆ ของรฐั
(ซ) ดำเนนิ การป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤติมิชอบ
(ฌ) ศกึ ษา วิเคราะห์ วจิ ยั จัดทำข้อมูลและตดิ ตามประเมนิ ผลเพื่อพัฒนางานกฎหมายและงาน
คดีของรฐั
(ญ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับ
มอบหมาย”
15
พ้นื ทแี่ ละอาณาเขต
สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 มีภารกจิ ในการบริหารจดั การศึกษา
ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมอื งเพชรบูรณ์ อำเภอชนแดน และอำเภอวังโปง่ มีพ้นื ที่ 3,961 ตารางกิโลเมตร
มีประชากร 324,353 คน มีหมบู่ ้าน 424 หมูบ่ ้าน มีตำบล 31 ตำบล มีองค์การบริหารส่วนตำบล 28 แห่ง
มีเทศบาลตำบล 9 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แหง่ และองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั 1 แห่ง มีพ้ืนทต่ี ดิ ต่อดังนี้
ทศิ เหนือ ติดตอ่ อำเภอหล่มสกั และอำเภอเขาค้อ จงั หวัดเพชรบรู ณ์
ทศิ ใต้ ตดิ ต่ออำเภอหนองไผ่อำเภอบึงสามพนั จังหวดั เพชรบรู ณ์
ทศิ ตะวนั ออก ติดตอ่ อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดงจงั หวัดชัยภูมิ
ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่ออำเภอเนนิ มะปราง จังหวัดพษิ ณุโลก, อำเภอบางมูลนาก
อำเภอทับคลอ้ , อำเภอสากเหล็ก จงั หวดั พจิ ิตร และอำเภอหนองบวั
จงั หวดั นครสวรรค์
ตาราง 1 แสดงข้อมูลเขตบริการการศึกษาของ สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1
อำเภอ ตำบล หมู่บา้ น เทศบาล อบต. พ้นื ท่ี
เมอื งเพชรบรู ณ์ 17 221 4 15 2,281
ชนแดน 9 139 4 8 1,137
วังโป่ง 5 64 2 5 543
รวม 31 424 10 28 3,961
16
แผนภูมิโครงสรา้ งการบรหิ ารงานของหน่วยงาน
6
17
สรุปประเดน็ สำคัญที่พบจากการวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม (SWOT Analysis)
สรุปจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์
เขต 1 ไดด้ งั นี้
จุดแข็ง (Strengths) จดุ อ่อน (Weaknesses)
1. โครงสร้างการบรหิ ารงานของสำนกั งานเขตพน้ื ท่ี 1. คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐานและชุมชน
การศกึ ษาสอดคล้องกับภารกจิ และเปน็ ไปตามความ ยงั ไมเ่ ข้าใจในบทบาทหนา้ ที่ ภารกจิ และการมี
เหมาะสมให้สามารถปฏบิ ัตงิ านได้อย่างมี สว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา
ประสทิ ธิภาพ 2. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นของนักเรยี นระดบั
2. สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษากำหนดบทบาท อำนาจ การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานและจากการประเมิน O-
หน้าท่ีให้ขา้ ราชการปฏิบตั หิ นา้ ท่รี าชการตามภารกจิ NET ปกี ารศกึ ษา 2564 ชนั้ ป.6 และ ม.3 มี
อยา่ งชัดเจน ค่าเฉลย่ี ตำ่ กว่าระดับประเทศ ซ่ึงอยู่ในเกณฑ์ที่
ควรปรับปรงุ ทกุ กล่มุ สาระการเรียนรู้
3. ก.ต.ป.น. มีสว่ นรว่ มในการบริหารจดั การศกึ ษาของ 3. ผรู้ ับบริการไมไ่ ดร้ บั การบริการ การอำนวยความ
สะดวกท่ีดจี ากเจา้ หนา้ ท่ีในหนว่ ยงานบางราย
สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา 4. ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทเี่ ปน็ อตั ราจ้างไมม่ ี
4. การบริหารแบบเครือข่ายกลุ่มโรงเรียน สนบั สนนุ การ
ความมน่ั คงและความก้าวหน้าในวิชาชพี
บรหิ ารและการจดั การศกึ ษาของสำนกั งานเขตพื้นที่
การศึกษาและสถานศึกษามคี วามคลอ่ งตวั สรา้ งความ 5. ครผู ูส้ อนทีต่ อ้ งปฏบิ ัติงานดา้ นอนื่ ที่นอกเหนือจาก
เข้มแขง็ ด้านการบริหารงานวิชาการ บริหาร การสอน ขาดความรู้ ขาดความม่ันใจในการ
ปฏบิ ัตงิ าน ให้เปน็ ไปตามระเบยี บ กฎหมายท่ี
งบประมาณ บริหารงานบคุ คล บรหิ ารงานทั่วไป และ เก่ียวขอ้ ง
ขับเคลอ่ื นงานนโยบายการศึกษา 6. การจัดสรรงบประมาณจากตน้ สงั กดั บางคร้ัง
5. โรงเรียนขนาดเล็กทไี่ มม่ ผี บู้ รหิ ารสถานศกึ ษาตาม ลา่ ชา้ สง่ ผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินการ
เกณฑ์อตั รากำลงั ที่ กคศ. ได้รับการช่วยเหลือ 7. วัสดุอุปกรณ์ ครภุ ัณฑ์ และสื่อเทคโนโลยี
สนบั สนนุ โดย สพป.มอบหมายใหผ้ ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา การศึกษาบางรายการไมไ่ ดม้ าตรฐานขาดการ
ทม่ี ีศักยภาพและอย่ใู กลเ้ คยี งรกั ษาการในตำแหน่ง
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเพื่อกำกบั ดูแลการบริหารงาน บำรุงรกั ษาอยา่ งตอ่ เนื่อง
8. ครุภณั ฑ์คอมพิวเตอรส์ ำหรับการสนับสนุนการ
ทำงานมีสภาพทไี่ ม่เออื้ ตอ่ การทำงานในปจั จบุ นั
ท้ัง 4 ด้านของโรงเรยี นขนาดเลก็ 9. อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และเทคโนโลยีไม่เพียงพอตอ่
6. การให้บรกิ ารทางการศึกษาครอบคลุมประชากรทุก การจัดการเรยี นการสอน
กลมุ่ เป้าหมายไดอ้ ย่างท่ัวถงึ และมีคุณภาพ 10. หน่วยงานทางการศกึ ษาในพนื้ ทข่ี าดการ
7. การจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้องหลกั สตู ร ประสานงานและบรู ณาการการจดั การศกึ ษา
การศึกษาชาติ บริบทและตามความต้องการของ รว่ มกนั อย่างเป็นระบบ
ทอ้ งถิน่
11. ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาบางแหง่ ยงั ขาดความ
8. ประชากรทกุ กลมุ่ เปา้ หมายทไี่ ดร้ บั บริการทาง ตระหนกั ในการกำกับ ดแู ลในการบรหิ ารจัดการ
งานทง้ั 4 ดา้ นของสถานศกึ ษา
การศกึ ษามีคุณธรรมจรยิ ธรรม คา่ นิยมและมี
คุณลักษณะที่พึงประสงคต์ ามหลักสตู ร
9. ผู้เรียนทส่ี ำเรจ็ การศกึ ษาสว่ นใหญ่มีโอกาสเรียนตอ่ ใน
ระดบั ที่สงู ข้นึ และมงี านทำ
18 จุดอ่อน (Weaknesses)
จดุ แข็ง (Strengths)
10. ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นผู้มีคุณธรรม
จรยิ ธรรม ยึดมั่นในระเบยี บวนิ ยั ของราชการเป็น
แบบอยา่ งทด่ี ี
11. ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา มคี วามม่งุ มั่นมคี วาม
กระตือรอื รน้ ในการพฒั นาตนเองสง่ ผลต่อการพัฒนา
คณุ ภาพผเู้ รียน
12. การส่งเสริมพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาอยา่ ง
ตอ่ เนอ่ื ง สว่ นใหญม่ ีคุณวุฒิทางการศกึ ษาระดับ
ปรญิ ญาตรขี ึน้ ไปมีความก้าวหนา้ ในวิชาชีพ มขี วัญ
กำลงั ใจท่ดี ใี นการปฏบิ ตั งิ าน
13. บุคลากรทางการศึกษามีความรคู้ วามชำนาญในการ
ปฏบิ ัตงิ านตามภารกิจ สมรรถนะและมาตรฐาน
วิชาชีพ
14. บุคลากรมีความสามัคคี มนี ำ้ ใจ ยิม้ แยม้ แจม่ ใส
ให้บรกิ ารและทำงานเปน็ ทีม
15. มีการปฏิบัตงิ านเปน็ ไปตามระเบียบท่ีกำหนด โปร่งใส
ตรวจสอบได้
16. มีคณะกรรมการเรง่ รัดตดิ ตามการใชจ้ า่ ยเงนิ และ
รายงานผลการใชจ้ า่ ยงบประมาณ
17. มรี ะบบการบริหารงบประมาณของสำนักงานเขตพน้ื ท่ี
การศกึ ษา (BRSS)
18. มหี ลกั เกณฑก์ ารบรหิ ารจัดการงบประมาณใหม้ ีความ
ประหยดั ค้มุ คา่ เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ทางราชการ
19. การพัฒนาระบบการเบิกจ่ายเงนิ ท่ีทันสมัยโดยระบบ
GFMIS ทำใหเ้ บิกจ่ายงบประมาณได้อยา่ งถูกต้อง
รวดเร็ว และมีประสิทธภิ าพ
20. การเบกิ จ่ายงบประมาณเปน็ ไปตามแผนปฏบิ ตั กิ าร
ประจำปี
21. สถานศึกษานำสอื่ และเทคโนโลยีท่ีทันสมยั มาใช้ ใน
การจัดการศึกษาเพมิ่ ข้ึน
22. สถานศึกษามสี ือ่ ICTทำให้นักเรียนสามารถแสวงหา
ความรู้ได้เต็มศกั ยภาพของตนเอง
23. มีการบริหารจดั การศกึ ษาตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงและมีการบริหารเชิงกลยทุ ธอ์ ย่าง
เป็นระบบ
19
จดุ แขง็ (Strengths) จดุ อ่อน (Weaknesses)
24. มีการบรหิ ารจัดการศกึ ษาในรปู แบบเครอื ขา่ ย
หลากหลายรูปแบบ สง่ ผลให้ทกุ ภาคส่วนมสี ่วนรว่ มใน
การจัดการศกึ ษาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
25. การตดิ ต่อส่ือสารกับสถานศกึ ษาทุกแห่ง ใช้ระบบสาร
บรรณอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (My office) Line เวบ็ ไซต์ และ
ระบบอืน่ ๆ อยา่ งหลากหลาย รวดเร็ว และมี
ประสิทธภิ าพ
โอกาส (opportunities) อปุ สรรค (Threat) S
1. ประชาชนใหค้ วามสำคญั ทางดา้ นการศกึ ษาทำให้ 1. ผู้เรียนสว่ นมากเป็นผ้ดู อ้ ยโอกาส
อัตราการเข้าเรยี นและเรยี นตอ่ อยูใ่ นระดบั สูง 2. จำนวนโรงเรยี นขนาดเลก็ ท่มี ีมาก ขาดแคลน
2. เปน็ สงั คมทีเ่ หน็ คุณค่า ประโยชนข์ องการศกึ ษาส่งผล ทรพั ยากรทางการศกึ ษาทจี่ ะสนบั สนนุ การจดั
ใหม้ ีการสนบั สนุนการศึกษาดว้ ยรปู แบบท่หี ลากหลาย การศกึ ษาที่มคี ณุ ภาพ
3. จงั หวดั เพชรบูรณ์ มเี อกลกั ษณ์ ศลิ ปวฒั นธรรมและ 3. ประชากรวยั เรยี นมีแนวโน้มลดลง
ประเพณีท่ดี ีงาม มแี หลง่ เรียนรู้ ภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ 4. การเปลยี่ นแปลงเปน็ สังคมบรโิ ภคนิยมตามยุค
และแหล่งทอ่ งเท่ียวทส่ี นบั สนนุ การจดั การศึกษา โลกาภิวัตน์ ส่งผลให้เดก็ นักเรยี นและเยาวชน
4. ระบบโครงสรา้ งพน้ื ฐานที่ทว่ั ถงึ และความกา้ วหนา้ มพี ฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงค์
ทางดา้ นเทคโนโลยี ส่งผลใหน้ กั เรียนสามารถเขา้ ถึง 5. อตั ราการเกิดของประชากรลดลงและผปู้ กครอง
แหลง่ เรียนรู้และสบื คน้ ข้อมูล ความรู้ ได้ดว้ ยตนเอง มีค่านิยมในการสง่ บุตรหลานเขา้ เรียนโรงเรียน
อย่างหลากหลาย ในเมอื ง ทำใหโ้ รงเรยี นในชนบทมีจำนวนนกั เรียน
5. ภาครัฐและเอกชน เขา้ มาสง่ เสรมิ การพัฒนาด้าน ลดลง สง่ ผลใหม้ สี ถานศึกษาขนาดเลก็ เพม่ิ ข้ึน
เทคโนโลยีมากข้ึน สง่ ผลให้มีสอ่ื เทคโนโลยที ที่ ันสมยั 6. บางพนื้ ท่ีในเขตบริการการศกึ ษาเปน็ พนื้ ท่เี สี่ยง
และบุคลากรได้รบั การพฒั นาองคค์ วามรู้อย่างท่ัวถึง เยาวชนเขา้ ถึงยาเสพติดได้งา่ ย
6. ประชาชนนำแนวปฏบิ ัตติ ามปรชั ญาของเศรษฐกจิ 7. ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยี สง่ ผลให้วัสดุ
พอเพยี งมาใชท้ ำใหป้ ระชาชนมคี วามเปน็ อยู่ดขี นึ้ อปุ กรณ์ที่รองรบั เปลยี่ นไปอย่างรวดเรว็
สง่ ผลให้มีการสนบั สนนุ การจดั การศกึ ษามากข้นึ ต้องใชง้ บประมาณจำนวนมาก
7. รฐั บาลมนี โยบายกระตนุ้ เศรษฐกิจ ทำใหป้ ระชาชนมี 8. เด็กและเยาวชน ขาดวิจารณญาณในการใช้ส่อื
ทางเลอื กในการประกอบอาชพี ได้อย่างหลากหลาย เทคโนโลยที ี่เหมาะสมสง่ ผลให้ขาดภูมิคมุ้ กันใน
ทำให้เกิดสภาพคลอ่ งในด้านงบประมาณ มเี งนิ ทนุ ตวั เองมีพฤตกิ รรมที่ไม่พงึ ประสงคแ์ ละมีแนวโนม้
หมุนเวยี นในชุมชน ส่งผลใหผ้ ้ปู กครองมีรายไดม้ ากขน้ึ ใหเ้ กดิ ภัยคุกคามทางไซเบอร์สงู ข้ึน และผปู้ กครอง
8. กองทนุ ให้กู้ยมื เพ่ือการศกึ ษา (กยศ.) เป็นปัจจัยสำคัญ ขาดความรู้ ทักษะ ความสามารถในการแนะนำ
ต่อการเพ่ิมโอกาสทางการศกึ ษา 9. นักเรียนที่ครอบครวั ทีย่ ากจน มสี ่ือ วัสดุ อุปกรณ์
9. รฐั ธรรมนญู และกฎหมายทางการศกึ ษา เปดิ โอกาส ในการศึกษาไมเ่ พียงพอ
ให้ผ้มู ีสว่ นเกย่ี วข้องทุกภาคส่วนเข้ามามสี ว่ นรว่ มใน 10. ประชากรมีรายไดไ้ ม่สมดุลกบั คา่ ครองชีพส่งผลต่อ
การจัดการศึกษาทำให้ประชาชนมีโอกาสไดร้ บั การดำรงชวี ิต
การศึกษาอย่างท่วั ถงึ ตลอดชวี ติ 11. การเปล่ยี นแปลงนโยบายการจดั การศกึ ษาของรฐั
10. รัฐนำระบบการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งท่ีดีมาใช้ บอ่ ยคร้งั สง่ ผลใหก้ ารขบั เคล่ือนการปฏริ ูป
ส่งผลให้ผ้รู ับบริการไดร้ บั ประโยชน์ มคี วามเสมอภาค การศึกษาเปน็ ไปอย่างลา่ ชา้ ไมต่ อ่ เนือ่ ง เกดิ ความ
และไดร้ บั ความเปน็ ธรรม สับสนในทางปฏบิ ตั ิ
20
โอกาส (opportunities) อปุ สรรค (Threat) S
11. โครงการสนบั สนนุ ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั การศกึ ษาตัง้ แต่ 12. การออกกฎหมายทางการศึกษาในบางประเด็นไม่
ระดบั อนบุ าลจนจบการศกึ ษา สง่ ผลให้ลดภาระ เป็นไปตามระยะเวลาทีก่ ำหนด ส่งผลใหก้ าร
คา่ ใชจ้ ่ายของผปู้ กครองได้ กำหนดทศิ ทางการศกึ ษาไมช่ ดั เจน
12. ภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน 13. การจัดสรรงบประมาณรายหวั ตามโครงการ
ใหค้ วามสำคญั ต่อการศึกษาโดยสนับสนนุ งบประมาณ สนับสนนุ คา่ ใช้จา่ ยในการจัดการศกึ ษาตง้ั แตร่ ะดับ
ในการพฒั นาในการจดั การศกึ ษา พฒั นาครูบุคลากร อนุบาลจนจบการศึกษา โดยใชอ้ ัตราเดยี วกนั ไม่
และนกั เรียนอยา่ งต่อเนื่อง เพยี งพอตอ่ การบริหารจัดการโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ
ในโรงเรียนขนาดเลก็
13. นโยบายการกระจายอำนาจและการปฏิรูปการศึกษา
สง่ เสริมใหห้ น่วยงานทางการศึกษามีความเข้มแข็ง 14. หลกั เกณฑ์ในการจัดสรรบุคลากรในสถานศกึ ษา
มากยง่ิ ข้ึน และนโยบายการลดอตั รากำลังคนในภาครฐั ส่งผล
ใหส้ ถานศึกษาขาดแคลนบุคลากรท้งั ฝา่ ยบริหาร
และฝา่ ยสนบั สนุนการจัดการศกึ ษา
15. การจัดสรรงบประมาณจากหนว่ ยงาน อปท.บาง
แห่งล่าชา้ สง่ ผลตอ่ การบรหิ ารจดั การของ
สถานศกึ ษา
จากกฎหมาย ยุทธศาสตร์ แผน แนวโน้มสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เปลี่ยนไป
หน่วยงานทีจ่ ัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพืน้ ฐานทุกหน่วยงาน จึงจำเป็นตอ้ งพัฒนาตนเองให้อย่างน้อยที่สุด
ตอบสนองต่อแนวโน้มสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อหล่อหลอมเด็กและเยาวชน ได้รับโอกาสทางการศึกษา
ขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพ มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นเพียงพอจะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์
ที่จะต้องสามารถสร้างผลิตภาพสูงต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต และเพื่อให้การพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีเป้าหมายที่เป็นเอกภาพ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 ซึ่งมีภารกิจในการ
จัดทำแผนพัฒนา จึงเห็นควรจัดทำสาระสำคัญของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของสำนักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 พ.ศ. 2566 - 2570 ซงึ่ จะนำเสนอในสว่ นตอ่ ไป
21
สว่ นที่ 3 สาระสำคัญของแผนพัฒนาการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการศึกษาเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมาย
ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน เป็นผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และเป็นพลเมือง
ที่เข้มแข็งของประเทศ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 จึงได้กำหนดวสิ ัยทัศน์ พันธกิจ
เป้าประสงค์ และกลยทุ ธ์ ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ดังน้ี
วิสัยทัศน์
“ผู้เรียนคณุ ภาพ องค์กรมาตรฐาน ส่กู ารเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21”
พนั ธกิจ
1. จัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข และผูเ้ รยี นมคี วามปลอดภยั
2. พฒั นาผเู้ รียนให้มีความเปน็ เลศิ ทางวิชาการเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขัน
3. พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรและทักษะท่ีจำเปน็ ในศตวรรษที่ 21
4. พฒั นาผบู้ ริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศึกษาตามมาตรฐานวชิ าชีพ อย่างมอื อาชพี
5. สร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ผู้เรียนทุกคนได้รับบริการทางการศึกษา
อยา่ งทว่ั ถงึ และเท่าเทยี ม
6. จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง และเปา้ หมายการพฒั นาทีย่ ัง่ ยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)
7. พฒั นาระบบการบริหารจดั การศกึ ษาทุกระดบั และจัดการศึกษาโดยใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัล
เปา้ ประสงค์
1. ผู้เรียนทุกคนมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข มีทศั นคติทีถ่ ูกตอ้ งต่อบา้ นเมือง มหี ลักคดิ ทถี่ กู ต้อง และเปน็ พลเมอื งดีของ
ชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม มีค่านิยมที่พึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ มีจิตอาสา รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น
ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ มัธยัสถ์ อดออม โอบออ้ มอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และผ้เู รยี นมีความปลอดภยั
2. ผูเ้ รียนทุกคนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี กีฬา ภาษาและ
อนื่ ๆ ไดร้ ับการพัฒนาอยา่ งเตม็ ตามศักยภาพ
3. ผู้เรียนทุกคนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ คิดริเริ่มและสร้างสรรค์นวัตกรรม มีความรู้ มีทักษะ
มีสมรรถนะตามหลักสูตร และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 มีสุขภาวะที่เหมาะสมตามวัยมีความสามารถ
ในการพึ่งพาตนเอง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และการเป็นพลเมอื งพลโลกที่ดี (Global Citizen)
พร้อมกา้ วสู่สากล นำไปสูก่ ารสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ
4. ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกคนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีความรู้ มีจริยธรรม
และจรรยาบรรณตามมาตรฐานวิชาชีพ
5. ผู้เรียนทุกคนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง
เทา่ เทยี ม และมคี ณุ ภาพ
22
6. สถานศึกษาทุกแห่งจัดการศึกษาเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable
Development Goals: SDGs) และสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง
7. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาทุกแห่งมีการบริหารจัดการเชิงบูรณาการ
มกี ารกำกับ ติดตาม ประเมนิ ผล มรี ะบบขอ้ มูลสารสนเทศท่ีมีประสทิ ธิภาพ และการรายงานผลอย่างเป็นระบบ
ใชง้ านวิจยั เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมในการขบั เคลอื่ นคุณภาพการศกึ ษา
กลยทุ ธ์
กลยทุ ธท์ ี่ 1 สง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาใหผ้ ้เู รียนมีความปลอดภัยจากภยั ทุกรูปแบบ
กลยุทธ์ที่ 2 เพ่มิ โอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษาให้กับประชากรวยั เรยี นทุกคน
กลยุทธท์ ี่ 3 ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาให้สอดคล้องกบั การเปลย่ี นแปลงในศตวรรษท่ี 21
กลยทุ ธ์ท่ี 4 เพมิ่ ประสิทธภิ าพการบรหิ ารจัดการศึกษา
ตวั ชี้วัดความสำเรจ็ และคา่ เป้าหมาย
กลยทุ ธ์ที่ 1 สง่ เสรมิ การจัดการศึกษาให้ผเู้ รยี นมีความปลอดภัยจากภัยทกุ รูปแบบ
เป้าประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์
1. ผู้เรียน ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ได้รับการดูแลความปลอดภัยจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ
2. ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการดูแลความปลอดภัยและสามารถปรับตัวต่อโรค
อบุ ัติใหม่ โรคอบุ ตั ิซำ้
3. สถานศกึ ษา จดั ระบบและพัฒนาระบบความปลอดภัยให้สามารถจัดการศึกษาได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
4. สถานศึกษา ไดร้ ับการสง่ เสรมิ ให้มคี วามร่วมมือกับหนว่ ยงานภายนอกเพื่อความปลอดภัยของผู้เรียน
ตวั ช้ีวัด
ท่ี ตัวชี้วดั หน่วยนบั ค่าเป้าหมาย (ปี)
2566 2567 2568 2569 2570
1 1. ร้อยละของผู้เรียนที่มีความรู้ความเข้าใจ ร้อยละ 80 85 90 95 100
ในภัยคุกคาม รูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ
รู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี ในการดำเนิน
ชีวติ วถิ ใี หม่และชวี ติ วถิ ีถดั ไป
2 2. ร้อยละของผู้เรียนได้รับการศึกษา ร้อยละ 80 85 90 95 100
ในสถานศึกษาทม่ี ีความปลอดภัย
3 3. ร้อยละของสถานศึกษาท่ี มีแผน/ รอ้ ยละ 80 85 90 95 100
มาตรการในการจัดการภัยพิบัติและคุกคาม
ทุกรูปแบบ โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ
รองรับวิถชี ีวติ ใหม่ (New Normal)
4 4. ร้อยละของครู บุคลากรทางการศึกษา ร้อยละ 80 85 90 95 100
ดำเนินการตามแนวทางในการจัดการภัย
พิบัติ และภัยคุกคามทุกรูปแบบ ให้สามารถ
ปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ
รองรับวิถีชีวติ ใหม่ (New Normal)
23
แนวทางการพฒั นา
ท่ี แนวทางการพฒั นา หน่วยงานที่
รับผิดชอบ
1 สนับสนุน พัฒนา และส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับภัยรูปแบบต่าง ๆ สพท. / รร.
ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต เพื่อสามารถดำเนินชีวิตในวิถีใหม่
และชีวติ วถิ ถี ดั ไปได้อยา่ งถูกต้อง
2 พัฒนาระบบและกลไกในการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เรียน ครู และบุคลากร สพท. / รร.
ทางการศึกษา และสถานศึกษา ให้ได้รับความปลอดภัยจากภัยทั้ง 9 รูปแบบ
และพร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเปิดให้มีช่องทางการร้องเรียนหรือแจ้งเหตุ
ให้กับผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู เพื่อสื่อสารกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐานโดยตรง รวมถึงการใช้ Big Data และแอปพลิเคชันในการเฝ้าระวงั เชิงรกุ
เพื่อสามารถคาดการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การซักซ้อมในการรับมือกับภัย
พิบัตแิ ละภัยคุกคามรปู แบบต่าง ๆ ที่ผเู้ รียนอาจต้องเผชิญ และส่งเสริมการเชื่อมโยง
ฐานข้อมูลทั้งหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานภายนอก ให้สามารถแก้ไขปัญหา
ด้านความปลอดภยั ได้อย่างทนั ทว่ งที
3 พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้เรียน ครู และบุคลากร สพท. / รร.
ทางการศกึ ษา โดยการ สนับสนุนหรือประสานการสนับสนนุ ทรัพยากรเพ่ือให้อาคาร
เรียนอาคารประกอบของสถานศึกษาให้เอื้อต่อการเรียนรู้ และความปลอดภัย
ของผูเ้ รียน ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา รวมถงึ สง่ เสรมิ และประสานการสนับสนุน
บุคลากรด้านจิตวิทยา และบุคลากรด้านความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
กับผูเ้ รียน ครู และบุคลากรทางการศกึ ษา
4 ส่งเสริมและสนับสนุนสถานศึกษา ให้มีความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย สพท.
ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย , กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นต้น เพื่อเสริมสร้าง
ความปลอดภยั ของผ้เู รียน ให้มีทกั ษะในการป้องกนั และปรับตัว
5 จัดกิจกรรมในการสร้างความตระหนักรู้ (Safety Awareness) หรือการซักซ้อม สพท.
ในการรับมือกับภัยพิบัติและภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ (Safety Action) ที่ผู้เรียน
อาจต้องเผชิญ และมีแผน/มาตรการในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ
ทเี่ กดิ ขึน้ ไดใ้ นวิถชี วี ติ ใหม่ เพ่ือใหส้ ถานศึกษาเป็นพ้ืนทีป่ ลอดภยั
กลยุทธท์ ่ี 2 เพ่ิมโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษาให้กบั ประชากรวัยเรียนทกุ คน
เป้าประสงค์เชงิ กลยทุ ธ์
1. ประชากรวัยเรียนระดับการศึกษาภาคบังคับ ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาค
จนจบการศกึ ษาภาคบังคบั
2. เดก็ พกิ ารและเด็กดอ้ ยโอกาส ไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพ
3. ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษได้รับการส่งเสริมและพัฒนาเต็มตามศักยภาพ
4. เด็กกลมุ่ เสย่ี งที่จะออกจากระบบการศึกษา เด็กตกหลน่ และเด็กออกกลางคัน ได้รบั การช่วยเหลือ
ให้ได้รบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
24
ตัวช้ีวัด
ที่ ตัวช้ีวดั หน่วยนับ คา่ เปา้ หมาย (ปี)
2566 2567 2568 2569 2570
1 5. อตั ราการเข้าเรยี นสุทธิ (Net enrollment ร้อยละ 70 75 80 85 90
rate) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
2 6. ร้อยละของผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ร้อยละ 90 90 90 95 100
ผู้ด้อยโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษา
และพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการ
ทางการศึกษาท่ีเหมาะสม ตามความจำเปน็
3 7. อตั ราการเข้าเรียนสทุ ธขิ องผ้เู รยี นปฐมวัย รอ้ ยละ 70 75 80 85 90
4 8. ร้อยละของผู้เรียนที่ได้รับเงินอุดหนุน รอ้ ยละ 20 20 20 20 20
ปจั จยั พ้ืนฐานสำหรบั นักเรยี นยากจน
แนวทางการพฒั นา
ท่ี แนวทางการพัฒนา หน่วยงานที่
รับผิดชอบ
• การสนับสนนุ โครงสรา้ งพ้ืนฐาน
1 ส่งเสรมิ สนบั สนนุ การมสี ่วนร่วมของสังคมอยา่ งต่อเนื่อง ประสานงานกับหน่วยงาน สพท. / รร.
อนื่ ๆ ท่เี ก่ียวข้อง และระดมทรัพยากรเพื่อลดความเหลอื่ มล้ำทางการศกึ ษา
2 ส่งเสริม สนับสนุนให้มีเทคโนโลยีดิจิทัล หรือนวัตกรรม ในการสร้างโอกาส สพท. / รร.
ทางการศึกษา ใหผ้ ู้เรียนทกุ คน ทุกพื้นทีเ่ ข้าถึงการจดั การศกึ ษาท่มี ีคณุ ภาพ
3 สนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยบุคคล ครอบครัว (Home School) สพท.
องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชพี
• ดแู ล สง่ เสรมิ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาของผู้เรียน
4 จัดการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษได้รับโอกาสในการพัฒนา สพท. / รร.
เตม็ ตามศักยภาพ
5 สร้างการศึกษาทางเลือกและการศึกษาตลอดชีวิต ที่หลากหลายให้กับผู้เรียน สพท. / รร.
กลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่มเปราะบางในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้
และมพี ้นื ฐานการประกอบอาชีพหรอื ทักษะอาชพี อย่างเท่าเทียม
6 ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาแบบเรียนรวมให้มีคุณภาพ และเกิดการบูรณาการ สพท. / รร.
อย่างย่ังยนื
• เพิม่ โอกาสการเขา้ ถงึ สถานศึกษาท่ีมคี ุณภาพทกุ พื้นท่ี
7 พัฒนาโรงเรียนคุณภาพ โรงเรียนที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ (Stand สพท. / รร.
Alone) ให้สามารถเพิ่มโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับประชากรวัยเรียน
และผเู้ รียนได้อย่างมีคุณภาพ
25
กลยุทธ์ที่ 3 ยกระดบั คุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกบั การเปลยี่ นแปลงในศตวรรษที่ 21
เปา้ ประสงค์เชิงกลยทุ ธ์
1. เดก็ ปฐมวัยในสงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 มพี ัฒนาการสมวยั
2. ผู้เรียนทุกช่วงวัยในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดม่ัน
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นพลเมืองที่รู้สิทธิและหน้าที่
อย่างมีความรับผิดชอบ
3. ผู้เรียนทุกช่วงวัยในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐาน
สอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพ ใหเ้ ปน็ ผู้มสี มรรถนะและทักษะที่จำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21
4. ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
มสี มรรถนะ ความรู้ ความเชีย่ วชาญ จรรยาบรรณและมาตรฐานวิชาชพี รวมทงั้ จติ วญิ ญาณความเป็นครู
5. สถานศึกษาจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)
ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
6. สถานศกึ ษา สามารถจดั การเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) และมรี ะบบการวัดและประเมินผล
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ยืดหยุ่นตอบสนอง
ตอ่ ความถนดั และความสนใจของผู้เรียน เพอ่ื ส่งเสริมการเรยี นรู้เปน็ รายบุคคล (Personalized Learning)
ตวั ชว้ี ดั
ท่ี ตวั ช้ีวัด หน่วยนับ คา่ เป้าหมาย (ปี)
2566 2567 2568 2569 2570
1 9. ร้อยละของนักเรียนปฐมวัยมีพัฒนาการ รอ้ ยละ 80 85 90 95 95
ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญา
2 10. ร้อยละของผู้เรียนมีคุณลักษณะ รอ้ ยละ 90 90 95 95 95
อนั พงึ ประสงคร์ ะดับดีขึ้นไป
3 11. ร้อยละของผู้เรียนได้รับการพัฒนา รอ้ ยละ 80 85 90 95 95
ให้มีสมรรถนะ และทักษะที่จำเป็น
ในศตวรรษที่ 21
4 12. ร้อยละของสถานศึกษาที่สอนในระดับ ร้อยละ 90 95 100 100 100
มัธยมศึกษาตอนต้น ได้รับการเตรียม
ความพร้อม (ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์) ในการประเมินระดับ
นานาชาติตามโครงการ PISA)
6 13. ร้อยละของสถานศึกษาที่สามารถ ร้อยละ 30 35 40 45 50
จดั การเรยี นการสอนตามพหปุ ญั ญา
7 14. ร้อยละของนักเรียนที่ได้รับการ ร้อยละ 30 35 40 45 50
คัดกรองเพือ่ พัฒนาพหปุ ญั ญารายบคุ คล
8 18. ร้อยละของผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็ม ร้อยละ 10 15 20 25 30
ตามศักยภาพตามความถนัด และ
ความสามารถ (วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
ทศั นศิลป์ นาฏศลิ ป์ ดนตรี กฬี า)
26
ที่ ตัวชี้วัด หน่วยนับ ค่าเปา้ หมาย (ปี)
2566 2567 2568 2569 2570
9 16. ร้อยละของนักเรียนที่มีคะแนนผลการ ร้อยละ 3 3 3 3 3
ทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน
( O-NET) ร ้ อ ย ล ะ 5 0 ข ึ ้ น ไ ป เ พ ิ ่ ม ข้ึ น
จากปกี ารศกึ ษาทผี่ า่ นมา
10 17. ร้อยละของครูสอนภาษาอังกฤษ รอ้ ยละ 100 100 100 100 100
ในระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
ได้รับการพัฒนาแ ล ะ ย ก ร ะ ด ั บ ค ว า ม ร ู ้
ภาษาอังกฤษโดยใช้ระดับการพัฒนา
ท า ง ด ้ า น ภ า ษ า ( CEFR) ตามเกณฑ์
ท่กี ำหนด
11 18. ร้อยละของครูและบุคลากรทางการศึกษา ร้อยละ 60 70 80 90 100
ท่ีสามารถจัดการเรียนร้เู ชิงรกุ
แนวทางการพัฒนา
ท่ี แนวทางการพฒั นา หนว่ ยงานที่
รับผดิ ชอบ
• คุณภาพผ้เู รียน
1 จัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ วินัย สพท. / รร.
อารมณ์ สังคม และสตปิ ญั ญา
2 ส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะการเรียนรู้ สพท. / รร.
และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 อย่างครบถ้วน เป็นคนดี มีวินัย
มีความรักในสถาบันหลักของชาติ ยึดมั่น การปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และน้อมนำพระบรมรา
โชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว ส่กู ารปฏิบตั ิ
3 พฒั นาและส่งเสริมผูเ้ รยี นให้ได้รับการพฒั นาพหุปัญญารายบุคคล โดยมีเครื่องมือ สพท. / รร.
คัดกรอง /สำรวจแวว /วัดความสามารถ ความถนัด สถานศึกษาจัดการเรียนรู้
ที่หลากหลายตอบสนองความแตกต่างทางพหุปัญญาของผู้เรียน โดยครูออกแบบ
การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสอดคล้องตามบริบทและวัฒนธรรม คำนึงถึง
ความแตกต่างของแต่ละบุคคลตามความถนัด ความสนใจ ส่งผลต่อการพัฒนา
ผเู้ รียนใหเ้ ต็มตามศักยภาพ
4 จัดการศึกษาตามขีดความสามารถของผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ความถนัด สพท. / รร.
และศักยภาพของแต่ละบุคคล วางรากฐานการศึกษาเพื่ออาชีพ ให้สอดคล้อง
กบั บรบิ ทพน้ื ที่ ความตอ้ งการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ
27
ท่ี แนวทางการพฒั นา หน่วยงานท่ี
รับผดิ ชอบ
5 พัฒนาผูเ้ รยี นให้มีสมรรถนะและทักษะด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ การคิดข้ันสูง นวัตกรรม สพท. / รร.
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัล และภาษาต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการ
แข่งขัน เชื่อมโยงสู่อาชีพและการมีงานทำ มีทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการ
ของประเทศ
6 สง่ เสรมิ พัฒนาทักษะดา้ นดิจิทัลและด้านการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น ท่นี ำไปสู่ Digital สพท. / รร.
Life & Learning
7 ส่งเสริมให้นักเรียนนำความรู้ด้านเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันและหารายได้ สพท. / รร.
ระหวา่ งเรียน
8 ส่งเสริมสนบั สนุนใหส้ ถานศึกษาจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตร สพท. / รร.
กับสิ่งแวดล้อม
• คุณภาพครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
9 ส่งเสริมให้ครูสามารถจัดการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) และเป็นผสู้ รา้ งสรรค์ สพท. รร.
นวตั กรรม (Co-creation) ให้กับผเู้ รียนในทกุ ระดับชนั้
10 ส่งเสริม สนับสนุนครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีการพัฒนาตนเองทางวิชาชีพ สพท. รร.
อย่างตอ่ เน่ือง มีจรรยาบรรณ และจิตวิญญาณความเป็นครู
11 พัฒนาศักยภาพครูในด้านการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ สพท.
ของผู้เรียน (Assessment For Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Personalized Learning) เช่น
การอบรมเชิงปฏิบัติการแบบ Intensive Training การอบรมแบบออนไลน์
(Online Training) การอบรมแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง (e-learning) เปน็ ต้น
• หลักสตู รและอน่ื ๆ
12 พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย สพท. / รร.
แห่งชาติ
13 พัฒนาและส่งเสริมนวัตกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ เพื่อยกระดับ สพท. / รร.
ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน และสมรรถนะของผู้เรียน
14 บูรณาการการศกึ ษาเพื่อการศึกษาต่อด้านอาชีพและการประกอบอาชีพ หรือการมี สพท. / รร.
งานทำตามความตอ้ งการและความถนดั ของผ้เู รยี น
28
กลยุทธท์ ี่ 4 เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการบรหิ ารจดั การศกึ ษา
เปา้ ประสงค์เชิงกลยุทธ์
1. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษามีการนำระบบข้อมูลสารสนเทศ และเทคโนโลยีดิจิทัล
มาใช้ในการบรหิ ารจัดการและการให้บริการอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
2. สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา สถานศกึ ษา มรี ะบบการบรหิ ารจัดการท่ีได้มาตรฐาน
3. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษามีระบบการจัดสรรทรัพยากร โดยเฉพาะอัตรากำลัง
และงบประมาณ ท่ีมีประสทิ ธิภาพ เหมาะสมกบั บริบท
4. สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา สถานศกึ ษามีการส่งเสริมการมีสว่ นร่วม ทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ เหมาะสม
กบั บริบท
5. โรงเรยี นคุณภาพได้รับการพัฒนาประสทิ ธิภาพ ท่ีเหมาะสมกบั บรบิ ท
ตัวชวี้ ดั
ท่ี ตัวชี้วดั หน่วยนับ ค่าเป้าหมาย (ปี)
2566 2567 2568 2569 2570
1 19. ร้อยละสถานศึกษามีระบบบริหาร รอ้ ยละ 80 85 90 95 100
จัดการท่เี ป็นดิจิทลั
2 20. ร้อยละของสถานศึกษานำร่อง รอ้ ยละ 80 85 90 95 100
โรงเรียนคุณภาพ ได้รับการพัฒนา
ประสิทธิภาพการจัดการศึกษาตาม
บริบทพื้นท่ี
3 21. ร้อยละของหน่วยงานในสังกัด รอ้ ยละ 80 85 90 95 100
สพป.พช.1 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA
online
4 22. ร้อยละของสถานศ ึ กษาและ ร้อยละ 80 85 90 95 100
หน่วยงานใช้ระบบเชื่อมโยงข้อมูลใน
ระบบแบบ Real Time
5 23. ร้อยละของโครงการของหน่วยงานที่ ร้อยละ 10 15 20 25 30
บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย
ยทุ ธศาสตรช์ าติ
6 24. จำนวนกระบวนงานของหน่วยงาน กระบวนงาน 4 4 4 4 4
มรี ะบบบริหารจัดการท่ีเปน็ ดจิ ทิ ลั
29
แนวทางการพฒั นา
ที่ แนวทางการพัฒนา หนว่ ยงานท่ี
รบั ผิดชอบ
• สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา สถานศกึ ษามีการนำระบบข้อมูลสารสนเทศ และเทคโนโลยดี ิจทิ ลั มาใช้ใน
การบริหารจดั การและการใหบ้ รกิ ารอย่างมีประสทิ ธภิ าพ
1 พัฒนาระบบสารสนเทศในหน่วยงานให้มีระบบข้อมูลจัดการและรายงาน สพท. / รร.
(ปพ. Online/ระบบรายงานผลต่อ พระราชบัญญัติอำนวยความสะดวก/
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล/ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ
ของสถานศกึ ษา/ สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา
2 สร้าง พัฒนาและส่งเสริมการใช้ระบบบริหารด้านการจัดการศึกษาพื้นฐานที่ดี สพท. / รร.
สำหรับสถานศึกษาให้เป็นระบบเดียวเพ่ือลดภาระงานครู ลดความซ้ำซ้อน
ของระบบงานและการจัดเก็บขอ้ มูล
• สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา สถานศึกษามกี ารบรหิ ารงบประมาณ ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ เหมาะสมกับบริบท
3 เสริมสร้างขวัญกำลังใจในความก้าวหน้าทางวิชาชีพ และการยกย่องเชิดชู สพท. / รร.
เกียรติบคุ ลากร
4 พัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณธรรม สพท.
จรยิ ธรรมและการปฏบิ ตั ิงานตามหลกั ธรรมาภิบาล
• สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษามีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและการมีส่วน
ร่วม ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ เหมาะสมกับบรบิ ท
5 ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาทั้งในและนอกสังกัด เพื่อบูรณาการการใช้ สพท. / รร.
ทรัพยากรของสถานศึกษา โดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถ
จัดการเรียนรู้ได้อยา่ งมีคุณภาพ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนนุ
6 ส่งเสรมิ ทกุ ภาคส่วนให้มสี ่วนรว่ มในการจัดการศึกษา สนบั สนนุ ทรัพยากร สพท. / รร.
7 สง่ เสรมิ การมีส่วนรว่ มในการกำกบั ตดิ ตาม ตรวจสอบ การบริหารจดั การศึกษา สพท. / รร.
จากภาคส่วนตา่ ง ๆ
8 พัฒนาสถานศึกษาในสังกัดให้มีคุณภาพ ยั่งยืน สอดคล้องกับบริบทของพื้นท่ี สพท. / รร.
โดยเฉพาะโรงเรียนคุณภาพประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
30
สว่ นที่ 4 การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพนื้ ฐานส่กู ารปฏิบัติ
แนวทางการบรหิ ารแผนสกู่ ารปฏิบตั ิ
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566 - 2570 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการจัดทำแผนต่าง ๆ ของหน่วยงานและ
สถานศึกษาในสังกัด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตอบสนองความ
เปลี่ยนแปลงโดยมีเป้าหมายในปี พ.ศ. 2570 โดยเชื่อมโยงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580 แผน
แมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติ (รา่ ง) แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 13 แผนการปฏริ ูปประเทศ
ด้านการศึกษา (ฉบับปรับปรุง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 และเพื่อให้การบริหารแผนสู่การ
ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดที่สอดคล้องกับเป้าหมายการให้บริการ
ทางการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพทางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จึงกำหนดแนวทางในการบรหิ ารแผนส่กู ารปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
1. สรา้ งการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงานทุกระดับ ในความเป็นมา
และความเชื่อมโยงของแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566 - 2570 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1 กบั นโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐานและแผนทีส่ ำคัญอ่ืน ๆ
เพ่อื ให้เกิดการรับรู้และเข้าใจในทศิ ทางเดียวกัน
2. เนน้ ยำ้ ใหผ้ ู้บรหิ ารสถานศึกษาในสังกัด ให้เห็นความสำคัญในการพิจารณาแผนพัฒนาการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พ.ศ. 2566 - 2570 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 เพื่อใช้เป็นกรอบ
ในการกำหนดนโยบาย แผน และกรอบแนวทางในการดำเนินงานของสถานศกึ ษา
3. จัดทำแผนปฏิบัติราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 ของหน่วยงาน ให้สอดคล้องกับ
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566 - 2570 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์
เขต 1 เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบาย มาตรการและโครงการที่เป็นรูปธรรม สำหรับการดำเนินงาน
ในแตล่ ะปีงบประมาณ ต้งั แตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570
4. กำกับ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการปฏิบัติงาน โดยกลุ่มหน่วยและส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามแผนพฒั นาการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน อย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับนี้ ได้กำหนดเป้าหมายภาพรวมและตัวชี้วัดปลายทาง
ในปี 2570 มีจำนวนตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย ท่ีสถานศึกษาในสังกัด สามารถนำไปกำหนดแผนปฏิบัติการ
ในการขับเคลื่อนให้เหมาะสมในแต่ละปี และสามารถนำแนวทางพัฒนาที่กำหนดไว้ ไปเลือกปรับใช้ตามบริบท
ของหน่วยงาน เพือ่ ให้บรรลุคา่ เปา้ หมายภายในปี 2570 ต่อไป
เง่อื นไขความสำเรจ็
แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2566 - 2570 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
เพชรบูรณ์ เขต 1 มเี งอื่ นไขความสำเร็จ ดังน้ี
1. ดำเนินการแก้ไขปญั หาท่ีมีจุดอ่อนหรอื อปุ สรรค ใหล้ ดหรือหมดไป
2. ดำเนินการความตอ่ เนือ่ งด้านนโยบายทุกระดับ
3. หน่วยงานทุกระดับมีแผนและกลยุทธ์สู่การปฏิบัติ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึ กษา
ขนั้ พื้นฐานดังกล่าว โดยมกี ารกำหนดเปา้ หมาย ตวั ช้ีวดั ผูร้ ับผดิ ชอบ และกำหนดเวลาท่ีเหมาะสม
4. การได้รับการสนับสนุนทรัพยากรด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และบริหารจัดการ
อยา่ งต่อเน่อื งและครอบคลมุ ภารกจิ และนำเทคโนโลยดี จิ ิทัลมาใชเ้ พมิ่ ประสิทธภิ าพในการสนับสนุนทรพั ยากรดงั กลา่ ว
31
5. การดำเนินการของหน่วยงานทุกระดับเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ให้หน่วยงาน องค์กร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยผู้บริหารทุกระดับต้องให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ
การติดตาม การประเมินผล โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ของงานและการทำงานแบบมีส่วนร่วมที่เอื้อต่อการพัฒนา
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ผ่านระบบ
การตดิ ตาม ประเมนิ ผลท่ีทนั สมยั โดยการใชเ้ ทคโนโลยี
6. การสร้างและประสานเครือข่ายความร่วมมือในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบ
ทงั้ หนว่ ยงานภาครฐั และหนว่ ยงานภาคเอกชน องคก์ รอื่นๆ เพอื่ สนบั สนนุ การดำเนินงานตามแผนและขบั เคล่ือนเป็นไป
ในทศิ ทางเดยี วกัน โดยมผี ้รู ับผดิ ชอบการสร้างและประสานเครือข่ายความร่วมมอื ทีช่ ัดเจน
7. กลุ่ม/หน่วย และผู้รับผิดชอบในทุกระดับในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
เพชรบรู ณ์ เขต 1 ดำเนินการตามบทบาท ดงั นี้
7.1 ผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ข้าราชการครู และบุคลากร
ทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติ
ราชการหรอื แผนอื่น ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง ที่สอดคล้องกับแผนพฒั นาการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ดงั กล่าว
7.2 กลุ่ม/หน่วย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1 และ
สถานศึกษาในสังกัด นำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานดังกล่าว ไปพิจารณาจัดทำหรือปรับเปลี่ยนแผน
ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แผนปฏิบัติการประจำปี แผนนิเทศก์การศึกษา เป็นต้น
7.3 สถานศึกษา นำแผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานดังกล่าว ไปพิจารณาจัดทำหรือ
ปรับเปลี่ยนแผนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปี
และแผนอ่ืนๆ ที่สอดคล้องกับแผนสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 1
32
ภาคผนวก
33
ภาคผนวก ก
รายชือ่ สถานศกึ ษา
สงั กัดสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาเพชรบรู ณ์ เขต 1
ที่ รหัสโรงเรยี น ช่อื โรงเรียน
กลุ่มโรงเรยี นในเมอื ง
อนุบาลเพชรบรู ณ์
1 67010048 เมืองเพชรบรู ณ์
2 67010044 บ้านสะเดียง
3 67010045 บ้านป่าแดง
4 67010060 บ้านป่าเลา
5 67010062
กลุ่มโรงเรียนทา่ พลนางั่ว บา้ นทา่ พล (ท่าพลวทิ ยาคาร)
1 67010020 บา้ นอมกง
2 67010016 บา้ นโพธ์ิงาม
3 67010017 บ้านดง
4 67010022 บ้านโพธท์ิ อง
5 67010023 บ้านนาง่วั (เจริญวทิ ยาคาร)
6 67010028
กลมุ่ โรงเรยี นห้วยใหญ่ บา้ นสะแกงาม
1 67010086 บ้านห้วยใหญ่
2 67010085 บ้านน้ำเดอ่ื
3 67010087 บ้านโป่งหว้า
4 67010088 บา้ นหว้ ยแหน
5 67010089 บา้ นน้ำเดอ่ื ใต้
6 67010090
กล่มุ โรงเรยี นบา้ นโคกดงมูลเหล็ก บา้ นโคก
1 67010051 บา้ นโนนสะอาด
2 67010006 บา้ นคลองบง
3 67010008 บ้านโนนตะแบก
4 67010009 บ้านทา่ กกตาล
5 67010010 บ้านกงกะยาง
6 67010053 บา้ นน้ำเลา
7 67010049 บ้านหว้ ยผกั ไล
8 67010050
กลุ่มโรงเรียนเอราวัณตาดหมอก บ้านวงั โคง้
1 67010011 บ้านปา่ บง
2 67010012
34
ท่ี รหัสโรงเรียน ช่อื โรงเรียน
3 67010013
3 67010014 บา้ นตะเบาะ
4 67010015 บา้ นห้วยไคร้
5 67010030 บ้านเขาขาด
6 67010031 บา้ นเฉลยี งลบั
7 67010032 บา้ นปากนำ้
8 67010034 บ้านบง
9 67010035 บ้านกกไทร
10 67010036 บา้ นนาปา่
11 67010041 ตาดหมอกวทิ ยา
12 67010042 บ้านบุฉนวน
13 67010043 ชุมชนบา้ นน้ำร้อน
กลุ่มโรงเรียนบา้ นโตกนายมชอนไพร บ้านทุ่งหินปูน
1 67010056
2 67010001 บ้านโตก
3 67010002 บา้ นชอนไพร
4 67010004 บา้ นคลองสำโรง
5 67010037 บา้ นสักแห้ง
6 67010038 บ้านนายม
7 67010039 บา้ นขมวด
8 67010040 บา้ นหวั นา
9 67010055 บา้ นถำ้ นำ้ บงั
10 67010057 บ้านวังจาน
11 67010058 บ้านโตกใต้
12 67010059 บ้านพี้
กลุ่มโรงเรียนวังชมภู การไฟฟา้ สว่ นภมู ภิ าคสงเคราะห์ 2
1 67010069
2 67010068 บ้าน กม.2
3 67010070 บ้านยางหวั ลม
4 67010071 บ้านยาวี-หว้ ยโปง่
5 67010072 บ้านสามแยกวงั ชมภู
6 67010073 บา้ นคลองห้วยนา
7 67010074 บา้ นวงั ทอง
กลุ่มโรงเรียนห้วยสะแก-ระวิง บ้านซับข่อย
1 67010080
2 67010063 บ้านห้วยสะแก
3 67010064 บ้านยางลาด
บ้านวังขอนมิตรภาพที่ 137
35
ที่ รหสั โรงเรียน ชอ่ื โรงเรยี น
4 67010065
5 67010067 บ้านยางกุด
6 67010079 บา้ นระวงิ
7 67010081 บา้ นชัยมงคล
8 67010083 บ้านหว้ ยนาค
กลมุ่ โรงเรียนเพชรชนแดน บา้ นเนนิ สงา่
1 67010098
2 67010095 บา้ นซบั เจริญ
3 67010096 คลองห้วยนาพัฒนาการ
4 67010099 บา้ นโคกเจรญิ
5 67010093 บ้านทรพั ย์พุทรา
6 67010094 บา้ นโป่งตาเบา้
7 67010130 อนบุ าลชนแดน
8 67010131 บ้านหว้ ยงาช้าง
9 67010133 บ้านห้วยตูม
10 67010135 บา้ นลาดนอ้ ย
11 67010136 บา้ นน้ำลัด
12 67010138 บา้ นกกจ่นั
กล่มุ โรงเรียนทา่ ขา้ ม บา้ นผาทอง
1 67010121
2 67010091 บ้านตะกุดจ่นั
3 67010116 บ้านศาลาลาย
4 67010117 บ้านทา่ ขา้ ม
5 67010122 บา้ นกฏุ พิ ระ
6 67010123 บ้านตะกุดเป้า
7 67010150 บ้านวงั ปลาชอ่ น
8 67010151 บา้ นคลองปลาหมอ
กลุ่มโรงเรยี นลาดแค บา้ นซับขลุง
1 67010146
2 67010140 บา้ นหนองใหญ่
3 67010141 บ้านลาดแค
4 67010143 บา้ นโคกยาว
5 67010144 ธาราครี ี
6 67010145 บา้ นโคกหนองจอก
7 67010147 ลูกจนั ทน์ปยิ ะอุย
8 67010148 บา้ นถ้ำแกว้ (เตรยี มอุดมศึกษา 1)
9 67010149 บา้ นดงลาน
สายสมร
ที่ รหสั โรงเรียน 36
กลมุ่ โรงเรียนดงขุย
ชื่อโรงเรียน
1 67010102
2 67010103 บา้ นดงขุย (ดงขยุ วิทยาคาร)
3 67010104 บา้ นหนองระมาน
4 67010105 บ้านบงุ่ คลา้
5 67010107 บา้ นดงขยุ ใต้
6 67010111 บา้ น กม.28
7 67010113 บ้านเขาสัก
8 67010114 บ้านเขานอ้ ย
9 67010115 บา้ นโปง่ นกแกว้
10 67010124 บ้านหนองกลอย
11 67010125 บ้านกลว้ ย
12 67010127 บ้านเขาชะโงก
13 67010128 บา้ นวงั รวก
กลุ่มโรงเรยี นเพชรวังโป่ง บา้ นเขาคณฑา
1 67010162
2 67010153 บ้านไร่ฝาย
3 67010154 บา้ นคลองน้ำคนั
4 67010161 บ้านซบั เปิบ
5 67010163 อนุบาลวงั โป่ง
6 67010164 บา้ นโนนตูม
7 67010165 บ้านทางขา้ ม
8 67010166 บ้านวังแช่กลอย
9 67010167 บ้านวังศาล
กลุ่มโรงเรยี นทา้ ยดงวังหนิ บา้ นดงลึก
1 67010158
2 67010156 บา้ นวงั ชะนาง
3 67010169 ชมุ ชนบ้านวงั กระดาษเงนิ
4 67010171 บา้ นใหม่วงั ตะเคยี น
5 67010172 บา้ นวงั พลบั
6 67010173 นำ้ ออ้ มประชาสรรค์
7 67010168 บ้านวังหินซอง
บา้ นวงั หิน
37
ภาคผนวก ข
กฎหมาย ระเบยี บ แผนทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2560
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้มีการประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2560
ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา มีบทบัญญัติไว้ใน มาตรา 54 รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับ
การศกึ ษาเป็นเวลาสบิ สองปี ตัง้ แตก่ ่อนวัยเรียนจนจบการศกึ ษาภาคบงั คับอยา่ งมคี ุณภาพโดยไมเ่ ก็บคา่ ใช้จ่าย
รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษาตามวรรคที่หนึ่ง
เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย โดยส่งเสริมและสนับสนุน
ให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินและภาคเอกชนเขา้ มสี ว่ นรว่ มในการดำเนินการดว้ ย
รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริม
ให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน
ในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กำกับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษา
ดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งอย่างน้อย
ต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ การดำเนินการและตรวจสอบการดำเนินการ
ใหเ้ ป็นไปตามแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติดว้ ย
การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้
ตามความถนดั ของตนและมีความรับผิดชอบต่อครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ในการดำเนนิ การให้เด็กเล็กไดร้ ับการดูแลและพัฒนาตามวรรคสอง หรือให้ประชาชนได้รับการศึกษา
ตามวรรคสาม รัฐต้องดำเนินการให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา
ตามความถนดั ของตน
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ได้กำหนดคำนิยามการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมายถึง การศึกษาระดับก่อนอุดมศึกษา และกำหนดในมาตรา 10 การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ
และโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
โดยไมเ่ ก็บคา่ ใชจ้ ่าย
การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม
การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้
หรอื ไม่มผี ูด้ ูแลด้อยโอกาส ตอ้ งจัดใหบ้ ุคคลดงั กลา่ วมีสิทธิและโอกาสไดร้ บั การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานเปน็ พเิ ศษ
การศึกษาสำหรับคนพิการ ให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา
ตามหลักเกณฑ์และวธิ กี าร ท่ีกำหนดในกฎกระทรวง
การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึง
ถึงความสามารถของบคุ คลนน้ั
38
คำสั่งหวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ 28/2559 เรื่องให้จัดการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 15 ปี
โดยไมเ่ กบ็ คา่ ใชจ้ ่าย
ได้กำหนดนิยามการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี เป็นการศึกษาต้ังแต่ระดับก่อนประถมศึกษา (อนบุ าล) (ถ้ามี)
ระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.3) หรือเทียบเท่า
และให้หมายความรวมถงึ การศึกษาพิเศษและการศกึ ษาสงเคราะห์
ยุทธศาสตรช์ าติ พ.ศ. 2561 - 2580
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้รัฐมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นเป้าหมาย
การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้อง
และบรู ณาการกัน ต่อมาได้มีการตราพระราชบญั ญตั ิการจัดทำยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ซง่ึ กำหนดให้หน่วยงาน
รัฐทุกหน่วยมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580
โดยมีวิสยั ทศั น์ คอื “ประเทศไทยมีความมน่ั คง ม่งั คัง่ ยั่งยืน เปน็ ประเทศทพ่ี ัฒนาแล้ว ดว้ ยการพัฒนาตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยการประเมินผลการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 - 2580 ประกอบด้วย
ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจและการกระจาย
รายได้ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ความเท่าเ ทียมและความเสมอภาคของสังคม
ความหลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพส่ิงแวดล้อม และความยงั่ ยืนของทรัพยากรธรรมชาติ และประสิทธิภาพ
การบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ การพัฒนาประเทศในช่วงเวลาของยุทธศาสตร์ชาติ
จะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วม
ของทุกภาคส่วนในรูปแบบ “ประชารัฐ” ซึ่งยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย
1) ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง 2) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3) ยุทธศาสตร์
ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 4) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาส
และความเสมอภาคทางสังคม 5) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตร
ต่อสิ่งแวดล้อม และ 6) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการภาครัฐ
เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุกช่วงวัยสามารถได้รับการพัฒนาและยกระดับได้เต็ม
ศักยภาพและเหมาะสม ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
จึงได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่เน้นทั้งการแก้ไขปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในปัจจุบัน
และการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนา ที่ให้ความสำคัญที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการพัฒนาทุนมนุษย์
และปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
อย่างครอบคลุม ประกอบด้วย การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ควบคู่กับการปฏิรูปที่สำคัญ
ทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม เพื่อให้คนมีความดีอยู่ใน ‘วิถี’ การดำเนินชีวิต
และมีจิตสำนึกร่วมในการสร้างสังคมที่น่าอยู่ และมีการปฏิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉม ในทุกระดับตั้งแต่
ระดับปฐมวัยจนถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการพัฒนาระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ในศตวรรษที่ 21 มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ การเปลี่ยนบทบาทครู การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
บริหารจัดการศึกษา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สามารถกำกับ
การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับตนเองได้อย่างต่อเน่ืองแม้จะออกจากระบบการศึกษาแล้ว รวมถึงความตระหนัก
ถึงพหุปัญญาของมนุษย์ท่ีหลากหลาย ตลอดจนพัฒนาและรักษากลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษของพหุปัญญา
แต่ละประเภท
เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้ างศักยภาพ
ทรัพยากรมนุษย์ สามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการกำหนดแผนแม่บทภายใต้
ยุทธศาสตร์ชาติขึ้นเพ่ือให้เห็นกรอบแนวทางในการดำเนินการท่ีชัดเจนขึ้น
39
แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580)
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เปน็ แผนระดับสองที่จดั ทำไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์
ชาติ โดยจะมีผลผูกพันต่อหน่วยงานของรัฐทีเ่ ก่ียวข้องจะตอ้ งปฏิบัติให้เป็นไปตามน้ัน รวมทั้งการจัดทำงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณจะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งประเด็นแผนแม่บท
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 23 ประเด็น ประกอบด้วย 1) ความมั่นคง 2) การต่างประเทศ 3) การพัฒนาการเกษตร
4) อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 5) การท่องเที่ยว 6) การพัฒนาพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
7) โครงสร้างพื้นฐานระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล 8) ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมยุคใหม่
9) เขตเศรษฐกิจพิเศษ 10) การปรบั เปลยี่ นคา่ นิยมและวัฒนธรรม 11) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
12) การพัฒนาการเรียนรู้ 13) การสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี 14) ศักยภาพการกีฬา 15) พลังทางสังคม
16) เศรษฐกิจฐานราก 17) ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม 18) การเติบโตอย่างยั่งยืน 19) การบริหาร
จัดการน้ำทั้งระบบ 20) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ 21) การต่อต้านการทุจรติ และประพฤติมิชอบ
22) กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และ 23) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม โดยมีแผนแม่บท
ที่กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดร้ ับมอบหมายให้ดำเนินการ 2 แผนแม่บท ดังนี้
แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ (11) การพฒั นาศักยภาพคนตลอดช่วงชวี ิต
แผนแม่บทประเด็นศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ได้กำหนดแผนย่อยไว้ 5 แผนย่อย เพื่อพัฒนาและ
ยกระดับทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เต็มศักยภาพและเหมาะสม ดังนี้ 1) การสร้าง
สภาพแวดลอ้ มท่เี อื้อต่อการพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพมนุษย์ 2) การพฒั นาเดก็ ตัง้ แต่ชว่ งการต้ังครรภ์จนถึง
ปฐมวัย 3) การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น 4) การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน 5) การส่งเสริม
ศักยภาพวัยผู้สูงอายุ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานสนับสนุนแผนแม่บทดังกล่าว
โดยสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน จะมีความเกยี่ วข้องกบั แผนแมบ่ ทยอ่ ยท่ี 2) และ 3)
แผนแมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (12) ประเด็น การพัฒนาการเรยี นรู้
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การพัฒนาการเรียนรู้ ได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่
เน้นทั้งการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน และการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนาการศึกษา
และการเรียนรู้ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการพัฒนาระบบการเรียนรู้
ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่ การเปลี่ยนบทบาทครู
การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ให้สามารถกำกับการเรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกบั ตนเองได้อย่างต่อเน่ืองแม้จะออกจากระบบการศึกษาแลว้ ควบคู่กับ
การส่งเสริมการพัฒนาคนไทยตามพหุปัญญาให้เต็มตามศักยภาพ รวมถึงการสร้างเสริมศักยภาพ
ผู้มีความสามารถพเิ ศษให้สามารถต่อยอดการประกอบอาชีพได้อยา่ งมั่นคง โดยประกอบด้วย 2 แผนย่อย ดังนี้
1) การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และ 2) การตระหนักถึง
พหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการ
ดำเนินการแผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความเกี่ยวข้องกับ
องค์ประกอบและปจั จยั ภายใตแ้ ผนแมบ่ ทดังกลา่ วทกุ องคป์ ระกอบ
แผนการปฏิรปู ประเทศ
แผนการปฏิรูปประเทศ เป็นแผนระดับสองท่ีจัดทำขึ้นเพื่อกำหนดกลไก วิธีการ และขั้นตอนการปฏิรูป
ประเทศในด้านต่าง ๆ โดยการปฏิรูปประเทศต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่บัญญัติไว้ใน
รัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคี สังคมมีความสงบสุข เป็นธรรม
และมีโอกาสอันทัดเทยี มกนั เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ มีคุณภาพชวี ิตท่ีดี และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
40
ท้งั นี้ การปฏิรูปประเทศต้องสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดยี วกันกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งแผนการปฏิรปู ประเทศ
ประกอบด้วย 12 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเมือง 2) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 3) ด้านกฎหมาย 4) ด้าน
กระบวนการยุติธรรม 5) ด้านเศรษฐกิจ 6) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7) ด้านสาธารณสุข 8)
ด้านสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ 9) ด้านสังคม 10) ด้านพลังงาน 11) ด้านการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 12) ด้านการศึกษา โดยแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษามีแผนงาน
เพื่อการปฏิรูป 5 เรื่อง ได้แก่ 1) การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย 2) การ
พัฒนาการจดั การเรยี นการสอนสกู่ ารเรียนร้ฐู านสมรรถนะ เพอ่ื ตอบสนองการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ 21 3)
การปฏิรูปกลไกและระบบการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพมาตรฐาน 4) การ
จัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและระบบอื่น ๆ ที่เน้นการฝึกปฏบิ ัติอย่างเตม็ รูปแบบ นำไปสู่การจ้างงานและ
การสร้างงาน 5) การปฏิรูปบทบาทการวิจัยและระบบธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษา เพื่อสนับสนุนการ
พฒั นาประเทศไทยออกจากกบั ดักรายไดป้ านกลางอย่างยง่ั ยืน
แผนการปฏริ ปู ประเทศด้านการศกึ ษา
ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 258 จ. โดยสรุปได้บัญญัติให้มี
การดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ครอบคลุมให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับ
การศึกษา เพื่อให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย
โดยไมเ่ กบ็ คา่ ใช้จา่ ย ใหด้ ำเนินการตรากฎหมายเพอ่ื จัดตง้ั กองทุนเพอื่ ลดความเหลือ่ มลำ้ ทางการศึกษาให้มีกลไก
และระบบการผลิต คดั กรอง และพฒั นาผู้ประกอบวชิ าชพี ครแู ละอาจารย์ ให้ได้ผมู้ ีจติ วิญญาณของความเป็นครู
มคี วามร้คู วามสามารถอย่างแทจ้ รงิ ได้รับคา่ ตอบแทนทเี่ หมาะสมกบั ความสามารถและประสิทธภิ าพในการสอน
รวมท้งั มกี ลไกสรา้ งระบบคณุ ธรรมในการบริหารงานบคุ คลของผู้ประกอบวิชาชีพครใู หม้ ีการปรบั ปรุงการจัดการเรียน
การสอนทุกระดับเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัดและปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยสอดคล้องกันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ ทั้งนี้บทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 261 กำหนดให้การปฏิรูปตามมาตรา 258 จ. ด้านการศึกษามีคณะกรรมการ
ที่มีความเป็นอิสระคณะหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ดำเนินการศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะและร่างกฎหมาย
ทเ่ี ก่ียวข้องในการดำเนนิ การให้บรรลุเป้าหมายเพือ่ เสนอคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ การปฏิรูปการศึกษายังเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศเพื่อสนับสนุนการบรรลุ
ตามยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ในด้านต่างๆ เนื่องด้วยการศึกษาเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาประเทศ
ดังนั้นแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินการ
ตามยุทธศาสตร์ชาติทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ด้านความเท่าเทียม
และความเสมอภาคของสงั คม และดา้ นขีดความสามารถในการแข่งขัน การพฒั นาเศรษฐกจิ และการกระจายรายได้
ปัญหาและความท้าทายที่สำคัญในการปฏิรูปการศึกษา ปัญหาของระบบการศึกษาของไทย
มีความซับซ้อนสูง คุณภาพของการศึกษาต่ำ ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสูง ปัญหาของระบบการศึกษา
เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การใช้ทรัพยากรทางการศึกษา
ยังไม่มีประสิทธิภาพ การกำกับดูแลและการบริหารจัดการระบบการศึกษาของภาครัฐในด้านธรรมาภิบาล
เป็นอุปสรรคสำคัญที่บั่นทอนประสิทธิผลของการนำประเด็นการปฏิรูปการศึกษาสู่การปฏิบัติ รวมถึงบริบท
ของประเทศและของโลกกำลังเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็ว
จากปัญหาและความท้าทายของระบบการศึกษาของไทยที่ได้วิเคราะห์ไว้ในข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป
การศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ ข้อเสนอจากการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในภูมิภาคต่างๆ เวทีทางวิชาการ
มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ทำให้แผนการปฏิรูปประเทศ
ด้านการศึกษานี้ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของการปฏิรูป 4 ด้าน 1) ยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา
41
(Enhance quality of education) 2) ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (Reduce disparity in education)
3) มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (Leverage excellence and
competitiveness) 4) ปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัว
ในการรองรับความหลากหลายของการจัดการศึกษา และสร้างเสริมธรรมาภิบาล (Improve Efficiency,
agility and good governance) โดยได้กำหนดแผนงานเพื่อการปฏิรูปการศึกษา 7 เรื่อง 1) การปฏิรูป
ระบบการศึกษาและการเรียนรู้โดยรวมของประเทศ โดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่
และกฎหมายลำดับรอง 2) การปฏริ ูปการพัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน 3) การปฏริ ูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ทางการศึกษา 4) การปฏิรูปกลไกและระบบการผลิต คัดกรอง และพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครู และอาจารย์
5) การปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 6) การปรับโครงสร้าง
ของหน่วยงานในระบบการศึกษา เพื่อบรรลุเป้าหมายในการ ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน และยกระดับ
คุณภาพของการจัดการศึกษา 7) การปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยการพลิกโฉมด้วยระบบดิจิทัล
(Digitalization for Educational and Learning Reform)
แผนการปฏิรปู ประเทศดา้ นการศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรงุ )
แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ฉบับปรับปรุง มุ่งเน้นกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน ประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ 5 กิจกรรม
โดยพิจารณาความเชื่อมโยงกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
7 พฤษภาคม 2562 ซึ่งหน่วยงานรับผิดชอบได้ขับเคลื่อนการดำเนินการบางกิจกรรมไปแล้ว โดยในแผนการ
ปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาฉบับเดิมที่กำหนดเรื่องและประเด็นปฏิรูปไว้ 7 เรื่อง ซึ่งมีสถานะบรรลุเป้าหมาย
ประจำปี 2563 ในระดับใกล้เคียงในการบรรลุเป้าหมาย 3 เรื่อง และอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงในการบรรลุ
เป้าหมาย 4 เรื่อง นั้น ได้นำมาดำเนินการต่อเนื่องในแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ผ่านกิจกรรม Big
Rock จำนวน 6 เร่อื ง และประเดน็ ปฏริ ูป และอีก 1 เรอ่ื งและประเดน็ ปฏริ ูป เป็นกจิ กรรมท่มี สี ่วนร่วมสนับสนุน
การขับเคลอื่ นกิจกรรม Big Rock ใหบ้ รรลุผลสัมฤทธิไ์ ดต้ ามเปา้ ประสงค์ท่ีกำหนดไว้ กิจกรรมปฏริ ูป 5 กิจกรรม
ที่กำหนดใหม่และแผนงานเดิมยังมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางการ
ศึกษา และมุ่งสู่ความเป็นเลิศและสร้างขดี ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประกอบด้วย 1) การสร้าง
โอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษาต้ังแตร่ ะดบั ปฐมวัย 2) การพฒั นาการจดั การเรยี นการสอนสู่การเรียนรู้
ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 3) การปฏิรูปกลไกและระบบการผลิตและ
พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพมาตรฐาน 4) การจดั อาชวี ศึกษาระบบทวิภาคีและระบบอ่ืนๆ
ที่เน้นการฝึกปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบนำไปสู่การจ้างงานและการสร้างงาน 5) การปฏิรูปบทบาทการวิจัย
และระบบธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยออกจากกับดักรายได้
ปานกลางอยา่ งย่ังยนื
(ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) เป็นแผนระดับสอง ซึ่งเป็น
พัฒนาที่จัดทำโดยคำนึงถงึ ความสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาล และสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ
และสงั คมของประเทศและโลก รวมถงึ มคี วามสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาวที่จะช่วย
สนับสนนุ ให้การพัฒนาประเทศได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนบนเป้าหมายรว่ มท่ีชัดเจน และยังเอ้ือประโยชน์
ต่อการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลความสำเร็จของแผน เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการและวิธีการ
ดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามที่มุ่งหวังได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 13
(พ.ศ. 2566 - 2570) ประกอบด้วย 13 หมุดหมาย ได้แก่ หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้า
เกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพ
42
และความยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4
ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุน
และยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมภิ าค หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นฐานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์
อัจฉริยะที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง
และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะท่ีน่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน
หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ
เหมาะสม หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถ
ลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมุดหมายที่ 12
ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และหมุดหมายที่ 13
ไทยมภี าครฐั ทีท่ ันสมยั มปี ระสิทธภิ าพ และตอบโจทย์ประชาชน โดยหมดุ หมายทีเ่ กย่ี วข้องกับการจัดการศึกษา
ขน้ั พ้ืนฐานมากท่สี ุด น่ันคอื หมดุ หมายท่ี 12 ซง่ึ มีรายละเอยี ดดงั นี้
หมดุ หมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสงู มุ่งเรียนรอู้ ยา่ งต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแหง่ อนาคต
หมดุ หมายท่ี 12 มคี วามสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ดา้ นการสรา้ งความสามารถ
ในการแข่งขัน ในประเด็นเป้าหมาย ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น 2) ด้านการพัฒนา
และเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ในประเด็นเป้าหมาย คนไทยเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ
พร้อมสำหรับวิถีชีวิตในศตวรรษท่ี 21 และสังคมไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อการพัฒนาคน
ตลอดช่วงชีวิต และ 3) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ในประเด็นเป้าหมาย
สรา้ งความเป็นธรรมและลดความเหล่ือมล้ำในทุกมติ ิ และกระจายศนู ยก์ ลางความเจริญทางเศรษฐกจิ และสังคม
เพม่ิ โอกาสให้ทุกภาคสว่ นเขา้ มาเปน็ กำลงั ของการพัฒนาประเทศในทุกระดบั
หมดุ หมายท่ี 12 มงุ่ ตอบสนองเปา้ หมายหลักของแผน 2 เปา้ หมาย ไดแ้ ก่ 1) การพฒั นาคนสำหรับยุค
ใหม่ โดยการพัฒนาคนทุกชว่ งวยั ไดร้ บั การพัฒนาในทุกมิติ การพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงสอดคล้องกับความ
ตอ้ งการของภาคการผลิต เป้าหมาย สามารถสรา้ งงานอนาคต และสร้างผู้ประกอบการอจั ฉริยะท่มี ีความสามารถ
ในการสร้างและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม 2) การมุ่งสสู่ ังคมแหง่ โอกาสและความเป็นธรรม ดว้ ยการส่งเสริมการ
เรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งการพัฒนาระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาทางเลือกในการเข้าถึงการ
เรียนรู้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเรียนในระบบการศึกษาปกติ โดยมีเป้าหมายระดับหมุดหมาย และตัวช้ีวัด
ที่เกีย่ วข้องกบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ดงั นี้
เป้าหมายท่ี 1 คนไทยได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย มีสมรรถนะที่จำเป็น
สำหรับโลกยุคใหม่ มีคุณลักษณะตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีภูมิคุ้มกัน
ต่อการเปลย่ี นแปลงอย่างพลิกโฉมฉบั พลันของโลก สามารถดำรงชวี ิตร่วมกนั ในสังคมได้อย่างสงบสขุ
ตัวช้ีวัดที่ 1.1 ดัชนพี ฒั นาการเด็กสมวยั เพิม่ ขึน้ เป็นร้อยละ 88 ณ ส้นิ สุดแผนฯ
ตัวชี้วัดที่ 1.2 ร้อยละของนักเรียนที่มีสมรรถนะไม่ถึงระดับพื้นฐานของทั้ง 3 วิชาในแต่ละ
กลุ่มโรงเรยี นลดลงรอ้ ยละ 8 เม่อื สิ้นสุดแผนฯ
ตวั ช้ีวดั ที่ 1.3 ทนุ ชวี ิตเดก็ และเยาวชนไทยเพม่ิ ขน้ึ ร้อยละ 3 เมอื่ สนิ้ สดุ แผนฯ
เป้าหมายท่ี 2 กำลังคนมีสมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตเป้าหมาย
และสามารถสรา้ งงานอนาคต
ตัวชี้วัดท่ี 2.1 ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic
Form: WEF) 6 ด้านทกั ษะ คะแนนเพมิ่ ข้ึนรอ้ ยละ 20 เมือ่ สิ้นสดุ แผนฯ
43
เป้าหมายท่ี 3 ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถงึ การเรียนร้ตู ลอดชวี ิต
ตัวชี้วัดที่ 3.2 กลุ่มประชากรอายุ 15 – 24 ปี ที่ไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำงาน หรือไม่ได้ฝึกอบรม
ไมเ่ กินรอ้ ยละ 5 เม่ือสิ้นแผนฯ
กลยุทธก์ ารพฒั นา (เฉพาะท่ีเกยี่ วข้องกับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน)
กลยุทธ์ที่ 1 การพัฒนาคนไทยทุกชว่ งวัยในทุกมิติ
กลยุทธ์ย่อยที่ 1.1 พัฒนาเด็กช่วงตั้งครรภ์จนถงึ ปฐมวัยให้มพี ัฒนาการรอบดา้ น มีอุปนิสยั
ที่ดี โดยการเตรียมความพร้อมพ่อแม่ผู้ปกครองและสร้างกลไกประสานความร่วมมือ เพื่อดูแลหญิงตั้งครรภ์ให้
ได้รับบริการที่มีคุณภาพ และดูแลเด็กให้มีพัฒนาการสมวัย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ – 6 ปี การพัฒนาครูและผู้ดูแล
เดก็ ปฐมวัยใหม้ คี วามร้แู ละทักษะการดูแลท่เี พียงพอ มจี ติ วทิ ยาการพฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย สามารถทางาน
ร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัยตาม
หลักการพัฒนาสมองและกระบวนการเรียนรู้แก่เด็ก ควบคู่กับการพัฒนาการด้านร่างกาย สาธารณสุข และ
โภชนาการ เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีอย่างรอบด้านก่อนเข้าสู่วัยเรียน การยกระดับสถานพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยให้ได้มาตรฐาน และจัดสรรทรัพยากรทเ่ี พียงพอสาหรบั การดำเนินงาน เพื่อใหเ้ ป็นกลไกการพัฒนาเด็ก
ปฐมวยั รายพน้ื ทีท่ ่ีมีคุณภาพ การสร้างสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรแู้ ละการดูแลปกป้องเด็กปฐมวัย ให้
มีพฒั นาการท่ีดรี อบดา้ น สติปญั ญาสมวัย โดยการมีสว่ นร่วมของครอบครัว ชมุ ชน องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน
ภาคประชาสงั คม และภาคเอกชน รวมถึงพัฒนาระบบสารสนเทศเด็กรายบุคคลเพื่อการส่งต่อไปยังสถานศึกษา
และการพฒั นาที่ตอ่ เนือ่ ง
กลยทุ ธย์ อ่ ยท่ี 1.2 พฒั นาผเู้ รียนระดับพนื้ ฐานใหม้ คี วามตระหนกั รใู้ นตนเอง มสี มรรรถนะท่ี
จำเป็นต่อการเรียนรู้ การดำรงชีวิตและการทำงาน โดย การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะและขับเคลื่อนสู่
การปฏิบัติ การยกระดับการผลิตและพัฒนาครูทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ การปรับปรุงระบบวัดและ
ประเมินผู้เรียนให้มีความหลากหลายตามสภาพจริง ตลอดจนมีการประเมินการเรียนรู้เพื่อปรับปรุงและ
พัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนเป็นรายบุคคล การพัฒนาระบบสนับสนุนการเรียนรู้ โดย
1) การแก้ไขภาะการถดถอยของความรู้ในวัยเรียน โดยสถานศึกษาพัฒนาแนวปฏิบัติและระบบสนับสนุนที่
เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการจัดการเรยี นรูแ้ บบผสมผสาน และการเรียนรู้ที่บ้านในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2) การ
พัฒนาระบบแนะแนวให้มีประสิทธิภาพ โดยพัฒนาครูและผู้ประกอบอาชีพแนะแนวให้สามารถร่วมวางแผน
เส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการดาเนินชีวติ ของผู้เรียนได้ตามความสนใจ ความถนัด 3) พัฒนา
สถานศกึ ษาใหเ้ ปน็ พืน้ ทปี่ ลอดภยั ของผู้เรยี นทุกคน โดยพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานทางกายภาพทเ่ี หมาะสมกับการ
เรียนรู้ สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้เรียน ถึงแนวทางการอยู่ร่วมกันในสังคม
อยา่ งสงบสขุ บนหลกั ของการเคารพ ความหลากหลายทง้ั ทางความคดิ มมุ มองของคนระหว่างรนุ่ และอตั ลักษณ์
ส่วนบุคคลเพื่อการวางอนาคต ในการพัฒนาประเทศร่วมกัน การส่งเสริมการเรียนรู้วิชาชวี ิตในโรงเรียน และมี
แนวปฏิบัติในการคุ้มครอง สวัสดิภาพของผู้เรียน โดยเฉพาะจากการถูกกระทำโดยวิธีรุนแรงทั้งกายวาจา และ
การกลั่นแกล้ง 4) การปรับปรุงระบบการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษา ที่มุ่งเน้นการพัฒนา
คุณภาพผเู้ รียนเป็นสำคัญ และอยู่บนหลักความเสมอภาคและเป็นธรรม รวมถึงการพฒั นาโครงสรา้ งพ้ืนฐานทาง
เทคโนโลยีและดิจิทัลให้มีความครอบคลุมในทุกพื้นท่ี 5) การกระจายอำนาจ ไปสู่สถานศึกษาและเพิ่มบทบาท
ของภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมในการจดั การศึกษา โดยปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ทีเ่ ออื้ ให้สถานศึกษา
มีความเป็นอิสระในการบริหารด้านการจัดการศึกษา ด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ และด้านบุคลากร รวมทั้ง
ขับเคลื่อนการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาตามบริบทของโรงเรียนและพื้นท่ี ตลอดจนส่งเสริมบทบาทของ
ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคมในการจัดการเรียนรู้ และการร่วมลงทุนเพื่อ
การศึกษา 6) การสง่ เสรมิ ผู้มีความสามารถพิเศษ โดยพัฒนาระบบเสาะหาและกลไกการการบริหารจัดการและ
44
ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษตามแนวคิดพหุปัญญาอย่างเป็นระบบ อาทิ การสนับสนุนทุนการศึกษาต่อ ฝึก
ประสบการณ์ทางานวิจัยในองค์กรชั้นนำ ตลอดจนส่งเสริมการทางานที่ใช้ความสามารถพิเศษอย่างเต็ม
ศักยภาพ 7) ผู้มีความต้องการพิเศษได้รับโอกาสและเข้าถึงการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย โดย
สถานศึกษาจัดการศึกษาที่หลากหลายและเหมาะสมเฉพาะกลุ่ม ให้เป็นทางเลือกแก่ผู้เรียนเพื่อยุติการออก
กลางคัน และพัฒนากลไกสนับสนุนรวมถึงการปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และ
องค์การท่ีไม่แสวงหากำไรในการดูแลกลุ่มผู้มีความต้องการพเิ ศษ อาทิ การวางแนวทางให้เอกชนสามารถจัดตั้ง
สถานฝึกอบรมหรือมสี ว่ นร่วมรบั ผดิ ชอบในการพัฒนาผู้ตอ้ งคำพิพากษา
กลยุทธท์ ่ี 2 การพัฒนากำลงั คนสมรรถนะสูง
กลยุทธ์ย่อยที่ 2.1 พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการของภาคการ
ผลิตเป้าหมาย และสามารถสร้างงานอนาคต โดยส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนบูรณาการและเชื่อมโยงความ
ร่วมมือด้านการศึกษาฝึกอบรม และร่วมจัดการเรียนรู้ตามโลกสมัยใหม่ที่ครอบคลุมทั้งความสามารถในงาน
ทักษะในการใช้ชีวิต สมรรถนะดิจิทัลเพื่อการประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจาวัน และการใช้สิทธิในการ
เข้าถึงบริการพื้นฐานภาครัฐและสินค้าบริการได้อย่างเท่าทัน การแก้ปัญหา การมีแนวคิดของผู้ประกอบการ
รวมถึงความสามารถในการบริหารตัวเอง และการบริหารคนเพื่อนำทักษะของสมาชิกทีมที่หลากหลายมา
ประสานพลังรวมกัน ในการปฏิบัติงานได้อย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งกำหนดมาตรการจูงใจ และกลไกการ
สนับสนุนการฝึกอบรมและร่วมจัดการเรียนรู้ พัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการวางแผนและพัฒนากำลังคน ท้ัง
ข้อมูลอุปสงค์ อุปทานของแรงงาน และการเชื่อมโยงกับสมรรถนะตลอดห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่คุณค่าตาม
รายอุตสาหกรรมของการผลิตและบริการเป้าหมาย รวมถึงการเชื่อมโยงระบบสมรรถนะกับค่าจ้าง กำหนด
มาตรการในการผลิตกาลังคนแบบเร่งด่วน โดยจัดการศึกษารูปแบบจำลอง ในสาขาที่จำเป็นต่อการพัฒนา
ประเทศ อาทิ ดา้ นปญั ญาประดิษฐ์ และดา้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู
กลยทุ ธท์ ่ี 3 การสง่ เสริมการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ
กลยทุ ธ์ยอ่ ยที่ 3.1 พฒั นาระบบนิเวศเพือ่ การเรียนรูต้ ลอดชีวติ โดยส่งเสรมิ ใหภ้ าคส่วนต่าง
ๆ สร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยกำหนดมาตรการจูงใจที่เหมาะสมเพื่อให้สถาบันการศึกษา
หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการ
startup สร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย มีสาระที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน
ทุกกลุ่ม ครอบคลุมทุกพืน้ ท่ี เข้าถึงได้ง่ายทั้งพื้นทีก่ ายภาพ และพน้ื ทีเ่ สมือนจริง สร้างสือ่ การเรียนรู้ที่ไม่ทิ้งใคร
ไวข้ ้างหลัง โดยการสร้างสื่อท่ีใช้ภาษาถิ่นเพ่ือใหป้ ระชาชนท่ีไม่ได้ใชภ้ าษาไทยกลางเป็นภาษาหลักเข้าถึงได้ ส่ือ
ทางเลือกสำหรับผู้พิการทางสายตาและผู้พิการทางการได้ยิน รวมถึงสนับสนุนกลุ่มประชากรที่มีข้อจำกัดทาง
เศรษฐกิจให้เข้าถึงสื่อในราคาที่เข้าถึงได้ การพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกติ ของประเทศใหเ้ กิดขึน้ อย่างเปน็
รูปธรรม ที่สามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ในทุกระดับและประเภททั้งในระบบสายสามัญ สายอาชีพ การศึกษา
นอกระบบและตามอัธยาศัย ตั้งแต่มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา และนอกระบบ เพื่อสร้างความ
คล่องตัว และเปิดทางเลือกในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกระดับ กำหนดมาตรการจูงใจให้ประชาชนพัฒนา
ตนเองด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยจัดให้มีแหล่งเงินทุนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อาทิ การ
พัฒนาเครดิตการฝึกอบรมสำหรับคนทุกกลุ่ม การจัดสรรสิทธิพิเศษในการเข้ารับบริการฝึกอบรม การเข้าชม
แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ส่งเสริมให้เอกชนที่ผลิตนวัตกรรมทางการศึกษา จัดทากิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม
ขององค์กร โดยกาหนดเงอื่ นไขการให้ใชผ้ ลติ ภณั ฑโ์ ดยไม่มีค่าใช้จ่าย
กลยุทธ์ย่อยท่ี 3.2 พัฒนาทางเลือกในการเข้าถึงการเรียนรู้สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเรียนใน
ระบบการศึกษาปกติ โดยจัดทาข้อมูลและส่งเสริมการจัดทำแผนการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่นและหลากหลาย
ของกลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถวางเส้นทางการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อ
45
จุดมุ่งหมายในอนาคตของตนเอง และสามารถเทียบโอนประสบการณ์ได้ ทั้งนี้ ให้มีการพัฒนาบุคลากรท่ี
เก่ียวข้องในทุกระดับให้มีความเข้าใจและมีสมรรถนะในการพัฒนาผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่มีความต้องการ
ทซี่ ับซอ้ น
(รา่ ง) นโยบายและแผนแหง่ ชาติว่าด้วยความมนั่ คงแหง่ ชาติ พ.ศ. 2566 - 2570
เป็นแผนระดบั ท่ี 2 อีกแผนหน่ึง รองรับยุทธศาสตร์ชาติ ดา้ นความมัน่ คง จัดทำเพอ่ื เป็นกรอบทิศทางในการ
ป้องกนั แจง้ เตือน แก้ไข ระงบั ยับยงั้ ภยั คุกคาม เพอื่ ธำรงไว้ซึ่งความ่ันคงแห่งชาติและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ ซึ่ง
มิได้จำกัดเฉพาะความมั่นคงของรัฐ แต่รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์และการเสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่าง
ประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่ง(ร่าง)นโยบายและแผนแห่งชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เสนอร่างโดย
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และได้กำหนดให้มีหมวดประเด็น 2 หมวดประเด็น คือ หมวดประเด็นความ
มั่นคง ซึ่งประกอบด้วย 13 นโยบายและแผนความมั่นคง ได้แก่ 1) การเสริมสร้างความม่ันคงของสถาบันหลักของ
ชาติ 2) การปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติและการพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ 3) การรักษา
ความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติพื้นที่ชายแดน 4) การรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 5)
การปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหาจังหวดั ชายแดนภาคใต้ 6) การบรหิ ารจัดการผ้หู ลบหนีเข้าเมือง 7) การปอ้ งกนั และแก้ไข
ปัญหาการค้ามนุษย์ 8) การป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด 9) การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
10) การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ 11) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย 12) การ
สร้างดุลยภาพระหว่างประเทศ 13) การบริหารจัดการความเสี่ยงโรคติดต่ออุบัติใหม่ และหมวดประเด็นศักยภาพ
ความมั่นคง ประกอบด้วย 4 นโยบายและแผนความมั่นคง ได้แก่ 14) การพัฒนาศักยภาพการเตรียมพร้อมแห่งชาติ
และบรหิ ารวิกฤตการณ์ระดับชาติ 15) การพัฒนาระบบข่าวกรองแห่งชาติ 16) การบรู ณาการข้อมลู ด้านความมั่นคง
17) การเสรมิ สร้างความม่ันคงเชิงพ้ืนท่ี
แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
เป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาระยะยาว โดยมุ่งจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาส
และความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ
พัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงาน และการพัฒนาประเทศ
เพื่อให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาได้นำไปเป็นกรอบและแนวทาง การพัฒนาการศึกษา
และการเรียนรู้สำหรับพลเมืองทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต ภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคม
ของประเทศและของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งความเป็นพลวัต
เ พ ื ่ อ ใ ห ้ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ส า ม า ร ถ ก ้ า ว ข ้ า ม ก ั บ ด ั ก ป ร ะ เ ท ศ ท ี ่ ม ี รายได ้ ปานกล างไปส ู ่ ประเทศท ี ่ พ ั ฒนาแ ล้ ว
ซึ่งภายใต้กรอบแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 ได้กำหนดสาระสำคัญสำหรับบรรลุเป้าหมาย
ของการพัฒนาการศึกษาใน 5 ประการ ได้แก่ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา (Access) ความเท่าเทียม
ทางการศึกษา (Equity) คุณภาพการศึกษา (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และตอบโจทย์บริบท
เปล่ียนแปลง (Relevancy) ในระยะ 20 ปีข้างหน้า และมียุทธศาสตร์ 6 ประการ คือ 1) การจดั การศึกษา
เพื่อความมั่นคงของสังคม และประเทศชาติ 2) การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัยและนวัตกรรม
เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคม
แห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา 5) การจัดการศึกษา
เพือ่ สรา้ งเสรมิ คุณภาพชีวิตท่ีเปน็ มิตรกับสง่ิ แวดล้อม 6) การพัฒนาประสทิ ธภิ าพของระบบบริหารจัดการศึกษา
และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนด ประเด็นการพัฒนาไว้ 23 ประเด็น มีประเด็นที่เกี่ยวข้อง
กับการศึกษาโดยเฉพาะ คือ ประเดน็ ท่ี 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวติ และประเด็นที่ 12 การพฒั นาการเรยี นรู้
46
แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั พ.ศ. 2564 - 2570
ช่วงปฐมวัย เป็นช่วงอายุที่ให้ผลของการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดต่อการวางรากฐานของชีวิต คณะรัฐมนตรี
จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 - 2570 เพื่อให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้าน
เต็มตามศักยภาพ เป็นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองคุณภาพ ซึ่งมียุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย
7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) การจัดและใหบ้ ริการแก่เด็กปฐมวัย 2) การพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบัน
ครอบครัวในการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 3) การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย
4) การพัฒนาระบบกลไกการบูรณาการสารสนเทศเด็กปฐมวัยและการนำไปใช้ประโยชน์ 5) การจัดทำและ
ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เกี่ยวกับเด็กปฐมวัยและการดำเนินการตามกฎหมาย 6) การวิจัยพัฒนาและ
เผยแพร่องค์ความรู้ 7) การบริหารจัดการ การสร้างกลไกการประสานการดำเนินงานและการติดตามผล
โดยภายใตก้ ลยุทธ์ประกอบดว้ ยเป้าประสงค์และมาตรการตา่ งๆ
นโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2566
กระทรวงศกึ ษาธิการ ไดป้ ระกาศนโยบายและจดุ เนน้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ใน 7 เรื่อง
ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้แก่ 1) การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภยั โดยเร่งสร้าง
ความปลอดภัยให้สถานศึกษา ป้องกันสถานศึกษาจากภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ และอื่นๆ เร่งปลูกฝัง
ทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้บูรณาการในกระบวนการจัดการเรียนรู้ เสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ
ความตระหนัก และส่งเสริมคุณลักษณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เร่งพัฒนาบทบาทและ
ภารกิจของหน่วยงานด้านความปลอดภัย ให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ 2) การยกระดับคุณภาพการศึกษา
โดยส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ จัดการเรียนรู้
จากการลงมือปฏิบัติจริง พัฒนาและบูรณาการกระบวนการจัดการเรียนรู้และวัดประเมินผลฐานสมรรถนะ
พัฒนาทักษะดิจิทัลและภาษาคอมพิวเตอร์ พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่
พลเมอื ง และศีลธรรม จดั การเรียนรตู้ ามความสนใจรายบุคคลของผู้เรียน ผ่านดจิ ทิ ลั แพลตฟอร์มที่หลากหลาย
ส่งเสรมิ การให้ความรูแ้ ละทักษะดา้ นการเงนิ และการออมให้กบั ผูเ้ รียน ส่งเสริมสนบั สนนุ สถานศึกษาให้มีการนำ
ผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ไปใช้ในการวางแผนพฒั นาการจัดการเรียนการสอน 3) การสร้างโอกาส
ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย โดยพัฒนาระบบขอ้ มูลสารสนเทศของนักเรียนเป็น
รายบุคคล ส่งเสริมสนับสนุนเด็กปฐมวยั ที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปทุกคน เข้าสู่ระบบการศึกษาเพื่อรับการพฒั นา
อย่างรอบด้าน มีคุณภาพ พัฒนาข้อมูลและทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่ม
เปราะบาง รวมทั้งกลุ่ม NEETs ในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้ และการฝึกอาชีพอย่างเท่าเทียม
4) การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยพัฒนาสมรรถนะอาชีพที่
สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ โดยการ Re-skill Up-skill และ New skill 5) การส่งเสริมสนับสนุน
วิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยส่งเสริมสนับสนุนการ
ดำเนนิ การ พัฒนาสมรรถนะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลตามกรอบระดับสมรรถนะดจิ ิทลั สำหรับครูและบุคลากร
ทางการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พัฒนาครูให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการเรียนรู้
การใชเ้ ทคโนโลยีและนวัตกรรมผา่ นแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้งให้เปน็ ผู้วางแผนเส้นทางการเรียนรู้ การ
ประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิตของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล พัฒนาขีด
ความสามารถของข้าราชการพลเรือนในสงั กัดกระทรวงศึกษาธิการ ใหม้ สี มรรถนะท่สี อดคล้องและเหมาะสมกับ
การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต 6) การพัฒนาระบบราชการและการบริการ
ภาครัฐยุคดิจิทัล โดยขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ ๔.๐ ด้วยนวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมา
เป็นกลไกหลัก ในการดำเนินงาน การเชื่อมโยงและการแบ่งปันข้อมูล การส่งเสริมความร่วมมือ บูรณาการกับ
ภาคส่วนต่าง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอก ปรับปรุงประสิทธภิ าพของเครือขา่ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศให้สามารถใช้