The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutat1300, 2021-05-19 14:20:56

วิชาเครื่องรับวิทยุ

รหัสวิชา20105-2009

วงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตรโิ อมลั ตเิ พลกซแ์ บบใช้ IC โดยการ
สรา้ งวงจรถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอท้งั หมดรวมไวใ้ นตวั IC เพียง
ตวั เดียว เกิดความสะดวกต่อการนาไปใชง้ านมากข้ ึน โดยต่อเพ่ิม
อุปกรณ์ R, L และ C ไวภ้ ายนอกอีกเลก็ นอ้ ย ทาใหก้ ารตอ่ วงจรใช้
งานทาไดง้ า่ ยข้ ึน

IC เบอร์ LM 1304 เป็ น IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ตเิ พล
กซช์ นิดธรรมดา ทวี่ งจรภายนอกตอ้ งเพม่ิ วงจรเรโซแนนซ์ LC แบบ
ขนานปรบั ความถี่ที่ 19 kHz และ 38 kHz ตอ่ รว่ มวงจร เพ่ือใหไ้ ด้
ความถ่ี 19 kHz และ 38 kHz ค่าถูกตอ้ งไปใชง้ าน

19kHz 38kHz + 12 V

333 C3 = 2.2 nF R5 C4 LP1
L1 3.9 kW 20 nF L
R3 10C2nF R
1.5 kW R4 R6
180 W L3 420 3.9 kW C5
R2 = 20 kW 5 8 42 20 nF
R1 = 20 kW 4
C1+= 5 mF 3 2 91 10 13 11

U1 12
LM 1304

14 7 6

L+R ( ) 333 50C6nF R7 + 2Cm8 F
19 kHz ( ) L2 10C7nF
38 kHz L-R 4.7 kW

19kHz

IC เบอร์ LM 1310 เป็ น IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติเพล
กซช์ นิดเฟสล็อกลูป (PLL) ที่วงจรภายนอกไม่ตอ้ งเพ่ิมวงจรเร
โซแนนซ์ LC แบบตอนสนองความถ่ีที่ 19 kHz และ 38 kHz ต่อ
รว่ มวงจร เพราะใชว้ งจรกาเนิดความถ่ีใหม่ภายในตวั IC ใชเ้ พียง
อุปกรณ์ R และ C ต่อร่วมวงจรภายนอกเพ่ือใหว้ งจรทางานได้
สมบูรณ์

47C08 pF R5 C7 = 47 nF C6 47C05 nF 19 kHz C4
15 kW R4
220 nF
1 kW
98
VR1 220 nF
4.7 kW
14 13 12 11 10

U1
LM 1310

1 234567
L R LED1
C1+
22Cn2F R1 R2 22Cn3F R3
2.2 mF 3.9 kW 3.9 kW 1 kW

+ 12 V

IC เบอร์ LM 1800 เป็ น IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตรโิ อมลั ติเพล
กซช์ นิดเฟสล็อกลูป (PLL) ถูกพฒั นาข้ ึนเป็ นรุ่นที่สอง เพื่อใหม้ ี
คุณภาพในการทางานมากข้ ึน โดยวงจรภายนอกไม่ตอ้ งเพ่ิม
วงจรเรโซแนนซ์ LC แบบตอนสนองความถ่ี 19 kHz และ 38 kHz
ตอ่ รว่ มวงจรเช่นเดิม

+ 12 V

470Cn6F C5 R4 19 kHz C4
3.3 kW

39C09 pF R5 220 nF 330 nF
22 kW
16 15 14 13 12 11 10 9

VR1 U1 1R3kW
4.7 kW LM 1800
LED1
33Cn7F 12345678
C8
C2 R1 C3 R2
2.2 nF 22 nF 3.9 kW 22 nF 3.9 kW

C1+

2.2 mF

LR

IC เบอร์ TDA 7040T เป็ น IC ถอดรหสั สญั ญาณสเตริโอมลั ติ
เพลกซช์ นิดเฟส ล็อกลูป (PLL) อีกชนิดหน่ึง เป็ น IC ชนิดมี
ค่าใชจ้ า่ ยตา่ ใชแ้ รงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในการทางานตา่ มี
ขาตอ่ ใชง้ านเพียง 8 ขา ใชอ้ ุปกรณ์ R และ C ตอ่ รว่ มวงจรภายนอก
อีกเพียงเล็กนอ้ ย

LR

LED1 100Cn8F 8 220Cn7F C6 22C05 nF

10 nF C4

7 6 5 10 nF

R2 R4 U1
82 kW 120 W TDA 7040T

Q1 Q2 1C1 2 34

BC549C BC549C VR1
R1
270 kW 100 kW +3V
R6
R3 100 nF R5 +2C230
15 W 4.7 kW
22C02 nF 120 kW mF



ในปั จจุบันเคร่ืองรับวิทยุกระจายเสี ยงที่
ผลิตออกมาใชง้ าน ถูกสรา้ งรวมไวใ้ นตวั IC
โดยนิยมรวมเคร่ืองรบั วิทยุท้งั AM และ FM
ไวด้ ว้ ยกัน ทาใหส้ ามารถรบั คล่ืนสญั ญาณได้
หลายยา่ นความถี่เช่น ยา่ น AM และยา่ น FM
เป็ นตน้ ทาใหเ้ กิดความสะดวกในการผลิต
การใชง้ าน และนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดม้ ากข้ ึน

AM

RF (AM) IF(455 kHz)

AGC
(AVC)

FM

RF (FM) IF(10.7 MHz) ( )

AFT
(AFC)

เครื่องรบั วิทยุ AM และ FM จะถูกแยกภาคตา่ งๆ ในการทางาน
ออกจากกนั ต้งั แตส่ ายอากาศเขา้ มาไปจนถึงภาคดีเทกเตอร์ เพราะ
ระบบในการทางานของเครอ่ื งรบั วิทยุท้งั สองแตกตา่ งกนั

สายอากาศรบั ความถี่วิทยุ AM ทกุ สถานีในยา่ น 540 - 1,600
kHz เขา้ มา ความถ่ีวิทยุท่ีสามารถผ่านเขา้ ไปไดข้ ้ ึนอยูก่ บั ภาคจนู RF
ท่ีปรบั เลือกความถ่ีวิทยุครอบคลุมในยา่ นสถานีวิทยุ AM จะปรบั
เลือกรบั สถานีวิทยุเพียง 1 ความถ่ีท่ีตรงกบั ความถ่ีเรโซแนนซข์ อง
วงจรจนู RF ส่งตอ่ ความถวี่ ิทยุ (RF) ท่รี บั เขา้ มาไปใหภ้ าคมิกเซอร์

สายอากาศรบั ความถ่ีวิทยุ FM ทุกสถานีในย่าน 88 - 108
MHz เขา้ มา ความถ่ีวิทยุที่สามารถผ่านเขา้ ไปไดข้ ้ ึนอยูก่ บั ภาคจูน
RF ท่ีปรบั เลือกความถว่ี ิทยคุ รอบคลมุ ในยา่ นสถานีวิทยุ FM จะปรบั
เลือกรบั สถานีวิทยุเพียง 1 ความถี่ท่ีตรงกบั ความถี่เรโซแนนซข์ อง
วงจรจนู RF ส่งตอ่ ความถ่วี ิทยุ (RF) ท่ีรบั เขา้ มาไปใหภ้ าคมิกเซอร์

ภาคขยายเสียง ทาหนา้ ที่ขยายสญั ญาณเสยี งท่ีรบั มาจากภาคดี
เทกเตอรข์ องเครอื่ งรบั วิทยุท้งั AM และ FM ใหม้ ีความแรงมากข้ ึน
โดยสัญญาณเสียงท่ีถูกขยายออกมายังมี รู ปสัญญาณคงเดิม ไม่
ผิดเพ้ ียนไป เป็ นภาคที่ใชร้ ว่ มกนั ไดข้ องเคร่ืองรบั วิทยุท้งั AM และ
FM

แหล่งจ่ายกาลังไฟฟ้ า ทาหน้าท่ีจ่ายแรงดันไฟฟ้ า แล ะ
กระแสไฟฟ้า ใหก้ บั เคร่อื งรบั วิทยุ AM / FM และภาคขยายเสียง
แหลง่ จา่ ยกาลงั ไฟฟ้าท่ีใชง้ านในแตล่ ะเคร่อื งรบั วิทยุ AM / FM จะ
จา่ ยท้งั แรงดนั ไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าออกมาไม่เท่ากัน ข้ ึนอยู่กับ
ความตอ้ งการใชง้ านของวงจร

IC เบอร์ TDA 1220B เป็ น IC ชนิด 16 ขา สรา้ งข้ ึนมาให้

ทางานไดก้ บั การรบั สญั ญาณสถานีวิทยุกระจายเสียงท้งั สถานีวิทยุ

AM และสถานีวิทยุ FM โดยจะตอ้ งตอ่ เพิ่มวงจรบางสว่ นไวภ้ ายนอก

รว่ มดว้ ย (LO O1SC) (MIX 3OUT) (AM5IF IN) (AM 7DET) (AM DET6 Bypass)

(AMP & 4 RF AM AM AGC 8 (AGC Bypass)
AGC Bypass) IF
FM 9 (AF OUT)
(AM IN) 2 IF 10 (+ VS)

(FM IF IN) 16 FM TDA 1220B

AM AM / FM AM

FM FM

(1F5M IF 14 1(F2M DE1T3) (G1N1D)

Bypass)

IC เบอร์ TEA 5591 เป็ น IC ชนิด 20 ขา สรา้ งข้ ึนมาใหท้ างาน

ไดก้ ับการรับสัญญาณสถานีวิทยุกระจายเสียงท้ังสถานีวิทยุ AM

และสถานีวิทยุ FM โดยจะตอ้ งตอ่ เพิ่มวงจรบางสว่ นไวภ้ ายนอกรว่ ม

ดว้ ย (FM AFC) 17 (AM - R1F3IN) 7 (AM MIX OUT) 11 (AM OSC)

(FM OS1C8) FM AM AM AM AM (1+VP21Oa.6rLt)VSTAAMBIL
IF

16 FM AM 321 (AM AGC)
(FMOMUITX) RF AGC 15
FM (F6M - IF 1 OUT)
19 RF FM FM - RF FM - IF AM AM / FM (8+ VS)
(VFOr+oL1n.St6-TVAEBnFdIML) IF 1 FM
(FMO-URTF) 20 TEA 5591 FM 1(AA0MF /OFUMT)
(FM - RINF) 1 3 IF 2 9
(FM DEMOD)
4

2 (1D.e1c/o1u.p5leVd) 14 (FM - IF 1 IN) 4 (AFMM -- IIFF 2ININ) 5 (VFMOL- SIFTAPBarILt) +1.6 V 3 (GND)

IC เบอร์ U 2510B เป็ น IC ชนิด 28 ขา สรา้ งข้ ึนมาใหท้ างาน

ไดก้ ับการรับสัญญาณสถานีวิทยุกระจายเสียงท้ังสถานีวิทยุ AM

และสถานีวิทยุ FM พรอ้ มท้งั ไดเ้ พ่ิมวงจรขยายเสียงไวภ้ ายในตวั IC

ดว้ ย มีกาลงั ขยายส่งออกไดส้ ูงสุด 1 W

(FM (V (FM (FM (AM/FM (AM IF (FM DISCR) (VS)
2 26
TANK) REF) OSC) AFC) IF OUT) IN) (FM IF IN) FM
987 6 14 16 17 HCC

12 FM AFC FM (2A8F GND)
(FM IN) IF 27
(AF OUT)
11 FM AFC
(FM AGC) AGC 3
(CF)
10 AM AM IF
(AM TANK) AGIFC IF 25
RF AGC (RIPPLE IN)
5 AM/FM AM 23
(AM OSC) AGC (AM/FM DETECT)

U 2510B 24
(AF IN)
(V4OL CTRL IN)

Vref

15 21 13 20 19 1 22 18
(MODE CTRL (AFC (FE GND) (IF GND) (LED (MUTE) (V AGC/AFC) (V TREBLE IN)

SWITCH) SWITCH) DRIVE)



ภาคจ่ายไฟ หรือแหล่งจ่ายกาลัง เป็ นส่วนท่ีสาคัญต่อการ
ทางานของอุปกรณแ์ ละวงจรไฟฟ้าชนิดต่างๆ โดยทาหนา้ ที่จ่าย
กาลงั ไฟฟ้าชนิดไฟฟ้ากระแสตรงออกมา
อยูใ่ นรูปแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรง (DCV)
และกระแสไฟฟ้ากระแส ตรง (DCA) จา่ ย
ไปเล้ ียงระบบการทางานในสว่ นตา่ งๆ ของ
อุปกรณแ์ ละวงจรไฟฟ้า

แหล่งจ่ายกาลงั ที่นามาใชง้ านกับเครื่องรบั วิทยุ เป็ นประเภท
แหล่งจา่ ยกาลงั ไฟฟ้ากระแส ตรง (DC Power Supply) ชนิดท่นี ิยม
ใชง้ านแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ชนิด ไดแ้ ก่

เ ป็ น แ ห ล่ ง จ่ า ย ก า ลั ง ไ ฟ ฟ้ า
กระแสตรง ที่สามารถนามาต่อใช้
งานไดโ้ ดยตรง โดยเลือก ชนิด ขนาด
และค่าแรงดันไฟฟ้ าท่ีเหมาะสมมา
ตอ่ ใชง้ านไดท้ นั ที

ที่จ่ายมาตามสายไฟฟ้ า โดยนามา
แปลงคา่ ใหเ้ ป็ นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้
ออกมาเป็ นแรงดันไฟฟ้ ากระแสตรง
(DCV) และกระแสไฟฟ้ากระแสตรง
(DCA) มีกาลงั ไฟฟ้าตามตอ้ งการ

แหล่งจ่ายกาลังชนิดเชิงเสน้ สรา้ งไวใ้ นรูปแหล่งจ่ายกาลงั อะ
แดปเตอร์ เป็ นแหล่งจ่ายกาลงั ชนิดท่ีนิยมใชง้ านในเครื่องรบั วิทยุ
แหลง่ จา่ ยกาลงั จะมีขนาดเลก็ เพราะเครือ่ งรบั วิทยุท่ีผลิตมาใชง้ าน
ใชก้ าลงั ไฟฟ้าในการทางานไม่มาก

++ ++ ++++ 0

0 0 0 +

-- --

DCV

เป็ นแหล่งจ่ายกาลงั ท่ีใชไ้ ดโอดทา ++ + +
หนา้ ท่ีเรียงกระแสเพียงตัวเดียว ตัด 00 +
แรงดันไฟฟ้ ากระแสสลับออกไปซีก --
หน่ึง (ซีกบวกหรือซีกลบก็ได)้ เหลือ 220VAC 1 D 0
แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกเดียวจ่าย 23
ออกเอาตพ์ ุตแบบครงึ่ คลนื่ T
+C
6VAC -

S RL

0VAC

เป็ นแหล่งจ่ายกาลังท่ีใช้ไดโอด + + ++++ +
ทาหน้าที่เรียงกระแส 2 ตัว ตัด 00 0
แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ออกไปซีก
หนึ่ง (ซีกบวกหรือซีกลบก็ได)้ เหลือ 220VAC -- 3
แรงดันไฟฟ้ ากระแสสลับซีกเดียว T 1 D1 2
จา่ ยออกเอาตพ์ ตุ แบบเตม็ คลนื่ C
6VAC +
0VAC - RL

6VAC S

D2

เป็ นแหล่งจ่ายกาลังที่ใช้ไดโอด ++ ++++ +
ทาหน้าที่เรียงกระแส 4 ตัว ตัด 0 0 0
แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ออกไปซีก
หนึ่ง (ซีกบวกหรือซีกลบก็ได)้ เหลือ 220VAC -- 2 3
แรงดันไฟฟ้ ากระแสสลับซีกเดียว D2 D1 +
จา่ ยออกเอาตพ์ ตุ แบบเตม็ คลนื่ T1 C
-
6VAC RL

0VAC S

D3 D4

เป็ นแหล่งจ่ายกาลังท่ีใชไ้ ดโอดทา ++ ++++ + +
หน้าที่เรียงกระแส 4 ตัว กาหนดให้ 0 0 0 RL1
จ่ายแรงดันไฟฟ้ ากระแสตรงชนิด 3 220VAC
ข้วั (+, กราวด,์ –) ออกเอาตพ์ ุต ได้ -- 2 3 GND
แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั ซีกเดียวจ่าย T1 D2 D1 + C1 RL2
ออกเอาตพ์ ตุ แบบเตม็ คลน่ื แตล่ ะข้วั
6VAC - C2 -
0VAC
+ 3
6VAC D3 D4 - 0
-
1 2

++ 0
0 ----

--

เคร่ืองรบั วิทยุมีความเกี่ยวขอ้ งกับความถ่ี
วิทยุค่าต่างๆ การจะนาเครื่องรับวิทยุไปใช้
ง า น ใ ห ้ส า ม า ร ถ รับ สั ญ ญ า ณ ส ถ า นี วิ ท ยุ ไ ด ้
ชัด เ จ น ดี แ ล ะ รับ ส ถ า นี วิ ท ยุ ไ ด ้ค ร บ ทุ ก ช่ อ ง
สถานี ข้ ึนอยู่กับการปรับแต่ง (Alignment)
เคร่อื งรบั วิทยใุ หถ้ ูกตอ้ งก่อนการใชง้ าน

การปรบั แต่งเครื่องรบั วิทยุจึงถือเป็ น
ส่วนสาคญั ส่วนหนึ่งก่อนท่ีจะนาเครื่องรบั
วิทยุไปใชง้ าน การปรบั แต่งเคร่ืองรับวิทยุ
จะตอ้ งประกอบดว้ ยเครื่องมือท่ีใชใ้ นการ
ปรับแต่ง และการปรับเตรียมเครื่องมือ
เหล่าน้ันให้พรอ้ มใช้งานมีรายละเอียด
ดงั น้ ี

การปรบั แต่งเครื่องรบั วิทยุจึงถือเป็ นส่วน
สาคญั ส่วนหนึ่งก่อนที่จะนาเครื่องรับวิทยุไปใช้
งาน การปรับแต่งเครื่องรับวิทยุจะต้อง
ประกอบดว้ ยเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการปรับแต่ง
และการปรบั เตรียมเครื่องมือเหลา่ น้นั ใหพ้ รอ้ ม
ใชง้ านมีรายละเอียด ดงั น้ ี

1. ไขควงชุดปรบั แตง่ ท่ีไม่เป็ นโลหะ (ไขควงพลาสตกิ )
2. ดิจทิ ลั มลั ติมิเตอร์
3. เครอ่ื งกาเนิดสญั ญาณวิทยุ (RF Signal Generator)
4. สายสัญญาณโคแอกเชียล และข้ัวต่อใชง้ านเครื่องกาเนิด
สญั ญาณวิทยุ

5. สายอากาศแบบบ่วง (Loop Antenna) ทาจากลวดทองแดงอาบ
น้ายาฉนวน เบอร์ 20 S.W.G. พนั 20 รอบ เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางประมาณ
8 เซนตเิ มตร

6. แหลง่ จา่ ยแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดปรบั ค่าได้ 0 - 30 V
7. เครอื่ งรบั วิทยุ AM / FM เครื่องดีใชเ้ ป็ นเครื่องตน้ แบบในการ
ปรบั เปรยี บเทยี บ

1. เคร่ืองกาเนิดสัญญาณวิทยุ ประกอบสายสัญญาณเขา้ เครื่อง
กาเนิดสญั ญาณวิทยุ ปลายอีกดา้ นของสายสญั ญาณต่อเขา้ สายอากาศ
แบบบ่วง นาสายอากาศแบบบ่วงไปวางห่างจากสายอากาศเครื่องรบั
วิทยุประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร ปรบั เล่ือนใหเ้ หมาะสมในขณะใช้
งาน เปิ ดเคร่ืองกาเนิดสญั ญาณวิทยุท้ ิงไวป้ ระมาณ 1 - 2 นาทีก่อนการ
ใชง้ านทกุ ครง้ั (ในการปรบั แตง่ บางตาแหน่งไม่จาเป็ นตอ้ งใชง้ าน)

2. ดิจทิ ลั มลั ติมิเตอร์ ปรบั ไปทีย่ า่ น ACV หรือ DCV แลว้ แตต่ าแหน่ง
ของการปรบั แตง่ ตอ่ สายวดั สีแดงเขา้ ข้วั บวก (+) ของมลั ติมิเตอร์ และ
ตอ่ สายวดั สีดาเขา้ ข้วั ลบ (-) ของ มลั ติมิเตอร์ นาไปวดั ค่าตามตาแหน่ง
ทต่ี อ้ งการ

3. เครื่องรบั วิทยุท่ีตอ้ งการปรบั แต่ง ตอ้ งอยู่ในสภาพปกติสามารถ
รบั สญั ญาณสถานีวิทยุกระจายเสยี งไดบ้ า้ งบางสถานี หรือขณะปรบั หมุน
หาคล่นื วิทยมุ ีสญั ญาณเสียงดงั ออกลาโพง

- DCV + - ACV +

10-15 .

IF

การปรบั แต่งเครื่องรบั วิทยุ AM มีส่วนท่ีตอ้ งปรบั แต่งอยู่ 2
ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนแรกภาคจูน IF เป็ นส่วนท่ีความถ่ีใชง้ านของ
เคร่ืองรบั วิทยุ AM ตอ้ งการใหผ้ ่านไปไดม้ ีค่าความถี่ 455 kHz
เพียงความถ่ีเดียว ซึ่งจะตอ้ งปรบั แต่งทภี่ าคจูน IF ทุกตาแหน่งให้
ตอบสนองตอ่ ความถ่ี 455 kHz พอดี และสว่ นท่สี องภาคคอนเวอร์
เตอร์ จะตอ้ งปรบั แตง่ ใหภ้ าคคอนเวอรเ์ ตอรร์ บั คลื่นสถานีวิทยุ AM
ไดค้ รอบคลมุ ยา่ นความถ่ีสถานีวิทยุ AM ท้งั หมด รบั คล่ืนสถานีวิทยุ
AM ไดค้ รบทกุ สถานี

1. การปรบั แตง่ ภาค IF เครอื่ งรบั วิทยุ AM แบบใชเ้ ครือ่ งมือ
2. การปรบั แตง่ ภาค IF เคร่ืองรบั วิทยุ AM แบบไม่ใชเ้ ครือ่ งมือ
3. การปรบั แตง่ ภาคคอนเวอรเ์ ตอร์

เครอื่ งรบั วิทยุ AM แบบใชเ้ ครือ่ งมือ
4. การปรบั แตง่ ภาคคอนเวอรเ์ ตอร์

เคร่ืองรบั วิทยุ AM แบบไม่ใชเ้ ครอ่ื งมือ

การปรบั แต่งเคร่ืองรบั วิทยุ FM กรณีท่ี
เ ค รื่ อ ง รั บ วิ ท ยุ เ ป็ น รุ่ น ท่ี ใ ช้อุ ป ก ร ณ์
อิเลก็ ทรอนิกสห์ ลายชนิด (D, TR, FET) และ
ไม่ไดใ้ ช้ IC เป็ นเคร่ืองรบั วิทยุ FM มีส่วนที่
ตอ้ งปรบั แตง่ อยู่ 3 สว่ น ไดแ้ ก่ สว่ นแรกภาค
เรโชดีเทกเตอร์ ส่วนสองภาคจูน IF และ
ส่วนท่ีสามภาคฟรอ้ นเอนด์

1. การปรบั แตง่ ภาคเรโชดเี ทกเตอรเ์ ครอื่ งรบั วิทยุ FM
2. การปรบั แตง่ ภาค IF เครอื่ งรบั วิทยุ FM
3. การปรบั แตง่ ภาคฟรอ้ นเอนดเ์ ครื่องรบั วิทยุ FM


Click to View FlipBook Version