The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by parery_pm, 2021-10-21 22:30:40

เคมี ม.4 เทอม 1

เคมี ม.4 เทอม 1

Chemistry 1

ความปลอดภยั ในการทางานกบั สารเคมี

สารเคมมี หี ลายประเภท แตล่ ะประเภทมสี มบัติแตกต่างกัน จึงจาเป็นตอ้ ง
ฉลากที่มีข้อมูลเก่ียวกับความเปน็ อันตรายของสารเคมี เพ่ือความปลอดภยั ใน
การจดั เกบ็ การนาไปใช้ และการกาจัด

ความปลอดภัยในการทางานกบั สารเคมี

โดยฉลากของสารเคมีท่ใี ช้ในห้องปฏิบตั กิ ารควรมีขอ้ มูล ดังน้ี

1. ชื่อผลิตภัณฑ์ 2 รูปสญั ลักษณ์ แสดงความเปน็
อนั ตรายของสารเคมี

3 . ค า เ ตื อ น ข้ อ มู ล ค ว า ม ป็ น 4. ขอ้ มลู ของบริษทั ผผู้ ลติ สารเคมี
อนั ตรายและขอ้ ควรระวัง

ความปลอดภยั ในการทางานกบั สารเคมี

บ น ฉ ล า ก บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ มี สั ญ ลั ก ษ ณ์ แ ส ด ง ค ว า ม เ ป็ น อั น ต ร า ย ท่ี สื่ อ
ความหมายใหผ้ ้ใู ชส้ งั เกตได้ง่าย มี 2 ระบบที่นยิ มใชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย

ระบบ GHS (Globally Harmonised System for Classification and
labeling of Chemicals)

สารกดั กรอ่ น เป็นอันตรายตอ่ สุขภาพ เปน็ อันตรายถงึ ชีวิต เป็นอันตรายตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม

สารไวไฟ สารออกซิไดส์

ความปลอดภัยในการทางานกบั สารเคมี
สญั ลักษณแ์ สดงความเปน็ อนั ตรายในระบบ NFPA

ความปลอดภัยในการทางานกับสารเคมี

การทาปฏบิ ตั กิ ารเคมใี หเ้ กิดความปลอดภยั ผู้ปฏิบตั กิ ารควรทรบเก่ยี วกบั
การปฏบิ ตั ิตนเบ้ืองต้น มขี ้อปฏบิ ตั สิ าคญั ดังน้ี

ความปลอดภยั ในการทางานกับสารเคมี

ความปลอดภยั ในการทางานกับสารเคมี

ความปลอดภยั ในการทางานกับสารเคมี

การวัดปริมาณสาร

ความนา่ เขอื่ ถือของขอ้ มูล พิจารณาได้ 2 ส่วน

ความเทยี่ ง (precision) ความใกล้เคยี งกนั ของคา่ ที่ไดจ้ ากการวดั ซา้
ความแมน่ (accuracy) ความใกลเ้ คียงกันของค่าเฉล่ยี จากการวดั ซา้ เทยี บกับคา่ จรงิ

อุปกรณ์วดั ปริมาตรสาร

อุปกรณ์ที่ใช้วัดปริมาตรสารเคมีมีหลายชนิด บางชนิดมีความคลาดเคลื่อนน้อย บาง
ชนดิ มมี าก ดังนนั้ เวลาใช้ตอ้ งคานึงถงึ ความเหมาะสม ตัวอย่างเชน่

บกี เกอร์ (Beaker)

➢ มลี กั ษณะเปน็ ทรงกระบอกปากกว้าง
➢ มขี ดี บอกปริมาตรในระดบั มลิ ลิลิตร
➢ มีหลายขนาดตา่ งๆ กัน

ขวดรูปกรวย (Erlenmeyer flask) อุปกรณ์วัดปริมาตรสาร

กระบอกตวง (Measuring Cylinder)

➢ มลี ักษณะคล้ายผลชมพู่ ➢ มลี กั ษณะเป็นทรงกระบอก
➢ มขี ดี บอกปริมาตรในระดับ ➢ มีขีดบอกปริมาตรในระดบั

มลิ ลิลิตร มิลลลิ ิตร
➢ มขี นาดตา่ งๆ กนั ➢ มขี นาดต่างๆ กัน

ปิเปตต์ (pipette) อปุ กรณ์วัดปริมาตรสาร

บิวเรตต์ (Burette)

➢ มีความแม่นสูง ➢ ใชใ้ นการถ่ายเทของเหลว
➢ ใชใ้ นการถา่ ยเทของเหลว ➢ มขี ีดบอกปริมาตรในระดบั
➢ มขี ีดบอกปรมิ าตรในระดับ
มิลลลิ ติ ร
มลิ ลลิ ิตร ➢ มีกอ๊ กควบคุมการไหลของ
➢ มี 2 แบบ มีกระเปาะอย่ตู รง
ของเหลว
กลาง และแบบใชต้ วง

อปุ กรณว์ ัดปรมิ าตรสาร

ขวดวัดปรมิ าตร

➢ ใช้ในการวดั ปริมาตรที่มีของเหลว การอ่านปรมิ าตร ให้สายตา
อย่ใู นระดบั เดียวกับ
บรรจภุ ายใน ส่วนโคง้ ของของเหลว
➢ ใชใ้ นการเตรียมสารละลาย
➢ มขี ีดบอกปริมาตรขีดเดียว มีจกุ ปดิ
➢ มหี ลายขนาด

อุปกรณ์วัดมวลสาร

เครอ่ื งช่งั

➢ ใช้ในการวัดมวลสารทเี ปน็ ของแข็ง และของเหลว
➢ มนี า่ เช่อื ถือขน้ึ อยูก่ ับความละเอียดของเครื่องชง่ั และวธิ ีการใชช้ ั่ง
➢ มปี ฏิบตั กิ ารเคมนี ยิ มใช้ 2 แบบ คอื แบบสามคาน และแบบใช้ไฟฟา้

เครอื่ งชง่ั แบบสามคาน เคร่อื งชงั่ แบบไฟฟา้

เลขนยั สาคัญ

การบันทึก และรายงานค่าต้องมีการประมาณค่าในตาแหน่งสุดท้ายด้วยเพื่อให้
สอดคล้องกับความละเอียดของอุปกรณ์ โดยถือว่าตัวเลขทุกตัวมีความสาคัญและ
จานวนหลักของเลขท้ังหมด เรียกว่า เลขนัยสาคัญ การนับเลขนัยสาคัญของข้อมูล
ตา่ งๆ มหี ลักการดังน้ี

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

เลขนยั สาคัญ
การปัดตวั เลข พจิ ารณาจากตวั เลขท่อี ย่ถู ัดจากตาแหน่งทีต่ ้องการ ดงั น้ี

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

หนว่ ยวดั

แฟคเตอรเ์ ปลีย่ นหนว่ ย

เปน็ อตั ราสว่ นระหว่างหน่วยท่แี ตกต่างกนั อยู่ 2 หนว่ ยท่มี ีปริมาณเทา่ กนั

ตัวอยา่ งการหาแฟกเตอรเ์ ปลีย่ นหน่วยเปน็ ดังนี้

เลขนัยสาคญั

เลขนัยสาคญั

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์

วิธีการทางวิทยาศาสตร์

ทักษะท่ี 1 การสังเกต ทกั ษะท่ี 2 การวัด

ทักษะ ที่ 3 การคานวณ ทกั ษะที่ 4 การจาแนกประเภท

ทกั ษะท่ี 5 การหาความสัมพันธร์ ะหว่าง ทกั ษะที่ 6 การจัดกระทา และสอ่ื
สเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา
ความหมาย

ทกั ษะที่ 7 การลงความเหน็ จากข้อมูล ทักษะท่ี 8 การพยากรณ์

ทกั ษะที่ 9 การตงั้ สมมตฐิ าน วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์

ทกั ษะท่ี 11 การกาหนด และ ทักษะที่ 10 การกาหนดนิยามเชงิ
ควบคุมตวั แปร ปฏบิ ัตกิ าร
ทกั ษะท่ี 12 การทดลอง
ทักษะที่ 13 การตคี วามหมาย
ข้อมูลและการลงข้อมูล ทักษะที่ 14 การสร้างแบบจาลอง

วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์



อะตอม

• อะตอมมีขนาดเลก็ มากจนไม่สามารถมองเหน็ ด้วยตาเปลา่
• ใช้ atomic force microscope(AFM) สรา้ งภาพพนื้ ผิวเชงิ โครงสร้างระดับ

อะตอม แสดงออกทางจอภาพได้ดงั รูป

แบบจาลองอะตอม

แบบจาลองอะตอม
คือ มโนภาพทางความคิดท่ีแสดงให้

เ ห็ น ร า ย ล ะ เ อี ย ด ข อ ง โ ค ร ง ส ร้ า ง อ ะ ต อ ม ที่
สอดคล้องกับ ผลการทดลอง เพ่ืออธิบาย
ลักษณะของอะตอมซ่ึงมองไม่เห็น และใช้
อธิบายปรากฏการณ์ของอะตอมได้ โดย
แบบจาลองมีวิวัฒนาการจากการศึกษาของ
นกั วทิ ยาศาสตร์หลายท่าน

แบบจาลองอะตอมของดอลตนั

1. ธาตุประกอบดว้ ยอนภุ าคเล็กๆ หลายอนุภาค เรยี กอนุภาคเหล่านี้วา่ “อะตอม”
ซ่งึ แบง่ แยกและทาใหส้ ูญหายไมไ่ ด้
2. อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกนั มีสมบตั ิเหมือนกัน แตจ่ ะมสี มบัตแิ ตกตา่ งจาก
อะตอมของธาตอุ ืน่

แบบจาลองอะตอมของดอลตัน

3. สารประกอบเกิดจากอะตอมของธาตุมากกวา่ หน่งึ ชนิดทาปฏิกิริยาเคมกี นั ใน
อตั ราส่วนที่เปน็ เลขลงตวั น้อยๆ

แบบจาลองอะตอมของดอลตัน

John Dalton
(1766-1844)

อะตอมมลี ักษณะท่เี ปน็ ทรงกลมตนั และไม่สามารถแบง่ แยกได้

แบบจาลองอะตอมของทอมสัน

J.J. Thomson ศึกษาและทดลองเกยี่ วกับการนา
ไฟฟ้า ของแกส๊ ในหลอดรงั สีแคโทด

J.J. Thomson* (1856-1940)

การทดลองของทอมสนั

การทดลองของทอมสนั

พบวา่ เมือ่ ลดความดันในหลอดแกว้ ใหต้ ่าลงมากๆ จนเกือบเปน็ สุญญากาศ
จะมจี ดุ สว่างเกดิ ขึ้นตรงบริเวณศูนยก์ ลางของฉากเรอื งแสง

การทดลองของทอมสัน

รังสีแคโทดประกอบดว้ ยอนภุ าคทม่ี ีประจุไฟฟ้าลบ
และมอี ตั ราส่วนประจุต่อมวลเทา่ กับ 1.76 x 108 คูลอมบต์ อ่ กรมั

การทดลองของทอมสนั

จากผลการทดลองทอมสนั สรปุ วา่ ....
อะตอมทกุ ชนิดมีอนภุ าคทม่ี ปี ระจลุ บ
เปน็ องคป์ ระกอบ เรยี กอนภุ าคนี้ว่า

“อิเล็กตรอน”

การทดลองของโกลด์ชไตน์

โกลด์ชไตน์ นักวิทยาศาสตรช์ าวเยอรมัน พบอนภุ าคที่มีประจบุ วก เรยี ก
อนุภาคบวกทเี่ กิดจากแกส๊ ไฮโดรเจนว่า“โปรตอน”

แบบจาลองอะตอมของทอมสัน

อะตอมเปน็ รปู ทรงกลมประกอบดว้ ยเน้อื อะตอมท่มี ีประจุเปน็ บวก
และมีอิเล็กตรอนกระจายอย่ทู ่วั ไปอยา่ งสม่าเสมอ อะตอมในสภาพที่เป็นกลาง

ทางไฟฟ้าจะมีประจุบวกเทา่ กับประจลุ บเสมอ

การทดลองของมลิ ลแิ กน

การทดลองของมลิ ลิแกน(นกั วิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน)
เป็นการทดลองเพือ่ หาประจุที่มีอย่ใู นอิเลก็ ตรอนแต่ละตัว

พบวา่ มี ประจุเทา่ กับ 1.60x10-19คลู อมบ์
คานวณหามวลได้เท่ากับ 9.11x10-28 กรัม

การทดลองของรัทเทอรฟ์ อร์ด

นักวทิ ยาศาสตรช์ าวองั กฤษ
ทาการทดลองยงิ อนภุ าคแอลฟาไปยังแผน่
ทองคา บางๆ ทมี่ คี วามหนาเพยี ง 0.0004 mm

เรียกการทดลองน้วี า่
การกระเจิงรงั สีแอลฟาของรทั เทอรฟ์ อรด์

(Alpha Scattering Experiment)

Ernest Rutherford (1871-1937)

การทดลองของรัทเทอร์ฟอรด์


Click to View FlipBook Version