The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

open approach 24-07-2562 ทักษะการคิดวิเคราะห์ คณิตศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เกษรา บริสุทธิ์, 2020-11-09 21:45:12

open approach 24-07-2562 ทักษะการคิดวิเคราะห์

open approach 24-07-2562 ทักษะการคิดวิเคราะห์ คณิตศาสตร์

Keywords: ทักษะการคิดวิเคราะห์

การจดั การเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ทเ่ี น้นทักษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใช้

นวัตกรรมการศึกษาช้ันเรยี น (Lesson Study) และ
วธิ ีการแบบเปิด (Open Approach)

อาจารย์ ดร.กติ ติศกั ด์ิ ใจออ่ น
อาจารย์ ดร.กตัญญตุ า บางโท

สาขาวิชาคณติ ศาสตร์ คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครศรธี รรมราช

กิจกรรม “ก.เอ๋ย กอ ไก”่

• ให้ผเู้ ขา้ อบรมวาดรปู ไกฉ่ ลาด
• บอกตาแหน่งท่แี สดงถึงความฉลาด
พร้อมบอกเหตผุ ล

ความสาคญั ของการคดิ วเิ คราะห์

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับ
ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)

ใหค้ วามสาคัญกับ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์

โดยจดั ใหเ้ ปน็ คณุ ลักษณะที่มงุ่ เน้นใหเ้ กิดกบั ผ้เู รยี นทุกระดับ
แม้จะไดม้ ีการสง่ เสรมิ ให้ครผู ู้สอนจดั การเรยี นรู้เพอื่
พฒั นาการคดิ วเิ คราะหข์ องผ้เู รียน

สถานการณ์ปจั จบุ นั

ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขนั้ พืน้ ฐาน (O-NET)
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ปีการศกึ ษา 2561

ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขนั้ พืน้ ฐาน (O-NET)
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2561

สถานการณ์ปัจจบุ ัน

PISA 2012/2015

405 คะแนน Mathematical Literacy
• เลอื กตอบ
• สร้างคาตอบอสิ ระ

การประเมนิ ความสามารถในการใชค้ วามรู้
และทกั ษะของนกั เรียนที่มอี ายุ 15 ปี





หนงั สอื เรียนคณติ ศาสตร์ในโครงการ ป.4 เลม่ 2 หนา้ 12

สถานการณป์ ัจจบุ ัน

ผลการประเมิน ตามระดบั การรู้เร่ืองคณิตศาสตร์

ปญั หาอยู่ทไี่ หน

ไมตรี อนิ ทร์ประสทิ ธ์ิ (2547) กลา่ ววา่ ที่ผ่านมาครูมกั ไมส่ นใจ
กระบวนการคดิ ของเดก็ สนใจแคเ่ พียงผลลพั ธ์ทถ่ี กู ต้อง แตส่ ่งิ นี ้
ไมไ่ ด้ทาให้เดก็ คิดแก้ปัญหาและคดิ วเิ คราะห์กบั ปัญหา

ครูต้องปรับวธิ ีการสอนใหม่
ด้วย สร้างสถานการณ์ขึน้ มาให้เดก็ แก้ปัญหา

ให้เวลาเดก็ ได้คดิ วเิ คราะห์เอง
โดยครูไม่ต้องไปบอกอะไรเดก็ ซ่งึ เป็ นวธิ ีสอนท่ที า
ให้เดก็ คดิ ได้

ปัญหาอย่ทู ่ีไหน

ผลการวิจยั ของ Zohar & Dori (2003) เร่ือง Higher Order Thinking and Low-
Achieving Student: Are the Mutually Exclusive? พบวา่ สาเหตขุ องการที่ทาให้
การสง่ เสริม ทกั ษะการคดิ ขนั้ สงู ไมป่ ระสบความสาเร็จหรือน้อย มีความเกี่ยวข้องกบั

โจทย์ปัญหาท่คี รูนามาจัดการเรียนการสอน
โจทย์ปัญหาท่นี ามาใช้ในการจดั การเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์
ควรเป็ นมากกว่าโจทย์ปัญหาท่นี ักเรียนคุ้นเคย
ทาอย่เู ป็ นประจา ซ่งึ เป็ นเพียงการใช้ความจาและการฝึ กปฏบิ ัติ
โจทย์ ปั ญหาคณิตศาสตร์ ควรมีความท้ าทาย
ผลักดนั ให้เกิดการให้เหตุผล

Stigler และ Hiebert (1999)

เปรียบเทียบโครงสร้างของบทเรยี นและโจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์

ประเทศสหรฐั อเมริกา ประเทศญป่ี ุ่น ประเทศไทย

 เนน้ การพัฒนาทักษะ  เน้นการพัฒนาความ  เน้นการจาเน้อื หา
 ใชเ้ วลามากกบั การฝึก เขา้ ใจเชิงมโนมติ  ใช้เวลากบั การทา
(concept)
ปฏบิ ตั ิ แบบฝกึ หัด
 ใชเ้ วลามากกับการ
แกป้ ญั หาท่ีทา้ ทาย

 ใหค้ ุณค่ากับความหมาก
หลายของวธิ ีการ
แก้ปัญหา

อเมริกาและไทยเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ในเชงิ การฝึกปฏิบตั ซิ า้ ๆ
ขาดกระบวนการคดิ กระบวนการแกป้ ญั หา

เน้ือหา

ถา่ ยทอด

ครู นักเรียน

สาธติ บรรยาย
บอก อธบิ าย ฯลฯ

(ไมตรี อนิ ทรป์ ระสิทธิ์ (2557)

หลกั การสอนแบบใหม่ทีเ่ นน้ การเปิดโอกาสให้
นกั เรียน “คิดด้วยตนเอง”

เปดิ โอกาส

ครู นกั เรยี น

คดิ ด้วยตนเอง

(ไมตรี อินทรป์ ระสิทธิ,์ 2557)

ทิศทางการเคล่อื นยา้ ยจุดเน้นของชั้นเรยี น

เน้นผลลพั ธ์ เน้นท้ังกระบวนการและผลลัพธ์
(Product-process Oriented
(Product Oriented
Approach) Approach)

(ไมตรี อนิ ทรป์ ระสิทธ์ิ, 2557)

กญุ แจสาคญั ของ ใช้ การศกึ ษาช้ันเรยี น
ครญู ปี่ นุ่ (Lesson Study)

 การสร้างบทเรยี น
 ออกแบบโจทยป์ ัญหา
 คาดการณแ์ นวคิดของ

นกั เรียนล่วงหน้า

บริบทประเทศไทย ปรับใช้
Inprasitha (2010)
การศกึ ษาชั้นเรียน วธิ ีการแบบเปิด

บูรณาการ

 สถานการณ์ปัญหาทม่ี ีลกั ษณะปัญหาแบบเปดิ
 วธิ ีการแก้ปญั หาท่หี ลากหลาย
 ปัญหาท่ีสนบั สนนุ กระบวนการคิดวเิ คราะหแ์ ละสบื เสาะแนว

ทางการแกป้ ัญหาและสามารถสร้างเป็นปญั หาใหม่



ความหมาย

การคิดเชงิ วิเคราะห์ หมายถงึ ความสามารถในการจาแนก
แจกแจงองคป์ ระกอบต่าง ของสิ่งใดสิ่งหน่ึงหรือเรื่องใดเรื่อง
หนึง่ และหาความสมั พันธเ์ ชงิ เหตุผลระหว่างองคป์ ระกอบ
เหลา่ นั้น เพอื่ คน้ หาสาเหตุทแ่ี ทจ้ รงิ ของส่งิ ท่เี กิดข้นึ

เหน็ “ผลลัพธ”์ แต่ ไม่ดว่ นสรปุ
• “สาเหตุทแ่ี ท้จรงิ คืออะไร”
• “ส่งิ นเ้ี ปน็ มาจากอะไร”
• “เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนัน้ ”

องค์ประกอบของการคดิ เชงิ วิเคราะห์

รู้ เข้าใจ สงั เกต สงสยั ความสมั พนั ธ์
ถาม เชิงเหตผุ ล

ตีความ

คุณคดิ ว่าผลบวกของเลขหนงึ่ หลัก
ที่บวกกันแล้วได้ผลลัพธ์เป็น 10 มี
อะไรบา้ ง

แจกแจงความนา่ จะเปน็

ความสามารถในการตคี วาม

การพยามยามทาความเข้าใจและให้เหตผุ ลแกส่ ิ่งที่เรา
ตอ้ งการจะวิเคราะห์ เพ่อื แปลความหมายท่ีไมป่ รากฏ
โดยตรงของสิ่งน้ัน เปน็ การสร้างความเขา้ ใจต่อสิ่งท่ี
ตอ้ งการวเิ คราะห์ ประกอบด้วย
• การตีความจากความรู้
• การตีความจากประสบการณ์
• การตีความจากข้อความที่เขียน

ความรคู้ วามเขา้ ใจในเรื่องที่จะวิเคราะห์

• ช่วยกาหนดขอบเขตของการวิเคราะห์
• แจกแจง จาแนกวา่ เร่ืองนั้นเกย่ี วขอ้ งกบั อะไร
• องคป์ ระกอบยอ่ ยๆ
• หมวดหมู่
• จัดลาดบั ความสาคัญ
• รู้ว่าอะไรคอื สาเหตุ

ความชา่ งสงั เกต ชา่ งสงสยั และช่างถาม

5W 1H

• ใคร (who)
• ทำอะไร (what)
• ทไี หน (Where)
• เมือไร (When)
• เพรำะเหตใุ ด (WHY)
• อย่ำงไร (How)



ความสามารถในการหา
ความสัมพันธ์เชิงเหตผุ ล

• อะไรเปน็ สาเหตุใหเ้ กดิ ส่ิงน้ี
• เรอื่ งนน้ั เชื่อมโยงกับสงิ่ น้ไี ด้อย่างไร
• เรือ่ งนีม้ ีใครเกย่ี วข้องบา้ ง เกี่ยวข้องกันอยา่ งไร
• เมือ่ เกิดเรื่องนี้ จะส่งผลกระทบอยา่ งไรบ้าง
• สาเหตุท่กี อ่ ให้เกดิ เรือ่ งนี้
• องค์ประกอบใดบา้ งท่นี าไปสสู่ ่งิ นนั้
• วิธีการ ขนั้ ตอน การทาให้เกิดส่งิ นี้

ความสามารถในการหา
ความสัมพนั ธ์เชิงเหตุผล

• สง่ิ นีป้ ระกอบดว้ ยอะไรบา้ ง
• แนวทางในการแกป้ ญั หามอี ะไรบ้าง
• ถ้าทาเชน่ นี้ จะเกดิ อะไรขึ้นในอนาคต

เหมอื นเราใส่แว่น 3 มติ ิ



ทาอย่างไร
??????????????????

VDO

วิธกี ารแบบเปดิ (Open Approach) และ
การศกึ ษาช้ันเรียน (Lesson Study)

วิธีการแบบเปิด (Open Approach)
การศึกษาชน้ั เรียน (Lesson Study)

การศึกษาวิธกี ารเรยี นการ 2000
สอน
1970 วธิ ีการแบบเปดิ
1868 1950 (Open Approach)
วิธีการแบบปลายเปดิ

(Open-ended Approach)

พยายามทีจ่ ะสอนและประเมิน
การคิดทางคณิตศาสตร์

โรงเรยี นท่ใี ช้นวัตกรรมการศึกษาช้นั เรยี นและวธิ ีการแบบเปดิ

ภาคเหนอื ปี 2560
มี 17 โรงเรยี น

ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ปี 2560 มี 77 โรงเรยี น

ภาคกลาง ปี 2560
มี 5 โรงเรียน

ภาคใต้ ปี 2561 ภาคใต้ 3 จังหวดั ปี
มี 4+2 โรงเรียน 2560
มี 10 โรงเรยี น

http://hotmath.project.kku.ac.th/about.html

Lesson Study

“Lesson Study”
เป็นคาท่ใี ช้เรียกระบบการพัฒนา

วชิ าชพี ครขู องญี่ปุ่น
“Jugyokenkyu”

Lesson Study

• Jugyo หมายถึง บทเรยี น (Lesson)
• Kenkyu หมายถึง การศกึ ษา (Study)

หรือการวิจยั (Research)
• Jugyokenkyu หมายถึง การศึกษาหรือ

การวิจัยเกย่ี วกับการปฏบิ ตั ิการสอน

(Femandez & Yoshida, 2004)

Lesson Study

การศกึ ษาชั้นเรียน (Lesson Study)

ไมตรี อนิ ทรป์ ระสิทธ์ิ (2545)

สง่ิ ท่ีถกู ศกึ ษามขี อบเขตมากกว่าการปฏบิ ตั ิการสอน บทเรียน ข้นึ อยกู่ บั
ความต้องการของครหู รอื นักวิจัยท่ีเขา้ ร่วมการศึกษาชัน้ เรยี น
• แนวคดิ ทางคณิตศาสตร์ของนกั เรยี น
• กระบวนการเรียนรูข้ องนกั เรียน
• บทบาทของครู บทบาทของนกั เรยี น
• ความเชอ่ื และคา่ นยิ มของครู ความเชือ่ และคา่ นยิ มของนักเรียน
• การออกแบบสอ่ื วสั ดุอปุ กรณก์ ารสอน เปน็ ตน้

การศึกษาชัน้ เรยี น

การศึกษาชน้ั เรยี น คือ รปู แบบหลกั ใน
การพฒั นาวชิ าชีพครูของประเทศญ่ีปุ่น
(Lewis, 2002)

การศึกษาชั้นเรียน

ลักษณะทีส่ าคัญของการศกึ ษาชนั้ เรยี น
• กาหนดเป้าหมายสาหรบั การเรียนรูข้ องนักเรียนและการ

พัฒนาในระยะยาว
• รว่ มกันวางแผนบทเรยี นการวจิ ยั
• การจดั การบทเรยี น สมาชกิ ในทีมคนหนึ่งเปน็ ผูส้ อนและคน

อ่นื ๆ รวบรวมหลักฐานเก่ียวกบั การเรียนรแู้ ละการพัฒนาของ
นกั เรียน
• อภิปรายเกี่ยวกบั หลักฐานทร่ี วบรวมไดใ้ นระหวา่ งบทเรียน
นามาใช้ในการปรบั ปรุง บทเรียนและการเรยี นการสอน

การศึกษาช้ันเรียน

Stigler & Hiebert (1999) ได้สะท้อนผลระบบการพัฒนาครูตาม
แนวคดิ การศกึ ษาชั้นเรียนของญปี่ นุ่

ขัน้ ท่ี 1 : ขนั้ การกาหนดปญั หา
ขน้ั ที่ 2 : ข้ันวางแผนบทเรยี น
ขัน้ ท่ี 3 : ขั้นนาแผนการสอนไปใชจ้ รงิ ในห้องเรียน
ขน้ั ท่ี 4 : ข้ันประเมนิ ผลบทเรียนและสะท้อนผลของบทเรยี น

ขัน้ ที่ 5 : ขั้นปรบั ปรุงบทเรียน
ขั้นที่ 6 : ขั้นสอนบทเรยี นท่ไี ด้รบั การปรบั ปรงุ แล้ว
ขั้นท่ี 7 : ข้ันประเมินผลและสะท้อนผลโดยรวม
ข้นั ท่ี 8 : ขน้ั แลกเปลีย่ นผลของการศึกษา

การศึกษาช้ันเรยี น

การรว่ มมอื การวาง
แผนการจัดการเรยี นรู้

(PLAN)

การรว่ มกันสะทอ้ น การร่วมกันสังเกตช้ัน
ผลชนั้ เรียน (SEE) เรียน (DO)

Inprasitha (2010)

ครูตอ้ งทาอะไร????

ทางานเปน็ ทีม

ร่วมกนั วางแผนการจัดการเรียนรู้

สอนใหน้ กั เรยี นคดิ ดว้ ยตวั เอง ?????????

วางแผนบทเรยี น
คาดการณ์แนวคดิ

ขั้นตอนการออกแบบ

คาดการณแ์ นวคิด ทดลองแกป้ ัญหาในหนังสือเรยี น
ของนกั เรียน รวบรวมแนวคิดของกลุม่

ตีความเป้าหมายของบทเรียน

สร้างคาสัง่ ของสถานการณ์ปญั หา
ท่เี ขา้ ใกล้กับชวี ติ ประจาวัน

4 ข้ันตอนของวธิ ีการแบบเปดิ ในฐานะแนวทางการสอน

การนาเสนอ นักเรียนแกป้ ัญหา
สถานการณ์ปญั หา ด้วยตนเอง

การสรปุ บทเรยี นผ่านการ อภิปรายและ
เชื่อมโยงแนวคดิ ทางคณติ ศาสตร์ การเปรียบเทยี บรว่ มท้ังชน้ั
ของนักเรียนท่ีปรากฏในชน้ั เรยี น
ไมตรี อินทรป์ ระสิทธ์ิ (2550)

1 นาเสนอสถานการณป์ ญั หา

1-1 บทบาทของครู คอื นาเสนอสถานการณ์
ปญั หา เปา้ หมายเพื่อให้นักเรยี นแต่ละคนมหี รือ
เข้าถึงแงม่ มุ ปญั หาทซี่ อ่ นอยใู่ นสถานการณ์
ปัญหา

ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์, 2557

1 นาเสนอสถานการณ์ปญั หา

1-2 บทบาทของนักเรยี น คอื นกั เรียน
แสดงความอยากรู้ อยากเห็น พยายาม
เขา้ ถึงปญั หา ตั้งคาถาม ตง้ั ข้อสงสัย

ไมตรี อนิ ทรป์ ระสิทธิ์, 2557

2 นักเรียนแกป้ ญั หาด้วยตนเอง

2-1 บทบาทของครู คือ พยายาม สบื เสาะ
หรอื ค้นคว้าเกีย่ วกับ “กระบวนการเรยี นรู้
ของนกั เรียน” ภาคปฏิบัติ ได้แก่ การทคี่ รู
พยายามสงั เกต/บนั ทึก “แนวคิดของ
นักเรยี น” ท่ีเกิดข้นึ ในระหว่างการแก้ปัญหา

ไมตรี อนิ ทรป์ ระสทิ ธิ์, 2557

2 นกั เรยี นแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง

2-2 บทบาทของนกั เรียน คือ เมอื่ นกั เรยี นมี
ปัญหาหรือมีความอยากรู้อยากเห็นเกีย่ วกบั
สถานการณ์ปญั หา นักเรียนก็จะพยายาม
แก้ปญั หาหรือพยายามสืบเสาะหรอื ค้นคว้า
ขอ้ มูลเกี่ยวกับสถานการณป์ ัญหา

ไมตรี อนิ ทรป์ ระสทิ ธ์ิ, 2557

3 อภิปรายและเปรียบเทยี บแนวคิดของนักเรยี นท้งั ชั้น

3-1 บทบาทของครู คือ จัดระบบแนวคิดของนักเรยี น
เพอ่ื การอภปิ รายและเปรียบเทียบ เพอื่ “การเรยี นรู้ของ
นักเรียนท้ังชนั้ ” เชน่ แนวคิดท่ีนักเรยี นสว่ นใหญ่แสดงออก
แนวคดิ ท่มี คี วามผดิ พลาดแต่สามารถเปรยี บเทียบกบั
แนวคิดอนื่ ได้ หรือ แนวคดิ ท่ไี มส่ มบรู ณ์เพอ่ื ขยายผลหรอื

เพ่อื อภปิ รายหรอื คดิ ตอ่ โดยใช้ “ส่ือเสรมิ ”

ไมตรี อนิ ทร์ประสทิ ธิ์, 2557

3 อภิปรายและเปรียบเทียบแนวคิดของนักเรยี นท้งั ชนั้

3-2 บทบาทของนักเรยี น ได้แก่ ใหเ้ หตุผล
ให้กบั แนวคิดของตนเองและเพ่ือน พยายาม
เข้าใจแนวคิดของเพ่อื นท้ังจากมุมท่ีเหมอื น
และตา่ งจากแนวคดิ ของตนเอง เพือ่ ค้นหา
“วิธีการเรียน (how to)” สาหรบั ตนเอง

ไมตรี อนิ ทรป์ ระสทิ ธ์ิ, 2557


Click to View FlipBook Version