รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง รหัสนักศึกษา 62706030069-6 รายงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา วิชา ประสบการณ์วิชาชีพครู 1 Professional Experience in Home Economics 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 สาขาคหกรรมศาสตร์ศึกษา ภาควิชาเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์และออกแบบงานประดิษฐ์ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
รายงานการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง รหัสนักศึกษา 62706030069-6 .................................................. ............................................... (อาจารย์จักรพันธ์ รูปงาม) (นางสาวภรภัทร ชัยสุริยะเดชา) หัวหน้าสาขาคหกรรมศาสตร์ศึกษา หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ................................................. ................................................ (อาจารย์ปาริฉัตร ปิติสุทธิ) (นางสาวภรภัทร ชัยสุริยะเดชา) อาจารย์นิเทศการศึกษา ครูพี่เลี้ยง
ก คำนำ รายงานการวิจัยฉบับนี้เป็นการวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวรารามผู้วิจัย ได้ศึกษาค้นคว้า และจัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล 2) เพื่อศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ ผู้เรียนจากการจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล สุดท้ายนี้ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานการวิจัยทางการศึกษา การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จะเป็นประโยชน์ ต่อการจัดการเรียนรู้ด้านการพัฒนาทักษะการทำงาน และผู้ที่ให้ความสนใจการเรียนรู้จากงานวิจัยไปปรับ ใช้ในการสร้าง และพัฒนาทางการศึกษาต่อไป หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้วิจัยยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับปรุง และพัฒนาการวิจัยในครั้งต่อไป นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง ผู้วิจัย
ข ชื่อผู้วิจัย : นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง ชื่อเรื่อง : การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ปีการศึกษา : 2566 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเรื่องการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จากการจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบ กระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การสร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย, โมดูลกลีบกระทง ทั้ง 7 รูปแบบ, แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การพับกลีบ กระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม, แบบประเมินความพึงพอใจของ ผู้เรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าคะแนนที่ ที่ได้เป็นอิสระต่อ กัน โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติ .05 ผลการวิจัยพบว่า ผลการศึกษาประสิทธิภาพของการพัฒนา บทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวรา ราม มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.1/88.0 ซึ่งมีค่าเท่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 และ ประสิทธิภาพทางการเรียนดีขึ้นผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน - หลังเรียน จากการ พัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัด สุทธิวราราม โดยมีค่าเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 4.35 และหลังเรียน เท่ากับ 9.55 ซึ่งพบว่าผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 พร้อมทั้ง ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของผู้เรียนจากการทำกิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การ พับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.33 ซึ่งมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ทั้งรายข้อ และโดยรวมอยู่ในระดับมาก คำสำคัญ : โมดูล, กลีบกระทง
ค กิตติกรรมประกาศ การดำเนินการจัดทำวิจัยฉบับนี้ สามารถสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะได้รับความช่วยเหลืออย่างดี ยิ่งจาก อาจารย์ปาริฉัตร ปิติสุทธิอาจารย์นิเทศการศึกษา และขอบคุณ ครูภรภัทร ชัยสุริยะเดชา หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ที่ได้ให้คำแนะนำแนวทางการทำรูปเล่ม ตรวจทาน และแก้ไขเนื้อหาด้วยความเต็มใจ ตลอดจนจุดประกายความคิด แนะนำแหล่งข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า และ เสนอคำวิจารณ์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ดร.อัฏฐผล ถิรพรพงษศิริที่ให้โอกาสผู้วิจัยเข้ามาฝึกประสบการณ์วิชาชีพในโรงเรียน นอกจากนี้ผู้วิจัยขอขอบคุณ ครูพี่เลี้ยง ครูภรภัทร ชัยสุริยะเดชา ที่คอยให้คำแนะนำ และให้ คำปรึกษามาตั้งแต่เริ่มต้นการทำวิจัย ซึ่งเป็นครูพี่เลี้ยงที่ดูแล และให้คำแนะนำตลอดการมาฝึก ประสบการณ์วิชาชีพ เป็นผู้มีความรู้ทางด้านงานวิจัย คอยให้คำปรึกา คอยชี้แนะแนวทางในการเรียบเรียง ข้อมูล ช่วยขัดเกลาทางความคิด และช่วยชี้แนะข้อบกพร่องของผู้วิจัย คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่ง ทำให้ ผู้วิจัย ทำงานอย่างรอบคอบ และทำให้วิจัยเล่มนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง สำหรับการให้คำชี้แนะเป็นอย่างดี ผู้วิจัยได้เรียบเรียงถ้อยคำเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการวิจัยด้วยความตั้งใจจริง เพื่อให้ งานวิจัยฉบับนี้สมบูรณ์ที่สุด ผู้วิจัยได้ทุ่มเทแรงกาย ทุ่มเทแรงใจให้แก่การวิจัยในครั้งนี้ ทำให้ผู้วิจัยมีความ ภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก ที่มีความเพียรพยายามในการค้นคว้าข้อมูลความรู้อย่างต่อเนื่อง ท้ายนี้ผู้วิจัยขอขอบพระคุณด้วยความจริงใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิจัยฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่เข้ามาศึกษา หากพบข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และขอน้อม รับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และนำไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนาในงานวิจัยครั้งต่อไป นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง 28 สิงหาคม 2566
ง สารบัญ หน้า คำนำ ก บทคัดย่อ ข กิตติกรรมประกาศ ค บทที่ 1 บทนำ 1 ความเป็นมาและความสำคัญ 1 คำถามวิจัย 2 วัตถุประสงค์การวิจัย 2 สมมุติฐานการวิจัย (ถ้ามี) 2 ขอบเขตการวิจัย 2 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย 3 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4 หลักสูตรแกนหลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4 ความสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ 4 แนวทางการจัดการเรียนรู้สาระการงานอาชีพ 5 ความสำคัญของวิชาการงานอาชีพ 5 คุณภาพผู้เรียน 6 โมดูล 7 ความหมายของบทเรียนโมดูล 7 ลักษณะของบทเรียนโมดูล 8 องค์ประกอบของการเรียนโมดูล 9 องค์ประกอบของบทเรียนโมดูลทั้ง 7 ประการ 10
จ การสร้างบทเรียนโมดูล 13 ขอเสนอแนะในการสร้างบทเรียนโมดูล 14 การพัฒนาบทเรียนโมดูล 17 ประโยชนของบทเรียนโมดูล 18 ปญหาการใชบทเรียนโมดูล 18 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย 20 แบบแผนการวิจัย 20 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 20 ประชากร/ตัวอย่าง 20 ตัวแปรในการวิจัย 20 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 21 ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ 21 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 24 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวอเคราะห์ข้อมูล 24 ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 24 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 25 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน 27 วัตถุประสงค์การวิจัย 27 สรุปผล 27 อภิปรายผล 28 ข้อเสนอแนะ 29 รายการอ้างอิง 30 ภาคผนวก 34
ฉ ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 35 ภาคผนวก ข อื่น ๆ 63 ประวัติผู้วิจัย 72
ช สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า ภาพที่ 1 องค์ประกอบและขั้นตอนของบทเรียนโมดูล 10 ภาพที่ 2 แผนภูมิแสดงขั้นตอนการสร้างบทเรียนด้วยบทเรียนโมดูลของบุญชม ศรีสะอาด 16 ภาพที่ 3 แผนภูมิแสดงขั้นตอนการเรียนด้วยบทเรียนโมดูล 16 ภาพที่ 4 แสดงกระบวนการในการพัฒนาบทเรียนโมดูล ของ ชมพันธุ์ กุญชร ณ อยุธยา 17 ภาพที่ 5 การสร้าง Google Forms ประเมินความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้สื่อโมดูล 22 ภาพที่ 6 ข้อมูลแบบประเมินความพึงพอใจของผูทดลองใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง 23 ภาพที่ 7 การคำนวณคะแนนแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ใน Google Sheets 23
1 บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เป็นกลุ่มสาระฯ ที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต มุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต มาประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ และ แข่งขันในสังคมไทย และสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการ ทำงาน เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการทำงาน เน้นการปฏิบัติจริงจนเกิดความมั่นใจ และ ภูมิใจในผลงาน ในปัจจุบันงานประดิษฐ์มีอยู่หลายประเภท ซึ่งกำลังได้รับความนิยมกันกับคนทุกเพศ ทุกวัย คือ การรู้จักนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประดิษฐ์ชิ้นงานทำให้เกิดความสวยงาม งานหัตถกรรม จัดเป็นงาน ประดิษฐ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สาขาคหกรรมศาสตร์ศึกษาเป็นศาสตร์ประเภทหนึ่ง ที่ถ่ายทอด อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ และคุณค่าต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานลงในผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทอ เครื่องจักรสาน งานดอกไม้ใบตองและงานแกะสลัก ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยความประณีต ซึ่งผลงานนี้ สามารถนำมาใช้สอยในการดาเนินชีวิตประจำวัน เช่น ประดิษฐ์เครื่องมือดักจับ สัตว์ ภาชนะสาหรับบรรจุ อาหาร สิ่งของที่ใช้ประดับตกแต่งร่างกาย รวมทั้งใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ตามความเชื่อ หรืองาน ประเพณีของท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นต้น โมดูล เป็นสื่อการสอนชนิดหนึ่งที่มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองโดยที่บทเรียนนั้นจะต้อง มีการกำหนดวัตถุประสงค์เอาไว้อย่างแน่นอน มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้เรียนเลือกตามความถนัดและ ความสามารถของแต่ละคน มีการประเมินผลก่อนและหลังเรียน มีการทดสอบย่อยในทุก ๆ หน่วยของ โมดูล และการเรียนซ่อมเสริมด้วยกระบวนการเรียนการสอนจะเน้นที่ตัวผู้เรียนเป็นสำคัญมากกว่าผู้สอน การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนศูนย์การเรียนรู้ โดยใช้โมดูล เป็นการพัฒนาการจัดการเรียน การสอนที่อาจจะส่งผลให้บรรยากาศในห้องเรียนดีขึ้น ทำให้ผู้เรียนสนุกสนานไปกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้มากขึ้น ช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน และผู้เรียนจะสามารถทบทวนความรู้เองได้จาก สื่อการเรียนการสอนที่สามารถทำความเข้าใจได้เองจากการดูโมดูล และคาดไว้ว่าผู้เรียนจะไม่รู้สึกเบื่อกับ การเรียน และทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้วิจัยจึงศึกษา การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนศูนย์การเรียนรู้ โดยใช้โมดูลสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ดังนั้นผู้วิจัยจึงนำโมดูลมาใช้เป็นสื่อการสอนในการจัดการ เรียนการสอนด้วยวิธีศูนย์การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนสูงขึ้น
2 คำถามวิจัย 1. การเรียนรู้โดยใช้สื่อโมดูลสามารถช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในการเรียนมากขึ้นหรือไม่ 2. การเรียนรู้โดยใช้สื่อโมดูลทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนดึขึ้นหรือไม่ วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จากการ จัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม สมมุติฐานการวิจัย (ถ้ามี) การพัฒนาการจัดการเรียนการสอน โดยใช้โมดูลช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ขอบเขตการวิจัย 1. ขอบเขตด้านเนื้อหา ทำการวิจัยในเรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 2. ประชากรของการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวนทั้งหมด 217 3. กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน 4. ตัวแปรที่ศึกษาได้แก่ 4.1 ตัวแปรต้น การจัดการเรียนการสอน โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 4.2 ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการพัฒนาการจัดการ เรียนการสอน โดยใช้โมดูล 5. การวิจัยครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566
3 นิยามศัพท์เฉพาะ โมดูล หมายถึง หน่วยการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนเข้าไปศึกษาทำความเข้าใจ ด้วยตนเองซึ่งใน โมดูลแต่ละโมดูลจะมีคำแนะนำในตัวของโมดูลแต่ละโมดูล ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ทำแบบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากเรียนด้วยแบบศูนย์การเรียนรู้ด้วยโมดูลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย 1. ทราบประสิทธิภาพของการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน โดยใช้โมดูล 2. สามารถนำผลการวิจัยมาใช้วัดผลการเรียนการสอนโดยใช้โมดูลเป็นสื่อการสอน 3. ได้ความพึงพอใจของผู้เรียนในการเรียนด้วยวิธีการเรียนรู้โดยใช้โมดูล
4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาเกี่ยวกับ การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ผู้วิจัยได้ศึกษา เอกสาร ตำรา งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. หลักสูตรแกนกลางการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ 2. โมดูล 1. หลักสูตรแกนหลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ 1.1 ความสำคัญของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาให้ นักเรียนมีความรู้และความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต มาประยุกต์ในการทำงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ และแข่งขัน ในสังคมไทยและสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทำงาน และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียงและมีความสุข ดังนั้นกลุ่มสาระการงานอาชีพ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความเจริญงอกงาม ในด้านต่าง ๆ คือ 1. ด้านความรู้ความเข้าใจ จะให้ความรู้แก่ผู้เรียนในเนื้อหาสาระในด้านการดำรงชีวิต และรู้เท่า ทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต การงานอาชีพ มาใช้ในสังคมได้อย่าง พอเพียงและมีความสุข 2. ด้านทักษะ มีความสามารถในการทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ และความชำนาญในการปฏิบัติจนเป็นที่เชื่อถือและยอมรับ 3. ด้านเจตคติ และค่านิยม เข้าใจแนวทางการเลือกอาชีพ การมีเจตคติที่ดี และเห็นความสำคัญ ของการประกอบอาชีพ วิธีการหางานทำ คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการมีงานทำ วิเคราะห์แนวทางเข้าสู่ อาชีพ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ และประสบการณ์ต่ออาชีพที่สนใจ และประเมิน ทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับความรู้ ความถนัด และความสนใจ มาตรฐาน ง 1.1 การเข้าใจการทํางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทํางาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทํางานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะ นิสัยในการทํางาน มีจิตสํานึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดํารงชีวิตและครอบครัว
5 มาตรฐาน ง 4.1 เข้าใจ มีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพใช้เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีฟ โดยกำหนดตัวชี้วัด ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไว้ 3 ตัวชี้วัด คือ 1. ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาการทำงาน 2. ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน 3. มีจิตสำนึกในการทำงานและใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า จากการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางสาระการงานอาชีพ เกี่ยวกับการประดิษฐ์ พบว่าการ ประดิษฐ์ มีความสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตและเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ได้ด้วยตนเอง สร้างให้ผู้เรียนมีทักษะและความรู้ที่อาจนำไปใช้ร่วมกับวิชาอื่นได้ ทำให้สามารถ สรุปได้ว่า กิจกรรมการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการงานอาชีพ มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนได้มีพื้นฐานใน การดำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และมีแนวทางในการประกอบอาชีพ เพื่อให้สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมต่อไปอย่างมีความสุข 1.2 แนวทางการจัดการเรียนรู้สาระการงานอาชีพ วิชาการงานอาชีพ มีผู้ให้ความหมายไว้ดังนี้ การงานอาชีพเป็นวิชาที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้ เกี่ยวกับการดำรงชีวิต การอาชีพและเทคโนโลยี มาใช้ประโยชน์ในการทำงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ แข่งขันในสังคมไทยและสากล เห็นแนวทางในการประกอ บอาชีพ รักการทำงานและมีเจตคติที่ดีต่อการ ทำงาน และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียง มีความสุข ความสำคัญของวิชาการงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะพื้นฐานที่จำป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการ ดำรงชีวิต การงานอาชีพมาใช้ประโยชน์ในการทำงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และแข่งขันในสังคมไทย และสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน สามารถดำรงชีวิต อยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียงและมีความสุขจุดประสงค์ในการสอนในรายวิชาการงานอาชีพ กลุ่มสาระการ เรียนรู้การงานอาชีพ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลง สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิตการงานอาชีพมาประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่าง มีความคิดสร้างสรรค์ เห็นแนวทางการประกอบอาชีพรักการทำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน สามารถ ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียง
6 นอกจากวัตถุประสงค์สำคัญในการสอนแล้ว ครูควรต้องมีความพร้อมในการสอนการงานอาชีพซึ่ง พอสรุปดังนี้ 1. จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อการเรียนการสอน 2. ตระหนักถึงตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการสอนคือนักเรียน 3. จัดกิจกรรมและวัสดุอุปกรณ์ในการเรียนรู้ให้น่าสนใจและเร้าใจนักเรียน 4. ใช้กลยุทธ์และเทคนิคในการสอนที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ จากการศึกษาแนวทางการจัดการเรียนรู้สาระการงานอาชีพ พอจะสรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้ ต้องครอบคลุมทั้งด้านความรู้และทักษะ ครูผู้สอนต้องมีความพร้อมทั้งสื่อการสอนและความพร้อมในการ สอน เพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพผู้เรียน จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าใจวิธีการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะการ ทำงานร่วมกัน ทักษะการจัดการทักษะกระบวนการแก้ปัญหา และทักษะการแสวงหาความรู้ ทำงานอย่าง มีคุณธรรม และมีจิตสำนึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ๆ วิเคราะห์ระบบเทคโนโลยีมีความคิด สร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการสร้างและพัฒนาสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการตาม กระบวนการเทคโนโลยีอย่างปลอดภัย โดยใช้ซอฟต์ช่วยในการออกแบบหรือนำเสนอผลงานวิเคราะห์และ เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ต่อชีวิต สังคมสิ่งแวดล้อมและมีการจัดการ เทคโนโลยีด้วยวิธีการของเทคโนโลยีสะอาด เข้าใจองค์ประกอบของระบบส่าระสนเทศ องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอรู้ ระบบส่ื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ต่อพวงและมี ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหา เขียนโปรแกรมภาษา พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ในการประมวลผล ข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน และใช้คอมพิวเตอร์สร้าง ชิ้นงาน หรือโครงงาน เข้าใจแนวทางเข้าสู้อาชีพ การเลือก และการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับอาชีพมี ประสบการณ์ในอาชีพที่ถนัดและสนใจ และมีคุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ
7 วัชรสินธุ์ เพ็งบุพผา (2564) ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาหลักสูตรวิชาการงานอาชีพในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพในอนาคต ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการประกอบอาชีพในอนาคต ซึ่งจัดลำดับความสำคัญจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุดตามมุมมองของผู้ประกอบการประกอบด้วย 11 ทักษะ 2) การจัดการเรียนการสอนของครูและระดับทักษะการประกอบอาชีพของนักเรียนตาม หลักสูตรการงานอาชีพในปัจจุบันกำหนดและตามมุมมองของผู้ประกอบการพบว่าระดับการสอนทักษะ การประกอบอาชีพของครูมัธยมศึกษาวิชาการงานอาชีพอยู่ในระดับมากที่สุดแต่ระดับทักษะการประกอบ อาชีพของนักเรียนมัธยมศึกษาอยู่ในระดับปานกลาง 3) แนวทางในการพัฒนาหลักสูตรวิชาการงานอาชีพ ในโรงเรียนเพื่อส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพที่สำคัญในอนาคตแก่ผู้เรียน พบว่า ผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วย และให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมกับแนวทางการพัฒนาหลักสูตรวิชาการงานอาชีพในโรงเรียนเพื่อส่งเสริม ทักษะการประกอบอาชีพในอนาคตแก่ผู้เรียน อัมพร วรรชะนะ (2562) การพัฒนาหลักสูตรสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบ บัวธัญพืชกลุ่มีสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนาหลักสูตร พบว่า องค์ประกอบของหลักสูตรสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมเรื่อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบบัวธัญพืชมีคุณภาพเหมาะสมการนำไปใช้จัดการเรียนการสอน 2. การประเมินผลการ ใช้หลักสูตร พบว่า 2.1 ผลสัมฤทธิ์ในการเรียน เรื่อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบบัวธัญพืชของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.2ทักษะในการ ปฏิบัติการทำข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบบัวธัญพืช ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก 2.3 เจคคติต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบบัวธัญพืช ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ใน ภาพรวม อยู่ในระดับมาก 2.4 มีการปรับปรุงหลักสูตรในด้านระยะเวลากิจกรรม และเนื้อหาให้เหมาะสม 2. โมดูล ความหมายของบทเรียนโมดูล คําวา “โมดูล” เป็นคำ มาจากภาษาอังกฤษวา Moduleในภาษาไทยมีผูเรียกตาง ๆ กัน เชนโม ดูล โมดุล มอดูล บทเรียนโมดูล หนวยการเรียนโมดูล โมดูลการเรียนการสอน หนวยการเรียนหน่วยการ สอน หน่วยการเรียนการสอน ดังมีผูใหความหมายของบทเรียนโมดูลไวหลายท่านดังนี้ พารสัน และคณะ (1976: 31) กลาววาบทเรียนโมดูลเปนบทเรียนที่นักเรียนสามารถเรียนเรื่องใด เรื่องหนึ่งไดดวยตนเองอยางสะดวกตามความสามารถของตนเอง จะใชเรียนเปนรายบุคคลหรือกลุมก็ได สรางขึ้นเพื่อใหผูเรียนบรรลุจุดมุงหมายที่ตองการและสามารถเลือกใชอุปกรณตาง ๆ ไดตามความ เหมาะสม
8 ฟิจิ (Fiji.1976: 33) ใหความหมายของบทเรียนแบบโมดูลวา คือ บทเรียนที่ผูเรียนสามารถเรียนรู ไดดวยตนเอง เรียนไดอยางอิสระซึ่งบทเรียนที่ไดเรียงลําดับการสอนไวตามลำดับอย่างเปนระบบ อาจจะ ถือวาบทเรียนโมดูลเป็นส่วนหนึ่งของต้นแบบการเรียนอย่างมีระบบ วิชัย ดิสระ (2535: 147) กลาวถึง บทเรียนโมดูลว่า หมายถึง บทเรียนหนวยใดหนวยหนึ่งที่ สําเร็จในตัวเอง สร้างขึ้นอยางเปนระบบเพื่อเปดโอกาสใหผูเรียนเป็นผูเลือกทํากิจกรรมเปนรายบุคคล หรือกลุมยอย ตามความสามารถ และความสนใจของตนเอง ซึ่งทำใหผูเรียนไดเรียนรูและสามารถแสดง พฤติกรรมไดตามที่บทเรียนโมดูลกําหนดไว จากความหมายดังกล่าว สรุปไดวาบทเรียนโมดูล หมายถึง บทเรียนหนวยใดหนวยหนึ่งสําเร็จใน ตัวเอง สรางขึ้นเพื่อเปดโอกาสใหผูเรียนไดศึกษาดวยตนเองและสามารถเลือกทํากิจกรรมได้ตาม ความสามารถและความสนใจของตนเอง เพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคที่ตั้งไว ลักษณะของบทเรียนโมดูล จากความหมายของบทเรียนโมดูลที่นักการศึกษาทั้งหลายไดแสดงทัศนะไว จะบงบอกลักษณะที่ สําคัญของบทเรียนโมดูล (1972: 47) ดังนี้ 1. เน้นตัวผูเรียนมากกวาผูสอน โดยถือวาความต้องการของผูเรียนเป็นเครื่องกําหนดสิ่งที่จะเรียน ไมเอาความรูของครูและอุปกรณตาง ๆ เป็นเครื่องกำหนดเนื้อหาการใชบทเรียนโมดูลจะทำให้ผูสอนเห็น วาการสอนโดยใชการบรรยายนั้นมีความสําคัญนอยลง 2. เน้นวัตถุประสงคเป็นสำคัญ ไมใช่เนนกิจกรรมการเรียน วัตถุประสงคจึงตองระบุไวอยาง ชัดเจนเปนประการแรก สวนกิจกรรมการเรียนจะตองเปนสิ่งตามมาเพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคที่กําหนดไว 3. บทเรียนโมดูลเป็นการสนองเอกัตบุคคล คือจะคํานึงถึงความตองการความสนใจและความ แตกตางระหวางบุคคล ใหผูเรียนไดเรียนตามขีดความสามารถแข่งขันกับตนและพิจารณาการเรียนกับ เกณฑกําหนดไวในวัตถุประสงค 4. บทเรียนโมดูลเป็นลักษณะที่รวบแบบการสอนหลายอย่างเข้าไวดวยกัน แทนที่จะใชการสอน เพียงอยางเดียว เชน การบรรยายก็อาจเป็นกิจกรรมอื่น ๆ เปนตนวาการเรียนในกลุมย่อยการศึกษา ทดลองและการใชบทเรียนสําเร็จรูป เปนตน บทเรียนโมดูลจะวางเงื่อนไขในระบบนำส่งอยางใดอยางหนึ่ง โดยเฉพาะเทคโนโลยีตาง ๆ จะถูกนํามาใชเพื่อมุงช่วยใหผูเรียนเกิดการเรียนรูและสงเสริมคุณคามนุษยให มากขึ้น 5. บทเรียนโมดูลเป็นกระบวนการ มิใชเพียงผลขั้นสุดท้ายจึงตองมีการตรวจสอบคุณภาพอยู เสมอเพื่อนำไปปรับปรุงแกไขใหบทเรียนโมดูลนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
9 องคประกอบของการเรียนโมดูล ฮิวสตัน และคณะ (Houst and other.1973:125-132) กลาวว่าบทเรียนโมดูลจะมีหลาย รูปแบบ แตกตางกันออกไปตามลักษณะวิธีการใชโมดูล แตทุกรูปแบบจะมีสวนที่สําคัญ 5 สวนคือ 1. หลักการและเหตุผล เปนสวนที่อธิบายความสําคัญของบทเรียนขอบขายของบทเรียน สิ่งที่ผู เรียนจะตองรูกอนเรียนและขอบขายขบวนการทั้งหมดของบทเรียนโมดูล 2. ความมุงหมาย คือสวนที่สําคัญที่สุดของบทเรียนโมดูล จะกําหนดวาผูเรียนจะประสบ ความสําเร็จอะไรบางหลังจากเรียนแลวทุก ๆ ประโยคจะตองชัดเจนไมกํากวม 3. การประเมินผลเบิ้องต้น มีวัตถุประสงค 2 ประการ คือเพื่อใหรูวาผูเรียนมีความรูพื้นฐานใน เรื่องที่เรียนมากน้อยเพียงใดและเพื่อวัดวาผูเรียนมีความรูความสามารถที่ระบุไวในบทเรียน หรือยังการ ประเมินผลเบื้องตนอาจอยูในรูปแบบการทดสอบขอเขียน การสอบปากเปลาการทำงานสง หรืออาจ อภิปรายก็ไดแลวแตความเหมาะสมของความมุงหมาย และระดับของผูเรียน 4. การกําหนดกิจกรรม คือการกําหนดกิจกรรมเพื่อไปสูความมุงหมายที่ตั้งไวโดยผูเรียนมีสวน รวมในกิจกรรมนั้นด้วย 5. การประเมินผลขั้นสุดทาย เป็นการทดสอบหลังจากที่เรียนมาแลวสวนประกอบของโมดูลทั้ง 5 สวนจัดว่าเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ไดโมดูลอื่น ๆ อาจจะมีสิ่งอื่นเพิ่มเติมมากกวานี้ก็ไดยอมแลวแตความต องการของผูสรางแตก็ตองไมแตกตางกันมากนัก ลอเรนซ (Lawrence. 1975: 13-14) ไดอธิบายถึงลักษณะสําคัญของโมดูลวาประกอบดวยสวน ต่าง ๆ ดังตอไปนี้ 1. สวนแรกของโมดูล จะเปนการแนะนําอย่างละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาของโมดูลจากนั้นจะเป็น การประเมินผลเบื้องตน เพื่อใหผูเรียนสามารถทดลองดูวาโมดูลนั้นจะตรงกับความตองการหรือไม 2. กิจกรรมโมดูล เป็นส่วนที่รวบรวมกิจกรรมขี้นตามจุดมุงหมายของโมดูล กลาวคือ ไดบรรจุ ความตองการเปนแนวทางของการตั้งจุดหมาย 3. การประเมินผลหลังเรียน เปน็จุดสำคัญขั้นสุดทายของโมดูล เพราะผูเรียนสามารถตรวจสอบ ว่าไดรับผลสําเร็จมากนอยเพียงใดจากจุดมุงหมาย ชมพันธ์กุญชร ณ อยุธยา (2528: 88) ไดนําบทเรียนโมดูลรูปแบบของเอเรนส (Arends) และ คณะมาใชในการเรียนการสอนในประเทศไทย โดยเรียกชื่อวาหนวยการเรียนการสอน และกลาวราย ละเอียดของบทเรียนโมดูลวา ประกอบดวยองคประกอบ 7 ประการคือ 1. หลักการและเหตุผล 2. จุดมุ่งหมาย 3. ความรูพื้นฐาน
10 4. การประเมินผลเบื้องตน 5. กิจกรรมการเรียน 6. การประเมินผลหลังเรียน 7. การเรียนซอมเสริม องคประกอบของบทเรียนโมดูลทั้ง 7 ประการ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ หลักการและเหตุผล (Rationale) เปนกระบวนการแรกของบทเรียนโมดูล เปนการกลาวถึง หลักการและเหตุผลที่อยูเบื้องหลังบทเรียนนั้น มุงใหผูเรียนเห็นความสําคัญของเรื่องที่เรียงความสัมพันธ ระหว่างเนื้อหาตาง ๆ ในบทเรียนและความสัมพันธกับเนื้อหาอื่น ๆ ซึ่งหลักการและเหตุผลมีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือ 1. เพื่ออธิบายวัตถุประสงคและความสําคัญของจุดมุงหมายของบทเรียนในแงของการสํารวจ ขอมูล ทฤษฎีหรือการปฏิบัติ 2. เพื่อจัดบทเรียนและจุดมุ่งหมายใหสอดคลองกับหลักสูตรทั้งหมดหลักการและเหตุผลจะ ชวยอธิบายความสำคัญของสมรรถภาพ ที่ตองการจะฝกในบทเรียนโมดูลและชวยใหผูเรียนไดเขาใจอยาง ถองแท ถึงความคาดหวังของหลักสูตรทั้งหมดและไดเห็นอยางชัดเจน แจงถงความสัมพันธ์สอดคลองกับ จุดมงหมายที่กําหนดขึ้นตามบทบาทความรับผิดชอบและหนาที่ของผู้ประกอบอาชีพครูนอกจากนั้น
11 หลักการและเหตุผลยงช่วยใหผูเรียนไดเขาใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมรรถภาพในบทเรียนโมดูลที่กําลัง เรียนกับสมรรถภาพหน่วยอื่น ๆ ที่เขาตองการแสดงความสามารถกอนที่จะจบหลักสูตร จุดมุงหมาย จุดมุงหมายของบทเรียนโมดูลเปนสวนหนึ่งที่ชวยวางโครงสรางของบทเรียนโมดูล นอกจากจะระบุถึงสมรรถภาพที่ผูเรียนไดบรรลุถึงสมรรถภาพที่ระบุไวและจุดมุงหมายควรเขียนใน ลักษณะที่สามารถประเมินไดดวยความมั่นใจวา จุดมุ่งหมายนั้นได้บรรลุถึงผลสําเร็จซึ่งจุดมุงหมายแบง ออกเป็น 2 ลักษณะคือ 1. จุดมุ่งหมายในการเรียนการสอน ระบุสมรรถภาพที่ผูเรียนจะตองแสดงออก 2. จุดมุงหมายที่ตองแสดงออก ระบุเหตุการณที่ผูเรียนจะตองมีประสบการณจุดมุงหมายทำ หน้าที่สําคัญสองประการคือ 1. ชวยเปนสื่อที่โยงจุดมุงหมายหลักสูตร ความคาดหวังและวิธีการสอนต่าง ๆ ใหผูเรียนและผู สอนไดทราบ 2. ชวยใหผูสอนไดวางแผนและประเมินผลจุดมุ่งหมายวิธีสอนและผลการสอนของตน ความรู พื้นฐาน บทเรียนโมดูลต้องการความพรอมดานประสบการณการเรียนที่เปนประโยชนตอการศึกษาใน บทเรียนโมดูล ที่เน้นสมรรถภาพทั่วไป โดยที่ความรูพื้นฐานแบ่งออกเป็น 2 สวนใหญคือ 1. สมรรถภาพพื้นฐานทั่วไปที่จําเปนในการเริ่มต้นบทเรียนโมดูล 2. สมรรถภาพเฉพาะซึ่งได้เรียนมาแล้วในบทเรียนในโมดูลหน่วยกอน ๆ โดยทั่วไปผูสรางบทเรียน โมดูลจะพยายามจดให้มีการกำหนดความรูพื้นฐานกอนการเรียนใหนอยที่สุด ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการ ยืดหยุ่นโปรแกรมการเรียน นอกจากนี้การสร้างแบบประเมินผลเบื้องตนก็ควรใหครอบคลุมถึงความรู พื้นฐานที่จําเป็นดวยการประเมินผลเบื้องตน ไดแก การสํารวจสมรรถภาพของผูเรียนกอนที่จะเริ่มเรียน บทเรียนโมดูล เพื่อที่จะไดจัดกิจกรรมใหสอดคลองกับสวนขาดของผู้เรียนหรือการจดเตรียมสมรรถภาพ พื้นฐานใหเสียกอนที่จะเริ่มเรียน การประเมินผลเบื้องตน หมายถึงการวัดในเรื่องตาง ๆ ดังนี้ 1. เพื่อดูวาผูเรียนสามารถแสดงสมรรถภาพที่เป็นพื้นฐานในการเรียนการสอนที่กําลังจะเรียน ต่อไปไดหรือไม หรือควรจะตองฝกสมรรถภาพที่เป็นพื้นฐานนั้นก่อนเริ่มเรียน 2. เพื่อดูวาผูเรียนมีความรูความสามารถในสมรรถภาพที่ระบุไวในบทเรียนโมดูลที่กําลังจะเรียน แล้วหรือยัง หรือเขาควรจะตองรวมในกิจกรรมการเรียนตาง ๆ เพื่อใหบรรลุถึงจุดมุงหมายของบทเรียน โมดูลนั้น 3. เพื่อดูวาผูเรียนมีความรูความสามารถ ในบางสวนของสมรรถภาพที่ระบุไวในบทเรียนโมดูลที่ กําลังจะเรียนแลวหรือยัง หรือเขาควรจะตองรวมในกิจกรรมการเรียนเพียงบางกิจกรรมที่เกี่ยวของกับสิ่งที่ เขายังไมไดเรียนรูเท่านั้น
12 โดยปกติการประเมินผลเบื้องตนมักใช้การทดสอบโดยการเรียน อย่างไรก็ดีผูสรางบทเรียนควร พิจารณาถึงประโยชนของการทดสอบอย่างอื่นด้วย ทั้งชนิดที่เปนทางการและไมเปนทางการ ทั้งทางตรง และทางออม ทั้งแบบปรนัยและที่ไมเป็นปรนัยทั้งหมดการอภิปรายระหว่างผู้สอนและผู้เรียนและการ สังเกตของบุคคลอื่นก็อาจจะให้เปนการประเมนผลเบื้องต้นได้กิจกรรมการเรียน หมายถึง งานที่จะใหผู เรียนทำเพื่อชวยใหไดเรียนรูและบรรลุถึงจุดมุงหมายที่ระบุไวดังนั้นกิจกรรมการเรียนควรมีลักษณะ ดังนี้ 1. กิจกรรมการเรียนควรชวยใหนักเรียนไดเรียนรูตามความสามารถของตนเอง 2. ถาเป็นไปได้กิจกรรมการเรียนควรจัดใหเปนการเรียนเฉพาะบุคคล นั่นคือกิจกรรมการเรียน ควรจะไดสนองความตองการ ความสามารถ ทัศนคติความพรอมของผูเรียนแตละบุคคล 3. ถึงแมวากจกรรมการเรียน จะชี้เฉพาะและแคบ แตก็ควรเปดโอกาสใหผูเรียนไดเลือกเรียน จากกิจกรรมตางๆ ที่จัดให 4. กิจกรรมแตละชนิดควรจะจัดใหผูเรียนรู้และฝกหัดเทาเทียมกันหมายความวากิจกรรมแตละ ชนิดควรจะไดผลเทาเทียมกันการประเมินผลหลังการเรียน การประเมินผลหลังการเรียนเปนการ ประเมินผล เพื่อพิจารณาวาผูเรียนสามารถแสดงสมรรถภาพที่ระบุไวไนจุดมุงหมายไดตามกําหนดไวหรือ ไม นอกจากนี้การประเมินผลหลังการเรียนยงช่วยชี้ให้เห็นขอบกพรองในการเรียนการสอนและชวยชี้ แนวทางที่จะแก้ไขดวยขอมูลที่ไดจากการประเมินผลหลังการเรียนจะเป็นประโยชนในการแสดงถึง พัฒนาการทางการเรียนของผูเรียนและประสิทธิภาพของบทเรียนโมดูล ดังนั้น การประเมินผลหลังการ เรียนควรมีลักษณะดังนี้ 1. ประเมินผลสมรรถภาพ ที่ระบุไวในจุดมุงหมายดวยวิธีการที่เชื่อถือได 2. ประเมินผลเฉพาะสมรรถภาพที่ระบุไวในจุดมุงหมาย หรือที่ระบุไวเปนสมรรถภาพพื้นฐาน กอนเริ่มบทเรียนโมดูลหรือกอนเริ่มโปรแกรม 3. ประเมินผลหลังการเรียน ควรจัดทำทั้งในระหวางเรียน และ หลังการเรียน 4. ประเมินผลหลังการเรียน จะตองเปนจริงและมีเหตผลุ โดยคํานึงถึงเวลาทั้งหมดของผูสอน และของผูเรียน ในกรณีที่ผูเรียนไมสามารถแสดงสมรรถภาพที่ระบุไวในจุดมุงหมายได อาจมีสาเหตุมาจาก 1. ผูเรียนไมมีความสามารถแรงจูงใจ หรือความพยายาม 2. การจัดกิจกรรมไมเหมาะสมหรือไมมีประสิทธิภาพ 3. จุดมุงหมายที่คาดหวังไวไมเปนความจริง การเรียนซ่อมเสริม เปนการช่วยใหผูเรียนมีโอกาสพัฒนาสมรรถภาพไปสูความสําเร็จของการ เรียนที่ดียิ่งขึ้น การเรียนซอมเสริมอาจจะกําหนดไว้ในบทเรียนหรือไมก็ได การเรียนซอมเสริมเปนกิจกรรม การเรียนที่จะช่วยเหลือผูเรียนที่ไมผานการทดลองภายหลังบทเรียน การเรียนซอมเสริมอาจดําเนนตาม แบบเดิมหรืออาจเปลี่ยนแปลงได วัตถุประสงคของการเรียนซ่อมเสริมก็เพื่อชวยเหลือมิใช่ลงโทษและเพื่อ
13 เปดโอกาสใหผูเรียนไดบรรลุผลสําเร็จ โดยทั่วไปกิจกรรมการเรียนซอมเสริมนี้ผูสอน และผูเรียนจะ กําหนดรวมกัน โดยพิจารณาจากความสามารถในเชิงปฏิบัติงานของผูเรียนที่สัมพันธกับการประเมินผล หลังการเรียนแลวชวยกันตัดสินใจ ควรจะใชวิธีสอนอยางไร จึงจะเป็นประโยชน์และไดผลดีที่สุด การสร้างบทเรียนโมดูล ชมพันธ์กุญชร ณ อยุธยา (2528: 83-85) ใหขอเสนอแนะในการสรางบทเรียนโมดูลไว้ ดังตอไปนี้ 1. ผูสรางจะตองคำนึงถึงจุดมุ่งหมายทั่วไปของหลักสูตรอยูเสมอและควรพิจาณาอยางรอบคอบ ว่าจุดมุงหมายของบทเรียนที่สรางขึ้นนั้น ไดสรางสมรรถภาพแกผูเรียนที่จะสําเร็จการศึกษาตามที่ระบุไว ในจุดมุงหมายทั่วไปของหลักสูตรหรือไมและในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนก็ตองสอดคลองกับ ปรัชญาในการเรียนการสอนของหลักสูตร เรื่องตาง ๆ เหลานี้ควรระบุไวอยางชัดเจนในการเขียนหลักการ และเหตุผล 2. ในการกําหนดสมรรถภาพที่จะใหผูเรียนไดเรียนรูและแสดงใหเห็นนั้นควรคํานึงถึงสิ่ง ตอไปนี้ 2.1 ถาจะเป็นการวัดความรูตองคํานึงถึงความรู้ที่ตองการใหไดเรียนรูอย่างแท้จริง 2.2 ถาจะวัดเจตคติตองคํานึงถึงพฤติกรรมเกี่ยวกับเจตคติที่ตองการใหผูเรียนแสดงออก 2.3 ถาจะวัดพฤติกรรมการสอน จะตองคํานึงถึงพฤตกรรมการสอนที่ตองการใหผูเรียนสามารถ ปฏิบัติใหเห็นได 2.4 ถาจะวัดประสิทธิภาพของผลงาน จะตองคํานึงถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรในผลงานที่ผูเรียน จะตองกอให้เกิดขึ้นในภาวะเช่นไร 3. หลังจากการกําหนดจุดมุ่งหมายแลว ผูสรางบทเรียนจะตองกําหนดสมรรถภาพพื้นฐาน ที่จําเป็นสำหรับผู้เรียน สมรรถภาพพื้นฐานควรจะกําหนดแตเฉพาะเรื่องที่เปนพื้นฐานจริง ๆ ของบทเรียน นั้น ถาเปนไปไดสมรรถภาพพื้นฐานควรจะมีนอยที่สุดเพื่อใหโปรแกรมการเรียนยืดหยุ่นได้และเพื่อให โอกาสแก่ผูเรียนที่จะเลือกเรียนไดมากที่สุด 4. การสรางแบบประเมินผลเบื้องตน ผูสรางควรจะมั่นใจวาเกณฑที่สรางขึ้นนั้น ใชวัด สมรรถภาพของผูเรียนที่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายอย่างแท้จริงการประเมินผลจะต้องคำนึงถึงความเปนจริงและ จะตองใหขอมูลยอนกลับแกผูเรียน วิธีการวัดผลจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากคํานึงถึงภาคปฏิบัติและมี ลักษณะที่จะช่วยในการวินิจฉยข้อบกพรอง 5. การสรางกิจกรรมการเรียน ผูสรางควรพยายามใหมีทางเลือกหลาย ๆ ทางแกผูเรียนเพื่อให เขาไดเลือกในสิ่งที่จะชวยให้เขาประสบความสำเร็จมากที่สุด สอดคลองกับวิธีการเรียนของเขาและจะช่วย ให้เขาไดเรียนรูในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ผูเรียนควรจะไดมีโอกาสเลือกสรางกิจกรรมของตนดวย ความช่วยเหลือของครู
14 6. ถาผูสร้างกิจกรรมการเรียนเห็นว่ากิจกรรมตาง ๆ นั้น ควรจัดเรียงลําดับ การจัดลําดับ กิจกรรมก็ควรจะทำใหชัดเจน เพื่อใหผูเรียนไดเขาใจถึงลักษณะแผนงานทั้งหมด 7. กิจกรรมการเรียนต่าง ๆ ที่ใหผูเรียนเลือกนั้น ควรเปดโอกาสใหผูเรียนไดฝกหัดเท่าเทียมกัน 8. วิธีการประเมินผลหลังการเรียน ควรใชวิธีการเสนอแนะในการสรางการประเมินผลเบื้องต้น และข้อทดสอบควรเชื่อถือได 9. ผูสรางบทเรียนอาจระบุกิจกรรมการเรียนซอมเสริมไดตามความเหมาะสม แมวาปกติแลว กิจกรรมการเรียนซอมเสริมควรจะขึ้นอยูกับสถานการณเฉพาะ เมื่อไดสรางบทเรียนสมบูรณทั้งโปรแกรม แลวกิจกรรมการเรียนซอมเสริมอาจจะนำมาใช้เปนกิจกรรมการเรียนที่ผูเรียนเลือกเรียนได 10. คําอธิบายของบทเรียนโมดูลตองสั้นและชัดเจน 11. ผูสรางบทเรียน ควรจะใหผูรวมงานหลาย ๆ คน และผูเรียนช่วยกันวิจารณเพื่อจะไดนํา ขอวิจารณเหล้านั้นมาปรับปรุงแกไขบทเรียนที่สรางขึ้น 12. เมื่อสรางบทเรียนเรียบรอยแลว ผูสรางควรทบทวนอีกครั้งวาบทเรียนนั้นเน้นถึงสมรรถภาพ ที่สัมพันธกับการพัฒนาของผู้เรียนหรือไม และเป็นตัวอยางที่ดีมีประสิทธิภาพในการเรียนการสอนหรือไม 13. ในลำดับสุดทาย ผูสรางบทเรียนจะตองคำนึงอยู่เสมอว่าบทเรียนที่สรางขึ้นนั้นยอม เปลี่ยนแปลงแกไขไดเสมอ ขอเสนอแนะในการสร้างบทเรียนโมดูล แอแรนดส แมสลา และเวเบอร (Arent, Masla,and Weber1973: 29-31) ไดใหขอเสนอในการ สรางบทเรียนโมดูลไวดังตอไปนี้ 1. ในการสร้างบทเรียนโมดูล ผูสรางจะตองคํานึงถึงจุดมุงหมายทั่วไปของหลักสูตรอยู่เสมอผู สรางควรพิจารณาอยางรอบคอบวา จุดมุงหมายของบทเรียนโมดูลที่สรางขึ้นนั้นไดสรางสมรรถภาพใหแก ผูเรียนที่จะสำเร็จการศึกษาตามที่ระบุไวในจุดมุ่งหมายทั่วไปของหลักสูตรหรือไม และในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนก็จะตองใหสอดคลองกับปรัชญาในการเรียนการสอนของหลักสูตร เรื่องตาง ๆ เหล่านี้ ควรระบุไวอยางชัดเจนในการเขียนหลักการ และเหตุผล 2. ในการกำหนดสมรรถภาพที่จะใหผูเรียนไดเรียนรูและแสดงใหเห็นนั้น ควรจะคํานึงคำถาม ตอไปนี้ 2.1 ถาจะเปนการวัดความรูจะตองคําถึงวาความรู้อะไรที่ตองการใหผูเรียนรูอยางแทจริง 2.2 ถาจะเปนการวัดเจตคติของผูเรียน จะตองคําถึงว่าพฤติกรรมที่เกี่ยวกับเจตคติอะไรที่ตอง การใหผูเรียนแสดงออก 2.3 ถาจะเปนการวัดพฤติกรรมของผูเรียน จะต้องคำนึงถึงว่าพฤติกรรมอะไรที่ตองการใหผู เรียนสามารถปฏิบัติใหเห็นจริงได
15 3. หลังจากที่ไดกําหนดจุดมุงหมายแลว สรางบทเรียนโมดูลจะตองกำหนดสมรรถภาพพื้นฐานที่ จําเปนสําหรับผูเรียน สมรรถภาพพื้นฐานที่จําเปนควรกำหนดแต่เฉพาะเรื่องที่เป็นพื้นฐานจริง ๆ ของ บทเรียนโมดูล ถาเปนไปไดสมรรถภาพพื้นฐานควรจะมีนอยที่สุดเพื่อใหโปรแกรมการเรียนยืดหยุ่นได และใหโอกาสผูเรียนที่จะเลือกเรียนไดมากที่สุด 4. ในการสรางแบบประเมินผลกอนเรียน ผูสรางควรจะมั่นใจวาเกณฑที่สรางขึ้นนั้น ใชวัด สมรรถภาพของผูเรียนที่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายอย่างแทจริง ตัวอยางเชน ถาใชเกณฑในการวัดผล การปฏิบัติ การวัดผลที่เกี่ยวกับสติปญญาความรูก็ไมเหมาะสม ขอสําคัญอีกประการหนึ่งก็คือการ ประเมินผลจะตองคํานึงถึงความเป็นจริง และจะตองใชขอมูลยอนกลับแกผูเรียน วิธีการวัดผลจะมี ประสิทธิภาพมากที่สุด 5. ในการสรางกิจกรรมการเรียน ผูสรางควรพยายามใหมีทางเลือกหลาย ๆ ทางแกผูเรียน ทั้งนี้ เพื่อใหผูเรียนไดเลือกเรียนในสิ่งที่จะช่วยใหประสบความสําเร็จมากที่สุด สอดคลองกับวิธีการเรียนของเขา และจะชวยใหเขาได้เรียนรูในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ผูเรียนควรจะไดมีโอกาสเลือกสรางกิจกรรมของ ตนเองด้วยความชวยเหลือของอาจารยผูสรางบทเรียนจะตองระลึกอยูเสมอวาผูเรียนมีหน้าที่รับผิดชอบ ตอการแสดงความสามารถในสมรรถภาพที่ระบุไวมิใชในการเรียนกิจกรรมการเรียน 6. ถาผูสรางกิจกรรมการเรียนเห็นว่ากิจกรรมตาง ๆ นั้นควรจัดเรียงลําดับการจัดลําดับกิจกรรม การเรียนที่ควรจะทําใหชัดเจนเพื่อใหผูเรียนได้เขาใจถึงลักษณะแผนงานทั้งหมด 7. กิจกรรมการเรียนต่าง ๆ ที่ผูใหเรียนเลือกเรียนนั้นควรเปดโอกาสใหผูเรียนไดฝกหัดเทาเทียม กัน 8. วิธีการสรางการประเมินผลหลังการเรียน ควรใชวิธีการตามที่เสนอแนะในการสรางการ ประเมินผลกอนการเรียน และขอทดสอบควรเชื่อถือได 9. ผูสรางบทเรียนโมดูลอาจระบุกิจกรรมการเรียนซอมเสริมไดตามความเหมาะสม ถึงแมวา โดยปกติแลว กิจกรรมการเรียนซอมเสริมควรจะขึ้นอยูกับสถานการณเฉพาะเมื่อไดสรางบทเรียน โมดูลสมบูรณทั้งโปรแกรมแลว กิจกรรมการเรียนซ่อมเสริมอาจจะนํามาใช้เป็นกิจกรรมการเรียนที่ใหผู เรียนเลือกเรียนได 10. คําอธิบายของบทเรียนควรจะสั้น และชัดเจน 11. ผูสรางบทเรียนโมดูล ควรจะใชผูรวมงานหลาย ๆ คน และผูเรียนชวยใชวิจารณเพื่อจะได นําขอวิจารณเหลานั้นมาปรับปรุงแกไขบทเรียนที่สร้างขึ้น 12. เมื่อสรางบทเรียนโมดูลเรียบรอยแลว ผูสรางควรจะตองทบทวนอีกครั้งวาบทเรียนโมดูลนั้น เนนถึงสมรรถภาพที่สัมพันธกับพัฒนาการของผูเรียนหรือไม และเปนตัวอยางที่ดีมีประสิทธิภาพในการ เรียนการสอนหรือไม
16 13. ในขั้นสุดทายผูสรางบทเรียนโมดูลจะตองคํานึงอยู่เสมอว่าบทเรียนที่สรางขึ้นนั้นย่อม เปลี่ยนแปลงแกไขไดเสมอ
17 การพัฒนาบทเรียนโมดูล หลังจากมีการสรางบทเรียนโมดูลแลว มีการนําไปใชจะตองมการพัฒนาบทเรียนโมดูลอยูเสมอ ซึ่ง ฮิวสตัน และคณะ (Houston and others 1972:149) ไดกําหนดขั้นตอนการพัฒนาไว 4 ลําดับขั้น ดังนี้ 1. การวางแผน (Planning) 2. การสรางโมดูล (Production) 3. การทดลองต้นแบบ (Prototype Testing) 4. การประเมินผลโมดูลเพื่อการปรับปรุง (Evaluation) การพัฒนาบทเรียนโมดูลเปนกระบวนการที่ไมมีที่สิ้นสุด เมื่อไดนําบทเรียนโมดูลที่สรางเสร็จ แลวไปทดลอง และเมื่อไดประเมินการใชบทเรียนโมดูลแลว ก็ตองนำมาปรับปรุงใหม ชมพันธ กุญชร ณ อยุธยา (2528 : 109) แสดงกระบวนการในการพัฒนาบทเรียนโมดูล ดังใน ภาพประกอบที่ 4 (วิศิษฐ ชุมวรฐายี. 2519 : 3) ในการพัฒนาบทเรียนโมดูล วงจรขอมูลย้อนกลับ (Feedback Loops) มีความสำคัญมากเพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพและทําใหมีการปรับปรุงแกไขในโอกาสตอไป เครื่องมือที่ใชเพื่อประเมินผลบทเรียนโมดูลจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะตองสรางขึ้นเพื่อจะไดนําผลไปปรับปรุง บทเรียนโมดูลใหมใหมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
18 ประโยชนของบทเรียนโมดูล บทเรียนโมดูลเปนบทเรียนที่มีประโยชนตอครูและนักเรียนมาก โดยมีผูกลาวถึงผลดีของ บทเรียนโมดูลไวหลายท่าน เชน ลอเรนซ (Lawrence.1975: 1-3) ระวิวรรณ อิสระ (2522: 34-35) บุญมีกอนทอง (2518: 21-23) วิศิษฐ์ชุมวรฐายี (2519: 2-3) เปนตน โดยสรุปไดวา บทเรียนโมดูลมีขอดีตอครูและนักเรียนดังนี้ 1. บทเรียนโมดูลมีความเหมาะสมกับผูเรียนที่ตองการศึกษาดวยตนเอง 2. บทเรียนโมดูลทําใหผูเรียนเขาใจงายเพราะโมดูลแยกแยะเนื้อหาออกเป็นส่วนยอย ๆ 3. บทเรียนโมดูลชวยลดบทบาทในการสอน ทําใหครูมีโอกาสดูแลนักเรียนที่เรียนไมทันไดอยาง ใกลชิด เพราะนักเรียนเรียนดวยตนเองเปนส่วนใหญ่ 4. นักเรียนสามารถเรียนไดเร็วชาตามความสามารถของแตละบุคคล 5. ฝกใหนักเรียนมีความรับผิดชอบ และมีความซื่อสัตยตอตนเอง บทเรียนโมดูลช่วยใหผูเรียน ทราบความสามารถ และความก้าวหนาในการเรียนของตนเองตลอดเวลา ทําใหนักเรียนมีความกระตือ รือรนในการเรียนยิ่งขึ้น 6. บทเรียนโมดูลเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่มีระเบียบแบบแผน มีวิธีการศึกษาจากสื่อวัสดุ อุปกรณหลาย ๆ อยาง 7. บทเรียนโมดูลเป็นวิธีการเรียนการสอนที่ดีมีมาตรฐาน เพราะมีการสร้างที่มีการวางแผนอย่าง รอบคอบ 8. บทเรียนโมดูลชวยเตรียมความพรอมความสะดวกแกนักเรียน และครูผูสอน ปญหาการใชบทเรียนโมดูล ถึงแมวาการสอนโดยใช้บทเรียนโมดูล จะใชไดผลดีและสามารถเกิดประสิทธิภาพในการเรียน การสอนไดแตในการนำบทเรียนแบบโมดูลไปใชนั้น อาจจะพบปัญหาดังนั้น ฮิวสตัน และคณะ (Houston and others.1972: 135-139) กลาวว่าในการใช้บทเรียนโมดูลมี ปญหาตาง ๆ เกี่ยวกับชีวิตสอนโดยใชบทเรียนโมดูลซึ่งเปนปญหาสําคัญ 3 ประการ ดังนี้ 1. ความยุ่งยากในการสร้างจุดมุงหมายของบทเรียนโมดูลที่เหมาะสมเพียงพอ 2. ความยุ่งยากในการสร้างกิจกรรมที่เหมาะสม เพื่อชวยเหลือนักเรียนให้บรรลุเปาหมายที่ตั้งไว 3. ความยุงยากในการสรางคําชี้แจง สําหรับนักเรียนใหปฏิบัติตามในการสอนโดยใชบทเรียน โมดูลที่นักเรียนเรียนเองตามความสามารถของตน สรุปไดวาขอสังเกตในการใช้บทเรียนโมดูล นักเรียนจะตองเรียนรูในระดับความสามารถที่ตางกัน กิจกรรมเลือกของการเรียนรูจะตองไดรับการเตรียมใหมีความเที่ยงตรง เข้าใจงายและมีความสมบูรณถ้า ไม่เชนนั้นแลวนักเรียนจะไมบรรลุถึงเป้าหมายได้
19 รัชดาพรรณ อินทรสุขสันติและอัญชลี สารรัตนะ (2022) ได้ศึกษา การพัฒนาโมดูลการเรียนรู้ แบบวิจัยเป็นฐาน (RBL) เพื่อการเสริมสร้างสมรรถนะวิจัยในชั้นเรียนทางการศึกษาพิเศษ สำหรับนักศึกษา ครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ผลวิจัยพบว่า ผลการหาประสิทธิภาพของโมดูลระหว่างเรียน E1 มี ค่าเฉลี่ยร้อยละ 83.38 และคะแนนแบบทดสอบหลังเรียน E2 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 80.66 สรุปได้ว่า ชุดการ สอนมีประสิทธิภาพ 83.38/80.66 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ ผลการวิจัยใน ระยะที่ 2 พบว่า ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์คะแนนก่อนและหลังของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม จากโมดูลการเรียนรู้ แบบวิจัยเป็นฐาน (RBL) มีผลคะแนนสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 นั่น คือ โมดูลการ เรียนรู้แบบวิจัยเป็นฐาน (RBL) มีประสิทธิผลต่อการเรียนรู้ด้านวิจัยในชั้นเรียนทางการศึกษาพิเศษ สำหรับ นักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ภานุวัฒน์ ศรีไชยเลิศ และมนต์ชัย เทียนทอง (2019) ได้ศึกษา รูปแบบการเรียนการสอนแบบ ผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบ STAD ผลวิจัยพบว่า รูปแบบที่ชื่อว่า PJBLS-Model ประกอบไปด้วย 3 ส่วน 8 โมดูล ได้แก่ ส่วนนำเข้าข้อมูล คือ 1) โมดูลผู้สอน 2) โมดูล ผู้เรียน ส่วนของกระบวนการ คือ 3) โมดูลการจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ 4) โมดูลเนื้อหาใน การเรียนรู้โดยอาศัยโครงงานเป็นฐาน 5) โมดูลการเรียนการสอนแบบสาธิตออนไลน์ 6) โมดูลการเรียน การสอนแบบสาธิตออฟไลน์ ส่วนของผลลัพธ์ คือ 7) โมดูลจัดการชิ้นงาน และ 8) โมดูลสำหรับประเมิน ชิ้นงานโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการประเมินความเหมาะสมของกรอบแนวคิดตามรูปแบบที่สังเคราะห์ขึ้น มี ความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.62 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 ผู้เชี่ยวชาญให้การยอมรับรูปแบบที่สังเคราะห์ขึ้น สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนรู้ ใน รายวิชาการบริหารและการบริการอินเทอร์เน็ตได้ อุดมศักดิ์ พิมพ์พาศรี,วรปภา อารีราษฎร์และธรัช อารีราษฎร์ (2018) ได้ศึกษา ความคิดเห็น ของอาจารย์ผู้สอนที่มีต่อองค์ประกอบของการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการเรียนการ สอนหลักสูตรแบบออนไลน์ ระดับบัณฑิตศึกษา ผลวิจัยพบว่า องค์ประกอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการจัดการ เรียนการสอนหลักสูตรแบบออนไลน์ระดับบัณฑิตศึกษา ประกอบด้วย 8 โมดูล มีความ เหมาะสมอยู่ระหว่างร้อยละ 94.44-100.00 เมื่อพิจารณาองค์ประกอบหรือหน้าที่ของแต่ละ โมดูล ที่มีความเหมาะสมร้อยละ 100.00 ได้แก่ โมดูลติดต่อผู้ใช้ โมดูลสมาชิก โมดูล ลงทะเบียน โมดูลหลักสูตร และโมดูลบทเรียนสําหรับอาจารย์ ส่วนโมดูลอาจารย์ที่ปรึกษาและโมดูลบุคลากรฝ่ายทะเบียน มีความ เหมาะสม ร้อยละ 94.44 และ โมดูลนักศึกษา มีความเหมาะสมร้อยละ 88.89
20 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการวิจัย การวิจัย เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เพื่อให้การวิจัยครั้งนี้ได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้วิจัยจึง ได้กำหนดวิธีดำเนินการวิจัย ซึ่งมีรายละเอียด ในการดำเนินการวิจัย ตามขั้นตอนดังนี้ แบบแผนการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จากการ จัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ประชากร/ตัวอย่าง ประชากรของการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 217 คน ตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน ตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรต้น การจัดการเรียนการสอน โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ตัวแปรตาม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการพัฒนาการจัดการเรียน การสอน โดยใช้โมดูล
21 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง การสร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย 2. โมดูลกลีบกระทง ทั้ง 7 รูปแบบ 3. แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 4. แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 5. แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องงานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย มีขั้นตอนการสร้าง ดังนี้ 1.1 ศึกษาโครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ หลักการ ทฤษฎีการสร้าง จากเอกสารตำรา ต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการสอน 1.2 ศึกษาเอกสารหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 วิเคราะห์หลักสูตร กำหนด จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม และกำหนดโครงเรื่องเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นเรื่องย่อย ๆ โดยเรียงลำดับเรื่องจากง่ายไปหายาก 1.3 ดำเนินการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพสำหรับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องการงานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย 1.4 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้าง ไปใช้กับผู้เรียนกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน 2. สื่อโมดูลกลีบกระทง มีขั้นตอนการสร้าง ดังนี้ 2.1 ศึกษาทฤษฎี และหลักการสร้างสื่อโมดูล จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.2 สร้างโมดูลโดยยึดเนื้อหาจากในหนังสืองานประดิษฐ์ และอินเทอร์เน็ต โดยนำเนื้อหา สาระการเรียนรู้กลีบกระทง เรื่องกลีบกระทง มาจัดทำเป็นสื่อโมดูล โดยสาธิตแต่ละขั้นตอนการพับกลีบ แต่ละขั้นตอนแล้วนำมาติดโดยมีคำอธิบายประกอบไปด้วย และจัดทำโมดูลให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูด ความสนใจของนักเรียน 2.3 จัดลำดับขั้นตอน และจุดประสงค์การเรียนรู้วิชาการงานอาชีพที่มีเนื้อหาที่ถูกต้อง เหมาะสมกับ โมดูลประกอบการสอนของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2.4 นำสื่อการเรียนรู้โมดูลไปใช้กับผู้เรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน
22 3. แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน มีขั้นตอนการสร้างดังนี้ 3.1 ศึกษาวิธีการสร้างแบบประเมินที่ดี วิธีการหาความน่าเชื่อถือ จากหนังสือเทคนิคการ วิจัยทางการศึกษา 3.2 สร้างแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตั้งคำถาม 10 ข้อ เพื่อใช้ในการทำแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน Google Forms ภาพที่ 5 การสร้าง Google Forms ประเมินความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้สื่อโมดูล 3.3 นำแบบประเมินความพึงพอใจไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 คน 4. การดำเนินการวิจัย/การเก็บรวบรวมข้อมูล 4.1 ปฐมนิเทศผู้เรียน และชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.2 จัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ 4.3 ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติชิ้นงานกลีบกระทงตามโมดูล 4.4 ให้ผู้เรียนกลุ่มตัวอย่างทำแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจ เมื่อทำการทดสอบ แล้ว นำผลที่ได้จากการทดสอบมาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติต่อไป 4.5 ผู้วิจัยค้นคว้าดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบประเมินความพึงพอใจ จากกลุ่ม ทดลอง จำนวน 40 คน นำผลคะแนนที่ได้จากแบบประเมินความพึงพอใจจาก Google Forms ไปทำการ วิเคราะห์ และคำนวณใน Microsoft Excel เพื่อสรุปผล
23 ภาพที่ 6 ข้อมูลแบบประเมินความพึงพอใจของผูทดลองใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ภาพที่ 7 การคำนวณคะแนนแบบประเมินความพึงพอใจของผู้ทดลองใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบ กระทง ใน Google Sheets 4.5 นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ และสรุปผลการวิจัย 5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 5.1 หาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สูตร E1/E2 5.2 เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนจากการ จัดการเรียนรู้โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัด สุทธิวราราม โดยใช้การทดสอบค่า T (T-Test) แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน 5.3 หาผลสถิติพื้นฐาน หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ เพื่อวิเคราะห์ ผลแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้และแบบประเมินผู้เรียน
24 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ผู้วิจัยค้นคว้าได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตามลำดับ ดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวอเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดความเข้าใจการแปลความหมาย และการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้ถูกต้องอีก ทั้งเพื่อความสะดวกในการนำเสนอข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดความหมายสัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะข้อมูล ดังนี้ N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง x̅ แทน คะแนนเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ T แทน ค่าสถิติทดสอบที่ใช้เปรียบเทียบค่าวิกฤติเพื่อทราบค่านัยสำคัญ 4.2 ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล และแปรความหมายตามลำดับขั้นตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการสอนโดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียน โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม วิเคราะห์โดยใช้ E1/E2 สถิติค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง วิเคราะห์โดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการ ทดสอบที แบบกลุ่มไม่อิสระ (Dependent Sample t-test) ตอนที่ 3 วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิ- วราราม โดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง วิเคราะห์โดยใช้สถิติ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
25 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการสอนโดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม วิเคราะห์โดย ใช้ E1/E2 สรุปได้ดังตาราง ที่ 4.1 ดังนี้ ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงประสิทธิภาพของการสอนโดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม การทดสอบ คะแนนเต็ม (N) x̅ S.D. ประสิทธิภาพ ระหว่างเรียน : E1 ย่อย : E2 40 10 32.4 8.8 1.70 1.62 81.1 88.0 จากตารางที่ 4.1 พบว่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมการพัฒนา บทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เท่ากับ 81.1/88.0 ซึ่งแสดงว่าประสิทธิภาพโดยการใช้กิจจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การ พับกลีบกระทง สามารถทำให้ประสิทธิภาพทางการเรียนดีขึ้น ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน วัดสุทธิวราราม ก่อนเรียน และหลังเรียน โดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับ กลีบกระทง วิเคราะห์โดยใช้สถิติการทดสอบที แบบกลุ่มไม่อิสระ (Dependent Sample t-test) สรุปผล ดังแสดงในตาราง 4.2 ดังนี้ ตารางที่ 4.2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ก่อนเรียน และหลังเรียนโดยใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การ พับกลีบกระทง การทดสอบ N x̅ S.D. T ก่อนเรียน หลังเรียน 10 10 4.35 9.55 1.31 0.67 19.72* *มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากตารางที่ 4.2 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียน โดย ใช้กิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่ง เป็นไปตามที่สมมติฐานตั้งไว้ ตอนที่ 3 วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ใช้กิจกรรมการพัฒนา บทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง วิเคราะห์โดยใช้สถิติร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
26 ตารางที่ 4.3 ตารางแสดงระดับความพึงพอใจของนักเรียน จากกิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดย ใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ข้อ รายการ x̅ S.D. ระดับความพึงพอใจ 1 ความสร้างสรรค์ในการออกแบบสื่อโมดูลน่าสนใจ 4.5 0.90 ความพึงพอใจมากที่สุด 2 สื่อโมดูลสามารถให้ความรู้เพิ่มมากขึ้น 4.3 0.94 ความพึงพอใจมากที่สุด 3 สื่อโมดูลมีเนื้อหาสั้นกระชับเข้าใจง่าย 4.3 0.99 ความพึงพอใจมากที่สุด 4 สื่อโมดูลมีประโยชน์ต่อผู้ประเมิน 4.4 0.90 ความพึงพอใจมากที่สุด 5 เนื้อหาของสื่อโมดูลสามารถนำไปใช้ได้จริง 4.3 0.94 ความพึงพอใจมากที่สุด 6 สื่อโมดูลมีความทนทาน สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก 4.2 0.94 ความพึงพอใจมากที่สุด 7 สื่อโมดูลสามารถนำไปเผยแพร่เป็นสื่อการเรียนรู้ได้จริง 4.3 0.96 ความพึงพอใจมากที่สุด 8 สื่อโมดูลมีลูกเล่นต่างจากปกติ 4.2 0.96 ความพึงพอใจมากที่สุด 9 สื่อสามารถให้ความรู้เพิ่มเติมจากเดิม 4.3 0.96 ความพึงพอใจมากที่สุด 10 สื่อมีสีสันสวยงาม น่าเรียน 4.3 0.94 ความพึงพอใจมากที่สุด รวม 4.33 0.26 ความพึงพอใจมากที่สุด ในการประเมินระดับความพึงพอใจ ผู้ศึกษาใช้เกณฑ์แบบมาตราประมาณว่า (Rating Scale) 5 ระดับตามวิธีของ ลิเคิร์ท ใช้ค่าคะแนนตั้งแต่ 1.00 - 5.00 มีการแปลความหมายจากค่าเฉลี่ย ดังนี้ 1.00 – 1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจระดับ น้อยที่สุด 1.51 – 2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจระดับ น้อย 2.51 – 3.50 หมายถึง มีความพึงพอใจระดับ ปานกลาง 3.51 – 4.50 หมายถึง มีความพึงพอใจระดับ มาก 4.51 – 5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจระดับ มากที่สุด จากตารางที่ 4.3 พบว่ากลุ่มทดลองใช้มีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจราณาเป็นรายข้อพบว่า ทุกข้อ อยู่ในระดับมาก โดยข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ความสร้างสรรค์ในการออกแบบสื่อโมดูลน่าสนใจ มี ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 รองลงมา 1 รายการ คือ สื่อโมดูลมีประโยชน์ต่อผู้ประเมิน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4 รองลงมา 6 รายการ คือ สื่อโมดูลสามารถให้ความรู้เพิ่มมากขึ้น, สื่อโมดูลมีเนื้อหาสั้นกระชับเข้าใจง่าย, เนื้อหาของ สื่อโมดูลสามารถนำไปใช้ได้จริง, สื่อโมดูลสามารถนำไปเผยแพร่เป็นสื่อการเรียนรู้ได้จริง, สื่อสามารถให้ ความรู้เพิ่มเติมจากเดิม, สื่อมีสีสันสวยงาม น่าเรียน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3 และรองลงมา 2 รายการ คือ สื่อโมดูลมีความทนทาน สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก, สื่อโมดูลมีลูกเล่นต่างจากปกติมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2
27 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงาน จากการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม สรุปผลได้ตามลำดับ ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์การวิจัย 2. สรุปผล 3. อภิปรายผล 4. ข้อเสนอแนะ 5.1 วัตถุประสงค์การวิจัย 5.1.1 เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 5.1.2 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากการใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 5.1.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม จาก การจัดการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 5.2 สรุปผล 5.2.1 ผลการศึกษาประสิทธิภาพของการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.1/88.0 ซึ่งมีค่าเท่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 พบว่าประสิทธิภาพทางการเรียนดีขึ้น 5.2.2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน - หลังเรียน จากการพัฒนาบทเรียนโดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยมี ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 4.35 และหลังเรียน เท่ากับ 9.55 ซึ่งพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 5.2.3 ผลการศึกษาระดับความพึงพอใจของผู้เรียนจากการทำกิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.33 ซึ่งมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง ทั้งรายข้อ และโดยรวมอยู่ในระดับมาก
28 5.3 อภิปรายผล ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย เรื่อง การพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบ กระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้ 5.3.1 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.1/88.0 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียน คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 81.1 และ มีคะแนนของทุกคนจากการวัดภาคปฏิบัติรวมกับคะแนนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 88.0 ซึ่งมีค่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 ซึ่งพบว่าประสิทธิภาพทางการ เรียนของนักเรียนดีขึ้น เนื่องจากแผนการจัดการเรียนรู้ได้ผ่านขั้นตอนการสร้างอย่างเป็นระบบ โดย การศึกษาเอกสาร หลักสูตร เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ ได้รับการปรับปรุง แก้ไขจากการเสนอแนะจากอาจารที่ปรึกษาค้นคว้าอิสระ และปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ก่อน นำไปใช้จริง ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ พนิดา เวชพันธ์(2023) ได้ศึกษา การพัฒนาบทเรียนโมดูลวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนโมดูลวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 78.47/76.67 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม ของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม สูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยใช้บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม มีความพึงพอใจในระดับมาก 5.3.2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน - หลังเรียน จากการพัฒนาบทเรียนโดยใช้ โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม โดยมี ค่าเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 4.35 และหลังเรียน เท่ากับ 9.55 ซึ่งพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เพิ่มขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้เป็นเพราะว่าการใช้วิธีการสอนโดยใช้ โมดูล ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในการเรียนมากขึ้น สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เรียนด้วยการสร้าง สื่อที่มีลูกเล่นต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสร้างบรรยากาศภายในการเรียนให้มีความสนุกสนานมากขึ้น สามารถ นำสื่อกลับมาใช้ซ้ำได้ และยังทำให้การเรียนรู้เข้าใจได้ง่ายกว่าในหนังสือ เป็นสื่อที่ผู้เรียนสามารถนำกลับ มาทบทวนความรู้ได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย ของ มัสยา, อิมรอฮิม (2016) ได้ศึกษา การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบโมดูล เรื่อง อิสลาม เบื้องต้นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสอนศาสนูปถัมภ์ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบโมดูล เรื่อง อิสลามเบื้องต้นมีคุณภาพ ในระดับดีมาก และมีประสิทธิภาพ
29 เท่ากับ 81.92/84.83 และ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง อิสลามเบื้องต้น ของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบโมดูลสูงกว่าการเรียนรู้แบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5.3.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนจากการทำกิจกรรมการพัฒนาบทเรียนโดยใช้โมดูล เรื่อง การพับกลีบกระทง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม มีความพึงพอใจ ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้โมดูล ทั้งรายข้อ และโดยรวมอยู่ในระดับมาก ซึ่งสอดคล้องกับ งานวิจัยของ พนิดา เวชพันธ์(2023) ได้ศึกษา การพัฒนาบทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม ที่ ผู้วิจัยสร้างขึ้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 78.47/76.67 ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม ของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุ นาม มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง เรียนโดยใช้บทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .01 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนโมดูลวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม มีความพึงพอใจในระดับมาก 5.4 ข้อเสนอแนะ 5.4.1 ควรมีการเตรียมสื่อโมดูล เรื่อง กลีบกระทง ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของผู้เรียนมากขึ้น 5.4.2 ควรใช้วิธีการสอนโดยใช้โมดูล ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น มีลูกเล่น และความคิด สร้างสรรค์มากกว่านี้ ใช้ถ้อยคำในสื่อให้กระชับและเข้าใจมากกว่านี้ มีการพัฒนาแผนการจัดการเรียนการ สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา
30 รายการอ้างอิง ชมพันธ์ กุญชร ณ อยุธยา. (2528: 88). การสร้างบทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) บุญมี กอนทอง. (2518: 21-23). ประโยชน์บทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) พนิดา เวชพันธ์. (2023). การพัฒนาบทเรียนโมดูลวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง พหุนาม สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://ph03.tcithaijo.org/index.php/pitjournal/article/view/808?fbclid=IwAR1v1LTsSSBs8RJexhEe QFayLKoILy_ixTjI-QoBmtn5tYIU_7w71159Wqc (วันที่สืบค้น 21 กันยายน 2566) พารสัน และคณะ. (1976: 31). ความหมายของบทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) ฟิจิ. (Fiji.1976: 33). ). ความหมายของบทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) ภานุวัฒน์ ศรีไชยเลิศ และมนต์ชัย เทียนทอง. (2019). รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานโดยใช้ โครงงานเป็นฐานร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบ STAD. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://ph01.tci-thaijo.org/index.php/JIE/article/view/148932?fbclid=IwAR2-NTfPvYO-h7UW_KQgrtJfw2NgBVVe4zEbq7PsmzvPaLFLdog2KiIGOY (วันที่สืบค้น 7 กันยายน 2566) มัสยา, อิมรอฮิม. (2016). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบโมดูล เรื่อง อิสลามเบื้องต้น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสอนศาสนูปถัมภ์. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://cms.dru.ac.th/jspui/handle/123456789/145 (วันที่สืบค้น 21 กันยายน 2566)
31 รัชดาพรรณ อินทรสุขสันติ และอัญชลี สารรัตนะ. (2022). การพัฒนาโมดูลการเรียนรู้แบบวิจัยเป็นฐาน (RBL) เพื่อการเสริมสร้างสมรรถนะวิจัยในชั้นเรียนทางการศึกษาพิเศษ สำหรับนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://so03.tcithaijo.org/index.php/journalpeace/article/view/252259?fbclid=IwAR0qFKZIl5hOko FTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 7 กันยายน 2566) ระวิวรรณ อิสระ. (2522: 34-35). ประโยชน์บทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) ลอเรนซ. (Lawrence. 1975: 13-14). องคประกอบของการเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) วัชรสินธุ์ เพ็งบุพผา. (2564). แนวทางการพัฒนาหลักสูตรวิชาการงานอาชีพในโรงเรียนเพื่อส่งเสริม ทักษะการประกอบอาชีพในอนาคต. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://journalgrad.ssru.ac.th/index.php/miniconference/article/view/4152 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) วิชัย ดิสระ. (2535: 147). ความหมายของบทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) วิศิษฐ ชุมวรฐายี. (2519 : 3). การพัฒนาบทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566)
32 สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัดชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและ เทคโนโลยี. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://cdn.fbsbx.com/v/t59.270821/11275010_411993085651285_1472746279_n. pdf (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) อัมพร วรรชะนะ. (2562). การพัฒนาหลักสูตรสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ห่อใบบัว ธัญพืชกลุ่มีสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/lawasrijo/article/view/248207 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) อุดมศักดิ์ พิมพ์พาศรี ,วรปภา อารีราษฎร์ และธรัช อารีราษฎร์. (2018). ความคิดเห็นของอาจารย์ผู้สอน ที่มีต่อองค์ประกอบของการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการเรียนการสอน หลักสูตรแบบออนไลน์ ระดับบัณฑิตศึกษา. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://ph02.tcithaijo.org/index.php/scibru/article/view/242625?fbclid=IwAR0aYhhlFGTu4rHepUyd F79tKYK5HEF6eiPerEETq2hf10PrwxN8Ic8XrqM (วันที่สืบค้น 7 กันยายน 2566) แอแรนดส แมสลา และเวเบอร. (Arent, Masla,and Weber1973: 29-31). ขอเสนอแนะในการสร้าง บทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566) ฮิวสตัน และคณะ. (Houst and other.1973:125-132). องคประกอบของการเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566)
33 ฮิวสตัน และคณะ. (Houston and others.1972: 135-139). ปัญหาการใช้บทเรียนโมดูล. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Sec_Ed/Ruktapha_T.pdf?fbclid=IwAR0qFKZIl5hO koFTFVtq5kP_1GkDayLSL5xMA4K3dRQ9kg-CmdknpUzQUx0 (วันที่สืบค้น 28 สิงหาคม 2566)
34 ภาคผนวก
35 ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
36 แผนการจัดการเรียนรู้ที่9 รหัส-ชื่อรายวิชา ง30107 การงานอาชีพ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 หน่วย การสร้างสรรค์งานสวยด้วยเอกลักษณ์ไทย เรื่อง งานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 6 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวนัทการ หมื่นคำเรือง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ง 1.1 การเข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และ ลักษณะนิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและ ครอบครัว ตัวชี้วัด ง 1.1 ม.4-6/2 สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และมีทักษะการทำงานร่วมกัน ง 1.1 ม.4-6/5 มีทักษะในการแสวงหาความรู้เพื่อการดำรงชีวิต ง 1.1 ม.4-6/7 ใช้พลังงาน ทรัพยากร ในการทำงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม 2. สาระสำคัญ (ความคิดรวบยอด) งานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย ผู้ประดิษฐ์จะต้องรู้จักประเภทของงานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทยและเห็น ความสำคัญของงานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทยที่มีความสวยงาม ประณีต ละเอียดอ่อน และมีคุณค่าทาง ศิลปะ เพราะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน นับเป็นขุมทรัพย์ทางภูมิปัญญาที่ ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่สืบต่อไป
37 3. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายและคุณค่าของงานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย 2. ประเภทของงานประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย - งานใบตอง - งานดอกไม้สด - งานแกะสลักผักและผลไม้ - งานสลักไม้ - งานจักสาน - งานปั้นดิน 3. การทำกลีบรอง/กลีบเสริม 4. การทำถาดใบตอง 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้(Knowledge) 1) อธิบายความหมายและคุณค่าของงานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทยได้ 2) จำแนกประเภทของงานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทยได้ 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process) 1) บันทึกความรู้ในแต่ละศูนย์การเรียนรู้ได้ครบและถูกต้อง 2) พับกลีบรอง/กลีบเสริม ได้ถูกต้อง สวยงาม 7รูปแบบ 3) เย็บถาดใบตองได้ถูกต้องทั้งการพับที่สวยงาม จัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อย 4.3 ด้านคุณลักษณะของสาระการเรียนรู้ (Attitude) 1) เห็นคุณค่าของงานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย 4.4 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ❑ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ❑ ซื่อสัตย์สุจริต ❑ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ ❑ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการ ทำงาน รักความเป็นไทย ❑ มีจิตสาธารณะ 4.5 คุณลักษณะของผู้เรียน ตามหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล เป็นเลิศทางวิชาการ ❑ สื่อสารสองภาษา ❑ ล้ำหน้าทาง ความคิด ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ ❑ ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก
38 4.6 อัตลักษณ์ของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม“สุภาพบุรุษสุทธิวราราม” มีความรู้ดี ❑ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ❑ มีระเบียบวินัย ❑ มีจิตใจเข้มแข็งอดทน มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ ❑ มีสุขภาพแข็งแรง ❑ มีความเป็นประชาธิปไตย กล้าแสดงออกอย่าง สร้างสรรค์ ❑ เสียสละเพื่อสังคม 4.7 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ❑ ความสามารถในการสื่อสาร ❑ ความสามารถในการคิด ความสามารถในการ แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ❑ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4.8 การบูรณาการสอดคล้องวิสัยทัศน์ / จุดเน้น ❑ บูรณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ❑ บูรณาการสิ่งแวดล้อมและมลพิษ และผลกระทบต่อสุขภาพ ❑ บูรณาการหลักสูตรท้องถิ่น หน้าที่ ......................................................................................... ❑ บูรณาการข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ (ระบุ).............................................................................. ❑ บูรณาการอื่นๆ (ระบุ)............................................................................................................. 4.9 จุดเน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทักษะศตวรรษที่ 21 (3Rx8C) Reading (อ่านออก) (W)Riting (เขียนได้) ❑ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น) การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา ❑ ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และ นวัตกรรม ❑ ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ ❑ ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ
39 ❑ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ ❑ ทักษะการเปลี่ยนแปลง 5. ชิ้นงาน/ภาระงาน/ร่องรอย/หลักฐานการเรียนรู้ - สมุดบันทึกศูนย์การเรียนรู้ - พับกลีบรอง/กลีบเสริม 7 รูปแบบ - ปฏิบัติถาดใบตอง 6. การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ การประเมินผล ตัวชี้วัด คำสำคัญ (Keyword) วิธีการประเมินผล เครื่องมือ ง 1.1 ม.4-6/2 สร้างผลงานอย่างมีความคิด สร้างสรรค์และมีทักษะการ ทำงานร่วมกัน สร้างผลงานอย่างมีคิด การทำงานร่วมกัน - สังเกตจากการตอบ คำถามระหว่างเรียน - การร่วมกิจกรรมใน ห้องเรียน - ประเมินจากการ ปฏิบัติถาดใบตอง - คำถามและคำตอบ - การสังเกต - แบบประเมินการ ปฏิบัติถาดใบตอง ง 1.1 ม.4-6/5 มีทักษะในการแสวงหา ความรู้เพื่อการดำรงชีวิต ศึกษาความรู้ในประเภท ของงานประดิษฐ์ เอกลักษณ์ - สังเกตจากการตอบ คำถามระหว่างเรียน - การจดบันทึกใน สมุดบันทึกศูนย์การ เรียนรู้ - คำถามและคำตอบ - การตรวจสอบ ข้อมูลในสมุดบันทึก ศูนย์การเรียนรู้ ง 1.1 ม.4-6/7 ใช้พลังงาน ทรัพยากร ในการ ทำงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การทำงานอย่างคุ้มค่า และยั่งยืน - สังเกตจากการตอบ คำถามระหว่างเรียน - ประเมินจากการ ปฏิบัติถาดใบตอง - คำถามและคำตอบ - แบบประเมินการ ปฏิบัติถาดใบตอง
40 ประเด็น/รายการ ประเมิน ระดับคุณภาพ น้ำหนัก 4 3 2 1 สมุดบันทึก ศูนย์การเรียนรู้ - จดเนื้อหาใน แต่ละศูนย์ ครบถ้วน - จดเนื้อหา ถูกต้อง ทุก ศูนย์การเรียนรู้ - ลายมืออ่าน ออก เป็น ระเบียบ เรียบร้อย - จดเนื้อหา ในแต่ละศูนย์ ครบถ้วน - จดเนื้อหา ถูกต้อง มีการ เขียนผิดบ้าง เล็กน้อย - ลายมืออ่าน ออก เป็น ระเบียบ เรียบร้อย - จดเนื้อหา ในแต่ละศูนย์ ครบถ้วน - จดเนื้อหา ในแต่ศูนย์ การเรียนรู้ผิด มากกว่า 3 ศูนย์การ เรียนรู้ - ลายมืออ่าน ยาก ไม่เป็น ระเบียบ เรียบร้อย 10 พับกลีบรอง/กลีบ เสริม 1) ตัดกระดาษ ตามขนาดที่ กำหนด 2) พับตาม ขั้นตอน 3) กลีบที่พับ ออกมามีความ สวยงาม เรียบร้อย 4) จำนวนครบ ตามที่กำหนด 1) ตัดกระดาษ ตามขนาดที่ กำหนด 2) พับตาม ขั้นตอน 3) กลีบที่พับ ออกมามีความ เรียบร้อย 4) จำนวนครบ ตามที่กำหนด 1) ตัด กระดาษ ตาม ขนาดที่ กำหนด 2) พับตาม ขั้นตอน 3) กลีบที่พับ ออกมาบิด เบี้ยวเล็กน้อย 4) จำนวน ครบตามที่ กำหนด 1) ตัด กระดาษ ตาม ขนาดที่ กำหนด 2) พับตาม ขั้นตอน 3) กลีบที่พับ บิดเบี้ยว 4) จำนวนไม่ ครบตามที่ กำหนด 5 การปฏิบัติถาดใบตอง 1) ฉีกและตัด ใบตองตาม 1) ฉีกและตัด ใบตองตาม 1) ฉีกและตัด ใบตองมี ขนาดเท่ากัน 1) ฉีกและตัด ใบตอง ไม่ เท่ากัน 5
41 ขนาดที่กำหนด เท่ากันทุกใบ 2) พับกลีบ เล็บครุฑ สวยงาม มี ขนาด เท่ากัน วาง เท่ากัน 3) เย็บกลีบ เรียงเป็นแถว สวยงาม ขนาดที่กำหนด เท่ากัน 2) พับกลีบ เล็บครุฑ สวยงาม มี ขนาด เท่ากัน 3) เย็บกลีบ เรียงเป็นแถว 2) พับกลีบ เล็บครุฑ สวยงาม ขนาดพอ ๆ กัน 3) เย็บกลีบ เรียงเป็นแถว 2) พับกลีบ เล็บครุฑ ขนาดไม่ค่อย เท่ากัน 3) เย็บกลีบ เรียงเป็นแถว การสรุปผลการประเมิน คะแนนเต็ม 20 คะแนน คะแนนที่ได้.......... คะแนน เกณฑ์ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน 18-20 คะแนน = ระดับคุณภาพ 4 (ดีมาก) ช่วงคะแนน 14-17 คะแนน = ระดับคุณภาพ 3 (ดี) ช่วงคะแนน 10-13 คะแนน = ระดับคุณภาพ 2 (พอใช้) คะแนนต่ำกว่า 10 คะแนน = ระดับคุณภาพ 1 (ปรับปรุง) 7. กิจกรรมการเรียนรู้ (ชั่วโมงที่ 1-2) 7.1 กิจกรรมนำสู่การเรียน : ขั้นนำสู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรียนเล่น Word Cloud จากคำถามนักเรียนมีความคิดเห็นอย่างไรกับคำว่า “งาน ประดิษฐ์เอกลักษณ์ไทย” ให้พิมพ์ข้อความสั้น ๆ โดยใส่รหัสผ่านเพื่อตอบใน Word Cloud 2. ครูพูดโยงเข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม จากการหยิบไม้ไอติมแต่ละสี โดยไม่ บอกล่วงหน้า 7.2 กิจกรรมพัฒนาการเรียน : ขั้นสอน (ศูนย์การเรียนรู้) 1. ครูอธิบายวิธีการเข้าศูนย์การเรียนรู้ให้นักเรียนทุกคนรับทราบ 2. ครูแจกสมุดบันทึกศูนย์การเรียนรู้ให้กับนักเรียนแต่ละคน