36
เมอื ง ชมุ ชน ตามความสนใจตามสาขาอาชีพ และงานวจิ ยั ของ สุจินต์ สจุ ิตโฺ ต (แกว้ สนิ ) ได้ศึกษาเรอื่ ง การ
ประยุกต์หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมอาชีพประชาชนของวัดป่ายางจังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการวิจัย
พบว่า กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิตได้ก่อตั้งจากแนวคิดของพระอาจารย์
สุวรรณ คเวสโก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2542 มีหลักการสำคัญที่คณะทำงานยึดเป็นแนวปฏิบัติคือกลุ่ม
สัจจะฯ วัดป่ายางจะใช้แนวพุทธศาสนาเป็นแกนกลางในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มและแนวทาง
ประชาคม เป้าหมายต้องการให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ อนุรักษ์ภูมิปัญญาชาวบ้าน รู้จักอดออม รวมกลุ่มกัน
แก้ปัญหา และมีคุณธรรมมีรูปแบบการดำเนินงานโดยใช้งานหรือกิจกรรมทุกอย่างเป็นเครื่องมือในการ
เรียนรู้ กิจกรรมประกอบด้วยโรงงานปุ๋ยปั้นเม็ด น้ำดื่มตราบ้านเรา แปลงผักนาข้าว ร้านสวัสดิการ
กากน้ำตาล ศูนย์ฝึกอบรม เป็นกิจกรรมที่ไม่มุ่งหวังในเชิงธุรกิจ แต่เป็นการมุ่งเน้นในการศึกษาเรียนรู้ มุ่ง
แน้นแนวทางในการพัฒนาองค์กร ทั้งระดับกลุ่มและเครือข่าย เป็นกิจกรรมที่มีความสอดคล้องกับหลัก
แหง่ พุทธธรรม วิถชี ีวิตในสงั คมชนบทนำไปสู่การดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั พทุ ธธรรมสำคัญวัด
ป่ายางนำมาใช้คือ หลักอิทธิบาท 4 หลักธรรมผู้ครองเรือน หลักทิฏฐิธัมมิกัตถสังวัตตนิกธรรม หลักอปริ
หาริยธรรม หลักสังคหวัตถุ 4 และความสุขของผู้ครองเรือนมาเปน็ หลักในการทำงานโดยเฉพาะในด้านการ
สง่ เสริมเศรษฐกจิ ชุมชน เพราะเป็นธรรมท่ีสอดคล้องกบั การทำงานเปน็ เครื่องยึดเหน่ียวจิตใจเป็นการสร้าง
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานกับชุมชน ทำให้ชุมชนมีคุณธรรม สามารถพึ่งพาตนเองได้โดยผ่าน
กิจกรรม ผลลัพธ์จากการประยุกต์หลักพุทธธรรมในการส่งเสริมอาชีพประชาชนของวัดป่ายาง ด้าน
สิ่งแวดล้อม โดยมุ่งให้สมาชิกช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น นำสมุนไพรมาใช้ในการผลิต น้ำยาล้างจาน
น้ำยาซกั ผา้ น้ำยาล้างห้องน้ำ นำ้ ยาลา้ งรถ ด้านเศรษฐกิจ ทำใหร้ ายได้เข้าครอบครัวตลอดปี คนละไม่น้อย
กว่า 5,000 บาทต่อเดือน ด้านสังคมและวัฒนธรรมมีความเป็นกันเอง ช่วยเหลือกัน สร้างจิตนิสัย ทำให้
สมาชิกเกิดความสัมพันธ์กัน ส่งผลให้เกิดความสามัคคีในกลุ่ม มีจิตใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ขยันหมั่นเพียร ใช้
เวลาใหเ้ กิดประโยชน์ และดา้ นคุณภาพชีวิตมีฐานะความเปน็ อย่ดู ีข้ึน มสี ่ิงอำนวยความสะดวกในครัวเรือน
ทกุ คนพึงพอใจต่อรายได้ท่ีไดร้ ับ ลดหน้ีสนิ ในครวั เรือน สง่ ผลใหค้ นในชุมชนพึงพอใจต่อสภาพความเป็นอยู่
ของตนเอง
2. การดำเนินกิจกรรมเพ่อื เสริมสร้างความเข้มแข็งตามหลักบุญกริ ิยาวตั ถุของชุมชนบ้านแสน
คำ ในตำบลนเี้ ปน็ อยา่ งไรบ้างแต่ละด้านทำอย่างไร
ผลการวิจัยพบว่า มีการรวมกลุ่มในชุมชน โดยจัดกิจกรรมทางศาสนาผสมผสานกับประเพณี
วัฒนธรรม แต่ละด้านประเพณี 12 เดือนทางภาคเหนือหรือวัฒนธรรมท้องถิ่น มีการพบปะกันระหว่างวัด
กับชมุ ชนหรอื อาจจะเรียกไดว้ า่ บวร กค็ อื บา้ นโรงเรียนแลว้ กว็ ัด ชาวบ้านมีความใกลช้ ิดวัดมากขึ้นโดยท่าน
เจ้าอาวาสได้มีกิจกรรมทุกๆวันพระทำบุญใส่บาตรแล้วก็พากันเจริญจิตภาวนา การสร้างกิจกรรมทำให้
ชุมชนบ้านแสนคำรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวมีเป้าหมายจุดประสงค์ร่วมกันเป็นการพัฒนาในด้านต่างๆทั้งด้าน
สังคมศาสนาวัฒนธรรมแล้วก็ชุมชนให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีการดำเนินกิจกรรมไหว้พระสว ด
มนต์ทุกวันพระแล้วกโ็ ดยเฉพาะในช่วงพรรษาก็จะมีการ ไหว้พระสวดมนตเ์ ป็นประจำ ชาวบ้านมีความยึด
มั่นถือมั่นในพระพุทธศาสนาเพราะว่ายังเป็นชุมชนที่อยู่ห่างจากตัวเมืองยังไม่ได้เป็นเมืองมากนักยังเป็น
รูปแบบของชุมชนแบบชนบทก็คือชาวบ้านทุกๆ หลังคาเรือนรู้จักกันหมดทุกเกือบทุกคนครัวเรือนทำให้
เวลาจะทำอะไร ชุมชนก็จะให้ความร่วมมือกบั ทางวัด ชุมชนนั้นมีวัดเองเดียวก็จะมาทำกิจกรรมภายในวดั
โดยการผสมผสานกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา การดำเนินกิจกรรมก็เป็นไปตามรูปแบบของวัฒนธรรม
ทางภาคเหนือ ก็คือทุกๆเช้าก็จะมีชาวบ้านมาทานขันข้าว (ให้ทานตอนเช้ากับพระสงฆ์) ระหว่างพระกับ
ชาวบ้านนั้นจะมีความใกล้ชิดกันไปมาหาสู่กันตลอด ถามสารทุกข์สุขดิบ ซึ่งกันและกัน เพราะว่าชาวบ้าน
37
จะให้ความสำคัญกับพระสงฆ์ในชนบทมากเพราะว่าคนที่จะมาบวชนั้นหายากขึ้นทุกทีในปัจจุบันนี้ การ
ดำเนินกิจกรรมก็คือการสวดมนต์ไหว้พระทำให้ชุมชนนั้นมีความเข้มแข็งเพราะว่าการสวดมนต์ไหว้พระ
กิจกรรมดา้ นน้ีเป็นท่ียึดเหนย่ี วจิตใจของผูส้ งู วัย เยาวชนอกี ส่วนหนง่ึ การสวดมนต์ไหว้พระในวันศีล ในวัน
พระ ก็จะมีการฟังธรรมโดยท่านเจ้าอาวาส หรือท่านจะวัดนิมนต์มา การทำกิจกรรมทุกๆ วันพระไม่ขาด
การดำเนินกจิ กรรม เพ่ือการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนตามหลกั ธรรมทางพุทธศาสนาหรือหลักบุญ
กิริยาวัตถุกค็ ือให้ชุมชนรู้จักแบ่งปนั ซ่ึงกนั และกัน ไม่ทำให้คนอื่นเดอื ดรอ้ น พระสงฆ์ทำตัวเองเป็นตัวอย่าง
ทด่ี ใี ห้กับชาวบา้ น เผยแผ่พระพทุ ธศาสนาให้กับชาวบ้านโดยใหช้ าวบา้ นนน้ั ยึดหลักศลี 5 ศีล 8 มีการรักษา
ศลี ภาวนาในวนั พระโดยการพัฒนาสติหรือหลักการอานาปานสติ ตามแนวสตปิ ฏั ฐานสูตร การปฏิบัติธรรม
กรรมฐานเนอ่ื งในวนั พระหรือวนั ในวันสำคัญทางพทุ ธศาสนา ทุกวันพระมกี ารถือศลี การนงั่ สมาธิ การสวด
มนต์ มีการดำเนินกิจกรรมโดยการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมภายในวัดส่งผลให้ชาวบ้านมีความสามัคคี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปใี หม่มีการสวดมนต์ข้ามปีสืบชะตาหลวง ซึ่งสอดคล้องกับงานของนภาภรณ์ หะ
วานนท์ (2550) ได้ให้ความหมายของความเข้มแข็งของชุมชนไว้ในเชิงอุดมการณ์ และเป็นการให้
ความหมายที่ชี้ให้เห็นถึงมิติต่างๆ เชิงคุณสมบัติ จำนวน 8 มิติ ของความเข้มแข็งของชุมชน สรุปได้ดังนี้
สามารถพ่ึงตนเองได้ คอื สามารถทำอะไรได้ดว้ ยตนเอง และนอกเหนอื จากนีย้ งั สามารถท่ีจะปรบั เปลย่ี น ไป
ตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ด้วย เป็นชุมชนที่สามารถปรับตัวแก้ปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง ชุมชนที่
เข้มแข็งนั้นต้องสามารถพึ่งตนเองได้ อันเป็นลักษณะที่ชุมชนสามารถดำเนินหรือจัดการตนเองได้ ไม่ต้องรอ
หรืออาศัยนอกชุมชน สามารถคิด สามารถวางแผนหรือกำหนดการดำเนินการหรือจัดการชีวิตของชุมชนโดย
คนในชมุ ชนและเพื่อชุมชนได้ การจัดการตนเองได้นี้เป็นศักยภาพของชุมชน ไม่ตอ้ งรอรับความช่วยเหลือจาก
ที่อื่น ไม่ว่าจากภาครัฐหรือจากภาคเอกชนอื่นๆ ได้ เป็นชุมชนที่อยู่ในระดับพออยู่พอกินอย่างพอเพียง อัน
เป็นชุมชนที่สามารถผลิตเองได้ มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง และสามารถใช้ได้อย่างเหมาะสม และ
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมกับการผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ หากเหลือก็นำเอาไปขาย ต้องไม่เป็นหนี้ และไม่มี
การผอ่ นดอกเบี้ย มวี ฒั นธรรมเป็นรากฐานของชุมชน หมายความว่า วัฒนธรรมเปน็ ทนุ ของชีวิตในชุมชนท่ี
มกี ระบวนการผลติ ข้ึนมา เพ่ือใชเ้ ปน็ อุปกรณ์สำหรับการอยู่รอดและดำรงอยู่ของชุมชนอย่างมีคุณธรรม ซ่ึง
จะมสี ถาบนั ทางสังคมเปน็ ผผู้ ลิตซ้ำหรอื ดำเนินการตามหนา้ ที่ คือวดั และโรงเรียนและครอบครัวในชมุ ชน
ประเวศ วะสี (2541 ก,14-16) ลักษณะความเข้มแข็งของชุมชน เป็นชุมชนเรียนรู้ คือสมาชิก
ชว่ ยกันเรยี นรู้ หรือเรียนร้เู ป็นกลุม่ ที่มีความต่นื ตวั อยู่ตลอดเวลา ร้ขู า่ วคราวในดา้ นตา่ ง ๆ ท้ังทางเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง ซึ่งอยู่นอกชุมชนและมีความรู้เกี่ยวกับชมุ ชนที่มผี ลมาจากการปฏิบัตหิ รือประสบการณ์ท่ี
ได้รับร่วมกัน หรือเป็นกระบวนการเรียนรู้และการตัดสินใจร่วมกัน ความรู้สึกที่เกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกัน
และกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดร่วมกันเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ของชุมชน การเป็นชุมชนเรียนรู้ ทำให้สมาชิกมีการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นจัดเริ่มตนของการดำเนินงาน
พัฒนาชุมชนร่วมกนั เพราะผลจากการเรียนรู้จะนำไปสู่การคิดหาวิธีการทีจ่ ดั ร่วมกนั เพ่ือพัฒนาชุมชนของ
ตนเอง กูเดนและคริสแมน (Gunden & Crissman, 1992) ได้กล่าวถึงทักษะของผู้นำ เพื่อการเสริมสร้าง
พลังอำนาจดังนี้ ความไว้วางใจ (Trust) ผู้นำต้องสร้างและคงไว้ซึ่งความไว้วางใจ โดยเป็นผู้ที่มคี วามมั่นคง
ทางอารมณ์ รู้จักกาลเทศะ มีความซื่อสัตย์ รักษาข้อผูกพันและสัญญา การให้ข้อมูลย้อนกลับ
(Feedback) ผู้นำจะต้องได้รับข้อมูลย้อนกลับว่ารูปแบบการทำงานเป็นอย่างไร มีข้อดี ข้อเสีย หรือมีสิ่ง
ใดบา้ งทีต่ ้องปรบั ปรุง การสอนและการปฏิบตั เิ ปน็ แบบอย่าง (Teaching coaching and role modeling)
ผ้นู ำสามารถสอนและเป็นแบบอย่างทดี่ ีให้กับผ้ปู ฏบิ ตั ิงาน การติดตอ่ ส่ือสาร (Communication) ผู้บริหาร
ควรใช้การสื่อสารสองทาง โดยสื่อสารได้หลายรูปแบบ เช่น การประชุมย่อย การพบปะกันในแผนก การ
38
ประชุมปรึกษา เพื่อให้ได้รับข่าวสารร่วมกัน การตั้งเป้าหมาย (Goal setting) ควรมีการตั้งเป้าหมาย
ร่วมกัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเสริมสร้างพลังอำนาจ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม รู้สึกเป็นส่วน
หนึ่งของงาน ทำให้ตนเองรู้สึกมีคุณค่า การสนับสนุนในทางบวก (Positively support) ผู้นำจะต้องสร้าง
หรือให้คำแนะนำเชิงสร้างสรรค์ จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติในการสร้างรูปแบบทางความคิด เพื่อสร้างความมั่นใจ
ในการทำงาน สรปุ การเสรมิ สรา้ งพลงั อำนาจด้านจิตใจ เป็นการคำนึงถึงการเสริมแรงทางด้านจติ ใจ เพ่อื ให้
ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านมีความเชื่อมั่นในสมรรถนะของตนเองท่จี ะทำใหง้ านประสบความสำเร็จ
อาณา สุดชาดา ไดท้ ำการศึกษาเรื่อง การศกึ ษาบุญกิริยาวัตถุ 3 ท่ีปรากฏในประเพณีบุญเดือนส่ี;
กรณศี ึกษาตำบลนาคาย อำเภอตาลสมุ จงั หวัดอุบลราชธานี ผลการวิจัยพบวา่ บุญกิรยิ าวตั ถุ เป็นรากแก้ว
แห่งการทำดีในทางพระพุทธศาสนา เป็นหลักการส่งเสริมในการทำคุณประโยชน์ที่ดี เพื่อพัฒนาคุณภาพ
ของชีวิตให้เจริญงอกงามทั้งปัจเจกบุคคล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาได้แบ่ง
ประเภทของบุญกิริยาวัตถุเป็น 3 คือ 1) ทานมัย คือ บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน 2) ศีลมัย คือ บุญ
สำเร็จด้วยการรักษาศีล และ 3) ภาวนามัย คือ บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา ซึ่งบุญกิริยาวัตถุ 3 นี้ มี
คุณลกั ษณะและอานิสงส์แตกต่างกนั ไปตามแต่ระดบั ชั้น เช่น ศีลยอ่ มไดอ้ านิสงส์มากกว่าการให้ทาน ส่วน
ภาวนายอ่ มไดอ้ านสิ งส์มากกว่ารักษาศีล ประเพณบี ุญเดอื นสี่ เป็นหนึ่งในประเพณีฮีต 12 เดอื น เรียกอย่าง
หนงึ่ ว่าบญุ ผะเหวส มคี วามเปน็ มาในภาคถิ่นอสี านเปน็ เวลาช้านาน ทุกขนั้ ตอนในการจัดพิธีกรรมในการจัด
งาน และกัณฑ์เทศนแ์ ฝงดว้ ยหลกั บญุ กริ ยิ วัตถุ 3 คอื ทาน ศลี ภาวนา วถิ ชี วี ติ ของชาวตำบลนาคาย อำเภอ
ตาลสุม ไดด้ ำเนินไปตามหลักบุญกริ ยิ าวตั ถุ 3 คือ ทาน ศีล ภาวนา ซึง่ ปรากฏในประเพณบี ญุ เดือนสี่ พรอ้ ม
ด้วยส่งผลต่ออีกหลายด้าน เช่น ด้านวัฒนธรรม ด้านวรรณกรรม ด้านฝาผนังจิตรกรรม ด้านการท่องเที่ยว
ด้านทนุ สงั คม ด้านจริยธรรมชวี ติ ดา้ นความสามัคคี และด้านสงั คมสังเคราะห์
3. ชุมชนที่นี้มีวัฒนธรรมประเพณีมีอะไรบ้างเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งตามหลักบุญกิริยา
วตั ถุ คอื ทาน ศลี ภาวนา แต่ละเร่ืองมอี ะไรบ้าง ทำอยา่ งไร
ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนมีการประยุกต์วัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีทางด้าน
เมืองเหนือ มีการตั้งชมรมแม่บ้าน กองสะบัดชัยขึ้นโดยท่านเจ้าอาวาส สอนให้เยาวชนนั้นห่างไกลยาเสพ
ติดอยู่ใกล้วัดมากขึ้น อาจจะเรียกได้ว่ามีการผสมผสานวัฒนธรรมกับประเพณีท้องถิ่น ได้อย่าง ดีเยี่ยม มี
การเอาวฒั นธรรมการฟ้อนเล็บที่เปน็ วัฒนธรรมทางเมอื งเหนือ เปน็ การฟ้อนบชู าพระพุทธเจา้ ให้สอดคล้อง
กบั หลกั การทางพระพุทธศาสนา คือการสร้างความสามัคคภี ายในชุมชน เปน็ การสร้างความเข้มแข็งให้กับ
ชุมชน มีการจัดงานถวายทานก๋วยสลาก (ประเพณีทานสลากภัตรทางภาคเหนือ) บุพพเปตพลี ถวายทาน
ใหก้ ับญาติผลู้ ว่ งลบั ไปแล้ว ประเพณียีเ่ ป็งประเพณีทานข้าวใหม่ มกี ารจัดประเพณที านสลากภัตรในทุกปี มี
การแจกจ่ายทานมากมายและเชื่อมความสัมพันธ์ของผู้คนในหมู่บ้านรวมทั้งในทุกๆ วันพระก็จะมีการให้
ทานรกั ษาศลี รวมท้ังการเจรญิ ภาวนาดว้ ย การนำเอาประเพณีสงกรานต์ ประเพณเี ขา้ พรรษา งานบญุ เดอื น
12 ตานกว๋ ยสลาก ลอยกระทง และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนารวมท้งั จดั งานทุกๆวนั พระโดยเจ้าอาวาส
ทั้งผู้ใหญ่ภายในหมู่บ้านแล้วก็หาผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านมารวมตัวกันเพื่อมาสั่งสมบุญก็คือการให้ทานรักษาศีล
และเจริญภาวนาในวันพระวนั ศลี การจดั วฒั นธรรมประเพณีทำใหส้ ังคมแลชุมชนน้ันเกิดความเข้มแข็งโดย
เอาพระพุทธศาสนาเป็นฐานในการพัฒนาชุมชนเพื่อให้เกิดความสามัคคีภายในชุมชน มีส่วนในการสร้าง
ความเขม้ แขง็ ให้กบั ชมุ ชน โดยเฉพาะหลกั ธรรมทางพุทธศาสนาเป็นการผสมผสานกับวถิ ีชีวิตชมุ ชนได้อย่าง
กลมกลืน เพราะว่าการทำกิจกรรมในแต่ละครั้งนั้นช่วยให้ชาวบ้านนั้นมารวมตัวกันแล้วก็มีการพบปะ
พูดคุยกัน เป็นประเพณีรวมใจกันจัดงานโดยเอาวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน สร้างความสามัคคีในชุ มชน
ประเพณีวฒั นธรรมทานสลากภัตรหรือว่าประเพณที างเมอื งเหนือ
39
ในหมู่บ้านก็จะมีสภาหมู่บ้านประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อจัดกิจกรรม การเอาวัดเป็นศูนย์กลาง
เวลามีงานอะไรก็จะให้ท่านเจ้าอาวาสไปเจิมให้ก่อนอย่างเช่นการซื้อรถใหม่ก็ดีหรือว่าการขึ้นบ้านใหม่ก็ดี
หรือว่าทานเข้าใหม่ก็ดีอย่างนี้เป็นต้น การจัดกิจกรรมมีการผสมผสานประเพณีท้องถิ่น เป็นการเอา
วัฒนธรรมท้องถิน่ คอื ประยกุ ต์วัฒนธรรมท้องถนิ่ เช่นกลองสะบดั ชยั เปน็ ต้นมาผสมผสานกบั ในงานบุญในวัด
วัฒนธรรมมีส่วนช่วยให้คนในชมุ ชนรู้จักเข้าวัด วัดในทางภาคเหนือให้ความสำคัญในวันพระ การมาจำศีล
ในทุกวันพระ มีการจัดงานปอยหลวง ทอดกฐิน การสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการฟ้อนเล็บและ
ประเพณีทางภาคเหนือส่วนใหญ่ผสมผสานกับพระพุทธศาสนานั้นเป็นหลักในการพัฒนาสังคม มีเทศน์
ธรรมแบบทำนองล้านนา และการสวดมนต์ ยึดถอื พระพุทธรปู หรือพระรตั นตรยั เป็นสรณะท่ีพ่ึงตลอดชีวิต
ประเพณวี ัฒนธรรม มีสว่ นชว่ ยในการเสริมสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนโดยอาศัยพทุ ธศาสนาเป็นฐาน เชน่
ปีใหม่เมืองมีประเพณีสงกรานต์ มีประเพณีการเข้าพรรษา ประเพณีการออกพรรษาตานก๋วยสลาก
ประเพณีทอ้ งถ่ินภาคเหนือ มปี ระเพณียเ่ี ป็งหรือประเพณลี อยกระทงประเพณีบุญเดือน 12 บุพเปตพลี ตัก
บาตรเปง็ ปุ๊ด การแสดงพระธรรมเทศนาทุกๆ วันพระ หรอื มีการรวมกลมุ่ ของแมบ่ า้ นเพื่อทำกจิ กรรมชุมชน
อย่าง เช่น การฟ้อนเล็บ ซึ่งสอดคล้องกับงานของ ประเวศ วะสี (2543, หน้า 4-5) ได้ให้ความหมายของ
ชมุ ชนเข้มแข็งว่า หมายถงึ การที่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ของเมือง หรอื ชนบทมารวมตวั กันเป็น “องค์กร
ชุมชน” โดยมีการเรียนรู้การจัดการและแก้ไขปัญหาร่วมกัน มีการร่วมมือช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
และมีความเอื้ออาทร ต่อชุมชนอื่น ๆ ในสังคมด้วย คานเตอร์ (Kanter, 1993 cited in Laschinger, et.
al., 1999) เจ้าของทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจในองค์กร (Kanter’s Theory of Organization
Empowerment) เสนอว่า อำนาจทั้งสองส่วนนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างพลังอำนาจ ซ่ึง
ประกอบด้วย 4 ด้าน คือ การได้รับทรัพยากร หมายถึงความสามารถในการจัดหาสิ่งที่จำเป็นในการ
สนับสนุนการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมาย ได้แก่ ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ดังนี้ ปัจจัยภายนอก
ประกอบด้วย วัสดุอุปกรณ์ (Material) เงินทุน (Fund) ขอบเขต (Space) และเวลา (Time) ซึ่งวัสดุ
อปุ กรณ์ หมายถึง อาคารสถานท่ี ทใ่ี ห้ความสะดวกหรือเอ้ือต่อการปฏบิ ัติงาน รวมถงึ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ท่ี
มีประสิทธิภาพ เพ่ือส่งเสริมให้การปฏิบัติงานบรรลุเป้าหมาย เงินทุน หมายถึง งบประมาณที่องค์กร
จัดสรร เพื่อใช้ในกิจกรรมของแต่ละแผนก ขอบเขต หมายถึง การเปิดช่องว่างให้กว้าง เพื่อให้บุคคลได้
ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ส่วนเวลา หมายถึง การใช้เวลาที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงานของ
บุคลากร ปจั จัยภายใน ประกอบดว้ ย คุณลักษณะส่วนบุคคล ซึ่งเปน็ ทรพั ยากรสว่ นบคุ คล ได้แก่
แนวคิดเกี่ยวกับตนเองด้านบวก ทักษะการรับรู้ ความสามารถในการปรับตัว ความกล้าหาญ
อดทน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นทรัพยากรภายในที่ผู้นำควรสนับสนุน ส่งเสริม ให้เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถนำ
ทรัพยากรภายนอก ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย เป็นการเอื้ออำนวยต่อการ
ปฏิบัติงาน และทำให้เกิดความพึงพอใจในงาน เนื่องจากได้รับการตอบสนองความต้องการในการ
ปฏิบตั งิ าน มคี วามผูกพันในงาน และท่มุ เทให้กับงานอย่างเต็มท่ีเพื่อประโยชน์ขององค์กร และมีความสุข
ในการทำงาน ด้านการได้รับการสนับสนุน หมายถึง การที่ผู้บริหารสนับสนุนและส่งเสริมผู้ปฏิบัติงาน
ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การให้การยอมรับและเห็นชอบตามกฎหมาย ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
และหมูค่ ณะเพ่อื ใหเ้ กิดความร่วมมือในการปฏบิ ัติงาน และเปน็ การสร้างเครอื ข่ายในการทำงาน รวมไปถึง
การที่ผบู้ รหิ ารสนบั สนนุ ใหบ้ ุคลากรมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกดิ การทำงานทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ (Porter-O’Grady,
1986) ได้แก่ การส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัตแิ สดงความคิดริเริ่มสรา้ งสรรค์ ให้โอกาสตัดสินใจแก้ปัญหา
การปฏิบัติงาน พัฒนางาน หรือปรับปรุงแนวทางในการปฏิบัตงิ านให้ดีขึ้น การให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกบั
ผลการปฏิบัติงาน (feedback) การยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน การยอมรับในความผิดพลาด การแสดง
40
ความพึงพอใจในงานที่ทำสำเร็จ การแสดงความห่วงใย รับฟัง และเข้าใจปัญหาทุกด้านของบุคลากร
ตลอดจนการแสดงไมตรีจิต ยิ้มแย้ม และให้ความเป็นกันเองกับบุคลากร การได้รับการสนับสนุนจากผู้
บังคับ บัญชา จะทำให้บุคลากรรู้สึกสุขใจ และมคี ุณค่า มีการรับรูถ้ งึ การได้รับการเสริมสรา้ งพลังอำนาจใน
งานเป็นแรงจูงใจให้เกิดความพึงพอใจในการทำงาน เมื่อบุคคลมีความพึงพอใจในการทำงานแล้ว ย่อมมี
ขวัญและกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ มีความกระตือรือร้น ขยันหมั่นเพียรและ
ยึดมั่นผูกพันต่อองค์กร ด้านการได้รับข้อมูลข่าวสาร ซึ่งได้แก่ ข้อมูลความรู้ทางเทคนิค ทักษะความ
ชำนาญในการปฏบิ ัตงิ าน และข่าวสารการเมอื ง ขอ้ มลู ขา่ วสารท่ีผบู้ รหิ ารควรแบง่ ปนั ให้ผู้ปฏบิ ตั ิ ควรเป็น
ข้อมูลที่สนับสนุนการตัดสินใจ และวางแผนในการดำเนินการและได้รับข้อมูลข่าวสาร ทำให้ผู้ปฏิบั ติรู้
การเคลื่อนไหวภายในองค์กร ทราบนโยบายและการตัดสินใจขององค์กร ข้อมูลข่าวสารที่ได้ ควรมีการ
สื่อสารแบบสองทาง ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ จะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของ
ผู้ปฏิบัติงาน และทำให้เกิดคุณภาพและประสิทธิผลขององค์กร ในทางตรงข้ามถ้าผู้ปฏิบัติไม่ได้รับข้อมูล
ข่าวสารที่ถูกต้องเพียงพอ และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในองค์กร (Gunden & Crissman, 1992) ผู้
ปฏิบัติจะรู้สึกผิดหวัง ไม่พอใจกับการกระทำของผู้บังคับบัญชา ส่งผลให้เกิดความไม่พึงพอใจในงานและ
ประสิทธิผลขององค์กรต่ำลง การได้รับโอกาส ผู้บริหารต้องตระหนักถึงการเติบโตและความก้าวหน้าใน
ตำแหนง่ หนา้ ท่ีและการงาน รวมทัง้ โอกาสในการเพ่ิมพนู ความรู้ ทกั ษะ ความสามารถของผู้ปฏิบัติงานด้วย
ซ่งึ การได้รับโอกาสนี้ คานเตอร์ (Kanter, 1977) สรุปคือการได้รบั ความก้าวหนา้ ในหนา้ ท่ีการงาน
(Advancement) การส่งเสริมสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานในการเลื่อนตำแหน่ง พิจารณาความดีความชอบ
เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างยุติธรรม ให้โอกาสก้าวหน้าในการปฏิบัติงานในระดับที่สูงข้ึนการได้รับความ
เพม่ิ พนู ทักษะความสามารถ (Competence and skill) การให้โอกาสผปู้ ฏิบตั ิงานในการไปอบรม เพ่ิมพูน
ความรู้ในการประชุมวิชาการ การศึกษาดูงาน หรือลาศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น การได้รับการยกย่อง
ชมเชยและการยอมรบั (Reward and recognition) การให้ความสำคัญกับผ้ปู ฏิบัติท่ีปฏิบตั ิงานดี โดยการ
กล่าวคำยกย่องชมเชย ประกาศเกียรติคุณ หรือให้รางวัล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เกิดความภาคภูมิใจ
และรู้สึกตัวเองมีคุณค่า และสมบูรณ์ ธรรมลงกา ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง รูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานในจังหวัดเชียงราย ผลการวิจัยพบว่า ในบริบททางด้านสังคม
ของชุมชนที่เข้มแข็งในจังหวัดเชียงราย เป็นสังคมแบบเครือญาติ มีโครงสร้างทางสังคมเป็นทั้งแนวราบ
และแนวตั้ง ทางด้านการเมือง มีการกระจายอำนาจแบ่งการปกครองชุมชนเป็นหมวดหรือคุ้มชุมชนต่างๆ
ทางด้านวัฒนธรรมชุมชน มีวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อและพิธีกรรมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ และ
ทางด้านเศรษฐกิจ มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เป็นต้นทุนในการผลิต มีการรวมกลุ่มเพื่อการผลิต
การจำหน่ายผลผลิตเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชน การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานในการเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งของชุมชน ในจังหวัดเชียงราย มีอาทิเช่นภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านผู้นำชุมชน การเรียนรู้และ
การถ่ายทอดความรู้การอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การปรับตัวกบั การเปลี่ยนแปลง ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อ
ความเข้มแข็งของชุมชน มีปัจจัยสำคัญคือ กระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ระบบเครือข่ าย ระบบ
ความสมั พันธใ์ นชุมชน และภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ในการพัฒนารปู แบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
โดยใช้ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ เป็นฐานไดใ้ ช้ปจั จัยต่างๆเหลา่ น้มี ากำหนดรปู แบบการเสริมสรา้ งความเข้มแข็งของ
ชุมชนและตัวชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน ส่วนกลยุทธ์การนำรูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ
ชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐาน ได้แก่ กลยุทธ์การบริหารจัดการชุมชน กลยุทธ์การมีสว่ นร่วมของ
ชุมชน กลยุทธ์การสร้างกระบวนการเรียนรู้ กลยุทธ์การสร้างเครือข่าย และกลยุทธ์สร้างจิตสำนึกรักบ้าน
เกิด พวงรัตน์ วิทยมาภรณ์ (2541) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การใช้แหล่งความรู้ในชุมชนในการเรียนการสอน
41
กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต (วิชาสังคมศึกษา) ในโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดขอนแก่น ผล
การศึกษาพบวา่ ครูผสู้ อนมีความเห็นว่าการนำแหล่งความรู้ในชุมชนมาใช้ในการเรียนการสอนมีประโยชน์
มากที่สุดต่อการเรียนการสอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต (วิชาสังคมศึกษา) ด้านผู้เรียน จากการ
สัมภาษณ์พบว่า ผู้เรียนมีความสนใจและกระตือรือร้นในการเรียนโดยใช้แหล่งความรู้จากชุมชม และ
ต้องการให้ครูนำความรู้จากชมุ ชนมาใช้ในการจัดการเรยี นการสอนมากกว่าการสอนแบบปกติ เพราะเป็น
วิธกี ารสอนอีกรปู แบบหนง่ึ ที่ผู้เรียนได้ไปสัมผัสกับสถานที่จริงผเู้ รียนเบื่อหน่ายการเรียนท่ีเกิดขึ้นแต่เฉพาะ
ในหอ้ งเรยี น
4. วฒั นธรรมประเพณีท่ีสำคัญของชุมชนมีสงิ่ สนับสนุนอะไรบา้ ง ทีท่ ำใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลง
ทางสงั คมและเพื่อเสริมสร้างความเข้มแขง็ ตามหลักบญุ กิรยิ าวัตถุ คือ ทาน ศลี ภาวนา
ผลการวิจัยพบว่า วัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของชุมชนเช่นการจัดตั้งเป็นกลุ่มแม่บ้านการฟ้อน
เล็บ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโดยเอาหลักการทางพุทธศาสนาเป็นฐานในการพัฒนาสังคมเกิด
การเปลยี่ นแปลงทางชีวติ คนเข้าวัดเข้าวาเอาไวเ้ ป็นศูนยก์ ลางเป็นศูนย์รวมจิตใจเกิดการปลูกฝังให้กับเด็กๆ
ทำให้เด็กๆ นั้นไมห่ า่ งวดั เข้าวดั เขา้ วาเข้าช่วยกจิ กรรมภายในวัด แล้วกม็ ีจิตอาสามีการสรา้ งความสามคั คีให้
เกิดขึ้นภายในชุมชนมากขึ้นกว่าเดิม สอนให้มีความรู้มีสถานที่ปฏิบัติให้คนรู้จัก รวมรวมเอาวัฒนธรรม
ประเพณีทางพุทธกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นผสมผสานกันได้ดีมาก มีกิจกรรมในทางพุทธศาสนามาก
ข้นึ มีการทำบุญและการฟงั ธรรม การสวดมนต์ไหว้พระแลว้ กท็ ่านเจ้าอาวาสหรือผ้นู ำชุมชนทน่ี ่กี ส็ อนวธิ ีการ
เจริญภาวนาดว้ ย ในวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ วัฒนธรรมประเพณี ที่สำคัญก็คือ การรวมกลุ่มกัน กลุ่มแม่บ้าน
มีการฟอ้ นเล็บเกดิ การเปลี่ยนแปลงในด้านกิจกรรมต่างๆ ภายในสังคมและชมุ ชนเกษตรกรรมภายในวัดน้ัน
จะเกิดผลดีในด้านต่างๆ เช่นความร่วมมือของคนในชุมชนและสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็น
ต่างๆ ของแต่ละคนเป็นต้นไปในทางที่ดีขึ้น วัดกับชาวบ้านก็ไม่ห่างกัน ผู้นำชุมชนและพระสงฆ์ผู้เฒ่าผูแ้ ก่
ชาวบ้านทุกคนร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนเอาประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การจัดกรรมของพระสงฆ์มา
ผสมผสานกับชาวบ้านอย่างพร้อมเพียงกัน มีการนำวัฒนธรรมท้องถิ่นเช่นกันเอากลองสะบัดชัยมาเล่นใน
ขณะที่ทางวัดจัดงานหรือไปร่วมงานกับวัดอื่น เกิดการเปลี่ยนแปลง วิธีการคิดหรือวิถีการดำเนิ นชีวิต
ชาวบ้านก่อนที่จะออกไปทำงานก็ต้องมาวัดก่อน เวลาวดั มีงานชว่ ยให้วัดดมี ีความสามัคคี
ชุมชนที่น่ียึดเอาพุทธศาสนาเป็นฐานในการพัฒนาเข้ามาให้ความร่วมมือให้การสนับสนุนในทางท่ี
เป็นประโยชน์ เพื่อความสามัคคีในชุมชน เกิดความสามัคคี ในชุมชนอยากให้วิหารสร้างเสร็จเร็วๆ ก็คือ
ทางวัดได้จัดทำสร้างวิหารสร้างวิหาร ชุมชนรวมตัวกัน จัดกิจกรรมทุกๆ วันพระมีมีการจัดงานประเพณี
ปอยหลวง มีการจัดงานประเพณีประจำปีการปล่อยโคมการละเล่นต่างๆ คือโดยเจตนาการบูชา
พระพุทธเจ้า โดยสอดแทรกหลักธรรมทางพุทธศาสนาคือการเน้นการทำบุญแล้วก็การเจริญภาวนา และ
การเดินประทกั ษิณในวันพระ เวยี นเทียน มีความร่วมมือความสามัคคสี ร้างความสามัคคี วิถีชวี ิตของชุมชน
เปลี่ยนไปต้ังแตม่ ีวัดเปน็ ของชุมชนของตนเองคือ ชุมชนเปน็ วถิ ีเกษตรกรรม เพราะฉะน้นั แล้วชาวบ้านจึงมี
เวลาว่างมาก เวลากลางวันก็เข้ามาสนทนาธรรมกับพระบ้างเขา้ มาคุยเล่นกับพระบ้างอยา่ งนี้เป็นต้นจึงทำ
ให้ชุมชนกับวัดหรือพระมีความคุ้นเคยกันมาก ส่วนทางด้านประเพณีวัฒนธรรมหรือสังคมนั้นก็มีการ
เปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อยเพราะว่าตามกระแสวัตถุนิยมก็คือเศรษฐกิจปัจจุบัน สังคมปัจจุบันเน้นที่วัตถุ
นิยม พัฒนาด้านวัตถุนิยมมากกว่าพัฒนาด้านจิตใจ การที่วัฒนธรรมประเพณีชุมชนทำให้เกิดการ
เปลีย่ นแปลงก็คือ เอาพทุ ธศาสนาเป็นฐานในการรวมกลมุ่ ในชุมชนเกิดใหเ้ พ่ือให้เกดิ ความสามัคคีในชุมชน
ช่วยให้สังคมมีความสามัคคีช่วยเหลือกันและกันให้รู้จักทำทานเพราะมีความเชื่อด้านการสั่งสมบุญซึ่งบญุ
นำสุขมาให้ วฒั นธรรมประเพณี ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคเี กดิ ขนึ้ ในสงั คมความเป็นนำ้ หน่งึ อันนนั้ น้ำหน่ึง
42
ใจเดียวกัน โดยใช้หลักสามัคคีธรรมเป็นหลักอย่างพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่าสุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความ
สามคั คีนำมาซงึ่ ความสุข
การท่ที ่านเจ้าอาวาสก็ดที ้ังผนู้ ำก็ดีร้จู ักนำเอาวัฒนธรรมประเพณีท้องถ่ินมาประยุกต์กับหลักธรรม
ทางศาสนาเป็นกุศโลบายที่ดีมากสามารถทำให้ชาวบ้านมีส่วนรว่ มและส่งเสริมความสามัคคีต่อกันและกัน
ภายในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านนั้นมีจิตสาธารณะเพิ่มมากขึ้นคือมีจติ อาสาช่วยเหลอื ซึ่งกันและกัน ทุกคนมี
จิตอาสามากยิ่งขึ้น วัฒนธรรมท้องถิ่นที่สนับสนุนในด้านวัดก็คือการตีกลองสะบัดชัย มีการช่วยเหลือจาก
หน่วยงานต่างๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทุกคนมีจิตอาสาช่วยเหลือซึ่งกันและกันเอาใจใส่
สอดส่องดูแลกิจกรรมชุมชนและวัดเพิ่มมากขึ้น วัฒนธรรมที่สำคัญของชุมชนมีส่วนช่วยสนับสนุนให้เกิด
พัฒนาขึ้นในชุมชนโดยสังคมเองชุมชนมีความเข้มแข็งมีความสามัคคีโดยมีการร่วมมือกัน ภายในชุมชน
โดยเฉพาะกิจกรรมทางพระพุทธศาสนายิง่ แล้วชุมชนจะให้ความสำคญั โดยเฉพาะการจดั กิจกรรม ภายใน
วดั หรอื ในชุมชนก็ดีศาสนามีส่วนชว่ ย ให้ชุมชนนัน้ เกดิ ความสามคั คโี ดยยึดหลักความสามัคคีธรรมเป็นหลัก
เพราะการพัฒนาสังคมชุมชนนั้นต้องอาศัยพุทธศาสนาหรือหลักธรรมทางพุทธศาสนาเป็นฐานในการ
พัฒนาชุมชนพระพุทธศาสนาสอนให้คนเกดิ ปญั ญา ช่วยให้คนเข้าใจสัจธรรมของชวี ติ รู้หลักการดำเนนิ ชีวติ
เอามาปรบั ใช้ในการดำเนินชวี ิตได้อย่างผสมผสานกลมกลนื และการใช้ความคดิ ในการพฒั นาตนเอง สร้าง
จิตสำนึกให้รู้จักความกตัญญูกตเวทีต่อท้องถิ่น ศาสนาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ วิถีชีวิตชุมชนทำอาชีพ
เกษตรกรรมมีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมชุมชน ให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนา และเอา
พระพุทธศาสนาป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ชุมชนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ซึ่งสอดคล้องกับงาน
ของ พระเทพเวที (ป.อ.ปยตุ โต) (2535 หนา้ 17-27) หลักพุทธรรมทสี่ อดคล้องกับจริยธรรมเหมาะสำหรับ
การเสริมสร้างชุมชนให้เขม้ แข็งในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ตรสั ไว้วา่ ภิกษุทั้งหลายสกิ ขา 3 นี้ คือ
อธิศลี สกิ ขา 1 อธจิ ิตสิกขา 1 อธปิ ญั ญาสกิ ขา 1 อธิศีลสิกขาเป็นผู้มศี ีล สำรวมดว้ ยปาฏโิ มกขส์ ังวร สมบูรณ์
ดว้ ยอาจาระและโคจร มีปกติภายในเหน็ โทษแม้เพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทท้ังหลายภิกษุ
ทั้งหลายนี้เรียกว่าอธิศีลสิกขา สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมเข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจารปีติและสุข
เกดิ แต่วิเวกอยู่เข้าถึงทุติยฌานอนั มีความโปร่งใสแห่งจิตภายในมีภาวะใจเป็นหนึ่งผุดข้ึน ไมม่ วี ิตกไม่มีวิจาร
เพราะวิตกวิจารระงับไป มีปิติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่เพราะปิติจางไป เธอมีอุเบกขาอยู่ มีสติสัมปชัญญะ
และเสวยสขุ ด้วยนามกายเขา้ ถงึ ตตยิ ฌานที่พระอรยิ ะทงั้ หลายกลา่ วว่าเป็นผูม้ ีอุเบกขามสี ติอยเู่ ป็นสขุ เพราะ
ละสุขและทุกข์และเพราะโสมนัสโทมนัสดับหายไปก่อนเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์ไม่มีสุขมีสติบริสุทธิ์
เพราะอุเบกขาอยภู่ ิกษุทัง้ หลายน้ีเรียกว่าอธิจิตสิกขา อธปิ ญั ญาสิกขา การรู้ชดั ตามเปน็ จรงิ ว่าน้ีทุกข์ น้ีเหตุ
ให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ข้อปฏิบัตใิ ห้ถึงความดบั ทุกข์ ภิกษุทั้งหลายน้ีเรียกว่า อธิปัญญาสกิ ขา นี้แล
เรียกว่า สิกขา 3 ไตรสิกขาเป็นหลักการพื้นฐานเพื่อการปฏิบัติธรรม สงเคราะห์ด้วยกองธรรม 3 ประการ
สัมมาวาจาก็ดี สัมมากัมมันตะก็ดี สัมมาอาชีวะก็ดี ธรรมเหล่านี้ จัดเข้าด้วยสีลขันธ์ สัมมาวายามะก็ดี
สัมมาสติก็ดี สัมมาสมาธิก็ดี ธรรมเหล่านี้ สงเคราะห์เข้าด้วยสมาธิขันธ์ สัมมาทิฏฐิก็ดี สัมมาสังกัปปะก็ดี
ธรรมเหล่านี้สงเคราะห์ เข้าด้วยปัญญาขันธ์ คำว่าไตรสิกขา แปลว่า สิกขา แปลว่า การศึกษา การฝึกฝน
ฝึกอบรม ได้แก่ข้อปฏิบัติที่เป็นหลักสำหรับฝึกอบรมพัฒนากายวาจาจิตใจ และปัญญาให้เจริญงอกงาม
ยงิ่ ขนึ้ ไปจนบรรลจุ ุดมุ่งหมายสูงสุดคือความหลุดพ้นหรือนิพพาน มีความหมายรชั การย์ วชิ ชุรงั ศรี (2545)
ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “แนวคิดและตัวชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน : กรณีศึกษาชุมชนบ้านนาหว้า ตำบลนา
หวา้ อำเภอจะนะ จงั หวัดสงขลา” พบวา่ แนวคิดในการกอ่ ต้ังกลุ่มออมทรัพยบ์ ้านนาหว้า ไดก้ อ่ ตั้งเมื่อวันท่ี
16 มกราคม 2522 ได้รับแนวคิดมาจากกรมการพัฒนาชุมชน มีสมาชิกเริ่มก่อตั้ง 56 คน และมีเงิน 860
บาท ปัจจุบันมีสมาชิก 1,760 คน มีเงิน 34 ล้านกว่าบาท และกองทุนสวัสดิการรวม 83 กองทุน โดยใช้
43
หลักการบริหารกองทุน คือ ไม่จ่ายเงินต้น แต่ใช้เฉพาะดอกเบี้ยและต้องเก็บดอกเบี้ยไวส้ มทบทนุ ปลี ะ 10
% และไดแ้ นวคดิ เรอื่ งกระบวนการเรยี นรู้ขององคก์ รชุมชนที่ส่งผลตอ่ การพฒั นาองค์กรและชุมชนบ้านนา
หว้า มีการศึกษาศักยภาพชุมชน ได้แก่ คน ความรู้ และทรัพยากร โดยใช้กระบวนการเรียนรู้และหลักใน
การวเิ คราะห์ 3 ข้นั ตอน คอื 1. การเรยี นรูเ้ พ่อื รู้จักตนเอง 2. การเรยี นรโู้ ลกภายนอก (นอกชมุ ชน) 3. การ
นำข้อมูลจากการเรียนรู้จากโลกภายนอกมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดทิศทางในการพัฒนาองค์กรและชุมชน
ตัวชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน ต้องประกอบไปด้วย 5 ประการ คือ 1.ผู้นำชุมชน 2.การเป็นชุมชนแห่ง
การเรียนรู้ สมาชิกในชุมชนมีการเรียนรู้ร่วมกัน 3.การจัดการชุมชนที่ดีโดยมีโครงสร้างบริหารการจัดการ
ตนเอง 4.การพง่ึ ตนเองได้และมกี ารพฒั นาแบบยั่งยืน 5.การมศี ักยภาพในชมุ ชน
จีระพันธ์ ออ่ นเถอ่ื น (2549) ไดศ้ ึกษาวิจัยเร่ือง การดำรงอยขู่ องเพลงพื้นฐานและคุณลักษณะต่อ
การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน : กรณีศึกษา เพลงอีแซว ชุมชนบ้านลาดป้อม ตำบลวังน้ำซับ
อำเภอศรีประจนั จังหวัดสุพรรณบรุ ี มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาปัจจยั ต่างๆ ท่มี ีผลตอ่ การดำรงอย่ขู องเพลงอี
แซวและศึกษาคุณลักษณะของเพลงอีแซวต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ผลการศึกษาพบว่า
ปัจจัยที่มผี ลต่อการดำรงอยูข่ องเพลงอีแซวชุมชนบ้านลาดป้อม คือ กระบวนการถ่ายทอดและเรียนรู้ การ
เห็นคุณประโยชน์ของเพลงอีแซว กาประยุกต์รูปแบบและเนื้อหาให้สอดคล้องกับสังคมปัจจุบัน การ
ส่งเสริมและสนบั สนุนจากภาครัฐและเอกชนเป็นไปอย่างกวา้ งขวางเพลงอีแซว จึงได้รับการเผยแพร่อย่าง
ทั่วถึง การยอมรับจากสังคมภายนอกการท่ีสถานศึกษานำไปใช้ในหลักสูตรท้องถิน่ ทำใหเยาวชนในชุมชน
มีโอกาสเรียนรู้เพลงอีแซวมากขึ้น และพบว่าเพลงอีแซวมีคุณลักษณะต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ
ชุมชน คือ ในด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม ด้านเศรษฐกิจ และด้านการศึกษา กล่าวคือ เพลงอีแซวช่วยสร้าง
สัมพนั ธท์ แ่ี น่นแฟ้นของคนในชุมชน ศิลปนิ เพีงไดถ้ ่ายทอดความเชอื่ และวิถีชีวติ การดำเนินชวี ิตที่เหมาะสม
เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น การร่วมกลุ่มเป็นคณะเพลงอีแซวเป็นการสร้างงานและการกระจาย
รายไดใ้ ห้แก่ชุมชน นอกจากนเี้ พลงอีแซวยังช่วยเสริมสร้างการเรยี นรู้ให้แก่ชุมชน ได้แกก่ ารให้ความรู้ การ
เป็นศูนย์กลางในการเรยี นรู้การกระจายข้อมลู ข่าวสาร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างเครอื ข่าย และ
ของธันยาภรณ์ โพธิกาวิน (2553) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง กระบวนการเรียนรู้และการถ่ายทอดภูมิปัญญา
ท้องถิ่นด้านดนตรีประเภทขลุ่ยและแคนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี มี
วัตถุประสงค์ 1) ศึกษาภูมิปัญญาและกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดภูมิปัญญาในการทำเครื่องดนตรี
ขลุ่ยและแคนของชุมชนคูบัว 2) เพื่อศึกษาเงื่อนไขของกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดภูมิปัญญาในการ
ทำเครื่องดนตรีขลุ่ยและแคนของชุมชนคูบัว ได้แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านครอบครัว ด้านชุมชน และ
ด้านพิธีกรรม เงือนไขที่ทำให้เกิดความเข้มแข็งของชุมชนด้านสังคม ได้แก่ การสร้างระบบเครือญาติ
ความสัมพันธ์ในสังคม พิธีกรรมทางสังคม การสร้างทุนทางสังคมผ่านระบบโรงเรียน ความเข้มแข็งด้าน
วัฒนธรรม ได้แก่ ประเพณีของชุมชนการสร้างอัตลักษณะของชุมชนผ่านพิธีกรรม การสร้างทุนทาง
วัฒนธรรมผ่านระบบโรงเรียน และความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ พิธีกรรมการผลิต การช่วยเหลือ
เกือ้ กูลในวถิ กี ารผลิต การปรบั ตัวของชมุ ชนในระบบเศรษฐกิจเพื่อการค้า ความรว่ มมือกบั ภาครัฐ และการ
พัฒนาทนุ ชมุ ชนทางภมู ปิ ัญญาดา้ นดนตรี
5. ทา่ นใชห้ ลกั ธรรมอะไรบา้ งในการดำเนินชีวิต
ผลการวิจัยพบว่า ก็คือหลักศีล 5 หลักธรรมอิทธิบาท 4 หลักการเจริญปัญญาและหลักโยนิโส
มนสิการ แล้ว หัวใจเศรษฐี อุฏฐานะสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร อารักขสัมปทา รู้จักเก็บ
รักษา กัลยาณมิตตตา คบเพื่อนที่ดี สมชีวิตา ครองชีพอย่างพอประมาณ หลักการภาวนา หลักความ
ซ่อื สตั ย์ หลกั ความขยนั ความไมป่ ระมาท หลกั การเจรญิ กรรมฐาน การระลึกถึงพระพุทธเจ้า ใช้หลักธรรม
44
อุเบกขาและเมตตากรุณาพรหมวิหาร 4 หลักธรรมที่นำมาใช้ก็คือความกตัญญู ความศรัทธา ความ
ขยันหมั่นเพียร ความอดทน ความเข้มแข็ง การให้อภัย การทำทานโดยการให้การช่วยเหลือในชุมชนจิต
อาสา เพื่อช่วยเหลือชุมชนความรับผิดชอบในหน้าที่การงานในหมู่บ้านและ การทำงานทุกๆ อย่างด้วย
ความตั้งใจ มีการน้อมนำเอาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ความซื่อสัตย์ ความขยันการให้ทาน
การไม่เบียดเบียนใคร สังคหวัตถุ 4 คือทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา ใช้หลักปัญญาในการดำเนิน
ชีวิต คิดดีพูดดีทำดี มีความปรารถนาดีกับผู้อื่น น้อมนำเอาหลักไตรลักษณ์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดาตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงสอนไว้ หลัก
ความเพียรความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หลักบุญกิริยาวัตถุก็คือทาน ศีล ภาวนา การให้ทาน
ความเมตตาธรรมเกี่ยวกับความไม่ประมาทการใช้ชีวิต การอยู่แบบพอเพียงการพัฒนาสติปัญญาอยู่เสมอ
ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ สอนไม่ให้ประมาทในชีวิตในการใช้ชีวิต ประยุกต์หลักธรรม ศีล สมาธิ
ปัญญามาใช้ในชีวิตประจำวนั รูจ้ ักการคบมติ รทีด่ ี เป็นกัลยาณมิตรท่ีดีต่อเพือ่ นบ้าน บำเพ็ญตามหลกั ธรรม
ที่พระได้สอนไว้หลักเรื่องสังคหวัตถุ 4 ศีล 5 หลักอริยสัจ 4 คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พระพุทธศาสนา
สอนให้เราดำรงตนอยู่ในศีล 5 ทำให้เป็นคนดีและน้อมนำเอาหลกั ธรรมคำสอนของพุทธเจ้าเรื่องอริยสัจ 4
มาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ยึดทางสายกลางตามแนวทางพระพุทธศาสนา หลักธรรมที่ชุมชนยึดถือรว่ มกันก็
คือศีล 5 หลักศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญาและความสามัคคี ความกตัญญูกตเวที สติสัมปชัญญะ ความ
ขยันหมั่นเพียร อีกประการหนึ่งก็คือหลักธรรมที่ชุมชนใช้ร่วมกันก็คือหลักปัญญาในการดำเนินชีวิตใช้มรรคมี
องค์ 8 ในการดำเนินชีวิต หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานในการคิดพิจารณาในการดำเนินชีวิต หลัก
โยนิโสมนสิการ หลักอิทธิบาท 4 พละ 5 สติ สัมปชัญญะ สังคหวัตถุ 4 หลักศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญา ซึ่ง
สอดคล้องกับงานของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) (2553, หน้า 547), คำว่าวินัยนี้เป็นการจัด
เตรยี มการทจ่ี ะทำให้คนมศี ลี หรอื เปน็ เคร่ืองมือฝกึ คนใหม้ ีศลี ยงั ไม่ใช่เป็นตัวศลี แท้ แต่เพราะเหตุว่าท่ีว่าเมื่อ
มองในแงข่ องการศึกษาการฝึกอบรมคน วนิ ยั นนั้ ก็พ่วงมากับศลี เป็นฐานของศลี วินัยน้ี ตามความมงุ่ หมาย
ของชุมชนหรือสังคม เช่น วินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสำหรับพระสงฆ์ มีข้อกำหนดเกี่ยวกับความ
ประพฤติส่วนตัวของภิกษุ และภิกษุณีแต่ละรูป กับทั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดระบบความเป็นอยู่ของ
ชุมชนการปกครอง การสอบสวนพิจารณาคดี ลงโทษ วิธีแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระเบียบและตลอดจนกระท่ัง
ระเบียบข้อปฏิบัติและมารยาทต่างๆ ในการต้อนรับแขกในการไปกันมาของอาคันตุกะและในการใช้สา
ธารณสมบัติเป็นต้น
อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำหลักการกว้างๆ ไว้สำหรับผู้ปกครองบ้านเมืองจะพึงนำไปกำหนด
รายละเอียดวิธีปฏิบัติต่อสังคมระดับประเทศชาติ เช่น ทรงสอนหลักที่เรียกว่าจักรวรรดิวัตรให้พระเจ้ า
จักรพรรดิจัดการคุ้มครองป้องกันอันชอบธรรมใหเ้ หมาะสมกบั ประชาชนแตล่ ะจำพวกแตล่ ะประเภทให้วาง
วิธีการป้องกันแก้ไขปราบปรามไม่ให้มีการทำชั่วหรือความชั่วร้ายเดือดร้อนขึ้นในแผ่นดินให้หาทางจัด
แบง่ ปันรายไดเ้ ลยเฉลีย่ ทุนทรัพย์ไม่ให้มคี นขัดสน ยากไร้ในแผ่นดนิ เปน็ ต้น วินัยจะสรา้ งเสริมสำหรบั สังคม
วงกว้างนี้ก็คือระบบการปกครองทั้งบริหารนิติบัญญัติและตุลาการระบบเศรษฐกิจระเบียบแบบแผน ทาง
กำหนดธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมตลอดถึงระบบการทางสังคมอย่างอื่นรวมทั้งส่วนที่สำคัญเช่นวิธี
อำนวยหรือไม่อำนวยโอกาสเก่ียวกับสถานทเ่ี รงิ รมย์ สถานที่อบายมขุ สงิ่ เสพติด การประกอบอาชญากรรม
ต่างๆ และมาตรการเก่ียวกับการงานอาชีพ เปน็ ตน้ ดา้ นสมาธิ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โต) (2553,
หน้า 547-548) สมาธิว่าโดยระดับสูงสุดหรือเต็มรูปแบบ ก็ได้แก่สมถะวิธี วิธีบำเพ็ญกรรมฐานแบบต่างๆ
ซึ่งมีสำนักปฏิบัติได้จัดกำหนดขึ้นและวิวัฒนาการเร่ือยมาในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาดังที่ปรากฏใน
แบบแผนช้ันอรรถกถา ขยายดัดแปลงเพ่ือใหม้ ีมุมมองกว้างครอบคลุมไปทุกระดับ และมวี ธิ ีการปฏิบัติมากมาย
45
เป็นการชักจูงจิตใจของคนให้สงบให้มีจิตใจยึดมั่นและมั่นคงในคุณธรรมมีวิริยะอุตสาหะในการทำความดี งาม
ยิ่งขึ้นไป สมาธิหรืออธิจิตสิกขา สามารถครอบคลุมไปถึงการจัดระบบกัลยาณมิตรและจัดสรรสัปปายะทั้ง 7
ประการ คือ ที่อยู่อาศัยแหล่งอาหาร การพูดการฟังธรรมบุคคล อากาศสภาพแวดล้อม อิริยาบถ รวมทั้งอุบาย
วิธีต่างๆ สถานที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพจิตของคนให้พร้อมที่จะก้าวไปในทางของการเจริญสมาธิ และที่จะ
พัฒนาจิตใจให้ดีย่ิงข้ึนไปเช่นการมีสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจอันสงบร่มร่ืนชักจูงความคิดในทางที่ดีงามการสร้าง
บรรยากาศในสถานที่อยู่อาศัยในที่ทำงานสถานประกอบอาชีพเป็นต้น ให้สดชื่นแจ่มใสประกอบด้วยเมตตา
กรุณาชวนให้อยากทำแต่ความดีและทำให้มีคณุ ภาพจิตประณีตย่งิ ขนึ้ กจิ กรรมต่างๆ ทีป่ ลกุ เรา้ คุณธรรมการ
ส่งเสริมกำลังใจในการทำความดี ความมีอุดมคติและการฝึกจิตใจให้เข้มแข็งหนักแน่นมั่นคงมีสภาพสูง
ดา้ นปัญญา พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) (2553, หน้า 547-548) ด้านปัญญาซงึ่ มวี ิวฒั นาการในดา้ น
วิธีฝึกปฏิบัตจิ นเปน็ แบบแผนทำนองเดียวกบั สมรรถนะวธิ ีแก้เมื่อมองให้กว้างตามสาระและความมุ่งหมาย
เรอื่ งของปญั ญา ได้แก่กจิ กรรมการฝึกหรือพัฒนาความรู้ความคิดซึ่งเรยี กว่าการศึกษาเล่าเรียนท้ังหมดท่ีอาศัย
กัลยาณมิตรโดยเฉพาะครูอาจารย์มาชว่ ยถา่ ยทอดความรู้แบบการถ่ายทอดหรือแบบเล่าเรียน และความชัดเจน
ในศิลปะวิทยาการต่างๆ เริ่มตั้งแต่วิทยาลัยอาชีพเรื่องระดับศีล เป็นต้นไป แต่การที่จะเป็นอธิปัญญาได้น้ัน
เพียงความรู้ความชัดเจนในวิชาชีพและวิทยาการต่างๆ หาเพียงพอไม่ ผสู้ อนจงึ เป็นกัลยาณมิตรท่ีสามารถสร้าง
ศรัทธาและสามารถใช้ในให้ผู้เรียนเป็นคนรู้จักคิดเองได้อย่างน้อยทำให้เขามีความเห็นชอบตามทำนองคลอง
ธรรมและสามารถทำได้ยิ่งกว่านั้น ให้เขารู้จักมองโลกในชีวิตอย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริงที่จะให้วางใจวาง
ท่าที มีความสำคัญสัมพันธ์อย่างถูกต้อง ดำเนินชีวิตด้วยปัญญาเป็นผู้มีการศึกษาชนิดที่เรียกว่าขัดเกลา
กิเลสได้ แก้ทุกข์ได้ สามารถทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นพร้อมกับที่ตนเองมีจิตใจเป็นสุข ความสุขที่เน้นคน
ส่วนรวมเป็นสำคัญ การแสดงพฤติกรรมท่ีคนส่วนใหญ่กระทำจึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการช่วยให้สังคมมี
ความสุขด้วย หลักธรรมที่สุขนิยมนำเสนอว่าเป็นความดีสูงสุดและเป็นแนวทางที่นำไปสู่ความสุขหลาย
ประการ เช่นทางสายกลาง อรยิ ทรพั ย์ เบญจศลี เบญจธรรม มงคลชีวติ บญุ กริ ิยาวัตถุ อทิ ธิบาท อรยิ ทรัพย์
เปน็ ตน้ โดยเฉพาะธรรมทเ่ี ป็นอริยทรพั ยน์ ้ัน
จำเรญิ รตั น์ เจือจนั ทร์ (2548) กลา่ วว่า นักบรหิ ารการศึกษาสามารถจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุก
ประเด็น ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ดังน้ี (1) ศรัทธา การมีความเชื่ออย่างมี
เหตผุ ล (2) ศีล การควบคมุ พฤติกรรมทางกาย วาจา ใจให้อย่ใู นกฎระเบยี บอันดีงามของสังคมซ่ึงได้แก่การ
มศี ลี (3) หริ ิ การมีความละอายตอ่ พฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงค์ เช่น คิดฉ้อราษฎร์บงั หลวง (4) โอตปั ปะ การ
มีความอดกลั้นโดยเกรงกลวั ทจี่ ะไม่ทำชว่ั (5) พาหสุ จั จะ การรอบรู้ รูล้ กึ โดยใชห้ ลกั การรบั ฟังข้อเสนอแนะ
รู้จักโต้แย้งด้วยหลักการที่เป็นเหตุเป็นผล รู้จักวิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำไปสู่การบูรณาการเป็น
ข้อมูล สำหรับการบริหารจัดการการศึกษา (6) จาคะ การมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเสียสละ มีน้ำใจ
ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้อื่น (7) ปัญญา การมีความรู้ที่กว้างและเห็นจริง มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ใน
เหตุผล รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ถูก ผิด มีคุณ มีโทษ มีประโยน์หรือไม่มีประโยชน์ เป็นต้น พระธรรมโกศา
จารย์ (2547, หน้า 8-9) หลักพุทธรรมที่สอดคล้องการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางพุทธจริยธรรมใน
พระพุทธศาสนาอีกประการคือ หลักพุทธธรรมที่นํามาประยุกต์ใชในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งมีความ
จําเป็นจะต้องฝึกฝนตนเองตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อให้การดํารงอยูด้วยความไมประมาท ไม่เมาใน
ชีวิต เมาในความมั่งมี เมาในสิ่งนั้นในสิ่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งไมถาวรแต่ประการใดเลยนอกจากธรรมะที่เปนยา
รกั ษาใจใหพ้ ้นจากความทุกขแม้เราจะมีความเกดิ ความแก่ความเจ็บความตายเป็นกฎธรรมดาของโลก แต่
ถ้ารูจักพัฒนาตนให้ปฏิบัติต่อการดําเนินชีวิตที่ดีแล้วยอมดําเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพไปในตัวเอง และ
งานวิจัยของ มิ่งขวัญ แดงสุวรรณ (2545) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง กระบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
46
บา้ นโปง่ อำเภอสันทราย จงั หวัดเชียงใหม่ ผลการศกึ ษาพบวา่ ชุมชนบา้ นโป่ง มีประวตั ิศาสตร์ความเป็นมา
มีผู้นำชุมชนที่เป็นคนซื่อสัตย์เสียสละ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ มี
ความเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ชว่ ยเหลือกนั มคี ณุ ธรรม มจี ริยธรรม มศี ูนย์รวมทางจิตใจ ซ่งึ ถอื ว่าเป็นทุนทางสังคมที่
สำคัญ ดังนั้นชุมชนท่ีมีทุนทางสังคมทีม่ ีอยู่ในการร่วมกลุ่มกนั วิเคราะห์หาทางเลือกในการแก้ไขปัญหา ทำ
ให้ชมุ ชนมีการเรียนรจู้ ากการทำงาน ร่วมกัน มกี ารจัดการ มีแผน มีโครงการ สมาชิกทกุ คนมคี วามเสียสละ
มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรม การที่สมาชิกในชุมชนมีคุณภาพ มีคุณธรรม ทำให้ชุมชนมี
สันติภาพ มีชุมชนเข้มแข็ง สามารถดำรงความเป็นชุมชนต่อไปได้ งานศึกษาช้ินนี้ชี้ให้เห็นถึง ความสำคัญ
ของทุนทางสังคมที่ส่งผลให้เกิดการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันในการ
วิเคราะหห์ าทางเลอื กของตนเองในการแก้ไขปญั หา นำมาซ่ึงความเขม้ แขง็ มง่ั คงยงั่ ยืน
วริ ตั น์ ไชยชนะ (2543) ศกึ ษาเรอ่ื ง “โครงสร้างของกลมุ่ ออมทรัพยแ์ ละปจั จยั ท่ีทำใหก้ ล่มุ เข้มแข็ง
กรณีศึกษากลุ่มออมทรัพย์คลองเปียะ” โดยมีประเด็นศึกษาคือ 1) โครงสร้างของกลุ่มออมทรัพย์ และ 2)
ปัจจัยที่ให้กลุ่มเข้มแข็ง ด้วยการวิจัยเชิงพรรณนาวิเคราะห์ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ การ
สังเกต และศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มออมทรัพย์ตำบลคลองเปียะ
เข้มแข็ง มีปัจจัยสำคัญ 7 ด้าน ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้นำและสมาชิกกลุ่ม ผู้นำมีจำนวนและความหลากหลาย
มีจิตนิสัยของการเป็นผู้นำและเป็นผู้ที่มีความสามารถ สมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่เป็นเครือญาติ มีจิตสำนึกที่ดี
ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ กลุ่มมีเงินทุน 2 ประเภท คือ เงินสัจจะสะสมของสมาชิกกับเงินบริจาคและ
เงินกองทุนต่าง ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วยการตั้งถิ่นฐานการปกครอง การศึกษา
ศาสนา ความเชอื่ ประเพณี มกี ารต้ังถิน่ ฐานแบบรวมกลุ่มกอ้ นมีบ้านเรือนอยู่ใกล้ชิดกัน มกี ารพบปะพูดคุย
กันของคนในชุมชนเป็นประจำ ทำให้เกิดความร่วมมือและความช่วยเหลือในการทำกิจกรรมต่างๆ ปัจจัย
ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญประกอบด้วยถนน ไฟฟ้า ประปา และการสื่อสาร คนในชุมชนมีความ
พร้อมสามารถปรับตัว พัฒนาสิ่งที่เป็นประโยชนต์ ่อชุมชน มีความเป็นปึกแผ่น ส่งผลให้เกิดการทำงานที่มี
ประสิทธิภาพ ปัจจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ดิน น้ำ ป่าไม้ของตำบลคลองเปียะมีความ
สมบรู ณ์ จากการที่คนในชุมชนชว่ ยกันดูแลรักษาทำให้มีทรัพยากรธรรมชาติทเ่ี พยี งพอ ทำให้คนในชุมชนมี
อาชีพและรายได้ ส่งผลให้การออกเงินเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยด้านการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นๆ
ได้แก่ การสนับสนนุ ด้านงบประมาณ เจ้าหนา้ ทจี่ ากกระทรวงมหาดไทย ทำใหก้ ลมุ่ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้
ศึกษาดงู าน เพ่ือนำมาปรับใช้ในการดำเนนิ งานกลุ่ม เกดิ การเช่ือมโยงเป็นเครือข่ายระหว่างกลุ่มอ่ืนๆ และ
ปัจจัยด้านโครงสร้างของกลุ่ม ประกอบด้วย สถานภาพ บทบาท บรรทัดฐาน การบังคับบัญชา และ
บรรยากาศในกลุ่มทางกลุ่มได้มีการกำหนดโครงสร้างกลุ่มไว้อย่างชัดเจนและเหมาะสม ทำให้การ
ปฏิบัตงิ านของกลมุ่ เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
5.3 ขอ้ เสนอแนะ
จากผลการวจิ ยั และอภปิ รายผลการวจิ ัยดังกล่าวมาแลว้ คณะผ้วู จิ ัยจึงนำผลการวจิ ยั มาดำเนินการ
จดั ทำเปน็ ขอ้ เสนอแนะไว้เปน็ 3 ระดับดงั นี้
1) ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย
1. หนว่ ยงานทางพระพุทธศาสนาควรให้การสนับสนุนมากกว่าน้ี เช่น การรกั ษาศลี การเจรญิ ภาวนา
ส่งเสรมิ ให้เหน็ คุณคา่ และประโยชน์ในการดำเนนิ ชีวติ กบั เยาวชนใหเ้ ยาวชนใหม้ ากกวา่ นี้
47
2. ควรให้ชุมชนร่วมกลุ่มกันมากขึ้น โดยจัดกิจกรรมทางศาสนาผสมผสานกับประเพณีวัฒนธรรม
เช่นการถวาย ตงุ ลา้ นนา รวมมือกบั บ้านวัด โรงเรยี น
3. ควรมีการส่งเสริมกิจกรรมเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง วันสำคัญทางศาสนา
ประเพณีท้องถิ่นต้องมีการจัดกิจกรรมเสมอ หรือควรหาตัวแทนเจ้าอาวาสไว้ ถ้าเจ้าอาวาสก็ต้องมีคนจัด
กจิ กรรมแทน
4. ควรมีการรวมเอาวัฒนธรรมประเพณีทางพุทธกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นผสมผสานกันกับ
กิจกรรมในทางพุทธศาสนามากข้นึ สร้างภาวะผูน้ ำให้มีท้ังเจ้าอาวาสและผู้ตามให้เกิดมีข้นึ
5. ควรมีการส่งเสริมหลักปัญญาในการดำเนินชีวิตใช้มรรคมีองค์ 8 ในการดำเนินชีวิต หลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานในการคิดพิจารณาในการดำเนินชีวิต หลักธรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยเสริมสร้างความ
เข้มแข็งของชุมชนโดยอาศัยพระพุทธศาสนาเป็นฐานในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ต่อไป
2) ขอ้ เสนอแนะสำหรับผปู้ ฏบิ ัติ
2.1 ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ควร
ใหป้ ระชาชนรู้จักธรรมะในหลายประเด็นควรทจ่ี ะเปิดสอนหรือเปิดศนู ย์การเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาขึ้น
ในชมุ ชน การประยุกตใ์ ช้ธรรมะในชวี ิตไดจ้ รงิ
2.2 ด้านการสร้างความรู้ ชุมชนแห่งการเรียนรู้หรือองค์ความรู้เพราะความรู้นำไปสู่ความ
เขม้ แขง็ ควรสรา้ งความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้มากขนึ้ เมอื่ เกดิ ความเขา้ ใจทุกอย่างก็จะ
ไมม่ ีปัญหาสิ่งทีส่ ำคญั คือศนู ย์การเรยี นรู้พระพทุ ธศาสนาควรใหเ้ กดิ ขึน้ ในชมุ ชน
3) ข้อเสนอแนะสำหรับศกึ ษาวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป
3.1 ควรศึกษาวิจัยเรื่อง การเรียนรู้และการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดนตรีประเภท
พื้นเมอื งเพื่อเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งของชุมชน
3.2 ควรศึกษาเก่ียวกับ การเสรมิ สร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยใชภ้ มู ิปญั ญาท้องถน่ิ เป็นฐาน
3.3 ควรศึกษาเกี่ยวกับ การใช้แหล่งความรู้ในชุมชนในการเรียนการสอนกลุ่มสร้างเสริม
ประสบการณช์ วี ติ
3.4 ควรศึกษาเกี่ยวกับ แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้กับชุมชนเพื่อ
สรา้ งความเข้มแข็งทางบ้าน วดั โรงเรยี น (บวร)
48
บรรณานกุ รม ตัวอย่างบรรณานุกรม
1) ภาษาไทย
ก.ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ (Primary Sources)
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฏกฉบับภาษาไทย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬา
ลงกรณราชวทิ ยาลัย. ๒๕๓๙.
ข. ข้อมลู ทตุ ิยภูมิ (Secondary Sources)
1. หนังสอื ทวั่ ไป
กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ,. (2504). ความเปน็ มาของแผนการศึกษาแห่งชาติ, กรงุ เทพมหานคร
: โรงพมิ พ์มงคลการพมิ พ์.
กรมวิชาการ, (2523). “แนวทางการพัฒนาจริยธรรมไทย”. การประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับจริยธรรม
ไทย 22 – 27 มกราคม 2523. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
กรมวิชาการ. (2539). คมู่ อื การสรา้ งเครอื่ งมือคุณลกั ษณะด้านจติ พสิ ยั . กรงุ เทพมหานคร : ครุ สุ ภา.
กฤษฎา บุญชัย. (2541). ความยากจนในชนบท. ใน ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ (บรรณาธิการ), คนจนไทยใน
ภาวะวิกฤติ (น.137-151) , กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย.
เกรยี งศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ์ ักด์ิ. (2539). เรียนรู้ : วถิ ีสูค่ วามสำเร็จ. พิมพค์ รั้งท่ี 3, กรงุ เทพมหานคร : ซคั เซสมี
เดีย.
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน สำนักนายกรัฐมนตรี,. (2536). แผนการศึกษาแห่งชาติ
พทุ ธศักราช 2535. กรุงเทพมหานคร : อรรถพลการพมิ พ.์
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน สำนักนายกรัฐมนตรี,. (ม.ป.ป.). แผนการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ.2542 ทแ่ี ก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2545. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั พรกิ หวานกราฟฟิค
จำกัด.
คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ, สำนักงาน สำนกั นายกรฐั มนตรี. (2520). แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ ฉบบั
ที่ 4 พ.ศ.2520-2524. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส์ ำนกั เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตร.ี
จำเริญรัตน์ เจือจันทร์. (2548). จริยศาสตร์: ทฤษฎีจริยธรรมสำหรับนักบริหารการศึกษา.
กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส. พรนิ้ ตง้ เฮ้าส์.
ชาตชิ าย ณ เชยี งใหม.่ (2542). ดุจฝนชโลมดนิ ทีแ่ หง้ ผาก.กระบวนทัศนแ์ ละการจดั การพัฒนาตาม แนว
ทฤษฏีใหม่. กรุงเทพมหานคร : โครงการเอกสารวชิ าการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบัน
บัณฑติ บริหารศาสตร์.
ชมุ ชนบ้านแสนคำ. (2555). ประวัติบา้ นแสนคำ. เชยี งใหม่ : มูลนิธลิ ิ้งค์เชอื่ มโยงปา่ และน้ำ.
ณรงค์ เส็งประชา (2543). กลุม่ ธรุ กิจเพน้ื บ้านกบั การพฒั นาชมุ ชน .กรงุ เทพมหานคร : โอเดียนสโตร์.
นงลักษณ เทพสวัสด์ิ. (2543). วิเคราะห์ปญหาสําคัญในสังคมไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์.
นภาภรณ์ หะวานนท์ (2550). ทฤษฎีฐานรากในเรื่องความเข้มแข็งของชุมชน. กรุงเทพมหานคร :
สำนักงานกองทนุ สนับสนนุ การวิจยั (สกว.),.
49
ประเวศ วะสี. (2550). ระบบการศึกษาที่คุณธรรมนำความรู้. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์และทำปก
เจรญิ ผล, นนทบรุ .ี
ประเวศวะสี. (2541). บนเส้นทางใหม่ การสง่ เสริมสุขภาพ อภวิ ัฒน์ชีวตและสงั คม. หมอชาวบา้ น. กรุงเทพฯ.
ปาริชาติวลัยเสถียร และคณะ. (2543). กระบวนการและเทคนิคการทํางานของนักพัฒนา.
กรุงเทพมหานคร: สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย. และธีรพงษ์ แก้วหาวงษ์ (2544 : 46)
กระบวนการเสรมิ สร้างชมุ ชนเข้มแข็ง, ขอนแก่น : โรงพมิ พค์ ลังนานาวิทยา.
พระเทพเวที (ป.อ.ปยุตฺโต). (2535). การพัฒนาจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : มหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั .
พระธรรมโกศาจารย์. (2547). ธรรมะกับชีวติ ประจําวนั . กรงุ เทพมหานคร : ธรรมสภา.
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต),. (2540)พุทธศาสนากับชีวิตและสังคม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
ธรรมสภา.
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2546). พุทธธรรม ฉบับปรับปรุงและขยายความ: มัชเฌนธรรม
เทศนา/มัชฌิมาปฏิปทา หรือ กฎธรรมชาติและคุณค่าสำหรับชีวิต. พิมพ์ครั้งท่ี11.
กรงุ เทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย.
พระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวณฺโณ), (2546), อนุปุพพิกถาทีปนี, พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพมหานคร : โรง
พิมพ์ มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย.
พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม), (มปป. หน้า 3-5). ทาน ศีล ภาวนา นำพาพ้นกรรม,
กรงุ มหานคร : สำนักพิมพ์แอล ซีพี เดก็ ดมี บี ญุ .
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ ปยุตฺโต), (2550) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งท่ี
15, กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพจ์ นั ทรเ์ พ็ญ.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), (2550) ธรรมะฉบับเรยี นลัด, กรงุ เทพมหานคร : สถาบันบันลอื ธรรม.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต),. (2553). พจนานุกรมพทุ ธศาสตรฉ์ บบั ประมวลศัพท์, พิมพ์พิมพ์คร้ัง
ท่ี 15, กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พส์ หธรรมิกจำกดั .
พระไพศาล วสิ าโล, พระชาย วรธมฺโม. (2559). ฉลาดทำบุญ. กรงุ เทพมหานคร : มลู นธิ พิ ทุ ธธรรม.
พระไพศาล วิสาโล. (2549). ฝ่าพ้นวิกฤตศีลธรรมดวยทัศนะใหม่. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์หางหุน ส่วน
สามลดา.
พุทธทาสภกิ ขุ, (2543) ศึกษาธรรมอย่างถูกวิธี, พมิ พค์ ร้ังท่ี 7, กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์สุขภาพใจ.
เพ็ชรี รปู ะวเิ ชตร์. (2547). เอกสารรวบรวมบทความทางวชิ าการ บทความพิเศษ และบทความงานวิจัย
ของอาจารย์ ดร. เพ็ชรี รูปะวิเชตร์. สาขาวิชาบริหารธุรกิจ ภาควิชาอาชีวศึกษาคณะ
ศกึ ษาศาสตรม์ หาวทิยาลัยเชยี งใหม่.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2534) ความร้คู คู่ ุณธรรม, กรงุ เทพมหานคร : สำนักพิมพ์จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.
มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั . (2536). มงั คลัตถทีปนี ภาค 2. นครปฐม : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. (2555). พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ของมหามกุฏราชวิทยาลัย. พิมพ์
ครงั้ ท่ี 6. นครปฐม : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวทิ ยาลัย.
ยงยทุ ธ เกษสาคร. (2541). ภาวะผ้นู ำและการจงู ใจ. กรุงเทพมหานคร : SK Booknet.
ยิ่งยง เทาประเสริฐ. (2542). เครือข่ายชุมชนวิทยาการราชภัฏด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น. เชียงราย : ศูนย์
วจิ ยั และพัฒนาการแพทยพ้ืนบ้านสถาบนั ราชภัฏเชยี งราย.
50
รัตนวดี โชติกะพาณิชย์, รศ.,. (มปป). จริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพครู. กรุงเทพมหานคร :
ภาควิชาหลักสูตรและการสอนคณะศกึ ษาศาสตรม์ หาวิทยาลยั รามคำแหง.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542. พิมพ์ครั้งท่ี 6.
กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน.
ล้วน สายยศและองั คณา สายยศ. (2543). เทคนคิ การวจิ ัยทางการศกึ ษา. พิมพค์ รงั้ ที่ 3, กรงุ เทพมหานคร
: สวุ รี ยิ าสาส์น.
วศนิ อินทสระ. (2541). พุทธจรยิ ศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพท์ องกวาว.
วศนิ อนิ ทสระ. (2544). จริยศาสตร,์ พมิ พค์ รงั้ ที่ 4, กรงุ เทพมหานคร : บรรณกจิ .
วิทย์ วิศเวศและเสฐียรพงษ์ วรรณปก. (2533). จริยธรรมกับบุคคล, พิมพ์ครั้งที่ 4, กรุงเทพมหานคร :
อักษรเจริญทัศน.์
สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสังฆราช (เจรญิ สุวฑฒฺ โน). (2541). หัวใจพระพุทธศาสนา, พิมพ์ครั้งที่
2, กรงุ เทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวิทยาลยั .
สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก, (2553) .วธิ ีสร้างบุญบารมี, พิมพ์คร้ังที่
28, กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัทพมิ พ์สวย จำกดั .
สมทรง บุญญฤทธิ์. (2544). วิธีทำบุญฉบบั สมบูรณ.์ พิมพิ์คร้งั ที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพ์สุขภาพ
ใจ.
สมทรง ปญุ ญฤทธ์ิ, (2544). ฝากความดีไว้ในแผน่ ดนิ , กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพส์ ุขภาพใจ.
สํานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาต.ิ (2554). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม
แหง่ ชาตฉิ บับท่ี 11. กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักนายกรฐั มนตรี.
สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาต.ิ (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติฉบบั ท่ี 12. กรุงเทพมหานคร : สํานกั นายกรัฐมนตรี.
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา. (2550). ตัวบงชี้และเกณฑ์พิจารณาเพือ่ การ
ประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2553. กรุงเทพมหานคร : บริษัทจุดทอง
จำกัด.
สุมน อมรวิวัฒน์. (2549). บทบาทของสถาบันการศึกษาต่อการตอ่ การพฒั นาจติ ใจ. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพแ์ ละการทำปกเจรญิ ผล, นนทบุรี.
เสฐียรโกเศศ. วัฒนธรรม. (กรุงเทพมหานคร : อมรการพิมพ์, 2525), อ้างใน ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2534).
ความรคู้ ู่คณุ ธรรม. กรุงเทพมหานคร : สำนักพมิ พจ์ ุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
แสง จันทร์งาม. (2542). ศาสนศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช
จำกดั .
โสรีช์ โพธิแก้ว. (2544). “การปรึกษาเชิงจิตวิทยาในแนวพุทธธรรม.” ในเอกสารการสอนการ
ปรกึ ษาเชงิ จติ วิทยาตามหลักพระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
ไสว มาลาทอง. (2542). คมู่ อื การศึกษาจริยธรรม. กรุงเทพมหานคร : กรมการศาสนา.
อนุชาติ พวงสำลี และอรทยั อาจอำ่ (2541). การพัฒนาเครื่องชวี้ ัดคณุ ภาพชีวติ และสังคมไทย พิมพ์ครั้ง
ที่ 2.กรงุ เทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ,.
อนุชาติ พวงสำลีและอรทัย อาจอ่ำ (2539) การพัฒนาเครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตและสังคมไทย /อนุชาติ
พวงสำล,ี อรทยั อาจอำ่ บรรณาธกิ าร.กรงุ เทพฯ : สำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย (สกว.),.
51
2. วารสาร
จิตรศิริ ขันเงิน. (2545). การสังเคราะห์งานวิจัยโดยวธิ ีวิเคราะห์เมตตา้ : ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กบั
การเสริมสร้างพลังอำนาจในงาน. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 25(2-
3): 82-102.
ชำนาญ วัฒนศิริ, “ความเข้มแข็งของชุมชนและประชาคม”, วารสารพัฒนาชุมชน, 12 (ธันวาคม, 2542),
17-18.
ประเวศ วะส.ี (2541).ยทุ ธศาสตรช์ าติเพ่ือความเข้มแข้งทางเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรมปาฐกถาพิเศษ
ปวย อ๊ึงภากรณ์. กรงุ เทพมหานคร : หมอชาวบ้าน.
ทัศนา บญุ ทอง. (2533). ความเครยี ดและการคลายเครยี ด. วารสารสภาพยาบาล, 3 (1), 12-13.
3. วทิ ยานพิ นธ/์ งานวิจัย
จรี ะพันธ์ ออ่ นเถือ่ น. 2549. การดำรงอยขู่ องเพลงพื้นฐานและคณุ ลักษณะต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ของชมุ ชน: กรณศี ึกษา เพลงอีแซว ชมุ ชนบ้านลาดป้อม ตำบลวังน้ำซับ อำเภอศรีประจัน จังหวัด
สุพรรณบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพัฒนาศึกษา มหาวิทยาลัย
ศลิ ปากร.
ธันยาภรณ์ โพธิกาวิน. 2553. กระบวนการเรียนรู้และการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดนตรีประเภท
ขลุ่ยและแคนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี. สาขาวิทยานิพนธ์
ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาพฒั นาศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
นางสาวสาวิณี รอดสิน. 2554. ชุมชนเข้มแขง็ : กรณีศึกษาชุมชนปางจำปี ตำบลห้วยแกว้ อำเภอแม่ออน
จังหวัดเชียงใหม่. ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาตร์, บัณฑิต
วิทยาลัย : มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.
ปริญญา สิงห์เรอื ง. 2551. ชุมชนเข้มแข้ง : กรณีศึกษาบ้านดอนหมู ตำบลขามเปื้ย อำเภอตระการพืชผล
จงั หวดั อบุ ลราชธาน.ี ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าสังคมศาสตร์และการพัฒนา คณะ
ศิลปะศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี.
ปัญจศิลป์ เสนีย์. 2547. กระบวนการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในจังหวัด
สงขลา. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการ
จดั การ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร,์ สงขลา.
พระมหาไฉน ประกอบผล. 2544). “การศึกษาหลักพุทธจริยธรรมเรื่องหน้าที่ของบุตรธิดาตอบิดามารดา
กรณีศึกษา:นักเรียนโรงเรียนปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี”. วิทยานิพนธอักษรศาสตรมหาบัณฑิต,
(บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั มหิดล.
พวงรัตน์ วิทยมาภรณ์. 2541. การใช้แหล่งความรู้ในชุมชนในการเรียนการสอนกลุ่มสร้างเสริม
ประสบการณ์ชีวิต (วิชาสังคมศึกษา) ในโรงเรียนประถมศึกษา จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์
ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ .
พูนฤดี สุวรรณพันธุ. (2537). “ปัจจัยทางครอบครัวและโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะทางพุทธศาสนา
ของนักเรียนในชุมชนที่มีระดับการพัฒนาต่างกัน”, วิทยานิพนธมหาบัณฑิต, คณะสาขาการ
จัดการการพัฒนาสงั คม สถาบนั บณั ฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
เพียงใจ คงพันธ์. 2553. การศึกษาจริยธรรมนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชปี
การศึกษา 2553. รายงานวจิ ัย. นครศรีธรรมราช : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรธี รรมราช.
52
มิ่งขวัญ แดงสุวรรณ. 2545. กระบวนการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนบ้านโป่ง อำเภอสันทราย จังหวัด
เชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ (ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชาการส่งเสริมสุขภาพ)) –
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ : บัณฑิตวทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่.
รัชการย์ วิชชุรังศรี. 2545. แนวคิดและตัวชี้วัดความเข้มแข็งของชุมชน : กรณีศึกษาชุมชนบ้านนาหว้า
ตำบลนาหว้า อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. งานวิจัยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก สำนักงาน
คณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงศกึ ษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พุทธศักราช 2545.
รัตนากร วงศ์ศรีและคณะ,. 2550. การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมนักเรียนนักศึกษาโรงเรียนลำปาง
พาณิชยการเทคโนโลยี. รายงานการวิจัย. ลำปาง : โรงเรยี นลำปางพาณชิ ยการและเทคโนโลย.ี
ลัดดาวัลย์ ศรีนิมิตแก้ว. 2552. แนวทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักศึกษา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ, รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ.
วริ ัตน์ ไชยชนะ. 2543. โครงสรา้ งของกลุ่มออมทรัพย์และปัจจยั ท่ีทำให้กลุ่มเข้มแข็ง กรณีศึกษากลุ่มออม
ทรัพย์คลองเปียะ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขา
วิชาเอกไทยคดศี กึ ษา มหาวิทยาลยั ทักษิณ. จังหวัดสงขลา.
สมบูรณ์ ธรรมลงกา. รูปแบบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นฐานใน
จังหวัดเชียงราย. ปริญญาเอก สาขาการศึกษาและการพัฒนาสังคม คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัย
ราชภัฎเชียงราย.
สุคนธ์ ชทู พิ ย์. 2547. การวิจัยและพฒั นาเชิงปฏิบัติการแบบมสี ่วนรว่ มเพ่ือเสริมสรา้ งการบริหารจัดการท่ี
ดีของกลุ่มออมทรัพย์เพือ่ การผลิต : กรณีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลติ บ้านสพันธ์อ่างทอง หมู่ท่ี 8
ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานคิ ม จังหวดั ลพบรุ ี. วิทยานิพนธย์ ทุ ธศาสตร์การพัฒนา มหาบัณฑิต
สาขาวิชายทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเทพสตร.ี
อาชญั ญา รตั นอบุ ล และคณะ. 2548. การจดั การเรยี นร้ขู องแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต : ห้องสมดุ ประชาชน,
รายงานการวจิ ยั . กรุงเทพมหานคร : วทิ ซี ี คอมมวิ นิเคชัน่ .
อาณา สุดชาดา. 2557. การศึกษาบุญกิริยาวัตถุ 3 ที่ปรากฏในประเพณีบญุ เดือนสี่ ; กรณีศึกษาตำบลนา
คาย อำเภอตาลสุม จังหวัดอุบลราชธานี. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑติ (พระพุทธศาสนา).
บัณฑติ วทิ ยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย.
4. เวบ็ ไซต์
พระมหาสาคร ศรดี ี. (2560). พทุ ธจรยิ ธรรม, บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหิดล. สบื ค้นเมอื่ วันท่ี [13 ตุลาคม
2561] . เ ข ้ า ถ ึ ง ไ ด ้ จ า ก . http://www.thaicadet.org/Buddhism/BuddhistEthics-
SakonSridee.html,
2) ภาษาอังกฤษ
Conger, J. A., & Kanungo, R. N. (1988). The empowerment process: Integrating theory and
practice. Academy Management Review, 13(3): 471-482.
Conger, J. A., & Kanungo, R. N. (1988). The empowerment process: Integrating theory and
practice. Academy Management Review, 13(3): 471-482.
53
Ekeberg, C. Lagerstrom, M., & Lutzen, K. (1997). Empowerment and occupational health
nursing. American Association of Occupational Health Nursing, 45(7):342-348.
Fawcett, S. B. et al. (1995). Using empowerment theory in collaborative partnerships for
community health and development. American Journal of Community
Psychology, 23:677-697.
Gibson, C. H. (1991). A concept analysis of empowerment. Journal of Advanced Nursing,
16:354-361.
Gibson, C. H. (1995). The process of empowerment in mothers of chronically ill children.
Journal of Advanced Nursing, 21: 1201-1210.
Gomez, C., & Rosen, B. (2001). The leader-member exchange as a link between
managerial trust and employee. Group & Organization Management, 26(1):53-70.
Greasley, K., & King, N. (2005). Employee perceptions of empowerment. Employee
Relations, 27.
Greasley, K., & King, N. (2005). Employee perceptions of empowerment. Employee
Relations, 27.
Gunden, E., & Crissman, S. (1992). Leadership skills for empowerment. Journal of Nursing
Administration Quarterly, 16 (3) : 6-10.
Hawks, J. H. (1992). Empowerment in nursing education: Concept analysis and application
to philosophy, learning and instruction. Journal of Advanced Nursing, 17 (5): 609-
617.
Honold, L. (1997). A review of the literature on employee empowerment. Empowerment
in Organizations, 5(4):202-212.
Kanter, R. M. (1997). Frontiers of management. United States of American : A Harvard
Business Review Book.
Kanter, R. M. (1979). Power failure in management circuits. Harvard Business Review,
57:65-75.
Kanter, R. M. (1993). Men and women of the corporation. New York: Basic Books.
Kinlaw, D. C. (1995). The practice of empowerment. Hampshire England: Gower.
Kinlaw, D. C. (1995). The practice of empowerment. Hampshire England: Gower.
Klakovich, M. D. (1996). Registered nurses empowerment: Model testing and implications
for nurse administrators. Journal of Nursing Administration, 26(9): 29-35.
Laschinger, H. K. S. (1996). A theoretical approach to studying work empowerment in
nursing: a review of studies testing Kanter's theory of structural power in
organizations. Nursing Administration Qauterly,20(2):25-41.
Laschinger, H. K. S., Wong, C., McMabon, L., & Kaufmann, C. (1999). Leader behavior
impact on staff nurse empowerment, job tension, and work effectiveness. Journal
of Nursing Administration, 29(5): 28-39.
54
Laschinger, H. K. S., & Havens, D. S. (1995). Staff nurse work empowerment and perceived
control over nursing practice: Conditions for work effectiveness. Journal of Nursing
Administration, 26(9): 27-35.
Laschinger, H. K. S., Finegan, J. E., Shamian, J., & Wilk, P. (2004). A longitudinal analysis of
the impact of workplace empowerment on work satisfaction. Journal of
Organizational Behavior, 25: 527-545.
Laschinger, H.K., Finegan, J., Shamian, J. (2001). The impact of workplace empowerment,
organizational trust on staff nurses' work satisfaction and organizational
commitment.Health Care Manage Rev., 26(3):7-23
MaKay, B.; Forbes, J. A. ; & Bourner, K. (1990) Empowerment in general practice. The
trilogies of caring. Aust Fam Physician,19(4):513, 516-20.
McDermont, K., Laschinger, H. K. S., & Shamian, J. (1996). Work empowerment and
organizational commitment. Nursing Management, 27(5):44-48.
McDermont, K., Laschinger, H. K. S., & Shamian, J. (1996). Work empowerment and
organizational commitment. Nursing Management, 27(5):44-48.
McGraw, J. P. (1992). The road to empowerment. Journal of Nursing Administration
Quarterly, 16 (3): 16-19.
Merriam Webster Online Dictionary. (2005). Available from : http://www.m-w.com
[September 18, 2005].
Merriam Webster Online Dictionary. (2005). Available from : http://www.m-w.com
[September 18, 2005].
Morrison, R. S., Jones, L., & Fuller, B. (1997). The relation between leadership style and
empowerment on Job satisfaction of nurses. Journal of Nursing Administration,
27(5):27-34.
Ozaralli, N. (2003). Effects of transformational leadership on empowerment and team
effectiveness. Leadership & Organization Development Journal, 24 (6):335-344.
Porter-O’Grady, T. (1986). Creative nursing administration: participative management
into the 21st century. Rockville,Md.: Aspen Systems.
Puetz, B. E. (1988). Empowerment in occupational health nursing: wielding power through
expertise. AAOHN Journal, 36(12):503-7.
Rappaport, J. (1987). Terms of empowerment/exemplars of prevention: Toward a theory
of community psychology. American Journal of Community Psychology, 15: 121-
148.
Sabiton, J. A., & Laschinger, H. K. S. (1995). Staff nurse work empowerment and perceived
autonomy: Testing Kanter’s Theory of Structural Power in Organizations. Journal
of Nursing Administration, 25(9): 42-45
Spreitzer, G. M. (1995). Psychological empowerment in the workplace: Dimensions,
measurement, and validation. Academy of Management Journal, 38(5): 1442-1465.
55
Spreitzer, G. M. (1995). Psychological empowerment in the workplace: Dimensions,
measurement, and validation. Academy of Management Journal, 38(5):1442-1465.
Stewart, A. M. (1994). Empowering people. London: Pitman.
Tebbitt, B. V. (1993). Demystifying organizational empowerment. Journal of Nursing
Administration, 23(1):18-23.
Tebbitt, B. V. (1993). Demystifying organizational empowerment. Journal of Nursing
Administration, 23(1):18-23.
Thomas, K. W., & Velhouse, B. A. (1990). Cognitive element of empowerment. Journal of
Nursing Administration, 23(1):18-23.
Tracy, D. (1990). 10 steps to empowerment: A common-sense guide to managing people.
New York: William Morrow.
Wallerstein N, &Bernstein E. (1988). Empowerment education: Freire's ideas adapted to
health education. Health Education Qualterly. 15(4):379-94.
Walton, M. (1986). The Deming management method. London: Mercury Books.
Wilkinson, A. (1998). Empowerment: Theory and practice. Personnel Review, 27(1):40-46.
Wilson, B., & Laschinger, H. K. S. (1994). Staff nurses’ perception of job empowerment
and organizational commitment : A test theory of Structural Power in Organizations.
Journal of Nursing Administration, 24(4s): 39-45.
Wilson, B., & Laschinger, H. K. S. (1994). Staff nurses’ perception of job empowerment and
organizational commitment : A test theory of Structural Power in Organizations.
Journal of Nursing Administration, 24(4s): 39-45.
56
ภาคผนวก ก ตัวอย่างภาคผนวก
ภาพถา่ ยสถานทป่ี ฏิบตั ิงานสหกิจศึกษา ณ .....................................
57
ตัวอย่างภาคผนวก
ภาคผนวก ข
ตวั อย่างเอกสารทางการบัญชี
58
ที่............../.................... ชือ่ หน่วยงาน..........................................................
เลขที.่ ............หมู่ท.ี่ ...............ถนน..........................
ตำบล...............................อำเภอ............................
จงั หวัด....................................................................
โทรศพั ท.์ ................................................................
วนั ท่ี................เดอื น................................พ.ศ.......................
เรื่อง แจ้งผลตอบรบั เรื่องนกั ศึกษาฝึกประสบการณ์อาชีพทางพุทธศาสตร์
เรียน/นมัสการ ผา่ นผอู้ ำนวยการวิทยาลัยศาสนศาสตร์ลา้ นนา (อาจารยป์ ระจำหลกั สตู ร)
อ้างถึง หนังสือที่ .........................../..................... ลงวันที่ ...............................................ตามที่
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์รับ
นักศกึ ษา ระดับปรญิ ญาตรี สาขาพุทธศาสตร์ ในรายวชิ าPH1039 การฝึกภาคสนาม (ประสบการณอ์ าชีพทางพุทธ
ศาสตร์)เพอื่ ปฏบิ ัติงานในหนว่ ยงาน..................................................................................................
.........................................................จำนวน ..........คน เป็นระยะเวลา ๑ ภาคการศึกษา ตั้งแตว่ ันท่ี ........
เดือน .................. พ.ศ. ๒๕๖๓.... ถึง วันที่ ...... เดือน .................. พ.ศ. ๒๕๖๔... ตามความทราบแล้ว
นั้น
บดั น้ี ขอแจ้งผลตอบรบั เรอ่ื งนกั ศกึ ษาปฏิบัติงาน ดงั น้ี
สามารถรบั นักศกึ ษาปฏิบัตงิ านไดท้ ้ังหมด
สามารถรบั นกั ศกึ ษาปฏบิ ัติงานได้ จำนวน ........... คน
ไมส่ ามารถรับนักศึกษาปฏิบัตงิ านได้
อื่น ๆ (ระบ)ุ ...............................................................................................
ช่อื ................................................................นามสกุล.................... ................................
ชอ่ื ................................................................นามสกุล....................................................
ช่ือ................................................................นามสกลุ ................ ....................................
ช่อื ................................................................นามสกุล....................................................
จึงเรียน/นมัสการมาเพื่อทราบและหากมีความประสงค์จะติดต่อขอทราบรายละเอียด
เพิ่มเติม โปรดต่อโดยตรงกับ ...............................................นามสกุล...................................................
เบอร์โทรศัพท.์ ................................................................และโทรสาร........................................................
เรียน/นมสั การมาดว้ ยความเคารพ
(.................................................)
ตำแหนง่ ...................................................................
หมายเหตุ : นำส่งท่ี อาจารย์ผู้รบั ผดิ ชอบหลกั สตู รฯ สาขาวิชาพทุ ธศาสตร์, พระครูวนิ ัยธรสญั ชยั ญาณวโี ร, ดร.
59
ปฏิทินการฝึกงาน (รหสั 60)
ปฏิทินการฝกึ ประสบการณ์อาชีพพุทธศาสตร์ สาขาวิชาพทุ ธศาสตร์
ภาคเรยี นท่ี 2/2563 ประจำปีการศกึ ษา 2563
กิจกรรม เวลาดำเนินการ
1. ตดิ ต่อขอฝกึ งานต่อสถานท่ีฝกึ งาน 1 สงิ หาคม 2563
2. ยนื่ คำรอ้ งขอฝกึ งานตอ่ สาขาวิชา ฯ ถึง 27 สิงหาคม 2563
3. รับหนังสอื ขอความรว่ มมือไปตดิ ต่อสถานที่ฝึกงาน 3 กนั ยายน 2563
4. นำใบตอบรับจากสถานท่ฝี ึกงานยนื่ ต่อสาขาวชิ า 17 กันยายน 2563
5. แตง่ ต้งั อาจารยน์ เิ ทศ/ทีปรึกษาฝึกงาน 17 กันยายน 2563
6. ปฐมนิเทศก่อนการฝึกงาน 15 ตุลาคม 2563
7. จดั สง่ ระเบียนขอ้ มลู นักศึกษาฝึกงานต่ออาจารย์นิเทศ 15 ตุลาคม 2563
8. รับหนังสอื ส่งตวั นักศึกษาปฏบิ ตั ิการฝึกงานส่งสถานประกอบการ รับหนงั สือส่งตวั นกั ศึกษาปฏิบตั กิ าร
พร้อมแบบประเมินผล ฝกึ งานส่งสถานท่ี พรอ้ มแบบ
ประเมนิ ผล 15 ตุลาคม 2563
9. เร่ิมปฏบิ ตั ิการฝกึ งาน 2 พฤศจิกายน 2563
10. บนั ทึกภาระงานประจำวัน ระหว่างการฝึกงาน
11. รอรบั การนิเทศการฝึกงาน สปั ดาห์แรก – สัปดาหส์ ุดท้ายของ
การปฏิบตั ิการฝึกงาน
12. จบการปฏิบตั กิ ารฝกึ งาน วันปดิ ภาคเรียน 28 กมุ ภาพันธ์
2564
13. สง่ เอกสาร / ข้อมลู ประเมินผลตอ่ อาจารยน์ ิเทศ 5 มนี าคม 2564
- แบบประเมินผลจากสถานประกอบการ
- รายงานสรุปการฝึกงาน
- ส่งเล่มรายงานการฝกึ งานเลม่ เสร็จสมบูรณ์
14. ปจั ฉมิ นิเทศหลังการฝกึ งาน 5 มนี าคม 2564
15. ประชมุ อาจารย์นเิ ทศประเมนิ ผล 15 มีนาคม 2564
หมายเหตุ หากมีปัญหาระหว่างการฝึกงาน โปรดตดิ ต่อฝา่ ยประสานงาน/อาจารย์ประจำหลักสูตร
มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลยั วทิ ยาแขตล้านนา โทรศัพท์ 086-422, 7439,
ปฏทิ นิ การฝกึ งานสามารถปรบั เปลีย่ นได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
60
กำหนดการปฐมนเิ ทศนักศกึ ษาในรายวชิ าฝกึ ประสบการณอ์ าชีพพุทธศาสตร์
สาขาวชิ าพุทธศาสตร์
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563
ณ ห้องประชุมพระราชปรยิ ัตโยดม (โอภาส โอภาโส) MBU4
กำหนดการปฐมนเิ ทศ
เวลา กจิ กรรม
13.00 – 13.30 น.
13.31 – 14.15 น. ลงทะเบียน
14.16 – 15.09 น. หวั หนา้ ภาควชิ ากลา่ วเปดิ งานและให้โอวาท
ผชู้ ว่ ยหัวหน้าภาคฝ่ายกิจการนักศกึ ษาแนะนำการฝกึ
15.10 – 15.15 น. ประสบการณ์อาชพี พุทธศาสตร์
ปิดการปฐมนเิ ทศ
กำหนดการปจั ฉมิ นเิ ทศนักศกึ ษาในรายวิชาฝึกประสบการณอ์ าชพี พทุ ธศาสตร์
เวลา กจิ กรรม
08.30 – 09.00 น.
09.00 – 09.45 น. ลงทะเบียน
09.45 – 10.15 น. หวั หน้าภาควิชากล่าวเปดิ งานและให้โอวาท
10.15 – 11.15 น. ผู้ชว่ ยหัวหน้าภาคฝ่ายกจิ การนักศึกษาให้ข้อคิดเห็น
นักศึกษา / ตัวแทนรายงาน / อภิปราย / สรุปการฝึก
11.15 – 11.45 น. ประสบการณ์อาชพี พทุ ธศาสตร์
11.45 – 12.00 น. อาจารยน์ ิเทศกส์ รุปและให้ข้อคดิ เห็น
ปดิ การปจั ฉิมนิเทศ
กำหนดการอาจมีการเปลีย่ นตามความเหมาะสม
61
บรรณานุกรม
พระครูวนิ ยั ธรสัญชัย ญาณวีโร,ดร.. (2563). คูม่ อื การฝึกประสบการณ์อาชพี ทางพทุ ธศาสตร์. เชยี งใหม่ : มหาวิทยาลัย
มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตลา้ นนา.
พระสัญชัย ญาณวีโร และคณะ. (2561). การเสริมสร้างความเข้มแข็งตามหลักบุญกิริยาวัตถุของชุมชนบ้านแสนคำ
อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่. รายงานการวิจัยนี้ได้รับทุนอุดหนุนจากสถาบันวิจัยญาณสังวรมหาวิทยาลยั
มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ประจำปงี บประมาณ 2561.
สาขาพุทธศาสตร์ มมร ล้านนา. (2563). คู่มือการฝึกประสบการณ์อาชีพทางพุทธศาสตร์. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัย
มหามกฏุ ราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตล้านนา.
62
ประวตั ิผเู้ รยี บเรยี ง
ช่ือ-นามสกุล
(ภาษาไทย) พระครูวินัยธรสญั ชัย ญาณวีโร (ทิพยโ์ อสถ) ดร.
(ภาษาองั กฤษ) PHRAKHU VINAIDHORN SANCHAI NANAVIRO
(THIPOSOT)
เลขบตั รประจำตวั ประชาชน 123456789011222345678
ตำแหนง่ ปจั จบุ นั อาจารย์ สาขาวชิ าพทุ ธศาสตร์
หนว่ ยงานท่สี งั กัด 103 ถ.พระปกเกลา้ ต.พระสงิ ห์ อ.เมอื ง จ.เชยี งใหม่
แผนกพุทธศาสตร์
คณะศาสนาและปรัชญา
มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตล้านนา
โทรศัพท:์ 08-6422-7439
อีเมล์: [email protected]
ประวตั กิ ารศึกษา
2561 ปรญิ ญาเอก สาขาวชิ าพระพุทธศาสนา (พธ.ด.)
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
2550 ปริญญาโท สาขาวชิ าพทุ ธศาสนาและปรัชญา (ศน.ม.)
มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั
2548 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ครู สาขาวชิ าพุทธศาสตร์ (ปวค.)
มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตลา้ นนา
2546 ปรญิ ญาตรี สาขาวิชาพทุ ธศาสตร์ (ศน.บ.)
มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย
2539 เปรียญธรรม ประโยค 1-2 สำนกั เรียนวดั เจดียห์ ลวง วรวหิ าร
2535 นักธรรม ช้ันเอก สำนักเรยี นวัดวชิราลงกรณวราราม
การฝึกอบรม
2561 อบรมการเขยี นโครงการวจิ ยั เพ่ือขอทุนของสำนกั งบประมาณแห่งชาตผิ า่ น
สถาบนั วจิ ัย
ญาณสงั วร
2559 พระนักเผยแผล่ ่มุ นำ้ โขง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
2559 อบรมการเขยี นวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั การของคณะศาสนาและปรชั ญา รุน่ ที่ 1
มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั
ผลงานวจิ ยั
หัวหน้าโครงการวิจยั
2563 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. การพัฒนาการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาสาขา
พุทธศาสตร์ มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา เป็นงานวิจัยหลักสูตร งานวิจัยเกี่ยวกับการ
เรยี นการสอนของสาขาวชิ า
63
2562 พระครูวนิ ัยธรสัญชยั ญาณวโี ร, ดร. การเสริมสร้างพุทธจริยธรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยสงฆ์:
ศึกษาเฉพาะกรณี วิทยาเขตล้านนา ทุนอุดหนุนจากชมรมพุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาสังคมและ
สิ่งแวดล้อม
2561 พระสัญชัย ญาณวีโร, รูปแบบการเรียนรู้เรื่องไตรสิกขาในรายวิชาพระไตรปิฏกศึกษา 1 ของ
นักศึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทุนวิจัย
พัฒนาอาจารยส์ ถาบันวิจัยญาณสงั วร
2561 พระสัญชัย ญาณวีโร, การเสริมสร้างความเข้มแข็งตามหลักบุญกิริยาวัตถุของชุมชนบ้านแสนคำ
อำเภอแม่วาง จังหวดั เชียงใหม่ ทนุ วิจัยงบประมาณแผ่นดนิ (วช).
2560 พระสัญชัย ญาณวีโร, การจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมของวัดเจดีย์หลวง วรวิหาร
อำเภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่ ทนุ วจิ ยั พฒั นาอาจารย์สถาบันวจิ ัยญาณสงั วร
2559 พระสัญชัย ญาณวโี ร, กระบวนการขัดเกลาพฤติกรรมของสามเณรวัดเจดยี ์หลวง วรวหิ าร อำเภอ
เมือง จงั หวดั เชียงใหม่ ทนุ วิจัยพฒั นาอาจารยส์ ถาบนั วิจัยญาณสงั วร
2557 พระสัญชยั ญาณวีโร, การนําศลี 5 ไปประยุกต์ใชในชีวติ ประจาํ วันของนักศึกษาระดับปริญญาตรี
เพื่อพัฒนาทักษะด้านคุณธรรม ในรายวิชาการปฏิบัติกรรมฐาน ทุนวิจัยพัฒนาอาจารย์
สถาบันวิจัยญาณสงั วร
ผูร้ ่วมโครงการวิจยั
2563 การพัฒนานักเรียนโรงเรียนเมตตาศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ด้วย
หลักคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการ, ทุนวิจัยพัฒนาอาจารย์ มมร ล้านนา ผ่านสถาบันวิจัยญาณ
สังวร
2563 การเสริมสร้างพุทธจริยธรรมตามหลักไตรสิกขาของสามเณรวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมือง
จังหวดั เชียงใหม่, ทนุ วิจัยพัฒนาอาจารย์ มมร ลา้ นนา ผา่ นสถาบนั วิจยั ญาณสังวร
2559 การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชนบ้านสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา
จงั หวดั กาญจนบุรี ทนุ วิจยั สถาบันวิจยั ญาณสงั วร มมร
2555 ความพึงพอใจของสถานศึกษาที่มีต่อครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนมหาวิทยาลัยมหามกุฏราช
วทิ ยาลยั วิทยาเขตลา้ นนา ทุนวิจยั งบประมาณแผน่ ดิน (วช). สถาบนั วจิ ัยญาณสังวร มมร
2554 หลักธรรมที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาพฤติกรรมผิดศีลธรรมของเยาวชน 8 จังหวัดภาคเหนือ
ตอนบน
ทุนวจิ ัยงบประมาณแผ่นดนิ (วช).
หนังสือ/ตำรา
พระครวู ินัยธรสัญชยั ญาณวีโร (ทพิ ย์โอสถ) ดร., วเิ คราะห์ทรรศนะของพระพุทธศาสนาทีม่ ีตอ่ เดรจั ฉาน
วชิ าหรือไสยศาสตร์ (Analyze the views of Buddhism with the Low arts or
superstition), เชียงใหม่ : โรงพิมพส์ ยามล้านนาการพิมพ์, 2562. 106 หน้า.
พระครวู ินยั ธรสัญชัย ญาณวีโร (ทพิ ย์โอสถ) ดร., ความรเู้ บื้องตน้ เกย่ี วกบั พระไตรปิฎกศึกษา1, พระ
ไตรปฏิ กศึกษา 1 BU 5002 Tipitaka Studies 1, (ปรับปรุงเพมิ่ เติม), เชียงใหม่ : โรงพิมพส์ ยาม
ล้านนาการพิมพ์, 2562.
พระครวู ินัยธรสัญชัย ญาณวีโร (ทพิ ยโ์ อสถ) ดร., PH1038คมู่ อื เตรียมความพร้อมก่อนฝึกงาน PH1038
การเตรียมความพร้อมกอ่ นการฝกึ งาน 100 หนา้ 1/2563 (อดั สำเนา)
64
การตพี มิ พบ์ ทความวิจยั /บทความวชิ าการ
2567 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. การจัดการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมของวัดเจดีย์
หลวง วรวหิ าร อำเภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่ ทุนวิจัยพฒั นาอาจารย์สถาบนั วิจยั ญาณสังวร
2566 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. พฤติกรรมเชิงพุทธจริยธรรมที่ควรส่งเสริมของนิสิตและ
นักศึกษามหาวิทยาลัยสงฆ์ในภาคเหนือBuddhist Ethical Behaviors to Encourage Of
Buddhist University Students In The Northern Region.
2565 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพุทธศาสตร์, Efficiency
Economics on the Buddhist Concept, วารสาร มมร วิชาการล้านนา ISSN 2286-8267 ปที ่ี
(กำลังดำเนินการตีพิมพ์ที่มมร ล้านนา)
2564 พระครูวนิ ัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. การฟ้ืนฟูสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน
บา้ นสระลงเรือ อำเภอหว้ ยกระเจา จงั หวัดกาญจนบุรี, วารสาร มมร วชิ าการลา้ นนา ISSN 2286-
8267 ปีท่ี (กำลังดำเนินการตีพิมพ์ทม่ี มร ลา้ นนา)
2563 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. การพัฒนาชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง “ลด ละ เลิก บุหรี่ และสุรา
ในชุมชนห้วยแทง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน” ตามแนวพระพุทธศาสนา Community
Development Reduces Risk Factors "Reduce, stop smoking and alcohol in the Ban
Huaytang, Ban Hong District Lamphun Province "according to the Buddhism. 2563
การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 The 2 nd, National Academic Conference, หัวข้อ
เร่อื ง ปรัชญาสวุ รรณภูมิ กระบวนทัศน์พระพุทธศาสนาเพื่อพัฒนาชวี ิตในศตวรรษท่ี 21, วันที่ 18
กันยายน 2563, ณ ห้องประชมุ อาคารสชุ พี ปุญญานภุ าพ มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั .
2563 พระครูวินัยธรสัญชัย ญาณวีโร, ดร. การเสริมสร้างพุทธจริยธรรมในสังคมไทย Strengthening
Buddhist ethics in Thai society. 2563 วารสาร มมร วิชาการล้านนา ISSN 2286-8267 ปีที่
(กำลงั ดำเนนิ การตีพมิ พ์ที่มมร ลา้ นนา)
2562 พระสัญชยั ญาณวโี ร, ดร. การเสรมิ สร้างความเข้มแขง็ ตามหลกั บุญกิรยิ าวตั ถุของชุมชนบ้านแสน
คำ อำเภอแมว่ าง จงั หวดั เชยี งใหม่. 2562 วารสาร มมร วิชาการล้านนา ISSN 2286-8267 ปที ่ี 8
เล่มทรา 2 กรกฎาคม-ธนั วาคม 2562
2562 พระสัญชัย ญาณวีโร, การส่งเสริมพฤติกรรมเชิงพุทธจริยธรรมของนิสิตและนักศึกษา
มหาวิทยาลัยสงฆ์ในภาคเหนือEncouragement on the Buddhist Ethical Behaviors of
Buddhist University Students in Northern Region. ว า ร ส า ร ม ห า จ ุ ฬ า น า ค ร ท ร ร ศ น์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช ปีที่ 6 ฉบับที่ 5
(กรกฎาคม 2562) TCI Group 1. หนา้ 2271.
2562 พระสัญชยั ญาณวโี ร, หลักธรรมท่ีเหมาะสมในการแก้ปญหั าพฤติกรรมผดิ ศีลธรรมของเยาวชน 8
จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนบน. ในการประชุมสมั มนาวชิ าการนำเสนอผลงานวจิ ยั ระดับชาติ “วชิ าการ
ลา้ นนาเพอ่ื การศกึ ษาและพฒั นายุค 4.0” 13 กมุ ภาพันธ์ 2562 TCI Group 2 หน้า 136
2562 พระสัญชัย ญาณวีโร, กระบวนการขัดเกลาพฤติกรรมของสามเณร วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่: ในการประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ
“วชิ าการล้านนาเพ่ือการศึกษาและพัฒนายคุ 4.0” 13 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 TCI Group 2 หน้า 159
65
2559 พระสัญชัย ญาณวีโร, การท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาและวัฒนธรรมกับการสร้างมูลค่าเพิ่มทาง
การตลาด. วารสาร มมร วิชาการล้านนา ISSN 2286-8267 ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม –
ธันวาคม 2559 TCI Group 2 , หน้า 159.
2558 พระสัญชัย ญาณวีโร, ศึกษาเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องทุกข์ในพุทธปรัชญาเถรวาท กับแนวคิด
ทกุ ขนยิ มของโชเปน็ เฮาเออร์. วารสารพทุ ธศาสตร์ศึกษา มจร ปที ่ี 6 ฉบับท่ี 2 2558 TCI Group
1, หน้า 46.
การประชมุ วชิ าการระดับนานาชาติ
-
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ
ภาคบรรยาย
2563 พระครูวนิ ยั ธรสัญชัย ญาณวโี ร.ดร., การพัฒนาชุมชนลดปัจจยั เสี่ยง “ลด ละ เลกิ บุหร่ี และสุรา
ในชุมชนห้วยแทง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน” ตามแนวพระพุทธศาสนา Community
Development Reduces Risk Factors "Reduce, stop smoking and alcohol in the Ban
Hauytang, Ban Hong District Lamphun Province "according to the Buddhism. ก า ร
ประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 2 The 2nd National
academic conference ในหัวข้อเรื่อง "ปรัชญาสุวรรณภูมิ" "Suvarnabhumi Philosophy :
Buddhist Paradigm for life Development in the 21st century" วันที่ 18 กันยายน 2563
ท่ี มมร ศาลายา จงั หวัดนครปฐม
2562 พระสัญชัย ญาณวีโร, กระบวนการขัดเกลาพฤติกรรมของสามเณร วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่: ในการประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ
“วิชาการล้านนาเพื่อการศึกษาและพัฒนายุค 4.0” 13 กุมภาพันธ์ 2562 TCI Group 2 หน้า
159
2562 พระสญั ชัย ญาณวีโร, หลกั ธรรมทเ่ี หมาะสมในการแกป้ ญหั าพฤติกรรมผดิ ศลี ธรรมของเยาวชน 8
จงั หวดั ภาคเหนอื ตอนบน. ในการประชุมสัมมนาวิชาการนำเสนอผลงานวจิ ัยระดบั ชาติ “วชิ าการ
ล้านนาเพ่อื การศกึ ษาและพัฒนายคุ 4.0” 13 กุมภาพันธ์ 2562 TCI Group 2 หนา้ 136
ภาคโปสเตอร์
ผทู้ รงคณุ วุฒ/ิ กรรมการวทิ ยานพิ นธแ์ ละพจิ ารณาบทความวารสารวิชาการ
ผูท้ รงคุณวุฒิพจิ ารณาบทความ
ผู้ทรงคณุ วุฒิ/กรรมการควบคุมและสอบวิทยานิพนธป์ ริญญาโท/เอก
ที่ปรกึ ษาโครงการวจิ ยั
ขอรับรองว่าประวัติและผลงานท้งั หมดข้างตน้ เป็นความจริงทุกประการ
(พระครวู นิ ัยธรสญั ชยั ทิพย์โอสถ ดร.)
เจา้ ของประวัติ