๒.๕ งบประมาณ
๓.๑ เคร่อื งมือการประเมนิ
ภาพที่ ๑ QR CODE สำหรบั ใช้เขำ้ เว็บ
ภาพที่ ๒ หน้ำหนกั สำหรบั ทำแบบสอบถำม
ภาพท่ี ๓ ข้อมูลทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถำม
ภาพที่ ๔ ภำพตัวอย่ำงขณะทำกจิ กรรม
ภาพท่ี ๔ ภำพหลังกำรทำกจิ กรรม
ภาพที่ ๕ กำรให้คะแนนในช่องตำมควำมพงึ พอใจ
ภาพท่ี ๖ ส่งคำตอบเม่ือทำแบบสอบถำมเสร็จ
ภาพที่ ๗ หน้ำบันทกึ เม่ือทำกำรสง่ คำตอบเรียบร้อย
ภาพที่ ๘ แผนภมู ิแสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถำม
ภาพท่ี ๗ แผนภูมแิ สดงอำยุของผตู้ อบแบบสอบถำม
ภาพที่ ๘ แผนภมู ิแสดงควำมพึงพอใจควำมเหมำะสมของกำรจดั รปู แบบกิจกรรม
ภาพที่ ๙ แผนภมู ิแสดงควำมพงึ พอใจควำมเหมำะสมของสถำนทจ่ี ัดกจิ กรรม
ภาพที่ ๑๐ แผนภูมแิ สดงควำมพึงพอใจควำมเหมำะสมของกำรประสำนงำนกจิ กรรม
ภาพท่ี ๑๑ แผนภูมิแสดงควำมพึงพอใจกำรประชำสัมพนั ธ์
ภาพที่ ๑๒ แผนภมู ิแสดงควำมพึงพอใจกำรรำยงำนผลกำรดำเนินงำน
ภาพที่ ๑๓ แผนภมู ิแสดงควำมพงึ พอใจประโยชนท์ ่ไี ด้รับ
ภาพที่ ๑๔ แผนภมู ิแสดงควำมพึงพอใจสนองพระรำชดำริ
ภาพท่ี ๑๕ แผนภมู แิ สดงควำมพงึ พอใจนักเรยี น นกั ศึกษำตะหนกั และเลง็ เห็นคุณค่ำของกำรอนรุ ักษ์
ภาพท่ี ๑๖ แผนภมู แิ สดงควำมพึงพอใจนกั เรยี น นกั ศึกษำรว่ มลดภำวะวกิ ฤตกิ ำรณ์
๓.๒ สรปุ และรายงานผลการจัดกจิ กรรม
บันทกึ ขอ้ ความ
สว่ นราชการ ชมรมวชิ าชีพคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ วทิ ยาลยั เทคนิคระยอง
ท่ี วันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓
เรอื่ ง รายงานสรปุ ผลการปฏบิ ัติงานโครงการรณรงค์ปลกู ตน้ ไม้
เรยี น ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั เทคนิคระยอง
เน่ืองจากชมรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ได้ดาเนินการจัดโครงการ
รณรงค์ปลูกต้นไม้ ตามคาส่ังที่ ๐๘๖๘/๒๕๖๓ วิทยาลัยเทคนิคระยอง ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยไดด้ าเนนิ การตามโครงการเป็นทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้
ดงั นั้น ชมรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ ขอรายงานสรปุ ผลการประเมนิ ตามโครงการ ดังน้ี
๑. ลกั ษณะโครงการ เป็นโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริม
จิตสานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้
นักเรียน นักศึกษาตระหนักถึงความสาคัญของการเพิ่มจานวน
ต้นไม้ให้กับธรรมชาติ
๒. ชื่อโครงการ โครงการ“รณรงคป์ ลูกต้นไม้”
๓. ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ นกั เรยี น นกั ศึกษาสาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ธุรกจิ วิทยาลัยเทคนิคระยอง
จานวน ๕๐๐ คน คดิ เป็นร้อยละ
๔. ระยะเวลา วนั ท่ี ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
๕. สถานท่ี ณ พ้ืนท่บี ริเวณสวนหย่อมหนา้ อาคาร ๙
๖. สรปุ ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของการทาโครงการอยู่ในระดับมาก
จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบ
ลงช่อื …………………………………......…………. ลงช่อื …………………………………......………….
(นายจักรกฤช ลบั บณั ลนิ ) (นายวิทูล เยอื่ งอย่าง)
ประธานชมรมวิชาชพี คอมพวิ เตอร์ธุรกิจ ครูท่ีปรึกษาชมรมวชิ าชีพคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ
ลงชอื่ …………………………………......…………. ลงชอื่ …………………………………......………….
(นายอุทัย ศรษี ะนอก) (นายธนบดี ที่สดุ )
หวั หนา้ สาขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ หัวหน้างานกิจกรรมนักเรยี น นกั ศึกษา
ลงชอ่ื …………………………………......…………. ลงชือ่ …………………………………......…………
(นายภูมพิ ัฒน์ แก้วมลู ) (นายชูชีพ อรุณเหลือง)
รองผอู้ านวยการฝ่ายพฒั นากิจการนกั เรยี น นกั ศกึ ษา ผู้อานวยการวทิ ยาลยั เทคนคิ ระยอง
ก
นกั ศึกษา นายกฤตภาส แจ่มแจง้ รหัสนกั เรยี น 6122040042
นายธรี ภัทร มุลิ รหัสนักเรยี น 6122040050
นางสาวนพรัตน์ ศรีแก้ว รหัสนกั เรียน 6122040052
นางสาวนวรัตน์ ศรีแก้ว รหัสนักเรยี น 6122040053
นายมณีกานต์ ขนุ ทมุ รหสั นักเรียน 6122040061
นายรฐั กาล คมุ้ มนต์ รหัสนกั เรยี น 6122040067
นางสาวเสาวลักษณ์ เปรมปรี รหัสนกั เรียน 6122040080
ชอื่ โครงการ โครงการอนุรักษ์พนั ธุ์กรรมพืช
อาจารยท์ ่ีปรึกษา นายวิทลู เยื่องอย่าง
ปกี ารศึกษา 2563
บทคดั ยอ่
การจัดทาโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพ่ือสนองพระราชดาริ โครงการณรงค์ปลูกต้นไม้
(2) เพ่ือให้นักเรียน นักศึกษาตระหนักและเล็งเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป่าไม้
(3) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชา
คอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ จานวน 220 คน ท่ีมีตอ่ โครงการรณรงค์ปลูกตน้ ไม้ ในการดาเนินโครงการครั้งนี้มี
กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้เก็บประเมินผล คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชา คอมพิวเตอร์
ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคระยอง จานวน 220 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินผล คือ แบบสอบถาม
ความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
วิทยาลัยเทคนิคระยอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐาน
ผลการสารวจความพึงพอใจจากแบบสอบถามจานวน 220 คน ดังน้ี พบว่าเป็นเพศชาย
จานวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 38.2 และเพศหญิง จานวน 136 คน คิดเป็นร้อยละ 61.8
ของจานวนนักเรียนทงั้ หมด มอี ายุ 15-16 ปี จานวน 99 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 45, อายุ 17-18 ปี จานวน
84 คน คิดเป็นร้อยละ 38.2 และอายุ 19-20 ปี จานวน 37 คิดเป็นร้อยละ 16.8 ของจานวนนักเรียน
ทั้งหมด การวิเคราะห์ความคิดพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายพบว่าความพึงพอใจของพบว่าการสรุป
ระดับความพึงพอใจ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.03, S.D. = 0.68) ซง่ึ โดยรวมถือว่าผ่านเกณฑ์
ตามวัตถุประสงค์ เม่ือพิจารณาจากแบบสอบถามทั้ง 3 ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่
ด้านการดาเนินการภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.06, S.D. = 0.74), ด้านผลสมั ฤทธ์ิพบว่าภาพรวม
อยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.05, S.D. = 0.73) และด้านความพึงพอใจภาพรวมอยู่ในระดับมาก
(x̅= 4.01 ,S.D. = 0.79) ตามลาดบั
กติ ตกิ รรมประกาศ
โครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้ สาเร็จลุลวงไปได้ด้วยดีก็ด้วยคาเสนอแนะ และความกรุณาอย่าง
ย่ิงของท่านผู้อานวยการ วิทยาลัยเทคนิคระยอง นายชูชีพ อรุณเหลือง และรองผู้อานวยการทุกฝ่าย
ที่ได้ให้คาแนะนา ข้อเสนอแนะต่าง ๆ อีกทั้งยังสละเวลามาเพ่ือตรวจสอบข้อบกพร่องต่าง ๆ จึงใคร่
ขอขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสูงทา ณ โอกาสน้ี
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุทัย ศรษี ะนอก หัวหน้าสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธรุ กิจ ที่ให้
การสนบั สนุนการจดั ทาโครงการ และแนะนาแนวความคิดในการจัดทารูปเล่มเอกสารโครงการ อีกท้ัง
ยังสละเวลาเข้ารว่ มโครงการรณรงคป์ ลกู ตน้ ไม้ ในครง้ั นี้
-ขอกราบขอบพระคณุ ท่านอาจารย์วิทลู เยอื่ งอย่าง อาจารย์ประจาวิชาท่ีให้การสนับสนุนการ
จัดทาโครงการ และแนะนาแนวความคิดในการจัดทารูปเล่มเอกสารโครงการรวมทั้งให้คาปรึกษาใน
การดาเนินงานจนประสบผลสาเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์
ขอกราบขอพระคุณท่านอาจารย์ปณิสรา บารุงรัตน์, อาจารย์ศลิษา หนูเสมียน,
อาจารย์พัณณ์ชิตา คามะฤทธิ์สินชัย, อาจารย์อนิรุตติ์ บัวระพา, อาจารย์ปรีชา คางงูเหลือมอาจารย์
อจั ฉราภรณ์ เกลี้ยงพร้อม และอาจารย์กนกพร รกั ษาเคน อาจารย์ในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจท่ีให้
การสนับสนุนในการจดั ทาโครงการอบรมความรู้เก่ยี วกบั คอมพิวเตอรส์ ชู่ ุมชนในครงั้ น้ี
คุณค่าและประโยชน์ของโครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้ ฉบับนี้คณะผู้จัดทาขอมอบเป็น
เคร่ืองบูชาพระคุณบิดา มารดา ครู-อาจารย์ ครอบครัว ตลอดจนผู้มีพระคุณทุกท่านที่ช่วยให้คณะ
ผู้จัดทามีความมานะพยายาม และประสบผลสาเร็จในการศึกษา คณะผู้จัดทามีความซาบซ้ึงใจ
ความกรณุ าความดียิง่ จากทกุ ทา่ นทไ่ี ด้กลา่ วมา และขอบพระคณุ มา ณ โอกาสนี้
คณะผจู้ ดั ทา
คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นผลดาเนินโครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้ เพ่ือให้นักเรียน นักศึกษามีจิตอาสา
และประยุกต์ใช้วิชาชีพไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และประเทศชาติ และเพื่อส่งเสริม
การสร้างจิตสานึกให้บุคลากร นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไปมีความเข้าใจถึงความสาคัญและ
ประโยชน์ของทรัพยากรไทย ภูมปิ ัญญาไทย โดยเฉพาะ ให้มีการอนุรกั ษ์พันธุกรรมพชื และการนาไปใช้
ประโยชน์อย่างยั่งยืน ทางชมรมวิชาชีพคอมพิวเตอร์ธุรกิจจึงได้จัดทาโครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้ข้ึน
เพ่อื ทาใหน้ ักเรียน นักศกึ ษามีความตระหนักและเล็งเห็นคณุ คา่ ของการอนุรักษ์สงิ่ แวดล้อมและป่าไม้
ทางคณะผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะโครงการเล่มน้ีเป็นประโยชน์ต่อบุคลากร นักเรียน
นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ดังเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ หากมีข้อเสนอนะประการใด ทางคณะผู้จัดทาขอ
น้อมรับด้วยความขอบคุณอย่างย่ิง
คณะผ้จู ัดทา
สารบัญ ฉ
เรื่อง หน้า
บทคดั ย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
คานา ค
สารบญั ง
สารบัญ (ตอ่ ) ง
สารบัญตาราง จ
สารบญั ภาพ ฉ
สารบัญภาพ (ตอ่ ) ฉ
สารบัญภาพ (ต่อ) ฉ
บทที่ 1 บทนา
1
1.1 ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงการ 1
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 2
1.3 ขอบเขตของโครงการ 2
1.4 ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ 2
1.5 คาจากัดความ
บทท่ี 2 เอกสารและทฤษฎีทเ่ี ก่ียวข้อง 3
2.1 โครงการอนุรกั ษพันธุกรรมพืชอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ 8
2.2 ความหมายของพันธพุ์ ืช 9
2.3 ชือ่ พนั ธุ์ไมต้ า่ ง ๆ บรเิ วณหน้าอาคาร 9
44
บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนินการ 45
45
3.1 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 46
3.2 ตัวแปรการศึกษา 46
3.3 เครื่องมือที่ใชใ้ นงานวจิ ัย 46
3.4 วธิ กี ารสร้างเคร่ืองมือ 47
3.5 การเก็บรวบรวมข้อมูล
3.6 การวิเคราะห์ข้อมูล
3.7 สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู
สารบญั (ตอ่ ) ฉ
เรอื่ ง หน้า
บทที่ 4 ผลการดาเนินโครงการ 49
56
4.1 ผลการดาเนินการ 57
บทที่ 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 57
5.1 สรปุ อภิปรายผล
5.2 ข้อเสนอแนะ
5.3 ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั
บรรณานุกรม
ประวตั ผิ ้จู ัดทา
สารบญั ตาราง ฉ
ตารางท่ี หน้า
3.1 ขนาดของกลุ่มตวั อยา่ งของเครซี่และมอรแ์ กน 44
4.1 แสดงจานวนของผู้ตอบแบบสอบถามจาแนกตามเพศ 49
4.2 แสดงจานวนของผู้ตอบแบบสอบถามจาแนกตามอายุ 50
4.3 แสดงความพึงพอใจด้านการดาเนินการ 51
4.4 แสดงความพึงพอใจดา้ นความพึงพอใจ 52
4.5 แสดงความพึงพอใจดา้ นผลสัมฤทธิ์ 53
4.6 แสดงความพึงพอใจโครงการรณรงคป์ ลูกตน้ ไม้ 54
สารบญั ภาพ ฉ
ภาพท่ี หนา้
2.1 แสดงสญั ลักษณ์ของโครงการ 7
2.2 แสดงชมพูภูคา 8
2.3 แสดงตน้ กวักมรกต 9
2.4 แสดงลาตน้ ของต้นกวกั มรกต 10
2.5 แสดงใบของต้นตีนเป็ด 10
2.6 แสดงดอกของต้นตนี เปด็ 11
2.7 แสดงตน้ ลิ้นมงั กร 11
2.8 แสดงลาต้นของต้นลิน้ มังกร 12
2.9 แสดงใบของตน้ ลิ้นมังกร 13
2.10 แสดงดอกของต้นลิ้นมงั กร 14
2.11 แสดงต้นเดหลี 15
2.12 แสดงลาตน้ ของตน้ เดหลี 16
2.13 แสดงใบของต้นเดหลี 16
2.14 แสดงดอกของตน้ เดหลี 17
2.15 แสดงผลของต้นหูกวาง 17
2.16 แสดงตน้ ประกายเงิน 18
2.17 แสดงลาต้นของต้นประกายเงนิ 19
2.18 แสดงใบของต้นประกายเงิน 20
2.19 ดอกของตน้ ประกายเงิน 20
2.20 แสดงตน้ ยางอินเดีย 21
2.21 แสดงลาต้นของตน้ ยางอินเดยี 22
2.22 แสดงใบของต้นยางอนิ เดีย 22
2.23 แสดงต้นไทรใบสกั 23
2.24 แสดงลาตน้ ของต้นยางใบสัก 24
2.25 แสดงใบของต้นยางใบสกั 25
2.26 แสดงตน้ แกว้ สารพัดนึก 25
2.27 แสดงลาต้นต้นแก้วสารพัดนึก 26
2.28 แสดงใบต้นแก้วสารพัดนกึ 26
2.29 แสดงต้นศภุ โชค 27
สารบัญภาพ (ตอ่ ) ฉ
ภาพท่ี หน้า
2.30 แสดงลาต้นของตน้ ศุภโชค 27
2.31 แสดงใบของตน้ ศภุ โชค 28
2.32 แสดงดอกของต้นนทรี 28
2.33 แสดงผลของต้นนนทรี 29
2.34 แสดงไทรเกาหลี 29
2.35 แสดงลาต้นของต้นไทรเกาหลี 30
2.36 แสดงใบของต้นไทรเกาหลี 30
2.37 แสดงผลของต้นไทรเกาหลี 31
2.38 แสดงตน้ คลา้ ทอง 31
2.39 แสดงลาต้นคลา้ ทอง 32
2.40 แสดงใบของต้นคลา้ ทอง 32
2.41 แสดงดอกของตน้ คล้าทอง 33
2.42 แสดงตน้ แววมยุรา 33
2.43 แสดงลาตน้ ต้นแววมยรุ า 34
2.44 แสดงใบตน้ แววมยรุ า 34
2.45 แสดงตน้ คล้านางพิมพ์ 35
2.46 แสดงลาต้นตน้ คล้านางพิมพ์ 35
2.47 แสดงใบตน้ คล้านางพิมพ์ 36
2.48 แสดงดอกตน้ คลา้ นางพิมพ์ 36
2.49 แสดงต้นเลบ็ ครฑุ 37
2.50 แสดงลาตน้ ของตน้ เล็บครฑุ 37
2.51 แสดงใบของต้นเลบ็ ครุฑ 38
2.52 แสดงตน้ สาวน้อยประแป้ง 39
2.53 แสดงลาตน้ ของสาวน้อยปะแป้ง 39
2.54 แสดงใบของสาวน้อยปะแป้ง 40
2.55 แสดงดอกและผลสาวน้อยประแปง้ 40
2.56 แสดงต้นโกสน 41
2.57 แสดงลาตน้ ของโกสน 42
สารบัญภาพ (ตอ่ ) ฉ
ภาพท่ี หน้า
2.58 แสดงใบของต้นโกสน 42
2.59 แสดงดอกของตน้ โกสน 43
2.60 แสดงผลของตน้ โกสน 43
4.1 แผนภูมิแสดงเพศของผ้ตู อบแบบสอบถาม 49
4.2 แผนภูมแิ สดงอายุของผตู้ อบแบบสอบถาม 50
4.3 แผนภมู ิแสดงความพึงพอใจดา้ นการดาเนินการ 51
4.4 แผนภมู ิแสดงความพึงพอใจดา้ นความพงึ พอใจ 52
4.5 แผนภมู แิ สดงความพึงพอใจด้านผลสัมฤทธิ์ 53
4.6 แผนภูมแิ สดงความพงึ พอใจของสถิติท้งั หมด 55
บทที่ ๑
บทนำ
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ควำมสำคัญและควำมเป็นมำของโครงกำร
การอนุรักษ์พันธุกรรมพืช มีความสาคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรในอนาคต
เป็นอยา่ งย่ิง พันธุกรรมพืชถือเป็นทรัพยากรทม่ี ีค่าและมีความสาคัญตอ่ การปรับปรงุ พนั ธ์พุ ืชในอนาคต
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของทรพั ยากรเหล่าน้ีอาจจะสูญหาย เนื่องจากความไม่รูข้ องมนุษย์ใน
การใชท้ รัพยากรเหล่าน้ี วิทยาการในการจาแนกและการอนุรักษ์พนั ธุกรรมพชื จึงมีบทบาทสาคญั ท่ีจะ
ดารงทรัพยากรนี้ให้ย่ังยืนและถูกต้องตามหลักวิชาการจาแนกพืชโดยดูจากลักษณะทางสัณฐานวิท ยา
ท่ีแตกต่างกัน แต่บางครั้งก็ไม่สามารถจาแนกพืชได้ถูกต้อง ด้วยลักษณะดังกล่าวจึงจาเป็นต้องใช้
เทคนคิ ต่าง ๆ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลท่ี 9) ทรงมีสายพระเนตรกว้าง
และยาวไกล ทรงเห็นความสาคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ในปี พ.ศ. 2503 ทรงอนุรักษ์ต้นยาง
นา ปี พ.ศ. 2504 ทรงใหน้ าพรรณไม้จากภมู ิภาคตา่ งๆ มาปลูกไว้ในสวนจติ รลดา เพ่ือเปน็ แหล่งศึกษา
และทรงมีโครงการพระราชดาริท่ีเกี่ยวกับการอนุรักษ์พัฒนาทรัพยากร พัฒนาแหล่งน้า การพัฒนา
และการอนุรักษ์ดิน อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ อนั เป็นการพัฒนาและอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ต่อมา
ในปี พ.ศ. 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงสืบทอดพระราชปณิธาน
ทรงมีพระราชดาริให้ดาเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ โดยพระราชทานให้โครงการส่วน
พระองค์ฯ สวนจิตรลดา เป็นผู้ดาเนินการจัดต้ังธนาคารพืชพรรณขึ้นในปี พ.ศ. 2536 และดาเนินงาน
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม
ราชกมุ ารี ตั้งแต่นัน้ เปน็ ตน้ มา
ด้วยเหตุผลน้ีทางผู้จัดทาได้เล็งเห็นถึงความสาคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชด้วยการสอน
การอนุรักษ์พันธุกรรมพืชแบบง่ายให้แก่นักเรียน นักศึกษาภายในวิทยาลัยเทคนิคระยอง เพ่ือเป็นการ
ส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา มีความสามารถทางด้านการรักษาพันธุพืชแบบง่าย ตามโครงการ
พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลท่ี 9) เพ่อื เป็นการอนรุ ักษ์
พันธุ์พืชในอนาคต
1.2 วัตถุประสงค์
1.2.1 เพอื่ สนองพระราชดาริ โครงการรณรงค์ปลูกตน้ ไม้
1.2.2 เพื่อให้นักเรยี น นกั ศึกษาตระหนักและเลง็ เห็นคุณค่าของการอนรุ ักษส์ ง่ิ แวดลอ้ มและปา่ ไม้
1.2.3 เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชา
คอมพิวเตอร์ธุรกจิ จานวน 220 คน ท่ีมีตอ่ โครงการรณรงคป์ ลกู ตน้ ไม้
2
1.3 เป้ำหมำย
1.3.1 เป้าหมายเชิงปริมาณ
1.3.1.1 สารวจ เกบ็ รวบรวม จดั ทาฐานข้อมลู พนั ธ์ุไมภ้ ายในวทิ ยาลยั เทคนคิ ระยอง
1.3.1.2 จดั สวนพันธไ์ุ ม้ในเขตร้อน จานวน 1 สวน
1.3.2 เปา้ หมายเชงิ คณุ ภาพ
1.3.2.1 เพ่ือฟ้นื ฟแู ละเพม่ิ พนื้ ที่ปา่ สีเขยี วในวิทยาลยั เทคนคิ ระยอง
1.3.2.2 เพื่อดูแลรักษาพันธ์ุพชื ของวทิ ยาลยั เทคนิคระยอง ให้สมบูรณ์ และมีปรมิ าณ
เพิ่มขน้ึ
1.3.2.3 นกั เรียน นกั ศกึ ษามีสว่ นรว่ มทาคุณประโยชน์ ให้กับวิทยาลัยฯ สงั คม และ
ชมุ ชน
1.4 ผลที่คำดว่ำจะได้รบั
1.4.1 นกั เรยี น นกั ศึกษาได้รว่ มกจิ กรรมการอนุรักษ์สง่ิ แวดล้อม
1.4.2 นักเรยี น นกั ศกึ ษาได้ตระหนักและเล็งเหน็ คุณคา่ ของสิ่งแวดลอ้ มมากข้นึ
1.4.3 นกั เรยี น นักศกึ ษาสามารถนาความรทู้ ี่ได้จากกจิ กรรม นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน
1.5 นิยำมศพั ทเ์ ฉพำะ
1.5.1 โครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช หมายถึง โครงการในพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสาคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทรงเร่ิมงานพัฒนาอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายทางชีวภาพต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นต้นมา โดยมีพระราชดาริให้
ดาเนนิ การรวบรวมรักษาพรรณพชื ตา่ ง ๆ ทีห่ ายากและกาลงั จะหมดไป
1.5.2 พันธพุ์ ืช หมายถงึ เมลด็ พันธ์ุไม้ สง่ิ ท่ีจะเป็นพันธุต์ อ่ ไป
บทที่ ๒
เอกสารและทฤษฎที ี่เก่ยี วขอ้ ง
บทท่ี 2
เอกสารและทฤษฎที ่ีเกี่ยวขอ้ ง
คณะผู้จัดทำได้ศึกษำเอกสำร และทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องในกำรจัดทำโครงกำรในครั้งน้ีและได้
ทำกำรศึกษำหำควำมรู้จำกอินเทอร์เน็ต และบทควำมต่ำง ๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกับโครงกำรรณรงค์ปลกู ต้นไม้
ได้แก่ โครงกำรอนุรักษพันธุกรรมพชื อันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ ควำมหมำยของพันธุพ์ ืช ช่ือพันธุ์ไม้
ตำ่ ง ๆ บริเวณหนำ้ อำคำร 9 ตำมลำดับ
2.1 โครงการอนุรกั ษ์พนั ธุกรรมพืชอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ
2.1.2 ควำมเปน็ มำของโครงกำร
โครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำกพระรำชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนรำช
สุดำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี เป็นโครงกำรท่ีจัดต้ังขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้ำง
ควำมเข้ำใจ และทำให้ตระหนักถึงควำมสำคัญของพันธุกรรมพืชต่ำง ๆ ท่ีมีอยู่ในประเทศไทย
กอ่ ให้เกิดกิจกรรมเพื่อให้มีกำรร่วมคิด ร่วมปฏิบัติทีน่ ำผลประโยชน์มำถึงประชำชนชำวไทย ตลอดจน
ให้มกี ำรจัดทำระบบขอ้ มลู พนั ธกุ รรมพชื ใหแ้ พรห่ ลำยสำมำรถสื่อถงึ กนั ไดท้ ัว่ ประเทศ
ทั้งนี้สืบเน่ือง มำจำกสำยพระเนตรอันยำวไกลของพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
ตั้งแต่เม่ือครั้งปี พ.ศ. 2503 ที่ทรงมีพระรำชดำริให้อนุรักษ์ต้นยำงนำ และทรงให้รวบรวมพืชพันธ์ุไม้
ของภำคต่ำง ๆ ท่ัวประเทศปลูกไว้ในสวนจิตรลดำ โครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมำจำก
พระรำชดำริ ฯ จึงเปน็ โครงกำรที่เกิดข้ึนเพอื่ สนองแนวพระรำชดำริ และสืบสำนพระรำชปณิธำนแห่ง
พระองค์ โดยปรำกฏในรูปแบบกิจกรรมต่ำง ๆ ประกอบด้วยกิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืชในพ้ืนที่ป่ำ
ธรรมชำติ กำรสำรวจรวบรวมพันธุกรรมพืชที่มีแนวโน้มว่ำใกล้สูญพันธุ์ อันเกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลง
ของสภำพแวดล้อม กำรนำพันธ์ุพืชที่รวบรวมเพำะปลูก และรักษำในพื้นที่ที่เหมำะสมทำงกำยภำพ
และปลอดภัยจำกกำรรุกรำน กำรอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์พันธุกรรมพืช โครงกำรศึกษำประเมิน
พันธุกรรมพืชในด้ำนต่ำง ๆ ให้ทรำบองค์ประกอบ คุณสมบัติ และกำรใช้ประโยชน์พืชพรรณ
กำรจัดทำระบบขอ้ มูลพันธุกรรมพืชด้วยคอมพิวเตอร์ กำรวำงแผน และพฒั นำพันธุกรรมพืชระยะยำว
30 - 50 ปี และกิจกรรมกำรสร้ำงจิตสำนึกในกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชแก่กลุ่มเป้ำหมำยต่ำง ๆ ได้แก่
เยำวชน บุคคลท่ัวไป ให้มีควำมเข้ำใจ ตระหนกั ในควำมสำคัญเกดิ ควำมปิติ และสำนึกท่จี ะรว่ มมือรว่ ม
ใจกันอนุรักษ์ พืชพรรณของไทยให้คงอยู่เป็นทรัพยำกรอันทรงคุณค่ำประจำชำติสืบไป ซึ่งส่วนใหญ่
เป็นพนั ธ์ุไม้ท่ีมถี น่ิ กำเนดิ ในประเทศไทยสำมำรถนำมำใช้ให้เกิดประโยชน์ ท่ีเก่ียวกับ "ปัจจัยสี"่ อันเป็น
พื้นฐำนหลักในกำรดำรงชีวิตของมนุษย์ จึงนับได้ว่ำพันธ์ุไม้เหล่ำนี้มีควำมผูกผันกับชีวิตควำมเป็นอยู่
ของคนไทยมำช้ำนำนนับจำกอดีตจนถึงปัจจุบัน อย่ำงไรก็ตำมเม่ือยุคสมัยเปลี่ยนไป ประโยชน์
ท่ีเคยได้รับจำกพรรณพืชอำจแปรไปตำมสภำพแวดล้อมทำงธรรมชำติ ควำมต้องกำรของสังคม
4
และผู้บริโภค กำรสำรวจค้นคว้ำ และวิจัยตำมหลักวิทยำกำรสมัยใหม่เกี่ยวกับพฤกษศำสตร์ ดังที่
โครงกำรอนุรักษ์พันธกุ รรมพืชอนั เน่อื งมำจำกพระรำชดำริ ฯ ดำเนินกำรอยู่ในขณะนี้จงึ สำมำรถทำให้
คนไทยได้ทรำบถึงคุณประโยชน์ของพืชพรรณหลำยชนิดซึ่งบำงชนิดเป็นที่รู้จักแพร่หลำย มีกำร
นำมำใช้ประโยชน์แต่ขำดกำรดูแลรักษำ จนปริมำณลดลง และเกือบสูญพันธุ์จำกถ่ินกำเนิดพืช
บำงชนิดมีมำช้ำนำน แต่มิได้เป็นที่ล่วงรู้ถึงคุณประโยชน์ จนอำจถูกละเลย หรือถูกทำลำยไปอย่ำง
น่ำเสียดำย
2.1.2 พระรำโชวำทสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี
สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี พระรำชทำนพระรำโชวำท
ให้คณะกรรมกำรอำนวยกำร คณะกรรมกำรบริหำร ผู้ร่วมสนองพระรำชดำริ และผู้ทูลเกล้ำ ฯ ถวำย
ที่เฝ้ำทูลละอองพระบำทในกำรประชุมประจำปีโครงกำรอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมำจำก
พระรำชดำริ ฯ เม่ือวันที่ 14 สงิ หำคม 2540 ณ ศำลำดสุ ิดำลยั สวนจิตรลดำ กรุงเทพมหำนคร วำ่
" ข้ำพเจ้ำยินดีและขอบคุณทุกคนที่เข้ำมำประชุมกันพร้อมหน้ำในวันนี้ดังท่ีได้กล่ำว
มำแล้วว่ำโครงกำรอนุรกั ษ์พันธุกรรมพืชฯ น้ีได้ดำเนินกำรมำเป็นเวลำถึง 5 ปี แล้วและคิดกันว่ำจะทำ
ต่อในช่วงท่ีสองอีก 5 ปี และคิดมำใหม่ว่ำในข้ันท่ีสองน้ีจะทำในลักษณะไหน ท่ีจริงในเบื้องต้นน้ัน
ข้ำพเจ้ำก็มิได้เป็นนักพฤกษศำสตร์หรือศึกษำทำงน้ีมำโดยตรง ถึงแม้ศึกษำตอนนี้ก็คงจะสำยไปเสีย
แล้ว เพรำะว่ำขณะนี้ไม่สำมำรถจำชื่อคนสัตว์ สิ่งของได้มำกเท่ำท่ีควร แต่ว่ำเหตุท่ีสนใจพืชพรรณ
และทรัพยำกรของประเทศเรำมำนำนแล้วโดยเฉพำะอย่ำงย่ิงทำงพืช เหตุผลที่ศึกษำ เพรำะถือว่ำง่ำย
ต่อกำรศึกษำมำกกว่ำอย่ำงอ่ืน เวลำไปไหนทีมีคนตำมกันเยอะแยะ ถ้ำจะศึกษำสัตว์สัตว์ก็วิ่งหนีหมด
แต่พืชน้ันเขำอยู่ให้ศึกษำได้ พอศึกษำไปสักพักก็เกิดควำมสนใจว่ำ นอกจำกทำงกรมป่ำไม้ซ่ึงได้
ตดิ ต่อกันในครั้งแรกในเบ้ืองต้นเพรำะว่ำชอบไปท่องเท่ียวในที่ต่ำง ๆ ตำมป่ำเขำดูว่ำเมืองไทยมีสภำพ
ภูมิประเทศ ภูมิศำสตร์อย่ำงไรและก็ได้ศึกษำเร่ืองต้นไม้ต่ำง ๆ ตำมท่ีกล่ำวมำแล้วน้ีก็ยังเห็นว่ำมี
หน่วยงำนทั้งหน่วยงำนของรัฐของเอกชน ทั้งเป็นหน่วยงำนรำชกำร เช่น กรมป่ำไม้ กรมวิชำกำร
เกษตร และกับทั้งท่ีเป็นสถำบันกำรศึกษำท่ีทำงำนเกี่ยวกับเร่ืองของพืชศึกษำว่ำพืชก่ีชนิดท้ังเรื่อง
ของพชื ชนิดต่ำง ๆ เรอ่ื งงำนอนุกรมวิธำน อยำ่ งน้ีเปน็ ตน้ ก็ศึกษำกันหลำยแหง่ จงึ เกิดควำมคิดขึ้นมำว่ำ
น่ำจะมีกำรกำรรวบรวมว่ำแต่ละสถำบันได้ทำงำนในส่วนของตนอย่ำงไร และงำนน้ันอย่ำงเช่น
ยกตัวอย่ำงเช่นพชื ก็ได้ศึกษำในส่วนที่แต่ละแห่งได้รวบรวมนั้น ช่ือตำ่ งหรือซ้ำกันอย่ำงไร เพ่ือที่จะให้
รวมกันว่ำท้ังประเทศน้ันเรำมีอะไรบ้ำง ที่จริงแล้วงำนท่ีจะศึกษำพืชหลำยชนิดนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยำก
และทำได้ช้ำ คน ๆ เดียวหรือว่ำสถำบัน ๆ เดียวนั้นจะครอบคลุมไม่ได้ทั้งหมดถ้ำมีหลำย ๆ หนว่ ยงำน
ช่วยกันครอบคลุมก็อำจจะได้มำก ถ้ำต่ำงคนต่ำงไม่รู้กันนั้นก็อำจจะเกิดเป็นที่น่ำเสียดำยว่ำจะไม่ได้
ขอ้ มูลเต็มท่ี จึงนึกถึงว่ำอยำกจะทำฐำนข้อมูลที่นักวิชำกำรทุกคนจะใช้ในกำรค้นคว้ำได้ด้วยกัน ท่ีวังน้ี
ซึ่งก็มีควำมรู้สึกว่ำ 1 ตำรำงกิโลเมตรของวังนี้ก็ใหญ่โตพอสมควร แต่ว่ำท่ีจริงแล้วถ้ำจะเอำงำนทุกสิ่ง
5
ทุกอย่ำงมำสุมกัน ก็ย่อมจะไม่พอพ้ืนท่ีไม่ได้ก็ต้องทำงำนอะไรท่ีจะประหยัดที่ที่สุดในตอนน้ันก็เลยคิด
ว่ำทำฐำนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ซ่ึงใช้กำรเรียกชื่อพืชที่ทุกคนจะเข้ำถึงได้จึงพัฒนำจำกจุดน้ันมำเป็น
งำนต่ำง ๆ ที่ ดร.พิศิษฐ์ ได้กล่ำวถึงเม่ือสักครู่นี้ออกไปหลำย ๆ อย่ำง ซ่ึงงำนท่ีกล่ำวถึงน้ีก็เป็นงำน
ท่ีหน่วยรำชกำรต่ำงๆ ได้ทำมำแล้วเป็นจำนวนมำกและหลังจำกโครงกำรฯ นี้ก็มีกำรต้ังขึ้นใหม่
เพรำะฉะน้ันก็ยังคิดว่ำถ้ำมีกำรได้ประชุมกันพร้อมกันอย่ำงนี้ จะได้มำตกลงกันแน่นอนว่ำใครทำอะไร
และในส่วนที่เหลือกัน ถ้ำซ้ำกันโดยไม่จำเป็นก็อำจจะตกลงกันได้ว่ำแบ่งกันว่ำอันน้ีงำนน้ีใครจะทำ
หรืองำนที่โครงกำรทำงด้ำนสำนักพระรำชวังเคยทำอยู่ แต่ว่ำเม่ือมีหน่วยงำนที่มีช่ือของหน่วยงำน
ทคี่ วรจะรับผดิ ชอบโดยตรงรับไปทำแล้วทำงสำนักพระรำชวังกค็ ิดวำ่ น่ำจะตัดไดใ้ นส่วนนั้นและกห็ ันมำ
ทำงำนทำงด้ำนกำรประสำนงำนหรือควำมร่วมมืออย่ำงนี้เป็นต้น ซึ่งเข้ำใจว่ำก็เป็นกำรสมสมัยใน
ปัจจุบันซ่ึงประเทศค่อนข้ำงจะฝืดเคือง เพรำะฉะนั้นทำงำนอะไรถึงแม้จะเป็นงำนท่ีดีถ้ำตกลงกันได้
แล้วก็จะเป็นกำรประหยัดพลังคนหรือพลังเงินงบประมำณ ที่ว่ำให้ในส่วนนี้แล้วก็จะได้จำเป็น
จะไม่ต้องให้ในหน่วยงำนอื่น หรือถ้ำให้หน่วยงำนอ่ืนก็ต้องให้ทำไป และงำนน้ีเรำอำจจะต้องมำนั่ง
พิจำรณำคิดดูว่ำจะทำงำนได้โดยประหยัดอย่ำงไร บำงส่วนที่อำจจะยังไม่จำเป็นในขั้นนี้หรือว่ำทำได้
ไม่ต้องเน้นเร่ืองควำมหรูหรำหรือควำมสวยงำมมำกนัก เอำเฉพำะท่ีใช้จริงๆ และก็ประหยัดไปได้เป็น
บำงสว่ นก็ดี
ส่วนสำหรับเรื่องของโรงเรียนนั้น ก็ได้มีประสบกำรณ์ในกำรท่ีไปเยี่ยมโรงเรียน
ในภำคต่ำง ๆ มำหลำยแห่ง ก็เห็นว่ำเรื่องที่จะสอนให้นักเรียนหรือให้เด็กมีควำมรู้ และมีควำมรักใน
ทรัพยำกร คือ ควำมรักชำติรักแผ่นดินนี้ ก็คือรักสิ่งท่ีเป็นสมบัติของตัวเขำกำรที่จะให้เขำรักษำ
ประเทศชำติ หรือรักษำสมบัติของเขำน้ัน ทำได้โดยก่อให้เกิดควำมรัก ควำมเข้ำใจ ถ้ำใครไม่รู้จักกัน
เรำก็ไม่มีควำมสัมพันธ์ ไม่มีควำมผูกพันต่อกัน แต่ว่ำถ้ำให้เขำรู้จักว่ำสิ่งน้ันคืออะไร หรือว่ำทำงำน
ก็จะรู้สึกชื่นชม และรักหวงแหนในสิ่งน้ันว่ำเป็นของตน และจะทำให้เกิดประโยชน์ได้ เคยได้แนะนำ
โรงเรียนต่ำง ๆ ท่ีได้ไปเย่ียม ไม่เฉพำะแต่โรงเรียนที่เข้ำร่วมโครงกำร ๆ นี้ โรงเรียนท่ัว ๆ ไปด้วย
ว่ำเร่ืองของนอกจำกพืชพรรณแล้ว สิ่งท่ีมีในธรรมชำติ ส่ิงท่ีหำได้ง่ำยๆ นั้นก็อำจจะเป็นอุปกรณ์กำร
สอนในวิชำตำ่ งๆ ไดห้ ลำยอยำ่ งแม้แต่วิชำศลิ ปะกใ็ ห้มำวำดรูปตน้ ไม้ ก็ไม่ต้องหำของอ่ืนให้เป็นตัวแบบ
หรือในเร่ืองภำษำไทยกำรเรียงควำมก็อำจจะทำให้เรื่องของกำรเขียนรำยงำน ทำให้หัดเขียนหนังสือ
หรืออำจแต่งคำประพันธ์ในเร่ืองของพืชเหล่ำนี้ หรือเป็นตัวอย่ำงงำนศึกษำงำนวิทยำศำสตร์และวิชำ
อืน่ ๆ ดังท่ี ดร.พิศิษฐ์ ได้กล่ำวมำ นอกจำกนั้นในวิชำพฤกษศำสตร์โดยเฉพำะ ซึ่งอำจจะช่วยได้ในท่ีน้ี
ยงั ไมเ่ คยกล่ำว คือเรอื่ งของวิชำกำรท้องถิ่นซ่งึ ก็เป็นนโยบำยของกระทรวงศึกษำธิกำรอย่แู ล้วท่ีว่ำจะให้
นักเรียนได้ศึกษำควำมรู้ท้องถ่ินนอกจำกควำมรู้ที่เป็นมำตรฐำนจำกส่วนกลำงมำแล้ว แม้แต่ตำร ำ
ก็มีกำรส่งเสริมให้ครู อำจำรย์ในท้องถิ่นนั้นได้รวบรวมควำมรู้หรือได้แต่งขึ้นในระยะน้ี ซึ่งเท่ำที่ได้เห็น
มำก็มีกำรศึกษำวิชำกำรทำงด้ำนศิลปวัฒนธรรม อำชีพท้องถิ่นมำบ้ำง แต่ในด้ำนของธรรมชำติน้ัน
6
ยังมคี ่อนข้ำงน้อย เท่ำที่ไปแนะนำมำในเร่ืองของกำรอนรุ ักษ์ทรัพยำกรนน้ั ได้เสนอว่ำไมใ่ ช่เปน็ เฉพำะที่
ว่ำจะให้เด็กนักเรียนปลูกป่ำหรือว่ำให้อนุรักษ์ดินปลูกหญ้ำแฝกอย่ำงเดียว ก็พยำยำมจะให้ออกไปดู
ข้ำง ๆ โรงเรียนว่ำที่น่ันมีอะไรอยู่ และต้นไม้นั้นชื่ออะไร เป็นอะไร และพอดีมีประสบกำรณ์จำกกำร
ท่ีได้เคยออกไปส่งเสริมในเร่ืองของโภชนำกำรงำนในระยะแรก ๆ ที่เร่ิมทำงำนเม่อื พ.ศ. 2523 ในช่วง
นน้ั ออกไปทำงำนก็ทำงำนอย่ำงค่อนข้ำงจะเบ้ียนอ้ ยหอยน้อย คือเงินไม่ค่อยมีต้องออกเอง ก็ไม่มีเงินที่
จะส่งเสริมเรื่องเมล็ดพันธุ์ผักหรืออุปกรณ์ท่ีใช้มำกนัก ได้ครบทุกแห่งที่ไปก็ให้ใช้พืชผักในท้องถ่ินที่
พอจะมีอยู่ ผักพ้ืนบ้ำนผักพื้นเมืองหรือของที่เขำกินอยู่แล้วเสริมเข้ำไปในมื้ออำหำรน้ันด้วย เรื่องนี้
ก็เป็นเร่ืองที่น่ำศึกษำเพรำะได้พบว่ำมีพืชพรรณหลำยอย่ำง ซึ่งก็ยังไม่เป็นท่ีรู้จักกันในส่วนกลำง
ในท้องถ่ินนั้นเขำก็รู้และก็มีชื่อพ้ืนเมือง แต่ว่ำพอเอำเข้ำจริง แม้แต่ชื่อวิทยำศำสตร์ก็ยังไม่มีใครแน่ใจ
ว่ำชื่ออะไร ก็นำมำศึกษำ และเวลำน้ีก็ได้เห็นว่ำมีกำรศึกษำอย่ำงกว้ำงขวำง คือได้ศึกษำว่ำคุณค่ำทำง
อำหำรของผักพ้ืนเมืองเหล่ำนั้นมีอะไรบ้ำง และได้มีกำรวิเครำะห์พิษภัยของพืชเหล่ำนั้นไว้ด้วยเดิม
เท่ำท่ีคิดก็ยอมรับว่ำไม่ได้คิดเรื่องพิษภัย เพรำะเห็นว่ำคนรับประทำนกันอยู่ประจำยังมีอำยุยืนอยู่
แต่เห็นว่ำจำกกำรวิจัยของนักวิชำกำร ก็ได้ทรำบว่ำมีพืชพ้ืนบ้ำนบำงอย่ำงที่รับประทำนกันอยู่ซ่ึงมีพิษ
บ้ำง ทำให้เป็นข้อคิดที่ว่ำถ้ำบริโภคกันในส่วนท่ีเป็นท้องถิ่นก็อำจจะไม่เป็นพิษภัยมำกเพรำะว่ำในวัน
น้ันเกบ็ ผักชนดิ นี้ไดก้ ็นำมำบริโภคอีกวนั กเ็ กบ็ ได้อีกอย่ำงก็นำมำบรโิ ภค แตถ่ ้ำสมมุติวำ่ เปน็ กำรส่งเสริม
เป็นโครงกำรขึ้นมำ แล้วก็จะมีกำรขยำยพันธ์ุเป็นจำนวนมำก และก็รับประทำนอย่ำงน้ีซ้ำ ๆ ซำก ๆ
ซงึ่ จะมีอันตรำยต่อร่ำงกำยเป็นอย่ำงย่ิงก็อำจจะเป็นได้ อนั นี้ท่ียกตวั อยำ่ งแสดงว่ำวิชำกำรนแ้ี ตกแขนง
ไปหลำยอย่ำง และมีกำรศึกษำได้หลำยอย่ำง และก็มีบุคคลหลำยคนที่ช่วยกันคิดช่วยกัน
ทำถ้ำจะช่วยกันจริง ๆ นี้ก็อำจจะต้องแบ่งหน้ำที่ถึงขั้นตอนน้ีก็คงต้องแบ่งหน้ำท่ีกันเพื่อท่ีจะแบ่งใน
ด้ำนปริมำณงำนท่ีทำหรืองบประมำณท่ีทำก็ได้รับกำรสั่งสอนจำกผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เสมอว่ำ ถ้ำคนเรำ
ควำมคิดพุ่งแล่นอะไรต่ำง ๆ นำนำ กค็ ิดได้แต่ถึงตอนทำจริงมีขน้ั ตอนเหมือนกัน กำรใช้คนให้ทำอะไร
นี่ก็ต้องคิดถึงกระบวนกำรว่ำจะไปถึงเป้ำหมำยท่ีเรำต้องกำรนั้นจะต้องใช้ท้ังเงินใช้ทั้งเวลำ ใช้ทั้ง
ควำมคิด ควำมอ่ำนต่ำง ๆ ซึ่งจะไปใชใ้ ครทำกต็ ้องเอำใหแ้ น่ว่ำเขำเต็มใจหรอื อำจเต็มใจ แต่ว่ำมภี ำรกิจ
มำก มีเวลำจะทำใหเ้ ทำ่ ใดหรือเขำอำจทำให้ด้วยควำมเกรงใจเรำแลว้ ว่ำทีหลังอย่ำงนี้เปน็ ต้น ก็บอกว่ำ
ไม่เป็นไร เพรำะว่ำเวลำทำอะไรก็มิได้บังคับก็ขอเชิญเข้ำร่วมช่วยกัน แต่ถ้ำคนใดมีข้อขัดข้อง
หรือมีข้อสงสัยประกำรใดก็ไถ่ถำมกันได้ ไม่ต้องเกรงใจเพรำะถือว่ำทำงำนวิชำกำร แบบนี้ไม่เคย
จะคิดว่ำโกรธเคืองถ้ำใครทำไม่ได้ก็แล้วไป ก็ทำอย่ำงอ่ืน ทำอย่ำงน้ีไม่ได้ก็ต้องทำได้สักอย่ำง คิดว่ำ
โครงกำรน้ีขั้นตอนต่อไปอำจจะต้องดูเรื่องเหล่ำน้ีให้ละเอียดย่ิงขึ้น ใครทำอะไรได้และประโยชน์
อำจจะมีอกี หลำยอย่ำงเช่น งำนบำงอย่ำง หรืออย่ำงพชื น้จี ะมีประโยชน์ในเชิงธุรกิจไดอ้ ีกก็มีด้วยซำ้ ถ้ำ
เรำทรำบสรรพคุณของเขำและนำมำใช้ในส่วนท่ีว่ำถ้ำขยำยพันธ์ุแล้วไม่อันตรำย คือกำรขยำยพันธ์ุ
เหล่ำนี้ก็อำจจะเป็นกำรช่วยในเรื่องของกำรส่งเสริมอำชีพให้แก่รำษฎรเพ่ิมข้ึนอีกก็อำจเป็นได้ ทั้งน้ี
7
ก็ต้องไม่ละเลยในเรื่องของวิชำกำรส่ิงท่ีถูกต้อง อะไรที่เป็นคุณ อะไรท่ีเป็นโทษ และยังมี
เรื่องทเี่ กี่ยวขอ้ งในเร่ืองของงำนของเงิน ในที่นยี้ ังมเี ร่ืองเพิ่มอีกเร่อื งหนึ่งคือเร่อื งของทด่ี ิน อำจจะต้องมี
กำรกำหนดแน่นอนว่ำที่ดินนั้น อยู่ในสภำพไหน สภำพกำรถือครองในลักษณะไหน ศึกษำในเรื่องของ
กฎหมำยให้ถูกต้องว่ำใครมีสิทธิหรือหน้ำท่ีทำอะไรบ้ำงใครทำอะไรได้ ใครทำอะไรไม่ได้เรื่องเหล่ำน้ี
เป็นเรือ่ งที่จะต้องศึกษำเป็นเร่ืองท่จี ะต้องจุกจิกมำกอีกหลำยอย่ำง ทพ่ี ูดนมี้ ิได้หมำยควำมถึงว่ำจะเป็น
กำรจะจับผิดว่ำใครทำผิดใครทำถูก แต่ว่ำงำนในโลกปัจจุบันน้ี ทำอะไรก็รู้สึกว่ำเร่ืองกำรรักษำ
มำตรฐำนนั้นเป็นเร่ืองที่สำคัญ เพรำะว่ำต่อไปงำนน้ีของเรำอำจจะไม่ใช่จำกัดอยู่แต่ภำยในประเทศ
อำจจะต้องมีกำรติดต่อไปถึงประเทศอื่นด้วยเป็นกำรสร้ำงควำมเจริญให้แก่ประเทศ เพรำะฉะนั้น
จะต้องมีกำรทำงำนในลักษณะที่คนอื่นยอมรับได้ นี่ก็เป็นควำมคิดเกี่ยวกับเรื่องโครงกำรนี้"
[www.rspg.or.th]
2.1.3 สัญลักษณ์ของโครงกำร
ภาพท่ี 2.1 แสดงสัญลกั ษณ์ของโครงกำร
สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี พระรำชทำนให้ ชมพูภูคำ เป็น
ดอกไมส้ ัญลกั ษณ์ในโครงกำรอนุรักษ์พันธกุ รรมพชื อนั เน่ืองมำจำกพระรำชดำรฯิ [www.rspg.or.th]
2.1.3.1 ชมพูภูคำ เป็นพันธ์ุไม้หำยำกของไทยที่พบได้เพียงแห่งเดียว คือ อุทยำน
แห่งชำติดอยภูคำ จังหวัดน่ำน ดอกของชมพูภูคำออกเป็นช่อใหญ่ มีดอกย่อยเรียงซ้อนกันแน่น
กลีบดอกบำนมีสีชมพูสวยงำม จนเป็นต้องกำรชื่นชมของนักท่องเท่ียว ซึ่งจะขึ้นชมได้ในช่วงเดือน
กุมภำพันธ์-มนี ำคม ของทกุ ปี
2.1.3.2 ชือ่ วิทยำศำสตร์ : Bretschneidera sinensis Hemsl.
2.1.3.3 ชอื่ วงศ์ : BRETSCHNEIDERACEAE
2.1.3.4 ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร
8
ภาพท่ี 2.2 แสดงชมพูภคู ำ
ในประเทศไทยมีรำยงำนกำรสำรวจพบพันธุ์ไม้ชนิดน้ีเม่ือมี พ.ศ. 2532 บริเวณ
ป่ำดงดิบเขำดอยภูคำ อุทยำนแห่งชำติดอยภูคำ อำเภอปัว จังหวัดน่ำน โดยลักษณะต้นชมพูภูคำนี้
จะสูงประมำณ 25 เมตร เส้นผ่ำศูนย์กลำงลำต้นประมำณ 50 เซนติเมตร เปลือกเรียบเป็นสีเทำ
ใบประกอบแบบขนนกช้ันเดียวมีใบย่อยรูปไข่แกมรูปใบหอก ปลำยใบแหลมยำว แผ่นใบด้ำนล่ำง
มนี วลสีขำว ช่อดอกต้ังตรงแยกแขนงออกตำมปลำยก่ิงกลีบเลี้ยงติดกันคล้ำยรูประฆัง กลีบดอกสีชมพู
มีริ้วสีแดง ออกดอกประมำณเดือนกุมภำพันธ์-มีนำคม ผลคล้ำยมะกอกแต่มีขนำดใหญ่กว่ำ พันธ์ุไม้
ชนิดน้ีจำกกำรศึกษำพบว่ำจะเจริญเติบโตได้ดีบริเวณป่ำดงดิบเขำตำมไหล่เขำสูงชันที่มีควำมสูง
ต้ังแต่ 1,200 เมตรจำกระดับน้ำทะเลข้ึนไป และมีควำมชื้นของอำกำศสูงอุณหภูมิเฉล่ียค่อนข้ำงต่ำ
ตลอดท่ังปี ปัจจุบันได้มีกำรทดลองเพำะกล้ำไม้ชมพูภูคำจำกเมล็ดเป็นผลสำเร็จซึ่งคำดว่ำจะช่วยให้
ชมพูภคู ำไมส่ ูญพนั ธุ์จำกโลกนีต้ อ่ ไป
ด้วยควำมสูงจำกระดับน้ำทะเลถึง 1,980 เมตร ดอยภูคำนับเป็นยอดดอยที่สูง
ที่สุดแห่งหน่ึงของเทือกเขำหลวงพระบำง และเป็นยอดดอยที่สูงในลำดับต้นๆ ของประเทศไทย
ซ่ึงจำกสภำพดังกล่ำวนี้ทำให้เทือกดอยภูคำ มีลักษณะโดดเด่น ในด้ำนระบบนิเวศของพืชพรรณภูเขำ
สูงอันอุดมไปด้วยป่ำดงดิบเขำ ป่ำดงดิบช้ืน รวมท้ังป่ำเบญจพรรณและป่ำเต็งรัง อีกท้ังเป็นป่ำต้นน้ำ
ของแมน่ ้ำน่ำนอีกดว้ ย พนั ธไุ์ ม้ทส่ี ำคัญทีส่ ุดและพบเพียงแห่งเดียวในโลกทน่ี ่ีคือ ชมพภู คู ำ ซ่ึงเปน็ ตน้ ไม้
พ้ืนเมืองของไทย และเป็นพันธุ์ไม้หำยำก ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งของโลก โดยเมื่อประมำณ 30 ปี
ท่ผี ำ่ นมำ มรี ำยงำนว่ำพบพันธ์ไุ ม้ชนิดนี้ ทม่ี ณฑลยนู ำนประเทศจีน แตป่ จั จุบนั คำดว่ำสูญพนั ธไ์ุ ปแลว้
2.2 ความหมายของพนั ธุ์พชื
พนั ธพุ์ ชื ตำมควำมหมำยพระรำชบัญญตั ิคุ้มครองพันธ์พุ ชื พ.ศ. 2542
2.2.1 พันธ์ุพืชพื้นเมืองเฉพำะถ่ิน หมำยควำมว่ำ พันธุ์พืชท่ีมีอยู่เฉพำะในชุมชนใดชุมชนหน่ึง
ภำยในรำชอำณำจักรและไม่เคยจดทะเบียนเป็นพันธ์ุพืชใหม่ซ่ึงได้จดทะเบียนเป็นพันธ์ุพืชพ้ืนเมือง
เฉพำะถนิ่ ตำมพระรำชบญั ญตั ินี้
9
2.2.2 พันธ์ุพืชป่ำ หมำยควำมว่ำ พันธุ์พืชที่มีหรือเคยมีอยู่ในประเทศตำมสภำพธรรมชำติ
และยังมไิ ด้นำมำใช้เพำะปลูกอยำ่ งแพรห่ ลำย
2.2.3 พันธุ์พืชพื้นเมืองท่ัวไป หมำยควำมว่ำ พันธุ์พืชท่ีกำเนิดภำยในประเทศหรือมีอยู่ใน
ประเทศ ซ่ึงได้มีกำรใช้ประโยชน์อย่ำงแพร่หลำย และใหห้ มำยควำมรวมถงึ พนั ธ์พุ ืชท่ีไม่ใช่พนั ธพุ์ ืชใหม่
พนั ธุพ์ ืชพ้นื เมืองเฉพำะถน่ิ หรือพันธุพ์ ชื ป่ำ [www.dict.longdo.com]
2.3 ชื่อพันธไ์ุ ม้ต่าง ๆ บรเิ วณหน้าอาคาร 9
2.3.1 ตน้ กวักมรกต
ภาพท่ี 2.3 แสดงตน้ กวกั มรกต
ต้นกวักมรกต มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ลำต้นแตกกอง่ำยและมีขนำดใหญ่ขึ้นเร่ือยๆ มีใบ
ท่ีมันเงำงำมและสีเขียวดูสดช่ืน แท่งใบเหนือดิน กำ้ นใบอวบน้ำ มีใบแบบแยกเด่ียว ใบย่อยผิวเป็นมัน
ดอกออกเปน็ แท่งช่อดอกคลำ้ ยดอกเดหลี
2.3.1.1 ชื่อวทิ ยำศำสตร์ : Zamioculcas zamiifolia (Lodd.) Engl.
2.3.1.2 วงศ์ : ARACEAE
2.3.1.3 ชือ่ สำมัญ : Zanzibar Gem
2.3.1.4 ชอื่ ท้องถิ่น : กวกั มรกต
10
2.3.1.5 กำรกระจำยพันธ์ุ
เน่ืองจำกเป็นต้นชนิดหัว ดังน้ันเมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่สำมำรถแยกหัว
เพ่ือขยำยพันธ์ุได้อีกวิธีหน่ึงที่พิเศษคือ กำรใช้ "ใบ" ในกำรปลูกโดยกำรตัดใบให้เหลือก้ำนเล็กน้อย
จะไปแช่น้ำเพ่ือให้รำกงอกก่อนจึงค่อยปลูกหรือ นำใบไปปักลงดินเลยก็ได้เช่นกัน แต่อย่ำงไรก็ตำม
เท่ำท่ีทดสอบกำรปลูกด้วยปักชำใบจะต้องใช้เวลำนำนมำกพอสมควร ประมำณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว
กวำ่ จะได้เหน็ ต้นเลก็ ๆ โผล่มำจำกดิน
2.3.1.6 ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์
1) ลำต้น
ภาพท่ี 2.4 แสดงลำต้นของตน้ กวกั มรกต
2) ใบ
ภาพท่ี 2.5 แสดงใบของตน้ ตีนเป็ด
11
3) ดอก
ภาพที่ 2.6 แสดงดอกของต้นตนี เป็ด
2.3.1.7 ประโยชน์กวักมรกต : กรองสำรพษิ ในอำกำศ นิยมปลูกประดับบำ้ น ออฟฟศิ
ปลกู ไดใ้ นทรี่ ่มเปน็ ไม้ประดับที่ชว่ ยกรองอำกำศและช่วยดูดสำรพิษ
2.3.1.8 กำรดแู ลรักษำตน้ กวกั มรกต : รดนำ้ ไมต่ อ้ งมำกนกั แต่ควรใช้ปุย๋ ละลำยน้ำรด
เดือนละครงั้ ไม่คอ่ ยพบปัญหำแมลงรบกวน แตจ่ ะมีปญั หำโรคหัวและรำกเน่ำ ถำ้ รดน้ำมำกเกนิ ไป
2.3.1.9 แหล่งทีพ่ บ : บรเิ วณสว่ นยอ่ มหน้ำอำคำร 9 [www.livingpop.com]
2.3.2 ตน้ ลิ้นมงั กร
ภาพที่ 2.7 แสดงต้นลนิ้ มังกร
12
ล้ินมังกรเป็นพืชท่ีมีลักษณะโดดเด่นที่ใบสวยงำมแปลกตำ ปลูกได้ทั้งภำยนอกอำคำร
และปลูกลงในกระถำงเพ่ือประดับภำยในอำคำรและบ้ำนเรือน ถึงแม้จะเป็นพืชที่โตช้ำแต่ก็ปลูกง่ำย
และทนทำนล้ินมังกรนั้นมีหลำยชนิด เช่น ล้ินมังกรสั้น ล้ินมังกรยำว ลิ้นมังกรลำย หรือเรียกว่ำหอก
พระอินทร์ ล้ินมงั กรมีลำตน้ เปน็ หัวหรือเหง้ำอยู่ใต้ดนิ ใบโผล่พ้นดินเป็นใบยำวแหลมคล้ำยหอกแขง็ ตั้ง
ตรงสูงประมำณ 1 เมตร ใบสีเขียว มีลำยตำมแนวขวำง ล้ินมังกรยำวจะมีสีเหลืองบริเวณขอบใบเป็น
แนวยำว ดอกมีสขี ำวอมเขยี วถงึ แม้คณุ สมบัติในกำรดูดสำรพิษของล้ินมงั กรจะไม่มำกนัก แต่คุณสมบัติ
เด่นของลิ้นมังกรอยู่ที่เป็นพืชท่ีคำยออกซิเจนออกมำตอนกลำงคืนและดูดคำร์บอนไดออกไซด์เข้ำไป
จงึ เหมำะที่จะปลกู ไว้ในหอ้ งนอน
2.3.2.1 ชื่อวทิ ยำศำสตร์ : Sansevieria
2.3.2.2 วงศ์ : AGAVACEAE
2.3.2.3 ช่อื สำมัญ : Mother-in Law’s Tonque
2.3.2.4 ชื่อท้องถ่ิน : ว่ำนหำงเสือ, ว่ำนงำช้ำง (หอกสุระกำฬ), คลีบปลำวำฬ,
ลน้ิ นำครำช
2.3.2.5 กำรกระจำยพนั ธ์ุ : โดยกำรตอนกิง่ หรือปกั ชำ
2.3.2.6 ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์
1) ลำตน้ ลำต้นเปน็ หวั รปู ขอบขนำน
ภาพที่ 2.8 แสดงลำต้นของต้นลน้ิ มังกร
13
2) ใบ
เป็นแท่งกลมยำวหรือใบแบนกว้ำง ปลำยแหลม แข็ง หนำเป็นมัน
ขอบใบเรยี บ โค้งงอเล็กน้อยหรอื เป็นเกลยี ว ใบมคี วำมกว้ำงประมำณ 4-7 เซนตเิ มตร และสงู ประมำณ
30-60 เซนติเมตร อำจมำกกว่ำหรือนอ้ ยกวำ่ ตำมแต่สำยพนั ธุน์ ้ัน ๆ สีสนั ของใบลิ้นมังกรจะมีสเี ขียวซีด
จนถึงสีเขียวเข้ม บำงสำยพันธุ์ใบมีสีเขียวเข้มขอบใบมีสีเหลืองทอง หรือใบมีสีเหลืองและมีสีขำวเป็น
เส้นตำมแนวใบ สีขำวประ สีเขียวอมเหลือง เขียวอมด่ำง สีฟ้ำ และลักษณะลวดลำยบนใบท่ีมีควำม
แตกต่ำงและสวยงำมอนั เปน็ เอกลักษณเ์ ฉพำะของแต่ละสำยพันธุ์
ภาพที่ 2.9 แสดงใบของตน้ ล้ินมังกร
3) ดอก
ล้ินมังกรมักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนำคมถึงพฤษภำคม ดอกมีสีขำว
หรือสีเขียวอ่อนและมีกล่ินหอม ดอกมี 5 กลีบขนำดเล็กประมำณ 1.5 เซนติเมตร เรียงเป็นแนวตำม
ชั้นของกำ้ นดอก สำมำรถจำแนกกำรออกดอกไดเ้ ปน็ 3 ลกั ษณะ คือ
(1) spike-like raceme ลักษณะกำรออกดอกเรียงเป็นแนวตำมช้ัน
ของก้ำนดอก ขนำนกบั ใบ
(2) panicle raceme ลักษณะกำรออกดอกเรียงเป็นแนวตำมกำรแตก
กงิ่ ที่แผ่ออกของกำ้ นดอก
(3) capitate raceme ลักษณะกำรออกดอกย่ืนสูงเป็นพุ่มเด่ียวที่ปลำย
กำ้ นดอก
14
ภาพท่ี 2.10 แสดงดอกของต้นลิน้ มงั กร
2.3.2.7 ประโยชน์ของต้นล้ินมังกร
1) ใบมีรสจดื เป็นยำสขุ มุ ออกฤทธต์ิ ่อปอด ใชเ้ ปน็ ยำแก้ปอดรอ้ น ชว่ ยทำให้
ปอดชุ่มชน่ื (ใบ)
2) ดอกสดนำมำต้มกับน้ำกินเป็นยำแก้อักกระอักเลือด และไอเป็นเลือด
หรือจะใช้ใบสด 10-15 กรัม นำมำต้มกับน้ำรับประทำน หรือผสมกับสันเน้ือหมูต้มกับน้ำแกง
รบั ประทำนก็ได้ (ใบ,ดอก)
2.3.2.8 สรรพคุณของต้นลิน้ มงั กร
ใบ ของล้ินมังกรมรี สขม มีสรรพคุณแก้อำกำรเจ็บคอ บำรุงปอด แก้โรคติด
เชอื้ ในบำงระบบทำงเดินหำยใจสว่ นบน ใบใชต้ ำหรอื ขยแ้ี ลว้ นำไปทำหรือพอกบรเิ วณแผลทอ่ี กั เสบชว่ ย
ใหท้ ุเลำอำกำรลงได้
2.3.2.9 แหล่งท่พี บ : บรเวณสวนยอ่ มหน้ำตกึ 9 [www.sites.google.com]
15
2.3.3 ตน้ เดหล่ี
ภาพท่ี 2.11 แสดงตน้ เดหลี
2.3.3.1 ชื่อวิทยำศำสตร์ : Spathiphyllum wallisei
2.3.3.2 วงศ์ : Araceae
2.3.3.3 ชื่อสำมญั : Peace lily
2.3.3.4 ชือ่ ท้องถิน่ อืน่ : เดหลี, เดหลใี บกล้วย, เจ็ดทวิ ำ, หนำ้ วัวไทย, กวักมงคล,
กวักมงคลใบโพธิ์
2.3.3.5 กำรกระจำยพันธุ์
เดหลีทป่ี ลกู นำนกวำ่ 1 ปี จะเรมิ่ แตกหน่อไดอ้ ย่ำงรวดเร็ว และสำหรับหน่อ
เดหลที ่ีใช้แยกปลูก ควรมคี วำมสูงประมำณ 15-20 เซนติเมตร นอกจำก กำรแยกหนอ่ แลว้ ยังสำมำรถ
แยกเหง้ำหรือตน้ ออกปลูกไดด้ ้วย ทั้งน้ี กำรขุดหน่อหรอื แยกตน้ ออกปลูกให้ขดุ เปิดหนำ้ ดินจนเหน็ หน่อ
หรือรอยต่อของต้นก่อน หลังจำกนนั้ ให้ใชม้ ีดหรอื เสยี มเลก็ แทงตัดหน่อหรือลำต้นออก และจะต้องให้
มีรำกติดหนอ่ หรือลำตน้ มำดว้ ยทุกคร้งั
2.3.3.6 ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์
1) ลำต้น
เดหลี เป็นไม้ล้มลุกที่มีอำยุนำนหลำยปี มีลำต้นแยกออกเป็น 2 ส่วน
คือ ลำต้นส่วนใต้ดินที่เปน็ หวั และไหล และลำตน้ เหนือดินแตกหนอ่ จำกไหลขนึ้ มำ โดยลำต้นเหนือดิน
แตกหน่อออกด้ำนข้ำงทำให้เป็นกอจนแลดูเป็นทรงพุ่มขนำดเล็ก ลำต้นสูงประมำณ 40 – 70
เซนติเมตร ท้ังน้ี ทุกสว่ นทั้งลำต้น ใบ และดอก เมือ่ กรีดจะมนี ำ้ ยำงใส
16
ภาพที่ 2.12 แสดงลำตน้ ของต้นเดหลี
2) ใบ
ใบเดหลี เป็นใบเดย่ี ว ออกเรียงสลับกันจำกลำตน้ ก้ำนมีสีเขยี วเข้ม ยำว
30-40 เซนติเมตร ใบมีรูปรี แผ่นใบเรียบ และเป็นมัน มีสีเขียวเข้ม โคนใบสอบแคบ ปลำยใบเรียว
แหลม และโค้งลงดิน ขอบใบเป็นคล่ืนเล็กน้อย ขนำดใบกว้ำง 15-25 เซนติเมตรยำว 25-50
เซนติเมตร มีเสน้ กลำงใบเปน็ รอ่ งสเี ขียวเขม้ ชัดเจน
ภาพที่ 2.13 แสดงใบของตน้ เดหลี
3) ดอก
ดอกเดหลี ออกดอกเป็นช่อ แทงออกจำกยอดของลำตน้ ยำวประมำณ
20-30 เซนติเมตร ปลำยก้ำนดอกประกอบด้วยใบประดับสีขำวนวล 1 ใบ มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ
สวยงำม โคนใบกว้ำงเว้ำตรงกลำง ปลำยใบแหลม กว้ำงประมำณ 8-12 เซนติเมตร ยำว 15-20
เซนติเมตร ถัดมำเป็นช่อดอกที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ซึ่งประกอบด้วยดอกย่อยที่ไม่มีก้ำน
17
ดอก ขนำดเล็กจำนวนมำก คล้ำยกับไข่แมงดำนำ โดยดอกย่อยแต่ละดอกมีสีเหลืองอ่อน ซ่ึงเม่ือบำน
จะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆนำน 8-10 วัน ซึ่งจะส่งกล่ินหอมแรงในช่วงเช้ำ ทั้งน้ี เดหลีจะออกดอกได้ตลอด
ทั้งปี และออกดอกมำกในฤดฝู นตั้งแตเ่ ดือนพฤษภำคม-กนั ยำยน
ภาพที่ 2.14 แสดงดอกของตน้ เดหลี
4) ผล
เดหลเี ป็นไม้ทข่ี ยำยพนั ธตุ์ ำมธรรมชำติด้วยกำรแตกหน่อ จงึ เปน็ ไมท้ ่ีติด
ผลไดน้ ้อยมำก จึงไม่คอ่ ยพบเห็นผลได้
ภาพที่ 2.15 แสดงผลของต้นหกู วำง
2.3.3.7 ประโยชน์ของเดหลี
1) เดหลีนิยมปลูกเป็นไม้ประดับต้น และประดับดอก เนื่องจำก ลำต้น
และใบมีสีเขียวเข้ม ใบมีขนำดใหญ่ ส่วนดอกจะมีสีขำว สำมำรถให้ดอกได้ตลอดทั้งปี
18
2) เดหลี นอกจำกจะปลูกประดับแล้ว ยงั จดั เป็นไม้มงคลที่เชื่อว่ำจะทำให้
ผู้ปลูกมอี ำยุมัน่ ขวัญยนื ชว่ ยปดั เป่ำภัย และนำโชคลำภมำให้
3) เนื่องจำกต้นเดหลีมีใบขนำดใหญ่ สเี ขียวเข้ม จึงเชื่อว่ำเป็นไม้ที่ช่วยดูด
ซับสำรพิษได้ดี จึงนิยมปลูกในกระถำงสำหรับต้ังไว้ในอำคำร ในห้องรับแขกหรือในห้องทำงำน
เพ่อื ทจี่ ะช่วยดูดซบั สำรมลพษิ ภำยในอำคำรหรือบรเิ วณหอ้ งท่ตี ง้ั ไว้
4) ดอกเดหลีเมื่อออกดอกจะมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำต้นเดหลีท่ีออกดอก
แล้วมำวำงไวใ้ นบ้ำนหรือห้องรบั แขกสำหรับปรับกลิ่นอำกำศ ซ่ึงสำมำรถให้กลนิ่ หอมไดน้ ำน 8-10 วัน
ในกำรออกดอกแต่ละครงั้ และส่งกลิ่นหอมมำกในช่วงเชำ้ เวลำ 07.00-10.00 น.
5) ดอกเดหลมี ีกล่ินหอมท่ีเป็นสำรล่อแมลงวนั ผลไม้ได้ ดังนั้น บำงบ้ำนมัก
ใช้เดหลีล่อแมลงวันผลไม้มำรวมกันเพ่ือกำจัด นอกจำกน้ัน อำจนำเดหลีไปปลูกในสวนผลไม้เพื่อเป็น
แหล่งล่อแมลงวันผลไม้ให้ออกห่ำงจำกผลไม้ โดยเฉพำะในช่วงกำรเก็บผลผลิต ท้ังน้ี ดอกเดหลี 3-4
ดอก จะมีควำมสำมำรถลอ่ แมลงวนั ผลไมเ้ ทยี บเท่ำกับสำรเมธิลยูจนิ อล 0.5 ซซี ี
2.3.2.8 แหล่งท่ีพบ : บริเวณสวนยอ่ มหนำ้ ตึก 9 [www.puechkaset.com]
2.3.4 ตน้ ประกำยเงนิ
ภาพท่ี 2.16 แสดงตน้ ประกำยเงนิ
19
2.3.4.1 ชือ่ วทิ ยำศำสตร์ : Dracaena deremensis
2.3.4.2 วงศ์ : LILIACEAE
2.3.4.3 ชื่อสำมัญ : Warneckei
2.3.4.4 ชื่อท้องถนิ่ : ประกำยเงนิ
2.3.4.5 กำรกระจำยพนั ธ์ุ : ขยำยพันธ์ดุ ้วยกำรปักชำยอดหรอื สว่ นของลำตน้
2.3.4.6 ลักษณะทำงพฤกษศำสตร์
1) ลำต้น
ไม้พุ่ม อำยุหลำยปี สูงได้มำกกว่ำ 1 เมตร ลำต้นทรงกระบอก ต้ังตรง
ไม่มีกิ่งกำ้ น มเี ย่ือหมุ้ สีนำ้ ตำล มีข้อถ่ี
ภาพที่ 2.17 แสดงลำต้นของตน้ ประกำยเงนิ
2) ใบ
ใบเด่ียว เรียงเวียน รูปขอบขนำนแกมรูปใบหอก ปลำยแหลม โคนแผ่
เป็นกำบหุ้มลำต้น ขอบเรียบถึงเป็นคล่ืน ใบเป็นมัน แผ่นใบบริเวณกลำงใบสีเขียวเข้มปนสีขำวเป็น
แถบตำมควำมยำวของใบ บริเวณขอบสีเขยี วออ่ น
20
ภาพที่ 2.18 แสดงใบของตน้ ประกำยเงิน
3) ดอก
ดอกเป็นช่อ ออกตำมซอกใบใกล้ปลำยยอด ดอกสีขำวหรือดอกสี
ชมพู ดอกย่อยมจี ำนวนมำก กลบี ดอกโคนเชอ่ื มติดกนั เป็นหลอดยำวปลำยแยกเป็น 6 แฉก ดอกมีกลิ่น
หอมเวลำกลำงคืน
ภาพท่ี 2.19 ดอกของตน้ ประกำยเงิน
2.3.4.7 ประโยชนข์ องประกำยเงนิ : เป็นไมม้ งคล ปลูกเป็นไมป้ ระดบั สวน ไมก้ ระถำง
2.3.4.8 สรรพคุณของประกำยเงิน : ประกำยเงินนอกจำกจะเป็นไม้ประดับท่ีสวยงำม
แล้ว ยังมีควำมสำมำรถในกำรดูดสำรพิษจำพวกเบนซินได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ จึงเป็นไม้ประดับที่
อยำกจะแนะนำใหป้ ลูกภำยในบรเิ วณบ้ำน หรืออำคำรสำนักงำนเพ่ือดูดสำรพิษ เสริมสร้ำงบรรยำกำศ
ท่ีดี และท่สี ำคัญยงั ช่วยลดภำวะโลกรอ้ นได้