น ำเสนอโดย
นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทันตแพทย์หญิง จุฑารัตน์ จินตกานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย นางพรเอื้อง ตรีทอง นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักทัณฑวิทยาเชี่ยวชาญ นางอันธิกา อ่อนพร้อม ผู้อำนวยการกลุ่มงานสวัสดิการ และสงเคราะห์ผู้ต้องขัง นายพงศกร พงศ์รัตนพร ผู้อำนวยการกลุ่มงาน ส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ นางสาวอริสรา คงคะรัศมี ผู้อำนวยการกลุ่มงาน โครงการในพระดำริฯและส่งเสริมการเกษตร นางลักษณา พึ่งเสมา ผู้อำนวยการกลุ่มงาน บริหารการเงิน นายสิริชัย เมืองมูลชัย ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริม ทักษะการทำงาน นางสาวจันทร์ทิมา อุ่ยยะเสถียร ผู้อำนวยการกลุ่มงาน ส่งเสริมการศึกษา ผู้บริหารกองพัฒนาพฤตินิสัย ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ นางสาวนงนุช แก้วบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานฝึกวิชาชีพ นางสาวนงนุช อินอ๊อด หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป นางงามใจ ทวีชนม์ นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ ชำนาญการพิเศษ
รายงานผลการดำเนินงานของกองพัฒนาพฤตินิสัย กรมราชทัณฑ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 256๕ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงผลสำเร็จของการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ของกองพัฒนาพฤตินิสัย ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานตามภารกิจ ของกรมราชทัณฑ์ ให้สาธารณชนได้ทราบอย่างเป็นรูปธรรม โดยรายงานผลการดำเนินงาน ตามนโยบาย แผนงาน และแนวทางที ่จะนำไปสู ่การแก้ไขฟื้นฟูปรับเปลี ่ยนทัศนคติและพฤติกรรม ของผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ ทักษะ มีวิชาชีพติดตัว กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณประโยชน์ต่อการพัฒนา ประเทศเพื ่อคืนคนดีสู ่สังคม โดยมีกระบวนการพัฒนาจิตใจ ปรับทัศนคติและฝึกทักษะอาชีพ รวมถึงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถใช้ชีวิตภายหลังพ้นโทษได้อย่างมีคุณภาพ กองพัฒนาพฤตินิสัย กรมราชทัณฑ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะมีส่วนช ่วย อำนวยประโยชน์ต ่อหน ่วยงาน องค์กรส ่วนราชการ และผู้ที ่สนใจทั ่วไป ในการนำข้อมูลไปศึกษา และประยุกต์ใช้ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีของประชาชนและสังคมที่มีต่อกรมราชทัณฑ์ และให้โอกาสแก่ผู้ต้องขังได้กลับตนเป็นคนดีและกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้โดยปกติ กองพัฒนาพฤตินิสัย กันยายน 256๕ ค าน า
โครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (หลักสูตร 5 เดือน) ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ๑ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนธิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงมีพระดำริให้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำ เพื ่อให้ผู้ต้องขังได้เข้าใจในหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนำความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำรงชีวิตภายหลังพ้นโทษ พึ่งตนเองได้ และไม ่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก กรมราชทัณฑ์จึงได้จัดทำโครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำ โดยเริ ่มดำเนินการในเรือนจำชั ่วคราว ๔ แห่ง ได้แก่ เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย เรือนจำชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจำจังหวัดชัยนาท ต่อมากรมราชทัณฑ์เห็นว่า เพื่อเป็นการสนองตามพระดำริฯ ในปี พ.ศ.2558 ได้ขยายผลโครงการไปยังเรือนจำชั่วคราวอีก 2 แห่ง ได้แก ่ 1) เรือนจำชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจำกลางสุรินทร์ 2) เรือนจำชั่วคราวเหรียงห้อง สังกัดเรือนจำจังหวัดตรัง ปี พ.ศ.2559 ขยายเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก ่ 1) เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจำกลางเพชรบุรี2) เรือนชั่วคราวเขาหมาก สังกัดเรือนจำกลาง นครศรีธรรมราช 3) เรือนจำชั่วคราวนาโสก สังกัดเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร 4) ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรีและปี พ.ศ.2564 ได้ขยายเพิ่มอีก 1 แห่ง คือ ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งสิ้น 11 แห่ง โครงการและการด าเนินงาน ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางในพระราชด าริ 7
กองพัฒนาพฤตินิสัยเล็งเห็นประโยชน์ของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถนำไปพัฒนา ในด้านต่างๆ ให้กับผู้ต้องขังได้ จึงได้จัดทำโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใน ปี พ.ศ.2565 ได้ดำเนินการอบรมผู้ต้องขังในพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน 10 แห่งดังนี้ 1. เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด 2. เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย 3. เรือนจำชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ 4. เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจำจังหวัดชัยนาท 5. เรือนจำชั่วคราวเหรียงห้อง สังกัดเรือนจำจังหวัดตรัง 6. เรือนจำชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจำกลางสุรินทร์ 7. เรือนจำชั่วคราวเขาหมาก สังกัดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 8. เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจำกลางเพชรบุรี 9. ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี 10. ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา ผลการดำเนินงานมีผู้ต้องขังผ่านการอบรมทั้งสิ้น 1,012 คน 8
โครงการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัย เล็งเห็นประโยชน์ของหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงที ่สามารถนำไปพัฒนาในด้านต ่างๆ ให้กับผู้ต้องขัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เรือนจำชั่วคราว/ ทัณฑสถานเปิด มีการบริหารจัดการพื้นที่และตอบสนองต่อเป้าหมายของการพัฒนาผู้ต้องขัง มีทักษะ ความรู้ความชำนาญ ให้ได้มาตรฐานและเกิดความต ่อเนื ่องยั ่งยืน สามารถดำเนินการได้อย ่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจ พร้อมทั้งเกิดการแข่งขันเพื่อพัฒนา ศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โดยมีเป้าหมายในการประเมิน จำนวน 11 แห่ง ได้แก่ 1) เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย 2) เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด 3) เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจำจังหวัดชัยนาท 4) เรือนจำชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ 5) เรือนจำชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจำกลางสุรินทร์ 6) เรือนจำชั่วคราวเหรียงห้อง สังกัดเรือนจำจังหวัดตรัง 7) เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจำกลางเพชรบุรี 8) เรือนจำชั่วคราวเขาหมาก สังกัดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช 9) เรือนจำชั่วคราวนาโสก สังกัดเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร 10) ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี 11) ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จังหวัดนครราชสีมา โดยการประเมินแบ ่งเป็น 2 ส ่วน คือ 1) คะแนนการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง (แบบประเมิน) และ 2) คะแนนการจัดทำวีดิทัศน์และเล่มรายงานสรุปผลการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ผลการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอพียง ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริฯ จำนวน 11 แห่ง ตามแบบประเมิน วีดิทัศน์ และรูปเล่มสรุปผลการดำเนินงาน โดยคณะกรรมการประเมินศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจ พอเพียง รางวัลที่ 1 - 3 รายละเอียดดังนี้ รางวัลที่ 1 เรือนจำชั่วคราวแคน้อย สังกัดเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ รางวัลที่ 2 เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด รางวัลที่ 3 เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจำกลางเพชรบุรี 9
การดูแลผู้ต้องขังหญิงตามข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules ๒ ) กรมราชทัณฑ์ เป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจในการกำกับ ดูแลเรือนจำ/ทัณฑสถานที ่ควบคุมผู้ต้องขังหญิงให้สอดคล้อง ตามหลักสากลและเป็นไปตามนโยบายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ “Next Normal” ในด้านที่ 3 ด้านคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องขัง จึงได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต ของผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ให้ได้รับการตอบสนอง ความต้องการขั้นพื้นฐานที ่มีความเหมาะสมและมีความสอดคล้อง ตามข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) ทั้งนี้เพื่อให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน มีการรักษามาตรฐานและมีผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้เรือนจำ/ทัณฑสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังหญิงที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 107 แห่ง ประเมินผลการดำเนินงานของตนเอง ทั้ง 9 หมวด ตามแบบประเมินผลการปฏิบัติ ตามข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) ของ Penal Reform International (PRI) ได้แก ่ (1) ด้านนโยบายเรือนจำ (2) ด้านการรับตัว/การลงทะเบียน (3) ด้านสุขอนามัย/การบริการด้านสุขภาพ (4)ด้านความปลอดภัยและความมั่นคง (5) ด้านการติดต ่อกับโลกภายนอก (6) ด้านการจำแนกลักษณะและการปฏิบัติต ่อผู้ต้องขังเป็นรายบุคคล (7) ด้านผู้ต้องขังลักษณะพิเศษ (8) ผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์/ ผู้ต้องขังหญิงให้นมบุตร/ ผู้ต้องขังหญิงที ่มีบุตรติด และ (9) การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย การปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง ตามมาตรฐานสากล 10
โครงการพัฒนาเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) ก รม ร า ชทัณฑ ์ ได้ป ร ะส าน ค ว า ม ร่ว ม มือ กับ ส ถ าบัน เพื่อก า ร ยุติธ ร ร ม แห่งป ร ะเท ศไท ย ประกาศขับเคลื ่อนการดำเนินงานเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดแมนเดลา ณ เรือนจำพิเศษธนบ ุรี เป็น เ รือน จ ำน ำ ร่อง แห่ง แ ร ก เ มื่อ วันที่ 18 ก ร กฎ า ค ม 2560 โ ด ย มี น า ย ส ม ช า ย เสียงห ล า ย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว ่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยบุคคลสำคัญ รวมทั้งผู้ที ่เกี ่ยวข้อง เข้าร ่วมงานฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื ่อเป็นการริเริ ่มนำข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต ่ำขององค์การสหประชาชาติ ในการปฏิบัติต ่อผู้ต้องขัง (United Nations Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoners) หรือข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) มาปรับใช้เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาให้เรือนจำปฏิบัติตาม ข้อกำหนดแมนเดลา ให้ได้มาตรฐานตามแนวทางที ่สหประชาชาติกำหนด โดยพิจารณาองค์ประกอบ การดำเนินงาน ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนจัดทำโครงการการนำข้อกำหนดแมนเดลามาปรับใช้ การพัฒนาระบบ การบริหารจัดการเรือนจำ เพื่อความมุ่งมั่นที่จะอนุวัติข้อกำหนดแมนเดลาอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ หากเรือนจำ พิเศษธนบุรี สามารถยกระดับมาตรฐานการจัดการได้ เป็นผลสำเร็จ จะเป็นก้าวสำคัญของการเปลี ่ยนแปลง ในการขยายการปฏิบัติตามข้อกำหนดแมนเดลาไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถานแห่งอื่นต่อไป 11
1. เรือนจำท่องเที่ยวระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โครงการการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนา ส่งเสริม และการยกระดับมาตรฐาน ๓ รัฐมนต รีว่าก า รกระทรวงยุติธ ร รม (นายสมศักดิ์เทพสุทิน) มีนโยบายให้กรมราชทัณฑ์ พัฒนาพื้นที ่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ให้เป็นแหล่ง ท ่องเที ่ยว เพื ่อส ่งเสริมและให้โอกาสผู้ต้องขัง ได้ฝึกทักษะและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพ ห ลังพ้นโ ท ษไ ด้อ ย่าง แ ท้จ ริง แ ล ะ ยั่ง ยืน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กรมราชทัณฑ์ จึงได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล ่าวให้มีมาตรฐาน ด้านการท่องเที่ยว เป็นที่ยอมรับของผู้ได้เยี่ยมชม หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วย ความร ่ วมมื อ เรื ่ อง การพัฒนา ส ่งเสริ ม และการยกระดับมาตรฐานเรือนจำท ่องเที ่ยว ร ่วมกับ กรมการท ่องเที ่ยว และการท ่องเที ่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) ณ เรือนจำชั่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด โดยบันทึกข้อตกลงว่า ด้วยความร่วมมือการพัฒนา ส่งเสริม และการ ยกระดับมาตรฐานเรือนจำท่องเที่ยว ระหว่าง กรมราชทัณฑ์กรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำขึ้นเพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งให้ความรู้ และทักษะความชำนาญด้านงานบริการและที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อยกระดับการพัฒนาองค์กร การขับเคลื่อนนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 12
2. โครงการพัฒนาพื้นที่เรือนจำท่องเที่ยวเพื่อเตรียมความพร้อมยกระดับมาตรฐานคุณภาพ เรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามมาตรฐานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 2.1 ดำเนินการพัฒนาพื้นที่เรือนจำ/ ทัณฑสถาน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเตรียม ค ว า มพ ร้อ ม ย ก ร ะ ดับ ม า ต ร ฐ า น คุณ ภ า พ เรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามมาตรฐ าน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นไปตามแผน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 5 แห ่ง ได้แก่ 1) เรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว สังกัดเรือนจำกลาง ระยอง 2) ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง 3) เรือนจำชั่วคราว เขาบิน สังกัดเรือนจำกลางราชบุรี4) เรือนจำ ชั ่วคราวเขาระกำ สังกัดเรือนจำจังหวัดตราด และ 5) ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก 2.2 การดำเนินงานตามตัวชี้วัดตาม นโยบายกระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เรื่อง ระดับความสำเร็จของการพัฒนา พื้นที่เรือนจำท่องเที่ยวเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพ เรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตามมาตรฐานกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา เป้าหมายเรือนจำ/ ทัณฑสถาน 5 แห ่ง ตามข้อ 2.1 ซึ ่งกำหนดระดับ ความสำเร็จการดำเนินงานไว้ 5 ขั้นตอน (5 คะแนน) ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ประสานกรมการท่องเที่ยว เรื่องแนวทางการยกระดับเรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตร ในพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพเรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตรของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (1 คะแนน) ขั้นตอนที่ 2 แจ้งเรือนจำเป้าหมายดำเนินการพัฒนาพื้นที่เรือนจำท่องเที่ยวเพื่อยกระดับมาตรฐาน คุณภาพเรือนจำท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตามมาตรฐานคุณภาพของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2 คะแนน) ขั้นตอนที่ 3 แต่งตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการประเมินความพร้อม พร้อมทั้งติดตามประเมินผล การดำเนินงาน (3 คะแนน) ขั้นตอนที่ 4 กรมราชทัณฑ์ดำเนินการยื่นขอมาตรฐานคุณภาพเรือนจำท่องเที่ยว เชิงเกษตรตามมาตรฐานคุณภาพกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (4 คะแนน) ขั้นตอนที่ 5 สรุปรายงานผลให้กรมราชทัณฑ์ทราบ (5 คะแนน) ปรากฏผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดครบ 5 ขั้นตอน ได้ 5 คะแนน 13
โครงการสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เรือนจำท่องเที่ยว ประจำปี พ.ศ. 2565 กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัย ได้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล ่งท ่องเที ่ยว ประจำเขต เขต 1 – 9 เขตละ 1 แห่ง (ยกเว้นเขต 10 เนื่องจากเป็นเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่ควบคุมนักโทษ ที่มีกำหนดโทษสูง เน้นการควบคุมไม่เหมาะสม เป็นเรือนจำท่องเที่ยว) โดยดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการประเมินตามแบบตรวจประเมินมาตรฐาน คุณภาพแหล ่งท ่องเที ่ยวเชิงเกษตรของกระทรวง การท ่องเที่ยวและกีฬา ในการนี้คณะกรรมการ ได้ดำเนินการประมินและจัดลำดับความพร้อมเป็นเรือนจำท่องเที่ยวประจำเขต เพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณ เป็นค ่าใช้จ ่ายในการดำเนินการจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์สำหรับดำเนินการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังด้านการท ่องเที ่ยว และเกษตร รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ให้มีความพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีความเหมาะสมเป็นเรือนจำท่องเที่ยว เชิงเกษตร ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กำหนด โดยมีผลการประเมินเรียงตามอันดับคะแนน ดังนี้ อันดับที่ 1 เรือนจำชั่วคราวเขาบางริ้น สังกัดเรือนจำจังหวัดระนอง (เขต 8) อันดับที่ 2 เรือนจำชั่วคราวหนองกระทิง สังกัดเรือนจำกลางลำปาง (เขต 5) อันดับที่ 3 เรือนจำชั่วคราวเขากลิ้ง สังกัดเรือนจำกลางเพชรบุรี(เขต 7) อันดับที่ 4 เรือนจำชั่วคราวเขาพลอง สังกัดเรือนจำจังหวัดชัยนาท (เขต 1) อันดับที่ 5 ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา (เขต 9) อันดับที่ 6 เรือนจำกลางนครพนม (เขต 4) อันดับที่ 7 ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา (เขต 2) อันดับที่ 8 เรือนจำชั่วคราวโคกตาบัน สังกัดเรือนจำกลางสุรินทร์(เขต 3) อันดับที่ 9 เรือนจำชั่วคราวคลองโพธิ์ สังกัดเรือนจำกลางนครสวรรค์(เขต 6) 14
โครงการจัดตั้ง “นิคมอุตสาหกรรมกรมราชทัณฑ์” โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” (การพักโทษกรณีเหตุพิเศษ) ด้วยรัฐมนตรีว ่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ได้มีนโยบายในการพัฒนาพฤตินิสัย สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับผู้กระทำผิดให้มีโอกาสแก้ไขปรับปรุงตัวเองสามารถกลับไปอยู่ร่วมกับสังคมอย่างเป็นสุข สังคมยอมรับให้โอกาสมากขึ้น และไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก อีกทั้งเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ และได้เริ่มดำเนินการทดลองนำผู้ต้องขังไปทำงานในสถานประกอบการหรือนิคมอุตสาหกรรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ เรือนจำกลางสมุทรปราการ 1 รุ ่น แล้ว กรมราชทัณฑ์มีความมุ่งหวังเพื่อให้ทุกภาคส่วน เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพผู้ต้องขังเพิ่มมากขึ้น จึงได้จัดทำโครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพฝึกทักษะการทำงาน ในภาคอุตสาหกรรม” โดยใช้กลไกการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ คุมประพฤติและติดอุปกรณ์ติดตาม ตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมราชทัณฑ์ ได้อนุมัติดำเนินโครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพฝึกทักษะการทำงาน ในภาคอุตสาหกรรม” (การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ) โดยมีเรือนจำ/ทัณฑสถานกลุ่มเป้าหมายจำนวน 9 แห่ง ดังนี้ 15
ภาพการดำเนินการนิคมอุตสาหกรรม โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” (การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ) 16 นิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ กระทรวงย ุติธรรม ดำเนินการร ่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห ่งประเทศไทย หรือ กนอ. (ที ่ราชพัสดุของหน ่วยงานอื ่น) ในการพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสม อาจเช่าที่ราชพัสดุ พัฒนาสาธารณูปโภค พื้นฐาน เปิดพื้นที่ให้สถานประกอบการเช่าใช้ประกอบการหรือเปิดเชิญชวนเอกชนที่สนใจ อาจมีสิทธิประโยชน์ เพื่อจูงใจนักลงทุนเข้ามาลงทุน และจัดพื้นที่บริเวณที่พักอาศัยรองรับผู้กระทำผิด กนอ. ได้เชิญชวนให้เอกชน เสนอพื้นที ่เพื ่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เป้าหมาย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ในรูปแบบร ่วมดำเนินงาน กับ กนอ. ซึ่งมีภาคเอกชน 1 ราย เสนอโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาคร พื้นที่ประมาณ 4,131 ไร่ ในท้องที่ ตำบลกาหลง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
๔ กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดให้การจัด การศึกษาผู้ต้องขังให้เป็นนโยบายหนึ่ง ในการพัฒนา แก้ไข ปรับเปลี ่ยนพฤตินิสัย ของผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ ทักษะ มีวิชาชีพ ติดตัว กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีมีคุณประโยชน์ ต่อการพัฒนาประเทศ โดยมีกลุ่มงานส่งเสริม การศึกษา กองพัฒนาพฤตินิสัย เป็นหน่วยงาน ที่รับผิดชอบในการดำเนินงานจัดทำแผนงาน/ โครงการ/กิจกรรม การจัดการศึกษาผู้ต้องขัง ในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั ่วประเทศ โดยจัด การศึกษาสายสามัญ สายอาชีพระดับอุดมศึกษา บาลีศึกษา กิจกรรมส่งเสริมการศึกษาตาม อัธยาศัย และกิจกรรมอื ่นๆ ที ่เกี ่ยวข้อง เช่น การพัฒนาห้องสมุด การสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ทางการศึกษา การจัดสรรทุนการศึกษา เป็นต้น โดยได้ประสานหน ่วยงานต ่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้เข้ามามีส ่วนร ่วม ในการส ่งเสริมการจัดการศึกษาให้แก่ ผู้ต้องขัง การจัดการศึกษาผู้ต้องขัง 17
สถิติการจัดการศึกษาให้แก่ผู้ต้องขัง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หลักสูตร จำนวนผู้เรียน ชาย หญิง รวม จำนวนคน คิดเป็น % จำนวนคน คิดเป็น % การศึกษาสายสามัญ ๑๗,๑๒๗ ๗๙.๔๒ ๔,๔๓๘ ๒๐.๕๘ ๒๑,๕๖๕ ผู้ไม่รู้หนังสือ ๑,๓๒๙ ๗๓.๐๐ ๔๙๐ ๓๗.๐๐ ๑,๘๑๙ ประถมศึกษา ๓,๙๔๖ ๗๓.๓๐ ๑,๔๓๘ ๒๖.๗๐ ๕,๓๘๔ มัธยมศึกษาตอนต้น ๖,๑๕๑ ๘๒.๖๘ ๑,๒๘๘ ๑๗.๓๒ ๗,๔๓๙ มัธยมศึกษาตอนปลาย ๕,๗๐๑ ๘๒.๓๕ ๑,๒๒๒ ๑๗.๖๕ ๖,๙๒๓ การศึกษาสายอาชีพ ๔,๗๐๖ ๘๖.๙๕ ๗๐๖ ๑๓.๐๕ ๕,๔๑๒ ปวช. ๓,๗๐๑ ๘๘.๐๐ ๕๐๒ ๑๒.๐๐ ๔,๒๐๓ ปวส. ๑,๐๐๕ ๘๓.๑๒ ๒๐๔ ๑๖.๘๘ ๑,๒๐๙ อุดมศึกษา ๒,๙๐๙ ๘๗.๓๓ ๔๒๒ ๑๒.๖๗ ๓,๓๓๑ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ๒,๘๗๒ ๘๗.๓๗ ๔๑๕ ๑๒.๖๓ ๓,๒๘๗ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยมหามกุฎ ราชวิทยาลัย ๓๔ ๘๓ ๗ ๑๗ ๔๑ ปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม ๓ ๑๐๐ ๐ ๐ ๓ การศึกษาตามอัธยาศัย ๗,๑๗๗ ๖๘.๘๐ ๓,๒๕๕ ๓๑.๒๐ ๑๐,๔๓๒ การศึกษาวิชาชีพระยะสั้น ๗,๐๗๑ ๖๘.๕๓ ๓,๒๔๖ ๓๑.๔๗ ๑๐,๓๑๗ บาลีศึกษา ๑๐๖ ๙๒ ๙ ๘ ๑๑๕ รวมทุกหลักสูตร ๓๑,๙๑๙ ๗๘.๓๕ ๘,๘๒๑ ๒๑.๖๕ ๔๐,๗๔๐ 18
การจัดการศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ กรมราชทัณฑ์ร ่วมกับมหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช จัดการศึกษาผู้ต้องขังระดับปริญญาตรี เพื่อส่งเสริมการศึกษาระดับปริญญาตรีให้แก่ผู้ต้องขังได้ศึกษาต่อหรือเพิ ่มพูนความรู้ทักษะและประสบการณ์สูงขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตนเองและสังคม จะเป็นการเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพการศึกษาของบุคคล เพื ่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตในสังคมได้ เป็นอย่างดีมีความสุข โดยได้ดำเนินการ ตั้งแต ่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา เป็นการเรียนทางไกลด้วยตนเอง เปิดการสอนในระดับปริญญาตรี โดยทาง มสธ. จะจัดคณาจารย์เข้าสอนเสริม อบรมเข้ม หรือฝึกปฏิบัติเสริมทักษะชุดวิชาประสบการณ์วิชาชีพในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยในแต่ละปีการศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้กำหนดให้มีการสอบปลายภาคทุกสิ้นภาคการศึกษา ปีการศึกษาละ ๒ ครั้ง โดยขออนุญาตให้บุคลากร ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เข้ามาจัดการสอบในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๖๔ มีผู้ต้องขังเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี รวมทั้งหมด จำนวน ๒๑๗ คน โดยสาขาที่เรียนมากที่สุด คือ สาขานิติศาสตร์ มีผู้เรียน จำนวน ๕๑ คน และสาขา เกษตรศาสตร์มีผู้เรียน จำนวน ๕๑ คน โดยเป็นผู้ต้องชายทั้งหมด ๒ สาขา 19
การดำเนินงานการจัดการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (มรม.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ได้ลงนามบันทึก ข้อตกลงร ่วมมือ (MOU) กับ คณะรัฐศาสตร์และ รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เ ปิด ส อ น ห ลัก สูต ร ป ริญ ญ า โ ท ส า ข า วิช า รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) และรับสมัคร ผู้ต้องขังจากเรือนจำ/ทัณฑสถานต่างๆ เข้ารับการศึกษา ตั้งแต ่ภาคการศึกษาที ่ ๑/๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทั้งนี้ ได้ดำเนินการเปิดสอนแล้ว จำนวน ๕ รุ่น มีผู้สำเร็จ การศึกษาแล้ว จำนวน ๓๑ คนในภาคการศึกษา ที่ ๑/๒๕๖๕ ได้เปิดรับสมัครเป็นรุ่นที่ 6 ซึ่งมีผู้ต้องขัง สมัครเข้ารับการศึกษา จำนวน ๓ คน วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ เรือนจำจังหวัด มหาสารคาม ได้จัดทำความร ่วมมือกับมหาวิทยาลัย ราชภัฎมหาสารคาม เมื ่อวันที ่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ เพื่อส่งเสริมการศึกษาระดับปริญญาเอกให้แก่ผู้ต้องขัง ได้ศึกษาต่อหรือเพิ่มพูนความรู้ทักษะและประสบการณ์ สูงขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตนเองและสังคม จะเป็นการเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของบ ุคคล เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ และดำเนินชีวิตในสังคมได้เป็นอย่างดีมีความสุข โดยได้รายงานผลการดำเนินงานการจัดการศึกษา ระดับอุดมศึกษา (ปริญญาเอก) สาขารัฐประศาสนศาสตร์ แก ่ผู้ต้องขังและบุคลากรเจ้าหน้าที ่ เรือนจำจังหวัด มหาสารคาม โดยจะดำเนินการเปิดการจัดการศึกษา ระดับอุดมศึกษา (ปริญญาเอก) สาขารัฐประศาสนศาสตร์ แก่ผู้ต้องขังและบุคลากรเจ้าหน้าที่ ในภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ 20
โครงการจัดทำคู่มือหลักสูตรการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ กรมราชทัณฑ์ได้นำกระบวนการจัดการศึกษาในรูปแบบการศึกษาตามอัธยาศัย เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือ ขับเคลื ่อนในการแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยในส ่วนของการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ให้กับผู้ต้องขังนั้น ได้คำนึงถึงความแตกต ่าง ความสนใจ ความพร้อมและศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้ต้องขัง แต่ละบุคคล โดยให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.๒๕๕๑ ได้กำหนด กล่าวคือเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและสนับสนุน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ส ่วนราชการ หน ่วยงานของรัฐที ่เกี ่ยวข้องและภาคีเครือข ่าย ต้องดำเนินการส ่งเสริมและสนับสนุนการสร้าง และการพัฒนาแหล ่งการเรียนรู้ที ่หลากหลาย เพื ่อให้ผู้เรียนของการศึกษาตามอัธยาศัย สามารถเข้าถึงได้ ตามความเหมาะสม กองพัฒนาพฤตินิสัยจึงได้ดำเนินโครงการจัดทำคู่มือหลักสูตรการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับเรือนจำ/ทัณฑสถาน เพื่อให้การจัดการศึกษาสำหรับผู้ต้องขังเป็นไปในแนวทางและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องในภาคปฏิบัติ ของเรือนจำ/ทัณฑสถาน ตลอดจนสามารถดำเนินการได้อย ่างต ่อเนื ่องปรากฏผลอย ่างเป็นรูปธรรมที่ยั่งยืน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาผู้ต้องขังไว้หลากหลายทั้ง อายุ เพศ พื้นฐานครอบครัว การศึกษา ความถนัด บุคลิกร ่างกาย รวมถึงระยะเวลาต้องโทษที่แตกต ่างกัน และพัฒนาเพื ่อให้ได้ผลสัมฤทธิ์ ในการที่จะคืนคนดีสู่สังคม 21
การดำเนินงานโครงการการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขั ง ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับมหาวิทยาลัยบูรพา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วันที ่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๕ ดร. ชาญ วชิรเดช รองอธิบดีฝ่ายพัฒนา พร้อมด้วยนายนักรบ นาคพรหม ผู้บัญชาการเรือนจำกลางชลบุรี นางสุนันทา คงพากเพียร ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงชลบุรี นายไพรัตน์ ขมินทกูล ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษพัทยา และนายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อ ำน ว ย ก า ร กองพัฒน าพฤตินิสัย พ ร้อมคณ ะ เจ้าหน้าที่กองพัฒนาพฤตินิสัย เข้าประชุมหารือร่วมกับ รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมคณบดีและคณาจารย์ ณ ห้องประชุม ชั้น ๙ ตึกสำนักงานอธิการบดี ได้มีการวางแนวทางที่จะดำเนินการ จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อประสานความร่วมมือด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง โดยมีภารกิจเร่งด่วนที่จะร่วมมือ จัดทำ SOP มาตรฐานขั้นตอนกระบวนงานด้านการจัดการศึกษา ด้านการฝึกวิชาชีพ การส ่งเสริมทักษะ การทำงานผู้ต้องขัง รวมถึงมาตรฐานโปรแกรมการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ เพื่อเป็นแนวทาง ปฏิบัติงานของเรือนจำที่ชัดเจน สามารถติดตามประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ในวันจันทร์ที ่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ๙๐๓ ชั้น ๙ อาคาร ภปร. มหาวิทยาลัยบูรพา ด ร . อ า ยุต ม์ สิน ธ พ พัน ธุ์ อ ธิบ ดีก ร ม ร า ช ทัณ ฑ์ แ ล ะ น า ย วิรุณ เ จ ริญ เ กีย ร ติวง ศ ์ ผู้อำ น ว ย ก า ร กองพัฒนาพฤตินิสัย พร้อมด้วย รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา ผศ.ดร.พรรณี พิมาพันธุ์ศรี คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ร ่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับมหาวิทยาลัยบูรพา ผลการจัดพิธีลงนามฯเป็นไปด้วย ความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ เกิดโครงการ ตามความร ่วมมือทางวิชาการในการส ่งเสริมการพัฒนา และต ่อยอดองค์ความรู้ด้านการจัดการศึกษา การฝึกวิชาชีพ การส ่งเสริมทักษะการทำงาน การจัดสวัสดิการ และสงเคราะห์ผู้ต้องขัง จำนวน ๒๐ โครงการ ภายในกรอบระยะเวลา ๕ ปี รวมถึงการสร้างมาตรฐาน โปรแกรมหลักสูตรการพัฒนาพฤตินิสัย ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ต้องขังและสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ของสังคม เพื่อให้สังคมเปิดโอกาสแก ่ผู้ต้องขังเมื ่อพ้นโทษแล้วสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และไม่หวนกลับมากระทำความผิดซ้ำ 22
การดำเนินงานโครงการ MOU สถานศึกษา เพื่อการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง (๑ เรือนจำ ๑ MOU) กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ ดำเนินโครงการ MOU สถานศึกษาเพื่อการพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขัง (๑ เรือนจำ ๑ MOU) โดยให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ทุกแห่ง ประสานและจัดทำบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือกับสถานศึกษาภายนอก อย่างน้อย ๑ แห่ง เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรม ที ่เอื้อประโยชน์ต ่อการพัฒนา แก้ไข ฟื้นฟูผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นพลเมืองดี มีทักษะความรู้ที ่เป็นประโยชน์ ต่อการดำเนินชีวิตภายหลังพ้นโทษ กองพัฒนาพฤตินิสัย ได้สรุปข้อมูลและประเมินผลการดำเนินงาน พบว่า มีเรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ จำนวน ๑๔๑ แห่ง ได้จัดทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้มีทัณฑสถาน ที่ได้รับการยกเว้นการดำเนินงานโครงการ จำนวน ๑ แห่ง คือ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยสรุปข้อมูล ผลการดำเนินโครงการได้ดังนี้ 23
ผลการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างเรือนจำ ทัณฑสถานทั้งประเทศ ที่ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับ สถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่นๆ ประเภทหน่วยงานที่ MOU วัตถุประสงค์ความร่วมมือ จำนวน (แห่ง) ร้อยละ สำนักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา ยกระดับและพัฒนาด้านการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อ เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้รับการศึกษาด้านวิชาชีพ ในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง (ปวส.) และหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น เพื่อให้ได้รับ วุฒิการศึกษาสายวิชาชีพ และสามารถนำไปใช้ประกอบ อาชีพได้ เมื่อพ้นโทษกลับคืนสู่สังคม ๙๖ ๔๔.๔๔ กศน. ยกระดับความรู้และเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาความรู้ความ เข้าใจแก่ผู้ต้องขังให้ผู้ต้องขังได้มีความรู้สามารถอ่านออก เขียนได้และสามารถสำเร็จการศึกษาในระดับการศึกษาขั้น พื้นฐานตั้งแต่ระดับประถมศึกษามัธยมศึกษาตอนต้น และ มัธยมศึกษาตอนปลาย ๘๐ ๓๗.๐๔ สถาบันอุดมศึกษา ส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการผ่านการวิจัย การพัฒนา แผนงานโครงการ หลักสูตรหรือกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อ การจัดการศึกษา และพัฒนาพฤตินิสัยให้แก่ผู้ต้องขัง ๕ ๒.๓๑ วิทยาลัยชุมชน ฝึกอบรมด้านวิชาการหรือด้านวิชาชีพ และการบริการทาง วิชาการ เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยให้แก่ผู้ต้องขัง ให้มีความรู้และ ทักษะอาชีพเพื่อสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดอาชีพใหม่ใน ชุมชนได้อย่างหลากหลาย ๔ ๑.๘๖ สถาบันพัฒนาฝีมือ แรงงาน พัฒนาฝีมือแรงงานและศักยภาพของผู้ต้องขังเพื่อให้มีฝีมือ ได้มาตราฐานและเป็นที ่ยอมรับ ตลอดจนส ่งเสริมให้ ผู้ต้องขังมีความสามารถในการประกอบอาชีพที่สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและ คุณภาพ ๑๔ ๖.๔๘ หน่วยงานอื่นๆ ส่งเสริมการพัฒนาพฤตินิสัยให้แก่ผู้ต้องขัง อย่างครอบคลุม รอบด้าน อาทิ ด้านการศึกษา ด้านการส่งเสริมทักษะอาชีพ ด้านสาธารณสุข ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วม ๑๗ ๗.๘๗ รวม ๒๑๖ ๑๐๐ 24
ผลการลงนามบันทึกข้อตกลง จำแนกตามจำนวนหน่วยงานที่เรือนจำและทัณฑสถาน ทั่วประเทศได้ทำการร่วมลงนาม ที่ จำนวนหน่วยงานที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง จำนวน (แห่ง) ร้อยละ ๑. จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น จำนวน ๑ แห่ง ๙๖ ๖๘.๐๘ ๒. จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น จำนวน ๒ แห่ง ๒๗ ๑๙.๑๕ ๓. จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น จำนวน ๓ แห่ง ๙ ๖.๓๘ ๔. จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น จำนวน ๔ แห่ง ๖ ๔.๒๖ ๕. จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับสถานศึกษาหรือหน่วยงานอื่น จำนวน ๕ แห่ง ๓ ๒.๑๓ รวม ๑๔๑ ๑๐๐ ผลการลงนามบันทึกข้อตกลงจำแนกตามระยะเวลากรอบความร่วมมือที่เรือนจำและทัณฑสถาน ทั่วประเทศได้ทำการร่วมลงนาม ที่ ระยะเวลาตามกรอบความร่วมมือ จำนวน (แห่ง) ร้อยละ ๑. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๑ ปี ๖ ๔.๒๖ ๒. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๓ ปี ๖ ๔.๒๖ ๓. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๔ ปี ๗๓ ๕๑.๗๗ ๔. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๕ ปี ๒๘ ๑๙.๘๕ ๕. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๖ ปี ๑ ๐.๗๑ ๖. จัดทำบันทึกข้อตกลงระยะเวลาความร่วมมือ ๑๐ ปี ๒ ๑.๔๒ ๗. จัดทำบันทึกข้อตกลงแบบต่อเนื่องไม่มีกำหนด ๒๕ ๑๗.๗๓ รวม ๑๔๑ ๑๐๐ 25
“ห้องสมุดพร้อมปัญญา” กรมราชทัณฑ์ โดยกองพัฒนาพฤตินิสัย ได้มีหนังสือถึงกองงานในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ทรงเปิด "ห้องสมุดพร้อมปัญญา" อีกครั้งหนึ่ง หลังมีการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (Covid-๑๙) ซึ่งทรงมีพระมหากรุณารับเชิญเสด็จฯ ทรงเปิด "ห้องสมุดพร้อมปัญญา" ดังนี้ ๑. เรือนจำกลางกำแพงเพชร วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ ๒. เรือนจำกลางชลบุรี วันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ ๓. เรือนจำพิเศษพัทยา ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เพื ่อให้การเตรียมการพิธีเปิดห้องสมุดฯ และเตรียมการรับเสด็จฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ กรมราชทัณฑ์จึงได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัยและเจ้าหน้าที ่ผู้เกี ่ยวข้อง เข้าตรวจพื้นที ่ พร้อมให้คำแนะนำในการจัดห้องสมุดฯ และเตรียมการในส ่วนต ่างๆ ณ เรือนจำกลางชลบุรี และเรือนจำพิเศษพัทยา ระหว ่างวันที ่ ๒๘ - ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ และ ณ เรือนจำกลางกำแพงเพชร ระหว ่างวันที ่ ๔ - ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ โดยได้ประสานสมาคมห้องสมุดแห ่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอความอนุเคราะห์ให้ นางสาวสุจิตร สุวภาพ บรรณารักษ์เชี่ยวชาญ ซึ ่งเป็นผู้ที ่เข้าใจในบริบทการทำงานของเรือนจำเป็นอย ่างดี เข้ามาร ่วมให้คำแนะนำในการบริหารงานห้องสมุดฯ และสนับสนุนสื่อทรัพยากรที่ยังขาดแคลน เรือนจำกลางชลบุรี 26
กิจกรรมขับเคลื่อนการดำเนินการห้องสมุดทัณฑสถาน 1. การประสานขอรับบริจาคสื ่อสารสนเทศบำรุงห้องสมุดจากหน ่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไป และจัดสรรให้แก่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ 2. ปรับปรุงมาตรฐานห้องสมุดเรือนจำ/ทัณฑสถาน และสร้างแบบประเมินห้องสมุด ให้มีความสอดคล้อง กับบริบทของเรือนจำ/ทัณฑสถานและสภาพการณ์ปัจจุบัน 3. สนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซมห้องสมุดให้แก่เรือนจำ/ทัณฑสถานที่ชำรุดทรุดโทรม เรือนจำพิเศษพัทยา เรือนจำกลางกำแพงเพชร 27
การดำเนินโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีภายใต้โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาผู้ต้องขัง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาผู้ต้องขังตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้รับความรู้และทักษะเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างที่อยู่ในที่คุมขัง ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อสร้าง รายได้และคุณค่าต่อตนเอง และนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปประกอบอาชีพเมื่อพ้นโทษได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้ขยายผลดำเนินการตามแนวพระราชดำริมาอย่างต่อเนื่อง โดยการกำกับ ดูแล ติดตาม สนับสนุนการดำเนินงาน ของเรือนจำ/ทัณฑสถาน มีการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้ต้องขังด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนี้ - ระดับอาชีวศึกษา (ปวช./ปวส.) ๔๑๓ คน จาก ๒๑ เรือนจำ - โครงการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๕๐๐ คน จาก ๑๐ เรือนจำ - การศึกษาวิชาชีพระยะสั้น ๘๖๘ คน จาก ๓๒ เรือนจำ 28
การดำเนินงานโครงการห้องสมุดดนตรี สื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อการจัดสวัสดิการ และพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีนโยบายให้กองพัฒนาพฤตินิสัย จัดทำห้องสมุดดนตรีในเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยนำร ่องในเรือนจำความสามารถพัฒนาด้านดนตรี (เรือนจำพิเศษธนบุรี) เนื ่องจากเป็นเรือนจำเฉพาะทาง ประเภทส ่งเสริมผู้ต้องขังที ่มีความสามารถพิเศษ โดยเรือนจำได้จัดการศึกษาอบรมประเภทดนตรีสากล การขับร้อง ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย เพื่อเป็นการฝึกฝนให้ผู้ต้องขังเกิดความชำนาญด้านการเรียนรู้ เฉพาะทาง การแสดงออก และเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดแสดงในกิจกรรมต ่างๆ ตามนโยบาย ของกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้ผู้ต้องขังพร้อมที่จะเป็นคนดีของสังคม สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีกภายหลังพ้นโทษ ในการศึกษาข้อมูลในการจัดทำโครงการห้องสมุดดนตรี สื ่อส ่งเสริมการเรียนรู้ เพื ่อการจัดสวัสดิการ และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ กองพัฒนาพฤตินิสัยได้ดำเนินการดังนี้ 1. เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๕ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา เดินทางไปศึกษา ดูงานสถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ซึ ่งเป็น หน ่วยงานเครือข ่ายด้านการพัฒนาห้องสมุดเรือนจำ/ทัณฑสถาน และมีตัวอย ่างการจัดทำห้องสมุดดนตรี ที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากบุคคลทั่วไป ๒. เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมการศึกษา ศึกษาสถานที่ ดำเนินโครงการ ณ “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” เรือนจำพิเศษธนบุรี และประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ เรือนจำพิเศษธนบุรี ถึงความต้องการในการจัดบริการสื่อสารสนเทศด้านดนตรี ตลอดจนสำรวจพื้นที่ห้องสมุด เรือนจำ เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดรายละเอียดการดำเนินโครงการ 29
การดำเนินโครงการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ด้านพระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ต้องขังระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กรมราชทัณฑ์แจ้งรายชื ่อเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่มีความพร้อมในการจัดการศึกษา ภาคการศึกษาที่ ๑/๒๕๖๕ ไปยังมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยให้มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยสามารถประสาน การดำเนินการไปยังเรือนจำ/ทัณฑสถาน เพื ่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการจัดการศึกษาในภาคการศึกษา ที่ ๑/๒๕๖๕ ตามรายชื่อ ได้แก่ เรือนจำกลางคลองเปรม (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๓๐ คน) เรือนจำกลางเชียงใหม่ (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๕๐ คน) เรือนจำกลางนครราชสีมา (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๓๐ คน) เรือนจำจังหวัดพังงา (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๑๐ คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน ๑๐ คน) เรือนจำจังหวัดหนองคาย (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๘ คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน ๕ คน) และทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง (ผู้ต้องขังชาย จำนวน ๒๐ คน) โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้ดำเนินการไปแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. กองพัฒนาพฤตินิสัยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ณ เรือนจำกลางเชียงใหม ่ โดยมีผู้สมัครเรียน จำนวน ๒๑ คน 30
๒. กองพัฒนาพฤตินิสัยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง โดยมีผู้สมัครเรียน จำนวน ๕๐ คน 3. กองพัฒนาพฤตินิสัยได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จัดการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ณ เรือนจำกลางคลองเปรม โดยมีนักศึกษารุ่นแรก จำนวน ๓๔ คน 31
การดำเนินโครงการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ กรมราชทัณฑ์ และศูนย์ดิจิทัลชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กรุงเทพมหานคร นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการ ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม “โครงการพัฒนาศักยภาพ ผู้ต้องขังให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมราชทัณฑ์ กับ สำนักงาน คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผ่านออนไลน์ระบบ Webex โดยนำร่องในเรือนจำ ๒ แห่ง คือ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ และเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา ถ ่ายทอดสัญญาณจากศูนย์ดิจิทัลชุมชน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ ผ ่าน Virtual Private Network หรือ VPN ซึ ่งเป็นเครือข ่ายระบบปิดที ่มีความปลอดภัยสูง เหมาะสมกับการดำเนินงานในเรือนจำ โดยเปิดสอน ๑๑ หลักสูตร ประกอบด้วย การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการประกอบอาชีพ การขายสินค้าออนไลน์ การรีวิวและการไลฟ์สด ขายสินค้า การตัดต ่อวิดีโอ การจัดทำอินโฟกราฟฟิค การตกแต ่งภาพถ ่าย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การวาด สติ๊กเกอร์สำหรับแอพพลิเคชั่น การเขียนบทความสร้างรายได้หรือบล็อกเกอร์ และการทำ Podcast อย่างมืออาชีพ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ รายงานข้อมูลการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้พร้อมเข้า สู ่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล จำนวน ๑๑ หลักสูตร มีผู้ต้องขังเข้ารับการอบรม จำนวน ๒๒๐ คน และเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยารายงานข้อมูลการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขัง ให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล จำนวน ๑๑ หลักสูตร มีผู้ต้องขังเข้ารับการอบรมจำนวน ๒๒๐ คน 32
การดำเนินโครงการการจัดฝึกอบรมลูกเสือวิสามัญ วิชาผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น (B.T.C.) และฝึกระเบียบแถว สวนสนาม ทบทวนคำปฏิญาณ และสาบานตนลูกเสือวิสามัญ กรมราชทัณฑ์ ปี พ.ศ.๒๕๖๕ กรมราชทัณฑ์ อน ุมัติจัดสรรเงิน จำนวน ๔๕๐,๐๐๐ บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาท ถ้วน) ให้กับเรือนจำ/ทัณฑสถาน ๑๐ แห่ง แห ่งละ ๔๕,๐๐๐ บาท (สี ่หมื ่นห้าพันบาท ถ้วน) เพื ่อเป็นค ่าใช้จ ่ายในการจัดฝึกอบรม ลูกเสือให้กับผู้ต้องขังและแจ้งเรือนจำ/ ทัณฑสถาน ที ่ผ ่านการคัดเลือกดังกล ่าว ให้จัดการฝึกอบรมลูกเสือวิสามัญวิชา ผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น (B.T.C.) ให้กับผู้ต้องขัง ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๕ แห่งละ ๑ รุ่น และร่วมแข่งขันประกวดระเบียบแถว สวนสนาม ทบทวนคำปฏิญาณและสาบานตนลูกเสือวิสามัญ กรมราชทัณฑ์ ปี พ.ศ.๒๕๖๕ โดยมีเรือนจำ/ทัณฑสถานตามรายชื่อ ดังนี้ (๑) เรือนจำกลางระยอง (๖) เรือนจำกลางยะลา (๒) เรือนจำกลางพิษณุโลก (๗) ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา (๓) เรือนจำกลางชลบุรี (๘) เรือนจำอำเภอนางรอง (๔) ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (๙) เรือนจำจังหวัดระนอง (๕) เรือนจำกลางอุดรธานี (๑๐) เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ผลการประกวดระเบียบแถว สวนสนาม ทบทวนคำปฏิญาณ และสาบานตนลูกเสือวิสามัญ กรมราชทัณฑ์ ปี พ.ศ.๒๕๖๕ มีผู้ชนะเลิศตามลำดับ ดังนี้ ประเภทชาย ๑. รางวัลชนะเลิศ เรือนจำกลางชลบุรี ๒. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ เรือนจำจังหวัดระนอง ๓. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๒ เรือนจำกลางระยอง ๔. รางวัลชมเชย ๒ รางวัล ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง เรือนจำอำเภอนางรอง ประเภทหญิง ๑. รางวัลชนะเลิศ ทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ๒. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ๓. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๒ เรือนจำกลางยะลา 33
การดำเนินโครงการจัดหาสื่อทรัพยากรสารสนเทศบำรุงห้องสมุดเรือนจำ/ทัณฑสถาน เพื่อเป็นสวัสดิการด้านการศึกษาเรียนรู้แก่ผู้ต้องขัง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ 1. บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด มีความประสงค์บริจาคชั้นวางหนังสือสำหรับใช้ในห้องสมุด จำนวน ๑๘ ชุด กองพัฒนาพฤตินิสัย ได้พิจารณาจัดสรรชั้นวางหนังสือให้กับเรือนจำ ๓ แห ่ง ได้แก่ เรือนจำกลาง พระนครศรีอยุธยา (เรือนจำการศึกษา) เรือนจำกลางราชบุรี (เรือนจำเป้าหมายห้องสมุดพร้อมปัญญา) และเรือนจำ จังหวัดนนทบรี (ขอรับการสนับสนุนเพื่อปรับปรุงห้องสมุดใหม่) 2. ตัวแทนจากสถานทูตได้นำหนังสือที่สถานเอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้รับบริจาค หนังสือภาษาอังกฤษ และขอความอนุเคราะห์กรมราชทัณฑ์ แจกจ ่ายหนังสือดังกล ่าวให้แก ่ผู้ต้องขังชาวอเมริกัน ตามเรือนจำที ่มีผู้ต้องขังชาวอเมริกัน มามอบให้ณ กรมราชทัณฑ์ จำนวน ๓๐๐ เล ่ม โดยมีผู้อำนวยการ กองพัฒนาพฤตินิสัย และผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการศึกษาเป็นผู้รับมอบ 3. บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ แจ้งความประสงค์ ขอมอบหนังสือในเครือมติชน จำนวน ๕ ชุดประกอบด้วย ชุดสารคดี ชุดประวัติศาสตร์ ชุดวรรณกรรม ชุด Inspiration ชุดนานาสาระ และส่งมอบนิตยสารจำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ มติชนสุดสัปดาห์ ๕๒ ฉบับ เทคโนโลยีชาวบ้าน ๒๔ ฉบับ ศิลปวัฒนธรรม ๑๒ ฉบับ ตามวาระที ่ออก ๑ ปี จัดส ่งให้กับห้องสมุดเรือนจำ/ทัณฑสถาน ๕๐ แห ่ง รวมหนังสือ และนิตยสารจำนวน ๔,๔๐๐ เล่ม รวมมูลค่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) โดยแจ้งความประสงค์ส่งมอบหนังสือ บริจาค ณ กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๕ 4. สำนักพิมพ์สามสี ร ่วมกับมูลนิธิเสถียรธรรมสถานและมูลนิธิหนังสือเพื ่อเด็ก ประสงค์มอบหนังสือ “แม ่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ก้าวย ่างแห ่งปัญญา” ให้แก่ “ห้องสมุดแห ่งปัญญา” จำนวน ๑๐๖ แห ่งทั ่วประเทศ รวม ๓๑๘ เล่ม ในทัณฑสถานหญิง/เรือนจำที่มีผู้ต้องขังหญิง โดยนำหนังสือดังกล่าวมามอบให้ ณ กรมราชทัณฑ์ 5. คุณวรางคณา อัชชะกิจ บุนนาค (หมอวั้ง) ได้ส ่งมอบหนังสือประเภทนิยาย ให้กับกรมราชทัณฑ์ เพื่อนำไปมอบให้ผู้ต้องขังได้อ่านให้เกิดประโยชน์ และนันทนาการ กองพัฒนาพฤตินิสัย ดำเนินการรับหนังสือบริจาคแล้ว บางส่วน ณ บ้านเลขที่ ๖๗๑ ซอยวัดอมรทายิการาม บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 6. บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำโครงการ “ส่งหนังสือสื่อความรู้สู่ กรมราชทัณฑ์” ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๕ โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้เชิญชวน ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้าและประชาชน ร่วมบริจาคหนังสือ ในวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๓๐ น. ณ ห้องรับรองกรมราชทัณฑ์ ชั้น ๒ โดยมีผู้บริหาร นำมามอบให้ได้แก่คุณชฏาภรณ์ ชัยธวรกุล ผู้อำนวยการภาคธุรกิจ สาขากรุงเทพ และคุณศจิกา เจนคิด ผู้อำนวยการ สำนักสื ่อสารองค์กร ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนมอบหนังสือให้แก ่กรมราชทัณฑ์ โดยมีรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา เป็นผู้รับมอบ 34
โปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังตามลักษณะแห่งคดีและพฤติการณ์การกระทำผิด ๕ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นว่า ภารกิจหลักประการหนึ่งของกรมราชทัณฑ์ คือการแก้ไขฟื้นฟูพัฒนาพฤตินิสัย ผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นพลเมืองดี โดยการให้การศึกษา การฝึกวิชาชีพ การพัฒนาจิตใจ รวมทั้งการจัดโปรแกรมแก้ไข ฟื้นฟูผู้ต้องขังแต่ละคนอย่างเหมาะสมตามลักษณะสาเหตุ พฤติกรรมและประเภทของการกระทำผิด ซึ่งโปรแกรมแก้ไข ฟื้นฟูผู้ต้องขังประเภทต ่าง ๆ ที่กรมราชทัณฑ์ได้จัดทำขึ้นนับตั้งแต ่ปี พ.ศ.๒๕๔๗ เป็นต้นมา ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขผู้ต้องขัง ปรับเปลี ่ยนทัศนคติ พฤติกรรม เพื ่อให้สามารถกลับตนเป็นคนดีมีคุณค่าสู่สังคม การปฏิบัติ ต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การรับตัวมาคุมขัง จนถึงการดูแล หลังการปลดปล่อย โดยแต่ละขั้นตอนจะมีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กัน สรุปผลการดำเนินงานอบรมโปรแกรมฯ เฉพาะ จากการประเมินผลการอบรมพบว ่าผู้ต้องขังส่วนใหญ่ มีความสมัครใจเข้าร่วมโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังและมีความสำนึกผิดในการกระทำของตนเอง โดยมีความมั่นใจที่จะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ รวมทั้งรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น ด้วย ในขณะที ่ผลการประเมินการเปลี ่ยนแปลงทัศนคติพฤติกรรมผู้ต้องขังที ่เข้ารับการอบรมตามโปรแกรม การแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังซึ ่งประเมินโดยเจ้าหน้าที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน พบว ่า ผู้ต้องขังมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พฤติกรรมไปในแนวทางที ่ดีขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการมีส ่วนร ่วมในการทำกิจกรรมกลุ ่ม พฤติกรรมการทำงาน ที่ได้รับมอบหมายได้ประสบความสำเร็จและพฤติกรรมการเรียนรู้สาเหตุที่นำไปสู่การกระทำผิด ผลการจัดโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขังตามลักษณะแห่งคดีและพฤติการณ์การกระทำผิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 137 แห ่ง (ยกเว้น สถานกักขังและสถานกักกัน) ดำเนินการจัดอบรม จำนวน 7 โปรแกรม มีจำนวนผู้เข้ารับการอบรม 19,671 คน รายละเอียดดังนี้ ลำดับที่ โปรแกรม จำนวนผู้ต้องขังที่ ผ่านการอบรม (คน) 1 โปรแกรมการแก้ไขผู้ค้าคดียาเสพติด 11,107 2 โปรแกรมการแก้ไขผู้กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 3,638 3 โปรแกรมการแก้ไขผู้กระทำผิดซ้ำ 1,385 4 โปรแกรมเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังทั่วไปที่มีโทษระยะสั้น 456 5 โปรแกรมการแก้ไขผู้กระทำผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย 1,816 6 โปรแกรมการแก้ไขผู้กระทำผิดทางเพศ 1,003 7 โปรแกรมการปรับพฤติกรรมผู้กระทำผิดที่ใช้ความรุนแรง 266 รวม 19,671 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) การพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง 35
โปรแกรมการปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ การปฐมนิเทศผู้ต้องขัง ถือเป็นกระบวนการ สำคัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิตของผู้ต้องขังเข้าใหม่ เมื่อก้าวเข้าสู่เรือนจำและทัณฑสถาน เนื่องจาก สภาพแวดล้อมในเรือนจำที่แตกต่างจากสังคม ภายนอก และความวิตกกังวล ความเครียด ที่เกิดขึ้นในระยะแรกเมื่อถูกส่งตัวเข้ามาในเรือนจำ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทั้งต่อตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำ ดังนั้น การให้ความรู้ การทำความเข้าใจ และ การแนะนำวิธีการปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ของทางเรือนจำ หรือการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ผู้ต้องขังอื่น ๆ ในเรือนจำจึงมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะทำ ให้ผู้ต้องขังมีความเข้าใจ สามารถยอมรับและ ปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข ผลการจัดโปรแกรมปฐมนิเทศผู้ต้องขัง เข้าใหม่ ประจำปี 2565 โดยมีจำนวนผู้ต้องขัง ผ ่านโปรแกรมปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม ่ รวม ทั้งสิ้น จำนวน 49,272 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2565) 36
โปรแกรมราชทัณฑ์ปันสุข โปรแกรมราชทัณฑ์ ปันสุข จัดทำขึ้นเพื ่อส ่งเสริมให้ผู้ต้องขังให้ผู้ต้องขัง ทุกคนที ่ผ ่านกระบวนการ แรกรับปฐมนิเทศ ได้เตรียมความพร้อมก ่อนเข้าสู ่กระบวนการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยตามแผนการบริหาร โทรายบุคคล (Sentence Plan) โดยใช้ช ่วงเวลาในการอบรมนี้เพื ่อปรับมุมมอง วิธีคิดใหม่ ๆ ที ่นำไปปรับใช้ กับตนเองหรือส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้คนรอบข้าง เพื่อให้เตรียมพร้อม และปรับตัวกับการใช้ชีวิตในสังคมเรือนจำ อย่างมีความสุขมากขึ้น รู้จักเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มองเห็นช่องทางแห่งการสร้างความสุข มองโลกในแง่บวก และมีเป้าหมายในชีวิต โปรแกรมฯ ดังกล่าว ประกอบด้วยเนื้อหา 5 วิชาสร้างสุข 5 Happy จึงถือเป็นกระบวนการพัฒนาผู้ต้องขังเพื่อให้สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลง และสามารถอยู่ร่วมกัน ในเรือนจำ มีการบริหารจัดการชีวิตให้มีความสุข อย ่างยั ่งยืน สร้างทัศนคติบวกต ่อมุมมองในการดำเนินชีวิต การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เป็นสมาชิกที่ดีต่อครอบครัว องค์กร และสังคมต ่อไป ภายหลังพ้นโทษ 5 Happy หรือความสุขทั้งห้า ตารางแสดงระยะเวลาและการจัดโปรแกรมราชทัณฑ์ปันสุข วิชา ระยะเวลา วิทยากร - เป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ - เป็นผู้ต้องขังที่ผ่านกระบวนการปฐมนิเทศ - ผ่านการประเมินเบื้องต้น ดำเนินการ ภายหลังการปฐมนิเทศ ผู้ต้องขังเข้าใหม่ วิทยากรภายใน 1. สร้างสุขด้านร่างกาย (Happy body) 2. สร้างสุขด้านจิตใจ (Happy heart) 3. สร้างสุขด้วยนันทนาการ (Happy relax) 4. สร้างสุขด้วยสมอง (Happy brain) 5. สร้างสังคมเป็นสุข (Happy society) 3 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 9 ชั่วโมง วิทยากรภายนอก/วิทยากรภายใน วิทยากรภายนอก/วิทยากรภายใน วิทยากรภายนอก/วิทยากรภายใน วิทยากรภายนอก/วิทยากรภายใน วิทยากรภายนอก/วิทยากรภายใน รวม ไม่น้อยกว่า 30 ชม. ประเมินความรู้/ทัศนคติ/ทักษะและพฤติกรรม เจ้าหน้าที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน หมายเหตุ : 1. ระยะเวลาในการอบรม สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม 5 - 10 วัน (วันละ 3 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลา 10 วัน / วันละ 6 ชั่วโมง ใช้เวลา 5 วัน) 2. การจัดให้ผู้ต้องขังออกกำลังกาย สามารถแบ่งออกเป็นช่วง 30 นาที - 1 ชั่วโมงแรก ในแต่ละวันที่จัดกิจกรรม สรุปจำนวนผู้ต้องขังที่ผ่านโปรแกรมราชทัณฑ์ปันสุข ซึ่งเรือนจำ/ทัณฑสถานกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 137 แห่ง ที่ดำเนินการประจำปี 2565 รวมจำนวนทั้งสิ้น 11,549 คน ทั้งนี้มีเรือนจำ/ทัณฑสถาน ซึ่งสามารถจัดโปรแกรมราชทัณฑ์ปันสุขและมีผู้ผ่านโปรแกรมราชทัณฑ์ปันสุขมากที่สุด 5 ลำดับแรก ดังนี้ ลำดับที่ 1 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ จำนวน 452 คน ลำดับที่ 2 เรือนจำกลางสุรินทร์ จำนวน 200 คน ลำดับที่ 3 เรือนจำกลางพิษณุโลก จำนวน 200 คน ลำดับที่ 4 เรือนจำจังหวัดพิจิตร จำนวน 200 คน ลำดับที่ 5 เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 200 คน 37
โรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินโครงการโรงเรียนยุติธรรมอุปถัมภ์ โดยนำภารกิจของกระทรวงยุติธรรม ไปสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันตนเองจากสังคม ภายใต้กรอบเนื้อหาความรู้ 4 ด้าน โดยหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน 10 หน่วยงาน ครอบคลุม 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการขับเคลื่อน ภารกิจกรมราชทัณฑ์โดยกลุ่มงานส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจจึงดำเนินการโครงการ “โรงเรียนยุติธรรม อุปถัมภ์” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖5 ขึ้น กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการมอบหมายให้เรือนจำ/ทัณฑสถานจัดกิจกรรมตามโครงการโรงเรียนยุติธรรม อุปถัมภ์เป็นประจำทุกปี โดยเนื้อหาในการจัดกิจกรรมให้ความรู้ครอบคลุมทั้ง 4 กรอบเนื้อหา สื่อที่ใช้ ได้แก ่ ภาพยนตร์/ละคร/การ์ตูนสื ่อวีดิทัศน์เพื ่อพัฒนาเด็กและเยาวชน และหนังสั้น กระบวนการยุติธรรม รูปแบบกิจกรรมที่ใช้คือ เกม เช่น ตอบคำถามความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายสามัญ ประจำบ้าน การอบรมบรรยาย นำผู้ต้องขังเล่าประสบการณ์ เจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการรู้ภัยสังคม สถานการณ์จริงและรูปแบบของภัยสังคมที่เกิดขึ้น ความเข้าใจในสถานการณ์ต่างๆ รอบตัว และเนื่องจากปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ covid - 19 กรมราชทัณฑ์จึงเพิ่มรูปแบบ การจัดกิจกรรม เช ่น การจัดกิจกรรมให้ความรู้เสียงตามสาย การให้ความรู้ในรูปแบบกิจกรรมหน้าเสาธง การจัดกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบหรือการจัดส่งสื่อที่เกี่ยวข้องในรูปแบบต่างๆ ให้โรงเรียน และสถานศึกษากลุ่มเป้าหมาย อนึ่งการดำเนินงานให้ถือปฏิบัติตามขั้นตอนและแนวทางการป้องกัน และควบคุมการแพร ่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กรมราชทัณฑ์และกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีเรือนจำดำเนินงานจำนวน 109 แห่ง มีจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้นจำนวน 32,979 คน โดยแบ่งเป็นระดับช่วงชั้นที่เข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้ ประถมศึกษา จำนวน 6,530 คน มัธยมศึกษา จำนวน 21,272 คน อาชีวศึกษา จำนวน 4,475 คน อุดมศึกษา จำนวน 617 คน โดยมีจำนวนโรงเรียนที่ดำเนินการแล้วจำนวน 230 แห่ง 38
โครงการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง “หลักสูตรสัคคสาสมาธิ” ตามแนวทาง พระพรหมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) การพัฒนาจิตใจผู้ต้องขังโดยใช้หลักธรรมของศาสนากำหนดแนวทางการดำเนินงานให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ในการปรับสภาพจิตใจผู้ต้องขังได้เป็นอย่างดีทำให้ผู้ต้องขัง ตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีตทีผ ่านมา และปรับปรุงตัวเองให้เข้าสู ่กรอบของศาสนา สังคมเป็นบุคคล ที ่สามารถอยู ่ร ่วมกับสังคมได้ ทั้งในขณะต้องโทษ และเมื ่อได้รับการปล ่อยตัวพ้นโทษ ซึ ่งกรมราชทัณฑ์ ร ่วมกับสถาบันพลังจิตตานุภาพได้จัดทำโครงการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง ตามแนวทางพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ ่อวิริยังค์ สิริน ฺธโร) ให้ความเมตตากำหนดหลักสูตรเป็นการเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล และอาจารย์นิภาพร บัวทอง อาจารย์ชัยเชษฐ์พงษ์ตระกูล ผู้อำนวยการและควบคุม กำกับ ดูแลหลักสูตร ประกอบด้วย หลักสูตรสัคคสาสมาธิ หลักสูตรชินนสาสมาธิหลักสูตรสันติสุขสาสมาธิ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 มีผู้ต้องขังที่ผ่านการพัฒนาจิตใจหลักสูตรสัคคสาสม าธิ รวมทั้งสิ้น 14,523 คน เป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 12,455 คน และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 2,068 คน จากเรือนจำ/ ทัณฑสถาน ที่ดำเนินการ จำนวน 98 แห่ง 39
โครงการเรือนจำเฉพาะทาง กรมราชทัณฑ์ได้แต ่งตั้งเรือนจำพิเศษธนบุรีให้เป็นเรือนจำเฉพาะทาง ประเภทเรือนจำส ่งเสริมผู้ต้องขัง ที่มีความสามารถพิเศษด้านการแสดงดนตรีสากล การขับร้อง ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทยประกอบด้วยข้อกำหนด มาตรฐานขั้นต ่ำ การปฏิบัติต ่อผู้กระทำผิดของสหประชาชาติ ว ่าด้วยการปฏิบัติต ่อผู้ต้องขัง ฉบับปรับปรุง (ข้อกำหนดแมนเดลา) Mandela Rules กำหนดให้เรือนจำพิเศษธนบุรี เป็นเรือนจำต้นแบบในการปฏิบัติ ต่อผู้ต้องขังด้านสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้เท่าเทียมกันกับปุถุชนทั่วไป เพื่อเป็นการฝึกฝนให้ผู้ต้องขังเกิดความชำนาญด้านการเรียนรู้เฉพาะทาง การแสดงออก และเตรียมความพร้อม สำหรับการจัดแสดงในกิจกรรมต่างๆ ตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์อันเป็นภารกิจตามเป้าหมายหลักในการพัฒนา ผู้ต้องขังด้านการพัฒนาพฤตินิสัยให้การศึกษาแก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้พร้อมที่จะเป็นคนดีของสังคม สามารถนำไป ประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ และสามารถดำรงชีวิต ได้อย่างปกติสุขไม่กระทำความผิดซ้ำอีก สรุปผลการดำเนินงาน 1. มีเรือนจำดำเนินการตามโครงการเรือนจำกีฬาเฉพาะทาง จำนวน 2 แห่ง ดังนี้ 1.1 ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา เรือนจำกีฬาประจำภาคใต้ 1.2 ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง เรือนจำกีฬาประจำภาคกลาง 2. มีเรือนจำดำเนินการตามโครงการเรือนจำส ่งเสริมผู้ต้องขังที ่มีความสามารถพิเศษ จำนวน 28 แห่ง ได้แก่ เรือนจำจังหวัดปทุมธานี เรือนจำจังหวัดอ่างทอง เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางระยอง ทัณฑสถานหญิงชลบุรี เรือนจำกลางอุบลราชธานีเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ เรือนจำอำเภอกันทรลักษณ์ เรือนจำอำเภอบัวใหญ่ เรือนจำอำเภอรัตนบุรีเรือนจำกลางขอนแก่น เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม เรือนจำกลางเชียงราย ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เรือนจำอำเภอเทิง เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง เรือนจำกลางพิษณ ุโลก เรือนจำกลางตาก เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เรือนจำกลางสมุทรสงคร าม เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช เรือนจำจังหวัดพังงา เรือนจำอำเภอเกาะสมุย ทัณฑสถานหญิงสงขลา ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเรือนจำพิเศษธนบุรี 40
โครงการอบรมและบรรยายธรรมโดยผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖5 กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดเป็นนโยบายให้เรือนจำ/ทัณฑสถานดำเนินการจัดทำโครงการอบรม และบรรยายธรรมโดยผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ ให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ โดยการเปิดโอกาสให้ผู้นำจากองค์กรทุกศาสนาที่ผู้ต้องขังนับถือ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อจิตใจ และการควบคุมผู้ต้องขังเป็นอย่างดียิ่ง เช่น ศาสนาพุทธได้นิมนต์ พระสงฆ์เข้ามาอบรมบรรยายธรรมเป็น และศาสนาคริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ ได้รับความร่วมมือจากผู้นำศาสนา ในท้องถิ่นแต่ละจังหวัดเข้ามาให้การสนับสนุนการปฏิบัติ การอบรมแก่ผู้ต้องขังตามคำสอนของแต่ละศาสนานั้นๆ เรือนจำดำเนินการจัดโครงการอบรมและบรรยายธรรม โดยผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ จำนวน 137 แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมโครงการอบรมและบรรยายธรรม โดยผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ทั้งหมดจำนวน 772,279 คน เฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวน 64,357 คน ดังนี้ 1. ศาสนาพุทธ มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมจำนวนทั้งหมด 749,770 คน เฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวน 62,481 คน 2. ศาสนาคริสต์ มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมจำนวนทั้งหมด 9,778 คน เฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวน 815 คน 3. ศาสนาอิสลาม มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมจำนวนทั้งหมด 12,730 คน เฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวน 1,061 คน 4. ศาสนาอื่นๆ มีผู้ต้องขังผ่านการอบรมจำนวนทั้งหมด 1 คน เฉลี่ยต่อปีเป็นจำนวน 0 คน 41
โครงการจัดอบรมวิชาชีพหลักสูตรภาษาต่างประเทศและบัญชีครัวเรือนให้กับผู้ต้องขัง กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงาน จัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ ในการพัฒนา ฝีมือแรงงาน เพื่อส่งเสริมการมีงานทำของผู้ต้องขัง ที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัย ทั้งระบบ (MOU) ระหว ่างกระทรวงแรงงานกับกระทรวงย ุติธรรม และข้อสั ่งการของรัฐมนตรีว ่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน จัดอบรมผู้ต้องขัง ให้มีความรู้ในเรื่องภาษาต่างประเทศและการจัดอบรม บัญชีครัวเรือนตั้งแต ่ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เป็นต้นมา กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานส่งเสริมสมรรถภาพ ร ่างกายและจิตใจเป็นหน ่วยงานที ่จะต้องดำเนินการ ในกระบวนการแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้ผู้ต้องขังกลับเข้าไปอยู่ในสังคมภายหลัง การพ้นโทษได้อย ่างปกติสุข และเพื ่อให้การขับเคลื่อน ภารกิจเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงว ่าด้วยความร ่วมมือ ในการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อส่งเสริมการมีงานทำ ของผู้ต้องขังที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัย ทั้งระบบ (MOU) ระหว ่างกระทรวงแรงงานกับกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์จึงมอบหมายให้เรือนจำและทัณฑสถานจัดอบรมภาษาต ่างประเทศและบัญชีครัวเรือนให้ผู้ต้องขัง ตามหลักสูตรการฝึกอบรมของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยกรมราชทัณฑ์ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุน การดำเนินงาน ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีรายละเอียดดังนี้ 1. เรือนจำที่ดำเนินการจัดอบรมโครงการจัดอบรมวิชาชีพหลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือสาขาภาษาอังกฤษ เพื่อการทำงาน (English for Work) จำนวน 124 แห่ง มีผู้ต้องขังที่เข้ารับการอบรมโครงการจัดอบรมวิชาชีพหลักสูตร การฝึกยกระดับฝีมือ สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน (English for Work) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมภาษาต่างประเทศ จำนวน 4,679 คน 2. เรือนจำที ่ดำเนินการจัดอบรมหลักสูตรบัญชีครัวเรือนจบหลักสูตรแล้วจำนวน 123 แห่ง มีผู้ต้องขังที ่เข้ารับการอบรมโครงการจัดอบรมวิชาชีพหลักสูตรการจัดอบรมบัญชีครัวเรือน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมบัญชีครัวเรือน จำนวน 5,814 คน 42
โครงการจัดกิจกรรมและนิทรรศการเนื่องในวันสำคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ่มงานส่งเสริมสมรรถภาพร่างกายและจิตใจได้จัดโครงการวันสำคัญ ของชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยให้เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ จำนวน ๑๔๒ แห ่ง ดำเนินการจัดกิจกรรมและนิทรรศการภาพถ่ายเนื่องในวันสำคัญของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์อย่างน้อยจำนวน ๑๔ ครั้ง ต่อปีโดยมีผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังนี้ 1. วันสำคัญของชาติ จำนวนผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการจัดกิจกรรมนิทรรศการฯเนื่องในวันสำคัญของชาติ ผ่านการอบรม จำนวน 48,026 คน 2. วันสำคัญทางศาสนา จำนวนผู้ต้องขังที ่เข้าร ่วมโครงการจัดกิจกรรมนิทรรศการฯเนื ่องในวันสำคัญ ทางศาสนา ผ่านการอบรมจำนวน 150,370 คน 3. วันสำคัญสถาบันพระมหากษัตริย์ จำนวนผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการจัดกิจกรรมนิทรรศการฯเนื่องในวันสำคัญสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่าน การอบรมจำนวน 229,307 คน 43
การจัดการเรียนการธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน การจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษา ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ตามหลักสูตรของคณะสงฆ์ มุ่งส่งเสริมบทบาท ของสถาบันศาสนาและสถาบันทางสังคมอื ่น เพื ่อปลูกฝังค ่านิยม จิตสำนึกที ่ดีแก ่ผู้ต้องขังให้ความเข้าใจอันดี และสร้างสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา โดยนำหลักธรรมทางพุทธศาสนามาใช้ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม สร้างแรงจูงใจในการดำรงชีวิต อันจะนำไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ การเรียนการสอนธรรมศึกษา จึงเป็นการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจ ตลอดจนส่งเสริมให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ยึดมั ่นตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยึดมั ่นค ่านิยม และมีคุณลักษณะที ่พึงประสงค์ รวมทั้งประโยชน์ในการนำหลักธรรมไปประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันตลอดจนน้อมนำหลักธรรม ไปประพฤติปฏิบัติตามให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการดำรงชีวิต การจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ตามหลักสูตรของคณะสงฆ์และเป็นหลักสูตรที ่กำหนดขึ้น กรมราชทัณฑ์ได้รับความอนุเคราะห์ จากคณะสงฆ์และสำนักเรียนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในการจัดวิทยากรดำเนินการจัดการเรียนการสอน ให้แก่ผู้ต้องขัง โครงการธรรมศึกษาฯ ได้จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 โดยในปีงบประมาณพ.ศ.2565 มีเรือนจำ/ทัณฑสถาน ดำเนินการทั้งสิ้น 80 แห ่ง ผู้ต้องขังที ่เข้าเรียนมีจำนวน 44,528 คน เมื ่อผู้ต้องขังมีความรู้ความเข้าใจ ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเป็นระบบด้วยการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาตามหลักสูตร ของคณะสงฆ์แม่กองธรรมสนามหลวงจะสามารถนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตขณะที่ถูกคุมขัง ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน หรือพ้นโทษอออกไปสู่สังคมภายนอกได้อย่างปกติสุขมีภูมิคุ้มกันด้านจิตใจ ที่เข้มแข็ง มีสติ ควบคุมตัวเองได้ดี พัฒนาคุณภาพชีวิตตนเอง ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา เป็นการทำงานในรูปแบบ ภาคีเครือข่าย ทั้งองค์กรด้านศาสนา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อน เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไข ฟื้นฟูพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง สะท้อนให้เกิดภาพลักษณ์ที ่ดีต ่อผู้ต้องขัง และต่อกรมราชทัณฑ์ 44
โครงการฝึกอบรมศาสนพิธีกร (มัคนายก) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ศาสนพิธีคือ แบบอย่างหรือแบบแผนต่างๆ อันเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งพุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติ สืบต่อกันมา โดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา 3 ประการ ได้แก่ ศีล ภาวนา ทาน การเข้าร ่วมพิธี ในทางพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนนั้น นอกจากได้เรียนรู้ถึงรากเหง้าความเป็นมาของพิธีต ่างๆ แล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงมารยาทไทยในศาสนพิธีด้วย เพราะถือว่ามารยาทไทยกับศาสนพิธีเป็นของคู่กัน ไม่สามารถที่จะขาด อย ่างใดอย ่างหนึ ่งได้ เมื ่อพุทธศาสนิกชนได้ทราบและถือปฏิบัติเช ่นนี้แล้วศรัทธาความเลื ่อมใสย ่อมเกิดขึ้น แก ่พุทธศาสนิกชนเอง รวมทั้งผู้ที ่พบเห็นด้วย มัคนายก (บาลี) หรือ มรรคนายก (สันสกฤต) แปลว่า ผู้นำทาง คือผู้นำบุญ ผู้แนะนำทางบุญ ผู้ชี้ทางบุญ ใช้เรียกคฤหัสถ์ผู้ประสานติดต ่อระหว ่างวัดกับชาวบ้านในกิจการต ่างๆ ของวัดหรือผู้เป็นหัวหน้า ในพิธีทำบุญในวัด เช่น นำอาราธนาศีล อาราธนาพระปริตร นำถวายทาน ตลอดจนจัดแจง ดูแลศาสนพิธีอื่นให้ถูกต้องเรียบร้อย อาจเป็นชายหรือหญิงก็ได้ และแต่ละวัดอาจมีหลายคนก็ได้ มัคนายกที่ดี และเก่งจะทำให้งานบุญต่างๆ ในวัดสำเร็จเรียบร้อยโดยเป็นระเบียบสวยงาม และราบรื่นไม่ติดขัด ศาสนพิธีหรือพิธีกรรม โดยเฉพาะพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนานั้น เป็นสิ ่งที ่ช ่วยหล ่อเลี้ยงศาสนธรรม อันเป็นแก ่นแท้ของพระพุทธศาสนาได้ ดังนั้น การกระทำศาสนพิธีหรือพิธีกรรมต ่างๆ ของทางพระพุทธศาสนา ควรมีการแนะนำให้ผู้ร่วมพิธีได้ศึกษาทำความเข้าใจ ให้ถ่องแท้ ตามหลักการของพระพุทธศาสนา เพื่อให้ผู้ปฏิบัติ ได้นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามจุดมุ่งหมายของศาสนพิธีอันเป็นวัฒนธรรมและจารีตของชาติที่มีการสืบสาน กันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ซึ ่งการปฏิบัติศาสนพิธีนั้นต้องทำให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม เป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันจะก ่อให้เกิดความเสื ่อมในศรัทธา และเป็นวัฒนธรรมในการดำเนินกิจกรรม ด้านพิธีกรรมของศาสนพิธี ซึ ่งถือเป็นสิ ่งสำคัญของพุทธศาสนิกชน เพราะการดำเนินกิจกรรมของพิธีกรรมต ่างๆ จะเป็นก้าวแรกที ่มีความเป็นรูปธรรมของการเข้าไปสู ่หลักการของพระพุทธศาสนา เป็นการเสริมสร้างคุณค่า ทางด้านจิตใจ สำหรับผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นั้น มีผู้ต้องขังที ่ผ ่านโครงการอบรม ศาสนพิธีกร (มัคนายก)จำนวนทั้งหมด 12,445 คน เป็นชายจำนวน 11,005 คน และเป็นหญิงจำนวน 1,440 คน 45
โครงการรณรงค์และส่งเสริมการจัดกิจกรรมการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา นันทนาการเพื่อสุขภาพกาย และใจสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖5 การรณรงค์และส่งเสริมการจัดกิจกรรมการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการอย่าง สม่ำเสมอเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะสามารถช่วยพัฒนาคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกพื้นที ่ สามารถประกอบกิจกรรมการออกกำลังกายเล ่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการได้เป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยการพัฒนาความสมดุลของกายและจิต และความสมดุลในการแบ่งเวลาทำงาน เป็นการลดความเครียด คลายความวิตกกังวล เพื่อความสนุกสนานร่าเริง ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริม การมีส่วนร่วม การแสดงออกเพิ่มทพูนประสบการณ์พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี กรมราชทัณฑ์เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายเล่นกีฬาและกิจกรรม นันทนาการ ตามความถนัด และสมัครใจ เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ต้องขัง รู้จักใช้เวลาว่าง ให้เกิดประโยชน์ การเข้าร ่วมกิจกรรมตามความเหมาะสมและเพียงพอ ทำให้ผู้ต้องขังมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตแจ่มใส เรียนรู้ร่วมใจกันพัฒนาภูมิปัญญาให้ควบคู่กับการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณี เช ่น การแสดงศิลปะพื้นบ้าน แสดงคนตรี ร้องเพลงการจัดให้มีการออกกำลังกาย การเล ่นกีฬา และอื ่นๆ เพื่อลดความเครียดทางจิตใจอารมณ์ อีกทั้งช่วยบำบัดรักษาคนป ่วยทางร่างกายสุขภาพจิต เป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจแก ่ผู้ต้องขัง ให้มีภูมิคุ้มกันที ่ดีลดภาระค่ารักษาพยาบาลของเรือนจำ/ทัณฑสถาน ตลอดจน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อตนเองและสังคมและถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาคน และสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกรมราชทัณฑ์จึงมีนโยบายให้ส ่งเสริมสนับสนุนการออกกำลังกาย เล ่นกีฬา และกิจกรรมนันทนาการของผู้ต้องขัง ในเรือนจำและทัณฑสถาน กองพัฒนาพฤตินิสัย กลุ ่มงานส ่งเสริมสมรรถภาพร ่างกายและจิตใจ จึงจัดให้มีโครงการรณรงค์ และส่งเสริมการจัดกิจกรรมการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา นันทนาการเพื่อสุขภาพกาย และใจสำหรับผู้ต้องขัง ในเรือนจำและทัณฑสถาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ขึ้น โดยมีผู้ต้องขังเข้าร ่วมกิจกรรมกีฬาและ นันทนาการรวมทั้งสิ้น จำนวน 204,572 คน ดังนี้ 1. มีเรือนจำ/ทัณฑสถานดำเนินการ กิจกรรมกีฬา รวม 43 แห ่ง ผู้ต้องขังเข้าร ่วมกิจกรรมกีฬา รวม 58,597 คน 2. มีเรือนจำ/ทัณฑสถานดำเนินการ กิจกรรมกีฬา รวม 45 แห่ง ผู้ต้องขังเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ รวม 145,975 คน 46
กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามนโยบายของ โครงการ 1 เขต 1 เรือนจำอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) อุตสาหกรรมภายในเรือนจำ ๖ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นรูปธรรมอย่างยั ่งยืน ดังนั้น จึงมีนโยบายให้ดำเนินการจัดตั้งเรือนจำอุตสาหกรรมประจำเขต เพื่อจัดตั้งเป็นเรือนจำอุตสาหกรรมประจำเขต ตาม โครงการ 1 เขต 1 เรือนจำอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางในการดำเนินการจัดตั้งอุตสาหกรรม 2 รูปแบบ คือ 1. การจัดตั้งเรือนจำอุตสาหกรรมภายในเรือนจำ/ทัณฑสถาน 2. การจัดตั้งเรือนจำอุตสาหกรรมภายนอกเรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั้งกรณีที ่เรือนจำ/ทัณฑสถานเป็นผู้ดำเนินการเอง หรือนำภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ เรือนจำอุตสาหกรรมประจำเขตตามโครงการ 1 เขต 1 เรือนจำอุตสาหกรรม เขต 1 เรือนจำกลางสมุทรปราการ เขต 2 เรือนจำกลางชลบุรี เขต 3 ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก เขต 4 เรือนจำกลางอุดรธานี เขต 5 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เขต 6 เรือนจำกลางนครสวรรค์ เขต 7 เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เขต 8 เรือนจำกลางสุราษฎร์ธานี เขต 9 ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา เขต 10 ทัณฑสถานหญิงกลาง โครงการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง 47
โครงการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในหลักสูตรตามความพร้อม ของเรือนจำและทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ได้จัดการฝึกอบรมวิชาชีพในหลายรูปแบบรวมถึงอาชีพในระบบโรงงานโดยถือว่าเป็นการฝึก อาชีพตามหลักสูตรมาตรฐานฝีมือแรงงานทำให้ผู้ต้องขังเกิดความชำนาญในวิชาชีพนั้นๆ ซึ่งสามารถยกระดับฝีมือ ให้สูงขึ้นเทียบเท ่ามาตรฐานภายนอก สร้างความเชื ่อมั ่นให้กับผู้ประกอบการที ่จะเข้ามาสนับสนุนและว่าจ้าง แรงงานผู้ต้องขัง โดยจัดฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ผู้ต้องขังที่ผ่านการทดสอบจะได้รับใบประกาศ รับรองมาตรฐานฝีมือแรงงาน รวมทั้งได้รับอัตราค ่าจ้างที ่เหมาะสมและเป็นธรรมจากการทำงานเมื่อพ้นโทษ ปัจจุบันการฝึกอาชีพแก่ผู้ต้องขังได้ขยายสาขาอาชีพออกไปเป็นจำนวนมาก เช่น การฝึกวิชาชีพช่างไม้เครื่องเรือน การฝึกวิชาชีพการประกอบอาหาร การฝึกวิชาชีพนวดแผนไทย เป็นต้น ทั้งนี้เพื ่อให้เหมาะสมกับความถนัด ความรู้ ความสามารถ ของผู้ต้องขังและความต้องการของตลาดแรงงาน กรมราชทัณฑ์ จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรม และทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในหลักสูตรตามความพร้อมของเรือนจำ/ทัณฑสถาน เพื ่อพัฒนาฝีมือแรงงาน และส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ต้องขัง ให้มีศักยภาพ สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเป็นการสร้างแรงงานที่มีคุณภาพสู่ตลาดแรงงาน การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งให้เรือนจำ/ทัณฑสถาน ดำเนินการจัดฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสาขาที ่กำลังเป็นที ่ต้องการของตลาดแรงงาน จำนวน ๑ – ๒ รุ่น รุ่นละ ๒๕-๓๐ คน โดยใช้เงินผลพลอยได้ประเภทเงินทุนหมุนเวียนของเรือนจำ/ทัณฑสถาน เป็นค ่าใช้จ ่ายในการดำเนินงาน ซึ ่งในปีนี้กรมราชทัณฑ์ผลิตฝีมือแรงงานที ่ได้รับใบรับรองของหน ่วยงาน ภาคีเครือข ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มาดำเนินการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือแรงงาน โดยเรือนจำ ทัณฑสถาน จำนวน ๑๒๙ แห่ง มีผู้ต้องขังผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ จำนวน ๙,๘๓๙ คน และผ่านการทดสอบ จำนวน ๙,๔๒๑ คน (ข้อมูล ณ ต.ค. ๒๕๖๕) 48
โครงการฝึกวิชาชีพวิชาโหราศาสตร์ไพ่ทาโรต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ อาชีพนักพยากรณ์ (Fortune-teller) เป็นอาชีพหนึ ่งที ่อยู ่คู ่กับสังคมไทยจากวัฒนธรรมความเชื่อ ในเรื่องโชคชะตา ซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน การทำนายตามหลักวิชาโหราศาสตร์มีหลากหลาย รูปแบบตามศาสตร์และหลักวิชาที่หลากหลาย อาทิ การดูไพ่ยิปซี การทำนายจากลายมือ เลขศาสตร์ หรือการผูกดวง ตามวัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก เป็นต้น การศึกษาทางโหราศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ เพื ่อการครองตนให้อยู ่ในครรลองคลองธรรม ปรับเปลี ่ยนการดำเนินชีวิตของตนเอง สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ รวมไปถึงสามารถให้คำแนะนำผู้ที่กำลังตกอยู่ในปัญหาชีวิต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ได้มีนโยบายส่งเสริมการฝึกวิชาชีพโหราศาสตร์สำหรับผู้ต้องขังอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มีการนำร ่องการฝึกวิชาชีพโหราศาสตร์ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยได้รับความร ่วมมือ ในการฝึกอบรมจากสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ และอาจารย์ ผู้สอนไพ่ทาโร่ต์อิสระ มุ่งเน้นศาสตร์การทำนายไพ่ทาโรต์ (Tarot) และวิชาคัมภีร์มหาสัตตเลข (เลข 7 ตัว ๙ ฐาน) ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 5 แห่ง รวมมีผู้ต้องขังที่ได้รับการอบรมทั้งสิ้น ๑๑๔ คน กองพัฒนาพฤตินิสัย โดยกลุ ่มงานฝึกวิชาชีพ ได้จัดทำโครงการฝึกวิชาชีพวิชาโหราศาสตร์ไพ่ทาโรต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการฝึกวิชาชีพวิชาโหราศาสตร์ตั้งแต ่ขั้นพื้นฐาน และเพิ่มพูนทักษะวิชาชีพทางด้านวิชาโหราศาสตร์ให้เป็นมาตรฐาน และขยายผลไปยังเรือนจำและทัณฑสถาน ทั่วประเทศในรูปแบบสื ่อวิดิทัศน์ เนื ่องจากเล็งเห็นโอกาสของวิชาโหราศาสตร์ โดยเฉพาะการทำนายดวง ด้วยไพ่ทาโรต์ ที่สามารถต่อยอดนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อพ้นโทษสามารถกลับไป ทบทวนและปรับใช้กับการประกอบอาชีพได้ภายหลังพ้นโทษ ซึ่งดำเนินการจัดการอบรม จำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการฝึกวิชาชีพวิชาโหราศาสตร์(ไพ่ทาโรต์) ขั้นพื้นฐาน ระยะเวลา 30 ชั่วโมง และหลักสูตรการฝึก วิชาชีพวิชาโหราศาสตร์ (ไพ่ทาโรต์) ขั้นสูง จำนวน ๓๐ ชั่วโมง มีเรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน ๑๕ แห่ง ผู้ต้องขังจำนวน 300 คน เข้าร่วมการอบรมผ่านระบบออนไลน์จากทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา ซึ ่งเป็นแม่ข่ายในการอบรมทั้งสองหลักสูตร ภายหลังการอบรมได้มีการจัดกิจกรรม “แม่หมอพยากรณ์” เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการและความสามารถของผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษจากโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างการรับรู้ และเจตคติเชิงบวกของสังคมต ่อการฝึกวิชาชีพของกรมราชทัณฑ์ในงานนิทรรศการผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ ครั้งที ่ 53 ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 4 กันยายน 2565 โดยคัดเลือกผู้ต้องขังที่ผ่านการอบรมในโครงการจำนวน 5 คน มาออกร้านทำนายดวงแก่ประชาชนและผู้สนใจที่มาร่วมงาน เพื่อให้ผู้ที่ผ่านการอบรมได้ฝึกฝนและทดลอง ประกอบอาชีพในบริบทสังคมภายนอก 49
ผลการดำเนินงานจัดกิจกรรมตลอดงานได้รับการตอบรับจากประชาชนที่เข้าชมงานอย่างดี มีผู้เข้ารับบริการกับแม ่หมอพยากรณ์แล้วทั้งสิ้น 402 ครั้ง คิดเป็นรายได้ทั้งสิ้น 39,838 บาท (สามหมื่น เก้าพันแปดร้อยสามสิบแปดบาทถ้วน) จำแนกเป็น ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม ่ (2 คน) เป็นเงิน 15,272 บาท และทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา (3 คน) เป็นเงิน 24,566 บาท นอกจากนี้ยังมี Influencer ที ่เข้ามาเยี ่ยมชมงาน ให้ความสนใจและประชาสัมพันธ์บอกต่อจนได้รับความสนใจเป็นอย่างมากถือเป็นกิจกรรมที่สร้างสีสัน และสร้างกำลังใจ ให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในกิจกรรมเป็นอย่างมาก 50