The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสอน 30901-2116 การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sathitsanom, 2023-09-08 18:41:00

เอกสารประกอบการสอน 30901-2116 การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป

เอกสารประกอบการสอน 30901-2116 การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป

10. เรียบร้อยการติดตั ง XMAPP จากนั นเราก็สามารถท าการลง WordPress , Joomla , php เพื่อ พัฒนาต่อได้แล้ว ข้อแนะน า : หลังจากที่เราท าการติดตั้ง XAMPP เป็นที่เรียบร้อย Password ของ User root ใน Phpmyadmin จะไม่มี Password โดยแนะน าว่าให้ท าการตั้ง Password ของ User root วิธีการตั ง Password User Root ตั งค่าเริ่มต้นใช้งาน WordPress หากจะเริ่มต้นสร้างเว็บด้วย WordPress ได้ คุณต้องเตรียมสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ให้พร้อม Domain (ชื่อเว็บไซต์) Hosting (ที่ตั้งเว็บไซต์) ติดตั้ง WordPress ลงบนโดเมน ศึกษารายละเอียด จากเว็บไซต์นี้ https://padveewebschool.com/learn-wordpress/setting-wordpress/ 46


การตั งค่า WordPress การเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบ 1) วิธีเข้าสู่ระบบหลังบ้าน WordPress (Dashboard) เราจะเข้าไปแก้เนื้อหาได้เราต้องเริ่มต้นจากการ login เข้าสู่หลังบ้าน มีวิธีการท าดังนี้ครับ การเข้าหลังบ้าน WordPress ให้พิมพ์ /wp-admin ต่อท้ายชื่อโดเมน ตัวอย่าง https://padveedigital.com/wp-admin ระบบก็จะพาเราเข้าสู่หลังบ้าน WordPress ซึ่งมีหน้าตาดังรูปนี้ครับ วิธีการกลับสู่หน้าบ้านเว็บ ให้เราคลิกที่รูปสัญลักษณ์บ้านครับ 47


การออกจากระบบ WordPress ดูทีมุมขวามือ เอาเมาส์ไปชี้ แล้วจะเจอค าสั่ง Logout 2) ติดตั งปลั๊กอิน classic editor เนื่องจากช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา WordPress เวอร์ชั่น 5.0 มีการเปลี่ยนแปลงที่ส าคัญ คือเปลี่ยน Editor (เครื่องมือส าหรับการเขียนข้อมูล) จากเวอร์ชั่นเก่าที่เป็น Classic Editor มาเป็น Gutenberg ซึ่งท า ให้การใช้งานเปลี่ยนไปทั้งหมด เนื่องจากบทความนี้เขียนไว้ก่อนที่จะมีตัว Gutenberg ดังนั้นหากคุณก าลังจะลองฝึกใช้งาน WordPress และให้สามารถใช้งานตามคู่มือในบทความนี้ได้ ผมแนะน าให้คุณลงปลั๊กอิน Classic editor ก่อน ครับผม 48


วิธีติดตั งปลั๊กอิน Classic editor 1.ให้เข้าหลังบ้านคลิก Plugin > Add New > ค้นหาปลั๊กอินชื่อ Classic Editor > คลิก Install และ Activate เปิดใช้งานปลั๊กอินให้เรียบร้อยครับ 3) เปลี่ยนมาใช้ธีม Twenty Seventeen ส าหรับธีมที่ติดมากับ WordPress 5.6 คือธีม Twenty Twenty-One แต่ส าหรับบทความนี้ผมขอ ใช้ธีม Twenty Seventeen ในการเขียนเป็นคู่มือครับ เนื่องจากผมคุ้นเคยกับธีมเวอร์ชั่นเก่ามากกว่าธีมตัวใหม่ ล่าสุดนั้นเอง 49


วิธีการเปลี่ยนธีม 1) ไปที่ Appearance > Themes > คลิก Add new 2) พิมพ์ค้นหาธีมชื่อ Twenty Seventeen แล้วคลิก Install หลังจากท าตาม 2 ขั้นตอนนี้เสร็จแล้ว คุณก็จะสามารถเรียนรู้และท าตาม คู่มือสอนตั้งค่า WordPress ในบทความนี้ได้แล้วครับผม 4) ตั งค่า General Settings หากมองว่า WordPress คือ โปรแกรม ดังนั้นก่อนที่คุณจะใช้งานเขาให้มีประสิทธิภาพ เราต้องมาเซ็ต ค่าเริ่มต้นกันสักเล็กน้อยตามนี้ครับ General Setting ดูที่เมนูด้านซ้าย ไปที่ Settings > คลิก General 50


51


การตั งค่า General Setting ที่ส าคัญมีดังนี Site Title: ใส่ชื่อเว็บ หรือชื่อ Brand ลงไป Tagline: เขียนค าอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับธุรกิจหรือร้านค้าของเรา Email Address: ใส่อีเมลที่ใช้งานจริง Site Language: เลือก ไทย (การแสดงภาษาที่หน้าบ้าน Frontpage) Time zone: เลือกโซนเวลา เมืองไทยให้เลือกเป็น UTC+7 Date Format: เลือกแบบ วัน/เดือน/ปี Week Starts On: วันเริ่มต้นสัปดาห์ ให้เลือกเป็น วันอาทิตย์ครับ ตั้งค่าทุกอย่างเสร็จให้คลิก save change 5) ตั งค่าภาษาหลังบ้าน หลังจากเรากด save change พวกแถบเมนูจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทยตามที่เราเลือกไว้ที่ Site Language แต่หากเราต้องการใช้งาน WordPress ให้เป็นสากล เราควรท าให้แถบเมนูหลังบ้าน (Dashboard) เป็นภาษาอังกฤษ แต่ให้เป็นภาษาไทยเฉพาะหน้าบ้านจะดีกว่า ชื่อเรียกฟังชั่นต่าง ๆ มันจะได้เป็นสากล ติดขัด อะไรไปเสริจหาบน google จะเจอค าตอบได้ง่ายกว่า 52


วิธีการเปลี่ยนภาษาเมนูบนหน้าควบคุมให้เราไปเปลี่ยนที่ส่วนของ ผู้ใช้ (User) แล้วคลิก แก้ไข ตรงชื่อ user ตรงภาษา ให้เลือกเป็น English (ตรงจุดนี้ คือการเปลี่ยนเฉพาะภาษาของแถบเมนูหลังบ้านเท่านั้น) คลิก อัปเดทข้อมูลส่วนตัว ให้เรียบร้อยด้วยครับ 6) Permalink Settings (ตั งค่าลิงค์ถาวร) Permalink Settings คือ การก าหนดการแสดงผลของ URL ว่าต้องการแบบไหน เช่น เป็นตัวเลข, เป็นวันที่, หรือเป็นข้อความ แนะน าให้ตั้งค่าตามนี้ครับ ไปที่ Settings > Permalink แล้วให้ติ๊กที่ช่อง Post name ตามรูปเลยครับ 53


7) ปิดไม่ให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล (บนเว็บฝึกซ้อม) หากเราก าลังฝึกซ้อมเว็บบน Subdomain หรือก าลังท าบน Domain จริง หากเว็บที่เราก าลังท าอยู่ นั้นยังไม่เรียบร้อย เราต้องเปิดค าสั่งไม่ให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล เพราะเว็บที่ยังท าไม่เสร็จ ยังต้องมีการ แก้ไขเนื้อหาอีกหลายอย่าง เราจะได้ไม่เสียคะแนนด้าน SEO วิธีการท า Noindex ทั งเว็บ การปิดไม่ให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล เราเรียกกันว่าการท า Noindex นั้นเอง ไปที่ settings > reading > ติ๊กเลือก Discourage search engines from indexing this site 54


การติดตั ง Wordpress วิธีติดตั ง WordPress ด้วยตัวเอง แบบทีละขั นตอน 1. ดาวน์โหลด WordPress จาก https://wordpress.org/download/#download-install 2. ต่อมาให้แตกไฟล์ WordPress ที่ได้ดาวน์โหลดไว้ออกมา 55


3. คลิกเข้าไปที่โฟลเดอร์ wordpress อัปโหลดไฟล์และโฟลเดอร์ทั งหมดที่อยู่ในโฟลเดอร์ wordpress ไปยังโฟลเดอร์ของเว็บไซต์บน เซิร์ฟเวอร์ วิธีอัปโหลดไฟล์ด้วย File Manager ใน DirectAdmin * วิธีอัปโหลดไฟล์ด้วย File Manager ใน Plesk ** วิธีอัปโหลดไฟล์ด้วย Windows Explorer *** 56


57


สร้างฐานข้อมูลส าหรับ WordPress ขึ้นมา (จดข้อมูล database name, username, password, host และ prefix ไว้ด้วยเพื่อเตรียมใช้ในขั้นตอนต่อไป) วิธีสร้างฐานข้อมูลใน DirectAdmin **** วิธีสร้างฐานข้อมูลใน Plesk ***** 58


เปิดเบราว์เซอร์แล้วไปที่เว็บไซต์ของคุณ เลือกภาษาที่ใช้ในการติดตั้ง WordPress เป็น English (United States) จากนั้นคลิกที่ Continue คลิกที่ Let’s go! 59


กรอกข้อมูลของฐานข้อมูลที่จะใช้เชื่อมต่อกับ WordPress - Database Name : ชื่อฐานข้อมูล - Username : ชื่อผู้ใช้ฐานข้อมูล - Password : รหัสผ่านผู้ใช้ฐานข้อมูล - Database Host : ต าแหน่ง server ของฐานข้อมูล (ถ้าอยู่บนเครื่องเดียวกันจะระบุว่า localhost) - Table Prefix : ค าน าหน้าฐานข้อมูล จากนั้นคลิกที่ Submit คลิกที่ Run the install 60


กรอกข้อมูลเบื องต้นของเว็บไซต์ - Site Title : ชื่อเว็บไซต์ - Username : ชื่อผู้ใช้ส าหรับเข้าสู่ระบบ WordPress (ไม่แนะน าให้ใช้ admin) - Password : รหัสผ่านส าหรับเข้าสู่ระบบ WordPress (สามารถใช้รหัสผ่านที่ระบบสร้างให้หรือใช้ รหัสผ่านที่ก าหนดเองก็ได้) - Your Email : อีเมลล์ของผู้ใช้ - Search engine visibility : การมองเห็นเว็บไซต์ของเราใน search engine หากไม่ต้องการ ให้search engine มองเห็นเว็บไซต์ของเราให้ติ๊กถูกที่ Discourage search engines from indexing this site จากนั้นคลิกที่ Install WordPress 61


ระบบจะแจ้งว่าติดตั้ง WordPress เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากต้องการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ให้คลิกที่ Log In กรอก Username และ Password จากนั้นคลิกที่ Log In เมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ระบบจะพามาที่หลังบ้านของเว็บไซต์ของคุณ 62


ส าหรับหน้าตาของเว็บไซต์หลังจากติดตั้ง WordPress เสร็จแล้วจะเป็นดังภาพตัวอย่าง (เข้าด้วยการ พิมพ์ชื่อโดเมนของคุณลงในเบราว์เซอร์) ในการเข้าสู่หลังบ้านของเว็บไซต์ในภายหลัง ให้พิมพ์ชื่ิอโดเมนของคุณตามด้วย /wp-admin (เช่น sandbox.com/wp-admin) กรอก Username, Password จากนั้นคลิกที่ Log In 63


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เบื องต้น อินเทอร์เน็ตได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในปัจจุบัน ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิถี การด าเนินชีวิตของมนุษย์หรือพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การเรียน การท างาน กิจกรรมบันเทิง การใช้ ชีวิตประจ าวัน หรือกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการอุปโภคบริโภคด้วย ซึ่งเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตนี้เป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ยังส่งผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจทั้งหมดในแต่ละประเทศด้วย ทุกประเทศตื่นตัวและนาเอาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ค าจ ากัดความของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีบีสซิเนส (e-Business) ประกอบด้วยกิจกรรมที่ใช้สาหรับการจัดการ ภายในองค์กร และ การประสานงานระหว่างผู้ขายปัจจัย การผลิตและคู่ค้าทางธุรกิจอื่น ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยี สารสนเทศในการด าเนินธุรกิจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด ดังนั้นธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์จึงประกอบไปด้วยกิจกรรมและขั้นตอนการด าเนินธุรกิจจ านวนมากที่ สนับสนุนทั้งส่วนงานภายในองค์กร เช่น การตลาด การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขาย การบริการลูกค้า ระบบความปลอดภัย การส่งมอบสินค้า และการช าระเงิน เป็นต้น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เป็นการด าเนินธุรการทางการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซื้อสินค้า ขายสินค้า จัดส่งสินค้า การแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ หรือสารสนเทศผ่านอินเทอร์เน็ต มุมมองด้านกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) ○ เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่น ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการท าธุรกิจ ผ่านกระบวนการทาง ธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารบนระบบเครือข่าย แทนกระบวนการทางธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่ทาด้วยมือ มุมมองเชิงพาณิชย์ (Commerce) ○ ซึ่งเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการซื้อ การขาย การถ่ายโอน หรือการ แลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ บริการ สารสนเทศ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มุมมองด้านบริการ (Service) ○ เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการตอบสนองความต้องการอันพึงประสงค์ของ สถานประกอบการ รัฐบาล ผู้บริโภค และการจัดการเพื่อน าไปสู่การลดต้นทุนด้านงานบริการ ในขณะที่ การบริการลูกค้ากลับมีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการเพิ่มความเร็วในการส่งมอบงานบริการเหล่านั้น หน่วยที่ 5


มุมมองด้านการเรียนรู้ (Learning) ○ เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการฝึกอบรมแบบออนไลน์ และสนับสนุนการศึกษาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และองค์กรอื่น ๆ เช่น การสร้างบทเรียน ในรูปแบบ e-Learning เพื่อการศึกษาแบบ ทางไกล มุมมองด้านการเรียนรู้ (Learning) ○ เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการฝึกอบรมแบบออนไลน์ และสนับสนุนการศึกษาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และองค์กรอื่น ๆ เช่น การสร้างบทเรียน ในรูปแบบ e-Learning เพื่อการศึกษาแบบ ทางไกล มุมมองทางสังคม (Community) ○ เป็นเครื่องมือสร้างชุมชน เพื่อใช้เป็นสถานที่ชุมนุมของเหล่าสมาชิกในรูปแบบชุมชนออนไลน์ เพื่อ การเรียนรู้ การท าธุรกิจ และท ากิจกรรมร่วมกันโดยชุมชนเครือข่ายทางสังคมที่นิยม เช่น MySpace และ Facebook เป็นต้น ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Business : e-Business) เป็นค านิยามที่เกี่ยวข้องกับการด าเนินธุรกรรมใด ๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่ใช่แค่เพียงการซื้อขาย สินค้าหรือบริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ได้รวมถึงการด าเนินธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กรหรือระหว่างองค์กรการบริการลูกค้า การท างานร่วมกันระหว่างคู่ค้าทาง ธุรกิจ ที่สามารถสื่อสารกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต และเอ็กซ์ทราเน็ตได้ ดังนั้น ค าว่า ธุรกรรม อิเล็กทรอนิกส์จึงครอบคลุมขอบเขตงานที่กว้างกว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาก และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 65


คุณสมบัติส าคัญของเทคโนโลยีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สาเหตุที่ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว และจาก คุณสมบัติของเทคโนโลยีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 8 ประการ ที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมระดับมหภาคที่ สถานประกอบการไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง 1. การมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง (Ubiquity) ○ ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ตนต้องการได้ทั่วทุกแห่งและทุกเวลาโดยไม่ต้องเดินทางมายัง ร้านค้า และยังสามารถเลือกซื้อสินค้าในขณะที่ตนอยู่บ้านผ่านคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือขณะอยู่ในรถยนต์ สามารถใช้งานผ่านสมาร์ตโฟนที่ในรูปแบบ m-Commerce ก็ได้ 66


2. ขอบเขตครอบคลุมทั่วโลก (Global Reach) ○ ตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถขยายตลาดธุรกิจออกไปสู่ตลาดโลกได้โดยไม่ยาก ก่อให้เกิด ลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังลงทุนต่ ามาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาด ระหว่างประเทศด้วยวิธีการแบบเดิม ๆ 3. มาตรฐานระดับสากลในด้านระบบสื่อสาร (Universal Standards) ○ สามารถเชื่อมโยงสื่อสารกันได้โดยปราศจากปัญหาใด ๆ โดยจะมี โพรโทคอลมาตรฐานอย่าง TCP/IP ซึ่งเป็นกลุ่มของกฎเกณฑ์ที่จะมาใช้เป็นข้อตกลงด้านการสื่อสารเพื่อรับส่งข้อมูลระหว่างกัน 4. ความสมบูรณ์ในข่าวสาร (Richness) ○ สามารถถูกจัดท าขึ้นได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นข้อความ เสียง และวีดีโอ ที่ถูกน ามา ประสมรวมกันเป็นเทคโนโลยีมัลติมีเดีย และน าเสนอผ่านหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าชม โดยไม่จ าเป็นต้อง น าเสนอต่อหน้าลูกค้าเหมือนแต่ก่อน 5. ความสามารถในการโต้ตอบระหว่างกัน (Interactivity) ○ ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางใน การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางของกระดานสนทนา อีเมล และการแชท 6. ความหนาแน่นของสารสนเทศ (Information Density) ○ ความหนาแน่นของสารสนเทศในตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในเรื่องของราคาและต้นทุนสินค้าจะ มองในรูปแบบที่เรียกว่า ทะลุผ่าน (Price/Cost Transparent) กล่าวคือ ผู้บริโภคสามารถค้นหาข่าวสาร เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เดียวกันนี้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบราคา ในขณะเดียวกันผู้บริโภคบางคนก็ พยายามท่องเว็บไซต์ เพื่อค้นหาต้นทุนสินค้าที่แท้จริงจากผู้ขายรายต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งดีสาหรับผู้ขายเช่นกัน 7. ความเป็นเฉพาะตัวและการปรับแต่งตามแต่ละบุคคล (Customization) ○ ความเป็นเฉพาะตัวและการปรับแต่งตามแต่ละบุคคล (Personalization) ผู้ประกอบการสามารถ ใช้เทคโนโลยีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalization) ได้ ด้วยการน าข้อมูลส่วนตัวที่ได้จากโปรไฟล์ของลูกค้า 8. สังคมทางเทคโนโลยี (Social Technology) ○ เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดกลุ่มสังคมตามชุมชนออนไลน์ ที่นับวัน จะเพิ่มมากขึ้น โดยอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ให้แก่เพื่อน ที่อยู่ในชุมชน ออนไลน์เดียวกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 67


มิติของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รูปแบบการด าเนินงานของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มรูปแบบหรือแบบบางส่วนก็ได้ ขึ้นอยู่กับระดับของความเป็นดิจิทัล องค์กรเสมือน (Virtual Organization) ซึ่งถือเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ (Pure eCommerce) อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยอย่างน้อยหนึ่งอย่างเป็นดิจิทัล และส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นเชิง กายภาพก็จะถือว่าธุรกิจนั้นเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบบางส่วน (Partial e-Commerce) บริกแอนด์มอร์ตาร์ (Brick-and-Mortar) ○ จัดเป็นรูปแบบการด าเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม (Old Economy/Purely Physical) ดังนั้น มิติทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และวิธีการส่งมอบสินค้า ล้วนเป็นการพบปะกันแบบซึ่งหน้า ที่เป็นไปตาม โครงสร้างเชิงกายภาพทั้งสิ้น คลิกแอนด์มอร์ตาร์ (Click-and-Mortar) ○ เป็นรูปแบบการด าเนินธุรกิจแบบผสมผสาน กล่าวคือ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และ ตัวแทนการส่งมอบ จะมีทั้งโครงสร้างเชิงกายภาพและดิจิทัลรวมเข้าด้วยกัน คลิกแอนด์คลิก (Click-and-Click) ○ เป็นการด าเนินธุรกิจในรูปแบบดิจิทัลหรือแบบออนไลน์ล้วน ๆ หรือที่เรียกว่า Pure-Play โดยไม่มี ร้านค้าที่ตั้งอยู่จริง ดังนั้นเมื่อลูกค้าต้องการซื้อสินค้า ก็จะต้องด าเนินการผ่านทางเว็บไซต์ เพียงช่องทางเดียว จากนั้นทางเว็บไซต์ก็จะจัดส่งสินค้าถึงผู้รับ 68


กรอบการด าเนินงานของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขอบเขตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จะประกอบด้วยหลายกิจกรรม หลายหน่วยงาน และหลากหลาย เทคโนโลยี คน (People) ○ เป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ผู้ขาย ผู้ซื้อ คนกลาง ผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ รวมถึงพนักงานภายในและบุคคลอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพาณิช อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายสาธารณะ (Public Policy) ○ เกี่ยวข้องกับเรื่องของตัวบทกฎหมายและนโยบาย รวมถึงข้อบังคับ ต่าง ๆ เช่น การกีดกันและภาษี ที่ถูกกาหนดโดยรัฐบาล ซึ่งควรเป็นข้อตกลงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล งานบริการสนับสนุน (Support Services) ○ มีงานบริการอยู่จานวนมากที่จาเป็นต้องนามาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนับสนุนงานระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการอานวยความสะดวกตั้งแต่ การจัดสร้างเนื้อหาจนถึงระบบการชาระเงิน และการส่งมอบ คู่ค้าทางธุรกิจ (Business Partnerships) ○ การร่วมลงทุน การแลกเปลี่ยน และการได้เป็นคู่ค้าทางธุรกิจร่วมกัน ถือเป็นเรื่องราวปกติของธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในโซ่อุปทาน (เช่น การร่วมมือกันทางานระหว่างองค์กรกับ ผู้ขายปัจจัยการผลิต ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจอื่น ๆ) 69


ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันได้มีการนาเทคโนโลยีพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้งานหลายประเภทด้วยกัน สามารถ เป็นไปได้ทั้งธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบหวังผลกาไร และแบบไม่หวังผลกาไร ภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (Business–to-Consumer : B2C) เป็นรูปแบบการดาเนินธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค โดยฝ่ายผู้ประกอบการจะเป็นผู้ขาย สินค้า และฝ่ายผู้บริโภคคือลูกค้าซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ B2C สามารถเรียกอีกชื่อ หนึ่งได้ว่า Electronic Retailing (e-Tailing) ซึ่งเป็นวิธีการขายตรง (Direct Sale) ด้วยการซื้อสินค้าหรือ บริการผ่านร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ ภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (Business-to-Business : B2B) เป็นรูปแบบการดาเนินธุรกรรมระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถเป็นได้ทั้งผู้ขาย และผู้ซื้อ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างผู้ผลิตด้วยกันหรือผู้ผลิตกับผู้ค้าส่ง เป็นต้น การด าเนินธุรกรรมระหว่างภาคธุรกิจ อย่าง B2B นั้น จะส่งผลให้เกิดคู่ค้าทางธุรกิจที่สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากธุรกิจใน ยุคปัจจุบันจะเติบโตได้ ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน 70


ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer-to-Consumer : C2C) เป็นรูปแบบการด าเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน การซื้อขายสินค้าด้วยวิธีนี้อาจมีวัตถุประสงค์ ที่แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศขายสินค้ามือสอง หรือการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยหากผู้ซื้อและผู้ขายมี ความพอใจในสินค้าทั้งสองฝ่าย ก็จะตกลงซื้อขายกันเอง จากนั้นก็ท าการนัดสถานที่เพื่อชาระเงินหรือเพื่อ แลกเปลี่ยนสินค้า ภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (Business–to-Consumer : B2C) ○ มีงานบริการอยู่จ านวนมากที่จ าเป็นต้องนามาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนับสนุนงานระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการอ านวยความสะดวกตั้งแต่ การจัดสร้างเนื้อหาจนถึงระบบการชาระเงิน และการส่งมอบ คู่ค้าทางธุรกิจ (Business Partnerships) ○ การร่วมลงทุน การแลกเปลี่ยน และการได้เป็นคู่ค้าทางธุรกิจร่วมกัน ถือเป็นเรื่องราวปกติของ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในโซ่อุปทาน (เช่น การร่วมมือกันทางานระหว่าง องค์กรกับผู้ขายปัจจัยการผลิต ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจอื่น ๆ) ผู้บริโภคกับภาคธุรกิจ (Consumer-to-Business : C2B) เป็นการด าเนินธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้บริโภคกลับมีสถานะ เป็นผู้ค้า และมีบทบาทในการต่อรองเพื่อตั้งราคาสินค้า โดยผู้ประกอบการจะเป็นคนกลางในการนาราคาที่ ลูกค้าเสนอ ส่งให้กับผู้ขายพิจารณาว่า สามารถจ าหน่ายในราคานี้ได้หรือไม่ 71


ภาคธุรกิจกับพนักงาน (Business-to-Employee : B2E) เป็นรูปแบบการด าเนินธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น โดยน ามาใช้สาหรับ แลกเปลี่ยนข่าวสารและสารสนเทศภายในองค์กร พนักงานสามารถรับทราบข่าวสารเหล่านั้นได้จากกระดาน ข่าวที่ถูกบรรจุไว้บนเครือข่ายอินทราเน็ต นอกจากนี้ยังช่วยลดงานด้านเอกสารลง โดยนาเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้งานแทน ซึ่งมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) เป็นการด าเนินธุรกรรมที่ภาครัฐได้น าสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาบริการแก่ภาคประชาชน เพื่อปรับปรุงการ บริการแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งงานเหล่านี้จัดเป็นส่วนหน้าร้าน (Front Office) ในขณะเดียวกันก็สามารถ น าไปใช้เพื่อบริหารงานตัวภาครัฐเอง ซึ่งจัดเป็นส่วนหลังร้าน (Back Office) ส าหรับการบริการแก่ภาค ประชาชน จะมีการจัดเตรียมรูปแบบการบริการ ต่าง ๆ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้ 72


ปัจจัยหลักที่มีต่อการขับเคลื่อน ไปสู่ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นสิ่งส าคัญในการชี้ระบุถึงตัวขับเคลื่อนหลัก ๆ ที่นาไปสู่ระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจมี ความแตกต่างกันตามแต่ละประเทศ แต่อย่างไรก็ตามตัวขับเคลื่อนหลัก ๆ ก็จะประกอบด้วยปัจจัยหลักต่าง ๆ ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี (Technological Factors) เกี่ยวข้องกับระดับความก้าวหน้าทางโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรคมนาคม ที่เปิดช่องให้การเข้าถึง เทคโนโลยีใหม่ได้ทั่วถึงกัน ทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค ได้แก่ 1. โครงสร้างพื้นฐานและสถาปัตยกรรมของเครือข่ายการสื่อสาร 2. การพัฒนาเพื่อการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ 3. การขยายแบนด์วิดท์ (Bandwidth) 4. ความเร็วของการพัฒนาและการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปัจจัยทางการเมือง (Political Factors) เกี่ยวข้องกับบทบาทของรัฐบาล ในการสร้างตัวบทกฎหมาย ความคิดริเริ่ม และการจัดสรร งบประมาณ เพื่อสนับสนุนการใช้และการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ 1. ภาครัฐให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ 2. การออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 3. นโยบายสาธารณะ ปัจจัยทางสังคม (Social Factors) เกี่ยวข้องกับระดับการศึกษา และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การฝึกอบรม ซึ่งส่งผลต่อ ประชากรที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการเรียนรู้ มีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ก่อเกิดประโยชน์ ได้แก่ 1. ทักษะของแรงงาน 2. จานวนของผู้ใช้งานออนไลน์ 3. อัตราการซื้อคอมพิวเตอร์ 4. ระดับการศึกษา ความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์ และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 5. วัฒนธรรมที่มีต่อเทคโนโลยีในแต่ละประเทศ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ (Economic Factors) เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ได้แก่ 1. การเติบโตของเศรษฐกิจ ที่วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 2. รายได้เฉลี่ยของประเทศ 3. ต้นทุนของเทคโนโลยี (ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์) 4. อัตราค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าถึงช่องทางของระบบการสื่อสาร (เช่น ADSL, ISDN) 5. ความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการพาณิชย์ของภาคธนาคาร และระบบการชาระเงิน 6. แบบจาลองธุรกิจ (ด้านนวัตกรรม) 73


ประโยชน์ ข้อจ ากัด และ ปัญหาของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดจากการน าเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เป็น อย่างมาก โดยนอกจากตนเองจะได้รับประโยชน์แล้ว องค์กรและสังคมโดยรวมก็ได้รับประโยชน์ด้วย ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 1. ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อองค์กร 2. ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้บริโภค 3. ประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่อสังคม ข้อจ ากัดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 1. ข้อจ ากัดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้านเทคโนโลยี 2. ข้อจ ากัดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี ปัญหาที่เกิดขึ นโดยธรรมชาติของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 1. ปัญหาด้านความน่าเชื่อถือบนเว็บไซต์ 2. ปัญหาด้านภาษา 3. ปัญหาด้านวัฒนธรรม 4. ปัญหาด้านวัฒนธรรมกับรัฐบาล 5. ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ข้อจ ากัดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทยถึงแม้ไม่ได้เป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดหรือร่ารวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็มีตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในภูมิภาค 74


มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558 ในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยมีมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นจานวนทั้งสิ้น 2,245,147.02 ล้าน บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.47 ของมูลค่าขายสินค้าและบริการทั้งหมด ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2557 สูง ถึงร้อยละ 10.41 และเมื่อพิจารณามูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในปี พ.ศ. 2558 พบว่า ส่วนใหญ่เป็นมูลค่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B จานวน 1.33 ล้านล้านบาท มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559 ในปี พ.ศ. 2559 มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย จะมีมูลค่าประมาณ 2,523,994.46 ล้าน บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.08 ของมูลค่า ขายสินค้าและบริการทั้งหมด เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ. 2558 สูงถึง ร้อยละ 12.42 เมื่อพิจารณามูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ปี พ.ศ. 2559 พบว่า ส่วนใหญ่เป็นมูลค่าพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2B จานวน 1,381,513.39 ล้านบาท 75


ลูกค้าและตลาดธุรกิจในอินเตอร์เน็ต การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร มีช่องทางการท าอย่างไร? ในการท าธุรกิจแต่ละอย่างนั้นจ าเป็นต้องมีกลยุทธ์หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมการขาย เพื่อประชาสัมพันธ์ และโฆษณาสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยส าคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจสามารถด าเนิน ต่อไปได้ โดยในปัจจุบันมีกลยุทธ์หรือการท าการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากก็คือ การท า การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั่นเอง การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing (ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง) คือการท างานเพื่อส่งเสริมธุรกิจ หรือบริษัทในสื่อออนไลน์ โดยมีจุดมุ่งหมายส าคัญคือประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการในธุรกิจให้กลายเป็นที่ รู้จักและเป็นที่สนใจ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ มากขึ้นนั่นเอง การท าการตลาดออนไลน์ที่ รู้จักกันทั่วไป เช่น โฆษณาบน Google, Facebook, YouTube หรือแม้แต่การท าบล็อก (Blog) ท าไมต้องท าการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)? ในปัจจุบันสื่อออนไลน์เป็นช่องทางหนึ่ง ซึ่งช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ยอดขายสินค้าและ บริการเพิ่มขึ้นได้ดีเป็นอย่างมาก ท าให้ธุรกิจส่วนใหญ่หันมาใช้การตลาดออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการท าการตลาดออนไลน์มีประโยชน์และข้อดีต่อธุรกิจหลายอย่าง ดังนี้ 1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย สื่อออนไลน์เป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานมากขึ้นในทุกๆ วัน และผู้คนก็ใช้เวลาอยู่ในออนไลน์มากขึ้นด้วย ท าให้การประชาสัมพันธ์ไปถึงลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็ว รวมถึงการมีเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ท าให้ เจ้าของธุรกิจสามารถระบุรายละเอียดของกลุ่มลูกค้าได้ เช่น ระบุเพศ ช่วงอายุ พื้นที่อยู่อาศัย สิ่งที่สนใจ เป็น หน่วยที่ 6


ต้น สิ่งเหล่านี้คือตัวกรองที่ส่งผลให้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ส่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่ แท้จริง นับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้มากยิ่งขึ้น 2. มีความหลากหลายในเนื อหา การตลาดออนไลน์สามารถผลิตโฆษณาได้หลายรูปแบบ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ ทั้งภาพและเสียง จึงมีโอกาสดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า อีกทั้งยังสามารถเข้าชมเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีเว็บไซต์หรือ โซเชียลมีเดียที่โดดเด่น น่าสนใจ และหาข้อมูลได้ง่าย ก็ยิ่งท าให้ผู้ที่สนใจในสินค้าหรือบริการเกิดความ ประทับใจ และตัดสินใจซื้อได้อย่างง่ายดายขึ้นอีกด้วย 3. วัดผลได้อย่างแม่นย าและน่าเชื่อถือ เนื่องจากเทคโนโลยีมีบทบาทส าคัญในการท าการตลาดออนไลน์ ส่งผลให้เจ้าของธุรกิจสามารถ ตรวจสอบข้อมูลจากลูกค้าหรือผู้ใช้ได้ เช่น ช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึง จ านวนคนที่สนใจหรือมีส่วนร่วม จ านวนและ ข้อมูลลูกค้าที่ซื้อ จ านวนสินค้าที่ขายได้ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถน าไปใช้ประโยชน์ต่อธุรกิจได้ เพื่อเป็น การวัดประสิทธิภาพของสิ่งที่ลงทุนไป ว่าท าก าไรกลับมาตอบแทนได้คุ้มค่ามากน้อยเพียงไร และจะวางแผน การตลาดในอนาคตต่อไปอย่างไรนั่นเอง 4. ลดค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่จ าเป็น การตลาดออนไลน์ช่วยลดต้นทุนในการประชาสัมพันธ์ได้หลายส่วน โดยเฉพาะด้านงานสิ่งพิมพ์ เช่น การปรับให้สิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น แคตตาล็อก โบรชัวร์ ใบปลิว หรือไวนิล ซึ่งปกติจะใช้ประชาสัมพันธ์แบบ ออฟไลน์ สามารถลดจ านวนและเปลี่ยนมาใช้แบบออนไลน์บนเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียได้ ท าให้เข้าถึงง่าย เปิดดูได้สะดวก อีกทั้งยังอัปเดตข้อมูลเหล่านี้ได้อยู่เสมอโดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณในจ านวนมากอีกด้วย 5. เป็นการสื่อสารสองทาง ในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการแต่ละครั้ง หากผู้ที่สนใจเกิดความสงสัยหรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม การท าการตลาดออนไลน์จะตอบโจทย์ของปัญหานี้มาก เนื่องจากลูกค้าและเจ้าของธุรกิจสามารถสื่อสารกันได้ ในทันที ไม่ต้องรอไปสอบถามถึงหน้าร้าน ยิ่งลูกค้าได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจรวดเร็วและพึงพอใจมาก เท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นการสื่อสารสองทางนับว่าเป็นสิ่งที่ เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ช่องทางท าการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ช่องทางท าการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีอะไรบ้าง ในปัจจุบันการท าการตลาดออนไลน์สามารถท าได้หลักๆ 8 ประเภท ได้แก่ SEO, Google Ads, SMM, Content Marketing, Video Marketing, Email Marketing, Influencer Marketing แ ล ะ Affiliate Marketing โดยแต่ละช่องทางมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ 1. SEO (Search Engine Optimization) SEO หรือ Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์ การปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพ และการเพิ่ม Backlink ซึ่งเป็นลิงก์ที่มีคุณภาพให้มายังเว็บไซต์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อโปรโมตเว็บไซต์ให้ติดอยู่ 77


ในอันดับต้นๆ ในส่วนของ Organic Search บน Search Result Page (หน้าแสดงผลการค้นหา) เมื่อลูกค้า หรือผู้ที่สนใจกรอก Keyword (ค าค้นหา) ที่ต้องการผ่าน Search Engine (เครื่องมือค้นหา) เช่น Google เป็น ต้น ก็เป็นโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้ก่อนเว็บไซต์อื่นๆ และช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย สินค้าและบริการให้กับธุรกิจได้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ SEO (Search Engine Optimization) คือ?) 2. Google Ads (Google AdWords) Google Ads (เดิมชื่อว่า Google AdWords) คือช่องทางส าหรับท าการโฆษณาแบบออนไลน์ ผ่าน เครือข่ายของ Google โดยมีการให้บริการหลายอย่าง ได้แก่ Google Search หรือที่เรียกกันว่า SEM (Search Engine Marketing) ซึ่งเป็นส่วนของ Paid Search หรือ Pay Per Click (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ PPC (Pay Per Click) คือ?) นอกจากนี้ก็ยังมี Google Display Network (GDN), YouTube Ads, Mobile App Ads, Google Shopping Ads และ Remarketing แม้ในแต่ละบริการจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่เนื่องจากจุดแข็งของ Google ที่มีผู้ใช้งานเป็นจ านวนมากอย่างต่อเนื่อง ท าให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ มีโอกาสสูงที่จะเข้าถึงลูกค้า จนสร้างให้เกิดการรับรู้ สนใจ และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการนั้นนั่นเอง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Google Ads (AdWords คือ?) 3. SMM (Social Media Marketing) SMM หรือ Social Media Marketing คือการท าการตลาดบนโซเชียลมีเดียหรือสื่อออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, YouTube, Twitter หรือ LINE เป็นต้น ซึ่งสื่อเหล่านี้เป็นช่องทางในการให้ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ และโฆษณาสินค้าหรือบริการ รวมถึงเป็นช่องทางที่เจ้าของธุรกิจสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ อย่างรวดเร็ว นับเป็นการเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์และยังเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย (อ่าน เพิ่มเติมได้ที่ SMM (Social Media Marketing) คือ?) 4. Content Marketing Content Marketing คือการท าการตลาดบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างโชเชียลมีเดียหรือบล็อกโดยใช้ คอนเทนต์เป็นสื่อกลาง ซึ่งไม่จ าเป็นต้องใช้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากบนช่องทางออนไลน์ เจ้าของธุรกิจสามารถผลิตเนื้อหาได้ทุกรูปแบบ เช่น บทความ รูปวาด ภาพถ่าย อินโฟกราฟฟิก วิดีโอ หรือพอด แคสต์ เป็นต้น ทั้งนี้การท าการตลาดออนไลน์ประเภทนี้ให้ความส าคัญกับเนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อสร้างความประทับใจ ให้แก่ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจ โดยยังคงจุดมุ่งหมายหลักคือเพิ่มผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียหรือเพิ่มผู้เยี่ยมชมใน เว็บไซต์ และท าให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการนั่นเอง นอกจากนี้การท าคอนเทนต์ในรูปแบบบทความ ในเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นบล็อกหรือบทความสาระความรู้ต่างๆ ยังช่วยในการท า SEO ให้มีประสิทธิภาพอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Content Marketing คือ?) 78


5. Video Marketing Video Marketing คือการท าการตลาดโดยใช้คลิปวิดีโอ การตลาดประเภทนี้นับเป็นรูปแบบหนึ่งใน Content Marketing เนื่องจากคลิปวิดีโอเป็นเครื่องมือที่สามารถดึงดูดให้ผู้ชมสนใจได้ง่าย มีทั้งภาพ เสียง และเอฟเฟกต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความคล้อยตาม และโน้มน้าวให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ ตามที่เราต้องการได้อีกด้วย ซึ่งช่องทางหลักในการลงวิดีโอก็มีอาทิ YouTube, Facebook, Instagram, TikTok 6. Influencer Marketing Influencer Marketing คือการท าการตลาดที่ใช้ผู้มีอิทธิพลบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างแรงจูงใจใน การซื้อสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าได้ โดยส่วนใหญ่ Influencer มักเป็น ผู้มีชื่อเสียง นักแสดง ศิลปิน ไอดอล บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ นักแคสต์เกม เป็นต้น โดย Influencer ที่ใช้ในการท าการตลาดไม่จ าเป็นต้องใช้ผู้ที่มีคน ติดตามเป็นจ านวนมากเสมอไป แต่ควรเป็นคนที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และเมื่อลูกค้าเกิดความเชื่อมโยง หรือรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ก็จะท าให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นและช่วยกระตุ้นยอดขายได้นั่นเอง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Influencer Marketing คือ?) 7. Affiliate Marketing Affiliate Marketing คือการท าการตลาดแบบพันธมิตร เป็นรูปแบบที่คล้ายกับ Influencer Marketing แต่แตกต่างกันตรงที่ Affiliate Marketing จะใช้ค่าคอมมิสชันจากการช่วยขายเป็นค่าตอบแทน และจ าเป็นต้องมีระบบตัวกลางระหว่างเจ้าของธุรกิจกับผู้ที่จะช่วยประชาสัมพันธ์หรือขายสินค้า เพื่อติดตาม ข้อมูลได้ว่าลูกค้าสั่งซื้อจากใคร สื่อไหน และน าข้อมูลนี้ไปค านวณต่อในการจ่ายค่าตอบแทน อีกทั้งยังไม่ จ าเป็นต้องใช้ผู้มีชื่อเสียงมาช่วยโปรโมทก็ได้ ขอเพียงเป็นสื่อที่มีผู้ติดตามหรือเยี่ยมชมอย่างสม่ าเสมอก็ได้ เช่นกัน นับว่าเป็นการท าการตลาดอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้อีกด้วย 8. Email Marketing Email Marketing คือการท าการตลาดออนไลน์ผ่านอีเมล โดยทั่วไปมักเป็นการประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของธุรกิจ หรือโปรโมชั่นต่างๆ ของสินค้าและบริการ ไปยังลูกค้าหรือผู้ที่สนใจซึ่งได้ให้ข้อมูลการติดต่อ ไว้ ช่วยสร้างการรับรู้ รวมทั้งเป็นการรักษาความผูกพันธ์ และสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ได้ โดยจุดแข็งส าคัญ คือใช้งบประมาณน้อยกว่าการตลาดประเภทอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด และเป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนในการโฆษณาและเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อซ้ าของลูกค้ามากขึ้น การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing มีรูปแบบให้เลือกใช้หลากหลายช่องทางซึ่งสามารถ น ามาใช้ได้ตามความเหมาะสม เป็นเครื่องมือส าคัญที่หลายธุรกิจหันมาใช้เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ ให้สินค้าหรือบริการ รวมถึงเป็นการกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย มี รูปแบบเนื้อหาที่หลากหลายและน่าสนใจ สามารถวัดผลได้แม่นย าและน่าเชื่อถือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการ โฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่จ าเป็นได้ และเป็นการสื่อสารสองทางระหว่างลูกค้ากับเจ้าของธุรกิจอย่างสะดวก รวดเร็วอีกด้วย 79


การตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจ สร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นก า โลก Digital Marketing ยุคนี้แข่งขันกันสูงจริง ๆ และการมองหาตัวช่วยที่จะมาต่อยอดให้ธุรกิจของเรา ไปต่อได้ในยุคที่ Metaverse โลกเสมือนจริงที่ก าลังจะมา การมองหาโอกาสใหม่ เอาไว้ต่อยอดธุรกิจก็เป็นสิ่งที่ น่าสนใจเลยล่ะ เราขอแนะน า 5 การตลาดออนไลน์น่าสนใจหรือที่ก าลังมาและมีประสิทธิภาพและสามารถ สร้างรายได้ เพิ่มยอดขายได้จริง มีดังนี้ 1. LINE MyShop เดี๋ยวนี้คนไทยชอบซื้อของผ่านแชท! และ LINE MyShop เป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงคน ใช้งานในไลน์กว่า 50 ล้านคน! และการันตีว่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องถูกใจสิ่งนี้! เพราะจะช่วยให้ลูกค้าซื้อของ ออนไลน์ได้สะดวกขึ้นอีกกับ LINE MyShop เป็นฟีเจอร์ของ LINE Official Account ด้วยความที่ยกระบบ Ecommerce มาให้ธุรกิจของเราบน LINE Official เลยแหละ ด้วยความที่ LINE MyShop ซื้อขายได้สะดวกแบบ Chat&Shop และก็ง่ายมากจริง ๆ เพียงแค่ เชื่อมต่อ LINE OA เรากับแอป MyShop ก็สามารถขายของออนไลน์แบบจัดเต็มปิดการขายได้ไวกว่า 15 เท่า ยิ่งถ้าต้องการท าการตลาดออนไลน์แบบสร้างแคมเปญขาย โปรโมชั่น หรือจะกระตุ้นให้ใช้คูปองช่วยปิดการ ขาย รวมทั้งการใช้ LINE POINTS ช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อของเราอีกก็ดีไซน์ได้ทั้งหมดที่ LINE MyShop ล่ะ ข้อดี : เป็นช่องทางใช้ฟรี ไม่มีค่าคอมมิชชัน เหมาะกับ : ธุรกิจที่มีสินค้าพร้อมจ าหน่าย ธุรกิจคอนเสิร์ต หรือธุรกิจที่มองหาช่องทางปิดยอดขาย เพราะ LINE MyShop สามารถออกออเดอร์ รับช าระเงินได้ทันที ยิ่งถ้าต้องการกระตุ้นยอดขาย อยากใช้คูปอง ต้องลองเปิดใช้ดูนะ 80


2. Live Commerce คุณลูกค้าขา คุณลูกค้าขา.. กริ๊ง ๆๆ เสียงค าพูดชักชวนให้ซื้อสินค้า มักจะดังกังวาลพร้อมกับเสียง กระดิ่งเอาไว้ยั่วยวนใจ การบอกเล่าโปรโมทสินค้าให้ฟังในโลกออนไลน์แบบสด ๆ และซื้อขายได้ทันที กลายเป็นเทรนด์ที่หลายคนจับตามองมาตลอดกับ Live Commerce หรือที่เรียกว่า Live สด เป็นการขายของ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, IG ฯลฯ ส าหรับเทรนด์ Live Commerce จัดว่าเป็นอีกพฤติกรรมการซื้อของผ่านหน้าจอก็ยังคงมาแรงไม่หยุด ไม่หย่อน และกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่คน New Normal ถูกใจ เพราะไม่ต้องออกไปช้อปปิ้งให้เสี่ยงโควิด-19 ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย ไม่ต้องหาที่จอดรถให้เครียด ช้อปปิ้งหน้ามือถือคลิกผ่านปลายนิ้วสัมผัสก็เพียงพอ และยัง ได้สินค้าราคาถูก ประหยัดกว่าเยอะ ฮิตขนาดที่ต้องมีค าศัพท์เฉพาะโค้ดลับของแม่ค้าออนไลน์มาให้ใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็น F CF หรือ CC ซึ่งเป็นค าที่ได้ยินกันเสมอ ดังนั้น การท า Live Commerce เป็นอีกเทรนด์น่าสนใจ เป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้จะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างเครือข่ายคนดูไลฟ์สด และก็ต้องมีความรู้เรื่องเทคนิคการ ตั้งค่าอุปกรณ์ไลฟ์สด รวมทั้งการตั้งค่าการดูดข้อความค าสั่งซื้อด้วยนะ จะได้ไม่พลาดทุกรายได้ที่เกิดจากการ ไลฟ์สดขายของ ข้อดี : ช่วยให้พูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง รู้ผลลัพธ์ได้ทันที ว่ามีคนสนใจสินค้าเราหรือไม่ ช่วยกระตุ้น ยอดขายได้ตามต้องการ เหมาะกับ : สินค้าที่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ธุรกิจที่ต้องการสร้างชุมชนหรือสร้างฐานแฟนคลับ และต้องการขายสินค้าทันที ผ่านการไลฟ์สดที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ทันที เห็นผลลัพธ์ไวกว่าการยิง Ads 3.Stories ยิ่งเร็ว ยิ่งดี ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งท าให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์ธุรกิจเราเป็นอันดับแรก ดังนั้น การอัปเดทข้อมูลกัน แบบเรียลไทม์ด้วยการลงสตอรี่ เช่น IG Story เรื่องราวสั้น ๆ เอาไว้อัปเดทกันทุกวัน ราวกับเราเป็นเพื่อนสนิท ก็ช่วยกระตุ้นเตือนให้ลูกค้าเกิดความสนใจในสินค้าของเราได้เช่นกัน และการตลาดออนไลน์แบบนี้มีข้อดีก็คือ ช่วยสร้าง Brand Awareness เป็นการสื่อสารถึงภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการได้เป็นอย่างดีและฟรี! แต่ ต้องใช้เวลาคิดดีไซน์คอนเทนต์ให้มีความสดใหม่ แตกต่างจากคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไปที่เราโปรโมทเป็นประจ า นั้นเอง ยกตัวอย่างธุรกิจร้านอาหารที่ต้องท าอาหารเป็นประจ าทุกวันอยู่แล้ว อาจจะลองดีไซน์สร้างคอนเทนต์ ส าหรับลงสตอรี่ใน IG ดูก็ได้นะ จะได้เอาไว้ โชว์ให้ผู้ติดตามเห็นและเกิดความหิวและตามมารับประทานอาหาร ที่ร้านเรานั้นเอง นอกจากช่องทาง IG Story แล้ว แพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ก็เปิดให้ลงสตอรี่แบบสั้นได้เหมือนกัน เช่น Facebook, TikTok ที่น่าจับตามองสุดในตอนนี้ก็คือ YouTube Shorts YouTube Shorts ฟีเจอร์วิดีโอ สั้น 15 วินาทีใกล้เคียงกับแพลตฟอร์ม TikTok ที่ก็มีกระแสดีไม่แพ้กับช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เลย ต้องไปลอง เล่นดูนะแล้วจะรู้ว่าการตลาดออนไลน์นั้นมีช่องทางหลากหลายให้เลือกใช้งานตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจล่ะ เอาเป็นว่า มีช่องทางไหนอยู่แล้ว ก็เลือกใช้ตรงนั้นเป็นหลัก ไม่จ าเป็นต้องเปิดครบหมดทุกช่องทางนะ เลือก เท่าที่จ าเป็น ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าของเราก็เพียงพอแล้ว 81


ข้อดี : ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีข้อเสียคือ IG Story อยู่ได้แค่ 24 ชั่วโมงท าให้ต้องใช้เวลาคิดและท าเป็น ประจ าทุกวัน เหมาะกับ : ธุรกิจอาหาร ธุรกิจแฟชั่น ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ฯลฯ 4. Video เดี๋ยวนี้คนใช้เวลาดูวิดีโอเยอะขึ้น ดังนั้น การท า Video ส่งเสริมการขายแบบเนียน ๆ ช่วยได้เยอะเลย ล่ะ เช่น การท าคลิปแนะน าวิธีการซื้อสินค้าและบริการของเราผ่านช่องทางออนไลน์ การแนะน าข้อมูลบริษัทฯ ของเราให้ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจว่าเราเป็นองค์กรเชื่อถือได้ หรือการสร้างคลิปวิดีโอไวรัล และอื่น ๆ ที่ครีเอทได้ ทั้งหมดตามวัตถุประสงค์การตลาดได้เลย แม้จะมีข้อดีอยู่มาก แต่ต้องยอมรับว่าการท า Video ในแต่ละครั้งนั้น ต้องใช้ต้นทุนไม่น้อยเลย เพราะจะต้องคิดไอเดีย ลงมือท า ตัดต่อ และอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีกเพียบ แต่วิธีการนี้ยังมีจุดบอดอยู่บ้าง หากบริษัทฯ หรือธุรกิจไหนไม่ถนัดก็อาจจะท าให้เสียงบประมาณ การตลาดโดยไม่จ าเป็นขึ้นมาได้ Magnus ขอแนะน าให้คุณลองมองหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ใกล้เคียงกับธุรกิจของ เรา หรือมีฐานคนดูตรงกับลูกค้าเป้าหมายของเรามาร่วมครีเอทคลิปให้เราจะดีกว่า เพราะได้ทั้งกระแส ได้ทั้ง งานคุณภาพ คุ้มค่ากว่าเยอะเลย ข้อดี : ช่วยสร้างการเข้าถึงและสร้างฐานแฟนคลับให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี แต่ต้องใช้เวลาในการผลิต คลิป เหมาะกับ : สินค้าหรือบริการที่มีความซับซ้อนหรือมีข้อมูลเยอะ คนต้องการดูก่อนตัดสินใจซื้อ 5. Visual Content ก็ยังอยู่ในเทรนด์ Visual Content และยังสร้างยอดขายได้ตลอดแบบไม่เคยตกกระแสเลย แต่ต้องจ า ไว้ว่า “ผู้บริโภคไม่ได้เชื่ออะไรง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว” ถ้าจะให้ Visual Content คมให้ชัดสามารถไปต่อในโลกที่ คอนเทนต์ท่วมโลกนั้นเจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดจะต้องท าความเข้าใจให้ดีเลยว่า การท า Visual Content แบบไหนเหมาะจ าใช้สื่อสารอะไร รวมทั้งมีเทคนิคอะไรช่วยดึงดูดให้คนสนใจ เพิ่มคนเข้าชม เพิ่มยอดขาย และ ต้องคิดให้แนบเนียนว่า คนที่สนใจต้องการดูอะไร อยากเห็นสิ่งไหน เช่น รูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอ กราฟิก แบบเคลื่อนไหว มีมตลก หรือจะมาในรูปแบบ E-book ให้โหลดไปอ่าน ตรงนี้ก่อนท าต้องคิดให้ดี วางแผนให้ เป๊ะ จะได้ไม่เสียเวลาลงมือลงแรงท าการตลาดออนไลน์แบบ Visual Content นะ ข้อดี : หลากหลาย ตอบโจทย์ได้หลายวัตถุประสงค์ แต่ต้องรู้จักผลิตคอนเทนต์ และดีไซน์กราฟิกให้ เข้ากับสิ่งที่ต้องการสื่อสาร มี Branding ที่ชัดเจนจดจ าได้ เหมาะกับ : ทุกธุรกิจ 82


การสร้างร้านค้าบนเว็บ การก าหนดตลาดเป้าหมาย ในการให้บริการลูกค้าจะต้องเข้าใจ ว่าลูกค้าท าธุรกิจกับบริษัทอย่างไร และท าไม ถึงท าแล้ว จะต้องสร้างเว็บไซด์ที่อยู่บน พื้นฐานของความต้องการของลูกค้า โดยการ สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้า ซึ่ง สามารถให้อ านาจลูกค้าในการควบคุม ความสัมพันธ์และมีการสื่อสารกันผ่านอีเมล์ และแบบฟอร์มต่างๆ บนเว็บไซด์ของบริษัท ขณะที่มีการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดเป้าหมายมากขึ้น จะท าให้ผู้อื่นในตลาดของบริษัทสามารถท าธุรกิจ ร่วมกับทางบริษัทได้ง่ายขึ้น ทางบริษัทต้องค้นหากลุ่มอายุ รายได้ ระดับการศึกษา เพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่จ าเป็น ส าหรับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เมื่อเทียบกับความเข้าใจอย่างลึกซึ่งในผลิตภัณฑ์และการออกแบบเว็บไซด์ของ บริษัท หลังจากเริ่มใช้เว็บไซด์จะต้องรู้จักลูกค้าด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ แบบ อาจรู้จักลูกค้าผ่านทาง ธุรกิจที่มีอยู่ในโลกความเป็นจริงได้เช่นกัน ลูกค้าที่ออนไลน์อาจแตกต่างกับลูกค้าอื่นๆ ดังนั้น จึงควรค้นหาสถิต ติจากแหล่งข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต เพื่อค้นหาเรื่องราวทั่วไปเกี่ยวกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และสืบค้าข้อมูลเบื้องต้น ของลูกค้าที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ที่ให้บริการด้านค้นหาข้อมูลต่างๆ และยัง สามรถใช้เว็บไซต์ต่างๆ ของบริษัทวิจัยตลาดมากมายได้ การวางแผนและออกแบบขั นตอนการพัฒนา การก าหนดเป้าหมายเป็นสิ่งที่ช่วยให้สามารถก าหนดแนวทางได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นและยังเป็นสิ่งที่ บอกได้ว่าการด าเนินการดังกล่าวนั้นประสบความส าเร็จหรือล้มเหลว เป้าหมายของความส าเร็จไม่จ าเป็นต้อง เป็นตัวเลขที่แสดงก าไร หรือไม่จ าเป็นต้องเห็นผลหลังจากการด าเนินการทันที ดังนั้น เป้าหมายความส าเร็จ ของผู้ประกอบการแต่ละรายย่อมแตกต่างกันไปแม้ว่าเป้าหมายของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ก็คือ ก าไรที่ คืนกลับมากลังจากมีการลงทุนลงแรงไป หน่วยที่ 7


การส ารวจความพร้อม การส ารวจความพร้อมช่วยให้สามรถประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการเองการส ารวจความพร้อมยัง เป็นการสร้างความมั่นใจ และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นให้กับผู้ประกอบการ ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องส ารวจและ ประเมินความพร้อมทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปรักอบการ เช่น ความพร้อมในส่วนของเทคโนโลยี บุคลากร เวลา และความพร้อมในสินค้าหรือบริการอื่นๆ มากมาย การส ารวจตลาด หลังจากมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ แล้วการส ารวจตลาดเป็นสิ่งที่จ าเป็น อย่างยิ่งทั้งตลาดของ กลุ่มเป้าหมายและ คู่แข่งคว ามส าเ ร็จของ ระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรื่องการตลาดก็ เป็นสิ่งส าคัญ หากผู้ประกอบการรู้ถึงความ ต้องการของสินค้า/บริการของตลาด และมี ศักยภาพในการจัดหาสินค้า/บริการตรงกับความต้องการกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าคู่แข่งทางการค้า ความส าเร็จ ในการประกอบการนั้นไม่ยากจนเกินที่จะเป็นจริงได้ การส ารวจตลาดสามารถท าได้หลายรูปแบบตั้งแต่ระบบแบบเดิมที่ใช้การส ารวจตลาดทั่วไป หรือ การ ใช้เทคโนโลยีที่เป็นเครื่องมือช่วยส ารวจ เช่น โปรแกรมส าหรับค้นหา (Search Engines /Directories) การวางแผน 1. การวางแผนทางด้านเทคโนโลยีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีเป็นการลงทุนที่มีต้นทุนที่สูง เนื่องจากเครื่องมือและอุปสรรคในส่วนของเทคโนโลยีจ านวนมาก ทั้งส่วนของ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอื่น ๆ จะต้องมีการลงทุนและด าเนินการก่อนที่จะได้รับผลตอบแทนคืน ดังนั้นการเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับ การด าเนินการจึงเป็นสิ่งที่ส าคัญยิ่งมีหลักการพิจารณา ดังนี้ 1.1 ความต้องการในการเข้าถึงและบริการอินเตอร์เน็ต ซึ่งต้องพิจารณาทั้งขนาดและความต้องการ ที่จะใช้ เช่น เว็บไซต์ อีเมล์และอื่น ๆ 1.2 ความต้องการเครื่องมือหรือบริการว่าสิ่งที่มีความจ าเป็นนั้นประกอบด้วยอะไร รูปแบบของ การเชื่อมต่อ การรับประกันในอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ตลอดจนความเหมาะสม และง่ายส าหรับการขยาย ตลาดในอนาคต 1.3 ความสามารถด้านการลงทุน ราคาของอุปกรณ์แต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกันไปการ พิจารณาและประเมินถึงความสมเหตุสมผลของราคาอุปกรณ์ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะข้อมูลเหล่านี้ เป็น สิ่งที่ช่วยในการประเมินและตัดสินใจในการลงทุน 84


2 การวางแผนทางด้านทรัพยากรบุคคล แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีประสิทธิภาพสูงเพียงใด ก็ตาม ประสิทธิภาพและความสามารถของเทคโนโลยีเหล่านี้นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ใช้และความเหมาะสม กับลักษณะของงาน ดังนั้น การประกอบการพณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จ าเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความสามารถใน การบริหารระบบในส่วนของเทคโนโลยีด้วย 3. การวางแผนส าหรับปัจจุบันและอนาคต การวางแผนส าหรับระบบงานที่ดีนั้นต้องสามารถใช้กับ ระบบงานในปัจจุบันได้ และสามารถรองรับการขยายได้ในอนาคต เนื่องจากการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยี เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง คนส่วนใหญ่มักมองข้าม เพราะเทคโนโลยีมีราคาสูงและอายุการใช้งานสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีเครือข่าย ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีนั้นยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ขีดความสามารถนั้น ด้อยกว่าคู่แข่งทาง ธุรกิจ จ าเป็นที่ต้องมีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีอีก ดังนั้น จะพบปัญหาอยู่บ่อยๆ ที่ ผู้บริหารไม่เข้าใจว่าท าไมถึงต้องมีการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนระบบอยู่หลายต่อหลายครั้งที่ระบบเดิมยัง สามารถใช้งานได้ การเลือกเทคโนโลยีทั้งส่วนของอุปกรณ์ มาตรฐาน และอื่นๆ จึงจ าเป็นต้องพิจารณาถึงแนวโน้มทั้งการ เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วย ดังที่มีการสรุปว่าควรเลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีแระสิทธิภาพสูงสุด ที่มีความจ าเป็นส าหรับการใช้งานใช้งานขณะนั้น และซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงเพื่อที่จะใช้งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพและสามารถขยายระบบได้ง่ายในอนาคต การออกแบบทั งระบบให้สมบูรณ์ การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการออกแบบ ระบบโดยรวม เพื่อสร้างความเข้ากันได้ของ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล หรือ แม้แต่ความพร้อมในความสามารถของบุคลกร ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในการพิจารณาออกแบบ ระบบโดยรวมด้วย การวิเคราะห์การลงทุนและผลประโยชน์ ส าหรับการประกอบการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นี้ก็เหมือนกับการประกอบธุรกิจทั่วไป คือ จ าเป็นต้อง มีการลงทุนก่อน ส่วนผลตอบแทนนั้นจะเกิดขึ้นหลังจาการด าเนินการทั่วไปแล้วซึ่งจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ ลักษณะประเภทธุรกิจ การประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่กล่าวกันว่า คนทั่วโลกสามารถ เข้าถึง ประกอบการนี้ได้แต่ใช่ว่าบุคคลเหล่านั้น คือ เป้าหมายของการประกอบการทั้งหมด ผู้ประกอบการต้องพึง ระลึกเสมอว่าอินเตอร์เน็ตเหมาะส าหรับการประกอบธุรกิจของทุกคน รวมทั้งคู่แข่งทางธุรกิจด้วย การวิเคราะห์ การลงทุนและผลตอบแทนในการประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งจ าเป็น เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่า 85


ยังคงคิดจะประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ และรูปแบบของการประกอบการควรเป็นอย่างไรหรือ รูปแบบอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด ท าอย่างไรให้ลูกค้าเข้าเว็บไซต์และคลิกสั่งซื อ หลังจากเราท าเว็บไซต์และได้เผยแพร่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์เป็นที่เรียบร้อย ยังไม่ใช่การท าการตลาด ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบนัก เนื่องจากต้องมีการโปรโมทเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและเพิ่มผู้เยี่ยมชมเข้ามาดูสินค้า หรือบริการของเราอีกด้วย Readyplanet แนะน าการท าโฆษณาออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเจาะจงและ ช่วยประหยัดงบค่าคลิกจากการท าโฆษณามากที่สุด หากยังไม่มีความเชี่ยวชาญควรมองหาบริการท าโฆษณาที่ มีผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ช่วยวางกลยุทธ์ได้ถูกต้อง อย่าง AdPro Dynamic บริการรับท าโฆษณา ออนไลน์ แบบเน้นผลลัพธ์ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ครอบคลุมทุกช่องทางการท าโฆษณาส าคัญ ๆ ไม่ว่าจะ เป็น Google Search Ads, Google Display Network (GDN), Facebook, Instagram และ Retargeting (การส่งโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายเคยสนใจบนหน้าเว็บไซต์ โดยการย้ าซ้ า ๆ จนตัดสินใจสั่งซื้อ) เพื่อ มองหาฐานลูกค้าใหม่และได้ลูกค้าที่ใช่อย่างต่อเนื่อง หลายคนน่าจะพอคุ้นกับโฆษณาช่องทางหลัก อย่าง Facebook, Instagram และ Google บ้างแล้ว Readyplanet แนะน าเทคนิคง่าย ๆ ในการให้คนที่เคยเข้าหน้าเว็บและมีทีท่าสนใจสินค้าแต่ดันออกจากหน้า เว็บไซต์ของเราไป ต้องกลับมาพิจารณาและอาจสั่งซื้อสินค้านั้นอีกที ด้วย R-Dynamic ระบบโฆษณาแบบ Dynamic Retargeting คือนวัตกรรมด้าน Marketing Tech ที่จะช่วยสร้างโฆษณาติดตามผู้ที่เคยเข้ามา เว็บไซต์รายบุคคลแบบอัตโนมัติ กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อหรือติดต่อได้เร็วขึ้น และเมื่อใช้ควบคู่กับการท า 86


โฆษณาออนไลน์ สามารถช่วยเพิ่ม CTR ของ Display Ads และ Social Ads ได้ถึง 150-300% เลยทีเดียว การท าเว็บไซต์จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป รับมือกับยอดขาย กับเทคนิคจัดการออเดอร์ออนไลน์ หลังจากผ่านเทคนิคดี ๆ ในการสร้างเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ให้น่าคลิก การโปรโมทสินค้าหรือบริการ บนเว็บไซต์ของคุณไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุดแล้ว ถ้ามีออเดอร์เข้ามาจะจัดการอย่างไรดี? Readyplanet มี ระบบ Order Management ที่เป็นฟังก์ชันรวมอยู่ใน R-Shop แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ และรองรับ การช าระเงินหลากหลายรูปแบบ ช่วยให้สามารถจัดการรายการสั่งซื้อได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้ยังมาพร้อม R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นและเป็นสัดเป็นส่วน ทีมขายหรือแม้แต่ตัวผู้ประกอบการเองสามารถติดตามงานขายในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ วัดผลได้ พร้อมดูสถิติส าคัญเพื่อน าไปต่อยอดการท า Data-Driven น าไปสู่ประสิทธิ์ภาพที่ดีขึ้นของธุรกิจคุณ มาพร้อมฟังก์ชัน - Labels ช่วยจ าแนกประเภทหรือความส าคัญของรายการขายแต่ละรายการ - Quotation / Invoice แบบฟอร์มสร้างใบเสนอราคาผ่าน R-CRM ประหยัดเวลามากขึ้น - Note และ Reminder ช่วยระบุสถานะการขายหริอติดตามลูกค้าและอื่น ๆ ที่ครอบคลุมในการ จัดการงานขาย 87


รับมือกับเทรนด์ C-Commerce เตรียมก่อน พร้อมกว่า ฝากกันไว้อีกสักเล็กน้อยในช่วงปลายปีแบบนี้ เทรนด์ C-Commerce (Conversation Commerce) ยังคงได้รับความนิยมจนอาจมีแนวโน้มว่าเป็นอีกเทรนด์ส าคัญส าหรับธุรกิจ E-Commerce กันเลยก็ว่าได้ ผล ส ารวจาก Hootsuite, Magento and Econsultancy พบว่า Social Media Commerce ส่วนใหญ่ถูกใช้ใน การค้นหาสินค้า ข้อมูลผลิตภัณฑ์ รีวิวหรือแม้แต่รายละเอียดบริษัทนั้น ๆ โดยผู้บริโภค 6 ใน 10 รายกล่าวว่า 25% ในการช้อปปิ้งออนไลน์ของพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจาก social media รวมถึงมีแนวโน้มการท างาน ร่วมกันระหว่าง Social Media และ Commerce Platforms *(อ้างอิงจาก info2.magento) ดังนั้น การท า การตลาดแบบออนไลน์และไม่ลืมท าเว็บไซต์แบบ Conversation Commerce พร้อมการพาสินค้าหรือบริการ ไปหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ยังคงมีแนวโน้มที่ดีกับธุรกิจคุณ และอย่าลืมการสร้าง Customer Layalty ที่ช่วยจับ ลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์อย่างยั่งยืน เช่น การเสนอดีลส่วนลดพิเศษผ่านทางช่องแชทของเว็บไซต์ เป็นต้น พร้อมหรือยัง? ที่จะเริ่มสร้างเว็บไซต์ในแบรนด์ของคุณ 88


การประชาสัมพันธ์ร้านค้าออนไลน์ เทคนิคช่วยโปรโมท เปิดร้านค้าออนไลน์ แต่ไม่มีคนซื้อ ขายของไม่ได้ แล้วจะเปิดไปท าไม? เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะเคยเกิด ค าถามนี้ขึ้นในใจ วันนี้ lnwShop มี 10 เทคนิคดีๆ เพื่อช่วยให้ร้านค้าของคุณมีลูกค้า 1. ลงทะเบียนเว็บไซต์กับ search engines บางทีsearch engines (เช่น sanook,google,msm) อาจจะพบเว็บไซต์ของคุณ จากการซุ่มหาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีลิงค์ ไปยังเว็บอื่นๆ แต่ทางที่ดีคุณควรจะส่งชื่อเว็บไซต์ ไปยัง search enginesด้วยตัวเอง เพราะส่วนมาก แล้วผู้ที่เข้าดูเว็บไซต์จะเข้าจากลิ้งค์ในsearch engines 2. ใช้ Signature(sig)file โดยทั่วไปแล้ว sigfile จะประกอบไปด้วย ชื่อคนชื่อบริษัท ที่อยู่ส าหรับติดต่อ และ/หรือสโลแกนของ บริษัทรวมทั้งลิ้งค์ตรงไปยังเว็บไซต์ของคุณ sigfile นี้ควรจะอยู่บริเวณท้ายอี-เมล์ทุกฉบับที่คุณส่งออกและอย่า ลืมใส่ไว้เวลาเข้าไปตอบหรือโพสต์ในเว็บบอร์ดอื่น ๆ ด้วย 3. โพสต์ในforums(ห้องเสวนา) เข้าไปพูดคุยในฟอรั่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณบ้างแต่เวลาเข้าไปไม่ใช่แค่ไปโฆษณาธุรกิจของคุณ เท่านั้นให้ตอบค าถามในเรื่องที่คุณมีความรู้ แล้วก็ใส่ sigfile ไว้ท้ายข้อความคนอ่านจะรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย หน่วยที่ 8


4 . แจกของฟรีบนเว็บ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบของฟรีคุณจะได้จ านวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนถ้าบนเว็บ ของคุณมีของฟรีแจกเช่น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ บทความที่น่าสนใจ วอลล์เปเปอร์สวย ๆ มีเกมให้เล่นชิงรางวัล หรืออะไรก็ได้ที่จะดุงดูดกลุ่มเป้าหมาย 5. อัพเดทเว็บไซต์ให้ทันสมัย การส่งชื่อเว็บไซต์ให้searchenginesเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการโปรโมตเว็บแต่จะต้องอัพเดทเว็บด้วย เพราะ search engines จะจัดล าดับผลการค้นด้วยคีย์เวิร์ด และ metatags (ข้อมูลที่บอกว่าเว็บนี้เกี่ยวกับ อะไรแต่อยู่ในโค้ดที่ผู้ใช้จะมองไม่เห็น ท าไว้ส าหรับให้search enginesค้น) 6. ส่งข่าวสารผ่านอี-เมล์ อี-เมล์เป็นการส่งข่าวสารใหม่ ๆของบริษัท หรือโปรโมชั่นพิเศษให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายโดยไม่มี ค่าใช้จ่ายคุณควรมีข้อมูลอี-เมล์ของลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ดังนั้นบนเว็บไซต์ควรมีที่ให้ผู้เข้าชมเว็บกรอกข้อมูล หรืออี-เมล์ไว้เพื่อรับข่าวสารต่าง ๆ 7. แลกเปลี่ยนลิ งกับเว็บอื่นๆ ในเว็บไซต์ของคุณควนจะมีลิ้งค์ไปเว็บไซต์ดี ๆ ที่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องการแลกเปลี่ยนกันเช่นนี้ช่วยเพิ่ม ลูกค้าได้เป็นอย่างดีเพราะบางทีเราอาจจะมีสินค้าหรือบริการที่ที่อื่นไม่มี 8. เปิดอีกเว็บไซต์ บางทีเว็บไซต์ที่ดูเป็นธุรกิจเกินไปอาจไม่น่าสนใจท าไมไม่ลองเปิดอีกสักเว็บไซต์ที่มีเรื่องน่าสนใจแต่ เกี่ยวกับธุรกิจของคุณตัวอย่างเช่นบริษัทกฎหมายเล็ก ๆ อาจจะเปิดเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายธุรกิจ บทความแบบฟอร์มต่าง ๆ หรือลิ้งค์ไปยังคดีต่าง ๆแล้วใช้ชื่อบริษัทเป็นสปอนเซอร์ให้กับเว็บไซต์โดยใช้แบน เนอร์โฆษณาหรือท าลิ้งไปยังเว็บไซน์ของบริษัทเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายตามไปที่เว็บไซต์บริษัท 90


9. ซื อโฆษณาบนเว็บดัง ๆ ถึงตอนนี้ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังมีผู้เข้าชมไม่มากพอละก็แนะน าให้ซื้อโฆษณาบนเว็บอื่น มี 2 ที่ที่ควรลง โฆษณานั่นก็คือที่search enginesและเนื้อที่โฆษณาบนเว็บดังที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ 10. ใช้แผนโปรโมชั่นบนกระดาษ การโฆษณาบนเว็บแต่เพียงอย่างเดียวยังไม่พอ คุณสามารถใช้วิธีการโฆษณาแบบง่ายๆ นั่นก็คือ การใช้ กระดาษ หัวจดหมาย ซองจดหมายหรือนามบัตรที่พิมพ์โลโก้และที่อยู่ของบริษัท ท้ายสุดอย่าลืมใส่URL(ที่อยู่ ของเว็บไซต์ด้วย) 11. แจ้งข่าวทาง Facebook/Line ปัจจุบันแพล็ตฟอร์มที่คนไทยใช้พูดคุยกับลูกค้ากันมากที่สุดน่าจะเป็น LINE@ (LINE) facebook และ facebook Messenger แต่ส าหรับหลายๆ คนที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่มีคนช่วยดูแล การที่จะพูดคุยกับ ลูกค้าบนทั้ง 2 แพล็ตฟอร์มนั้นอาจจะท าให้จัดการชีวิตได้ยากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าใครก็ตามที่เคยใช้ทั้ง 2 แพล็ต ฟอร์มนี้คงจะเคยมีค าถามว่า “สรุปว่าใช้ LINE@ Facebook หรือ Facebook Messenger ในการคุยกับขาย ของออนไลน์ดี?” แน่ๆ LINE@ คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถพูดคุยสื่อสารกับผู้ติดตามของคุณที่อยู่บน LINE ซึ่ง การสื่อสารนั้นสามารถเป็นได้ทั้ง 1 to many (Broadcast) และ 1 to 1 (Message) (และยังโพสต์บน Timeline ได้เช่นกัน) ถ้าเปรียบเทียบกับ Facebook แล้ว LINE@ นั้นก็จะท าหน้าที่คล้ายๆ กับ Facebook Page ผสมกับ Facebook Messenger ส่วน Facebook Messenger คือเครื่องมือที่คุณสามารถใช้เพื่อพูดคุยสื่อสารกับใครก็ได้ที่มี Facebook Account แบบ 1 to 1 หรือ 1 to Many (แบบเป็นกรุ๊ป) ซึ่งถ้าคุณมี Facebook Page ลูกค้าของ คุณจะสามารถส่ง Message ผ่าน Facebook Messenger มาเพื่อพูดคุยกับคุณได้ 91


10 ข้อดี Facebook Fan Page ต่อการประชาสัมพันธ์ Facebook นั้นเป็น Social Network ให้คนมาปฎิสัมพันธ์กัน ไม่ใช่สังคมของการช้อปปิ้ง แล้วท าไม บริษัทของคุณจะต้องเสียเวลาและทรัพยากรบุคคลมาคอยดูแล Fan Page นี้ด้วยล่ะ (Fan Page คือ หน้าโปร ไฟล์ของบริษัท) ถึงแม้ว่าสมาชิกที่มาเป็นแฟนบริษัทหรือธุรกิจของคุณจะไม่ได้มีความสนใจจะซื้อสินค้าหรือ บริการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาได้รับก็คือความรู้สึกเชื่อมโยงกับบริษัทในทางใดทางหนึ่ง อย่างน้อยก็เพราะ พวกเขายอมรับว่าเป็น ‘แฟน’ ของคุณแล้วยังไงล่ะ 1. ถือเป็นอีกชองทางที่คุณสามารถโปรโมตธุรกิจของคุณบนเว็บไซต์ การมี Fan Page นั้นช่วยในการแบรนดิ้งธุรกิจของคุณไปในตัว ซึ่งคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอาจจะมีคน อีกมากมายขนาดไหนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าของคุณในอนาคต หรืออาจจะเป็นคนที่อยากร่วมงานกับคุณ นักลงทุน ไปจนถึงสื่อที่สนใจในธุรกิจของคุณ และไม่ต้องกลัวว่ามันจะยุ่งยากหรือดุได้เฉพาะคนที่มี Facebook เพราะ Fan Page นั้นเปิดให้ทุกๆคนสามารถเข้ามาอ่านหรือดูโปรไฟล์ธุรกิจของคุณได้โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิก ซึ่งท าให้คนจ านวนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาถึงข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่คุณต้องการโปรโมตได้ เคล็ดลับ : อัพเดทเนื้อหาจากเว็บไซต์หลักเข้า Fan Page ผ่าน RSS เพื่อเซฟเวลา แต่ระวังอย่าให้มีเนื้อหาที่ชี้ ชวนหรือโฆษณาขายจนเกินไป 2. ได้ยอดคนเข้าเว็บมากขึ น เพราะ Facebook ให้คุณสามารถใส่ลิงก์เว็บไซต์บริษัทหรือธุรกิจของคุณได้ คราวนี้คนที่เข้ามาดูหน้า Fan Page ที่สนใจและอยากจะรู้เกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้าและบริการของคุณมากขึ้นก็สามารถคลิกลิงก์ไปยัง เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทคุณได้เลยทันที นอกจากนี้ก็อย่าลืมใส่ Facebook Widget ที่จะช่วยให้คน ที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณโดยตรงสามารถคลิกเข้าเยี่ยมและมาเป็นแฟนของบริษัทได้ในหน้า Fan Page ท าทั้ง 2 อย่าง เท่านี้ทั้งเว็บไซต์และ Fan Page ของคุณก็จะสามารถช่วยโปรโมตกันและกันได้แล้ว เคล็ดลับ : เปลี่ยนสถานะจากผู้ใช้ Facebook เป็นแฟนผลิตภัณฑ์และจากแฟนเป็นลูกค้า ผ่านการโปรโมต เว็บไซต์ผ่าน Fan Page และใส่ลิงก์Fan Page ลงไปในหน้าเว็บไซต์ โดยการใช้ 3. เพิ่มประสิทธิภาพ SEO การที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบริษัทของคุณกระจายอยู่ในหลายๆเว็บไซต์นั้นจะยิ่งท าให้การค้นหาผ่าน search engine อย่าง Google นั้นเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งท าให้คนค้นเจอเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นและเร็ว ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Social Search บริการใหม่จาก Google ยังช่วยให้ผู้ค้นหาสามารถอ่านความเห็นที่เกี่ยวข้อง กับสินค้าหรือบริการของคุณได้ทันทีจากหน้าแสดงผลการค้นหา การลิงก์ Fan Page เข้ากับเว็บไซต์หลักจึงเป็น วิธีที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการช่วยต่อยอดจ านวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้อีกทางหนึ่ง 4. สร้างคอมมิวนิตี ผู้บริโภคหหรือกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและไม่ต้องเสียเงิน Fan Page ถือเป็นอีกทางเลือกในการท าให้กลุ่มลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นกับเว็บไซต์หลักของ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้คุณยังสามารถโพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นๆลงในโปรไฟล์ Facebook เพื่อแชร์กับบรรดาแฟนๆของสินค้าหรือผลิตภันณฑ์ได้อีกด้วย ที่ส าคัญคุณยังสามารถพูดคุยกับลูกค้า ถาม 92


ค าถาม ความคิดเห็น ควาพึงพอใจ และอีกมากมาย ที่สามารถช่วยให้คุณพัฒนาหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการ จากไอเดียที่ได้จากผู้บริโภค 5. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง ถ้าสมาชิกคนนั้นมาเป็นแฟนของ Fan Page คุณแล้ว คุณก็สามารถส่งข้อความถึงพวกเขาเหล่านั้นได้ โดยตรง ซึ่งคุณเองสามารถเลือกได้ว่าจะส่งให้ใครบ้าง เช่น หากคุณท ากิจกรรมในจังหวัดหนึ่ง คุณก็สามารถ เลือกให้ส่งข้อความชวนให้เฉพาะแฟนที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆมาร่วมกิจกรรมชิงรางวัลกับสินค้าหรือบริการของคุณ ได้ และไม่ิใช่แค่พื้นที่เท่านั้น แต่อายุ หรือ เพศ ก็สามารถก าหนดได้เช่นกัน 6. เสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ น การคุยกันหรือแสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆนั้น สามารถท าให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าแกร่งขึ้น เพราะ เป็นการโต้ตอบกันโดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่าถูกบีบบังคับให้ซื้อสินค้า แต่เป็นการคุยกันแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งท า ให้ทัศนคติของลูกค้าต่อแบรนด์นั้นๆดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นใน Facebook เลยก็ตาม แต่กว่า 90% ของผู้ใช้ Facebook นั้นมีความคาดหวังที่จะเห็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตนเองใช้มีหน้า Fan Page 7. สร้างพื นที่ให้กับผู้ที่ภักดีต่อแบรนด์ได้บอกต่อ แม้ผู้ใช้จ านวน 25% จะไม่ชอบการป่าวประกาศบอกคนอื่นๆว่าตนเองชอบหรือใช้ผลิตภัณฑ์ไหน แต่ ผู้ใช้จ านวนที่เหลืออีกมากมายนั้นพร้อมที่จะแนะน าหรือแสดงความชื่นชมสินค้าหรือบริการที่ตนเองประทับใจ รวมถึงบอกต่อไปยังเพื่อนๆหรือคนรู้จักใน Facebook อีกด้วย ฉะนั น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าชั้นเยี่ยมแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ส าคัญมาก เพราะคนเหล่านี้จะช่วย เป็นกระบอกเสียงให้กับสินค้าโดยที่คุณไม่จ าเป็นต้องเสียเงินจ้างมาโฆษณาด้วยซ้ า เคล็ดลับ : การโพสต์ข่าวสารข้อมูลในหน้า Fan Page หรือการที่แฟนๆมีการโต้ตอบกับคุณ ก็จะปรากฏบน หน้าอัพเดทของทั้งคุณและแฟนของสินค้าคนนั้นๆด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้มีคนมาเป็นแฟนหน้า Fan Page มากขึ้นนั่นเอง 8. การรับฟังและการจับตาดูพฤติกรรมจะช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณ ในสังคมออนไลน์แบบ Facebook นั้น ลูกค้าและผู้บริโภคมักจะไม่ค่อยตั้งป้อมต่อต้านหรือแสดงอคติ ต่อการเข้าไปท าการตลาดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแน้วโน้มมากขึ้นที่จะออกความเห็น เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ หรือประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีต่อธุรกิจของคุณหรือของคู่แข่ง ซึ่งหากคุณให้ ความส าคัญหรือใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้ และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ คุณก็จะ ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆโดยปริยาย เคล็ดลับ : Fan Page นั้นมาพร้อมส่วนที่เป็นหน้าถาม-ตอบ อยู่แล้ว คุณสามารถใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์โดย การสนับสนุนให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เช่น ส่วนที่อยากให้ปรับปรุงใน สินค้า เป็นต้น 93


9. มาพร้อมด้วยเครื่องมือวัดผลที่แม่นย า ถ้าอยากรู้ว่า Fan Page ที่ท าไปได้ผลอย่างไรบ้าง Facebook ก็มีบริการ Page Insights ที่เป็น เครื่องมือรายงานและวัดสถิติ เช่น มีคนเข้ามาคอมเมนท์ หรือ โพสต์ มากน้อยขนาดไหน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับ แฟนๆของหน้า Fan Page ว่าอายุเท่าไหร่ เพศอะไร ภูมิล าเนาอยู่แถวไหน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณ สามารถท าการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องยิ่งขึ้น เคล็ดลับ : อย่าลืมน าข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการสร้างสารที่เหมาะสม และส่งไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็น target group ของสินค้าหรือบริการ เพื่อน าไปสู่เป้าหมายทางการตลาดที่ตั้งไว้ 10. ให้คุณไล่ตามคู่แข่งได้ทัน ถ้ายังคิดว่า Fan Page ไม่จ าเป็นส าหรับธุรกิจของคุณอยู่ล่ะก็ ลองมามองด้านการแข่งขันดูบ้าง อย่า ลืมว่าถ้าคู่แข่งของคุณท า Fan Page ที่มีแฟนๆมากมายและท ากิจกรรมต่างๆกับกลุ่มลูกค้า จนมีความสัมพันธ์ อันเหนียวแน่น และไม่เหลือที่ว่างให้กับธุรกิจของคุณ ทั้งๆที่คุณเองก็มีโอกาสเท่ากัน แบบนี้แล้วคุณจะมัวรอ อะไรอยู่อีก เริ่มท าตั้งแต่วันนี้เพื่อความได้เปรียบในสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลกกันเลย การใช้LINE@ เพื่อธุรกิจ ส าหรับผู้บริโภคชาวไทย เมื่อมีการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บไซต์, Facebook Page หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อ พวกเขามักต้องการสื่อสารกับแบรนด์ก่อน เพื่อสอบถามข้อมูล เพิ่มเติม หรือแจ้งการช าระเงินโดยตรง เพื่อเพิ่มความเชื่อถือต่อสินค้า และต่อแบรนด์ ซึ่งช่องทางที่ผู้บริโภค นิยมใช้เพื่อสื่อสารกับแบรนด์มากที่สุด คงหนีไม่พ้นแอพฯแชทยอดนิยม LINE นั่นเองค่ะ ผู้ประกอบการหลายท่าน คงจะคุ้นเคยกับการสื่อสารกับลูกค้าผ่าน LINE กันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อคุณมีการ ขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น การสื่อสารกับลูกค้าทีละคนกลายเป็นเรื่องยากล าบาก ผู้ประกอบการอาจแก้ปัญหาด้วย การตั้งกลุ่ม เพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าได้หลายคน แต่การตั้งกลุ่มจ ากัดสมาชิกเพียงแค่ 500 คนเท่านั้น อีกทั้งการ เพิ่มเพื่อนใน LINE ก็เพิ่มได้เพียงแค่ 5,000 คนเท่านั้น ท าให้ LINE พัฒนาบริการใหม่ เพื่อมาตอบโจทย์ธุรกิจ โดยเฉพาะ อย่าง LINE@ (ไลน์แอด) ขึ้นมาค่ะ LINE@ (ไลน์แอด) แอพพลิเคชันใหม่ให้ผู้ใช้สามารถสร้าง Account ของธุรกิจ เพื่อการติดต่อสื่อสาร, ส่งข้อมูลข่าวสารทั้งในเชิงส่วนบุคคลและเชิงธุรกิจได้ตรงถึงเป้าหมายอย่างง่ายดาย เพียงแค่มี Account ของ LINE ก็สามารถสมัครเปิดบัญชี LINE@ เพื่อส่งข้อมูลและจัดการบัญชีดังกล่าวได้ด้วยตนเอง และผู้ประกอบการ สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจฟีเจอร์ต่างๆได้ตามการใช้งานจริงของธุรกิจ โดยการใช้งานฟีเจอร์เบื้องต้นนั้น ไม่มี ค่าใช้จ่ายค่ะ ด้วยความพิเศษนี้เอง ที่ท าให้ ReadyPlanet เล็งเห็นประโยชน์ของการน า LINE@ มาปรับใช้กับธุรกิจ SME ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และอยากจะน าข้อดีเหล่านี้ มาแนะน าให้กับทุกท่านได้ทราบกัน ดังต่อไปนี้ค่ะ 94


LINE@ สามารถสื่อสารการตลาดให้กับผู้ติดตามจ านวนมากได้ในครั งเดียว ส าหรับผู้ประกอบการที่ใช้ LINE แชท ในการสื่อสารการตลาด เมื่อคุณต้องการบอกโปรโมชั่น หรือ ประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการใหม่ล่าสุดให้กับกลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่คุณมักท าก็คือ การโพสต์ภาพสินค้าบน Timeline หรือส่งภาพและข้อความไปให้กับลูกค้าในกลุ่ม หรือเป็นรายบุคคล ซึ่งการโพสต์บน Timeline อาจ ท าให้ลูกค้าที่ไม่ได้กดเข้าไปดู ไม่เห็นสินค้าของคุณ การโพสต์ในกลุ่ม ก็อาจท าให้ลูกค้าบางคนพลาดการเห็น สินค้า จากการพูดคุยของคนจ านวนมากในกลุ่ม ท าให้ภาพสินค้าเลื่อนหายไปจากช่องสนทนา และแม้ว่าการส่ง ภาพและข้อความเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปให้กับลูกค้าแบบตัวต่อตัวจะได้ผลดีมากที่สุด แต่การท าเช่นนั้น กับลูกค้าทุกคน รวมถึงตอบข้อความจากคนที่สนใจ ก็อาจท าให้คุณต้องเสียเวลาไปตลอดทั้งวัน แต่ส าหรับ LINE@ คุณสามารถส่งภาพ และข้อความเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ไปให้กับผู้ติดตามของคุณทุกคนได้ ด้วยการส่งเพียงแค่ครั้งเดียว ท าให้ไม่ว่าคุณจะมีผู้ติดตามมากแค่ไหน คุณก็ สามารถมั่นใจได้ ว่าสื่อสารการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายไปได้อย่างทั่วถึงค่ะ LINE@ ตอบโจทย์ทั งผู้ขาย และง่ายต่อผู้ซื อ หันมองไปทางไหน ใคร ๆ ก็กดเล่นโทรศัพท์มือถือ จากผลส ารวจของ We Are Social คนไทยใช้ LINE เป็นแอพพลิเคชั่นแชทที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ซึ่งหมายความว่า LINE เป็นหนึ่งในเครื่องมือส าคัญที่ ผู้บริโภคออนไลน์เลือกใช้ จากการใช้งานที่ง่ายบนสมาร์ทโฟน มีลูกเล่นในการสื่อสารที่น่าสนใจ เช่น การส่ง สติกเกอร์รูปแบบต่างๆ, Voice Call, Video Call และการสร้างกลุ่มเพื่อสื่อสารกันได้หลายๆคน เป็นต้น และ แน่นอนว่า ผู้ประกอบการเองก็สามารถใช้ LINE เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงผู้บริโภคเหล่านั้น เพื่อสื่อสาร การตลาด และต่อยอดธุรกิจได้ แต่ด้วยข้อจ ากัดของ LINE แชท ที่ไม่สามารถเพิ่มเพื่อนได้เกิน 5,000 คน รวมถึงตั้งกลุ่มที่มีสมาชิกได้ ไม่เกิน 500 คน ไม่สามารถตอบโจทย์กับธุรกิจได้ แต่ LINE@ สามารถมีผู้ติดตามได้มากถึง 3 แสนคน อีกทั้งยัง มีฟังก์ชั่นหลากหลาย ที่ช่วยให้การประชาสัมพันธ์แบรนด์ของคุณง่ายขึ้น ท าให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ในแพลตฟอร์มยอดนิยมนี้ และพวกเขาก็สามารถเข้าถึงแบรนด์ของคุณได้ง่ายเช่นกัน 95


Click to View FlipBook Version