สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม เพิ่มลูกค้าใหม่ ด้วยฟังก์ชั่นน่าสนใจ หลังจากที่คุณสร้าง LINE@ ให้กับธุรกิจแล้ว คุณควรท าการแจ้งลูกค้าให้เข้ามาติดตาม LINE@ โดย การน า QR Code หรือ LINE@ ID ไปโปรโมทบนทุกช่องทางออนไลน์ที่ธุรกิจของคุณมีตัวตนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์, Facebook Page, Instagram หรือแม้แต่หน้าร้านของคุณเพื่อให้เป้าหมายที่สนใจสินค้าหรือบริการ หรือลูกค้าเดิมที่ต้องการติดต่อ หรือรับข่าวสารจากแบรนด์ให้กดติดตาม และคุณมีโปรโมชั่นดีๆ คุณก็สามารถ ใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ได้ เช่น Rich Message : อัพเดทสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า ผ่าน Rich Message ฟีเจอร์ส่งรูปภาพขนาด ใหญ่ ที่คุณไม่เพียงแค่สื่อสารกับลูกค้าผ่านภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มข้อความสั้นๆ(Key Message) เพื่อ แนะน าสินค้าใหม่ สินค้ายอดนิยม หรือแม้แต่สินค้าราคาพิเศษของคุณลงไปบนภาพ รวมถึงฝัง URL เพื่อให้ ลูกค้าคลิกเข้าไปเยี่ยมชม และเลือกซื้อบนเว็บไซต์ของคุณก็ได้ค่ะ E-Coupon : ส่งคูปองส่วนลดสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า โดยสามารถส่งให้กับผู้ติดตามบน LINE@ ทุกคนได้ในครั้งเดียว ซึ่งคุณสามารถแบ่งคูปองออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่ต่างกัน คือ 1. หากคุณต้องการมอบส่วนลดให้กับผู้ติดตามทุกคน คุณก็สามารถออกแบบคูปอง แล้วส่งให้ผู้ติดตามได้ ปกติ 2. หากคุณต้องการให้ผู้ติดตามร่วมสนุก เพื่อชิงคูปองส่วนลดที่เป็นรางวัลใหญ่ ก็สามารถท าได้เช่นกันค่ะ 2 ฟีเจอร์ ที่กล่าวไปข้างต้น เป็นฟีเจอร์ที่คุณสามารถใช้เพื่อดึงลูกค้าใหม่ให้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือ บริการของคุณได้ง่ายขึ้น ด้วยการสื่อสารข้อความที่โดนใจ และโปรโมชั่นที่ดึงดูด นอกจากนั้น คุณยังสามารถ สร้างการจดจ าให้กับลูกค้าเดิมที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของคุณไปแล้ว ให้กลับมาซื้อซ้ าได้อีกด้วยค่ะ ตัดปัญหาตอบ LINE ช้าได้ ด้วย Auto Reply ผู้ประกอบการหลายท่าน คงจะพอทราบแล้วว่า Chatbots หรือ Chat Robot โปรแกรมการสื่อสารที่ ถูกพัฒนาให้โต้ตอบ หรือสนทนากับมนุษย์ กลายเป็นเทรนด์ที่ส าคัญของโลกดิจิทัลในปี 2017 นี้ เนื่องจาก ผู้บริโภคมีความคาดหวังที่จะได้รับบริการที่ดีจากแบรนด์เพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้บริโภคสอบถามถึงรายละเอียดของ สินค้าหรือบริการ ก็มีความคาดหวังว่าแบรนด์โต้ตอบอย่างรวดเร็ว 96
ในขณะที่ธุรกิจ SME อาจไม่ได้มีบุคลากรที่พร้อมในการตอบค าถามกับผู้บริโภคได้ตลอด 24 ชั่วโมง LINE เองก็เข้าใจถึงเทรนด์นี้ จึงได้สร้างฟีเจอร์ Auto Reply ขึ้นมาเพื่อช่วยผู้ประกอบการ โดยคุณสามารถตั้ง ข้อความอัตโนมัติเพื่อตอบลูกค้าที่ส่งข้อความเข้ามาใน LINE@ ของคุณ โดยสามารถตั้งให้ตอบตามช่วงเวลา หรือจะตั้งให้ตอบตามคีย์เวิร์ด ที่ลูกค้าพิมพ์มาก็ท าได้เช่นกันค่ะ ตัวอย่างการตอบกลับอัตโนมัติ (Auto Reply) ทั้ง 2 รูปแบบ 97
กฎหมายพาณิชย์ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ท าความเข้าใจในเรื่องธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การท าธุรกรรมระหว่างกันเป็นบทบาทที่ส าคัญต่อการด าเนินการทางธุรกิจ ปัจจุบันเอกสารที่เป็นกระดาษได้กลายเป็นเอกสารสัญญาแบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว การท าธุรกรรมจึงมีรูปแบบสัญญาการด าเนินการ ดังนี้ คือ มนุษย์ต่อมนุษย์ เช่น สัญญาเช่า สัญญาจะซื้อจะขายสินทรัพย์ มนุษย์กับคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์กับมนุษย์ เช่น การท า eCommerce เพื่อคา สั่งซื้อซอฟต์แวร์ที่ประกาศขายในอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ เป็นเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ คอมพิวเตอร์ด าเนินการเองอย่างอัตโนมัติ ซึ่งอาจมีหรือไม่มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้า ลักษณะของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ Electronic transaction หมายถึง การด าเนินการประกอบธุรกรรมร่วมกันโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการด าเนินการ ก่อให้เกิดรูปแบบที่ส าคัญทางกฎหมายหลายรูปแบบ เช่น การท าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีผลทางสัญญา เช่น การรับส่งข้อมูลด้วย E-Mail การท าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลทางสัญญา เช่น นาย ก สั่งซื้อหนังสือจากร้านค้าทาง อินเทอร์เน็ต โดยให้หักบัญชีบัตรเครดิตที่นาย ก ถืออยู่ ต่อมาร้านค้าส่งหนังสือให้ แต่นาย ก ปฏิเสธการจ่าย การท าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ท าให้เกิดการโอนสิทธิในทางกฎหมาย เช่น นาย ก. ติดต่อกับ องค์กรรัฐวิสาหกิจให้ตัดจ่ายเงินจากบัญชีเป็นค่าสาธารณูปโภคโดยใช้ระบบอีเมล์ส่งไปยังรัฐวิสาหกิจเพื่อให้ดา เนินการ รัฐวิสาหกิจใช้หลักฐานอีเมล์เพื่อขอให้ทางธนาคารโอนเงินทางบัญชีจาก นาย ก. การท าธุรกรรมตามข้อก าหนดหรือกฎระเบียบของทางราชการ เช่น การยื่นภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ท าไมต้องมีกฎหมายการพาณิชย์อิเล็กทรอนิสก์ “เราสามารถซื้อขายผ่าน Internet ได้โดยไม่จ าเป็นต้องมีกฎหมายเพิ่มเติมแต่อย่างใด” แต่ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการซื้อขายที่เรียบร้อยไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ถึงแม้ผู้ซื้อจะได้สินค้าไม่ดีก็ ยอมทนรับสภาพ แต่ในชีวิตจริงมันจะเรียบร้อยเช่นนี้เสมอไปหรือ ผู้ซื้อไม่ใช่เป็นหมูทุกรายไป บางรายไม่ ยอมรับของที่ไม่ได้คุณภาพ ถ้าผู้ขายไม่เปลี่ยนสินค้าให้ แต่จ่ายเงินไปแล้วก็ต้องฟ้องร้องกันบ้าง ตัวอย่าง เช่น บริษัท ก. สั่งซื้อวัตถุดิบจากบริษัท ข. โดยสั่งผ่าน Internet หลังจากสั่งไปแล้วยังไม่ได้ รับของ บริษัท ก. ประสบปัญหาท าให้ไม่ต้องการวัตถุดิบนั้น เมื่อบริษัท ข. มาส่ง บริษัท ก. ก็ปฏิเสธว่าไม่เคย หน่วยที่ 9
สั่ง บริษัท ข. เสียหายเพราะของที่เอามาส่งนั้น ท าให้เฉพาะกับบริษัท ก. จะเอาไปขายใครก็ไม่ได้ บริษัท ข. จึง ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท ก. บริษัท ก. ก็บอกว่าไม่เคยสั่งน่ะจะมาเอาค่าเสียหายได้ไง ที่ว่าสั่งน่ะมี หลักฐานไหม ทนายบริษัท ข. ก็หยิบดิสเกตขึ้นมาโชว์ต่อศาล นี่ไงครับหลักฐานมี e-mail ติดต่อระหว่างเรา มี record ที่บริษัท ก. สั่ง ทนายบริษัท ก. ก็หัวเราะฮ่าๆ คุณท าเอาเองหรือเปล่า แบบนี้ใครๆก็ท าได้ มีลายเซนต์ของผู้มีอ านาจ ของบริษัท ก. อยู่ตรงไหนในดิสเกตมิทราบ e-mail กับ record ที่คุณว่า ที่บริษัท ก. ก็ไม่มีสักหน่อย ผมบอก ให้ลบไปหมดแล้ว ข้าแต่ศาลที่เคารพบริษัท ข. ขี้ตู่สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้นครับ ถ้าท่านเป็นศาลท่านจะเวียนหัวแค่ ไหน แล้วที่ส าคัญกฎหมายยังบอกอีกว่า สัญญาซื้อขายสินค้าที่มีราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป ถ้าไม่มี หลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จะไปฟ้องร้องต่อศาลไม่ได้ นอกจากได้วางมัดจ า หรือได้ ช าระหนี้ไปบางส่วนแล้ว จึงจะฟ้องร้องต่อศาลได้ ตามตัวอย่างบริษัท ก. กับบริษัท ข. มีสัญญาเป็นหนังสือ หรือไม่ แค่นี้ก็น่าคิดแล้ว มองดูก็เหมือนเป็นหนังสือนะ เพราะอ่านได้มองอีกทีก็ไม่ใช่ เพราะมันท าขึ้นใหม่ได้ และท าลายได้โดยไร้ร่องรอย จับมือใครดมไม่ได้แล้วก็ไม่มีการลงลายมือชื่อแน่นอน ดังนั้น ฟ้องไม่ได้ เมื่อฟ้อง ไม่ได้แล้วจะท ายังไงล่ะ ปล่อยให้ไปตั้งศาลเตี้ยกันเองก็คงไม่ได้ อย่ากระนั้นเลยเรามาออกกฎหมาย ให้ ครอบคลุมทุกประเด็นดีกว่า ” ตัวอย่างการท าธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจเป็นปัญหา บริษัทเทสโก้ส่งค าสั่งซื้อแชมพูให้บริษัทยูนิลีเวอร์ผ่านแฟกซ์ - ตัวเลขไม่ชัด นักศึกษาตรวจสอบผลการเรียนผ่านอินเทอร์เน็ต ผลการเรียนผิด บริษัทพิซซ่ารับค าสั่งซื้อสินค้าทางโทรศัพท์ พนักงาน : ขอเลขที่บัตรประชาชนด้วยค่ะ ลูกค้า : จะเอาไปท าไม? พนักงาน : ทางร้านได้เชื่อมการบริการเข้ากับฐานข้อมูลบัตรประชาชนของราชการ …. ลูกค้า : โอเค บัตรผมเลขที่ 3 5004 34431 23 4 ลูกค้า : เฮ้ย...อะไรกันวะ...แค่เลขบัตรประชาชนนี่ท าให้ใครๆมารู้เรื่องส่วนตัวคนอื่นๆ ได้ทุกเรื่อง เลยรึไง … พนักงาน : กรุณาใช้ค าสุภาพด้วยนะคะ เพราะขณะนี้ชื่อคุณยังอยู่ในฐานข้อมูลของผู้อยู่ระหว่างโดน ทัณฑ์บน .... ลูกค้า : โอ๊ย....อยากจะบ้าตาย ไม่กงไม่กินมันแล้วยกเลิกที่สั่งทั้งหมดไปเลยแล้วกัน พนักงาน : เสียใจด้วยค่ะ ค าสั่งซื้อได้ส่งผ่านระบบออนไลน์โดยค ายืนยันจากคุณผ่านการบันทึก... ลูกค้า : ท าไม จะเอากันเข้าคุกกับแค่ยกเลิกพิซซ่า 2 ถาดนี่รึยังไง ลูกค้า : แต่ถ้าไม่เอาซะอย่าง ใครจะท าอะไรได้ 99
พนักงาน : ไม่มีใครท าอะไรคุณหรอกค่ะ เพียงแต่ระบบจะบันทึกชื่อคุณเป็นบุคคลมีประวัติหรือที่ เรียกว่าแบล็คลิส ลูกค้า : บันทึกก็บันทึกไปซิ มันจะเป็นอะไรนักหนากันเชียว พนักงาน : อือ..มันก็จะส่งผลเวลาต้องตรวจสอบเครดิต... ลูกค้า : โอ๊ย!…. พอๆๆ โอเค เอามาส่งเลย จบๆ พอๆ พอกันที กว่าจะมาเป็นกฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การริเริ่มระหว่างประเทศ คณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ: UNCITRAL ได้เสนอกรอบทาง กฎหมายเกี่ยวกับการติตต่อสื่อสารด้วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์(Data Message) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แต่ละประเทศสมาชิกน าไปปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศตามความเหมาะสม การริเริ่มในประเทศไทย คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงยุติธรรม(ในสมัยนั้น)รับผิดชอบด าเนินการในเรื่องกฎหมายว่าด้วย พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และอนุมัติโครงการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศของ ไทยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2540 กฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ : การริเริ่มในประเทศ “โครงการพัฒนากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ” โดยคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2541 ซึ่งประกอบด้วยกฎหมาย 6 ฉบับ 1. กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Business Law) 2. กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law) 3. กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer Law) 4. กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Law) 5. กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law) 6. กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียม 100
โครงสร้างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ กฎหมายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ : บทบาทและความจ าเป็น รองรับสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เอกสาร(กระดาษ) = ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รองรับสถานะทางกฎหมายของ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” ลายมือชื่อ = ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ด้วยบทบาทและความส าคัญของอิเล็กทรอนิกส์และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน จึงทาให้ ต้องมีระบบควบคุมและดูแลให้ระบบเป็นไปอย่างเอื้อประโยชน์สูงต่อมวลมนุษย์ร่วมกัน ระบบกฎหมายจึงต้อง เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นสิ่งที่ส าคัญอย่างยิ่งในการทาให้ระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์เดินหน้าต่อไปได้ การค้าในปัจจุบันเป็นการค้าแบบไร้พรมแดน ไร้ขอบเขต ระยะทางไม่มีความหมาย การด าเนินงานใน เรื่องการค้าจึงเกี่ยวโยงถึงกันทุกประเทศ ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับไอทีแล้ว ประเทศไทยจึงต้องมีกฎหมายเป็นของตัวเองเพื่อให้สอดคล้องและรักษามาตรฐานการดาเนินธุรกิจให้นานา ประเทศยอมรับและเพื่อความยุติธรรมในการด าเนินธุรกิจที่ต้องเชื่อมโยงกันทั่วโลก 101
1. กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง ธุรกรรมที่กระท าขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจ เป็น “ทั้งหมด” หรือ “บางส่วน” ก็ได้ วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การติดต่อทางคอมพิวเตอร์โดยผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือระบบ เครือข่าย เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ EDI หรือ E-Mail โปรแกรมสนทนาต่างๆ เช่น MSN, Facebook และอื่นๆ การรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จะอยู่ในระบบเลขฐานสอง คือ 0 และ 1 เท่านั้น การรับรองสถานะข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มาตรา 7, 9 และ 11 สามารถเข้าถึงได้ด้วยการอ่าน และ แปลงกลับมาเป็นข้อความที่นามาใช้อ้างอิงในภายหลังได้ ตัวอย่างการแปลงข้อความเป็นเลขฐานสอง/ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับข้อความ 102
2. กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ความส าคัญของการระบุตัวบุคคล การระบุตัวบุคคล 103
104
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (มาตรา 4 ) หมายถึง : อักษร อักขระ ตัวเลข เสียง หรือสัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้น โดยวิธีทาง อิเล็กทรอนิกส์ วิธีการ : นามาประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคล กับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ วัตถุประสงค์ : ระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ และแสดงว่าบุคคลยอมรับและ ผูกพันกับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 105
ประเทศที่มีกฎหมายลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ 3. กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ความหมาย : กฎหมายที่ว่าด้วย การนาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสารมาใช้ในระบบการ ช าระเงินทั้งในรูปของสื่อกลางในการชาระเงินและวิธีการส่งมอบสื่อกลางในการช าระเงิน จุดมุ่งหมาย : เพื่อก าหนด กลไกส าคัญทางกฎหมายในการรองรับระบบการโอนเงินทาง อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่เป็นการโอนเงิน ระหว่าง สถาบันการเงินและระบบการช าระเงินรูปแบบใหม่ในรูปของเงิน อิเล็กทรอนิกส์ก่อให้เกิดความ เชื่อมั่นต่อระบบ การท าธุรกรรมทางการเงินและการท าธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น พัฒนาการของ เงิน การแลกเปลี่ยนสินค้า (Trade by Barter) เงินตรา (Chattel money) --> เหรียญ ธนบัตร เงินพลาสติก (Plastic Money) 106
สาระส าคัญของกฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 4. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความจ าเป็นในการตรากฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากการละเมิดของบุคคลอื่น คุ้มครองสิทธิของบุคคลจากการใช้อ านาจรัฐในทางมิชอบ รักษาดุลยภาพระหว่าง สิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นส่วนตัว/เสรีภาพในการสื่อสาร/ความ มั่นคงของรัฐ ขอบเขตของกฎหมาย ใช้บังคับกับ : การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล • ด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์/วิธีการอัตโนมัติ หรือวิธีการอื่นใด ไม่ใช้บังคับกับ : การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นส่วนตัว ของบุคคลธรรมดา 107
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิของเจ้าของข้อมูล ข้อมูลทั่วไป(Non-sensitive data) : ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลเช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อายุ เพศ ฯลฯ ข้อมูลห้ามจัดเก็บ (Sensitive data) : ข้อมูลที่กระทบความรู้สึกของประชาชน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธ์/ความเชื่อทางศาสนา ลัทธิ/ความคิดเห็นทางการเมือง ข้อมูลด้านสุขภาพ/ฯลฯ สิทธิของเจ้าของข้อมูล สิทธิได้รับแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิการเข้าถึง ตรวจสอบ และร้องขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล 5. กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อก าหนดมาตรการ ทางอาญาในการลงโทษผู้กระท าผิดต่อ ระบบการท างานของคอมพิวเตอร์ ระบบข้อมูล และระบบเครือข่าย ซึ่งใน ปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายฉบับใดก าหนดว่าเป็นความผิด ทั้งนี้ เพื่อเป็นหลักประกัน สิทธิ เสรีภาพและการคุ้มครองการอยู่ร่วมกันของสังคม ตัวอย่างคดีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ / ในประเทศไทย 108
ปัญหาของการเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ปัญหาด้านพยานหลักฐาน เพราะพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลง ได้ตลอดเวลาและกระท าได้ง่าย แต่ยากต่อการสืบหา รวมทั้งยังสูญหายได้ง่าย เช่น ข้อมูลที่ถูกบันทึกอยู่ในสื่อ บันทึกข้อมูลถาวรของเครื่อง (Hard Disk) นั้น หากระหว่างการเคลื่อนย้ายได้รับความกระทบกระเทือนหรือ เกิดการกระแทก หรือเคลื่อนย้ายผ่านจุดที่เป็นสนามแม่เหล็ก ข้อมูลที่บันทึกใน Hard Disk ดังกล่าวก็อาจสูญ หายได้ ปัญหาด้านอ านาจในการออกหมายค้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเช่นกัน เพราะการค้นหา พยานหลักฐานใน Hard Disk นั้นต้องก าหนดให้ศาลมีอ านาจบังคับให้ผู้ต้องสงสัยบอกรหัสผ่านแก่เจ้าหน้าที่ที่ ท าการสืบสวนเพื่อให้ท าการค้นหาหลักฐานใน Hard Disk ได้ด้วย ปัญหาด้าน ขอบเขตพื้นที่ เพราะผู้กระท าความผิดอาจกระท าจากที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศไทย ซึ่ง อยู่นอกเขตอ านาจของศาลไทย ดังนั้น กฎหมายควรบัญญัติให้ชัดเจนด้วยว่าศาลมีเขตอ านาจที่จะลงโทษ ผู้กระท าผิดได้ถึงไหนเพียงไร และถ้ากระท าความผิดในต่างประเทศจะถือเป็นความผิดในประเทศไทยด้วย หรือไม่ ปัญหาประเด็นเรื่องอายุของผู้กระท าความผิด เพราะผู้กระท าความผิดทางอาชญากรรม คอมพิวเตอร์ส่วนมาก โดยเฉพาะ Hacker และ Cracker นั้น มักจะเป็นเด็กและเยาวชน และอาจกระท า ความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเพราะความคึกคะนองหรือความซุกซนก็เป็นได้ พระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สาระส าคัญของ พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เหตุผลในการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544” คือเพื่อ รับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการท าธุรกรรม หรือสัญญา ให้มีผลเช่นเดียวกับการ ท าสัญญาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายปัจจุบัน (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) ก าหนดไว้ ได้แก่ การท าเป็น หนังสือ หลักฐานเป็นหนังสือ การลงลายมือชื่อ กล่าวคือถ้ามีการท าสัญญาระหว่างบุคคลที่ใช้ข้อมูลเล็กทรอ นิกส์หรือลายมือ ชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามความหมายของกฎหมายแล้ว กฎหมายนี้ถือว่าการท าสัญญานั้นได้ท า ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นของกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์แล้ว เป็นผลท าให้สัญญานั้นมีผลสมบูรณ์หรือใช้บังคับได้ ตามกฎหมาย ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ก าหนด พระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2544 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ เมษายน พ.ศ. 2545 โดยคณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะ เป็นผู้ดูแลการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ โดยมีเนื้อหาส าคัญเกี่ยวกับการค้าของกฎหมายดังนี้ 1. มาตรา 7 ระบุไว้ว่า “ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทาง กฏหมายของข้อความ ใด เพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” 109
2. มาตรา 9 ระบุไว้ว่า “ในกรณีที่บุคคลพึงลงลายมือชื่อในหนังสือ ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมี การลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า (1) ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงได้ว่าเจ้าของ ลายมือชื่อรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นว่าเป็นของตน” 3. มาตรา 10 ระบุไว้ว่า “ในกรณีที่กฎหมายกาหนดให้นาเสนอหรือเก็บรักษาข้อความใดในสภาพที่ เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้นาเสนอหรือเก็บรักษาในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าได้มีการนาเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสาร ต้นฉบับตามกฎหมายแล้ว(1) ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้อง ของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จ สมบูรณ์ และ(2) สามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได้ ความถูกต้องของ ข้อความตาม (1) ให้พิจารณาถึง ความครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดของข้อความ เว้นแต่การรับรอง หรือบันทึกเพิ่มเติม… ” 4. มาตรา 23 ระบุไว้ว่า “การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ นั้นได้เข้าสู่ระบบข้อมูลของผู้รับข้อมูล หากผู้รับข้อมูลได้กาหนดระบบข้อมูลที่ประสงค์จะใช้ในการรับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ไว้โดยเฉพาะ ให้ถือว่าการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ เข้าสู่ระบบข้อมูลที่ผู้รับข้อมูลได้กาหนดไว้นั้น แต่ถ้าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้ส่งไปยังระบบข้อมูลอื่นของ ผู้รับข้อมูล ซึ่งมิใช่ระบบข้อมูลที่ผู้รับข้อมูลกาหนดไว้ ให้ถือว่าการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีผลนับแต่เวลาที่ได้ เรียกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบข้อมูลนั้น” 5. มาตรา 25 ระบุถึงบทบาทของภาครัฐในการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ อ านาจหน่วยงานรัฐบาลสามารถสร้างระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ในการให้บริการ ประชาชนได้ โดยต้องออกประกาศ หรือกฎกระทรวงเพิ่มเติม 6. มาตรา 27 ได้กาหนดหน้าที่ของเจ้าของใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ดังนี้ “(1) ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อมิให้มีการใช้ข้อมูลสาหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต (2) แจ้งให้บุคคลที่คาดหมายได้โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะกระท าการใดโดยขึ้นอยู่กับลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ หรือให้บริการเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทราบโดยมิชักช้า เมื่อ(ก) เจ้าของลายมือชื่อรู้ หรือควรได้รู้ว่าข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้น สูญหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผย โดย มิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ (ข) เจ้าของลายมือชื่อรู้จากสภาพการณ์ที่ปรากฏว่ากรณี มีความเสี่ยงมากพอที่ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ สูญ หาย ถูกท าลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผย โดยมิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์...” 110
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ หน่วยงานที่มีข้อมูลด้านกฎหมายที่เป็นปัจจุบัน สานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ http://www.etcommission.go.th/ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า http://www.dbd.go.th/ 111
ลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิของผู้สร้างสรรค์แต่เพียงผู้เดียวที่จะกระท าได้ (เช่นการท าซ้ า ดัดแปลง เผยแพร่ ให้เช่า หรืออนุญาตให้ใช้สิทธิ์) เกี่ยวกับงานลิขสิทธิ์ที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น ลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะในการ สร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น "ทรัพย์สินทางปัญญา" งานสร้างสรรค์ที่มีลิขสิทธิ์ งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานนาฏกรรม เช่น งานเกี่ยวกับการร า การเต้น การท าท่า หรือ การแสดงที่ประกอบขึ้น เป็น เรื่องราว การแสดงโดยวิธีใบ้ งานศิลปกรรม เช่น งานทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพประกอบแผนที่ โครงสร้าง ศิลปะประยุกต์ และรวมทั้งภาพถ่าย และแผนผัง ของงานดังกล่าวด้วย งานดนตรีกรรม เช่น เนื้อร้อง ท านอง และรวมถึงโน้ตเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียงเสียงประสาน งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีดีโอเทป แผ่นเลเซอร์ดิสก์ เป็นต้น งานภาพยนตร์ งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง แผ่นคอมแพ็คดิสก์ เป็นต้น งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น การน าออกเผยแพร่ทางสถานีกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ งานอื่นใดอันเป็นงานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ สิ่งที่ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ข่าวประจ าวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ประกาศ ค าสั่ง ระเบียบ ค าชี้แจง ของหน่วยงานรัฐหรือท้องถิ่น ค าพิพากษา ค าสั่ง ค าวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ ค าแปล และการรวบรวมสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่หน่วยงานของรัฐหรือท้องถิ่นจัดท าขึ้น 112
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งมี ลักษณะการได้มา ดังนี้ คุ้มครองทันทีที่ได้มีการสร้างสรรค์งานนั้น กรณีที่ยังไม่ได้มีการโฆษณางาน ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือมีสัญชาติในประเทศที่เป็น ภาคีแห่งอนุสัญญา ว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย กรณีที่มีการโฆษณางานแล้ว ต้องเป็นการโฆษณาครั้งแรกได้ทาขึ้นในราชอาณาจักรหรือในประเทศ ที่เป็นภาคีฯ กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคล ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย สิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทาการใดๆ ต่องานอันมีลิขสิทธิ์ของตน ดังต่อไปนี้ - มีสิทธิ์ในการท าซ้ า ดัดแปลง จ าหน่าย ให้เช่า คัดลอก เลียนแบบท าส าเนา - การท าให้ปรากฏต่อสาธารณชนหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิของตน โดยมีหรือ ไม่มีค่าตอบแทนก็ได้ อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ งานทั่วๆ ไป ลิขสิทธิ์จะมีตลอดอายุผู้สร้างสรรค์ และจะมีต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ ความตาย กรณีเป็นนิติบุคคล ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น งานภาพถ่าย โสตทัศนวัสดุ ภาพยนต์ หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มีอยู่ 50 ปี นับแต่ได้ สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น กรณีได้มีการโฆษณางานเหล่านั้น ในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ลิขสิทธิ์มีอยู่ต่อไปอีก 50 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก ยกเว้นในกรณีศิลปประยุกต์ ให้มีลิขสิทธิ์อยู่ต่อไปอีก 25 ปี นับแต่โฆษณาครั้งแรก ผลภายหลังลิขสิทธิ์หมดอายุ งานนั้นตกเป็นสมบัติของสาธารณะ บุคคลใดๆ สามารถใช้งานนั้นๆ ได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร สิทธิบัตร มีด้วยกัน 2 ความหมาย คือ 1. สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือส าคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้น หรือการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายก าหนด 2. สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิเด็ดขาดหรือสิทธิแต่เพียง ผู้เดียว ในการแสวงหาผลประโยชน์จากการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น เช่น การ ผลิตและจ าหน่าย เป็นต้น และสิทธิที่ว่านี้จะมีอยู่เพียงช่วงระยะเวลาที่จ ากัดช่วงหนึ่งเท่านั้น 113
สิทธิบัตร แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้าง หรือ กลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทาให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม 2. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอก ของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากเดิม อายุสิทธิบัตร 1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุ 20 ปี นับตั้งแต่วันขอรับสิทธิบัตร 2. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุ 10 ปี นับตั้งแต่วันขอรับสิทธิบัตร ความแตกต่างระหว่างลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงาน และมิต้องจดทะเบียน ไม่ต้องเสีย ค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด ลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินประเภทที่สามารถซื้อขาย หรือโอนสิทธิกันได้ทั้งทางมรดก หรือ โดยวิธีอื่น ๆ การโอนลิขสิทธิ์ควรที่จะทาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือทาเป็นสัญญาให้ชัดเจน จะโอนสิทธิทั้งหมด หรือเพียงบางส่วนก็ได้ สิทธิบัตร จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ และสิทธิบัตรการออกแบบ ทั้งสอง ประเภทจะต้องเป็นผลงานที่คิดขึ้นมาใหม่ ยังไม่เคยมีและเผยแพร่ที่ไหนมาก่อนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะต้องมีการจดทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียม จนถึงกาหนดอายุในการคุ้มครอง กรณีศึกษาของ “คาราบาวแดง” เนื่องจากสินค้าคาเฟอีนเปลี่ยนรูปแบบการโฆษณาที่ใช้สื่ออย่างรุนแรงและส่อไปในลักษณะการแจก ของแถมและชิงโชค มาเป็น การโฆษณาให้เห็นคุณค่าของการสู้ชีวิตมากขึ้น 114
กรณีศึกษาปัญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กรณีศึกษาปัญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อันเกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ดังกรณีตัวอย่าง ต่อไปนี้ 115
116
117