รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 421 4) การสนับสนุนจากฝ่ายบริหารผู้บริหารให้ความอนุเคราะห์สนับสนุนให้ครูได้รับ การพัฒนา 5) ผู้ปกครองคณะกรรมการสถานศึกษา ให้ความร่วมมือในการพัฒนาเด็กให้งบประมาณ สนับสนุน เช่น มอบทุนการศึกษาให้130 ทุน ทุนละ3,000 บาท มอบรางวัลให้นักเรียน นักศึกษาที่ชนะเลิศ การแข่งขันประกวดผลงาน 6) การยอมรับจากสังคม เมื่อนักเรียน นักศึกษาประสบความสำ�เร็จจะเป็นแรงจูงใจ ให้มีผู้มาสมัครเรียน 3.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข 1) งบประมาณในการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพียงพอแต่หากเพิ่มครุภัณฑ์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยให้นักเรียนได้ใช้เรียนคนละ 1 เครื่อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 2) กรอบในการดำ�เนินการวัดและประเมินผลกว้าง บางครั้งไม่สามารถวัดตัวบ่งชี้ ได้โดยตรง บางตัวบ่งชี้วัดไม่ได้และการสอนต่างสาขากันอาจวัดไม่เหมือนกันซึ่งทำ�ให้คุณภาพแตกต่างกัน 3.2.5 ข้อเสนอแนะ 1) ควรมีแหล่งเรียนรู้ให้เข้าไปอบรมเรื่องใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา เช่น การใช้เครื่องมือ เป็นต้น 2) การที่นักศึกษาจบจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา แต่เมื่อต้องการประกอบอาชีพ นักศึกษาจะต้องไปสอบเพื่อให้ได้มาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ หรือสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน แห่งชาติเพื่อให้ได้ใบประกาศที่นำ�ไปใช้ในการสมัครงาน ควรมีระบบเทียบความรู้ของนักศึกษาอาชีวศึกษา กับมาตรฐานต่าง ๆ ที่กำ�หนด เพื่อให้ได้มาตรฐานร่วมกันในทุกสถานศึกษา โดยไม่ต้องไปสอบมาตรฐาน อาชีพอื่นใดอีก 4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ 4.1 ข้อมูลทั่วไป วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ตั้งอยู่เลขที่4ถนนยันตรกิจโกศลตำ�บลในเวียงอำ�เภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ สังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา วิทยาลัยมีการจัดการเรียนการสอน ด้านวิชาชีพ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และหลักสูตรปริญญาตรีรวมทั้งสิ้น 4 ประเภทวิชา ได้แก่ ประเภทวิชาคหกรรม ประเภทวิชา พาณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ ประเภทวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และศิลปกรรม มีผู้บริหาร ครูและบุคลากรทั้งสิ้น 124 คน จำ�นวนนักเรียน/นักศึกษาระดับ ปวช. 1,011 คน ปวส. 789 คน และระดับปริญญาตรีรวม 1,836 คน ผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 ของ สมศ. ระดับคุณภาพ ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่ ด้านผลสัมฤทธิ์ของผู้สำ�เร็จการศึกษา องค์ประกอบคุณภาพผู้สำ�เร็จ การศึกษา ผลปรากฏ ดังนี้
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 422 1) ความรู้ของผู้สำ�เร็จการศึกษา อยู่ในระดับดีมาก 2) ทักษะและการประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานของผู้สำ�เร็จการศึกษา อยู่ในระดับดีมาก 3) คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้สำ�เร็จการศึกษา อยู่ในระดับดีเยี่ยม 4.2 ผลการถอดบทเรียน 4.2.1 การบริหารงานด้านการวัดและประเมินผล 1) ยึดนโยบายของผู้บริหารนำ�สู่การปฏิบัติมีการประชุมปรึกษางานเป็นประจำ� ทุกปีการศึกษา และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจะมีการประชุมครูเพื่อชี้แจงเรื่องที่เปลี่ยนแปลง 2) ครูทำ�แผนการสอนเป็นรายวิชา มีการกำ�หนดจุดประสงค์ เนื้อหาสาระ วิธีการสอน รวมทั้งการวางแผนการวัดและประเมินผลเป็นรายหน่วยการเรียน 3) ครูดำ�เนินการจัดการเรียนการสอน และมีความร่วมมือกับสถานประกอบการ ในการประเมินนักเรียนที่ไปฝึกงาน มีการกำ�หนดชัดเจนว่าส่วนใดให้ใครเป็นผู้ประเมิน การประเมิน โดยสถานประกอบการมีคู่มือการวัดและประเมิน ซึ่ง สอศ. จัดทำ�ขึ้นใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทุกโรงเรียน 4) ผู้บริหารมีการติดตามการดำ�เนินงานเป็นระยะ ๆ เช่น กำ�หนดการส่งข้อสอบ และเมื่อสอบเสร็จแล้วจะมีการวิเคราะห์ข้อสอบ วิเคราะห์ค่า p (ความยาก) และ r (อำ�นาจจำ�แนก) มีคณะกรรมการพิจารณาผลการสอบ ถ้าผ่านความเห็นชอบจึงประกาศผลการสอบ กรณีมีข้อสงสัย จะมีการเชิญอาจารย์ผู้สอนมาชี้แจง 4.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้(ทั้งระดับสถานศึกษา และห้องเรียน) 1) นโยบายการวัดและประเมินผล ให้ยึดตามหลักสูตร และยึดตามมาตรฐาน การศึกษาของชาติ 2) มีการวางแผนงาน โดยกำ�หนดแผนการดำ�เนินงานที่ครูต้องปฏิบัติตั้งแต่ก่อนเปิด ภาคเรียน ให้ครูทำ�แผนการสอนส่งก่อนเปิดภาคเรียน 3) เมื่อเปิดภาคเรียน ให้ดำ�เนินการตามแผนการสอน รวมทั้งการวัดและ ประเมินผล รายวิชาส่วนใหญ่เป็นรายวิชาที่มีการปฏิบัติการวัดและประเมินผลใช้วิธีการที่หลากหลาย ถ้านักศึกษาไม่ผ่านเกณฑ์ จะให้นักศึกษาไปทบทวนแล้วมาสอบใหม่ หรือครูสอนซ่อมเสริม แล้วมาสอบแก้ตัว การวัดและประเมินไม่ได้เน้นการตัดสินผลการสอบ แต่เน้นให้นักศึกษาได้ความรู้
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 423 4) การวัดและประเมินผลไม่มีการทดสอบกลางภาคแต่จะประเมินตามสภาพจริง เมื่อถึงปลายภาคจึงจะมีการสอบ ครูจะส่งข้อสอบมาแล้วมีคณะกรรมการพิจารณาว่าข้อสอบ สอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชาหรือไม่ ถ้าไม่สอดคล้องก็ส่งคืนให้ครูปรับ ถ้าตรงก็นำ�ไปใช้สอบ และเมื่อสอบเสร็จ ฝ่ายวัดผลดำ�เนินการวิเคราะห์ข้อสอบ และให้ครูปรับข้อสอบตามผลการวิเคราะห์ เมื่อข้อสอบมีคุณภาพดีนำ�มาจัดทำ�เป็นคลังข้อสอบ เมื่อสอบเสร็จจะตัดสินผลโดยมีคณะกรรมการตัดสิน ผลการสอบ และประกาศผลสอบต่อไป 5) การวัดและประเมินด้านจิตพิสัย วิทยาลัยมีนโยบายให้คะแนนจิตพิสัย ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติกำ�หนดสัดส่วนคะแนนด้านจิตพิสัย20คะแนน ซึ่งประเมินจากจิตพิสัย 13 ประการของ สอศ. โดยประเมินทั้งที่โรงเรียนและทางบ้าน 6) การประเมินการปฏิบัติงานในสถานประกอบการ ครูฝึกที่ทำ�หน้าที่ประเมิน ต้องผ่านการอบรมหลักสูตร 30 ชั่วโมงและได้เกียรติบัตรจึงจะเป็นผู้ประเมินได้การประเมินวิชาที่ต้อง ปฏิบัติงานในสถานประกอบการมี2 วิชา คือ วิชาฝึกงานและวิชาโครงการ มีการนิเทศงานอย่างน้อย วิชาละ 3 ครั้ง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน และรับทราบปัญหาในการฝึกงาน แล้วนำ�ข้อมูลมาใช้พัฒนาการ จัดการเรียนการสอน สถานประกอบการเป็นผู้ประเมินในสัดส่วนร้อยละ 70 ครูประเมินร้อยละ 20 และร้อยละ 10 ประเมินจากการนำ�เสนอผลงานและประสบการณ์ของนักศึกษาหลังฝึกงาน ซึ่งจะเป็น แนวทางสำ�หรับรุ่นน้องนำ�ไปตัดสินใจฝึกอาชีพในปีต่อ ๆ ไปด้วย 7) คู่มือการประเมินการปฏิบัติงานเป็นเอกสารที่สอศ. เป็นหน่วยงานที่ทำ�ขึ้นแล้วให้ สถานศึกษาใช้มีเกณฑ์การให้คะแนนแบบรูบริค 8) การสำ�เร็จการศึกษาของนักศึกษาต้องมีการสอบมาตรฐานวิชาชีพ โดยจัดสอบ ก่อนวันสอบปลายภาคประมาณ 1 สัปดาห์ข้อสอบมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกรณีนักศึกษาสอบ ไม่ผ่านในการสอบครั้งแรก นักศึกษาต้องมาสอบจนกว่าจะผ่าน 4.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จด้านคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) นโยบายของผู้บริหารที่มอบให้แล้วคุณครูดำ�เนินการตามนโยบาย 2) ความร่วมมือของบุคลากร ครูให้ความร่วมมือในการทำ�งานตามแผนงาน ที่กำ�หนดไว้ 3) ผู้บริหารมีความจริงใจในการทำ�งาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ การพัฒนาครู การทำ�วิทยฐานะ 4) การพัฒนาครู มีการดำ�เนินการต่าง ๆ ได้แก่ วิทยาลัยเป็นผู้จัดอบรม โดยมีวิทยากรมาให้ความรู้เรื่องที่อบรมขึ้นอยู่กับความต้องการของครู หรือบางครั้งหน่วยงานต้นสังกัด จัดโปรแกรมการอบรมก็สามารถเข้าร่วมได้ นอกจากนี้ได้ส่งครูที่บรรจุใหม่ไปฝึกงานใน สถานประกอบการเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อจะได้มีประสบการณ์ ทั้งนี้กิจกรรมที่จัดเป็นไปตาม ความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ 5) การกำ�กับติดตามงานเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่องของฝ่ายบริหาร
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 424 4.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข วิทยาลัยอาชีวศึกษาแพร่มีปัญหาด้านการวัดและประเมินการเรียนรู้ในประเด็น เกี่ยวกับการตัดเกรด บางวิชาให้A จำ�นวนมาก แต่บางวิชาให้เกรด 0 มาก เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ การแก้ปัญหาให้ครูชี้แจงข้อมูล และปรับเกรดให้เหมาะสม 4.2.5 ข้อเสนอแนะ 1) หน่วยงานส่วนกลางควรสนับสนุนให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอน และวิธีการวัด และประเมินผล 2) การทำ�คลังข้อสอบเพื่อใช้ในวิทยาลัย ควรทำ�คลังข้อสอบในลักษณะคลาวน์ ที่ครูสามารถนำ�ข้อสอบไปไว้ในระบบ และเลือกข้อสอบตามจุดประสงค์ที่ต้องการมาใช้ได้ 5. วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี 5.1 ข้อมูลทั่วไป วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีตั้งอยู่เลขที่ 410 ถนนพรหมราช ตำ�บลในเมือง อำ�เภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานีวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีเปิดทำ�การสอน 3 หลักสูตร ดังนี้ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และหลักสูตร เทคโนโลยีบัณฑิต มีผู้บริหาร ครูและบุคลากร รวมทั้งสิ้น 199 คน จำ�นวนนักศึกษา ปวช. 1,776 คน ปวส. 1,614 คน รวมทั้งสิ้น 3,390 คน และมีรายงานผลคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา (SAR ปีการศึกษา 2562) ระดับคุณภาพของวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีมาตรฐานที่ 1 คุณลักษณะของ ผู้สำ�เร็จการศึกษาอาชีวศึกษาที่พึงประสงค์อยู่ในระดับยอดเยี่ยม (ร้อยละ 96.60)ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1) ด้านความรู้ได้คะแนนร้อยละ 94.78 2) ด้านทักษะและการประยุกต์ใช้ได้คะแนนร้อยละ 100 3) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ได้คะแนนร้อยละ 97.89 5.2 ผลการถอดบทเรียน 5.2.1 การบริหารงานด้านการวัดและประเมินผล 1) การรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ.2561วิทยาลัยได้รับหนังสือ แจ้งมาจากส่วนกลาง สอศ. ว่าจะมีการประชุมร่วมกันทุกวิทยาลัย เรื่อง มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561จากนั้นวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีได้นำ�มาประชุมชี้แจงคณะบริหารและคณะกรรมการ สถานศึกษา จากนั้นจึงนำ�มาขยายผลในการประชุมครูเพื่อแจ้งให้ครูทุกคนทราบเกี่ยวกับมาตรฐาน การศึกษาของชาติพ.ศ. 2561
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 425 2) การวางแผนดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้วิทยาลัยได้มีการแต่งตั้ง คณะทำ�งานในการปรับแผนยุทธศาสตร์ และนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติวิสัยทัศน์ พันธกิจ การวิเคราะห์SWOT มาปรับเป็นแผนยุทธศาสตร์5 ปีต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำ�มาปรับแผนรอบปีพ.ศ.2565 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้วิทยาลัยได้ใช้การดำ�เนินงาน โดยใช้หลัก PDCA เริ่มจากสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับครูผู้สอนที่สาขาวิชา และดำ�เนินการจัด การเรียนการสอนในแต่ละภาคการศึกษา มีการนิเทศ กำ�กับ ติดตามในเรื่องการวัดและประเมินผล 4) การส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้วิทยาลัยมีการประชุม ติดตามการดำ�เนินงานครูทุกเดือน และประชุมผู้บริหารทุกวันจันทร์ส่วนทุกวันอังคารจะมีการประชุม วิชาการ ประกอบด้วย หัวหน้าฝ่ายวิชาการ หัวหน้าแผนกวิชา เรื่องของปัญหาหรืออุปสรรคในการดำ�เนินงาน ต่าง ๆ 5) การนิเทศกำ�กับ ติดตามการวัดและประเมินการเรียนรู้วิทยาลัยมีการแต่งตั้ง คณะนิเทศ ติดตาม วัดและประเมิน บริหารโดยใช้หลักให้ครูรับรู้ยอมรับ ตระหนัก และร่วมมือ 5.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) กำ�หนดวัตถุประสงค์ของการวัดและประเมินการเรียนรู้การวัดและประเมิน การเรียนรู้ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีเป็นการรับนโยบายมาจากผู้บริหารจากนั้นศึกษาระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเรื่องการจัดการศึกษา และประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพ พ.ศ. 2562 และประชุมหัวหน้าแผนก และให้หัวหน้าแผนกส่งต่อครูในแผนก ครูจัดทำ�แผน การจัดการเรียนรู้เริ่มจากวิเคราะห์คำ�อธิบายรายวิชา การวัดและประเมินผลการเรียนรู้และวิเคราะห์ แหล่งเรียนรู้ซึ่งครูทุกคนต้องมาออกแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ตามรายวิชา และมีการประชุม และติดตามเกี่ยวกับการวัดและประเมินการเรียนรู้ 2) กำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาและตัวชี้วัด การกำ�หนดผลลัพธ์ ที่พึงประสงค์ด้านความรู้ทักษะ และคุณลักษณะตามสัดส่วน คือ ในชุดวิชาที่เป็นเนื้อหาทฤษฎี ร้อยละ 80:20 ส่วนชุดวิชาเน้นปฏิบัติกำ�หนดสัดส่วนร้อยละ 70:30 สำ�หรับจิตพิสัยจะวัดร้อยละ 20 โดยการกำ�หนดคุณลักษณะกลางไว้13 คุณลักษณะ ซึ่งคุณลักษณะอันพึงประสงค์แล้วแต่ครูจะเลือกวัด คุณลักษณะใดตามบริบทของรายวิชานั้น ๆ 3) กำ�หนดองค์ประกอบและตัวชี้วัดพฤติกรรมผลลัพธ์ที่พึงประสงค์วิทยาลัย กำ�หนดกรอบไว้เป็นส่วนกลาง ครูผู้สอนสามารถออกแบบการวัดและประเมินตามแต่รายวิชาเอง 4) ออกแบบวิธีการและสร้างเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ตามนโยบาย ของสอศ.วัดและประเมินผลแบบใหม่ไม่มีการสอบปลายภาคครูออกแบบหน่วยการเรียนเองแล้วแต่จะมีกี่หน่วย โดยครูจะสร้างเครื่องมือวัดผลเองตามบริบทของแผนกวิชา แต่ครูจะต้องส่งเครื่องมือแบบทดสอบ ให้คณะทำ�งานฝ่ายวิชาการตรวจสอบมาตรฐานทุกภาคเรียน ถ้าสอนวิชาเดียวกันจะต้องใช้เครื่องมือเดียวกัน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 426 5) ดำ�เนินการเก็บรวบรวมข้อมูลการเรียนการสอนระดับอาชีวศึกษาในการฝึกงาน ของนักเรียน ซึ่งจะต้องให้สถานประกอบการเป็นผู้ประเมินแล้วนำ�มารวมกับครูประจำ�วิชา โดยจะมี การประชุมร่วมกันกับสถานประกอบการ เช่น - นักศึกษาแผนกวิชาบัญชีการฝึกงานมี2 รูปแบบ คือ แบบปกติ4 เดือน กับแบบทวิภาคีโดยมีการวัดและประเมินผล ดังนี้ในการฝึกงานแบบปกติ4 เดือน จะกำ�หนดสัดส่วน คือ สถานประกอบการประเมินร้อยละ 70 และครูประจำ�วิชาประเมินร้อยละ 30 ซึ่งในการฝึกงาน นักเรียนจะมีสมุดคู่มือฝึกงาน จะมีเกณฑ์การประเมินให้ซึ่งตอนนี้มีการนิเทศภาคสนามกับนิเทศออนไลน์ ส่วนแบบทวิภาคีจะมีแบบฝึกงานให้กับนักเรียนและสถานประกอบการ ซึ่งครูฝึกในสถานประกอบการ จะต้องได้รับการอบรมจาก สอศ. ก่อน จำ�นวน 30 ชั่วโมงต่อปีสัดส่วนการให้คะแนนสถานประกอบการ ร้อยละ 75 ครูประจำ�วิชาร้อยละ 25 - นักศึกษาแผนกวิชาโลจิสติกส์ นักศึกษาจะได้ฝึกงานในสถานประกอบการ ขนาดใหญ่ เช่น นักเรียนจะได้ฝึกงานที่ MK ในครัวกลางที่ CP ฝึกในคลังสินค้า เป็นต้น โดยนักเรียน จะเป็นผู้เลือกสถานประกอบการด้วยตนเอง - นักศึกษาแผนกวิชาศิลปกรรม มีแผนกย่อย 4 แผนก ได้แก่ วิจิตรศิลป์ ออกแบบด้านตกแต่งภายใน คอมพิวเตอร์กราฟิก และเทคโนโลยีการถ่ายภาพ การฝึกงานจะแยกฝึก ตามแผนกวิชา เช่น โรงพิมพ์บริษัทก่อสร้าง บริษัทถ่ายภาพ เป็นต้น 6) การฝึกงาน จะมีสถานประกอบการให้นักศึกษาเลือกตรงกับสาขาวิชา ที่เรียน โดยวิทยาลัยมีการทำ�ข้อตกลงร่วมกันกับสถานประกอบการ ซึ่งสถานประกอบการต้องมี มาตรฐานตามที่วิทยาลัยกำ�หนด หรือถ้ากรณีที่นักศึกษาไม่มีสถานประกอบการที่เหมาะสมสำ�หรับ การฝึกงาน วิทยาลัยจะให้มีการฝึกงานในวิทยาลัยตามแผนกวิชาต่าง ๆ ด้วย 7) การจบการศึกษาจากวิทยาลัย นักศึกษา ปวช. ปีที่ 3 และ ปวส. ปีที่ 2 จะต้องสอบมาตรฐานวิชาชีพก่อนจบการศึกษาจากสำ�นักมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งที่ผ่านมา นักศึกษาจะสอบมาตรฐานวิชาชีพผ่านในครั้งแรกประมาณร้อยละ 80 ในส่วนผู้ที่ไม่ผ่านจะได้รับการสอน ซ่อมเสริมให้เป็นครั้งที่ 2 5.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จด้านคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) นโยบาย/กฎหมายที่เกี่ยวข้อง วิทยาลัยมีการนำ�นโยบายจากส่วนกลาง สอศ. ในการกำ�หนดแผนกลยุทธ์ของวิทยาลัยและพัฒนาวิทยาลัยให้เป็นไปตามมาตรฐานต่างๆเช่น การประเมินคุณภาพ ภายนอกจากสมศ. ในระดับยอดเยี่ยมทุกมาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐานการศึกษาด้านการอาชีวศึกษา ระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก คะแนนประเมินสูงสุดในประเทศ ส่งผลให้ต้องรักษามาตรฐานของวิทยาลัย นอกจากนั้นนโยบาย สอศ. ให้มีการตั้งศูนย์บ่มเพาะในวิทยาลัย ซึ่งในวิทยาลัยอุบลราชธานีได้รับรางวัล 5 ดาว เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมีอาชีพระหว่างเรียน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 427 2) แนวทางการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาการจัดการเรียนการสอน มีการนำ� ข้อเสนอแนะจากสถานประกอบมาปรับหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการตลาดแรงงาน มีการพัฒนาหลักสูตร เพิ่มเติม (หลักสูตรท้องถิ่น) จากหลักสูตรแกนกลาง และครูสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เรียน เช่น มีวิชา แกะสลักเทียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ไปประกวดหรือแกะสลักตามงานต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจ มีรายวิชาเลือกเสรีที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน เช่น แกะสลักดอกไม้เพื่อส่งเสริมสมรรถนะให้กับผู้เรียน จะยืดหยุ่นไปในแต่ละปี 3) การพัฒนาครูการพัฒนาครูโดยให้ครูไปฝึกงานในสถานประกอบการซึ่งจะทำ�ให้ เห็นภาพในการสอนและถ่ายทอดวิชาความรู้กับผู้เรียน รวมถึงการประเมินผู้เรียนให้ตรงกับความสามารถ ที่แท้จริงของผู้เรียน ซึ่งการให้ครูฝึกงานในสถานประกอบการเป็นนโยบายของสอศ. ที่เป็นการให้ครูพัฒนา ตนเอง นอกจากนั้นวิทยาลัยมีการส่งเสริมให้ครูมีวิทยฐานะที่สูงขึ้น 4) การบริหารจัดการ การทำ�งานร่วมกัน วิทยาลัยมีการประชุมวางแผนร่วมกัน โดยใช้หลักครูต้องรับรู้ยอมรับ ตระหนัก ร่วมมือ และใช้การบริหารจัดการโดยใช้4M ในการขับเคลื่อน 5) ความสามารถของครูครูของวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีเป็นครูที่มีศักภาพสูง ในการวิเคราะห์ความรู้พื้นฐานของผู้เรียน มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และนำ�มาปรับปรุงและพัฒนา การเรียนการสอนอยู่ตลอดเวลา 5.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข การวัดและประเมินการเรียนรู้ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหา หรือถ้ามีปัญหาก็จะใช้วิธีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือประชุมร่วมกัน แต่ในสถานการณ์COVID-19 ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ก็ทำ�ให้ไม่สามารถวัดและประเมินผลแบบเดิมหรือตามกรอบ การประเมินที่ตั้งไว้ได้ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม 1. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) 1.1 ข้อมูลทั่วไป โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) ตั้งอยู่เลขที่ 174สุขุมวิท 23แขวงคลองเตยเหนือเขตวัฒนา กรุงเทพมหานครเปิดสอนระดับชั้นปฐมวัย(อายุ5-6 ปี) ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ข้อมูลจำ�นวนบุคลากร 294 คน นักเรียนระดับปฐมวัย 238 คน ระดับประถมศึกษา 1,435 คน มีรายงานคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวัย ผลปรากฏดังนี้
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 428 1) คุณภาพของเด็ก อยู่ในระดับยอดเยี่ยม 2) กระบวนการบริหารและการจัดการ อยู่ในระดับยอดเยี่ยม 3) การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำ�คัญ อยู่ในระดับยอดเยี่ยม รายงานคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลปรากฏ ดังนี้ 1) คุณภาพของผู้เรียนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 2) กระบวนการบริหารและการจัดการ อยู่ในระดับยอดเยี่ยม 3) การจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำ�คัญ อยู่ในระดับยอดเยี่ยม 1.2 ผลการถอดบทเรียน 1.2.1 การบริหารงานเกี่ยวกับการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) การรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ. 2561 โรงเรียนได้มี การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติและได้รับเอกสารเผยแพร่จาก สกศ. จึงนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติแจ้งที่ประชุมกับหัวหน้าหมวดสาระ จากนั้นจึงนำ�มาขยายผล โดยประชุมครูทุกคนเพื่อชี้แจงให้ครูทราบและนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ 2) การวางแผนดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้โรงเรียนนำ�มาตรฐาน การศึกษาของชาติมาปรับแผนยุทธศาสตร์ของโรงเรียน ซึ่งการจัดทำ�แผนยุทธศาสตร์ของโรงเรียนต้อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ มศว.และยุทธศาสตร์ของคณะศึกษาศาสตร์นอกจากนั้นยังได้นำ�มาตรฐาน การศึกษาของชาติมาปรับใช้ในมาตรฐานการประกันคุณภาพภายในด้วย 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้เมื่อมีการนำ�มาตรฐานการศึกษา ของชาติมาเป็นตัวตั้ง ครูที่จัดการเรียนการสอนจะต้องพิจารณาว่าเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดคืออะไร จากนั้นจึงนำ�ค่าเป้าหมายมาตั้งเป็นคุณลักษณะที่ต้องการ โดยนำ�ไปกำ�หนดไว้ในแผนการสอน และกำ�หนดกิจกรรมให้สอดคล้อง ทั้งนี้ผู้บริหารจะเป็นผู้กำ�หนดนโยบายจากนั้นจึงเป็นการปรับการเรียน การสอนให้สอดคล้อง เช่น โครงการ STEAM ที่เป็นการบูรณาการหลากหลายวิชา เน้นการสร้างชิ้นงาน ให้นักเรียนมีส่วนในการจัดการเรียนการสอนหรือโครงการนาฏศิลป์และโขน ที่ส่งเสริมให้นักเรียน กล้าแสดงออกและสามารถสร้างชิ้นงานได้ ในส่วนของการวัดและประเมินการเรียนรู้จะเน้นการประเมินตามสภาพจริง มากขึ้น โดยใช้รูปแบบหรือเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น โครงการ STEAM เป็นการบูรณาการหลายวิชา เข้าด้วยกัน เน้นการสร้างชิ้นงานให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอน โดยให้ร่วม ออกแบบกิจกรรม นักเรียนจะปรึกษาหารือตกลงร่วมกันว่าจะออกแบบกิจกรรมอย่างไร หรือโครงการ วิทยาการคำ�นวณที่เป็นการบูรณาการระหว่างวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แล้วนำ�แนวทาง STEAM
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 429 มาสอดแทรก โดยวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์จะนำ�ตัวชี้วัดที่ สสวท. กำ�หนดไว้มาวิเคราะห์ เพื่อกำ�หนดรูปแบบการเรียนการสอนและกำ�หนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ส่วนการวัดผลเน้น ให้นักเรียนได้ลงมือทำ�จนเกิดชิ้นงาน เครื่องมือประเมิน คือ แบบประเมินชิ้นงาน 4) การส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้ผู้บริหารจะส่งเสริม โดยกำ�หนดนโยบายในการจัดการเรียนการสอน จากนั้นจึงกำ�กับติดตามเพื่อดูแผนการสอนกับการจัด การเรียนการสอนว่าสอดคล้องกันหรือไม่ ส่วนงานวัดและประเมินผลจะพิจารณาในส่วนของการวัดผล ปัญหาที่พบบางครั้งผู้บริหารกำ�หนดนโยบายไปแล้วแต่เมื่อครูนำ�ไปปฏิบัติอาจจะไม่เกิดผลตามที่ต้องการ 5) การนิเทศ กำ�กับ ติดตามการวัดและประเมินการเรียนรู้มีการดำ�เนินการ 2 ระดับ ดังนี้ - ระดับฝ่ายนิเทศเป็นผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการนิเทศการจัดการเรียนการสอน ของครูว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ - ระดับบริหาร ผู้บริหารจะนิเทศโดยพิจารณาจากแผนการสอนว่า ครูได้จัด การเรียนการสอนที่เป็นไปตามแผนการสอนที่กำ�หนดไว้หรือไม่กรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น ผู้บริหารจะประชุม ร่วมกันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาหรือปรับกระบวนการที่มีปัญหาให้ปัญหานั้นหมดไป 6) ในส่วนของการนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติมาปรับใช้โรงเรียนได้นำ�มา กำ�หนดไว้ในแผนการสอน ส่วนกิจกรรมมีการดำ�เนินการที่สอดคล้องทั้ง 3 องค์ประกอบอยู่แล้ว เช่น เป็นผู้สร้างนวัตกรรม โรงเรียนได้ส่งเสริมให้นักเรียนสร้างชิ้นงาน เช่น การแสดงโขนที่นักเรียนทุกคนต้อง มีส่วนร่วมในการแสดง มีการแสดงโขนสัญจรไปต่างจังหวัด นักเรียนจะต้องอยู่กันกับบุคคลอื่น เป็นการฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่น สามารถแก้ปัญหาได้สิ่งเหล่านี้สามารถนำ�มาปรับใช้ได้ในห้องเรียน หรือการเป็นพลเมืองที่ดีนักเรียนทุกชั้นมีการเลือกหัวหน้าห้อง 1.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้(ทั้งระดับสถานศึกษา และห้องเรียน) 1) ระดับปฐมวัย เน้นการวัดพัฒนาการ วัดโดยแบบวัดพัฒนาการที่สร้างขึ้นเอง แบบสังเกตพฤติกรรม แบบทดสอบวัดความรู้โดยการสอบปากเปล่า โดยประเมินร่วมกับระดับประถมศึกษา เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อกับประถมศึกษา สัดส่วนระหว่างคะแนนเก็บกับคะแนนปลายภาค คือ 80:20 ส่วนการประเมินความรู้มีการดำ�เนินการมานานแล้ว ใช้การวัดผลโดยการตัดเกรดในวิชาภาษาไทยและ คณิตศาสตร์ต่อมา พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติห้ามไม่ให้มีการวัดความรู้โดยการตัดเกรดแต่ในทางปฏิบัติ โรงเรียนยังคงดำ�เนินการอยู่เนื่องจากเป็นการประเมินเพื่อให้เชื่อมต่อกับการเรียนในระดับประถมศึกษา 2) ระดับประถมศึกษา ครูแต่ละหมวดวิชาจะมีการวิเคราะห์หลักสูตรจัดทำ�โครงสร้าง รายวิชา กำ�หนดตัวชี้วัด/มาตรฐานต่างๆเช่น หมวดสาระวิทยาศาสตร์จะใช้ตัวชี้วัดของสสวท. ในการจัด การเรียนการสอนและการประเมินการเรียนรู้แต่สามารถเพิ่มตัวชี้วัดได้ถ้าต้องการที่จะวัดความรู้
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 430 หรือคุณลักษณะที่ต้องการจากนั้นครูจะกำ�หนดแผนการสอนโดยคำ�นึงถึงทักษะต่างๆเช่น ทักษะศตวรรษที่21 หรือวิชาภาษาไทยจะกำ�หนดตัวชี้วัดตามระดับชั้น เช่น ชั้น ป.1จะเน้นให้อ่านออกเขียนได้วัดความสามารถ การอ่านออกเขียนได้ชั้น ป.2 เน้นการเขียน ชั้น ป.3 เน้นการเล่า ชั้น ป.4 เน้นเรียงความ ชั้น ป.5 เน้นการอ่านทำ�นองเสนาะ และ ชั้น ป.6 เน้นการเขียนเรื่อง ซึ่งมีการวัดแต่ละระดับชั้นที่แตกต่างกัน 3) เครื่องมือที่ใช้วัดความรู้ส่วนใหญ่จะใช้แบบทดสอบ ส่วนการวัดคุณลักษณะส่วนใหญ่ จะใช้แบบสังเกต แบบวัดทักษะปฏิบัติและแบบบันทึกกิจกรรมถาม-ตอบ 4) รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้มีการวัดที่หลากหลายตามสภาพจริง มีการเก็บคะแนนระหว่างเรียนหลายครั้ง การตรวจให้คะแนนจะมีรูบริคในการให้คะแนน โดยครูที่สอน ในวิชาเดียวกันจะเป็นผู้กำ�หนดเกณฑ์การให้คะแนนร่วมกัน โดยการกำ�หนดสัดส่วนคะแนน แยกเป็น 2 กลุ่มวิชา - วิชาเชิงทฤษฎีกำ�หนดสัดส่วนเป็น 70:30 แยกเป็นคะแนนเก็บ 2 ครั้ง ครั้งละ 35 คะแนน และคะแนนสอบปลายภาค 30 คะแนน - วิชาเน้นปฏิบัติกำ�หนดสัดส่วนเป็น 80:20 การรายงานผลการเรียนให้ผู้ปกครอง จะรายงานปีการศึกษาละ 4 ครั้ง คือ รายงานครั้งที่1ช่วง2เดือนแรกรายงานครั้งที่2การรายงานในภาคเรียนที่1รายงานครั้งที่3การรายงาน ในภาคเรียนที่ 2 เป็นการรายงานพัฒนาการทางการเรียนว่าสอบผ่าน/สอบไม่ผ่าน ถ้าสอบไม่ผ่าน จะมีการจัดซ่อมเสริมให้นักเรียนจนกว่าจะสอบผ่าน โดยครูจะประสานงานกับผู้ปกครองเพื่อร่วมกันแก้ ปัญหาก่อนการสอบปลายภาค และรายงานครั้งที่ 4 การรายงานผลการสอบปลายภาค 5) การนำ�ผลการประเมินการเรียนรู้ไปใช้โรงเรียนได้มีการให้ข้อมูลย้อนกลับ แก่นักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ทราบจุดอ่อนที่ควรปรับปรุง โดยครูจะเป็นผู้สอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียน ที่มีคะแนนไม่ดี 6) การพัฒนาผู้เรียน โรงเรียนจะเน้นให้นักเรียนมีจิตอาสาและบำ�เพ็ญประโยชน์ เพื่อสังคม มีกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารีโดยให้นักเรียนเลือกตามความชอบของตัวเองการวัดผลเน้นการปฏิบัติ ที่ผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้จริง ผู้เรียนเป็นผู้คิดค้นและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการประเมินตามสภาพจริง โครงการพัฒนาผู้เรียนสามารถวัดได้ครอบคลุม 3 ด้านตามมาตรฐานการศึกษาของชาติเช่น โครงการ จิตอาสาที่จังหวัดสมุทรสงคราม มีการนำ�นักเรียนเข้าร่วมการจัดกิจกรรมถวายเทียนพรรษา มีการนำ� นักเรียนไปช่วยโรงเรียนที่ขาดแคลน ช่วยทาสีห้องเรียน ช่วยงานห้องสมุด ฯลฯ 7) โครงการSTERM เป็นโครงการที่มีการบูรณาการหลายวิชา เช่น STEAM Lab จะเป็นการบูรณาการหลายวิชา การวัดและประเมินการเรียนรู้ก็จะมีหลากหลายวิชา เช่น วัดความรู้ ทางวิทยาศาสตร์การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การวัดการสร้างสิ่งประดิษฐ์และการวัดคุณลักษณะ ทางวิทยาศาสตร์หรือ CSTEAM ที่อยู่ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นฉันทะ(ความชอบ)จะกำ�หนดให้นักเรียน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 431 ชั้น ป.1-3ค้นหาตัวเองชั้น ป.4ให้พิจารณาว่าชอบอะไรชั้น ป.5-6ให้เลือกตามความชอบหรือความถนัด ครูจะออกแบบเป็นฐานความรู้13ฐาน เช่น ฐานออกแบบผลิตภัณฑ์วัดผลโดยวัดเนื้อหาความรู้และชิ้นงาน การวัดชิ้นงานจะพิจารณาจากศิลปะและการออกแบบ 1.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จด้านคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) ผู้บริหารสนับสนุนในทุกเรื่อง เช่น สนับสนุนด้านสื่อการเรียนการสอน/ อุปกรณ์(มีแท็บเล็ตให้ครูคนละเครื่องเพื่อใช้ในการเรียนการสอน) 2) ครูมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 3) เครือข่ายผู้ปกครองเข้มแข็ง เป็นผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือและสนับสนุนการจัด การเรียนการสอน 4) ทีมงานสนับสนุนที่ส่งเสริมให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น 5) นักเรียน จะช่วยเหลือกันและกัน ช่วยเหลืออาจารย์ช่วยติวหรือสรุป เนื้อหาให้เพื่อน ๆ 6) โรงเรียนมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายมาช่วยในการจัดการเรียนการสอน เช่น อาจารย์ที่เคยสอนในโรงเรียนสาธิตฯ หรือผู้ปกครองที่มีความสามารถจะมาช่วยในการจัดการเรียน การสอนหรือการประเมิน 1.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข 1) ความต้องการของผู้ปกครองที่แตกต่างกัน ทำ�ให้มีการสะท้อนกลับมา ที่หลากหลายแนวทางการแก้ไขคือโรงเรียนจะยึดหลักที่เหมาะสมในทางปฏิบัติอาจจะตรงหรือไม่ตรงกับ ความต้องการของผู้ปกครอง 2) จากสถานการณ์ COVID-19 ทำ�ให้มีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ผลการวัดและประเมินการเรียนรู้อาจจะไม่สะท้อนตามความเป็นจริงมากนัก 3) กฎ ระเบียบบางอย่างอาจจะทำ�ให้ขัดแย้งกับแนวทางปฏิบัติจริง เช่น โรงเรียน เป็นโรงเรียนต้นแบบในการศึกษา แต่ในทางปฏิบัติอาจจะติดขัดเรื่องระเบียบการจัดการเรียนการสอน ของ สพฐ. 4) การกำ�หนดเป้าหมายของมาตรฐานการศึกษาของชาติกว้างเกินไป นำ�ไป ใช้ได้ยาก ตัวชี้วัดและวิธีการวัดยังไม่มีการกำ�หนดอย่างชัดเจน 5) โรงเรียนต้องยึดมาตรฐานจากหลายแหล่ง เช่น ต้องยึดจากกระทรวง อว. และต้องยึดจากสพฐ. เพื่อใช้ในการทำ�ประกันคุณภาพภายใน (SAR)ส่งผลให้เกิดความยากในทางปฏิบัติ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 432 2. โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) 2.1 ข้อมูลทั่วไป โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) ตั้งอยู่เลขที่ 254 ซอยจุฬาฯ 11 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีนักเรียน 1,271 คน เปิดสอนมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีห้องเรียน ทั้งสิ้น 42 ห้อง บุคลากร ประกอบด้วย ข้าราชการ จำ�นวน 16 คน พนักงาน จำ�นวน 93 คน รายงานผลคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลปรากฏ ดังนี้ 1) คุณภาพของผู้เรียนอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 2) กระบวนการบริหารและการจัดการอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 3) การจัดประสบการณ์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำ�คัญอยู่ในระดับยอดเยี่ยม 2.2 ผลการถอดบทเรียน 2.2.1 การบริหารงานเกี่ยวกับการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) การรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ. 2561 เมื่อกระทรวง มีนโยบายใหม่มา โรงเรียนมีการประชุมหัวหน้ากลุ่มสาระ เพื่อปรับองค์ความรู้แต่ไม่ได้ปรับหลักสูตร ไม่ได้ปรับโครงสร้างหลักสูตร แต่ปรับส่วนที่เป็นวิชาเลือกเพื่อให้เด็กได้ค้นพบศักยภาพของตัว เอง ครูในโรงเรียนตื่นตัวในการสร้างนวัตกรรม 4.0 กระบวนการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นช่วงที่รวดเร็วมากในแง่ของนโยบาย ผู้บริหารมองในเรื่องการปรับองค์ความรู้ในแง่ของการเรียนรู้ เช่นในวิชาคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ฯลฯ จะสอดแทรกคุณลักษณะเข้าไป การจัดกระบวนการเรียนรู้ ที่ให้เด็กเลือกเรียนรายวิชาตามที่เด็กต้องการทั้งรายวิชาแกนกลางหรือเพิ่มเติม มีการประชุมเผยแพร่ จัดสัมมนาในโรงเรียน มีการปรับมาตรฐานทำ�ในเรื่องนวัตกรรม 2) การวางแผนดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้การวางแผนดำ�เนิน การร่วมกันระหว่างฝ่ายวิชาการ กับหัวหน้ากลุ่มสาระทุกกลุ่ม โดยจะทำ�ประมวลรายวิชา มีการปรับ รูปแบบการวัดและประเมินผลให้นักเรียนผลิตชิ้นงานมากขึ้น เช่น ศิลปะบูรณาการกับสังคมประเมิน ดูว่านักเรียนมีชิ้นงานอยู่ในระดับใด มีการประเมินโดยใช้รูบริค กลุ่มคณิตศาสตร์ปรับเพิ่มรายวิชาการ คิดเชิงออกแบบ ทุกกลุ่มสาระปรับเปลี่ยนเรื่องการวัดและประเมินให้นักเรียนคิดนวัตกรรมมากขึ้น มีแบบวัดและประเมินผลรายวิชา การวัดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตรซึ่งกำ�หนดไว้8 ประการ และโรงเรียนกำ�หนดคุณลักษณะเพิ่มอีก 2 ประการ ได้แก่ การเป็นผู้นำ� และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รวมเป็น 10 ประการ เครื่องมือประเมินจะร่วมกันทำ�ทุกกลุ่มสาระแล้วสามารถนำ�ไปใช้เป็นแนวเดียวกัน ทุกกลุ่มสาระ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 433 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้การวัดและประเมินคุณลักษณะ ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติดำ�เนินการควบคู่ไปกับการวัดและประเมินการเรียนรู้ตามหลักสูตร โดยสอดแทรกคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติเข้าไปในตัวชี้วัด ตามหลักสูตรแต่ละรายวิชา สำ�หรับการวัดคุณลักษณะ โรงเรียนมีคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะ ที่มาจากทุกกลุ่มสาระ ผลการประเมินคุณลักษณะของนักเรียนแต่ละคนจะได้จากทุกกลุ่มสาระ รวมทั้งกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นักเรียนต้องผ่านทุกคุณลักษณะจากทุกวิชา ผลการประเมินรวมได้มาจาก ค่าฐานนิยมของผลการประเมิน 8 กลุ่มสาระ กับอีกหนึ่งกลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) การส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้โรงเรียนมีระบบสารสนเทศ เพื่อใช้ในการวัดและประเมินผล ทำ�ให้สะดวกในการประมวลผล 5) การนิเทศกำ�กับ ติดตามการวัดและประเมินการเรียนรู้โรงเรียนมอบนโยบาย ให้ครูไปดำ�เนินการสอนได้เอง โดยมีคณะกรรมการวิชาการ ควบคุมการนิเทศ ติดตามอย่างน้อย ภาคเรียนละ 2 ครั้ง 2.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) การวัดและประเมินผลรายวิชา ครูแต่ละคนจะดำ�เนินการให้เหมาะสมกับลักษณะ วิชาในแต่ละกลุ่มสาระ สำ�หรับการวัดและประเมินคุณลักษณะให้คะแนนแบบรูบริค จากเครื่องมือ ที่คณะกรรมการวิชาการร่วมกันจัดทำ�ขึ้น ตัวอย่างการวัดและประเมินผลแต่ละกลุ่มสาระ - กลุ่มสาระการงานฯ เน้นการปฏิบัติตามธรรมชาติของวิชา ส่วนใหญ่ ใช้การประเมินชิ้นงานครอบคลุมสิ่งที่นักเรียนเรียนรู้แล้วนำ�ไปประยุกต์ใช้ด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมครู ตั้งเป้าหมายไปสู่การต่อยอดธุรกิจได้เช่น การขายเชิงธุรกิจมีการจัดกิจกรรมสัปดาห์งานอาชีพ เพื่อนำ�ผลงาน ของนักเรียนมาจำ�หน่ายเป็นการปูทางไปสู่การทำ�ธุรกิจ นักเรียนจะมีความภาคภูมิใจในงานของตนเอง ซึ่งในอนาคตจะกระตุ้นให้สามารถสร้างสรรค์เกิดแรงบันดาลใจในการไปประกอบธุรกิจโดยกำ�หนดสัดส่วน การประเมินเนื้อหาประมาณร้อยละ 20 และประเมินจากงานและการนำ�เสนองานร้อยละ 80 - กลุ่มศิลปะ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเล็กน้อย คือมีวิชาแนวตั้งให้นักเรียน ชั้น ม.1- ม.3เรียนด้วยกัน และชั้น ม.4-ม.6เรียนด้วยกัน พี่สอนน้องได้เด็กดูพัฒนาการเด็กได้การประเมิน เน้นการประเมินตามสภาพจริง ใช้วิธีการคิดเป็นโครงงาน ส่งเสริมการหาแรงบันดาลใจและความถนัด ของตัวเองอาทิการสร้างแอนิเมชั่น ประติมากรรม จิตรกรรม ฯลฯโดยครูจะเก็บข้อมูลจากการนำ�เสนองาน ที่สะท้อนความคิดและการเป็นตัวตนของนักเรียน การประเมินโครงงานจะไม่กำ�หนดวัตถุประสงค์ เป็นการแบ่งประเภทและตั้งเป้าหมายกว้าง ๆ ให้นักเรียนค้นหาตัวเองจากพื้นฐานความชอบ และจะต้อง อธิบายชิ้นงาน ความประทับใจ และสะท้อนมุมมองของนักเรียนเองได้
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 434 - คณิตศาสตร์การวัดและประเมินเน้นเนื้อหาและยึดตามวัตถุประสงค์มีประมวล รายวิชาให้เด็กดูว่า มีการวัดผลอะไร Formative หรือ Summative การสอนแต่ละวิชาเมื่อสอบเสร็จ มีการวิเคราะห์ข้อสอบที่ดีเก็บไว้ในคลังครูสามารถเลือกข้อสอบบางข้อที่มีคุณภาพมาใช้ส่งเสริมศักยภาพ ให้เด็กภายหลังได้กำ�หนดเกณฑ์การผ่านไม่ตํ่ากว่าร้อยละ 60 และสะท้อนผลการประเมินให้นักเรียน หากไม่ผ่านก็จะซ่อมให้ - สุขศึกษา/พลศึกษา การวัดและประเมินค่อนข้างตรงตามตัวชี้วัดการจัด การเรียนรู้มีการจัดรายวิชาเพิ่มเติม ได้แก่ วิชาการเสริมสร้างสุขภาพทางกาย ครูให้ความรู้และ ให้เด็กคิดออกแบบโปรแกรมสุขภาพสำ�หรับตนเองพร้อมประเมินเป็นระยะและประเมินปลายภาค มีการจัดกลุ่มประเมินสมรรถนะโดยเน้นความก้าวหน้าของตนเอง ไม่จำ�เป็นต้องเล่นเก่งเพียงแต่ มองเห็นคุณค่าการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมอง ตอบสนองกับการคบเพื่อน การบริหาร ความเครียด ซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐานการศึกษา - ภาษาต่างประเทศ มีการบวกเรื่องนวัตกรรมเข้าไป มีรายวิชาที่ชัดเจน มีเกณฑ์ ประเมินและวิชาเพิ่ม การคิดสร้างสรรค์ เช่น ออกแบบหุ่นยนต์เก็บขยะ เป็นต้น การประเมินแยกตาม รายวิชาโดยรวมความรู้ด้านวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เรียนเรื่องอาหารให้ออกแบบเมนูอาหารเป็นต้น - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ แนะแนวและลูกเสือ-เนตรนารี การประเมินยึดคุณลักษณะ10 ประการโดยใช้แบบประเมินกลางที่คณะกรรมการวิชาการร่วมกันจัดทำ�ขึ้น - ภาษาไทย แนวทางการวัดประเมินผล เริ่มจากแจ้งประมวลรายวิชาการสอน เนื้อหา และกิจกรรมซึ่งครูต้องแจ้งวิธีการวัดประเมินผล ในการวัดและประเมินผลโรงเรียนส่งเสริม ให้ครูถามความคิดเห็นนักเรียนด้วยโดยคาบแรกของภาคเรียนจะเป็นคาบปฐมนิเทศแนะนำ�ประมวลกิจกรรม การวัดจากความเห็นนักเรียน เช่น รูปแบบการประเมินงานกลุ่มเหมาะสมหรือไม่ นักเรียนจะปรึกษากัน เมื่อเห็นว่าทำ�งานกลุ่มไม่สะดวกเพราะต้องนัดหมายนอกเวลาเรียนซึ่งเป็นช่วงการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์ หากปรับเป็นงานเดี่ยวทำ�ปรับอย่างไร ซึ่งกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทยค่อนข้าง มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยน ยกเลิก เพิ่มเติมหรือปรับกิจกรรมได้ตามสภาพความพร้อม ของเด็ก ใช้การประเมินแบบ Formative เก็บข้อมูลเป็นระยะ ๆ ดำ�เนินการโดยใช้Google Form และให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการเรียน และกำ�หนดนโยบายให้งดการมอบหมายงานเป็นกลุ่ม ให้ใช้การเก็บข้อมูลจากนักเรียนและผู้ปกครองแทน - วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นวิชาพื้นฐาน/วิชาเพิ่มเติมเสรีจะเน้น เนื้อหาทักษะทางวิทยาศาสตร์ ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นใช้รูปแบบ STEM ศึกษา ให้คิดชิ้นงาน ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมีการบูรณาการการสอนร่วมกันระหว่างวิชาเคมีชีววิทยา ฟิสิกส์ เน้นที่ กระบวนการให้เด็กคิดชิ้นงาน ส่วนการวัดและประเมินผล เมื่อนักเรียนได้หัวข้อและประเด็นจะนำ�เสนอ อาจารย์แต่ละสาขาเพื่อให้คำ�แนะนำ� เมื่อทำ�โครงงานผ่านอาจารย์ในกลุ่มสาระและผู้ปกครองจะร่วมกัน ให้ความเห็นต่อชิ้นงานนั้น ๆ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 435 2) แนวคิดโรงเรียนสาธิตจุฬาสู่วิถีพลเมืองโลก มีการจัดสัมมนาปรับปรุงหลักสูตรของ โรงเรียนให้ทันสมัยโดยทุกกลุ่มสาระจะมุ่งไปสู่ความร่วมมือกันและความยั่งยืน มีการจัดทำ�แผนภาพกำ�หนด เป้าประสงค์การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมในแต่ละวิชาว่าสามารถจะส่งเสริมคุณลักษณะในด้านใด โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการร่วมกันเน้นประเด็นที่เด็กสนใจ ด้านวิชาการ ครูจะให้เขียนบทความ วิชาการในงานที่ตนเองชอบ เมื่อส่งให้ครูจะดำ�เนินการประเมินโดยแสดงความคิดเห็นที่มีต่อผลงาน หากผลงานชิ้นใดสมบูรณ์เป็นตัวอย่างที่ดีครูจะนำ�มาแสดงใน Board แสดงผลงานเพื่อให้เด็กได้เห็น และศึกษาพัฒนางานของตนเองจากตัวอย่างงานของเพื่อน และการประเมินรายวิชาเพิ่มเติม เช่น วิชาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเงิน การเก็บ การออม การลงทุน จะใช้วิธีการรับฟังว่าเด็กได้เรียนรู้อะไรบ้าง 3) การประเมินในชั้นเรียน เมื่อนักเรียนจบการศึกษาในแต่ละชั้นจะมีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้พัฒนาการของเด็กในชั้นต่อไป มีการส่งมอบเด็กขึ้นชั้นเรียนเพื่อให้ครูรับทราบพัฒนาการของนักเรียน สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป 4) วิชาพื้นฐาน/วิชาเพิ่มเติม สอนเนื้อหาตามหลักสูตรปกติในช่วงออนไลน์จะให้เด็ก จัดทำ�เหมือนเดิมมีการอภิปรายในห้องเรียนออนไลน์ 5) มีวัสดุการเรียน STEM เช่น เครื่องกรองนํ้า เป็นต้น วัสดุที่ใช้ในการเรียน จะทำ�การนำ�เสนอให้อาจารย์ที่ปรึกษาดูก่อน จากนั้นเสนอต่อผู้บริหารในคณะที่เกี่ยวข้องรวมถึงการติดต่อ ขอคำ�ปรึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 6) บางวิชามีการบูรณาการ Infographic ทางสังคมสอนกฎหมายมีกี่แบบ กลุ่มสาระสังคมดูเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายอย่างไร ศิลปะดูความสวยงาม การบูรณาการในกลุ่มสาระ มีผลงาน 1 ชิ้น ศิลปะและนาฏศิลป์มีชิ้นงานเขียน Story Board ทำ�ชิ้นเดียวได้ศิลปะ คือ การเขียนแบบ นาฏศิลป์ดูเรื่องการร้อยเรียง 2.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จ 1) ด้านกฎหมาย ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา 3 ด้านตามมาตรฐาน การศึกษาของชาติแฝงอยู่ใน 8 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ หากต้องการให้การวัดและประเมินผล มีความชัดเจน สกศ. ต้องกำ�หนดแยกออกมาเพื่อไม่ให้ประเด็นทับซ้อนกัน 2) สื่อการเรียนการสอนมีผลอย่างมากต่อการวัดและประเมินผลซึ่งโรงเรียนสาธิต จุฬาฯ มีPlatformเพื่อใช้ในการเรียนการสอน โดยทีมงานวิชาการความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จัดทำ�ขึ้น มีห้องเรียนออนไลน์สำ�หรับทุกกลุ่มสาระวิชาพร้อม CPU ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน การสอน เช่น โครงงานภาษาไทยใช้Platform เก็บข้อมูลนักเรียนที่ครูสามารถย้อนดูได้เช่น การบ้าน หรือชิ้นงานของนักเรียน คะแนนเก็บ วันส่งงาน เพื่อใช้ในการวัดและประเมินผล
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 436 3) ภาพรวมของการจัดสารสนเทศกับการวัดและประเมินผล มีระบบทะเบียน เพื่อให้ครูทุกคนส่งผลการสอนออนไลน์เข้าสู่ระบบการประเมินผลของนักเรียน ระบบจะรวบรวม ผลการประเมินจากทุกกลุ่มสาระแล้วประมวลผลรวม เช่น ผลการประเมินคุณลักษณะนักเรียน 1 คน จากทุกกลุ่มสาระ เป็นต้น 4) มีการจัดสรรงบประมาณของโรงเรียน เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาระบบการวัด และประเมินผล และการจัดการเรียนการสอนรูปแบบดิจิทัลที่ต้องลงทุนจัดซื้อ Server และจัดผู้ดูแล 5) ครูมีคุณภาพ มีความพร้อมที่จะแชร์ประสบการณ์ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างครูรุ่นน้องและรุ่นพี่อยู่เสมอ ทุกคนเปิดกว้างยอมรับที่จะเรียนรู้ในความแตกต่าง รุ่นพี่อาจศึกษา วิธีการหรือรูปแบบการจัดการเรียนรู้สมัยใหม่จากรุ่นน้อง นอกจากนี้ครูและบุคลากรจัดทำ�แผนพัฒนา ตนเองในรอบประเมิน และจัดการอบรมความรู้อาทิปี2564การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตรฐาน สมรรถนะรวมถึงการสนับสนุนงบประมาณให้ครูทุกคนพัฒนาความรู้เพิ่มเติมเป็นรายบุคคลในด้านต่างๆเช่น ด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้น 6) การประชุมจัดสรรงบประมาณวัสดุการสอนในแต่ละวิชา เช่น ของกลุ่มสาระ การงานอาชีพจะมีการกำ�หนดเนื้อหาการสอน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน โดยยึดการสอนที่ครบตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำ�หนดในสถานการณ์ COVID-19 โรงเรียนจัดสรร งบประมาณในการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนโดยจัดส่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไปให้นักเรียนที่บ้าน เช่น งานบ้าน งานประดิษฐ์งานช่าง งานเกษตร การต่อวงจรไฟฟ้า เป็นต้น การเรียนใช้โปรแกรม Zoom ให้นักเรียนทำ�ในคาบเรียนจากนั้นส่งงานมาให้ครูตรวจและให้ความเห็นและโรงเรียนจัดสรรงบประมาณ ให้แต่ละกลุ่มสาระจัดอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สำ�หรับครูและบุคลากรในหลักสูตรการวัดและประเมินผล 7) การสนับสนุนจากเครือข่ายความร่วมมือ ได้แก่ สมาคมครูผู้ปกครอง สมาคมนักเรียนเก่าสนับสนุนโดยการร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้และสนับสนุนงบประมาณอย่างเต็มที่ เครือข่ายคณะวิชาจากจุฬาฯ เช่น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ต้องการศึกษาต่อในคณะ วิทยาศาสตร์สามารถเทียบโอนรายวิชาได้ นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานภายนอกจากมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยชิบะ เมื่อมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะเปิดโอกาสให้นักเรียนสาธิตจุฬาฯ เข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นโอกาสให้นักเรียนพัฒนาศักยภาพระดับประเทศและต่างประเทศ รวมถึง การสนับสนุนจากวิรัชกิจและกิจการพิเศษ 2.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข การนำ�ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษามาตรฐานการศึกษาของชาติได้แก่ ผู้เรียนรู้ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมสอดแทรกในกลุ่มสาระที่แตกต่างกัน พลเมืองที่เข้มแข็งจะสอดแทรก ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ไม่มีปัญหาในการประเมินครูสามารถดำ�เนินการได้แต่มีในบางรายวิชา ที่ยังประเมินได้ไม่ชัดเจน เช่น การวัดเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะวัดอย่างไร ซึ่งในบางครั้ง อาจต้องดูว่าใช้วัสดุประหยัดหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 437 3. โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ 3.1 ข้อมูลทั่วไป โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ตั้งอยู่เลขที่ 27 ถนนอินใจมีตำ�บลท่าอิฐ อําเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์สังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เปิดสอนระดับชั้นบริบาล 1 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 บุคลากรใน ปีการศึกษา 2563 ประกอบด้วยผู้บริหารจำ�นวน 1คน ครูผู้สอน จำ�นวน 69คน บุคลากรสายสนับสนุน จำ�นวน 56 คน รวม 126คน นักเรียนชั้นบริบาลจำ�นวน 134คน อนุบาลจำ�นวน 607คน ประถมศึกษา จำ�นวน 1,119 คน และมัธยมศึกษา จำ�นวน 157 คน รวม 2,017 คน ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาปีการศึกษา 2563 อยู่ในระดับยอดเยี่ยม เนื่องจาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ได้จัดโครงการและกิจกรรมเสริมประสบการณ์ของการจัด การศึกษา ผลการดำ�เนินงานส่งผลให้สถานศึกษาจัดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาประสบผลสำ�เร็จ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละมาตรฐาน จากผลการประเมินระดับการศึกษาปฐมวัย อยู่ในระดับ ยอดเยี่ยม ทั้ง 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหาร และการจัดการ และมาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสําคัญ และผลการประเมิน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อยู่ในระดับยอดเยี่ยม ทั้ง 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพ ของนักเรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ และมาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัด การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ ทั้งนี้สถานศึกษามีการจัดการศึกษา พัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยจัดกิจกรรมแบบองค์รวม 3.2 ผลการถอดบทเรียน 3.2.1 การบริหารงานเกี่ยวกับการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) ผู้บริหารสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติ โดยการจัดประชุมชี้แจงเพื่อให้ครูรับทราบว่าได้มีการประกาศใช้มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 และรายละเอียดของมาตรฐานการศึกษาของชาติฉบับดังกล่าว 2) ผู้บริหารวางแผนการทำ�งานเป็นทีม โดยผู้บริหารสร้างทีมงานที่ดีเป็นต้นแบบ ในการทำ�งาน วางแผนการเรียนการสอน รวมทั้งการวัดและประเมินคุณภาพผู้เรียนในลักษณะ แม่ไก่-ลูกไก่ผู้บริหารถ่ายทอดนโยบายให้หัวหน้าหมวดสาระวิชา (แม่ไก่) จากนั้นหัวหน้าหมวดสาระวิชา จะถ่ายทอดต่อไปที่อาจารย์ในหมวดวิชา (ลูกไก่) 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ครูออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ตัวชี้วัดตามหลักสูตร ที่มีการบูรณาการมาตรฐานการศึกษาของชาติสอดแทรก ไปในทุกวิชา โดยกำ�หนดเป็นตัวชี้วัดระดับชั้น ระดับรายวิชา ในแต่ละรายวิชาจะมีการบูรณาการวัด
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 438 และประเมินผลที่หลากหลายเนื้อหาวิชา โดย 1 รายวิชาสามารถบูรณาการได้อย่างน้อย 3 วิชา ในเด็กโตบูรณาการเข้าไปใน 8 กลุ่มสาระ บางตัวชี้วัดที่ไม่สามารถบูรณาการได้จะจัดเป็นกิจกรรมเสริม การวัดและประเมินผล วัดเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เช่น ในระดับปฐมวัยนำ�มาตรฐานการศึกษา ของชาติมาประกอบกับมาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา บูรณาการในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนั้นก็จัดโครงการเสริมให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติการวัดและประเมินผล ใช้วิธีการสังเกตเด็กเป็นรายบุคคล และการทำ�งานเป็นทีม ในระดับประถมศึกษาจัดกิจกรรมบูรณาการ ทั้ง 8 กลุ่มสาระ จัดค่าย STEMS การวัดและประเมินผลใช้การสังเกตและกระบวนการกลุ่ม ในระดับ มัธยมศึกษา ครูนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติมาออกแบบกิจกรรมการสอนร่วมกันเป็น STEMS โดย S คือ สังคม (Social) T คือ ภาษาไทย (Thai) E คือ ภาษาอังกฤษ (English) M คือคณิตศาสตร์ (Mathematics) และ S คือ วิทยาศาสตร์(Science) ภาษาอังกฤษเน้นทักษะการสื่อสาร ไม่เน้นเนื้อหา คณิตศาสตร์แบ่งเป็น 2 ส่วน คือการคำ�นวณและการสร้างนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เน้นการให้เหตุผล ไม่เน้นเนื้อหาเป็นการวัดสมรรถนะ นอกจากนี้ในระดับมัธยมศึกษาเน้นการเข้าถึงผู้เรียนที่มี ความแตกต่างกัน ฝึกการทำ�งานร่วมกับผู้อื่น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งไปที่การค้นหาตนเอง 4) การส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้ผู้บริหารเป็นผู้นำ�ในการนำ� มาตรฐานการศึกษาสู่การเรียนการสอนโดยเป็นวิทยากรหรือจัดหาวิทยากรมาให้ความรู้แก่ครู 5) การนิเทศกำ�กับ ติดตามการวัดและประเมินการเรียนรู้ผู้บริหารกำ�กับ ติดตามงาน ในระดับแม่ไก่และตรวจสอบติดตามโดยตรงไปที่อาจารย์แต่ละคน (ลูกไก่) ที่ได้รับมอบหมายงาน นั้น ๆโดยดำ�เนินการเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง เช่น มอบหมายงาน ชี้แนะแนวทาง ให้เวลาครูนำ�ไปปฏิบัติ 1 สัปดาห์แล้วนำ�มาประชุมปรึกษา เมื่อมีปัญหาจะชี้แนะและแก้ไขเพื่อให้ครูปฏิบัติต่อไปได้ผู้บริหาร ตั้งกลุ่มไลน์ซึ่งครูสามารถติดต่อสอบถามได้ตลอดเวลา รวมทั้งผู้บริหารสามารถติดตามงานได้โดยตรง การดำ�เนินงานในโรงเรียนจะเน้นการทำ�งานเป็นทีมโดยผู้บริหารจะสร้างทีมงานที่ดีเป็นต้นแบบ ในการทำ�งาน พัฒนาในลักษณะแม่ไก่-ลูกไก่ผู้บริหารถ่ายทอดนโยบายให้หัวหน้าหมวดสาระวิชา (แม่ไก่) จากนั้นหัวหน้าหมวดสาระวิชาจะถ่ายทอดต่อไปที่อาจารย์ในหมวดวิชา (ลูกไก่) โดยผู้บริหารจะมีการกำ�กับ ติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง 3.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ (ทั้งระดับสถานศึกษา และห้องเรียน) 1) การวัดและประเมินผลระดับปฐมวัย จะมีการนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติ และมาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษามาบูรณาการในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมในโรงเรียน และนอกโรงเรียน และทั้งกิจกรรมเสริมประสบการณ์และกิจกรรมการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เครื่องมือที่ใช้ ส่วนใหญ่เป็นการสังเกตรายบุคคล 2) การวัดและประเมินผลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นการบูรณาการมาตรฐาน การศึกษาของชาติไปในการจัดการเรียนการสอน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น โครงการ STEM ที่มี การบูรณาการหลายวิชา เช่น วิชาสังคม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษเข้าด้วยกัน เครื่องมือที่ใช้ส่วนใหญ่ ใช้การสังเกตกระบวนการกลุ่มโดยวัดความคิดสร้างสรรค์และใช้เครื่องมือวัดสมรรถนะ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 439 3) รูปแบบการประเมินจะเน้นการประเมินพัฒนาการ(FormativeEvaluation) ไม่เน้น การประเมินผลสรุป (Summative Evaluation) เพื่อตัดสินได้/ตก 4) เครื่องมือที่ใช้แยกเป็น 2 ประเภท คือ (1)วัดโดยใช้เครื่องมือเช่น แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบวัดสมรรถนะ (2) วัดโดยไม่ใช้เครื่องมือ เช่น วัดโดยการให้สะท้อนความคิด โดยครู ตั้งคำ�ถามให้นักเรียนตอบปากเปล่า หรือให้นักเรียนแสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ หรือครูตั้งคำ�ถาม แล้วนำ�เกมมาสอดแทรกในการทำ�กิจกรรมต่างๆโดยให้นักเรียนตอบเป็นรายบุคคลหรือเป็นรายกลุ่มก็ได้ 3.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จด้านคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) การทำ�ความเข้าใจในนโยบายผู้บริหารต้องมีความชัดเจนในการตีความนโยบาย ให้เป็นรูปธรรม โดยการนำ�มากำ�หนดเป็นตัวชี้วัด และชี้แจงทำ�ความเข้าใจกับคณะครูทุกคนในโรงเรียน 2) การสร้างความตระหนักให้ครูทุกคนเห็นถึงคุณค่าในนโยบายที่กำ�หนดขึ้น ว่าส่งผลดีต่อผู้เรียน 3) การทำ�งานเป็นทีมโดยการสร้างทีมงานที่ดีเป็นต้นแบบในการทำ�งาน พัฒนา ในลักษณะแม่ไก่-ลูกไก่ โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่ดีกับแม่ไก่เพื่อจะได้ถ่ายทอดความรู้สู่ลูกไก่ต่อไป 4) เรียนรู้จากปัญหา/จุดอ่อนที่เกิดขึ้น โดยการถอดบทเรียนจากผลการประเมิน ต่าง ๆ เพื่อหาจุดอ่อนและแนวทางแก้ไขหรือสร้างองค์ความรู้เพื่อใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น 5) การกำ�กับ ติดตามอย่างต่อเนื่องโดยการใช้PLC อย่างไม่เป็นทางการ ในการแก้ไขปัญหา 6) การส่งเสริมผู้เรียนได้มีโอกาสเข้าร่วมในการแข่งขันในระดับต่าง ๆ ทั้งด้าน วิชาการและทักษะชีวิต เพื่อนำ�ไปสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีความสามารถดียิ่งขึ้น 7) การพัฒนาครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์มีการพัฒนาครูดังนี้ - ให้ทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอก - สนับสนุนให้มีการไปอบรม/ศึกษาดูงานโดยการสนับสนุนงบประมาณ - ส่งเสริมให้มีการทำ�วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน - สนับสนุนครูที่มีความรู้ความสามารถได้มีโอกาสไปสอนที่คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ 3.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข ปัญหาอุปสรรค 1) การรับนโยบายเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติมาสู่สถานศึกษา มีตัวชี้วัด จำ�นวนมาก ทำ�ให้สถานศึกษาสับสนไม่ทราบจะใช้ตัวชี้วัดของหน่วยงานใดบ้าง มีทั้งตัวชี้วัดของมาตรฐาน การศึกษาของชาติตัวชี้วัดของมาตรฐานสถานศึกษา ตัวชี้วัดของ สมศ. 2) ตัวชี้วัดของมาตรฐานการศึกษาของชาติไม่ชัดเจน กว้างเกินไป ทำ�ให้ต้องตีความ ตามการรับรู้ของแต่ละคน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 440 แนวทางแก้ไข 1) เพื่อให้สถานศึกษาสามารถทำ�งานได้ไม่ต้องทำ�เอกสารเพื่อตอบสนองตัวชี้วัด ของแต่ละมาตรฐาน สกศ. ควรร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการในการกำ�หนดมาตรฐานการศึกษา ของชาติโดยให้บูรณาการไปไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และกำ�หนดว่าสถานศึกษาต้องดำ�เนินการอะไรบ้าง กำ�หนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน ไม่ซํ้าซ้อน 2) การกำ�หนดตัวชี้วัดควรให้สอดคล้องกับบริบทหรือสภาพปัจจุบัน เช่น ในช่วง สถานการณ์ COVID-19 ทำ�ให้สถานศึกษาปรับการจัดการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ทั้งหมด แต่ตัวชี้วัดไม่มีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเรียนการสอนออนไลน์ ทำ�ให้สถานศึกษาไม่สามารถ ดำ�เนินการในส่วนนั้นได้การตอบสนองตัวชี้วัดจึงควรเป็นการตอบสนองที่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 1. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 1.1 ข้อมูลทั่วไป สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเป็นหน่วยงานทางการศึกษาที่อยู่ภายใต้การกำ�กับ ดูแลของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีการกำ�หนดและแก้ไข เปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เพื่อบริหารและจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับประถมศึกษาให้สอดคล้องกับการบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป โดยครอบคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้รวมจำ�นวน 185 เขต อำ�นาจหน้าที่ของสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามที่กฎหมายกำ�หนด ดังนี้ 1. มาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำ�หนดให้สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำ�นาจหน้าที่ดังนี้ (1) อำ�นาจหน้าที่ในการบริหารและการจัดการศึกษา และพัฒนาสาระของหลักสูตร การศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (2) อำ�นาจหน้าที่ในการพัฒนางานด้านวิชาการและจัดให้มีระบบประกันคุณภาพ ภายในสถานศึกษาร่วมกับสถานศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 441 (3) รับผิดชอบในการพิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในสถานศึกษาของสถานศึกษา และสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา (4) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำ�หนด 2. ข้อ 5 แห่งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการภายใน สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำ�หนดให้สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีอำ�นาจหน้าที่ดำ�เนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และมีอำ�นาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) จัดทำ�นโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ให้สอดคล้องกับนโยบาย มาตรฐานการศึกษา แผนการศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน และความต้องการของท้องถิ่น (2) วิเคราะห์การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนทั่วไปของสถานศึกษาและหน่วยงาน ในเขตพื้นที่การศึกษา และแจ้งการจัดสรรงบประมาณที่ได้รับให้หน่วยงานข้างต้นรับทราบ รวมทั้ง กำ�กับตรวจสอบ ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานดังกล่าว (3) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาหลักสูตรร่วมกับสถานศึกษาในเขตพื้นที่ การศึกษา (4) กำ�กับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและในเขตพื้นที่ การศึกษา (5) ศึกษา วิเคราะห์วิจัย และรวบรวมข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาในเขตพื้นที่ การศึกษา (6) ประสานการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการจัดและพัฒนาการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา (7) จัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาและประเมินผลสถานศึกษาในเขตพื้นที่ การศึกษา (8) ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งบุคคลองค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันอื่นที่จัดการศึกษารูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา (9) ดำ�เนินการและประสาน ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษา (10) ประสาน ส่งเสริม การดำ�เนินการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำ�งานด้านการศึกษา (11) ประสานการปฏิบัติราชการทั่วไปกับองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 442 (12) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือได้รับมอบหมาย การแบ่งส่วนราชการภายในสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาแบ่งเป็น 10 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มอำ�นวยการ 2) กลุ่มบริหารงานบุคคล 3) กลุ่มนโยบายและแผน 4) กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา 5) กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา 6) กลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ 7) หน่วยตรวจสอบภายใน 8)กลุ่มพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา 9)กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 10) กลุ่มกฎหมายและคดี 1.2 ผลการถอดบทเรียน ผลการถอดบทเรียนจากสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำ�นวน 9แห่ง ประกอบด้วย ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพมหานครผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาตากเขต1ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท เขต1 ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต1รองผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต4รองผู้อำ�นวยการสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 6 ผู้อำ�นวยการกลุ่ม ติดตาม และประเมินผลการศึกษา สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 ศึกษานิเทศก์ชำ�นาญการพิเศษ สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา มุกดาหาร ศึกษานิเทศก์ชำ�นาญการพิเศษ สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 3 ได้ผลตามประเด็นต่อไปนี้ 1.2.1 การดำ�เนินงานเพื่อส่งเสริมความสำ�เร็จในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐาน การศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) การรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ. 2561 สำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาดำ�เนินการโดยสอดแทรกลงในนโยบายการบริหาร และค่านิยมพื้นฐาน มีหนังสือ แจ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายไปยังโรงเรียน มีการประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้ข้อมูลแก่ผู้บริหารสถานศึกษา และครูในเขตพื้นที่การศึกษาเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561ทั้ง 3 ด้าน ให้สถานศึกษานำ�ไปเป็นกรอบในการจัดระเบียบการวัดและประเมินของ สถานศึกษา 2) การวางแผนดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ การดำ�เนินงาน ประชุมชี้แจงการนำ�นโยบายมาตรฐานการศึกษาของชาติไปปฏิบัติโดยการสอดแทรกบูรณาการ ในทุกกลุ่มสาระวิชาผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาหลักสูตรพื้นฐาน โครงการการพัฒนา การจัดการเรียนรู้โครงการประกันคุณภายในสถานศึกษา การประเมินคุณภาพภายนอกของ สมศ. โครงการนิเทศชั้นเรียน โครงการพัฒนาแกนนำ�ผู้บริหาร/ครูที่รับผิดชอบวิชาการโครงการโรงเรียนคุณธรรม โครงการพัฒนาโรงเรียนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ และให้โรงเรียนร่วมกันกำ�หนดมาตรฐานก ารเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 443 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ (1) ชี้แจงให้สถานศึกษามีการดำ�เนินงานการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ให้สอดคล้อง และครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่กำ�หนดในหลักสูตรสถานศึกษา (2) พัฒนาครูให้ออกแบบการเรียนรู้ออกแบบการวัดและประเมินผลสร้างเครื่องมือ ในการวัดอย่างเที่ยงตรง ยุติธรรม และเชื่อถือได้ (3) สร้างความรู้ความเข้าใจอบรมเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการจัดการเรียนการสอน ครูต้องดำ�เนินการวัดด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย สามารถวัด และประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ความคิด กระบวนการ พฤติกรรม และเจตคติ ให้เหมาะสมกับรายวิชาและระดับชั้นของผู้เรียน (4) อบรมครูให้ใช้วิธีการที่หลากหลายจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ ผลการประเมินที่สะท้อนความรู้ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน โดยการวัดและประเมินการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอน สังเกตพัฒนาการและความประพฤติของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม เน้นการประเมินตามสภาพจริงเช่น การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงานหรือการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ฯลฯ ควบคู่ไปกับการใช้การทดสอบ แบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสม (5) ให้สถานศึกษาจัดทำ�เอกสารหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้รายงาน ผลการเรียน และรับรองผลการเรียนของผู้เรียน 4) การส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้ (1) สร้างความรู้ความเข้าใจ การประเมินแก่สถานศึกษาในพื้นที่ เพื่อประเมิน 3 ด้าน โดยกำ�หนดให้ทุกโรงเรียนใช้ในการวัดประเมินผลงานของโรงเรียน (2) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการในการจัดทำ�เครื่องมือวัดและประเมินการเรียนรู้เช่น การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้8 กลุ่มสาระ เครื่องมือวัดและประเมินผล กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เครื่องมือวัดและประเมินผลตามสภาพจริงเครื่องมือวัดและประเมินผลคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ฯลฯ (3) ส่งเสริมให้สถานศึกษาสร้างเครื่องมือที่มีมาตรฐานในการวัดและประเมินผล การเรียนรู้และมีการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการศึกษาอย่างเป็นระบบ (4) ส่งเสริมให้ครูพัฒนาตนเอง โดยศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีการวัดและประเมิน การเรียนรู้คุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ (5) ส่งเสริมสนับสนุนการวัดและประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับชั้นเรียนและสถานศึกษา (6) จัดทำ�คู่มือการวัดผล เทียบโอนผลการศึกษาสำ�หรับสถานศึกษา (7) จัดทำ�คลังข้อสอบและเครื่องมือที่มีคุณภาพในการวัดและประเมินการเรียนรู้ สำ�หรับสถานศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 444 5) การนิเทศ กำ�กับ ติดตามการวัดและประเมินการเรียนรู้ (1) มีหน่วยศึกษานิเทศก์ให้คำ�แนะนำ�/ปรึกษาแก่ผู้บริหาร และครูเกี่ยวกับ การพัฒนาหลักสูตรและการจัดทำ�หลักสูตรสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้การพัฒนาสื่อนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการศึกษา การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระวิชา กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน การจัดทำ�มาตรฐาน และการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน ของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (2) มีโครงการนิเทศติดตามในชั้นเรียน ศึกษานิเทศก์ให้กำ�ลังใจครูและตรวจวิเคราะห์ เครื่องมือการวัดประเมินการเรียนรู้โดยเริ่มจากการออกแบบการเรียนรู้ออกแบบการวัดและประเมินผล นำ�มาสังเคราะห์ภาพรวมของเขตพื้นที่การศึกษา วิเคราะห์ผลใน SAR ในการดำ�เนินการพัฒนาผู้เรียน ของสถานศึกษา (3) มีการอบรมผู้บริหาร ครู บุคลากรในการกำ�หนดมาตรฐาน และค่าเป้าหมาย มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อให้บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบดำ�เนินงาน วางแผน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (4) มีการติดตามตรวจสอบการวัดและประเมินผลที่มุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรียนด้วยวิธีการและเครื่องมือที่หลากหลายของสถานศึกษา (5) มีการสร้างเครื่องมือเพื่อใช้ในการวัดประเมินผลการเรียนรู้จากนั้นก็ เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลที่ได้เกี่ยวกับการนิเทศ เป็นการนิเทศแบบ On Site จะดีกว่าการนิเทศ แบบออนไลน์เพราะจะได้เห็นบริบทมีการพูดคุยชัดเจนมากกว่าสำ�หรับเรื่องการกำ�กับติดตามมี แผนการนิเทศ โดยแจ้งแผนการนิเทศไปยังโรงเรียน สร้างความเข้าใจผ่านระบบออนไลน์ก่อนจึงไปนิเทศ ที่โรงเรียน มีการทำ� OutlineและTimelineก่อนที่จะเข้าไปนิเทศใช้กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร (6) ใช้การประเมิน Online, Active, DLTV เป็นเครื่องมือช่วยให้ศึกษานิเทศก์ ส่งข้อมูลไปถึงผู้บริหาร ครูที่โรงเรียนโดยการสร้างทีมศึกษานิเทศก์ร่วมรับผิดชอบกับศูนย์ประสานงาน ของเขตพื้นที่การศึกษาทำ�หน้าที่กำ�กับติดตามในช่วงสถานการณ์COVID-19 1.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) การกำ�หนดวัตถุประสงค์ของการวัดและประเมินการเรียนรู้สถานศึกษา มีการกำ�หนดวัตถุประสงค์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้และพัฒนา การด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษา 2) การกำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาและตัวชี้วัด (1) โรงเรียนกำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ในการนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติ ไปปฏิบัติโดยการบูรณาการกำ�หนดมาตรฐานเน้นที่คุณภาพผู้เรียน ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน เพื่อการประเมินคุณภาพภายนอก(สมศ.)และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายใน ของสถานศึกษา เป็นคุณภาพของผู้เรียนทั้งด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ประกอบด้วยความสามารถในการอ่าน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 445 การเขียน การสื่อสาร การคิดคำ�นวณ การคิดประเภทต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตร การมีความรู้ทักษะพื้นฐานและเจตคติ ที่ดีต่ออาชีพ และด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่เป็นค่านิยมที่ดีตามที่สถานศึกษากำ�หนด ความภูมิใจ ในท้องถิ่นและความเป็นไทยการยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างและหลากหลายรวมทั้งสุขภาวะ ทางร่างกายและจิตสังคม (2) การวัดประเมินผลทำ�ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา สถานศึกษารู้ตัวชี้วัดที่ใช้โดยจัดเป็นตัวชี้วัดที่ต้องรู้และตัวชี้วัดที่ควรรู้ตัวชี้วัดที่ควรรู้ อาจจัดการเรียนการสอน ป.2 ภาคเรียนที่ 2 ทำ�โครงสร้างรายวิชาที่กำ�หนดเป็นหน่วยการเรียนรู้ ระบุตัวชี้วัด ระบุกิจกรรม ระบุงานที่จะประเมิน โดยกำ�หนดว่าเป็นร้อยละเท่าใด จะใช้เครื่องมืออะไร ในการประเมิน บางสถานศึกษาให้ผู้ปกครองมารับข้อสอบ บางที่ใช้GoogleFormแต่ถ้าประเมินการอ่าน การเขียน การคิดวิเคราะห์จะประเมินจากชิ้นงาน นอกจากนั้นยังมีการประเมินลูกเสือ-เนตรนารีโดยให้ครู ประเมินพิจารณาว่ามุ่งให้เกิดคุณลักษณะแกนหลักโดยมอบหมายงานให้นักเรียนทำ�ที่บ้าน ศึกษานิเทศก์ จะให้แนวคิดโดยกำ�หนดแกนหลักไปให้แล้วโรงเรียนไปกำ�หนดการวัดและประเมิน ออกแบบเครื่องมือ และวิธีการวัดประเมิน มีการบันทึกความดีและมีเกณฑ์การให้คะแนนแก่ผู้ปกครองโดยที่เด็กได้เรียนรู้ ร่วมกับผู้ปกครอง 3) การกำ�หนดตัวชี้วัดพฤติกรรมผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ (1) วิเคราะห์ผลการเรียน แบ่งผู้เรียนเป็น 3 กลุ่ม คือ A B C พิจารณาดูว่า ตัวชี้วัดใดอ่อนหรือจะพัฒนาตัวชี้วัดใด้ (2) ศึกษานิเทศก์ลงสู่ชั้นเรียนเพื่อสังเกตการเรียนการสอนในแต่ละวิชา (3) ใช้การติดตามชั้นเรียนแบบออนไลน์ (4) เขตพื้นที่มีคลังข้อสอบเพื่อให้ครูใช้ในการวัดประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบันสถานศึกษายังสับสนระหว่างผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ยังไม่ชัดเจนอยากให้ มีคู่มือการประเมินจะช่วยให้ประเมินผลลัพธ์ทั้ง 3 ด้านได้สำ�หรับการแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่ม A เป็นกลุ่ม ที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ กลุ่ม B มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับระดับประเทศ และกลุ่ม C มีคะแนนเฉลี่ยตํ่ากว่าระดับประเทศทั้ง 4 ด้าน ช่วงสถานการณ์COVID-19 มีการประเมินที่ยังดำ�เนินการไม่ครบในด้านทักษะกระบวนการ ด้านคุณลักษณะ บางคนเรียน On Hand ไม่อยากเรียนออนไลน์สำ�หรับนักเรียนบางคนครูต้องสอน ใน 3 ช่วงเวลา ได้แก่ เช้า กลางวัน กลางคืน โดยเรียนตัวชี้วัดที่ต้องรู้ก่อน 4) การออกแบบวิธีการและสร้างเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ (1) ให้ครูวิเคราะห์มาตรฐานตัวชี้วัดเพื่อสร้างเครื่องมือ (2) วิเคราะห์ผู้เรียน (3) ออกแบบเครื่องมือให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดที่ต้องรู้ก่อน (4) ออกแบบสื่อ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 446 (5)ออกแบบการวัดประเมินด้วยเครื่องมือที่หลากหลายมีคุณภาพ วัดตามสภาพจริง เช่น แบบทดสอบ การประเมินโครงการการประเมินชิ้นงาน การสังเกตพฤติกรรม การเข้าร่วมกิจกรรม ฯลฯ 1.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จในการดำ�เนินงาน 1) การเป็นผู้นำ�ทางวิชาการของผู้บริหาร ผู้บริหารสถานศึกษาได้ตระหนัก เห็นความสำ�คัญและนำ�ไปปฏิบัติในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพและได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม 2) การให้คำ�ปรึกษาจากเขตพื้นที่การศึกษา ให้ศึกษานิเทศก์เข้าไปในเครือข่ายครู 8 กลุ่มสาระให้ช่วยกันปรับมาตรฐาน และค่าเป้าหมายในหลักสูตรที่เริ่มจากหลักสูตรแกนกลางจนถึง หลักสูตรสถานศึกษาที่นำ�ลงไปใช้ในหน่วยการเรียนรู้และวิธีการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา การให้ ข้อมูลย้อนกลับ การบอกเกณฑ์ในการประเมิน การพัฒนาตนเองของผู้เรียน 3) การสร้างความรู้ความเข้าใจในการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์COVID-19 โดยส่งผ่านหน่วยการเรียนให้ผู้ปกครองรู้ถึงนโยบายว่าการจัดการเรียนการสอนกับการประเมิน มีความสอดคล้องกัน เป็นการประเมินเพื่อให้เกิดการเรียนรู้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ช่วงเช้าสอน คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ช่วงบ่ายบูรณาการให้นักเรียนทำ�กิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง เช่น การสำ�รวจ อาชีพแล้วมารายงานแก่ครูเป็นต้น 4) การมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ในการดำ�เนินงานแต่ละเขตมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน แนวทางการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาเหล่านี้เป็นสิ่งสำ�คัญ จึงควรมีการกำ�หนดแนวทางปฏิบัติจากส่วนกลางเพื่อให้นำ�ไปใช้ได้ 5) การมีนวัตกรรม สื่อการประเมินที่เพียงพอเหมาะสม มีคลังข้อสอบเกี่ยวกับ แบบประเมินพฤติกรรมที่ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่พึงประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำ�เนินงานให้เกิดผลสำ�เร็จ ควรเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตอาจใช้กิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง อบรมการสร้างสื่อการเรียนรู้เพื่อเด็กพิการ เรียนร่วมให้ครูประถมได้มาเรียนรู้ร่วมกัน โดยแจ้งให้เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะต้องใช้เป็นสื่อไว้ก่อน เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้และประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน 6) การพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความรู้มีหลักสูตรเป็นแพ็คเกจ วิธีการเลือกใช้ สื่อให้สนับสนุนพัฒนาการของเด็กอย่างไร สู่การสร้างนวัตกรรมได้อย่างไร ควรมีเวทีในการแลกเปลี่ยน เรียนรู้การใช้สื่อครูจะสามารถหาจุดเหมาะสม เช่น Driver’s, ชีท, Video Active Learning เป็นต้น 7) การพัฒนาศึกษานิเทศก์ในด้านกระบวนการวัดประเมินผลสื่อจำ�พวกเทคโนโลยี แอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้แก่ Microsoft Google สำ�หรับใช้ในพื้นที่เน้นรูปแบบวิธีปฏิบัติที่โรงเรียนปฏิบัติ เป็นประจำ�มีการสร้าง YouTube เสนอใน Facebook ชื่อว่าโคราช 6 Channel 8) การมีหน่วยงานอื่น ๆ เข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างความรู้แก่โรงเรียน เพื่อให้มีLearning Space มากขึ้น มีการแปลงโฉมห้องเรียนโจทย์ทั้งระดับชั้นอนุบาลและประถม ให้มีความยืดหยุ่นเหมาะแก่การเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ สิ่งสำ�คัญสิ่งหนึ่งในการออกแบบพื้นที่
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 447 การเรียนรู้(Learning Space) คือ การออกแบบให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการเรียนรู้(Learning Vision) กระบวนการ (Process) และประเมินกระบวนการจัดการเรียนรู้ทำ�ให้เกิดการประเมินผู้เรียน ได้อย่างหลากหลายตามสภาพจริง 9) การมีเครือข่ายความร่วมมือกันแบบจตุรมิตรซึ่งประกอบด้วยผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่ การศึกษา ศึกษานิเทศก์ผู้บริหารครูและผู้ปกครองซึ่งต้องมีใจให้กัน มีความตระหนักในงานที่ทำ�ร่วมกัน ในการพัฒนาผู้เรียน มีการกำ�กับติดตามเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ที่เน้นการวัดประเมินพฤติกรรม ผู้เรียนมีแบบแผนวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจน มีการสร้างคู่มือที่ชัดเจนเพื่อใช้ในการกำ�กับติดตามในแต่ละเขตพื้นที่ การศึกษาเพื่อให้ข้อมูลที่ตรงกัน 1.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข 1) การรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติทั้ง 3 ส่วนเพื่อนำ�ไปสู่ การปฏิบัติสถานศึกษามีการรับรู้แต่ยังไม่ลงไปถึงกระบวนการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา นโยบาย ยังไม่นิ่ง จึงทำ�ให้มุมมองของผู้ปฏิบัติและคุณสมบัติยังไม่เชื่อมโยงสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา ซึ่งสถานศึกษารับทราบแต่ในทางปฏิบัติใช้การเทียบเคียงกับการประกันคุณภาพการศึกษา อีกประการหนึ่งยังไม่มีการกำ�หนดนิยามที่ชัดเจน จึงนำ�ไปสู่การปฏิบัติได้ยาก ครูต้องรู้เป้าหมาย แล้วจึงนำ�ไปปฏิบัติหากจะให้เกิดผลต้องให้เห็นว่าผลลัพธ์ที่พึงประสงค์เป็นการสะท้อนการทำ�งาน ของผู้บริหารโรงเรียนด้วย การกำ�หนดแผนในการปฏิบัติและมีแนวทางในการประเมินคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์จะช่วยให้โรงเรียนปฏิบัติได้ง่ายขึ้น 2) จุดอ่อนของครูคือการวัดประเมินผล มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสร้าง เครื่องมือจึงเป็นสิ่งสำ�คัญและจำ�เป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนางานวัดประเมินผลให้สอดคล้องกับ ความต้องการของมาตรฐานการศึกษาของชาติควรลดภาระงานครูจะช่วยให้ครูมีเวลาในการเตรียม การสอนตามแผนการเรียนรู้ครูควรได้พัฒนาตนเองทั้งการออกแบบการจัดการเรียนรู้กระบวนการจัด การเรียนรู้และการวัดประเมินการเรียนรู้การเก็บรวบรวมข้อมูลลดงานจาก สพฐ. ให้น้อยลงจะช่วยให้ ครูทำ�งานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น 3) ปัญหาเกี่ยวกับศึกษานิเทศก์มีจำ�นวนไม่เพียงพอที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ขาดแรงจูงใจในการมาเป็นศึกษานิเทศก์สพฐ. สร้างแรงจูงใจให้ครูที่เก่งทั้งเนื้อหาสาระ วิธีการสอน การประเมินมาเป็นศึกษานิเทศก์ มีการพัฒนาได้รับการเพิ่มพูนประสบการณ์โดยการทำ� PBL ช่วยพัฒนาบุคคลยิ่งขึ้น 4) งบประมาณไม่เพียงพอในการสนับสนุนการดำ�เนินงานของสถานศึกษา และทีมศึกษานิเทศก์ของเขตพื้นที่การศึกษา และปัจจุบันศึกษานิเทศกยังขาดความรู้ความเข้าใจผลลัพธ์ ที่พึงประสงค์ว่ามีอะไรบ้าง สถานศึกษามีการกำ�หนดหรือดำ�เนินการไว้อย่างไรบ้าง การฝึกอบรม แก่ศึกษานิเทศก์ใหม่ ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลตามมาตรฐานการศึกษา ของชาติเป็นสิ่งสำ�คัญและจำ�เป็นในการนิเทศสถานศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 448 2. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2.1 ข้อมูลทั่วไป สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเป็นหน่วยงานทางการศึกษาที่อยู่ภายใต้ การกำ�กับดูแลของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีการกำ�หนดและ แก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 เพื่อบริหารและจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษาให้สอดคล้องกับการบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป โดยครอบคลุม ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวมจำ�นวน 62เขต มีอำ�นาจหน้าที่และแบ่งส่วนราชการเช่นเดียวกับสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เป็นหน่วยงานทางการศึกษาที่อยู่ภายใต้การกำ�กับดูแลของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2.2 ผลการถอดบทเรียน จากการถอดบทเรียนของสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำ�นวน 8 แห่ง ประกอบด้วย สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสุราษฎร์ธานีชุมพร สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์สำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรีสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรีตราดสำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาพัทลุง สำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ ยโสธร และสำ�นักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย ได้ผลตามประเด็นต่อไปนี้ 2.2.1 การดำ�เนินงานเพื่อส่งเสริมความสำ�เร็จในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐาน การศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 1) การรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ.2561การสร้างความรอบรู้ และตระหนักของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษามีการประชุมชี้แจงมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ.2561 มอบหมายให้ผู้บริหารสถานศึกษานำ�ไปเป็นกรอบปฏิบัติในการจัดทำ�หลักสูตรสถานศึกษา ให้ความสำ�คัญ กับผลลัพธ์คือผู้เรียนที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ. 2561 2) การวางแผนดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ มีทีมนำ� ทีมทำ� ทีมตาม ทีมนำ�ร่วมกันวิเคราะห์สภาพทั่วไป วิธีการดำ�เนินการอย่างไร ทีมนำ�โดยเขตพื้นที่การศึกษา ประกอบด้วยหน่วยศึกษานิเทศก์และผู้บริหารสถานศึกษา ทีมทำ�ผู้บริหารสถานศึกษาและคณะครูเป็นหลัก ทีมตามโดยเขตพื้นที่การศึกษาร่วมกับคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา พื้นที่การศึกษา (ก.ต.ป.น.) ประกอบด้วยผู้บริหารที่เกษียณแล้วผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่อาจารย์มหาวิทยาลัย และศึกษานิเทศก์ทำ�หน้าที่ติดตามและให้ความรู้เพิ่มเติมแก่สถานศึกษา วางแผนการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลและนิเทศการศึกษา โดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของสถานศึกษาในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 449 3) การดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ (1) การดำ�เนินงานของเขตพื้นที่โดยศึกษานิเทศก์มีบทบาทสูงสุดในการ ให้คำ�ปรึกษาแก่คณะครูทุกกลุ่มสาระวิชา ให้วัดและประเมินการเรียนรู้บนหลักการประเมินที่ถูกต้อง เริ่มจากการจัดทำ�หน่วยการเรียนรู้แผนการเรียนรู้การวิเคราะห์การจัดการเรียนการสอนว่าบรรลุ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้/ตัวชี้วัดหรือไม่ พฤติกรรมการเรียนรู้หรือแนวคิดของนักเรียนที่เกิดขึ้น ในชั้นเรียน มีแนวคิดใดบ้าง พฤติกรรมการสอนของครูการใช้สื่อการสอน กิจกรรมการเรียนการสอน เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ไม่เน้นบรรยายผู้เรียนเรียนอย่างมีความสุขและได้ความรู้การวัดและประเมินผล เป็นอย่างไร และนำ�ผลการประเมินไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียน (2) ตรวจสอบ ปรับปรุงคุณภาพของวิธีการจัดการเรียนรู้เครื่องมือวัด และประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา (3) สนับสนุนการดำ�เนินงานของสถานศึกษาในการจัดทำ�ระเบียบว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา 4) การสนับสนุนการวัดและประเมินการเรียนรู้ (1) ส่งเสริมสถานศึกษาเกี่ยวกับการวัดประเมิน สพม. มีบทบาทในการส่งเสริม ภารกิจของโรงเรียนทุกด้านทั้งด้านหลักสูตร การเรียนการสอน การวัดประเมินผล และอื่น ๆ การวัดผล จะให้ความสำ�คัญกับผลลัพธ์มาก จะมอบนโยบายให้ผู้บริหารโรงเรียนเน้นการวัดประเมินเพื่อปรับปรุง การเรียนการสอนของโรงเรียน ในระดับโรงเรียนต้องใช้ข้อมูลการประเมินผลจาก O-NET เป็นตัวสะท้อน การดำ�เนินการของสถานศึกษาเพื่อเทียบเคียงกับโรงเรียนอื่น ๆ (2) ส่งเสริมให้สถานศึกษาวัดและประเมินสะท้อนความเป็นจริงให้ครอบคลุม การเรียนรู้วิธีการ คือ พูด คุยกับศึกษานิเทศก์แต่ละโรงเรียนมีทีมการศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริมการพัฒนาแนวทางการวัดประเมินที่สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน โดยใช้ศึกษานิเทศก์ เป็นผู้ชี้แจงและสร้างความตระหนักว่าต้องมีการวัดไม่ว่าจะโดยวิธีใดตามที่โรงเรียนแต่ละแห่งออกแบบได้วัด ตามสภาพจริง (ทดสอบ Portfolio ชิ้นงานฯ) และแก้ปัญหานักเรียนที่ติดศูนย์ติด ร มส. ตามแนวทาง ของระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการประเมินผล ให้ครูวัดบนหลักการประเมินที่ถูกต้อง ใช้หลัก เมตตาธรรมให้เด็กไม่เครียดและผ่านไปเรียนชั้นต่อไปได้การส่งเสริมทำ�ทั้งในรูปแบบลงพื้นที่จริงและ ออนไลน์ (3) ส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียนเรื่องการวัดและประเมินผลเน้นส่วนของโรงเรียน และกำ�กับติดตามโดยนิเทศ แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ระดับสถานศึกษา ชั้นเรียน เขตพื้นที่และระดับชาติ ระดับสถานศึกษาเน้นการประเมินเพื่อการพัฒนา สร้างความตระหนักให้ผู้อำ�นวยการเป็นผู้นำ�ทางวิชาการ เน้นการประเมินให้สะท้อนผลสำ�เร็จทางวิชาการระดับเขตเพื่อเปรียบเทียบดูพัฒนาการ การประเมิน ในระดับชาติคือ O-NET ไม่บังคับการเข้าสอบจึงมีโรงเรียนสมัครจำ�นวนน้อยมาก จังหวัดบุรีรัมย์ สมัครสอบเพียงร้อยละ 27 เท่ากับ 66 โรงเรียน โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษไม่สมัครใจเข้าร่วมสอบ มีศึกษานิเทศก์ลงพื้นที่กำ�กับติดตามในนามผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่การศึกษา
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 450 (4) ส่งเสริมให้ผู้บริหารมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องดีๆ เพื่อสร้างผู้บริหาร มีDOE(Design OutcomeExamination) เป็นผู้นำ� มีกระบวนการPLC ในทุกนวัตกรรม ทั้งเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน การวัดและประเมินผล (5) จัดทำ�คู่มือและสื่อใช้ในการปฏิบัติงานและเผยแพร่ให้ครูได้ใช้ในการพัฒนา การจัดกระบวนการเรียนการสอน การสร้างข้อสอบ และการวัดและประเมินผล (6) จัดทำ�คลังข้อสอบให้ครูสามารถเลือกใช้แบบทดสอบได้อย่างเหมาะสม 5) การนิเทศ กำ�กับ ติดตามการวัดประเมินการเรียนรู้ (1) มอบหมายให้ศึกษานิเทศก์ติดตามให้คำ�ปรึกษากับครูทุกลุ่มสาระในเรื่อง การจัดกระบวนการเรียนการสอน การสร้างเครื่องมือในการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย ให้อิสระแก่โรงเรียนออกแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้เองโดยใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ (2) จัดเวทีแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติการวัดและประเมินการเรียนรู้ของแต่ละ โรงเรียนมาแลกเปลี่ยนกัน แบ่งเป็นเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพเป็นการรวมตัวของโรงเรียน เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำ�ให้มีรูปแบบและกระบวนการนิเทศติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียน อย่างเป็นระบบ มีความเข้มแข็งและเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น (3) มีการนิเทศชั้นเรียน เชิญโรงเรียนประชุม เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการจัด การเรียนการสอนของครูการวัดและประเมินให้มีคุณภาพ มีการนิเทศชั้นเรียนออนไลน์ ทุกกลุ่มสาระ ใช้กระบวนการPLC ในการนิเทศ มีการนิเทศแบบกัลยาณมิตร บรรยากาศการทำ�งานร่วมกันอย่างมีความสุข 2.2.2 รูปแบบและกระบวนการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) การกำ�หนดวัตถุประสงค์ของการวัดและประเมินการเรียนรู้สถานศึกษา มีการกำ�หนดวัตถุประสงค์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษาและมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัดฯ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำ�ระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรียนของสถานศึกษา 2) การกำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาและตัวชี้วัดการกำ�หนดผลลัพธ์ ที่พึงประสงค์เป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจเป็นอันดับแรก เพื่อนำ�ข้อมูลที่ได้จากผลการประเมินไปใช้วางแผน ปรับปรุง พัฒนาความสามารถผู้เรียนไปสู่เกณฑ์ที่สถานศึกษากำ�หนด มีขอบเขตและตัวชี้วัดอะไรบ้างที่จะ ทำ�การประเมิน การกำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนทั้ง3ส่วนในการเป็นผู้เรียนรู้ ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม และพลเมืองที่เข้มแข็ง ยังไม่มีอย่างชัดเจน แต่ทางสถานศึกษาบูรณาการ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำ�หนดไว้8 ประการ เป็นสิ่งที่ผู้เรียนต้องรู้และปฏิบัติได้ เช่น คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขเป็นต้น กำ�หนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ต้องใช้ข้อมูลจาก การสังเกตพฤติกรรมที่ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมเพื่อนำ�มาประเมินและตัดสินผู้เรียน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 451 3) การออกแบบวิธีการและสร้างเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ 1) การสร้างโมเดลการดำ�เนินงานด้านการวัดประเมินผล มีการดำ�เนินการ แบบบูรณาการ คือ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องการวัดประเมินผลเพียงอย่างเดียว โดยใช้Lesson Study Group Model โดยมีการ PLC ใน 4 ช่วง โดยร่วมกันพิจารณาว่าทั้ง 5 กระบวนการมีการรวมกลุ่มกัน กับโรงเรียนทั้ง 18 โรงเรียน ดังนี้(1) สร้างกลุ่มสร้างความเข้าใจ (PLC1) (2) วางแผนการจัดการเรียน การสอน (PLC2) (3) สังเกตการสอนและวัดประเมิน (4) ให้ผลสะท้อนกลับ (PLC3) และ (5) มีการสร้าง ข้อสอบมาตรฐาน โดยดำ�เนินการต่อเนื่องเป็นระยะๆสำ�หรับการวัดคุณลักษณะพึงประสงค์ของผู้เรียนยังอิง การดำ�เนินการไว้ตั้งแต่ต้น ศึกษานิเทศก์ส่งเสริมให้ครูใช้แบบวัดและประเมินต่าง ๆ ที่มีมากกว่า เน้นว่า จะใช้เครื่องมือที่มีมาใช้ในการวางแผนการเรียนรู้ เน้นใช้เครื่องมือที่สอดคล้องกับการวัด และประเมินการเรียนรู้มีเครื่องมือมาตรฐานวัดคุณลักษณะที่พึงประสงค์8 ประการตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำ�หนด ได้แก่ รักชาติศาสน์กษัตริย์ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำ�งาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ครูสามารถ นำ�ไปใช้ได้ในการวัดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 2) การนำ�มาตรฐานการศึกษาของชาติพ.ศ. 2561 ไปสอดแทรกในการวัด และประเมินของสถานศึกษา การนำ�หลักสูตรสู่การปฏิบัติศึกษานิเทศก์จะต้องเข้าไปขับเคลื่อน โดยเริ่มจากให้ครูกำ�หนดมาตรฐาน ตัวชี้วัด KPA แล้วจัดการเรียนรู้ตามเป้าหมายของหลักสูตรแกนกลาง ออกแบบการวัดประเมินได้ตรงตามที่หลักสูตรกำ�หนดการพัฒนาครูผู้ช่วยนิเทศเป็นอีกวิธีที่จะช่วยพัฒนา การเรียนการสอนในสหวิทยาเขตและศูนย์พัฒนากลุ่มการเรียนรู้มีการทำ�คลังข้อสอบของเขตพื้นที่ การศึกษา ครูสามารถนำ�ไปใช้ในการประเมินได้ 3) การกำ�หนดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษาชาติซ่อนอยู่ใน ค่าเป้าหมายที่สถานศึกษากำ�หนดไว้ซึ่งการดำ�เนินการให้เกิดผลลัพธ์จะเกิดในการจัดการเรียน การสอน และในการจัดกิจกรรมของสถานศึกษา 4) การส่งเสริมให้ครู บุคลากรในสถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เทคนิควิธีการวัดและประเมินในรูปแบบต่าง ๆ ตามสภาพจริง เช่น การออกข้อสอบ การประเมินการทำ�งาน การประเมินด้วยแฟ้มสะสม ฯลฯเขตพื้นที่การศึกษามีเครื่องมือ ที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ครูไม่สามารถใช้เครื่องมือนั้นได้ในบางสถานการณ์จะไม่เห็นภาพการนำ� มาตรฐานการศึกษาของชาติมาใช้โดยตรงแต่มีการวิเคราะห์แต่ละตัวว่าสามารถแทรกในทุกสมรรถนะหลัก 5 ตัวที่มีอยู่เดิมแล้ว แต่เห็นจากตัวกิจกรรมที่ครูออกแบบการเตรียมความพร้อมในด้านวัดประเมิน อะไรก่อน ดังนั้นควรให้ครูทำ�ความเข้าใจมาตรฐาน และตัวชี้วัดก่อน แล้วแตกย่อยเป็นจุดประสงค์ การเรียนรู้ให้ได้ด้วย ครูจะสามารถไปสร้างเครื่องมือวัดประเมินนักเรียนได้ตรงตามที่กำ�หนด ซึ่งครูใหม่บางคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 452 5) ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมการวัดและประเมินทำ�ในลักษณะเครือข่าย ให้อิสระแก่สถานศึกษาออกแบบการวัดประเมินเองโดยมอบนโยบายเป็นเรื่อง ๆ ให้ศึกษานิเทศก์ และทีมสหวิทยาเขตไปดำ�เนินการ มอบให้ผอ.สถานศึกษา โดยผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่การศึกษาวางแผน ให้ครูทุกคนต้องมีนวัตกรรม “หนึ่งโรงเรียน หนึ่ง ผอ. หนึ่งครู หนึ่งปีหนึ่งนวัตกรรม” มีการจัดทำ� คลังข้อสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านความรู้มีการประเมินพฤติกรรมแบบหลากหลาย มีการอบรมการสร้าง เครื่องมือ สถานศึกษาออกแบบตามความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา การวัดและประเมินบางครั้ง ให้ผู้ปกครองร่วมประเมิน สถานศึกษามีส่วนร่วมในการใช้ข้อสอบไปวัดประเมินในสถานศึกษา 2.2.3 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จในการดำ�เนินงานการวัดและประเมินการเรียนรู้ 1) นโยบายชัดเจนในการลงสู่ปฏิบัติมีนโยบายระดับชาติชัด นโยบาย ผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่การศึกษามีความชัดเจน นโยบายผู้อำ�นวยการสถานศึกษาชัดเจน ครูคือหัวใจ คือทัพหน้าที่นำ�นโยบายลงไปใช้ได้ถูกต้องและถูกวิธีในห้องเรียน SPM (Source Policy Man) ต้องชัดเจนในการลงสู่ปฏิบัติและไม่เน้นแค่ใช้แต่ต้องมีการรับผลสู่การปฏิบัติด้วย M คือ Man ผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้อำ�นวยการสถานศึกษา ครูต้องตระหนักถึงความสำ�คัญของการวัด และประเมินผล ครูต้องเข้าใจถึงการทำ�แบบประเมินความรู้แต่การทำ�แบบประเมินเรื่องสมรรถนะ ยังทำ�ไม่ได้เมื่อครูยังทำ�ไม่ได้จึงควรมีเครื่องมือกลางเพื่อเป็นแบบอย่างให้ครูได้ศึกษาหรือเป็น แบบอย่างในการสร้างเครื่องมือได้ดังนั้น ผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่การศึกษาต้องประชุมนำ�เสนอนโยบาย ที่ได้รับมอบมาจากกระทรวง ชี้แจงกับผู้บริหารและศึกษานิเทศก์ มีการให้ผู้อำ�นวยการสถานศึกษานำ� เสนอว่าแต่ละสถานศึกษามีแนวทางในการดำ�เนินการอย่างไรบ้าง บางโรงเรียนทำ� Teach Blue Print มีการวิเคราะห์หลักสูตร ตัวชี้วัด เพื่อดูว่าจะนำ�มาจัดกิจกรรม มากำ�หนดงานอย่างไรบ้าง วัดประเมินอย่างไรบ้าง การกำ�กับติดตามเรื่องการวัดประเมินผล การมีนโยบายชัด ผู้บริหารสูงสุดนำ�เดิน อย่างชัดเจน ศึกษานิเทศก์จะเชื่อมโยงสู่ห้องเรียนอย่างจริงจังได้การนิเทศก็จำ�เป็นต้องนิเทศตั้งแต่วิเคราะห์ หลักสูตรจนถึงการสอนและวัดประเมินผู้เรียน 2) ครู เริ่มจากครูผู้สอนที่จบการวัดและประเมินผลมีจำ�นวนน้อยมาก การวัด เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนยังมีน้อยในระดับชั้นเรียน ในห้องเรียนการวัดและประเมินต้องทำ� ควบคู่กับการจัดการเรียนการสอน มีการออกแบบกิจกรรมตามบริบทธรรมชาติวิชา มีสื่อ นวัตกรรม การเรียนการสอน ส่วนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูในสถานศึกษาจะนำ�ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรียนเป็นตัวตั้งต้นในการทำ� PLC 3) เครื่องมือวัดและประเมิน ครูสร้างเครื่องมือการวัดได้อย่างหลากหลายตาม สภาพจริง มีเครื่องมือที่ถูกต้องเหมาะสมมีคุณภาพ (มีความตรง ความเที่ยง) คือมีการพัฒนาและ หาคุณภาพของเครื่องมือที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสอดคล้องกับข้อมูลที่ต้องการประเมิน
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 453 4) ผู้บริหาร กลุ่มผู้บริหารควรเห็นความสำ�คัญของการประเมินผล มีอำ�นาจ ในการกำ�หนดนโยบาย ใช้ผลการวัดเป็นที่มาของการกำ�หนดนโยบาย มอบภาระความรับผิดชอบไปยัง ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น เขตพื้นที่การศึกษารับผิดชอบผลการสอบในเขตฯ ผู้อำ�นวยการเขตพื้นที่ การศึกษาให้ความสำ�คัญโดยมอบหมายให้ศึกษานิเทศก์กำ�กับ ติดตาม ซึ่งศึกษานิเทศก์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ การวัดประเมินของโรงเรียน และส่งเสริมให้มีการประเมินตามสภาพจริงให้มากที่สุด โรงเรียนรับผิดชอบ ผลการประเมินของโรงเรียน การมีภาวะผู้นำ�ทางวิชาการของผู้บริหารผู้บริหารโรงเรียนมีการนำ�สู่การปฏิบัติ และกำ�หนดค่าเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อสิ้นปีมีการทบทวน กำ�กับ ติดตามอย่างจริงจัง ครบถ้วน ทั้งช่วง เริ่มต้น ระหว่างดำ�เนินงาน และเมื่อเสร็จสิ้น ถ้าผู้บริหารเก่ง ครูเยี่ยม นักเรียนก็เยี่ยมด้วย 5) งบประมาณเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจ สามารถวัดและประเมินผล ได้ดีและงบประมาณเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้การนิเทศการวัดและประเมินผู้เรียนของสถานศึกษา 6) ผู้เรียน ความแตกต่างกันของผู้เรียนทำ�ให้มีการออกแบบการจัดการเรียน การสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนที่ให้ความสำ�คัญกับวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน เครื่องมือการวัดและประเมิน ผู้เรียนแตกต่างกันโดยอาศัยข้อมูลจากขั้นตอนของการประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน 2.2.4 ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไข 1) หลักสูตรและมาตรฐานการศึกษายังไม่มีการปรับปรุงใหม่ ปัจจุบันจึงนำ�ผลลัพธ์ ที่พึงประสงค์ไปบูรณาการในหลักสูตรแกนกลางฯ เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน แนวทางแก้ไขควรประกาศ ใช้หลักสูตรและมาตรฐานการศึกษาใหม่ให้ทันกับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามมาตรฐานการศึกษา ของชาติพ.ศ. 2561 2) ปัญหาด้านครูครูยังมีความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอยังไม่ให้ความสำ�คัญ รวมถึง ยังไม่ได้มีการนำ�ผลการประเมินผู้เรียนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผู้เรียน 3) เครื่องมือวัด หากเลือกใช้ไม่ถูกต้องตรงตามสิ่งที่ต้องการวัดอาจส่งผลเสียต่อผู้เรียน ควรมีการนำ�ผลการวัดประเมินไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอนอย่างแท้จริง ทั้งในระดับโรงเรียน และในเขตพื้นที่การศึกษา 4) การใช้ผลการประเมินมาใช้ในการกำ�หนดนโยบาย และนำ�กระบวนการวิจัย มาใช้ในการจัดการศึกษา 5) การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หากไม่ใช้ผลการทดสอบ O-NET จะทำ�ให้ระบบ การจัดการศึกษาของเราเกิดช่องว่างมากขึ้น แต่ยังสอบเข้าโดยใช้คะแนนสอบความรู้การวัดและประเมิน ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติยังเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากนักเรียน ก็ยังต้องการเรียนพิเศษเพื่อให้มีความรู้ถ้าหากมีการใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการคัดนักเรียนเข้าเรียน ก็จะส่งผลให้การวัดและประเมินผลผู้เรียนบรรลุตามที่กำ�หนดไว้การนำ�นโยบายสู่การปฏิบัติจะเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนมาเป็นการเรียนเพื่อสร้างสมรรถนะเก็บผลการเรียนไว้ใน Portfolio เพื่อสมัครเข้าเรียน มหาวิทยาลัย
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 454 คณะผู้จัดท�ำ ที่ปรึกษา ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา ดร.สวัสดิ์ ภู่ทอง รองเลขาธิการสภาการศึกษา ดร.ภูมิพัทธ เรืองแหล่ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการศึกษา นางศิริพร ศริพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านวิจัยและประเมินผลการศึกษา นางอำภา พรหมวาทย์ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณารายงาน ดร.รุ่งเรือง สุขาภิรมย์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ นัยพัฒน์ ที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะนักวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณ์ดี แสงประทีปทอง หัวหน้านักวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.รัชนีกูล ภิญโญภานุวัฒน์ นักวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.จรีลักษณ์ รัตนาพันธ์ นักวิจัย รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ นักวิจัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร กาญจนสุวรรณ นักวิจัย คณะบรรณาธิการ นางสาวกิ่งกาญจน์ เมฆา ผู้อำนวยการกลุ่มติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา นางสาวสุภารัตน์ ศรีหลัก นักวิชาการศึกษาชำนาญการ นายธนกฤต ศรีกิตติพงศ์ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ
รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 455 ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวกิ่งกาญจน์ เมฆา ผู้อำนวยการกลุ่มติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา นายจิรวิทย์ ไทภูวไพบูลย์ นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ นางสาวทัศนีย์ ชุ่มชื่นดี นักวิชาการศึกษาชำนาญการ นางสาวกนกวรรณ ศรีลาเลิศ นักวิชาการศึกษาชำนาญการ นายภูริต วาจาบัณฑิตย์ นักวิชาการศึกษาชำนาญการ นางสาวสุภารัตน์ ศรีหลัก นักวิชาการศึกษาชำนาญการ นายวรจักร จองศักดิ์ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ นายธนกฤต ศรีกิตติพงศ์ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ สำนักประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
สำ�นักงานเลขาธิการสภาการศึกษา www.onec.go.th ขอความร่วมมือจากท่านผู้ใช้เอกสารเล่มนี้ ตอบแบบแสดงความคิดเห็นในการนำ�หนังสือไปใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นข้อมูลให้สำ�นักงานฯ ได้นำ�ไปพัฒนาการศึกษาต่อไป และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ แบบสอบถามการนำ�เอกสาร รูปแบบการวัดและประเมินการเรียนรู้ ในสถานศึกษาที่ส่งเสริมผู้เรียนให้เกิด ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ไปใช้ประโยชน์