The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการจัดทำสนาม ฮ.

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือการจัดทำสนาม ฮ.

คู่มือการจัดทำสนาม ฮ.

คู่มอื

ข้อแนะนาพนื้ ฐานการปฏบิ ตั งิ าน
ระหว่าง

หน่วยภาคพนื้ ร่วมกบั เฮลคิ อปเตอร์
ของ ศบบ.

คานา

การจดั ทาเอกสารฉบบั น้ีข้ึน สาหรับเป็นขอ้ แนะนาข้นั พ้ืนฐานในการปฏิบตั ิงานระหวา่ งหน่วย
ภาคพ้นื ร่วมกบั เฮลิคอปเตอร์ เพอ่ื ใหก้ ารจดั สร้างสนามรับข้ึน – ส่งลงสาหรับเฮลิคอปเตอร์รวมท้งั การ
ปฏิบตั ิท่าทศั นสญั ญาณสาหรับส่ือความหมาย การระวงั ป้ องกนั การบรรทุก การลาดตระเวนทางอากาศ และ
การยทุ ธเคล่ือนที่ทางอากาส สามารถสร้างความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งและใชต้ ามแบบมาตรฐานเดียวกนั โดย
มุง่ เนน้ ต่อความปลอดภยั สูงสุดสาหรับการปฏิบตั ิภารกิจร่วมกบั เฮลิคอปเตอร์เน้ือหาของเอกสารฉบบั น้ี
รวบรวมจาก รส. ๕๗-๓๘ , หนงั สือของโรงเรียนการบินทหารบก และคูม่ ือเก่ียวกบั การบินต่างประเทศ
หากขอ้ ความใดที่คลาดเคล่ือนหรือบกพร่อง ขอความกรุณาแจง้ แผนกวชิ ายทุ ธวธิ ี กองการศึกษา รร.การ
บินทหารบก เพื่อพิจารณาปรับปรุงแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งต่อไป

พ.ท.ชูชีพ บุญโห้
อจ.วยว.กศ.รร.การบิน ทบ.

๑ ก.ย. ๕๒

สารบัญ หน้า

เร่ือง ๑

การเตรียมพ้นื ท่ีรับข้ึน - ส่งลงของเฮลิคอปเตอร์ ๔
การนา เฮลิคอปเตอร์ เขา้ มายงั พ้นื ที่ข้ึน – ลง ๕
การบินเขา้ หาท่ีหมายดว้ ยวธิ ี HOMING ๖
การนาเขา้ ดว้ ยระบบนาฬิกา
ทา่ ทศั นสัญญาณสาหรับ รับ - ส่ง เฮลิคอปเตอร์ ๑๔
การวางระบบไฟส่องสวา่ งสาหรับพ้ืนท่ีข้ึน - ลง ๑๖
ของสนาม เฮลิคอปเตอร์ทางยทุ ธวธิ ี ๑๘
วธิ ีการสร้างสนาม ฮ. ในพ้นื ที่ลาดเอียง ๑๙
หนา้ ที่ของหน่วยภาคพ้นื ในการรับ - ส่ง เฮลิคอปเตอร์ ๒๔
การระวงั ปองกนั ๒๕
การส่งกลบั สายแพทยท์ าอากาศ ๔๐
การตรวจการณ์ทางอากาศ ๔๔
การบรรทุกอากาศยาน ๕๒
การยทุ ธเคลื่อนที่ทางอากาศ
แบบคาขอใชอ้ ากาศยาน

-๑-

การเตรียมพนื้ ทรี่ ับขนึ้ - ส่งลงของเฮลคิ อปเตอร์

๑. ขนาดของพนื้ ทีร่ ับขนึ้ -ส่งลง

๑.๑ ขนาดของพ้ืนท่ีรับข้ึน-ส่งลง ข้ึนอยกู่ บั จานวนและแบบ เฮลิคอปเตอร์
๑.๒ สภาพพ้นื ผวิ อุณหภูมิ ความช้ืน ความสูงในภมู ิประเทศ และสิ่งกีดขวางทิศทาง วง่ิ
ข้ึน - ร่อนลง เปลี่ยนแปลงไป
๑.๓ พ้ืนท่ีรับข้ึน-ส่งลง สาหรับ ฮท.๑ และ ฮท. ๒๑๒มีขนาดดงั น้ี พ้นื ท่ีสี่เหล่ียม ขนาด ๕๐
X๕๐เมตร เป็ นอยา่ งนอ้ ย และพ้ืนที่รูปวงกลม มีขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง ๒๐-๗๕ เมตร ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ความ
สูงของสิ่งกีดขวางโดยรอบพ้ืนที่
๑.๔ ขนาดของพ้ืนท่ีรับข้ึน-ส่งลง ที่ใชใ้ นเวลากลางคืนจะกวา้ งกวา่ ในเวลากลางวนั
๑.๕ ขนาดของพ้นื ท่ีวางตวั ลกั ษณะวงกลม (PAD) สาหรับตวั อกั ษรหรือตวั เลขกากบั มี
รายละเอียดตามรูปภาพดงั น้ี

ขนาดพนื้ ท่วี างตวั เส้นหนา ๑๕

แบบตวั อกั ษร ๒.๑๕ ม. ซม. เส้นหนา ๑๕
๓.๐ ม ๒.๐ ม.
ซม. รัศมี(ขอบนอก) ๒.๑๕ ม.

รัศมี(ขอบใน) ๒.๐ ม.

ขอบวงกลมหนา ๑๕ ซม.

. ๒.๐ ม. อกั ษรและตวั เลขสงู ๓.๐ ม.
๓๐ เมตร
อกั ษรและตวั เลขกว้าง ๒.๐ ม.

ขอบตวั อกั ษรและตวั เลขหนา ๐.๑๕ ม.

ระยะระหวา่ งจดุ ศนู ย์กลางของวงกลมแตล่ ะวง

หา่ งกนั ๓๐ ม.

๒.๐ ม. เส้นหนา ๑๕
ซม.

แบบตวั เลข ๓.๐ ม เส้นหนา ๑๕
ซม.

-๒-

๒. สภาพของพนื้ ผวิ
๒.๑ พ้ืนผวิ จะตอ้ งมีความราบเรียบ ปราศจากตอไม,้ หลุมบอ่ หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ

รวมท้งั วสั ดุปลิววอ่ นได้ เช่น ถุงพลาสติก,ใบไม้ และสงั กะสี ฯลฯ
๒.๒ พ้นื ผวิ จะตอ้ งแข็งแรงเพยี งพอ สามารถรับน้าหนกั เฮลิคอปเตอร์เพอ่ื ป้ องกนั

ไม่ใหฐ้ าน ฮ.จมดิน เพราะถา้ ฐานขา้ งใดขา้ งหน่ึงจมดินจะเกิดอนั ตรายเมื่อ ฮ.ยกตวั บินข้ึน
๒.๓ พ้ืนที่วางตวั โดยรอบไมค่ วรมีทรายและฝ่ นุ ปัญหาที่เกิดข้ึนจากทรายและฝ่ นุ คือ
- ทาใหเ้ กิดการกดั กร่อนต่อใบพดั ,ชุดกงั หนั อดั อากาศ ,กระจกหนา้ ฯ ล ฯ
- เป็นอนั ตรายต่อเครื่องยนต์ ทาใหป้ ระสิทธิภาพของเครื่องยนตล์ ดลง

หรืออาจทาให้เคร่ืองยนตด์ บั ได้
- จากดั ทศั นวสิ ัย นกั บินจะมองไมเ่ ห็นทิศทาง และหลงตาแหน่ง

ท่ี ฮ.ลอยตวั อยู่ ถา้ เป็นที่พ้ืนแคบ และจากดั อาจเป็นหตุใหใ้ บพดั ประธานหลกั หรือใบพดั หาง ฟันสิ่งกีด
ขวางโดยรอบ ฮ.ได้

- การแกไ้ ขพ้นื ท่ีมีฝ่ นุ มากควรใชน้ ้าฉีดรดพ้ืนท่ีน้นั เพ่ือลดปริมาณฝ่ นุ ลง
๓. ความลาดของพนื้ ผวิ

โดยปกติเฮลิคอปเตอร์ตอ้ งการพ้ืนที่วางตวั เป็นแนวระดบั ถา้ หากมีพ้ืนท่ีจากดั จะตอ้ ง
ปฏิบตั ิดงั น้ี

๓.๑ พ้ืนที่มีความลาด ไม่เกิน ๗ % เฮลิคอปเตอร์อาจวางตวั ตามแนวลาด โดยหนั หวั ข้ึน
ทางลาดสูง ( LAND UP SLOPE )

๓.๒ พ้นื ที่มีความลาดระหวา่ ง ๗ - ๑๕ % เฮลิคอปเตอร์อาจวางตวั ขวางแนวลาด และ
เม่ือยกตวั วง่ิ ข้ึน จะบินออกตามทิศทางแนวลงลาด ( DOWN HILL ) เพอ่ื หลีกเล่ียงใบพดั ประธานหลกั ฟัน
แนวลาด หรือสิ่งกีดขวางบริเวณดา้ นบนแนวลาด

๓.๓ พ้ืนที่มีความลาดเกิน ๑๕ % เฮลิคอปเตอร์จะตอ้ งลอยตวั อยเู่ หนือทางขวางแนว
ลาด ในระหวา่ งทาการบรรทุกหรือเลิกบรรทุก

๔. ทศิ ทางวง่ิ ขึน้ - ร่อนลง
๔.๑ ภายในวงจร นกั บิน สามารถมองเห็นพ้ืนท่ีวง่ิ ข้ึน-ร่อนลง โดยตลอด
๔.๒ ควรมีแนววงิ่ ข้ึน-ร่อนลงหลายทิศทาง สามารถซ่อนพรางจากการตรวจการณ์

ของขา้ ศึกได้
๔.๓ ทิศทางวง่ิ ข้ึน-ส่งลง ตอ้ งทวนลมเสมอ หน่วยภาคพ้ืนจะตอ้ งรายงานทิศทางและ

เร็วลมใหน้ กั บินทราบ วธิ ีคานวณหาความเร็วลมโดยประมาณ กระทาดว้ ยการโยนเศษผา้ หรือ
สังเกตุการปลิวแกวง่ ของเศษหญา้ ตามลกั ษณะท่ีเกิดข้ึนดงั น้ี

-๓-

- ถา้ ลมสงบ วสั ดุที่ใชจ้ ะไมแ่ กวง่ หรือไม่ลอย
- ความเร็วลม ๔ - ๖ น๊อต เศษผา้ จะแกวง่ เป็นมุม ๔๕ องศา หรือเศษหญา้
ลอยตกเป็นมุม ๔๕ องศา
- ความเร็วลม ๘ - ๑๒ น๊อต เศษผา้ อาจจะแกวง่ เป็นมุม ๙๐ องศา หรือเศษหญา้
ลอยตามลมเป็นมุม ๙๐ องศา
๕. การบรรทกุ เม่ือ ฮ.บรรทุกเตม็ อตั ราพิกดั จะไมส่ ามารถวง่ิ ข้ึน-ร่อนลง ทางดิ่งได้ จะตอ้ งมีแนว
วงิ่ ข้ึน -ร่อนลง อยา่ งเพียงพอ
๖. สิ่งกดี ขวาง
๖.๑ พ้ืนที่วง่ิ ข้ึน-ร่อนลง ควรเป็นท่ีโล่ง กวา้ งขวางเพียงพอ ปราศจากสิ่งกีดขวางโดยรอบ
สาหรับส่ิงกีดขวางบริเวณพ้นื ท่ีวางตวั หากไม่สามารถกาจดั ได้ เช่น กอ้ นหิน, ตอไม้ และหลุมบ่อ จะตอ้ งทา
เครื่องหมายใหเ้ ห็นชดั เจน
๖.๒ สาหรับการวางแผนให้ใชอ้ ตั ราส่วน ๑ ต่อ ๑๐ กล่าวคือ พ้นื ท่ีวางตวั ตอ้ งมีระยะห่าง
๑๐๐ ฟุต จากสิ่งกีดขวางท่ีมีความสูง ๑๐ ฟุต

๑๐ เมตร

H

๑๐๐ เมตร

(ตามภาพส่ิงกีดขวางเป็ นตน้ ไมส้ ูง ๑๐ เมตรจะตอ้ งใชร้ ะยะทางสาหรับการวง่ิ ข้ึน-ร่อนลงของเฮลิคอปเตอร์๑๐๐เมตร)

-๔-

การนา เฮลคิ อปเตอร์ เข้ามายงั พนื้ ทขี่ นึ้ – ลง

๑. การบินเข้าหาท่ีหมายด้วยวธิ ี HOMING
ในพ้ืนท่ีท่ีเป็นป่ าภูเขา ยากแก่การคน้ หาท่ีหมาย นกั บินไม่สามารถทราบตาแหน่งที่แน่นอน

ได้ อาจเกิดจากความคลาดเคล่ือน หรือรายละเอียดในแผนที่ท่ีใชง้ านอยลู่ า้ สมยั หน่วยภาคพ้ืนจะสามารถ
ช่วยเหลือนกั บินเพื่อเขา้ สู่ที่หมายไดถ้ ูกตอ้ งและรวดเร็วดว้ ยวธิ ี HOMING โดยใชว้ ทิ ยรุ ะบบ FM ตาม
ข้นั ตอนดงั น้ี

๑.๑ เม่ือเฮลิคอปเตอร์บินเขา้ ใกลท้ ี่หมาย นกั บินจะติดต่อกบั หน่วยภาคพ้ืน ถา้ หากนกั บิน
ไมส่ ามารถเห็นที่หมายได้ จะร้องขอใหเ้ จา้ หนา้ ที่วทิ ยขุ องหน่วยภาคพ้นื ใหก้ ด KEY ของวทิ ยุ FM เป็น
จงั หวะคา้ งไวค้ ร้ังละ ๕ วนิ าที

๑.๒ สัญญาณจากวทิ ยขุ องหน่วยภาคพ้ืนจะบงั คบั ให้ COURSE INDICATOR บนแผง
เคร่ืองวดั ของเฮลิคอปเตอร์ทางาน นกั บินจะทาการเล้ียวเขา้ หาสถานี จนกระทง่ั พบท่ีหมาย

๑.๓ เม่ือนกั บินสงั เกตุเห็นท่ีหมายแลว้ จะแจง้ ใหห้ น่วยภาคพ้นื ทราบ หรืออาจจะร้อง
ขอใหห้ น่วยภาคพ้ืนแสดงควนั สีเพือ่ เป็ นการยนื ยนั เม่ือจาเป็น

เหนือ

ตะวนั ตก ตะวนั ออก

เจ้าหน้าทวี่ ทิ ยหุ นว่ ยภาคพนื ้ เฮลคิ อปเตอร์อยทู่ างทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ
หรือ หนว่ ยภาคพืน้ อยทู่ างทิศ ๓ นาฬิกาของ
ใต้ เฮลคิ อปเตอร์

-๕ -

๒. การนาเข้าด้วยระบบนาฬิกา

๒.๑ เมื่อหน่วยภาคพ้ืนไดย้ นิ เสียงเฮลิคอปเตอร์ แตม่ องไม่เห็น ใหร้ ายงานโดยกาหนด
ทิศทางหลกั คือ (ทิศเหนือ,ทิศใต,้ ทิศตะวนั ออก,ทิศตะวนั ตก,ทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ,ทิศตะวนั ออกเฉียงใต้
,ทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ และทิศตะวนั ตกเฉียงใต)้ ท่ีไดย้ นิ เสียงก่อนเป็นอนั ดบั แรกวา่ อยทู่ างทิศใดของที่
หมาย

๒.๒ เม่ือหน่วยภาคพ้นื มองเห็น เฮลิคอปเตอร์ แต่นกั บินไม่สามารถมองเห็นท่ีหมาย
หน่วยภาคพ้ืนจะช่วยนา เฮลิคอปเตอร์ เขา้ สู่ที่หมายไดโ้ ดยกาหนดทิศทางหวั เคร่ืองเฮลิคอปเตอร์ เป็น ๑๒
นาฬิกา และกาหนดตวั เองวา่ อยทู่ างทิศกี่นาฬิกาของ เฮลิคอปเตอร์ หรือนกั บินอาจจะร้องขอใหห้ น่วย
ภาคพ้ืนแสดงควนั สีเพื่อเป็ นการยนื ยนั ถา้ เม่ือจาเป็น

หนว่ ยภาคพืน้ 11 12 1
10 2

93

84
75
6

ตามภาพ หน่วยภาคพืน้ อยทู่ าง ๑๐ นาฬกิ าของ เฮลิคอปเตอร์

-๖-

๓. ท่าทัศนสัญญาณสาหรับ รับ - ส่ง เฮลคิ อปเตอร์
การแสดงทา่ ทศั นสญั ญาณกาหนดใหใ้ ชส้ ญั ญาณแขนและมือตามมาตรฐานน้ี จะนาไปใช้

ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเพ่ือความปลอดภยั สูงสุดในการรับ - ส่งเฮลิคอปเตอร์
การแสดงท่าทศั นสัญญาณ

๑. การปฏิบตั ิจะตอ้ งกระทาเพ่ือป้ องกนั การสบั สน หรือความเขา้ ใจที่คลาดเคลื่อนระหวา่ ง
เจา้ หนา้ ที่ใหส้ ัญญาณกบั นกั บิน

๒. เจา้ หนา้ ที่ใหท้ ่าสัญญาณตอ้ งยนื ในจุดที่นกั บินสามารถมองเห็นไดช้ ดั เจน มีระยะที่
ปลอดภยั จากใบพดั ประธานหลกั จุดท่ียนื ควรอยทู่ างดา้ นหนา้ หรือในกรวย ๔๕ องศา
ทางดา้ นซา้ ย หรือขวาของเฮลิคอปเตอร์ ผใู้ หท้ า่ ทศั นสญั ญาณปฏิบตั ิโดยการยกมือท้งั
สองขา้ งข้ึนเหนือศรีษะในลกั ษณะเหยยี ดตรงหนั ฝ่ ามือเขา้ หากนั เพอื่ เป็นการแสดงวา่
ตอ้ งการให้ เฮลิคอปเตอร์ เขา้ มาลง ณ พ้นื ที่วางตวั

๓. การใหส้ ัญญาณในเวลากลางคืนใหใ้ ชก้ ระบอกไฟฉาย หรือไฟกระพริบประกอบการ
ปฏิบตั ิ ท่าสัญญาณใหป้ ฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ในเวลากลางวนั
ข้อควรระวงั ไฟฉายหรือไฟกระพริบท่ีใชป้ ระกอบการใหส้ ัญญาณจะตอ้ งไมท่ าให้
นกั บินเกิดอาการตาพร่าได้

๔. อุปกรณ์ใหส้ ญั ญาณในเวลากลางคืน ที่ควรจดั เพม่ิ เติมสารองไว้ เช่น กระบอกไฟฉาย,
ไฟกระพริบ , ชุดที่สวมใส่ควรสะทอ้ นแสงที่สามารถมองเห็นไดง้ ่าย และแวน่ ตากนั ฝ่ นุ

๕. ท่าทศั นสญั ญาณที่ไม่มีในภาพประกอบ เช่น
ก. กางแขนขา้ งใดขา้ งหน่ึงออกไปดา้ นขา้ งลาตวั กามือแลว้ ชูนิ้วหวั แมม่ ือข้ึน หมายถึง
“พร้อม”
ข. กางแขนขา้ งใดขา้ งหน่ึงออกไปดา้ นขา้ งลาตวั กามือแลว้ ควา่ นิ้วหวั แม่มือลง
หมายถึง “ไมพ่ ร้อม”
ทา่ ทศั นสัญญาณดงั กล่าวจะใชท้ ้งั นกั บินและเจา้ หนา้ ที่ใหท้ ่าสญั ญาณ ในขณะท่ี ฮ.
ติดเคร่ืองยนตแ์ ลว้ กาลงั รอเพื่อจะวงิ่ ข้ึน

-๗-

สัญญาณแขนและมอื มาตรฐาน (ภาพที่ ๑ – ๑๓)

รูปที่ ๑ เจ้าหน้าทใ่ี ห้ท่าสัญญาณจะต้องอย่ขู ้างหน้าทางขวาหรือทางซ้ายของเฮลคิ อปเตอร์ ในจุดท่ี

นักบินสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทส่ี ุด

ข้อควรระวงั ห้ามมใิ ห้เจ้าหน้าทใ่ี ห้ท่าสัญญาณสาหรับเฮลคิ อปเตอร์ตดิ อาวุธ อยู่ใน
ตาแหน่งข้างหน้าของเฮลคิ อปเตอร์ไม่ว่าเวลาใด

-๘-

รูปที่ ๒ การนาเฮลคิ อปเตอร์เข้าสู่จุดวางตัว กระทาโดยชูมือท้งั สองข้างขึน้ เหนือศรีษะ หันฝ่ ามือเข้าหากนั

การปฏบิ ัตดิ งั กล่าวกระทาเม่ือ เจ้าหน้าทใ่ี ห้ท่าสัญญาณมองเห็นเฮลคิ อปเตอร์กาลงั ร่อนเข้าหาจุดวางตัวใน
ระยะทเ่ี หมาะสม

รูปที่ ๓ วธิ ีการปฏิบตั เิ พอ่ื ส่ังให้เฮลคิ อปเตอร์ไปยงั เจ้าหน้าทใ่ี ห้ท่าสัญญาณคนต่อไป กระทาโดยลดแขน

ซ้ายหรือแขนขวาลงแล้วใช้แขนอกี ข้างหนึ่งโบกข้ามลาตวั เหยยี ดตรงไปทางเจ้าหน้าทใี่ ห้ท่าสัญญาณคน
ต่อไป (ใช้ในกรณีทมี่ ผี ู้ให้ทศั นสัญญาณมากกว่า ๑ คน)

-๙-

รูปที่ ๔ การบินลอยตัว ( HOVERING) กระทาโดย กางแขนท้งั สองข้างในแนวระดับขนานกบั พนื้ ฝ่ ามอื

ควา่ ลง การปฏบิ ัติดังกล่าวกระทาเมอ่ื เฮลคิ อปเตอร์กาลงั บินเข้ามาใกล้จุดทจี่ ะทาการลง อยู่ในระยะสูงเหนือ

พนื้ ประมาณ ๓ - ๕ ฟุต ท้งั นีค้ วรสังเกตุความเร็วไปข้างหน้าของเฮลคิ อปเตอร์ด้วย

รูปท่ี ๕ การเคลอ่ื นทมี่ าข้างหน้า กระทาโดยงอแขนมาข้างหน้าเลก็ น้อย ฝ่ ามือหันไปทางด้านหลัง แล้วโบก

ฝ่ ามือจากข้างหน้ามาข้างหลงั ในแนวระดับไหล่ การปฏิบัติดงั กล่าวกระทาเพอื่ ให้ เฮลคิ อปเตอร์บนิ ลอยตวั
เหนือพนื้ ประมาณ ๓ - ๕ ฟตุ ( HOVERING) เคลอ่ื นที่มาข้างหน้า (TAXI) ณ จุดทีต่ ้องการ

-๑๐ -

รูปที่ ๖ การเคลอ่ื นทไ่ี ปข้างหลงั กระทาโดยเหยียดแขนท้งั สองข้างลงข้างลาตวั หันฝ่ ามอื ไปข้างหน้าแล้ว

โบกฝ่ ามอื ไปข้างหน้าช้าๆ สูงเสมอระดับไหล่ การปฏิบัตดิ ังกล่าวกระทาเพอ่ื ให้ เฮลคิ อปเตอร์บินลอยตวั
เหนือพนื้ ประมาณ ๓ - ๕ ฟุต ( HOVERING) เคลอ่ื นทไ่ี ปข้างหลงั ณ จุดทต่ี ้องการ

กลางวัน กลางคืน

รูปที่ ๗ การเคลอื่ นทข่ี ึน้ (ยกตัวสูงขึน้ ) กระทาโดยกางแขนเหยยี ดออกไปท้งั สองข้าง ตามแนวระดบั

ขนานกบั พนื้ แล้วโบกขึน้ ช้าๆโดยหงายฝ่ ามอื การปฏิบัติดังกล่าวกระทาเพอื่ ให้
เฮลคิ อปเตอร์ซึ่งวางตวั อยู่ทีพ่ นื้ ยกตัวสู่ท่าลอยตัวเหนือพนื้ ๓ - ๕ ฟุต ( HOVERING)

- ๑๑ -

กลางวัน กลางคนื

รูปที่ ๘ การเคลอื่ นทล่ี ง (การวางตัว )กระทาโดย กางแขนเหยยี ดออกไปท้ังสองข้าง โบกลงข้างลาตวั ช้าๆ

โดยควา่ ฝ่ ามือลง การปฏบิ ตั ิดังกล่าวกระทาเพอื่ ให้ เฮลคิ อปเตอร์ทบ่ี ินลอยตวั อยู่เหนือพนื้ ๓ - ๕ ฟุต (
HOVERING) วางตัวลง ณ จุดทกี่ าหนด

รูปที่ ๙ การให้ไปทางซ้าย (SLIDE) กระทาโดยกางแขนซ้ายออกไปข้างลาตัวขนานกบั พนื้ ตามทศิ ทาง

เคลอื่ นท่ี แขนอกี ข้างหนึ่งโบก ข้างหน้าลาตวั ไปในทศิ ทางเดียวกนั ทาซ้าๆ การปฏิบัติดงั กล่าวกระทาเพอ่ื ให้
เฮลคิ อปเตอร์ เคลอ่ื นทไ่ี ปทางข้างซ้าย (SLIDE) ในขณะบนิ ลอยตวั อยู่เหนือพนื้ ๓ - ๕ ฟุต ( HOVERING)

- ๑๒ -

รูปท่ี ๑๐ การให้ไปทางขวา (SLIDE) กระทาโดยเหยยี ดแขนขวาออกไปข้างลาตัวขนานกบั พนื้ ตามแนว

ระดบั ในทศิ ทางเคลอ่ื นที่ และโบกแขนอกี ข้างหน่ึงข้างหน้าลาตัวในทศิ ทางเดียวกันโดยทาซ้าๆ การปฏบิ ัติ
ดังกล่าวกระทาเพอ่ื ให้ ให้ เฮลคิ อปเตอร์ เคลอื่ นทไี่ ปทางข้างขวา (SLIDE) ในขณะบนิ ลอยตัวอย่เู หนือพนื้ ๓
- ๕ ฟุต ( HOVERING)

หมุนตวั ทางซ้าย หมุนตัวทางขวา

รูปท่ี ๑๑ การหมุนตวั ทางซ้ายหรือทางขวา กระทาโดยเหยยี ดแขนซ้ายหรือแขนขวาตรงไปข้างหน้า แบฝ่ า

มอื หงายขึน้ แล้วโบกไปข้างหลงั ใช้มอื อกี ข้างชี้ไปทฐ่ี านเฮลคิ อปเตอร์ ( SKID ) เช่น ชี้ไปทฐ่ี าน
เฮลคิ อปเตอร์ด้านขวา เฮลคิ อปเตอร์จะทาการหมุนขวา และชี้ไปทฐี่ านเฮลคิ อปเตอร์ด้านซ้าย เฮลคิ อปเตอร์
จะทาการหมุนซ้าย

- ๑๓ -

กลางวัน กลางคนื

รูปท่ี ๑๒ การวางตวั สัมผสั พนื้ เรียบร้อย กระทาโดยเหยยี ดลงไขว้กนั ข้างหน้าลาตวั

กลางวัน กลางคืน

รูปที่ ๑๓ การให้หยดุ หรือให้ไปใหม่ (GO AROUND) กระทาโดยยกแขนขึน้ โบกไขว้กนั เหนือ ศีรษะ

- ๑๔ -

การวางระบบไฟส่องสว่างสาหรับพนื้ ทข่ี นึ้ - ลง ของสนาม เฮลคิ อปเตอร์ทางยทุ ธวธิ ี

การนาเฮลิคอปเตอร์เขา้ มาลงยงั พ้นื ท่ีส่งลง หรือพ้นื ที่ส่งลงทางยทุ ธวธิ ีในเวลากลางคืนน้นั ระบบ
ส่องสวา่ งสนามเฮลิคอปเตอร์จะมีความสวา่ งนอ้ ยกวา่ ระบบส่องสวา่ งของสนามเฮลิคอปเตอร์ในเมือง
ท้งั น้ีเพอื่ เป็นการพราง การส่องสวา่ งสนาม เฮลิคอปเตอร์ ทางยทุ ธวธิ ี จะตอ้ งมีความออ่ นตวั ไม่เนน้
ชนิดของเครื่องมือที่ใชใ้ นการส่องสวา่ ง สาหรับไฟบอกตาแหน่งสนามเฮลิคอปเตอร์ จะตอ้ งมีอยา่ ง
นอ้ ย ๒ ดวง ต้งั ห่างกนั อยา่ งนอ้ ย ๑๕ ฟุต แต่ถา้ มีการใชไ้ ฟมากกวา่ ๒ ดวง ก็สามารถลดระยะลงตาม
ความเหมาะสม การวางไฟของสนามเฮลิคอปเตอร์ทางยทุ ธวธิ ี ที่นิยมใชโ้ ดยทว่ั ไป มี ๓ แบบ คือ
๑. การวางไฟส่องสว่างสนามรูปวายควา่ รูปแบบน้ีส่วนมากจะใชใ้ นการบินแบบแนบผวิ พ้ืน (
NAP OF THE EARTH) และการบินโดยอาศยั ภูมิประเทศระดบั ต่า ( LOW LEVEL FLIGHT)
(การบินโดยอาศยั ลกั ษณะภูมิประเทศระยะต่า) โดยใชไ้ ฟ ๔ ดวง (ตามรูปภาพ)

๗ เมตร ทศิ ทางลม
๑ ทางลม
๑๔ เมตร 1
๑๔ เมตร

1

๑๔ เมตร
๑๔ เมตร

๑๔ เมตร

๓ ๑๔ เมตร ๔

๒๒

11

แนวร่อนลง
ร่อนลง

-๑๕-

๒. การวางไฟส่องสว่างสนาม ฮ.รูปตัวที รูปน้ีส่วนมากจะใชส้ าหรับอากาศยานท่ีใชค้ วามสูง
มากกวา่ ๕๐๐ ฟุต บินเขา้ มาลง (ตามรูปภาพ)

ทศิ ทางลม

๑ ๒๓

# ๕ เมตร
๕ เมตร ๒

1

1

๘ เมตร




1

๘ เมตร





1

แนวร่อนลง

- ๑๖ -

๓. การให้แสงสัญญาณจากรถยนต์ ๒ คัน มีระยะห่างกนั ๔๐ เมตร โดยหนั หนา้ รถทามุม ๔๕ องศา
กบั จุดวางตวั ของเฮลิคอปเตอร์ (ตามภาพ)
ทิศทางลม

๔๕ องศา

๔๐ ม.

วธิ ีการสร้างสนาม ฮ. ในพนื้ ทีล่ าดเอยี ง

๑. น้าหนกั รวม ฮ. เมื่อบรรทุกเตม็ อตั ราพิกดั (MAX GROSS WEIGHT ) ฮท.๑ น้าหนกั ๔,๓๐๘ กก.
และ ฮท. ๒๑๒ น้าหนกั ๕๐๘๐ กก. ดงั น้นั จะตอ้ งพิจารณาวา่ พ้ืนท่ีจอด ฮ. สามารถรับน้าหนกั ฮ.
ไดห้ รือไม่ (โดยที่ดินที่ถมเอาไวไ้ ม่ทรุดตวั ลงไป หรือ ทาให้ SKID ของ ฮ. จมลงไปในดิน อนั อาจทา
ให้ ฮ. พลิกตกลาดเนินได)้

๒. พ้นื ที่วางตวั ของ ฮ. ตอ้ งมีความกวา้ งอยา่ งนอ้ ยที่สุดไม่ต่ากวา่ ๔ เมตร (ประมาณ ๗ กา้ ว)
๓. ปลายใบพดั ใหญ่ของ ฮ. สามารถกดลงต่าไดถ้ ึง ๒.๓๕ เมตร ดงั น้นั ลาดเนินที่มีความชนั มากจึงตอ้ ง

ถางออกบางส่วน เพื่อให้มีระยะปลอดภยั จากปลายใบพดั หลกั
๔. ระยะจากศูนยก์ ลางของพ้ืนที่จอด ฮ. ถึงปลายใบพดั หลกั เทา่ กบั ๘ เมตร (ประมาณ ๑๒ กา้ ว)

ขนาดสนาม ฮ.มาตรฐาน

ระยะปลอดภัย .

๔ เมตร

๓ เมตร
เส้นผ่าศนู ย์กลางควรมีขนาด ๒๕ – ๗๕ เมตร

- ๑๗ -
สร้างสนาม ฮ.ในพนื้ ทลี่ าดเอียง

การจอด ฮ. ๒ เคร่ือง ในพนื้ ท่ีจากดั

- ๑๘ -

หน้าทข่ี องหน่วยภาคพนื้ ในการรับ – ส่ง เฮลคิ อปเตอร์

รายละเอียดท่ีจะตอ้ งใหค้ าแนะนาแก่นกั บินมีดงั ต่อไปน้ี
1. ลกั ษณะพ้นื ท่ีข้ึน - ลง ของเฮลิคอปเตอร์ ( ขนาด,พ้ืนผวิ และจานวนจุดวางตวั (PAD) )
2. ความสูงของพ้นื ท่ีข้ึน - ลง เฮลิคอปเตอร์ ( ความสูงจากระดบั น้าทะเล อ่านจากเส้นลายขอบ
เขาในแผนท่ี )
3. สิ่งกีดขวางในแนวร่อนลง และวงิ่ ข้ึนรวมท้งั รอบๆ พ้ืนที่ ข้ึน - ลง
4. สภาพอากาศบริเวณพ้นื ท่ี ข้ึน-ลง เฮลิคอปเตอร์ เช่น ความสูงฐานเมฆ,ฝน,หมอก,ทิศทางและ
ความเร็วลม เป็นตน้
5. ทิศทางในการร่อนลง และวงิ่ ข้ึน
6. สิ่งอานวยความสะดวกสาหรับบริการอากาศยาน เช่น รถเติมเช้ือเพลิง , รถดบั เพลิงกภู้ ยั และ
รถปฐมพยาบาล
7. เมื่อมีภารกิจบินในเวลากลางคืน หน่วยภาคพ้ืนจะตอ้ งมีการบรรยายสรุปข้นั ตอนการปฏิบตั ิ
โดยละเอียด และเตรียมการส่ิงอุปกรณ์ ตา่ งๆ ใหพ้ ร้อมสาหรับการรับ-ส่ง เฮลิคอปเตอร์
ท้งั น้ีเพื่อความปลอดภยั สูงสุด

-๑๙-

การระวงั ป้ องกนั

การจัดกาลงั ของหน่วยภาคพนื้ ดิน ในการรับ ฮ.
๑. การจัดกาลงั โดยทว่ั ไปจะแบง่ เป็น ๕ ส่วน ดงั น้ี

๑.๑ ส่วนควบคุมและบงั คบั บญั ชา
๑.๒ ส่วนเตรียมสนาม
๑.๓ ส่วนรับของ
๑.๔ ส่วนขนยา้ ย
๑.๕ ส่วนระวงั ป้ องกนั
๒. หน้าทขี่ องแต่ละส่วน
๒.๑ ส่วนควบคุมและบงั คบั บญั ชา

๒.๑.๑ ควบคุมและประสานการปฏิบตั ิของทุกส่วน
๒.๑.๒ ทาเคร่ืองหมายบนพ้ืนที่ กาหนดจดวางตวั ของ ฮ.
๒.๒ ส่วนเตรียมสนาม
๒.๒.๑ จดั ทาพ้นื ท่ีข้ึนลง
๒.๒.๒ ทาเครื่องหมายบนพ้ืนท่ี กาหนดจุดวางตวั ของ ฮ.
๒.๒.๓ กาหนดตวั ผใู้ หส้ ัญญาณรับเคร่ือง
๒.๓ ส่วนรับของ
๒.๓.๑ ทาการบรรทุกหรือเลิกบรรทุกอยา่ งรวดเร็ว
๒.๔ ส่วนขนยา้ ย
๒.๔.๑ ขนยา้ ยสิ่งอุปกรณ์ไปตาบลรวบรวม
๒.๕ ส่วนระวงั ป้ องกนั
๒.๕.๑ ระวงั ป้ องกนั หน่วยและ ฮ. ไมใ่ หข้ า้ ศึกขดั ขวางการปฏิบตั ิ
๒.๕.๒ แบง่ กาลงั พลออกเป็น ๒ พวก คือ
พวกระวงั ป้ องกนั ภายใน
พวกระวงั ป้ องกนั ภายนอก

๑. การส่งกาลงั และการส่งกลับทางอากาศในภูมิประเทศ มักเกดิ จุดอ่อนขึน้ เสมอ เมื่อ
๑.๑ เลือกพ้นื ที่ข้ึนลงของอากาศยานไมเ่ หมาะสมโดยเป็นภูมิประเทศท่ีบงั คบั ในทีสูง
๑.๒ไมม่ ีกาลงั ป้ องกนั เพียงพอท่ีจะจดั การระวงั ป้ องกนั โดยรอบหรือการป้ องกนั ภูมิประเทศสาคญั
๑.๓ การประสานการคุม้ ครองทางอากาศและทางพ้ืนดินไมเ่ พียงพอ
๑.๔ กาลงั ส่วนระวงั ป้ องกนั ไม่สามารถจะคุม้ ครองเส้นทางบินเขา้ – ออก ของกาอากาศยาน

ไดแ้ ละอยใู่ กลพ้ ้นื ที่ข้ึนลงมากเกินไป

-๒๐-
๑.๕ ไมจ่ ดั กาลงั ออกลาดตระเวนก่อนเลือกพ้นื ท่ี และไมจ่ ดั กาลงั เฝ้ าตรวจตามเส้นทางบินเขา้
– ออกของอากาศยาน
๑.๖ เม่ืออากาศยานถูกขดั ขวางจากขา้ ศึก ผบู้ งั คบั หน่วยไม่ประสานการยงิ สนบั สนุนอยา่ งมี
ประสิทธิภาพ
๑.๗ นกั บินไม่ใชก้ ลยทุ ธ์ในการบิน
๑.๘ อากาศยานตอ้ งจอดอยบู่ นพ้นื ดินนานเท่าใด อากาศยานจะล่อแหลมต่ออนั ตรายมากข้ึนเท่าน้นั
๒. เพอ่ื ลดจุดอ่อนในการปฏิบัติการของอากาศยานสามารถกระทาได้ ดงั น้ี
๒.๑ การเลือกพ้ืนทีส่งลงจะตอ้ งมีลกั ษณะเหมาะสมและมีการลาดตระเวนตรวจคน้ โดย
ละเอียดมีการจดั กาลงั เฝ้ าตรวจหรือซุ่มโจมตีตามเส้นทางบินเขา้ และบินออก
๒.๒ เมื่อจะมีการส่งกาลงั ทางอากาศหรือส่งกลบั จะตอ้ งมีการจดั กาลงั ออกลาดตระเวน
โดยรอบและจดั กาลงั ป้ องกนั เขา้ ประจาท่ีมนั่ ใหส้ ามารถคุม้ ครองเส้นทางบินได้
๒.๓ จะตอ้ งมีการติดต่อส่ือสารอยา่ งมีประสิทธิภาพระหวา่ งอากาศและพ้ืนดิน เพื่อพิสูจนฝ์ ่ าย
และป้ องกนั ไม่ใหเ้ ฮลิคอปเตอร์ติดอาวธุ ยงิ ถูกฝ่ ายเดียวกนั
๒.๔การใชท้ ศั นะสัญญาณจะตอ้ งใชต้ ามนปส.และเม่ือเจา้ หนา้ ที่ประจาอากาศยานร้องขอเท่าน้นั
๒.๕ การทาวงจรบินเขา้ และบินออกจากพ้ืนที่จะตอ้ งไมเ่ ป็นแบบตายตวั หรือซ้าๆ กนั
๒.๖ มีการประสานการใชอ้ าวธุ สนบั สนุนอยา่ งมีประสิทธิภาพ
๒.๗ การบรรทุกและเลิกบรรทุกจะตอ้ งกระทาอยา่ งรวดเร็วและอากาศยานสามารถวง่ิ ข้ึนได้
โดยไม่ชกั ชา้
๒.๘ เจา้ หนา้ ที่ท้งั ทางอากาศและทางพ้ืนดินจะตอ้ งตื่นตวั ตอ่ การยงิ ของขา้ ศึกอยตู่ ลอดเวลา
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในขณะที่อากาศยานเริ่มทาการลงจนกระทง่ั ทาการวง่ิ ข้ึน
๒.๙ จะตอ้ งสถาปนากฎการติดพนั ข้ึน เพ่อื ขม่ การยงิ ของขา้ ศึกอยา่ งฉบั พลนั และมีการ
ประสานกบั หน่วยทางพ้นื ดิน
๓. การเลือกพ้ืนท่ีข้ึนลง นอกเหนือจากขอ้ พิจารณาในการเลือกพ้ืนที่แลว้ จะตอ้ งเนน้ ถึง
๓.๑ ทิศทางบินเขา้ และออก
๓.๒ การตรวจการณ์และพ้ืนที่ยงิ ท่ีสามารถจะตรวจครอบคลุมและยงิ คุม้ ครองไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ
๓.๓ มุมในการบินเขา้ และออกกวา้ งพอท่ีอากาศยานจะใชก้ ลยทุ ธในการบินเขา้ มาและบินออก
๓.๔ พ้นื ท่ีที่อยใู่ นหุบเขา ใหม้ ีเส้นทางในการบินเขา้ และออกกวา้ งพอท่ีอากาศยานจะใชก้ ลยทุ ธ
ในการบินเขา้ และควรพิจารณาอยา่ งรอบครอบ ถา้ สามารถทาใดค้ วรใชก้ ารส่งกาลงั ดว้ ยการทิง้ ลงหรือการ
ส่งกาลงั วธิ ีอ่ืนท่ีเหมาะสม

๔. ส่วนระวงั ป้ องกนั ซ่ึงมีความสาคญั ต่อความปลอดภยั ของอากาศยานเมื่อขา้ ศึกมุง่ ที่จะขดั ขวางและ
ทาลาย ฮ. โดยเฉพาะ

๔.๑ การระวงั ป้ องกนั จดั แบ่งออกเป็ น ๒ พวก คือ

-๒๑-
๑. พวกระวงั ป้ องกนั ภายใน มีหนา้ ที่ในการควบคุมบงั คบั บญั ชาการปฏิบตั ิของส่วนตา่ งๆ ในการรับ
ของทางอากาศและการระวงั ป้ องกนั แก่เจา้ หนา้ ท่ี และอากาศยานในขณะลงพ้ืน พวกระวงั ป้ องกนั
ภายในแบ่งออกเป็ น

๑.๑ ส่วนควบคุม
๑.๒ ส่วนระวงั ป้ องกนั
ขอบเขตรัศมีการปฏิบตั ิการของพวกระวงั ป้ องกนั ภายใน ตามปกติจะวางตวั อยใู่ นบริเวณพ้นื ท่ีส่งลง
หรือในระยะไม่เกิน ๑๕๐ เมตรจากจุดที่อากาศยานลง ซ่ึงความเหมาะสมในการวางกาลงั จะข้ึนอยกู่ บั
ภูมิประเทศรอบๆ พ้ืนที่ลง และแนวความคิดของ ผบ.หน่วย
๒. พวกระวงั ป้ องกนั ภายนอก มีหนา้ ท่ีระวงั ป้ องกนั ใหก้ บั ส่วนใหญแ่ ละอากาศยานลาดตระเวนเฝ้ า
ตรวจ ขดั ขวางและทาการปฏิบตั ิการของขา้ ศึกในรัศมีไม่เกิน ๗๐๐ เมตร พวกระวงั ป้ องกนั จะ
แบ่งเป็น ๒ ชุด คือ
๒.๑ ชุดลาดตระเวน มีหนา้ ที่

ลาดเวนตรวจคน้ พ้นื ที่ท่ีสงสัยคาดวา่ ขา้ ศึกจะซุ่มยงิ ในบริเวนรอบนอกซ่ึงไดแ้ ก่ที่สูง
แนวเส้นทางบริเวนเขา้ และออกของอากาศยาน

กวาดล้างทาลายข้าศึก บริเวณพนื้ ท่ีโดยรอบก่อนที่อากาศยานจะมาถึง
๒.๒ ชุดยดึ พ้ืนที่ มีหนา้ ท่ี

ก. ยดึ รักษาพนื้ ทีเ่ ป็ นจุดอ่อน ได้แก่ทส่ี ูงต่างๆ
ข. กวาดลา้ งทาลายขา้ ศึก บริเวณพ้ืนท่ีโดยรอบก่อนที่อากาศยานจะมาถึง
ค. ซุ่มโจมตีขา้ ศึกที่แทรกซึมเขา้ มา
๕. ข้นั ตอนการปฏิบตั ิ (สาหรับพวกระวงั ป้ องกนั )
๕.๑ ข้นั การวางแผนและเตรียมการ ในข้นั น้ีขา่ วกรองจะมีความสาคญั ซ่ึงส่วนระวงั ป้ องกนั
จะตอ้ งทราบอยตู่ ลอดเวลาคือ ข่าวสารต่างๆ เก่ียวกบั ขา้ ศึก ภมู ิประเทศ สภาพอากาศ ข่าวประชาชนใน
พ้นื ท่ีปฏิบตั ิการ ผบ. ส่วนระวงั ป้ องกนั จะตอ้ งวางแผนและเตรียมการต่อไปน้ี
- เส้นทางลาดตระเวน
- พ้ืนที่คาดวา่ ขา้ ศึกจะใชเ้ ป็ นจุดซุ่มยงิ
- พ้นื ท่ีซุ่มโจมตี
- จุดเฝ้ าตรวจ
- วางแผนใชก้ าลงั อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ กาหนดจุดประสานการยงิ
- แผนการติดต่อสื่อสาร
- ประสานการปฏิบตั ิส่วนอื่นๆ
๕.๒ ข้นั การจดั กาลงั และออกคาส่ัง เม่ือวางแผนและเตรียมการในเรื่องตา่ งๆ แลว้ กจ็ ดั กาลงั
ออกเป็ นพวกท่ีกล่าวมาแลว้ และออกคาสง่ั ใหก้ บั นายพวกที่จดั ไว้ โดยควบคุมสถานการณ์ภารกิจ
หนา้ ท่ีของแตล่ ะพวก การสนบั สนุน แผนการปฏิบตั ิเมื่อเกิดเหตุการณ์ การสนบั สนุนการติดตอ่ การ
ส่ือสาร

-๒๒-
๕.๓ ข้นั การปฏิบตั ิ การปฏิบตั ิควรแบง่ ออกเป็น ๓ ข้นั คือ

๕.๓.๑ การปฏิบตั ิก่อนอากาศยานจะมาถึง ไดแ้ ก่ การลาดตระเวน ตรวจคน้ ทาลาย
และซุ่มโจมตี ระยะเวลาในการปฏิบตั ิกระทาล่วงหนา้ ก่อนวนั ขอรับการสนบั สนุนจากอากาศยาน ๑
วนั หรือ ถา้ เป็นการร้องขอเร่งด่วน ใหก้ ระทาทนั ทีเม่ือมีแผนการขอใชอ้ ากาศยาน

๕.๓.๒ การปฏิบตั ิเมื่ออากาศยานมาถึง ไดแ้ ก่การเฝ้ าตรวจ ซุ่มโจมตี ซุ่มยงิ การ
ปฏิบตั ิข้นั น้ีทุกฝ่ ายใหห้ ยดุ อยกู่ บั ที่โดยเลือกวางตวั ในภูมิประเทศท่ีไดเ้ ปรียบและคาดวา่ ขา้ ศึกจะเขา้ มา
ซุ่มยงิ ซ่ึงควรจะเลือกไวก้ ่อนจากการปฏิบตั ิตามขอ้ ๑ ส่ิงที่ตอ้ งกระทานอกจากน้ีก็คือ แจง้ พ้ืนที่วางตวั
ให้ ผบ. หน่วยในส่วนทราบ เพอ่ื แจง้ ใหน้ กั บินทราบอีกต่อหน่ึงและเตรียมการแสดงพ้นื ที่วางตวั ให้
นกั บินทราบตามที่นกั บินร้องขอ เช่น การแสดงระเบิดควนั เป็นตน้

๕.๓.๓ การปฏิบตั ิเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ในข้นั น้ีอาจจะปฏิบตั ิหรือไมป่ ฏิบตั ิก็ได้
ข้ึนอยกู่ บั การปฏิบตั ิการขดั ขวางของขา้ ศึก การปฏิบตั ิการในข้นั น้ีจะบรรลุผลต่อเมื่อ ผบ.หน่วย มีการ
วางแผนอยา่ งรอบคอบและรัดกมุ โดยเฉพาะกองหนุนแลการติดตอ่ ส่ือสาร กองหนุนควรจะจดั จาก
เจา้ หนา้ ท่ีส่วนอ่ืนนอกจากพวกระวงั ป้ องกนั การปฏิบตั ิในข้นั น้ี ไดแ้ ก่

- แจง้ เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนใหน้ กั บินและหน่วยเหนือทราบ
- ปฏิบตั ิตามแผนที่วางไว้ ซ่ึงน่าจะไดแ้ ก่การกวาดลา้ ง ตรวจคน้ และทาลาย
กองหนุนควรจะใชเ้ ป็ นกาลงั กวาดลา้ ง พวกระวงั ป้ องกนั ควรจะใชเ้ ป็ นกาลงั สกดั ก้นั ฮ. โจมตี หรือ
บ. คุม้ กนั อาจจะใชเ้ ป็ นส่วนสกดั ก้นั หรือทาลายเป้ าหมายไดแ้ ต่ตอ้ งกระทาภายหลงั จากนกั บินทราบ
ที่หมายและท่ีต้งั ของหน่วยกาลงั ทางพ้ืนดินโดยแน่นอนและไดร้ ับความเห็นชอบจาก ผบ.หน่วย ใน
สนามแลว้ เทา่ น้นั
หมายเหตุ การปฏิบตั ิในข้นั น้ีข้ึนอยกู่ บั การวางแผนล่วงหนา้ โดยละเอียดรอบครอบของ
ผบ.หน่วย และความมีจิตใจรบรุก กลา้ หาญและเขา้ ใจหนา้ ที่ของแต่ละพวกแต่ละบุคคลในหน่วย การ
ใชก้ าลงั ส่วนต่างๆ เช่น พวกกวาดลา้ ง พวกสกดั ก้นั ข้ึนอยกู่ บั การตดั สินใจของ ผบ.หน่วย ในสนาม
เทา่ น้นั
๖. ข้อแนะนาและข้อควรระวงั

๖.๑ ใหม้ ีการประสานการปฏิบตั ิอยา่ งต่อเนื่องระหวา่ งอากาศ – พ้นื ดิน เพื่อป้ องกนั การ
เขา้ ใจผดิ

๖.๒ ผบ. ส่วนควบคุมของพวกระวงั ป้ องกนั จะตอ้ งแจง้ พ้ืนที่วางตวั ของพวกระวงั ป้ อง
กนั ภายนอกทุกจุดทุกพ้นื ที่ในส่วนตา่ งๆ ทางพ้ืนดิน และแจง้ ใหน้ กั บินทราบ

๖.๓ กาลงั และเจา้ หนา้ ท่ีส่วนต่างๆ จะตอ้ งทาหนา้ ท่ีของตนอยา่ งเคร่งครัดและตอ่ เนื่อง
ใหบ้ งั เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

๖.๔ อยา่ หนั มาดูอากาศยานในขณะบินผา่ นหรือข้ึนลง
๖.๕ พวกรับของจะตอ้ งปฏิบตั ิอยา่ งรวดเร็ว เพ่ือใหอ้ ากาศยานมีเวลาอยบู่ นพ้ืนนอ้ ยท่ีสุด
๖.๖ ใชห้ ลกั การลวง เพอ่ื ไม่ใหข้ า้ ศึกคาดการณ์ล่วงหนา้ วา่ จะใช้ บ. หรือ ฮ. ในการขน
ส่งสิ่งอุปกรณ์ เม่ือใด โดยการเปล่ียนเวลา วนั และสถานที่ ในการรับของทางอากาศ

-๒๓-
๖.๗ การลาดตระเวนตรวจคน้ และกวาดลา้ ง จะตอ้ งกระทาก่อนวนั เวลาที่อากาศยานจะ
มาถึง โดยลาดตระเวนทุกพ้ืนที่รอบๆ พ้ืนที่ข้ึนลงโดยละเอียดก่อนเวลาอากาศยานจะมาถึง หน่วย
ลาดตระเวนจะตอ้ งหยดุ อยกู่ บั ท่ีแปรสภาพเป็นพวกยดึ พ้ืนที่ทนั ที พร้อมกบั รายงานพกิ ดั ท่ีอยใู่ หท้ ราบ
โดยแน่นอน
๖.๘ ทุก ๆ หน่วยทางภาคพ้นื ดินจะตอ้ งพร้อมท่ีจะแสดงท่ีอยขู่ องตนใหน้ กั บินทราบ
ทนั ที เมื่อนกั บินร้องขอดว้ ยวธิ ีตา่ ง ๆ เช่น ระเบิดควนั สี กระจกสัญญาณ แผน่ ผา้ สัญญาณ ฯลฯ
๖.๙ เม่ือมีเหตุการณ์ ผบ.หน่วยพจิ ารณาแลว้ วา่ จะเกิดเป็ นอนั ตรายต่ออากาศยานหรือ
พนกั งานประจาเครื่อง จะตอ้ งแจง้ ใหน้ กั บินทราบและระงบั การลงไวโ้ ดยเดด็ ขาดทุกกรณี จนกวา่
สถานการณ์จะคล่ีคลายเป็นปกติแลว้ จึงขอรับการสนบั สนุนอีกคร้ัง
๖.๑๐ การยงิ รอบฐานหรือรอบพ้นื ท่ี หา้ มกระทาโดยเด็ดขาด เนื่องจากผลท่ีไดไ้ ม่คุม้
คา่ และอาจเกิดอนั ตรายแก่หน่วยระวงั ป้ องกนั รอบนอกซ่ึงยดึ พ้ืนที่อยู่
๖.๑๑ เมื่อพบขา้ ศึกบริเวณใกลเ้ คียงใหร้ ะงบั การลงของอากาศยานและเขา้ ทาการกวาดลา้ งทนั ที
๖.๑๒ กองหนุน ผบ.หน่วยในสนามจะเตรียมไวต้ ลอดเวลาพร้อมท่ีจะปฏิบตั ิการไดท้ นั ที
๖.๑๓ ผบ.หน่วยในสนามจะตอ้ งมน่ั ใจวา่ การยงิ ขม่ ดว้ ยอาวธุ ทุกชนิดของหน่วย และอาวธุ ยงิ
สนบั สนุนอื่น ๆ จะไมเ่ กิดอนั ตรายต่อ ฮ.และ บ.ท่ีบินคุม้ กนั
๖.๑๔ พลประจาปื น ฮ.ส่งกาลงั หรือส่งกลบั จะทาการยงิ ไดก้ ็ตอ่ เมื่อนกั บินไดร้ ับความ
เห็นชอบจาก ผบ.หน่วยในสนาม และแจง้ ใหท้ ราบแลว้ เท่าน้นั
๖.๑๕ ผบ.หน่วยในสนาม ในฐานปฏิบตั ิการ เป็นผรู้ ับผิดชอบในการป้ องกนั บ.และ ฮ.จาก
การปฏิบตั ิการขดั ขวางของขา้ ศึกแตเ่ พียงผเู้ ดียว
๖.๑๖ จะตอ้ งใหก้ าลงั พลในสนาม มีความรู้ความสามารถในการนาอากาศยานเขา้ หาท่ี
หมายและช้ีท่ีหมายใหแ้ ก่ บ. และ ฮ.

-๒๔-

การส่งกลบั สายแพทย์

การร้องขอการส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ ข่าวสารมูลฐานที่แน่นอนเป็ นสิ่งสาคญั มากการขาด

แคลน ขา่ วสารท่ีควรทราบอาจทาใหก้ ารปฏิบตั ิการส่งกลบั สายแพทยท์ างอากาศลม้ เหลวได้

ก. ขา่ ยการร้องขอ

๑.การส่งคาขอเพ่อื ใหป้ ฏิบตั ิการส่งกลบั สายแพทยจ์ ะตอ้ งไปจากหน่วยเสนารักษถ์ ึงหน่วย

เสนารักษ์หรือภายในข่ายการแพทยแ์ ละควรจะให้การร้องขอสามารถกระทาได้ในข่ายการแพทย์

ระดบั ต่าสุด โดยเจา้ หนา้ ที่ฝ่ ายการแพทยเ์ ป็ นผูค้ วบคุมการคดั เลือกผูบ้ าดเจ็บเพื่อการจดั การส่งกลบั

ทางอากาศ การส่งคาขอควรจะใชร้ ะบบการส่ือสารทางสายแพทยโ์ ดยตรงหรือระบบที่ใชอ้ ยู่

ทว่ั ไปท่ีใหค้ วามรวดเร็วและมีความแน่นอนมาก

๒.โดยธรรมดาการร้องขอจะเริ่มจากสถานีพยาบาลของกองทพั ท่ีน่ีนายทหารจะทา

การตรวจผปู้ ่ วยที่มาถึงโดยการเดิน ใส่เปลพยาบาลหรือโดยรถบรรทุกหรืออาจจะตรวจวินิจฉยั ตาม

ข่าวท่ีไดร้ ับทางวทิ ยุ หรือโทรศพั ทจ์ ากเจา้ หนา้ ท่ีเสนารักษท์ ี่อยใู่ นพ้ืนท่ีท่ีต้งั อยโู่ ดยโดดเดี่ยวหรือใกล้

กบั ขอบหนา้ ของพ้ืนท่ีการรบซ่ึงผปู้ ่ วยไม่สามารถจะนามาหรือเคลื่อนยา้ ยไดด้ ว้ ยวธิ ีอื่น ๆ เสนารักษ์

ของกองทพั จะส่งคาขอต่อฝ่ ายการ แพทยข์ องกองพลโดยตรง ฝ่ ายการแพทยก์ องพลนอ้ ยจะเฝ้ าฟังคา

ร้องขออนั น้ี แต่ฝ่ ายการแพทยก์ องพลนอ้ ย อาจเร่ิมตน้ ดว้ ยตนเองก็ได้ ภายในกองพลนายแพทยก์ ารบิน

(Flight Surgeon) จะตรวจสอบผปู้ ่ วยที่ จาเป็นตอ้ งส่งกลบั ทางอากาศ การคดั เลือกและจดั ลาดบั ความ

เร่งด่วน แลว้ ส่งคาขอตรงต่อหน่วยบินพยาบาลที่ให้การสนบั สนุนในกรณีที่หน่วยย้ีไม่สามารถจะให้

การสนบั สนุนได้ คาขอกจ็ ะส่งต่อไปยงั กองพนั บินของ กองพลหรือหน่วยอ่ืน ๆ ภายในกองพล

ข. การร้องขอ

๑. คาร้องขอภารกิจ การส่งกลบั ทางอากาศจะประกอบดว้ ยขา่ วสารตา่ ง ๆ อนั จาเป็นซ่ึงรวมถึง

ก. หน่วยที่ร้องขอ bข. จานวนและชนิดของผปู้ ่ วย

ค. ที่ต้งั หรือตาบลลงรับและการทาเครื่องหมาย

ง. การระวงั ป้ องกนั พ้นื ท่ีลงรับ จ. ตาบลปลายทาง

ฉ. เครื่องอุปกรณ์พิเศษ

ช. ขา่ วสารเพิ่มเติมที่จาเป็นเพ่อื ใหก้ ารปฏิบตั ิภารกิจบรรลุสาเร็จ เช่น เคร่ืองกีด

ขวางและสถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ีหรืออื่น ๆ

๒. มกั เกิดข้ึนเสมอเมื่อนกั บินไดร้ ับคาร้องขอใหป้ ฏิบตั ิภารกิจส่งกลบั สายแพทยท์ าง

อากาศแต่ การปฏิบตั ิการส่งกลบั ประสพความลม้ เหลว ท้งั น้ีเพราะหน่วยบินอ่ืน ๆ นอกจากหน่วยบิน

พยาบาลยอ่ มไมม่ ีอุปกรณ์ เก่ียวกบั การส่งกลบั สายแพทย์ แมว้ า่ กองพนั บินของกองพลจะมีตอนเสนา

รักษ์ แตก่ ็มีขีดความสามารถจากดั ดงั น้นั ปกติฝ่ ายการแพทยท์ ่ีร้องขอจะตอ้ งทาการจดั หาอุปกรณ์ใน

รายการท่ีจาเป็นใหใ้ นการปฏิบตั ิการส่งกลบั

- ๒๕-

การตรวจการณ์อากาศ

1. หลกั ฐาน FM 1-80
2. ความมุ่งหมาย เพ่ือศึกษาถึงเร่ืองการตรวจการณ์และเป็นแนวทางสาหรับผบู้ งั คบั บญั ชาฝ่ าย
อานวยการ นกั บินทหารและผตู้ รวจการณ์ทางอากาศในการวางแผนปฏิบตั ิภารกิจการตรวจการณ์ทาง
อากาศ
3. คาจากดั ความ

3.1 การตรวจการณ์ทางอากาศ คือ การตรวจตราหรือศึกษาเก่ียวกบั เร่ืองขา้ ศึก , การยิง , ภมู ิ
ประเทศและสภาพอากาศเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงขา่ วสารอนั มีค่าทางทหารดว้ ยการตรวจการณ์จากอากาศยาน
โดยสามารถปฏิบตั ิได้ 2 วธิ ี

3.1.1 การตรวจการณ์โดยตรง เป็นวธิ ีการตรวจการณ์ดว้ ยสายตา เคร่ืองช่วยในการ
ตรวจการณ์ท่ีจาเป็นมี กลอ้ งส่องสองตา , กลอ้ งส่องทางไกลและเครื่องมือกะระยะเพอ่ื ศึกษาการ
ปฏิบตั ิการในพ้ืนที่การรบ ภูมิประเทศและสภาพลมฟ้ าอากาศ

3.1.2 การตรวจการณ์โดยออ้ ม เป็นวธิ ีการตรวจการณ์โดยเครื่องมืออิเลคทรอนิกส์
กลอ้ งถ่ายภาพหรือโดยใชเ้ คร่ืองมืออื่น ๆ
4. การตรวจการณ์ทางอากาศ เทคนิคการตรวจการณ์ทางอากาศจะนามาใชใ้ นการปฏิบตั ิภารกิจการ
เฝ้ าตรวจทางอากาศ , การลาดตระเวนหรือการปฏิบตั ิการพเิ ศษในเท่ียวบินหน่ึง ชุดนกั บินผตู้ รวจ
การณ์อาจไดร้ ับการตอ้ งขอใหเ้ ปลี่ยนภารกิจ จากอนั หน่ึงไปปฏิบตั ิภารกิจอีกอนั หน่ึงหรือปฏิบตั ิ
ภารกิจมากกวา่ หน่ึงชนิดกไ็ ด้ ไดแ้ ก่ การเฝ้ าตรวจทางอากาศ , การลาดตระเวนทางอากาศ และการ
ตรวจการณ์พิเศษ

4.1 การเฝ้ าตรวจทางอากาศ คือ การตรวจการณ์อยา่ งมีระบบและต่อเนื่องบริเวณน่านฟ้ าผวิ
พ้ืนและใตผ้ วิ พ้ืนดว้ ยการตรวจการณ์โดยตรง หรือโดยออ้ ม ซ่ึงจะอานวยใหผ้ บู้ งั คบั หน่วยรับการ
สนบั สนุนไดร้ ับขา่ วสารอนั ทนั สมยั โดยการรักษาการเฝ้ าดูอยา่ งมีระบบเหนือบริเวณอนั มีขอบเขต
อนั หน่ึง ดว้ ยความมุง่ หมายเพื่อการตรวจคน้ และเฝ้ าตรวจพ้ืนท่ีที่อยใู่ นความยดึ ครองของขา้ ศึก
ตามปกติจะเริ่มจากของพ้ืนท่ีการรบไปจนสุดระยะของเครื่องมือตรวจการณ์

4.2 การลาดตระเวนทางอากาศ เป็นการปฏิบตั ิเพ่อื รวบรวมข่าวสารอนั มีค่าทางทหารที่ระบุ
เฉพาะ โดยทวั่ ไปเป็นข่าวสารเกี่ยวกบั ขา้ ศึก ความแขง็ แรง การวางกาลงั การปฏิบตั ิการและสภาพ
ภมู ิประเทศ สามารถปฏิบตั ิการไดท้ ้งั จากการตรวจการณ์โดยตรง หรือ โดยออ้ มภารกิจการ
ลาดตระเวนทางอากาศแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ

-๒๖-
4.2.1 การลาดตระเวนตรวจคน้ เป็นบริเวณ จะปฏิบตั ิในพ้นื ท่ีซ่ึงประชากรกระจดั
กระจาย หรือ อยกู่ ินเบาบางหรือเป็นพ้นื ท่ีโล่ง โดยดาเนินการตรวจคน้ เป็ นระยะ ๆ ตามเวลาที่
กาหนดในพ้ืนท่ี ขนาดตา่ ง ๆ ตามจานวนและสมรรถนะของอากาศยานท่ีใช้ ชนิดของภูมิประเทศและ
ข่าวสารที่ตอ้ งการ
4.2.2 การลาดตระเวนตรวจคน้ เฉพาะแห่ง เป็นการตรวจการณ์ต่อจุดใดจุดหน่ึงหรือ
จุดท่ีจากดั จานวนเพอื่ รวบรวมขา่ วสารท่ีระบุเฉพาะ จะปฏิบตั ิในพ้ืนท่ีที่มีประชากรหนาแน่นและจะ
ใชป้ ระกอบเพิม่ เติมภารกิจการลาดตระเวนตรวจคน้ เป็นบริเวณโดยธรรมดาภารกิจน้ีจะไมเ่ ป็นการบิน
ตามกาหนดเวลา
4.2.3 การลาดตระเวนเส้นทาง เป็นการสารวจอยา่ งประณีตต่อเส้นทาง อากาศ , ผวิ
พ้นื และ ใตผ้ วิ พ้นื เพ่ือความมุ่งหมายทางทหารเพื่อพจิ ารณาสภาพของเส้นทาง โดยปกติจะกระทาตาม
เส้นทางคมนาคมหลกั หรือ เส้นทางรองจากจุดหน่ึงถึงอีกจุดหน่ึงเป็นหลกั
4.3 การตรวจการณ์พิเศษเป็ นการปฏิบตั ิภารกิจตรวจการณ์ซ่ึงนอกเหนือจากการเฝ้ าตรวจและ
การลาดตระเวนทางอากาศเพื่ออานวยใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาบรรลุผลสาเร็จในการปฏิบตั ิภารกิจท้งั มวล
โดยปกติจะใชเ้ ทคนิคการตรวจการณ์โดยตรง
4.3.1 การปรับการยงิ เป็นภารกิจตรวจการพิเศษเก่ียวกบั การปรับการยงิ ใชก้ บั
อาวธุ กระสุนวถิ ีโคง้ เช่น ค. , ป. หรือจาก ป. หรือในบางโอกาส
4.3.2 การควบคุมขบวนเดิน เพื่อควบคุมดูแลแนะใหค้ วามปลอดภยั แก่ขบวนเดิม
4.3.3 การตรวจรังสี เป็ นการสารวจพิจารณาปริมาณความเขม้ และขนาดบริเวณของพิษ
กมั มนั ตภาพรังสีในพ้ืนที่ที่ระบุเฉพาะ
4.3.4 การลาดตระเวนติดต่อ เพื่ออานวยความสะดวกใหแ้ ก่หน่วยทหารฝ่ ายเดียวซ่ึง
ต้งั อยโู่ ดดเด่ียวหรือตดั ขาดจากกาลงั ส่วนใหญ่
4.3.5 ภารกิจอ่ืน ๆ เช่น การจดั ทก.บนอากาศ. การตรวจการพราง เป็นตน้

5. การ้องขอภารกจิ และการมอบภารกจิ
ภารกิจการตรวจการณ์ทางอากาศส่วนมากท่ีสุดการ้องขอจะเร่ิมท่ีหน่วยระดบั กองพนั หรือต่า

กวา่ ซ่ึงภารกิจน้ีโดยธรรมดา จะปฏิบตั ิโดยหมวดบินของกองพลนอ้ ยหรือตอนการบินของ ป.พล แต่
ถา้ ภารกิจน้นั ไมส่ ามารถปฏิบตั ิไดโ้ ดยหน่วยระดบั น้ี การร้องขออนั จาเป็น จะส่งตรงไปยงั กองพนั บิน
ผา่ นทางช่วยการข่าวกรอง กองพนบินกจ็ ะมอบภารกิจใหก้ บั กองร้อยสนบั สนุนทวั่ ไปและกองร้อยฯ
จะมอบใหก้ บั หมวดบินท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะไดร้ ับการส่งมอบภารกิจต่อไปใหน้ กั บิน หรือชุดนกั บิน –
ผตู้ รวจการณ์
6. การวางแผนภารกจิ เม่ือนกั บินหรือชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ไดร้ ับมอบภารกิจการตรวจการณ์ทาง
แลว้ การวางแผนก็จะเริ่มข้ึนโดยความมุง่ หมายใหช้ ุดปฏิบตั ิงานมีความคุน้ เคยกบั รายละเอียดท้งั สิ้น
ของภารกิจเพอื่ ใหก้ ารปฏิบตั ิเกิดประสิทธิภาพมากท่ีสุด

-๒๗-
6.1 การช้ีแจงสรุป เพอื่ ใหช้ ุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์มีความเขา้ ใจในภารกิจอยา่ งแจม่ แจง้ โดย
ตลอดจะไดร้ ับการช้ีแจงสรุปทว่ั ไปและช้ีแจงสรุปก่อนบินจากผแู้ ทนฝ่ ายการข่าวกรองของหน่วยรับ
การสนบั สนุนและผบู้ งั คบั หมวดบินหรือผบู้ งั คบั ตอนการบินในรูปของขอ้ แนะนาเกี่ยวกบั การช้ีแจง
สรุปก่อนบิน แบบคาสั่งยทุ ธการ 5 ขอ้

6.1.1 การช้ีแจงสรุปทว่ั ไป เป็ นการปฏิบตั ิประจาวนั ในเรื่องขา่ วสารเก่ียวกบั
สถานการณ์ทางยทุ ธวธิ ี ในรอบ 24 ชม.

6.1.2 การช้ีแจงสรุปก่อนบินในเรื่องเก่ียวกบั ภารกิจที่ไดร้ ับมอบซ่ึงเป็นขา่ วสารที่
ทนั สมยั ซ่ึงชุดนกั บินผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งรวบรวมให้เป็นผลสาเร็จโดยใชห้ ลกั อะไร , ที่ไหน , เมื่อไร
และอยา่ งไร

6.2 การวางแผนก่อนบิน ชุดนกั บิน – ตรวจการณ์ ควรจะดาเนินการตามขอ้ ช้ีแจงสรุปก่อน
บินโดยเร็วท่ีสุด โดยมีหลกั ปฏิบตั ิอยู่ 4 ข้นั ตอน คือ

6.2.1 การเลือกแผนท่ีและภาพถ่ายทางอากาศ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะเลือก
แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศเฉพาะพ้ืนท่ีท่ีจะตอ้ งปฏิบตั ิภารกิจเทา่ น้นั โดยแบง่ ขนาดของมาตราส่วน
ท่ีตอ้ งการไวต้ ามหนา้ ท่ีของตน แผนที่มาตราส่วนขนาดกลาง 1:100,000 เป็นระวางที่เหมาะสาหรับ
นกั บินในการใชเ้ ดินอากาศจากพ้นื ท่ีข้ึนลงไปยงั พ้ืนที่ข้ึนลงไปยงั พ้ืนท่ีปฏิบตั ิภารกิจ และแผนที่ทาง
ยทุ ธวธิ ี มาตราส่วน 1:50,000 หรือ 1:25,000 เหมาะสาหรับผตู้ รวจการณ์ทางอากาศในการปฏิบตั ิ
ภารกิจสาหรับภาพถ่ายทางอากาศน้นั มาตราส่วนของภาพถ่ายไม่ควรเล็กกวา่ 1:20,000 ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั
รายละเอียดที่ตอ้ งการ อาจจะใหญถ่ ึง 1:50,000 กไ็ ด้

6.2.2 การประเมินค่าภมู ิประเทศ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งไดร้ ับขอ้ มลู ต่าง ๆ
พอสมควร เพ่ือประกอบกบั การวเิ คราะห์ภูมิประเทศข้นั ตน้ กบั ภาพถ่ายหรือแผนท่ี ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
เหล่าน้ีอาจจะไดจ้ ากการปฏิบตั ิภารกิจในคร้ังก่อน ๆ เช่นพ้ืนที่ท่ีทราบวา่ มีท่ีต้งั ของขา้ ศึกหรือมีการ
ปฏิบตั ิการของขา้ ศึกจะตอ้ งทาเครื่องหมายไวบ้ นแผนท่ีหรือภาพถ่ายทางอากาศ ลกั ษณะภมู ิประเทศที่
สาคญั ป่ าไมแ้ ละพ้ืนที่ที่มีกาลงั ก็จะทาเครื่องหมายไว้ เพื่อจะไดท้ าการตรวจการณ์อยา่ งใกลช้ ิดเพราะ
อาจมีที่ต้งั ต่าง ๆ ของขา้ ศึกอยู่ เช่นจุดตา้ นทานที่แขง็ แรง ท่ีต้งั ป. พ้นื ที่รวมพล หรือตาบลรวบรวม
สิ่งอุปกรณ์ ปัจจยั อนั เป็นแนวทางในการพิจารณาท่ีต้งั ซ่ึงอาจเป็ นไดข้ องขา้ ศึกหรือการปฏิบตั ิการของ
ขา้ ศึกในพ้ืนที่อิทธิพลและพ้นื ที่ที่อยใู่ นความสนใจ มีดงั ตอ่ ไปน้ี

6.2.2.1 จุดตา้ นทางท่ีแขง็ แรงและท่ีตรวจการณ์มกั จะอยใู่ นท่ีซ่ึงภูมิประเทศ
เก้ือกลู แก่ผยู้ ดึ รักษา

6.2.2.2 ท่ีต้งั ป. โดยธรรมดาจะต้งั อยใู่ นพ้นื ท่ีที่มีท่ีกาบงั ขา้ งหนา้
6.2.2.3 พ้ืนท่ีรวมพล ตามปกติจะอยใู่ นบริเวณท่ีเป็นป่ าหรือพ้นื ที่อื่นๆ ซ่ึงมี
การปกปิ ดซ่อนเร้นดี
6.2.2.4 ที่ต้งั ของการส่งกาลงั บารุง มกั จะอยใู่ นท่ีที่มีขา่ ยถนนดีและถา้ ทาได้
มกั จะต้งั อยพู่ น้ ระยะยงิ ของ ป.ของฝ่ ายเรา

-๒๘-
6.2.2.5 ที่บงั คบั การปกติจะต้งั อยใู่ กลข้ า่ ยทาง ในพ้ืนที่ที่มีที่กาลงั ขา้ งหนา้
และในพ้นื ท่ีท่ีมีส่ิงปกปิ ดกาลงั ตามธรรมชาติดี ยานพาหนะ ค่ายพกั และสายอากาศหนาแน่น มกั จะ
เป็นเครื่องแสดงใหท้ ราบวา่ มีท่ีต้งั ท่ีบงั คบั การอยใู่ นบริเวณน้นั
6.2.3 การวางแผนการบิน ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งศึกษารายละเอียดใน
แผนท่ีภาพถ่ายทางอากาศ เลือกเส้นทางบินหลกั และเส้นทางบินรอง ความสูงที่จะทาการบิน
ตลอดจนจุดตรวจสอบตา่ ง ๆ จดจาภมู ิประเทศที่มีลกั ษณะเด่น และทาหมายเหตุหรือรายการการ
ตรวจสอบตามความจาเป็ นเตรียมไวเ้ พอ่ื ช่วยในการเดินอากาศ กาหนดหลกั ฐานและกาหนดท่ีต้งั ได้
ถูกตอ้ ง เทคนิคอนั หน่ึงที่ควรจะทาในข้นั วางแผนการบินก็คือจะตอ้ งเลือกทิศทางบินและทิศทาง
ตรวจการณ์ท่ีดีท่ีสุด ความสูงในการบินที่เหมาะสมตลอดจนเวลาท่ีตอ้ งการในการการปฏิบตั ิภารกิจ
ในพ้ืนท่ีน้นั จากน้นั จึงพิจารณาเลือกเส้นทางบินสารองโดยใชเ้ ทคนิคเช่นเดียวกนั

ข้อพจิ ารณาทสี่ าคัญมีดังนี้

6.2.3.1 ทิศทางตรวจการณ์และทิศทางบิน จะตอ้ งพิจารณาแนวบินเขา้ ที่ดี
ที่สุด ใหม้ นั่ ใจวา่ ขณะปฏิบตั ิภารกิจน้นั ดวงอาทิตย์ เงา ลกั ษณะภูมิประเทศ จะไมเ่ ป็นอุปสรรคใน
การตรวจพบขา้ ศึก

6.2.3.2 ความสูงในการบิน การตรวจการณ์ส่วนมากจะเป็นการบินท่ีความ
สูงต่าเพอื่ อาศยั ความเก้ือกลู ของภมู ิประเทศ ป้ องกนั อาวธุ ตอ่ สู้อากาศยานของขา้ ศึก ขีปนาวธุ และอา
กายานขา้ ศึก สาหรับภารกิจท่ีตอ้ งการบินระดบั สูง อากาศยานกย็ งั คงบินไปยงั พ้นื ท่ีปฏิบตั ิการดว้ ย
ความสูงระดบั ต่าสุด แลว้ ไต่สู่ระดบั ความสูงระดบั ท่ีจะปฏิบตั ิภารกิจอยา่ งรวดเร็วเพ่ือดาเนินภารกิจ
อนั น้นั เม่ือปฏิบตั ิภารกิจเสร็จแลว้ อากาศยานจะลดความสูงในการบินสู่ระดบั ต่าสุดเพ่ือเดินทางกลบั
อยา่ งไรก็ดีในการบินไปและกลบั น้นั จะตอ้ งคานึงถึงระยะยงิ หวงั ผลจากอาวธุ เบาของขา้ ศึก

6.2.3.3 เส้นทางบิน คืนเส้นทางในอากาศ จากพ้ืนที่ข้ึนลงทางยทุ ธวธิ ี ถึง
พ้นื ที่ปฏิบตั ิภารกิจ ควรจะเลือกใหม้ ีการปกปิ ดใหม้ ากที่สุด สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะของภมู ิประเทศ
การขดั ขวางของขา้ ศึกโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ส่ิงกีดขวางซ่ึงอยใู่ นเส้นทางบินน้นั จะตอ้ งศึกษาใหล้ ะเอียด
และทาหมายเหตุไวอ้ ยา่ งถี่ถว้ น

6.2.3.4 เวลา เวลาในการปฏิบตั ิภารกิจท้งั มวลน้นั จะตอ้ งคานึงถึงเวลาตา่ ง ๆ
เหล่าน้ีคือ เวลาในการบินไป เวลาในการปฏิบตั ิภารกิจและเวลาบินหลบั ซ่ึงสามารถทาใหเ้ รา
คานวณเวลาวงิ่ ข้ึนได้

6.2.4 การตรวจสอบอุปกรณ์ท้งั มวล เป็นข้นั สุดทา้ ยของการวางแผนภารกิจ ซ่ึงชุด
นกั บินผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งปฏิบตั ิดงั น้ี

6.2.4.1 ตรวจอากาศยาน
6.2.4.2 ตรวจเคร่ืองมือตา่ ง ๆ ที่ใชใ้ นการตรวจการณ์
6.2.4.3 ตรวจสอบแผนที่และภาพถ่ายที่จาเป็นตอ้ งใชท้ ้งั ในการเดินอากาศ
และการตรวจการณ์

-๒๙-

7. การบันทกึ และรายงาน
ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งมีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกบั การบนั ทึกและรายงานอยา่ งดีท่ีสุด

เพ่อื ใหเ้ กิดความรวดเร็วและถูกตอ้ งในการปฏิบตั ิภารกิจ
7.1 การบนั ทึกจากการตรวจการณ์โดยตรง กระทาได้ 2 วิธี
7.1.1 วธิ ีใชเ้ ส้นรัศมี ผตู้ รวจการณ์ลากหวั ลูกศรใหป้ ลายลูกศรช้ีตรงตาแหน่งของ

การปฏิบตั ิท่ีตรวจพบและลากกา้ นลูกศรไปยงั พ้ืนท่ีที่วางเพยี งพอแก่การบนั ทึก
7.1.2 วธิ ีใชอ้ กั ษรยอ่ ผตู้ รวจการณ์จะใชร้ ะบบตวั อกั ษรหรือตวั เลขบนั ทึกการปฏิบตั ิ

ท่ีตรวจพบ โดยเขียนตวั อกั ษรหรือตวั เลขลงบนตาแหน่งที่ตรวจพบบนแผนท่ีแลว้ วางไว้ จากน้นั จึง
บนั ทึกรายละเอียดที่พบไวบ้ นขอบระวางของแผนที่

7.2 การบนั ทึกจากการตรวจการณ์โดยออ้ ม โดยใชข้ ีดความสามารถของอุปกรณ์น้นั ๆ ทา
การบนั ทึก

7.3 การรายงาน เป็นการปฏิบตั ิข้นั สุดทา้ ยของการปฏิบตั ิภารกิจการตรวจการณ์ทางอากาศ
ไดแ้ ก่ การส่งขา่ วสารท่ีรวบรวมไดไ้ ปยงั องคก์ ารท่ีตอ้ งการ สามารถกระทาไดโ้ ดยการรายงานทาง
วทิ ยุ ภาพถ่ายถาวร ดว้ ยวาจาในการช้ีแจงสรุปหลงั บิน หรือประกอบกนั หลายวธิ ี
8. เทคนิคการตรวจการณ์ทางอากาศ ในการปฏิบตั ิภารกิจการตรวจการณ์ทางอากาศน้นั โดยปกติ
แลว้ หน่วยบินทหารบกมกั จะปฏิบตั ิเฉพาะการตรวจการณ์โดยตรงเทา่ น้นั ซ่ึงผตู้ รวจการณ์จะตอ้ ง
ปฏิบตั ิเก่ียวกบั การตรวจคน้ การพิสูจน์ทราบ การกาหนดท่ีต้งั และการรายงาน เทคนิคในการ
ตรวจการณ์โดยตรง ซ่ึงผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งกระทาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพในระยะสูงของการบินท่ีต่า
กวา่ 2,000 ฟิ ต คือ

8.1 การตรวจคน้ ดว้ ยสายตา เป็นการตรวจดูอยา่ งมีระยะคลอบคลุมพ้ืนที่ท่ีกาหนด โดย
อาศยั ประโยชน์จากขีดความสามารถของนยั น์ตามนุษย์ ซ่ึงจะตอ้ งนามาพิจารณาและปฏิบตั ิดงั น้ี

8.1.1 ความจากดั ของนยั น์ตามนุษย์ ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั หลายประการ ดงั น้ี
8.1.1.1 ความสูงที่ทาการบิน
8.1.1.2 ความเร็วของอากาศยาน
8.1.1.3 สภาพภูมิประเทศ
8.1.1.4 ขีดจากดั ของนยั น์ตามนุษย์

8.1.2 เขตงานตรวจการณ์ การตรวจคน้ ดว้ ยสายตาในขณะหน่ึงจะกระทาจากอากาศยาน
ไดเ้ พียงดา้ นเดียว โดยผตู้ รวจการณ์จะกาหนดขอบเขตอนั หน่ึงข้ึนเพื่อทาการสารวจต่อพ้ืนที่ท่ีจากดั
อนั หน่ึง ในพ้ืนท่ีตรวจการณ์ท้งั หมด พ้นื ที่จากดั ขอบเขตน้ีเรียกวา่ เขตงานตรวจการณ์ อนั
ประกอบดว้ ยเขตกาหนดทิศทางและเขตคน้ หา

-๓๐-

รูปท่ี 1

จากรูปที่ 1 เป็นภาพวาดแสดงเขตงานตรวจการณ์ ซ่ึงพ้ืนท่ีอนั น้ีอาจจะเปล่ียนแปลงบา้ ง
เลก็ นอ้ ยเกี่ยวกบั บริเวณท่ีตรวจการณ์ไมไ่ ด้ อนั เนื่องมาจากโครงสร้างของอากาศยานแตล่ ะแบบ เขต
งานตรวจการณ์จะมีขนาด 90 อยทู่ างตอนหนา้ ของแนวเส้นที่ลากต้งั ฉากกบั แนวทิศทางบินและ
กาหนดเขตคน้ หาไวค้ ือ 45 ทางดา้ นที่ติดกบั เส้นท่ีลากต้งั ฉากกบั แนวทิศทางบินและอีก 45 ท่ีเหลือ
คือเขตกาหนดทิศทาง

8.2.1.1 เขตกาหนดทิศทาง ใชเ้ ป็นหลกั ที่ผตู้ รวจการณ์จะกาหนดท่ีต้งั
ลกั ษณะภมู ิประเทศเพ่ืออา้ งอิงเกี่ยวกบั การบินโดยเตรียมล่วงหนา้ เกี่ยวกบั การใชล้ กั ษณะภูมิประเทศที่
เด่น ๆ ในการวางแผนบินปฏิบตั ิภารกิจ

8.2.1.2 เขตคน้ หา เป็นเขตท่ีอยทู่ างตอนหลงั ของเขตงานตรวจการณ์ ใน
เขตน้ีผตู้ รวจการณ์จะตรวจภูมิประเทศคลอบคลุมอยา่ งมีระบบ และรวมความสนใจไวอ้ ยา่ งเตม็ ที่
ตลอดเวลาที่ทาการตรวจคน้

8.1.3 กรรมวธิ ีในการปฏิบตั ิ โดยธรรมดาการบินจะบินที่ระยะสูงต่ากวา่ 500 ฟิ ต
แนวสายตาของผตู้ รวจการณ์จะตรงลงไปเบ้ืองล่าง เพือ่ คลอบคุมพ้นื ท่ีภมู ิประเทศใหม้ ากที่สุดตามขีด
ความสามารถของนยั น์ตามนุษย์ ซ่ึงผตู้ รวจการณ์จะใชเ้ ทคนิคดงั น้ี ข้นั แรก มองออกไปทางระดบั
ระยะประมาณ 1,000 เมตร จากแนวบินบนพ้ืนดินแลว้ ตรวจเขา้ หาอากาศยาน ข้นั ต่อไปมองที่ระยะ
คร่ึงหน่ึง 500 ม. ทางระดบั จากแนวบินบนพ้นื ดินและตรวจเขา้ หาอากาศยาน ข้นั ที่ 3 มองไประยะ
คร่ึงหน่ึง 250 ม. ทางระดบั จากแนวบินบนพ้นื ดินและตรวจเขา้ หาอากาศยานจากน้นั จึงตรวจชา้ ตาม
กรรมวธิ ีขา้ งตน้

8.2 การหมายรู้เป้ าหมาย การรายงานท่ีถูกตอ้ งสมบูรณ์ เป็นส่ิงจาเป็นต่อความสาเร็จภารกิจ
การตรวจการณ์ทางอากาศ ความชานาญในการหมายรู้เป้ าหมาย มีส่วนประกอบมาจากเรื่องสาคญั
บางประการดงั น้ี

8.2.1 ประสบการณ์ ผตู้ รวจการณ์ทางอากาศควรจะมีความรู้ในเร่ืองชิ้นส่วนเฉพาะ
ของยทุ โธปกรณ์ต่าง ๆ พอสมควรโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผลเก่ียวกบั ระยะ เมื่อระยะเพ่ิมข้ึนลกั ษณะ
บางอยา่ งของยทุ โธปกรณ์จะเปล่ียนไป ฉะน้นั ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งเคยไดร้ ับการฝึกการหมายรู้
ยทุ โธปกรณ์ในระยะต่าง ๆ

8.2.2 ลกั ษณะพืชพรรณ สิ่งที่อยรู่ อบ ๆ เป้ าหมาย พ้ืนหลงั ฉากหรือตอนใกล้ ๆ ซ่ึงมี
สีสันหรือลกั ษณะขอบพืชพรรณ (ตน้ ไมพ้ มุ่ ไมห้ ญา้ ) แตกตา่ งกนั หรือก้นั กาลงั ลกั ษณะของ
เป้ าหมายบางส่วนไว้ จะมีผลกระทบกระเทือนต่อความสามารถในการหมายรู้เป้ าหมายของผตู้ รวจการณ์

8.2.3 ความรวดเร็วในการหมายรู้ เนื่องจากมีเวลาตรวจเห็นเพยี งระยะส้นั ๆ สาหรับ
การบินในระยะต่าผตู้ รวจการจะตอ้ งไดร้ ับการฝึกใหต้ อบรับความรู้สึกต่อเป้ าหมายทีมองเห็นไดอ้ ยา่ ง
ฉบั พลนั และผตู้ รวจการณ์ควรจะมีคาเรียกท่ีบอกลกั ษณะส้ัน ๆ สาหรับเป้ าหมายทุกชนิด คาเรียกส้ัน ๆ
เหล่าน้ี จะช่วยใหบ้ นั ทึกข่าวสารไดร้ วดเร็วและช่วยในการพสิ ูจนท์ ราบเป้ าหมายไดร้ วดเร็ว เพื่อ
ป้ องกนั มิใหผ้ ตู้ รวจการณ์จอ้ งนิ่งอยกู่ บั เป้ าหมายที่มองเห็นหรือมองดูไปทางหลงั ของเขตคน้ หา

-๓๑-
ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งพสิ ูจนท์ ราบลกั ษณะเป้ าหมายใหไ้ ดเ้ ร็ว และเพื่อให้แน่ใจในการตรวจเป้ าหมาย
เกี่ยวกบั จานวนผตู้ รวจการณ์ตอ้ งรายงานจานวนท่ีนบั ไดจ้ ริง ๆ หรือโดยการประมาณเม่ือมีจานวนมา
การพิสูจน์ทราบเป้ าหมายที่มองเห็นอยา่ งถูกตอ้ งจะเป็นการช่วยองคก์ ารขา่ วกรองในเร่ืองการผสม
ยทุ โธปกรณ์กบั ประเภทเฉพาะของหน่วยขา้ ศึกเขา้ ดว้ ยกนั เพราะฉะน้นั รายละเอียดท้งั สิ้นควรจะ
รายงานวา่ “ ปยค.105 หน่ึงกระบอกเป็น ป. เคลื่อนที่ดว้ ยตนเอง ” อยา่ งรายงานเพียง “ ป. 105 ”

8.3 การกาหนดทิศทางภูมิศาสตร์ ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งทราบวา่ ตาบลที่อยขู่ องตนสมั พนั ธ์กบั
จุดอา้ งทางภมู ิศาสตร์ใด ๆ บา้ ง รวมท้งั บนแผนท่ีหรือแผนผงั ภาพถ่ายทางอากาศ หรือลกั ษณะภมู ิ
ประเทศที่เลือกไวล้ ่วงหนา้ ผตู้ รวจการณ์ทางอากาศ จะตอ้ งสามารถหมายแนวภูมิภาพที่มองเห็นใน
ภมู ิประเทศและบนแผนท่ีของตนได้

8.4 การกาหนดที่ต้งั เป้ าหมาย การกาหนดท่ีต้งั เป้ าหมายกค็ ือ การถ่ายทอดท่ีต้งั เป้ าหมายที่
ตรวจพบบนพ้ืนดิน ลงบนตวั แกนทางภูมิศาสตร์ของภูมิเทศจริง เช่น แผนที่หรือแผนผงั

8.4.1 ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งสามารถบนั ทึกที่ต้งั ท่ีแทจ้ ริง ตลอดจนขอบเขตของพ้นื ท่ี
เป้ าหมายไดเ้ ร็วท่ีสุดเท่าท่ีจะทาได้ เมื่อเป็นไปไดข้ ่าวสารท่ีเกี่ยวกบั เป้ าหมายท่ีสมบรู ณ์ครบถว้ น
จะตอ้ งรีบรายงานและหรือบนั ทึกไว้ ซ่ึงหมายความรวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ความเร็วและทิศทางใน
การเคล่ือนท่ีระดบั ความกาลงั หรือซ่อนเร้น ตลอดจนตาแหน่งของเป้ าหมายท่ีสัมพนั ธ์กบั ภมู ิประเทศแวดลอ้ ม

8.4.2 เพ่อื เป็ นการเพม่ิ พนู ประสิทธิภาพ ในการปฏิบตั ิการตรวจการณ์ทางอากาศ
เกี่ยวกบั การกาหนดท่ีต้งั เป้ าหมาย ผตู้ รวจการณ์ควรจะไดร้ ับการฝึกอยา่ งสม่าเสมอในระยะตา่ ง ๆ และใน
ระดบั ความปกปิ ดกาบงั ต่าง ๆ กนั ตลอดจนมีการฝึ กต่อเป้ าหมายที่ผสมกบั การฝึกคร้ังก่อน ๆ จนสามารถ

8.4.2.1 เห็นและหมายรู้เป้ าหมายไดท้ นั ที
8.4.2.2 หมายแนวที่ต้งั เป้ าหมายที่ตรวจพบโดยอาศยั ภูมิประเทศแวดลอ้ ม(การกาหนด
ทิศทางภมู ิศาสตร์)
8.4.2.3 กาหนดท่ีต้งั เป้ าหมายลงบนแผนท่ีหรือแผนผงั ตลอดจนรายละเอียดท่ีสมบูรณ์
เกี่ยวกบั เป้ าหมาย

การลาดตระเวนเส้ นทางอากาศ

1. หลกั ฐาน
FM 1-80 Aivial Observer Training
FM 5-36 Route Recornaissance and Classification
FM 17-36 Division Armored and Air Cavalry Units
FM 21-26 Map Reading
FM 21-30 Military symbols

2. ความมุ่งหมาย เพอื่ ศึกษาเกย่ี วกบั เพ่อื ศึกษาเกี่ยวกบั เทคนิคและการปฏิบตั ิการลาดตระเวน
เส้นทางทางอากาศเพ่ือทราบถึงชนิดของเส้นทาง , ปัจจยั ต่าง ๆ ที่จะตอ้ งพิจารณาในการลาดตระเวนฯ
ตลอดจนกระทง่ั ส่ิงกีดขวางทางยทุ ธวธิ ีที่มนุษยส์ ร้างข้ึนและขอ้ พจิ ารณาพิเศษเก่ียวกบั การปฏิบตั ิใน
สงครามนอกแบบ

-๓๒-
3. กล่าวนา การลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศเป็นภารกิจซ่ึงหน่วยบินทหารบกจะตอ้ งปฏิบตั ิเพราะ
โดยทวั่ ไปแลว้ การลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศมกั จะกระทาในระหวา่ งเกิดสถานการณ์และตอ้ งให้
ไดข้ ่าวสารโดยเร็ว เวลาในการเตรียมการจึงจากดั มาก และ อาจเป็นไดข้ ณะที่นกั บินกาลงั บินปฏิบตั ิ
ภารกิจอ่ืนอยใู่ นอากาศ อาจไดร้ ับภารกิจใหท้ าการลาดตระเวนเส้นทาง ฉะน้นั เพื่อสนองตอบความ
ตอ้ งการของหน่วยภาคพ้ืนดิน นกั บินจะตอ้ งทราบชนิดของข่าวสารท่ีตอ้ งการและทาการลาดตระเวน
ได้ แมจ้ ะไดร้ ับการช้ีแจงสรุปเพียงเลก็ นอ้ ย

ตวั อยา่ ง อนั เป็นบทเรียนในการาบ เม่ือปลายปี 1965 เวยี ดกง ไดท้ าการเขา้ ตีขนาดใหญ่ต่อ
ฐานปฏิบตั ิการของหน่วยรบพเิ ศษของสหรัฐท่ีมีเปลมี ในบริเวณแผน่ ดินสูงของเวยี ดนามใต้ ผบู้ งั คบั
ฐานปฏิบตั ิการไดร้ ้องขอการสนบั สนุนทางอากาศและการเสริมกาลงั การโจมตีของกองบินยทุ ธวธิ ี
เพือ่ สนบั สนุนการปฏิบตั ิการฐานแห่งน้นั ไดเ้ ริ่มข้ึนในเวลาไมก่ ี่นาทีตอ่ มา ขณะเดียวกนั ขบวนยานหุม้
เกราะและรถบรรทุกทหารก็เริ่มเคล่ือนท่ีออกจาก เปลกู ( ที่ต้งั ของกองบงั คบั การกองทพั นอ้ ยท่ี 2 ซ่ึง
อยหู่ ่างจากเปลมีออกไปประมาณ 30 ไมล์ ) เพอื่ ปฏิบตั ิการสนบั สนุนฐานปฏิบตั ิการแห่งน้นั เป็นท่ี
ทราบกนั ดีวา่ ยทุ ธวธิ ีของเวยี ดกง น้นั มกั ใชก้ าลงั เขา้ โจมตีฐานปฏิบตั ิการ และใชก้ าลงั อีกส่วนหน่ึง
คอยซุ่มโจมตีตามเส้นทางที่คาดวา่ จะมีการเคล่ือนยา้ ยกาลงั เขา้ ช่วยสนบั สนุนในเหตุการณ์ตอนน้ีเส้นทางจาก
เปลกเู ปลมี คือ เส้นทางสาย 14 บก.ทน.2 ไดส้ ่ง ฮ. ออกลาดตระเวนเส้นทางกพ็ บกาลงั ของเวยี ดกง
อยา่ งนอ้ ย 1 กองร้อย อยใู่ นท่ีต้งั ซุ่มโจมตี เพื่อลบลา้ งมาตรการของเวยี ดกง ขบวนยานหุม้ เกราะและ
รถบรรทุกคงส่งออกไปตามแผนแต่ใชก้ องร้อยปื นเล็ก 2 กองร้อย บรรทุก ฮ. ไปส่งลงขา้ งหลงั ที่ต้งั ซุ่ม
โจมตีของเวยี ดกง เมื่อเวยี ดกงเปิ ดฉากการโจมตีขบวนยานยนตจ์ ึงติดกบั อยใู่ นระหวา่ งขบวนยานยนตแ์ ละ
กองร้อยปื นเล็กบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ผลปรากฏวา่ เวยี ดกงเสียชีวติ ประมาณ 100 คน ขบวนยานยนต์
เสียเวลาเพยี งเล็กนอ้ ย และสามารถเสริมกาลงั ไดเ้ป็ นผลสาเร็จ อนั น้ีจะเห็นไดว้ า่ ถา้ ไมท่ าการลาดตระเวนเส้นทาง
ก่อน หน่วยเสริมกาลงั กอ็ าจเขา้ ไปไม่ถึงเปลมีและอาจเกิดการสูญเสียอยา่ งหนกั

4. คาจากดั ความและเทคนิค
ก. คาจากดั ความ การลาดตระเวนเส้นทางอากาศ คือ การสารวจเส้นทางอยา่ งรอบคอบดว้ ย

อากาศยานเพื่อความมุง่ หมายทางทหาร
ข. เทคนิค
1.การลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศจะใชอ้ ากาศยานปี กหมุนเม่ือตอ้ งการายละเอียดมาก และ

ใชอ้ ากาศยานปี กติดลาตวั เม่ือตอ้ งการลาดตระเวนเป็นระยะทางไกลและตอ้ งการความรวดเร็ว
2. วธิ ีปฏิบตั ิการลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศวธิ ีท่ีดีท่ีสุด ก็คือ ปฏิบตั ิการ่วมกบั

ส่วนปฏิบตั ิการทางพ้นื ดินอยา่ งใกลช้ ิด ซ่ึงส่วนปฏิบตั ิการทางพ้นื ดินจะยนื ยนั ขา่ วสารการลาดตระเวนเส้นทาง
ทางอากาศ

3. การลาดตระเวนเส้นทางอากาศอาจกระทาโดยอิสระตามความจาเป็ นของสถานการณ์วธิ ีน้ีใช้
เป็นหลกั ในการปฏิบตั ิการท่ีเวยี ดนาม

4. ความสูงในการบินลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศ จะพิจารณาตามสถานการณ์ ดงั น้ี

-๓๓-
ก. ในท่ีที่ไม่มีอาวธุ ต่อสู้อากาศยานของขา้ ศึก การลาดตระเวนจะกระทาในระดบั ต่า ( 300 ฟิ ต
หรือนอ้ ยกวา่ ) เพื่อใหส้ ามารถพจิ ารณารายละเอียดไดช้ ดั เจน
ข. ขา้ ศึกมีขีดความสามารถในการป้ องกนั ภยั ทางอากาศอยา่ งจากดั การบินลาดตระเวนก็จะ
รักษาระยะสูงเหนือระยะยงิ หวงั ผลของอาวธุ เบา แต่เพ่ือใหไ้ ดร้ ายละเอียดเกี่ยวกบั ขา่ วสารอยา่ ง
ถูกตอ้ งชดั เจนก็อาจตอ้ งทาการบิน ณ ระยะสูงท่ีจาเป็น หรือเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงการก็อาจจะใชว้ ธิ ีบิน
ลาดตระเวนระยะต่า

5. การชี้แจงสรุปข่าวสารเกย่ี วกบั ภารกจิ
การลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศ นกั บินจะไดร้ ับฟังการช้ีแจงสรุปเช่นเดียวกบั การตรวจ

การณ์ทางอากาศอ่ืน ๆ คือ การชีแจงสรุปก่อนบิน อยา่ งไรก็ดีข่าวสารบางอยา่ งท่ีนกั บินจะตอ้ งทราบ
อนั เป็ นสิ่งระบุเฉพาะในการลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศ กค็ ือ

ก. ความจากดั ข่าวสารในการช้ีแจงสรุปจะตอ้ งระบุถึงความจากดั ของเส้นทางท่ีตอ้ งการ
ทราบหรือจุดต่าง ๆ ตามเส้นทางที่จะตอ้ งทาการลาดตระเวน ความจากดั ของเส้นทางตอนใด
โดยทวั่ ไปจะอา้ งถึงโดยอาศยั ภูมิประเทศที่เด่น ๆ หรืออา้ งเป็นพิกดั

ข. เวลาที่ใชเ้ ส้นทาง นกั บินจะตอ้ งทราบวา่ เส้นทางน้นั จะใชเ้ มื่อใด หน่วยจะเคลื่อนท่ีในเวลา
กลางคืนหรือเวลาค่ามืด เพ่ือเป็ นการเนน้ ถึงความสาคญั เกี่ยวกบั เส้นทางที่จะตอ้ งสารวจใหไ้ ดร้ ายละเอียดตาม
ความตอ้ งการดงั กล่าว เช่น ถา้ หากความสวา่ งของถนนเพยี งพอตลอดจนมีท่าลุยขา้ มการเคล่ือนยา้ ยก็
อาจทาภายใตส้ ภาพการมองเป็ นอยา่ งจากดั ได้

ค. ชนิดของหน่วยท่ีใชเ้ ส้นทาง นกั บินจะตอ้ งไดร้ ับฟังการช้ีแจงสรุปใหท้ ราบวา่ หน่วยชนิด
ใดจะใชเ้ ส้นทางน้นั เพราะเส้นทางในความตอ้ งการของกองร้อยยานเกราะจะตอ้ งอยใู่ นสภาพดีกวา่
เส้นทางเคลื่อนยา้ ยของกองร้อยทหารราบอยา่ งชดั แจง้ สาหรับบางหน่วยอาจมียานพาหนะหลายแบบ
ซ่ึงมีขนาดใหญ่โตมาก นกั บินกค็ วรจะไดท้ ราบ

ง. จานวนและชนิดของยานพาหนะท่ีจะใชเ้ ส้นทาง การรู้เพียงชนิดของหน่วยที่จะใช้
เส้นทางยอ่ มไมเ่ ป็นการเพียงพอ นกั บินควรจะทราบดว้ ยวา่ ยวดยานชนิดใด และจานวนเท่าใดที่จะทา
การเคล่ือนยา้ ยจริง เช่น ในสภาพอากาศไมเ่ ก้ือกลู ยานพาหนะสิบคนั จะไม่ทาใหส้ ภาพเส้นทาง
เสียหายมากนกั แตย่ านพาหนะยส่ี ิบหา้ คนั อาจทาใหผ้ ดิ ถนนเสียหายได้ เป็นตน้ ฉะน้นั นกั บินจะตอ้ ง
ทราบถึงชนิดและจานวนของยานพาหนะที่จะใชเ้ ส้นทาง เพอ่ื ใหส้ ามารถประมาณการเก่ียวกบั
เส้นทางที่จะทาการลาดตระเวน ไดต้ ามขอ้ เท็จจริงท่ีปรากฏ
6. วตั ถุประสงค์ของภารกจิ จากขอ้ ช้ีแจงสรุปก่อนบิน นกั บินจะทราบถึงวตั ถุประสงคข์ องการ
ลาดตระเวนวา่ ในการปฏิบตั ิภารกิจน้นั จะตอ้ งใหไ้ ดม้ าซ่ึงขา่ วสารอะไรบา้ ง ตวั อยา่ งเช่น ถา้ หากเป็น
การเคล่ือนที่ทางบกไปตามถนน ข่าวสารที่เกี่ยวขอ้ งซ่ึงนกั บินจะตอ้ งทาการลาดตระเวนกค็ ือ ผิดถนน ,
ชนิดและความกวา้ ง , สะพานในเส้นทางถนนน้นั ๆ ฯลฯ

ก. การเคล่ือนยา้ ยบนถนน สิ่งสาคญั ท่ีเกี่ยวขอ้ งที่นกั บินจะตอ้ งหาขา่ วสารและรายละเอียด คือ
1. ผวิ ถนน ชนิด และความกวา้ ง จะตอ้ งตรวจใหแ้ น่ชดั ถึงวสั ดุที่ใชเ้ ป็นผวิ ถนนวา่

ประกอบดว้ ยอะไรและมีความกวา้ งเทา่ ใด พ้นื ผวิ ถนนส่วนมากท่ีสุดจะเป็นคอนกรีต , ถนนลงหิน ,

-๓๔-
ถนนลาดยาง ถนนไม่ลงผวิ เป็นถนนดินหรือทราย ความแตกตา่ งของวสั ดุที่ใชส้ ร้างถนนจะสังเกตุ
เห็นง่ายจากในอากาศและควรจะบนั ทึกไว้ ถา้ หากพ้ืนผวิ ถนนแตกต่างกนั ตลอดเส้นทางก็จะตอ้ ง
บนั ทึกและรายงานดว้ ยความกวา้ งของถนนจะประมาณไดเ้ ป็นจานวนช่องทางจราจร ตาม
ความสามารถในการรับการจราจรของถนน ตวั อยา่ งเช่น ถนนกวา้ งประมาณการจราจรของ รยบ.2 ½
ตนั ขบั ทางเดี่ยว , รถถงั ขบั 2 ทาง , รยบ.1/4 ตนั ขบั ทางเดียว ฯลฯ ถา้ ตรวจพบยานพาหนะใด ๆ บนถนน
ขณะทาการลาดตระเวน นกั บินกจ็ ะสามารถประมาณไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งวา่ ขนาดความกวา้ งของถนนเป็ น
เทา่ ใด ถา้ หากไมพ่ บยานพาหนะบนถนน กจ็ ะตอ้ งอาศยั เปรียบเทียบจากที่เคยจดจาไดร้ ะหวา่ งความ
กวา้ งของถนนกบั ความกวา้ งของยานพาหนะท่ีจะใชว้ ง่ิ ไปตามเส้นทาง

2. การระบายน้า หลงั จากพิจารณาเก่ียวกบั พ้ืนผวิ ถนน ตลอดจนชนิดและความกวา้ ง
ไดแ้ ลว้ ลาดบั ต่อไปก็พิจารณาถึงการระบายน้า ขอ้ น้ีจะใชก้ บั ถนนดิน , ทรายหรือถนนไม่ลงผวิ เทา่ น้นั ซ่ึง
จะเห็นไดท้ นั ทีถา้ มีร่องรอยการชารุดของถนนเน่ืองจากการระบายน้าไม่ดี ถนนจะชารุดเร็ว แม้
การจราจรจะไม่มากนกั และในระยะฤดูฝนการตรวจการณ์จะตอ้ งเพง่ เลง็ ถึงน้าที่คา้ งอยบู่ นถนนและในคู
ระบายน้า

3. สภาพถนน สภาพใดๆของพ้นื ผวิ ถนนที่ผดิ ปกติโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ลกั ษณะที่จะทาใหย้ านพาหนะ
ขบั ผา่ นไปไดช้ า้ หรือตอ้ งหยดุ ชะงกั ลกั ษณะตา่ ง ๆ ท่ีผดิ ปกติของพ้ืนผวิ ถนนจะสังเกตละพิจารณาไดง้ ่ายจาก
ทางอากาศวา่ เป็นการชารุดเสียหายจากการสู้รบ,การทาเคร่ืองกีดขวางหรือการชารุดท่ีเป็นไปตามธรรมชาติ ตวั อยา่ งเช่น
ถา้ เป็นการชารุดท่ีเป็นไปโดยธรรมชาติเน่ืองจากพ้ืนฐานถนนไม่แน่น ผวิ หนา้ จะกร่อนเป็นหลุมบอ่ มีรอย
ลอ้ เป็นร่องลึก รอยแตกหรือมีรอยลึกมาก

4. ลาด การลาดตระเวนจะตอ้ งเพง่ เล็งถึงลาดชนั บนถนนผดิ แขง็ เป็นพิเศษโดยเฉพาะลาดจะ
ทาใหท้ างล่ืนและผา่ นไปไดช้ า้ ในฤดูฝนสาหรับถนนดินทรายหรือถนนไมล่ งผวิ กจ็ ะตอ้ งตรวจอยา่ งใกลช้ ิดเช่นกนั

5. โคง้ เช่นเดียวกบั การลาดจะตอ้ งเอาใจใส่ตอ่ โคง้ ที่มีลกั ษณะแคบท้งั หมด ถา้ ทาไดค้ วรตรวจให้
ทราบความเอียงของโคง้ ดว้ ยวา่ จะทาใหก้ ารจราจรชา้ ลงหรือไม่โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในฤดูฝน

6. ขีดความสามารถในการขบั ออกนอกถนน อนั น้ีเป็นขอ้ สาคญั มากท่ีสุดประการ
หน่ึง ท่ีอยใู่ นความสนใจของผคู้ วบคุมการเคล่ือนยา้ ยทางถนนนนั่ คือ ไหล่ถนน , ความเอียงตลอดจน
พ้ืนที่บริเวณใกลเ้ คียงที่สามารถรับการเคล่ือนยา้ ยออกจากถนนไดใ้ นกรณีเกิดการปะทะหรือการ
กระจายกาลงั ออกตามแผนการหยดุ ขบวน และควรหมายเหตุระบุพ้ืนที่ซ่ึงไม่สามารถจะขบั ยานพาหนะออกนอก
ถนนไดด้ ว้ ยเพราะพ้นื ท่ีเหล่าน้ีจะเป็นจุดสะสมอนั ตราย

7. การซ่อนพราง ศกั ยภาพในการซ่อนพรางตามธรรมชาติเป็นส่ิงที่ตอ้ งการ เพ่อื ให้
ซ่อนเร้นกาบงั การเคลื่อนยา้ ยหรือเมื่อการเคลื่อนท่ีของยานพาหนะเกิดการขลุกขลกั โดยธรรมดาแลว้
การซ่อนพรางลกั ษณะน้ียอ่ มไดเ้ สมอสาหรับกาบงั การเคลื่อนยา้ ยจากการตรวจการณ์ทางพ้ืนดิน โดย
อาศยั พ้นื ท่ีท่ีเป็นบริเวณป่ าทึบ การปฏิบตั ิการลาดตระเวนฯ ของนกั บินตอ้ งกระทาอยา่ งระมดั ระวงั
บนั ทึกและรายงานวา่ บริเวณใดศกั ยภาพในการซ่อนพรางมีอยหู่ รือไมม่ ีเพอ่ื ประโยชนใ์ นการ
เคลื่อนยา้ ยหรือเมื่อเวลาเกิดเหตุขลุกขลกั

-๓๕-
8. สะพาน เป็นส่วนประกอบที่สาคญั อยา่ งยง่ิ ของถนน เพราะ จะช่วยใหห้ น่วย
เคลื่อนท่ีขา้ มภมู ิประเทศไดเ้ ร็ว หรือในทางกลบั กนั สะพานก็อาจเป็ นเครื่องกีดขวางท่ีสาคญั มากต่อ
การเคลื่อนยา้ ยนกั บินจะตอ้ งหาขา่ วสารเก่ียวกบั สะพานตามเส้นทางใหม้ ากที่สุดเท่าที่จะมากได้
โดยทว่ั ไปข่าวสารเกี่ยวกบั สะพานจะตรวจสอบหรือประมาณตามขอ้ เทจ็ จริง ดงั ต่อไปน้ี

ก. ท่ีต้งั แผนที่ส่วนมากท่ีสุดจะกาหนดแนวสะพานตลอดจนที่ต้งั ไวอ้ ยา่ ง
ถูกตอ้ งตามความเป็นจริง แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามสะพานเก่าอาจมีการร้ือถอน สร้างข้ึนใหม่หรือยา้ ยที่
สะพานที่ถูกร้ือถอนหรือสร้างข้ึนใหม่ ซ่ึงมีความสามารถในการรับน้าหนกั มากข้ึน ข่าวสารอนั น้ี
จะตอ้ งทาเคร่ืองหมายไวเ้ ป็ นพิเศษ ถา้ หากนกั บินคุน้ เคยกบั ชนิดของสะพาน กค็ วรรายงานตามชนิด
ดว้ ย หรือหากไมเ่ คยเห็นมาก่อนกว็ าดเป็นภาพสเกด็ ง่าย ๆ ใหเ้ ห็นดา้ นบนและดา้ นขา้ ง

ข. สภาพ เมื่อพสิ ูจน์ทราบท่ีต้งั ไดแ้ น่นอนแลว้ จะตอ้ งทาการประเมินค่าขีด
ความสามารถของสะพาน ขอ้ แรกคือชนิดของวตั ถุท่ีใชส้ ร้างสะพาน เช่น เป็นเหล็กคอนกรีต หิน
หรือไม้ ตลอดจนสภาพท่ีปรากฏ ควรตรวจผวิ พ้ืนสะพานท่ีชารุด ส่วนที่ไม่ต่อกนั เป็ นรูป ส่วนท่ีปิ ด
หอ้ ง ตกลงมาและรอยชารุดจากการยงิ หรือการระเบิด

ค. ความกวา้ งของทางจราจร ลกั ษณะอ่ืนๆท่ีสาคญั ของสะพานกค็ ือ ความกวา้ งของ
ทางจราจร ท่ีสาคญั มากก็คือ ขอ้ จากดั ต่อขนาดของยานพาหนะท่ีจะเคลื่อนท่ีผา่ น และจานวนช่องทางจรจรที่จะ
ใชไ้ ด้ วธิ ีประมาณความกวา้ งของทางจราจรบนสะพานวธิ ีที่ดีท่ีสุด คือ เปรียบเทียบกบั ถนนหรือสะพานอ่ืนที่ชุด
นกั บินและผตู้ รวจการณ์คุน้ เคยเป็นอยา่ งดีแลว้

ง. ความยาว การะประมาณความยาวของสะพานควรกระทาเช่นเดียวกบั
การประมาณความกวา้ ง สาหรับสะพานช่วงส้นั ทอดขา้ มช่วงเดียว การประมาณคร้ังเดียวกเ็ ป็นการ
เพียงพอ แตส่ าหรับสะพานทอดขา้ มหลายช่วง การประมาณจะตอ้ งกระทาทุกช่วง ช่วงใดที่อยเู่ หนือ
น้าจะตอ้ งบนั ทึกและรายงานดว้ ย

จ. ความสูง การประมาณความสูงของสะพาน ปกติตอ้ งการเพยี งระยะทาง
ดิ่งโดยประมาณระหวา่ งพ้ืนการจราจรกบั เครื่องกีดขวางเหนือศรีษะ ณ ตอนใดที่มีระยะวา่ งนอ้ ยที่สุด
เทา่ น้นั ความสูงที่วา่ น้ี ถา้ หากมีก็จะจากดั ยานพาหนะหลายชนิดท่ีจะผา่ นไปบนสะพาน และขอ้ น้ีเป็น
ข่าวสารที่สาคญั มาก การประมาณวธิ ีท่ีดีที่สุด คือ การบินต่าผา่ นไปใกล้ ๆ ใหข้ นานกบั แกนทางยาว
ของสะพาน

ฉ. ขีดความสามารถในการออ้ มผา่ น ทางออ้ มผา่ นเป็นสิ่งจาเป็นเพ่ือ
หลีกเล่ียงเครื่องกีดขวางการจราจร ณ ที่ต้งั สะพานซ่ึงมีอยตู่ ามเส้นทาง ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์
จะตอ้ งตรวจคน้ หาทางออ้ มผา่ น ที่เหมาะสมสาหรับสะพานน้นั ๆ โดยไม่คานึงถึงสภาพสะพาน ความ
จาเป็นอนั น้ีก็เพ่ือเวลาเกิดกรณีสะพานถูกทาลายหลงั จากเริ่มการเคล่ือนยา้ ยแลว้ ปัจจยั ที่เป็น
ขอ้ พจิ ารณาถึงขีดความสามารถในการออ้ มผา่ น ไดแ้ ก่

1. ท่าลุยขา้ มคือบริเวณลาน้าตอนท่ีต้ืน ซ่ึงลกั ษณะของทอ้ งน้าและ
การเขา้ หาลาน้าบุคคลและยานพาหนะสามารถจะเขา้ ไปถึงได้ การลุยขา้ มปกติจะกล่าวถึงเป็น
ศกั ยภาพในการขา้ มผา่ นสาหรับบุคคลเดินเทา้ และยานพาหนะ การลุยขา้ มจะใชเ้ สมอ ณ ทาขา้ มลาน้า

-๓๖-

ที่ไมม่ ีสะพาน สะพานถูกทาลาย หรือเป็ นทา่ ขา้ มสาหรับการออ้ มผา่ น ขา่ วสารเกี่ยวกบั ท่าลุยขา้ ม

จะตอ้ งถูกตอ้ งและไดร้ ายละเอียดมากท่ีสุดเทา่ ท่ีจะทาไดเ้ ม่ือสถานการณ์และภมู ิประเทศรอบ ๆ ท่ีลุย

ขา้ มอานวยให้ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ก็ควรพจิ ารณาลงสารวจ เพ่ือใหไ้ ดข้ า่ วสารที่ถกู ตอ้ งแน่นอนดงั น้ี

(ก) ท่ีต้งั ขอ้ เทจ็ จริงที่สาคญั ประการหน่ึงเกี่ยวกบั ทา่ ลุยขา้ มคือ ที่ต้งั ท่ีต้งั ลุย ขา้ ม

อาจมีอยใู่ นแผนที่ ถา้ ท่ีลุยขา้ มน้นั เคยใชม้ าก่อนแลว้ ส่วนทา่ ลุยขา้ มท่ีจะตอ้ งมีการดดั แปลงปกติจะไม่มี

ในแผนที่ โดยเฉพาะในกรณีเกี่ยวกบั การออ้ มผา่ น อนั น้ีจะตอ้ งกาหนดท่ีต้งั อยา่ งถูกตอ้ ง บนั ทึกและรายงาน

โดยชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์

(ข) การเขา้ สู่ท่าลุยขา้ ม อาจจะตอ้ งมีการถากถางแตโ่ ดยทวั่ ไปไมต่ อ้ งมีการตกแต่งดดั แปลง

และโดยปกติก็จะโรยดว้ ยทรายหรือกรวดทางเขา้ สู่ท่าลุยขา้ มจะตอ้ งบนั ทึกอยา่ งระวงั เพื่อพจิ ารณาถึง

ขีดความสามารถในการจรจรสาหรับยานพาหนะของหน่วยใช้ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ควรรายงาน

ใหล้ ะเอียดท่ีสุดเท่าท่ีจะทาไดเ้ กี่ยวกบั ส่วนประกอบ ความกวา้ ง และ ลาดของทางเขา้ สู่ทา่ ลุยขา้ ม

(ค) ความลึกของทอ้ งน้าและทอ้ งน้า การประมาณความลึกของลาน้าจากทางอากาทาไดย้ าก

มากและไมแ่ น่นอน ถา้ หากลงการสารวจ ณ ท่ีต้งั ทา่ ลุยขา้ มได้ การประมาณความลึกจะไดถ้ ูกตอ้ ง

และแน่นอนกวา่ หากปรากฏวา่ ลาน้าที่ท่าลุยขา้ มลึกถึง หกฟุตหรือมากกวา่ ตอ้ งถือวา่ เป็นเครื่องกีด

ขวาง อยา่ งไรก็ตาม ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งรายงานาความลึกของลาน้าท่ีประมาณไดไ้ มว่ า่

จะมากหรือนอ้ ยกวา่ หกฟุต สาหรับส่วนประกอบของทอ้ งน้าน้นั จะเป็ นเคร่ืองพิจารณาถึงขีด

ความสามารถในการขา้ มผา่ น ถา้ ทาไดช้ ุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ ควรรายงานส่วนประกอบของทอ้ ง

น้าดว้ ยวา่ เป็ นทราย , กรวด , โคลน , ดินเหนียว , หินหรือผสมกนั พ้นื ทอ้ งน้าทา่ ลุยขา้ มอาจตอ้ งมีการ

ถากถางตกแต่งเพอ่ื ใหม้ ีขีดความสามารถในการับน้าหนกั การปรับปรุงพ้ืนทอ้ งน้าทา่ ลุยขา้ ม

โดยทวั่ ไปจะใชค้ อนกรีต , กระสอบทรายขวางซอ้ นกนั เป็นช้นั ๆ , ตระแกรงเหลก็ หรือไมก้ ระดาน

รายละเอียดตา่ งๆ ในเรื่องเหล่าน้ี ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งบนั ทึกและรายงาน

9. ส่ิงกดี ขวางทมี นุษย์สร้างขึน้

(ก) ชนิดของเครื่องกีดขวาง เครื่องกีดขวางที่มนุษยส์ ร้างข้ึน จะทาใหข้ บวนเคลื่อนยา้ ย

หยดุ ชะงกั หรือเคลื่อนท่ีชา้ ลง ผตู้ รวจการณ์ตอ้ งบนั ทึกและรายงานโดยทวั่ ไปแลว้ เครื่องกีดขวางจะมี

การคุม้ ครองดว้ ยการยงิ จากที่ต้งั ยงิ หรือบริเวณใกลเ้ คียง การตรวจการณ์ของนกั บินจะตอ้ งใชค้ วาม

ระมดั ระวงั เป็นพิเศษเพราะขณะทาการตรวจอาจถูกยงิ จากทางพ้ืนดินได้ ข้นั แรกของการลาดตระเวน

ตรวจเคร่ืองกีดขวางกค็ ือ พิจารณาชนิดของเคร่ืองกีดขวาง เคร่ืองกีดขวางส่วนมากจะเป็นอยา่ งหน่ึง

อยา่ งใด ดงั ต่อไปน้ี

1. คู คูดกั รถถงั จะขดุ ขวางตลอดไหล่ถนนถึงไหล่ถนน และตบแตง่ ลาดดว้ ยของไมห้ รือหิน

2. ตน้ ไมล้ ม้ เครื่องกีดขวางอาจประกอบดว้ ยตน้ ไมท้ ี่โค่นลม้ จากดา้ นใดดา้ นหน่ึงของถนน แต่

โดยทว่ั ไปแลว้ เคร่ืองกีดขวางตน้ ไมล้ ม้ ส่วนมากที่สุดจะโค่นตน้ ไมจ้ ากสองขา้ งของถนนใหล้ ม้ ทบั กนั เป็นรูป

สามเหลี่ยมเป็ นระยะๆ

-๓๗-
3. เคร่ืองกีดขวางสมอบก เคร่ืองกีดขวางชนิดน้ี ปกติจะสร้างข้ึนในถนนดินหรือ
ถนนไมล่ งผวิ ประกอบดว้ ยเหล็กสมอบกขนาดใหญฝ่ ังลงในผวิ ดินตามแนวด่ิงห่างกนั 2 – 3 ฟิ ต ตาม
แนวกวา้ งของถนนและสูงเหนือพ้นื ดิน สองฟิ ตคร่ึงถึงสามฟิ ตคร่ึง
(ข) ที่ต้งั ปกติท่ีต้งั ทางยทุ ธวธิ ีมกั จะมีการคุม้ ครองดว้ ยการยงิ การตรวจจุตอ้ งพิจารณาถึงส่ิง
ตา่ ง ๆ ตามแนวเส้นทางท่ีน่าจะเป็นท่ีต้งั เครื่องกีดขวางทางยทุ ธวธิ ีดงั น้ี คือ ทางโคง้ ตอนท่ีเป็ นลาดชนั และ
ตาบลท่ีเป็นทางแคบบนแนวถนน ซ่ึงท่ีต้งั เคร่ืองกีดขวางแบบน้ีขา้ ศึกมกั จะเลือกข้ึนเพราะยานพาหนะ
จะเคล่ือนที่ชา้ ลงกวา่ ความเร็วปกติ ทาใหเ้ ป็นเป้ าหมายที่ง่านตอ่ การยงิ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์
จะตอ้ งตรวจอยา่ งละเอียด บนั ทึกและรายงานที่ต้งั เคร่ืองกีดขวางเหล่าน้ี
(ค) ระดบั ความสมบรู ณ์ชุดนกั บิน–ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งบนั ทึกระดบั ความสมบรู ณ์ของเครื่องกีดขวางทาง
ยทุ ธวธิ ีที่ตรวจพบตามแนวถนน สิ่งบอกเหตุต่าง ๆเก่ียวกบั ดินท่ีขดุ ออกไปใหม่ ๆ บุคคลที่กาลงั
ทางานอยใู่ นพ้นื ที่น้นั หรือยานพาหนะใด ๆ ท่ีอยบู่ นถนนกค็ วรจะรายงานดว้ ย การประมาณระดบั
ความสมบรู ณ์ของเคร่ืองกีดขวาง จะรวมถึงประสิทธิภาพท่ีปรากฏของเคร่ืองกีดขวางตลอดจนกาลงั
คุม้ ครองที่ตรวจพบในบริเวณใกลเ้ คียง
(ง) ขีดความสามารถในการออ้ มผา่ น ปกติการสร้างเครื่องกีดขวางทางยทุ ธวธิ ีจะไดร้ ับการ
วางแผนใหป้ ฏิเสธการใชถ้ นนบริเวณน้นั โดยสิ้นเชิง ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งตรวจคน้
ทางออ้ มผา่ นที่สามารถจะไปไดเ้ ช่นเดียวกบั มาตรฐานทางออ้ มผา่ นสะพาน

10. อุโมงค์และทางลอดผ่าน อุโมงคแ์ ละทางลอดผา่ น (ใตส้ ะพานหรือใตส้ ะพานยาว) โดยทว่ั ไปพ้นื
อุโมงคจ์ ะเป็นพ้นื ราบปลายท้งั สองดา้ นเพื่อใหย้ านพาหนะลอดผา่ น อุโมงคห์ รือทางลอดผา่ นจะสร้าง
ข้ึนในบริเวณทุรกนั ดาร , ภูเขา หรือในภูมิประเทศที่เป็ นเทือกเขาใหญ่ ๆ การลาดตระเวนอุโมงค์
หรือทางลอดผา่ นจะตอ้ งกระทาเพื่อพจิ ารณาใชเ้ ป็นเส้นทางผา่ นของยานพาหนะ รายละเอียดตา่ ง ๆ
เก่ียวกบั อุโมงคส์ ่วนมากไม่สามารถหาไดจ้ ากการลาดตระเวนทางอากาศสาหรับทางลอดผา่ นน้นั โดย
ปกติแลว้ สามารถหาขา่ วไดเ้ กือบสมบูรณ์จากการลาดตระเวนทางอากาศ

(ก) ที่ต้งั ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งตรวจสอบ และยนื ยนั ที่ต้งั ของอุโมงคแ์ ละทาง
ลอดผา่ น ดว้ ยเหตุผลอนั เดียวกนั และลกั ษณะเดียวกนั กบั การตรวจสอบที่ต้งั สะพานหรือท่าลุยขา้ ม

(ข) ความยาว ความยาวของอุโมงคส์ ามารถตรวจสอบไดง้ ่ายจากทางอากาศ โดยตรวจ
ทางเขา้ และทางออกเปรียบเทียบขนาดในแผนท่ี ถา้ หากทางออกและทางเขา้ สามารถมองเห็นไดจ้ าก
ตาแหน่งเดียวหรือที่ระยะสูง ๆ ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ ก็สามารถประมาณความยาวไดโ้ ดยไมต่ อ้ ง
อา้ งอิงกบั แผนท่ีส่วนความยาวของทางลอดผา่ นประมาณไดโ้ ดยพิจารณาจากความกวา้ งของสะพาน
หรือช่วงเสาตอนล่างที่ถนนผา่ น การประมาณลกั ษณะน้ี ยอ่ มกระทาเช่นเดียวกนั กบั การประมาณ
ความกวา้ งของสะพาน

(ค) ความกวา้ ง ความกวา้ งของอุโมงคแ์ ละทางลอดผา่ นเป็ นเรื่องสาคญั ดว้ ยเหตุผลเช่นเดียวกบั ความสาคญั
ของความกวา้ งของถนนและสะพาน ชุดนกั บิน–ผตู้ รวจการณ์ ตอ้ งพจิ ารณาประมาณความกวา้ งของอุโมงคแ์ ละทาง
ลอดผา่ นไดว้ า่ เป็ นกี่ช่องทาง(lanes) การประมาณความกวา้ งกระทาเช่นเดียวกบั ถนนหรือสะพาน

-๓๘-
(ง) ความสูง การประมาณความสูงของอุโมงคแ์ ละทางลอดผา่ น ไดแ้ ก่การประมาณ
ระยะทางดิ่งระหวา่ งพ้นื ถนนกบั ตอนบนของอุโมงค์ หรือตอนล่างของส่วนที่เหนือศรีษะสาหรับทาง
ลอดผา่ นความสูงที่จะจากดั ชนิดของยานพาหนะท่ีเคล่ือนท่ีผา่ นอุโมงคห์ รือทางออ้ มเป็ นขา่ วสารท่ี
สาคญั มาก การประมาณความสูง สามารถกระทาไดจ้ ากในอากาศ โดยการบินต่าผา่ นไปใกล้ ๆ ปาก
ทางเขา้ อุโมงค์ (ส่วนมากทางลอดผา่ นความสูงกค็ งใกลเ้ คียงกบั สะพาน)
(จ) ขีดความสามารถในการออ้ มผา่ น การลาดตระเวนจาเป็ นตอ้ งตรวจหาทางออ้ มผา่ น

อุโมงคห์ รือทางลอดผา่ นเพื่อหลีกเล่ียงส่ิงกีดขวาง ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะประสบความ
ยากลาบากในการคน้ หาทางออ้ มผา่ นอุโมงคย์ ง่ิ กวา่ การออ้ มผา่ นสะพาน เม่ือเกิดกรณีเช่นน้ีจะตอ้ ง
รายงานโดยเร็วที่สุดท่ีจะเร็วได้ การออ้ มผา่ นทางลอดผา่ นท่ีมีเครื่องกีดขวาง โดยทวั่ ไปจะมีความยาก
นอ้ ยกวา่ อุโมงคเ์ กณฑก์ ารประมาณระยะทางและเวลาในการออ้ มผา่ นคงเช่นเดียวกบั สะพาน เครื่อง
กีดขวางทางยทุ ธวธิ ี (ไมเ่ กินกวา่ หกจุดหา้ กิโลเมตร หรือนานกวา่ สิบหา้ นาที)

11. ทางนา้ ในแผ่นดนิ การลาดตระเวนเส้นทางจราจรทางน้าในแผน่ ดินจากทางอากาศ คงมี
ความสาคญั เช่นเดียวกบั การลาดตระเวนเส้นทางจราจรทางบก การปฏิบตั ิการลดตระเวนทางอากาศ

จะตอ้ งรวมถึง
(1) ความกวา้ งและความลึกของลาน้า ความกวา่ งของลาน้าคงประมาณไดเ้ ช่นเดียวกบั ช่อง

กวา้ งของสะพาน โดยใชก้ ารบินต่าเหนือฝ่ังหน่ึงและขนานไปกบั แนวลาน้า วธิ ีท่ีดีท่ีสุดในการ
ประมาณความกวา้ งของลาน้า ถา้ สามารถลงสารวจไดจ้ ะทาใหข้ า่ วสารถูกตอ้ งแน่นอนยง่ิ ข้ึน สาหรับ
ความลึกของลาน้าน้นั การประมาณความลึกกระทาจากทางอากาศไดย้ าก นอกจากจะลงทาการ
สารวจเทา่ น้นั

(2) ความเร็วของกระแสน้า อตั ราความเร็วของกระแสน้าสามารถประมาณไดจ้ ากในอากาศ
โดยชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ดว้ ยการสงั เกตส่ิงตา่ ง ๆ ที่ลอยอยใู่ นลาน้า การประมาณความเร็วก็
ประมาณวา่ ไหลเช่ียวแรง ปานกลาง หรืออ่อน แต่ถา้ จะใหม้ ีความถูกตอ้ งยงิ่ ข้ึนแลว้ ชุดนกั บิน –
ผตู้ รวจการณ์ควรลงไปทาการสารวจ

(3) เคร่ืองกีดขวาง เคร่ืองกีดขวางการจราจรทางน้าน้นั ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ ง
รายงานถึงท่ีต้งั ของสะพาน ที่ต้งั ของสายเคเบิล้ และร่องน้าท่ีต้ืนเขินและที่มีความสาคญั มากในการ
รายงานกค็ ือ เครื่องกีดขวางใตน้ ้า แลที่ต้งั ซุ่มโจมตีของขา้ ศึกชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งรายงาน
จุดหรือพ้ืนท่ีทุกแห่งท่ีคาดวา่ น่าจะเป็นท่ีซุ่มโจมตีหรือเครื่องกีดขวางใตน้ ้า
12. เส้นทางจราจรทางอากาศ การลาดตระเวนเส้นทางจราจรทางอากาศ กระทาเพอ่ื พจิ ารณาเลือก

เส้นทางเคล่ือนยา้ ยทางอากาศ ซ่ึงประกอบดว้ ย การลาดตระเวนหาขา่ วเก่ียวกบั
(1) ท่ีต้งั หน่วยกาลงั ของขา้ ศึก ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์จะตอ้ งรายงานที่ต้งั ของขา้ ศึกท่ี

ตรวจพบหรือสงสัยโดยเร็วที่สุดในเส้นทางท่ีเลือกข้ึน และจะตอ้ งเลือกเส้นทางสารองในการออ้ ม
ผา่ นท่ีอาจเป็นได้

-๓๙-
(2) ส่ิงกีดขวางหรือสิ่งท่ีเป็ นอนั ตรายต่อการบิน

(ก) ความสูงต่าสุด ท่ีสามารถจะทาการบินได้ ในระหวา่ งทาง นกั บินจะตอ้ ง
รายงานความสูงต่าสุดท่ีสามารถจะทาการบินได้ ท้งั น้ีเก่ียวกบั สภาพภูมิประเทศ ระดบั ความสูง และ
สภาพลมในบริเวณท่ีเป็ นภเู ขา

(ข) สิ่งกีดขวางต่อการบิน ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งลาดตระเวน และ
รายงานลกั ษณะสภาพแวดลอ้ มและที่ต้งั อนั แทจ้ ริงของส่ิงกีดขวางเหล่าน้นั

(ค) พ้ืนที่ที่มีการป้ องกนั สาหรับพ้นื ที่ซ่ึงมีการป้ องกนั น้นั ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจ
การณ์จะตอ้ งใหค้ วามสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การป้ องกนั ทางอากาศของขา้ ศึก และจะตอ้ ง
พิจารณาหาเส้นทางเล่ียงผา่ น (ออ้ มผา่ น) พ้นื ที่อนั ตรายเหล่าน้ีไวด้ ว้ ย

(3) ส่ิงสนบั สนุน ชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ จะตอ้ งทาการลาดตระเวนและรายงานเกี่ยวกบั
ส่ิงซ่ึงสามารถอานวยประโยชนใ์ นการเคลื่อนยา้ ยทางอากาศเหล่าน้ี คือ

(ก) เคร่ืองช่วยในการเดินอากาศ จะตอ้ งลาดตระเวน และรายงานเกี่ยวกบั
เครื่องช่วยในการเดินอากาศ ซ่ึงประกอบดว้ ยที่ต้งั และลกั ษณะที่ปรากฏ

(ข) ตาบลร่อนลง เพื่อเพม่ิ เติมเช้ือเพลิง และอาวธุ กระสุนวตั ถุระเบิด
(ค) พ้นื ท่ีส่งลง จะตอ้ งรายงานท่ีต้งั และลกั ษณะของพ้ืนที่ส่งลง และสารอง
13. การรายงานขา่ วสาร การายงานข่าวสารที่ไดจ้ ากการลาดตระเวนทางอากาศ คงกระทาเช่นเดียวกบั การรายงานใน
ภารกิจตรวจการณ์ทางอากาศอื่นๆท้งั สิ้น เทคนิคท่ีใชเ้ป็ นหลกั ในการส่งขา่ วจาก ชุดนกั บิน–ผตู้ รวจการณ์ ใหก้ บั
นายทหารยุทธการ และข่าวกรอง คือ การช้ีแจงสรุปหลงั บิน,การายงานทางวทิ ยุ และการทิ้งข่าว เน่ืองจากมีภารกิจ
มากมายหลายประการในการลาดตระเวนเส้นทางทางอากาศที่มีลาดบั ความเร่งด่วนสูง และตอ้ งการทราบผลโดยเร็ว
ท่ีสุดเท่าที่จะเป็ นได้ ท้งั ยงั ตอ้ งการรักษาความลบั ในข่าวสารน้นั ๆ กรณีน้ีชุดนกั บิน – ผตู้ รวจการณ์ อาจตอ้ งส่ง
ข่าวสารเกี่ยวกบั การลาดตระเวนดว้ ยรหสั ทางวทิ ยุ

**************************

-๔๐-

การบรรทุกในเฮลคิ อปเตอร์

การฝึ กขนึ้ -ลง ฮ. และการปฏิบัตเิ มื่ออยู่ในอากาศ

๑. หลกั ฐาน เอกสารวจิ ยั ส่วนบุคคล เรื่องการปฏิบตั ิการร่วมระหวา่ งหน่วยทหารภาคพ้ืนดินกบั
อากาศ ยาน ทบ.
๒. กล่าวทว่ั ไป เพอ่ื ใหก้ าลงั พลที่ปฏิบตั ิการร่วมกบั ฮ.และผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจและมี
ความชานาญในการปฏิบตั ิตา่ ง ๆ เก่ียวกบั การข้ึน - ลง และการบรรทุกบน ฮ.อนั จะเป็นผลทาให้
บงั เกิด ความปลอดภยั รวดเร็วและประหยดั จึงสมควรใหก้ าลงั พลดงั กล่าวไดม้ ีการฝึก และทาความ
เขา้ ใจใน เร่ืองตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี
๓. การเตรียมการของกาลงั พลก่อนขนึ้ ฮ.

๓.๑ รัดสายรัดคางใหแ้ น่น
๓.๒ พบั ขาทรายปื นกล
๓.๓ รัดตรึงส่ิงหลวมคลอนใหแ้ น่น
๓.๔ หา้ มติดดาบปลายปื น
๓.๕ หา้ มไก
๓.๖ ทราบลาดบั การข้ึน - ลง
๓.๗ รายละเอียดอ่ืน ๆ
๔. การปฏบิ ัตใิ นการขนึ้ ฮ.
๔.๑ ยดึ และรักษาเขตบรรทุก
๔.๒. จะเขา้ ใกล้ ฮ.ไดห้ ลงั จาก ฮ.ลงสัมผสั พ้นื แลว้
๔.๓ ใหแ้ บง่ กาลงั พลข้ึน ๒ ดา้ น
๔.๔ การวงิ่ ข้ึน ฮ.ใหข้ ้ึนในบริเวณ ๓-๙ นาฬิกา ของ ฮ.หรือวง่ิ เขา้ ทางหวั เครื่องบิน
๔.๕ ข้ึนนงั่ ตามลาดบั จากในมานอก
๔.๖ ใหท้ าการบรรทุกโดยรวดเร็ว
๕. การปฏิบัติขณะบรรทกุ
ผบ.ชุดควบคุมทหารใน ฮ.แต่ละเครื่องตอ้ งแน่ใจวา่ ทหารแตล่ ะคนปฏิบตั ิตามมาตราการ
เก่ียวกบั ความ ปลอดภยั ในการเคลื่อนที่ภายใน ฮ.และการนง่ั บรรทุกใน ฮ.ดงั มีรายละเอียดต่อไปน้ี
๕.๑ อาวธุ ประจากายใหห้ นั ปากกระบอกปื นข้ึนช้ีเพดาน
๕.๒ ผทู้ ี่นง่ั อยกู่ รอบนอกตอ้ งใชม้ ือยดึ หลกั กนั ตกจาก ฮ.
๕.๓ ใหน้ งั่ ประจาที่และไม่เคลื่อนท่ีไปมาภายใน ฮ.
๕.๔ รัดเขม็ ขดั นิรภยั ทุกคนถา้ ทาได้
๕.๕ หา้ มสูบบุหรี่ ถา้ ยงั ไม่ไดร้ ับอนุญาตจากนกั บิน
๕.๖ มีขอ้ ขดั ขอ้ งให้ ผบ.ชุดแจง้ ต่อช่างประจาเคร่ืองบินทนั ที

-๔๑-
๕.๗ ในการบรรทุกส่ิงอุปกรณ์ ตอ้ งมีผคู้ วบคุมนงั่ ไปดว้ ยทุกคร้ัง
๕.๘ สิ่งอุปกรณ์บรรทุก ตอ้ งรัดตรึงใหเ้ รียบร้อย
๕.๙ การวางสิ่งอุปกรณ์บน ฮ.ตอ้ งคานึงถึงน้าหนกั และ CG ของ ฮ.ดว้ ยดว้ ย (เทคนิคการ
บรรทุกประสานกบั ช่างประจา ฮ.)
๖. การวางแผนการบรรทุก
๖.๑ ทุกหน่วยจดั ทาแผนการบรรทุก เพื่อช่วยใหก้ ารเคลื่อนยา้ ยกระทาไดร้ วดเร็ว
๖.๒ เคร่ืองมือเครื่องใชท้ ่ีจาเป็น ตอ้ งเตรียมไปใหเ้ รียบร้อย
๖.๓ จดั กาลงั และทาการซกั ซอ้ มเจา้ หนา้ ท่ีก่อนเสมอ
๗. การปฏบิ ัตใิ นการลงจาก ฮ.
๗.๑เม่ือถึงพ้นื ท่ีส่งลงเม่ือไดร้ ับคาสัง่ ใหล้ งจากฮ.ใหท้ าการวง่ิ ลงจากฮ.ห่างอยา่ งนอ้ ย ๑๐ เมตร เพื่อ
หมอบหาที่กาบงั และทาการระวงั ป้ องกนั ฮ.ในข้นั ตน้
๗.๒ เมื่อขา้ ศึกโจมตี ณ ตาบลร่อนลง จะตอ้ งระลึกเสมอวา่ จะตอ้ งป้ องกนั ฮ.ไวก้ ่อนจนสุด
ความสามารถ
๗.๓ จะตอ้ งไดร้ ับคาสัง่ ใหล้ งจาก ฮ.ก่อนเสมอจึงจะทาการลง และคาสงั่ หรือสัญญาณการลง
น้นั จะไดร้ ับจากนกั บินหรือ จนท.ประจาเครื่อง
๘. ผงั การบรรทุก

ผนวก ก
ผงั การบรรทุกใน ฮ.ท.๑ ขนส่ง
กาลงั พลของหน่วยภาคพนื้ ดิน จานวน ๗ นาย

10 เมตร

-๔๒-
- แบ่งการข้ึนเคร่ืองเป็ น ๒ ส่วน แต่ละส่วนข้ึนพร้อมกนั แตล่ ะประตู
- ข้ึนตามลาดบั หมายเลขในผงั
- คนที่ ๑ ของแตล่ ะส่วน จะคอยช่วยคนที่ ๒,๓ และ ๔ ของอีกส่วนหน่ึงในการข้ึนเคร่ือง
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การข้ึนในขณะท่ี ฮ.บินลอยตวั เหนือพ้นื (HOVERING)
- นงั่ หนั หนา้ ไปในทิศทางเดียวกนั คือ หวั เครื่อง
- การลงใหล้ งยอ้ นลาดบั หมายเลขและลงประตเู ดิมของตน
หมายเหตุ AC = AIRCRAFT COMMAANDER

P = PILOT
CE = CREW CHILEF
G = GUNNER

ผนวก ข.
ผงั การบรรทุกใน ฮ.ท.๑ ขนส่ง
กาลงั พลของหน่วยภาคพนื้ ดิน จานวน ๘ นาย

- แบง่ การข้ึนเคร่ืองเป็ น ๒ ส่วน แตล่ ะส่วนข้ึนพร้อมกนั แตล่ ะประตู
- ข้ึนตามลาดบั หมายเลขในผงั
- คนท่ี ๑ ของแต่ละส่วน จะคอยช่วยคนที่ ๒,๓ และ ๔ ของอีกส่วนหน่ึงในการข้ึนเครื่อง
โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การข้ึนในขณะท่ี ฮ.บินลอยตวั เหนือพ้นื (HOVERING)

-๔๓-
- นงั่ หนั หนา้ ไปในทิศทางเดียวกนั คือ หวั เครื่อง
- การลงใหล้ งยอ้ นลาดบั หมายเลขและลงประตเู ดิมของตน
หมายเหตุ AC = AIRCRAFT COMMANDER

P = PILOT
CE = CREW CHILEF
G = GUNNER

การยทุ ธเคลอ่ื นทท่ี างอากาศ

๑. การยุทธเคลอื่ นท่ที างอากาศ หมายถึง การยทุ ธท่ีกาลงั รบ และยทุ โธปกรณ์เคล่ือนที่เขา้ สู่สนามรบ
หรือพ้ืนปฏิบตั ิการดว้ ยอากาศยาน โดยมี ผบ.หน่วยกาลงั รบเป็นผบู้ งั คบั บญั ชา
๒. กาลงั เคลอ่ื นทท่ี างอากาศ หมายถึง กาลงั รบและส่วนการบิน
๓. การเลอื กพนื้ ท่ี ในการใชก้ ารยทุ ธเคล่ือนท่ีทางอากาศจะเลือกพ้ืนท่ีที่การระวงั ป้ องกนั นอ้ ยหรือเบา
บาง หรือ พ้ืนท่ีท่ีขา้ ศึกยดึ ครองอยกู่ ็ได้ แต่ตอ้ งทาการโจมตีตดั รอนกาลงั ก่อนดว้ ยการโจมตีทางอากาศ
หรืออาวธุ ปื นใหญ่สนามอยา่ งแน่นหนา
๔. ลกั ษณะของการยุทธจะต้องปฏบิ ัติการด้วย

๔.๑ การจโู่ จม
๔.๒ ออ่ นตวั
๔.๓ พ้นื ที่กวา้ ง
๔.๔ การรักษาเวลา
๔.๕ ความรวดเร็ว
๕. การประกอบกาลงั
๕.๑ กาลงั รบ
๕.๒ หน่วยบิน สมทบแบบควบคุมทางยทุ ธการ
๕.๓ หน่วยสนบั สนุน
๖. ข้อดแี ละข้อเสีย เมื่อเปรียบเทียบกบั การยทุ ธอ่ืน ๆ
๖.๑ ขอ้ ดี

- กาลงั รบสามารถเขา้ ถึงที่หมายไดห้ รือบริเวณที่หมายโดยไมเ่ หนื่อย
- สามารปฏิบตั ิการในพ้ืนท่ีที่เรายงั ไม่เคยเขา้ ไปถึงได้
- สามารถส่งกองหนุนดว้ ยความรวดเร็ว
๖.๒ ขอ้ เสียหรือจุดออ่ น
- เป็นอนั ตรายและล่อแหลมต่อขา้ ศึกในข้นั การลงสู่พ้นื ท่ีรวมพล
- อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ขนาดหนกั ไม่สามารถนาเขา้ เพื่อปฏิบตั ิการได้
- เป็นอนั ตรายต่อยานเกราะขา้ ศึก

-๔๔-
- สภาพอากาศ
๗. หลกั การสงครามทางบก
๗.๑ การบงั คบั บญั ชาและการควบคุม
๗.๒ อานาจการยงิ
๗.๓ การขา่ วกรอง
๗.๔ การติดตอ่ ส่ือสาร
๗.๕ การสนบั สนุนการช่วยรบ
๘. การสนับสนุนของหน่วยบนิ
๘.๑ ข้นั การวางแผน และการประสานกบั ผบ.การยทุ ธ
๘.๑.๑ ทาแผนการเคล่ือนยา้ ยทางอากาศ กาหนดหวั หนา้ ขบวนและลูกหมู่และทีม
ฮ.ติดอาวธุ
๘.๑.๒ แนะนาในการทาแผนบรรทุก การเลือก พท.ส่งลง, พท.บรรทุกและอุปกรณ์
อานวยความสะดวก
๘.๑.๓ ทาแผนการเติม ชพ. และบรรทุกการ Load กระสุน
๘.๑.๔ วางแผนเส้นทางบินไป - บินกลบั และกาหนดจุดควบคุม
๘.๒ เสนอความตอ้ งการเมื่อรู้แผน
๘.๒.๑ เสนอจานวนอากาศยานและประเภทของอากาศยาน
๘.๒.๒ กาหนดเคร่ืองมือ เคร่ืองใชพ้ ิเศษที่ตอ้ งการ
๘.๒.๓ กาหนดเครื่องช่วยในการเดินอากาศ (Path finder )
๘.๒.๔ กาหนดการสนบั สนุนในการซ่อมบารุง
๘.๒.๕ ช้ีแจงขีดความสามารถและสมรรถนะ
๙. การใช้อากาศยาน
ตอ้ งใชก้ าลงั ของหน่วยบิน ทบ.ใหเ้ ต็มขีดความสามารถใหม้ ากท่ีสุดเท่าท่ีจะทาได้ ถา้ ใชแ้ ผน
ที่กาหนดไว้ ผบ.หน่วยภาคพ้ืนจะตอ้ งแจง้ ใหห้ น่วยเหนือทราบโดยเร็วที่สุด
๑๐. การวางแผนการยุทธเคลอ่ื นทที่ างอากาศ
การแผนจะตอ้ งทาการวางแผนยอ้ นกลบั เม่ือกาหนดเวลา น.
๑๐.๑ แผนยทุ ธวธิ ีทางพ้ืนดิน
๑๐.๒ แผนการลง
๑๐.๓ แผนการเคล่ือนยา้ ยทางอากาศ
๑๐.๔ แผนการบรรทุก
๑๐.๕ แผนการปรับกาลงั (จะใชเ้ ม่ือใชห้ น่วยใหญ่)
๑๐.๖ แผนการทางยทุ ธวธิ ี ผทู้ าคือ ฝอ.๓, สธ.๓ ผอู้ นุมตั ิคือ ผบ.การยทุ ธฯ
ลกั ษณะการปฏิบตั ิตอ้ งง่ายและสอดคลอ้ งกบั สถานะการณ์ทางพ้ืนดินในขณะน้นั เป็ นหลกั จะตอ้ งมี
การประสานกนั อยา่ งใกลช้ ิด

-๔๕-
การวางแผนจะวางใหง้ ่าย และมีการซกั ซอ้ ม และตอ้ งกาหนดเวลาในการปฏิบตั ิ, ระวงั
ป้ องกนั , การยงิ สนบั สนุน, การบรรทุกทางพ้ืนดิน, การถอนตวั , การเคลื่อนยา้ ยกาลงั และการวางแผน
สารองเพือ่ ช่วยใหภ้ ารกิจสาเร็จไดง้ ่ายข้ึนจะตอ้ งกาหนดที่หมาย และขอบหนา้ พ้ืนที่การรบและแนวที่
มน่ั รักษาด่านรบ (COPN) หรือจดั กองหนุน
ลกั ษณะของท่ีหมายท่ีกาหนด
ก. สามารถปฏิบตั ิไดส้ าเร็จ
ข. เป็นภมู ิประเทศท่ีสาคญั
ค. เป็นที่หมายที่อยใู่ นขีดความสามารถของหน่วยท่ีไดร้ ับมอบ
ง. ภูมิประเทศเก้ือกลู ซ่ึงจาเป็นในการระวงั ป้ องกนั
หน่วยต่าง ๆ จะตอ้ งรับผดิ ในการยดึ ท่ีหมายภายในเขตของตน และระวงั ป้ องกนั เป็ น พท.และ
ใหบ้ รรลุผลสาเร็จใหเ้ กือบพร้อม ๆ กนั และหน่วยรอง จะตอ้ งเขา้ ตีหลาย ๆ ทิศทางเสมอ
กองหนุน จะตอ้ งนาเขา้ ไปใน พท. ที่หมายดว้ ยเสมอ ในส่วนโจมตีแต่ไม่จาเป็ นจะตอ้ ง ไป
กบั ส่วนโจมตีในเท่ียวบินแรก ๆ เม่ือมีการเคล่ือนยา้ ยหลาย ๆ เท่ียวหรือกองหนุนอาจรออยู่ ณ พท.
บรรทุกพร้อมดว้ ยอากาศยานก็ได้ แต่ตอ้ งสามารถเคลื่อนท่ีไปไดท้ นั ทีท่ีตอ้ งการ การพิจารณา ที่ต้งั
ของกองหนุนควรพจิ ารณา
ก. อยใู่ กล้ พท.ท่ีคิดวา่ หรือคาดวา่ จะใช่
ข. มีเส้นทางการเคล่ือนยา้ ยได้
ค. เป็น พท.ที่ปกปิ ดกาบงั และซ่อนเร้น
ง. คานึงถึงขีดความสามารถของขา้ ศึก
จ. อยใู่ กลก้ บั หน่วยตน้ สงั กดั
ฉ. ขีดความสามารถในการขนส่งทางอากาศ
ช. การกระจายกาลงั ในที่หมาย
การเลือก พท.ส่งลง ตอ้ งใหม้ ีลกั ษณะท่ีตอ้ งการ คือ
ก. อยใู่ กลก้ บั ที่หมายเหนือบริเวณที่หมาย
ข. อยใู่ นระยะยงิ ของอาวธุ ยงิ สนบั สนุน
ค. มีการตา้ นทานขา้ ศึกไมห่ นาแน่น (โดยประมาณการจากการขา่ วกรอง)
พท.ส่งลงเลือกไดจ้ าก
ก. แผนท่ีหรือภาพถ่ายทางอากาศ
ข. การลาดตระเวนทางอากาศ หรือการตรวจการณ์ทางอากาศ
ค. การ ลว. ทางพ้ืนดิน (ไดจ้ ากการ สว.ของเจา้ หนา้ ที่นาทาง)
ผบู้ งั คบั บญั ชาจะตอ้ งนาวธิ ีการท้งั ๓ น้ีมาพิจารณาอยา่ งนอ้ ยตอ้ งพิจารณาจากแผนที่แลว้
องค์ประกอบทต่ี ้องนามาพจิ ารณาในเลอื ก พท.ส่งลง ของเฮลคิ อปเตอร์
๑. ขนาดของ พท.ข้ึนอยกู่ บั ขนาดของ ฮ.ปกติอยรู่ ะหวา่ ง ๒๐ - ๗๕ เมตร
(เส้นผา่ ศนู ยก์ ลาง) แต่ถา้ เป็นการปฏิบตั ิการในเวลากลางคืนก็ตอ้ งการ พท.มากกวา่ กลางวนั

-๔๖-
๒. จานวน ฮ.ที่ใช้ (ฮ.มากตวั ก็ใช้ พท.มาก)
๓. รูปขบวนของ ฮ.ท่ีจะเขา้ มาลง
๔. สภาพของผวิ พ้ืน คือ ดินแขง็ , ไม่มีฝ่ นุ , ทราย และใชแ้ ผน่ สญั ญาณได้
๕. พท.ไม่เป็นลาดชนั มากกวา่ ๑๕ % ควรใหน้ อ้ ยกวา่ ๗ %
๖. ทิศทางเขา้ -ออก ควรใหท้ วนลมถา้ ทาได้ (ลมต้งั แต่ ๑๔ น๊อต ฮ.สามารถลงตามลมได)้
๗. ความสูงแน่น (Density Attitude)
๘. นน.บรรทุก
๙. เครื่องกีดขวาง
การเตรียม พท.ส่งลง เตรียมไดจ้ าก
ก. การสนบั สนุนทางอากาศยทุ ธวธิ ี (TASE)
ข. ปื นใหญ่
ค. ปื นเรือ
ง. ฮ.ติดอาวธุ
จ. โจมตีดว้ ยอาวธุ ยงิ
ฉ. ใชฉ้ ากควนั (Smoke Screen System)

การระวงั ป้ องกนั
การระวงั ป้ องกนั พ้นื ท่ีหมายจะใชก้ ารต้งั รับแบบวงรอบของการต้งั รับเป็นพ้ืนท่ีเป็นหลกั

ก. แผนระวงั ป้ องกนั ที่หมาย ยดึ ที่หมายได,้ ปรับกาลงั หรือวางกาลงั ใหม่ของหน่วยรองนอ้ ยท่ีสุด
ข. แผนการยงิ สนบั สนุน ไดจ้ ากการสนบั สนุนทางอากาศยทุ ธวธิ ี, ปื นใหญ่, ปื นเรือ, ฮ.ติด
อาวธุ (การยงิ ข่ม) ผบ. ตอ้ งวางแผนไวแ้ ละตอ้ งประสานกนั อยา่ งดี

๑. การยงิ ของ ป. ยงิ แบบเมื่อเรียกหรือยงิ ตามกาหนดเวลา ป.อาจเคลื่อนยา้ ยเขา้ ไปใน
บริเวณที่หมายไดเ้ พือ่ รักษาท่ีมนั่ รักษาด่านรบ

๒. การเพิม่ เติมการยงิ สนบั สนุน จะตอ้ งวางแผนการยงิ สนบั สนุนของ ป.เรือ
เพ่ิมเติมการยงิ สนบั สนุนของ ป.

๓. การสนบั สนุนทางอากาศยทุ ธวธิ ี ไดแ้ ก่ การคุม้ กนั ทางอากาศตามเส้นทางถึงที่
หมาย (ป้ องกนั อากาศยานขา้ ศึก) ผบ.ตอ้ งวางแผนการโจมตีทางอากาศต่อตา้ นกาลงั รบของขา้ ศึกไวด้ ว้ ย

๔. การยิงของหน่วยบิน ใช้อานาจในการยิงข่ม ระหวา่ งการเคลื่อนยา้ ยและการลงพ้ืน
ผบ.หน่วยบิน เป็นผวู้ างแผน

แผนการบรรจบทางพนื้ ดิน
เป็นการบรรจบของกาลงั รบเคลื่อนท่ีทางอากาศกบั กาลงั รบทางพ้ืนดิน ก่อน การบรรจบ ๒

หน่วยจะตอ้ งประสานกนั ในเรื่อง
๑. การมอบอานาจในการบงั คบั บญั ชา เม่ือบรรจบแลว้ จะใหใ้ ครเป็น ผบ.
๒. การบอกพวก (ปลอกแขน, พลุสัญญาณ, เครื่องหมายยานพาหนะ และแผน่ สัญญาณ)
๓. การติดตอ่ สื่อสาร การจดั ขา่ ย, การแลกเปลี่ยนสัญญาณเรียกขาน แจกวทิ ยุ

-๔๗-

๔. การกาหนดจุดบรรจบ, เป้ าหมาย, เส้นแบ่งเขตและเส้นแกนการรุก

๕. การประสานการยิง กาหนด FCL (แนวประสานการยิง) ร่วมกนั ในกรณีที่ตอ้ งโจมตี

ดว้ ยมุมใหญ่, การยิงดว้ ยอาวธุ วถิ ีราบ, การโจมตีทางอากาศเชิงรุก FCL ควรจะกาหนดใหผ้ า่ น

ลกั ษณะภูมิประเทศที่สาคญั ท้งั ทางพ้ืนดินและทางอากาศ ถา้ จะยิงขา้ ม FCL จะตอ้ งประสานกนั อีก

NFL (No fire line) ป้ องกนั การยิงดว้ ยมุมใหญ่แก่อาวธุ สนบั สนุนตนเอง เม่ือ NFL กบั FCL การยงิ

ดว้ ยมุมใหญจ่ ะตอ้ งกวดขนั กนั อีก

การติดตอ่ ส่ือสาร ๒ แผน ตอ้ งทาแผนสารองดว้ ย

- ขา่ ยพ้นื ดิน – อากาศ

- อากาศ - อากาศ

๑๐.๒ แผนการลง หน่วยรบทาโดย ผบ.หน่วยบินให้การเสนอแนะในการกาหนดลาดบั ,เวลาในการ

ลงและการควบคุม การท่ีจะลงสู่พ้นื พร้อมกนั หรือไม่พร้อมข้ึนอยกู่ บั ขนาดของ พท.ส่งลง

- หน่วยที่จะเขา้ ยดึ ท่ีหมายท่ีสาคญั จะตอ้ งลงเที่ยวแรก

- การส่งกาลงั เพม่ิ เติมหรือยทุ โธปกรณ์จะตอ้ งระงบั เพราะอาจเสียผลในการจู่โจมข้นั แรก

-การควบคุมการจราจรทางอากาศ ถา้ มีภารกิจของ Path finder ก็เห็นหนา้ ที่ของ Path finder ถา้ ไม่

มีใชห้ น่วยบินเป็นผคู้ วบคุมการลง

๑๐.๓ แผนการเคล่ือนยา้ ยกาลงั ทางอากาศ

หน่วยบินเป็นผวู้ างแผน ผบ.หน่วยรบเป็นผอู้ นุมตั ิ จะมีรายละเอียดจะมีในเรื่อง

๑๐.๓.๑ แผนผงั เส้นทางบิน ไดแ้ ก่ ข่ายเส้นทางบินเป็ นส่วนหน่ึงของคาส่ังยุทธการหรือเป็ น

ผนวกคาสงั่ ยทุ ธการ จะประกอบดว้ ย

พท.บรรทุก จุดเริ่มตน้ จุดควบคุมอากาศ จุดปล่อย พท.ส่งลง

(Loading Area) (IP) (ACP) (RP) (D/LZ)

การเลือกเส้นทางบินจะตอ้ งหลีกเลี่ยงที่ต้งั ขา้ ศึกท่ีแขง็ แรง, ให้เกิดผลในการลวงมีภูมิประเทศ

เก้ือกลู ,กาลงั ลงไดใ้ กลท้ ่ีหมาย, มีเส้นทางบินไดห้ ลาย ๆ ทาง

๑๐.๓.๒ เส้นทางไป - เส้นทางกลบั จะตอ้ งพิจารณาวา่ เส้นทางใดเขา้ ใกลท้ ี่หมายมากท่ีสุด

หรือลงไดห้ ลาย ๆ ขบวนใหล้ ดความล่อแหลมต่อขา้ ศึก

๑๐.๓.๓ ขีดความสามารถในการยิงสนบั สนุน ไดแ้ ก่ ป. ฮ.โจมตีการสนบั สนุนทางอากาศ

ยทุ ธวธิ ี

๑๐.๓.๔ การยิงฝ่ ายเดียวกนั จะตอ้ งมีการประสานการใชห้ ้วงอากาศก่อนที่จะเริ่มปฏิบตั ิการ

หรือกาหนดเวลา

๑๐.๓.๕ เดินอากาศไดง้ ่ายมีจุด ACP มาก ๆ

เส้นทางบินสารอง จะใชเ้ มื่อ

๑. ข่าวกรองเกี่ยวกบั สภาพอากาศ, ขา้ ศึก, ภูมิประเทศในนาทีสุดทา้ ย

๒ การเปล่ียนแปลงแผนทางการยงิ

๓. การเปล่ียนแปลงแผนการยงิ


Click to View FlipBook Version