The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชาสุขศึกษา ป.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-06-16 23:27:32

วิชาสุขศึกษา ป.2

วิชาสุขศึกษา ป.2

หนังสือเรย� น รายวช� าพนื้ ฐาน

สขุ ศึกษา ป. 2

ชั�นประถมศึกษาปท‚ ี่ 2
กลม‹ุ สาระการเรย� นรสŒู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข�นั พนื้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551

ผเู รยี บเรยี ง
ดร.ประกิต หงษแ สนยาธรรม กศ.บ., กศ.ม., ปร.ด.

ผศ.วรรณา พทิ กั ษศ านต กศ.บ., กศ.ม.

ผตู รวจ
ดร.สุเพยี ร โภคทิพย พย.บ., วท.ม., ปร.ด.

นางชลช�น แสนใจกลา พย.บ., สธ.ม.
นางหทยั ฉฐั ภมู ิภาค กศ.บ., กศ.ม.

บรรณาธิการ
นางสาวพัชราภรณ โจมพี ร กศ.บ., บธ.ม.

นางสาวปทมา จันทรขาํ ศศ.บ.

หนังสือเรย� น รายว�ชาพืน้ ฐาน

สุขศกึ ษา ป. 2

ชน�ั ประถมศึกษาปท‚ ่ี 2
กลุ‹มสาระการเร�ยนรŒูสขุ ศึกษาและพลศึกษา
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั�นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

ผูเรียบเรียง
ดร.ประกิต หงษแสนยาธรรม
ผศ.วรรณา พิทักษศ านต

ผูตรวจ
ดร.สุเพยี ร โภคทิพย
นางชลช�น แสนใจกลา
นางหทยั ฉัฐ ภูมิภาค

บรรณาธกิ าร
นางสาวพชั ราภรณ โจมพี ร
นางสาวปท มา จันทรขํา

ISBN 978-616-8047-52-1

บรษิ ทั กรพัฒนายง่ิ จาํ กดั
เลขที่ 23/34–35 ชน้ั 3 หอ ง 3B
ถนนตรีมติ ร แขวงตลาดนอ ย เขตสัมพนั ธวงศ
กรุงเทพฯ 10100

คาํ นํา

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 เล่มน้จี ัดทําขน้ึ ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สําหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยมี
เป้าหมายให้นักเรียนและครูใช้เป็นส่ือในการจัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ทกี่ าํ หนดไวใ้ นหลกั สตู ร และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พฒั นานกั เรยี น
ให้มสี มรรถนะสําคัญตามที่ต้องการทัง้ ในดา้ นการสื่อสาร การคิด การแกป้ ญั หา การใชท้ ักษะชวี ิต
และการใช้เทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนานักเรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทําประโยชน์ให้
สังคม เพื่อให้สามารถอย่รู ่วมกับผอู้ ่ืนในสังคมไทยและสงั คมโลกได้อยา่ งมีความสขุ

ในการจัดทําหนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน สขุ ศึกษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 คณะผูจ้ ดั ทาํ ซึง่
เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาและการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ ได้ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 อยา่ งลกึ ซึง้ ท้ังดา้ นวสิ ยั ทศั น์ หลกั การ จุดหมาย สมรรถนะสาํ คัญ
ของผ้เู รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั ของสาระการเรียนรู้
แกนกลาง แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แลว้ จงึ นาํ องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดม้ าออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ แตล่ ะ
หน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วยมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดช้ันปี สาระการเรียนรู้ ประโยชน์จาก
การเรยี น และคาํ ถามชวนคดิ (คาํ ถามนาํ สกู่ ารเรยี นร)ู้ เนอื้ หาสาระแตล่ ะเรอ่ื งแตล่ ะหวั ขอ้ นานา นา่ รู้
กจิ กรรมเรียนรู้...สู่ปฏิบตั ิ (กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน) แหลง่ สบื ค้นความรู้ บทสรปุ หนว่ ยการเรยี นรู้
กิจกรรมเสนอแนะ โครงงาน การประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจําวัน และคําถามประจําหนว่ ยการเรียนรู้
นอกจากนที้ า้ ยเล่มยงั มีบรรณานกุ รม และคาํ อภิธานศพั ท์ ซึง่ องค์ประกอบของหนังสอื เรียนเหล่านี้
จะช่วยส่งเสรมิ ให้นักเรียนเกิดการเรยี นรู้อย่างครบถว้ นตามหลกั สูตร

การเสนอเนือ้ หาและออกแบบกิจกรรมในหนงั สอื เรยี นเล่มนี้ ไดจ้ ัดทาํ ข้ึนโดยยึดแนวคดิ การ
จัดการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ โดยคํานึงถึงศักยภาพของนักเรียน เน้นการเรียนรู้แบบ
องค์รวมบนพ้ืนฐานของการบูรณาการแนวคิดทฤษฎีทางการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย
เชน่ การเรยี นรโู้ ดยใชส้ มองเปน็ ฐาน พหปุ ญั ญา การใชค้ าํ ถามแบบหมวกความคดิ 6 ใบ การเรยี นรู้
แบบประสบการณ์และท่ีเน้นการปฏิบัติ การเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นต้น จัดการเรียนรู้แบบ
บรู ณาการ เนน้ ใหน้ กั เรยี นสรา้ งองคค์ วามรดู้ ว้ ยตนเอง มงุ่ พฒั นาการคดิ และพฒั นาการเรยี นรทู้ ี่
สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองและพัฒนาการทางร่างกายของนักเรียน อันจะช่วยให้นักเรียน
เกดิ การเรียนรู้อยา่ งสมบูรณ์และสามารถนําไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาํ วันได้

หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่า หนังสือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 เล่มน้ี
จะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้ด้านทักษะกระบวนการทางสุขศึกษาได้เป็นอย่างดี
และสนับสนุนการปฏิรูปการเรียนรู้ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และแกไ้ ขเพ่ิม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545

คณะผูจ้ ัดทาํ

คําชแ้ี จง

หนังสอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศึกษา ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 เล่มนไ้ี ดอ้ อกแบบหน่วยการ
เรยี นรู้ให้แตล่ ะหนว่ ยการเรียนรูป้ ระกอบดว้ ย

1. มาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับนักเรียนเม่ือจบการศึกษาใน
หนว่ ยการเรียนร้นู ้ัน ๆ หรือเมื่อจบการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน

2. ตวั ชว้ี ดั ชน้ั ปี เปน็ เปา้ หมายในการพฒั นานกั เรยี นใหไ้ ดร้ บั และปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้
ซง่ึ สอดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้ มรี หสั ของมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั ช้ันปกี ำกับไวห้ ลัง
ตัวชวี้ ดั ชั้นปี เชน่ พ 1.1 ป. 2/1 (รหสั แต่ละตัวมีความหมายดงั น้ี พ คือ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
สุขศึกษาและพลศึกษา 1.1 คือ สาระท่ี 1 มาตรฐานการเรียนร้ขู ้อที่ 1 ป. 2/1 คือ ตัวชว้ี ดั ชนั้
ประถมศึกษาปีที่ 2 ขอ้ ที่ 1)

3. สาระการเรียนรู้ เปน็ การนำเสนอขอบขา่ ยเนื้อหาท่นี กั เรียนจะไดเ้ รียนร้ใู นระดับชน้ั น้นั ๆ
4. ประโยชนจ์ ากการเรยี น นำเสนอไว้เพือ่ กระตุ้นให้นักเรยี นนำความรู้ ทกั ษะจากการเรียน
ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน
5. คำถามชวนคิด (คำถามนำสู่การเรียนรู้) เป็นคำถามหรือสถานการณ์เพ่ือกระตุ้นให้
นกั เรยี นเกิดความสงสยั และสนใจทีจ่ ะค้นหาคำตอบ
6. เนอ้ื หา เปน็ เนอ้ื หาทต่ี รงตามสาระ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ชน้ั ปี และสาระการเรยี นรู้
แกนกลาง โดยแบง่ เนอ้ื หาเป็นช่วง ๆ แล้วแทรกกิจกรรมพฒั นาการเรยี นรทู้ ่ีพอเหมาะกบั การเรยี น
รวมทงั้ มีการนำเสนอด้วยภาพ ตาราง แผนภมู ิ และแผนท่คี วามคิด เพ่อื เปน็ ส่ือให้นกั เรียนสรา้ ง
ความคดิ รวบยอดและเกิดความเข้าใจทคี่ งทน
7. นานา น่ารู้ (ความรู้เสรมิ หรอื เกรด็ ความร)ู้ เปน็ ความรเู้ พอ่ื เพิม่ พูนให้นักเรียนมีความรู้
กวา้ งขวางขึ้น โดยคัดสรรเฉพาะเรือ่ งทน่ี กั เรียนควรรู้
8. กจิ กรรมเรียนร้.ู ..สปู่ ฏบิ ตั ิ (กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นร)ู้ เปน็ กจิ กรรมท่ีกำหนดไว้เม่อื จบ
เนอ้ื หาแต่ละตอนหรอื แต่ละหวั ข้อ เป็นกจิ กรรมทีห่ ลากหลาย ใช้แนวคิดทฤษฎตี ่าง ๆ ท่ีสอดคลอ้ ง
กบั เน้ือหา เหมาะสมกับวัย และพัฒนาการด้านตา่ ง ๆ ของนักเรยี น สะดวกในการปฏิบตั ิ กระตุน้
ใหน้ ักเรียนไดค้ ิด และสง่ เสรมิ ใหศ้ ึกษาคน้ ควา้ เพ่มิ เตมิ มคี ำถามเป็นการตรวจสอบผลการเรยี นรู้
ของนักเรียน ได้ออกแบบกิจกรรมไว้อย่างหลากหลาย และมีมากเพียงพอท่ีจะพัฒนาให้นักเรียน
เกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมายของหลักสูตร โดยครูผู้สอน/นักเรียนสามารถนำกิจกรรมดังกล่าวมา
ใชปฏบิ ตั ิในชว งกจิ กรรมลดเวลาเรียนเพ่มิ เวลารไู ด

9. แหลง่ สบื คน้ ความรู้ เปน็ แหลง่ การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ ตามความเหมาะสม เชน่ เวบ็ ไซต์ หนงั สอื
สถานที่ หรือบุคคล เพื่อให้นกั เรยี นศกึ ษาคน้ คว้าเพิ่มเติมใหส้ อดคล้องกบั เร่ืองที่เรยี น

10. บทสรุปหน่วยการเรียนรู้ ได้จัดทำบทสรุปเป็นผังมโนทัศน์ (concept map) เพ่ือให้
นักเรียนได้ใช้เป็นบทสรปุ ทบทวนความรู้ โดยวธิ ีการจนิ ตภาพจากผงั มโนทัศนท์ ีไ่ ดส้ รปุ เนื้อหาท่ไี ด้
จัดทำไว้

11. กจิ กรรมเสนอแนะ เปน็ กจิ กรรมบรู ณาการทกั ษะทร่ี วมหลกั การและความคดิ รวบยอดใน
เรอื่ งตา่ ง ๆ ทีน่ กั เรียนได้เรยี นรู้ไปแลว้ มาประยกุ ตใ์ ช้ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม

12. โครงงาน เปน็ ขอ้ เสนอแนะในการกำหนดใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั โิ ครงงาน โดยเสนอแนะหวั ขอ้
โครงงานและแนวทางการปฏิบัติโครงงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปีของ
หนว่ ยการเรียนรนู้ ้นั เพอ่ื พฒั นาทักษะการคดิ การวางแผน และการแก้ปญั หาของนกั เรยี น

13. การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั เปน็ กจิ กรรมทเ่ี สนอแนะใหน้ กั เรยี นไดน้ ำความรู้ ทกั ษะ
ในการประยุกต์ความร้ใู นหนว่ ยการเรยี นร้นู ้นั ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั

14. คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้ เป็นคำถามท่ีต้องการให้นักเรียนได้สะท้อนความคิดใน
เนือ้ หาทไี่ ดศ้ กึ ษา โดยเนน้ การนำหลักการตงั้ คำถามสะท้อนคิด (RCA) มาจดั เรียงเปน็ คำถามตาม
เนือ้ หาที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้

15. บรรณานกุ รม เป็นรายชื่อหนังสือ เอกสาร หรอื เวบ็ ไซตท์ ่ใี ชค้ ้นคว้าอ้างองิ ประกอบการ
เรยี บเรียงเนื้อหาความรู้

16. คำอภิธานศพั ท์ เป็นการนำคำสำคญั ที่แทรกอย่ตู ามเนื้อหามาอธบิ ายให้ความหมาย และ
จัดเรยี งตามลำดบั ตัวอกั ษร เพ่อื ความสะดวกในการคน้ คว้า

สารบัญ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรียนรู้ตวั เรา.........................................................1–15
 มาตรฐานการเรียนรู้ .......................................................................... 1
 ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี .................................................................................... 1
 สาระการเรยี นรู้................................................................................ 1
 ประโยชน์จากการเรยี น ...................................................................... 1
 คำถามชวนคดิ ................................................................................. 1

1. อวัยวะภายใน ............................................................................ 2
1.1 สมอง............................................................................................ 2
1.2 หัวใจ ............................................................................................ 3
1.3 ปอด ............................................................................................. 4
1.4 ตับ ............................................................................................... 5
1.5 ไต ................................................................................................ 6
1.6 กระเพาะอาหารและลำไส้ ................................................................. 7

2. ธรรมชาติของชีวติ มนษุ ย์............................................................... 9
2.1 วงจรชีวิตมนุษย์.............................................................................. 9
2.2 ธรรมชาตติ ามวัย........................................................................... 11

บทสรปุ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1...............................................................13
กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................14
โครงงาน ......................................................................................14
การประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวัน..........................................................15
คำถามประจำหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 .......................................................15
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ชีวติ และครอบครวั ............................................... 16–28
 มาตรฐานการเรียนรู้ .........................................................................16
 ตวั ชีว้ ัดชนั้ ปี ...................................................................................16
 สาระการเรยี นรู้...............................................................................16
 ประโยชนจ์ ากการเรียน .....................................................................16
 คำถามชวนคดิ ................................................................................16
1. ครอบครวั ของเรา.......................................................................17

1.1 สมาชิกในครอบครัว ...................................................................... 17
1.2 บทบาทและหน้าท่ขี องสมาชิกในครอบครวั ........................................ 18

2. เพอื่ น.....................................................................................20
2.1 ความหมายของเพื่อน..................................................................... 20
2.2 ความสำคญั ของเพอื่ น.................................................................... 21

3. พฤติกรรมทเี่ หมาะสมกบั เพศ .........................................................22
3.1 ความเปน็ สภุ าพบรุ ุษ ...................................................................... 22
3.2 ความเป็นสุภาพสตรี ...................................................................... 23

4. ความภมู ใิ จในเพศของตน............................................................24
4.1 ความภูมใิ จในความเปน็ เพศชาย...................................................... 24
4.2 ความภูมใิ จในความเป็นเพศหญิง .................................................... 24

บทสรุปหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2...............................................................26
กิจกรรมเสนอแนะ...........................................................................27
โครงงาน ......................................................................................27
การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน..........................................................28
คำถามประจำหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 .......................................................28
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ ...................................................... 29–46
 มาตรฐานการเรยี นรู้ .........................................................................29
 ตัวชี้วัดช้ันปี ...................................................................................29
 สาระการเรียนรู้...............................................................................29
 ประโยชน์จากการเรียน .....................................................................29
 คำถามชวนคดิ ................................................................................29
1. สขุ ภาพดี.................................................................................30

1.1 ความหมายและความสำคญั ของสขุ ภาพ .......................................... 30
1.2 ลักษณะของบุคคลทม่ี ีสุขภาพดี ...................................................... 31
2. อาหารที่มีประโยชน์....................................................................32
2.1 ความหมายและความสำคญั ของอาหาร............................................. 33
2.2 การเลือกกนิ อาหารท่มี ีประโยชน์...................................................... 33
2.3 การหลกี เลยี่ งอาหารที่ไมม่ ปี ระโยชน์................................................ 35
3. ของเลน่ และของใช้ ....................................................................36
3.1 ความหมายและลกั ษณะของของเลน่ ................................................ 36
3.2 ความหมายและลักษณะของของใช้.................................................. 37
4. การป้องกันการเจ็บปว่ ยและการเกดิ การบาดเจบ็ ...................................39
4.1 การเจ็บป่วยจากไขห้ วดั .................................................................. 39
4.2 การเจบ็ ปว่ ยจากอุจจาระร่วง ........................................................... 40
4.3 การบาดเจ็บจากบาดแผล ............................................................... 40
บทสรุปหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3...............................................................43

กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................45
โครงงาน ......................................................................................45
การประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำวัน..........................................................46
คำถามประจำหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 .......................................................46
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 ชวี ติ ปลอดภยั ..................................................... 47–69
 มาตรฐานการเรยี นรู้ .........................................................................47
 ตัวชวี้ ัดชัน้ ปี ...................................................................................47
 สาระการเรียนรู้...............................................................................47
 ประโยชนจ์ ากการเรยี น .....................................................................47
 คำถามชวนคิด................................................................................47
1. อุบตั ิเหตุทางน้ำและทางบก ............................................................48

1.1 สาเหตุของการเกิดอุบตั ิเหตทุ างน้ำและทางบก ................................... 48
1.2 การปอ้ งกันอบุ ัตเิ หตุทางน้ำ ............................................................. 49
1.3 การปอ้ งกันอบุ ัตเิ หตทุ างบก ............................................................ 49
2. ยาสามัญประจำบา้ น ...................................................................52
2.1 ตวั อยา่ งยาสามัญประจำบ้านสำหรับกนิ ............................................ 52
2.2 ตัวอย่างยาสามัญประจำบ้านสำหรบั ใช้ภายนอก................................. 55
3. สารเสพติดและสารอันตราย...........................................................56
3.1 สารเสพติด................................................................................... 56
3.2 สารอนั ตราย ................................................................................. 58
4. เครอื่ งหมายเตือนอันตราย.............................................................60
• ตวั อยา่ งเครอื่ งหมายเตือนอันตราย..................................................... 60
5. การปอ้ งกันอคั คภี ัย.....................................................................61
5.1 สาเหตขุ องการเกิดอัคคีภัย ............................................................. 62
5.2 การปอ้ งกนั อคั คีภัยและการหนีไฟ ................................................... 62
บทสรปุ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4...............................................................66
กิจกรรมเสนอแนะ...........................................................................68
โครงงาน ......................................................................................68
การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั ..........................................................69
คำถามประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 .......................................................69
 บรรณานุกรม .................................................................................70
 คำอภิธานศพั ท์ ...............................................................................71

เรียนรู้ตวั เรา 1หน�วยการเร�ยนรูทŒ ่ี

มาตรฐานการเรย� นรูŒ

พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์

ตัวชี้วัดช�นั ป‚

1. อธิบายลักษณะและหนา้ ทข่ี องอวัยวะภายใน (พ 1.1 ป. 2/1)
2. อธบิ ายวิธีดแู ลรกั ษาอวัยวะภายใน (พ 1.1 ป. 2/2)
3. อธบิ ายธรรมชาตขิ องชวี ติ มนุษย ์ (พ 1.1 ป. 2/3)

สาระการเร�ยนรูŒ

1. อวยั วะภายใน
2. ธรรมชาติของชวี ิตมนษุ ย์

ประโยชนจ์ ากการเรยี น คาํ ถามชวนคิด

เขา้ ใจลักษณะ หน้าที่ และวธิ ีการดูแล นกั เรยี นคดิ วา่ ถา้ ทกุ คนในโลกมอี ายสุ น้ั
รักษาอวัยวะภายในร่างกายให้คงสภาพ หรอื ชวี ติ ไม่ยนื ยาวจะเกดิ อะไรขึ้น
การทา� งานทด่ี ี และเขา ใจธรรมชาตขิ องชวี ติ
มนุษย์

2 หนงั สอื เรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

การเรียนรู้และเข้าใจตนเองมีความส�าคัญต่อการพัฒนาสุขภาพ
และการเจริญเติบโต โดยเฉพาะการเรียนรู้เร่ืองอวัยวะภายในร่างกาย
และการดแู ลรกั ษา ตลอดจนความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ธรรมชาตขิ องชวี ติ มนษุ ย ์

1. อวัยวะภายใน

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรียน

รูห้ รอื ไม่ อวัยวะใดของร่างกายทีม่ ีรูปรา่ งคลา้ ยดอกบวั ตูม

อวัยวะภายใน หมายถึง อวัยวะที่อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเราไม่
สามารถมองเหน็ และจบั ตอ้ งได ้ เช่น สมอง หวั ใจ ตบั ไต ปอด ลา� ไส ้
กระเพาะอาหาร

1.1 สมอง

สมองเป็นอวัยวะที่มีลักษณะเป็นก้อน บรรจุอยู่ภายในกะโหลก
ศีรษะ ผวิ ของเน้อื สมองมลี กั ษณะเปน็ ลูกคล่นื หรอื รอยหยัก
สมองมหี นา้ ทสี่ า� คญั ในการควบคมุ และสง่ั การการทา� งานของรา่ งกาย
รวมทง้ั การคดิ การจดจ�า และรบั ความรสู้ กึ ตา่ ง ๆ
การดแู ลรกั ษาสมอง
เราสามารถดูแลรักษาสมองใหท้ า� งานได้อยา่ งเปน็ ปกติ ดงั น้ี
1) กินอาหารเชา้ ทกุ วัน อาหารที่ช่วยบา� รุงสมอง ไดแ้ ก ่ เน้อื ปลา
ไข ่ นม

หนงั สือเรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2 3

2) ออกก�าลงั กายสม่�าเสมอ
3) นอนหลบั พกั ผอ่ นอยา่ งเพยี งพอ
ประมาณวนั ละ 8–10 ช่วั โมง
4) อยใู่ นทที่ มี่ อี ากาศถา่ ยเทสะดวก
สง่ ผลดตี อ่ การทา� งานของสมอง
5) ด่ืมน้�าสะอาดอย่างน้อยวันละ
ตำแหน่งของสมอง 6–8 แก้ว
6) ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
ตา่ ง ๆ ทีอ่ าจสง่ ผลกระทบกระเทอื นตอ่ ศีรษะและสมอง เชน่ การวงิ่ เลน่
แล้วศีรษะชนกบั เพ่อื น
7) ฝก สมองใหม้ กี ารคิด การจดจา� ทดี่ ี เชน่ การคิดค�านวณเลข

1.2 หวั ใจ ตำแหน่งของหวั ใจ

หวั ใจของคนเรามลี กั ษณะคลา้ ยดอกบวั ตมู
ตั้งอยู่บริเวณทรวงอกทางซีกซ้ายระหว่างปอด
ทง้ั 2 ขา้ ง มหี นา้ ทส่ี บู ฉดี เลอื ดไปเลยี้ งสว่ นตา่ ง ๆ
ของรา่ งกาย
หวั ใจแบ่งออกเปน็ 4 หอ้ ง ประกอบด้วย
ห้องบน 2 ห้อง และห้องลา่ ง 2 หอ้ ง

นานา น่ารู้

หัวใจของแต่ละคน โดยเฉล่ียมีขนาดเทา่ กบั กำ ปนั ของตนเอง

4 หนังสือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน สุขศึกษา ป. 2

การดแู ลรักษาหัวใจ
เราสามารถดูแลรักษาหวั ใจใหท้ า� งานไดอ้ ยา่ งเปน็ ปกต ิ ดังนี้
1) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ท้งั 3 มื้อ
2) ออกกา� ลงั กายสมา�่ เสมอ ชว่ ยใหร้ า่ งกายแขง็ แรงและสบู ฉดี เลอื ด
ไดด้ ี
3) พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ เพอ่ื ใหห้ วั ใจไดผ้ อ่ นคลายความเหนด็ เหนอื่ ย
4) ระวังอยา่ ใหข้ องแขง็ กระแทกหนา้ อก
5) ท�าจิตใจใหร้ ่าเริงเบิกบาน ไมเ่ ครียดจนเกินไป

กิจกรรมเรียนรู.้ ..สปู่ ฎบิ ัติ

• เพอ่ื ความเข้าใจท่ีคงทนใหน้ กั เรียนปฏิบัติกิจกรรมต่อไปนี้
นกั เรยี นเขยี นแผนทคี่ วามคดิ สรปุ ความเขา้ ใจเรอ่ื ง สมองและหวั ใจ แลว้
แสดงความคิดเหน็ ร่วมกบั เพ่อื น ๆ ในช้ันเรียน

1.3 ปอด
ปอดเป็นอวยั วะทมี่ ลี ักษณะคลา้ ยฟองน้�า ยดื หยนุ่ ได้ มีอย ู่ 2 ขา้ ง
ต้ังอยู่บริเวณด้านซ้ายและขวาของช่องอก มีหน้าที่เกี่ยวกับการหายใจ
ของคนเรา ภายในปอดประกอบด้วยหลอดเลือดฝอยและถุงลมปอด
ที่ท�าหน้าท่ีแลกเปลี่ยนแกสโดย
หายใจเขา้ เอาออกซเิ จน และหายใจ
ออกขับคารบ์ อนไดออกไซด์
ปถอุงดลมปอด

ตำแหนง่ ของปอด

หนังสอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน สุขศึกษา ป. 2 5

การดูแลรกั ษาปอด
เราสามารถดแู ลรกั ษาปอดให้ทำ งานได้อย่างเปน็ ปกติ ดงั นี้
1) อยใู่ นบริเวณท่มี อี ากาศบริสทุ ธิ ์ ไม่อย่ใู นทีแ่ ออดั นาน ๆ
2) ไมส่ วมเสอื้ ทร่ี ดั แนน่ จนเกนิ ไป เพราะอาจทำ ใหห้ ายใจไมส่ ะดวก
3) รักษารา่ งกายใหอ้ บอุ่นอยู่เสมอ เพือ่ ปองกนั โรคปอดบวมและ
โรคไข้หวัด
4) ไมอ่ ยูใ่ กลผ้ ปู้ ว่ ยทเ่ี ปน็ โรคปอด เพราะอาจทำ ให้เราตดิ โรคได้
5) ออกก�าลงั กายสม่า� เสมอ ช่วยให้ปอดแข็งแรง

1.4 ตับ

ตบั เปน็ อวยั วะภายในทมี่ ขี นาดใหญท่ สี่ ดุ มลี กั ษณะเปน็ กลบี 2 กลบี
ขนาดไม่เทา่ กนั ต้งั อยบู่ ริเวณส่วนบนของช่องท้องด้านขวา ตบั มหี นาที่
ส�าคญั หลายประการ ไดแ้ ก ่ สร้างน�า้ ด ี เพ่ือชว่ ยย่อยและดดู ซมึ อาหาร
ประเภทไขมนั ก�าจัดสารพิษทีม่ ากับเลอื ด อีกทง้ั ตับยังเปน็ แหลง่ สะสม
ธาตุเหล็ก

ตำแหน่งของตับ การดแู ลรักษาตบั
เราสามารถดูแลรักษาตับให้ท�างานได้
อยา่ งเป็นปกติ ดงั น้ี
1) กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเล่ียง
อาหารทขี่ น้ึ รา ไมด่ มื่ สรุ า
2) นอนหลบั พักผ่อนให้เพยี งพอ ช่วย
ให้ตับฟน ฟูสภาพได้ดี
3) ออกก�าลังกายสม่�าเสมอ ช่วยให้ตับ
ท�างานไดอ้ ยา่ งปกติ

6 หนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2

1.5 ไต ไกตระเพาะ
ปัสสาวะ
ไตเปน็ อวยั วะทมี่ ลี กั ษณะคลา้ ย
กบั เมลด็ ถว่ั แดง ตงั้ อยบู่ รเิ วณ 2 ขา้ ง
ซ้ายและขวาของกระดูกสันหลังทาง
ดา้ นหลงั บริเวณเหนอื เอว ไตมีหน้าท่ี
กรองของเสยี ออกจากเลือด แลว้ ขับ
ของเสียออกจากร่างกายในรูปของ
ปสั สาวะ

การดูแลรกั ษาไต
เราสามารถดแู ลรกั ษาไตใหท้ า� งานไดอ้ ยา่ งเป็นปกติ ดงั น้ี
1) ดม่ื นา้� ใหเ้ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย วนั ละประมาณ
6–8 แกว้ เพอ่ื ช่วยให้ไตขบั ของเสียไดด้ ี
2) ไม่กินอาหารรสเค็มจัด เพราะจะท�าให้ร่างกายต้องการดื่มน้�า
มากซึ่งจะไปกระตุ้นใหไ้ ตทา� งานหนักขน้ึ
3) ขณะเล่นกีฬาหรือออกก�าลังกายไม่ควรให้ของแข็งกระทบ
บริเวณเอว
4) ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนาน ๆ เพราะจะทา� ให้เกิดการอักเสบของ
กระเพาะปัสสาวะ
5) เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายปัสสาวะควรบอกพ่อ
แม่ให้พาไปพบแพทย์

หนงั สอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2 7

1.6 กระเพาะอาหารและลาํ ไสŒ
กระเพาะอาหารมลี กั ษณะ
เป็นถุง ต้ังอยู่บริเวณช่องท้อง
ส่วนบนทางด้านซ้ายเป็นท่ีพัก
อาหารและมีหน้าที่ย่อยอาหาร
กอ่ นสง่ ตอ่ ไปท่ลี �าไส้เล็ก
ลา� ไสม้ ลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ยาว กอารหะเาพราะ
ขดอยใู่ นชอ่ งทอ้ ง ประกอบดว้ ย ลำ ไส้เล็ก

ลา� ไสเ้ ลก็ และลา� ไสใ้ หญ่ ลำ ไส้ใหญ่

ล�าไส้เล็กมีหน้าท่ีในการ ตำแหนง่ ของกระเพาะอาหาร
ย่อยและดูดซึมอาหาร ส่วน ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่
ลา� ไสใ้ หญม่ หี นา้ ทดี่ ดู ซมึ นา�้ ออก
จากกากอาหารท่ผี า่ นการย่อยแลว้ และขับถ่ายออกมาในรูปของอุจจาระ
การดูแลรกั ษากระเพาะอาหารและลา� ไส ้
เราสามารถดูแลรักษากระเพาะอาหารและล�าไส้ให้ท�างานได้อย่าง
เป็นปกต ิ ดงั นี้
1) กินอาหารในปริมาณที่พอดีและให้ตรงเวลาทุกม้ือ
2) ไมก่ ินอาหารรสเปรี้ยวจดั เค็มจัด หรอื เผ็ดจดั
3) กินอาหารที่สะอาดและสุกใหม ่ ๆ ปอ งกันโรคอจุ จาระร่วง
4) ก่อนกลนื อาหารต้องเคยี้ วให้ละเอียดเสยี ก่อน
5) ขบั ถา่ ยอจุ จาระทกุ วัน ไม่ปล่อยให้ทอ้ งผกู บอ่ ย ๆ
6) ไม่ด่มื น�า้ อัดลมเพราะจะทา� ให้กระเพาะมีภาวะเป็นกรด
7) ออกก�าลังกายสม�่าเสมอ ช่วยให้มีการย่อยอาหารและการ
ขบั ถ่ายท่ีดี

8 หนังสือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

คำ�ถาม¾ั²นาความค´ิ

1. ถา้ ตอ้ งการใหอ้ วยั วะภายในทำ หนา้ ทไี่ ดอ้ ยา่ งปกต ิ แลว้ เราจะมวี ธิ ี
ปฏิบัติตนอย่างไร
2. สมองทา� หนา้ ทค่ี ลา้ ยกบั การทา� งานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรห์ รอื ไม ่
อย่างไร

กิจกรรมเรยี นร้.ู ..สปู่ ฎิบัติ

• เพอ่ื ความเข้าใจทีค่ งทนใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่อไปนี้
1. นกั เรียนวาดภาพระบายสแี สดงลกั ษณะอวยั วะภายในตอ่ ไปน้ี
(เลือกวาดภาพ 1–2 ภาพ)
– สมอง – หวั ใจ
– ปอด – ตบั
– ไต – กระเพาะอาหารและลำ ไส้
2. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนผลัดกันสรุปหน้าที่และวิธีการดูแลรักษาอวัยวะ
ภายในท่ีไดว้ าดภาพจากข้อที่ 1

หนังสอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศึกษา ป. 2 9

2. ธรรมชาติของชวี ติ มนษุ ย

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรียน

รู้หรือไม่ว่า ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ เริ่มข้ึนและจบลง
อย่างไร

2.1 วงจรชีวติ มนษุ ย

มนุษยท์ กุ คนจะมวี งจรชวี ิตทเี่ หมอื นกัน ดังแผนภาพ

แก่
เกดิ เจบ็

ตาย

10 หนังสอื เรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

การเกิด
ทกุ คนเกดิ มาจากพอ่ และแม ่ ซงึ่ พอ่ เปน็ เพศชาย และแมเ่ ปน็ เพศหญงิ
ธรรมชาตไิ ดก้ า� หนดให้ผู้หญิงเป็นคนอุ้มท้องและคลอดลูก ลกู ทเี่ กดิ มา
จะเจรญิ เตบิ โตขน้ึ ตามวยั และมหี นา้ ตาคลา้ ยกบั พอ่ แม่
การแก่
วัยต่าง ๆ ของมนุษยเ์ ร่มิ จากวยั ทารก วยั เด็ก วยั ร่นุ วัยผใู้ หญ ่
และวัยชรา ร่างกายของคนเราจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวัย
อายุมากข้ึนอวัยวะของร่างกายจะเส่ือมสภาพและมีการเปลี่ยนแปลงท่ี
สงั เกตไดช้ ดั เจน เชน่ เมอ่ื อยใู่ นชว่ งวยั ชรารา่ งกายจะออ่ นลา้ ลง ผวิ หนงั
เหีย่ วยน่ การเคลื่อนไหวช้าลง ถงึ แมจ้ ะแกช่ ราตามธรรมชาต ิ แตบ่ คุ คล
เหลา่ นี้มคี ณุ ค่าควรแกก่ ารเคารพยกย่อง เพราะเป็นผู้ท่ีมีบญุ คณุ เลีย้ งดู
พวกเรามา
การเจบ็
คนทกุ คนตอ้ งเคยเจบ็ ป่วย บางคนเจบ็ ปว่ ยเล็ก ๆ น้อย ๆ บาง
คนเจบ็ ป่วยมากจนตอ้ งเขา้ รับการรกั ษาทโี่ รงพยาบาล คนเราเจบ็ ปว่ ยได้
ทกุ ชว่ งวยั ถา้ ไมด่ แู ลสขุ ภาพของตนเองรา่ งกายยอ่ มออ่ นแอ และมโี อกาส
จะรับเชือ้ โรคเขา้ สรู่ า่ งกายได้ง่ายกว่าคนทรี่ ่างกายแข็งแรง และอาจตาย
ในทส่ี ุดได้
การตาย
การเกดิ –การตาย มอี ยคู่ กู่ นั กับชีวติ มนุษย ์ ดงั นั้นความตายเปน็
สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดก้ บั ทกุ คน เพราะทกุ คนตอ้ งตายดว้ ยกนั ทง้ั นน้ั แตค่ วรตาย
เม่ือถึงวัยอันควร โดยร่างกายเส่ือมสภาพไปตามธรรมชาติ และเส่ือม
สลายไปในทส่ี ุด

หนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 2 11

ส่วนผู้ที่ตายก่อนวัยอันควร เนื่องจากอุบัติเหตุน้ันเกิดจากความ
ประมาท ดงั นั้น เราไม่ควรประมาทตอ้ งดา� รงชีวติ ด้วยความระมดั ระวงั
และรกั ษาสขุ ภาพให้แขง็ แรงอยเู่ สมอโดยการออกกา� ลงั กาย กนิ อาหารที่
มปี ระโยชน ์ และปฏิบตั ติ นตามหลักสขุ บญั ญัตแิ ห่งชาติ

นานา น่ารู้

การตายเปน็ เร่อื งธรรมชาต ิ หากมีการดแู ลสุขภาพที่ด ี เชน่ กินอาหาร
ทม่ี ปี ระโยชน์ พักผ่อนอยา่ งเพยี งพอ ออกกำ ลังกายสม่ำ เสมอ ระมัดระวงั
อุบตั ิเหตกุ จ็ ะทำ ใหร้ า่ งกายเสอื่ มช้าลง สง่ ผลใหม้ อี ายยุ นื ยาวได้

2.2 ธรรมชาตติ ามวัย

ชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดมานั้น สามารถแบ่งออกได้ 5 ช่วงวัย
ดงั แผนภาพทแี่ สดงต่อไปน้ี

เดก็ วยั กอ่ นเรยี น เดก็ วัยเรียน
(1–5 ป)ี (6–12 ป)ี
วัยทารก วยั รนุ่ วยั ผใู้ หญ่ วยั สูงอายุ
(0–1 ป)ี วัยเด็ก (13–18 ป)ี (19–60 ปี) (60 ปีขน้ึ ไป)
(1–12 ปี)

12 หนงั สือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2

คำ�ถาม¾²ั นาความค´ิ

1. เพราะเหตุใด นักเรียนจงึ ตอ้ งเขา้ ใจธรรมชาตขิ องชีวิตมนษุ ย์
2. นักเรียนจะมีวิธีการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพท่ีดี ไม่เจ็บป่วยหรือ
มีความระมัดระวังในการใชช้ วี ิตอย่างไรบ้าง

กิจกรรมเรียนรู้...สู่ปฎบิ ตั ิ

• เพอ่ื ความเขา้ ใจท่คี งทนให้นกั เรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมต่อไปนี้
1. นักเรียนร่วมพูดคุยกับพ่อแม่หรือผู้ปกครองเก่ียวกับเหตุการณ์ในวันที่
นักเรียนเกดิ แล้วบันทึกลงในสมุดบนั ทึก
2. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 2–3 คน แสดงความคิดเห็นรว่ มกันเกีย่ วกบั
แนวทางการปฏิบัติตนเพอ่ื ใหม้ สี ขุ ภาพดี

แหลง่ สบื คน้ ความรู้

นกั เรยี นสามารถคน้ ควา้ ความรเู้ พม่ิ เตมิ เรอ่ื ง อวยั วะภายใน ธรรมชาติ
ของชีวิตมนษุ ย์ ไดจ้ ากการสอบถามครู ผปู้ กครอง หรือสื่อการเรยี นรู้
จากหอ้ งสมดุ โรงเรียน

หนังสือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน สุขศึกษา ป. 2 13

บทสรุปหน่วยการเรยี นรทู้ ี ่ 1
นักเรียนสามารถสรุปทบทวนความรู้โดยใช้วิธีการจินตภาพจาก

ผังมโนทัศน ์ (concept map) เพอ่ื สรุปองคค์ วามรูไ้ ดด้ ังนี้

เรยี นรู้ตัวเรา

เรียนรูเ้ กีย่ วกบั

อวยั วะภายใน ธรรมชาตขิ องชวี ิตมนุษย์

ประกอบด้วย ลักษณะ เปน็ ก้อน และมีรอยหยกั ประกอบด้วย

สมอง วงจรชีวิตมนษุ ย์

การดูแลรักษา การดูแลรักษา

กินเน้ือปลา นอนให้เพียงพอ ด่ืมน้�า การเกดิ การแก ่ การเจบ็ และการตาย
อย่างน้อยวนั ละ 6–8 แก้ว
ธรรมชาตติ ามวัย
หวั ใจ ลักษณะ คล้ายดอกบัวตูม
การดแู ลรกั ษา
การดแู ลรกั ษา
วยั ทารก วัยเดก็ วยั รนุ่ วัยผูใ้ หญ่
ออกก�าลังกายสม่า� เสมอ พกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ และวยั สงู อายุ

ปอด ลกั ษณะ คลา้ ยฟองน้า�

การดูแลรักษา

อยใู่ นบรเิ วณทม่ี อี ากาศบรสิ ทุ ธ ิ์ รกั ษารา่ งกายใหอ้ บอนุ่

ตบั ลักษณะ เปน็ กลบี 2 กลีบ

การดูแลรักษา

หลีกเลี่ยงอาหารท่ีขึ้นรา พกั ผ่อนให้เพียงพอ

ไต ลกั ษณะ คล้ายเมล็ดถ่ัวแดง

การดแู ลรักษา

ไม่กนิ อาหารรสเค็มจัด ไมค่ วรกลนั้ ปสั สาวะ

กระเพาะอาหาร ลกั ษณะ กระเพาะอาหารมลี ักษณะเปน็ ถงุ
และลา� ไส้ ลา� ไส้มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ยาว ขดอยใู่ นช่องท้อง

กินอาหารใหต้ รงเวลา ไมก่ ินรสจัด
ขบั ถ่ายอจุ จาระทุกวนั

14 หนงั สือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2

กิจกรรมเÊนÍáนะ
• เพื่อความเข้าใจที่คงทนใหน้ กั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมตอ่ ไปน้ี
นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า “นักเรียนบางคนเจ็บป่วย
บอ่ ย บางคนแขง็ แรงมาก เปน็ เพราะอะไร ทำ ไมจึงจะมกี ารเจรญิ เตบิ โต
แขง็ แรง”

âคร§§าน
• เพอ่ื ความเข้าใจท่คี งทนใหน้ กั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมต่อไปน้ี
เลือกทำ โครงงานต่อไปนี้ (เลือก 1 ข้อ) หรืออาจทำ โครงงาน
อื่นตามความสนใจตามรูปแบบโครงงานท่ีกำ หนด (ซึ่งอย่างน้อยต้อง
มหี วั ขอ้ เหตุผลท่ีเลอื กโครงงานน ้ี จดุ ประสงค ์ แผนการปฏบิ ตั กิ าร)

1. โครงงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ความรเู้ รอ่ื ง ลกั ษณะของพฤตกิ รรม
ท่ีส่งผลเสยี ต่ออวยั วะภายในรา่ งกาย

2. โครงงานการสำ รวจขอ้ มลู เรอ่ื ง ความรคู้ วามเขา้ ใจเรอ่ื งธรรมชาติ
ของชีวติ มนษุ ยข์ องนักเรยี นชัน้ ป. 2

หมายเหตุ: โครงงานท่ีเลือกตามความสนใจควรได้รับคำ แนะนำ
แก้ไขจากผู้สอน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วจึงดำ เนินโครงงานนั้น ๆ
โดยผู้สอน/ผู้ปกครอง/กลุ่มเพื่อนประเมินลักษณะกระบวนการทำ งาน
และนักเรียนควรมีการสรุปแลกเปล่ียนความรู้ซึ่งกันและกันก่อน
พิจารณาเก็บในแฟม สะสมผลงาน

หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน สุขศึกษา ป. 2 15

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วนั
• เพือ่ ความเขา้ ใจที่คงทนใหน้ ักเรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมตอ่ ไปน ี้
นกั เรยี นดแู ลรกั ษาอวยั วะภายในรา่ งกาย โดยกนิ อาหารทม่ี ปี ระโยชน ์
ออกกำ ลงั กายสมำ่ เสมอ พักผอ่ นอยา่ งเพยี งพอ และอย่ใู นทีท่ ่มี อี ากาศ
บริสุทธ์ิ และไม่เล่นที่มีการปะทะกันรุนแรงจนเกิดอุบัติเหตุต่อทรวงอก
ท้อง และสมอง

คำ�ถามประจำ�หนว่ ยการเรียนรทู้ �ี่ 1
ตอบคำ ถามตอ่ ไปนี้

1. นกั เรยี นคดิ วา่ อวยั วะภายในแตล่ ะอวยั วะทำ หนา้ ทสี่ มั พนั ธก์ นั
หรอื ไม่ อยา่ งไร

2. ในฐานะที่นักเรียนเป็นวัยเด็ก นักเรียนคิดว่าวัยเด็กมีความ
สำ คัญอย่างไร

3. นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารใชช้ วี ติ ทท่ี ำ ใหม้ สี ขุ ภาพทด่ี ี ไมเ่ จบ็ ปว่ ยหรอื
มคี วามระมัดระวงั ในการใชช้ วี ิตอยา่ งไรบา้ ง

ชีวิตและครอบครวั 2หนว� ยการเรย� นรูทŒ ่ี

มาตรฐานการเร�ยนรู

พ 2.1 เขา ใจและเหน็ คณุ คา ตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษาและมที กั ษะในการดำเนนิ ชวี ติ

ตัวช วี้ ัด ช�นั ป‚

1. ระบบุ ทบาทหนา ท่ีของตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั (พ 2.1 ป. 2/1)
2. บอกความสำคัญของเพือ่ น (พ 2.1 ป. 2/2)
3. ระบพุ ฤตกิ รรมท่เี หมาะสมกับเพศ (พ 2.1 ป. 2/3)
4. อธิบายความภาคภูมิใจในความเปน เพศหญิงหรือเพศชาย (พ 2.1 ป. 2/4)

สาระการเรย� นรู

1. ครอบครวั ของเรา
2. เพ่ือน
3. พฤติกรรมท่ีเหมาะสมกับเพศ
4. ความภมู ิใจในเพศของตน

ประโยชนจ ากการเรียน คาํ ถามชวนคดิ

ปฏิบัติหนาท่ีของตนเองที่มีตอครอบ- นักเรียนคิดวาตนเองจะชวยเหลืองาน
ครวั ได เหน็ ความสา� คญั ของเพอ่ื น รวมทงั้ ในครอบครัวไดอยา งไรบาง
ปฏบิ ตั ติ นไดเ หมาะสมกบั เพศ และมคี วาม
ภาคภมู ิใจในเพศของตนเอง

หนงั สือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2 17

ชีวิตและครอบครัว ประกอบไปดวยการเรียนรูวิธีการอยูรวมกับ
สมาชิกในครอบครัว บทบาทและหนาทข่ี องสมาชิกในครอบครัว และ
เพื่อน ๆ รวมทั้งการเขาใจในเพศของตนเอง การแสดงพฤติกรรมท่ี
เหมาะสมกับเพศ และความภาคภูมิใจในเพศของตนเอง ซึ่งนักเรียน
ควรเรียนรูใหเกิดความเขาใจในเบื้องตน และนำมาปฏิบัติจะทำใหเกิด
ผลดตี อ สุขภาพและชีวิตตอ ไป

1. ครอบครัวของเรา

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรยี น

ครอบครวั มีความสำคญั กับนักเรียนอยางไร

1.1 สมาชกิ ในครอบครัว

สมาชิกในครอบครัว หมายถึง บุคคลท่ีอาศัยอยูในครอบครัว
เดียวกนั และมสี ว นรว มกบั ครอบครัว เชน พอ แม ลกู ตา ยาย ลุง ปา

ตวั อย่างสมาชิกในครอบครวั
พอ แม

ตวั ฉัน นอ งชาย

18 หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน สุขศึกษา ป. 2

1.2 บทบาทและหนา ทขี่ องสมาชกิ ในครอบครวั

บทบาท หมายถงึ การทำตามหนา ท่ที ่ีกำหนดไว
หนา ท่ี หมายถึง งานท่จี ะตองทำดวยความรบั ผดิ ชอบ
สมาชกิ ในครอบครวั ตา งกม็ บี ทบาทและหนา ทท่ี เ่ี หมอื นและแตกตา ง
กนั ไป ไดแก
พอ มีบทบาทเปนพอของลูก ๆ เปนสามีของแม และเปนผูนำ
ครอบครวั มหี นา ทท่ี ำงานเพอ่ื หารายไดม าเลย้ี งดใู หล กู ๆ ไดเ รยี นหนงั สอื
แม มบี ทบาทเปนแมของลกู ๆ เปนภรรยาของพอ และมีหนา ที่
ดแู ลความเปนอยูของสมาชกิ ทกุ คนในบานใหม ีความเปน อยูท ่ดี ี
พ่ีหรือน้อง มีบทบาทเปนพี่หรือนองของเรา มีหนาท่ีเปนพ่ีที่คอย
ดแู ลนอ ง ๆ หรอื เปนนองที่ตอ งเชือ่ ฟังและใหค วามเคารพพ่ี
ตัวเรา มีบทบาทเปนลูกของพอและแม และบางคร้ังอาจเปนพ่ี
หรอื นอ ง หรือเปน หลานของปู ยา ตา ยาย ในครอบครวั อกี ดวย

ตัวเรามีหนาท่ีที่ตองปฏิบัติตอ
สมาชิกในครอบครัว ดังน้ี

1) ชว ยพอแมทำงานบาน เชน
กวาดบา น ถูบา น รดนำ้ ตนไม

การชวยเหลืองานบา้ นเล็ก ๆ
น้อย ๆ ชวยแบง เบาภาระ

ของพอ แม

หนังสอื เรียน รายวิชาพนื้ ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2 19

2) เก็บของเลนและของใช ของเลนและของใช้เกบ็ เขา้ ทีใ่ ห้
สวนตัว หลังจากเลนและใชงาน เรยี บรอ้ ยเมอื่ เลน และใช้งานเสร็จ
เสรจ็ ใหเรยี บรอยอยูเสมอ

3) เชื่อฟังคำสอนของพอแม
และใหความเคารพญาติผูใหญ
ในครอบครัว

4) ชวยพอแมประหยัดคา-
ใชจาย โดยไมซ้ือของใชฟุมเฟอย
และไมซ้ืออาหารทไ่ี มมปี ระโยชน

5) ดูแลชวยเหลอื ตนเองเพ่ือแบง เบาภาระของพอ แม เชน อาบน้ำ
แปรงฟัน และสวมใสเสื้อผา ดวยตนเอง

การอาบนำ้ แปรงฟนั และสวมใสเสื้อผ้าด้วยตนเอง
ชว ยแบง เบาภาระของพอ แม

20 หนงั สอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศึกษา ป. 2

คำ�ถาม¾ั²นาความคิ´

เวลาท่เี ราออกไปนอกบาน เราเรยี กคนทีไ่ มรูจ กั วา พ่ี ปา นา อา
ตา ยาย ฯลฯ ทง้ั ๆ ทไ่ี มไ ดเ ปน ญาตขิ องเราอยา งแทจ ริง แตเ ราเรียก
แบบนับญาติ นักเรียนรูสกึ อยางไร

กิจกรรมเรียนรู...สปู ฎิบัติ

• เพื่อความเขาใจท่คี งทนใหน ักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมตอ ไปน้ี
นักเรียนเขียนแผนผังแสดงบทบาทและหนาที่ของสมาชิกแตละคน

ในครอบครัวของตนเอง

2. เพ่อื น

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรียน

เพอื่ นสนทิ ของนกั เรยี นคอื ใคร และถา นกั เรยี นไมม เี พอื่ น
จะเปน อยา งไร

2.1 ความหมายของเพอ่ื น นานา นา รู

เพ่อื น หมายถงึ ผทู ช่ี อบพอ การย้ิมเปนการแสดงความ
รักใครกนั ชว ยเหลือซ่งึ กนั และกนั เปน มติ รทดี่ ี และทำใหเราเปน ผูที่
เชน เพ่อื นรว มช้นั เรียน เพอ่ื นบาน เพื่อน ๆ อยากคบหาดวย

หนงั สอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2 21

2.2 ความสาํ คญั ของเพ่อื น การมเี พ่ือนเลน ทำให้
มีความสขุ
เพือ่ นมีความสำคญั กับเรา ดงั น้ี
1) เปนเพ่ือนเลน ทำใหเรามีความ
สุขสนุกสนาน ถาเราไมมีเพื่อนเลนเราก็
จะเหงาและชีวิตก็นาเบ่ือ

เพอื่ นคอยพูดคยุ และ 2) เปน เพ่อื นคุย การมีเพอ่ื นคุยทำ
แลกเปลยี่ นความคิดเห็น ใหเราไดพูดคุย เลาเรื่องราวของตนเอง
แลกเปลยี่ นกบั เพ่ือน ๆ ทำใหเรามคี วาม
เขา ใจคนอนื่ มากย่ิงข้นึ

3) เปนเพ่ือนคอยปลอบใจเม่ือเรา เพอ่ื นทีด่ ีตอ้ งแบง ปัน
เสียใจ รองไห และเปนเพอ่ื นท่ีคอยแสดง สิง่ ของให้แกกัน
ความยินดีเมื่อเรามคี วามสขุ หรอื ดใี จ

4) เปน เพอ่ื นเรยี นและแบง ปนั สง่ิ ดี ๆ
ใหก นั เชน เพอื่ นคอยชว ยสอนการบา นเมอ่ื
เราทำไมได บางคร้ังก็แบงขนม แบงของ
เลนใหกับเรา

คำ�ถาม¾²ั นาความคิ´

ถาเพ่ือนชอบขัดใจเรา หรือมีความชอบ ไมชอบอะไรท่ีแตกตาง
กับเรา นักเรียนจะปฏบิ ตั ติ อเพื่อนคนนน้ั อยางไร

22 หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

กิจกรรมเรียนรู. ..สปู ฎบิ ัติ

• เพอื่ ความเขา ใจทีค่ งทนใหน กั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมตอ ไปนี้
1. นักเรียนจัดท�าสมุดภาพเพื่อนในหัวขอ “เพื่อนของฉัน” โดยติด

ภาพถาย จดบันทึกช่ือ และรายละเอียดสวนตัวของเพื่อนแตละคน
ที่นักเรียนรูจักท้ังเพ่ือนที่บานและเพื่อนท่ีโรงเรียน แลวตกแตง
สมดุ ภาพใหส วยงาม
2. นกั เรียนแบงกลุม กลุมละ 2–3 คน ชว ยกนั สรางแผนที่ความคดิ เร่อื ง
วธิ ีการรักษาความสัมพนั ธร ะหวางเพื่อน

3. พฤติกรรมทเี่ หมาะสมกับเพศ

คำ�ถามนำ�ʺู่ ทเรียน

“เพศชายตองเปนสุภาพบุรุษ เพศหญิงตองเปนสุภาพ-
สตรี” นกั เรยี นมีความคดิ อยา งไรกับค�ากลา วนี้

3.1 ความเปนš สุภาพบรุ ุษ
เพศชายควรแสดงความเปน
สุภาพบุรุษ เชน ชวยเพศหญิง
ถือสิ่งของหนัก เสียสละเกาอ้ีให
เพอื่ นผหู ญิงนั่ง พูดจาไพเราะ ไม
พดู ลามก ไมล อ เลยี น หรอื หวั เราะ
เยาะเพ่อื นทอ่ี อ นแอกวา เพศชายควรชว ยเหลืองานเพศหญิง
เพอื่ แสดงความเปนสุภาพบุรุษ

หนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2 23

นานา นารู

การกลาวค�าขอบคุณเม่ือเพ่ือนใหความชวยเหลือ และการกลาว
ค�าขอโทษเมื่อเราท�าในส่ิงท่ีผิดตอเพ่ือน เปนสิ่งท่ีแสดงออกอยางหนึ่งของ
ความเปน สภุ าพบรุ ุษและสุภาพสตรี

3.2 ความเปšนสุภาพสตร ี เพศหญิงควรแสดงทา ทาง
ที่เรยี บร้อยสำรวม
เพศหญิงควรแสดงความเปน
สภุ าพสตรี แตง กายสภุ าพเรยี บรอ ย
พูดจาไพเราะ ออนหวาน มีนำ้ ใจ
โอบออมอารี และแบงปันสิ่งของ
ใหเ พื่อน และลกุ นั่ง เดนิ ในทาที่
เรียบรอ ยสำรวม

คำ�ถาม¾²ั นาความคิ´

นกั เรยี นรสู กึ อยา งไรเมอ่ื เหน็ ผชู ายเสยี สละทนี่ งั่ ใหก บั เดก็ คนชรา
หรือผหู ญิง ขณะท่ีโดยสารรถประจ�าทาง

กจิ กรรมเรียนรู...สปู ฎิบตั ิ

• เพ่ือความเขาใจท่คี งทนใหน กั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมตอไปนี้
นักเรียนสรางแผนที่ความคิดเร่ือง ความเปนสุภาพบุรุษและความเปน

สุภาพสตรี และผลัดกันแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ กบั เพื่อนในช้ันเรียน

24 หนังสือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

4. ความภมู ิใจในเพศของตน

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรียน

มสี งิ่ ใดบา งทเ่ี พศหญงิ และเพศชายควรภมู ใิ จในตนเอง

4.1 ความภมู ิใจในความเปšนเพศชาย
เพศชายควรภูมิใจในความเปนเพศ
ชายของตนเอง เพราะเราเปน เพศทม่ี คี วาม
แข็งแรง กลาหาญ จึงถูกก�าหนดใหเปน
ผปู กปอ ง คมุ ครองเพศหญงิ ซงึ่ ออ นแอกวา
ตัวนักเรียนควรจะท�าหนาท่ีดูแลปกปอง งานชา งและซอ มแซมอปุ กรณ
นองสาว เพื่อนผูหญิงและชวยเหลืองาน ภายในบา้ น มกั เปน หนา้ ที่
ของพอ เชน ชวยพอลา งรถ ของพอ ซึ่งเปน เพศชาย

4.2 ความภมู ิใจในความเปšนเพศหญงิ

เพศหญิงตองเห็นคุณคาในความเปนเพศหญิงของตนเอง เพราะ
การเกดิ เปนเพศหญิงนั้นมีสง่ิ ดี ๆ มากมายทเ่ี พศชายไมม ี เชน ความ
เปน แมท ่มี คี วามนมุ นวล อบอนุ มคี วาม
ออนโยน สวนตัวนักเรียนอาจเปนพ่ีสาว
หรอื นอ งสาว จงึ ตอ งดแู ลนอ ง ๆ และชว ย
เหลืองานของแม เชน ทำอาหาร

เพศหญิงเปนแมที่ออนโยน

หนังสือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2 25

คำ�ถาม¾ั²นาความค´ิ

1. เพราะเหตุใด นักเรยี นจึงตอ งเขา ใจธรรมชาตขิ องชวี ติ มนุษย
2. นักเรียนจะมีวิธีการใชชีวิตใหมีสุขภาพที่ดี ไมเจ็บปวยหรือ

มคี วามระมดั ระวังในการใชชวี ติ อยางไรบาง

กจิ กรรมเรยี นร.ู ..สปู ฎิบัติ

• เพื่อความเขาใจที่คงทนใหนกั เรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมตอไปนี้
1. นักเรียนรวมพูดคุยกับพอแมหรือผูปกครองเก่ียวกับเหตุการณในวันท่ี

นกั เรียนเกิด แลวบันทกึ ลงในสมุดบนั ทกึ
2. นกั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 2–3 คน แสดงความคดิ เหน็ รว มกนั เก่ียวกบั

แนวทางการปฏิบัตติ นเพื่อใหมีสุขภาพดี

แหลงสบื คนความรู

นกั เรยี นสามารถคน ควา ความรเู พม่ิ เตมิ เรอื่ ง ครอบครวั ของเรา เพอื่ น
พฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมกบั เพศ และความภูมใิ จในเพศของตน ไดจากการ
สอบถามครู ผปู กครอง หรอื สื่อการเรยี นรจู ากหองสมดุ โรงเรยี น

26 หนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 2

บทสรุปหน่วยการเรยี นรูท ี่ 2
นักเรียนสามารถสรุปทบทวนความรูโดยใชวิธีการจินตภาพจาก

ผังมโนทศั น (concept map) เพ่ือสรุปองคค วามรไู ดด ังนี้

ชีวิตและครอบครัว

เรียนรเู กย่ี วกบั

ครอบครัวของเรา ประกอบดวย สมาชกิ ในครอบครัว เชน พอ แม ลูก ปู ยา ตา ยาย

บทบาทและหนา ทขี่ องสมาชิกในครอบครัว

ตัวเรามีบทบาทเปน ลูก เปนพ่หี รอื นอง มีหนา ท่ีชวยพอ แมท า� งานบาน

เพอื่ น ประกอบดวย ความหมายของเพ่ือน ผูท่ีชอบพอรักใครกนั ชว ยเหลือ
ซ่งึ กันและกนั

ความสา� คญั ของเพือ่ น เปน เพือ่ นเลน
เปน เพื่อนคุย

เปนเพ่ือนเรียนและแบงปันสงิ่ ดี ๆ ใหกัน เปนเพอ่ื นคอยปลอบใจ

พฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสมกับเพศ ประกอบดวย ความเป็นสุภาพบุรุษ

ชวยเหลอื เพศหญิง มีน�้าใจ เสยี สละ ไมพ ดู ลากมก
ความเป็นสภุ าพสตรี

ความภูมิใจในเพศของตน แตงกายเรยี บรอ ย พดู จาไพเราะ มีน�้าใจ ลกุ นงั่
เดินในทา ที่ส�ารวม
ประกอบดว ย ความภูมใิ จในความเป็นเพศชาย

ภูมิใจในความเปนเพศท่แี ข็งแรง กลา หาญ สามารถ
คุมครองเพศหญิงได

ความภูมใิ จในความเป็นเพศหญงิ

ภมู ิใจในความเปน เพศหญิงท่มี คี วามนมุ นวล ออ นโยน และเปนแม

หนงั สอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2 27

กจิ กรรมเÊนÍáนะ
• เพื่อความเขา ใจที่คงทนใหน ักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตอไปนี้
นักเรียนจดบันทึกการปฏิบัติตนเปนสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีของ
ตนเองและของเพือ่ น แลวใหคะแนนตัดสิน 3 ระดบั คือ ดี พอใช และ
ตองปรบั ปรงุ

âคร§§าน
• เพ่ือความเขา ใจทีค่ งทนใหนกั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมตอ ไปนี้
เลือกทำโครงงานตอไปนี้ (เลือก 1 ขอ) หรืออาจทำโครงงาน
อ่ืนตามความสนใจตามรูปแบบโครงงานที่กำหนด (ซ่ึงอยางนอยตอง
มหี ัวขอ เหตผุ ลทีเ่ ลอื กโครงงานน้ี จุดประสงค แผนการปฏิบัติการ)
1. โครงงานการสำรวจขอ มลู เรอ่ื ง ความคิดเหน็ ดานความภมู ใิ จ

ในเพศของตนเองของนักเรยี นชนั้ ป. 2
2. โครงงานการศกึ ษาคน ควา เรอ่ื ง บทบาทและหนา ทขี่ องสมาชกิ

ในครอบครัว
หมายเหตุ: โครงงานท่ีเลือกตามความสนใจควรไดรับคำแนะนำ
แกไขจากผูสอน เม่ือไดรับความเห็นชอบแลวจึงดำเนินโครงงานน้ัน ๆ
โดยผูสอน/ผูปกครอง/กลุมเพ่ือนประเมินลักษณะกระบวนการทำงาน
และนักเรียนควรมีการสรุปแลกเปล่ียนความรูซึ่งกันและกันกอน
พิจารณาเกบ็ ในแฟม สะสมผลงาน

28 หนงั สอื เรียน รายวิชาพนื้ ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

การประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน
• เพ่อื ความเขา ใจทคี่ งทนใหน กั เรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตอ ไปน้ี
1. นักเรียนปฏิบัติตนเปนสมาชิกที่ดีของครอบครัว โดยเช่ือฟัง

ค�าสง่ั สอนของพอ แม ชว ยพอ แมท า� งานบาน เก็บของเลน เขาที่
เม่ือเลนเสร็จ และดูแลชวยเหลือตนเองเพื่อแบงเบาภาระของ
พอแม
2. นักเรียนแสดงความเปนเพ่ือนท่ีดี มีน�้าใจ คอยชวยเหลือ
เพื่อน และไมแกลง เพื่อน
3. นกั เรยี นน�าความรูทไี่ ดรบั จากบทเรยี นไปปฏิบตั ติ นเปนสุภาพ-
บุรษุ หรือสุภาพสตรตี อเพ่ือนตา งเพศ

คำ�ถามประจำ�หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี�่ 2
ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี
1. ถานักเรียนไมปฏิบัติตามบทบาทและหนาท่ีที่มีตอครอบครัวจะ

เกดิ ผลอยางไร
2. นกั เรยี นเปน ทร่ี กั ของเพอ่ื น ๆ หรอื ไม มสี ง่ิ ใดบา งทท่ี ำใหเ พอ่ื นรกั

หรอื ไมรักนกั เรียน
3. ถาเพศหญิงไมเปนสุภาพสตรีหรือเพศชายไมเปนสุภาพบุรุษ

นกั เรียนคดิ วา จะเกิดส่งิ ใดขนึ้ ในสังคม
4. นกั เรยี นมคี วามภมู ใิ จในเพศของตนเองอยา งไร

ใส่ใจสขุ ภาพ 3หน�วยการเร�ยนรทŒู ี่

มาตรฐานการเร�ยนรูŒ

พ 4.1 เห็นคุณค่าและมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การดำรงสุขภาพ การ
ปอ้ งกนั โรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ

ตวั ชวี้ ดั ชนั� ป‚

1. บอกลกั ษณะของการมสี ขุ ภาพดี (พ 4.1 ป. 2/1)
2. เลือกกนิ อาหารที่มีประโยชน์ (พ 4.1 ป. 2/2)
3. ระบุของใช้และของเล่นทีม่ ีผลเสยี ต่อสุขภาพ (พ 4.1 ป. 2/3)
4. อธบิ ายอาการ และวธิ ปี อ้ งกนั การเจบ็ ปว่ ย การบาดเจบ็ ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ (พ 4.1 ป. 2/4)
5. ปฏบิ ัตติ ามคำแนะนำเมื่อเจบ็ ปว่ ยและบาดเจ็บ (พ 4.1 ป. 2/5)

สาระการเรย� นรŒู

1. สขุ ภาพดี
2. อาหารที่มปี ระโยชน์
3. ของเลน่ และของใช้
4. การป้องกันการเจ็บปว่ ยและการเกิดการบาดเจบ็

ประโยชนจ์ ากการเรยี น คําถามชวนคดิ

ดูแลตนเองให้มีสุขภาพท่ีดี เลือก นักเรียนคิดว่าตนเองมีสุขภาพเป็น
กินอาหาร เลือกของเล่นและของใช้ที่ อยา่ งไร ทำไมจงึ คดิ เช่นนน้ั
มีประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพ
รวมท้ังป้องกนั การเจบ็ ปว่ ยได้

30 หนงั สอื เรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2

บุคคลท่ีมีสุขภาพดีจะมีร่างกาย จิตใจ อารมณ์ที่สมบูรณ์
แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ซึ่งการที่เราจะมี
สุขภาพดนี น้ั ตอ้ งปฏบิ ัตติ ามแนวทางการดแู ลสขุ ภาพทถี่ กู ต้อง ประกอบ
ด้วยการเลือกกินอาหารท่ีมีประโยชน์ สะอาด และปลอดภัย รวมทั้ง
สามารถเลอื กของเลน่ และของใชท้ ด่ี ตี อ่ สขุ ภาพ และปอ้ งกนั การเจบ็ ปว่ ย
จากโรคหรอื อุบตั ิเหตุต่าง ๆ ได้

1. สขุ ภาพดี

คำ�ถามนำ�Ê่ºู ทเรยี น

นกั เรียนคิดวา่ ตนเองมีสุขภาพดีหรือไม่ อย่างไร

1.1 ความหมายและความสําคญั ของสขุ ภาพ

สุขภาพ หมายถึง การมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรค
มีจติ ใจและอารมณท์ ี่ดี และสามารถอยูร่ ่วมกับผู้อนื่ ได้อยา่ งมคี วามสขุ

จากความหมายของสขุ ภาพ ทา� ใหเ้ ราทราบวา่ สขุ ภาพมคี วามสา� คญั
เพราะถ้าสุขภาพดีเราก็จะไม่เจ็บป่วย มีร่างกายที่เจริญเติบโตสมวัย
มีจิตใจทเ่ี ป็นสขุ ส่งผลตอ่ การมคี วามคิดทด่ี ี มีสติปญญาทีเ่ ฉลียวฉลาด
อีกทั้งยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสมาชิกในครอบครัว เพ่ือน ๆ และ
บคุ คลอนื่ ในสังคมได้

หนงั สือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน สุขศึกษา ป. 2 31

1.2 ลกั ษณะของบคุ คลที่มสี ขุ ภาพดี

บุคคลท่มี ีสขุ ภาพดมี ีลกั ษณะ ดังนี้
1) มีร่างกายที่แข็งแรงเจริญเติบโตตามวัย และไม่เป็นโรคหรือ
เจ็บป่วย ดังนั้นเราต้องดูแลสุขภาพของตนเอง ได้แก่ กินอาหาร
ที่มีประโยชน์ครบถ้วน และเพียงพอ
กับความต้องการของร่างกายออก-
ก�าลังกายสม่�าเสมอและพักผ่อน
อย่างเพียงพอ

บุคคลทม่ี สี ุขภาพดี
ต้องออกกำลังกายสมำ่ เสมอ

การมจี ติ ใจเบิกบานแจ่มใส 2) มีอารมณ์และจิตใจที่เป็นสุข
ทำใหม้ สี ุขภาพดี ไมเ่ ครง่ เครยี ดและวติ กกงั วลจนเกนิ ไป
สง่ ผลท�าใหม้ ีรา่ งกายท่แี ข็งแรง

3) สามารถใชช้ วี ติ อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื
ในสังคมได้อย่างมีความสุข ได้แก่
การอยู่ร่วมกับสมาชิกในครอบครัว
การอยรู่ ว่ มกบั เพอื่ น และการอยรู่ ว่ มกบั
คนอน่ื ๆ ในสงั คม รวมท้ังการใช้ชวี ติ
ได้อย่างปลอดภัยจากอุบัติเหตุและ บคุ คลทม่ี สี ุขภาพดีจะอยูร่ ่วมกบั
อนั ตรายตา่ ง ๆ ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข

32 หนงั สือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

นานา นา่ รู้

การรจู้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา เปน็ วธิ กี ารทชี่ ว่ ยใหอ้ ยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ ง
ราบรื่นและมคี วามสุข

คำ�ถาม¾ั²นาความค´ิ

การมีสุขภาพดีหรือไม่ดี ส่งผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน
หรือไม่ อย่างไร

กจิ กรรมเรยี นร.ู้ ..สู่ปฎบิ ัติ

• เพ่ือความเข้าใจทคี่ งทนให้นักเรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมต่อไปนี้
1. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 2–4 คน ระดมสมองช่วยกนั บอกลกั ษณะ

ของบุคคลทม่ี ีสุขภาพดตี ามความหมายของสุขภาพ
2. นกั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ เรอ่ื ง แนวทางการทา� ใหม้ สี ขุ ภาพดี จากสอื่

การเรยี นร้ใู นหอ้ งสมุด แลว้ จัดทา� เป็นรายงาน

2. อาหารทม่ี ปี ระโยชน

คำ�ถามนำ�Êู่ºทเรียน

อาหารมีความส�าคัญต่อการเจริญเติบโตของนักเรียน
อย่างไร

หนังสอื เรียน รายวิชาพ้นื ฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2 33

2.1 ความหมายและความสาํ คัญของอาหาร

อาหาร หมายถงึ สิ่งทีก่ นิ แล้วมีประโยชน์ ไม่เป็นพิษตอ่ ร่างกาย
และมีความจ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิตของมนุษย์ทุกคน เน่ืองจากช่วยให้
ร่างกายเจริญเตบิ โตแขง็ แรงและทา� ให้เราท�างานไดต้ ามปกติ

อาหารเปน็ หนง่ึ ในปจ จยั สท่ี เี่ ราตอ้ งกนิ ทกุ วนั เพอ่ื คา้� จนุ ชวี ติ อาหาร
จงึ มคี วามสา� คญั ตอ่ รา่ งกาย และมผี ลโดยตรงตอ่ สขุ ภาพ ถา้ เรากนิ อาหาร
ท่ีมีประโยชน์ มีคุณค่า และได้รับสารอาหารครบถ้วนเหมาะสมกับวัย
ยอ่ มท�าใหเ้ รามีสขุ ภาพดี แขง็ แรง และไม่เจบ็ ป่วยง่าย

2.2 การเลือกกนิ อาหารที่มีประโยชน

เราควรเลอื กกนิ อาหารทม่ี ปี ระโยชน์ มคี วามสะอาด และปลอดภยั
ดงั นี้

1) เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ สะอาด ไม่มีแมลงวันตอม
ปราศจากสารอันตราย และหลกี เลีย่ งอาหารรสจัด สีฉดู ฉาด

ควรเลอื กกินอาหารทีป่ รงุ สุกใหม่ ๆ

34 หนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศึกษา ป. 2

2) เลอื กกินอาหารที่มคี ุณคา่ เช่น ผัก ผลไม้สด และดมื่ นมหรอื
น้ำผลไมแ้ ทนการดื่มนำ้ อัดลมซึง่ ใหโ้ ทษแกร่ า่ งกาย

ด่มื นมทุกวนั ร่างกายแข็งแรง ผักและผลไมม้ ปี ระโยชนต ่อรา่ งกาย

3) เลือกกินอาหารจากร้านค้าท่ี
สะอาด โดยใหส้ งั เกตความสะอาดของ
พื้น ผนัง โตะ อุปกรณ์ และภาชนะ
ท่ีใส่อาหาร รวมทั้งสถานท่ีล้างจาน
ภายในร้านด้วย

ควรเลอื กซ้อื หรอื เลอื กกนิ อาหาร ควรเลอื กกนิ อาหารจากผู้ขาย
จากรา้ นค้าท่ีสะอาด ท่แี ต่งกายสะอาด

4) เลือกกินอาหารจากผู้ขาย
ทแี่ ตง่ กายสะอาดเรยี บรอ้ ย สวมเสอ้ื
มแี ขน สวมหมวกคลมุ ผม เล็บสั้น
และสะอาด ขณะปรงุ อาหารไมพ่ ดู คยุ
ไม่ใชม้ ือหยิบจับอาหารโดยตรง

หนังสือเรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 2 35

2.3 การหลกี เล่ยี งอาหารท่ีไมม‹ ปี ระโยชน

อาหารทเี่ ราไมค่ วรเลอื กกนิ ไดแ้ ก่ อาหารหมกั ดอง เชน่ ผลไมด้ อง
อาหารท่มี สี สี ันฉดู ฉาด เช่น ลกู กวาดสสี ด ขนมกรบุ กรอบซ่ึงใส่ผงชูรส
และวตั ถุกันเสยี น้�าอัดลมทม่ี ีรสหวาน อาจทา� ให้ฟน ผุ รวมทงั้ อาหารที่มี
แป้งและไขมนั มาก เชน่ พซิ ซา่ แฮมเบอรเ์ กอร์ เพราะเป็นอาหารท่ีท�าให้
อว้ นไดง้ ่าย

หลีกเลย่ี งขนมกรุบกรอบ น้ำอดั ลม และลูกอมเพราะไมม่ ปี ระโยชน

เกร็ดควรรู้

รู้หรอื ไมว่ ่า ถา้ เราไม่กินอาหารเช้าจะทา� ให้ขาดสมาธใิ นการเรยี น เกิด
อาการงว่ งซมึ และส่งผลเสยี ตอ่ สมอง

คำ�ถาม¾²ั นาความค´ิ

ถ้าเพื่อนชวนให้นักเรียนด่ืมน�้าอัดลมหรือกินขนมสีสันฉูดฉาด
นักเรียนจะปฏิเสธเพื่อนอย่างไร ให้เพื่อนเข้าใจว่าอาหารเหล่าน้ีส่ง
ผลเสยี ต่อร่างกาย

36 หนังสือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน สขุ ศึกษา ป. 2

3. ของเลน‹ และของใชŒ

คำ�ถามนำ�ʺู่ ทเรยี น

นักเรียนมีของเล่นและของใช้อะไรบ้าง แล้วของเล่นและ
ของใชเ้ หล่าน้ันดีหรือไมด่ ี อย่างไร

3.1 ความหมายและลกั ษณะของของเลน‹
ของเล่น หมายถึง เครื่องมอื ทีน่ า� ไปสกู่ ระบวนการเล่น เป็นส่ิงท่ี
เด็กทุกคนชื่นชอบ เพราะของเล่นเมื่อน�ามาเล่นแล้วจะท�าให้เกิดความ
สนกุ สนาน เพลดิ เพลิน และยังช่วยให้มีพฒั นาการท่ดี ยี งิ่ ขนึ้ ได้อีกด้วย
ตัวอย่างของเลน่ ไดแ้ ก่ ตกุ ตา หุ่นยนต์ ตวั ต่อบลอ็ ก ลกู บอล
ชดุ เครอ่ื งครัวส�าหรบั เด็กหญงิ ดนิ น�้ามนั อปุ กรณ์งานประดษิ ฐ์
ลักษณะของของเลน่ ท่ีดี
ของเล่นท่ดี ีต้องมีลักษณะ ดงั น้ี
1. มคี วามเหมาะสมกบั วยั และพฒั นาการของตนเอง เชน่ เรามอี ายุ
8–9 ป ควรเลอื กของเลน่ ประเภท
อุปกรณ์งานประดษิ ฐ์ งานศลิ ปะ
และอปุ กรณก์ ฬี า
2. มีฉลากระบุชื่อของเล่น
ชื่อผู้ผลิต สถานท่ีประกอบการ
ค�าแนะน�าวิธีการเล่น และระบุ
ค�าเตือนเกี่ยวกับการป้องกัน
อนั ตรายทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ควรเลือกของเล่นให้เหมาะสม
กบั วัยของตนเอง

หนงั สือเรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศกึ ษา ป. 2 37

3. มีเคร่ืองหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์
อุตสาหกรรม (เคร่ืองหมาย มอก.) ชนิด
เครอ่ื งหมายมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม
แบบบงั คบั บนฉลาก เพราะแสดงถงึ วา่ ของเลน่
ของเล่นทกุ ชนิดตอ้ งมี ชนิดนั้นได้รับรองความปลอดภัยจากส�านัก-
เครื่องหมายมาตรฐาน งานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรม
ผลติ ภณั ฑอ ุตสาหกรรม
แบบบงั คับบนฉลาก
ลกั ษณะของของเลน่ ทีอ่ าจเปนอันตราย
ตวั อยา่ งของเลน่ ทไ่ี มค่ วรนา� มาเลน่ ไดแ้ ก่ ของเลน่ ทม่ี เี สยี งดงั มาก
เกินไป ของเล่นทจี่ ุดดว้ ยไฟ ปืนอัดลม และของเล่นที่มีสีและสารเคมี
เจือปน รวมทัง้ ของเล่นท่ีแปลกพิสดาร

3.2 ความหมายและลักษณะของของใชŒ
ของใช้ หมายถงึ วสั ดุ ส่งิ ของท่ีเราน�ามาใช้ประโยชน์ในการด�ารง
ชีวิตประจ�าวัน เช่น เสื้อผ้าเครื่อง
แต่งกาย จานกินข้าว แกว้ น�า้ ดมื่ สบู่
ยาสระผม ยาสีฟน อปุ กรณก์ ารเรียน
ลกั ษณะของของใช้ทดี่ ี
ของใช้ทดี่ ตี ้องมีลักษณะ ดังน้ี
1. มีสภาพดี ไม่มีรอยฉีกขาด
หรือแตกร้าว และสามารถใช้งานได้ ของใชม้ ีความจำเป็นตอ่
2. มีฉลากบอกรายละเอียดของ การดำรงชีวิตประจำวนั
สนิ ค้า เชน่ ชอ่ื และสถานท่ีผลติ วันท่ีผลติ วนั หมดอายุ และคา� แนะน�า
ในการใช้
3. มเี ครอ่ื งหมายรบั รองคณุ ภาพและความปลอดภยั ของสนิ คา้ เชน่
เคร่ืองหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (เครื่องหมาย มอก.)
หรอื เครือ่ งหมายอาหารและยา (เครอ่ื งหมาย อย.)

38 หนงั สือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน สุขศึกษา ป. 2

ตวั อย่างของใชท้ ่ีมเี ครือ่ งหมาย อย. เช่น นา้� ยาล้างจาน

เครื่องหมาย อย.

ฉลากน้ำยาลา้ งจานท่ีมีเครือ่ งหมาย อย.

ลกั ษณะของของใช้ท่ไี ม่ดแี ละสง่ ผลเสียต่อสุขภาพ
ลกั ษณะของของใชท้ ไ่ี ม่ดแี ละส่งผลเสียตอ่ สุขภาพ จะมลี กั ษณะที่
ตรงกันข้ามกับลักษณะของของใช้ท่ีดีที่ได้กล่าวไปแล้ว ได้แก่ มีสภาพ
ท่ีใช้งานไม่ได้ ไม่มีฉลากบอกรายละเอียดคุณภาพของสินค้า สินค้า
หมดอายุการใช้งาน ไม่มีเคร่ืองหมายรับรองความปลอดภัย และเป็น
สินคา้ ทม่ี รี าคาแพงมากเกินกว่าความเปน็ จรงิ
คำ�ถาม¾ั²นาความคิ´

ถ้านักเรียนเห็นเพื่อนน�าของเล่นแปลก ๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน
แลว้ ชวนใหน้ กั เรยี นเลน่ ดว้ ย นกั เรยี นจะเลน่ กบั เพอ่ื นหรอื ไม่ อยา่ งไร

กจิ กรรมเรียนร.ู้ ..สู่ปฎิบตั ิ

• เพ่ือความเขา้ ใจทค่ี งทนให้นักเรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมตอ่ ไปน้ี
นกั เรยี นสา� รวจของเลน่ และของใชจ้ ากรา้ นคา้ ภายในโรงเรยี น หรอื รา้ นคา้

ในชมุ ชน วา่ มขี องเลน่ และของใชอ้ ะไรบา้ งทมี่ ลี กั ษณะทด่ี แี ละไมด่ ตี อ่ สขุ ภาพ
บ้าง บันทกึ ลงในสมดุ แลว้ นา� มาพดู คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกบั เพือ่ น ๆ
ในช้นั เรยี น

หนังสอื เรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน สุขศึกษา ป. 2 39

4. การปอ‡ งกนั การเจ็บป†วยและการเกิดการบาดเจ็บ

คำ�ถามนำ�ʺู่ ทเรียน

ทกุ ครัง้ ทีน่ กั เรียนป่วย นักเรียนดูแลตนเองอย่างไร แล้ว
บอกพอ่ แมห่ รอื ไม่

4.1 การเจ็บป†วยจากไขหŒ วดั

ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่เกิดข้ึนได้บ่อยจากการเปล่ียนแปลงของ
อากาศในชว่ งตน้ ฤดฝู นหรอื ฤดหู นาวสาเหตเุ กดิ จากเชอื้ ไวรสั ตดิ ตอ่ โดย
ทางหายใจ มอี าการไข้ คดั จมูก น้า� มกู ไหล ปวดเมือ่ ยกล้ามเนอ้ื อาจมี
อาการเจ็บคอและไอร่วมด้วย

คนทเ่ี ปน็ ไข้หวดั จะมอี าการไข้ ปวดเม่อื ยกลา้ มเนื้อ

การปอ‡ งกันและการดแู ลตนเองเมอ่ื เจ็บป่วย
รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ออกก�าลังกาย และนอนหลับ
พักผ่อนให้เพยี งพอ กินอาหารทีม่ ีประโยชน์ ไม่เล่นกลางแดดจดั หรอื
เลน่ นา้� ฝน เม่ือมอี าการไข้ใหก้ นิ ยาลดไข้ แกป้ วด และดื่มน�า้ มาก ๆ และ
ถา้ ไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์

40 หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศกึ ษา ป. 2

4.2 การเจบ็ ปว† ยจากอุจจาระรว‹ ง
อจุ จาระรว่ งพบไดท้ ง้ั เดก็ และผใู้ หญ่
มักเป็นกันมากในฤดูร้อนมากกว่าฤดูอื่น
สาเหตุเกิดจากการกินอาหารหรือ ดื่มน�้า
ที่มีเช้ือโรค ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเป็นน้�า
หรือเหลวกว่าปกติต้ังแต่ 3 คร้ังข้ึนไป
ใน 1 วัน ท�าให้ร่างกายขาดนา้� อ่อนเพลยี
บางครั้งคลน่ื ไส้ อาเจียน ผทู้ ่ีอุจจาระรว่ งจะถา่ ยเหลว
มากกว่า 3 ครั้ง ใน 1 วัน
การปอ‡ งกันและการดแู ลตนเองเมื่อเจ็บปว่ ย

กนิ อาหารท่สี ุก สะอาด ไมม่ แี มลงวนั ตอม ลา้ งมอื กอ่ นกนิ อาหาร
ทุกครั้ง ถ่ายอุจจาระลงในส้วมท่ีถูกสุขลักษณะ ด่ืมน้�าท่ีสะอาดผ่าน
การกรองหรอื ด่มื น้�าทต่ี ม้ สกุ แล้ว และเมื่อมอี าการอุจจาระร่วง ให้ดม่ื น�า้
ผสมผงนา้� ตาลเกลือแร่ใหม้ าก ๆ และถ้ายงั มีอาการถา่ ยไมห่ ยุดใหร้ ีบไป
พบแพทย์ เพอ่ื ท�าการรกั ษาตอ่ ไป

4.3 การบาดเจบ็ จากบาดแผล
การบาดเจ็บ หมายถึง การเกิดบาดแผลหรือการท่ีร่างกายได้รับ
อันตรายจนเกิดการเจบ็ ปวดขนึ้

บาดแผล หมายถงึ การเกดิ การฉกี ขาดของผวิ หนงั ซง่ึ อาจเกดิ จาก
ของมคี มบาดหรอื การกระแทกกบั วัตถุ จนทา� ให้มเี ลอื ดไหลออกมาด้วย

หนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 2 41

บาดแผลฟกช้�า
มีลกั ษณะบวม มสี ีแดง ม่วงคลา�้ เกดิ จาก
การถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง เช่น
ส่ิงของหนกั หลน่ ใส่เทา้ การถกู ตดี ้วยไม้

ลกั ษณะของบาดแผลฟกช้ำ

บาดแผลตัดหรอื บาดแผลเปด

เกดิ จากการถกู ของมคี มบาดหรอื ตา� เชน่
มีด แก้ว สังกะสี ตะปู ลักษณะขอบของ
บาดแผลอาจจะเรียบแคบแต่ยาว หรือเป็นรู
และมีเลือดไหลออกมา ลกั ษณะของบาดแผลตดั

บาดแผลถลอก
ลกั ษณะของบาดแผลตน้ื เปน็ รอยถลอก มเี ลอื ด
ซมึ ออกมาเลก็ นอ้ ย เกดิ จากการถกู ของแขง็ หรอื
ของมคี มครดู ขดี ขว่ น เชน่ หกลม้ เขา่ ถลอก ถกู
ตะปูขดี ขว่ น

ลักษณะของบาดแผลถลอก

การป‡องกนั และการดูแลตนเองเม่ือบาดเจบ็ จากบาดแผล
เราสามารถป้องกนั การบาดเจ็บจากบาดแผลได้ โดยระมดั ระวงั ใน
การเลน่ ไมใ่ หว้ งิ่ หกลม้ โดยงา่ ย และเลน่ ในสถานทท่ี ่ีปลอดภัย สวมใส่
อุปกรณป์ อ้ งกนั การบาดเจบ็ ในขณะเลน่ เชน่ สวมหมวกนิรภัย สนบั มือ
และสนับเข่าในขณะเล่นสเกต ระมัดระวงั ในการใช้อปุ กรณม์ คี มต่าง ๆ

42 หนงั สือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สขุ ศึกษา ป. 2

และเมอ่ื เกดิ บาดแผลใหบ้ อกผปู้ กครองหรอื
ครใู หช้ ว่ ยทา� แผลให้ แตถ่ า้ บาดแผลมีขนาด
ใหญ่ ลกึ และมเี ลอื ดไหลออกมามาก ให้ไป
พบแพทยเ์ พอื่ ทา� การเย็บแผล

ควรสวมอปุ กรณปอ งกัน
การบาดเจบ็ ขณะเลน่ สเกต

คำ�ถาม¾ั²นาความคิ´

1. นักเรียนดแู ลตนเองไม่ใหเ้ ปน็ ไข้หวัดได้อยา่ งไร
2. ถ้านักเรียนวิ่งเล่นแล้วหกล้มมีบาดแผลเลือดไหล นักเรียน

จะทา� อย่างไร

กิจกรรมเรียนร.ู้ ..สูป่ ฎบิ ัติ

• เพอ่ื ความเขา้ ใจที่คงทนใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตอ่ ไปน้ี
นักเรียนแบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มระดมสมอง สร้างแผนท่ีความคิด

สรุปเรื่อง การป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากบาดแผล

แหล่งสบื คน้ ความรู้

นักเรียนสามารถค้นคว้าความรู้เพ่ิมเติมเร่ือง สุขภาพดี อาหารท่ีมี
ประโยชน์ ของเล่นและของใช้ และการป้องกันการเจ็บป่วยและการเกิด
การบาดเจ็บได้จากการสอบถามครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข
ในชุมชน หรือสือ่ การเรยี นรูจ้ ากหอ้ งสมุดโรงเรยี น


Click to View FlipBook Version