The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรปฐมวัย 64 (บันทึกอัตโนมัติ)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nu-jamss, 2022-03-09 09:10:37

หลักสูตรปฐมวัย 64 (บันทึกอัตโนมัติ)

หลักสูตรปฐมวัย 64 (บันทึกอัตโนมัติ)

๙๖

ลักษณะที่พึงประสงค์ที่ต้องกำรให้เกิดข้ึนตัวเด็กเม่ือจบหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย คุณลักษณะที่ระบุไว้ใน
มำตรฐำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กทุกคน ดังนั้น สถำนศึกษำและหน่วยงำนท่ี
เก่ียวข้องมีหน้ำที่และควำมรับผิดชอบในกำรจัดกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำเด็กให้มีคุณภำพมำตรฐำนที่พึงประสงค์
กำหนด ถือเป็นเคร่ืองมือสำคัญในกำรขับเคลื่อนและพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำปฐมวัย แนวคิดดังกล่ำวอยู่บน
ฐำนควำมเชื่อท่ีว่ำเด็กทุกคนสำมำรถพัฒนำอย่ำงมีคุณภำพและเท่ำเทียมได้ ขอบเขตของกำรประเมินพัฒนำ
กำรประกอบด้วย

๒.๑ สิ่งที่จะประเมิน
๒.๒ วธิ ีและเคร่อื งมอื ทใี่ ช้ในกำรประเมิน
๒.๓ เกณฑ์กำรประเมินพฒั นำกำร

๒.๑ สง่ิ ทจ่ี ะประเมนิ
กำรประเมินพัฒนำกำรสำหรับเดก็ อำยุ ๓-๖ ปี มเี ปำ้ หมำยสำคัญคือ มำตรฐำนคุณลักษณะที่

พงึ ประสงคจ์ ำนวน ๑๒ ขอ้ ดังนี้
๑. พฒั นำกำรด้ำนรำ่ งกำย ประกอบด้วย ๒ มำตรฐำน คอื

มำตรฐำนที่ ๑ ร่ำงกำรเจรญิ เตบิ โตตำมวัยและมีสุขนสิ ัยทีด่ ี
มำตรฐำนที่ ๒ กล้ำมเน้ือใหญ่และกล้ำมเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่ำงคล่องแคล่วและประสำนสัมพันธ์
กัน
๒. พฒั นำกำรด้ำนอำรมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย ๓ มำตรฐำน คือ
มำตรฐำนท่ี ๓ มสี ขุ ภำพจติ ดแี ละมคี วำมสขุ
มำตรฐำนที่ ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทำงศลิ ปะ ดนตรี และกำรเคล่อื นไหว
มำตรฐำนท่ี ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีจิตใจทีด่ งี ำม
๓. พัฒนำกำรด้ำนสงั คม ประกอบดว้ ย ๓ มำตรฐำน คอื
มำตรฐำนท่ี ๖ มที กั ษะชวี ิตและปฏบิ ัติตนตำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
มำตรฐำนที่ ๗ รกั ธรรมชำติ ส่งิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรมและควำมเปน็ ไทย
มำตรฐำนท่ี ๘ อยู่รว่ มกับผอู้ ่นื ไดอ้ ยำ่ งมคี วำมสขุ และปฏิบัติตนเป็นสมำชิกที่ดีของ
สังคมในระบอบประชำธิปไตย อันมีพระมหำกษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมท้ังเกิดวัฒนธรรมต่อต้ำนกำรทุจริต
สร้ำงควำมตระหนักให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมำกกว่ำประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้ำนทุจริต
ละอำยและเกรงกลวั ท่จี ะไมท่ จุ ริตและไมท่ นต่อกำรทุจรติ ทุกรูปแบบ
๔. พัฒนำกำรดำ้ นสตปิ ัญญำ ประกอบด้วย ๔ มำตรฐำน คือ
มำตรฐำนที่ ๙ ใช้ภำษำสื่อสำรได้เหมำะสมกับวัย
มำตรฐำนที่ ๑๐ มีควำมสำมำรถในกำรคดิ ที่เปน็ พ้นื ฐำนในกำรเรยี นรู้
มำตรฐำนท่ี ๑๑ มีจนิ ตนำกำรและควำมคดิ สร้ำงสรรค์
มำตรฐำนที่ ๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อกำรเรียนรู้และมีควำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรู้ได้เหมำะสมกับ
วัย

๙๗

ดำ้ นรำ่ งกำย ประกอบดว้ ย กำรประเมนิ กำรมนี ำ้ หนกั และส่วนสูงตำมเกณฑ์ สขุ ภำพอนำมัย สขุ นสิ ัยที่
ดีกำรรู้จักรักษำควำมปลอดภัย กำรเคล่ือนไหวและกำรทรงตัว กำรเล่นและกำรออกกำลังกำย และกำรใช้มือ
อย่ำงคลอ่ งแคล่วประสำนสัมพนั ธ์กนั

ด้ำนอำรมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย กำรประเมินควำมสำมำรถในกำรแสดงออกทำงอำรมณ์อย่ำง
เหมำะสมกับวัยและสถำนกำรณ์ ควำมรสู้ ึกทด่ี ตี ่อตนเองและผูอ้ ื่น มีควำมรู้สกึ เหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น ควำมสนใจ/
ควำมสำมำรถ/และมีควำมสุขในกำรทำงำนศิลปะ ดนตรี และกำรเคล่ือนไหว ควำมรับผิดชอบในกำรทำงำน
ควำมซื่อสัตย์สุจริตและรู้สึกถูกผิด ควำมเมตตำกรุณำ มีน้ำใจและช่วยเหลือแบ่งปัน ตลอดจนกำรประหยัด
อดออม และพอเพยี ง

ด้ำนสงั คม ประกอบด้วย กำรประเมนิ ควำมมวี นิ ยั ในตนเอง กำรช่วยเหลอื ตนเองในกำรปฏิบัติกจิ วตั ร
ประจำวัน กำรระวังภัยจำกคนแปลกหน้ำ และสถำนกำรณ์ท่ีเส่ียงอันตรำย กำรดูแลรักษำธรรมชำติและ
ส่ิงแวดล้อม กำรมีสัมมำคำรวะและมำรยำทตำมวัฒนธรรมไทย รักษำควำมเป็นไทย กำรยอมรับควำมเหมือน
และควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล กำรมีสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้อ่ืน กำรปฏิบัติตนเบื้องต้นในกำรเป็นสมำชิกท่ีดีของ
สงั คมในระบอบประชำธปิ ไตยอนั มพี ระมหำกษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข

ด้ำนสติปัญญำ ประกอบด้วย กำรประเมินควำมสำมำรถในกำรสนทนำโต้ตอบและเล่ำเร่ืองให้ผู้อ่ืน
เข้ำใจควำมสำมำรถในกำรอ่ำน เขียนภำพและสัญลักษณ์ ควำมสำมำรถในกำรคิดแก้ปัญหำ คิดเชิงเหตุผล คิด
รวบยอดกำรเล่น/กำรทำงำนศิลปะ/กำรแสดงท่ำทำง/เคล่ือนไหวตำมจินตนำกำรและควำมคิดสร้ำงสรรค์ของ
ตนเอง กำรมเี จตคติทด่ี ตี ่อกำรเรยี นร้แู ละควำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรู้
๒.๒ วิธกี ำรและเครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นกำรประเมนิ พฒั นำกำร

กำรประเมนิ พฒั นำกำรเดก็ แต่ละคร้งั ควรใช้วธิ กี ำรประเมนิ อยำ่ งหลำกหลำยเพื่อให้ได้ข้อมลู ท่สี มบูรณ์
ทส่ี ดุ วิธกี ำรทเี่ หมำะสมและนยิ มใชใ้ นกำรประเมินเดก็ ปฐมวยั มีดว้ ยกันหลำยวธิ ี ดงั ตอ่ ไปน้ี
๑. กำรสังเกตและกำรบันทกึ กำรสงั เกตมอี ยู่ ๒ แบบคอื

กำรสังเกตอย่ำงมรี ะบบ ไดแ้ ก่ กำรสังเกตอยำ่ งมจดุ ม่งุ หมำยท่ีแน่นอนตำมแผนทว่ี ำงไว้
กำรสังเกตแบบไม่เป็นทำงกำร เปน็ กำรสังเกตในขณะทเ่ี ด็กทำกิจกรรมประจำวันและเกดิ พฤติกรรม
ท่ีไม่คำดคิดว่ำจะเกิดข้ึนและผู้สอนจดบนั ทึกไว้กำรสงั เกตเปน็ วธิ ีกำรที่ผู้สอนใชใ้ นกำรศึกษำพัฒนำกำรของเด็ก
เมื่อมกี ำรสงั เกตก็ต้องมกี ำรบันทึก ผู้สอนควรทรำบว่ำจะบันทึกอะไรกำรบันทกึ พฤติกรรมมคี วำมสำคญั อย่ำงยิ่ง
ที่ต้องทำอย่ำงสม่ำเสมอ เน่ืองจำกเด็กเจริญ เติบโตและเปล่ียนแปลงอย่ำงรวดเร็ว จึงต้องนำมำบันทึกเป็น
หลกั ฐำนไว้อยำ่ งชดั เจน กำรสังเกตและกำรบันทึกพฒั นำกำรเด็กสำมำรถใช้แบบง่ำยๆคอื
๑.๑ แบบบันทึกพฤติกรรม ใช้บันทึกเหตุกำรณ์เฉพำะอย่ำงโดยบรรยำยพฤติกรรมเด็ก ผู้บันทึกต้องบันทึก
วัน เดือน ปีเกิดของเดก็ และวัน เดือน ปี ท่ีทำกำรบนั ทึกแตล่ ะครัง้
๑.๒ กำรบันทกึ รำยวัน เปน็ กำรบนั ทึกเหตุกำรณ์หรือประสบกำรณห์ รอื ประสบกำรณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชนั้
เรยี นทกุ วัน ถ้ำหำกบันทกึ ในรปู แบบของกำรบรรยำยก็มักจะเน้นเฉพำะเด็กรำยทีต่ ้องกำรศึกษำ ขอ้ ดขี องกำร
บนั ทึกรำยวันคือ กำรชใี้ ห้เห็นควำมสำมำรถเฉพำะอย่ำงของเด็ก จะชว่ ยกระต้นุ ใหผ้ สู้ อนได้พจิ ำรณำปัญหำของ
เด็กเป็นรำยบุคคลช่วยให้ผู้เชียวชำญมีข้อมูลมำกขึ้นสำหรับวินิจฉัยเด็กว่ำสมควรจะได้รับคำปรึกษำเพ่ือลด
ปัญหำและส่งเสริมพัฒนำกำรของเด็กได้อย่ำงถูกต้อง นอกจำกนั้นยังช่วยชี้ให้เห็นข้อเสียของกำรจัดกิจกรรม
และประสบกำรณ์ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี
๑.๓ แบบสำรวจรำยกำร ช่วยใหส้ ำมำรถวเิ ครำะห์เดก็ แตล่ ะคนไดค้ อ่ นข้ำงละเอียด

๙๘

๒. กำรสนทนำ
สำมำรถใชก้ ำรสนทนำได้ทง้ั เปน็ กล่มุ หรอื รำยบุคคล เพื่อประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรแสดงควำมคิดเห็น

และพฒั นำกำรดำ้ นภำษำของเดก็ และบันทึกผลกำรสนทนำลงในแบบบันทึกพฤตกิ รรมหรือบันทึกรำยวนั
3. กำรสมั ภำษณ์
ด้วยวิธีพูดคุยกับเด็กเป็นรำยบุคคลและควรจัดในสภำวะแวดล้อมเหมำะสมเพ่ือไม่ให้เกิดควำมเครียดและวิตก
กังวล ผู้สอนควรใช้คำถำมท่ีเหมำะสมเปิดโอกำสให้เด็กได้คิดและตอบอย่ำงอิสระจะทำให้ผู้สอนสำมำรถ
ประเมินควำมสำมำรถทำงสติปัญญำของเด็กแต่ละคนและค้นพบศักยภำพในตัวเด็กได้โดยบันทึกข้อมูลลงใน
แบบสมั ภำษณ์

กำรเตรยี มกำรก่อนกำรสมั ภำษณ์ ผสู้ อนควรปฏิบัติ ดังนี้
- กำหนดวัตถปุ ระสงค์ของกำรสัมภำษณ์
- กำหนดคำพดู /คำถำมทจ่ี ะพดู กบั เด็ก ควรเปน็ คำถำมทเี่ ดก็ สำมำรถตอบโตห้ ลำกหลำย ไมผ่ ิด/ถกู
กำรปฏิบตั ิขณะสมั ภำษณ์
- ผู้สอนควรสรำ้ งควำมคุ้นเคยเปน็ กันเอง
- ผู้สอนควรสรำ้ งสภำพแวดล้อมที่อบอนุ่ ไมเ่ ครง่ เครยี ด
- ผสู้ อนควรเปิดโอกำสเวลำให้เด็กมโี อกำสคิดและตอบคำถำมอยำ่ งอสิ ระ
- ระยะเวลำสัมภำษณไ์ ม่ควรเกนิ ๑๐-๒๐ นำที
๔. กำรรวบรวมผลงำนท่ีแสดงออกถงึ ควำมก้ำวหน้ำแตล่ ะดำ้ นของเดก็ เปน็ รำยบคุ คล
โดยจัดเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้มผลงำน (portfolio) ซึ่งเป็นวิธีรวบรวมและจัดระบบข้อมูลต่ำงๆที่
เก่ียวกับตัวเด็กโดยใช้เคร่ืองมือต่ำงๆรวบรวมเอำไว้อย่ำงมีจุดมุ่งหมำยที่ชัดเจน แสดงกำรเปล่ียนแปลงของ
พัฒนำ กำรแต่ละด้ำนนอกจำกนี้ยังรวมเคร่ืองมืออ่ืนๆ เช่น แบบสอบถำมผู้ปกครอง แบบสังเกตพฤติกรรม
แบบบันทึกสุขภำพอนำมัยฯลฯ เอำไว้ในแฟ้มผลงำน เพื่อผู้สอนจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กอย่ำงชัดเจนและ
ถูกต้อง กำรเก็บผลงำนของเด็กจะไม่ถือว่ำเป็นกำรประเมินผลถ้ำงำนแต่ละชิ้นถูกรวบรวมไว้โดยไม่ได้รับกำร
ประเมินจำกผู้สอนและไม่มีกำรนำผลมำปรับปรุงพัฒนำเด็กหรือปรับปรุงกำรสอนของผู้สอน ดังนั้นจึงเป็นแต่
กำรสะสมผลงำนเท่ำน้ัน เช่นแฟ้มผลงำนขีดเขียน งำนศิลปะ จะเป็นเพียงแค่แฟ้มผลงำนท่ีไม่มีกำรประเมิน
แฟ้มผลงำนน้ีจะเป็นเครื่องมือกำรประเมินต่อเน่ืองเม่ืองำนท่ีสะสมแต่ละชิ้นถูกใช้ในกำรบ่งบอกควำมก้ำวหนำ้
ควำมต้องกำรของเด็ก และเป็นกำรเก็บสะสมอย่ำงต่อเนื่องท่ีสร้ำงสรรค์โดยผู้สอนและเด็กผู้สอนสำมำรถใช้
แฟ้มผลงำนอย่ำงมีคุณค่ำสื่อสำรกับผู้ปกครองเพรำะกำรเก็บผลงำนเด็กอย่ำงต่อเนื่องและสม่ำเสมอในแฟ้ม
ผลงำนเป็นข้อมูลให้ผู้ปกครองสำมำรถเปรียบเทียบควำมก้ำวหน้ำท่ีลูกของตนมีเพิ่มข้ึน จำกผลงำนช้ินแรกกับ
ชิ้นต่อๆมำข้อมูลในแฟ้มผลงำนประกอบด้วย ตัวอย่ำงผลงำนกำรเขียดเขียน กำรอ่ำน และข้อมูลบำงประกำร
ของเด็กท่ีผู้สอนเป็นผู้บันทึก เช่น จำนวนเล่มของหนังสือท่ีเด็กอ่ำน ควำมถ่ีของกำรเลือกอ่ำนท่ีมุมหนังสือใน
ช่วงเวลำเลอื กเสรี กำรเปล่ียนแปลงอำรมณ์ ทัศนคติ เป็นต้น ข้อมูลเหลำ่ น้จี ะสะท้อนภำพของควำมงอกงำมใน
เด็กแต่ละคนได้ชัดเจนกว่ำกำรประเมินโดยกำรให้เกรด ผู้สอนจะต้องช้ีแจงให้ผู้ปกครองทรำบถึงที่มำของกำร
เลือกชิ้นงำนแต่ละช้ินงำนที่สะสมในแฟ้มผลงำน เช่น เป็นชิ้นงำนท่ีดีท่ีสุดในช่วงระยะเวลำท่ีเลือกชิ้นงำนน้ัน
เป็นช้ินงำนที่แสดงควำมต่อเนื่องของงำนโครงกำร ฯลฯ ผู้สอนควรเชิญผู้ปกครองมำมีส่วนร่วมในกำรคัดสรร
ชิน้ งำนทบ่ี รรจลุ งในแฟ้มผลงำนของเดก็
๕. กำรประเมนิ กำรเจริญเตบิ โตของเดก็
ตวั ชขี้ องกำรเจรญิ เตบิ โตในเด็กทีใ่ ช้ทัว่ ๆไป ไดแ้ ก่ น้ำหนักส่วนสงู เส้นรอบศีรษะ ฟนั และกำร
เจริญเตบิ โตของกระดูก แนวทำงประเมนิ กำรเจรญิ เติบโต มีดงั นี้

๙๙

๕.๑ กำรประเมินกำรเจรญิ เติบโต โดยกำรชัง่ น้ำหนกั และวัดสว่ นสงู เดก็ แล้วนำไปเปรียบเทยี บ
กบั เกณฑป์ กตใิ นกรำฟแสดงนำ้ หนกั ตำมเกณฑ์อำยุกระทรวงสำธำรณสุข ซ่ึงใชส้ ำหรบั ตดิ ตำมกำรเจริญเติบโต
โดยรวม วธิ ีกำรใชก้ รำฟมีขน้ั ตอน ดังนี้

เม่ือชั่งน้ำหนักเด็กแล้ว นำน้ำหนักมำจุดเครื่องหมำยกำกบำทลงบนกรำฟ และอ่ำนกำรเจริญเติบโต
ของเด็ก โดยดเู คร่ืองหมำยกำกบำทวำ่ อยู่ในแถบสีใด อ่ำนข้อควำมบนแถบสนี ั้น ซ่ึงแบง่ ภำวะโภชนำกำรเป็น ๓
กลุ่มคือ น้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ น้ำหนักมำกเกนเกณฑ์ น้ำหนักน้อยกว่ำเกณฑ์ ข้อควรระวังสำหรับ
ผู้ปกครองและผู้สอนคือ ควรดูแลน้ำหนักเด็กอย่ำงให้เบี่ยงเบนออกจำกเส้นประเมินมิเช่นน้ันเด็กมีโอกำส
น้ำหนกั มำกเกนิ เกณฑห์ รือนำ้ หนกั น้อยกว่ำเกณฑ์ได้

ขอ้ ควรคำนึงในกำรประเมินกำรเจรญิ เติบโตของเดก็
-เด็กแต่ละคนมีควำมแตกต่ำงกันในด้ำนกำรเจริญเติบโต บำงคนรูปร่ำงอ้วน บำงคนช่วงคร่ึงหลังของ
ขวบปแี รก น้ำหนักเด็กจะขน้ึ ช้ำ เนื่องจำกห่วงเลน่ มำกขึ้นและควำมอยำกอำหำรลดลงร่ำงใหญ่ บำงคนร่ำงเลก็
-ภำวะโภชนำกำรเปน็ ตวั สำคัญท่เี ก่ยี วข้องกับขนำดของรูปรำ่ ง แตไ่ มใ่ ชส่ ำเหตเุ ดยี ว
-กรรมพันธ์ุ เดก็ อำจมรี ูปรำ่ งเหมือนพอ่ แม่คนใดคนหนึง่ ถ้ำพ่อหรอื แม่เตย้ี ลูกอำจเตย้ี และพวกน้ีอำจมี
น้ำหนักตำ่ กว่ำเกณฑเ์ ฉลยี่ ไดแ้ ละมักจะเป็นเดก็ ที่ทำนอำหำรได้น้อย
๕.๒ กำรตรวจสขุ ภำพอนำมยั เปน็ ตวั ชวี้ ดั คณุ ภำพของเด็ก โดยพิจำรณำควำมสะอำดสง่ิ ปกติของ
ร่ำงกำยท่ีจะส่งผลต่อกำรดำเนินชวี ิตและกำรเจริญเติบโตของเด็ก ซึ่งจะประเมินสุขภำพอนำมัย ๙ รำยกำรคือ
ผมและศีรษะ หูและใบหู มือและเล็บมือ เท้ำและเล็บเท้ำ ปำก ลิ้นและฟัน จมูก ตำ ผิวหนังและใบหน้ำ และ
เสอ้ื ผ้ำ
๒.๓ เกณฑ์กำรประเมินพฒั นำกำร
กำรสรำ้ งเกณฑห์ รือพฒั นำเกณฑห์ รือกำหนดเกณฑ์กำรประเมินพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย ผสู้ อนควร
ให้ควำมสนใจในสว่ นท่เี กย่ี วข้อง ดงั น้ี
๑. กำรวำงแผนกำรสังเกตพฤตกิ รรมของเด็กอยำ่ งเป็นระบบ เชน่ จะสงั เกตเด็กคนใดบำ้ งในแต่ละวัน
กำหนดพฤตกิ รรมท่ีสงั เกตให้ชัดเจน จัดทำตำรำงกำหนดกำรสงั เกตเด็กเป็นรำยบคุ คล รำยกล่มุ ผสู้ อนต้อง
เลอื กสรรพฤติกรรมทต่ี รงกบั ระดบั พัฒนำกำรของเด็กคนน้ันจริงๆ
๒. ในกรณีทีห่ อ้ งเรียนมีนักเรียนจำนวนมำก ผู้สอนอำจเลือกสังเกตเฉพำะเดก็ ที่ทำได้ดแี ลว้ และเด็กที่
ยังทำไม่ได้ สว่ นเด็กปำนกลำงใหถ้ ือว่ำทำได้ไปตำมกจิ กรรม
๓. ผสู้ อนตอ้ งสงั เกตจำกพฤติกรรม คำพูด กำรปฏบิ ัตติ ำมข้ันตอนในระหวำ่ งทำงำน/กิจกรรม และ
คณุ ภำพของผลงำน/ชนิ้ งำน รอ่ งรอยทีน่ ำมำใช้พจิ ำรณำตัดสนิ ผลของกำรทำงำนหรอื กำรปฏิบตั ิ ตวั อยำ่ งเช่น

๑) เวลำที่ใชใ้ นกำรทำกจิ กรรม/ทำงำน ถำ้ เด็กไม่ชอบ ไม่ชำนำญจะใช้เวลำมำก มีทำ่ ทำง
อดิ ออด ไม่กล้ำ ไม่เตม็ ใจทำงำน

๒) ควำมต่อเนื่อง ถ้ำเด็กยังมีกำรหยดุ ชะงัก ลงั เล ทำงำนไมต่ อ่ เนื่อง แสดงว่ำเด็กยังไม่
ชำนำญหรือยงั ไม่พร้อม

๓) ควำมสมั พนั ธ์ ถ้ำกำรทำงำน/ปฏบิ ตั ิน้ันๆมคี วำมสมั พนั ธต์ อ่ เนือ่ ง ไม่รำบรนื่ ท่ำทำงมอื และ
เท้ำไม่สัมพนั ธ์กัน แสดงวำ่ เดก็ ยังไม่ชำนำญหรือยังไมพ่ ร้อม ท่ำทีแ่ สดงออกจงึ ไม่สง่ำงำม

๔) ควำมภูมิใจ ถ้ำเด็กยังไม่ชื่นชม ก็จะทำงำนเพียงใหแ้ ลว้ เสร็จอย่ำงรวดเร็ว ไม่มคี วำมภมู ใิ จ
ในกำรทำงำน ผลงำนจึงไม่ประณตี
๒.๓.๑ ระดบั คุณภำพผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรเด็ก

๑๐๐

กำรใหร้ ะดับคุณภำพผลกำรประเมินพฒั นำกำรของเด็กทั้งในระดับชนั้ เรียนและระดับสถำนศึกษำควร

กำหนดในทิศทำงหรือรูปแบบเดยี วกัน สถำนศึกษำสำมำรถให้ระดับคุณภำพผลกำรประเมินพฒั นำกำรของเด็ก

ที่สะท้อนมำตรฐำนคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ หรือพฤติกรรมที่จะประเมิน เป็น

ระบบตัวเลข เชน่ ๑ หรอื ๒ หรอื ๓ หรือเป็นระบบทใ่ี ช้คำสำคัญ เช่น พอใช้ ควรส่งเสริม ตำมท่ีสถำนศกึ ษำ

กำหนดตัวอยำ่ งเช่น

ระบบตวั เลข ระบบทใี่ ชค้ ำสำคญั

๓ ดี

๒ พอใช้

๑ ควรสง่ เสริม

สถำนศึกษำอำจกำหนดระดบั คุณภำพของกำรแสดงออกในพฤติกรรม เปน็ ๓ ระดบั ดงั น้ี

ระดับคุณภำพ ระบบที่ใชค้ ำสำคัญ

๑ หรือ ควรสง่ เสรมิ เด็กมีควำมลังเล ไม่แน่ใจ ไม่ยอมปฏิบัติกิจกรรม

ท้งั น้ี เน่อื งจำกเด็กยงั ไม่พรอ้ ม

ยังมั่นใจ และกลัวไม่ปลอดภัย ผู้สอนต้องยั่วยุหรือ

แสดงใหเ้ ห็นเปน็ ตวั อย่ำงหรือ

ต้องคอยอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆให้เด็กทำทีละข้ันตอน

พรอ้ มตอ้ งใหก้ ำลงั ใจ

๒ หรือ พอใช้ เด็กแสดงได้เอง แตย่ ังไมค่ ล่อง เด็กกลำ้ ทำมำกข้ึน

ผู้สอนกระตุ้นน้อยลง ผู้สอนต้องคอยแก้ไขในบำงครัง้

หรอื คอยให้กำลังใจใหเ้ ด็กฝึกปฏิบัติมำกข้นึ

๓ หรอื ดี เดก็ แสดงไดอ้ ย่ำงชำนำญ คล่องแคล่ว และภมู ิใจ

เดก็ จะแสดงไดเ้ องโดยไม่ต้องกระต้นุ มีควำมสมั พนั ธ์

ทีด่ ี

ตัวอย่ำงคำอธบิ ำยคุณภำพ

พฒั นำกำรด้ำนรำ่ งกำย : สุขภำพอนำมัย พฒั นำกำรดำ้ นรำ่ งกำย : กระโดดเท้ำเดยี ว

ระดับคุณภำพ คำอธบิ ำยคุณภำพ ระดับคุณภำพ คำอธบิ ำยคุณภำพ

๑ หรือ ควรสง่ เสริม สง่ เสริมควำมสะอำด ๑ หรอื ควรสง่ เสริม ทำได้แตไ่ ม่ถูกต้อง

๒ หรอื พอใช้ สะอำดพอใช้ ๒ หรือ พอใช้ ทำได้ถกู ต้อง

แตไ่ ม่คล่องแคลว่

๓ หรือ ดี สะอำด ๓ หรอื ดี ทำได้ถกู ต้อง และ

คล่องแคล่ว

พัฒนำกำรด้ำนอำรมณ์ : ประหยดั

ระดบั คุณภำพ คำอธบิ ำยคุณภำพ

๑ หรือ ควรสง่ เสรมิ ใชส้ ่งิ ของเครื่องใช้เกินควำมจำเปน็

๒ หรือ พอใช้ ใช้ส่งิ ของเคร่ืองใช้อยำ่ งประหยดั เปน็ บำงครง้ั

๓ หรือ ดี ใช้สิ่งของเครื่องใช้อยำ่ งประหยัดตำมควำมจำเป็นทกุ คร้ัง

ด้ำนสงั คม : ปฏิบตั ติ ำมข้อตกลง

๑๐๑

ระดับคุณภำพ คำอธบิ ำยคุณภำพ

๑ หรอื ควรสง่ เสรมิ ไม่ปฏิบตั ิตำมขอ้ ตกลง

๒ หรือ พอใช้ ปฏิบตั ติ ำมข้อตกลง โดยมีผูช้ นี้ ำหรือกระตนุ้

๓ หรอื ดี ปฏบิ ตั ติ ำมข้อตกลงได้ดว้ ยตนเอง

พฒั นำกำรด้ำนสตปิ ัญญำ : เขยี นช่อื ตนเองตำมแบบ

ระดบั คุณภำพ คำอธบิ ำยคุณภำพ

๑ หรือ ควรส่งเสริม เขยี นช่อื ตนเองไมไ่ ด้ หรือเขียนเปน็ สญั ลกั ษณ์ทไ่ี ม่เปน็ ตัวอักษร

๒ หรอื พอใช้ เขียนชอ่ื ตนเองได้ มีอักษรบำงตวั กลับหัว กลบั ด้ำนหรอื สลบั ท่ี

๓ หรอื ดี เขยี นชื่อเองได้ ตวั อกั ษรไม่กลับหัว ไม่กลับด้ำนไม่สลบั ที่

๒.๓.๒ กำรสรุปผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรเด็ก

หลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย โรงเรียนวัดม่วง ปีกำรศึกษำ๒๕๖๓ (ตำมหลักสูตรปฐมวัย พุทธศักรำช

๒๕๖๐)กำหนดเวลำเรียนสำหรับเด็กปฐมวัยต่อปีกำรศึกษำไม่น้อยกว่ำ ๑๘๐ วัน สถำนศึกษำบริหำรจัดกำร

เวลำที่ได้รับน้ีให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกำรพัฒนำเด็กอย่ำงรอบด้ำนและสมดุล ผู้สอนมีเวลำในกำรพัฒนำเด็ก

และเติมเต็มศักยภำพของแด็ก เพื่อให้กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้มีประสิทธิภำพ ผู้สอนต้องตรวจสอบ

พฤติกรรมท่ีแสดงพัฒนำกำรของเด็กต่อเน่ืองมีกำรประเมินซ้ำพฤติกรรมนั้นๆอย่ำงน้อย ๑ คร้ังต่อภำคเรียน

เพ่ือยืนยันควำมเช่ือม่ันของผลกำรประเมินพฤติกรรมน้ันๆ และนำผลไปเป็นข้อมูลในกำรสรุปกำรประเมิน

สภำพที่พึงประสงค์ของเด็กในแต่ละสภำพที่พึงประสงค์ นำไปสรุปกำรประเมินตัวบ่งชี้และมำตรฐำน

คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ตำมลำดบั อนึง่ กำรสรุประดับคุณภำพของกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก วิธกี ำรทำงสถิติ

ที่เหมำะสมและสะดวกไม่ยุ่งยำกสำหรับผู้สอน คือกำรใช้ฐำนนิยม (Mode) ในบำงคร้ังพฤติกรรม หรือสภำพท่ี

พึงประสงค์หรือตัวบ่งช้ีนิยมมำกว่ำ ๑ ฐำนนิยม ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถำนศึกษำ กล่ำวคือ เม่ือมีระดับ

คณุ ภำพซำ้ มำกกว่ำ ๑ ระดับ สถำนศกึ ษำอำจตัดสนิ สรุปผลกำรประเมินพฒั นำกำรบนพนื้ ฐำน หลักพฒั นำกำร

และกำรเตรียมควำมพร้อม หำกเปน็ ภำคเรียนท่ี ๑ สถำนศึกษำควรเลือกตัดสินใจใชฐ้ ำนนยิ มท่ีมีระดับคุณภำพ

ต่ำกว่ำเพ่ือใช้เป็นข้อมูลในกำรพัฒนำเด็กให้พร้อมมำกขึ้น หำกเป็นภำคเรียนท่ี ๒ สถำนศึกษำควรเลือก

ตดั สนิ ใจใชฐ้ ำนนยิ มที่มีระดับคณุ ภำพสงู กว่ำเพอ่ื ตัดสนิ และกำรส่งตอ่ เดก็ ในระดบั ช้นั ท่ีสูงขน้ึ

๒.๓.๓ กำรเลอื่ นชน้ั อนบุ ำลและเกณฑก์ ำรจบกำรศึกษำระดบั ปฐมวัย

เมื่อส้นิ ปกี ำรศึกษำ เดก็ จะไดร้ ับกำรเลื่อนช้นั โดยเดก็ ต้องไดร้ บั กำรประเมินมำตรฐำนคุณลกั ษณะทพ่ี ึง

ประสงค์ท้ัง ๑๒ ข้อ ตำมหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย เพ่ือเป็นข้อมูลในกำรส่งต่อยอดกำรพัฒนำให้กับเด็กใน

ระดบั สูงขนึ้ ตอ่ ไป และเน่อื งจำกกำรศกึ ษำระดบั อนุบำลเปน็ กำรจดั กำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำนที่ไม่นบั เป็นกำรศึกษำ

ภำคบังคับ จึงไม่มีกำรกำหนดเกณฑ์กำรจบชั้นอนุบำล กำรเทียบโนกำรเรียน และเกณฑ์กำรเรียนซ้ำช้ัน และ

หำกเด็กมีแนวโน้มว่ำจะมีปัญหำต่อกำรเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น สถำนศึกษำอำจต้ังคณะกรรมกำรเพ่ือพิจำรณำ

ปัญหำ และประสำนกบั หนว่ ยงำนที่เกยี่ วข้องในกำรให้ควำมช่วยเหลือ เชน่ เจ้ำหนำ้ ท่สี ำธำรณสุขสง่ เสริมตำบล

นักจิตวทิ ยำ ฯลฯ เขำ้ รว่ มดำเนนิ งำนแก้ปัญหำได้

อยำ่ งไรก็ตำม ทกั ษะทน่ี ำไปสู่ควำมพร้อมในกำรเรยี นรู้ทส่ี ำมำรถใช้เปน็ รอยเชื่อมต่อระหว่ำงชัน้

อนุบำลกบั ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๑ ท่ีควรพิจำรณำมที กั ษะดังน้ี

๑. ทักษะกำรช่วยเหลือตนเอง ไดแ้ ก่ ใชห้ ้องนำ้ ห้องสว้ มไดด้ ้วยตนเอง แต่งกำยไดเ้ อง เกบ็ ของเข้ำที่

เมอ่ื เลน่ เสร็จและชว่ ยทำควำมสะอำด ร้จู กั รอ้ งขอให้ช่วยเมื่อจำเป็น

๒. ทักษะกำรใช้กล้ำมเนื้อใหญ่ ไดแ้ ก่ วง่ิ ไดอ้ ย่ำงรำบรืน่ วิ่งก้ำวกระโดดได้ กระดว้ ยสองขำพน้ จำกพืน้

ถือจบั ขว้ำง กระดอนลูกบอลได้

๑๐๒

๓. ทักษะกำรใช้กลำ้ มเนอื้ เล็ก ได้แก่ ใชม้ ือหยิบจบั อุปกรณ์วำดภำพและเขยี น วำดภำพคนมีแขน ขำ
และสว่ นตำ่ งๆของรำ่ งกำย ตัดตำมรอยเสน้ และรปู ต่ำงๆ เขียนตำมแบบอย่ำงได้

๔. ทักษะภำษำกำรรูห้ นังสือ ไดแ้ ก่ พูดใหผ้ อู้ ่นื เข้ำใจได้ ฟังและปฏบิ ตั ติ ำมคำชี้แจงงง่ำยๆ ฟังเรอื่ งรำว
และคำคล้องจองต่ำงๆอย่ำงสนใจ เข้ำร่วมฟังสนทนำอภิปรำยในเร่ืองต่ำงๆ รู้จักผลัดกันพูดโต้ตอบ เล่ำเร่ือง
และทบทวนเร่ืองรำวหรือประสบกำรณ์ต่ำงๆ ตำมลำดับเหตุกำรณ์เล่ำเร่ืองจำกหนังสือภำพอย่ำงเป็นเหตุเป็น
ผล อำ่ นหรอื จดจำคำบำงคำทมี่ ีควำมหมำยตอ่ ตนเอง เขียนชือ่ ตนเองได้ เขียนคำที่มีควำมหมำยตอ่ ตนเอง

๕. ทกั ษะกำรคิด ได้แก่ แลกเปลี่ยนควำมคิดและใหเ้ หตุผลได้ จดจำภำพและวสั ดุที่เหมือนและต่ำงกัน
ได้ใช้คำใหม่ๆในกำรแสดงควำมคิด ควำมรู้สึก ถำมและตอบคำถำมเกี่ยวกับเร่ืองท่ีฟังเปรียบเทียบจำนวนของ
วัตถุ ๒กลุ่ม โดยใช้คำ “มำกกว่ำ” “น้อยกว่ำ” “เท่ำกัน” อธิบำยเหตุกำรณ์/เวลำ ตำมลำดับอย่ำงถูกต้อง รู้จัก
เชอ่ื มโยงเวลำกบั กิจวตั รประจำวัน

๖. ทกั ษะทำงสงั คมและอำรมณ์ ไดแ้ ก่ ปรบั ตวั ตำมสภำพกำรณ์ ใช้คำพดู เพอื่ แก้ไขขอ้ ขัดแย้งนัง่ ไดน้ ำน
๕-๑๐ นำที เพอ่ื ฟังเรือ่ งรำวหรือทำกจิ กรรม ทำงำนจนสำเรจ็ ร่วมมือกับคนอน่ื และรู้จกั ผลัดกนั เล่น ควบคุม
อำรมณต์ นเองได้เมือ่ กงั วลหรอื ตนื่ เต้น หยุดเล่นและทำในส่งิ ทผ่ี ูใ้ หญ่ตอ้ งกำรให้ทำได้ ภมู ใิ จในควำมสำเรจ็ ของ
ตนเอง
๓. กำรรำยงำนผลกำรประเมนิ พัฒนำกำร

กำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำรเป็นกำรสอ่ื สำรให้พ่อแม่ ผ้ปู กครองได้รบั ทรำบควำมกำ้ วหนำ้ ใน
กำรเรยี นรู้ของเด็ก ซงึ่ สถำนศกึ ษำต้องสรุปผลกำรประเมินพัฒนำกำร และจดั ทำเอกสำรรำยงำนให้ผปู้ กครอง
ทรำบเปน็ ระยะๆ หรอื อยำ่ งนอ้ ยภำคเรยี นละ ๑ คร้งั

กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรสำมำรถรำยงำนเป็นระดับคุณภำพท่ีแตกต่ำงไปตำมพฤติกรรม
ที่แสดงออกถึงพัฒนำกำรแต่ละด้ำน ท่ีสะท้อนมำตรฐำนคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ท้ัง ๑๒ ข้อ ตำมหลักสูตร
กำรศึกษำปฐมวยั
๓.๑ จดุ ม่งุ หมำยกำรรำยงำนผลกำรประเมนิ พัฒนำกำร

๑) เพื่อใหผ้ เู้ กี่ยวข้อง พ่อ แม่ และผปู้ กครองใช้เปน็ ขอ้ มลู ในกำรปรับปรุงแกไ้ ข สง่ เสริม และ
พฒั นำกำรเรียนรู้ของเด็ก

๒) เพื่อให้ผสู้ อนใชเ้ ปน็ ข้อมูลในกำรวำงแผนกำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้
๓) เพอื่ เป็นข้อมลู สำหรับสถำนศกึ ษำ เขตพน้ื ทก่ี ำรศึกษำ และหน่วยงำนต้นสงั กดั ใช้ประกอบในกำร
กำหนดนโยบำยวำงแผนในกำรพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำ
๓.๒ ขอ้ มลู ในกำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำร
๓.๒.๑ ขอ้ มูลระดบั ช้ันเรยี น ประกอบด้วย เวลำเรียนแบบบันทึกกำรประเมนิ พฒั นำกำรตำม
หน่วยกำรจัดประสบกำรณ์ สมุดบันทึกผลกำรประเมินพัฒนำกำรประจำชั้น และสมุดรำยงำนประจำตัว
นักเรียนและสำรนิทัศน์ที่สะท้อนกำรเรียนรู้ของเด็ก เป็นข้อมูลสำหรับรำยงำนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่
ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ผู้สอน และผู้ปกครอง ได้รับทรำบควำมก้ำวหน้ำ ควำมสำเร็จในกำรเรียนรู้ของเด็กเพื่อ
นำไปในกำรวำงแผนกำหนดเปำ้ หมำยและวธิ ีกำรในกำรพฒั นำเด็ก
๓.๒.๒ ข้อมูลระดับสถำนศึกษำ ประกอบด้วย ผลกำรประเมินมำตรฐำนคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ทง้ั
๑๒ ขอ้ ตำมหลักสูตร เพ่อื ใชเ้ ป็นข้อมลู และสำรสนเทศในกำรพัฒนำกำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรียนกำรสอนและ
คุณภำพของเด็ก ให้เป็นไปตำมมำตรฐำนคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และแจ้งให้ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องได้รับ
ทรำบข้อมูล โดยผู้มีหน้ำที่รับผิดชอบแต่ละฝ่ำยนำไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนำเด็กให้เกิดพัฒนำกำรอย่ำง
ถกู ตอ้ ง เหมำะสม รวมทัง้ นำไปจดั ทำเอกสำรหลักฐำนแสดงพัฒนำกำรของผู้เรียน

๑๐๓

๓.๒.๓ ข้อมูลระดับเขตพื้นที่กำรศึกษำ ได้แก่ ผลกำรประเมินมำตรฐำนคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ทั้ง

๑๒ ข้อ ตำมหลักสูตรเป็นรำยสถำนศึกษำ เพื่อเป็นข้อมูลท่ีศึกษำนิเทศก์/ผู้เก่ียวข้องใชว้ ำงแผนและดำเนินกำร

พัฒนำคุณภำพกำรศึกษำปฐมวัยของสถำนศึกษำในเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ เพื่อให้เกิดกำรยกระดับคุณภำพเด็ก

และมำตรฐำนกำรศกึ ษำ

๓.๓ ลักษณะขอ้ มูลสำหรับกำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำร

กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำร สถำนศึกษำสำมำรถเลือกลักษณะข้อมูลสำหรับกำรรำยงำนได้

หลำยรูปแบบให้เหมำะสมกับวิธีกำรรำยงำนและสอดคล้องกับกำรให้ระดับผลกำรประเมินพัฒนำกำรโดย

คำนงึ ถึงประสิทธิภำพของกำรรำยงำนและกำรนำข้อมูลไปใช้ประโยชนข์ องผ้รู ำยงำนแต่ละฝ่ำยลักษณะข้อมูลมี

รปู แบบดังน้ี

๓.๓.๑ รำยงำนเป็นตวั เลข หรือคำท่ีเปน็ ตัวแทนระดบั คณุ ภำพพัฒนำกำรของเด็กท่ีเกิดจำกกำร

ประมวลผล สรุปตดั สินข้อมลู ผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรของเด็ก ได้แก่

- ระดับผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรมี ๓ ระดับ คือ ๓ ๒ ๑

- ผลกำรประเมินคณุ ภำพ “ด”ี “พอใช้” และ “ควรสง่ เสรมิ ”

๓.๓.๒ รำยงำนโดยใช้สถิติ เป็นรำยงำนจำกข้อมูลที่เป็นตัวเลข หรือข้อควำมให้เป็นภำพแผนภูมิหรือ

เสน้ พฒั นำกำร ซ่ึงจะแสดงใหเ้ ห็นพัฒนำกำรควำมก้ำวหน้ำของเด็กว่ำดีขน้ึ หรอื ควรได้รบั กำรพฒั นำอย่ำงไร

เมอ่ื เวลำเปลย่ี นแปลงไป

๓.๓.๓ รำยงำนเป็นข้อควำม เป็นกำรบรรยำยพฤติกรรมหรือคุณภำพที่ผู้สอนสังเกตพบ เพื่อรำยงำน

ใหท้ รำบว่ำผู้เก่ียวข้อง พ่อ แม่ และผ้ปู กครองทรำบว่ำเด็กมคี วำมสำมำรถ มพี ฤตกิ รรมตำมคุณลักษณะที่

พงึ ประสงคต์ ำมหลักสูตรอยำ่ งไร เชน่

- เดก็ รับลูกบอลทกี่ ระดอนจำกพนื้ ด้วยมอื ท้งั ๒ ขำ้ งไดโ้ ดยไม่ใชล้ ำตัวชว่ ยและลูกบอลไม่ตกพนื้

- เดก็ แสดงสีหนำ้ ทำ่ ทำงสนใจ และมีควำมสุขขณะทำงำนทกุ ชว่ งกิจกรรม

- เด็กเล่นและทำงำนคนเดยี วเปน็ ส่วนใหญ่

- เด็กจับหนงั สือไม่กลับหัว เปิด และทำท่ำทำงอำ่ นหนงั สือและเล่ำเรอ่ื งได้

๓.๔ เปำ้ หมำยของกำรรำยงำน

กำรดำเนินกำรจัดกำรศึกษำปฐมวัย ประกอบดว้ ย บุคลำกรหลำยฝ่ำยร่วมมอื ประสำนงำนกนั พฒั นำ

เด็กทำงตรงและทำงอ้อม ให้มีพฒั นำกำร ทกั ษะ ควำมสำมำรถ คุณธรรม จริยธรรม ค่ำนิยมและคุณลกั ษณะท่ี

พึงประสงคโ์ ดยผู้มีสว่ นร่วมเกี่ยวขอ้ งควรได้รบั กำรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรของเด็กเพื่อใช้เปน็ ข้อมลู ใน

กำรดำเนนิ งำน ดงั นี้

กล่มุ เป้ำหมำย กำรใชข้ ้อมูล

-วำงแผนและดำเนินกำรปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นำเด็ก

ผูส้ อน -ปรับปรงุ แกไ้ ขและพฒั นำกำรจัดกำรเรยี นรู้

ผูบ้ ริหำรสถำนศึกษำ -ส่งเสรมิ พฒั นำกระบวนกำรจัดกำรเรียนรรู้ ะดบั ปฐมวยั

ของสถำนศกึ ษำ

พ่อ แม่ และผปู้ กครอง -รบั ทรำบผลกำรประเมินพฒั นำกำรของเด็ก

-ปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นำกำรเรยี นรู้ของเด็ก รวมทั้ง

กำรดูแลสขุ ภำพอนำมยั

ร่ำงกำย อำรมณ์ จิตใจ สังคม และพฤตกิ รรมต่ำงๆของ

เด็ก

๑๐๔

กล่มุ เป้ำหมำย กำรใชข้ ้อมูล

คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขนั้ พ้ืนฐำน -พฒั นำแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำปฐมวยั สถำนศึกษำ

สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำ/หน่วยงำนต้นสังกัด -ยกระดบั และพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำปฐมวัยของ

สถำนศกึ ษำในเขตพ้ืนทีก่ ำรศึกษำ นิเทศ กำกับ ตดิ ตำม

ประเมนิ ผลและให้ควำมชว่ ยเหลือกำรพฒั นำคุณภำพ

กำรศึกษำปฐมวยั ของสถำนศึกษำในสงั กดั

๓.๕ วธิ กี ำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำร

กำรรำยงำนผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรให้ผู้เก่ยี วข้องรับทรำบ สำมำรถดำเนินกำร ได้ดังน้ี

๓.๕.๑ กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรในดอกสำรหลกั ฐำนกำรศกึ ษำ ข้อมลู จำกแบบ

รำยงำน สำมำรถใช้อ้ำงอิง ตรวจสอบ และรบั รองผลพฒั นำกำรของเดก็ เช่น

- แบบบันทกึ ผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรประจำชั้น

- แฟ้มสะสมงำนของเด็กรำยบุคคล

- สมดุ รำยงำนประจำตัวนักเรียน

- สมุดบันทกึ สุขภำพเดก็ ฯลฯ

๓.๕.๒ กำรรำยงำนคณุ ภำพกำรศึกษำปฐมวัยให้ผูเ้ กี่ยวข้องทรำบ สำมำรถรำยงำนได้หลำยวิธี เช่น

- รำยงำนคุณภำพกำรศึกษำปฐมวัยประจำปี

- วำรสำร/จลุ สำรของสถำนศึกษำ

-จดหมำยส่วนตัว

-กำรใหค้ ำปรึกษำ

-กำรให้พบครูท่ปี รึกษำหรือกำรประชมุ เครือข่ำยผู้ปกครอง

- กำรใหข้ ้อมูลทำงอนิ เตอรเ์ น็ตผำ่ นเวบ็ ไซตข์ องสถำนศึกษำ

สรุปผลกำรประเมิน จดั ทำข้อมูลและนำผลกำรประเมินไปใช้พัฒนำเดก็

สำหรบั วิธีกำรประเมินที่เหมำะสมและควรใช้กบั เด็กอำยุ ๓-๖ ปี ได้แก่ กำรสังเกต กำรบนั ทึกพฤตกิ รรม

กำสนทนำกบั เดก็ กำรสมั ภำษณ์ กำรวิเครำะห์ข้อมูลจำกผลงำนเด็กทเ่ี กบ็ อย่ำงมรี ะบบ กำรประเมนิ พัฒนำกำร

เด็กของผ้สู อนระดับปฐมวยั จะมขี น้ั ตอนสำคัญๆคลำ้ ยคลึงกบั กำรประเมินกำรศึกษำทัว่ ไป ขน้ั ตอนตำ่ งๆอำจ

ปรับลด หรือเพิ่มไดต้ ำมควำมเหมำะสมกบั บริบทของสถำนศึกษำและสอดคลอ้ งกับกำรจดั ประสบกำรณ์ หรือ

อำจสลบั ลำดับก่อนหลงั ไดบ้ ้ำง ข้ันกำรประเมินพฒั นำกำรเดก็ ปฐมวัย โดยสรปุ ควรมี ๖ ขัน้ ตอน ดงั นี้

ข้ันตอนท่ี ๑ กำรวเิ ครำะห์มำตรฐำนคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ตวั บง่ ชี้ และสภำพที่พึงประสงค์ ตวั บ่งชี้
และสภำพท่ีพึงประสงค์ท่ีสัมพันธ์กับหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์ต่ำงๆ อันจะเป็นประโยชน์ในกำรดำเนินงำน
กำรประเมนิ พฒั นำกำรอย่ำงเป็นระบบและครอบคลมุ ท่ัวถงึ

ขั้นตอนที่ ๒ กำรกำหนดสิ่งที่จะประเมินและวิธีกำรประเมิน ในขั้นตอนนี้ส่ิงท่ีผู้สอนต้องทำคือ กำร
กำหนดกำรประเด็นกำรประเมิน ได้แก่ สภำพท่ีพึงประสงค์ในแต่ละวัยของเด็กที่เกิดจำกกำรจัดประสบกำรณ์
ในแต่กำรจัดประสบกำรณ์ มำกำหนดเป็นจุดประสงค์กำรเรียนรู้ของหน่วยกำรเรียนรู้ จุดประสงค์ย่อยของ
กิจกรรมตำมตำรำงประจำวัน ๖กิจกรรมหลัก หรือตำมรูปแบบกำรจัดประสบกำรณ์ท่ีกำหนด ผู้สอนต้อง
วำงแผนและออกแบบวิธีกำรประเมินให้เหมำะสมกับกิจกรรม บำงคร้ังอำจใช้กำรสังเกต พฤติกรรม กำร
ประเมินผลงำน/ช้ินงำน กำรพูดคุยหรือสัมภำษณ์เด็ก เป็นต้น ทั้งนี้วิธีกำรที่ผู้สอนเลือกใช้ต้องมีควำมหมำย
หลำกหลำย หรอื มำกว่ำ ๒ วธิ กี ำร

๑๐๕

กำรบนั ทกึ ผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรตำมสภำพท่ีพึงประสงค์ของแตล่ ะหน่วยกำรจัดประสบกำรณน์ นั้
ผูส้ อนเป็นผปู้ ระเมินเด็กเป็นรำยบคุ คลหรอื รำยกลมุ่ อำจใหร้ ะดับคุณภำพ ๓ หรอื ๒ หรือ ๑ หรือให้คำสำคญั
ท่ีเป็นคุณภำพ เช่น ดี พอใช้ และควรส่งเสริม ก็ได้ ท้ังน้ีควรเป็นระบบเดียวกันเพ่ือสะดวกในกำรวิเครำะห์
ข้อมูลและแปลผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก ในระยะต้นควรเป็นกำรประเมินเพื่อควำมก้ำวหน้ำไม่ควรเป็น
กำรประเมินเพื่อตัดสิ้นพัฒนำกำรเด็ก หำกผลกำรประเมินพบว่ำ เด็กอยู่ในระดับ ๑ พฤติกรรมหนึ่งพฤติกรรม
ใดผสู้ อนตอ้ งทำควำมเข้ำใจวำ่ เดก็ คนนน้ั มีพฒั นำกำรเร็วหรอื ช้ำ ผู้สอนจะต้องจดั ประสบกำรณส์ ่งเสริมในหน่วย
กำรจัดประสบกำรณ์ต่อไปอย่ำงไร ดังนั้น กำรเก็บรวบรวมข้อมูลผลกำรประเมินพัฒนำกำรในแต่ละหน่วยกำร
จัดประสบกำรณ์ของผู้สอน จึงเป็น กำรสะสมหรือรวบรวมข้อมูลผลกำรประเมินพัฒนำกำรของเด็กรำยบุคคล
หรือรำยกลุ่มนั่นเอง เมื่อผู้สอนจัดประสบกำรณ์ครบทุกหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์ตำมท่ีวิเครำะห์สำระกำร
เรยี นรู้รำยปีของแตล่ ะภำคเรยี น

ขั้นตอนท่ี ๕ กำรวิเครำะหข์ ้อมูลและแปลผล ในขนั้ ตอนนี้ ผสู้ อนท่เี ป็นผปู้ ระเมิน ควรดำเนนิ กำร ดงั น้ี
๑) กำรวิเครำะห์และแปลผลกำรประเมินพัฒนำกำรเมื่อส้ินสุดหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์ผู้สอนจะ
บันทึกผลกำรประเมินพัฒนำกำรของเด็กลงในแบบบันทึกผลกำรสังเกตพฤติกรรมตำมสภำพที่พึงประสงค์ของ
หนว่ ยกำรจัดประสบกำรณห์ นว่ ยที ๑ จนถึงหนว่ ยสุดทำ้ ยของภำคเรยี น
๒) กำรวิเครำะห์และแปลผลกำรประเมินประจำภำคเรียนหรือภำคเรียนท่ี ๒ เม่ือสิ้นปีกำรศึกษำ
ผู้สอนจะนำผลกำรประเมินพัฒนำกำรสะสมที่รวบรวมไว้จำกทุกหน่วยกำรเรียนรู้สรุปลงในสมุดบันทึกผล
ประเมินพัฒนำกำรประจำชัน้ และสรปุ ผลพัฒนำกำรรำยดำ้ นทั้งชั้นเรยี น
ขัน้ ตอนท่ี ๖ กำรสรุปรำยงำนผลและกำรนำขอ้ มลู ไปใช้ เป็นข้นั ตอนทผี่ ู้สอนซึง่ เปน็ ครปู ระจำช้ันจะ
สรุปผลเพ่ือตัดสินพัฒนำกำรของเด็กปฐมวัยเป็นรำยตัวบ่งช้ีรำยมำตรฐำนและพัฒนำกำรท้ัง ๔ ด้ำน เพ่ือ
นำเสนอผู้บริหำรสถำนศึกษำอนุมัติกำรตัดสิน และแจ้งคณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน พร้อมกับครู
ประจำชั้นจะจัดทำรำยงำนผลกำรประเมินประจำตัวนักเรียน นำข้อมูลไปใช้สรุปผลกำรประเมินคุณภำพเด็ก
ของระบบประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำเมื่อสน้ิ ภำคเรียนที่ ๒ หรือเมอื่ ส้ินปีกำรศึกษำ
รำยละเอียดกำรดำเนนิ งำนแตล่ ะขัน้ ตอน มดี ังนี้

ขัน้ ตอนที่ ๑ กำรวเิ ครำะห์มำตรฐำน ตวั บ่งชี้ และสภำพที่พึงประสงคต์ ำมหลักสตู รสถำนศึกษำ โดยนำข้อมูล
จำกกำรวิเครำะหก์ ำรเรยี นร้รู ำยปีในหลักสตู รสถำนศึกษำปฐมวัยมำตรวจสอบควำมถี่ของตวั บ่งชี้ และสภำพที่
พึงประสงคว์ ่ำเกดิ ขึน้ กบั เด็กตำมหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์เรยี นรู้ใดบ้ำง

ขน้ั ตอนท่ี ๑.๑ กำรวิเครำะห์สำระกำรเรยี นร้รู ำยปีของโรงเรียน
ขั้นตอนที่ ๑.๒ ตรวจสอบควำมถีเ่ พ่ือตรวจสอบจำนวนครง้ั ของตัวบง่ ชี้ สภำพที่พึงประสงค์ว่ำวำงแผน
ใหเ้ กิดพฒั นำกำรในหน่วยกำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรียนร้ใู ดบ้ำงจำกหลกั สตู รสถำนศกึ ษำ
ขน้ั ตอนที่ ๒ กำหนดส่ิงทีป่ ระเมินและวธิ กี ำรประเมนิ โดยกำหนดสภำพทีพ่ ึงประสงค์ที่วเิ ครำะห์ไวใ้ นขน้ั ตอนท่ี
๑.๒ มำกำหนดจดุ ประสงค์กำรเรียนรใู้ น ๖ กจิ กรรมหลัก
๒.๑ กำรเขียนหรือกำหนดจุดประสงคก์ ำรเรียนของหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์
๒.๒ กำรวำงแผนกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้
ขน้ั ตอนท่ี ๓ กำรสร้ำงเคร่ืองมือและเกณฑก์ ำรประเมนิ ผูส้ อนจะตอ้ งกำหนดเกณฑก์ ำรประเมนิ
พัฒนำกำรเด็กให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่จะประเมินตำมแผนกำรจัดกิจกรรม พร้อมทำเกณฑ์กำรประเมิน
และสรปุ ผลกำรประเมิน พร้อมจัดทำแบบบันทกึ ผลหลังสอนประจำหนว่ ยกำรจดั ประสบกำรณ์
ขน้ั ตอนที่ ๔ กำรดำเนินกำรเป็นกำรรวบรวมขอ้ มลู ขน้ั ตอนน้ี ผ้สู อนท่ที ำหน้ำทเ่ี ป็นผ้ปู ระเมินโดยกำร
สงั เกตพฤติกรรมของเดก็ รำยบุคคล รำยกลุม่ กำรพูดคยุ หรอื สมั ภำษณ์เดก็ หรือกำรประเมินผลงำนช้นิ งำนของ

๑๐๖

เด็กอย่ำงเป็นระบบ ไปพร้อมๆกับกิจกรรมให้เด็ก เพ่ือรวบรวมข้อมูลพัฒนำกำรของเด็กทุกคน และบันทึกลง
แบบบันทกึ ผลหลงั สอนประจำหนว่ ยกำรจัดประสบกำรณ์ ทจี่ ัดเตรียมไว้

ขนั้ ตอนที่ ๕ กำรวิเครำะหข์ อ้ มลู และแปลผลเมือ่ ส้นิ สดุ หนว่ ยกำรจัดประสบกำรณ์ ผ้สู อนจะตรวจสอบ
ควำมครบถ้วน สมบูรณ์ของผลกำรประเมินในแบบบันทึกผลกำรประเมินพัฒนำกำรของเด็กหลังกำรจัด
ประสบกำรณ์ลงในแบบบันทึกผลหลังกำรจัดประสบกำรณ์ประจำหน่วยกำรจัดประสบกำรณ์ และเก็บสะสม
เพื่อนำได้สรุปผลในกำรตัดสินพัฒนำกำรเด็กในภำพรวมเม่ือส้ินปีกำรศึกษำ โดยผู้สอนจะนำผลกำรประเมิน
พัฒนำสะสมท่รี วบรวมไว้ทุกหนว่ ยกำรเรียนรู้ มำสรปุ ลงในสมดุ บันทึกผลกำรประเมินพัฒนำกำรประจำชั้นและ
สรปุ ผลพัฒนำกำรรำยด้ำนทั้งช้ันเรียน ทงั้ นกี้ ำรสรปุ ผลกำรประเมินพัฒนำกำร ผสู้ อนควรใช้ ฐำนนิยม (Mode)
จงึ เหมำะสมและสอดคล้องกับกำรประเมนิ มำกท่ีสุด ตำมทกี่ ล่ำวมำแล้วขำ้ งต้น

ขัน้ ตอนท่ี ๖ กำรสรุปรำยงำนผลและกำรนำขอ้ มลู ไปใช้ ครูประจำชั้นจะสรปุ ผลเพ่ือพฒั นำกำรของเดก็
ปฐมวัยเป็นรำยตัวบ่งช้ี รำยมำตรฐำนและพัฒนำกำรท้ัง๔ ด้ำน และรำยงำนต่อผู้บริหำรสถำนศึกษำอนุมัติผล
กำรตัดสินและแจ้งคณะกรรมกำรสถำนศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พร้อมกับครูประจำชั้นจะจัดทำรำยงำนผลกำร
ประเมนิ พัฒนำกำรของเด็กรำยบคุ คล รำยภำค และรำยปีตอ่ ผู้ปกครองในสมดุ รำยงำนประจำตัวเด็กนักเรียน

กำรจัดทำหลักสูตรสถำนศกึ ษำ

หลักสูตรสถำนศึกษำ ปฐมวัยเ ป็นหลั กสูตร ของส ถำ นศึกษำ ท่ีเ ปิ ดสอนร ะดับ ปฐมวัย แต่ล ะแ ห่ ง
วำงแผนหรือกำหนดแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำ เพื่อส่งเสริมให้เด็กบรรลุมำตรฐำนคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ตัง
บ่งช้ี และสภำพที่พึงประสงค์ตำมที่หลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยกำหนด สถำนศึกษำต้องคำนึงถึง วิสัยทัศน์
จุดเน้น ภมู ิปัญญำท้องถ่นิ สภำพบรบิ ทและควำมตอ้ งกำรของชุมชน มำออกแบบหลกั สตู รสถำนศึกษำ ดงั นี้

๑.จุดหมำยของหลักสตู รสถำนศกึ ษำ
สถำนศกึ ษำตอ้ งดำเนนิ กำรจดั ทำหลักสตู รสถำนศึกษำปฐมวัยบนพ้ืนฐำนหลักสูตรกำรศกึ ษำปฐมวัย

โดยสถำนศึกษำต้องเช่ือมโยงมำตรฐำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย เช่น กำร
ประสำนควำมรว่ มมอื ระหว่ำงครอบครัวชมุ ชน คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ ผูส้ อนปฐมวัยและผู้มสี ่วนเกี่ยวข้องมี
ส่วนร่วมในกำรพัฒนำเด็ก

๒.กำรสร้ำงหลักสูตรสถำนศกึ ษำ
หลักสูตรสถำนศึกษำจะต้อสนองต่อกำรเปล่ยี นแปลทำงสังคมเศรษฐกิจและปรบั เปล่ยี นใหส้ อดคล้อ

กบั ธรรมชำตแิ ละกำรเรยี นรูข้ องเด็กปฐมวัย กำรสรำ้ งหลักสูตรสถำนศึกษำควรดำเนินกำร ดงั น้ี
๒.๑ ศึกษำทำควำมเข้ำใจหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย คู่มือหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย และเอกสำร

ประกอบหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย รวมทั้งศึกษำข้อมูลเก่ียวกับตัวเด็กและครอบครัว สภำพปัจจุบันสภำพ
ตำ่ งๆท่ีเปน็ ปัญหำ จดุ เดน่ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถิน่ ควำมต้องกำรของชมุ ชนแลทอ้ งถ่ิน

๒.๒ จดั ทำหลกั สูตรสถำนศกึ ษำ โดยกำหนดปรัชญำ วสิ ัยทศั น์ ภำรกจิ หรือพนั ธกิจ เปำ้ หมำยมำตรฐำน
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตังบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ โดยโครงสร้ำงหลักสูตร ประกอบด้วย กำรวิเครำะห์
สำระกำรเรียนรู้รำยปีเพ่ือกำหนดประสบกำรณ์สำคัญและสำระที่ควรรู้ในแต่ละช่วงอำยุ ระยะเวลำและกำร
บริหำรจัดกำรหลักสูตร ซ่ึงสถำนศึกษำอำจกำหนดโครงสร้ำงหลักสูตรได้ตำมควำมเหมำะสมและควำมจำเป็น
ของสถำนศึกษำแตล่ ะแหง่

๒.๓ กำรประเมินหลักสูตรของสถำนศึกษำปฐมวัย แบ่งออกเป็นกำรประเมินก่อนนำหลักสูตรไปใช้
เป็นกำรประเมินเพ่ือตรวจสอบคุณภำพของหลักสูตร องค์ประกอบของหลักสูตรหลังจำกที่ได้จัดทำแล้วโดย
อำศยั ควำมคิดเห็นจำกผใู้ ช้หลักสูตร ผมู้ สี ว่ นร่วมในกำรทำหลักสูตร ผเู้ ชยี่ วชำญ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิในด้ำนตำ่ งๆ กำร

๑๐๗

ประเมินระหว่ำงดำเนินกำรใช้หลักสูตรเปน็ กำรประเมินเพื่อตรวจสอบวำ่ หลักสูตรสำมำรถนำไปใช้ได้ดีเพียงใด
ควรมีกำรปรับปรุงแก้ไขในเรื่องใด และกำรประเมินหลังกำรใช้หลักสูตร เป็นกำรประเมินเพ่ือตรวจสอบ
หลักสูตรท้ังระบบหลังจำกที่ใช้หลักสูตรครบแต่ละช่วงอำยุเพื่อสรุปผลว่ำหลักสูต รท่ีจัดทำควรมีกำรปรับปรุง
หรือพัฒนำให้ดีขน้ึ อยำ่ งไร

กำรจดั กำรศกึ ษำระดับปฐมวัย (เด็กอำยุ ๓-๖ ปี ) สำหรับกลมุ่ เปำ้ หมำยเฉพำะ
กำรจัดกำรศึกษำระดับปฐมวัยสำหรับกลุ่มเป้ำหมำยเฉพำะสำมำรถนำหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยไป
ปรบั ใช้ได้ ทัง้ ในส่วนของโครงสร้ำงหลกั สูตร สำระกำรเรยี นรู้ กำรจัดประสบกำรณ์ และกำรประเมินพฒั นำกำร
ให้เหมำะสมกับสภำพ บริบท ควำมต้องกำร และศักยภำพของเด็กแต่ละประเภท เพื่อพัฒนำให้เด็กมีคุณภำพ
ตำมมำตรฐำนคณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงคท์ หี่ ลักสตู รกำรศกึ ษำปฐมวยั กำหนด โดยดำเนินกำร ดงั น้ี
๑. กำรกำหนดเป้ำหมำยคุณภำพเด็ก ซึ่งหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัยได้กำหนดมำตรฐำนและคุณลักษณะท่ี
พึงประสงค์ และสำระกำรเรียนรู้ เป็นเป้ำหมำยและกรอบทิศทำงให้ทุกฝ่ำยที่เก่ียวข้อใช้ในกำรพัฒนำเด็ก
สถำนศึกษำหรือผู้จัดกำรศึกษำสำหรับกลุ่มเป้ำหมำยเฉพำะ สำมำรถเลือกปรับปรุงใช้ ตัวบ่งชี้ และสภำพท่ีพึง
ประสงค์ในกำรพัฒนำเด็ก เพ่ือนำไปจัดทำแผนกำรจัดกำรศึกษำเฉพำะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนำกำรของเด็ก
ท้ังดำ้ น ร่ำงกำย อำรมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญำ
๒.กำรประเมินพัฒนำกำรตอ้ งคำนึงถึงปัจจยั ควำมแตกต่ำงของเดก็ อำทิ เดก็ ท่ีมีควำมพกิ ำรแตล่ ะดำ้ น อำจ
ต้องมีกำรปรับกำรประเมินพัฒนำกำรท่ีเอื้อต่อสภำพควำมพิกำร ท้ังวิธีกำรเคร่ืองมือท่ีใช้ควรสอดคล้องกับเด็ก
กลุ่มเปำ้ หมำยเฉพำะด้ำนดงั กล่ำว
๓.สถำนศึกษำท่ีเด็กมีกลุ่มเป้ำหมำยเฉพำะด้ำนควรได้รับกำรสนับสนุนครูพ่ีเลยี้ งให้กำรดูแลชว่ ยเหลอื และ
ส่งเสริมพัฒนำกำร กรณีท่ีมีเด็กกลุ่มเป้ำหมำยเฉพำะด้ำนมีผลพัฒนำกำรไม่เป็นไปตำมเป้ำหมำยควรมีกำรส่ง
ตอ่ ไปยังสถำนพฒั นำเด็กท่มี ีควำมตอ้ งกำรพิเศษเพื่อใหไ้ ด้รับกำรพฒั นำต่อไป
กำรสร้ำงรอยเช่ือมต่อระหว่ำงกำรศึกษำระดับปฐมวัยกบั ระดับปฐมศกึ ษำปที ี่๑

กำรสร้ำงรอยเชื่อมต่อระหว่ำงกำรศกึ ษำระดบั ปฐมวยั กับระดับกำรศกึ ษำปีที่๑ มีควำมสำคญั อย่ำง
ย่ิง ส่งผลดตี ่อกำรเรียนรูข้ องเด็กปฐมวัยในกำรปรบั ตวั รับควำมเปลย่ี นแปลงได้เป็นอย่ำงดีสำมำรถพัฒนำกำร
เรียนรู้ได้อย่ำงรำบรืน่ กำรเช่ือมโยงของกำรศึกษำระดบั ปฐมวยั กับระดบั ปฐมศึกษำปีท่ี๑ จะประสบผลสำเรจ็ ได้
บุคลำกรทุกฝำ่ ยทเี่ กีย่ วขอ้ งต้องดำเนินกำรดงั ต่อไปน้ี
๑.ผู้บริหำรสถำนศึกษำ

ผู้บริหำรสถำนศึกษำเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบำทเป็นผู้นำในกำรสร้ำงรอยเชื่อมต่อระหว่ำงหลักสูตร

กำรศึกษำปฐมวัยกับหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนในช้ันประถมศึกษำปีที่๑ โดยต้องศึกษำหลักสูตร

ทั้งสองระดับ เพื่อทำควำมเข้ำใจและจัดระบบกำรบริหำรงำนด้ำนวชิ ำกำรที่เอื้อต่อกำรเชื่อมต่อกำรศึกษำ โดย

ดำเนนิ กำรดงั นี้

๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษำ ร่วมกันสร้ำงควำมเข้ำใจรอยเช่ือมต่อ
ของหลักสูตรทั้งสองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถำนศึกษำ เพ่ือผู้สอนท้ังสองระดับจะได้เตรียมกำรสอนได้
สอดคล้องกบั เด็กวยั น้ี

๑.๒ จดั หำเอกสำรหลักสตู รและเอกสำรทำงวิชำกำรของทั้งสองระดบั มำไวใ้ หผ้ ู้สอนและบุคลำกรอืน่ ๆได้
ศกึ ษำทำควำมเข้ำใจ อย่ำงสะดวกและเพยี งพอ

๑.๓ จดั กิจกรรมให้ผูส้ อนทั้งสองระดบั มีโอกำสแลกเปลย่ี นและเผยแพร่ควำมร้ใู หม่ๆร่วมกัน
๑.๔ จดั หำสอ่ื วสั ดอุ ปุ กรณ์ และจดั สภำพแวดลอ้ มท่ีสง่ เสรมิ กำรสร้ำงรอยเช่อื มต่อ

๑๐๘

๑.๕ จัดกิจกรรมให้ควำมรู้ กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่ำงๆ และจัดทำเอกสำรเผยแพร่ให้กับ พ่อแม่
ผู้ปกครองอย่ำงสม่ำเสมอ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกเข้ำใจกำรศึกษำท้ังสองระดับและให้ควำมร่วมมือในกำรช่วยเด็ก
ให้สำมำรถปรับตัวเข้ำกับสภำพแวดลอ้ มใหมไ่ ดด้ ี

ในกรณีที่โรงเรียนไม่มีชั้นประถมศึกษำปีที่๑ ในสถำนศึกษำของตนเอง ผู้บริหำรสถำนศึกษำควรประสำน
กับสถำนศึกษำที่คำดว่ำเด็กจะไปเข้ำเรียน เพื่อสร้ำงควำมเข้ำใจให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ในกำรช่วยเหลือเด็ก
สำมำรถปรบั ตวั เขำ้ กับสถำนศึกษำใหม่ได้
๒.ผ้สู อนระดับปฐมวัย

ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษำหลักสูตรแกนกลำงสถำนศึกษำขั้นพ้ืนฐำนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนในชั้น
ประถมศึกษำปีที่๑ และสร้ำงควำมเข้ำใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลำกรอื่นๆรวมท้ังช่วยเหลือเด็กในกำร
ปรบั ตวั ก่อนเลื่อนข้นึ ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี๑ โดยผสู้ อนควรดำเนนิ กำร ดังน้ี

๒.๑ เก็บรวบรวมขอ้ มลู เด็กเป็นรำยบุคคลเพ่ือส่งต่อผ้สู อนชั้นประถมศึกษำปที ี่๑ ซึ่งจะทำใหผ้ ้สู อนระดบั
ปฐมศึกษำสำมำรถใช้ขอ้ มลู นน้ั ช่วยเหลอื เด็กในกำรปรบั ตัวเขำ้ กบั กำรเรียนรู้ใหม่ต่อไป

๒.๒ พูดคยุ กบั เดก็ ถึงประสบกำรณด์ ีๆเก่ยี วกับกำรจัดกำรเรียนรู้ในระดบั ช้ันประถมศึกษำปีที่๑ เพอ่ื ใหเ้ ด็ก
เกิดเจตคตทิ ่ดี ตี อ่ กำรเรียนรู้

๒.๓จัดให้เด็กมีโอกำสทำควำมรู้จักกับผู้สอนตลอดจนกำรสำรวจสภำพแวดล้อมและบรรยำกำศของ
หอ้ งเรยี นชั้นประถมศกึ ษำปที ๑ี่

๒.๔ จัดสื่อ วัสดุอุปกรณ์ หนังสือที่เหมำะสมกับวัยเด็กท่ีส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบกำรณ์
พนื้ ฐำนท่ีสอดคล้องกับรอยเชื่อมต่อในกำรเรียนระดับช้ันประถมศึกษำปที ี่๑
๓.ผ้สู อนระดับประถมศกึ ษำ

ผู้สอนระดบั ประถมศึกษำต้องมีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจในกำรพัฒนำเด็กปฐมวยั และมีเจตคติทด่ี ีต่อกำรจัด
ประสบกำรณ์ตำมหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย เพ่ือนำมำเป็นข้อมูลกำรพัฒนำจัดกำรเรียนรู้ระดับชั้น
ประถมศกึ ษำปีท๑่ี ใหต้ ่อเนอ่ื งกับกำรพัฒนำในระดบั ปฐมวัย โดยควรดำเนนิ กำร ดงั น้ี

๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็กพ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกำสได้ทำควำมรู้จักคุ้นเคยกับผู้สอนและห้องเรียนช้นั
ประถมศึกษำปที ๑ี่ กอ่ นเปิด ภำคเรยี น

๓.๒ จัดสภำพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุมประสบกำรณ์ภำยในห้อง
เพ่อื ใหเ้ ด็กไดม้ โี อกำสทำกิจกรรมได้อย่ำงอสิ ระ เชน่ มุมหนังสือ มุมของเลน่ มมุ เกมกำรศึกษำ เพือ่ ช่วยให้เด็ก
ชั้นประถมศกึ ษำปีท๑่ี ไดป้ รับตวั และเรียนรจู้ ำกกำรปฏบิ ัตจิ ริง

๓.๓ จัดกิจกรรมรว่ มกันกบั เดก็ ในกำรสร้ำงขอ้ ตกลงเกีย่ วกับกำรปฏิบตั ติ น
๓.๔ จดั กิจกรรมชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ กำรเรยี นร้ใู หก้ ับเด็กตำมควำมแตกต่ำงระหว่ำงบคุ คล
๓.๕ เผยแพร่ข่ำวสำรด้ำนกำรเรยี นร้แู ละสร้ำงควำมสัมพนั ธ์ทดี่ กี ับเด็ก พอ่ แม่ ผปู้ กครอง และชุมชน
๔. พอ่ แม่ ผปู้ กครอง

พอ่ แม่ ผูป้ กครองเปน็ ผู้มีบทบำทสำคญั ในกำรอบรมเลี้ยงดูและส่งเสรมิ กำรศึกษำของบุตรหลำน และ
เพอื่ ช่วยบตุ รหลำนของตนเองในกำรศึกษำต่อชั้นประถมศึกษำปที ี่๑ ควรดำเนินกำรดงั นี้

๔.๑ ศึกษำและทำควำมเข้ำใจหลกั สูตรของกำรศึกษำท้งั สองระดบั
๔.๒ จัดหำหนังสือ อุปกรณ์ทเ่ี หมำะสมกับวัยเดก็
๔.๓ มปี ฏิสมั พนั ธ์ทดี่ ีกบั บุตรหลำน ให้ควำมรกั ควำมเอำใจใส่ ดแู ลบุตรหลำนอย่ำงใกล้ชิด

๑๐๙

๔.๔ จดั เวลำในกำรทำกจิ กรรมรว่ มกบั บุตรหลำน เช่น เลำ่ นทิ ำน อ่ำนหนังสือร่วมกัน สนทนำพดู คุย
ซกั ถำมปญั หำในกำรเรียน ให้กำรเสริมแรงและให้กำลงั ใจ

๔.๕ รว่ มมอื กบั ผู้สอนและสถำนศึกษำในกำรชว่ ยเตรียมตัวบตุ รหลำนเพื่อช่วยให้บุตรหลำนปรับตวั ได้ดี
ข้ึน

กำรกำกบั ติดตำม ประเมินและรำยงำน
กำรจัดกำรศึกษำปฐมวัยมีหลักกำรสำคัญในกำรให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในกำรจัดกำรศึกษำและ
กระจำยอำนำจกำรศึกษำลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพำะสถำนศึกษำหรือสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็น
ผู้จัดกำรศึกษำในระดับนี้ ดังน้ัน เพื่อให้ผลผลิตทำงกำรศึกษำปฐมวัยมีคุณภำพตำมมำตรฐำนคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงค์และสอดคล้องกับควำมต้องกำรของชุมชนและสังคม จำเป็นต้องมีระบบกำรกำกับ ติดตำม ประเมิน
และรำยงำนท่ีมีประสิทธิภำพ เพ่ือให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ำยที่มีส่วนร่วม ช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน วำงแผน และ
ดำเนินกำรจักกำรศกึ ษำปฐมวัยใหม้ ีคณุ ภำพอย่ำงแท้จรงิ
กำรกำกบั ติดตำม ประเมินและรำยงำนผลกำรจัดกำรศึกษำปฐมวยั เป็นสว่ นหนงึ่ ของกระบวนกำร
บริหำรกำรศึกษำ กระบวนกำรนเิ ทศ และระบบกำรพัฒนำคุณภำพกำรศึกษำ ที่ต้องดำเนินกำรอยำ่ งต่อเนื่อง
เพอื่ นำไปสู่กำรพฒั นำคุณภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำปฐมวยั สร้ำงควำมม่นั ใจใหผ้ เู้ กยี่ วขอ้ ง โดยต้องมกี ำร
ดำเนนิ กำรทเี่ ป็นระบบเครอื ข่ำยครอบคลมุ ทั้งหน่วยงำนภำยในและภำยนอก ในรูปแบบของคณะกรรมกำรที่มำ
จำกบุคคลทุกระดบั และทุกอำชีพ กำรกำกบั ตดิ ตำม และประเมินผลตอ้ งมีกำรรำยงำนผลงำนจำกทกุ ระดับให้
ทุกฝ่ำย รวมท้ังประชำชนทรำบท่ัวไป เพ่ือนำข้อมลู จำกรำยงำนผลมำจดั ทำแผนพฒั นำคุณภำพกำรศกึ ษำของ
สถำนศึกษำหรอื สถำนพัฒนำเดก็ ปฐมวัยต่อไป

๑๑๐

ภำคผนวก

๑๑๑

แบบตรวจสอบหลักสตู รสถำนศกึ ษำระดบั ปฐมวัยก่อนกำรนำหลกั สตู รไปใช้

โรงเรียนวัดมว่ ง ตำบลบำ้ นม่วง อำเภอบำ้ นโปง่ จงั หวดั รำชบรุ ี

สำนักงำนเขตพ้ืนทก่ี ำรศึกษำประถมศกึ ษำรำชบุรี เขต ๒

คำชี้แจง

แบบตรวจสอบหลักสูตรศึกษำปฐมวัยฉบับน้ี เป็นแบบสำรวจควำมคิดเห็นท่ีใช้เป็นเคร่ืองมือในกำร

ตรวจสอบคุณภำพหลักสูตรสถำนศึกษำปฐมวัยก่อนนำหลักสูตรไปใช้และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของสถำนศึกษำ

ทำหน้ำท่ีตรวจสอบ เช่น ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ผู้สอนปฐมวัย คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ / คณะกรรมกำร

บริหำรโรงเรียน ผทู้ รงคุณวุฒิ ผู้แทนผู้ปกครอง และผู้แทนชุมชน เปน็ ต้น

กรณีที่สถำนศึกษำมีควำมต้องกำรในกำรตรวจสอบคุณภำพหลักสูตร โดยใช้วิธีกำรในกำรรวบรวม

ควำมคิดเห็นดว้ ยวิธีกำรอน่ื ๆ เชน่ กำรประชุมสนทนำกล่มุ กำรประชุมกลุ่มย่อย

ตอนท่ี ๑ ขอ้ มูลทั่วไปของผู้ใหข้ ้อมูล

๑. เพศ  ชำย  หญิง

๒. อำยุ  ๒๐-๔๐ ปี  ๔๑-๕๐ ปี  ๕๑-๖๐ ปี  มำกกว่ำ ๖๐ ปี

๓. สถำนะ/ตำแหนง่ หนำ้ ท่ี

 ผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำ  ครปู ฐมวัย

 ผู้ทรงคณุ วุฒิ  ผ้แู ทนคณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำ

 ผู้แทนผู้ปกครอง  ผแู้ ทนชมุ ชน

 ผแู้ ทนครู  อน่ื ๆ โปรดระบุ……………………….

๑๑๒

ตอนที่ ๒ กำรตรวจสอบคณุ ภำพหลกั สูตรศกึ ษำปฐมวยั ก่อนนำไปใช้
โปรดระบเุ ครอื่ งหมำย √ ในช่อง ใช่/ไม่ใช่ และบนั ทึกควำมคิดเหน็ ในข้อเสนอแนะเพม่ิ เติม

ท่ี รำยกำร ใช่ ไม่ใช่ ขอ้ เสนอแนะ

เพ่มิ เตมิ

๑ ปรัชญำกำรศกึ ษำปฐมวัยของสถำนศึกษำ

๑.๑ แสดงแนวคิดและควำมเช่ือในกำรจดั กำรศึกษำเพอื่

พฒั นำเดก็ ปฐมวัย ชัดเจน ครบถ้วน

๑.๒ มีควำมสอดคลอ้ งกับหลักสตู รกำรศึกษำปฐมวัย

พทุ ธศกั รำช ๒๕๖๐

๑.๓ มีควำมเชื่อมโยงกบั ควำมเช่อื ในกำรจัดกำรศึกษำเพ่ือ

พฒั นำเดก็ ปฐมวยั

๑.๔ ผมู้ ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งทกุ ฝำ่ ยมสี ว่ นร่วมในกำรกำหนด

ปรัชญำกำรศกึ ษำ

๒ วิสัยทศั น์ พนั ธกิจ เปำ้ หมำย

๒.๑ มคี วำมชดั เจนและสอดคล้องกบั ปรัชญำกำรศึกษำ

ปฐมวยั ของสถำนศกึ ษำ

๒.๒ แสดงควำมคำดหวังและวิธกี ำรพัฒนำเด็กปฐมวยั ใน

อนำคตได้ชัดเจน

๒.๓ แสดงถึงจุดเนน้ อัตลกั ษณ์ เอกลักษณ์ ทตี่ ้องกำรของ

สถำนศึกษำ

๒.๔ ผู้มีสว่ นเกยี่ วข้องทุกฝำ่ ยมีสว่ นร่วมในกำรกำหนด

๒.๕ มกี ำรกำหนดเปำ้ หมำยท่ีต้องกำรใน เชงิ ปริมำณหรือ

เชิงคณุ ภำพ

๓ จุดหมำย

๓.๑ มคี วำมสอดคลอ้ งและครอบคลมุ จหุ มำยของหลกั สตู ร

สถำนศกึ ษำปฐมวัย พุทธศักรำช ๒๕๖๐

๓.๒ มคี วำมสอดคลอ้ งกับปรัชญำ วิสยั ทัศน์ กำรศกึ ษำ

ปฐมวยั ของสถำนศกึ ษำ

๓.๓ มีควำมเป็นไปได้ในกำรนำไปสู่กำร

๓.๔ ปฏิบัตติ ำมจุดหมำยท่กี ำหนดในหลักสูตร

๔ มำตรฐำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์

๔.๑ นำมำตรฐำนคุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงคแ์ ละสภำพท่ีพึง

ประสงค์ มำกำหนดในหลกั สตู รสถำนศึกษำปฐมวัย

ครบถ้วน

๔.๒ นำมำตรฐำนคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์และสภำพท่ีพึง

ประสงคม์ ำจัดแบ่งกลุ่มอำยุเด็ก และระดบั ชัน้ เรียนได้

ชัดเจนครบถว้ น

๑๑๓

ท่ี รำยกำร ใช่ ไม่ใช่ ขอ้ เสนอแนะ

เพ่มิ เตมิ

๕ กำรจดั เวลำเรยี น

๕.๑ มกี ำรกำหนดเวลำเรียนต่อ ๑ ปีกำรศึกษำไมน่ ้อยกว่ำ

๑๘๐ วัน

๕.๒ มีกำหนดเวลำเรียนแต่ละวนั ไม่น้อยกว่ำ ๕ ชั่วโมง

๕.๓ มีกำรกำหนดชว่ งเวลำกำรจัดกิจกรรมประจำวัน

เหมำะสมกบั วยั และควำมสนใจของเด็ก

๖ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี

๖.๑ มคี วำมสอดคล้องกับมำตรฐำน ตัวบ่งชี้ สภำพทพี่ ึง

ประสงค์ ในแต่ละช่วงวัย

๖.๒ มกี ำรกำหนดครอบคลุมประสบกำรณ์สำคัญและสำระ

ทค่ี วรเรียนรู้ ตำมหลักสตู รกำรศึกษำปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐

๖.๓ มีกำรจัดแบ่งสำระกำรเรียนรเู้ หมำะสมกบั ช่วงเวลำใน

กำรจัดหนว่ ยประสบกำรณ์

๗ กำรจดั ประสบกำรณ์

๗.๑ มีกำหนดกำรจัดประสบกำรณโ์ ดยใช้หลกั กำรบรู ณำ

กำรผ่ำนกำรเล่นท่สี อดคล้องกับพฒั นำกำรตำมวัยของเดก็

๗.๒ มีรูปแบบกำรจัดประสบกำรณส์ อดคลอ้ งกบั ปรชั ญำ

วสิ ัยทัศน์ และจดุ หมำยของกำรจัดกำรศกึ ษำปฐมวัย

๗.๓ มกี ำหนกำรจัดประสบกำรณ์แตล่ ะช่วงอำยุที่เหมำะสม

กับวยั และควำมสนใจของเด็ก

๗.๔ มกี ำหนดกำรจดั ประสบกำรณ์เน้นให้เดก็ ลงมือปฏบิ ตั ิ

ริเร่มิ และมสี ว่ นร่วมในกำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้

๗.๕ มกี ำหนกำรจดั ประสบกำรณเ์ ปดิ โอกำสให้เด็กมี

ปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และใช้แหล่งกำรเรียนรู้ที่

หลำกหลำย

๗.๖ มีกำหนดกำรจัดประสบกำรณส์ ่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ มีทักษะ

ชวี ติ และกำรปฏิบตั ิตนตำมแนวทำงหลกั ปรชั ญำของ

เศรษฐกิจพอเพียง

๗.๗ มีกำหนกำรจดั ประสบกำรณส์ ่งเสรมิ กำรพฒั นำใหเ้ ด็ก

เป็นคนดี มีวนิ ัย และมีควำมเป็นไทย

๘ กำรจดั สภำพแวดล้อม สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้

๘.๑ ระบแุ นวกำรจดั สภำพแวดลอ้ มภำยในและภำยนอกท่ี

เอื้อ

ตอ่ กำรเรียนรู้ของเด็ก

๘.๒ มสี อ่ื ทห่ี ลำกหลำย เหมำะสมและเพียงพอ

๑๑๔

ท่ี รำยกำร ใช่ ไม่ใช่ ขอ้ เสนอแนะ

เพิม่ เติม

๘.๓ มีแหลง่ เรียนรูใ้ นและนอกสถำนศึกษำท่สี ่งเสริม

พัฒนำกำรและกำรเรียนร้ขู องเดก็

๙ กำรประเมนิ พฒั นำกำร

๙.๑ มกี ำรประเมนิ พัฒนำกำรเด็กครอบคลุมมำตรฐำน

คณุ ลกั ษณะพึงประสงค์

๙.๒ มกี ำรประเมนิ พัฒนำกำรตำมสภำพจริง

๑๐ กำรบรหิ ำรจัดกำรหลักสตู ร

๑๐.๑ มคี วำมพร้อมด้ำน ครู บคุ ลำกร และขอ้ มลู

สำรสนเทศ

๑๐.๒ มีงบประมำณและทรัพยำกรสนบั สนนุ เพยี งพอ

๑๐.๓ มีกำรวำงแผนกำรประเมินหลกั สตู รสถำนศึกษำ

(ก่อน-ระหว่ำง-หลังกำรใช้)

๑๐.๔ มแี ผนกำรนิเทศ ตดิ ตำมกำรนำหลกั สูตรสถำนศึกษำ

ปฐมวยั สู่กำรปฏิบตั ิ

๑๑ กำรเชอื่ มต่อของกำรศกึ ษำ

๑๑.๑ ผู้บริหำรมกี ำรวำงแผนและสรำ้ งควำมเขำ้ ใจแก่

ผสู้ อนปฐมวยั ผ้สู อนประถมศึกษำท่ีเก่ยี วข้อง พอ่ แม่

ผูป้ กครอง และชมุ ชนในกำรสรำ้ งรอยเชือ่ มตอ่ ของ

หลกั สูตรท้ังสองระดบั

๑๑.๒ ครผู ู้สอนปฐมวัยและประถมศกึ ษำมีกำรและเปล่ียน

และกำหนดแนวทำงกำรทำงำนรว่ มกนั

๑๑.๓ มีแนวทำงกำรจดั กิจกรรมให้เด็กปฐมวัยมีควำม

พรอ้ มในกำรเรียนชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๑ ของครผู ู้สอน

รว่ มกนั ดว้ ยวิธกี ำรหลำกหลำย

๑๑.๔ มีกำรจัดเตรียมข้อมูลสำรสนเทศของเด็กปฐมวยั

รำยบุคคลสง่ ต่อชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๑ เพื่อกำรวำงแผน

พฒั นำเดก็ รว่ มกัน

ข้อเสนอแนะ

............................................................................................................................. .................................................

........................................................................................................................................................ ......................

ลงช่ือ....................................................ผู้ตรวจสอบ

(................................................)

ตำแหนง่ ..................................................

วนั เดือน ปี.............................................

๑๑๕

แบบตรวจสอบหลักสูตรสถำนศึกษำระดับปฐมวยั หลังกำรนำหลักสตู รไปใช้
โรงเรยี นวดั มว่ ง ตำบลบำ้ นม่วง อำเภอบำ้ นโปง่ จงั หวดั รำชบรุ ี
สำนกั งำนเขตพื้นท่กี ำรศกึ ษำประถมศกึ ษำรำชบรุ ี เขต ๒

คำชี้แจง
แบบตรวจสอบหลกั สตู รสถำนศึกษำปฐมวยั ฉบบั น้ี เป็นแบบสำรวจควำมคิดเหน็ ท่ีใช้เคร่อื งมือในกำร

ตรวจสอบคุณภำพหลักสูตรสถำนศึกษำปฐมวัยหลังกำรนำหลักสูตรไปใช้และให้ผู้มีส่วนเก่ียวข้องของ
สถำนศึกษำทำหน้ำที่ตรวจสอบ เช่น ผู้บริหำรสถำนศึกษำ ผู้สอนปฐมวัย คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ/
คณะกรรมกำรบริหำรโรงเรียน ผูท้ รงคุณวุฒิ ผเู้ ชยี่ วชำญ ผแู้ ทน ผู้ปกครอง และผ้แู ทนชุมชน

ตอนที่ ๑ ขอ้ มูลทัว่ ไปของผู้ให้ข้อมูล  หญิง
๑. เพศ  ชำย  ๔๑-๕๐ ปี  ๕๑-๖๐ ปี  มำกกวำ่ ๖๐ ปี
๒. อำยุ  ๒๐-๔๐ ปี
๓. สถำนะ/ตำแหน่งหน้ำท่ี  ครูปฐมวัย
 ผู้บริหำรสถำนศึกษำ  ผูแ้ ทนคณะกรรมกำรสถำนศึกษำ
 ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ  ผ้แู ทนชุมชน
 ผู้แทนผู้ปกครอง  อื่นๆ โปรดระบุ……………………….
 ผู้แทนครู

๑๑๖

ตอนที่ ๒ กำรตรวจสอบคุณภำพหลกั สตู รสถำนศึกษำปฐมวัยหลังกำรนำหลักสตู รไปใช้

โปรดทำเคร่ืองหมำย✓ตำมระดบั คุณภำพและให้ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมเกณฑร์ ะดับคณุ ภำพ
ระดบั คุณภำพ ๓ ดี หมำยถงึ สำมำรถนำหลกั สูตรไปใช้ได้ครบถว้ นและเหมำะสม
ระดับคุณภำพ ๒ พอใช้ หมำยถงึ สำมำรถนำหลักสตู รไปใชไ้ ดแ้ ตบ่ ำงประเด็นควรปรบั ปรงุ
ระดับคุณภำพ ๑ ปรบั ปรุงหมำยถงึ ไมส่ ำมรถนำไปใช้ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ ตอ้ งปรับปรงุ แก้ไข

ที่ รำยกำร ระดบั คณุ ภำพ ขอ้ เสนอแนะเพ่อื กำร

๓ ๒๑ ปรับปรงุ

๑ ปรัชญำกำรศึกษำปฐมวยั ของสถำนศกึ ษำ

๑.๑ แนวคดิ และควำมเชื่อของปรัชญำ
กำรศึกษำปฐมวัย ชัดเจนครบถว้ น

๑.๒ ส่งเสริมพัฒนำเด็กตำมเป้ำหมำยหลักสูตร
กำรศกึ ษำปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๐

๒ วิสยั ทัศน์ พันธกจิ เปำ้ หมำย
๒.๑ บรรลผุ ลปรัชญำกำรศกึ ษำปฐมวยั ได้

ชัดเจน

๒.๒ บรรลุผลตำมควำมคำดหวงั ในอนำคตได้

ชัดเจน

๒.๓ สอดคลอ้ งจดุ เน้น อตั ลักษณ์ ท่ตี ้องกำร

ของสถำนศกึ ษำ

๒.๔ บรรลุตำมเป้ำหมำยท่ตี ้องกำรในเชงิ

ปริมำณหรือเชงิ คุณภำพ

๓ จุดหมำย

๓.๑ มคี วำมสอดคลอ้ งและครอบคลุมจดุ หมำย
ของหลกั สูตรสถำนศึกษำปฐมวยั พุทธศักรำช
๒๕๖๐

๓.๒ มีควำมสอดคล้องปรัชญำ วสิ ยั ทัศน์

กำรศึกษำปฐมวัยของสถำนศึกษำ

๓.๓ นำไปสู่กำรปฏิบตั ิตำมจุดหมำยทีก่ ำหนดใน

หลักสูตรได้

๔ มำตรฐำนคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

๔.๑ นำมำตรฐำนคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
และสภำพที่พงึ ประสงค์ไปใช้ได้ครบถ้วน

๔.๒ นำมำตรฐำนคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
และสภำพท่ีพึงประสงค์ไปใช้กบั เด็กทกุ กลุ่มอำยุ
และระดบั ชัน้ เรียนไดค้ รบถว้ น

๕ กำรจดั เวลำเรยี น

๕.๑ กำหนดเวลำเรียนตอ่ ๑ ปีกำรศึกษำได้

เหมำะสม

๑๑๗

ท่ี รำยกำร ระดบั คณุ ภำพ ข้อเสนอแนะเพื่อกำร

๓ ๒๑ ปรับปรงุ

๕.๒ กำหนดเวลำเรยี นแต่ละวันมีควำม

เหมำะสม

๕.๓ กำหนดชว่ งเวลำกำรจดั กิจกรรมประจำวนั

มีควำมเหมำะสม

๖ สำระกำรเรียนรรู้ ำยปี

๖.๑ มคี วำมสอดคล้องกบั มำตรฐำน ตวั บง่ ชี้

สภำพท่พี งึ ประสงค์ในแต่ละช่วงวยั

๖.๒ มคี วำมครอบคลุมประสบกำรณ์สำคัญและ

สำระทค่ี วรเรยี นรู้ ตำมหลกั สูตรสถำนศึกษำ

ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐

๖.๓ มกี ำรจดั แบ่งสำระกำรเรียนรูไ้ ด้เหมำะสม

๗ กำรจัดประสบกำรณ์

๗.๑ ใชห้ ลกั กำรบรู ณำกำรผ่ำนกำรเล่นท่ี

สอดคลอ้ งกบั กำรพัฒนำกำรตำมวยั ของเด็ก

๗.๒ มคี วำมสอดคล้องปรัชญำ วิสยั ทัศน์ และ

จุดหมำยของกำรจัดศึกษำปฐมวัย

๗.๓ มีควำมเหมำะสมกบั วัยและควำมสนใจของ

เด็ก

๗.๔ เนน้ ให้เด็กลงมือปฏิบตั ิ รเิ ร่มิ และมสี ่วน

ร่วมในกำรออกแบบกิจกรรมกำรเรยี นรู้

๗.๕ เปดิ โอกำสใหเ้ ด็กมปี ฏิสัมพนั ธ์กับบุคคล

สื่อ และใช้แหลง่ เรียนร้ทู ่หี ลำกหลำย

๗.๖ สง่ เสริมให้เดก็ ทีทักษะชีวิตและปฏบิ ัติตน

ตำมแนวหลักปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๗.๗ สง่ เสริมกำรพฒั นำใหเ้ ดก็ เปน็ คนดี มวี นิ ยั

และมคี วำมเปน็ ไทย

๘ กำรจดั สภำพแวดล้อม สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้

๘.๑ มีกำรจดั สภำพแวดล้อมทำงกำยภำพและ

สภำพแวดล้อมทำงจิตภำพทีเ่ ออื้ ต่อกำรเรยี นรู้

ของเด็ก

๘.๒ มีส่ือทีห่ ลำกหลำยเหมำะสม เพยี งพอ

๘.๓ มแี หลง่ เรยี นรใู้ นและนอกสถำนศึกษำ

เหมำะสม เพียงพอต่อกำรจดั กิจกรรม

๙ กำรประเมนิ พัฒนำกำร

๑๑๘

ที่ รำยกำร ระดบั คุณภำพ ขอ้ เสนอแนะเพือ่ กำร

๓ ๒๑ ปรบั ปรงุ

๙.๑ มกี ำรประเมนิ พัฒนำกำรเด็กครอบคลมุ

มำตรฐำนคณุ ลักษณะพงึ ประสงค์

๙.๒ มีกำรประเมินพัฒนำกำรตำมสภำพจรงิ

๙.๓ มรี อ่ งรอยกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก

๙.๔ มกี ำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำรแก่

ผบู้ รหิ ำร ผูป้ กครอง หนว่ ยงำนท่เี กย่ี วข้อง

๑๐ กำรบรหิ ำรจัดกำรหลักสตู ร

๑๐.๑ มคี วำมพร้อมด้ำน ครู บคุ ลำกร และ

ข้อมูลสำรเทศ

๑๐.๒ มงี บประมำณและทรัพยำกรเพยี งพอ

๑๐.๓ มีกำรประเมนิ หลกั สูตรสถำนศึกษำ

๑๐.๔ มรกำรนิเทศ ตดิ ตำมกำรนำหลกั สูตร

สถำนศึกษำปฐมวัยสู่กำรปฏิบัติ

๑๑ กำรเชื่อมต่อของกำรศกึ ษำ

๑๑.๑ ผู้บรหิ ำรสร้ำงควำมเข้ำใจในกำรสร้ำง

รอยเช่อื มต่อของหลักสตู รทงั้ สองระดบั

๑๑.๒ ครผู ู้สอยปฐมวัยและประถมศึกษำมกี ำร

แลกเปล่ยี นและทำงำนรว่ มกัน

๑๑.๓ มกี ำรจัดกจิ กรรมให้เด็กปฐมวัยมีควำม

พรอ้ มในกำรเรียนชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ ๑ ของ

ครผู รู้ ว่ มกันดว้ ยวิธกี ำรหลำกหลำย

๑๑.๔ มีกำรจดั กิจกรรมให้ควำมรแู้ ละหรือ

กจิ กรรมสมั พันธ์ใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครองเขำ้ ใจ

กำรศึกษำทง้ั สองระดบั

ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ

............................................................................................................ ..................................................................

............................................................................................................................. .................................................

ลงชื่อ..................................................ผ้ตู รวจสอบ

(……...............………………………….)

ตำแหน่ง.............................................................

วนั เดอื นปี...........................................................

๑๑๙

กำรประเมินพฒั นำกำรเด็กปฐมวยั
พฒั นำกำรดำ้ นร่ำงกำย

1. กระโดดขำเดียวอยกู่ ับที่ได้
วธิ กี ำรประเมิน
1. อำสำสมคั รนำอบอุ่นร่ำงกำย
2. ครูอธิบำยและสำธติ วิธกี ำรกระโดดขำเดยี ว โดยเลน่ เกมนำยพรำนจับนกเขำ ดังน้ี

2.1 ครูขีดวงกลมเส้นผ่ำศูนย์กลำง 4 เมตร
2.2 เลือกเด็ก 10 คน คนท่ี 1 เล่นเป็นนำยพรำน โดยยกขำข้ำงใดขำ้ งหน่ึงแล้วกระโดดไปแตะตวั
เพื่อนเพื่อนทเ่ี หลืออกี 9 คน ใหว้ ่งิ หนไี ปไมใ่ ห้แตะได้ แต่ตอ้ งอยภู่ ำยในวงกลม
2.3 ครูและเพื่อนที่เหลือคอยดู
2.4 ใหเ้ ดก็ ทุกคนทดลองเลน่ โดยผลดั เปลีย่ นกนั เปน็ นำยพรำน
3. ครคู อยดแู ละสงั เกตพรอ้ มจดบนั ทึกประเมินผลเปน็ รำยบคุ คล
4. สนทนำซกั ถำมควำมรสู้ กึ และให้เล่นอิสระ
5. ทำควำมสะอำดรำ่ งกำยและกลบั เข้ำช้นั เรียน
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง กระโดดขำเดียวอยู่กับทีไ่ ด้ โดยไม่เสยี กำรทรงตัว
ปำนกลำง หมำยถึง กระโดดขำเดียวอยู่กับท่ไี ด้ แต่หยดุ พกั บ่อย
ควรเสรมิ หมำยถงึ กระโดดขำเดียวได้ แตเ่ สียกำรทรงตวั
2. รับลูกบอลไดด้ ้วยมือทงั้ สองขำ้ ง
วิธีกำรประเมนิ
1. อำสำสมคั รนำอบอุ่นร่ำงกำย
2. ครอู ธบิ ำยและสำธติ วิธีรบั ลกู บอล ดงั น้ี
2.1 ให้เดก็ เข้ำแถวเป็นรูปวงกลม
2.2 ครโู ยนลกู บอลให้อำสำสมัครรับดว้ ยมอื ท้งั สอง
2.3 รอบที่ 1 ครโู ยนลกู บอลใหเ้ ด็กทุกคนใหเ้ ด็กทดลองรับเปน็ รำยบคุ คล
รอบที่ 2 ใหเ้ ดก็ รบั ลูกบอลทีค่ รโู ยน ครคู อยสงั เกตควำมก้ำวหนำ้ ในกำรรบั ลูกบอลของเด็ก
2.4 ให้เดก็ เลน่ อสิ ระโดยมีเพ่ือนคนหนงึ่ เปน็ คนโยนลูกบอล ครูคอยดูและสังเกตพร้อมจดบันทึก
ประเมนิ ผลเป็นรำยบคุ คล
3. สนทนำซักถำมควำมรูส้ ึก
4. ให้เด็กเล่นอสิ ระ
5. ทำควำมสะอำดรำ่ งกำย
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง รบั ลูกบอลดว้ ยมือท้งั สองได้ 2 – 3 ครั้ง
ปำนกลำง หมำยถึง รับลูกบอลดว้ ยมือท้งั สองได้ 1 – 2 ครั้ง
ควรเสริม หมำยถึง รับลกู บอลไมไ่ ด้แม้แต่ครัง้ เดียว

๑๒๐

3. เดินขึ้นลงบนั ไดสลบั เทำ้ ได้
วธิ กี ำรประเมนิ
1. อำสำสมคั รนำอบอุ่นรำ่ งกำย
2. ครูอธิบำยและให้อำสำสมัครสำธิตกำรเดินข้นึ ลงบนั ไดสลบั เทำ้

2.1 อำสำสมัคร 1 คน เดนิ ข้ึนลงบันไดสลับเทำ้ โดยไม่จับรำวบันได
2.2 ใหเ้ ด็กทุกคนทดลองเดิน
2.3 ครคู อยสังเกตกำรข้ึนลงบันไดสลับเทำ้ ของเด็กเปน็ รำยบุคคล พร้อมบนั ทึก
3. ซักถำมควำมรู้สึก ใหเ้ ลน่ อิสระ
4. ทำควำมสะอำดร่ำงกำยและกลับเข้ำช้ันเรียน
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง เด็กเดนิ ข้ึนลงบนั ไดสลบั เทำ้ ได้
ปำนกลำง หมำยถึง เด็กเดนิ ขนึ้ ลงบันไดสลับเท้ำได้แต่ช้ำ
ควรเสรมิ หมำยถงึ เด็กเดินขน้ึ ลงบนั ไดสลับเท้ำไดช้ ้ำ และต้องพักเท้ำก่อนกำ้ วเดนิ
4. เขยี นรปู ส่ีเหลี่ยมตำมแบบได้
วธิ กี ำรประเมนิ
1. ครแู ละเด็กร่วมสนทนำถงึ รูปส่เี หลี่ยม
2. ใหเ้ ด็กเขยี นรูปสีเ่ หลี่ยมตำมแบบ
3. ครคู อยดูและบรกิ ำรวสั ดุ อปุ กรณ์ เช่น กระดำษ สเี ทยี น ใหเ้ ดก็
4. เดก็ เขียนรูปสเ่ี หล่ยี มตำมแบบได้
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรเขยี นรปู ส่เี หลี่ยมตำมแบบ มี มุม มดี ้ำนที่ชัดเจน
ปำนกลำง หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเขียนรปู สีเ่ หลยี่ มตำมแบบได้ แต่มมี มุ มีด้ำน ไม่ชัดเจน
ควรเสริม หมำยถึง ในกำรเขยี นรูปส่เี หล่ยี มตำมแบบได้ มมี ุม มีด้ำน ไมช่ ดั เจน และบอกวำ่

ตัวเองทำอะไร
5. ตัดกระดำษเป็นเสน้ ตรงได้
วิธกี ำรประเมนิ
1. ครแู จกกระดำษขำว A 4 ทท่ี ำเปน็ แนวเส้นตรงมีรอยเส้นประ
2. ใหเ้ ด็กใช้กรรไกรตัดกระดำษแนวเสน้ ตรงทม่ี รี อยเสน้ ประเหล่ำน้นั
3. ครคู อยดูและสงั เกตควำมสำมำรถในกำรตัดกระดำษ
4. บนั ทึกพฤติกรรมประเมนิ ผลเปน็ รำยบคุ คล
5. เกบ็ วัสดุอุปกรณเ์ ข้ำทใ่ี ห้เรียบร้อย
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถงึ ตัดกระดำษเปน็ เส้นตรงไดด้ ี
ปำนกลำง หมำยถงึ ตดั กระดำษเป็นเส้นตรงได้ แต่มีรอยหยกั
ปรับปรงุ หมำยถงึ ตดั กระดำษเป็นเส้นตรงไดบ้ ำ้ ง แต่ไมต่ ัดตำมแนวเส้นท่ีกำหนด

๑๒๑

กำรประเมนิ พัฒนำกำรเด็กปฐมวยั

พัฒนำกำรดำ้ นร่ำงกำย

1. กระโดดขำเดยี วไปขำ้ งหนำ้ อยำ่ งตอ่ เนอื่ งได้

วธิ ีกำรประเมนิ

1. อำสำสมคั รนำอบอนุ่ รำ่ งกำย

2. ครแู ละอำสำสมัครอธิบำยและสำธิตกำรกระโดดขำเดยี ว โดยเกมกระต่ำยขำเดยี ว ดงั นี้

2.1 เลือกเด็ก 5 คน คนที่ 1 เล่นเป็นกระต่ำยขำเดยี ว โดยยกขำข้ำงใดขำ้ งหน่ึงกระโดดไปแตะตัว

เพอื่ นให้ได้ เพือ่ นทเ่ี หลอื วิง่ หนไี ปใหแ้ ตะไมไ่ ด้

2.2 ครูและเพือ่ นคอยดู

2.3 ใหเ้ ดก็ ทุกคนทดลองเลน่ โดยผลดั เปลย่ี นกันเปน็ กระต่ำย

3. ครูคอยดูและสังเกตพร้อมจดบนั ทกึ ประเมนิ ผลเปน็ รำยบคุ คล

4. สนทนำซกั ถำมควำมรูส้ กึ และให้เล่นอสิ ระ

5. ทำควำมสะอำดรำ่ งกำยกลับเข้ำช้ันเรียน

เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ กระโดดขำเดียวไปขำ้ งหนำ้ อย่ำงตอ่ เน่ืองได้ โดยไม่เสียกำรทรงตวั

ปำนกลำง หมำยถึง กระโดดขำเดียวไปขำ้ งหนำ้ อย่ำงตอ่ เน่ืองได้ แตต่ ้องหยดุ พัก

ปรับปรุง หมำยถึง กระโดดขำเดยี วไปขำ้ งหน้ำได้ไมต่ ่อเนื่อง เสียกำรทรงตวั

2. รับลูกบอลทก่ี ระดอนขึ้นจำกพน้ื ได้ดว้ ยมือท้ังสอง

วธิ ีกำรประเมนิ

1. อำสำสมัครนำวอร์มอบอนุ่ ร่ำงกำย

2. ครูและอำสำสมัครอธบิ ำยและสำธิตวธิ รี ับลูกบอลด้วยมือทั้งสอง

2.1 ใหเ้ ด็กเข้ำแถวเปน็ รูปวงกลม

2.2 ครโู ยนลูกบอลลงพ้ืนโดยกะให้ลูกบอลกระดอนข้นึ แล้วเด็กสำมำรถรบั ได้ด้วยมือทง้ั สอง

2.3 รอบที่ 1 ครโู ยนลูกบอลให้กระดอนหนำ้ เด็กทุกคน ใหเ้ ดก็ รองรับลูกบอลเป็นรำยบคุ คล

รอบท่ี 2 ใหเ้ ดก็ รบั ลกู บอลท่คี รูโยน ครูคอยสังเกตควำมก้ำวหน้ำในกำรรบั ลกู บอลของเดก็

2.4 ให้เด็กเล่นอิสระโดยมีเพื่อนคนหน่ึงเป็นคนโยนลูกบอลให้กระดอนจำกพ้ืน ครูคอยดูและ

สงั เกต

พร้อมจดบนั ทึกผลเป็นรำยบุคคล

3. สนทนำซกั ถำมควำมรสู้ ึก

4. ใหเ้ ด็กเล่นอสิ ระ

5. ทำควำมสะอำดรำ่ งกำยแล้วกลับเข้ำชน้ั เรียน

เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ รบั ลกู บอลได้ 3 – 4 ครัง้

ปำนกลำง หมำยถึง รบั ลูกบอลได้ 1 – 2 ครั้ง

ปรบั ปรุง หมำยถึง รับลูกบอลไมไ่ ด้

๑๒๒

3. เดินขนึ้ ลงบันไดสลับเทำ้ ไดอ้ ย่ำงคล่องแคล่ว
วิธีกำรประเมนิ
1. อำสำสมัครนำวอร์มอบอุน่ ร่ำงกำย
2. ครแู ละอำสำสมัครอธบิ ำยและสำธิตวิธเี ดินขึน้ ลงบนั ไดสลบั เท้ำ ดงั นี้

2.1 อำสำสมัคร 1 คน เดินข้ึนลงบนั ไดโดยไม่จับรำวบันได ให้เพือ่ นดูและสงั เกต
2.2 ให้เด็กทดลองปฏบิ ตั ิ
2.3 ครูคอยสังเกตกำรเดนิ ข้นึ ลงบันไดสลบั เท้ำเป็นรำยบุคคล พร้อมจดบันทกึ
3. สนทนำซกั ถำมควำมรสู้ กึ และใหเ้ ลน่ อสิ ระ
4. ทำควำมสะอำดรำ่ งกำยและกลบั เข้ำช้นั เรียน
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง เดนิ ขึ้นลงบันไดสลับเทำ้ ได้อย่ำงคล่องแคลว่
ปำนกลำง หมำยถงึ เดนิ ข้ึนลงบนั ไดสลบั เทำ้ ได้แตช่ ำ้
ปรับปรุง หมำยถงึ เดินขน้ึ ลงบันไดสลับเท้ำไม่ได้ ต้องพักคู่ก่อนก้ำวเดินต่อไป
4. เขียนรปู สำมเหล่ียมตำมแบบได้
วิธีกำรประเมิน
1. ครแู ละเด็กร่วมสนทนำถงึ รูปสำมเหลีย่ ม
2. ให้เดก็ เขียนรปู สำมเหล่ียมตำมแบบโดยครูคอยดูแล และบรกิ ำรวสั ดุ อปุ กรณ์ เช่น กระดำษ สเี ทยี น
3. เดก็ เขียนรปู สำมเหลย่ี มได้ถูกต้อง
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเขยี นรปู สำมเหลยี่ มตำมแบบมีมุมมีด้ำนที่ชัดเจน
ปำนกลำง หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรเขียนรูปสำมเหลี่ยมตำมแบบไดแ้ ต่มีมุมมีด้ำน ไม่

ชดั เจน
ปรับปรงุ หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรเขยี นรูปสำมเหลย่ี มตำมแบบไดแ้ ต่มีมมุ มดี ำ้ น ไม่

ชัดเจน และบอกไม่ไดว้ ำ่ ตัวเองทำอะไร
5. ตัดกระดำษตำมแนวเส้นโคง้ ท่กี ำหนด
วิธกี ำรประเมิน
1. ครูแจกกระดำษรปู
2. ใหเ้ ด็กใช้กรรไกรตัดกระดำษให้เป็นรปู ตำมแนวเสน้
3. ครูคอยสงั เกตควำมสำมำรถในกำรตดั กระดำษ
4. บันทึกพฤติกรรมและประเมินผลเปน็ รำยบุคคล
5. เก็บวัสดุเข้ำที่ใหเ้ รียบรอ้ ย
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถึง ตดั ไดต้ ำมแนวเสน้ โดยไม่มีรอยหยกั เสน้ ที่ตดั แสดงถึงควำมเชอ่ื มั่น
ปำนกลำง หมำยถึง ตดั ไดต้ ำมแนวเสน้ แตม่ รี อยหยัก
ปรับปรุง หมำยถงึ ตดั ได้แตไ่ มต่ ดั ตำมแนวเส้นที่กำหนด

๑๒๓

กำรประเมินพัฒนำกำรเดก็ ปฐมวยั
พฒั นำกำรดำ้ นอำรมณแ์ ละจิตใจ
1. แสดงอำรมณไ์ ดส้ อดคล้องกบั สถำนกำรณ์อย่ำงเหมำะสม
วิธีกำรประเมิน
1. ครแู ละเด็กรว่ มกนั ทอ่ งคำคลอ้ งจอง “นกกระจิบ นกกระจำบ”
2. ครแู ละเด็กร่วมสนทนำเก่ยี วกับเนอื้ หำของคำคล้องจอง
3. ครูเล่ำนิทำนเร่ือง “นกกระจบิ นกกระจำบ” ให้เด็กฟัง
4. สนทนำเก่ยี วกบั เนื้อหำในนิทำน โดยใชค้ ำถำมนำในกำรสนทนำ
5. ครูคอยสังเกตกำรณต์ อบคำถำมของเด็ก โดยชว่ ยกันตอบคำถำม
6. ครูประเมินผลกำรตอบคำถำมเกี่ยวกับนิทำนของเดก็ เป็นรำยบคุ คล
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี หมำยถงึ เด็กแสดงอำรมณไ์ ดส้ อดคล้องกับสถำนกำรณ์อยำ่ งเหมำะสม
ปำนกลำง หมำยถึง เดก็ แสดงอำรมณไ์ ด้สอดคล้องกับสถำนกำรณเ์ ปน็ บำงเรื่อง
ปรับปรงุ หมำยถึง เด็กแสดงอำรมณ์ไม่ร้เู ร่ือง
2. ชน่ื ชมควำมสำมำรถและผลงำนของตนเองและผู้อื่น
วธิ ีกำรประเมนิ
1. ใหเ้ ดก็ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพื่อแสดงควำมสำมำรถของแตล่ ะบุคคล เช่น วำดภำพระบำยสี ปั้นดินน้ำมัน
ฉกี ปะกระดำษ พบั กระดำษ รอ้ ยลูกปัด เลน่ ตำมมมุ เกมกำรศึกษำ ฯลฯ
2. ครดู ูแลและสังเกตพฤติกรรม ในขณะที่เด็กปฏิบตั ิกิจกรรมรว่ มกบั ผูอ้ น่ื
3. ครูใหเ้ ดก็ แสดงควำมคิดเห็นในผลงำนของตนเองและผู้อ่ืน
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี หมำยถึง ชื่นชม ยอมรับ แสดงควำมภำคภูมใิ จและชมผลงำนของตนเองและผอู้ ่ืน
ปำนกลำง หมำยถึง ช่ืนชม ยอมรับ แสดงควำมภำคภมู ใิ จและชมผลงำนของตนเองและผอู้ ืน่
โดยมเี พ่ือนหรอื ครูคอยช้ีนำ
ปรบั ปรุง หมำยถงึ แสดงสีหนำ้ เฉย ๆ ไมแ่ สดงควำมคิดเห็นต่อผลงำนตนเองและผูอ้ ่นื
4. ยดึ ตนเองเปน็ ศนู ย์กลำงน้อยลง
วธิ กี ำรประเมิน
1. ให้เด็กปฏิบัตติ นตำมตำรำงกิจกรรมประจำวันตำมหนว่ ยกำรเรยี น เพ่ือประเมนิ กำรยึดตนเองเป็น
ศูนยก์ ลำงน้อยลง เชน่ กำรเล่น กำรช่วยเหลือ กำรแบง่ ปนั กำรรอคอย กำรเสยี สละ ฯลฯ
2. ครดู ูแลและสังเกตพฤติกรรมพร้อมท้ังประเมินผลเปน็ รำยบคุ คลหลำย ๆ ครัง้
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี หมำยถงึ ยึดตนเองเป็นศูนย์กลำงน้อยลง
ปำนกลำง หมำยถงึ ยดึ ตนเองเป็นศูนย์กลำงนอ้ ยลงแตต่ อ้ งมคี รูและเพื่อนๆ คอยชน้ี ำ
ปรับปรุง หมำยถึง ยึดตนเองเป็นศูนยก์ ลำง ถงึ แม้ว่ำครแู ละเพ่ือนจะเตือน

๑๒๔

คำคล้องจอง
นกกระจบิ นกกระจำบ
มีนกสองตัวเกำะอยู่บนกิง่ ไม้ ตวั หนงึ่ ชอื่ นกกระจบิ จ๊ิบ ๆ ๆ
ตวั หน่ึงชอื่ นกกระจำบ จำ๊ บ ๆ ๆ บินไปเจ้ำนกกระจิบ จ๊บิ ๆ ๆ
บนิ ไปเจ้ำนกกระจำบ จ๊ำบ ๆ ๆ บินมำเจ้ำนกกระจิบ จ๊บิ ๆ ๆ
บนิ มำเจำ้ นกกระจำบ จ๊ำบ ๆ ๆ

นทิ ำนเรอื่ งนกกระจบิ นกกระจำบ
กำลครง้ั หนึ่งนำนมำแลว้ ยงั มีนกสองตวั เปน็ เพอ่ื นกนั ตวั หนงึ่ ชอื่ นกกระจบิ อกี ตัวหนง่ึ ชือ่ นก

กระจำบ นกทง้ั สองตวั เปน็ เพ่ือนท่ีรกั กันมำกไปไหนมำไหนด้วยกันเสมอ
วันหนึ่งขณะทท่ี ้ังสองกำลังบินเลน่ และบนิ มำเกำะอยบู่ นต้นไม้ นกท้งั สองตัวก็พูดคยุ เสยี ง
ดงั จบิ๊ ๆ ๆ จ๊ำบ ๆ ๆ ตำมประสำอยำ่ งมคี วำมสุข ก็มีเด็กเกเรคนหน่งึ ถือหนงั สติก๊ ใส่ก้อนหนิ พร้อมที่จะยิงมำที่
นกทง้ั สองตวั นกกระจิบมองเห็นกอ่ นจงึ รบี กระพอื ปีกบอกเป็นสญั ญำณใหน้ กกระจำบรวู้ ่ำมีคนจะทำอนั ตรำย
นกท้ังสองรีบบนิ ข้ึนเพอ่ื จะหนีใหท้ ัน แตเ่ ด็กเกเรได้ยงิ กระสุนถูกนกกระจำบ นกกระจำบจึงบนิ ไมส่ ะดวก
พยำยำมบินด้วยควำมอดทนและควำมเจ็บปวดจนมำถงึ รงั นกกระจบิ ไดเ้ ฝำ้ ดูอำกำรเพื่อนรกั ตลอดเวลำ โดย

ออกไปหำอำหำรมำป้อน จนในทสี่ ดุ นกกระจำบกห็ ำย
นกทัง้ สองรดู้ วี ่ำ บรเิ วณทท่ี ัง้ สองเคยไปนน้ั มีอนั ตรำย ก็ไมบ่ ินไปแถวนนั้ อีกเลย เพอ่ื ท่ีจะได้ห่ำง

จำกเด็กเกเรคนนน้ั
คำถำม
1. มนี กช่ืออะไรบำ้ ง
2. นกทงั้ สองตัวเป็นอะไรกัน
3. ทำไมนกกระจำบจงึ บำดเจ็บ
4. นกกระจำบถูกยิงท่ีใด
5. ถ้ำเด็ก ๆ เจบ็ ขำหรอื เทำ้ กำรเดินทำงจะเป็นอย่ำงไร
6. ถ้ำเด็ก ๆ เปน็ นกกระจำบ เด็ก ๆ จะรู้สึกอย่ำงไร
7. ถำ้ เดก็ ๆ เป็นนกกระจบิ เด็ก ๆ จะรู้สกึ อย่ำงไร เมื่อเห็นเพื่อนบำดเจ็บ
8. เด็ก ๆ จะเลอื กเปน็ ตัวละครใด
9. ทำไมจึงเลอื กเปน็ ตวั ละครนนั้
10. เด็ก ๆ ชอบเพอ่ื นลักษณะใด

๑๒๕

กำรประเมินพฒั นำกำรเด็กปฐมวัย
พฒั นำกำรดำ้ นสังคม

1. ปฏบิ ัติกิจวตั รประจำวนั ไดด้ ว้ ยตนเอง
วิธกี ำรประเมนิ
1. ให้เดก็ ปฏบิ ัติกิจกรรมตำมตำรำงกจิ กรรมประจำวัน
2. ครคู อยดแู ลสังเกตควำมสำมำรถในกำรปฏบิ ตั กิ จิ วัตรประจำวนั ดว้ ยตนเอง เชน่ กำรเข้ำหอ้ งนำ้ หอ้ งสว้ ม
กำรใชว้ สั ดุอุปกรณ์อย่ำงคล่องแคล่ว กำรรบั ประทำนอำหำร กำรชว่ ยเหลือเพือ่ น กำรชว่ ยเหลืองำนครู
กำรแปรงฟัน กำรปทู นี่ อน เกบ็ ที่นอน
3. ครปู ระเมนิ ผลโดยสังเกตหลำย ๆ ครง้ั กอ่ นตัดสินผล
เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรชว่ ยเหลือตนเองในกำรปฏิบัติกจิ วตั รประจำวันได้ดว้ ย
ตนเอง

ปำนกลำง หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรช่วยเหลอื ตนเองในกำรปฏบิ ัตกิ ิจวตั รประจำวัน โดยครู
และเพือ่ นช้ีนำ

ปรบั ปรงุ หมำยถงึ ช่วยเหลือตนเองในกำรปฏิบตั ิกิจวัตรประจำวนั โดยครูและเพ่อื นเตือนบ่อย ๆ
และบำงกจิ กรรมทำไม่ได้

2. เลน่ หรือทำงำนโดยมีจดุ มงุ่ หมำยรว่ มกนั ได้
วิธกี ำรประเมนิ
1. เดก็ ปฏิบตั กิ จิ กรรมกลมุ่ โดยที่กลุ่มจะสลับกนั ไป รวมกลุม่ ตำมควำมสนใจ ตำมหนว่ ยกำรเรียนฯลฯ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่ำง ๆ เชน่ เคลื่อนไหวและจงั หวะ สรำ้ งสรรค์ เล่นตำมมมุ กลำงแจ้ง เสริมประสบกำรณ์ เกม
กำรศกึ ษำ
2. ครูประเมนิ ผลกำรทำกิจกรรมของเด็กเปน็ รำยบุคคล โดยสงั เกตหลำย ๆ คร้ัง เพ่ือให้เกดิ ควำมแนใ่ จ
เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ เด็กสำมำรถเลน่ หรอื ทำงำนร่วมกับผ้อู ่ืนได้ทุกกิจกรรมโดยไม่มขี ้อขัดแยง้ กับ
สมำชิกในกลุ่ม

ปำนกลำง หมำยถงึ เดก็ สำมำรถเล่นหรือทำงำนรว่ มกับผอู้ ื่นได้บำงกิจกรรมโดยไมม่ ีขอ้ ขดั แย้
กับสมำชิกในกลุม่

ปรับปรุง หมำยถงึ เลน่ หรือทำงำนร่วมกับผู้อน่ื ได้บำงกิจกรรมแตม่ ขี ้อขดั แยง้ บำ้ งทำให้งำนทีม่ ี
จุดมุ่งหมำยร่วมกนั ไมป่ ระสบผลสำเรจ็

3. พบผูใ้ หญ่รู้จักไหว้ทำควำมเคำรพ
วธิ กี ำรประเมนิ
1. ครแู ละเด็กสนทนำถึงกิจวัตรประจำวันทเี่ ด็กดีควรปฏบิ ัติในแต่ละวัน
2. ครแู ละเด็กร่วมร้องเพลง และสำธติ กำรไหวท้ ี่ถูกวธิ ี

๑๒๖

3. ครดู แู ลและสังเกตพฤติกรรมในขณะอยู่โรงเรียน ก่อนกลับบำ้ น และตดิ ต่อพบปะผู้ใหญ่รจู้ ักกำรไหว้ ทำ
ควำมเคำรพ
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถึง เด็กมมี ำรยำทในกำรทำควำมเคำรพ ร้จู ักไหว้ เม่ือพบผ้ใู หญ่ทุกครง้ั สำมำรถ
ปฏิบตั ไิ ดโ้ ดยไมม่ ีผ้ชู นี้ ำ

ปำนกลำง หมำยถงึ เด็กมีมำรยำทในกำรทำควำมเคำรพ รู้จักไหว้ เมอ่ื พบผูใ้ หญ่
เปน็ บำงครง้ั โดยมผี ชู้ นี้ ำ

ปรบั ปรงุ หมำยถึง เด็กไม่ทำควำมเคำรพ ตอ้ งอำศัยผู้ชีน้ ำทุกครงั้
4. รู้จกั ขอบคณุ เมื่อรับของจำกผใู้ หญ่
วิธกี ำรประเมนิ
1. ครแู ละเด็กสนทนำถงึ กจิ วัตรประจำวนั ท่เี ดก็ ดคี วรปฏบิ ัตใิ นแต่ละวนั
2. ครแู ละเด็กรว่ มร้องเพลง และสำธติ วธิ ีรับของจำกผ้ใู หญ่
3. ครูดแู ลและสังเกตพฤติกรรมในขณะอย่โู รงเรยี น ก่อนกลบั บ้ำน และเมื่อรับของจำกผู้ใหญก่ ลำ่ วคำวำ่
ขอบคุณ
เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถึง เด็กมีกิริยำมำรยำทท่ดี ี รู้จกั ใช้คำพูดขอบคุณ เม่อื รบั ของจำกผู้ใหญ่ทุก
คร้ังและสำมำรถปฏิบตั ิด้วยตนเองโดยไม่มีผชู้ ้ีนำ

ปำนกลำง หมำยถึง เด็กมีกิรยิ ำมำรยำททดี่ ี รู้จักใช้คำพดู ขอบคุณ เม่ือรบั ของจำก
ผู้ใหญ่เป็นบำงครั้งโดยมผี ู้ชน้ี ำ

ปรับปรงุ หมำยถงึ เดก็ ไม่กล่ำวคำขอบคุณเมอ่ื รับของจำกผู้ใหญ่ ต้องอำศยั ผชู้ น้ี ำทุกครัง้
5. รบั ผดิ ชอบงำนท่ีไดร้ บั มอบหมำย
วิธกี ำรประเมิน
1. ใหเ้ ด็กปฏิบตั ิงำนตำมท่ีครูมอบหมำยจำกกิจกรรมและหนว่ ยกำรเรียน เชน่ เกบ็ ของเข้ำที่ กำรปฏิบัตติ ำม
คำสงั่ งำนกลุ่ม งำนรำยบุคคล งำนท่คี รูมอบหมำย ฯลฯ
2. ครคู อยดแู ลและสงั เกตพฤติกรรมพร้อมประเมินผลเปน็ รำยบุคคลหลำย ๆ ครงั้
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรรบั ผดิ ชอบงำนที่ไดร้ บั มอบหมำยทนั เวลำและส่ง
งำนทุกงำนด้วยตนเอง

ปำนกลำง หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรรบั ผดิ ชอบงำนทีไ่ ด้รบั มอบหมำยทนั เวลำและสง่
งำนทุกงำนแต่ครแู ละเพื่อน ๆ คอยชน้ี ำ

ปรบั ปรงุ หมำยถงึ ปฏบิ ตั งิ ำนท่ีได้รบั มอบหมำยไม่ทันเวลำ หรอื ไม่ยอมส่งงำนถงึ แม้วำ่ ครู
และเพ่ือนจะเตอื น

๑๒๗

กำรประเมินพฒั นำกำรเด็กปฐมวัย
พัฒนำกำรดำ้ นสตปิ ญั ญำ

1. บอกควำมแตกต่ำงของกลนิ่ สี เสยี ง รส รปู ร่ำง จำแนก และจดั หมวดหม่สู ิง่ ของได้
วิธกี ำรประเมิน
1. ครูนำผำ้ ห่อสิ่งต่ำง ๆ เหลำ่ น้ี แล้วใหเ้ ดก็ ดมกลิ่น
- มะนำว , มะกรดู , หัวหอม , กระเทยี ม , นำ้ หอม , แอมโมเนีย แลว้ บอกกลนิ่
2. ครนู ำสเี ทยี นมำใหเ้ ดก็ แยกสี
- แดง , น้ำเงนิ , เขียวแก่ , เขียวอ่อน , เหลอื ง , มว่ ง , ชมพู , สม้ , ฟำ้ , ขำว , ดำ , เทำ
3. ครนู ำแถบบนั ทึกเสยี งมำให้เดก็ ๆ ฟงั แล้วใหเ้ ด็กบอกเสียง ดังน้ี
- ฝนตก , แตรรถ , นกหวีด , ไก่ขัน , ฟำ้ รอ้ ง , ฟำ้ ผำ่ , เสยี งกรง่ิ , เสยี งโทรศพั ท์ , เสยี งปะทัด
4. ครใู หเ้ ดก็ ชิมรส ดังนี้
- นำ้ เปล่ำ , นำ้ โซดำ , น้ำมะนำว , นำ้ เกลือ , น้ำเชือ่ ม
5. ครนู ำไมบ้ ลอ็ กมำให้เด็กบอกรูปรำ่ ง ดงั นี้
- สำมเหลย่ี ม , ส่ีเหลย่ี ม , วงกลม , วงรี
6. ครูนำก้อนหิน ใบไม้ เมล็ดพืช ไม้บลอ็ ก สี ให้เดก็ จำแนกและจัดหมวดหมู่
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถงึ เดก็ สำมำรถบอกควำมแตกตำ่ งของกลน่ิ สี เสยี ง รส รูปรำ่ งจำแนกและจดั
หมวดหมู่สิง่ ของได้ 4 ลกั ษณะ ดว้ ยตนเอง

ปำนกลำง หมำยถงึ เดก็ สำมำรถบอกควำมแตกต่ำงของกล่ิน สี เสยี ง รส รปู ร่ำงจำแนกและจัด
หมวดหม่สู ิ่งของได้ 3 ลกั ษณะ ดว้ ยตนเองไดบ้ ำงกจิ กรรมครูและเพ่อื นชน้ี ำ

ปรบั ปรุง หมำยถงึ เดก็ สำมำรถบอกควำมแตกต่ำงของกลิ่น สี เสยี ง รส รปู ร่ำงจำแนกและ
จัดหมวดหมู่สงิ่ ของได้ 1-2 ลักษณะ ดว้ ยตนเองได้บำงกิจกรรมโดยครูและ
เพอ่ื นช้นี ำ บำงกจิ กรรมทำไม่ได้

2. บอกชื่อ นำมสกุล และอำยขุ องตนเองได้
วธิ ีกำรประเมิน
1. ครูนำสนทนำให้เด็กตอบ
2. ครใู ห้เดก็ บอกชือ่ จรงิ ชื่อเลน่ นำมสกลุ อำยขุ องตนเอง
3. ครูประเมินและบนั ทึกผล
เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ เด็กบอกชื่อ นำมสกุล และอำยุของตนเองได้ถกู ต้องดว้ ยตนเอง
ปำนกลำง หมำยถึง เด็กบอกชื่อ นำมสกลุ และอำยุของตนเองได้ถูกตอ้ งโดยกำรชี้นำของเพ่อื น

และครู
ปรบั ปรงุ หมำยถึง เดก็ บอกชื่อ นำมสกลุ และอำยขุ องตนเองได้ ถ้ำเพอื่ นและครูชแี้ นะ จะบอก

ไดถ้ ูกต้องบำงคำเทำ่ น้ัน

๑๒๘

3. พยำยำมหำวธิ แี กป้ ัญหำด้วยตนเอง
วิธีกำรประเมิน
1. ครูนำสนทนำใหเ้ ด็กตอบ
2. ประเมินผลควำมสำมำรถของเด็กในกำรพยำยำมแก้ไขปัญหำดว้ ยตนเองจำกตำรำงกจิ กรรมประจำวนั
และหน่วยกำรเรียนเรียนรู้ โดยผำ่ นกำรสนทนำ ซักถำม สัมภำษณ์ ควำมสำมำรถในกำรแก้ไขปัญหำดังนี้

- ถำ้ เดก็ ๆ ว่ิงชนเพ่ือน ในขณะเคล่ือนไหวร่ำงกำย เด็ก ๆ จะทำอย่ำงไร
- ถำ้ เดก็ ๆ พบคนแปลกหนำ้ จะทำอย่ำงไร
- ถ้ำเดก็ ๆ อยำกเล่นของกบั เพอ่ื นคนอื่น ๆ เด็ก ๆ จะทำอย่ำงไร
- ถำ้ กระดำนลน่ื มคี นเลน่ มำก ๆ มีวธิ ีกำรอย่ำงไรที่จะทำใหเ้ ด็ก ๆ เล่นไดท้ ุกคนและรวดเร็ว
- ถำ้ เดก็ ๆ ดม่ื นมแล้วทำนมหก เด็ก ๆ จะทำอย่ำงไร
- ถ้ำไฟดับ เด็ก ๆ จะต้องเข้ำไปในห้อง เด็ก ๆ จะทำอยำ่ งไร
- ถ้ำฝนตก เด็ก ๆ จะกลับบำ้ น เด็ก ๆ จะทำอยำ่ งไร
3. ครปู ระเมนิ และบนั ทึกผล
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถงึ ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำดว้ ยตนเองประสบผลสำเร็จปัญหำหมดไป
ทำได้รำบรืน่ บ่อย ๆ ครงั้ ต้ังแต่ 10 ครง้ั ข้ึนไปด้วยตนเอง

ปำนกลำง หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำด้วยตนเองประสบผลสำเร็จ
ปญั หำหมดไป ทำไดร้ ำบรนื่ บอ่ ย ๆ ครั้ง ตั้งแต่ 7 - 8 คร้ังขึน้ ไปด้วยตนเอง

ปรับปรุง หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำด้วยตนเองประสบผลสำเร็จ
ด้วยกำรช้ีนำของครแู ละเพื่อน ๆ หำกใหค้ ดิ แก้ปัญหำเองไม่สำมำรถทำได้

4. สนทนำโตต้ อบ/เลำ่ เปน็ เรอ่ื งรำวได้
วิธกี ำรประเมนิ
1. เด็กปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเล่ำข่ำวและเหตกุ ำรณ์ หรือปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตำมตำรำงกิจกรรมประจำวนั เชน่ วำด
ภำพระบำยสี ปั้นดินน้ำมัน เลน่ ตำมมุม ฯลฯ เด็ก ๆ นำผลงำนมำนำเสนอ
2. ครูนำสนทนำ ใหเ้ ด็กตอบเรือ่ งรำว
3. ครปู ระเมินและบันทกึ ผล
เกณฑ์กำรประเมิน

ดี หมำยถงึ เด็กสำมำรถสนทนำโต้ตอบ/เล่ำเรื่องรำวเก่ียวกบั ผลงำนของตนเองได้ด้วย
ตนเอง

ปำนกลำง หมำยถึง เดก็ สำมำรถสนทนำโตต้ อบ/เลำ่ เร่ืองรำวเกย่ี วกบั ผลงำนของตนเองได้โดย
ครแู ละเพ่ือนคอยชนี้ ำ

ปรับปรุง หมำยถงึ เด็กสำมำรถสนทนำโตต้ อบ/เล่ำเรื่องรำวได้เพยี งกำรคอยตอบคำถำมเมื่อ
ครูถำมและตอบโต้ได้โดยกำรช้ีนำของเพื่อนและครู

5. สรำ้ งผลงำนตำมควำมคิดของตนเอง โดยมรี ำยละเอียดเพ่มิ ข้ึนและแปลกใหม่
วิธกี ำรประเมนิ
1. เดก็ ปฏิบตั กิ ิจกรรมสร้ำงสรรค์ เช่น วำดภำพดว้ ยสีเทยี น สีน้ำ ปน้ั ดนิ น้ำมนั พบั กระดำษ ประดษิ ฐเ์ ศษ
วสั ดุ
2. ครดู ูแลและบนั ทกึ พฤตกิ รรม พร้อมจัดแสดงผลงำนของเดก็ เปน็ รำยบุคคล

๑๒๙

3. กำรประเมนิ ผลโดยกำรเก็บช้ินงำนคร้ังก่อนเปรยี บเทยี บกับผลงำนช้นิ ปัจจบุ นั ดูควำมกำ้ วหนำ้ ของผลงำน
เปน็ รำยบุคคล บนั ทกึ ผล
เกณฑ์กำรประเมนิ

ดี หมำยถงึ ผลงำนทเ่ี ดก็ สรำ้ งขนึ้ มีควำมก้ำวหนำ้ ขนึ้ ตำมลำดับ
ปำนกลำง หมำยถงึ ผลงำนที่เด็กสรำ้ งขนึ้ มคี วำมกำ้ วหนำ้ ไม่สมำ่ เสมอ ดีขน้ึ ลดลง สลับกนั ไป
ปรบั ปรุง หมำยถงึ ผลงำนย่ำอยทู่ ่ีเดมิ ไมม่ ีกำรพัฒนำผลงำนของตนเอง
6. รู้จกั ใช้คำถำม “ทำไม” “อยำ่ งไร”
วิธกี ำรประเมนิ
1. ครูสร้ำงสถำนกำรณห์ รือเลำ่ นทิ ำนให้เด็กฟัง
2. ให้เด็กสนทนำและใช้คำถำม “ทำไม” “อยำ่ งไร”
3. ครดู แู ลและสังเกตกำรณ์ใช้คำถำม
4. ครบู ันทกึ และประเมนิ ผล
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี หมำยถงึ เด็กใชค้ ำถำม “ทำไม” “อย่ำงไร” ไดด้ ้วยตนเอง
ปำนกลำง หมำยถงึ เดก็ ใชค้ ำถำม “ทำไม” “อย่ำงไร” ได้โดยครูและเพ่ือนคอยช้นี ำ
ปรับปรงุ หมำยถงึ เดก็ ใช้คำถำม “ทำไม” “อย่ำงไร” ไม่ได้
7. เรม่ิ เข้ำใจสิ่งที่เป็นนำมธรรม
วิธีกำรประเมนิ
1. เด็กปฏิบตั ิกจิ กรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ เชน่ สำรวจ ทดลอง ค้นควำ้ ทศั นศึกษำ ฟังอธิบำยจำก
วทิ ยำกรเดก็ ๆ เขำ้ ใจสงิ่ ที่เปน็ นำมธรรม
2. ครูดแู ลและบนั ทกึ พฤตกิ รรม
3. บนั ทกึ ผลควำมกำ้ วหนำ้ เป็นรำยบุคคล
เกณฑ์กำรประเมิน
ดี หมำยถึง เด็กเริ่มเข้ำใจสง่ิ ทเี่ ปน็ นำมธรรมดว้ ยตนเอง
ปำนกลำง หมำยถงึ เดก็ เร่มิ เข้ำใจสิ่งที่เปน็ นำมธรรมด้วยตนเอง โดยกำรชนี้ ำของเพอ่ื น
ปรับปรงุ หมำยถงึ เด็กไม่เขำ้ ใจส่ิงทีเ่ ปน็ นำมธรรม
8. นับปำกเปลำ่ ไดถ้ ึง 20
วธิ ีกำรประเมนิ
1. ครปู ระเมนิ ผลควำมสำมำรถในกำรนบั ปำกเปลำ่ 1 – 20 จำกหน่วยกำรเรยี นรแู้ ละกิจกรรมประจำวัน
2. ครจู ัดสถำนกำรณ์ภำยในห้องเรียน จำกเกมศึกษำ ในกำรรับรู้และนับปำกเปล่ำ 1 – 20
3. ครสู ังเกตและบันทึกผล
เกณฑ์กำรประเมนิ
ดี หมำยถึง เด็กนบั ปำกเปล่ำ 1 – 20 ไดด้ ว้ ยตนเอง
ปำนกลำง หมำยถึง เด็กนับปำกเปล่ำ 1 – 20 ได้ดว้ ยตนเอง โดยครแู ละเพ่ือนคอยช่วยเหลอื
ปรับปรุง หมำยถึง เดก็ นับปำกเปลำ่ ได้ไมเ่ กนิ 10

แบบบันทึกพฤติกรรมแบบรำยวนั

๑๓๐

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………………………
ช้นั ………………………………………………………………..
เกิดวันท่ี…………………………………………………………
ชือ่ ครูท่ีสงั เกต………………………………………………………………………..………วนั ท่บี นั ทกึ ……………………………………
สถำนที่ : …………………………………………………………………………………………………………………………………………..
พฤติกรรม……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ควำมคิดเหน็ ของผ้สู อน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………...........................................................................................................................................

แบบสำรวจรำยกำรพัฒนำกำรทง้ั 4ด้ำน

๑๓๑

ชอื่ ด.ช/ด.ญ…………………………………………………………………เกิดวนั ที่………..เดือน……………………..พ.ศ…………

คำช้แี จง โปรดทำเคร่ือง ลงในชอ่ งตรงกบั พฤตกิ รรมของเด็ก

พัฒนำกำร พฤตกิ รรมเด็ก คร้ังท่ี ๑ ครั้งท่ี ๒ ครง้ั ท๓ี่ สรุป

1.ลำ้ งมือก่อน ไม่ ปฏบิ ตั ิ ไม่ ปฏิบัติ ไม่ ปฏิบัติ
รบั ประทำนอำหำร ปฏิบัติ ปฏิบัติ ปฏบิ ตั ิ
และหลังจำกใช้
ด้ำนรำ่ งกำย ห้องนำ้ ห้องส้วมได้
ดว้ ยตนเอง
๒.นอนพกั ผ่อนเวลำ
๓.เล่น ทำกิจกรรม
และปฏบิ ัติตอ่ ผู้อืน่
อยำ่ งปลอดภัย
๑.แสดงอำรมณ์
ควำมร้สู ึกได้
สอดคล้องกับ
ด้ำนอำรมณ์ สถำนกำรณ์อย่ำง
จติ ใจ เหมำะสม
๒.กลำ้ พูดกลำ้
แสดงออกอยำ่ ง
เหมำะสมตำม
สถำนกำรณ์
๑.จำแนกละจัดกลุ่ม
ส่งิ ตำ่ งๆโดยใช้ต้ังแต่
ด้ำนสตปิ ัญญำ ๒ ลักษณะขั้นไปเป็น
เกณฑ์
๒.กระตือรือร้นใน
กำรรว่ มกจิ กรรม
ต้ังแตต่ ้นจนจบ

ข้อเสนอแนะ………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….......

แบบบนั ทกึ กำรสนทนำ

๑๓๒

ช่ือ………………………………………………….…………..สกลุ ……………………..................................อำยุ……………

ภำคที่เรยี น………………/………………………..

กจิ กรรม กำรสนทนำข่ำวและเหตกุ ำรณต์ อนเชำ้

วัน เดอื น ปี คำพดู ของเดก็ ควำมคดิ เห็นผสู้ อน

ข้อเสนอแนะ………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

(………………………………………………………..)

นำงสำวกฤตกิ ำ ศรีสวสั ดิธ์ ำรำ

ครปู ระจำชน้ั

๑๓๓

กำรสรุปผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรเด็กด้ำนสติปญั ญำ จำแนกตำมมำตรฐำนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ
นกั เรยี นช้นั อนุบำล ๓ (อำยุ ๕ - ๖ ป)ี

โรงเรียน………………………………………………………………ภำคเรยี นที่………ปีกำรศึกษำ……………
ชือ่ ……………………………………………………………………………………………………………………………

ผลกำรประเมนิ ภำคเรยี นท…่ี …….. สรปุ พัฒนำกำร

พฒั นำกำร ๓๒๑

ด้ำนสตปิ ญั ญำ

มฐ. ๙ ใช้ภำษำสอื่ สำรได้เหมำะสมกับวัย

๙.๑ สนทนำโต้ตอบและเลำ่ เรื่องให้ผอู้ ืน่ เข้ำใจ

๙.๒ อำ่ น เขยี นภำพ และสญั ลักษณ์ได้

มฐ. ๑๐ มีควำมสำมำรถในกำรคิดทเี่ ป็นพืน้ ฐำนใน

กำรเรยี นรู้

๑๐.๑ มีควำมสำมำรถในกำรคิดรวบยอด

๑๐.๒ มีควำมสำมำรถในกำรคิดเชิงเหตุผล

๑๐.๓ มคี วำมสำมำรถในกำรคิดแกป้ ัญหำและ

ตัดสนิ ใจ

มฐ. ๑๑ มจี นิ ตนำกำรและควำมคดิ สร้ำงสรรค์

๑๑.๑ ทำงำนศลิ ปะตำมจินตนำกำรและควำมคดิ

สรำ้ งสรรค์

๑๑.๒ แสดงทำ่ ทำง/เคล่อื นไหวตำมจนิ ตนำกำร

อย่ำงสร้ำงสรรค์

มฐ. ๑๒ มเี จตคตทิ ่ดี ีตอ่ กำรเรียนรู้ และมี

ควำมสำมำรถในกำร แสวงหำควำมรู้ได้เหมำะสมกบั

วัย

๑๒.๑ มีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ กำรเรียนรู้

๑๒.๒ มคี วำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรู้

สรปุ พัฒนำกำรเด็กดำ้ นสตปิ ัญญำ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๑๓๔


Click to View FlipBook Version