รอบรั ววัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว ั ดโพธิ ) จาร ึ กเพลงยาวกลบทและกลบทอ ั กษร แผ ่ นท ี่ 42 (กลบทอ ั กษรนกกางปี ก) แต ่ งโดยใช ้ กลบทอ ั กษรนกกางปี ก ซ ึ่ งเป็ นกลอ ั กษรท ี่ ม ั กม ี การ ซ ่ อนคําอยู่ กลบทน ี้ ภายในวรรคจ ึ งม ี ล ั กษณะคําท ี่ หายไป ผู้อ ่ านต ้ อง ถอดกลน ี้ ก ่ อนจ ึ งจะอ ่ านได ้ ความสมบ ู รณ ์ คุ ณค ่ าด ้ านเน ื้ อหา แสนร ั กษร ้ อนร ั กษร ้ อนหน ั กอกเอ ๋ ย ฉ ั นใดจะได ้ ชมช ิ ดช ิ ดชมเชย ไม ่ ล ื มเลยเลยล ื มปล ื้ มอาไลย แต ่ได ้ เหนโฉมงามงามโฉมเฉล ิ ม ก ็ พ ู นเพ ิ่ มเพ ิ่ มพ ู นจ ิ ตร ์ พ ิ ดไสม สวาด ิ์ แสนแสนสวาด ิ์ เพ ี ยงขาดใจ จะค ิ ดไฉนน ี่ น ี่ไฉนนะอกอา จะส ื่ อสวนสวนส ื่ อด ี หฤาหนอ หฤาจะขอสู่สู่ขอต ่ อเชษฐา คุ ณค ่ าด ้ านวรรณศ ิ ลป ์ สั มผ ัสในวรรค คุ ณค ่ าด ้ านสั งคม -สั มผ ัสพย ั ญชนะ ชม - ช ิ ด - เชย -สั มผ ัสสระ ล ื ม - ปล ื้ ม , จ ิ ตร ์- พ ิ ด , ขอ - ต ่ อ ซํ้าคํา : หฤา ความรู้สึ กร ้ อนใจอ ั นเก ิ ดมา จากความร ั กท ี่ ม ี ต ่ อหญ ิ งสาว นางสาวร ุ จ ิ รา น ั นทค ี ร ี ม.5/1 เลขท ี่ 32
รอบรั ววัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว ั ดโพธิ ) จาร ึ กเร ื่ องฉ ั นท ์ วรรณพฤต ิ แผ ่ นท ี่ 29 (ปม ิ ต ั กขราฉ ั นท ์) แต ่ งโดยใช ้ ปม ิ ต ั กขราฉ ั นท ์ 12 บทหน ึ่ งม ี2 บาท บาทละ 12 พยางค ์ เเบ ่ งเป็ น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค ์ วรรคหล ั ง 7 พยางค ์ ประกอบด ้ วยฉ ั นท ์ สะ ชะ สะ สะ ม ี การส ่ งสั มผ ัสแบบกาพย ์ คุ ณค ่ าด ้ านเน ื้ อหา มนะหน ึ่ งก ็ ค ิ ด ประทุฐะจ ิ ตรจะราญ ชนอ ื่ นแลดาล ว ิ ตกะเพ ื่ อพละตน มนะหน ึ่ งก ็ จ ิ น ตนะเพราะย ิ นอน ุ สนฑ ์ บรเหต ุ ดล ก ุ ธะอ ุ บ ั ต ิ ว ิ การ คุ ณค ่ าด ้ านวรรณศ ิ ลป ์ คุ ณค ่ าด ้ านสั งคม สั มผ ัสในวรรค -สั มผ ัสพย ั ญชนะ จ ิ ตร - จะ -สั มผ ัสสระ ระ - จะ , กะ - ละ ซํ้าคํา : มนะ ความพยาบาทก ่ อให ้ เก ิ ดความ ไม ่ สบายกาย ไม ่ สบายใจ สะท ้ อนความเช ื่ อหล ั กธรรมคํา สอนของพระพ ุทธศาสนาทําให ้ มน ุ ษย ์ รู้จ ั กค ิ ดไตร ่ ตรอง ซ ึ่ งนําไป สู่การทําให ้ เก ิ ดความสงบส ุ ข
ไนยนาสลายมลายศุ ขทุ พลเภท ไถยพ ิ บ ั ต ิ เหตุ์จะถ ี บถ ึ ง เห ี้ ยมน ั้ นบ ั ณฑ ิ ตย ์ คณะส ุ พ ุ ธ ิ พ ึ ง โทษทรรท ึ ง ฤควรค ิ ด ตนต ู ใหญ ่ ย ิ่ งยศบวรสถ ิ ตย ์ ไท ้ ธน ู ช ิ ต แลโปรดปราน รอบรั ววัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว ั ดโพธิ ) จาร ึ กเร ื่ องฉ ั นท ์ วรรณพฤต ิ แผ ่ นท ี่ 44 (ม ั นท ั กก ั นตาฉ ั นท ์) แต ่ งโดยใช ้ ม ั นท ั กก ั นตาฉ ั นท ์ บทหน ึ่ งม ี17 พยางค ์ แบ ่ งเป็ น 3 วรรค วรรคแรก 8 พยางค ์ วรรคสอง 4 พยางค ์ วรรคส ุ ดท ้ าย 5 พยางค ์ ประกอบด ้ วยคณะฉ ั นท ์ มะ ภะ นะ ตะ ตะ คร ุ ลอย 2 ม ี การส ่ ง สั มผ ัสแบบกลอนสั งขล ิ ก คุ ณค ่ าด ้ านเน ื้ อหา คุ ณค ่ าด ้ านวรรณศ ิ ลป ์ คุ ณค ่ าด ้ านสั งคม สั มผ ัสในวรรค -สั มผ ัสพย ั ญชนะ ถ ั บ - ถ ึ ง , โทษ - ทรร - ท ึ ง , ย ิ่ ง - ยศ , โปรด - ปราน -สั มผ ัสสระ สลาย - มลาย , น ั้ น - บ ั ณ สะท ้ อนความเช ื่ อหล ั กธรรม คําสอนของพระพ ุทธศาสนา ราชวสด ิ ว ั ตร หร ื อ ราชว ัสด ี ธรรม ค ื อ การสอนให ้ ปฏ ิ บ ั ต ิ ตนของการ เป็ นราชการท ี่ ด ีไม ่ ทนงต ั ว หร ื อ ทําต ั วเท ี ยบเท ่ ากษ ั ตร ิ ย ์
ณ สั ทธา อ ุ ทยานไทย รู้สึ กชอบท ี่ น ี่ มาก ๆ เพราะตอนแรกท ี่ เข ้ าไปจะเป็ นช ่ วงกลางว ั นให ้ ความ รู้สึ กเหม ื อนอยู่ในสถานท ี่ แต ่ ละท ี่ จร ิ ง ๆ อย ่ างเช ่ น บ ้ านเร ื อนไทยท ี่ ม ี ครบท ั้ ง 4 ภาค และท ี่ประท ั บใจส ุ ด ๆ ค ื อในโบสถ ์ ท ี่ เล ่ าเร ื่ องราวของพระพ ุทธเจ ้ า แต ่ เป็ นภาพ 3D ส ุ ดอล ั งการมาก ๆ พอในช ่ วงกลางค ื นทุ กอย ่ างท ี่ เข ้ าไปแล ้ วด ู เร ี ยบ ๆ โบราณ ๆ ก ็ กลาย เป็ นว ่ าม ีไฟในทุ ก ๆ ท ี่ ทําให ้ ด ู สวยงามมาก ๆ เหม ื อนโดนไฟพวกน ั้ นสะกดให ้ ด ู ได ้ ไม ่ เบ ื่ อเลย บรรยากาศด ี มาก อากาศเย ็ นสบาย ม ี ของก ิ นขายเยอะ ม ี ท ี่ ถ ่ ายร ู ปหลายม ุ ม เลย และท ี่ สําค ั ญม ี คนพ ิ เศษอยู่ด ้ วยเลยรู้สึ กว ่ าสถานท ี่ และภาพท ี่ ถ ่ ายออกมา ด ู น ่ าร ั ก มากกว ่ าเด ิ ม 100 เท ่ าเลย
ตะเข ็ บ ็ บไต ่ ข ่ ขอน คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา มีเนื อหาเกย ี วกบัผหู้ ญงิที มีความงาม พรอ ้ มไปดว ้ ยญาตพิ ี นอ ้ งและคนทค ี อยสรรเสรญิ ในบทประพันธใ์ชค ้ าํคร ุ ลห ุ สลบักนั ไป นางสาวศ นางสาวศศิมาภรณ์จันทร์ทอง ม.5/1 เลข ทอง ม.5/1 เลขที ที 33 33 คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป 1. การสัมผสั การสัมผสัพยญัชนะ ไดแ ้ ก ่ งาม - งด, สด - ใส, (ละ)ออ - (ละ)ออง - (จะ)ออ ่ ง - (จะ)เอย ี ม, จ(ิรงั ) - จะ(เรญิ ), (จะ)รงั- (จะ)เรญิ, พรอ ้ ม - พรกั, สร(ระ) - เสรญิ การสัมผสัสระ ไดแ ้ ก ่ งด -สด, ใส - ใคร, ประ(ยร ู ญาต)ิ- จะ , พรกั- รกัษ, เรอื- เหนอื, จะ - (สร)ระ 2. การเลน ่ เสียงวรรณยก ุ ต์ ไดแ ้ ก ่ ออง ออ ่ ง 3. การเลน ่ คาํ ไดแ ้ กค ่ าํวา ่ จะ คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม แสดงให ้ เห ็ นถงึความเพียบพรอ ้ มในทุกๆดา ้ น เพียบพรอ ้ มในทุกๆดา ้ น เชน ่ ในดา ้ นของหน้าตา ความสวย ครอบครวัญาตพิ ี น้อง ชอ ื เสียง กลอักษรดั งน ี มีกลบทชื อ คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม การสัมผสัสระ การสัมผสัพยญัชนะ 1. การสัมผสั พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด ็ จพระน ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที 3) 3. การเลน ่ คาํ 2. การเลน ่ เสียงวรรณยก ุ ต์
นาคบร ิ พ ิ พ ั น ั นท ์ คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา มีเนื อหาเกย ี วกบัการคราํ ครวญถงึหญงิที ตนหลงรกั แตง ่ ขึ นเพ ื อออ ้ นวอนให ้ นางเห ็ นใจและลว ่ งรถู้ งึความรสู้ึกของตน นางสาวศ นางสาวศศิมาภรณ์จันทร์ทอง ม.5/1 เลข ทอง ม.5/1 เลขที ที 33 33 คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป ไดแ ้ ก ่ (อา)รมณ์- รกัษ, (ส)มัก - มิตร,์ชดิ- ชน ื , (ส)มาน - เหมอืน, วาน - วอน, ที - ทน, วาน - วา ่ , ตงั - แต, ่ หมอง - หมน ่ , หมอง - ไหม, ้ไชย - ชว ่ ย, แก ้- กล - (ระ)กาํ- กาย, (ระ)กาํ- เกนิ- แก(้ไข), ข ุ น ่- ไข, ให ้- หาย, ให ้- เหน, อยา ่- อดิ- อาย, อยา ่- อดิ- เออ ื น, เยอ ื น - ยา ้ ย ไดแ ้ ก ่ รกัษ - (ส)มัก, ชน ื - รน ื , (ส)มาน - สาร - วาน, วา ่- มา, กระ(มล) - พระ(ลอ), ตอ ่- (พระ)ลอ, แต ่- แก, ้ไหม ้- ไชย, มวั- ตวั, เกนิ- เชญิ, แม ่- แก(้ไข), ไข้- ให ้-ใจ, เออ ื น - เยอ ื น ไดแ ้ ก ่ อป ุ มา เชน ่ เปรยีบความรกั ที ไม่คอ ่ ยจะดนีกัของเขาเหมอืนกบัความรกั ของพระลอ คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม 1. แสดงให ้ เห ็ นถงึความหลงรกัของชายหนุ่มทม ี ตีอ ่ หญงิสาว จากบทประพันธที ์กลา ่ ววา ่ " อารมณร์กัษสมกัสมติรข์อชดิ โฉม ขอชดิชน ื รน ื ประโลมภริมสมร " 2. แสดงให ้ เห ็ นถงึความคราํ ครวญ ความออ ้ นวอนของชายหนมุ่ กลอักษรดั งน ี มีกลบทชื อ หลวงนายชาญภ ู เบศร์ คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม การสัมผสัสระ การสัมผสัพยญัชนะ 1. การสัมผสั 2. โวหารภาพพจน์
ง ู ก ู กล ื น ื นหาง คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา มีเนื อหาเกย ี วกบัความเศรา ้ใจที ตอ ้ งอยหู่ ่ างไกลจากหญงิอนัเปน ทร ี กั นางสาวศ นางสาวศศิมาภรณ์จันทร์ทอง ม.5/1 เลข ทอง ม.5/1 เลขที ที 33 33 คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป ไดแ ้ ก ่ กระ(ไร) - กาํ (ใจ), (กระ)ไร - ระ(กาํ ), จะ - จาก, สง - สาร - ส ุ ด - แสน, โหย - ไห ้- ไหน - หยด ุ , ไกล - กาํ ม์, ไหล - หลงั , (ส)อน ื - ออ ้ น - โอ ้ ไดแ ้ ก ่ กระ(ไร) - ระ(กาํ ), (กระ)ไร - (กาํ )ใจ, ไกล - ไม, ่ นช ุ- ส ุ ด, ไห ้- ไหน, ใจ - ให ้ , ไกล - ไฉน, หลงั - ถงั 2. การหลากคาํ (คาํ ไวพจน์) ไดแ ้ ก ่ ชลเนตร์คอืนาํ ตา, นช ุ คอืนอ ้ ง (ใชก ้ บัผหู้ ญงิ) คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม แสดงให ้ เห ็ นถงึความโศกเศรา ้ เสียใจที ตอ ้ งห ่ างไกลจากหญงิอนัเปน ทร ี กั จากบทประพันธที ์กลา ่ ววา ่ " รนัทดใจให ้ สลด ตอ ้ งไกลจรกาํ ม์ไฉน ชลเนจรจ์ะไหลหลงั ถงั สอน ื ออ ้ นโอเ ้ ทวศ " กลอักษรดั งน ี มีกลบทชื อ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด ็ จพระน ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที 3) คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนื อหา คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นสังคม การสัมผสัสระ การสัมผสัพยญัชนะ 1. การสัมผสั 2. การหลากคาํ
ม ้ า ้ าลําพอง คณ ุ คา ่ ดา้นเนอ ื หา มเีนอ ื หาเกย ี วกบัความโศกเศรา้และเจบ ็ แคน้ ใจ อนัเกดิจากหญงิอนัเปน ทร ี กั นางสาวศ นางสาวศศิมาภรณ์จันทร์ทอง ม.5/1 เลข ทอง ม.5/1 เลขที ที 33 33 คณ ุ คา ่ ดา้นวรรณศิลป การสัมผสัพยญัชนะ ไดแ้ก ่ หนว ่ ง - หนกั, แคน้- เคอืง - คดิ, ทด - แทน, แหนง - หนา ่ ย, หมาง - หมอง, จาง - เจอ ื น - จรงิ, รวน - เร - รา้ง, ชดิ- ชู้- ชอบ, ลอบ - ลกั, หวน - หัน, ปด - ปอ ง, ชวน - ชม - ชน ื , รน ื - รกัษ, คราํ - ครวญ, นวล - นอ้ง, แนะ - นดั- เนอ ื ง, เรอ ื ง - รกัษ, รา ่ ย - เร ่- แระ , แวะ - เวยีน, อาบ - อบั, ดนิ - ดดี, หนา้- หนอ, ลกั (ษณ) - เลศิ, เฉดิ- โฉม, รกัษ - รา ่ ย การสัมผสัสระ ไดแ้ก ่ ทรวง - หนว ่ ง, คดิ- จติร,์แทน - แมน ่ , หนา ่ ย - คลาย, จติร์- มติร,์ จรงิ- หญงิ, รา้ง - คา้ง, ชอบ - ลอบ, คดิ- ปด , ชน ื - รน ื , ครวญ - นวล, เนอ ื ง - เรอ ื ง, แระ - แวะ , สิ น - ดนิ , เลศิ- เฉดิ, ภกัตร์- รกัษ คณ ุ คา ่ ดา้นสังคม 1. แสดงให้เห ็ นถงึความเจบ ็ ปวดจากความรกั ความเจบ ็ ปวดและความเศรา้จากความรกัมสีาเหตม ุ าจากผหู้ ญงิมชีู้ 2. สะทอ้นให้เห ็ นถงึความรกัทไี มจ ่ รงิจงัของหญงิสาว เห ็ นไดจ้ากบทประพันธท์ก ี ลา ่ ววา ่ หญงิมชีู้ซง ึ สาเหตส ุ ่ วนหนง ึ กม ็ าจากความงาม ของผหู้ ญงิ กลอักษรดั งน ี มีกลบทชื อ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด ็ จพระน ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที 3) คณ ุ คา ่ ดา้นเนอ ื หา คณ ุ คา ่ ดา้นวรรณศิลป คณ ุ คา ่ ดา้นสังคม การสัมผสัสระ การสัมผสัพยญัชนะ การสัมผสั
นางสาวศ นางสาวศศิมาภรณ์จันทร์ทอง ม.5/1 เลข ทอง ม.5/1 เลขที ที 33 33 พ ิ พ ิ พ ิ ธ ิ ธบางลําพ ู แหล่งเรียนรู้ทีประ ทับใจ
รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ คุณค่าด้านวรรณศลิป : • มีการใช้คําไวพจน์ซึ งเป นคําท ี ออกเสียงต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันคือ คําว่า กระมล(กมล), หฤไทย(หฤทัย) แปลว่า ใจ • มีการเล่นเสียงสระ เช่น กระมลพิกลคิด พิปริตแลผรร เม ื อได้อ่านจงึทําให้รู้สึก ว่าไพเราะ • มีการใช้อุปมาโวหารเพ ื อเปรียบเทียบ คือ ดุจไภย์พิบัติ(เหมือนกับภัยพิบัติ) คุณค่าด้านสังคม : บทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมซึ งเป นคําสั งสอนท ี ทุกคนพึงปฎิบัติ นั นคือการเคารพและสํานึกบุญคุณของผู้ท ี มีเมตตาต่อตัวเรา คุณค่าด้านเนื อหา : บทประพันธ์ถูกต้องตามฉันทลักษณ์และมีเน ื อหาท ี แสดงให้เห็น ถึงผลของการไม่รู้จกัสํานึกบุญคุณของผู้มีเมตตา น.ส.ณชิารยี ขําเกดิ ม.5/1 เลขท3ี่ 9
รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ คุณค่าด้านวรรณศลิป : • มีการใช้คําไวพจน์ซึ งเป นคําท ี ออกเสียงต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันคือ คําว่า ชิวัน(ชีวัน) แปลว่า ชีวิต และ มลาย แปลว่าตาย,สูญไป • มีการเล่นเสียงสระ เช่น จะพิฆาฎชิวัน และการเล่นเสียงพยัญชนะ เช่น กล หนึ งกุธา •มีการใช้คําพ้อง คือ บรประชาบมิปรี(บ) • มีการเล่นคําโดยขึ นตอนบทประพันธ์ด้วยคําว่า กลหนึ ง คุณค่าด้านสังคม : บทประพันธ์สะท้อนให้เห็นถึงพ ื นฐานของการใช้ชีวิตในเร ื องของการ ฟ งอย่างมีสติไม่เช ื ออะไรง่ายๆ คุณค่าด้านเนื อหา : บทประพันธ์ถูกต้องตามฉันทลักษณ์และมีการให้ ข้อคิดในเร ื องของการอย่าเช ื อคนง่าย ไม่หูเบา
รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ คุณค่าด้านเนื อหา : บทประพันธ์ถูกต้องตามฉันทลักษณ์และพูดถึงการมีวินัย ในการเรียนซึ งสามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจาํวันได้ คุณค่าด้านสังคม : บทประพันธ์สะท้อนถึงค่านิยมด้านการเรียนการศึกษาท ี ต้องอาศัยการมี วินัยและความตั งใจ มีการพูดถึงหลักพระพุทธศาสนาคือ อกุศลณะไตร ทวาร (ความชั วทั งทางกาย วาจา ใจ) คุณค่าด้านวรรณศลิป : • มีการใช้คําพ้องความหมาย คือ ฤ แปลว่า ไม่ • มีการเล่นเสียงสระ เช่น คฤหวาศนิราศเจรอญ • มีการใช้สัมผัสอักษร เช่น กลหนึ งก็พึงเพียร
คุณค่าด้านเนื อหา : บทประพันธ์ถูกต้องตามฉันทลักษณ์และเน ื อหาแฝง ข้อคิดในเร ื องของการพูด พูดในสิ งท ี ดีท ี เหมาะสม คุณค่าด้านสังคม : บทประพันธ์สะท้อนถึงลักษณะของการพูด ซึ งควรพูดแต่สิ งดีๆและพูดให้ เข้าใจถึงแก่นสารเพราะหากพูดไร้สาระคําพูดก็จะหายไปอย่างไรประโยชน์ คุณค่าด้านวรรณศลิป : • มีการใช้สัมผัสอักษร เช่น กลกล่าวสุภาษิต • มีการใช้สัมผัสสระ เช่น พจนานุกูลภูล • มีการเล่นเสียงหนัก-เบา โดยใช้คํา ครุลหุเพ ื อให้บท ประพันธ์ไพเราะ รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ รอบรว ัวัดเชตพุ นฯ
เหตุผลท ี ชอบเพราะ ตอนแรกท ี รู้ว่าจะต้องไปดูโขนก ็ คิดไปแล้วว่าจะไปดู ทาํ ไมมันต้องน่าเบ ื อแน่เลย แต่พอได้เข้าไปนั งแล้วโขนแสดงก ็ รู้สึกว่าชอบ ตั งแต่การแสดงแรกจนจบเลย รู้สึกว้าวกับทุกฉาก ชุดของนักแสดงแต่ละ คนสวยมากๆ นักแสดงก ็ เก่งทุกคน อุปกรณ ์ และฉากดูเหมาะสมกับเน ื อ เร ื อง ท ี สาํคัญคือได้ท ี นั งดีสุดๆเพราะมีตอนท ี นักแสดงลงจากเวทีมาเต้น ข้างหน้าเลยสนุกมากๆ นั งดูเพลินจนรู้สึกว่าไม่อยากให้จบอยากดูอีก แล้ว ก ็ ทั งโรงแทบจะเป นนักท่องเท ี ยวชาวต่างชาติหมดเลยทําให้รู้สึกดีใจท ี พวก เขาสนุกไปกับการแสดงโขนซึ งเป นวัฒนธรรมของไทย สุดท้ายน ี คือหวัง ว่าครั งหน้าจะได้ไปดูโขนท ี สนุกกว่าน ี อีก แหล ่ งเรียนรู้ ทช ี น ื ชอบ!
จารกึเพลงยาวกลบทและกลอักษร แผน่ ที 46 (กลอักษรคมในฝก ) ปางเร ิมรักษรักษเร ิมปางจะห่างเหิร สองใจเปนเปนใจสองต้องหมางเมลิ เขนิขามคิดคิดขามเขนิสเท ินอาย ว่าหวังรักษรักษหวังว่าจะชา้ชน ื ร ื นรวยรศรศรวยร ื นเรว็คืนหาย ชดิเชยกล ินกล ินเชยชดิยงัติดกาย วายว่างเว้นเว้นว่างวายเสียดายที ใส่แส้งทําทําแส้งใส่สะใบสบัด ป ดป องกรกรป องป ดสลัดหนี ผนิผนัภักตร์ภักตร์ผนัผนิย วัยนิดี ยยีวลใจใจยวนยใีนทีงอน คณุค่าด้านเนอ ื หา : ลักษณะการประพนัธ์เปน กลอักษร“คมในฝก ” โดยมเีนอ ื หากล่าวตัดพอ้หญงิสาวอันเปน ทร ี กั คณุค่าด้านสงัคม : • แสดงถึงวิถีชวีิตของค่รูกัมที งัยามสขุและทกุข์มกีระทบกระท งัมงีอ้งอนกันเปน ปกติ • แสดงใหเ้หน็ถึงความม นัคงในรกัแมท้ งัสองจะกระทบกระท งักัน แต่อีกฝา ยก็ยัง คอยประคบประหงม คอยงอ้และเอาใจ คณุค่าด้านวรรณศลิป : กลบทคมในฝ ก ใชล้ ักษณะการเล่นคําซา คือทกุ ๆทา้ยบาทจะ ต้องกลับไปอ่านซา ที ต้นบาทจนครบพยางค์แต่เปน การอ่านซา แบบถอยคําและนาํมา แทรกไว้กลางบาทเหมอืนดาบที อยใู่ นฝก ตัวอยา่งบท ; ปางเร ิมรักษจะห่างเหิร สองใจเปนต้องหมองเมริเขนิขามคิดสเทินอาย ถอดได้เปน ; ปางเร ิมรักษรักษเร ิมปางจะห่างเหิร สองใจเปนเปนใจสองต้องหมองเมริเขนิขามคิด คิดขามเขนิสเทินอาย • มกีารซา คํา เพอ ื เนน้ความหมายของคําน นั ใหช้ดัเจนยงิ ขนึ • มกีารเล่นเสยีงพยญัชนะ เชน่หมองเมลิเขนิขาม ชา้ชน ื รน ื รวยรศรศรวยรน ื เรว็ ใส่ แสง้ ปด ปอ ง ผินผัน ยยีวล • มกีารเล่นเสยีงสระในเกือบทุกวรรค • มกีารเล่นเสยีงวรรณยกุต์เชน่วายว่างเว้นเว้นว่างวาย ออมทอง สรรพตานนท ์ เลขท4ี 2 ม.5/1
จารกึเพลงยาวกลบทและกลอักษร แผน่ท ี 46 (กลอักษรคมในฝก ) ชน ื จติรจริงจริงจติรชน ื เมอ ื ยน ื สลา ตาต่อเนตรเนตรต่อตา สดุาสมร น ิวเลียมลองลองเลียมน ิวผกูค ิวค้อน วอนว่าสดุสดุว่าวอนจงึผอ่นตาม แสนรักษเหลือเหลือรักษ์แสนจะแขวนไว้ ไหนปานรักษรักษปานไหนอยา่ ได้ถาม คลึงเคล้าคลาดคลาดเคล้าคลึงสักกึ งยาม หวามไหวจติรจติรไหวหวามด้วยความรักษ คณุค่าด้านเนอ ื หา : ลักษณะการประพันธ์เปน กลอักษร“คมในฝก ” โดยมเีนอ ื หากล่าวตัดพ้อหญงิสาวอันเปน ทร ี กั คณุค่าด้านสงัคม : • แสดงถึงวิถีชวีิตของค่รูกัมที งัยามสขุและทกุข์มกีระทบกระท งั มงีอ้งอนกันเปน ปกติ • แสดงใหเ้หน็ถึงความม นัคงในรกัแมท้ งัสองจะกระทบกระท งักัน แต่อีก ฝา ยก็ยงัคอยประคบประหงม คอยงอ้และเอาใจ คณุค่าด้านวรรณศลิป : กลบทคมในฝก ใชล้ ักษณะการเล่นคําซา คือทกุ ๆ ทา้ยบาทจะต้องกลับไปอ่านซา ทต ี ้นบาทจนครบพยางค์แต่เปน การอ่าน ซา แบบถอยคําและนาํมาแทรกไว้กลางบาทเหมอืนดาบทอ ี ยใู่ นฝก • มกีารซา คํา เพอ ื เนน้ความหมายของคําน นั ใหช้ดัเจนยงิ ขนึ • มกีารเล่นเสยีงพยญัชนะ เชน่จติรจ์รงิจรงิจติต่อตา เลียมลองลอง เลียม คิ วค้อน วอนว่า คลึงเคล้าคลาดคลาดเคล้าคลึง • มกีารเล่นเสยีงสระในเกือบทกุวรรค ออมทอง สรรพตานนท ์ เลขท4ี 2 ม.5/1
จารกึเพลงยาวกลบทและกลอักษร แผน่ท ี 46 (กลอักษรคมในฝก ) มงุ่ มาดคิดคิดมาดมงุ่ บํารงุสงวน ควรหฤๅน้องน้องหฤๅควรคิดหวรหัก ใยขาดเยอ ื เยอ ื ขาดใย อาไลยนัก ชกัเชงิเชอืนเชอืนเชงิชกัยา้ยยกัเพลง ร้อนรนแรงแรงรนร้อนจงึซอ้นสอง ฆอ้งร่ายรา รา ร่ายฆอ้งเหล้นหนอ็งเหน่ง ช วัชอ ื ไว้ไว้ชอ ื ช วัใส่ตัวเอง เครงคฤานขา่วขา่วคฤานเครงนักเลงเลียม แคลงเคลือบใจใจเคลือบแคลงเจา้แหนงหน่าย ชายชาต ิเชอื เชอื ชาต ิชายต้องอายเหนียม ชา ใจเจบเจบใจชา พ ี จาํเจยีม เทียบเทียมทําทําเทียมเทียบทําเนียบมี ดินแดนด้าวด้าวแดนดินไมส่ ินหยา้ หาภอเชน่เชน่ภอหาดอกยาหยี เนือ นา แปดแปดนา เนือ อยา่เชอ ื ดี ร ี เรว็ไปไปเรว็ร ี หาท ี เคย คณุค่าด้านเนื อหา : ลักษณะการประพนัธ์เปน กลอักษร“คมในฝก ” โดยมเีนื อหากล่าวตัดพอ้หญงิสาวอันเปน ทร ี กั คณุค่าด้านสงัคม : • แสดงถึงวิถีชวีิตของค่รูกัมที งัยามสขุและทกุข์มกีระทบกระท งั มงีอ้งอนกันเปน ปกติ • แสดงใหเ้หน็ถึงความม นัคงในรกัแมท้ งัสองจะกระทบกระท งักัน แต่อีกฝา ยก็ยงั คอยประคบประหงม คอยงอ้และเอาใจ คณุค่าด้านวรรณศลิป : กลบทคมในฝก ใชล้ ักษณะการเล่นคําซา คือทกุ ๆทา้ยบาทจะ ต้องกลับไปอ่านซา ทต ี ้นบาทจนครบพยางค์แต่เปน การอ่านซา แบบถอยคําและนาํ มาแทรกไว้กลางบาทเหมอืนดาบทอ ี ยใู่ นฝก • มกีารซา คํา เพอ ื เนน้ความหมายของคําน นั ใหช้ดัเจนยงิ ขนึ • มกีารเล่นเสยีงพยญัชนะทโี ดดเด่น เชน่ชกัเชงิเชอืนเชอืนเชงิชกัรอ้นรนแรงแรง รนรอ้น ใจเจบ็พจ ี าํเจยีม เทยีบเทยีมทาํทาํเทยีมเทยีบ ดินแดนด้าวด้าวแดนดิน • มกีารเล่นเสยีงสระในเกือบทกุวรรค • มกีารเล่นเสยีงวรรณยกุต์เชน่วายว่างเว้นเว้นว่างวาย ออมทอง สรรพตานนท ์ เลขท4ี 2 ม.5/1
จารกึเพลงยาวกลบทและกลอักษร แผน่ท ี 46 (กลอักษรคมในฝก ) งามไหนเหนเหน็ ไหนงามก็ตามเถิด เชดิชโูฉมโฉมชเูชดิ ให้เป ดเผย เกรียมกรมอกอกกรมเกรียมถึงเรียมเลย เอ๋ยอกโอ้โอ้อกเอ๋ยต้องเชยลม เปนตายตัดตัดตายเปนกระเด็นเด็ด เหน็ดเหน ื อยรักษรักษ์เหน ื อยเหน็ดเพราะเขด็ขม ติดต่อกลอนกลอนต่อติด ประดิดประดม ชอ ื ว่าคมในฝก ยอ้นยกัเอย ฯ คณุค่าด้านเนอ ื หา : ลักษณะการประพนัธ์เปน กลอักษร“คมในฝก ” โดยมเีนอ ื หากล่าวตัดพอ้หญงิสาวอันเปน ทร ี กั คณุค่าด้านสงัคม : • แสดงถึงวิถีชวีิตของค่รูกัมที งัยามสขุและทกุข์มกีระทบกระท งั มงีอ้งอนกันเปน ปกติ • แสดงใหเ้หน็ถึงความม นัคงในรกัแมท้ งัสองจะกระทบกระท งักัน แต่อีก ฝา ยก็ยงัคอยประคบประหงม คอยงอ้และเอาใจ คณุค่าด้านวรรณศลิป : กลบทคมในฝก ใชล้ ักษณะการเล่นคําซา คือทกุ ๆ ทา้ยบาทจะต้องกลับไปอ่านซา ทต ี ้นบาทจนครบพยางค์แต่เปน การอ่าน ซา แบบถอยคําและนาํมาแทรกไว้กลางบาทเหมอืนดาบทอ ี ยใู่ นฝก • มกีารซา คํา เพอ ื เนน้ความหมายของคําน นั ใหช้ดัเจนยงิ ขนึ • มกีารเล่นเสยีงพยญัชนะ เชน่ ไหนเหนเหนไหน เอ๋ยอกโอ้โอ้อกเอ๋ย เหนด็เหนอ ื ย เขม็ขม ประดิดประดม • มกีารเล่นเสยีงสระในเกือบทกุวรรค ออมทอง สรรพตานนท ์ เลขท4ี 2 ม.5/1
การไปดูโขนท ี ศาลาเฉลิมกรุงคร ังน ี นับเป นประสบการณ ์ การดู โขนคร ังแรกในชีวิต ความรู้สึกแรกหลังเข้าไปในโรงละคร ไม่ได้ รู้สึกต ื นเต้นหวือหวาอะไรมาก เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะชอบ แต่ เม ื อเริ มการแสดง รู้สึกขนลุก ต ื นเต้น แล้วก็สนุกมากๆ ท ังการ แสดงท ี แสดงถึงศิลปะของไทยท ัง 4 ภาค และต่อมาเป นการ แสดงโขนตอนท ี หนุมาณเก ี ยวนางสุพรรณมัจฉา ความรู้สึกหลังดู จบคือรู้สึกเสียดายท ี การแสดงจบ เพราะสนุกมากๆเกินความคาด หมาย และคาดว่าเพ ื อนๆหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน ดังน ันการ ศึกษาแหล่งเรียนรู้ท ี ศาลาเฉลิมกรุงคร ังน ี จึงนับเป นประสบการณ ์ ท ี ดีและคิดไว้ว่าถ้ามีโอกาส สักวันจะต้องได้ไปดูโขนอีกคร ังให้ได้ ออมทอง สรรพตานนท ์ เลขท4ี 2 ม.5/1
G I F T E D T H A I รอบรว ั ว ั ว ั ด ั ดเชต ุ พ ุ พนฯ คณุค่าดา้นเน อืหา แต่งคําประพนัธถ์กูตามฉันทลักษณ์ และบทประพนัธใ์หข้อ้คิดถึงความไม่ แนน่นอนของชวีติ คณุค่าดา้นสงัคม บทประพนัธม์กีารสะท้อนใหเ้หน็ถึง การท ี ชวีติ ไมแ่นน่อน มาวนัหน งึเรา อาจจะตกทกุขไ์ดย้าก แมก้ ่อนหนา้ นนั จะสขุสบาย ยศฐาบรรดาศักดิ และความมงั คัง นนั ไมแ่นน่อน คณุค ่ าวรรณศิลป มกีารใชค้รุลหุเพ อืความไพเราะของ บทประพนัธ์ มกีารเล่นสมัผสั ใน คือสมัผสัสระและสมัผสัอักษร เพ อืความไพเราะ และสละสลวยของบทประพนัธ์เชน่บทนี อีกองค์พระพศิณกุรรเมส มหทิธเิดชก็บผดงุวบิูลยร์าษี เส อืมสงิ สถาพรฤมี คณุาวุฒอิิศรยิศธนะแลศฤงฆาร มกีารใชบุ้คคลวตัเพ อืแสดงใหเ้หน็ถึงความโศก เศรา้ จากบาท หน งึภษูาเศรา้สาปแรง นายกิตติศักดิ ปานสอน ม.5/10 เลขท ี 4
G I F T E D T H A I รอบรว ั ว ั ว ั ด ั ดเชต ุ พ ุ พนฯ คณุค่าดา้นเน อืหา บทประพนัธไ์ดใ้หข้อ้คิด เพ อืเปน แนวทางในการใชช้วีติ คณุค่าทางสงัคม บทประพนัธแ์สดงใหเ้หน็ถึง ความไมแ่น่นอนของชวีติและ ในแต่ละชว่งของชวีติ หรอืในอีกมุมหน ึงคือความ หลากหลายทางสถานะในสงัคม คณุค ่ าวรรณศิลป มกีารใชค้รุลหุเพ อืความไพเราะของ บทประพนัธ์ มกีารเล่นสมัผสั ใน คือการใชส้มัผสัสระและสมัผสัอักษร ดงับทน ี ทัง สกแหง้หอ่นหวสีาง วา่งเวน้สาํอางคเสาวคนธเ์หอืดหาย ไสยาทิวาบรวู้าย สองเวลาหมายละวนับทันราษราตรี มกีารหลากคํา ท ี แปลวา่นอน เชน่สยนา ไสยา นายกิตติศักดิ ปานสอน ม.5/10 เลขท ี 4
G I F T E D T H A I รอบรว ั ว ั ว ั ด ั ดเชต ุ พ ุ พนฯ คณุค่าดา้นเน อืหา แต่งตามฉันทลักษณถ์กูต้อง มกีารใช้ คําและการแต่งคําประพนัธท์ ี แสดงใหรู้้ ถึงทัศนคติและค่านยิมของคนยุคนนั มกีารบรรยายใหเ้หน็ถึงเวลาของสถาน การณน์นั ๆ ทําใหผ้อู้ ่านนกึภาพออก คณุค่าทางสงัคม สะท้อนใหเ้หน็ถึงค่านยิมท ี ต่อต้าน ความเปน ธรรมชาติของมนษุย์ท ี มองวา่เร อืงsexเปน เร อืงท ี ไมม่ ี คณุค ่ าวรรณศิลป มกีารเล่นสมัผสั ใน คือการใชส้มัผสัอักษรและสมัผสัสระ เพ อืความไพเราะและสละสลวยของ บทประพนัธ์ดงัน ี กระทําเคารพยย์าํเยงและกิจบรบิาล ทกุทิวากาล รติไสมย์ ประกอปโอตัปลัชชแีละสติธติ ิไพ จติเจรอญใน มนารมณ์ มกีารเล่นเสยีงของบทประพนัธ์เพ อื ความไพเราะ จากบาท ประกอปโอตัปลัชชแีละสติ ธติ ิไพ นายกิตติศักดิ ปานสอน ม.5/10 เลขท ี 4
G I F T E D T H A I รอบรว ั ว ั ว ั ด ั ดเชต ุ พ ุ พนฯ คณุค่าดา้นเน อืหา การแต่งคําประพนัธถ์กูตาม ฉันทลักษณ์บทประพนัธบ์รรยายใหผ้ ู้ อ่านไดจ้ตินาการภาพเมอืงท ี สวยงามได้ ดว้ยตนเอง และบรรยายใหเ้หน็การสรา้งสมัพนัธ์ ระหวา่งเมอืงในยุคนนั คณุค่าดา้นสงัคม มกีารไปมาหาสกู่ ับระหวา่งเมอืงหรอื นคร คลายกับการเจรจาทางการทตู ในป จจุบนัท ี ใชค้ ําแลการพูดทําให้ สานสมัพนัธท์างบา้นเมอืงได้และ การมอบสงิ ของหรอืเคร อืง บรรณาการในการสานสมัพนัธท์าง บา้นเมอืง คณุค ่ าวรรณศิลป มกีารเล่นสมัผสั ใน คือการใชส้มัผสัอักษรและสมัผสัสระ ทําใหบ้ทประพนัธไ์พเราะและสละสลวย ดงัน ี ผวิะท้าวดา้วแดนใดไคลณะบวรนคร ตนบควรจร จะสหู่ า ฤควรเสพยส์มคัสมานมอบภิรมยสมา คมและวาจา จะเสนห่ส์กิจ มกีารใชป้ฏิปุจฉา เพ อืแสดงใหเ้หน็ถึง ความลังเลใจหรอืตัดสนิ ใจไมไ่ด้ จากบาท ฤควรเสพยส์มคัสมานมอบภิรมย สมา นายกิตติศักดิ ปานสอน ม.5/10 เลขท ี 4
สถานท ี ท ี ประท ั บใจท ี ส ุ ด เพราะตอนแรกท ี ได้รวู้า่จะไปดโูขนคิดวา่ โขนนนั นา่เบ อืเพราะวา่สไตล์การฟง เพลง สไตล์การใช้ ชวีติและความชอบของเราหา่งไกลจากความ เปน โขนมาก คิดวา่ โขนก็เหมอืนงานแสดง นาฏศิลปท ี เราเคยเหน็มนัมาแล้ว และก็ติดภาพ โขนในโทรทัศนท์ ี ดผูา่นๆ แต่เม อื ได้ไปดโูขนใน สถานท ี จรงิๆแล้ว ความคิดเดิมๆท ี เรามตี ่อโขนก็ เปล ี ยนไปโดยสนิ เชงิทําใหไ้ดร้วู้า่ โขนนนั สนกุ มาก เพราะดว้ยบรรยากาศ ท ี นงั และเพราะเรา ไดไ้ปสมัผสักับสถานท ี จรงิๆทัง ระบบเสยีง ไฟ นกัแสดง และเคร อืงแต่งกายต่างๆทําใหเ้ราต ืน เต้น สนกุและมอีารมณร์ว่มไปกับการแสดง ไมม่ ี ชว่งจงัหวะท ี น่าเบ อืเลย เพราะฉะนนั ป หนา้อยาก ดโูขนอีกครมูอสขอแบบอลังการ เต็มรปูแบบ เย!่ !! ศาลาเฉลิมกรง ุ ง ุ นายกิตติศักดิ ปานสอน ม.5/10 เลขท ี 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
น า ย ศ า ส ต ร า วุ ธ ชุ ม ชื่ น ม . 5 / 1 0 เ ล ข ที่ 1 4
กลบทก านต อดอก จาก ประช ุ มจารก ึ วด ั พระเชตพ ุ นฯ นางสาวรมดิา เกษเพชร ม.5/10 เลขท ี 16 โดย หลวงลิขติ ปรช ี า (ค ้ ม ุ )
๏ แสนถวลิเทวศวา้อาวรณส์มร ทกุขร์ะทมกรมทรวงดงั ศรรอน จะนัง นอนมแีต ่ พรา ํกําศรวญครวญ ค ุ ณ ุ ณค า าด า านเน ื้ อ ื้ อหา ผแู้ ต ่ งมกีารพรรณนาความ ร ู ส ้ กึผา ่ นบทประพนัธด์ ้ วยการ ใชค ้ ํ าท ี ไพเราะสละสลวยและ ถ ่ ายทอดใหเ ้ หน ็ ความโศกเศรา ้ ถึงผอู้ ่ านได ้ อยา ่ งชดัเจน ค ุ ณ ุ ณค า าด า านวรรณศิลป ค ุ ณ ุ ณค า าด า านส ั ง ั งคม • มกีารใชส้มัผสั ในเพมิ ความไพเราะ สมัผสัอักษร ไดแ้ก่ถวลิ -เทวศ-วา้-วรณ,์ทกุข-์ทม, ทรวง-ศร, นงั -นอน สมัผสัสระ ไดแ้ก่วา้-อา, ถวลิ -เทวศ, วรณ-์สมร, ทม-กรม, ศร-รอน, พรา ํ-กํา, ศรวญ-ครวญ • มกีารใชอุ้ปมาโวหาร “ทกุขร์ะทมกรมทรวงดงั ศรรอน ” • มรีสวรรณคดีคือ สลัลาป งคพไิสย (แสดงถึงความโศกเศรา้) • มกีารบงัคับสมัผสัสระท้ายวรรค ดงับทประพนัธ์ แสดงใหเ้หน ็ ถึงความวา้เหวเ่ม อืต้องพรากจากคนรกัของคนในสมยัก่อน วา่ มคีวามโศกเศรา้เสยี ใจ ทกุขร์ะทมมากราวกับโดนลกูศรป กอยู่
ค ุ ณ ุ ณค า าด า านวรรณศิลป • มกีารใชส้มัผสั ในเพมิ ความไพเราะ สมัผสัอักษร ไดแ้ก่ตัง -แต่, จาก-เจา้, เวน้ -วาย, งาม-งาม-เสง ี ยม-สงวน, เจยีม-จติร, มดิ -มว้น สมัผสัสระ ไดแ้ก่พราก-จาก, วนั -นนั , วาย-คลาย, สรรต์-รนั , จวญ-หวร, งาม-งาม, สงวน-นวล, จติร-มดิ , รมณ-์กรม • มกีารใชค้ ําซ าํ “โอ้โฉมงามงามเสง ี ยมสงวนนวล” (งาม ๆ) • มรีสวรรณคดีคือ เสาวรจนี(กล่าวชมความงามถึงคนรกั) • มกีารบงัคับสมัผสัสระท้ายวรรค ดงับทประพนัธ์ ตัง แต ่ พรากจากเจา้มาวนันนั ไมเ ่ วน้วายคลายกระสรรต์รนัจวญหวร โอ้โฉมงามงามเสง ี ยมสงวนนวล พเ ี จยีมจติรม์ดิมว้นอารมณก์รม ค ุ ณ ุ ณค า าด า านเน ื้ อ ื้ อหา ผแู้ ต่งใชค้ ําท ี แสดงความรสู้กึทําใหผ้อู้ ่านเขา้ ถึงความรสู้กึ ไดง้ ่าย ดงับทประพนัธ์“พเ ี จยีม จติรมดิมว้นอารมณก์รม” (แสดงใหเ้หน ็ ถึง ความพยายามขม่อารมณต์นเอง) ค ุ ณ ุ ณค า าด า านส ั ง ั งคม • สะท้อนใหเ้หน ็ ถึงค่านยิมความงามของหญงิ สมยัก่อน ดงัคําประพนัธ์“โอ้โฉมงามงามเสง ี ยม สงวนนวล” (ผหู้ ญงิงามอยา่งรกันวลสงวนตัว) • แสดงใหเ้หน ็ วา่แมจ้ะเปน ชายก ็ รจู้กัเก ็ บอารมณแ์ละรจู้กั ประมาณ จติ ใจของตนเอง ดงับทประพนัธ์“พเ ี จยีมจติรมดิมว้นอารมณก์รม”
ค ุ ณ ุ ณค า าด า านเน ื้ อ ื้ อหา จะผนัผอ่นก็บห่อ่นบนัเทาเศรา้ ทกุขเ์ท่าเขาโค่นทับระทมถม แสนสดุโศกด้วยวโิยคนยิมชม เจบ็ระบมจติรเ์จยีนทําลายวาย ผแู้ ต่งสามารถถ่ายทอดอารมณค์วามรสู้กึ ผา่นการใชค้ ําบรรยายทําใหผ้อู้ ่านเขา้ถึง อารมณข์องบทประพนัธไ์ดง้ ่าย ดงับท ประพนัธ์“ เจบ ็ ระบมจติรเจยีนทําลายวาย” (แสดงใหเ้หน ็ ถึงถึงความเจบ ็ ช าํเปน ท ี สดุ ) ค ุ ณ ุ ณค า าด า านวรรณศิลป • มกีารใชส้มัผสั ในเพมิ ความไพเราะ สมัผสัอักษร ไดแ้ก่ผนั -ผอ่น, บ-่บนั , ทกุข-์เท่า-ทับ-ทม-ถม, เขา-โค่น, แสน-สดุ -โศก, โยค-ยม, เจบ็ -จติร-เจยีน สมัผสัสระ ไดแ้ก่ผอ่น-หอ่น, ก็-บ,่เทา-เศรา้, เท่า-เขา, ทม-ถม, โศก-โยค, ว-ิน,ิยม-ชม, ลาย-วาย • มกีารใชอ้ธพิจนโ์วหาร (กล่าวเกินจรงิ) ดงับทประพนัธ์“ทกุขเ์ท่าเขาโค่น ทับระทมถม” (มคีวามทกุขห์นกั ใจราวกับเขาโค่นทับอยู)่ • มรีสวรรณคดีคือ สลัลาป งคพสิยั (แสดงถึงความโศกเศรา้) • มกีารบงัคับสมัผสัสระท้ายวรรค ดงับทประพนัธ์ ค ุ ณ ุ ณค า าด า านส ั ง ั งคม แสดงใหเ้หน ็ ถึงความรกัของชายหญงิสมยั ก่อนเม อืต้องพรากจากกันก ็ จะทกุขร์ะทม มากเพราะไมม่สีงิ ใดท ี จะบรรเทาความโศก เศรา้นนั ไดเ้ลย ไมเ่หมอืนกับในยุคป จจคท ี มี เทคโนโลยเีปน ตัวชว่ยในการส อืสาร
โอ้เจบรกัษหนกัหนอครงั น ี น ี เหนสดุทีท ี จะใหเ้คล ือนคลายหาย แมน้ โรคันอันอ ืนระคายกาย แพทยภ์อยา้ยยาแก้บนัเทาเบา • มกีารใชส้มัผสั ในเพมิ ความไพเราะ สมัผสัอักษร ไดแ้ก่หนกั -หนอ, น-ี น,ี ที-ท ี , เคล ือน-คลาย, อัน-อ ืน, แพทย-์ภอ, ยา้ย-ยา, บนั -เบา สมัผสัสระ ไดแ้ก่รกัษ-หนกั , น-ี น,ี ที-ท ี , คลาย-หาย, คัน-อัน, คาย-กาย, เทา-เบา • มรีสวรรณคดีคือ สลัลาป งคพสิยั (แสดงถึงความโศกเศรา้) • มกีารบงัคับสมัผสัสระท้ายวรรค ดงับทประพนัธ์ ค ุ ณ ุ ณค า าด า านส ั ง ั งคม ค ุ ณ ุ ณค า าด า านเน ื้ อ ื้ อหา ผแู้ ต่งใชค้ ําบรรยายถึงอารมณค์วามรสู้กึผา่นบท ประพนัธ์ดงับทประพนัธ์“ โอ้เจบรกัษหนกัหนอครงั น ี น”ี (แสดงใหเ้หน ็ ถึงความเจบ ็ ปวดจากความรกัครงั น ี เปน อยา่งมาก) ทําใหผ้อู้ ่านสามารถเขา้ถึงอารมณค์วาม รสู้กึของบทประพนัธ์ ค ุ ณ ุ ณค า าด า านวรรณศิลป แสดงใหเ้หน ็ วา่ ไมว่า่จะยุคสมยั ไหนทัง อดตี จนถึงป จจุบนั โรคทางกายใหแ้พทยร์กัษา ยอ่มหาย แต่โรคทางใจนนั รกัษายาก หาก เจบ ็ ปวดข นึมายอ่มทกุขร์ะทม ดงัสาํนวนท ี วา่ “ท ี ไหนมรีกัท ี นนั ยอ่มมทีกุข”์
สถานท ี่ ท ี่ประท ั บใจ ณ สท ั ท ั ธา เปน สถานท ี ท ี ไดท ้ ัง ความรแู้ ละความสวยงาม เต ็ มไปดว ้ ยพระพุทธรปูและไฟประดบัหลากสี ตอนกลางวนัถือวา ่ สวยมากแล ้ ว แต ่ ตอนกลาง คืนยงิ สวยตระการตามาก มรีา ้ นของฝากขาย ของนา ่ รกัๆ อีกดว ้ ย
ÇÔ¸ÕÍÒ¹ ¤Ø³¤Ò´Ò¹à¹ ×é ÍËÒ à¹×éÍËÒ㹡Åâ¤Å§¨µØÃ·ÔȹÕéÁÕ¡Òþٴ¶Ö§ËÔ§ ÊÒǹҧ˹Öè§·Õè¶Ù¡ã¤ÃºÒ§¤¹ÃÑ¡áÅÐÍÂÒ¡¨Ð ¤Í´ÙáÅÃÑ¡ÉÒ ·Ð¹Ø¶¹ÍÁ¹Ò§ãË´ÕÂÔè§¡ÇÒ ´ÙáŵÑÇàͧàÊÕÂÍÕ¡ ¨Ø´ÁاËÁÒÂ㹡ÒÃáµ§¢Í§ ¡ÇÕÂѧ¤§äÁ໹·Õè·ÃҺṪѴ ¨Ò¡¡Å͹º·¹ÕéÊз͹¶Ö§¤Ò¹ÔÂÁ¢Í§¼ÙªÒÂã¹ ÊÁѹÑé¹ ·Õè¨ÐµÍ§á¢ç§á¡Ã§¨¹ÊÒÁÒö»¡»Í§ ËÔ§ÊÒÇ·Õèµ¹ÃÑ¡áÅдÙáŷйض¹ÍÁà¸Í¤¹ ¹Ñé¹ÍÂÒ§´ÕÍÕ¡·Ñé§Âѧ໹¼Å§Ò¹·Õè·íÒãˤ¹Ãع ËÅѧä´àÃÕ¹ÃÙÃٻẺ¡ÒÃà¢Õ¹¡Åâ¤Å§·ÕèäÁ àËÁ×͹¡Ñºã¹»¨¨ØºÑ¹ ¤Ø³¤Ò´Ò¹Êѧ¤Á ¤Ø³¤Ò´Ò¹ÇÃóÈÔÅ» â´´à´¹àÃ×èͧÊÑÁ¼ÑÊÍÑ¡Éà હ ÁØ·-àÁÈ-ÁÅ, ÃÈ-Ã×è¹-ÃÇÁ, ¹Øª-¹Ò§, Í͹-áͺ-ÍÔ§-Í͹ ÁÕ¡ÒÃÊÃäíÒ ·íÒãËà¡Ô´¤ÇÒÁ§ÒÁ·Ò§ÀÒÉÒÁÒ¡¢Öé¹ àª¹ ¹Øª¹Ò§ ¡Åâ¤Å§¨µØÃ·ÔÈ ¹.Ê.»°ÁÒ à¼ Ô ¹ÊÁº ٠ó Á.5/10 àÅ¢· Õè 21
໹º·»Ãоѹ¸·ÕèáÊ´§ãËàËç¹¶Ö§ ¤ÇÒÁàª×èÍàÃ×èͧ¡Ò÷íÒ´Õä´´Õ·íÒªÑèÇä´ªÑèÇ ¢Í§¤¹ÊÁÑ¡͹ ·Õèàª×èÍÇÒ¡ÃÃÁ¤×Í ¼Å¢Í§¡ÒáÃзíÒ·Ñ駻ǧ ¤Ø³¤Ò´Ò¹Êѧ¤Á ¤Ø³¤Ò´Ò¹ÇÃÃ³È Ô Å» ÁÕ¡ÒëíéÒ¤íÒËÅÒ¤íÒ àª¹¤íÒÇÒ ºØ ºÒ» ÊѵÂà· ç ¨ ÁÕÊÑÁ¼ÑÊÍÑ¡ÉÃËÅÒ¨ش હ à¡ ×è Í-¡Íº, ªÇ¹-ªÑ¡, á¹-¹Ò, à· ç ¨-â·É , à· Õè §-á· ¤Ø³¤Ò´Ò¹à¹ ×é ÍËÒ à»¹º·»Ãоѹ¸·ÕèÊÒÁÒö¹íÒä»ãªÊ͹¤¹ãË à»¹¤¹´ÕáÅÐäÁàºÕ´àºÕ¹ËÃ×Í·íÒªÑèÇ᡼ÙÍ×è¹ áÅоÂÒÒÁãˤ¹·Õè·íÒ¤ÇÒÁ´ÕÍÂÙáÅÇàª×èÍÁÑè¹ ÇÒËÒ¡·íÒ´ÕµÍ仨Ðà¡Ô´¼Å´Õṹ͹ ÍÕ¡·Ò§Ë¹Öè§ ¡çµÍ§¡ÒÃãˤ¹·Õè·íÒªÑèÇËѹÁÒ·íÒµÑÇ´Õ¢Öé¹ ¡Åâ¤Å§´ÒÇÅÍÁà´×͹ ¼ÅºØºØà¡ ×é ͡ͺ ¼ÅºÒ»ºÒ»ªÇ¹ªÑ¡ ¼ÅÊѵÂÊѵ»ÃÐ¨Ñ¡É ¼Åà· ç ¨à· ç ¨â·Éä´ ÂÈÈÑ¡´ Ôì ª Ñè ÇãË ¤Ø³á¹ ¹Ò¾Í à· Õè §á·á¡µ¹ º·»Ãоѹ¸ ¹.Ê.»°ÁÒ à¼ Ô ¹ÊÁº ٠ó Á.5/10 àÅ¢· Õè 21
¤Ø³¤Ò´Ò¹à¹ ×é ÍËÒ à»¹º·»Ãоѹ¸·ÕèãˤÇÒÁÃÙ¤¹à¡ÕèÂǡѺ¡ÒùѺ» ¹Ñ¡Éѵà ÊÁÑ¡͹¹ÑºàÃÔèÁ¨Ò¡¨Ø´ÇÊѹµÇÔÉØÇѵÔËÃ×Í Çѹ·Õè´Ç§ÍҷԵ¢Öé¹·Ò§·ÔȵÐÇѹÍÍ¡¾Í´Õã¹ÇѹàÃÔèÁ µ¹Ä´ÙãºäÁ¼ÅÔ«Öè§áµ¡Í¹¨Ø´¹ÕéÍÂÙµÃ§Ë¹Ò¡ÅØÁ´ÒÇ á¡Ð (àÁÉ) ¡çàŹѺãËÃÒÈÕàÁÉ໹ÃÒÈÕáá ໹º·¡Å͹·ÕèÊ×èÍãËàËç¹ÇÒÊÁÑ¡͹ ¤¹âºÃÒ³àͧ¡çÁÕÇԸչѺ»áÅк͡àÇÅÒ ã¹ÃٻẺ·ÕèᵡµÒ§ä»¨Ò¡»¨¨ØºÑ¹ ·Õè¹íÒ¤ÇÒÁÃÙẺµÐÇѹµ¡ÁÒ㪴Ç ¤Ø³¤Ò´Ò¹Êѧ¤Á ¤Ø³¤Ò´Ò¹ÇÃÃ³È Ô Å» ÁÕ¡ÒÃÊС´¤íÒºÒ§¤íÒ· Õè ᵡµÒ§ä»¨Ò¡»¨¨ØºÑ¹ à» ¹¼Å¨Ò¡¡ÒÃà»Å Õè ¹á»Å§ ·Ò§ÀÒÉÒ ËÅÒ¤íÒ· Õè àË ç ¹ã¹»¨¨ØºÑ¹à¢Õ¹䴧Ò¡ÇÒ¤íÒã¹Í´Õµ હ ÃÒÉÕ¡Ñà»Å Õè ¹໠¹ÃÒÈաѹ ¡Åâ¤Å§¨Ñ¡ÃÃÒÈÕ ¹.Ê.»°ÁÒ à¼ Ô ¹ÊÁº ٠ó Á.5/10 àÅ¢· Õè 21
áÊ´§ãËàËç¹¶Ö§¾ÄµÔ¡ÃÃÁáÅÐÍÒÃÁ³ ¤ÇÒÁÃÙÊÖ¡¢Í§¼ÙªÒ·Õè¼Ô´ËÇѧ㹤ÇÒÁÃÑ¡ äÁÇҨдÇÂà˵ؼÅã´¡çµÒÁ ·Ñé§·Ø¡¢ã¨ ¤Ñºá¤¹ áÅТͧ㨠¤Ø³¤Ò´Ò¹Êѧ¤Á ¤Ø³¤Ò´Ò¹à¹ ×é ÍËÒ ã¹º·»Ãоѹ¸¹ÕéµÍ§¡ÒÃÊ×èͶ֧¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ·ÕèµÍ§¾ÃÒ¡¨Ò¡¤¹ÃÑ¡ ÍÒ¨àÅÔ¡ÃÒ¡Ñ¹ä» ËÃ×ͤ¹Ãѡ˹Õ仡Ѻ¤¹Í×è¹ áµà»¹º·»Ãоѹ¸× ·ÕèÊ×èͶ֧¡ÒüԴËÇѧ㹤ÇÒÁÃÑ¡ ¤Ø³¤Ò´Ò¹ÇÃÃ³È Ô Å» ÁÕ¡ÒÃÊÃäíÒãËÃѺÃÙ¶Ö§¤ÇÒÁà¨ ç º»Ç´ÀÒÂ㹺·¡Å͹ áÅÐÁÕ¡ÒÃàŹ¤íÒËÅÒ ¨Ø´ હ ·ÇÕà·ÇÈ ÁÒÈÊÇÒ´Ô¹Ò§ÅѺŠÕé ËÅÕ¡ ÁÕ¡ÅÇÔ¸ÕÍÒ¹· Õè ¤Í¹¢Ò§«Ñº«Í¹ ¡Åâ¤Å§¹Ò¤âʳ®Ô¡ áµÅкҷ ã˹íÒ¤íÒ· Õè ó-ô ¢Í§ÇÃÃ¤Ë¹Ò ÁÒÍÒ¹¶Í ËÅѧ໠¹Êͧ¤íҢͧÇÃä ËÅѧ (¤íÒ· Õè ö-÷) Ç Ô ¸ Õ ÍÒ¹ 㹺ҷ· Õè Ê Õè ã˹íÒ ô ¤íÒ áá¢Í§ÇÃÃ¤Ë¹Ò ÁÒÍÒ¹ ¶ÍÂËÅÑ§à»¹Ê Õè ¤íҢͧÇÃä ËÅѧ ÇÔ¸ Õ ÍÒ¹(µÍ) áʹ·Ø¡¢·ÇÕà·ÇÉäË ã¨¢Í¹¢Í¹Í¡µÕ ÊØ´· Õè ÁÒ·ÊÇÒÊ´ Ôì ÈÃÕ ¹Ò§ÅѺŠÕé ËÅÕ¡Ê͹ à·ÇÉ·ÇÕ Í¡¢Í¹ ÊÇÒÊ´ Ôì ÁÒ· ËÅÕ¡Å Õé ÅѺ¹Ò§ Ï º·»Ãоѹ¸ ¹.Ê.»°ÁÒ à¼ Ô ¹ÊÁº ٠ó Á.5/10 àÅ¢· Õè 21
ʶҹ· Õè ·Õè · ÕèªÍº ÈÒÅÒà©Å Ô ÁÔ Á¡Ã Ø § Ø § à» ¹· Õè · ÕèªÍº· Õè ÊØ ´à¾ÃÒÐÇҡ͹¨ÐࢠÒä»ã¹ÈÒÅÒà©Å Ô Á¡Ã Ø § ä´ Á Õ âÍ¡ÒÊä»à´ Ô ¹· Õè ´ ÔâÍÅ´ ÊÂÒÁ¡Ñºà¾ ×è ͹ æ ËÅѧ¨Ò¡¹ Ñé ¹àÃҡѺà«Õ ¡ ç ¢ÍµÑÇ ¡ÅѺ价 Õè ÈÒÅÒà©Å Ô Á¡Ã Ø §¡Í¹ à¾ÃÒÐã¡Å àÇÅÒ· Õè ¨Ðàà Ôè Á¡ÒÃáÊ´§áÅ Ç áµ àÃҡѺà«Õ ¡ ç à´ Ô ¹Ëŧä»Í Õ ¡·Ò§¨¹¡Ãз Ñè §à¨Í¤¹á¶Ç¹ Ñé ¹áÅжÒÁ·Ò§ ¶ Ö § ä´ ¡ÅѺ价 Õè ÈÒÅÒà©Å Ô Á¡Ã Ø §¶ Ù ¡ µÍ¹· Õè ´ Ù ¡ÒÃáÊ´§à¡ × Íº¨Ðà ͧäË à¾ÃÒÐ àÃÒàͧ¡ ç à¤Â½ ¡« ÍÁ´¹µÃ Õ à¾ ×è Í¡ÒÃáÊ´§àËÁ × Í¹¡Ñ¹ àÃÒÃÙÊ Ö ¡ÇҾǡ¾ Õè · Õè ÁÒáÊ´§Çѹ¹ Ñé ¹µ ͧ« ÍÁ¡Ñ¹Ë¹Ñ¡ÁÒ¡á¹ æ ¾Ç¡à¢Ò¶ Ö §ä´ à»Å§»ÃСÒ º¹àÇ· Õ ¡Ñ¹¢¹Ò´¹ Ñé ¹ ·íÒãË àÃÒÍÂÒ¡¨Ð½ ¡« ÍÁãË Ë¹Ñ¡¢ Öé ¹ áÅÐÁ Õ ¤ÇÒÁ Á Ñè ¹ã¨àÁ ×è ͵ ͧä»áÊ´§º Ò§àËÁ × Í¹¡Ñ¹ »Í¡ÑºÇÔ Ç à«Õ¡Ѻ»Í ÈÒÅÒà©ÅÔ Á¡Ãا
มกีารเล่นเสียงพยญั ชนะ ไดแ้ก่ทาํ-ที, หนี-แหนง , เชงิ-ชนั มกีารเล่นเสียงสระ ไดแ้ก่ผดิ-ตดิ, เบอืน-เชอืน , ใจ-ใคร่, ร-ู้ดู, ท-ีหนี, แหนง-แกลง้, ชนั -หนั, บาก-ฉาก การ ชค้าํ ซาํ ไดแ้กค่าํวา่เอะ๋, ตดิ, เชอืน , แปลก , ใคร่, ดู, ทาํ, หนี, แกลง้, เชงิ, หนั, ฉาก คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิ ลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนอ ื หา กลบทดรุยิางคจ์าํเรยีง พจิารณา ดยรวมเหน็วา่มขีอ้พเิศษเพมิ จากกลอนทวั ป คอื วางเขยีนเป นกลอนเกา้ ใน ๑ วรรคแบง่เป น ๓ ชว่ง แตล่ะชว่งมี๓ คาํ ๑.) โดยสองคาํแรกของแตล่ะชว่ง หเ้ป นการซาํ คาํ (คาํยมก) โดยอาจซาํ คาํหรอืซาํ เสียง ๒.) กาํหนด หม้ สีัมผสั สระชดิระหวา่งชว่ง คอืระหวา่งชว่งแรกกบั ชว่งกลาง และ ชว่งกลางกบั ชว่งหลัง ของกลอนแตล่ะวรรค คณ ุ คา ่ ดา ้ นสั งคม นางอนัเป นทร ี กัทาํแชเชอืน แสดงทา่ทางแปลก ป มทีา่ทหี นีไมอ่ยากพบเจอ เชงิลาํบาก จ วเิคราะหก ์ ลบท ดร ุ ยิางคจ ์ า ํ เรย ี ง นางสาวเพชรชมพูคูทอง ม.5/10 เลขท ี 23
มกีารเล่นเสียงพยญั ชนะ ไดแ้ก่จดั-เจยีว มกีารเล่นเสียงสระ ไดแ้ก่หล่อน-ซอ่น , รา้ย-หมาย , ผดิ-ตดิ, เบอ ื -เหลือ , ปาก-กลา้, แขง-แกล้ง , สู ้-อย,ู่ หมดั-จดั มกีาร ชค้าํ ซาํ ไดแ้ก่ที, ซอ่น , หมาย , ฟง , ตดิ, เหลือ , ปาก , ตา , แกล้ง , อยู่ , จดั คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิ ลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนอ ื หา กลบทดรุยิางคจ์าํเรยีง พจิารณา ดยรวมเหน็วา่มขีอ้พเิศษเพมิ จากกลอนทวั ป คอื วางเขยีนเป นกลอนเกา้ ใน ๑ วรรคแบง่เป น ๓ ชว่ง แตล่ะชว่งมี๓ คาํ ๑.) โดยสองคาํแรกของแตล่ะชว่ง หเ้ป นการซาํ คาํ (คาํยมก) โดยอาจซาํ คาํหรอืซาํ เสียง ๒.) กาํหนด หม้ สีัมผสั สระชดิระหวา่งชว่ง คอืระหวา่งชว่งแรกกบั ชว่งกลาง และ ชว่งกลางกบั ชว่งหลัง ของกลอนแตล่ะวรรค คณ ุ คา ่ ดา ้ นสั งคม นางดมูคีวามประสงคท์ ไี มด่ ีไมย่อมรบั ฟง มอีาการเบอ ื เถียงเกง่ตาแขง็อยากเอาชนะ
มกีารเล่นเสียงพยญั ชนะ ไดแ้ก่แรก-รกัษ , ดว้ย-ได้ มกีารเล่นเสียงสระ ไดแ้ก่รกัษ-จกั, มว้ย-ดว้ย , ใจ-ไม่, ตรกึ-นึก , ฉาว-ขา่ว , บอก-ออก , ไหม-้ใจ , เหย ี ว-เสียว มกีาร ชค้าํ ซาํ ไดแ้ก่แรก , จกั, ดว้ย , วาง , ไม่, นึก , มา , ขา่ว , ออก , อก , ใจ , เสียว คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิ ลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนอ ื หา กลบทดรุยิางคจ์าํเรยีง พจิารณา ดยรวมเหน็วา่มขีอ้พเิศษเพมิ จากกลอนทวั ป คอื วางเขยีนเป นกลอนเกา้ ใน ๑ วรรคแบง่เป น ๓ ชว่ง แตล่ะชว่งมี๓ คาํ ๑.) โดยสองคาํแรกของแตล่ะชว่ง หเ้ป นการซาํ คาํ (คาํยมก) โดยอาจซาํ คาํหรอืซาํ เสียง ๒.) กาํหนด หม้ สีัมผสั สระชดิระหวา่งชว่ง คอืระหวา่งชว่งแรกกบั ชว่งกลาง และ ชว่งกลางกบั ชว่งหลังของกลอนแตล่ะวรรค คณ ุ คา ่ ดา ้ นสั งคม ตอนรกักนัแรกๆ ยอมตายแทนกนั ด้ไวว้าง จเชอ ื จจงึ มส่งสัย นตวันาง จนมขีา่วฉาวของนาง ออกมาหวั จของพแ ี ตกสลายเป นเส ี ยงๆ
มกีารเล่นเสียงพยญั ชนะ ไดแ้ก่ ใกล้-กลาย มกีารเล่นเสียงสระ ไดแ้ก่ ใจ-ไกล , ลับ-นับ , เสรจ็-เดด็, สวาด-ิ ขาด , พอ้ง-ตอ้ง , ใจ-ใกล้ , หน่าย-หาย มกีาร ชค้าํ ซาํ ไดแ้ก่หลาบ , ไกล , นับ , สิ น , เดด็, ขาด , อยา่, ตอ้ง , ใกล้, ขอ , หาย , ฤา คณ ุ คา ่ ดา ้ นวรรณศิ ลป คณ ุ คา ่ ดา ้ นเนอ ื หา กลบทดรุยิางคจ์าํเรยีง พจิารณา ดยรวมเหน็วา่มขีอ้พเิศษเพมิ จากกลอนทวั ป คอื วางเขยีนเป นกลอนเกา้ ใน ๑ วรรคแบง่เป น ๓ ชว่ง แตล่ะชว่งมี๓ คาํ ๑.) โดยสองคาํแรกของแตล่ะชว่ง หเ้ป นการซาํ คาํ (คาํยมก) โดยอาจซาํ คาํหรอืซาํ เสียง ๒.) กาํหนด หม้ สีัมผสั สระชดิระหวา่งชว่ง คอืระหวา่งชว่งแรกกบั ชว่งกลาง และ ชว่งกลางกบั ชว่งหลังของกลอนแตล่ะวรรค คณ ุ คา ่ ดา ้ นสั งคม เขด็หลาบแล้วกบัความรกัออก ปใหไ้กล ตดัขาดกนัหมดสิ น อยา่ ดเ้จอ ดใ้กล้กนัอกีเลย ขอพกั ใจ หห้ายดี
การ ปทศันศกึษา นครงั น ี ทาํ หห้นูประทบั จหลายสถานทม ี ากเลยค่ะ แตล่ะสถานทต ี า่ง ใหค้วามรทู้ แ ี ตกตา่งกัน ไดร้บัความรมู้ ากมายและความรใู้หม่ๆทไี ม่เคยรู้นับเป น ประสบการณท์ด ี มีากๆเลยค่ะ ถ้า หเ้ลือกสถานทท ี ปี ระทบั จทสี ุดของหนูก็คือ วดัระฆงั ฆสิ ตารามวรมหาวหิาร หนูดใจีทม ี ีโอกาส ดไ้ปวดัน ี สภาพแวดล้อมของวดัดสูะอาดตามาก พน ื ทข ี องวดัอยตู่ ดิกับแม่นาํ เจา้พระยา มีลมพดัมาตลอด ทาํ หไ้ม่รอ้นเลยค่ะ มีเรอืบรกิาร ข้ามแม่นาํ อกีดว้ยค่ะ และขอพดูถึงอกี สถานทน ี ึงนะคะ ทพ ี พิธิภัณฑ์บางลําพู ประทบั จทกุอย่างค่ะ รวมถึงน้องแมวดว้ย สถานทท ี ปี ระทบ ั จ
กลบทโตเหลน ้ น ้หาง { ส ิ ง ิ งโตเลน ่ น ่ หาง } จาก กลบทศิ ริ ร ิ บิ บุ ล ุ ลก ิ ติ ตต ิ์ (ว ั ด ั ดเชต ุ พ ุ พน) โดย หลวงศร ีปร ีชา (เซ ง ง) นางสาวปพิชญา ชัยทอง ม.5/10 เลขท ี่ 24
สําคัญจิตรคิดว าน องย องเเอบ นอนกลางวันฝนถึงเจ าเฝ าละเมอ มีการใช คําท ี่ไพเราะเสนาะห ู เเละใช คําท ี่ ทําให ผูอ านสามารถจินตนาการภาพตามได ดังบทประพันธ“ลืมเผยอเนตรเขม นเห ็ นเเต เงา” ดังบทประพันธเเสดงให เห ็ นถึงการมีความ รักในสมัยก อน หากคนรักไปไหน อีกฝ ายก ็ จะเฝ า ห วงหา เฝ ารอคนรักกลับมา แสนรักษหนักฤๅไทยใครจะเสมอ นอนกลางวันฝนถ ึ งเจ าเฝ าละเมอ ล ื มเผยอเนตร เขม นเห ็ นเเต เงา สําคัญจิตร คิดว าน องย องเเอบ ค ุ ณ ุ ณค า าด า านเน ื้ อื้ อหา ค ุ ณ ุ ณค า าด า านวรรณศิ ลิ ลป มีการบังคับสัมผัสสระเป นคูภายในวรรค ดังน ี้ ดังบทประพันธ ไดเเกรักษ-หนัก, ไทย-ใคร, จิตร-คิด, นอง-ยอง, วัน-ฝน, เจา-เฝา ค ุ ณ ุ ณค า าด า านสั งั งคม การประพันธลําดับท ี่ 15