2023 นวัตกรรม ว่า ว่ ที่ร้ ที่ร้ อยตรีหญิง ญิ ดวงจันทร์ ขำ คม โรงเรียรีนหันคาราษฎร์รัร์งรัสฤษดิ์ สำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษามัธมัยมศึกษาอุทัยธานี ชัยชันาท สำ นักนังานคณะกรรมการการศึกษาขั้นขั้พื้นพื้ฐาน กระทรวงศึกษาธิกธิาร การพัฒ พั นาทัก ทั ษะการสื่อ สื่สาร นักเรียนที่บ ที่ กพร่องทางสติปัติ ญ ปั ญาโดยใช้ก ช้ ระบวนการ HKRS GAME
ก คํานํา รายงานการพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนาการศึกษา เรื่อง การพัฒนาทักษะการสื่อสารนักเรียนที่ บกพร่องทางสติปัญญา โดยใช้กระบวนการ HKRS GAME ฉบับนี้ จัดทําขึ้นเพื่อนําเสนอต่อคณะกรรมการ คัดเลือกนวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนา การศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายงานฉบับนี้สําเร็จได้เพราะความร่วมแรงร่วมใจของครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ที่ได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมจนประสบผลสําเร็จ สามารถนําผลงานนวัตกรรม เผยแพร่แก่โรงเรียนมัธยมศึกษาอื่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับของโรงเรียน และผู้ปกครองนักเรียน ตลอดจนหน่วยงานต้นสังกัด ขอขอบคุณคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์เป็นอย่างสูง ที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานการบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ อันล้ำค่าให้ เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป ว่าที่ร้อยตรีหญิงดวงจันทร์ ขำคม ครูโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์
ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ความเป็นมา และสภาพปัญหา 1 แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนานวัตกรรม 5 กรอบแนวคิดในการพัฒนา 5 ประโยชน์และความสำคัญ 6 วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา 8 หลักการทฤษฎี แนวคิดในการพัฒนา 8 การออกแบบแนวทางการพัฒนา 11 การมีส่วนร่วมในการพัฒนา 16 การนำไปใช้ 17 การประเมินและการปรับปรุง 19 ผลที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษา 21 ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา 21 การดำเนินงานการบริหารจัดการของสถานศึกษา 22 จัดการเรียนรู้นิเทศติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ 22 เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา 22 การยอมรับที่มีต่อสถานศึกษา 23 ผลที่เกิดกับครูผู้สอน 23 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ 23 การจัดการเรียนรู้ 23 การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ 24 การวัดและประเมินผล 24 ผลที่เกิดกับผู้เรียน 24 การขยายผล 25 ภาคผนวก 26
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1 ชื่อผลงาน การพัฒนาทักษะการสื่อสารนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา โดยใช้กระบวนการ HKRS GAME ชื่อเจ้าของผลงาน ว่าที่ร้อยตรีหญิงดวงจันทร์ ขำคม โรงเรียน หันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท โทรศัพท์มือถือ 0872123516 ประเภทผลงาน ครู ผู้บริหารบุคลากรทางการศึกษา/ผู้รับผิดชอบโครงการ
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 2 องค์ประกอบที่ 1 • ความเป็นมา และสภาพปัญหา • แนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนานวัตกรรม • กรอบแนวคิดในการพัฒนา • ประโยชน์และความสำคัญ
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 3 1.ความเป็นมา และสภาพปัญหา ภาษาเป็นมรดกอันล้ำค่าทางวัฒนธรรม อันก่อให้เกิดเป็นเอกภาพ เสริมสร้างคุณภาพของคนในชาติ ให้มี ความเป็นไทย ภาษาเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ ปัจจุบันคนไทยใช้ภาษาไทยทั้งในภาษาพูด และภาษาเขียนในการแสวงหาความรู้และประสบการณ์ ส่งเสริมภูมิปัญญาและเป็นหลักฐานในการค้นคว้าบันทึก เรื่องราวต่าง ๆ ภาษาไทยไทยจึงเป็นสมบัติของชาติที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ ภาษาไทยนอกจากจะเป็นภาษาประจำชาติ ยังแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย ภาษาไทย ยังมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตประจำวัน ช่วยถ่ายทอดความรู้ความคิดเสริมสร้างความเข้าใจอัน ดีของคนในสังคม ภาษาไทยจึงเป็นวิชาที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคนในชาติ การเรียนภาษาไทยนั้นเป็นพื้นฐานของการ เรียนรู้วิชาอื่น ๆ ผู้ที่ใช้ภาษาไทยได้ดีย่อมส่งผลในการเรียนรู้วิชาอื่นดีไปด้วย เพราะภาษาไทย คือ หัวใจของทุกวิชา ดังนั้นความสามารถของการใช้ภาษาในการสื่อสารจึงนับว่าสำคัญมาก ในยุคปัจจุบัน ฉะนั้นบุคคลใดที่สามารถใช้ภาษาไทยได้ดีก็ย่อมดำรงตำแหน่งได้อย่างมีความสุขและสามารถดำเนินกิจกรรม ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่จะใช้ภาษาไทยได้ดีต้องทำความเข้าใจและศึกษาหลักเกณฑ์ทางภาษา และฝึกฝนให้มี ทักษะพื้นฐานทางภาษา คือ ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการสื่อสาร และทักษะการเขียน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปใช้ในการติดต่อสื่อสาร พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 หมวด 2 มาตรา 10 วรรคสอง กำหนดว่า “การจัดการศึกษา สำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมี ร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มผู้ดูแล หรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคล ดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ” นอกจากนี้พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับ คนพิการ 2551 มาตรา 8 วรรค 3 กำหนดว่า “ให้สถานศึกษาในทุกสังกัดจัดสภาพแวดล้อม ระบบสนับสนุนการเรียน การสอน ตลอดจน บริการเทคโนโลยี สิ่งอํานวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ที่คนพิการ สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้”
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 4 โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ ได้เห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน คุณภาพการจัดการ เรียนรู้เพื่อเป็นการสร้างคุณลักษณะและทักษะท ี่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของนักเรียนในศตวรรษท ี่ 21 ให้ผู้เรียนได้ พัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าสู่สังคมคุณภาพในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีคุณภาพ โดยโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ได้ดำเนินการ คัดกรองนักเรียนพบว่ามีนักเรียนที่มีความบกพร่องทางด้านต่าง ๆ คิดเป็น 3.89 เปอร์เซ็นของนักเรียนทั้งหมด จึงเกิด แนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาและพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนการสอน ของครู รวมถึงปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ผู้เรียนกลุ่มนี้ได้มีส่วนในการพัฒนา ตนเองเต็มศักยภาพ ในการคัดกรองนักเรียนที่มีความบกพร่องทางด้านต่างๆในปี 2564-2566 แยกเป็นประเภทได้ ดังตารางที่ 1 ดังนี้ จากตารางจะพบว่ามีนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาจำนวน 2 คน ซึ่งมีความบกพร่องทางสติปัญญา ระดับปานกลาง (Moderate Mental Retardation) มีระดับไอคิวอยู่ในช่วง 35-49 สามารถฝึกอบรมได้ (trainable) ในทักษะการช่วยเหลือ ดูแลตนเอง เรียนรู้ที่จะเดินทางได้ด้วยตนเองในสถานที่ที่คุ้นเคย และฝึกอาชีพ จึงคิดพัฒนา นวัตกรรมที่ช่วยในเรื่องของการสื่อสาร เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ สามารถดูแลตนเองในอนาคตได้ต่อไป รายการ 2564 2565 2566 ทางการมองเห็น ทางการได้ยิน ทางสติปัญญา 2 2 2 ทางร่างกายและสุขภาพ 5 3 2 ทางการเรียนรู้ 7 5 5 ทางการพูดและภาษา 1 1 ทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ 1 2 1 ออทิสติก 1 1 1 ซ้ำซ้อน รวม 17 14 11
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 5 2.แนวทางการแก้ไขปัญหาและหรือการพัฒนานวัตกรรม โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ได้ประชุมกับผู้ปกครองเพื่อชี้แจงรายละเอียดกับสภาพปัญหาที่พบ และ กำหนดแนวทางการแก้ไขและการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาที่ หลังจากนั้นจึงผ่านกระบวนการ PLC ของ ครูเพื่อหาแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนและการจัดการเรียนการสอนของครู โดยร่วมกันกำหนด แนวทางในการแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาที่พบและตามความต้องการของผู้ปกครอง จากการระดมสมอง ของครูจึงได้ตกลงใช้ ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์ โดยมีการกำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา พัฒนาการด้านสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ของผู้เรียน โดยกระบวนการการจัดการเรียนรู้เป็นไปตามที่ตกลงกับคณะครู และผู้ปกครอง และมีการกำหนดรูปแบบการแก้ไขและพัฒนา 3.กรอบแนวคิดในการพัฒนา การควบคุม การประเมินประสิทธิภาพ การประเมินประสิทธิผล การวิเคราะห์ความต้องการความ จำเป็น - SWOT - ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน - สิ่งแวดล้อม/ภูมิสังคม -กลยุทธ์การจัดการเรียนการ สอน -ทฤษฎีการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ - นวัตกรรม HKRS GAME MODEL - ความพึงพอใจของผู้เรียน ชุมชน ผู้ปกครอง ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ(Process) ผลผลิต (Output) ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 6 - นิเทศ กำกับ ติดตาม - จัดทำรายงาน ความก้าวหน้า - สรุป - กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ - เผยแพร่กิจกรรมการเรียนรู้ ออกแบบนวัตกรรม HKRS GAME MODEL - Haet เปิดใจ - Knowlage สร้างความรู้ใหม่ /ทบทวน ความรู้เก่า - Review / Relax แสดงความคิดเห็น/ ผ่อนคลาย - Sufficiency ความพอเพียง - Group / Game กลุ่ม/เกม - Accompany ร่วมกัน - mate เข้ากัน - Ease and Easy ได้รับ และง่าย ประโยชน์และความสำคัญ โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ มีการดำเนินการพัฒนาการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนเรียนรวมที่มีความ บกพร่องทางสติปัญญาอย่างชัดเจน ทำให้สามารถทราบถึงปัญหาที่พบ และหาแนวทางในการแก้ไขหรือพัฒนา ศักยภาพให้กับนักเรียนมีความบกพร่องทางสติปัญญาได้อย่างเต็มตามศักยภาพ โดยมีผลที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้ 1.ผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญามีทักษะด้านการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้น สามารถการแก้ไขปัญหาในการ เรียนรู้ของผู้เรียนที่มีความบกพร่อง ส่งเสริม พัฒนาผู้เรียน ดูแลช่วยเหลือตามแนวทางของระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน 2.สถานศึกษามีรูปแบบ กระบวนการที่ใช้ในการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาที่มี ผลงานที่ประจักษ์ ต่อสาธารณะชนอย่างต่อเนื่อง จากประโยชน์ข้างต้นทำให้เห็นว่าการดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่มี ความบกพร่องทางสติปัญญามีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้นักเรียนได้พัฒนาศักยภาพตนเอง จนสามรถทำให้ ใช้ภาษาในการรับและส่งสารได้อย่างถูกต้อง ผู้ปกครอง ชุมชนมีความพึงพอใจ และไว้วางใจในการส่งบุตรหลานเข้ามา เรียนในโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ - การศึกษาสภาพปัจจุบัน - ศึกษาข้อมูลสารสนเทศ - วิเคราะห์สภาพบริบท - วางแผนกำหนดวิสัยทัศน์ - พัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้ - จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ - ประชาสัมพันธ์
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 7 องค์ประกอบที่ 2 • วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนา • หลักการทฤษฎี แนวคิดในการพัฒนา • การออกแบบแนวทางการพัฒนา • การมีส่วนร่วมในการพัฒนา • การนำไปใช้ • การประเมินและการปรับปรุง
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 8 2.1 วัตถุประสงค์ของการพัฒนา 1.เพื่อพัฒนาทักษะทางด้านการสื่อสารของนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาให้สูงขึ้น 2.เพื่อให้ครูมีนวัตกรรมที่ส่งเสริมทางด้านการสื่อสารแก่นักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาอย่างมีคุณภาพ 2.2 เป้าหมายของการพัฒนา เชิงปริมาณ ผู้เรียนที่บกพร่องทางสติปัญญามีทักษะทางด้านการสื่อสารร้อยละ 70 เชิงคุณภาพ 1.ผู้เรียนที่บกพร่องทางสติปัญญามีทักษะทางด้านการสื่อสาร 2.ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน 2.3 หลักการทฤษฎี แนวคิดในการพัฒนา ครูผู้สอนได้ทำการศึกษาเอกสาร หลักการ แนวคิด ทฤษฎีต่าง ๆ ที่มีแนวคิดและหลักการทำงานที่ สอดคล้อง กับสภาพ บริบทของสถานศึกษา ความต้องการของนักเรียน ชุมชนแล้วเลือกหลักการหรือทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับบริบท ที่กล่าว มาทำการสังเคราะห์หลักการนั้น ๆ เพื่อให้เกิดเป็นแนวทางการพัฒนาที่เป็นระบบชัดเจน ของสถานศึกษาและ ครูผู้สอนนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้ ซึ่งหลักการหรือทฤษฎีที่นำมาใช้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือ เป้าหมายของการพัฒนานวัตกรรมทางการเรียนรู้ โดยหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เลือกนำมาเป็นแนวทางในการสร้าง แนวปฏิบัติที่ชัดเจนคือ ทฤษฎีการเรียนรู้ของ เพียเจต์ โดยเป็นทฤษฎีเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านความคิดของเด็ก ทฤษฎีของเพียเจต์ตั้งอยู่บนรากฐานของทั้งองค์ประกอบที่เป็นพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม เขาอธิบายว่า การเรียนรู้ ของเด็กเป็นไปตามพัฒนาการทางสติปัญญา ซึ่งจะมีพัฒนาการไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้น พัฒนาการเป็นสิ่งที่ เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรที่จะเร่งเด็กให้ข้ามจากพัฒนาการจากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เพราะจะทำให้เกิดผลเสียแก่ เด็ก แต่การจัดประสบการณ์ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในช่วงที่เด็กกำลังจะพัฒนาไปสู่ขั้นที่สูงกว่า สามารถช่วยให้เด็ก พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เพียเจต์เน้นความสำคัญของการเข้าใจธรรมชาติและพัฒนาการของเด็กมากกว่า การกระตุ้นเด็กให้มีพัฒนาการเร็วขึ้น เพียเจต์สรุปว่า พัฒนาการของเด็กสามารถอธิบายได้โดยลำดับระยะพัฒนาทาง ชีววิทยาที่คงที่ แสดงให้ปรากฏโดยปฏิสัมพันธ์ของเด็กกับสิ่งแวดล้อมโดยเพียเจได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาของ บุคคลเป็นไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้น ดังนี้ ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensori-Motor Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี พฤติกรรม ของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่ เช่น การไขว่คว้า การเคลื่อนไหว การมอง การดู ในวัยนี้เด็ก แสดงออกทางด้านร่างกายให้เห็นว่ามีสติปัญญาด้วยการกระทำ เด็กสามารถแก้ปัญหาได้ แม้ว่าจะไม่สามารถอธิบาย ได้ด้วยคำพูด เด็กจะต้องมีโอกาสที่จะปะทะกับสิ่งแวดล้อมด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพัฒนาการด้าน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 9 สติปัญญาและความคิดในขั้นนี้ มีความคิดความเข้าใจของเด็กจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น สามารถประสานงาน ระหว่างกล้ามเนื้อมือ และสายตา เด็กในวัยนี้มักจะทำอะไรซ้ำบ่อยๆ เป็นการเลียนแบบ พยายามแก้ปัญหาแบบลอง ผิดลองถูก เมื่อสิ้นสุดระยะนี้เด็กจะมีการแสดงออกของพฤติกรรมอย่างมีจุดมุ่งหมายและ สามารถแก้ปัญหาโดยการ เปลี่ยนวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการแต่กิจกรรมการคิดของเด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ เฉพาะสิ่งที่สามารถสัมผัส ได้เท่านั้น ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 2-7 ปี แบ่งออกเป็นขั้นย่อยอีก 2 ขั้น คือ -- ขั้นก่อนเกิดสังกัป (Preconceptual Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมี เหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงซึ่ง กันและกัน แต่เหตุผลของเด็กวัยนี้ยังมีขอบเขตจำกัดอยู่ เพราะเด็กยังคงยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คือถือความคิด ตนเองเป็นใหญ่ และมองไม่เห็นเหตุผลของผู้อื่น ความคิดและเหตุผลของเด็กวัยนี้ จึงไม่ค่อยถูกต้องตามความเป็นจริง นัก นอกจากนี้ความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ยังคงอยู่ในระดับเบื้องต้น เช่น เข้าใจว่าเด็กหญิง 2 คน ชื่อเหมือนกัน จะมีทุก อย่างเหมือนกันหมด แสดงว่าความคิดรวบยอดของเด็กวัยนี้ยังไม่พัฒนาเต็มที่ แต่พัฒนาการทางภาษาของเด็กเจริญ รวดเร็วมาก ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของวัตถุ เข้าใจความหมายของจำนวนเลข เริ่มมีพัฒนาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ แต่ไม่แจ่มชัดนัก สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้โดยไม่คิดเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน รู้จักนำความรู้ในสิ่งหนึ่งไปอธิบายหรือแก้ปัญหาอื่นและสามารถนำเหตุผลทั่วๆ ไป มาสรุปแก้ปัญหา โดยไม่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเสียก่อนการคิดหาเหตุผลของเด็กยังขึ้นอยู่กับ สิ่งที่ตนรับรู้ หรือสัมผัส จากภายนอก ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage) ขั้นนี้จะเริ่มจากอายุ 7-11 ปี พัฒนาการ ทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้ง เกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็น หมวดหมู่ได้ เด็กวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจเหตุผล รู้จักการแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ สามารถที่จะเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องความคงตัวของสิ่งต่างๆ โดยที่เด็กเข้าใจว่าของแข็งหรือของเหลวจำนวนหนึ่งแม้ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างไป ก็ ยังมีน้ำหนัก หรือปริมาตรเท่าเดิม สามารถที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนย่อย ส่วนรวม ลักษณะเด่นของเด็กวัยนี้คือ ความสามารถในการคิดย้อนกลับ นอกจากนั้นความสามารถในการจำของเด็กในช่วงนี้มีประสิทธิภาพขึ้น สามารถจัด กลุ่มหรือจัดการได้อย่างสมบูรณ์ สามารถสนทนากับบุคคลอื่นและเข้าใจความคิดของผู้อื่นได้ดี ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage) นี้จะเริ่มจากอายุ 11-15 ปี ในขั้นนี้ พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้เป็นขั้นสุดยอด คือเด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบ เด็กจะสิ้นสุดลง เด็กจะสามารถที่จะคิดหาเหตุผลนอกเหนือไปจากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถที่จะคิดแบบนักวิทยาศาสตร์
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 10 สามารถที่จะตั้งสมมุติฐานและทฤษฎี และเห็นว่าความเป็นจริงที่เห็นด้วยการรับรู้ที่สำคัญเท่ากับความคิดกับสิ่ง ที่ อาจจะเป็นไปได้ เด็กวัยนี้มีความคิดนอกเหนือไปกว่าสิ่งปัจจุบัน สนใจที่จะสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างและมี ความพอใจที่จะคิดพิจารณา เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมพัฒนาการทางการรู้คิดของเด็กในช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต ซึ่งเพียเจต์ ได้ศึกษาไว้เป็นประสบการณ์ สำคัญที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม มี 6 ขั้น ได้แก่ 1. ขั้นความรู้แตกต่าง (Absolute Differences) เด็กเริ่มรับรู้ในความแตกต่างของสิ่งของที่มองเห็น 2. ขั้นรู้สิ่งตรงกันข้าม (Opposition) ขั้นนี้เด็กรู้ว่าของต่างๆ มีลักษณะตรงกันข้ามเป็น 2 ด้าน เช่น มี-ไม่มี หรือ เล็ก-ใหญ่ 3. ขั้นรู้หลายระดับ (Discrete Degree) เด็กเริ่มรู้จักคิดสิ่งที่เกี่ยวกับลักษณะที่อยู่ตรงกลางระหว่างปลายสุด สอง ปลาย เช่น ปานกลาง น้อย 4. ขั้นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง (Variation) เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น บอกถึงความเจริญเติบโตของต้นไม้ 5. ขั้นรู้ผลของการกระทำ (Function) ในขั้นนี้เด็กจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลง 6. ขั้นการทดแทนอย่างลงตัว (Exact Compensation) เด็กจะรู้ว่าการกระทำให้ของสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลง ย่อมมีผลต่ออีกสิ่งหนึ่ง อย่างทัดเทียมกัน โดยมีกระบวนการทางสติปัญญามีลักษณะดังนี้ การซึมซาบหรือดูดซึม (Assimilation) เมื่อ มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมก็จะซึมซาบหรือดูดซึม ประสบการณ์ใหม่ ให้รวมเข้าอยู่ในโครงสร้างของสติปัญญา(Cognitive Structure) โดยจะเป็นการตีความ หรือการ รับข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม การปรับและจัดระบบ (accommodation) คือ กระบวนการทางสมองในการปรับประสบการณ์เดิมและ ประสบการณ์ใหม่ให้เข้ากันเป็น ระบบหรือเครือข่ายทางปัญญาที่ตนสามารถเข้าใจได้ เกิดเป็นโครงสร้างทางปัญญา ใหม่ขึ้น การเกิดความสมดุล (equilibration) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นจากขั้นของการปรับ หากการปรับเป็นไป อย่างผสมผสานกลมกลืน ก็จะก่อให้เกิดสภาพที่มีความสมดุลขึ้น หากบุคคลไม่สามารถปรับประสบการณ์ใหม่และ ประสบการณ์เดิมให้เข้ากันได้ ก็จะเกิดภาวะความไม่สมดุลขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางปัญญาขึ้นในตัวบุคคล จากการศึกษาแนวคิดของเพียเจต์ พบว่ามีความสอดคล้องกับปัญหาที่พบในนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา และบริบทของโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ ที่จะนำมาพัฒนารูปแบบในการออกแบบแนวปฏิบัติที่เป็นแนวทางใน การพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการสร้างความรู้ตามพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียน โดยผู้สอนเป็น ผู้จัดการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับพัฒนาการทางสติปัญญา ให้นักเรียนได้เกิดความรู้และประสบการณ์เพื่อทำให้ พัฒนาการเป็นไปตามวัย
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 11 2.4.การออกแบบแนวทางการพัฒนา • การออกแบบผลงานนวัตกรรม ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ทักษะการสื่อสาร สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา ได้ออกแบบ ตามทฤษฎีการเรียนรู้ของเพียเจต์ มาสังเคราะห์และใช้วิธีSystem Approach ประกอบด้วย Input Process Output Feedback ของโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ โดยทุกขั้นตอนจะควบ โดยวงจรคุณภาพ PDCA ดังใน แผนภาพ ดังนี้ การควบคุม การประเมินประสิทธิภาพ การประเมินประสิทธิผล -กลยุทธ์การจัดการเรียนการ สอน -ทฤษฎีการเรียนรู้ -รูปแบบ HKRS GAME MODEL ผลการเรียนรู้ - ความรู้ทักษะการสื่อสาร -ความสามารถในการปฏิบัติ -กระบวนการของผู้เรียน -ความพึงพอใจของผูเรียน ปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ(Process) ผลผลิต (Output) ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) การวิเคราะห์ความต้องการความ จำเป็น - ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน - สิ่งแวดล้อม/ภูมิสังคม - ภาระงานเพื่อการเรียนรู้ - อุปกรณ์/ สิ่งอำนวยความ สะดวก
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 12 - ประเมินผลการจัดการ เรียนรู้ - ปรับปรุงแก้ไข - กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ - เผยแพร่กิจกรรมการเรียนรู้ เขียนแผน IEP ใช้นวัตกรรม HKRS GAME MODEL - Haet เปิดใจ - Knowlage สร้างความรู้ใหม่ /ทบทวน ความรู้เก่า - Review / Relax แสดงความคิดเห็น/ ผ่อนคลาย - Sufficiency ความพอเพียง - Group / Game กลุ่ม/เกม - Accompany ร่วมกัน - Mate เข้ากัน - Ease and Easy ได้รับ และง่าย • การดำเนินงาน พัฒนานวัตกรรม ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารของนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญานำแนวคิดการ บริหารงาน ในการพัฒนาภายใต้กรอบแนวคิดการบริหารงาน “วงจรเดมมิ่ง” ( Deming Cycle) ของ ดร.เอ็ดเวิร์ด เดมมิ่ง ในการบริหารงานในภาพรวมของโมเดลทั้งในส่วนของการวางแผน (Plan) การปฎิบัติ(DO) การตรวจสอบ (check) และการปรับปรุง (Act) มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการเรียนรู้ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนในการ พัฒนา มีกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้การจัดการเรียนรู้รูปแบบ GAME มาบูรณาการกับ HKRS MODELของโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ เป็น HKRS GAME MODEL โดยเป็นการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะทางด้านการสื่อสาร ซึ่งสอดคล้องกับทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยมีขั้นตอน ดำเนินงานดังนี้ -วิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนรายบุคคล -ดำเนินการคัดกรองนักเรียน -ประชุมวางแผนกับผู้ปกครอง
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 13 ขั้นตอนการวางแผน (PLAN) ได้แก่ 1) การศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน จากการประชุม ผู้ปกครอง การประชุมคณะกกรมการสถานศึกษา ที่มีต่อนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา 2) ศึกษาข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษามนทุก ๆ ด้าน ผลการประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน เรียนรวมที่บกพร่องทางสติปัญญา 3) วิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการจัดการเรียนรู้ให้กับ นักเรียนเรียนรวม 4) วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและทิศ ทางการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียนเรียนรวมของสถานศึกษา 5) กำหนดวิสัยทัศน์ตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการพัฒนาด้านการสื่อสารของนักเรียนที่บกพร่องทางการ สติปัญญารวมทั้งผลที่คาดว่าจะได้จากการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย - นักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญามีทักษะทางด้านการสื่อสารเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 70 6) จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้และออกแบบกิจกรรม โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ HKRS 7) จัดทำกำหนดการสอนและปฎิทินการสอน 8) พัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี 9) ประชาสัมพันธ์ให้กับ ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ทราบ ขั้นดำเนินการ (DO) การพัฒนาการสื่อสารของนักเรียนที่บกพร่องทางการสติปัญญาโดยใช้รูปแบบ HKRS GAME MODEL โดย HKRS เป็น Model ที่ทางโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ได้สร้างขึ้นมาภายใต้กรอบของ PDCA โดยบูรณาการกับ การจัดการเรียนรู้รูปแบบ GAME เป็น HKRS GAME โดยมีขั้นตอนในการพัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ ดังนี้
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 14 Haet (เปิดใจ) ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการสติปัญญาสิ่งสำคัญ คือ การทำให้ นักเรียนยอมรับครูผู้สอน รู้สึกไว้ใจและวางใจ ยอมทำกิจกรรมร่วมกับครูผู้สอน ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัย ของ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (2531: ค) ได้ค้นพบว่าบรรยากาศในชั้นเรียนเป็นส่วนหนึ่งที่ ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความสนใจในบทเรียนและเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น การสร้างบรรยากาศ ที่อบอุ่น ที่ครูให้ความเอื้ออาทรต่อนักเรียน ที่นักเรียนกับนักเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันที่มีระเบียบ มี ความสะอาด เหล่านี้เป็นบรรยากาศที่นักเรียนต้องการ ทําให้นักเรียนมีความสุขที่ได้มาโรงเรียนและในการ เรียนร่วมกับเพื่อนๆ Knowlage (สร้างความรู้ใหม่ /ทบทวนความรู้เก่า) เมื่อทำให้นักเรียนเปิดใจยอมรับครูผู้สอน และกระตุ้นความสนใจทางการเรียนรู้ให้กับนักเรียนที่ บกพร่องทางสติปัญญาแล้ว ขั้นต่อมา คือ การทบทวนความรู้เก่าและสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับนักเรียน ทบทวนความรู้เก่าโดยการตั้งประเด็นคำถามที่ทำให้ผู้เรียนเข้าใจง่าย และเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้เรียนชื่นชอบ เมื่อทราบองค์ความรู้เก่าที่ผู้เรียนมีจึงสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่ต่อยอดจากองค์ความรู้เก่าให้กับผู้เรียน Review / Relax / Rememerring (แสดงความคิดเห็น/ผ่อนคลาย/ความจำ) Review คือ การแสดงความคิดเห็นที่มีต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ในการแสดงความคิดเห็นอาจจะทำ ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับนักเรียน Relax คือ การตวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน โดยนำเกมหรือสิ่งที่ผู้รียนชื่นชอบมาเป็น ตัวกลาง เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลายจากการเรียนรู้ และสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียนในการเรียน ครั้งต่อไป
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 15 Sufficiency (ความพอเพียง) Sufficiency คือ การปลูกฝัง เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากระทรวงศึกษาธิการ ได้ บรรจุปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไว้ในหลักสูตรการเรียน การสอน ทุกระดับ ประกอบด้วยทางโรงเรียนหัน คาราษฎร์รังสฤษดิ์ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ปี การศึกษา 2563 การปลูกฝัง เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา คือ การ สอดแทรกแนวคิดเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข 4 มิติ ให้กับนักเรียน Group / Game (กลุ่ม/เกม) Group คือ การฝึกให้นักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มกับเพื่อน เพื่อฝึกการเข้าสังคม และทำกิจกรรม ร่วมกับผู้อื่น โดยนำวิธีสอนแบบกลุ่ม มาบูรณาการปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับนักเรียนที่บกพร่องทาง สติปัญญา Game คือ การใช้การเรียนรู้รูปแบบเกมในการจัดการเรียนการสอน ทิศนา แขมมณี (2559: 365) กล่าวว่า การสอนโดยใช้รูปแบบเกม คือกระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยให้ผู้เรียนเล่นเกมตามกติกา และนำเนื้อหาและ ข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่นเกม วิธีการเล่นเกม และผลการเล่นเกมของผู้เรียนมาใช้ในการอภิปรายเพื่อ สรุปการเรียนรู้ Accompany (ร่วมกัน) Accompany คือ การร่วมกันทำงาน โดยใช้รูปแบบเทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด (Think pair Share) เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือระหว่างผู้เรียน ๒ คน ที่จับคู่กัน โดยปรับประยุกต์เทคนิคให้ เหมาะสมกับพัฒนาการของนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา Mate (เข้ากัน) Mate คือ การให้นักเรียนเล่นเกม และวิธีสอนที่เหมาะสมและเข้ากับตัวของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้ พัฒนาทักษะการสื่อสารได้อย่างเต็มที่ เต็มตามศักยภาพ Easy and Ease (ได้รับ และ ง่าย) Easy and Ease เป็นการทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเนื้อหาง่าย ได้รับความรู้และความสนุกจากการ เรียน และได้เล่นเกมกับเพื่อน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 16 ขั้นตอนตรวจสอบ (Check) ได้แก่ 1) การนิเทศ กำกับ ติดตาม วัดและประเมินผลการดำเนินงาน จากหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียรู้ และหัวหน้า งานวิชาการ 2) จัดทำเอกสารสรุปรายงานผลการผลการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนใน รูปแบบเอกสารรายงานกิจกรรม วารสารโรงเรียน และแผ่นประชาสัมพันธ์ 3) การจัดนิทรรศการผลงานโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โรงเรียนมาตรฐานสากล ของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขั้นตอนการปรับปรุงและพัฒนา (Act) ได้แก่ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อเป็นแนวทางพิจารณาในการปรับปรุงการจัดการเรียน การสอน โดย สร้างเครือข่ายวิชาการ การจัดนิทรรศการ การเข้าร่วมเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำมาวางแผนพัฒนา คุณภาพการตัดการศึกษาในปีการศึกษาต่อไป รวมทั้งยังใช้เป็นข้อมูลสารสนเทศในการอ้างอิงการดำเนินการ • การมีส่วนร่วมในการพัฒนา 1) ผู้บริหารมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมตามด้วย HKRS Game Model โดยผู้บริหาร ต้องมีความรู้และความเข้าใจในกระบวนการที่กำหนดขึ้นมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาการศึกษา สามารถวิเคราะห์บริบท ของสถานศึกษา สนับสนุนครูและนักเรียนให้มีความตระหนัก เข้าใจความจำเป็นในการพัฒนา คุณภาพทางการศึกษา เป็นผู้เสียสละ มีความรับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการวางแผนการพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมด้วย HKRS GAME Model 2) ครูมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมตาม ด้วย HKRS Game Model โดยครูต้องมี ความ เชื่อมั่นว่านักเรียนทุกคนสามารถพัฒนาได้ ครูเป็นผู้มีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นเสียสละ อดทน มีความรักและ ความ เมตตา หวังดีต่อศิษย์ สามารถจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามศักยภาพของนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาได้ มีความ กระตือรือร้นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยกระบวนการ Active Learning โดยมี การใช้สื่อ เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน มีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อ ผู้เรียนอย่างจริงใจ และมีส่วนร่วมในการวางแผนการพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมตามด้วย HKRS Game Model 3) ผู้เรียนคือส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาแนวทางการจัดกิจกรรมตาม ด้วย HKRS Model เพราะผู้เรียนคือ จุดมุ่งหมายสำคัญของการจัดการศึกษาของชาติที่รัฐบาลต้องการพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถตรง ตามมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์และมีทักษะชีวิต ดังนั้นผู้เรียนต้องมี ความเชื่อมั่นใน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 17 ตนเองว่าเราทำได้ ตัวเราสามารถพัฒนาได้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ที่ครูจัดขึ้น ผู้เรียนจึงต้องมี ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ขยันและอดทน เปิดใจรับการจัดการเรียนรู้จากครูผู้สอนทุกท่าน 4) ผู้ปกครอง ชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษา มีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา งบประมาณ ทุนการศึกษา รวมถึงแหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมการสร้าง ทักษะชีวิต 5) หน่วยงานต่าง ๆ เช่น ศึกษาพิเศษจังหวัดชัยนาท สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนสื่อ วัสดุและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ • การนำไปใช้ เมื่อได้นวัตกรรม HKRS GAME ออกมาจึงได้ประชุมหารือกับกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องและชี้แจงการใช้ กระบวนการ HKRS GAME บูรณาการกับการจัดการเรียนรู้เขียนแผน IEP และ IIP โดยมีรายละเอียดการใช้ดังนี้ Haet (เปิดใจ) ในการทำให้นักเรียนยอมรับครูผู้สอน รู้สึกไว้ใจและวางใจ ยอมทำกิจกรรมร่วมกับครูผู้สอน ต้อง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ทําให้นักเรียนมีความสุขที่ได้มาโรงเรียนและในการเรียนร่วมกับเพื่อนๆ กระตุ้นความสนใจ เพื่อให้นักเรียนอยากเรียนรู้ อยากตอบคำถาม อยากทำกิจกรรม ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในการ จัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา เช่น 1.สร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน โดยการกล่าวทักทาย และพูดคุยกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนรู้สึกเชื่อใจและ ไว้วางใจครูผู้สอน 2.ใช้สิ่งของหรืออุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน หรือเป็นสิ่งที่ผู้เรียนชื่นชอบมากระตุ้นความสนใจของ ผู้เรียน 3.ใช้สื่อมัลติมิเดีย เพราะสื่อมัลติมิเดียมีทั้งภาพ และเสียง เป็นตัวเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาที่ต้อง การจัดการ เรียนรู้ Knowlage (สร้างความรู้ใหม่ /ทบทวนความรู้เก่า) เมื่อทำให้นักเรียนเปิดใจยอมรับครูผู้สอน และกระตุ้นความสนใจทางการเรียนรู้ให้กับนักเรียนที่บกพร่อง ทางสติปัญญาแล้ว ขั้นต่อมา คือ การทบทวนความรู้เก่าและสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับนักเรียน ทบทวนความรู้เก่า โดยการตั้งประเด็นคำถามที่ทำให้ผู้เรียนเข้าใจง่าย และเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้เรียนชื่นชอบ เมื่อทราบองค์ความรู้เก่าที่ ผู้เรียนมีจึงสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่ต่อยอดจากองค์ความรู้เก่าให้กับผู้เรียน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 18 หากพิจารณาตามความสามารถการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ตามทฤษฎีการเรียนรู้ของเพียเจต์ นักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญาต้องดำเนินการสอนให้ปฏิบัติการคิดแบบเป็น รูปธรรม จะต้องจัดการเรียนรู้ควรใช้สื่อที่หลากหลาย เช่น 1.เปิดสื่อการเรียนรู้ที่เป็นมัลติมิเดีย เกี่ยวกับเรื่องการสื่อสาร ที่มีลักษณะคล้ายกับการ์ตูน เพื่อดึงดูดความ สนใจของผู้เรียนในการเรียนรู้ และเป็นการเริ่มสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับผู้เรียน 2. นำสื่อภาพที่มีองค์ประกอบเหมือนในสื่อมัลติมีเดียให้กับผู้เรียน เพื่อใช้ประกอบการทำกิจกรรม ตามที่ดูสื่อ เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจมากขึ้น Review / Relax / Rememerring (แสดงความคิดเห็น/ผ่อนคลาย/ความจำ) Review คือ ให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นอาจจะทำออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับนักเรียน เช่น การวาดรูปบอกความรู้สึกที่มีต่อการเรียน หรือความรู้ที่ได้ เพื่อเป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน และ ความพึงพอใจของผู้เรียน Relax คือ การตวจสอบความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน โดยนำเกมหรือสิ่งที่ผู้รียนชื่นชอบมาเป็นตัวกลาง เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลายจากการเรียนรู้ และสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้กับผู้เรียนในการเรียนครั้งต่อไป Sufficiency (ความพอเพียง) Sufficiency การปลูกฝัง เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา คือ การสอดแทรกแนวคิดเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข 4 มิติ ให้กับนักเรียน เช่น การสอนให้ นักเรียนพอใจต่อคะแนนที่ได้จากการเล่นเกม คือ เรื่องของการพอประมาณ การสอนให้นักเรียนรู้จักเก็บอุปกรณ์ให้ เข้าที่ คือ เรื่อง ของมิติสิ่งแวดล้อม เป็นต้น Group / Game (กลุ่ม/เกม) Group คือ การฝึกนักเรียนทำกิจกรรมกลุ่มกับเพื่อนในชั้นเรียน เพื่อฝึกการเข้าสังคม และทำกิจกรรม ร่วมกับผู้อื่น โดยนำวิธีสอนแบบกลุ่ม มาบูรณาการปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา Game คือ การใช้การเรียนรู้รูปแบบเกมในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดความสนุก และได้ พัฒนาทักษะการสื่อสาร Accompany (ร่วมกัน) Accompany คือ การร่วมกันทำงาน โดยใช้รูปแบบเทคนิคการเรียนรู้แบบเพื่อนคู่คิด (Think pair Share) เป็นเทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือระหว่างผู้เรียน 2 คน ที่จับคู่กัน โดยปรับประยุกต์เทคนิคให้เหมาะสมกับพัฒนาการ ของนักเรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา เปลี่ยนจากการแบ่งปันความคิดในประเด็นปัญหา ให้นักเรียนที่บกพร่องทาง สติปัญญาจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรียนที่ปกติ เพื่อให้เพื่อนช่วยเพื่อน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 19 Mate (เข้ากัน) Mate คือ การให้นักเรียนเล่นเกม และวิธีสอนที่เหมาะสมและเข้ากับตัวของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนา ทักษะการสื่อสารได้อย่างเต็มที่ เต็มตามศักยภาพ เช่น การใช้บัตรภาพสอนการสื่อสารใน เรื่องการขอความช่วยเหลือ Easy and Ease (ได้รับ และ ง่าย) Easy and Ease เป็นการทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเนื้อหาง่าย ได้รับความรู้และความสนุกจากการเรียน และได้ เล่นเกมกับเพื่อน ดำเนินการติดตามประเมินผลการจัดการเรียนรู้มีดังนี้ 1.ให้นักเรียนประเมินความพึงพอใขต่อการเรียนการสอน ๒.แจกแบบประเมินให้กับผู้ปกครอง แระเมินความเหมาะในการทำกิจกรรม ในด้านเนื้อหาการสอน กิจกรรม ที่ใช้สอน ระยะเวลา และอื่นๆ ๓.สรุปผลการจัดกิจกรรมจากแบบประเมินของครูและนักเรียนเพื่อตรวจสอบผลการดำเนินกิจกรรมว่าเป็นไป ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงานครั้งต่อไป • การประเมินและการปรับปรุง จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับคณะครูเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อหาแนวทาง วิธีการเพื่อที่จะพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมที่ดีขึ้นซึ่งจะส่งผลให้การจัดกิจกรรม การเรียนการสอนในห้องเรียนมี คุณภาพมากขึ้น นักเรียนมีความรู้ความสามารถมากขึ้น มีทักษะชีวิตที่ดีขึ้น ในการจัดกิจกรรมทุก ๆครั้งจะมีการ ประเมินความพึงพอใจต่อแนวทางในการพัฒนาจัดกิจกรรมตามด้วย HKRS GAME Model ว่ามีส่วนดีส่วนใดที่ควรยึด แนวปฏิบัติเดิมไว้ ส่วนใดที่ยังบกพร่อง ยังไม่สามารถจัดกิจกรรมให้บรรลุถุงวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ ก็นำส่วนนั้นมา ปรับปรุงพัฒนาหาแนวทางใหม่ให้ดียิ่งขึ้นการดำเนินการพัฒนาแล้วจัดทำ เป็นสารสนเทศของรายวิชา เพื่อใช้เป็น แนวทางในการออกแบบจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ทันสมัยและเหมาะสมกับผู้เรียนต่อไป
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 20 องค์ประกอบที่3 3.1 ผลที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษา • ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา • การดำเนินงานการบริหารจัดการของสถานศึกษา • จัดการเรียนรู้นิเทศติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบ • เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา • การยอมรับที่มีต่อสถานศึกษา 3.2 ผลที่เกิดกับครูผู้สอน • การออกแบบการจัดการเรียนรู้ • การจัดการเรียนรู้ • การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ • การวัดและประเมินผล 3.3 ผลที่เกิดกับผู้เรียน 3.4 การขยายผล
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 21 3.1 ผลที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษา • ข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ มีการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ โดยรวบรวม ข้อมูลทางการศึกษา ทั้งในส่วนข้อมูลและประวัติส่วนตัวของผู้เรียน ตารางวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล และ สารสนเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนรู้ และการบริหารจัดการทางการศึกษาย้อนหลัง 3 ปี โดยมีการจัดระบบข้อมูลและสารสนเทศพื้นฐานได้ครบถ้วนครอบคลุมการใช้งาน และรวบรวมเป็นปัจจุบัน มีการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ทันสมัย เหมาะสม ถูกต้องสามารถค้นข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการจัดการศึกษาได้อย่างมี ประสิทธิภาพมีการพัฒนาระบบสารสนเทศ และปรับปรุงให้ทันสมัย ถูกต้อง เหมาะสม เช่น ระบบจัดเก็บ ข้อมูล ผู้เรียนรายบุคคล (DMC) ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการศึกษา (EMIS) ระบบจัดเก็บข้อมูลสิ่งก่อสร้าง (B- OBEC) ระบบงานทะเบียนและวัดผล (SGS) ระบบปัจจัยพื้นฐานยากจน (CCT) ระบบบริหารสารสนเทศสำนัก บริหารมัธยมศึกษาตอนปลาย (SESA) ระบบรายงานการรับผู้เรียน ระบบสารสนเทศ (SET) ระบบงานสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ (I-OFFICE) ระบบ SET นักเรียนเรียนรวม ระบบ IEP Online อื่นๆ แล้วนำข้อมูลและสารสนเทศไปใช้ ในการบริหารและจัดการงานสถานศึกษา และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้เกิดประโยชน์คุ้มค่าโดยการ นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโรงเรียนนำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการ บริหารด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน ระบบรายงานการรับผู้เรียน ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้เรียนรายบุคคล ระบบการจัดตารางสอน และระบบบริหารสารสนเทศสำนักบริหารมัธยมศึกษาตอนปลาย ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ เป็นเครื่องมือในการเพิ่ม โอกาสทางด้านการศึกษาและเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า มากที่สุด และโรงเรียนมีการ ปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ โดยแต่ละฝ่ายงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ จะมีระบบงานสารสนเทศ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ส่วนในด้านระบบงาน ICT ที่จะช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกและ สนับสนุนงานด้าน สารสนเทศ เพื่อการบริหารการศึกษาและการจัดการเรียนรู้จากกลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน อาชีพและเทคโนโลยี เป็นผู้รับผิดชอบดูแลในเรื่องความทันสมัย การใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพของ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ความพร้อมในการใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลาด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถติดต่อผ่านการใช้งาน อีเมล์ระบบเครือข่ายสังคม (Social network) จากที่บ้านและที่ทำงาน และโรงเรียนได้เผยแพร่ความรู้ ข่าวสาร ข้อมูล และเรื่องราวต่างๆ จากสถาบัน องค์กร หน่วยงาน ชุมชน แหล่งข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆให้บุคลากร ภายในโรงเรียนได้รับรู้ โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกันในหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังได้จัดทำ ข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม ผลงานของผู้เรียน ครู และโรงเรียน ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่โดยผ่านสื่อที่หลากหลายไปยังภายนอก สามารถสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ เกิดความนิยมเลื่อมใสศรัทธา และมีทรรศนะคตที่ดี ในการบริหารงานของโรงเรียนที่ ประสบผลสำเร็จ โดยเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นเข้ามามีส่วนร่วมทั้งฐานะผู้ส่งสารและรับสาร
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 22 • การดำเนินงานการบริหารจัดการของสถานศึกษาจัดการเรียนรู้นิเทศติดตามและประเมินผลอย่างเป็น ระบบ โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ มีแผนงาน โครงการ กิจกรรม มีระบบในการวัด วิเคราะห์และจัดการความรู้ จากมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน จากนั้นนำมาวางแผนกลยุทธ์และจัดทำแผนการปฏิบัติงานประจำปี ประเมินผล การดำเนินการโครงการ/กิจกรรมเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลสารสนเทศ กำหนดผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน การออกแบบ และการจัดการเรียนรู้ครอบคลุมรายวิชาที่ต้องการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนามีการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมิน การใช้แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม การดำเนินงานต่อเนื่อง มีการนิเทศ กำกับติดตามชัดเจน รวมทั้งมีการสรุปผลการ ติดตามและประเมินไว้ครบถ้วน มีการสรุปผลการดำเนินงานเมื่อ เสร็จสิ้นกิจกรรมนั้น ๆ ทั้งนี้การประเมินผลการใช้ แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม จะพิจารณาถึงความต้องการจำเป็น ในการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพของผู้เรียน ความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน กำกับ ติดตาม และ ประเมินผลการใช้หลักสูตรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพเป็นที่ น่าพึงพอใจ การทำงานขั้นต่อไปคือ การวางโครงสร้างและ จัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษา ทบทวนหลักสูตสถานศึกษา และพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพ และมีความเหมาะสม กับผู้เรียนตามบริบทของชุมชน นำมาพัฒนาและจัดการเรียน การสอน เพื่อให้นักเรียนได้รับการพัฒนาตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพเหมาะสมและสอดคล้องกับ บริบทของท้องถิ่น มีการบูรณาการหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน มาแทรกสอดในกระบวนการจัดการเรียนรู้โดยครูทุกคนมีการใช้สื่อ และเทคโนโลยีประกอบการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน • เครือข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาได้ดำเนินการวางแผนร่วมกับคณะครู บุคลากรของโรงเรียนในการกำหนดนโยบาย เพื่อ พัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยการประชุมหารือวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจุดอ่อนจุดแข็งแล้วนำมาบริหาร จัดการ คุณภาพการศึกษาโดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญสูงสุดทุกด้านปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการวางแผน ดำเนินการตรวจสอบและ พัฒนา จากการประชุมชี้แจงของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง สถานศึกษามีการขับเคลื่อนกิจกรรม ชุมชนการเรียนรู้ วิชาชีพ (PLC)ของครูผู้สอน โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้แนะนำอย่างสม่ำเสมอ ผู้บริหารสถานศึกษามีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ด้วยกระบวนการด้านการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาในลักษณะ Two-way communication ทั้งภายในและ ภายนอก เพี่อให้ครู บุคลากร ผู้เรียน นักศึกษาฝึกประสบการณ์ วิชาชีพครูและชุมชน เกิดความเข้าใจที่เป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ผลการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพตาม และบรรลุวัตถุประสงค์และวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ใน รูปแบบการประชุมฝ่ายบริหาร หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูและ บุคลากร ประจำเดือน ประชุมผู้ปกครอง นักเรียน และอื่น ๆ ตามวาระโอกาสและความเหมาะสม โดยคำนึงถึง ความจำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา โรงเรียนให้มีประสิทธิภาพโดยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในรูปแบบเอกสาร และสื่อออนไลน์ ได้แก่ รายงานการประชุม
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 23 ประกาศ คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และหนังสือเวียนทั้งภายในและภายนอก มีระบบเสียงตามสาย เพื่อให้บุคลากร ได้รับรู้และติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ ของโรงเรียน • การยอมรับที่มีต่อสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักเรียน ได้ดำเนินการเพื่อสร้างการยอมรับและความร่วมมือใน การพัฒนา โรงเรียน เช่น จัดการประชุมครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองนักเรียน เพื่อสร้างความตระหนักในการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพ ชี้ให้เห็นแนวทางพัฒนาโรงเรียน ความต้องการด้านโอกาส และคุณภาพของการจัดการศึกษาต่อเด็กและเยาวชนของชุมชน รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของทุก ภาคส่วน มีการสร้างข้อตกลงร่วมกันในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาจากผู้นำ ชุมชน ผู้แทนกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในชุมชน ประชาสัมพันธ์การร่วมโครงการผ่านคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และแสวงหาเครือข่ายความ ร่วมมือในด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อจะเป็นแหล่งทรัพยากรในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนชุมชนยอมรับและการ ให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทาง 3.2 ผลที่เกิดกับครูผู้สอน • การออกแบบการจัดการเรียนรู้ 1) มีการคัดกรองและวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลเพื่อทราบพื้นฐาน และปัญหาทางการเรียนรู้ของผู้เรียน รวมทั้งพูดคุยกับผู้ปกครองถึงความบกพร่องของนักเรียน เมื่อผู้ปกครองยอมรับและยินยอมให้ดำเนินการจัดการ เรียนรู้แบบเรียนรวมให้กับผู้เรียน ๒) กำหนดเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนที่บกพร่องทางสติปัญญา ในด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการโดยการหารือกับผู้ปกครอง และครูประจำชา เพื่อพัฒนาสติปัญญาของผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ 3) มีการออบแบบการจัดการเรียรู้ตามหลักการเขียนแผน IEP และความสามารถของผู้เรียน ๔) มีการใช้เทคนิคการสอนรูปแบบเกม และกระบวนการกลุ่มมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้เรื่องการเข้าสังคมและมีการสื่อสารกับเพื่อนมากขึ้น ๕) จัดทำแผนการสอน ในรูปแบบแผน IIP โดยใช้กระบวนการ HKRS GAME Model • การจัดการเรียนรู้ 1) จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งเน้นบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมายโดยการร่วมมือกันระหว่างผู้เรียน โดยครูเป็นผู้ลด บทบาทจากการให้ความรู้โดยตรง เป็นผู้จัดกระบวนการ และกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนได้เชื่อมโยงข้อมูลและ ความรู้จากกิจกรรม และกระบวนการที่ได้ลงมือปฏิบัติจนเกิดเป็นประองค์ความรู้ใหม่
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 24 2) ใช้สื่อเทคโนโลยีและสารสนเทศ ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัยและน่าสนใจในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้มีการใช้สื่อเทคโนโลยี และระบบสารสนเทศเพื่อเป็นสื่อ และแหล่งเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน มีการออกแบบสื่อและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างความใสใจให้แก่ผู้เรียนการค้นคว้าข้อมูลมีความสะดวก และเหมาะสม แก่ผู้เรียน ส่งผลให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้ที่ถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน 3) มีการนิเทศเพื่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ ได้รับการนิเทศในกลุ่มสาระการเรียนรู้ และรับการ นิเทศภายในจากผู้บริหารสถานศึกษา คณะกรรมการนิเทศภายในของสถานศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกทั้งมีการนิเทศ ภายนอกจากศึกษานิเทศก์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เหมาะสมกับผู้เรียน 4) ครูผู้สอนมีการปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยกระบวนการปรับปรุงพัฒนา กิจกรรมการเรียนรู้ จากผลการนิเทศกระบวนการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ และตรวจสอบผลการ ดำเนินงานโดย พิจารณาจากตัวชี้วัดและเป้าหมายที่แต่ครูและผู้ปกครองร่วมกันตั้งไว้ตามระดับสติปัญญาของผู้เรียน และเข้าร่วม กิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรู้ (PLC) เพื่อระดมความคิด หาแนวทางพัฒนากระบวนการทำงานไปสู่เป้าหมายของ โรงเรียน • การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ 1) เลือกใช้สื่อนวัตกรรมที่มุ่งพัฒนาทักษะการสื่อสาร ที่มีคุณภาพสะดวกต่อการใช้ประกอบการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เช่น สื่อวีดีทัศน์เกี่ยวกับการสื่อสารด้านต่าง ๆ บัตรภาพเกี่ยวกับการสื่อสาร 2) ผู้เรียน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการเลือกใช้/ผลิต ในการพัฒนาการคุณภาพของสื่อนวัตกรรม โดยได้รับ การสนับสนุนจากศึกษาพิเศษจังหวัดชัยนาท การวัดและประเมินผล 1) เลือกเครื่องมือ/วิธีการวัดประเมินผลที่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้โรงเรียนมีการนำผลประเมิน มาปรับปรุงและพัฒนา มีการสำรวจความคิดเห็น ความพึงพอใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และนำผลเหล่านั้นมาพัฒนา ปรับปรุง เลือกเครื่องมือ และวิธีวัดผลประเมินผลอย่างหลากหลายจากนั้น นำผลจาก การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลและ เอกสารมาวิเคราะห์ พิจารณา ตัดสินใจ และปรับปรุงแก้ไข พัฒนาโดยคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรของโรงเรียน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย 2) สร้างและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง ตามหลักวิชาการ นำเอาผลการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือ และวิธีวัดประเมินผลที่ได้ ไปสร้างและพัฒนา ให้ เหมาะสมและถูกต้องตาม หลักวิชาการ
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 25 3) กำหนดเกณฑ์การประเมินได้อย่างชัดเจนมีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินอย่าง ชัดเจน ด้วยการ สร้าง Rubic ของเกณฑ์ในการประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์มีการใช้ เทคโนโลยี มาช่วยในการเครื่องมือ 4) ใช้ผลการวัดและประเมินผลเพื่อออกแบบวางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพการ จัดการเรียนรู้นำ ผลการประเมินสื่อและเครื่องมือ เทคโนโลยี ที่ใช้ในกิจกรรมการสอน มาใช้ในการวางแผนและ ดำเนินการพัฒนา คุณภาพการจัดการเรียนรู้พัฒนาคุณภาพแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และ พัฒนาสื่อให้มีคุณภาพ มากยิ่งขึ้น 5) วิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศที่ได้จากการวัดและประเมินผล นำเสนอต่อผู้เรียนและ ผู้ปกครองเพื่อ รับทราบนำผลการวิเคราะห์ประเมินสื่อและเครื่องมือ เทคโนโลยี นำเสนอต่อผู้เรียนและผู้ปกครองและผู้มีส่วน เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบข้อมูลและรายละเอียดในการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียน 3.3 ผลที่เกิดกับผู้เรียน 1.ผู้เรียนมีผลการพัฒนาทักษะการสื่อสารที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมมากขึ้นโดยประเมินได้จาก การใช้การ สื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เจอในชีวิตประจำวัน 2.ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในห้องเรียนและสามารถเข้าสู่สังคมได้ 3.4 การขยายผล ทางโรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ได้ดำเนินการขยายผลดังนี้ 1.ขยายผลจากนักเรียนเรียนรวมไปสู่นักเรียนปกติ ทำให้ผลการสอบ O-net รายวิชาภาษาไทยปีการศึกษา 2565 เพิ่มสูงขึ้น 2.ขยายผลสู่เพื่อนครูในโรงเรียนโดยการนำเสนอผลงานในคาบ PLC ของคณะครูในโณงเรียน 3.ขยายผลสู่โรงเรียนระดับประถมศึกษาในโรงเรียนเครือข่าย 4.ขยายผลโดยการนำเสนอผลงานผ่านนิทรรศการต่าง ๆ 5.ขยายผลผ่านสื่อออนไลน์ Facebook โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ siteครูเอื้อม เป็นต้น
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 26 ภาคผนวก
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 27 รางวัลที่ได้รับ
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 28 ตัวอย่างบัตรภาพ
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 29 ภาพการจัดกิจกรรม
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 30 แบบวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 31 ผลงานนักเรียนวาดภาพการสื่อสาร
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 32 การขยายผลงานผ่านสื่อออนไลน์
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 33 การขยายผลงานผ่านโรงเรียนเครือข่าย
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 34 การขยายผลงานในโรงเรียน
นวัตกรรมตามโครงการ Innovation For Thai Education (IFTE) นวัตกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 35 การประชุมผู้ปกครองนักเรียนเรียนรวม