半山客白喜文化
ธรรมเนียมกตญั ญู
คำนำผเู้ ขียน
หนังสือเล่มน้ ีเป็ นการรวบรวมเกร็ดความรูต้ ่างๆเกี่ยวกับการจัดพิธี
บาเพ็ญกุศลศพแบบจีน - ป้ันซ้นั ขกั ที่เขียนข้ ึนจากการจดั พิธีบาเพ็ญกุศล
ศพใหก้ บั “อาป๊ า” ผลู้ ว่ งลบั (คุณพ่อสงวนศกั ด์ิ ธีรรตั นสถิต 丁朝辉) โดย
ไดร้ บั การถ่ายทอดเกรด็ ความรตู้ า่ งๆจากคุณ ธนวฒั น์ ตนั วบิ ูลยว์ งษ์ (陈文
宝) ผูช้ านาญการดา้ นพิธีกรรมจากสมาคมฮงสุนและสมาคมเซ้ ียงฉินแห่ง
ประเทศไทย
นอกจากน้ันเพ่ือใหง้ านเขียนฉบับน้ ีครบถว้ นและสมบูรณ์มากยิ่งข้ ึน
ผูเ้ ขียนไดอ้ า้ งอิงแหล่งความรูม้ าจากคมั ภีร์ว่าดว้ ยการจดั พิธีบาเพ็ญกุศลศพ
แบบขักหงินจากท่านอาจารย์ฝา โพธินันทวงศ์ (汪月华) ซึ่งท่านเป็ น
ผูช้ านาญการดา้ นพิธีกรรมของชาวป้ันซ้นั ขกั ท่ีหว้ ยกระบอกและมีภูมิลาเนา
บา้ นเกดิ บรรพชนในฟุ้งซุ่นเชน่ กนั
ผูเ้ ขียนหวงั ว่าเกร็ดความรูธ้ รรมเนียมในการประกอบพิธีท่ีบันทึกไว้
เหล่าน้ ีจะเป็ นประโยชน์สาหรับผูท้ ี่สนใจ และลูกหลานชาวป้ันซ้นั ขักทุกๆ
ตระกูลท่ียงั คงหวงแหนและต้งั ใจที่จะสืบทอดความเป็ นตวั ตนแห่งจีนป้ันซ้นั
ขักสยาม จะได้เข้าใจและรับทราบธรรมเนียมของบรรพชนที่มีความ
ละเอียดอ่อนลึกซ้ ึงและกินใจ ที่สืบทอดกนั มาอยา่ งยาวนานกวา่ ๒๐๐๐ ปี ไว้
ไม่ใหข้ าดหายไป
ขอใหบ้ ุญกุศลแห่งการถ่ายทอดความรูใ้ นคร้ังน้ ี ของขา้ พเจา้ จงน้อม
นาไปยงั “อากุ๊ง อาป๊ า อาแม”้ ผูล้ ่วงลับใหไ้ ดไ้ ปยงั ดินแดนสุขาวดีเพ่ือเขา้
เฝ้าองคพ์ ระบรมศาสดาซึ่งเป็ นพระบรมครแู ห่งเวไนยสตั วท์ ้งั มวล
นำยเมธี ธรี รตั นสถิต
丁能山
星陨南天
家严朝辉丁公
悼于佛历二五六十年
八月十九日
吉时
ดวงดาวตกแลว้ ที่ฟา้ ทางใต้
คุณพอ่ สงวนศกั ดิ์ ธรี รตั นสถติ
ชาตะ วนั ท่ี ๙ เดอื น ๔ ปชี วด (จนี )
มรณะ วนั ที่ ๑๙ เดอื น ๘ ปรี ะกา (จนี )
สิรอิ ายุ ๗๐ ปี (นบั จนี )
ตง้ั บำเพญ็ กศุ ลศพ ณ.วดั หัวลำโพงพระอารามหลวง ศาลา ๑๖ กรงุ เทพมหานคร
奠
家慈王汉粧太孺人
悼于佛历二五四八年
正月二十五日
末时
คุณความดยี งั คงอย่ตู ลอดไป
คุณแมฮ่ งั้ จวง แซเ่ฮง้
ชาตะ วนั ที่ ๑๕ เดอื น ๒ ปจี อ (จนี )
มรณะ วนั ท่ี ๒๔ เดอื น ๑ ปรี ะกา (จนี )
สิรอิ ายุ ๖๐ ปี (นบั จนี )
ตง้ั บำเพญ็ กศุ ลศพ ณ.วดั หัวลำโพงพระอารามหลวง ศาลา ๑๕ กรงุ เทพมหานคร
สำรบญั หนำ้ ที่
การแต่งตวั ใหก้ บั ผวู้ ายชนม์
การเตรียมบา้ น
พิธีบรรจศุ พ (落殓)
การเคลื่อนศพไปวดั เพื่อประกอบพิธี
การแจง้ สามโลกรู้ (开声) และทุบหมอ้ ยา (打药壶)
การทาชุดมงคล (赐服)
การไหวเ้ ทวดาฟ้าดิน (神福)
การไหวบ้ รรพชน (拜堂)
พธิ ีคานับศพ (恭祭)
พิธีคานับศพและไวอ้ าลยั ในวนั ออกเขา
ออกเขา (出山)
การเชิญเทพท้งั แปด (呼笼)
การหวา่ นพืชผล (点种)
อ็อนหลินการเชิญวญิ ญานกลบั บา้ น (安灵)
จอ้ ฉิด (做七)หรือจอ้ ซนู้ ไหวไ้ วท้ ุกข์
ฉุดเฮา้ (出孝)
บาเพญ็ กุศลครบรอบ ๑๐๐ วนั
การไหวภ้ ายในระยะเวลา ๓ ปี แรก
การรวมห้ ิงบรรพชน
บทสรุป
กำรแตง่ ตวั ใหก้ บั ผวู้ ำยชนม์
การแต่งตวั ใหก้ บั ผูว้ ายชนมเ์ พื่อเดินทางไปยงั อีกโลกหนึ่ง นับวา่
เป็ นขน้ั ตอนแรกของพิธีบาเพ็ญกุศลศพแบบจีน โดยมหี ลกั การแต่งตวั
ดังน้ ี ถา้ ผูต้ ายเป็ นชายจานวนชุดท่ีใส่ไปจะตอ้ งลงดว้ ยเลขคี่ ถา้ ผูต้ าย
เป็ นหญิงจานวนชุดท่ีใส่ไปจะตอ้ งลงทา้ ยดว้ ยเลขคู่ ไม่นับชุดช้ันใน
นับเส้ ือและกางเกงหรือกระโปรงรวมเป็ น ๑ ชุด โดยชุดท่ีใส่ใหผ้ ูว้ าย
ชนมจ์ ะตอ้ งประกอบไปดว้ ยชุดขาว ๑ ชุดอยู่ชน้ั ในสุด เพราะเชอ่ื กนั ว่า
ผวู้ ายชนมจ์ ะเดินทางไปไหวพ้ ระพทุ ธยงั ดินแดนพุทธเกษตร ส่วนชุดท่ี
เหลือจะเป็ นชุดอะไรก็ได้ โดยมากมกั จะเลือกชุดท่ีผูว้ ายชนมช์ อบใส่
บางบา้ นผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่ก็จะเตรียมไวใ้ หล้ ูกหลาน ในสมยั ก่อนจะใชช้ ุดจีน
เต็มยศ อาม่าเล่าให้ฟังว่าอาไท้ (แม่ของอาม่า) เตรียมชุดน้ ีไว้
ล่วงหน้าหลายปี โดยไปตัดชุดน้ ีเอาไวท้ ี่รา้ นสาหรบั ตัดชุดใหค้ นเสีย
โดยเฉพาะ
ในการแต่งตัวใหผ้ ูว้ ายชนมม์ ีขอ้ กาหนดที่สาคญั อีกอย่างคือ ถา้
หากชุดที่นามาใส่น้ันมีกระเป๋ าจะตอ้ งเย็บกระเป๋ าดว้ ยดา้ ยปลายเปิ ด
ใหเ้ รียบรอ้ ย คนจีนเชื่อกนั ว่าถา้ หากกระเป๋ าไม่ถูกเย็บ ผูว้ ายชนมจ์ น
พาทรพั ยส์ มบตั ิติดตัวไปดว้ ย ดงั น้ันเส้ ือผา้ ท่ีนามาใส่ให้ ลูกหลานจึง
ตอ้ งตรวจดูใหเ้ รียบรอ้ ยว่ากระเป๋ าทุกใบถูกเย็บเรียบรอ้ ยหรือไม่
นอกจากน้ันในการแต่งตัวสาหรบั ผูว้ ายชนมล์ ูกหลานจะไม่ใส่เข็มขดั
เพราะมีความเช่ือว่าจะเป็ นการคาดความทุกขแ์ ละความลาบากไปยงั
ภพภูมิใหม่ดว้ ย นอกจากน้ันการใส่รองเทา้ ใหก้ บั ผูว้ ายชนมจ์ ะไม่ใส่
รองเทา้ ที่ทาจากหนังสตั วเ์ พราะมีความเช่ือว่า การเสียชีวิตคือการไป
ไหวพ้ ระพุทธ ดงั น้ันการไปไหวพ้ ระจึงไมค่ วรใชส้ ่ิงของที่ทามาจากการ
ฆ่าสตั วต์ ดั ชีวติ แต่จะใส่รองเทา้ ท่ีทาจากผา้ แทน
ภำพที่ 1 – 2 การเย็บกระเป๋ าเส้ ือและกางเกงที่จะสวมใสใ่ หผ้ ูว้ าย
ชนมด์ ว้ ยดา้ ยสีขาวปลายเปิ ด
กำรเตรยี มบำ้ น
เมื่อมีคนในครอบครัวเสียชีวิตลงไป ลูกหลานท่ีอยู่ในบ้าน
จะตอ้ งมีการบงั ตาสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิท่ีมีการบูชาอยู่ในบา้ นท้ังหมด ยกเวน้
ห้ ิงบรรพชนประจาตระกูล ศาลพระภูมิ ศาลตายาย ท้งั น้ ีเพ่ือเป็ นการ
อานวยความสะดวกใหแ้ ก่ดวงวิญญาณของผูว้ ายชนมจ์ ะไดเ้ ขา้ -ออก
บา้ นดว้ ยความสะดวกสบาย
เริ่มต้ังแต่เทพเจา้ หน้าประตู (门神), ยันต์หรือฮู้ท่ีติดหน้า
ประตูบา้ น, พระพุทธรูป, และเจา้ ท่ีบา้ น (伯公爷) การบังตาสิ่ง
ศักด์ิสิทธ์ิทาไดด้ ว้ ยวิธีง่ายๆ คือการใชก้ ระดาษสีแดงปิ ดทับไว้ หรือ
หอ่ องคเ์ ทพเจา้ ไวก้ ็ไดเ้ ชน่ กนั
ในการปิ ดกระดาษแดงหรือหอ่ หุม้ กระดาษแดงท่ีองคเ์ ทพเจา้ ไม่
ตอ้ งจุดธูปไหวเ้ พื่อบอกกล่าวแต่สามารถทาไดเ้ ลย และควรทาภายใน
วนั แรกคืนแรกท่ีมีคนเสียชีวิตลงไป
ภำพท่ี 3 – 4 การปิ ดกระดาษแดงเทพเจา้ หนา้ ประต,ู พระพทุ ธรปู ,
และศาลเจา้ จนี ในบา้ น
พิธบี รรจุศพ (落殓 )
ไถ่วุค 大屋 แปลว่าบา้ นใหญ่เป็ นคาที่ใชเ้ รียกโลงศพหรือหีบศพ
(棺材) ในภาษาพูดของจีนถิ่นหลายๆสาเนียง ไถ่วุคหรือบา้ นใหญ่
หลังสุดทา้ ยน้ ีมีหลายสีแตกต่างกันไปตามถิ่นท่ีอยู่ของชาวจีน แต่
รูปลักษณ์มักใกล้เคียงกันมีลักษณะเฉพาะของโลงศพแบบจีนท่ี
เรียกวา่ โลงจาปา
ภำพท่ี 5 – 6 ไถ่วคุ 大屋 แปลวา่ บา้ นใหญ่เป็ นคาท่ีใชเ้ รียกโลงศพ
หรือหีบศพ (棺材) ของชาวจนี
เร่ิมตน้ พิธีลูกชายคนโตจะทาพิธีไหวบ้ า้ นใหญ่โดยมีเครื่องเซ่น
ไหวต้ ่างๆไดแ้ ก่ ซ้มั ซ้งั (อาหารคาว ๓ อย่าง), เตา้ หูแ้ ข็ง ๑ ถอ้ นปัก
ดว้ ยตะเกียบ, กระดาษเงินกระดาษทองและใบผ่านทาง
ภำพท่ี 7 – 8 ลกู ชายคนโตจะทาพธิ ีไหวบ้ า้ นใหญ่โดยมีเคร่ืองเซน่
ไหวต้ ่างๆ
เม่ือลูกชายทาพิธีเบิกโลกหรือไหวบ้ า้ นใหญ่เสร็จ ลูกสะใภค้ นโต
ก็จะถูกเรียกใหม้ าทาหน้าท่ีทาความสะอาดบา้ นใหญห่ ลงั น้ ี ในการทา
ความสะอาดน้ ีลูกสะใภค้ นโตจะใชเ้ ส้ ือของบุพการีมาเช็ดท่ีฝาโลง ๓
คร้ัง ในระหว่างการเช็ดทาความสะอาด ล่อไถ่ 老大 ก็จะสอดวอ้ ย
(อวยพร) เพือ่ ใหเ้ กดิ ความเป็ นสิริมงคลดว้ ย
ภำพท่ี 9 ลกู ชายคนโตไหวศ้ พอาป๊ าดว้ ยธูปที่ปลายเทา้
เมื่อทาความสะอาดบา้ นใหญ่เสร็จแลว้ ลูกหลานกจ็ ะถูกเรียกให้
ไปไหวอ้ าป๊ า การไหวน้ ้ ีจะไหวด้ ว้ ยธูป ๑ ดอก โดยลูกหลานจะมานัง่
รวมกนั บริเวณปลายเทา้ ของอาป๊ า การไหวจ้ ะเร่ิมไหวโ้ ดยลูกชายคน
โตและลูกชายคนถัดๆไปจนครบลูกชายทุกคน จากน้ันก็จะตามดว้ ย
ลูกสาวคนโตและคนถัดๆ ลูกสะใภ้ หลานใน และปิ ดทา้ ยดว้ ยหลาน
นอก เสร็จจากน้ันพระจีนจะเร่ิมสวดมนต์ ระหว่างสวดมนต์พระจีนก็
จะทาน้าทิพยส์ าหรับใชใ้ นพิธีกรรมช่วงต่อไปดว้ ย ส่วนลูกหลานนัง่
ประนมมือฟังสวดมนต์พรอ้ มๆกบั ร่างกายของอาป๊ าที่นอนสงบนิ่งอยู่
บนเตียง
ภำพที่ 10 พระจีนสวดมนตแ์ ละทาน้าทิพย์
เมื่อพระจีนสวดมนต์เสร็จลูกหลานก็จะไปทาพิธีป้อนขา้ วป้อน
น้าใหก้ ับบุพการีอันเป็ นการแสดงกตัญญูกตเวทีคร้ังสุดทา้ ย โดย
ระหว่างที่ป้อนขา้ วป้อนน้าล่อไถ่จะสอนใหพ้ ูดว่า “อาป๊ าหย่องไหงไถ่
ไหงหย่องอาป๊ าล่อ” หมายความว่า ”พ่อเล้ ียงดูฉันจนเติบใหญ่ ฉัน
เล้ ียงดูพ่อจนแก่ชรา” คาพูดส้นั ๆแต่กินนัยน้าคายิ่งใหญ่ ถึงพระคุณ
ของพ่อแม่ที่เล้ ียงลูกอย่างดี อย่างยาวนานตราบส้ ินอายุขยั ของพ่อแม่
ผูจ้ ากไป ธรรมเนียมการปฏิบตั ิในช่วงน้ ี คือการที่ลูกผลดั กนั ทาทีละ
คน แต่ตอ้ งเรียงตามอาวุโสในศักด์ิว่า เริ่มจากลูกในซ่ึงหมายถึงลูก
ชายและลูกสะใภ้ แลว้ จึงตามดว้ ยลูกนอกคือลูกสาวและลูกเขย ส่วน
หลานๆก็จะไดป้ ้อนน้ามนตท์ ิพยเ์ พื่อใหอ้ ากุ๊งอาม่ามีจิตใจสบายจะได้
ไปไหวพ้ ระพุทธ
ภำพท่ี 11 – 12 อาหารม้ อื สุดทา้ ยที่เรียบง่ายประกอบดว้ ยขา้ ว
สวย ๑ ชาม ทานคู่กบั เตา้ หหู้ นั่ เป็ นช้ นิ เล็กๆจ้ มิ น้าตาลทรายแดง เม่ือ
ป้อนขา้ วเสร็จกจ็ ะป้อนน้ามนตโ์ ดยใชก้ ่งิ ทบั ทิมจุ่มน้ามนตแ์ ลว้ นาไป
แตะท่ีริมฝีปาก
ภำพที่ 13 – 19 ลูกชาย ลกู สาว สะใภ้ และหลานป้อนขา้ วป้อน
น้าม้ อื สุดทา้ ยใหก้ บั อาป๊ า
เมื่อป้อนขา้ วป้อนน้าเสร็จ ลูกๆก็จะถูกเรียกใหม้ ายกร่างของ
อาป๊ าเขา้ สู่บา้ นใหญ่ ซ่ึงเป็ นการจับผ้าขาวที่รองร่างผู้วายชนม์ไว้
เท่าน้ันโดยลกู ชายคนโตจะอยูท่ างดา้ นหวั ของอาป๊ า จากน้ันเจา้ หน้าที่
ก็จะมาทาหน้าที่แทนลูกๆเพ่ือยกร่างของอาป๊ า ในขณะเดียวกันลูก
ชายคนโตก็จะเป็ นผูย้ กกระถางธูปและนาขบวนลูกหลานไปนัง่ ขุกเข่า
กม้ หน้ารอยงั บริเวณดา้ นปลายไถ่วุกถูก ในข้นั ตอนน้ ีมขี อ้ ท่ีตอ้ งปฏิบตั ิ
อย่างเคร่งครดั กค็ ือ หา้ มลูกหลานทุกคนเงยหน้าจนกว่าจะยกร่างของ
อาป๊ าเขา้ ไถ่วุกเสร็จ
ภำพท่ี 20 – 21 ลกู ชาย ลกู สาว จบั ผา้ ขาวที่รองศพของอาป๊ า
พอเป็ นพิธีเพื่อยกร่างของอาป๊ าเขา้ สู่บา้ นใหญบ่ า้ นหลงั ใหม่
ภำพท่ี 22 - 23 ลูกหลานนั่งขุกเข่ากม้ หน้าระหว่างที่ร่างของ
อาป๊ ากาลงั เขา้ ไปบา้ นใหญ่
ธรรมเนียมท่ีน่ำรูเ้ กี่ยวกบั กำรนอนในบำ้ นใหญ่
บุพการีท่ีเสียชีวิตจะตอ้ งนอนกลางโลงศพจริงๆ ธรรมเนียมน้ ีมี
ความเช่ือว่า ถา้ พ่อที่ตาย นอนไม่กลางโลง ลูกจะไดด้ ีมากน้อยไม่
เท่ากนั ถา้ พ่อท่ีตาย ถูกวางใหน้ อนเอียงไปทางซา้ ย ลูกคนที่ ๑, ๔,
และ ๙ จะไดโ้ ชคจากพ่อไป ถา้ พ่อที่ตาย ถูกวางข้ ึนมาหน้าโลงเกินไป
ลูกคนท่ี ๒, ๕, และ ๘ จะไดโ้ ชคจากพอ่ ไป ถา้ พอ่ ที่ตาย ถูกวางหนัก
เอียงไปทางขวา ลูกคนท่ี ๓, ๖, และ ๙ จะไดโ้ ชคจากพ่อไป
ภำพที่ 24 ลูกหลานตรวจดูการนอนในบา้ นใหญ่ของอาป๊ า
กำรบรรจุศพและตอกตะปูปิ ดฝำโลง (安钉 หรอื 钉棺)
เม่ือลูกหลานไดต้ รวจดูการนอนของอาป๊ าในบา้ นใหญ่เป็ นท่ี
เรียบรอ้ ยแลว้ ลูกหลานกจ็ ะไดด้ ูหนา้ อาป๊ าเป็ นคร้งั สุดทา้ ย เจา้ หน้าท่ี
ของรา้ นโลงศพจะเปิ ดโอกาสใหล้ ูกหลานไดใ้ ชเ้ วลาตรงน้ ีอย่างเต็มท่ี
เพราะหลังจากน้ ีเป็ นตน้ ไป ลูกหลานจะไม่มีโอกาสไดเ้ ห็นหน้าและ
ร่างกายของอาป๊ าอีกแลว้ เมื่อลูกหลานได้บอกลากับอาป๊ าเป็ นที่
เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าท่ีร้านโลงศพก็จะทาการใส่กระดาษเงิน
กระดาษทอง กระดาษฟางลงไปในโลงศพจนเต็ม แลว้ ปิ ดดว้ ยผา้ ผวย
สีแดงปักลายจีน
ภำพที่ 25 - 27 การบรรจรุ า่ งอาป๊ าลงในบา้ นใหญ่
ระหวา่ งท่ีเจา้ หน้าท่ีกาลงั จดั เรียงกระดาษเงนิ กระดาษทอง เพอ่ื บรรจุ
ลงในบา้ นใหญ่ ลูกหลานก็จะไดร้ ับผา้ ดิบเป็ นเสน้ ๆมามดั ไวท้ ี่ขอ้ มือ
เพ่ือเป็ นสญั ลกั ษณ์ใหค้ นทวั่ ไปไดร้ ูว้ ่า ลูกหลานบา้ นน้ ีกาลงั อยู่ในช่วง
ไวท้ ุกข์ โดยมีขอ้ สังเกตว่าถา้ ผูต้ ายเป็ นพ่อลูกหลานจะมดั ผา้ ดิบไวท้ ่ี
ขอ้ มือซา้ ย ถา้ ผูต้ ายเป็ นแม่ลูกหลานจะมดั ผา้ ดิบไวท้ ี่ขอ้ มือขวา การ
มดั ผา้ ดิบไวท้ ่ีขอ้ มอื มีคาเรียกเป็ นภาษาจีนวา่ ต้ยั ซ่ิวมุย (带手尾)
ภำพที่ 28 - 29 ลูกหลานมัดผา้ ดิบที่ขอ้ มือเพ่ือเป็ นสัญลักษณ์
ในการไวท้ ุกข์ (带手尾)
สาหรบั ข้นั ตอนสุดทา้ ยของการบรรจุศพ คือการปิ ดฝาโลง จาก
การสอบถามท่านผูร้ ูท้ ่านใหข้ อ้ มูลว่าการตอกตะปูโลงศพมีคาเรียกท่ี
แตกต่างกนั อยู่ ๒ คาคือ 安钉 และ 钉棺 โดยมากแลว้ 安钉 จะเป็ น
การตอกตะปูจากท่านผูใ้ หญ่ที่ผูต้ ายเคารพนับถือ ลูกหลานจะเชิญมา
ตอกตะปูเพื่อเป็ นเกียรติแด่ผูต้ ายนัน่ เอง การอ็อนแต๊นสาหรับผูช้ าย
และผูห้ ญิงน้ันจะมีการตอกตะปูต่างกัน ผูต้ ายเป็ นชายจะเร่ิมตอก
ทางซ้ายก่อน แต่ถ้าผู้ตายเป็ นหญิงจะเร่ิมตอกจากทางขวาก่อน
สามารถดูไดจ้ ากภาพประกอบรปู ที่ ๓๐
头๓ 男 ๑ ๕ 脚
๔ ๒ 左先钉 ๖
หวั ผชู้ าย เทา้
๔ 女 ๒ 友先钉 ๖ 脚
头 ๑ ๕
๓
หวั ผูห้ ญิง เทา้
ภำพที่ 30 แผนผงั การตอกตะปูโลงศพ (安钉 และ 钉棺)
การ 安钉 ผูใ้ หญ่ที่มาเป็ นเกียรติน้ ีจะตอกตะปูท้ังหมด ๖ ตัว
ทุกตัวท่ีถูกตอกจะมีการกล่าวคาอวยพรไปดว้ ยเป็ นระยะๆ ส่วนการ
钉棺 คื อการปิ ด โ ล งศ พ อย่างถาว รซึ่ งจะทาโด ยเจ้าห น้าที่
ผูช้ านาญการนั่นเอง ในการบรรจุศพของอาป๊ าคร้ังน้ ีเจา้ หน้าที่ได้
สอบถามลูกหลานว่า มีการเชิญผูใ้ หญ่มาทาพิธีตอกตะปูไวห้ รือไม่
สาหรับที่บา้ นเราไม่ไดม้ ีการเชิญผู้ใหญ่มาทาในพิธีน้ ี เพราะไม่มี
ผู้ใหญ่ท่ีรูจ้ ักท่ีรู้ธรรมเนียมแบบน้ ีและท่ีสาคัญอาป๊ าเสียชีวิตแบบ
ปัจจุบันทันด่วนการทาพิธีกรรมต่างๆ จึงค่อนขา้ งกะทันหนั ดังน้ัน
ลูกหลานจึงขอใหเ้ จา้ หน้าท่ีจากรา้ นโลงศพทาหน้าที่ตอกตะปูโลงศพ
ให้ ก่อนทาการตอกตะปูลูกชายคนโตก็จะทาพิธีมอบขวานและตะปู
ใหก้ บั เจา้ หน้าที่ เมื่อมอบเสร็จเจา้ หน้าที่ก็จะทาการตอกตะปูเพ่ือปิ ด
ผนึ กการบรรจุศพแบบสมบูรณ์ สาหรับการตอกตะปูแต่ละตัว
เจา้ หน้าที่กจ็ ะอวยพรใหล้ ูกหลานระหวา่ งการตอกตะปดู ว้ ย
ภำพท่ี 31 - 32 ลูกชายคนโตมอบขวาน ตะปูและกระดาษเงิน
กระดาษทองเพ่ือใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีทาการตอกตะปูฝาโลงศพ (钉棺)
เมอื่ ตอกตะปูเป็ นท่ีเรียบรอ้ ยแลว้ ลกู ชายคนโตจะถือกระถางธูป
นาขบวนลกู หลาน เจา้ หนา้ ที่แบกโลงศพออกจากบา้ น ลูกสะใภค้ นโต
จะเขา้ ไปกวาดบา้ น โดยมเี คล็ดวา่ ใหก้ วาดเขา้ ดา้ นในบา้ นเท่าน้ัน
ภำพที่ 33 - 34 เจา้ หน้าแบกโลงศพออกจากบา้ น
ภำพที่ 35 คากลอนอวยพรระหวา่ งท่ีมกี ารตอกตะปู
กำรเคลอ่ื นศพไปยงั วดั เพ่ือประกอบพธิ ี
ภำพที่ 36 เจา้ หน้าท่ีตรวจความเรียบรอ้ ยของนาโลงศพบนรถ
ขนสง่ ก่อออกเดินทางไปยงั วดั เพือ่ ประกอบพิธี
เมื่อเจ้าหน้าที่วางโลงศพบนรถท่ีจะเดินทางไปวัดเป็ นที่
เรียบรอ้ ยแลว้ ก่อนรถจะออกเดินทางลูกหลานจะตอ้ งตะโกนบอกให้
อาป๊ าว่า “รถกาลงั จะออกแลว้ รถคนั น้ ีจะพาอาป๊ าไปที่วดั หวั ลาโพง
เพ่ือไปไหวพ้ ระ” หลังจากน้ันเจา้ หน้าท่ีจะทาการโปรยกระดาษเงิน
กระดาษทองแผ่นเล็ก ใบผ่านทาง และเหรียญบาทเพื่อเป็ นการขอซ้ ือ
ทางแกเ่ จา้ ที่เจา้ ทางท้งั หลาย เม่อื โปรยเสร็จรถออกเดินทาง ลูกหลาน
ก็จะตะโกนบอกอาป๊ าว่า “ออกเดินทางแลว้ ” ระยะทางจากน้ ี เป็ นตน้
ไปจาถึงวดั เม่ือเล้ ียวซา้ ย เล้ ียวขวา หรือไปรถไปทางไหน ลูกหลาน
จะตอ้ งมีการบอกอาป๊ าเป็ นระยะๆ และจะพิเศษมากเมื่อรถมีการขา้ ม
สะพาน ลูกหลานจะตอ้ งตะโกนดังๆใหอ้ าป๊ าขา้ มสะพาน ในขณะท่ี
เจา้ หน้าท่ีจะทาการโปรยกระดาษเงินกระดาษทองแผ่นเล็ก ใบผ่าน
ทาง และเหรียญบาทเป็ นการขอซ้ ือทางแก่เจา้ ที่สะพาน และเมอ่ื ถึงวดั
แลว้ ลูกหลานก็จะตะโกนบอกอาป๊ าว่า “ถึงวดั เรียบรอ้ ยแลว้ ” จากน้ัน
ลูกชายคนโตจะเดินถือกระถางธูปและลูกหลานคนอ่ืนๆจะมาต้ัง
ขบวนรอเพอ่ื พาอาป๊ าไปยงั ศาลาของวดั ท่ีจดั เตรียมไวส้ าหรบั ประกอบ
พิธีขน้ั ตอนถดั ไป
กำรแจง้ สำมโลกรู้ (开声) และทบุ หมอ้ ยำ (打药壶)
ในสมยั โบราณที่ประเทศจีน คนจีนจะอาศัยอยู่กนั เป็ นหมู่บา้ น
ของแต่ละตระกลู แซ่ โดยแต่ละตระกลู กจ็ ะมีผอู้ าวโุ สที่คนในตระกลู นับ
ถือเป็ นหวั หน้า ดังน้ันเม่ือบา้ นไหนมีบุพการีเสียชีวิตลงไป ลูกหลาน
จะตอ้ งแจง้ ใหท้ ่านผูอ้ าวุโสประจาหมู่บา้ นรบั ทราบ
หลงั จากน้ันท่านผูอ้ าวุโสก็จะทาพิธีแจง้ ต่อท้งั ๓ โลกใหร้ บั ทราบ
เรื่องการเสียชีวิต การทาพิธีในข้นั ตอนน้ ีจะมีการอ่านขอ้ มูลเก่ียวกบั
รายละเอียดของตวั ผูต้ ายและรายชื่อของลูกหลานที่เขา้ ร่วมพิธีเพ่ือให้
ท้ัง ๓ โลกไดร้ ับทราบ สาหรับการทาพิธีน้ ีลูกหลานของอาป๊ าไดผ้ ู้
อาวุโสจากตระกูลฉ่ินที่เมตตาต่อครอบครวั ของเรามาประกอบพธิ ีให้
ภำพท่ี 37 ผอู้ าวุโสจากตระกูลฉ่ินทาพธิ ีแจง้ ต่อ 3 โลก
เมื่อผูอ้ าวุโสแจง้ ต่อ ๓ โลกใหร้ ับทราบถึงการจากไปเรียบรอ้ ย
แลว้ ท่านก็จะทาพิธีทุบหมอ้ ยาหรือตา้ ยอ๊ กวอ้ ย (打药壶) ใหแ้ ตกไป
การทุบหมอ้ ยาน้ ีจะทาสาหรบั ผูท้ ่ีเสียชีวิตที่จากไปดว้ ยโรคภยั ไข้ เจ็บ
ต่างๆ ซึ่งในขณะที่มีชีวิตตอ้ งใชย้ ารกั ษา การประกอบพิธีน้ ีก็เพ่ือเป็ น
นัยวา่ ใหผ้ ูว้ ายชนมน์ ้ันจากไปในสภาพที่พน้ จากความทุกขท์ ้งั ปวง จาก
โลกน้ ีไปดว้ ยความสบาย ไมเ่ จ็บ ไม่ไข้ อีกต่อไป
ท่านผูร้ ูเ้ ล่าใหฟ้ ังว่าในสมัยก่อนคนจีนท่ีป่ วยจะกินยาที่ตม้ ใน
หมอ้ บางคร้ังก็เสียชีวิตไปขณะท่ียากาลังตม้ อยู่ในเตา เมื่อท่านผู้
อาวุโสแจง้ ต่อ ๓ โลกใหร้ บั ทราบแลว้ กจ็ ะตอ้ งนาหมอ้ ยาใบน้ันใหแ้ ตก
ไป
ภำพที่ 38 - 39 พธิ ีทุบหมอ้ ยา
เมื่อหมอ้ ยาถูกทุบใหแ้ ตกไปแลว้ ลูกหลานจะตอ้ งเรียกบุพการีท่ี
จากไปดว้ ยน้าเสียงดงั ๆ ถา้ รอ้ งไหไ้ ดก้ ็ตอ้ งทา เสียงรอ้ งไหท้ ่ีดังไปถึง
๓ โลกทาใหร้ ูว้ ่าผูท้ ่ีจากไปมีคนรกั มีคนเคารพ เถิดทูล บูชา การจาก
ไปคร้งั น้ ีลูกหลานถึงไดโ้ ศกา อาดูร มากมายขนาดน้ ี จากน้ันลูกหลาน
ก็จะว่ิงไปกราบที่หนา้ ประราพิธีที่ต้งั ศพ ๔ คร้งั เป็ นการจบพิธีคอยซ้งั
และทุบหมอ้ ยา
ภำพที่ 40 - 41 ลูกหลานมากราบอาป๊ าท่ีหน้าประราพิธี
หลงั จากท่ีผอู้ าวุโสทุบหมอ้ ยาแตกแลว้
กำรทำชุดมงคล (赐服)
ในการประกอบพธิ ีบาเพญ็ กุศลศพแบบจนี ลูกหลานทุกคนจะใส่
เส้ ือผา้ โทนสีขาว เพ่ือเป็ นการไวท้ ุกข์ใหก้ ับบุพการีผูจ้ ากไป เส้ ือผา้
เหล่าน้ ีจะตดั เย็บแบบเรียบง่าย ไม่ใหค้ วามสาคญั กบั ความสวยความ
งาม ชายเส้ ือจะไม่เย็บเก็บใหเ้ รียบรอ้ ยแบบเส้ ือที่ใส่กนั ทวั่ ๆไป และท่ี
สาคัญชุดไวท้ ุกข์น้ ีจะไม่มีการซักหรือรีดจนกว่าจะจบพิธี ฉันเกิด
คาถามท่ีสงสัยในใจหลายอย่างในฐานะคนรุ่นใหม่ท่ียังไม่ค่อยใจ
ธรรมเนียมหลายๆอยา่ งแบบจนี โบราณ
ขอ้ แรกฉันต้ังคาถามว่า ทาไมชายเส้ ือจึงไม่เย็บใหเ้ รียบรอ้ ย
เหมือนเส้ ือท่ีใส่กนั ทวั่ ๆไป และคาตอบท่ีฉนั คิดว่าน่าจะมีส่วนถูกตอ้ ง
ไม่มากก็น้อย นัน่ ก็คือในสมยั ที่ฉนั ยงั เป็ นเด็กๆ ฉนั ไดร้ ่วมพิธีบาเพ็ญ
กุศลศพแบบจีนใหอ้ าไท้ (แม่ของป่ ู) เป็ นคร้งั แรก ซ่ึงจดั ข้ ึนท่ีอาเภอ
พาน จ.เชียงราย เมื่อไปถึงยงั ท่ีศาลาท่ีต้ังบาเพ็ญกุศลศพของอาไท้
ฉันก็เห็นลูกสาวทุกๆคนของอาไท้และลูกสะใภ้ของอาไท้ กาลัง
สาละวนกบั เย็บชุดไวท้ ุกข์น้ ีกนั ยกใหญ่ มีท้ังเส้ ือ ท้ังกางเกง และผา้
โพกหวั ทุกคนต้ังหน้าต้ังตาเย็บกนั ใหญ่ ฉันจึงคิดว่าคนสมยั โบราณ
น้ัน เงินทองเป็ นของหายาก ทาอะไรเองได้ ก็ตอ้ งทา อีกอย่างบาง
พ้ ืนท่ีอาจจะไม่สะดวกในการจับจ่ายซ้ ือของแบบน้ ี และที่สาคญั การ
ตายเป็ นเร่ืองกะทนั หนั ไม่มีใครรูล้ ่วงหน้า ดงั น้ันชุดไวท้ ุกขพ์ วกน้ ีเม่ือ
จะใชก้ ็ตอ้ งลงมือตัดเย็บกันเอง เย็บแบบง่ายๆ เพ่ือใหม้ ีใช้ ดังน้ัน
ความเรียบรอ้ ยสวยงามจึงไม่ไดน้ ามาพิจารณา เส้ ือไวท้ ุกขท์ ่ีใส่กนั ใน
ปัจจุบนั จงึ เป็ นอยา่ งท่ีเห็นในปัจจุบนั นัน่ เอง
ภำพท่ี 42 - 43 ชุดไวท้ ุกขส์ าหรบั ลูกชาย ลกู สาว และลกู สะใภ้
ชายเส้ ือจะไม่เยบ็ ใหเ้ รียบรอ้ ยแบบเส้ ือทวั่ ๆไป
การใส่ชุดไวท้ ุกข์ จะประกอบดว้ ยส่ิงสาคญั ๓ อย่าง ไดแ้ ก่ เส้ ือ
กางเกง และผู้โพกหัว การใส่ชุดไว้ทุกข์น้ ี จะสามารถบ่งบอก
ความสัมพันธ์ของผูใ้ ส่กับผูเ้ สียชีวิตได้ เพราะลูกหลานแต่ละช้ันจะ
แต่งตวั ไมเ่ หมือนกนั
ภำพท่ี 44 - 45 สีของผา้ โพกหวั และลกั ษณะต่างๆของผา้ โพกหวั
ลูกชาย ลูกสะใภ้ ลูกสาว และหลานชายคนโต จะใส่ชุดไวท้ ุกขท์ ี่
ตัดเย็บจากผา้ ดิบเท่าน้ัน ส่วนหลานๆและคนอ่ืนๆจะใส่ชุดไวท้ ุกขท์ ี่
ตดั เย็บจากผา้ ฝ้ายสีขาว แต่จะแตกต่างกนั สงั เกตไดจ้ ากสีของผา้ โพก
หวั หลานใน (ลูกๆของลูกชาย) จะโพกหวั ดว้ ยผา้ ดิบ หลานนอก (ลูก
ของลูกสาว) จะโพกหวั ดว้ ยผา้ สีขาว หลานชายและหลานสาวลูกอา
จะโพกผา้ สีน้าเงิน ส่วนหลานชายหลานสาวลูกน้า จะโพกผา้ สีน้าเงิน
มีแถบ ๓ เหลี่ยม สีแดงแตม้ ไว้ ลูกเขย จะมีผา้ โพกหัวสีขาว และมี
ผ้าแถบสีขาวคาดเอว ส่วนหลานเขยผ้าโพกหัวจะใช้สีน้ าเงิน
เช่นเดียวกับหลานนอก การใส่ชุดไวท้ ุกข์คร้ังแรกน้ ีที่บา้ นจะถูกสัง่
สอนใหใ้ สก่ ลางแจง้ เพ่อื ใหฟ้ ้า ดิน รบั รู้
ภำพท่ี 46 - 47 การใส่ชุดไวท้ ุกขค์ ร้งั แรกตอ้ งใส่กลางแจง้
สาหรับชุดมงคลท่ีใชป้ ระกอบในพิธีบาเพ็ญกุศลศพแบบชาว
ป้ันซ้ันขักก็คือบ่วงมงคล ที่ทามาจากเชือกปอ เพื่อเอาไวค้ รอบบน
หมวกใหก้ บั ลกู ชายทุกๆคนและหลานชายคนโต(长孙)
บ่วงมงคลน้ ีถา้ ทาเพื่อหลานชายคนโตจะพนั ดว้ ยผา้ สีแดงทับไว้
ดา้ นนอกอีกที นอกจากบ่วงมงคลแลว้ ชุดมงคลที่ว่าน้ ียงั ประกอบดว้ ย
ไมเ้ ทา้ ลูกกตัญญู (เฮา้ ฉ่อง 孝杖) ที่ตอ้ งทามาจากไมไ้ ผ่ลาเดียวกนั
ในกรณีที่ผูต้ ายเป็ นพ่อ แต่ถา้ หากผูต้ ายเป็ นแม่จะใชไ้ มท้ ่ีทาจากตน้
กระถิน เอามาตดั ใหไ้ ดข้ นาดโดยประมาณท่อนละ ๓๘ น้ ิว (๖๐ ซม.)
สาหรบั ลูกชายทุกๆคน ส่วนจอ้ งซุนหรือหลานชายคนโตจะไดเ้ ฮา้ ช่อง
ยาวที่สุด เล่ากนั วา่ สมยั ก่อนการฝังศพมกั จะฝังบนภูเขาสงู เพราะเป็ น
ตาแหน่งท่ีฟุ้งซุย้ ดี การเดินทางข้ ึนไปของลูกกตญั ญูเพื่อฝังศพบุพการี
ไม่ใช่เป็ นเร่ืองง่ายๆ ผูช้ ายจึงมีเฮา้ ช่องสาหรบั ใชค้ ้ายนั เพื่อเดินข้ ึนไป
บนเขาสถานท่ีฝังศพนั่นเอง และเม่ือฝังศพเสร็จขากลับลงมาก็
สามารถใชจ้ ดุ เป็ นคบเพลิงนาทางลงมาไดเ้ ช่นกนั
ภำพท่ี 48 - 49 บ่วงมงคลที่ทาจากเชือกปอและเฮา้ ฉ่องที่ตดั มา
จากไมไ้ ผ่ลาเดียวกนั ในกรณีทีผูต้ ายเป็ นชาย
ภำพที่ 50 -51 ลูกชายคนโตเป็ นตวั แทนลกู หลานรบั มอบชุด
มงคลเพอ่ื ใชใ้ สใ่ นพิธีบาเพญ็ กุศลศพ
ภำพที่ 52 การทาเฮา้ ช่อง ผตู้ ายเป็ นชายใชไ้ มไ้ ผ่ผตู้ ายเป็ นหญิง
ใชไ้ มก้ ระถิน
พิธีไหวเ้ ทวดำฟ้ำดิน (神福)
หลงั จากท่ีล่อไถ่ไดป้ ระกอบพิธีทาชุดมงคลเป็ นที่เรียบรอ้ ยแลว้
ซ่ึงหมายถึงว่าการทาบ่วงมงคลท่ีจะใช้คล้องที่หมวกได้ทาเสร็จ
เรียบรอ้ ยแลว้ ล่อไถ่จะประกอบพิธีไหวเ้ ทวดาฟ้าดิน ซ่ึงในพิธีจะมีผู้
อาวุโสมาเป็ นประธานในการไหว้ ๓ ท่าน ในการไหวเ้ ทวดาฟ้าดินน้ ี
จะมีการอ่านสาสน์เพื่อเป็ นการบอกกล่าวว่ามีผูเ้ สียชีวิตเกิดข้ ึน และ
ลูกหลานต้องการประกอบพิธีบาเพ็ญกุศลศพให้ด้วยการใส่ผ้า
กระสอบไวท้ ุกข์
เม่ือประกอบพิธีเซน่ ไหวเ้ สร็จ ล่อไถ่กร็ บั มอบชุดกระสอบจากลกู
ชายคนโต จากน้ันก็จะทาพิธีเซน่ ไหวช้ ุดกระสอบ เม่ือเสร็จแลว้ จึงเริ่ม
ใส่ชุดกระสอบและโผกผา้ มดั หวั ใหก้ บั ลูกหลาน การทาพิธีในข้นั ตอน
น้ ีมีเคล็ดวา่ ตอ้ งทากลางแจง้ เพื่อใหเ้ ทวดาฟ้าดินรบั รู้ ถา้ หากท่ีทาพิธี
มีหลงั คากต็ อ้ งทาในสว่ นที่มีสีใสใหแ้ สงส่องผ่านลงมาได้
ภำพที่ 53 ผูอ้ าวุโส ๓ ท่านเป็ นผูแ้ ทนในการไหวเ้ ทวดาฟ้าดิน
และกล่าวศาสน์รายงานการเสียชีวิตรวมท้งั ขออนุญาตแทนลูกหลาน
ในการประกอบพธิ ีต่อเทวดาฟ้าดิน
ภำพที่ 54 ประธานในพิธีทาพธิ ีเซ่นไหวช้ ุดผา้ กระสอบ
ภำพท่ี 55 ประธานในพิธีมอบชุดกระสอบใหก้ บั ลูกหลาน
ภำพที่ 56 ลูกชาย ลูกสาว ลูกสะใภ้ และหลานชายคนโตนุ่งชุด
ผา้ กระสอบ
พิธไี หวบ้ รรพชน (拜堂)
หลงั จากท่ีผูอ้ าวุโสไดท้ าพิธีไหวเ้ ทวดาฟ้าดินเป็ นท่ีเรียบรอ้ ยแลว้
ลาดบั ถดั ไปคือการเซ่นไหวบ้ รรพชน หรือไป้ถอง (拜堂) พิธีน้ ีทาข้ ึน
เพื่อเป็ นบอกกล่าวใหบ้ รรพชนภายในตระกูลท่ีล่วงลับไปแลว้ ไดร้ ับ
ทราบวา่ ขณะน้ ีมีคนในตระกูลไดเ้ สียลงไป และลูกหลานประกอบดว้ ย
ใครบ้างกาลังประกอบพิธีบาเพ็ญกุศลศพใหผ้ ู้ล่วงลับคนน้ัน ณ.
สถานท่ีแหง่ ใด
สาหรับการไป้ถองน้ ีคนจีนทุกๆเซ้ ียงจะมีศาลบรรพชนประจา
ตระกูล และแต่ละศาลก็จะมีช่ือเรียกศาลประจาตระกูลน้ ีแตกต่างกนั
ออกไป เช่นของอาป๊ าเป็ นคนเซ้ ียงแต๊น ช่ือศาลบรรพชนก็ใชว้ ่า จ้ ีห
ยองถอง 济阳堂 ของไหวก้ ็ประกอบด้วย ของคาว ๓ อย่าง (ซ้ัม
เซน), ขนมถอป้ัน ๑ ถาด, สม้ ๑ จาน, ขนมจันอับ ๑ จาน และ
กระดาษเงินกระดาษทองซ้ ึงตอ้ งมีหวองแซน้ เฉียนหรือใบผ่านทาง
ดว้ ย
ภำพที่ 57 โต๊ะไหวบ้ รรพชน ประกอบไปดว้ ยป้ายชื่อของศาล
บรรพชนประจาตระกลู และเครื่องเซน่ ไหวต้ ่างๆ
ภำพท่ี 58 ลูก หลาน ประกอบพิธีไหวบ้ รรพชน
พธิ ีคำนบั ศพ (恭祭)
ในการประกอบพิธีศพแบบจนี ในประเทศไทยที่มีการนับถือพุทธ
ศาสนา หลงั จากที่พระสงฆส์ วดพระอภิธรรมเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ก็จะ
มีพิธีการเคารพศพของแขกที่มาร่วมงาน ดังน้ันถา้ ไปร่วมงานศพที่มี
การจดั พธิ ีแบบจนี แลว้ เมื่อพระสงฆส์ วดเสร็จอย่าพ่งึ รา่ ลาเจา้ ภาพ ให้
รอทาพิธีเคารพศพใหเ้ สร็จเรียบรอ้ ยก่อน
การเคารพศพน้ ีเป็ นธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามนัยว่าเป็ นการ
แสดงความเคารพต่อผูท้ ี่ล่วงลบั ไปแลว้ มีแบบแผน มีข้นั ตอนปฏิบตั ิท่ี
ชัดเจน ในพิธีจะตอ้ งมีประธานในพิธีและรองอีกกี่คนก็ไดไ้ ม่จากัด
ก่อนจะเริ่มพิธีลูกหลานตอ้ งใหร้ ายช่ือของประธานในพิธีและรอง
ประธานท้งั หมดกบั พิธีกรใหเ้ รียบรอ้ ย ถา้ เป็ นชื่อภาษาไทยก็ตอ้ งอา่ น
ชอ่ื -นามสกุลใหพ้ ิธีฟังชดั ๆ เพราะพธิ ีกรในพิธีแบบน้ ีจะเป็ นผชู้ ายชาว
จีนสูงอายุ ดังน้ันการอ่านชื่อดว้ ยภาษาไทยจึงเป็ นสิ่งที่ยากลาบาก
พอสมควร
ก่อนเร่ิมพิธีลูกหลานจะถูกตามตัวใหม้ านั่งคุกเข่าแบ่งเป็ น ๒
แถวซา้ ยขวาแยกชายหญิง การนัง่ ของลูกหลานก็จะมีการเรียงลาดับ
จากลูกคนโต ลูกคนรอง ลูกคนเล็ก ลกู เขย หลานใน หลานนอก สว่ น
ฝ่ ายหญิงน้ันเป็ นท่ีน่าสงั เกตว่าจะเร่ิมหวั แถวจากลูกสะใภค้ นโตเป็ น
ลาดับแรก แลว้ จึงตามมาดว้ ยลูกสาวคนท่ี ๑, ๒ ,๓ จนคนสุดทา้ ย
ส่วนตรงกลางจะเวน้ ที่ไวส้ าหรบั แขกที่จะเขา้ มาคานับศพ
ในการคานับศพน้ันพิธีกรจะเชิญประธานในพิธีก่อน และตาม
ดว้ ยรองประธานท้ังหมด ประธานจะอยู่ในตาแหน่งตรงกลาง เม่ือ
เชิญประธานและรองประธานจนครบแลว้ ก็จะเชิญทุกๆคนท่ีมาร่วม
ฟังสวดพระอภิธรรมในคืนน้ันเพื่อเขา้ มาร่วมทาพิธีคานับศพ เสร็จ
จากพิธีคานับศพแลว้ ลูกหลานจะตอ้ งคานับขอบคุณแขกผูม้ ีเกียรติ
ที่มาร่วมงาน ๑ คร้งั เป็ นอนั เสร็จพิธีคานับศพ
ภำพที่ 59 - 61 พธิ ีคานับศพในงานบาเพญ็ กุศลศพของอาป๊ า
พธิ คี ำนบั ศพและไวอ้ ำลยั ในวนั ออกเขำ
ในพิธีบาเพ็ญกุศลศพแบบขกั หงินตามธรรมเนียมโบราณ ในวนั
ฉุดซ้ัน 出山 (ออกเขา) หรือ วนั ที่จะนาศพไปฝัง (อ็อนจอ้ ง 安葬
หมายถึงการฝังศพ) น้ันจะมีพิธีคานับศพเพ่ือไวอ้ าลยั การคานับศพน้ ี
จะมีลาดบั การคานับศพดงั ต่อไปน้ ี
๑. 家奠 ก๊าเต้ ียน การคานับศพของลูกหลานสายตรง
๒. 戚奠 ชดิ เต้ ียน การคานับศพจากญาติในครอบครวั เดียวกนั
๓. 外氏奠 หว่ายสีเต้ ียน การคานับศพจากญาติสายตรงฝ่ าย
หญิง (กรณีผูต้ ายเป็ นหญิง)
๔. 團體奠 ถอนที่เต้ ียน การคานับศพจากกลุ่ม ชมรม สมาคม
ต่างๆ
๕. 族奠 ชุกเต้ ียน การคานับศพจากคนในตระกูลฝ่ ายชายท่ีอยู่
ในเซ้ ียงเดียวกนั ถา้ ผูต้ ายเป็ นหญิงก็หมายถึงการคานับศพ
จากญาติเซ้ ียงเดียวกบั ฝ่ ายสามี
๖. 總奠 จุง้ เต้ ียน การคานับศพรวมจากแขกผูม้ ีเกียรติที่มาร่วม
ในพิธีส่งศพท้งั หมด
ระหว่างท่ีมีการคานับศพของแต่ละกลุ่มกม็ กั จะมีการกล่าวคาเซน่ ไหว้
และคาไวอ้ าลัย ท่ีเรียกว่า ทุกจ้ ีหวุน (讀祭文) ซ่ึงเน้ ือหาโดยส่วน
ใหญก่ ็พรรณนาถึงคุณความดีของผูจ้ ากไป
พิธีคานับศพและไวอ้ าลยั ในวนั ออกเขา พธิ ีจะเร่ิมตน้ ในช่วงเชา้ ของวนั
ออกเขาโดยลูกหลานจะเขา้ แถวเป็ น ๒ ฝั่งแยกชาย-หญิง หลังม่าน
ประราพธิ ี ซ่ึงทางออกของประตูจะมกี ารปิ ดม่านผา้ สีขาวลงมาไวด้ ว้ ย
ภำพท่ี 62 - 63 ลูกหลานยืนรอดา้ นหลงั ม่านประราพธิ ี
เม่ือเริ่มพิธีพิธีกรจะกล่าวเชิญล่อไถ่ท่ีเป็ นประธานใหเ้ ขา้ มายงั
บริเวณหน้าม่าน ล่อไถ่จะมาเชิญลูกฝ่ ายชายและหลานชายคนโต
ออกมาก่อน จากน้ันจะเชิญลูกสะใภแ้ ละลูกสาวออกมา แลว้ จึงตาม
ดว้ ยการเชิญหลานฝ่ ายชาย และหลานฝ่ ายหญิงออก ระหว่างการ
เชิญน้ ีลูกหลานออกมาด้านหน้าประราพิธีน้ ี ล่อไถ่จะกล่าวบท
สรรเสริญพระคุณผูล้ ่วงลับไปดว้ ย ส่วนลูกหลานก็จะเดินตามล่อไถ่
ออกมาจนถึงจุดที่กาหนด
ท่านผูร้ ูเ้ ล่าใหฟ้ ังว่าในสมัยโบราณการออกมาปรากฏตัวของ
ลูกหลานเพื่อมาด้านหน้าประราพิธีในการไวอ้ าลัยคร้ังสุดท้ายน้ ี
ลูกหลานจะตอ้ งกม้ หน้าและคลานออกมาเพื่อเป็ นการแสดงความ
เคารพต่อบุพการีผูจ้ ากไปอย่างสูงสุด แต่ในสมัยน้ ีอนุโลมใหเ้ ดิน
ตามหลงั ล่อไถ่ออกมาดว้ ยอาการสงบได้
ภำพท่ี 64 - 65 ล่อไถ่นาแถวลูกชายและหลานชายคนโตออก
มารว่ มพธิ ีก่อน ถดั จากน้ันจงึ การนาแถวของลูกสะใภแ้ ละลกู สาว
ในการประกอบพิธีก็จะมีการเซน่ ไวด้ ว้ ยการจุดเทียนและธูปเพ่ือ
เป็ นการเปิ ดพิธีด้วยลูกชายคนโต จากน้ันก็จะเซ่นไหวด้ ว้ ยเครื่อง
ต่างๆ เมื่อเซ่นไหวเ้ สร็จก็จะมีการอ่านคาไวอ้ าลัยเพื่อสดุดีคุณงาม
ความดีของบุพการีผูล้ ่วงลบั จากน้ันเจา้ พนักงานก็จะนาของเซ่นไหว้
มาให้ลูกหลานลาของไหว้ เมื่อลาของไหว้เสร็จพิธีกรก็จะเชิญ
ลูกหลานทาการคานับซ้มั แคว้ ซิ่ว ซึ่งถือวา่ เป็ นการคานับชุดใหญ่ โดย
๑ ชุดจะประกอบไปดว้ ยการคานับดว้ ยการคุกเข่า ๓ คร้งั ทาท้งั หมด
๓ ชุด รวมเป็ นการคานับดว้ ยการคุกเข่าท้งั หมด ๙ คร้งั เมอื่ เสร็จจาก
การคานับแลว้ พิธีกรก็จะเชิญล่อไถ่ท่ีเป็ นประธานออกมาอีกคร้งั เพ่ือ
นาลูกหลานกลบั ไปต้ังแถวสองขา้ งแยกชายหญิงหน้าประราพิธี โดย
การเชิญเขา้ ไปต้ังแถว จะมีลาดับการเชิญเหมือนตอนท่ีเชิญออกมา
จากหลังม่านตอนเริ่มตน้ นั่นเอง เสร็จจากน้ ีก็ถือว่าพิธีในส่วนของ
ลูกหลานไดเ้ สร็จส้ ินแลว้
ข้ันตอนถัดไปเป็ นการไวอ้ าลัยของญาติๆ ลูกหลานจะต้อง
นัง่ คุกเข่าต้งั แถวสองขา้ งซา้ ยขวาเวน้ ที่ตรงกลางสาหรบั ญาติๆท่ีจะเขา้
มาอาลาอาลยั เป็ นคร้งั สุดทา้ ย ข้นั ตอนน้ ีจะเขา้ มาแยกเป็ นแต่ละบา้ น
แต่ละครอบครวั โดยลูกหลานจะตอ้ งเตรียมของชาร่วยซึ่งโดยมากมกั
เป็ นผา้ ขนหนูห่อดว้ ยกระดาษสีแดงเพ่ือเป็ นการแสดงความขอบคุณ
กบั ญาติสนิทที่มาร่วมพิธีดว้ ย เมื่อเขา้ มาคานับศพครบทุกครอบครวั
แลว้ พิธีกรกจ็ ะเชญิ ญาติๆและทุกท่านๆที่มาร่วมในการส่งศพออกเขา
ใหร้ ่วมกนั ไวอ้ าลยั อีกคร้งั เป็ นอนั เสร็จพิธีไวอ้ าลยั ภายในครอบครวั
ภำพที่ 66 ลูกหลานทาพิธีเซ่นไหวไ้ วอ้ าลัยหน้าศพ ลูกชายคน
โตเป็ นตวั แทนลกู หลานในการจดุ เทียนเปิ ดพธิ ี
ภำพท่ี 67 ลูกหลานทาพิธีเซ่นไหวไ้ วอ้ าลัยหน้าศพ โดยการ
คารวะชุดใหญท่ ่ีเรียกวา่ ซ้มั แคว้ ซิ่ว
ภำพท่ี 68 ญาติแต่ละครอบครวั ทาพธิ ีไวอ้ าลยั หน้าศพ
ภำพที่ 69 ญาติแต่ละครอบครวั ทาพิธีไวอ้ าลยั หนา้ ศพ
ภำพที่ 70 ญาติและผมู้ าร่วมส่งศพไปออกเขาทาพธิ ีคานับศพ
ออกเขำ (出山)
หลังจากคนในครอบครัวได้ไวอ้ าลัยกันเป็ นท่ีเรียบร้อยแล้ว
ข้นั ตอนต่อไปก็คือการนาศพไปฝังท่ีสุสานหรือเรียกว่าฉุดซ้นั (出山)
ในการเคลื่อนศพออกจากประราพิธี ส่วนใหญ่เรามกั จะเห็นลูกชาย
คนโตถือกระถางธูปนาขบวน แลว้ ตามดว้ ยลูกคนถดั ไปถือภาพถ่าย
ภำพท่ี 71 ลูกชายคนโตถือกระถางธูปนาขบวน ตามดว้ ยลูกคน
ถดั ไปถือภาพถ่าย
จากน้ันก็จะเป็ นหลวงจีนที่พาไถ่วุกออกมาดว้ ยสานสินจน์ออก
มา แลว้ ปิ ดทา้ ยดว้ ยขบวนของลูกหลานท่ีเหลือท้งั หมดตามกนั ออกมา
ในสมัยก่อนจะมีการต้ังขบวนเพื่อแห่ศพไปจนถึงยังสุสาน ปัจจุบัน
สุสานอาจจะอยู่ไกลมากจึงมกั ไม่ไดเ้ ห็นขบวนแห่แบบน้ัน ในการนา
ศพไปฝังยงั สุสาน ลูกหลานจะตอ้ งเตรียมเงินเหรียญ กระดาษเงิน
กระดาษทองแผ่นเล็ก ติดไปดว้ ย เพ่ือโปรยขอทางเวลาขา้ มสะพานไป
ตลอดทาง และมีธรรมเนียมท่ีลูกหลานตอ้ งรอ้ งบอกบุพการีผูล้ ่วงลบั
เป็ นระยะๆดว้ ยว่า ออกรถแลว้ ขา้ มสะพาน เล้ ียวซา้ ย เล้ ียวขวา หรือ
ถึงแลว้ เป็ นตน้ ไปตลอดทางจนกวา่ จะถึงสุสาน
ภำพที่ 72 ขบวนของลูกหลานไถ่วุกไปข้ ึนรถเพ่ือเดินทางไป
บรรจศุ พยงั สุสาน
ภำพท่ี 73 นาไถ่วุกไปข้ นึ รถเพือ่ เดินทางไปยงั สุสาน
สาหรับการออกเขา (ฉุดซ้ัน) ของคนขักหงินน้ันจะมีความ
แตกต่างจากพิธีของคนจีนภาษาอื่นๆ กล่าวคือขบวนฉุดซ้ัน
ของขักหงินจะต้ังต้นขบวนดว้ ยลูกสะใภค้ นโตที่ถือธูปกา้ นโตๆนา
ขบวนเรียกวา่ ต้ยั ฟ่ อป้า (带火把) การถือธูปของลูกสะใภค้ นโตน้ ีผรู้ ู้
ท่านบอกว่าจะตอ้ งถือดว้ ยมือขา้ งเดียวเท่าน้ันหา้ มเปลี่ยนมือจนกว่า
จะถึงสถานที่ฝังศพ ระหวา่ งลูกสะใภค้ นโตถือธูปเดินทางนาขบวนไปก็
จะมีผูห้ ญิงสูงอายุท่านหน่ึงคอยกางร่มไปใหต้ ลอดทาง ผูห้ ญิงสูงอายุ
ท่านน้ันก็คือ อ้ ึงล่อไถ่ (女老大) หรือล่อไถ่ฝ่ ายหญิงน้ันเอง ปัจจุบนั
น้ ีในประเทศไทยขกั หงินท่ีทาหน้าท่ีอ้ ึงล่อไถ่น้ันหายากมาก ดงั น้ันพิธี
ต้ัยฟ่ อป้าจึงมักจะไม่ค่อยไดท้ ากัน ในงานศพของอาป๊ าไหงก็ไม่มี
การต้ยั ฟ่ อป้าจากลูกสะใภค้ นโตเช่นกนั แต่สมยั ก่อนที่อาไถแ้ ละอากุ๊ง
เสียไปน้ันอาม่าและอาแมท้ ่ีเป็ นลูกสะใภค้ นโต (ไถ่แซม่ แพ) ไดเ้ ป็ นผู้
เดินถือธูปนาขบวน การทาต้ัยฟ่ อป้าไม่ใช่แค่เพียงเดินถือกา้ นโตนา
ขบวนเพยี งอยา่ งเดียว ผรู้ ทู้ ่านบอกวา่ เมอื่ ไปถึงยงั บริเวณหลุมที่เตรียม
ไวแ้ ลว้ อ้ ึงล่อไถ่จะพาลูกสะใภค้ นโตไปปัดรังควานที่ดินท่ีเตรียมไว้
สาหรับฝังศพท้ัง ๔ ทิศ ดังน้ันการทาพิธีต้ัยฟ่ อป้าจึงเปรียบเสมือน
การปัดเป่ าส่ิงท่ีไมด่ ีระหวา่ งพธิ ีฉุดซ้นั นัน่ เอง
ภำพที่ 74 - 75 ต้ยั ฟ่ อป้า (带火把) โดยไถ่แซ่มแพ (อาม่า)ใน
พิธีฉุดซ้นั อาไท้ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑
ภำพที่ 76 - 77 ต้ัยฟ่ อป้า (带火把) โดยไถ่แซ่มแพ (อาแม)้
ในพธิ ีฉุดซ้นั อากุง๊ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑
กำรเชิญเทพทง้ั แปด (呼龙)
เม่ือถึงฤกษ์ดีตามท่ีเซ้ ียนเซ็นกาหนดไวแ้ ลว้ เจา้ หน้าท่ีจะยก
ไถ่วุก ลงไปต้งั ในหลุม ระหว่างท่ียกไถ่หวุกลงหลุมลูกหลานจะตอ้ งนัง่
ขุกเขา้ กม้ หน้าหา้ มดูในขณะที่กาลงั ยกไถ่วุกลงไปวางในหลุม ผูร้ ูท้ ่าน
บอกวา่ ช่วงที่ไถ่วุกกาลงั จะลงหลุมเป็ นช่วงท่ีมีพลงั มาก หากลูกหลาน
คนไหนดวงไม่ดีอยูแ่ ลว้ หากดูในชว่ งน้ ีส่ิงรา้ ยๆอาจจะเกิดข้ นึ ดงั น้ันจึง
มีการบอกว่าหา้ มลูกหลานทุกๆคนมองหรือดูในช่วงท่ีไถ่วุกกาลังจะ
ลงหลุม ช่วงน้ ีก็ตอ้ งดูลูกหลานตวั เล็กๆน้อยๆเอาไวใ้ หด้ ี เพราะเป็ น
วยั อยากรอู้ ยากเห็น
เม่ือไถ่วุกถูกวางลงในหลุมเป็ นท่ีเรียบรอ้ ยแลว้ ล่อไถ่จะบอกให้
ลกู หลานจะกราบที่หนา้ ป้ายหิน (ซกั ปี ) ลูกชายคนโตจะถูกเชญิ ข้ ึนไป
เพ่ือดูวา่ โลงศพน้ันต้งั ไดต้ าแหน่งตรงกลางหลุมพอดีหรือไม่ หากได้
ภำพท่ี 78 ขณะนาไถ่วกุ ลงไปในหลุมลูกหลานหา้ มดู