เมอื งไทย ใหญ่อุดม
ดนิ ดีสม เปน็ นาสวน
เพื่อนรัก เราชกั ชวน
รว่ มช่วยกนั มุ่งหม่ันทำ�
วิชา ต้องหาไว้
เปน็ หลกั ได้ ใช้ช่วยนำ�
ใหร้ ้ ู ลูท่ างจำ�
คน้ คว้าไป ให้มากมาย
ช่วยกัน อยา่ งขันแข็ง
ด้วยลำ�แข้ง และแรงกาย
ทำ�ไป ไม่เสียดาย
แม้อาบเหง่อื เมอื่ ท�ำ งาน
ดัง่ น ี้ ม่ังมีแท้
ร่มเย็นแน่ หาไหนปาน
โลกเขา คงเลา่ ขาน
ถนิ่ ไทยน้ ี ดีงามเอย
แบบเรียนเรว็ ใหม่ เลม่ ๑
ตอนกลาง
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
แบบเรยี นเร็วใหม่ เลม่ ๑ ตอนกลาง
ลิขสิทธ์ขิ องส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชด�ำ เนนิ นอก เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐
จัดพมิ พโ์ ดย
สำ�นกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา สถาบนั ภาษาไทย
พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ แจกนกั เรยี น สงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๗
จ�ำ นวน ๖๐๐,๐๐๐ เลม่
ISBN 978-616-372-111-2
พมิ พท์ ่ี บรษิ ทั อมรินทรพ์ ริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลชิ ช่ิง จ�ำ กดั (มหาชน)
๓๗๖ ถนนชัยพฤกษ์ แขวงตล่ิงชัน เขตตลงิ่ ชนั กรงุ เทพฯ ๑๐๑๗๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐, ๐-๒๘๘๒-๑๐๑๐
โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๒๗๔๒, ๐-๒๔๓๔-๑๓๘๕
(1)
แบบเรียนเรว็ ใหม ่ เล่ม ๑
ตอนกลาง
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒
หลวงดรุณกิจวิทรู
เรยี บเรียง
สำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
(2)
ประกาศส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
เร่อื ง อนญุ าตใหใ้ ช้สือ่ การเรยี นรู้ในสถานศึกษา
..............................
ดว้ ยส�ำ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน ได้นำ�หนงั สือแบบเรียน
เรว็ ใหม่ เลม่ ๑ ตอนกลาง มาปรบั ปรงุ เปน็ หนงั สอื สง่ เสรมิ การอา่ น เพอ่ื ใชป้ ระกอบ
การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงอนุญาต
ให้ใชห้ นังสอื ในสถานศกึ ษาได้
ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗
(นายกมล รอดคล้าย)
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
(3)
ค�ำ นำ�
ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน จดั พมิ พห์ นงั สอื แบบเรยี นเรว็ ใหม่
เล่ม ๑ ตอนต้น ตอนกลาง และตอนปลาย แจกให้แก่นักเรียนระดับประถมศึกษา
โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใชเ้ ปน็ สอื่ สง่ เสรมิ การจดั การเรยี นการสอนของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ภาษาไทย ส�ำ หรับแก้ปญั หาการอา่ นไมอ่ อกเขียนไมไ่ ด้ของนกั เรียนปจั จุบัน
หนังสอื แบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม ๑ ตอนกลาง น้ี จดั พิมพ์ตามตน้ ฉบบั ทีพ่ มิ พข์ ึ้น
เมอื่ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซ่งึ หลวงดรณุ กิจวิทรู แตง่ ขน้ึ ตอ่ จากแบบเรยี นเรว็ ใหม่ เลม่ ๑ ตอนตน้
มีเน้ือหาเร่ิมต้ังแต่บทที่ ๑๗ - ๒๔ สำ�หรับใช้เป็นหนังสือเรียนของนักเรียนในขณะน้ัน
และปัจจุบันยังได้รับการยกย่องจากผู้ท่ีเคยเรียนและผู้ที่ได้อ่านว่าเป็นหนังสือท่ีแสดงถึง
ภูมิปัญญาการสอนอ่านแบบไทย ช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านหนังสือไทยได้แตกฉาน
ด้วยกระบวนการสอนอ่านจากง่ายไปหายาก คือ เริ่มจากการเรียนรู้อักษรนำ� อักษรนำ�
ผสมสระและผสมตัวสะกด อักษรควบกล้ํา การผันอักษร การประวิสรรชนีย์ ตามลำ�ดับ
การนำ�เสนอบทอ่านให้เกิดการเรียนรู้ลักษณะการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและสละสลวย
มีตัวละครดำ�เนินเร่ืองช่วยให้นักเรียนอ่านอย่างเพลิดเพลิน เป็นการส่งเสริมนิสัยรัก
การอ่านอีกทางหนึ่ง นอกจากน้ี ยังปลูกฝังให้นักเรียนรู้จักหน้าที่ มีความรับผิดชอบ
ต่อตนเอง ครอบครวั และสังคม รวมไปถงึ มีความรกั ในประเทศชาติดว้ ย
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพิจารณาเห็นว่า การส่งเสริมให้มี
การใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีหลากหลายจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเรียนการสอน
ภาษาไทย จึงได้นำ�หนังสือแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม ๑ ตอนกลาง มาจัดพิมพ์ข้ึนใหม่
เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โดยปรับภาษาและ
ปรับปรุงภาพประกอบให้สอดคล้องกับปัจจุบัน ในการน้ี หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือ
แบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม ๑ ตอนกลาง นี้ จะช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านภาษาไทย
ได้อย่างคล่องแคล่วแตกฉาน รวมท้ังช่วยปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมของ
คนไทยท่ีพึงมีในปัจจุบัน อันจะเป็นบันไดให้นักเรียนก้าวไปสู่ศักยภาพในการเรียนรู้
ด้านอื่นๆ เพือ่ เป็นกำ�ลังท่เี ข้มแขง็ ในการพฒั นาประเทศชาตติ ่อไป
(นายกมล รอดคล้าย)
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน
๑๖ กันยายน ๒๕๕๗
(4)
สารบัญ
หนา้
ค�ำ ชี้แจง
บทที่ ๑๗ .......................................................................................................................................................................... ๑
บทที่ ๑๘ .......................................................................................................................................................................... ๙
บทท่ี ๑๙ ๑๘..........................................................................................................................................................................
บทท่ี ๒๐ ๒๖..........................................................................................................................................................................
บทที่ ๒๑ ๓๗..........................................................................................................................................................................
บทที่ ๒๒ ๔๖..........................................................................................................................................................................
บทท่ี ๒๓ ๕๘..........................................................................................................................................................................
บทที่ ๒๔ ๖๔..........................................................................................................................................................................
ค�ำ ชแ้ี จง
การใช้หนังสอื แบบเรียนเรว็ ใหม่
หนังสือแบบเรยี นเรว็ ใหม่ เล่ม ๑ ชดุ น้ี กระทรวงศกึ ษาธิการจัดพิมพ์ขน้ึ
นับแต่ปี ๒๔๗๗ เพ่ือใชเ้ ป็นแบบเรยี นสอนอา่ นเขยี นใหแ้ กน่ กั เรียนระดับประถมปีท่ี
๑ - ๓ เนอื้ หาแบ่งเป็น ๓ ตอน ตอนละ ๑ เลม่ ได้แก่ แบบเรียนเร็วใหม่ เลม่ ๑
ตอนตน้ ชั้นประถมปที ี่ ๑ แบบเรยี นเรว็ ใหม่ เลม่ ๑ ตอนกลาง ชั้นประถมปีที่ ๒
และแบบเรียนเร็วใหม่ เล่ม ๑ ตอนปลาย ชั้นประถมปีที่ ๓ ตามลำ�ดับ และมี
ผเู้ รยี บเรยี งดงั นี้ หลวงดรณุ กจิ วทิ รู เรยี บเรยี งทงั้ เลม่ ตอนตน้ ตอนกลางและตอนปลาย
และนายฉนั ท์ ขำ�วิไล เรียบเรียงรว่ มกับหลวงดรุณกิจวทิ ูร เฉพาะเล่มตอนต้น
ในการน้ี สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานเล็งเห็นว่า หนังสือ
ชดุ นมี้ คี ณุ คา่ ควรแกก่ ารน�ำ มาปรบั ปรงุ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ สอ่ื สง่ เสรมิ การจดั การเรยี นการสอน
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓ โดยตอนต้นใช้ต้นฉบบั
ปี ๒๔๙๖ ตอนกลางใช้ต้นฉบับปี ๒๕๐๘ และตอนปลายใช้ต้นฉบับปี ๒๔๗๙
ซง่ึ ผเู้ รยี บเรยี งแตเ่ ดมิ ไดจ้ ดั ท�ำ ค�ำ อธบิ ายวธิ กี ารใชห้ นงั สอื ไวอ้ ยา่ งละเอยี ด จงึ สะดวก
แก่การนำ�ไปใช้ฝึกฝนทักษะด้านการอ่านและการเขียนภาษาไทยของนักเรียน
ในปัจจุบัน โดยหวังให้เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออก
เขยี นไมไ่ ด้อย่างยั่งยืน
วิธใี ชห้ นงั สือในการจดั การเรียนการสอน
๑. ใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ หดั ความช�ำ นาญในการเรยี นรกู้ ารอา่ นภาษาไทย โดยใช้
หู ตา ปาก และมอื ใหส้ มั พนั ธก์ นั ครคู วรใหน้ กั เรยี นเรยี นรจู้ ากการสงั เกตดว้ ยตนเอง
และหากบทใดต้องอธิบาย ครูควรช้ีแจงให้นักเรียนเข้าใจก่อน แล้วอ่านออกเสียง
ใหช้ ดั เจนเปน็ ตวั อยา่ ง ใหน้ กั เรยี นตงั้ ใจฟงั และใชต้ าสงั เกตรปู ค�ำ แลว้ ฝกึ ใหน้ กั เรยี น
อ่านออกเสียงตามให้ชัดเจน ถ้านักเรยี นยังอา่ นไม่ชดั เจนครจู ะทำ�ปากใหด้ ู และฝึก
นกั เรยี นไปเรอ่ื ยๆ จากนนั้ จงึ ใหน้ กั เรยี นฝกึ คดั ลายมอื โดยครเู ขยี นน�ำ บนกระดานด�ำ
ใหน้ กั เรยี นเรยี นรู้วิธีเขียนวา่ จะต้องเริ่มต้นจากตรงไหนกอ่ นหรอื หลงั รปู พยัญชนะ
สระ และวรรณยุกต์ ควรใหน้ ักเรียนเขยี นตามสดั สว่ นของแบบทีม่ ไี ว้ใหใ้ นตอนท้าย
ของหนงั สอื แบบเรยี นเรว็ ใหม่ เลม่ ๑ ตอนกลาง จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นเขยี นตามค�ำ บอก
รวมทง้ั ตงั้ ค�ำ ถามใหน้ กั เรยี นไดค้ ดิ ดว้ ยตนเอง เชน่ พยญั ชนะอะไร สระอะไร เปน็ ตน้
๒. เมอ่ื นกั เรยี นเรยี นรพู้ ยญั ชนะตวั หนงึ่ แลว้ กใ็ หเ้ รยี นรสู้ ระควบคกู่ นั ไป แลว้
ผสมพยญั ชนะกบั สระอา่ นออกเสยี งเปน็ ค�ำ จากนนั้ ใหเ้ รยี นรสู้ ระอน่ื ๆ ตอ่ ไปทลี ะสระ
ในบทหนง่ึ ๆ ครตู อ้ งพจิ ารณาวา่ จะแบง่ การสอนเปน็ กตี่ อนจงึ จะเหมาะสมกบั นกั เรยี น
เพ่อื ไม่ให้นักเรียนเกดิ ความเบื่อหน่าย
๓. ครูควรชรี้ ูปพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และตัวสะกด ใหน้ ักเรียนสังเกต
เปน็ สว่ นๆ โดยนกั เรยี นจะรู้ว่าเมือ่ ประสมแลว้ จะเปน็ รูปค�ำ อย่างไร การสอนมุ่งเน้น
ใหน้ กั เรยี นจ�ำ พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ ตวั สะกด รวมทง้ั เขา้ ใจหลกั วธิ กี ารประสมค�ำ
คือ การประสมพยญั ชนะกับสระ วธิ ผี ัน วิธีสะกด ซ่งึ เม่อื มกี ารเปล่ยี นรปู พยัญชนะ
สระ ตัวสะกด หรอื วรรณยกุ ต์ เดก็ ก็จะสามารถใชห้ ลักการประสมค�ำ มาเทียบเคียง
และอา่ นได้
๔. หากมีเนื้อหาใดท่ีมีความคล้ายคลึงกัน ครูต้องอธิบายเปรียบเทียบให้
นักเรียนเห็นถึงความเหมือนและความแตกต่าง พร้อมท้ังเหตุผล เพื่อให้นักเรียน
เข้าใจ เช่น การผนั สระเสยี งส้ันและสระเสยี งยาว เป็นต้น
๕. เนื้อหาแต่ละบทจะมีภาพประกอบเร่ืองเพื่อให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย
และทำ�ให้นักเรียนเกิดความสนุกเพลิดเพลิน ครูควรให้นักเรียนสังเกตส่ิงต่างๆ
ในภาพ และต้ังค�ำ ถามให้นักเรียนตอบตามใจความของเรือ่ ง
๖. บทเรียนเร่อื งตา่ งๆ ในหนังสอื ใชส้ �ำ หรบั สอนเรยี งความหรืออา่ นเอาเรอื่ ง
กไ็ ด้ โดยเนื้อหาสามารถบูรณาการกับกล่มุ สาระการเรียนรูต้ ่างๆ เช่น วทิ ยาศาสตร์
คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา พลศึกษา และสุขศึกษา เป็นต้น รวมท้ังเนื้อหายังเน้น
สงิ่ ทนี่ กั เรยี นควรรู้ ควรเหน็ และควรปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ครนู อกจากจะตอ้ งสอนใหน้ กั เรยี นจ�ำ
ตวั หนงั สอื แลว้ ยงั ตอ้ งพยายามปลกู ฝงั ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และหนา้ ทพ่ี ลเมอื งดว้ ย
๗. เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีพ้ืนฐานความรู้ท่ีแตกต่างกัน ในห้องเรียน
หนึ่งจึงมีนักเรียนท่ีมีความรู้มากบ้างน้อยบ้างไม่เท่ากัน ครูจึงควรแบ่งนักเรียน
เป็นกลุ่มและสอนทีละกลุ่ม หรือใช้วิธีการท่ีเหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม จึงจะ
ช่วยให้การเรียนการสอนประสบผลสำ�เรจ็
***********************
บทที่ ๑๗
สอนวธิ ใี ช ้ ห น�ำ และใหเ้ ดก็ อา่ นออกเสยี ง หง– (หงอ) ฯลฯ
หว– (หวอ) ก่อน แล้วจึงค่อยให้ผสมสระในแม่บท จากข้างบน
ลงมาข้างล่างเป็นแถวๆ แล้วจึงให้อ่านจากซ้ายไปขวา และให้เด็ก
ฝกึ หดั ผสมสระอนื่ ๆ ปากเปล่าอกี จนเขา้ ใจแจม่ แจง้
ะ า ี ู แ –อ เ–อื ไ
หง– หงะ หงา หงี หงู แหง หงอ เหงือ ไหง
หน– หนะ หนา หนี หนู แหน หนอ เหนอื ไหน
หม– หมะ หมา หมี หม ู แหม หมอ เหมอื ไหม
หย– หยะ หยา หย ี หยู แหย หยอ เหยือ ไหย
หร– หระ หรา หร ี หรู แหร หรอ เหรือ ไหร
หล– หละ หลา หล ี หลู แหล หลอ เหลือ ไหล
หว– หวะ หวา หว ี หวู แหว หวอ เหวอื ไหว
2
่ ้ ่ ้
ขา ข่า ข้า
หวา หวา่ หวา้ หมอ หม่อ หม้อ
หนี หน่ี หนี ้ เหยือ เหยอ่ื เหยอื้
หม ู หมู ่ หมู ้ เหมอ เหม่อ เหมอ้
เหม เหม ่ เหม้ ใหม ใหม่ ใหม้
แหง แหง ่ แหง ้ ไหว ไหว ่ ไหว้
โหล โหล่ โหล้ เหลา เหล่า เหล้า
น้อยหน่า ลกู หว้า ขวดโหล ดเุ หว่า
แบบฝกึ หัด
หม้อข้าว ขวดโหล หล่อนํ้า ไปไหน จอกแหน
เหนอะหนะ แน่นหนา ตำ�หนิ น้อยหน่า ดักหนู
3
บุหงา บ่าไหล่ นี่แหละ ยังเหลือ สึกหรอ มีหรือ
ดหี ม ี หนเี สอื เหงอ่ื ไหล ผา้ ไหม เกา่ ใหม ่ เหลาไม ้
รับเหมา หน่อไม้ พอเหมาะ เล้ียงหมา ว้าเหว่
ดเุ หวา่ ไหวว้ าน ลกู หวา้ หมอยา หาเหยอ่ื เหนอื ใต ้
หน้าต่าง
หนา้ ที่ชว่ ยเหลอื พอ่ แม่
เด็กชายใหม่ รักหมู่ เป็นเด็กดี ต่ืนนอน
แต่เช้าๆ ทุกวัน พอลุกข้ึนเขาก็จัด และปัดท่ีนอน
ให้เรียบร้อย แล้วจึงไปล้างหน้า ล้างตา รีบมาทำ�
4
หน้าท่ีช่วยเหลือพ่อแม่ เช่น เช็ดถูเรือน เป็นต้น
แล้วก็อาบนํ้าหวีผม จนสะอาดเรียบร้อย จึงมา
กินข้าว อิ่มแล้วรีบแต่งตัว เม่ือไหว้พ่อแม่แล้ว ก็รีบ
กระวีกระวาดไปโรงเรียน ให้ทันเวลาโรงเรียนเข้า
เพ่ือไม่ให้เสียเวลาเรียน เม่ือเข้าห้องเรียน ก็ต้ังใจ
ฟังคำ�สอน ฟังแล้วก็คิดดูให้เข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจ
กไ็ ตถ่ าม เม่อื เขา้ ใจแล้ว ก็จดจ�ำ ไว้ใหแ้ ม่นยำ�
เม่ือเวลาเด็กชายใหม่ รักหมู่ เลิกจากโรงเรียน
มาถึงบ้าน เขาก็เข้าไปไหว้พ่อแม่ แล้วถอดเส้ือ
กางเกงออกผง่ึ แดด รบี ไปอาบนาํ้ ใชส้ บถู่ เู หงอ่ื ซงึ่ ไหล
เหนอะหนะที่หน้า บ่า ไหล่ และตามร่างกายท่ัวไป
จนสะอาดดีแล้ว ก็เช็ดตัว หวีผม สวมเส้ือกางเกง
ชดุ ใหมแ่ ลว้ เขาจงึ รบี ไปชว่ ยพอ่ แมพ่ น่ี อ้ งท�ำ งาน เอาขา้ ว
ปนกับไข่ ให้นกกิน และให้เป็ด ไก่ หมา และหมู
ที่เลี้ยงไว้ กินข้าวและรำ�จนอิ่ม ช่วยตักนํ้ารดต้นไม้
รดผัก น่าชมเชยย่ิงนัก นอกจากนี้ ยังช่วยทำ�งาน
ในบ้านอีก เป็นต้นว่า เปิดปิดหน้าต่าง และถ้าเห็น
5
สิ่งใดชำ�รุดหรือสึกหรอ ก็ช่วยกันซ่อมแซมข้ึนใช้ใหม่
พ่อแม่ของเขาช่างรอบคอบดีนัก ดูแลให้ลูกฝึกหัด
ทำ�งาน แต่พอเหมาะแก่กำ�ลัง เพื่ออบรมให้เป็นคน
เอาใจใส่ต่องาน ถ้ามี
เวลาวา่ ง กเ็ ลน่ กบั พๆ่ี
น้องๆ ที่ลานบ้านหรือ
ในเหย้าเรือน สุดแท้
6
แต่ที่ไหนจะเหมาะและสะดวก เขาเล่นกันอย่าง
เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าชมเชย เมื่ออาบน้ําแล้ว
กเ็ ขา้ ไปนงั่ รว่ มส�ำ รบั กนิ ขา้ วกบั พอ่ แมแ่ ละพๆี่ นอ้ งๆ
กนิ อมิ่ หน�ำ แลว้ เขากช็ ว่ ยกนั ลา้ งถว้ ยชาม จนกระทงั่
หมอ้ ข้าวก็ขัดถูสะอาดน่าด ู น่าใช้
เวลาคํ่า ก่อนเข้านอน เขาก็อ่าน คัดเขียน
ท่องบ่น และดูวิชาต่างๆ ที่เล่าเรียนมา เพ่ือฝึกฝน
7
ตนเองในเวลาวา่ ง ถา้ ไมเ่ ขา้ ใจ หรอื สงสยั ทไ่ี หน เขาก ็
ไตถ่ ามนายหรา่ํ รกั หม ู่ พชี่ ายของเขา เมอ่ื เขาจะนอน
ก็ถูฟันบ้วนปากจนสะอาด แล้วไหว้และระลึกถึงผู้ที่
ไดเ้ ลย้ี งดตู นมา และผทู้ ไ่ี ดท้ �ำ ดใี หแ้ กบ่ า้ นเกดิ เมอื งนอน
ของตน
นักเรียนรุ่นเล็ก ๆ ถ้าเป็นคนดี เช่น เด็กชาย
ใหม่ รักหมู่ น่ีแหละ ไม่มีท่ีตำ�หนิ แต่ถ้าเด็กคนใด
ไม่เอาใจใส่ ต่อหน้าที่อันดีงาม เหล่าน้ีแล้ว ก็น่า
อับอายและขายหน้ามาก เด็กๆ รุ่นเดียวกัน น่าจะ
จดจ�ำ เอาไวเ้ ปน็ ทย่ี ดึ ถอื แลว้ เรม่ิ ฝกึ ฝนตน ท�ำ ตวั ใหด้ ี
เช่นเขาบ้าง ต้ังแต่บัดน้ีเป็นต้นไป ต่อไปเบ้ืองหน้า
จะได้ดี ทั้งจะได้เป็นกำ�ลัง แก่บ้านเกิดเมืองนอน
อันเป็นที่รกั ยงิ่
8
เราตอ้ งตืน่ ข้ึนล้างหน้าเวลาเช้า
ฟนั ผมเผ้าพึงช�ำ ระให้สะอาด
เราจงทำ�หน้าทีก่ ระวกี ระวาด
ไมต่ ้องคาดค้นั เตือนเรอ่ื งเรือนชาน
แลว้ รีบไปใหท้ ันโรงเรยี นเขา้
เลิกแล้วเราบ่ายหนา้ มงุ่ มาบ้าน
ช่วยพอ่ แมเ่ กบ็ งำ�และท�ำ งาน
ยามว่างอา่ นคดั เขยี นเล่าเรยี นเอย
9
บทท่ี ๑๘
ให้อ่านพยัญชนะที่มี ห นำ� ซ่ึงผสมสระแล้วมาผสมกับ
ตัวสะกดในแม่บท จากซ้ายไปขวาเปรียบเทียบกันเป็นแถว ๆ ก่อน
แล้วจึงให้อ่านจากซ้ายไปขวา และให้เด็กฝึกหัดผสมสระอื่น ๆ
ปากเปลา่ อีกจนให้เขา้ ใจแจ่มแจ้ง
หง– หน– หม– หย– หร– หล– หว–
ง น ม ย ว ก ด บ
หยะ หยงั หยัน หยมั หยยั – หยกั หยดั หยับ
หลา หลาง หลาน หลาม หลาย หลาว หลาก หลาด หลาบ
หยิ หยงิ หยนิ หยมิ หยิย หยิว หยกิ หยดิ หยิบ
หรี หรงี หรนี หรีม หรยี หรวี หรีก หรดี หรีบ
หม ึ หมึง หมนึ หมึม หมยึ หมึว หมกึ หมดึ หมบึ
หลื หลงื หลืน หลมื หลืย หลวื หลกื หลดื หลบื
หล ุ หลุง หลนุ หลุม หลยุ หลุว หลกุ หลุด หลบุ
หย ู หยงู หยนู หยูม หยยู หยูว หยกู หยูด หยูบ
เหนะ เหนง็ เหนน็ เหนม็ เหนย็ * เหน็ว เหน็ก เหน็ด เหน็บ
เหล เหลง เหลน เหลม เหลย* เหลว เหลก เหลด เหลบ
แหว แหวง แหวน แหวม แหวย แหวว แหวก แหวด แหวบ
โหละ หลง หลน หลม หลย หลว หลก หลด หลบ
โหม โหมง โหมน โหมม โหมย โหมว โหมก โหมด โหมบ
หมอ หมอง หมอน หมอม – หมอว หมอก หมอด หมอบ
หนวั หนวง หนวน หนวม หนวย หนวว หนวก หนวด หนวบ
เหนยี เหนยี ง เหนียน เหนียม เหนียย เหนียว เหนียก เหนยี ด เหนยี บ
เหลอื เหลือง เหลือน เหลือม เหลือย เหลือว เหลอื ก เหลือด เหลอื บ
* ให้ครูพยายามให้เด็กอา่ นให้ชัด
10
ผัน
่ ้ ่ ้
ขัน ข่ัน ขน้ั
หมัน หมั่น หมั้น แหวง แหว่ง แหวง้
หวาน หว่าน หว้าน หลน หล่น หล้น
หมนิ หม่นิ หม้นิ โหมง โหมง่ โหม้ง
หนึง หนึง่ หนง้ึ หมอน หม่อน หมอ้ น
หมนื หมื่น หม้นื หนวย หน่วย หน้วย
หนยุ หนุ่ย หนยุ้ เหนยี ว เหนีย่ ว เหนย้ี ว
เหงง เหง่ง เหงง้ เหลือม เหลอื่ ม เหลอ้ื ม
อ ใชน้ �ำ แทน ห ไดม้ อี ยู ่ ๔ ค�ำ คือ
อย่า อา่ นว่า หยา่ อย่าง อา่ นว่า หย่าง
อยู่ อ่านว่า หย ู่ อยาก อ่านว่า หยาก
งูเหลอื ม หนังสือ
11
สวมหมวก หงอนไก่
แบบฝึกหดั
หมวกสาน หว่านข้าว หน้าหนาว หมอกหนา
กุหลาบ ปลาหลด หมดจด งเู หลอื ม
หลกั แหลม อยา่ งไร ใบหนาด อยู่บ้าน
ลกู หลาน อยากรู ้ หมนั่ เรียน ขา้ วหลาม
ขดุ หลมุ ทองเหลอื ง ตกหลน่ ยห่ี รา่
ปาหนัน ของเหลว หลกี ทาง อย่าเท่ียว
ทองหยิบ ทองหยอด แปง้ หยาบ ลดหยอ่ น
หยากไย ่ เลบ็ เหยย่ี ว หยัง่ นา้ํ หนา้ วัว
ตัวหนอน ผกั หนาม หนองนา้ํ ตวั ไหม
ใบหม่อน หงอนไก ่ ลูกหว้า ปลาหมึก
หนกั แน่น หนมุ่ สาว หมูหยอง ทองหลาง
12
เชือกหวาย จดหมาย ห่อหมก นกหวดี
น้ําหมึก พยับหมอก เข็มหมดุ ปลาหมอ
เหมอื งแร ่ โลกหมนุ แม้นเหมอื น เดือนหงาย
หมายม่นั ลกู ไหน เหล็กไหล แหลนหลาว
ขา้ วเหนยี ว ผักหนอก นอ้ ยโหน่ง เหนยี วแนน่
หว้ ยหนอง ของหวาน
นายอยู ่ อยยู่ ืน น่ังอ่านหนงั สอื
หน้าหนาวคืนวันหน่ึง เป็นเวลาเดือนหงาย
นายอยู่ อยู่ยืน เจ้าของบ้านนั่งอ่านหนังสืออยู่ท่ี
13
หน้าเรือนปั้นหยาสองชั้น มีแมวสีหม่นหมอบอยู่
ขา้ งๆ ตวั หนง่ึ ในหอ้ งนน้ั มองดสู ะอาดตา เปน็ ระเบยี บ
เรยี บรอ้ ยทวั่ ไป ตามเพดานหรอื ฝา กไ็ มม่ หี ยากไยจ่ บั
สง่ิ ของทง้ั หมด จดั เปน็ หมวดหม ู่ หยบิ กง็ า่ ย หายกร็ ู้
ดกู ง็ ามตา เชน่ หนงั สอื หรอื สง่ิ หนง่ึ สง่ิ ใดกด็ ี วางอย ู่
ทไี่ หน เมื่อหยิบเอาไปใชแ้ ล้วก็น�ำ มาวางไวท้ ี่ตามเดิม
นายอยู่ อยู่ยืน นี้เป็นคนดี มีใจคอหนักแน่น
ไม่หวั่นหวาดต่ออะไรท้ังสิ้น แกเป็นคนหมั่น อยากรู้
อยากเรียนส่ิงที่น่ารู้ น่าเรียน ด้วยแกรู้ว่า ตัวแก
เป็นหน่วยหน่ึงของบ้านเมือง ต้องต้ังตัวไว้ให้ดี
ไม่เหลวไหล จะได้เป็นตัวอย่างที่ดี แก่ลูกหลาน
ซึ่งจะเติบโตเป็นหนุ่มสาวต่อไปข้างหน้า ทุกๆ คืน
เช่น คืนนี้ แกมักออกมานั่งหน้าเรือน ส่ังสอน
ลูกหลาน คำ�สอนของแกนั้น ล้วนแต่ดีๆ มีอยู่
มากมายหลายอย่าง เช่น
14
๑. จงรกั และรสู้ กึ ระลกึ ถงึ พอ่ แมท่ ไ่ี ดเ้ ลย้ี งดอู มุ้ ชมู า
ตงั้ แต่เล็กจนโต อยา่ งไม่มผี หู้ น่ึงผู้ใดเหมือนเลย
๒. จงเปน็ คนวา่ งา่ ยสอนงา่ ย เชอื่ ถอ้ ยฟงั ค�ำ ของ
พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย โดยนับถอื และบชู า
๓. จงทำ�ตัวให้มีกิริยาวาจาเรียบร้อย อ่อนโยน
อ่อนหวาน เป็นที่น่ารัก น่าเอ็นดู น่านิยมชมช่ืน
ของคนทงั้ หลาย
๔. จงมีใจคอเยือกเย็น หนักแน่น และอดทน
รู้จักสะกดใจ เหน่ียวรั้งใจ ข่มใจตนเอง ไม่เป็นคน
ใจน้อย ไม่ฉุนง่าย ไมง่ อน ไม่ปากบอน
๕. จงเปน็ คนใจด ี เออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผ ่ โอบออ้ มอาร ี
แกค่ นทง้ั หลาย รกั กนั อยา่ งพน่ี อ้ ง ไมถ่ อื เราถอื เขา
๖. จงเป็นคนรอบคอบ หมั่นระมัดระวัง เมื่อจะ
ท�ำ อะไร กต็ อ้ งคดิ ดขู า้ งหนา้ ขา้ งหลงั ใหร้ อบคอบถถ่ี ว้ น
เสียกอ่ น แล้วจึงค่อยพูดคอ่ ยท�ำ
15
๗. จงมีหวังในส่ิงที่ดี คือ คิดดี พูดดี ทำ�ดี
หมน่ั เลา่ เรยี นหนงั สอื หมน่ั หาวชิ าโดยไมท่ อ้ ถอย และ
ตั้งใจท�ำ งานให้ด ี ทำ�มาหากินใหเ้ ป็นหลักแหล่งมั่นคง
๘. จงหลกี เลย่ี งจากสง่ิ ทช่ี ว่ั ไมห่ มกมนุ่ ในสง่ิ ทช่ี ว่ั
ไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหร่ี ไม่ดื่มเหล้า และรู้จัก
เกบ็ หอมรอมริบ ผสมเลก็ ผสมนอ้ ย ไว้ใชเ้ ม่ือจ�ำ เป็น
๙. จงเป็นคนซื่อ ให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจ
ของคนทั้งหลาย
นักเรียนท้ังหลาย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกหลาน
ของแก ก็ช่างเถิด แต่จงจดจำ�ไว้ และให้รู้สึกว่า
ถ้อยคำ�ของนายอยู่ อยู่ยืน ท่ีสอนลูกหลาน ตามท่ี
ว่ามาแล้วย่อๆ น้ัน เป็นสิ่งท่ีดีแท้ๆ และจงเริ่มต้น
ฝึกฝนตนตามน้ันทุกๆ ข้อ ต้ังแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ถ้าเล่าเรียนดีและทำ�ตัวดีแล้ว เม่ือเติบโตขึ้น จะได้
ตั้งตัวเป็นหลักแหล่ง เป็นคนดีต่อไป
16
เตือนใจเดก็
เราต้องปองฝึกฝน ตนให้ตนเปน็ คนดี
โดยข้อยอ่ ๆ ม ี ท่ีน่าจ�ำ จงคำ�นึง
หนึง่ น้นั คือหมน่ั นกึ นอ้ มร้สู ึกระลึกถงึ
พอ่ แม่และเราพงึ รกั ลึกซึ้งสุดวนั ตาย
สอง ให้ใจโอนออ่ น หวังว่านอนสอนง่ายดาย
ฟงั เช่ือผเู้ ช้อื สาย เช่นยายยา่ ปู่ตาตน
สาม จำ�ท�ำ ให้ผู้ รักเอน็ ดูทกุ หมู่ชน
ชมเหน็ ว่าเป็นคน มีกิริยาวาจาดี
สี่ นม้ี ีใจหนัก เยือกเย็นนกั รจู้ กั มี
ยบั ยงั้ ร้ังไวท้ ี ไมใ่ จนอ้ ยคอยแต่ฉนุ
หา้ ให้มีใจเผือ่ – แผ่เอ้ือเฟื้อทางเจือจนุ
กอบเก้ือเอื้ออดุ หนนุ เนอื่ งโน้มน�ำ เหนย่ี วน้ําใจ
หก หรอื คอื รอบคอบ ระมัดรอบระวังระไว
ก่อนจะท�ำ อะไร ให้คดิ ดูจนรูด้ ี
17
เจด็ น้ีใหม้ ีหวัง ในส่ิงดั่งต้งั ใจมี
ม่งุ ไว้ไม่หนา่ ยหนี ท�ำ เตม็ ที่มหิ วาดหวัน่
แปด จะละหลบชัว่ หา่ งจากตัวไมพ่ ัวพัน
ส่ิงเลน่ เป็นพนนั หลกี แมน่ มนั่ หมน่ั เกบ็ ออม
เกา้ ใหใ้ สใ่ จคือ เราต้องซ่ือช่อื จึงหอม
คนชมนยิ มยอม วางใจย่อมนอบนอ้ มเอย
18
บทที่ ๑๙
สอนวิธีใช้พยัญชนะนำ�ตัวอ่ืนๆ (นอกจาก ห) ซึ่งต้องอ่าน
ออกเสียงคำ�นำ�เหมือนประ ะ (วิสรรชนีย์) ด้วย และให้เด็กอ่าน
ออกเสียง ขง– (ขะหงอ) ฯลฯ อล– (อะลอ) ก่อน แล้วจึงค่อย
ให้ผสมสระในแม่บทจากข้างบนลงมาข้างล่างเป็นแถวๆ ในช้ันแรก
เปรียบเทียบกันทีละคู่ๆ ให้เข้าใจหลักเสียก่อน แล้วให้อ่านจาก
ซ้ายไปขวา และให้เด็กฝึกหัดผสมสระอื่นๆ ปากเปล่าอีก จนให้
เขา้ ใจแจ่มแจง้
ขง– ขน– ขม– ขย– ฉง– ฉน– ฉม– ฉล– ฉว–
ถง– ถน– ถล– ถว– ผง– ผน– ผย– ผว– ฝร–
สง– สน– สม– สย– สร– สล– สว– – กน–
จม– จร– ตน– ตล– อง– อน– อร– อล– –
ะ า ุ ู –อ –�ำ ไ เ–า
ข ขะ ขา ขุ ขู ขอ ข�ำ ไข เขา
ขย– ขยะ ขยา ขยุ ขยู ขยอ ขย�ำ ไขย เขยา
ฉล– ฉละ ฉลา ฉล ุ ฉล ู ฉลอ ฉลำ� ไฉล เฉลา
ถล– ถละ ถลา ถลุ ถลู ถลอ ถล�ำ ไถล เถลา
ผว– ผวะ ผวา ผวุ ผวู ผวอ ผว�ำ ไผว เผวา
สม– สมะ สมา สมุ สม ู สมอ สม�ำ ไสม เสมา
สร– สระ สรา สรุ สรู สรอ สรำ� ไสร เสรา
ต ตะ ตา ต ุ ต ู ตอ ต�ำ ไต เตา
ตน– ตนะ ตนา ตน ุ ตนู ตนอ ตนำ� ไตน เตนา
19
ผนั
่ ้ ่ ้
สา สา่ สา้
สงา สง่า สง้า ขยำ� ขยํ่า ขย้าํ
ขย ี ขย ี่ ขยี ้ เขมา เขมา่ เขมา้
เฉลยี เฉลย่ี เฉลย้ี เขยา เขยา่ เขยา้
กอสละ ดอกโสน ปูแสม
สมอเรอื เตา่ ตนุ
20
แบบฝกึ หดั
ทอดสมอ กอสละ เทขยะ เสียสละ ช่างสนะ
แลไสว อย่าไถล ปี่ไฉน ดอกโสน เสียงเสนาะ
นำ�เสนอ สม่ําเสมอ ใบสมอ ปูแสม เขม่าไฟ
ใบสมี ฟืนแสม สมอเรือ ลายฉลุ ปีฉลู แฉละเนื้อ
รายเฉลี่ย โฉมเฉลา สีสลัว บินถลา ผวาต่ืน
เต่าตนุ ขยำ�แป้ง เขมาโกรย สังขยา ม้าเขย่า
ผยับเผยอ ขยำ�ขยี้ อย่าถลีถลำ�
หม่นั ท�ำ เสมอ ยอ่ มได้เงนิ ทองเสมอ
นายเสนอ เสียงเสนาะ ร่างกายแข็งแรง มี
ท่าทางสง่าผ่าเผย น่ารักน่านับถือ ตั้งบ้านเรือนอยู่
รมิ ทะเล ตดิ ตอ่ กบั ปา่ แสม มที วิ ไมเ้ ขยี วชอมุ่ แลดไู สว
มที งั้ นกและลงิ คา่ ง สง่ เสยี งรอ้ งฟงั เสนาะวงั เวงจบั ใจ
รว้ั บา้ นของแกลอ้ มดว้ ยตน้ ไมม้ หี นาม คอื กอไผ ่ สละ
ระกำ� เป็นต้น บ้านเรือนของแกสะอาดเรียบร้อยดี
21
จนชั้นตามฝาหรือเพดาน ก็ไม่มีเขม่าไฟ เพราะแก
คอยเอาใจใสด่ แู ลอยเู่ สมอๆ ขยะตา่ งๆ แกกเ็ อาไปเท
ใสห่ ลมุ เสยี เพอื่ ไมใ่ หห้ มกั หมม เลอะเทอะหรอื ขนึ้ รา
เหม็น ท้ังจะได้ใช้เป็นปุ๋ยต่อไปอีกด้วย แกเป็นคน
ช่างคิดช่างทำ� ถ้าแกเห็นว่าของในดิน
สินในนํ้า ส่ิงหนึ่งส่ิงใดในท้องถ่ิน
ทีแ่ กอย ู่ จะท�ำ ให้เกดิ เป็นเงิน
เป็นทองได้แล้ว แกก็ตั้งหน้า
22
อดทนกดั ฟนั ท�ำ อยา่ งอาบเหงอ่ื ตา่ งนาํ้ มงุ่ หมายแตจ่ ะ
ให้แล้วอย่างดีงาม ไม่เถลไถล แกเป็นคนหมั่นมาก*
ชอบไปเท่ียวหาใบสมอ ใบสมี แล้วนำ�
ไปสง่ ท่ีรา้ นจ�ำ หน่ายยาบา้ ง ไปตดั ไมแ้ สม
มาทอนเปน็ ฟนื ขายบา้ ง ไปเทย่ี วจบั ปแู สม
—* ห—ม—่ัน—ม—าก——ห—มา—ย—ถ—งึ —ขยันขนั แข็ง
23
แลว้ เอามาดองเปน็ ปเู คม็ ขายบา้ ง ไปเทย่ี วหาไขเ่ ตา่ ตน ุ
ที่เรียกว่าไข่จะละเม็ดมาขายบ้าง จนชั้นสวะท่ีจะใช้
เป็นเช้ือไฟ หุงข้าวต้มแกงกินได้ก็เลือกเก็บมา
ผงึ่ แดดไว้
เงินทองท่ีแกหามาได้นั้น แกก็แบ่งเฉล่ียออก
เป็นส่วนๆ เก็บไว้เป็นทุนบ้าง ใช้จ่ายในส่ิงท่ีจำ�เป็น
บ้าง ยินดีสละเงินบำ�รุงแผ่นดิน คือ ให้เป็นกำ�ลัง
แก่บ้านเมืองบ้าง แกเป็นคนละเอียดถ่ีถ้วน และ
เห็นของทุกอย่างมีค่า ถ้าพอจะนำ�มาดัดแปลงได้
กไ็ ม่ท้งิ ใหเ้ สยี เปล่า
เราจะเหน็ ไดว้ า่ นายเสนอ เสยี งเสนาะ เปน็ คน
รจู้ กั หนา้ ทข่ี องตนด ี คอื รจู้ กั หาเงนิ ในทางทช่ี อบ ท�ำ ตาม
หลกั ทวี่ า่ หมน่ั ท�ำ เสมอ ยอ่ มไดเ้ งนิ ทองเสมอ เพราะ
เงินนั้นได้มาด้วยการทำ�งาน และไม่ใช่เพียงแต่รู้จัก
ทำ�เท่าน้ัน แกยังรู้จักเก็บ รู้จักใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่
จ�ำ เปน็ อกี ดว้ ย ในไมช่ า้ แกกเ็ ปน็ คนมง่ั มเี งนิ ทองมาก
24
เราต้องสำ�นึกตัวว่า คนทุกคนจำ�เป็นอย่างยิ่ง ที่ต้อง
ทำ�มาหากินเล้ียงตัวเอง และผู้ที่จะมั่งมีเงินทองนั้น
ตอ้ งหมน่ั ท�ำ งาน อาบเหงอ่ื ตา่ งนา้ํ มากอ่ น เอาก�ำ ลงั กาย
เข้าแลกเงิน ไม่ย่อท้อหรือหวาดหวั่นต่องานเลย
เด็กๆ ท้ังหลาย พึงจดจำ�เย่ียงอย่างอันดีงามนี้ไว้
เม่ือเติบโตข้ึน ควรจะร่วมใจร่วมกำ�ลัง ช่วยกันคิด
ทำ�ส่ิงท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินของตน ให้เกิดเป็นสินค้า
ขายได้เป็นเงินเป็นทองขึ้น จะได้เป็นกำ�ลังแก่ตน
และบ้านเกิดเมืองนอน อันเป็นที่รักยิ่งของตนต่อไป
สมัยน้ีคนไทยต้องต่ืนตัว ต้องพยายาม
ทำ�มาหากินทุกๆ ด้าน อย่ายอมให้ชาติอื่นมาแย่ง
การทำ�มาหากินของเรา เราต้องช่วยตัวเราเอง
เราต้องเพาะปลูก เราต้องเล้ียงสัตว์ เราต้องรู้จัก
ทำ�ส่ิงของใช้เอง เราต้องรู้จักค้าขาย เงินทองก็จะ
หมุนเวียนอยู่ในหมู่คนไทย ความม่ังคั่งก็จะเป็น
ของไทย ชาตไิ ทยจงึ จะเจรญิ
25
ชว่ ยตัวและช่วยชาติ
เราเกดิ มาท้งั ทีมีตาหู
มือเทา้ คอู่ ยู่ด้วยได้ช่วยเหลือ
ต้องหาเงินทำ�ทนุ ไว้จนุ เจือ
เลี้ยงตวั เพ่ือย่งั ยืนส้ฝู นื ทน
เอากำ�ลังกายาฝ่าลำ�บาก
ถงึ งานยากกไ็ มเ่ ลือกเสลอื กสลน
ท่หี มั่นเรยี นเพียรพากไม่ยากจน
ได้เป็นพลเมอื งดมี ีปัญญา
โง่หรอื ฉลาดอาจมง่ั มเี หมือนกนั หมด
ถ้าแม้นอดทนสู้เพ่ือกู้หน้า
ไมง่ อมอื งอเท้าเข้าต�ำ รา
ก็จะพาชาตไิ ทยให้รงุ่ เรือง
26
บทท่ี ๒๐
ใหเ้ อา ขง– (ขะหงอ) ฯลฯ กน– (กะนอ) ฯลฯ ทผ่ี สมสระแลว้
มาผสมกบั ตวั สะกดในแมบ่ ท จากซา้ ยไปขวาเปรยี บเทยี บกนั ทลี ะคๆู่
เป็นแถวๆ ก่อน แล้วจึงให้อ่านจากซ้ายไปขวา แล้วให้เด็กฝึกหัด
ผสมสระอ่นื ๆ ปากเปล่าอกี จนใหเ้ ขา้ ใจแจ่มแจ้ง
ขง– ขน– ขม– ขย– ฉง– ฉน– ฉม– ฉว– ถง– ถน–
ถล– ผง– ผน– ผย– ผว– ฝร– สง– สน– สม– สร–
สล– สว– กน– จม– ตน– ตล– อง– อน– อร– อล–
ง น ม ย ว ก ด บ
สะ สงั สัน สมั สยั – สัก สัด สบั
สละ สลงั สลนั สลัม สลยั – สลัก สลดั สลับ
ขนา ขนาง ขนาน ขนาม ขนาย ขนาว ขนาก ขนาด ขนาบ
ขยิ ขยิง ขยิน ขยิม ขยิย ขยิว ขยิก ขยิด ขยบิ
ฉล ี ฉลงี ฉลนี ฉลมี ฉลยี ฉลวี ฉลกี ฉลีด ฉลบี
ผน ึ ผนึง ผนนึ ผนึม ผนยึ ผนึว ผนกึ ผนึด ผนบึ
สมุ สมุง สมนุ สมุม สมุย สมุว สมกุ สมุด สมบุ
เสมะ เสม็ง เสมน็ เสม็ม เสม็ย เสมว็ เสม็ก เสมด็ เสมบ็
เขน เขนง เขนน เขนม เขนย เขนว เขนก เขนด เขนบ
แถล แถลง แถลน แถลม แถลย แถลว แถลก แถลด แถลบ
โขนะ ขนง ขนน ขนม ขนย ขนว* ขนก ขนด ขนบ
โขม โขมง โขมน โขมม โขมย โขมว โขมก โขมด โขมบ
ฉลอ ฉลอง ฉลอน ฉลอม ฉลอย ฉลอว ฉลอก ฉลอด ฉลอบ
* ให้ครูพยายามใหเ้ ดก็ อ่านใหช้ ัด
27
ง น ม ย ว ก ด บ
ขมัว ขมวง ขมวน ขมวม ขมวย ขมวว ขมวก ขมวด ขมวบ
เสวีย เสวยี ง เสวยี น เสวียม เสวียย เสวียว เสวยี ก เสวยี ด เสวยี บ
เสมอื เสมือง เสมือน เสมอื ม เสมอื ย เสมอื ว เสมือก เสมอื ด เสมอื บ
เฉลอ เฉลิง เฉลิน เฉลิม เฉลย เฉลวิ เฉลิก เฉลิด เฉลบิ
ตา ตาง ตาน ตาม ตาย ตาว ตาก ตาด ตาบ
ตลา ตลาง ตลาน ตลาม ตลาย ตลาว ตลาก ตลาด ตลาบ
ตง ิ ตงงิ ตงิน ตงมิ ตงยิ ตงวิ ตงิก ตงิด ตงบิ
จมู จมงู จมูน จมมู จมยู จมวู จมูก จมูด จมูบ
เอน เอนง เอนน เอนม เอนย* เอนว เอนก เอนด เอนบ
โกนะ กนง กนน กนม กนย* กนว กนก กนด กนบ
โตน โตนง โตนน โตนม โตนย โตนว โตนก โตนด โตนบ
ตลอ ตลอง ตลอน ตลอม ตลอย ตลอว ตลอก ตลอด ตลอบ
เตลอ เตลงิ เตลนิ เตลมิ เตลย เตลิว เตลิก เตลดิ เตลบิ
อกั ษรสูง ผัน อกั ษรกลาง
่ ้ ่ ้ ๊ ๋
ฝงั ฝั่ง ฝ้ัง องั อง่ั อง้ั อั๊ง อั๋ง
ฝรงั ฝร่ัง ฝรงั้ อรัง อร่ัง อร้ัง อรั๊ง อรง๋ั
สวาน สวา่ น สว้าน อราม อรา่ ม อรา้ ม อร๊าม อร๋าม
* ใหค้ รูพยายามให้เด็กอา่ นให้ชดั
28
่ ้ ่ ้ ๊ ๋
ขมิน ขมิ่น ขมิ้น ตลงิ ตลิ่ง ตลงิ้ ตลิ๊ง ตลง๋ิ
ถลึง ถลงึ่ ถลง้ึ อนงึ อนึง่ อน้งึ อนง๊ึ อน๋งึ
ขยมุ ขย่มุ ขยมุ้ องนุ องุ่น องนุ้ องุ๊น อง๋นุ
เขมน เขม่น เขม้น เตลน เตล่น เตลน้ เตลน๊ เตล๋น
แฉลม แฉลม่ แฉลม้ แอรม แอรม่ แอรม้ แอรม๊ แอร๋ม
ถลม ถล่ม ถลม้ ตลม ตล่ม ตล้ม ตล๊ม ตลม๋
โขยง โขยง่ โขยง้ โตลง โตล่ง โตลง้ โตล๊ง โตลง๋
ขมอม ขมอ่ ม ขม้อม อรอย อร่อย อรอ้ ย อรอ๊ ย อร๋อย
เสลยี ง เสลี่ยง เสลี้ยง เตลยี ง เตลีย่ ง เตลย้ี ง เตลยี๊ ง เตลย๋ี ง
เขยอื น เขยอื่ น เขยื้อน เตลอื น เตลอ่ื น เตล้ือน เตล๊ือน เตลอื๋ น
อักษรน�ำ ที่ตอ้ งอา่ นออกเสยี ง อยา่ งเดยี วกบั คำ�เรยี งพยางค ์ เชน่
พยายาม อ่านว่า พะยายาม แสดง อา่ นว่า สะแดง
อา่ นว่า มะเลด็
ทวี อ่านวา่ ทะวี เมลด็ อ่านวา่ มะแลง
สตรี อ่านว่า สะตร ี แมลง
29
ดอกสลดิ แมลงวัน มนั สมอง เสวียนหมอ้
แบบฝกึ หัด
แขนงไม ้ ทาขมนิ้ ยาสมาน ทนั สมยั
มันสมอง ขี้ขมวน ขมวดเชือก
ถือฉมวก เสียงโขมง ขะมักเขม้น
รจู มกู เสวยี นหมอ้
สมุดพก ผนึกซอง
สองสลึง ผ้าโสร่ง ดอกสลิด
ใบสลอด แกะสลัก ไปตลาด
ริมตล่ิง เอร็ดอร่อย ของแสลง
เรือฉลอม งานเฉลิม แมลงวัน
วันฉลอง เฉลียวฉลาด สนิมเหล็ก
30
ขยาบเรือ เขม็ดแขม่ เมล็ดข้าว ขยันเรียน ต้นฝร่ัง
ฝาผนัง ต้นขนุน ขนมผิง สวนสนาม ปลาสลาด
ลมสลาตัน เรือสลุบ หูฉลาม ขมีขมัน ไขสว่าน
ถักสวิง ขมิ้นเครือ แสงสว่าง สีสวาด เงียบสงัด
สงบเสง่ียม สงวนไว้ แสวงหา ตลับยา ฉนวนนํ้า
ปลาฉนาก พยายาม ขยับขยาย ดินถนำ� รำ�เขนง
สังขยา พยาบาล ตลาดนัด ถลุงแร่ ทนายความ
อาขยาน วิ่งตลบ ตลอดวัน ตาลโตนด เรือขนาน
คันธนู หน้าโฉนด จับฉลาก ปีฉลู เผ่นผยอง
เตม็ สวาบ ถอ้ ยแถลง พนมไพร ผกากรอง สกุ สกาว
หญ้าฝรนั่ ลอยโพยม
31
โรงเรยี นสมัยนี้
วันหน่ึง นายเฉลิม สุดเฉลียว
กับลูกสาวได้ไปที่โรงเรียน อันงดงาม
ทนั สมยั แหง่ หนงึ่ เพอ่ื จะรรู้ ะเบยี บวชิ า
ที่สอนอยู่ในโรงเรียนน้ัน และอยากจะ
เห็นเด็กชายสลับ สุดเฉลียว หลาน
32
ของเขาเลา่ เรยี นวชิ าเปน็ อยา่ งไรบา้ ง เขาไปถงึ โรงเรยี น
ก็พอดีเป็นเวลานักเรียนหยุดพัก เด็กนักเรียน
กำ�ลังเล่นกันอยู่ในสนามอย่างสนุกสนาน ที่ริมสนาม
ดา้ นหนง่ึ มแี มค่ า้ น�ำ ของกนิ และขนมมาขาย นกั เรยี น
ต่างก็น่ังกินเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าเอร็ดอร่อย
เด็กชายสลับ สุดเฉลียว กินอ่ิมแล้ว เหลือบมาเห็น
ลุงกับพี่สาวเข้าจึงยกมือไหว้ พอคุยกันได้สักหน่อย
ก็ถึงเวลาเข้าห้องเรียน นักเรียนทุกช้ันต่างเดินแถว
เขา้ หอ้ งเรยี นอยา่ งเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย สว่ นนกั เรยี น
สตรีน้ัน เรียนอยู่อีกแผนกหน่ึงต่างหาก ท่านผู้สอน
ได้ยินยอมให้นายเฉลิม สุดเฉลียว เข้าไปนั่งดูหลาน
ของเขาเล่าเรียนในห้องเรียน ห้องเรียนนี้เหมาะดี
ฝาผนังทาสีเขียวอ่อนเย็นตาดี และมีแสงสว่างส่อง
เข้าข้างหลังทางซ้ายมือได้สะดวก นับว่าเหมาะดี
นักเรียนนั่งสงบเสงี่ยม ตั้งใจเล่าเรียนกันอยู่อย่าง
33
เงียบสงัด นายเฉลิม สุดเฉลียว เห็นเด็กชายสลับ
หลานของเขาขยันขะมักเขม้นเล่าเรียนด ี ตอบคำ�ถาม
กถ็ กู ตอ้ งและชดั เจนดี รูส้ ึกยินดีมาก
ต่อจากน้ี ท่านผู้สอนได้เอื้อเฟื้อแนะนำ�ให้เขา
ไปดูวิชาทำ�มาหากินแผนกต่างๆ มีทำ�นา ทำ�สวน
ท�ำ ไร ่ แผนกน ี้ เขาไดเ้ หน็ นกั เรยี นก�ำ ลงั ฝกึ งาน เชน่
เพาะเมล็ดต่างๆ บ้าง จับและทำ�ลายแมลง ที่มา
34
กัดกินต้นไม้บ้าง แล้วยังได้ไปดูแผนกขุดเหมืองแร่
ปา่ ไม ้ เลยี้ งววั หม ู เปด็ ไก ่ และอน่ื ๆ ตลอดจนถงึ
แผนกช่างต่างๆ เช่น ช่างแกะสลักก็ทำ�ตลับงา ช่าง
ทอผ้า ก็ทอผ้าต่างๆ ตลอดจนผ้าโสร่ง ช่างไม้ก็ใช้
กบ สว่ิ สวา่ น ไปตามชนดิ ของงาน ชา่ งเหลก็ กห็ ดั
ตีเหล็กเป็นมีด เป็นเคียว เป็นฉมวก น่าดู น่าชม
ย่ิงนัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายเฉลิม สุดเฉลียว ได้ไป
35
พบเห็น เวลาท่ีนักเรียนแผนกต่างๆ แสดงให้ดูน้ัน
เป็นที่พอใจมาก เขานึกชมในใจว่า โรงเรียนนี้เป็น
โรงเรียนทันสมัยแท้ ทุกๆ ท้องถิ่นจำ�เป็นอย่างยิ่ง
ท่ีจะต้องจัดสอนวิชาทำ�มาหากิน ที่เหมาะและสะดวก
แก่ท้องถ่ินของตน เม่ือเด็กเติบโตขึ้น จะได้ยึดถือ
เป็นหลักสำ�หรับทำ�มาหากิน อย่างทันสมัยต่อไป
เม่ือชาวไทยทุกคน รู้จักทำ�งานตามหลักวิชา และ
รว่ มใจกนั ท�ำ ดว้ ยความพยายาม อยา่ งขยนั ขนั แขง็ แลว้
ประเทศไทยจะมง่ั คง่ั เทยี มหนา้ ตา่ งประเทศ ชาวไทย
ทง้ั หลาย ก็จะรู้สกึ อ่นุ ใจทัว่ หน้ากนั
เด็กนักเรียนทั้งหลาย เม่ืออ่านเร่ืองนี้แล้ว
จงรู้สึกไว้แต่เด๋ียวนี้ว่า เมื่อตนเรียนวิชาเบ้ืองต้นรู้ดี
พอแล้ว จำ�เป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องเลือกเรียนวิชา
ทำ�มาหากิน ท่ีเหมาะและสะดวกแก่ตนไว้ให้ได้ และ
ต้องต้ังใจเรียนไว้ให้รู้ดีด้วย เพ่ือจะได้ยึดถือเป็นหลัก
36
สำ�หรับทำ�มาหากินเล้ียงตัวเองต่อไป จะได้เป็น
กำ�ลังแก่ตนและประเทศไทย อันเป็นบ้านเกิด
เมอื งนอนของเรา
ในวัยเดก็
ในวยั เดก็ เล็กอยจู่ งรู้ว่า
เรียนวชิ าช้นั ตน้ จนจบสิน้
แล้วเลอื กเรยี นวชิ าเชงิ หากิน
ให้ถกู ถิน่ ถูกเวลาถกู ทา่ ที
เม่ือเตบิ โตต่อไปในข้างหนา้
ตอ้ งมุ่งหน้าหากนิ ตามถ่นิ ท่ี
รจู้ ักทำ�ร้จู กั ใชเ้ ก็บให้ดี
ยามแกม่ เี จบ็ ไขไ้ ดใ้ ช้เอย
37
บทที่ ๒๑
สอนพยัญชนะท่ีใช้กลํ้ากับ ร ล หรือ ว และให้เด็กอ่าน
ออกเสียง กร– (กรอ) ฯลฯ พล– (พลอ) ใหถ้ ูกต้องก่อน แล้วจึง
ค่อยให้ผสมสระในแม่บท จากข้างบนลงมาข้างล่างเปรียบเทียบกัน
ทีละคู่ๆ เป็นแถวๆ แล้วจึงให้อ่านจากซ้ายไปขวา และให้เด็ก
ฝึกหดั ผสมสระอื่นๆ อีก จนใหเ้ ข้าใจแจ่มแจ้ง
กร– กล– กว– ตร– ปร– ปล– ขร– ขล–
ขว– ผล– คร– คล– คว– พร– พล–
ะ า ี ู –วั เ–อ –�ำ ไ เ–า
ก กะ กา ก ี ก ู กัว เกอ กำ� ไก เกา
กร– กระ กรา กร ี กร ู กรวั เกรอ กรำ� ไกร เกรา
ตร– ตระ ตรา ตรี ตรู ตรัว เตรอ ตร�ำ ไตร เตรา
ปร– ประ ปรา ปรี ปรู ปรวั เปรอ ปรำ� ไปร เปรา
กล– กละ กลา กล ี กล ู กลวั เกลอ กล�ำ ไกล เกลา
ปล– ปละ ปลา ปล ี ปลู ปลวั เปลอ ปล�ำ ไปล เปลา
38
ะ า ี ู –ัว เ–อ –�ำ ไ เ–า
ข ขะ ขา ขี ขู ขวั เขอ ขำ� ไข เขา
ขร– ขระ ขรา ขรี ขรู ขรัว เขรอ ขรำ� ไขร เขรา
ขล– ขละ ขลา ขลี ขลู ขลัว เขลอ ขลำ� ไขล เขลา
ผล– ผละ ผลา ผล ี ผลู ผลัว เผลอ ผลำ� ไผล เผลา
ขว– ขวะ ขวา ขวี ขวู ขวัว เขวอ ขว�ำ ไขว เขวา
ค คะ คา ค ี คู คัว เคอ ค�ำ ไค เคา
คร– คระ ครา คร ี คร ู ครัว เครอ ครำ� ไคร เครา
พร– พระ พรา พร ี พร ู พรวั เพรอ พรำ� ไพร เพรา
คล– คละ คลา คลี คล ู คลวั เคลอ คลำ� ไคล เคลา
อักษรกลาง ผนั
อักษรสงู อักษรตา่ํ
่ ้ ๊ ๋ ่ ้ ่ ้
กา กา่ ก้า ก๊า ก๋า ขา ข่า ขา้ คา คา่ ค้า
กรา กร่า กรา้ กรา๊ กร๋า ขรา ขร่า ขร้า ครา คร่า ครา้
กลา กลา่ กล้า กล๊า กล๋า ขลา ขล่า ขล้า คลา คลา่ คลา้
กวา กวา่ กวา้ กวา๊ กว๋า ขวา ขวา่ ขว้า ควา ควา่ ควา้
39
่ ้ ๊ ๋ ่ ้ ่ ้
กลี กล ี่ กลี้ กล ๊ี กลี๋ ผลี ผลี่ ผล ้ี คล ี คลี่ คลี้
ตรู ตร ู่ ตร ู้ ตรู๊ ตร ู๋ ขรู ขรู่ ขร ู้ คร ู คร ู่ ครู้
เตร เตร่ เตร ้ เตร๊ เตร ๋ เขร เขร ่ เขร ้ เคร เคร่ เคร้
แปร แปร่ แปร ้ แปร๊ แปร ๋ แผร แผร่ แผร ้ แพร แพร ่ แพร้
โกล โกล ่ โกล้ โกล๊ โกล ๋ โผล โผล ่ โผล้ โคล โคล่ โคล้
กลอ กลอ่ กลอ้ กลอ๊ กล๋อ ขลอ ขล่อ ขลอ้ คลอ คล่อ คล้อ
กลัว กล่ัว กล้ัว กล๊ัว กล๋วั ขลัว ขล่ัว ขล้ัว พลัว พลัว่ พล้วั
เกลยี เกลย่ี เกลี้ย เกลีย๊ เกลี๋ย เขลีย เขลีย่ เขล้ีย เพลยี เพลีย่ เพลย้ี
เกลือ เกลอ่ื เกลือ้ เกล๊ือ เกลือ๋ เขลือ เขลอ่ื เขล้ือ เคลอื เคลื่อ เคลอื้
เกรอ เกร่อ เกรอ้ เกรอ๊ เกรอ๋ เขรอ เขรอ่ เขร้อ เครอ เครอ่ เครอ้
ไกล ไกล่ ไกล ้ ไกล ๊ ไกล๋ ไขว ไขว่ ไขว้ ไคล ไคล ่ ไคล้
เปลา เปลา่ เปล้า เปลา๊ เปล๋า เขลา เขลา่ เขล้า เคลา เคล่า เคล้า
กล�ำ กลาํ่ กล้ํา กลํ๊า กลํา๋ ขล�ำ ขลํา่ ขลํา้ คล�ำ คล่ํา คล้าํ
40
เปล หวั ปลี ตะกร้อ
แบบฝกึ หัด
ตีเกราะ ใจกล้า ไกล่เกลี่ย ตะกร้อ ตะกร้า
มะเกลือ คละกัน กล้าหาญ ประดานํ้า คำ�แปล
หัวปลี ไกวเปล หัวเปราะ รถดับเพลิง มวยปลํ้า
น้ําครํ่า ผ้าไตร เช้าตรู่ ประดู่ ตะไคร้ ปลอดภัย
ใบขลู่ แก้วแกลบ กระดาษ ขวัญข้าว ชะคราม
ครึกคร้ืน คลิ้งโคลง ควาญช้าง ไหว้พระ ผ้าแพร
แคล่วคล่อง พลับพลึง เคร่ืองเคลือบ พูดเพราะ
มีดพร้า ช้าพลู แตงกวา ค้นคว้า ตรึกตรอง
ตะไคร่น้ํา ฝนพรำ� กะหล่ําปลี พลับพลา กุ้งพล่า
แพร่หลาย ผกากรอง พรํ่าสอน สานครุ ใคร่ครวญ
จากพราก บินไขว่ นกเปล้า กินปลี พรานป่า
ตระเตรยี ม ยงิ กวาง กลางดง กระบือ