41
นายกล่าํ ใจกล้า ดีอยา่ งไร
นายกล่ํา ใจกล้า ทำ�มาหากินในทางทำ�ไร่
ไร่ของแกมี เปราะ ขิง ข่า ตะไคร้ ฟัก แฟง
แตงกวา กะหลํ่าปลี และผักอื่นๆ อีกหลายอย่าง
แกเป็นคนขยันขันแข็ง รู้จักค้นคว้าหาข้อท่ีน่ารู้
ในเรื่องทำ�ไร่ตามหลักวิชา เอาใจใส่บำ�รุงไร่ดีมาก
หมั่นรดน้ํา ถากถาง ใส่ปุ๋ย และคอยระวังจับหนอน
42
ตัวเพลี้ย ไม่ให้มากัดกินผักของแก ผักของแก
จงึ งอกงามด ี น่าด ู นา่ ชมแทๆ้
พอเวลาเชา้ ตร ู่ ถงึ แมฝ้ นจะตกพร�ำ ๆ และหนทาง
จะเฉอะแฉะ แกก็ทนตรำ�ฝน ไม่กลัวเปรอะเป้ือน
หาบผกั ตา่ งๆ เตรไ่ ปเทย่ี วขายตามตลาด แกเปน็ คน
ใจดี หน้าตาย้ิมแย้มอยู่เสมอ วาจาก็อ่อนหวาน
ฟังเพราะจบั ใจ และไมใ่ คร่พูดพรํ่าเพร่ือ
ถ้าแกมีเวลาว่าง ใครโผล่หน้า เข้าไปดูใกล้ๆ
ประตูร้ัวไร่จะเห็นแกน่ังอยู่บนเก้าอ้ี สานกระจาด
43
ตะกร้า เป็นต้น ด้วยฝีมืออันละเอียดเรียบร้อย
น่าดู น่าใช้ ถ้ามีเหลือมาก ก็ส่งไปขายท่ีตลาด
ใครๆ กพ็ อใจอดุ หนุนแก
ในเรือนของแกแม้แต่ครัว ก็ดูสะอาดดี
ถ้วยชามวางควํ่า เป็นระเบียบเรียบร้อย ตุ่มนํ้า
ก็ไม่ให้มีตะไคร่นํ้าจับ จนกระทั่ง กะปิ นํ้าปลา
หวั หอม หวั กระเทยี ม นางไปล ่ ใจกลา้ เมยี ของแก
กห็ มั่นเอาออกผึง่ แดดบ่อยๆ เพอื่ มใิ ห้เปน็ ขมวน
44
แกชอบใชเ้ สอ้ื ผา้ ทท่ี �ำ ขน้ึ จ�ำ หนา่ ยในประเทศไทย
เพื่อบำ�รุงสินค้าในบ้านเมืองของตน แพรและไหม
ถึงแม้มีแพร่หลายก็ตาม แต่แกไม่ใคร่ชอบใช้
เพราะมีราคาแพงเกินไป สุรุ่ยสุร่าย เสียเงินในส่ิง
ทีไ่ ม่จ�ำ เปน็
ตามเรื่องที่ได้อ่านมาน้ี นักเรียนคงรู้ได้แล้วว่า
นายกล่ํา ใจกล้า ขยันขันแข็งอย่างไร มีกิริยาวาจา
เปน็ อยา่ งไร เรอื นของแกจนกระทง่ั ครวั สะอาดอยา่ งไร
และแกรู้จักประหยัดใช้เสื้อผ้าเป็นอย่างไร ข้อเหล่าน้ี
นักเรียนทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ของแก
ดีทั้งหมด และเป็นส่ิงที่น่าจะจดจำ� กระทำ�ตามแก
ทั้งส้ินด้วย ถ้าชาวไทยเราทุกคน ต่างรู้สึกสำ�นึกตัว
ถึงหน้าที่อันดีงามเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยเราก็จะ
มง่ั ค่งั และรุง่ เรืองทดั เทียมบา่ ไหลเ่ ขา
45
เมอื งไทย ใหญอ่ ุดม
ดินดีสม เป็นนาสวน
เพอ่ื นรัก เราชกั ชวน
รว่ มช่วยกัน มงุ่ หมัน่ ท�ำ
วิชา ตอ้ งหาไว้
เป็นหลักได้ ใชช้ ่วยนำ�
ให้ร ู้ ลู่ทางจำ�
คน้ คว้าไป ใหม้ ากมาย
ชว่ ยกนั อยา่ งขันแขง็
ด้วยล�ำ แขง้ และแรงกาย
ทำ�ไป ไม่เสยี ดาย
แม้อาบเหงือ่ เมอ่ื ท�ำ งาน
ด่งั นี ้ มง่ั มแี ท้
รม่ เย็นแน่ หาไหนปาน
โลกเขา คงเลา่ ขาน
ถน่ิ ไทยน้ี ดีงามเอย
46
บทท่ี ๒๒
ให้เอาตัวกล้ําที่ผสมสระแล้ว มาผสมกับตัวสะกดในแม่บท
จากซ้ายไปขวาเป็นแถวๆ ก่อน แล้วจึงให้อ่านจากข้างบนลงมา
ขา้ งลา่ ง และใหเ้ ดก็ ฝึกหดั ผสมสระอื่นๆ อีก จนเขา้ ใจแจ่มแจง้
กร– กล– กว– ตร– ปร– ปล– ขร– ขล–
ขว– ผล– คร– คล– คว– พร– พล–
ง น ม ย ว ก ด บ
กระ กรัง กรนั กรมั กรยั – กรัก กรัด กรับ
กรา กราง กราน กราม กราย กราว กราก กราด กราบ
กร ิ กริง กรนิ กรมิ กริย กรวิ กรกิ กรดิ กริบ
คร ี ครงี ครนี ครมี ครีย ครีว ครีก ครดี ครบี
ตรึ ตรงึ ตรึน ตรึม ตรึย ตรวึ ตรึก ตรดึ ตรบึ
ครื ครืง ครึืน ครืม ครืย ครืว ครกื ครืด ครบื
ผลุ ผลุง ผลุน ผลมุ ผลุย ผลวุ ผลุก ผลดุ ผลุบ
ปล ู ปลงู ปลูน ปลมู ปลยู ปลวู ปลกู ปลูด ปลบู
เพล เพลง เพลน เพลม เพลย เพลว เพลก เพลด เพลบ
แปล แปลง แปลน แปลม แปลย แปลว แปลก แปลด แปลบ
โกระ กรง กรน กรม กรย กรว กรก กรด กรบ
คลอ คลอง คลอน คลอม คลอย คลอว คลอก คลอด คลอบ
พรัว พรวง พรวน พรวม พรวย – พรวก พรวด พรวบ
เกรยี เกรียง เกรียน เกรียม เกรียย เกรียว เกรียก เกรยี ด เกรยี บ
เกลอื เกลือง เกลือน เกลือม เกลอื ย เกลอื ว เกลอื ก เกลอื ด เกลอื บ
เพลอ เพลงิ เพลิน เพลมิ เพลิย เพลิว เพลกิ เพลิด เพลิบ
47
ผนั
อักษรกลาง
่ ้ ๊ ๋
กัน ก่ัน กน้ั กน๊ั กนั๋
กลัน กลัน่ กลนั้ กลน๊ั กลนั๋
กวาง กวา่ ง กวา้ ง กว๊าง กวา๋ ง
กราว กรา่ ว กรา้ ว กรา๊ ว กรา๋ ว
กลงิ กล่ิง กลง้ิ กล๊งิ กล๋ิง
กรงึ กร่งึ กรึ้ง กร๊งึ กรง๋ึ
กลืน กล่นื กลน้ื กล๊ืน กลื๋น
กลุม กลุม่ กลุ้ม กล๊มุ กลุ๋ม
เปลง เปลง่ เปล้ง เปลง๊ เปลง๋
แกลน แกลน่ แกล้น แกลน๊ แกล๋น
กลน กล่น กล้น กล๊น กล๋น
โกรง โกร่ง โกร้ง โกร๊ง โกรง๋
กลอง กลอ่ ง กลอ้ ง กลอ๊ ง กลอ๋ ง
48 อักษรกลาง
่ ้ ๊ ๋
กลวย กล่วย กลว้ ย กล๊วย กลว๋ ย
เปรยี ว เปรยี่ ว เปรย้ี ว เปรยี๊ ว เปรีย๋ ว
เกลอื น เกล่อื น เกลือ้ น เกลอ๊ื น เกล๋อื น
ผนั อักษรตํ่า
อกั ษรสงู
่ ้ ่ ้
ขนั ขั่น ข้นั คัน คั่น ค้ัน
ขลนั ขลั่น ขลั้น ครนั ครัน่ ครน้ั
ขวาง ขวา่ ง ขว้าง ควาง ควา่ ง ควา้ ง
ขราว ขรา่ ว ขร้าว คราว ครา่ ว คร้าว
ขลงิ ขลิง่ ขล้งิ คลงิ คลงิ่ คล้ิง
ขลงึ ขลึง่ ขลึ้ง ครงึ คร่ึง ครึง้
ขลนื ขล่นื ขลนื้ คลืน คลน่ื คล้ืน
ขลุย ขลุย่ ขลยุ้ คลมุ คลมุ่ คล้มุ
49
อักษรสูง อักษรตํา่
่ ้ ่ ้
เขลง เขล่ง เขลง้ เคลน เคล่น เคล้น
แขวน แขวน่ แขวน้ แคลน แคลน่ แคลน้
ขลน ขลน่ ขลน้ คลน คลน่ คลน้
โขรง โขร่ง โขรง้ โครง โครง่ โครง้
ขลอง ขลอ่ ง ขลอ้ ง คลอง คลอ่ ง คลอ้ ง
ขลอย ขลอ่ ย ขล้อย คลอย คล่อย คลอ้ ย
เขรียว เขรี่ยว เขรี้ยว เพรยี ว เพรย่ี ว เพรย้ี ว
เขลอื น เขลื่อน เขล้ือน เคลอื น เคลอ่ื น เคลอื้ น
สอนอักษรควบไม่แท้ คือพยญั ชนะท่ีกลํา้ กบั ตัว ร ซึ่งไมต่ ้อง
ออกเสยี ง ร อยา่ งหนงึ่ อกี อยา่ งหนึ่ง ทร ออกเสียงเป็น ซ เช่น
สระ อา่ นวา่ สะ สรา้ ง อา่ นว่า ส้าง
ไซร ้ อา่ นวา่ ไซ้ สรอ้ ย อา่ นวา่ สอ้ ย
สรง อ่านวา่ สง จรงิ อ่านวา่ จงิ
50
อนิ ทรี อา่ นว่า อินซ ี ทราย อ่านว่า ซาย
ไทร อ่านวา่ ไซ ทรดุ โทรม อ่านว่า ซดุ โซม
ทรง อา่ นวา่ ซง แทรก อ่านว่า แซก
กรงนก กราบพระ
เครอ่ื งบนิ หอยแครง
แบบฝกึ หัด
กลมเกลยี ว แกลว้ กลา้ สม้ เกลย้ี ง มะกรดู เกรงกลวั
อดกล้ัน แปรงฟัน เปลวไฟ ปลิวไป ปลายข้าว
51
มะขวิด กว้างขวาง ด้ามขวาน แขวนเสื้อ สรงนํ้า
เปา่ ขลยุ่ หา้ มปราม ขา้ วเปลอื ก ปากตรอก ซอื่ ตรง
ตระเตรียม ตรึกตรอง ร้องเพลง พร้อมเพรียง
เพลดิ เพลนิ ปลกู พรกิ มะพรา้ ว มะพลบั หลน่ ผลอ็ ย
ผลัดผ้า ครีบปลา มะปราง กลางวัน วงกลม
วา่ กลา่ ว ดา้ ยกลมุ่ กราบพระ ขา้ วเกรยี บ ไสก้ รอก
กรงนก กรองนํ้า คราดนา ปลากราย กลีบบัว
เคร่ืองบิน ครกหิน พรวนดิน ความดี พรุ่งน้ี
ซี่โครง พลบคํ่า หอยแครง ขุดคลอง คล่องแคล่ว
ตัวคร่ัง คล้ายคลึง ครอบครัว วัวควาย กวักมือ
ปกครอง คราวหลงั ครง้ั แรก กวาดเรอื น คลองใหญ ่
แพร่หลาย ครัวไฟ กรวดทราย นกกวัก คร่ึงซีก
กลุ้มใจ ต้นกล้วย นกคลิ้งโคลง เข้ากรุง กระทรวง
โครงกระดกู เพาะปลูก ทำ�จริง
52
ครอบครวั ท่ดี ี
ครอบครัวท่ีดี ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับต้นไทร
สงู ตระหงา่ นแผก่ งิ่ กา้ นออกไปโดยรอบ มใี บแนน่ หนา
ร่มคร้ึม งดงาม เป็นท่ีอาศัยจับเกาะ ของฝูงนก
ท้ังหลาย หมายความว่า ผู้ที่อยู่ในครอบครัวที่ดีน้ัน
ย่อมจะได้รับความร่มเย็น มีความผาสุก ท่ัวหน้า
กันทุกคน แต่ท่ีจะให้เป็นไป ตามท่ีว่าน้ีได้ ก็ด้วย
คนทั้งหลายในครอบครัว ต่างรู้จักหน้าท่ีของตน
53
และต่างทำ�หน้าที่ของตน มิให้ผิดพลาดบกพร่อง
ดงั จะน�ำ มากลา่ วยอ่ ๆ ต่อไปนี้
พ่อบ้านเป็นหัวหน้าของครอบครัว ต้องทำ�ตัว
ให้คนในครอบครัวรักใคร่นับถือเหมือนกับลูกรักพ่อ
คือต้องมีใจคอเยือกเย็น กว้างขวาง ไม่ตระหนี่
เหนียวแน่น ใจหนักแน่น ใจดี ไม่เกรี้ยวกราด
ใจแน่วแน่ไม่โลเล มีความเท่ียงตรง ซื่อสัตย์
54
ท�ำ อะไรท�ำ จรงิ ไมเ่ หลวไหล ปลน้ิ ปลอ้ น กลบั กลอก
เอาความจริงไม่ได้ มีไหวพริบ ตริตรองรอบคอบ
คอยระวังดูแลไม่ให้มีอะไรบกพร่อง ไม่หูเบา ไม่เช่ือ
คำ�สอพลอพล่อยๆ ของใครง่ายๆ และต้องรู้สึก
อยู่เสมอว่า ตนเป็นกำ�ลังของครอบครัว เป็นฝ่าย
ท่ีหาเงินมาเล้ียงครอบครัว หลักที่ดีท่ีสุดก็คือ ทำ�ตัว
ใหเ้ ปน็ แบบอยา่ งอนั ดงี ามของคนในปกครอง เพอ่ื เขา
จะได้นบั ถอื และกระท�ำ ตามดว้ ยความจงรกั ภกั ดี
ส่วนแม่บ้านน้ัน ต้องทำ�ตัวให้คนในครอบครัว
รักใคร่นับถือเหมือนกับลูกรักแม่ นอกจากมีใจคอ
เหมือนกับพ่อบ้านดังกล่าวแล้ว ยังต้องเป็นผู้ดูแล
งานต่างๆ ในเหย้าเรือนให้เรียบร้อย รู้จักประหยัด
ใชจ้ า่ ยใหพ้ อเหมาะ รจู้ กั เกบ็ เลก็ ประสมนอ้ ยเหมอื นกบั
ปลวกท่ีทำ�รัง ต้องคอยอบรมกล่อมเกลาลูกให้เป็น
ผมู้ กี �ำ ลงั แขง็ แรง มคี วามรเู้ ฉลยี วฉลาด และเปน็ คนด ี
สอนลูกให้รู้จักรักครอบครัวและรักชาติบ้านเมือง
ให้ระลึกถึงความดีของผู้ที่ได้ช่วยชาติบ้านเมือง
55
ซึ่งล่วงลับไปแล้ว แต่ความดียังมิได้ลับตามไป
แล้วพยายามทำ�ความดีให้เหมือนท่านเหล่านั้น
นอกจากนั้นอย่ารักลูกโดยพะนอ อย่าปล่อยตามใจ
ลูกมากเกินไป หรือเกรี้ยวกราดขัดใจลูกจนเกินไป
เพราะจะท�ำ ใหล้ ูกเหลิงหรือเซอ่ื งซมึ ออ่ นแอไป
ส่วนเด็กๆ นั้นเล่า ต้องทำ�ตนให้เป็นที่น่ารัก
น่าเอ็นดูของพ่อแม่ และคนอื่นๆ ต้องมีกิริยาวาจา
เรียบร้อย อ่อนโยน รู้จักนบนอบกราบไหว้ ไม่ข้าม
กรายหรือยืนคํ้าหัวใครๆ ไม่เถียงพ่อแม่ ไม่กล่าว
คำ�หยาบ ต้องซ่ือตรง ตรงต่อเวลา จริงต่องาน
ต้องใจดี รักเพื่อนฝูง ไม่เอารัดเอาเปรียบ หรือ
แก่งแย่งชิงดีกัน ไม่แกล้งหรือเล่นรังแกเพื่อน ต้อง
รู้สึกระลึกถึงความดีของพ่อแม่ ที่มีแก่ตนและผู้ท่ี
ได้ทำ�ความดีแก่ประเทศไทยอย่างสูง และหาทาง
ตอบแทนความดีของท่านด้วย ต้องเป็นคนว่าง่าย
สอนง่าย เชื่อฟังและทำ�ตามคำ�ส่ังสอนของพ่อแม่
อยา่ งเครง่ ครดั ไมด่ อื้ ดา้ น ตอ้ งขยนั หมนั่ อา่ นหนงั สอื
56
เพื่ออบรมตนให้เป็นคนฉลาด และเต็มใจช่วยเหลือ
พ่อแม่ทุกค่ําเช้า ไม่ทอดธุระ ไม่เล่นคลุกคลีกับเด็ก
เกเรเสเพล เพราะจะพาตัวไปสู่ความช่ัว ต้องรู้จัก
คา่ ของเงนิ วา่ เงนิ ทองทพ่ี อ่ แมห่ ามาไดน้ น้ั ไมใ่ ชไ่ ดม้ า
งา่ ยๆ เลย ไดม้ าโดยยากล�ำ บากและเหนอื่ ยอาบเหงอื่
ต่างน้ําทีเดียว จึงต้องประหยัดใช้ ตลอดจนรู้จักรัก
และถนอมเคร่ืองใช้สอยต่างๆ ไม่ให้หมดเปลืองไป
ในสง่ิ ทไี่ มจ่ �ำ เปน็ เงนิ ทพ่ี อ่ แมใ่ หไ้ ปซอื้ ของรบั ประทาน
ทโี่ รงเรยี น ควรจะแบง่ เกบ็ ฝากคลงั ออมสนิ ไวว้ นั ละเลก็
วันละน้อยทุกๆ วัน เพื่ออบรมตนให้เป็นคนรู้จัก
เกบ็ หอมรอมริบ
นักเรียนท้ังหลาย พึงจดจำ�ไว้ว่า เมื่อตน
ยังเด็กอยู่ ต้องทำ�ตามเย่ียงอย่างของลูกหลาน
ที่ดีก่อน ครั้นเติบโตขึ้น เม่ือจะเป็นพ่อบ้านหรือ
แม่บ้านต่อไปแล้ว จึงค่อยทำ�ตามเยี่ยงอย่าง
ของพ่อบ้านแม่บ้านที่ดีต่อไป ถ้าชาวไทยเรารู้สึกตัว
เช่นน้ีแล้ว ไทยท้ังชาติจะเข้มแข็ง ไม่มีชาติใด
กล้ามาข่มเหงได้เลย
57
ครอบครัวดี
ครอบครวั ดีมสี ง่าเป็นราศี
ย่อมจะมีพ่อแม่และหวั หน้า
เฝา้ ปกปอ้ งปองทำ�นุกทกุ เวลา
รว่ มรกั ษาหนา้ ทอ่ี นั ดีงาม
สร้างตัวดีมีทรพั ยด์ ว้ ยชว่ ยชาตบิ ้าง
เป็นตัวอย่างลกู หลานใหไ้ มค่ รน่ั ครา้ ม
ส้พู ากเพยี รเรยี นรา่ํ กระท�ำ ตาม
ทำ�แต่ความดไี ว้ใหช้ าตเิ อย
58
บทที่ ๒๓
สอนค�ำ ทไี่ มไ่ ดป้ ระ ะ (วสิ รรชนยี )์ แตอ่ า่ นออกเสยี งเหมอื น
ประ ะ (วสิ รรชนยี ์) เช่น
ชโย อา่ นวา่ ชะโย สมาคม อา่ นวา่ สะมาคม
กวี อา่ นว่า กะว ี ขมา อ่านวา่ ขะมา
แบบฝึกหดั
กวี กษัย สติ คติ ทหาร ชโย สบาย สบง
สมาคม เสยี งชโย ไมย้ มก เขา้ สมาคม ทางคมนาคม
ทนายความ ตามปรกติ เย็บสบง สบายดี มีสติ
ลงมต ิ เปน็ คต ิ อนามยั มหาชน ทหารไทย ธนาคาร
จราจร นครหลวง
แต่ก่อนมา ในท้องถ่ินทุกๆ จังหวัด แห่ง
ประเทศไทย ตามปรกติ ยังจัดบำ�รุงไม่ท่ัวถึง
กันนัก เพราะมีเร่ืองติดขัดอยู่หลายอย่าง เช่น
เงินทองเป็นต้น มาบัดน้ี ทางฝ่ายบ้านเมืองเห็นว่า
59
ชว่ ยกันบำ�รงุ ท้องถ่นิ
ถงึ เวลาแลว้ ทเี่ ราทง้ั หลายจะตอ้ งตนื่ ตาตนื่ ใจ รว่ มมอื
ช่วยกันจัดให้ท้องถิ่น มีระเบียบทันสมัยเป็นอย่าง
เดียวกัน จึงได้ออกข้อบังคับให้ผู้คนท่ีอยู่ในท้องถ่ิน
นน้ั ๆ ขวนขวายชว่ ยกนั จดั บ�ำ รงุ ขนึ้ ตามแบบแผนอนั ด ี
เป็นต้นว่า บ้านเรือนก็ต้องปลูกให้เป็นระเบียบ
ตามแบบแผนที่กำ�หนดไว้ ไม่ให้ยัดเยียดอัดแอกัน
ให้มีแสงสว่าง ลมเดินได้สะดวก เพ่ือให้ถูกอนามัย
60
มีถนนเป็นทางคมนาคม สำ�หรับประชาชนไปมา
หรือขนส่งสินค้า มีท่อและรางนํ้า สำ�หรับระบาย
ส่ิงโสโครก ให้ไหลไปสู่ท่อรวมได้โดยง่าย เพื่อไม่ให้
หมักหมม เกรอะกรังอยู่ได้ มีตลาดสร้างอย่าง
ถูกแบบเป็นย่านการค้าขาย มีส้วมอย่างสะอาด
แบบใหม่ มีโรงเรียนเป็นท่ีเล่าเรียนของเด็ก มี
สมาคม และอ่ืนๆ เพื่อความครึกคร้ืนรื่นเริง มี
สนามเป็นที่สำ�หรับเล่นออกกำ�ลัง เพื่อบำ�รุงร่างกาย
ใหแ้ ขง็ แรง และเพอื่ สนกุ สนาน มสี วนส�ำ หรบั เดนิ เลน่
61
เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในยามว่าง มีสถานท่ีช่วยเหลือ
คนเจบ็ ไข ้ เพอ่ื บ�ำ บดั ความเจบ็ ปว่ ย มนี า้ํ ดมื่ ทส่ี ะอาด
ตลอดจนไฟฟ้าในเวลาคํ่าคืน สว่างไสว มีเจ้าหน้าท่ี
ดูแลความสะอาดตามถนนและตรอก คอยกำ�จัดยุง
และอ่ืนๆ ซ่ึงเป็นต้นเช้ือของความป่วยเจ็บ ร้ายแรง
บางอย่าง และมีเจ้าหน้าท่ีคอยดูแลแก้ไข บำ�รุง
สง่ เสรมิ ในการท�ำ มาหากนิ อยา่ งทนั สมยั ใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ
เหล่าน้ีเป็นต้น เม่ือท้องถิ่นนั้นๆ ได้รับทะนุบำ�รุง
62
ด้วยสิ่งต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ก็เป็นที่แน่ใจว่า
ท้องถ่ินน้ันจะเป็นท่ีอยู่สบายดี จำ�นวนผู้คนก็จะมี
มากข้ึน ถ้าจัดบำ�รุงกันครบถ้วนเต็มที่ ทั่วถึงทุก
จังหวัดแล้ว บ้านเมืองไทยก็จะงดงามทัดเทียม
มหาประเทศอน่ื ๆ ได้
ในเร่ืองจัดบำ�รุงท้องถิ่นของตนเอง ให้ถูกต้อง
ตามระเบียบแบบแผน ท่ีทันสมัยนั้น เรียกว่า
เทศบาล ต่อไปข้างหน้า นักเรียนจะต้องมีหน้าท่ี
ชว่ ยกนั จดั ทะนบุ �ำ รงุ ทอ้ งถน่ิ ทต่ี นอย ู่ เพอ่ื ความรงุ่ เรอื ง
แก่บา้ นเกดิ เมอื งนอนอนั เป็นท่รี กั ยง่ิ ของตนตอ่ ไป
63
การเทศบาล
ระลกึ รู้สึกตัว
ชาวไทยทวั่ อย่ามัวรอ
จงร่วมรวมใจคอ
ขอให้ชว่ ยทำ�ดว้ ยกนั
บำ�รงุ ปรบั ปรุงแต่ง
ทอ้ งถ่ินแหล่งแหง่ เราพลนั
เพือ่ ความงามครบครัน
ทุกส่ิงอนั ทันสมัย
ตึกรามงามถกู ทา่
หันเข้าหาอนามัย
ร่มร่นื แชม่ ชน่ื ใจ
ทกุ สถานบา้ นเมืองเรา
64
บทท่ี ๒๔
พยัญชนะทย่ี งั ไมเ่ คยเรียน
ฃ ฅ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ
ฃ อา่ นวา่ ข ฑ ฒ ธ อ่านว่า ท
ฅ ฆ อ่านว่า ค เช่น ฆ่า เช่น กรีฑา ผู้เฒ่า ธง เธอ
เฆี่ยน ฆ้อง ระฆัง ตะเฆ่ ธรุ ะ ฯลฯ
ฯลฯ ณ อ่านว่า น เช่น
ฌ อ่านว่า ช เช่น ณ ขณะ คณะ ฯลฯ
ภ อ่านว่า พ เช่น
เข้าฌาน ฯลฯ
ญ อ่านว่า ย เช่น ภ า ย ใ น ภู เข า ต ะ เ ภ า
หญิง หญ้า ใหญ่ ญวน ส�ำ เภา อำ�เภอ เสภา ฯลฯ
ศ ษ อ่านว่า ส เช่น
ญป่ี ่นุ ฯลฯ
ฎ อ่านว่า ด เช่น ศาลา ศก ศอก อาศัย
ศกึ ษา ภาษา ภาษ ี ปรกึ ษา
ชฎา ฎกี า ฯลฯ
ฏ อ่านว่า ต เช่น ฯลฯ
ฬ อ่านว่า ล เช่น
ปฏทิ นิ ฯลฯ
ฐ อ่านว่า ถ เช่น นาฬกิ า จฬุ า กฬี า ฯลฯ
ฐานะ ฐาน กฐิน ฯลฯ
65
ลำ�ดบั พยญั ชนะและอกั ษร
พยญั ชนะ ๔๔ ตัว คือ
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น
บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ
ส ห ฬ อ ฮ
อักษรสูง ๑๑ ตัว คือ
ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อกั ษรกลาง ๙ ตวั คือ
ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
อกั ษรตา่ํ ๒๔ ตัว คอื
ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ
ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
66
ธปู เทียน ภกิ ษุ รปู ภาพ
เภตรา ธนู
แบบฝึกหัด
ธูปเทียน ญาติพี่น้อง ธันวาคม คันธนู เล็งญาณ
โรคภยั ญตั ต ิ หมภู่ มร พระธดิ า ความภกั ด ี มธี รุ ะ
ภาษาไทย รปู ภาพ ล�ำ ธาร พระภกิ ษ ุ ภษู า ธงไทย
67
กอหญา้ ผหู้ ญงิ ภายนอก ณ ทน่ี ้ี ปฏทิ นิ หลกั ฐาน
รกั คณะ ทอดกฐนิ หา้ นาท ี เสาธง ผเู้ ฒา่ ไกต่ ะเภา
นายอำ�เภอ ขับเสภา เรอื สำ�เภา ภเู ขาไฟ
นาฬกิ า
ตอน ๑
เวลาบ่ายวันหน่งึ
เ มื่ อ เ ด็ ก ห ญิ ง ส า ร ภี
เผ่าเภตรา กลับจาก
โรงเรยี นแลว้ นายภกั ด ี
เผา่ เภตรา บดิ าของเขา
ได้พาไปเที่ยวที่ห้าง
ขายนาฬกิ าแห่งหนึ่ง
ซ่ึ ง เ ป็ น ห้ า ง ใ ห ญ่ โ ต
กว้างขวางมาก มี
นาฬิกาต่างๆ เช่น
68
นาฬกิ าพก นาฬกิ าขอ้ มอื นาฬกิ าปลกุ และนาฬกิ า
แมงดา เปน็ ตน้ ตดิ ไวข้ า้ งฝาผนงั ตงั้ และวางไวใ้ นต ู้
เรียงรายแลสะพรั่ง ดูงามตาย่ิงนัก นาฬกิ าเหล่าน้ี
มรี ปู รา่ งและลกั ษณะตา่ งๆ กนั ท�ำ ดว้ ยไมก้ ม็ ี ท�ำ ดว้ ย
หินอ่อนก็มี ทำ�ด้วยโลหะ เช่น เงิน ทอง นาก
กะไหล่ ก็มี บางเรือนแกะสลักด้วยฝีมืออันงดงาม
เปน็ ลวดลาย ดอกไม ้ กง่ิ ไมแ้ ละใบไม ้ รปู คน รปู มา้
และรูปอ่ืนๆ บางเรือนทำ�เป็นรูปนกฮูก โผล่หน้า
ออกมาเม่ือเวลานาฬกิ าตีก็มี เสียงนาฬกิ าเดินดัง
ต๊ิกๆ! ก๊อกแก๊กๆ! ได้ยินอยู่ไม่ขาดระยะ เสียง
ระฆังนาฬกิ าตีดังก๋องแก๋งๆ! ติ๊กแต๊กๆ! เป็นของ
น่าดู น่าชมยิ่งนัก เป็นสิ่งท่ีแปลกตาแปลกหู ทำ�ให้
เด็กหญิงสารภีรู้สึกประหลาดมาก บังเกิดความ
เบิกบานใจ และต่ืนเต้น อยากรู้อยากเห็นยิ่งข้ึน
นายภักดี กับเจ้าของห้างนั้นเป็นผู้ที่รู้จักและคุ้นเคย
กนั ดี นายภักด ี จึงเท่ียวชมนาฬกิ าตา่ ง ๆ ในห้างได้
ตามความพอใจ บิดาของเขาได้ช้ีให้เด็กหญิงสารภี
69
ดนู าฬกิ าชนดิ ตา่ งๆ เหลา่ นน้ั พรอ้ มกบั อธบิ ายประกอบ
ทีละอยา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
เวลานาฬกิ าเดนิ มเี สยี งดงั และเขม็ หมนุ เวยี นไป
รอบๆ โดยอาศัยกำ�ลังลานและเคร่ืองท่ีประกอบข้ึน
กับลานน้ัน ถ้าจะเปรียบกับเท้าของเรา ท่ีพาตัวเรา
เดินไปได้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน เข็มท่ีบอกเวลานั้น
ก็ ค ล้ า ย กั บ นิ้ ว มื อ ข อ ง เ ร า ท่ี ชี้ บ อ ก ใ ค ร ใ ห้ ดู อ ะ ไ ร
ส่วนเสียงระฆังที่ตีบอกเวลานาฬกิ าและตีก่ึงนั้นเล่า
ก็คล้ายกับเสียงของเราท่ีพูดบอกข้อความอะไรแก่
ใครๆ น่ันเอง น่ีก็เป็นสิ่งแปลกประหลาด น่าชม
ความคดิ ทเ่ี ขาคดิ ท�ำ ข้ึน
70
นาฬกิ า
ตอน ๒
หน้านาฬกิ าน้ันแบนและกลม ที่หน้านาฬกิ าน้ี
แบง่ ออกเปน็ ชอ่ งใหญ ่ๆ ๑๒ ชอ่ งเทา่ ๆ กนั ชอ่ งใหญ ่
ช่องหนึ่งๆ มีเคร่ืองหมาย ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖,
๗, ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ และ ๑๒ กำ�กับอยู่ทุกๆ ช่อง
71
ในระหว่างช่องใหญ่ช่องหนึ่งๆ ยังได้แบ่งออกเป็น
ขีดเล็กๆ อีก ๕ ขีด ส่วนเคร่ืองหมายนับเวลา
นาฬกิ านั้น เขียนเป็นตัวเลขโรมันบ้าง ตัวเลข
อารบิกบ้าง บางเรือนมีตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๒ บางเรือน
ก็มีตั้งแต่ ๑ ถึง ๒๔ คือตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๒ รอบหนึ่ง
และ ๑๓ ถึง ๒๔ อีกรอบหน่งึ
เข็มของนาฬกิ า หมุนเวียนจากทางซ้ายมือไป
ทางขวามือที่เขาเรียกว่าเวียนขวาเสมอ เข็มนาฬกิ า
โดยมาก มีอยู่ ๒ ชนิด คือ เข็มสั้นสำ�หรับช้ีบอก
ชั่วโมง เมื่อหมุนไปช่ัวระยะช่องใหญ่ช่องหนึ่งๆ
นับเป็นเวลาช่ัวโมงหนึ่งๆ เช่น หมุนจาก ๑๒ ซ่ึงต้ัง
อยทู่ ก่ี งึ่ กลางตอนบน ไปถงึ เลข ๑ เรยี กวา่ ๑ นาฬกิ า
และจาก ๑ ไปถึง ๒ ก็เรียกว่า ๒ นาฬิกา เป็น
ลำ�ดับเร่ือยไป ในทำ�นองเดียวกัน จนกระทั่งถึง ๑๒
ก็เรียกว่า ๑๒ นาฬกิ า เข็มอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า
เข็มยาว สำ�หรับชี้บอกนาที เม่ือหมุนไปชั่วระยะ
ช่องเล็กช่องหน่ึงๆ นับเป็นเวลานาทีหน่ึงๆ เช่น
72
ต้ังต้นหมุนจากเลข ๑๒ นั้นไปชั่ว ๑ ขีด ก็เรียกว่า
๑ นาที ๒ ขีดก็ ๒ นาที ๓๐ ขีดก็ ๓๐ นาที
หรือคร่ึงชั่วโมง และต่อๆ ไปในทำ�นองเดียวกัน
จนถึง ๖๐ ขีด ก็เรียกว่า ๖๐ นาที หรือ ๑ ช่ัวโมง
เข็มยาวนี้จะต้องหมุนไปบรรจบรอบที่ตรงเลข ๑๒
เสมอ ทุกๆ ชั่วโมง
นาฬกิ า
ตอน ๓
วิธีดูนาฬกิ าหรือนับเวลาคือ พอเวลาตะวัน
ส่องแสงอ่อนๆ แสงเงินแสงทองงามตา เข็มสั้นจะ
ชี้ตรงเลข ๖ ซึ่งอยู่กึ่งกลางตอนล่าง ตรงกันข้าม
กับเลข ๑๒ เรียกว่าเวลา ๖ นาฬกิ า หรือย่ํารุ่ง
ครั้นตะวันสูงขึ้นๆ เข็มส้ันนั้นก็หมุนต่อไปจนถึงเลข
๗, ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ และ ๑๒ ในทำ�นองเดียวกัน
เรียกว่า ๗ นาฬกิ า ๘ นาฬกิ า ๙ นาฬกิ า ตลอดไป
73
จนถึง ๑๒ นาฬกิ า หรือเท่ียงวัน ซ่ึงเป็นเวลาที่
ดวงตะวันอยู่ตรงหัวเราพอดี ต่อจากนี้ ดวงตะวัน
จะลดตํ่าลงไปทุกๆ ที เข็มสั้นจะหมุนต่อไปถึงเลข
๑๓ หรือ ๑ เรียกว่า ๑๓ นาฬกิ า ถึงเลข ๒ ก็เรียกว่า
๑๔ นาฬกิ า ในทำ�นองเดียวกัน จนถงึ เลข ๖ เรียกว่า
เวลา ๑๘ นาฬกิ า หรอื ยา่ํ คา่ํ ซงึ่ เปน็ เวลาตะวนั ตกดนิ
นบั เปน็ เวลา ๑๒ ชว่ั โมง ซงึ่ เปน็ เวลากลางวนั เราได ้
74
รับแสงสว่าง ตลอดท้ัง ๑๒ ชั่วโมง เป็นเวลาเหมาะ
สำ�หรับไปทำ�มาหากิน ต่อจากน้ีเข็มส้ันก็หมุนต่อไป
จนถึงเลข ๗ เรียกว่า ๑๙ นาฬกิ า ถึงเลข ๘ เรียกว่า
๒๐ นาฬิกา ตลอดไปจนถึงเลข ๑๒ เรียกว่า
๒๔ นาฬกิ า หรือเท่ียงคืน หรือสองยาม ซ่ึงนิยม
กันว่า ต้ังต้นข้ึนวันใหม่ แล้วเข็มสั้นหมุนต่อไปอีก
ชที้ ต่ี รงเลข ๑ เรยี กวา่ ๑ นาฬกิ า ชต้ี รงเลข ๒ เรยี กวา่
๒ นาฬกิ า ช้ีตรงเลข ๓ เรียกว่า ๓ นาฬกิ า หรือ
สามยาม และตอนสามยามน้ีมักได้ยินเสียงไก่ขัน
แจว้ ๆ บอกเวลาคลา้ ย ๆ กบั เสยี งนาฬกิ าต ี ในทสี่ ดุ
ชถ้ี งึ เลข ๖ เรยี กวา่ ๖ นาฬกิ า หรอื ยา่ํ รงุ่ เวลาเชา้ ตรนู่ ้ี
ไก่ย่ิงขันกระชั้นเสียงหนักข้ึน เสียงนกเสียงการ้อง
จ้อกแจ้กเซ็งแซ่ ต่างก็ออกจากรัง บินไปเท่ียวหากิน
เป็นฝูงๆ แต่เช้าตรู่ ผู้คนต่ืนนอน ลุกข้ึนทำ�งานกัน
ยามนี้อากาศเย็นสบายและสดช่ืนดีมาก เวลาตั้งแต่
๑๘ นาฬกิ าถึง ๖ นาฬกิ า รวม ๑๒ ช่ัวโมง เป็นเวลา
กลางคืนมืดมัว ไม่แลเห็นแสงตะวันเลย นอกจาก
75
แสงเดือนแสงดาวเท่านั้น เวลากลางคืนจึงเย็นสบาย
กว่าเวลากลางวันมาก ท้ังเหมาะสำ�หรับพักผ่อน
หลับนอน ท้ังกลางคืนและกลางวัน นับเป็นเวลา
๒๔ ชั่วโมง เรียกว่าวนั หนึง่
นาฬกิ า
ตอน ๔
วิธีดูนาฬกิ า นอกจากใช้ตามองดูเข็มตามท่ี
ได้กล่าวมาแล้ว จะใช้หูฟังเสียงนาฬกิ าตีก็ได้ เพราะ
นาฬกิ าที่มีระฆังตีบอกเวลานาฬกิ านั้น จำ�นวน
ครั้งท่ีตีก็เท่ากับจำ�นวนเครื่องหมายท่ีเข็มสั้นชี้บอก
นั้น ๆ เสมอ เช่น เม่ือชี้ตรงเลข ๑ นาฬกิ าก็ตี ๑ ที
ช้ีตรงเลข ๒ นาฬกิ าก็ตี ๒ ที ตลอดเร่ือยไปจนถึง
เลข ๑๒ นาฬิกาก็ตี ๑๒ ที ครบรอบหนึ่งพอดี
เมื่อนาฬกิ าตี ๑๒ ทีแล้ว ต่อจากน้ีก็ตั้งต้นตี ๑ ที
ไปใหม่ ดังน้ันเม่ือถึงเวลา ๑๓ นาฬกิ า จึงตี ๑ ที
76
๑๔ นาฬกิ าต ี ๒ ท ี เรอื่ ยไป จนถงึ ๒๔ นาฬกิ า กต็ ี
๑๒ ท ี ครบอกี รอบหน่งึ เชน่ เดียวกนั ทุกๆ คนควรจะ
หัดดูนาฬิกาให้เป็น เพราะนาฬิกาเป็นเครื่องสำ�หรับ
นบั และดเู วลา บอกเวลาใหเ้ รารไู้ ด ้ มนั เดนิ ตามปรกต ิ
ทุกๆ วัน คร้ันถึงเวลาตีมันก็ตีตรงกับเวลานาฬิกา
ของมันจริงๆ นับว่ามันตรงต่อเวลาดีมาก เป็น
ตัวอย่างอันดีงาม ที่เด็กๆ น่าจะอบรมตน ให้เป็น
คนตรงต่อเวลาจริงๆ คล้ายๆ กับทำ�ตัวให้เป็น
นาฬิกา เช่น เวลา ๖ นาฬิกาต่ืนนอน ๗ นาฬิกา
ไปโรงเรียน ๑๕ นาฬิกาโรงเรียนเลิก รีบกลับ
มาบ้าน ๑๗ นาฬิกาอาบน้ํา
รับประทานข้าวเย็น เวลา
๑๙ ถึง ๒๐ นาฬิกาดูหนังสือ
ท่ อ ง บ่ น วิ ช า ต่ า ง ๆ ที่ ไ ด้
เล่าเรียนมา เวลา ๒๐ นาฬิกา
เข้านอน
77
เด็กๆ ทีน่ อนแต่หวั ค่าํ แล้ว
ตื่นแต่เช้าๆ จะรู้สึกชุ่มชื่นดี
ย่ อมทำ � ใ ห้ ร่ า ง กา ย แข็ ง แร ง
หน้าตาอ่ิมเอิบ งดงาม แจ่มใส
น่ารัก และทำ�ให้ความคิดดี
เรยี นหนังสอื ไดด้ ีดว้ ย
เด็กๆ ทั้งหลาย ได้อ่าน
เร่ื อ ง น า ฬิก า ม า เ พี ย ง เ ท่ า นี้
จะเหน็ ไดว้ า่ นาฬกิ ามนั เทยี่ งตรง
ต่อเวลา จริงต่อเวลาดีมาก
เป็นตัวอย่างอันดีงาม สำ�หรับ
คอยเตือนเราให้รู้สึกตัวว่า อายุ
ของเราน้ันค่อยๆ แก่ข้ึน ทุกคืน
ทุกวัน ทุกนาที เวลาเป็นเงิน
เปน็ ทองเปน็ ของอนั มคี า่ ไมน่ า่ จะ
ปลอ่ ยใหม้ นั ลว่ งไปเสยี เปลา่ ๆเลย
78
เราน่าจะใช้เวลาทำ�อะไรๆ ที่จะ
ดำ�เนินไปสู่ความดีความงาม
แกต่ น และแกบ่ า้ นเกดิ เมอื งนอน
อันเป็นที่รักยิ่งของตน ถ้า
ชาวไทยเราทุกคนต่างก็รู้สึกตัว
เช่นนี้แล้ว เราก็จงช่วยกันคิด
ทำ�เคร่ืองใช้สอยต่างๆ ของเรา
ใชเ้ อง โดยไมต่ อ้ งอาศยั บา้ นเมอื ง
อ่นื เขา
79
จงเทียบ เปรียบเอาว่า
เราเปน็ นา– ฬกิ าเอง
เข็มบง่ ชต้ี รงเผง
พึงเพง่ ไว ้ ใหท้ ุกวัน
ยาํ่ รงุ่ สะดุ้งตืน่
วางหนา้ ช่ืน ลุกขนึ้ พลัน
อาบนาํ้ ช�ำ ระฟนั
หมดโสมม ผมเผา้ หวี
โมงเชา้ เฝ้าแตง่ ตวั
เครอื่ งเรียนทั่ว ทุกอย่างมี
เตรยี มไป ใหท้ นั ที
ท่ีเพอ่ื นเรา เข้าเรียนกัน
ตอนบ่าย หมายสิบหา้
นาฬกิ า เลิกมาพลนั
ถงึ เหย้า เราขยนั
หยิบงานท�ำ โดยจ�ำ นง
80 ช่วยแม่พ่อ
พอแล้วลง
รว่ มด้วย คํ่าแล้วคง
สิบเจด็ น. ที่ครสู อน
อาบน้ํา เขียนอ่านพอ
ฟนื้ ความร ู้ ก็เข้านอน
ทอ่ งเรยี น ท่ัวทกุ ตอน
ยี่สบิ น. ฬกิ าตี
ฝึกฝนตวั กระทำ�ให้
เทียบตามนา– เกดิ ไดด้ ี
ย่อมจะ แจ่มใสมี
อนามัย ปลอดโปรง่ เอย
กายใจ
สมองโลง่
81
หลกั วิธเี ขียนลายมือ
เมื่อเวลาหนูจะฝึกหัดเขียนลายมือ หนูต้อง
น่ังตัวตรงๆ ให้ถูกอนามัย จับดินสอให้ถูกท่า
คือ ต้องให้ดินสอ
อ ยู่ ใ น ร ะ ห ว่ า ง
นิ้ ว หั ว แ ม่ มื อ กั บ
น้ิวช้ีและนิ้วกลาง
ส่ ว น น้ิ ว น า ง กั บ
นิ้ ว ก้ อ ย นั้ น ง อ
เข้ า ไว้ ใ น ฝ่ า มื อ
และต้องวางสมุด
ให้ตรงจริงๆ แล้ว
ค่อยๆ พยายาม
เขียนให้ตัวงามๆ
เขียนส่วนสูง และ
สว่ นกวา้ งใหถ้ กู สว่ น
82
เขยี นตวั ใหถ้ กู ลกั ษณะ และตอ้ งเขยี นหวั กอ่ นทกุ ๆ ตวั
เว้นระยะช่องไฟระหว่างตัวหนังสือให้กว้างเท่าๆ กัน
ทุกตัว เว้นตอนระยะข้อความกับข้อความให้ห่าง
เท่าๆ กันทุกตอน และต้องพยายามเขียนและ
วาง ่ ้ ๊ ๋ และสระให้ถูกจริงๆ ต้องพยายาม
เขียนให้สะอาดด้วย
เขียนลายมอื มหี ลัก รู้จักนัง่
ตัวตอ้ งตงั้ ตรงแนบ ถกู แบบอย่าง
จับดินสอ ปากกา ถูกท่าทาง
สมดุ วาง พลางเพง่ แลว้ เลง็ แล
คอ่ ยเขยี นไป ใหง้ าม ตามสว่ นสัด
ช่องไฟจดั วดั กะ ระยะแน่
สระหรือ เครอื่ งหมาย อย่าย้ายแปร
ต้ังใจแน่ มีระเบียบ เรียบร้อยเอย
83
84
85
ประวตั ิผู้เรียบเรยี ง
หลวงดรุณกจิ วิทรู (พ.ศ. ๒๔๓๒ - ๒๕๑๓)
หลวงดรณุ กจิ วทิ รู มนี ามเดมิ วา่ ชด เมนะโพธ์ิ เกดิ เมอื่
วนั ที่ ๓ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๔๓๒ ณ อ�ำ เภอหนองแขม กรงุ เทพฯ
เป็นบุตรลำ�ดับที่ ๘ ของนายพ่วง และนางจ่ัน เมนะโพธิ์
เร่ิมการศึกษาท่ีวัดหนองแขมจนสอบไล่ได้ช้ันมัธยมปีท่ี ๕
และได้ศึกษาต่อจนถึงระดับประกาศนียบัตรประโยคครูประถม (ป.ป.) และ
ประโยคครูมัธยมสามญั จากโรงเรียนฝึกหัดครบู ้านสมเด็จเจา้ พระยา
เขา้ รบั ราชการครงั้ แรกทีโ่ รงเรียนวดั บพิตรพิมขุ และยงั เป็นครูโรงเรยี นอ่ืนๆ
อกี หลายแหง่ เช่น สวนกุหลาบวทิ ยาลัย วัดเบญจมบพิตร วัดเทพศิรนิ ทร์ เป็นต้น
รวมถึงเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดสุทธิวรารามและเป็นผู้ก่อต้ังโรงเรียนมัธยม
วัดหนองแขม ต่อมาไดร้ บั ราชการในกรมศกึ ษาธิการแผนกแบบเรียน กองวชิ าการ
โดยตำ�แหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการคือหัวหน้าแผนกตรวจกองโรงเรียน
รัฐบาล รวมอายุราชการ ๓๑ ปี หลังจากนั้นเป็นที่ปรึกษาให้แก่สำ�นักพิมพ์
ไทยวัฒนาพานิชและจัดทำ�หนังสืออ่านชั้นประถมศึกษาและหนังสือเก่ียวกับ
หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทยไว้เปน็ จำ�นวนมาก
หลวงดรุณกิจวิทูรสมรสกับนางสาวแวน จุลบุษปะ เมื่อภรรยาถึงแก่กรรม
ได้สมรสใหม่กับนางสาวเจือ จุลบุษปะ แต่ไม่มีบุตร จึงนำ�หลานฝ่ายภรรยา
มาเล้ียงเป็นบุตรบุญธรรม หลวงดรุณกิจวิทูรถึงแก่กรรมเม่ือวันที่ ๒๐ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๑๓ สริ อิ ายุได้ ๘๐ ปี ๓ เดือน ๑๕ วนั
********************
86
คณะปรบั ปรงุ ตน้ ฉบบั
(พ.ศ. ๒๕๕๗)
ทปี่ รึกษา
นายกมล รอดคลา้ ย เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
นางอ่องจติ เมธยะประภาส รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
นางสาวไพรวัลย์ พทิ กั ษส์ าลี ผู้อ�ำ นวยการส�ำ นกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา
คณะบรรณาธิการ
นางสาวนจิ สดุ า อภินันทาภรณ์
นางสาวดวงใจ บุญยะภาส
นางธนาภรณ์ กอวฒั นา
นางลตั ติยา อมรสมานกุล
ออกแบบรปู เลม่
นางอนสุ รา สงั ขท์ อง
พสิ จู นอ์ กั ษร
นางนิธมิ า มุกดามณี
วาดภาพประกอบ
นางสาวรภัทร จันทร์ชมุ