The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาโครงงาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nokedith, 2024-03-31 23:45:25

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาโครงงาน

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาโครงงาน

แผนการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2563 ประเภทวิชาเกษตรกรรม สาขาวิชาพืชศาสตร์ วิชา โครงงาน รหัสวิชา 30502-8501 จัดทำโดย นางจันทร์จิรา บุญเป็ง ครูวิทยฐานะ แผนกวิชาพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ


แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ชื่อรายวิชาโครงงาน (Project) รหัสวิชา 30501 - 8501 ระดับชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาพืชศาสตร์ หน่วยกิต 4.0 จำนวนชั่วโมง รวม 72 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จุดประสงค์รายวิชา 1. เข้าใจหลักการและขั้นตอนกระบวนการจัดทําโครงงานสร้างและหรือพัฒนางานอาชีพอยาง เป็น ระบบ 2. สามารถบูรณาการความรู้และทักษะในการสร้างและหรือพัฒนางานในสาขาวิชาชีพตาม กระบวนการวางแผน ดําเนินงาน แก้ไขปัญหา ประเมินผล ทํารายงานและนําเสนอผลงาน 3. มีเจตคติและกิจนิสัยในการศึกษาค้นคว้าเพื่อสร้างและหรือพัฒนางานอาชีพด้วยความ รับผิดชอบ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขยัน อดทนและสามารถทํางานร่วมกบผู้อื่น มาตรฐานรายวิชา 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการและกระบวนการจัดทําโครงงานสร้างและหรือพัฒนางานอาชีพ อย่างเป็นระบบ 2. เขียนโครงงานสร้างและหรือพัฒนางานตามหลักการ 3. ดําเนินงานตามแผนงานโครงงานตามหลักการและกระบวนการ 4. วิเคราะห์ สรุป ประเมินผลการดําเนินงานโครงงานตามหลักการ 5. รายงานผลการปฏิบัติงานโครงงานตามรูปแบบ 6. นําเสนอผลงานด้วยรูปแบบวิธีการต่าง ๆ คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการบูรณาการความรู้และทักษะในระดับเทคนิคที่สอดคล้องกับสาขา วิชาชีพที่ศึกษาเพื่อสร้างและหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการทดลอง สํารวจ ประดิษฐ์คิดค้นหรือการ ปฏิบัติงานเชิงระบบ การเลือกหัวข้อโครงงาน การศึกษาค้นคว้าข้อมูลและเอกสารอ้างอิง การเขียน โครงงานการดําเนินงานโครงงาน การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และแปลผล การสรุปจัดทํารายงาน การ นําเสนอผลงานโครงงาน โดยดําเนินการเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มตามลักษณะของงานให้แล้วเสร็จใน ระยะเวลาที่กำหนด


ตารางวิเคราะห์หลักสูตร ชื่อรายวิชาโครงงาน (Project) รหัสวิชา 30501 - 8501 ระดับชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาพืชศาสตร์ หน่วยกิต 4.0 จำนวนชั่วโมง รวม 72 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 หน่วย เนื้อหา สัปดาห์ กระบวนการวิจัย แนวทางการจัดกิจกรรม การเรียน การเรียนรู้ 1 หลักการเขียนโครงการ 1-3 - การเลือกหัวข้อ การศึกษาดูงาน โครงการ ในสถานประกอบการทางด้านพืช - การตรวจเอกสาร ศาสตร์สัตวศาสตร์เป็นต้น - การเขียนโครงการ - สืบค้น/ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร และ - การออกแบบวิจัย แหล่งข้อมูลต่าง ๆ - เขียนโครงการ เพื่อจัดทำโครงการ สาขาเกษตรกรรม เช่น การศึกษาดูงาน ในสถานประกอบการทางด้านพืช ศาสตร์ สัตวศาสตร์ เป็นต้น 2 การสร้างเครื่องมือวิจัย 4 - เครื่องมือที่ใช้ใน การ แก้ปัญหา - ศึกษาเครื่องมือวิจัยแบต่าง ๆ เช่น แบบสอบถาม แบบสำรวจ - เครื่องมือที่ใช้ใน การ เก็บข้อมูล แบบสังเกตแบบสัมภาษณ์ เป็นต้น - จัดสร้างเครื่องมือวิจัยที่สอดคล้องกับ ลักษณะของโครงการ 3 วิธีเก็บข้อมูล 5 - ขั้นตอนและวิธีการ เก็บ - ศึกษาขั้นตอนและวิธีการเก็บ ข้อมูล ข้อมูลด้วยเครื่องมือแบบ ต่าง ๆ - ทดลองเก็บข้อมูล


ตารางวิเคราะห์หลักสูตร ชื่อรายวิชาโครงงาน (Project) รหัสวิชา 30502 - 8501 ระดับชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวิชาพืชศาสตร์ หน่วยกิต 4.0 จำนวนชั่วโมง รวม 72 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 หน่วย เนื้อหา สัปดาห์ กระบวนการวิจัย แนวทางการจัดกิจกรรม การเรียน การเรียนรู้ 4 การดำเนินการโครงการ 6-16 - ดำเนินงานตามโครง - ดำเนินงานตามโครงการ การ - เก็บข้อมูล - เก็บข้อมูล - ศึกษาสถิติที่เกี่ยวข้องกับ - วิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลใน - แปลผลข้อมูล โครงการ - แปลผลข้อมูลที่ได้รับจาก โครงการ 5 การเขียนรายงาน 17 - 18 - การเขียนรายงาน - ศึกษาการเขียนรายงาน โครงการ วิจัยแบบตาง ๆ ที่สอดคล้อง กับโครงการ - เขียนรายงานโครงการ


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 1 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 1 - 3 ชื่อหน่วย หลักในการเขียนโครงการ ชั่วโมงรวม 12 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน หลักการในการเขียนโครงการ จำนวนชั่วโมง 12 ชั่วโมง หัวข้อเรื่องและงาน 1. ความหมายของโครงการ 2. ประเภทของโครงการ 3. ลักษณะของโครงการที่ดี 4. รูปแบบการเขียนโครงการ สาระสำคัญ การจัดทำโครงงาน / โครงการ เป็นการแสวงหาความรู้โดยใช้ทักษะ กระบวนการคิดและ การบูรณาการความรู้ความสามารถของผู้เรียนที่หลากหลายเข้าด้วยกัน โดย โครงการมีหลักการและ ขั้นตอนในการเขียนสำหรับให้ผู้เรียนใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการ จุดประสงค์การเรียนการสอน 1. จุดประสงค์ทั่วไป 1. นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของโครงการ 2. นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของโครงการ 3. นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของโครงการที่ดี 4. นักเรียนมีคุณธรรมจริยธรรมด้านความใฝ่รู้ ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และมี เจตคติที่ดีต่อการทำโครงการ 2. จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. นักเรียนอธิบายความหมายของโครงการได้อย่างถูกต้องตามหลักการ 2. นักเรียนสามารถบอกประเภทของโครงการ ได้อย่างถูกต้อง 3. นักเรียนบอกคุณลักษณะที่ดีของโครงการได้อย่างถูกต้องตามหลักการและโครงสร้าง 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความใฝ่รู้ ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และ มีเจตคติที่ดีต่อการทำโครงงาน สาระการเรียนรู้ ความหมายของโครงงาน “ โครงงาน/โครงการ (Project) ” ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง แผนหรือเค้าโครงตามเทียนฉาย กีระนันท์ให้ความหมายของ “โครงการ”ไว้ว่า เป็นการกะเกณฑ์ หือเตรียมการเพื่อกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจหมายถึงแนวคิดในเรื่องหนึ่ง ๆ เพื่อหาท่งปฏิบัติหรือ ดำเนินการให้วัตถุประสงค์ของเรื่องนั้น ๆ ที่แน่ชัดและมีระบบ เยาวดีรางชัยกุล วิบูลย์ศรีให้ความหมายของ “โครงงาน/โครงการ” ว่าหมายถึงงานหรือส่วนของ งานที่ต้องการกระทำให้สำเร็จตามเป้าหมายภายในระยะเวลา และวงเงินงบประมาณที่กำหนดไว้


โดยให้สอดคล้องกับข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรืออาจหมายถึง แผนงานที่กำหนดไว้ในลักษณะที่มิใช่ เป็นงานประจำ แต่เป็นงานพิเศษที่มีความสำคัญ ซึ่งจะต้องรีบดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จตาม วัตถุประสงค์ภายในเวลาที่กำหนดที่แน่นอนและภายในวงเงินงบประมาณที่จำกัดในบางครั้ง โครงการ อาจหมายถึง หน่วยของแผนงาน หรือกลุ่มของกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน เพื่อการบรรลุ จุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้มีลักษณะเด่นชัด มีระยะเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดที่แน่นอน และมัก เป็นงานพิเศษที่ต่างไปจากงานประจำ ซึ่งโครงการจะประกอบด้วย งาน(Task) และกิจกรรม (Activity) ลักษณะที่ดีของโครงการ 1. โครงงานจะต้องสิ้นสุดลงเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนด ภายในระยะเวลาและ วงเงินงบประมาณที่กำหนดไว้ 2. โดยธรรมชาติโครงการจะมีความซับซ้อนที่ไม่เหมือนกัน เพราะประกอบด้วยงานและ กิจกรรมที่ต่างกัน ซึ่งโครงการจะต้องพยายามดำเนินการให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์เฉพะที่ กำหนดไว้ 3. แต่ละโครงการจะประกอบด้วยลักษณะงานที่เฉพาะ และดำเนินการได้ตามจุดประสงค์ ที่ชัดเจน จะทำให้สามารถวิเคราะห์แนวคิด หลักการ และกระบวนการเหล่านั้นได้อย่างมีระบบ และตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้อย่างเหมาะสม 4. เมื่อโครงการใดสิ้นสุด จะไม่ทำกิจกรรมเดิมซ้ำ โยเฉพาะโครงการด้านการวิจัยและ พัฒนา ดังนั้นต้องพัฒนาและนำเทคนิคใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เพื่อขจัดปัญหาต่าง ๆ ที่ อาจเกิดขึ้นกับโครงการใหม่ๆ โครงสร้างของโครงงาน รายละเอียดโครงสร้างของโครงการมีดังนี้ 1. ชื่อโครงงาน 2. บุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ 3. หลักการและเหตุผล 4. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 6. ขอบเขตของโครงการ 7. วิธีการดำเนินการ 8. ระยะเวลาในการดำเนินการ 9. งบประมาณและทรัพยากร 10. การกำกับติดตามและประเมินผลโครงการ หมายเหตุ หัวข้อในแบบเสนอโครงการนี้ใช้แนวทางสอนวิชาโครงการตามหลักสูตรเดิม แต่ปี การศึกษานี้ให้จัดทำโครงการด้วยกระบวนการวิจัย ท่านใดสนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากคู่มือแนว ทางการสอนวิชาโครงการ หรือคู่มือครูจัดการเรียนการสอนวิชาโครงการ ชื่อโครงงาน เป็นส่วนที่บอกว่าเป็นโครงการประเภทใด ทำงานอะไร และมีโครงเป็นผู้เกี่ยวข้อง กับการทำงานนั้น โดยชื่อโครงการควรมีลักษณะดังนี้


- มีความชัดเจนและเข้าใจง่าย - ควรเป็นข้อความสั้น ๆ ที่สะท้อนสาระของโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงงาน ให้ระบุหน่วยงายหรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินโครงการ ซึ่งอาจเป็นหน่วยงานเดียวหรือหลายหน่วยงาน หลักการและเหตุผล บางครั้งใช้คำว่า ความเป็นมาของโครงการ หรือความสำคัญของโครงการ เป็นที่เริ่มต้นให้ผู้อ่านหรือผู้ใช้โครงการนั้นได้เข้าใจพื้นฐานความเป็นมาของโครงการดังกล่าว ซึ่งลักษณะ การเขียนความสำคัญของปัญหา ประกอบด้วย - ข้อความในส่วนนี้จะต้องชี้ให้เห็นปัญหาว่าทำไมต้องจัดทำโครงการ ทั้งในรูปแบบของ โครงการใหม่ หรือโครงการที่ต้องการปรับปรุง - จะช่วยในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพของปัญหานโยบาย แผน ผลการศึกษาวิจัย สถิติข้อมูลหรือความคิดเห็นของบุคคลที่น่าเชื่อถือโดยรายละเอียดของหลักการและ เหตุผล ต้องชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของโตรงการได้อย่างชัดเจน วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ เป็นส่วนที่สำคัญโดยเฉพาะในเรื่องของการ ติดตามประเมินโครงการ โดยการกำหนดวัตถุประสงค์ต้องเฉพาะเจาะจง สามารถตอบคำถามได้ ว่าสิ่งที่ต้องการให้เกิดในการทำโครงการคืออะไร ต้องการผลงานหรือผลผลิตอะไร โดยต้องเป็น ข้อความที่ผู้อ่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการ ซึ่งการเขียนวัตถุประสงค์ควรคำนึงถึง ลักษณะวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ SMART S=Specific (เฉพาะเจาะจง) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีความชัดเจนในการดำเนินงานโครงการ เฉพาะเจาะจงสำหรับโครงการนั้น M=Measurable (วัดได้) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องสามารถวัดได้และประเมินผลได้ A=attainable (ระบุสิ่งที่ต้องการ) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องระบุสิ่งที่ต้องการ มีการดำเนินการ อย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากที่สุด R=Reasonable(สมเหตุสมผล) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีความสมเหตุสมผล แสดงถึงความเป็นไป ได้ในการปฏิบัติงาน T=Time(เวลา) วัตถุประสงค์ที่ดีต้องมีขอบเขตของเวลาที่แน่นอนในการปฏิบัติงาน โดยต้องระบุ เวลาเริ่มต้นและเวลาที่สิ้นสุดที่ชัดเจน เป้าหมาย เป็นรายละเอียดที่บ่งบอกถึงความต้องการในการปฏิบัติงานภายหลังจากสิ้นสุด โครงการ ที่แสดงถึงความสำเร็จของโครงการมีระยะเวลาที่ชัดเจน โดยเป้าหมายของโครงการ สามารถ แบ่งได้ 2 ลักษณะคือ 1. เป้าหมายเชิงปริมาณ เป็นรายละเอียดที่กำหนดชนิด ประเภทของจำนวนของผลการ ดำเนินงานเมื่อสิ้นสุดโครงการ 2. เป้าหมายเชิงคุณภาพ เป็นรายละเอียดที่ต้องแสดงถึงคุณค่าของผลผลิตที่ได้รับจากการ ดำเนินโครงการที่ชี้ถึงประสิทธิภาพ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เป็นส่วนที่บอกถึงผลที่ได้รับจากโครงการนอกเหนือจาก วัตถุประสงค์ผลที่คาดว่าจะได้รับคือผลกระทบในทางที่ดีที่คาดว่าจะเกิดจากโครงการไม่ใช่ผลโดยตรงที่ได้ จากวัตถุประสงค์ของโครงการ


ขอบเขตของโครงการ เป็นข้อความที่เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่าโครงการนั้นมีความครอบคลุม หรือไม่ ในเรื่องใดบ้าง โดยลักษณะของเขตของโครงการอาจระบุไว้ไน 4 ลักษณะ คือ 1. ขอบเขตเรื่องระยะเวลา เป็นการกำหนดระยะเวลาเมื่อเริ่มต้นโครงการจนถึงสิ้นสุดโครงการ 2. ขอบเขตทางภูมิศาสตร์เป็นการระบุความกว้างขวางตามพื้นที่ที่โครงการนั้น ๆ จะดำเนินการ ครอบคลุมถึงหรือไม่ 3. ขอบเขตในทางปฏิบัติเป็นการคาดคะเนที่คิดว่าเมื่อปฏิบัติหรือดำเนินโครงการนั้น ๆ แล้วจะมี ปัญหาอุปสรรคที่จะต้องขีดวงเป็นขอบเขตของโครงการมีอะไรบ้าง 4. ขอบเขตในลักษณะอื่น ๆ เช่น ข้อจำกัดของการดำเนินโครงการ วิธีดำเนินการ เป็นส่วนที่ระบุถึงขั้นตอนที่แสดงถึงรายละเอียด แนวทาง กลยุทธและวิธีการที่จะ ทำในการดำเนินโครงการนั้น ๆ จะต้องชี้แจงรายละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไรเพียงใด และใครรับผิดชอบ และปฏิบัติด้วยวิธีการใดจึงจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ภายในระยะเวลาที่ กำหนดไว้ซึ่งวิธีการดำเนินโครงการจะบอกถึงสิ่งต่อไปนี้ 1. ขั้นตอนต่าง ๆ ของการดำเนินงาน 2. แผนการดำเนินงานที่แสดงวิธีการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยรูปแบบของแผนการ ดำเนินงานอาจทำได้ในลักษณะต่อไปนี้คือ o แผนกำหนดรายงานการปฏิบัติงาน ○ แผนควบคุมการทำงาน o ตารางการทำงาน ○ และแบบอื่นๆ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการ เป็นการระบุระยะเวลาการดำเนินโครงการ ตั้งแต่เริ่มต้น โครงการ จนกระทั่งสิ้นสุดโครงการว่าใช้เวลาทั้งหมดเท่าใด โดยทั่วไปจะนำเสนอตั้งแต่ วัน เดือน ปีอะไร และสิ้นสุด วัน เดือน ปีอะไร ตัวอย่างปฏิทินปฏิบัติงาน ระยะเวลา ระยะเวลาปฏิบัติงานปีการศึกษา......... หมายเหตุ กิจกรรม ต.ค. พ.ย. ธ.ค ม.ค. ก.พ. 1. การประชุวางแผน 2. จัดทำกรอบข้อมูลในการสำรวจ สภาพของปัญหาและความต้องการ 3. จัดทำเครื่องมือ 4. ทดลองใช้และปรับปรุงเครื่องมือ (Try out) 5. ประชุมชี้แจงวิธีการเก็บรวบรวม ข้อมูล 6. เก็บรวบรวมข้อมูล 7. วิเคราะห์ข้อมูล 8. ตรวจสอบข้อมูลกับครูและร่วม กำหนดความต้องการโดยจัดลำดับ


ก่อน - หลัง 9. รายงานผล งบประมาณและทรัพยากร เป็นการแสดงรายละเอียดของงบประมาณที่ใช้ในโครงการทั้ง ค่าใช้จ่าย และแหล่งที่มาของงบประมาณ พร้อมทั้งแหล่งทรัพยากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การติดตามและประเมินผลโครงการ เป็นส่วนที่ทำให้ผู้รับผิดชอบโครงการทราบว่าในการ ดำเนินการ สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่ระบุไว้ในวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใด ดังนั้น ในการเขียน จำเป็นต้องระบุรายละเอียด ในเรื่องความตรวจสอบความหน้าของโครงการ ประเมินผล ระหว่างการดำเนินงาน และประเมินเมื่อสิ้นสุดโครงการว่าจะดำเนินการอย่างไร ตัวอย่าง การประเมินโครงการฝึกอบรม 1. ทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรม 2. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการฝึกอบรม 3. สอบถามและสนทนากับผู้เข้าอบรมอย่างไม่เป็นทางการ 4. ตรวจจากผลงานที่ให้ฝึกปฏิบัติระหว่างอบรม กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน สัปดาห์ที่ 1 หลักการในการเขียนโครงการ ขั้นเตรียมการ 1. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียนวิชาโครงการ 1. นักเรียนสอบถาม และ บันทึก 2. ครูแจ้งวัตถุประสงค์การเรียนวิชาโครงการ 2. นักเรียนบันทึก และ ลงมือทดสอบ และให้นักเรียนทดสอบก่อนเรียน ขั้นสอน 3. ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับความหมายของคำว่า 3. นักเรียนเสนอคำตอบตามแนวคิดของตนเอง “ โครงการ /โครงงาน ” ในความเข้าใจของ นักเรียน 4. ร่วมกันสรุปความหมายของว่า “ โครงการ / 4. นักเรียนจดบันทึก โครงงาน ” 5. ครูบอกประเภทของ “ โครงการ /โครงงาน ” 5. นักเรียนจดบันทึก 6. ครูเปิดประเด็นเพื่อเปิดอภิปรายร่วมกับนักเรียน 6. ร่วมกันอภิปราย สรุป และ บันทึก ในเรื่อง “ ลักษณะที่ดีของโครงการ /โครงงาน ”


ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน ประเด็นคำถาม - นักเรียนคิดว่าลักษณะของโครงการ / โครงงาน ที่ดีควรเป็นอย่างไร - ทำไมจึงคิดว่าลักษณะของโครงการ / โครงงาน ที่ดีควรเป็นเช่นนั้น - คนอื่นมีความคิดเห็นแตกต่างอย่างไร ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน 7. ตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับความสนใจของ 7. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ตน นักเรียนในการทำโครงการ / โครงงาน ในด้าน เองสนใจ ต่าง ๆ 8. ให้นักเรียนฝึกเขียนโครงการ / โครงงาน ตาม 8. นักเรียนลงมือปฏิบัติ เสนอความคิดเห็นใน เรื่อง ความสนใจตามใบงานที่ 1 โดยวิเคราะห์ประเด็น ปัญหาต่าง ๆ ซักถามปัญหา และนำเสนอผลง งาน ในการทำโครงการ / โครงงาน ว่าเกิดจาอะไร เช่น ในส่วนของปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือส่วนที่ต้อง การพัฒนาปรับปรุง หลักการและเหตุผล โดยให้ นักเรียนศึกษาปัญหาจากใบความรู้


ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน สัปดาห์ที่ 2 หลักการในการเขียนโครงการ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องการเขียนโครงการ/โครงงาน 1. นักเรียนร่วมกันสรุป โดยสอบถามจากนักเรียน และให้นักเรียนสรุป ขั้นการสอน 2. นักเรียนนำเสนอร่างโครงการ / โครงงาน เพื่อ 2. นักเรียนนำผลงานตนเองเสนอต่อเพื่อ ๆ ในห้อง ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหัวข้อโครงการ/โครงงาน และนักเรียนคนอื่นร่วมกันวิจารณ์ และให้ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ ประโยชน์ที่ ข้อเสนอแนะ คาดว่าจะได้รับ ระยะเวลาดำเนินการ งบประมาณ ที่ใช้ การติดตามประเมินผลโครงการ โดยครูใช้ วิธีสุ่มการนำเสนอผลงาน หรือ ตามความสมัครใจ ของนักเรียน แล้วครูสรุป ให้ข้อเสนอแนะร่วม กับนักเรียนคนอื่น 3. ให้นักเรียนร่วมกันปรับปรุงแก้ไขร่างโครงการ / 3. นักเรียนปรับปรุงแก้ไขร่างโครงการ / โครงงาน โครงงาน ของตนเอง 4. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 2 – 5 คนตามความสนใจ 4. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ 2 - 5 คน เพื่อเขียนร่างโครงการ / โครงงานที่จะจัดทำในภาค ร่วมกันเขียนโครงการ/ โครงงานที่ตนเองสนใจ เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 เพื่อวิเคราะห์ ประเด็น อยากทำ เตรียมนำเสนอผลงานในสัปดาห์ถัดไป ในการทำโครงการ / โครงงาน ว่า เกิดจากอะไร เช่น ในส่วนของปัญหาที่ต้องการแก้ไข หรือส่วนที่ ต้องการพัฒนาปรับปรุง แล้วให้นักเรียนร่วมกัน กำหนดหัวข้อการทำโครงการ / โครงงาน หลักการ และเหตุผล โดยสามารถศึกษาได้จากใบความรู้ เรื่อง หลักการและขั้นตอนในการเขียนโครงการ 5. ครู และ นักเรียนร่วมกันสรุปสาระความรู้ และ 5. ร่วมกับครูสรุปสาระความรู้และการนำไปใช้ การนำไปใช้


ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน สัปดาห์ที่ 3 หลักการในการเขียนโครงการ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนเรื่องลักษณะและรูปแบบของ 1. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ปัญหา และ โครงการ / โครงงาน โดยการสอบถามจากนักเรียน ข้อเสนอแนะการในการทำโครงการ / โครงงาน ของกลุ่ม ขั้นสอน 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอร่างโครงการ / 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานตนเอง โครงงาน เพื่อร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหัวข้อ โครงการ / โครงงาน หลักการและเหตุผล วัตถุ ประสงค์ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ระยะเวลา ดำเนินการ งบประมาณที่ใช้ การติดตามประเมิน ผลโครงการ 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปรับปรุงแก้ไข 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปรับปรุงแก้ไข ร่างโครงการ / โครงงานของตนอง ร่างโครงการ / โครงงานของตนอง 4. ครูร่วมกับนักเรียนสรุปสาระความรู้และการ 4. นักเรียนนักเรียนสรุปสาระความรู้และการ นำไปใช้ นำไปใช้ ลงมือจดบันทึก 5. ครูประจำวิชา อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ / 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานตนเอง โครงงาน กรรมการผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกันพิจารณา โครงการ / โครงงานของนักเรียนแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะ 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มปรับปรุงแก้ไขตามข้อ 6. นักเรียนปรับปรุงผลงานตนเองตามข้อเสนอแนะ เสนอแนะ 7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอโครงการฉบับ 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอโครงการฉบับ สมบูรณ์เพื่อขออนุมัติดำเนินการ สมบูรณ์เพื่อขออนุมัติดำเนินการ สื่อการเรียนการสอน และ แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 1.1 เรื่อง การเลือกหัวข้อในการจัดทำโครงการ 1.2 เรื่อง การเขียนโครงการ 2. หนังสือ 2.1 การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่ 2.2 พื้นฐานการวิจัยการศึกษา 3. เอกสาร การจัดทำโครงการโดยใช้กระบวนการวิจัย


4. ใบงาน เรื่อง หลักในการเขียนโครงการ การวัดและประเมินผล 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบทดสอบหลังเรียน 3. แบบสังเกตและแบบบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติและกิจนิสัยในการเรียน 3.1 ความตั้งใจเรียน 3.2 ความร่วมมือกันในกลุ่ม บันทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนของนักเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานที่ 1 หน่วยที่ 1 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 1 - 3 ชื่อหน่วย หลักในการเขียนโครงการ ชั่วโมงรวม 24 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน หลักการในการเขียนโครงการ จำนวนชั่วโมง 24 ชั่วโมง คำสั่ง ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาโครงการต่าง ๆ จากเอกสาร และร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่มแสดงความ คิดเห็น วิเคราะห์สังเคราะห์ในการเลือกจัดทำโครงการตามที่นักเรียนสนใจ และเขียนโครงการตาม โครงสร้าง ชื่อโครงการ (ควรให้กะทัดรัดชัดเจน ชี้ชัดในเรื่องที่จะทำว่ามีอะไร กับใคร ที่ไหน อย่างไร) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... บุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ ( โดยทั่วไปมักจะให้ทะเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2 – 5 คน ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... หลักการและเหตุผล ( เป็นการสืบค้นความรู้ที่เกี่ยวกับเรื่องที่ใช้หลักการหรือทฤษฎีอะไรมาสนับสนุน) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... วัตถุประสงค์ / เป้าหมาย (สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทำงาน) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (ผลที่ต้องการให้เกิดขึ้น) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ………………………………………………………………………………………………………………..........................................


ขอบเขตของโครงการ (ข้อจำกัดของโครงงาน หรือ ประสิทธิภาพของโครงงาน) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... วิธีการดำเนินการ (เป็นการกำหนดว่า ขั้นตอนการดำเนินงาน เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ ค่าใช้จ่าย) * ขั้นตอนการทำงาน ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………...........………………………………………………………………………………………………………… * วัสดุอุปกรณ์ ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………...........………………………………………………………………………………………………………… * ค่าใช้จ่ายและการหาทุน ……………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………...........………………………………………………………………………………………………………… ระยะเวลาในการดำเนินการ (ระยะเวลาดำเนินการทำโครงงานตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้น) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... งบประมาณและทรัพยากร (จำนวนเงินทุนที่ใช้ในการทำโครงงาน) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... การกำกับติดตามและประเมินผลโครงการ (วิธีการ/เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลการทำโครงงาน) ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................... ลงชื่อ (……………………………………) ผู้เขียนโครงการ


ลงชื่อ (……………………………………) ที่ปรึกษาโครงการ เห็นควร ( ) อนุมัติ ( ) ไม่อนุมัติเพราะ ................................................... ลงชื่อ ผู้ตรวจสอบ โครงการ (…………………………………………) รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ( ) อนุมัติ ( ) ไม่อนุมัติเพราะ …….................................................... ลงชื่อ ผู้อนุมัติโครงการ (……………………………………………) ผู้อำนวยการวิทยาลัย


ใบงานที่ 2 หน่วยที่ 1 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 1 - 3 ชื่อหน่วย หลักในการเขียนโครงการ ชั่วโมงรวม 24 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน หลักการในการเขียนโครงการ จำนวนชั่วโมง 24 ชั่วโมง ตารางการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการเลือกโครงงาน คำชี้แจง 1. ก่อนที่จะตัดสินใจในการเลือกทำโครงงานใด นักเรียนควรให้คะแนนตามรายการในช่อง คะแนนของ แต่ละโครงงาน ดังนี้ มากที่สุด = 4 มาก = 3 ปานกลาง = 2 น้อย = 1 2. รวมคะแนนของแต่ละโครงงาน โครงงานที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็นโครงงานที่ควรพิจารณา เลือก ข้อ รายการ โครงงาน ที่ 1 โครงงาน ที่ 2 โครงงาน ที่ 3 โครงงาน ที่…. 1 ความถนัด / ความสนใจในการทำโครงงานนี้ 2 ประโยชน์ที่คิดว่าจะได้รับจากโครงงานนี้ 3 ความรู้ / ประสบการณ์เดิมที่สามารถนำมาใช้ในการ ทำโครงงาน 4 ความพร้อมด้านแหล่งวิทยากร 5 ความพร้อมด้านเวลา 6 ความพร้อมด้านเงินทุน 7 ความพร้อมของคณะผู้ร่วมงาน 8 การสนับสนุนจากเพื่อนอื่น ๆ 9 การสนับสนุนจากผู้ปกครอง 10 การสนับสนุนจากครูผู้สอน / อาจารย์ที่ปรึกษา คะแนนรวม


แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน กลุ่มที่...................... คำชี้แจง แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานฉบับนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน/การ ทำงาน ของนักเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมิน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ระดับ 3 หมายถึง ปฏิบัติงานดี (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรและตรงต่อ เวลา) ระดับ 2 หมายถึง ปฏิบัติพอใช้ (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรแต่ไม่ตรงต่อ เวลา ) ระดับ 1 หมายถึง ปฏิบัติน้อยหรือไม่ปฏิบัติเลย (ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมไม่ครบ และ ไม่ตรงต่อเวลา ข้อ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 2 3 ก. ด้านการทำงาน 1. การทำงานเสร็จตามเวลา 2. การทำงานตามวิธีการ และ ขั้นตอน 3. การทำงานเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทีม 4. การนำเสนอผลงาน ข. ด้านพฤติกรรม 5. มีความรับผิดชอบ 6. มีความประณีต รอบคอบ 7. มีความขยัน หมั่นเพียร 8 มีความกระตือรือร้น 9. มีการประหยัด และ อดออม 10. มารยาทในการแสดงออกและใช้ภาษากลางในการ สื่อสาร (ลงชื่อ)............................................................ผู้ประเมิน ............/................./.........


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 4 ชื่อหน่วย การสร้างเครื่องมือวิจัย ชั่วโมงรวม 8 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การสร้างเครื่องมือวิจัย จำนวนชั่วโมง 32 ชั่วโมง หัวข้อเรื่อง 1. ความหมายของเครื่องมือ 2. ประเภทของเครื่องมือ สาระสำคัญ ในการจัดทำโครงการ/โครงงาน จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้ในการเก็บ ข้อมูลหรือประเมินโครงการ/โครงงานนั้น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลในการนำมาวิเคราะห์หรือทราบ ประสิทธิภาพของโครงการ/โครงงาน นำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ปรับปรุง ให้โครงการนั้นมี ประสิทธิภาพต่อไป จุดประสงค์ทั่วไป 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของเครื่องมือเก็บข้อมูล/ประเมิน 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเครื่องมือ 3. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. นักเรียนอธิบายความหมายของเครื่องมือที่ใช้ได้ถูกต้อง 2. นักเรียนบอกประเภทของเครื่องมือได้อย่างถูกต้องตามหลักการ 3. นักเรียนสามารถออกแบบเครื่องมือได้อย่างถูกต้องตามลักษณะของโครงงาน/โครงการ 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ สาระการเรียนรู้ ความหมายของเครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือการเก็บข้อมูลจากโครงการหรือโครงงานนั้นหมายถึง เครื่องมือที่สามารถในการเก็บข้อมูลในรูปแบบของตัวเลขหรือสัญญาลักษณ์ที่แทนคุณลักษณะของ ที่เราต้องการเก็บข้อมูลในโครงการหรือโครงงานดังกล่าวโดยเครื่องมือจึงมีหลายประเภทเพื่อวัดและ ประเมินค่าหรือเก็บข้อมูล ซึ่งในบางครั้งโครงการหรือโครงงาน 1 โครงการจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือ หลายประเภท ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ คือ 1. แบบสังเกต (Observation) 2. แบบสัมภาษณ์(Interview)


3. แบบสำรวจ (Inventory) 4. แบบสอบถาม (Questionnaires) 5. แบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating scale) 6. แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) 7. แบบบันทึกรายการ แบบสังเกต (Observation) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีมุ่งหมายที่ชัดเจนจากปรากฏการณ์ที่ เกิดขึ้นในระยะเวลาที่กำหนดไว้โดยมีหลักในการสังเกตที่ดีคือ 1. การกำหนดจุดมุ่งหมายและวางแผนการสังเกตไว้ล่วงหน้า 2. ศึกษาสิ่งที่ต้องการสังเกตก่อนการสังเกตจริง 3. มีการพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดในเรื่องที่สังเกต 4. บันทึกข้อมูลจากการสังเกตไว้เพื่อเตือนความจำ 5. กำหนดระยะเวลาในการสังเกตให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ต้องการได้รับ 6. ควรใช้เครื่องมือวัดอื่นประกอบการสังเกต เช่น แบบตรวจสอบรายการ 7. ควรฝึกให้มีการฝึกการสังเกตก่อนเก็บข้อมูล วิธีการสังเกต โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้2 แบบ คือ - การสังเกตแบบมีส่วนร่วม ซึ่งผู้สังเกตเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือสถานการณ์ที่ ตนเองต้องสังเกต - การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม โดยผู้สังเกตสามารถสังเกตจากภายนอกกลุ่มหรือ สถานการณ์นั้น ๆ


ตัวอย่างแบบสังเกต แบบประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม คำแนะนำ ให้ผู้ประเมินใส่คะแนนที่ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุดลงในช่องว่าง วิชา โครงงาน ค่านิยมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ รหัสวิชา 30502-8501 ความพร้อม/ใฝ่ รู้การทำงาน ร่วมกัน รวม หมายเหตุ หน่วยการเรียนที่ 2 ชื่อหน่วย ระดับชั้น ลำดับ ชื่อ - สกุล 5 5 10 1 2 3 4 5 6 หมายเหตุ เกณฑ์ที่ผ่านการประเมินพฤติกรรมคือ คะแนนในแต่ละข้อที่ประเมินต้องไม่ต่ำกว่า 3 คะแนน ผู้ประเมิน......................................... วันที่........เดือน...................พ.ศ.............. เกณฑ์การประเมินการให้คะแนนการสังเกต 1. การใฝ่รู้มีความคิดสร้างสรรค์อย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ 5 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ มากกว่า 5 ครั้ง 4 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและ สร้างสรรค์ใหเกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง 3 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง 2 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง 1 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง 2. การทำงานร่วมกับผู้อื่น 5 หมายถึง การมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับผู้อื่นตามลักษณะของงานที่ได้รับ มอบหมาย 4 หมายถึง การขาดความร่วมมือในการทำงานร่วมกับอื่นตามลักษณะงานที่ได้รับ มอบหมายมากกว่า 1 ครั้ง


3 หมายถึง การขาดความร่วมมือในการทำงานร่วมกับอื่นตามลักษณะงานที่ได้รับ มอบหมายมากกว่า 2 ครั้ง 2 หมายถึง การขาดความร่วมมือในการทำงานร่วมกับอื่นตามลักษณะงานที่ได้รับ มอบหมายมากกว่า 3 ครั้ง 1 หมายถึง การขาดความร่วมมือในการทำงานร่วมกับอื่นตามลักษณะงานที่ได้รับ มอบหมายมากกว่า 4 ครั้ง แบบสัมภาษณ์ (Interview) เป็นการสอบถามหรือการสนทนาอย่างมีจุดมุ่งหมาย ระหว่างบุคคล คือ ฝ่ายเก็บข้อมูลคือผู้สัมภาษณ์กับฝ่ายให้ข้อมูลคือผู้ถูกสัมภาษณ์ซึ่งแบบสัมภาษณ์นับเป็นเครื่องมือในการ เก็บรวบรวมข้อมูลที่นับว่าตรงกับความเป็นจริงและละเอียดมากกว่าเครื่องมือประเภทอื่น ๆ ประเภทของ การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง เป็นการสัมภาษณ์ที่อยู่ในระบบมากที่สุดเพราะคำถาม ถูกจัดเตรียมไว้ในแบบสัมภาษณ์และมีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องที่ต้องการสัมภาษณ์


ตัวอย่างแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ความต้องการในการบริโภคไข่ของประชาชนในหมู่บ้าน.... ตอนที่ 1 รายละเอียดส่วนตัว 1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง 2. อายุ ( ) 15-25 ปี ( ) 26-35 ปี ( ) 36-45 ปี ( ) มากกว่า 45 ปี 3. ระดับการศึกษา ( ) ไม่เคยเรียน ( ) มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) ( ) มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ( ) ปริญญาตรี ( ) สูงกว่าปริญญาตรี ( ) อื่น ๆ ระบุ............................. ตอนที่ 2 ความต้องการในบริโภคไข่ 1. ครอบครัวของท่านบริโภค (กิน) ไข่หรือไม่ ( ) บริโภค(กิน) ( ) ไม่บริโภค(ไม่กิน) 2. บริโภค(กิน)ไข่สัปดาห์ละกี่ฟอง ( ) 2-4 ฟอง ( ) 5-8 ฟอง ( ) มากกว่า 8 ฟอง 2. การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง เป็นการสัมภาษณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ สามารถแสดงออกทางด้านความคิด และความรู้สึกของตนเอง ตัวอย่างแบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ในเรื่องการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา 1. ท่านคิดว่าการจัดการเรียนการสอนของอาชีวศึกษาในอดีตเป็นอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. ท่านคิดว่าการจัดการเรียนการสอนของอาชีวศึกษาในปัจจุบันเป็นอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. ท่านต้องการให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนของอาชีวศึกษา อย่างไรในอนาคต ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ลักษณะของการสัมภาษณ์ที่ดี ที่จะได้มาซึ่งข้อมูลที่แท้จริงหรือใกล้เคียงกับความเป็นจริง มากที่สุด ควรมีลักษณะดังนี้ 1. ทำความคุ้นเคยกับผู้ถูกสัมภาษณ์อธิบายวัตถุประสงค์ในการสัมภาษณ์ให้ชัดเจนเพื่อ สร้างความเข้าใจให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ 2. ควรตั้งถามที่น่าสนใจ และชัดเจนเพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์อยากตอบ โดยถามให้ตรงตาม จุดมุ่งหมายมากที่สุด 3. เปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์แสดงความเป็นตัวเองมากที่สุด โดยผู้สัมภาษณ์ควรหลีกเลี่ยงการ แสดงความคิดเห็นของตนเอง หรือคอยชี้นำในคำตอบ


4. อย่าใช้เวลาในการสัมภาษณ์มากเกินไป 5. ไม่ควรจดบันทึกตลอดเวลาที่สัมภาษณ์ 6. ควรทบทวนคำถามให้ถี่ถ้วนก่อนที่ยุติการสัมภาษณ์เพื่อให้แน่ใจว่าได้ข้อมูลครบถ้วน และไม่ ควรลืมการกล่าวขอบคุณ 7. ข้อมูลที่ได้รับสามารถนำไปสู่การขยายเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันได้ แบบสำรวจ(Inventory) เป็นการสำรวจอย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการทราบข้อมูลอย่างแท้จริง เช่น วัดความสนใจในอาชีพ ทัศนคติฯลฯ วิธีการตอบอาจใช้วิธีการกาหรือขีดเครื่องหมายลงใน ช่องหรือจุดที่กำหนด ตัวอย่างแบบสำรวจ ความต้องการในการศึกษาแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง ตอนที่ 1 รายละเอียดส่วนตัว 1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง 2. อายุ ( ) 15-25 ปี ( ) 26-35 ปี ( ) 36-45 ปี ( ) มากกว่า 45 ปี 3. ระดับการศึกษา ( ) ไม่เคยเรียน ( ) มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) ( ) มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) ( ) ปริญญาตรี ( ) สูงกว่าปริญญาตรี ( ) อื่น ๆ ระบุ............................. ตอนที่ 2 ความต้องการในการศึกษาแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง 1. ท่านรู้จักแบบการเรียนรู้ด้วยตนเองหรือไม่ ( ) รู้จัก ( ) ไ ม่รู้จัก 2. ท่านอยากมีความรู้เพิ่มเติมจากการแบบการเรียนรู้ด้วยเองในวิชาชีพต่าง ๆ หรือไม่ ( ) ต้องการ ( ) ไม่ต้องการ 3. วิชาชีพที่ท่านต้องการศึกษามากที่สุดคือวิชาชีพใด ( ) งานเกษตร ( ) งานศิลปะ ( ) งานช่างอุตสาหกรรม ( ) งานช่างไม้ ( ) งานแปรรูปผลิตภัณฑ์ ( ) งานซ่อมคอมพิวเตอร์ ( ) งานการบริการ ( ) อื่น ๆ ระบุ......................................................... แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลตามที่ต้องการโดยให้ผู้ให้ข้อมูล อ่านคำถามแล้วทำเครื่องหมาย เติมหรือเขียนคำตอบ รูปแบบของแบบสอบถามที่นิยมใช้มี2 แบบ คือ 1) แบบสอบถามประเภทปลายปิด เป็นแบบที่กำหนดข้อคำถามหรือคำตอบ ให้ผู้ตอบสามารถ ตอบได้ข้อเดียวหรือหลายข้อแล้วแต่กรณีเช่น คำถามข้อมูลส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามแบบปลายเปิด เป็นคำถามแบบไม่กำหนข้องคำตอบซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ตอบ สามารถแสดงความคิดได้อย่างอิสระ หลักในการสร้างแบบสอบถาม 1. ผู้สร้างแบบสอบถามต้องมีความรู้ในสิ่งที่ต้องการถามเป็นอย่างดี 2. คำถามแต่ละข้อเขียนอ่านเข้าใจง่าย ชัดเจน


3. ในหนึ่งควรมีคำถามเดียว 4. คำถามที่ถามไม่ควรซับซ้อนมากเกินไป 5. ไม่ควรถามนอกเหนือจากจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ 6. แบบข้อคำถามไม่ควรยาวเกินไป 7. คำที่ต้องการเน้นควรขีดเส้นใต้ 8. เรียงข้อคำถามให้เหมาะสมจากง่ายไปหายาก 9. ถ้าเป็นไปได้ควรสร้างแบบสu3629 .บถามแบบปลายปิด 10. ควรหาความตรงและความเที่ยงของแบบสอบถาม ลำดับขั้นในการสร้างแบบสอบถาม 1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการสร้างแบบสอบถาม 2. กำหนดเนื้อหาในความถามให้ครอบคลุมวัตถุประสงค์ที่ต้องการวัดและประเมิน 3. กำหนดประเภทของคำถามให้เหมาะสมกับผู้ตอบ 4. ร่างแบบสอบถาม 5. ตรวจสอบความครอบคลุมของแบบสอบถาม 6. ทดลองใช้แก้ไขปรับปรุง (หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ) แบบมาตรประเมินค่า(Rating Scale) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินค่าถานการณ์หรือคุณลักษณะ ต่าง ๆที่ไม่สามารถวัดมาเป็นตัวเลขโดยตรง สามารถแทนคุณลักษณะเหล่านั้นได้ด้วยตัวเลขที่เลียงลำดับ จากค่าดีมากจนถึงไม่ดีตามลำดับดังนี้คือ 5 4 3 2 1 ประเภทของการประเมินค่ามี2 ประเภท คือ 1. การประเมินค่าแบบบรรยาย โดยปกติจะแบ่งออกเป็น 3-7 ขั้น เช่น ตัวอย่างแบบประเมินค่าแบบบรรยาย แบบ 5 ขั้น การใฝ่รู้มีความคิดสร้างสรรค์อย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ 5 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ มากกว่า 5 ครั้ง 4 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ให้ เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง 3 หมายถึงการ แสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง 2 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง 1 หมายถึง การแสดงความคิดเห็นที่นำพามาสู่แนวคิดที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ ให้เกิดความรู้ใหม่ๆในสิ่งที่ได้กระทำ ไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง เครื่องมือแบบประเมินค่าตามตัวอย่างเป็นการประเมินค่าการใฝ่รู้ของนักศึกษา ที่สร้างไว้สำหรับ ประเมินพฤติกรมการเรียนรู้ 2. มาตรประเมินค่าแบบตัวเลข เป็นการแยกคุณลักษณะของสิ่งที่วัดโดยการแทนค่าเป็นตัวเลข เช่น การประเมินความขยันในการทำงาน 1. เริ่มทำงานทันที่เมื่อถึงเวลา 1 2 3 4 5 2. ทำงานเป็นระบบมีประสิทธิภาพ 1 2 3 4 5


ความหมายของค่าตัวเลข 5 หมายถึง เกิดขึ้นกับท่านเป็นประจำ 4 หมายถึง เกิดขึ้นนาน ๆครั้ง 3 หมายถึง เกิดขึ้นบางครั้ง 2 หมายถึง ไม่ค่อยเกิดขึ้น 1 หมายถึง ไม่เคยเกิดขึ้น แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) เป็นการตรวจสอบผลของกิจกรรมว่าสามารถดำเนินได้ตาม ขั้นตอนหรือกระบวรการหรือไม่ โดยการเก็บข้อมูลตามที่กำหนดไว้โดยการ กาเครื่องหมายในช่องที่ กำหนด เช่น ( ) เห็นด้วย ( ) ไม่เห็นด้วย หรือ ( ) พอใจ ( ) ไม่พอใจ ลำดับขั้นตอนการสร้างแบบตรวจสอบรายการ 1. กำหนดที่ต้องการตรวจสอบหรือวัดให้ชัดเจน 2. เขียนหัวข้อให้ครบตามวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบหรือวัด 3. เรียงหัวข้อตามลำดับขั้นตอนหรือพฤติกรรมที่ต้องการวัด 4. ชี้แจงหรืออธิบายวิธีการใช้แบบตรวจสอบรายการ แบบบันทึก เป็นการบันทึกประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพ การทำงานของโครงการหรือโครงงานที่ดำเนินการ เช่น โครงการที่นำมาใช้ในการพัฒนากระบวนการผลิต หรือทางด้านสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ตัวอย่างแบบบันทึก โครงการการตรวจสอบความชื้นไม้ก่อนอัดหน้าไม้ บันทึกการผลิตก่อนทำโครงการ วันที่/เดือน/ปี จำนวนผลิต การสูญเสียในกระบวนการผลิต ร้อยละการสูญเสีย รวม


บันทึกการผลิตหลังทำโครงการ วันที่/เดือน/ปี จำนวนผลิต การสูญเสียในกระบวนการผลิต ร้อยละการสูญเสีย รวม ตารางเปรียบเทียบผลผลิตก่อนและหลังการทำโครงการ จำนวนการผลิต การสูญเสีย ร้อยละ จำนวนการผลิต การสูญเสีย ร้อยละ รวม กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน สัปดาห์ที่ 4 การสร้างเครื่องมือวิจัย ขั้นเตรียมการ 1. ประเมินพฤติกรรมการตรงต่อเวลาและการ 1. นักเรียนแต่งกายตามระเบียบ ข้อบังคับ แต่งกาย ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียน เรื่อง การสร้าง 2. นักเรียนซักถาม และ จดบันทึก เครื่องมือวิจัย 3. ทดสอบความรู้ก่อนเรียน 3. นักเรียนทดสอบก่อนเรียน ขั้นการสอน 4. ครูถามนักเรียนเกี่ยวกับความหมายของเครื่องมือ 4. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเขียนและ วิจัยในความเข้าใจของนักเรียน เขียนคำตอบบนกระดานดำ 5. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุป ความหมายของ 5. นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายและจดบันทึก คำว่า “ เครื่องมือวิจัย ” 6. ครูเปิดประเด็นเพื่อให้นักเรียนอภิปรายในเรื่อง 6. นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย “ ลักษณะของเครื่องมือวิจัย ” และศึกษาจากใบความรู้


หมายเหตุ ครูควรเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนใน อภิปรายมากที่สุด โดยใช้คำถามเพื่อกระตุ้นความ คิด เช่น - นักเรียนคิดว่าลักษณะของเครื่องมือวิจัยที่ดีควร เป็นอย่างไร - ทำไมคิดว่าลักษณะของเครื่องมือวิจัยที่ดีควร เป็นเช่นนั้น - นักเรียนคนไหนมีความคิดเห็นแตกต่างจากนี้บ้าง 7. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปคุณลักษณะของ 7. นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายคุณลักษณะ เครื่องมือวิจัยที่ดี ของเครื่องมือวิจัยที่ดี และ จดบันทึก 8. ครูตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับคุณลักษณะเครื่อง 8. นักเรียนศึกษาใบความรู้ และ จดบันทึก มือวิจัยที่สอดคล้องกับโครงการที่นักเรียนดำเนิน การ เช่น แบบสำรวจ แบบสังเกต แบบบันทึก เป็นต้น โดยให้นักเรียนศึกษาจากใบความรู้ 9. ครูให้นักเรียนฝึกเขียนเครื่องมือวิจัยในการเก็บ 9. นักเรียนลงมือฝึกปฏิบัติการเขียนเครื่องมือวิจัย ข้อมูลตามโครงการที่นักเรียนดำเนินการ ตาม ตามใบงานที่ 2 โดยศึกษาจากใบความรู้ และ ใบงานที่ 2 โดยวิเคราะห์ตามประเด็นความสำคัญ สอบถามเพิ่มเติมจากครูผู้สอน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในโครงการหรือโครงงาน 10. ครูให้นักเรียนนำเสนอผลงานในการสร้าง 10. นักเรียนนำเสนอผลงานของตนเอง และ เครื่องมือวิจัย และ ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายใน ร่วมกันสรุปรูปแบบของเครื่องมือวิจัย รูปแบบของเครื่องมือ 11. ครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปการสร้างเครื่องมือ 11. นักเรียนร่วมกับครูช่วยกันสรุปการสร้าง วิจัย และ ลักษณะของเครื่องมือวิจัยใน เครื่องมือวิจัย และ ลักษณะของเครื่องมือวิจัยใน รูปแบบต่าง ๆ รูปแบบต่าง ๆ และจดบันทึก สื่อการเรียนการสอน และ แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 1.1 เรื่อง ข้อมูลและประเภทของข้อมูล 1.2 เรื่อง มาตราการวัด 1.3 เรื่อง ขั้นตอนและวิธีการเก็บข้อมูล 2. หนังสือ 2.1 การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่ 2.2 พื้นฐานการวิจัยการศึกษา 3. เอกสาร การจัดทำโครงการโดยใช้กระบวนการวิจัย 4. ใบงาน เรื่อง ขั้นตอนและกระบวนการเก็บข้อมูลที่สอดคล้องกับเครื่องมือวิจัย


การวัดและประเมินผล 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบทดสอบหลังเรียน 3. แบบสังเกตและแบบบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติและกิจนิสัยในการเรียน 3.1 ความตั้งใจเรียน 3.2 ความร่วมมือกันในกลุ่ม บันทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนของนักเรียน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการสอนของครู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ใบงานที่ 2 หน่วยที่ 2 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 4 ชื่อหน่วย การสร้างเครื่องมือวิจัย ชั่วโมงรวม 8 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การสร้างเครื่องมือวิจัย จำนวนชั่วโมง 32 ชั่วโมง คำสั่ง ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างเครื่องมือวิจัยแบบต่าง ๆ จากเอกสาร และร่วมกันอภิปรายภายใน กลุ่มแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์สังเคราะห์ในการเลือกสร้างเครื่องมือวิจัยให้สอดคล้องกับ โครงการที่นักเรียนดำเนินการ ชื่อเครื่องมือวิจัย..................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................................. .......... ........................................................................................................................... ............................................ ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................................................. .......... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..........................................


แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน กลุ่มที่...................... คำชี้แจง แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานฉบับนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน/การ ทำงาน ของนักเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมิน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ระดับ 3 หมายถึง ปฏิบัติงานดี (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรและตรงต่อ เวลา) ระดับ 2 หมายถึง ปฏิบัติพอใช้ (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรแต่ไม่ตรงต่อ เวลา ) ระดับ 1 หมายถึง ปฏิบัติน้อยหรือไม่ปฏิบัติเลย (ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมไม่ครบ และ ไม่ตรงต่อเวลา ข้อ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 2 3 ก. ด้านการทำงาน 1. การทำงานเสร็จตามเวลา 2. การทำงานตามวิธีการ และ ขั้นตอน 3. การทำงานเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทีม 4. การนำเสนอผลงาน ข. ด้านพฤติกรรม 5. มีความรับผิดชอบ 6. มีความประณีต รอบคอบ 7. มีความขยัน หมั่นเพียร 8 มีความกระตือรือร้น 9. มีการประหยัด และ อดออม 10. มารยาทในการแสดงออกและใช้ภาษากลางในการ สื่อสาร (ลงชื่อ)............................................................ผู้ประเมิน ............/................./.........


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 3 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 5 ชื่อหน่วย วิธีเก็บข้อมูล ชั่วโมงรวม 8 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน วิธีเก็บข้อมูล จำนวนชั่วโมง 40 ชั่วโมง หัวข้อเรื่อง 1. แนวทางการจัดเก็บข้อมูล 2. ชนิดของข้อมูลและวิธีการเก็บข้อมูล 3. ประเภทของข้อมูล 4. การทดลองเก็บข้อมูล สาระสำคัญ ในการจัดทำโครงการ/โครงงาน ทางอาชีวศึกษาด้วยวิธีการวิจัย ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการเก็บ รวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งข้อมูลอาจได้มากจากการอ่าน การวัด การถามคำถาม หรือจากหลาย ๆ วิธีร่วมกัน จุดประสงค์ทั่วไป 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดและประเภทของข้อมูล 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการจัดเก็บข้อมูล 3. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. นักเรียนบอกชนิดและประเภทของข้อมูลได้ถูกต้อง 2. นักเรียนบอกขั้นตอนแบะวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องตามหลักการ 3. นักเรียนสามารถออกแบบทดลองการเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องตามลักษณะของ โครงงาน/โครงการ 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ สาระการเรียนรู้ ในการจัดทำโครงการ/โครงงาน ทางอาชีวศึกษาด้วยวิธีการวิจัย ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับการเก็บ รวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งข้อมูลอาจได้มากจากการอ่าน การวัด การถามคำถาม หรือจากหลาย ๆ วิธีร่วมกัน ข้อมูลที่รวบรวมได้มีลักษณะดังนี้ 1. ข้อมูลอาจเป็นตัวเลขหรือข้อความหรือเป็นทั้งสองประเภทร่วมกัน 2. ข้อมูลอาจเป็นข้อมูลปฐมภูมิหรือข้อมูลมือหนึ่งในความหมายที่ว่ายังไม่เคยมีการเก็บรวบรวม ข้อมูลนี้มาก่อน ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นครั้งแรก หรืออาจเป็นข้อมูลทุติยภูมิหรือข้อมูล มือสอง หมายถึงข้อที่ถูกเก็บโดยผู้อื่นมาก่อนแล้ว ผู้วิจัยได้นำข้อมูลนั้นมาใช้ใหม่ บางครั้งเป็นการ นำมาใช้ในบริบทหรือแนวคิดที่ต่างไปจากเดิม


3. ข้อมูลอาจได้มาจากการตอบแบบสอบถามหรือผลการสัมภาษณ์หรือบันทึกการสังเกตหรือการ ทดลอง หรือจากเอกสารและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ หรือจากหลายวิธีร่วมกัน จึงอาจสรุปได้ว่า ข้อมูล (Data) คือข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปตัวเลข ข้อความหรือในรูปอื่น ที่ ผู้วิจัยรวบรวมมาจากแหล่งต่าง ๆ หรืออาจสังเกตหรือวัดมาจากกลุ่มตัวอย่างหรือประชากรที่ศึกษา เพื่อ นำมาพิจารณา เปรียบเทียบวิเคราะห์ ตีความ อนุมาน หรือสรุปผลการวิจัย ประเภทของข้อมูล ข้อมูลในการวิจัยสามารถแบ่งได้หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เกณฑ์ใดในการแบ่ง ดังนี้ 1. แบ่งตามแหล่งที่มา แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1.1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) คือข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดที่ได้มา จากแหล่งกำเนิดที่แท้จริง เช่น จากการสัมภาษณ์ หรือวัดจากกลุ่มตัวอย่างโดยตรง 1.2 ข้อมูลทุตยิภูมิ (Secondary Data) คือข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดที่ผู้อื่น ได้รวบรวมมาแล้ว ผู้วิจัยอาศัยข้อมูลดังกล่าว เพื่อการวิจัยของตน 2. แบ่งตามลักษณะของข้อมูล แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 2.1 ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) คือข้อมูลที่ที่ผู้วิจัยสังเกต หรือ วัดออกมาเป็นตัวเลข เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาต่าง ๆ ความถนัดทางด้านต่าง ๆ ที่วัดเป็นคะแนน ออกมา คุณลักษณะทางด้านจิตพิสัย เช่น ความสนใจ ความวิตกกังวล ที่วัดดอกมาเป็นคะแนน คุณลักษณะที่เป็นผลร่วมทางด้านพุทธพิสัยและจิตพิสัย เช่น ความคิดเห็นที่วัดออกมาเป็นคะแนน คุณลักษณะและสมรรถภาพทางกาย เช่น ส่วนสูง ความเร็วในการวิ่งเป็นต้น 2.2 ข้อมูลเชิงคุณลักษณะ (Qualitative Data) คือข้อมูลที่ไม่ได้วัดออกมา เป็นตัวเลข แต่จะแสดงถึงคุณลักษณะของสิ่งนั้น เช่นข้อความที่แสดงเป็นข้อคิดเห็น ผลการสังเกตที่เขียนในรูปของ การบรรยาย 3. แบ่งตามสภาพของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตัวอย่าง แบ่งได้ 3 ประเภท คือ 3.1 ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง สวนตัวของกลุ่มตัวอย่าง เช่น ชื่อ - สกุล อายุ เพศ อาชีพ ศาสนา เป็นต้น 3.2 ข้อมูลสิ่งแวดล้อม ( Environmntal Data) คือข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของกลุ่มตัวอย่าง เช่น ลักษณะของท้องถิ่นของกลุ่มตัวอย่าง เป็นต้น 3.3 ข้อมูลพฤติกรรม (Behaviral Data) คือข้อมูลที่เป็นคุณลักษณะที่อยู่ใน กลุ่มของกลุ่มตัวอย่าง อาจจำแนกได้ 3 ประเภท 3.3.1 ข้อมูลด้านพุทธพิสัย ( Cognitive Domain) คือข้อมูลที่เป็น คุณลักษณะทางด้านความสามารถทางสมอง ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการวิชาการ 3.3.2 ข้อมูลด้านจิตพิสัย (Affective Domain) คือข้อมูลที่เป็น คุณลักษณะทางด้านความสามารถทางด้านจิตใจ ได้แก่ ความสนใจ ความวิตกกังวล 3.3.3 ข้อมูลทางด้นทักษะพิสัย (Phychomoter Domain) คือข้อมูล ที่เป็นทักษทางกาย ได้แก่การปฏิบัติ หรือการการกระทำสิ่งต่าง ๆ


ระดับของการวัด (Level of Measurement) ข้อมูลในการวิจัยจำนวนมากได้มาจากการวัด (Measurement) หมายถึงการกำหนด ตัวเลขหรือสัญลักษณ์อื่น ๆ แทนปริมาณหรือคุณภาพ มาตราของการวัด มี 4 ระดับ คือ 1. มาตรานามบัญญัติ เป็นการกำหนดตัวเลขแทนชื่อคน แทนคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น เบอร์นางงามที่เข้าประกวด กำหนดเลขทะเบียนรถยนต์ การกำหนดตัวเลข 1 แทนผู้ชาย ตัวเลข 0 แทนผู้หญิง โดยตัวเลขเหล่านั้นถูกกำหนดให้ชี้ถึงความแตกต่าง ชี้ว่าไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ไม่ได้ แทนอันดับ ขนาดและปริมาณ ไม่สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หารได้ 2. มาตราเรียงลำดับ เป็นการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์ เพื่อชี้ถึงอันดับหลังจาก การพิจารณา ภาพข้องนักเรียนที่วาดมาแล้ว ให้ลำดับที่ 1 รองลงมาเป็นลำดับที่ 2 มาตราเรียงลำดับแสดงถึงความ แตกต่างว่า อันดับ 1 ย่อมอยู่เหนืออันดับ 2 แต่ไม่ทราบว่าอยู่เหนืออยู่เท่าใด ไม่สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หารได้ 3. มาตราอันตรภาค มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นจากแบบที่ 1 และ 2 อยู่ 2 ประการ คือ คือ มีศูนย์สมมุติ (Arbitary Zero or Relative Zero) และมีหน่วยการวัดที่เท่ากัน ตัวอย่างของ การวัดได้แก่ อุณหภูมิ โดยมี 0 อาศาเป็นศูนย์เทียม แต่ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งที่ 0 องศาไม่มีความร้อนอยู่เลย เพียงแต่ เป็นจุดที่น้ำแข็งแข็งตัว สามารถนำมาบวก ลบ คูณ หารได้ 4. มาตราอัตราส่วน มีความสมบูรณ์ทางการวัดสูงสุด มีคุณสมบัติคล้ายแบบ มาตรา อันตรภาค แล้วยังมีศูนย์แท้ (Absolute Zero) ได้แก่ ความยาว น้ำหนัก เช่น นาย ก หนัก 20 กิโลกรัม ไม้ บรรทัดยาว 30 เซนติเมตร ขั้นตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และ เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลมีความสัมพันธ์กัน กล่าวคือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต้องสอดคล้องกับวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น วิธีการเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นการสัมภาษณ์ผู้มาใช่บริการสหการวิทยาลัย ฯ ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้จาก ผู้ให้ข้อมูลที่อ่านออก – เขียนได้ และอ่าน – เขียนไม่ได้ เครื่องมือที่เหมาะสมจึงเป็นแบบสัมภาษณ์ หากใช้แบบทดสอบอาจไม่เหมาะสม เพราะมีข้อจำกัดเรื่องอ่าน – เขียนไม่ได้ ของผู้ให้ข้อมูล วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับงานวิจัยในชั้นเรียน มี 14 วิธี ได้แก่ การสอบถาม การ สัมภาษณ์ การสังเกต การวัดความรู้สึกหรือความเชื่อ การเขียนอนุทิน การสนทนา การทำสังคมมิติ การประเมินพฤติกรรม การประเมินผลงาน การศึกษาเอกสาร และการบันทึกภาพและเสียง ในการเก็บรวบรวมข้อมูลควรมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ทำการวิเคราะห์จุดมุ่งหมายของการวิจัย เพื่อจะได้กำหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลได้ตรงจุด 2. กำหนดลักษณะของข้อมูล ว่ามีข้อมูลประเภทใดบ้าง ลักษณะเช่นไร 3. พิจารณาว่าจะใช้เครื่องมือประเภทใดเทคนิคใดในการเก็บรวบรวมข้อมูล


4. วางแผนในการสร้างเครื่องมือและการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยกำหนดระยะเวลาในการ ปฏิบัติงานแต่ละขั้นตอนไว้ให้ชัดเจน ตั้งแต่การศึกษาทฤษฎี หลักในการสร้างเครื่องมือประเภทนั้น ๆ ศึกษาตัวอย่างเครื่องมือที่คล้ายกัน การเขียนคำถามต่าง ๆ การให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา การทดลองใช้ และคำนวณค่าสถิติที่ชี้คุณภาพเครื่องมือ การปรับปรุงข้อความ และ การนำไปใช้จริง 5. สร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลตามทฤษฎี หลักการสร้างเครื่องมือชนิดนั้น ๆ 6. ทดลองใช้เครื่องมือ และหาคุณภาพด้านความเชื่อมั่น เที่ยงตรงและคุณภาพด้านอื่น ๆ สำหรับเครื่องมือประเภทนั้น ๆ ทำการปรับปรุงจนกว่าจะมีคุณภาพเข้าขั้น จึงนำไปใช้จริง 7. เก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนที่วางไว้ ใช้เครื่องมือที่จัดทำเป็นมาตรฐาน กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน 1. ครูทบทวนเรื่อง การสร้างเครื่องวิจัยที่ใช้ในการ 1. นักเรียนช่วยกันสรุปทบทวนชนิดของเครื่องมือ เก็บรวบรวมข้อมูล วิจัย 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์การเรียนเรื่องการเก็บ 2. นักเรียนซักถาม และ จดบันทึก รวบรวมข้อมูล 3. ครูทดสอบความรู้ก่อนเรียนของผู้เรียน 3. นักเรียนทดสอบก่อนเรียน 4. ครูตั้งคำถามกับนักเรียนเกี่ยวกับความหมาย 4. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเขียนคำ ประเภท และชนิดของข้อมูล ตอบบนกระดานดำ 5. ครูร่วมกับนักเรียนร่วมกันสรุป 5. นักเรียนร่วมกันสรุป และ จดบันทึก 6. ครูเปิดประเด็นให้นักเรียนอภิปรายเรื่อง ขั้นตอน 6. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่าง และวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล หลากหลาย และ ศึกษาจากใบความรู้ 7. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุป ขั้นตอนและวิธีการ 7. นักเรียนร่วมกันสรุปและจดบันทึก เก็บรวบรวมข้อมูล สื่อการเรียนการสอน และ แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 1.1 เรื่อง ข้อมูลและประเภทของข้อมูล 1.2 เรื่อง มาตราการวัด 1.3 เรื่อง ขั้นตอนและวิธีการเก็บข้อมูล 2. หนังสือ 2.1 การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่ 2.2 พื้นฐานการวิจัยการศึกษา 3. เอกสาร การจัดทำโครงการโดยใช้กระบวนการวิจัย


4. ใบงาน เรื่อง ขั้นตอนและกระบวนการเก็บข้อมูลที่สอดคล้องกับเครื่องมือวิจัย การวัดและประเมินผล 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบทดสอบหลังเรียน 3. แบบสังเกตและแบบบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติและกิจนิสัยในการเรียน 3.1 ความตั้งใจเรียน 3.2 ความร่วมมือกันในกลุ่ม บันทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ผลการเรียนของนักเรียน ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ผลการสอนของครู ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................ ………………………………………………………………………………………………………………........................................


ใบงานที่ 3 หน่วยที่ 3 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 5 ชื่อหน่วย วิธีเก็บข้อมูล ชั่วโมงรวม 8 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวนชั่วโมง 40 ชั่วโมง คำสั่ง ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างเครื่องมือวิจัยแบบต่าง ๆ จากเอกสาร และร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์สังเคราะห์ โดยให้สมมุติกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสมกับ เครื่องมือวิจัย จำแนก ตามประเภทข้อมูล ชื่อเครื่องมือวิจัย...................................................................... ขั้นตอน และ วิธีการการเก็บรวบรวมข้อมูล ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………...................................................


แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน กลุ่มที่...................... คำชี้แจง แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานฉบับนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน/การ ทำงาน ของนักเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมิน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ระดับ 3 หมายถึง ปฏิบัติงานดี (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรและตรงต่อ เวลา) ระดับ 2 หมายถึง ปฏิบัติพอใช้ (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรแต่ไม่ตรงต่อ เวลา ) ระดับ 1 หมายถึง ปฏิบัติน้อยหรือไม่ปฏิบัติเลย (ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมไม่ครบ และ ไม่ตรงต่อเวลา ข้อ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 2 3 ก. ด้านการทำงาน 1. การทำงานเสร็จตามเวลา 2. การทำงานตามวิธีการ และ ขั้นตอน 3. การทำงานเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทีม 4. การนำเสนอผลงาน ข. ด้านพฤติกรรม 5. มีความรับผิดชอบ 6. มีความประณีต รอบคอบ 7. มีความขยัน หมั่นเพียร 8 มีความกระตือรือร้น 9. มีการประหยัด และ อดออม 10. มารยาทในการแสดงออกและใช้ภาษากลางในการ สื่อสาร (ลงชื่อ)............................................................ผู้ประเมิน ............/................./.........


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 6 - 16 ชื่อหน่วย การดำเนินโครงการ ชั่วโมงรวม 88 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปรผลข้อมูล จำนวนชั่วโมง 128 ชั่วโมง หัวข้อเรื่อง 1. การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 2. การวิเคราะห์ข้อมูล 3. การแปลผลข้อมูล สาระสำคัญ ในการใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณค่าดังต้องการ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งผ่านกระบวนการสร้างอย่างมีระบบ และผ่านการตรวจสอบ คุณภาพ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติอย่างเหมาะสม และแปรผลการ วิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีคุณค่า จุดประสงค์ทั่วไป 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธี การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูล 3. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแปรผลข้อมูล 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. นักเรียนบอกวิธี การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือได้ถูกต้อง 2. นักเรียนเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง 3. นักเรียนสามารถบอกและอธิบายการแปรผลข้อมูลได้ 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ สาระการเรียนรู้ ในการใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณค่าดังต้องการ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งผ่านกระบวนการสร้างอย่างมีระบบ และผ่านการตรวจสอบ คุณภาพ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติอย่างเหมาะสม และแปรผลการ วิเคราะห์ข้อมูลอย่างมีคุณค่า สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ผู้วิจัยควรมีความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้สถิติให้เหมาะสม ซึ่ง


การเลือกใช้สถิติให้เหมาะสม ผู้วิจัยต้องทราบว่าข้อมูลที่รวบรวมมานั้นเป็นข้อมูลชนิดอะไร สถิติที่ นำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น มีข้อตกลงเบื้องต้นว่าอย่างไร และค่าสถิติต่าง ๆ จะใช้ในสถานการณ์ อะไรบ้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยอาจจะเป็นพรรณนาสถิติ(Descriptive statistics) หรืออนุมานสถิติ(Inferential statistics) ขึ้นอยู่กับว่าผู้วิจัยต้องการรวบรวมข้อมูลจากประชากร เป้าหมาย (Target population) หรือกลุ่มตัวอย่าง ถ้าผู้วิจัยรวบรวมข้อมูลจากประชากรเป้าหมาย ค่าที่ สรุปได้จากประชากร เรียกว่าค่าพารามีเตอร์(Parameter) ซึ่งจะมีค่าคงที่สำหรับประชากรกลุ่มเดียวกัน รวบรวมข้อมูลในช่วงเวลาเดียวกัน เงื่อนไขหรือสภาพการณ์ต่าง ๆ เหมือนกันในกรณีนี้สถิติที่ใช้คือ พรรณนาสถิติแต่ถ้าประชากรมีขนาดใหญ่มาก เวลาและงบประมาณในการวิจัยค่อนข้างจำกัด ดังนั้น ผู้วิจัยจะรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง โดยมีเงื่อนไขว่ากลุ่มตัวอย่างนั้นเป็นกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่ม (Random sample) คือเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบคำนึงถึงความน่าจะเป็น (Probability sampling) ค่าที่สรุปได้จากลุ่มตัวอย่าง เรียกว่าค่าสถิติ(Statistics) ซึ่งค่าสถิติจะเป็นตัวแปร เนื่องจาก ค่าสถิตินั้นจะเปลี่ยนแปลงจากกลุ่มตัวอย่างหนึ่งไปยังอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่ง บางครั้งอาจจะมีค่าซ้ำกันได้แต่ ไม่เสมอไป ถึงแม้ว่ากลุ่มตัวอย่างเหล่านั้นมาจากประชากรกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องใช้กระบวนการทาง สถิติอ้างอิงข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างไปสู่ประชากร หรือสรุปอ้างอิงจากค่าสถิติไปสู่ค่าพารามีเตอร์โดยการ ประมาณค่าและ/หรือการทดสอบ สมมุติฐานทางสถิติในกรณีนี้สถิติที่ใช้คือ อนุมานสถิติ(Inferential statistics) การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยนั้น สามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ 1. การหาค่าสรุปของข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน การวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะนี้ใช้เพื่อ อธิบายลักษณะต่าง ๆ ของประชากรเป้าหมาย หรือ กลุ่มตัวอย่าง สถิติที่ใช้ได้แก่ 1.1 การแจกแจงความถี่ค่าร้อยละ ใช้ได้กับข้อค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้ได้กับ ข้อมูลทุกชนิด 1.2 ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้กับข้อมูลอันตรภาค และข้อมูลอัตราส่วน 1.3 ค่ามัธยฐาน และค่าเบี่ยงเบนควอไทล์หรือค่าพิสัยควอไทล์ใช้ได้กับข้อมูล เรียง อันดับข้อมูลอันตรภาค และข้อมูลอัตราส่วน 2. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร แยก ได้เป็น 2 กรณีใหญ่ๆ ดังนี้ 2.1 การศึกษาความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล (Non-causal relationship) เป็น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรว่าถ้าตัวแปรตัวหนึ่งมีค่าเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มว่าตัวแปรอีกตัวหนึ่ง มี ค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้จะไม่มีตัวแปรต้น ตัวแปรตาม หรือไม่ได้มีตัวแปรที่เป็นเหตุ และตัวแปรที่เป็นผล เช่น ผู้วิจัยต้องการศึกษาว่านักเรียนที่มีอัตราการมาเรียนสูงมีแนวโน้มว่าจะมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงด้วยหรือไม่ หรือผู้วิจัยต้องการศึกษาว่านักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนสูงมี แนวโน้มว่าจะมีอัตราการมาเรียนสูงด้วยหรือไม่ จะเห็นได้ว่าการศึกษาความสัมพันธ์ตามตัวอย่างที่กล่าวมา นี้ตัวแปรอัตราการมาเรียน กับตัวแปรผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตัวแปรอะไรจะมาก่อนหรือมาหลังไม่เป็นไร เนื่องจากไม่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน เพียงแต่ศึกษาว่าเมื่อค่าของตัวแปรตัวหนึ่ง เปลี่ยนไป ตัวแปรอีกตัวหนึ่งมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สถิติที่ใช้ในการศึกษาความสัมพันธ์ที่ ไม่ใช่เชิงเหตุผล แยกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 2.1.1 การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเพียง 2 ตัว สถิติที่ใช้ในการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเพียง 2 ตัว สรุปได้ดังนี้


1) การทดสอบไคว์สแควร์(Chi-square test) ใช้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัว แปร 2 ตัว ที่เป็นตัวแปรเชิงคุณภาพ หรือตัวแปรไม่ต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมมาใช้ในการคำนวณจะเป็น จำนวนนับ (Frequencies) ของแต่ละค่าของตัวแปรแต่ละตัว เข่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับ พรรคการเมืองที่ชอบ ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของโรงเรียนกับระดับของปัญหาในการบริหารงาน วิชาการในแต่ละประเด็น 2) สัมประสิทธ์สหสัมพันธ์สเปียร์แมนแรงค์(Spearman rank correlation coefficient) ใช้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ที่เป็นตัวแปรเชิงคุณภาพ หรือตัวแปรไม่ต่อเนื่อง ซึ่งค่าของตัวแปรแต่ละตัวเป็นข้อมูลชนิดเรียงอันดับ 3) สัมประสิทธ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson product moment correlation) ใช้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ที่เป็นตัวแปรเชิงปริมาณ หรือตัวแปรต่อเนื่อง ซึ่งค่าของตัวแปรแต่ละตัวเป็นข้อมูลชนิดอันตรภาค หรืออัตราส่วน เช่นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กับเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์เพียร์ สันจะสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ได้อย่างถูกต้อง ในกรณีที่ตัวแปรทั้งสองตัวนั้นไม่มี ความสัมพันธ์กับตัวแปรอื่น ๆ เนื่องจากการคำนวณค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์เพียร์สันเป็นการคำนวณที่ ไม่ได้มีการควบคุมตัวแปรที่เกี่ยวข้องให้เป็นค่าคงที่ดังนั้นถ้าตัวแปรตัวดาตัวหนึ่งหรือทั้งสองตัวมี ความสัมพันธ์กับตัวแปรอื่น ๆ และผู้วิจัยไม่ได้ควบคุมให้ค่าของตัวแปรอื่น ๆ ให้เป็นค่าคงที่อาจส่งผลให้ ค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์เพียร์สันที่คำนวณได้นั้นมีความคลาดเคลื่อน ไม่ได้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ที่ต้องการศึกษาได้อย่างแท้จริง ที่เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์เทียม (Spurious correlation) 4) สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ส่วนย่อย (Partial correlation coefficient) ใช้ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว ที่เป็นตัวแปรเชิงปริมาณ หรือตัวแปรต่อเนื่อง ซึ่งค่าของตัวแปร แต่ละตัวเป็นข้อมูลชนิดอันตรภาค หรืออัตราส่วน โดยควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นค่าคงที่ เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กับเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ ถ้าตัวแปรทั้งสองตัวนี้มีความสัมพันธ์กับคะแนนสติปัญญาของผู้เรียน ผู้วิจัยควรใช้ค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์ส่วนย่อย ในการคำนวณความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กับเจต คติต่อวิชาวิทยาศาสตร์โดยควบคุมคะแนนสติปัญญาให้เป็นค่าคงที่ 2.1.2 การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรมากกว่า 2 ตัว ในบางกรณีผู้วิจัยต้องการ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรมากกว่า 2 ตัวแปร ซึ่งสถิติที่ใช้ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัว แปรมากกว่า 2 ตัวแปร สรุปได้ดังนี้ 1) สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (Multiple correlation coefficient) ใช้ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างชุดของตัวแปรต้น (มีตัวแปรต้นมากกว่า 1 ตัว) กับตัวแปรตามเพียงตัวเดียว เช่นต้องการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับตัวนักเรียน ซึ่งมีหลายตัวแปรกับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน 2) สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์คะโนนิคอล (Canonical correlationcoefficient) ใช้ศึกษารูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ชุด ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองชุดนั้นมี ความสัมพันธ์กันมากที่สุด เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของนักเรียน เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ความยาวแขน ความยาวขา เป็นต้น กับสมรรถภาพทางกายของนักเรียน ได้แก่ดัชนีมวล


กาย เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว สมรรถภาพปอด และ สมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิต 2.2 ความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผล (Causal relationship) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ ระหว่างตัวแปรที่เป็นเหตุเป็นผลในลักษณะของงานวิจัยที่ไม่ใช่การวิจัยเชิงทดลอง เช่นงานวิจัยเชิงสำรวจ มีตัวแปรต้น หรือตัวแปรที่เป็นเหตุและตัวแปรตาม หรือตัวแปรที่เป็นผล งานวิจัยลักษณะนี้นอกจากจะ ศึกษาความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลแล้ว ยังใช้ในการคาดคะเนค่าของตัวแปรตามเมื่อรู้ค่าของตัวแปรต้น ได้อีกด้วยเช่น ผู้วิจัยต้องการศึกษาว่า อัตราการมาเรียน ส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือไม่ ตัวแปรต้นหรือตัวแปรที่เป็นสาเหตุคือ อัตราการมาเรียน ตัวแปรตามหรือตัวแปรที่เป็นผล คือ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ซึ่งสถิติที่ใช้ในการศึกษาความสัมพันธ์ที่เป็น เหตุเป็นผล สรุปได้ดังนี้ 2.2.1 การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย (Simple regression) ใช้เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรต้น 1 ตัว และตัวแปรตาม 1 ตัวและการคาดคะเนค่าของตัวแปร ตามเมื่อรู้ค่าของตัวแปรต้น ตัวแปรที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่ายต้องเป็นตัวแปรต่อเนื่อง ถ้าตัวแปรต้นเป็นตัวแปรไม่ต่อเนื่อง ต้องสร้างเป็นตัวแปรหุ่นโดยกำหนดให้เป็นศูนย์กับหนึ่ง จำนวนตัวแปร หุ่นจะน้อยกว่าจำนวนระดับของตัวแปรต้น 1 ตัว เช่นถ้าตัวแปรต้นคือเพศ ซึ่งมีเพียง 2 ระดับ คือ ชาย และหญิง จะสร้างตัวแปรหุ่นได้1 ตัว โดยให้เพศชายมีค่าเป็นศูนย์และเพศหญิงมีค่าเป็นหนึ่ง หรือในทาง ตรงกันข้าม ซึ่งผู้วิจัยจะต้องทราบว่าตนเองกำหนดไว้อย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อการแปลความหมายในภายหลัง ถ้าค่าของตัวแปรต้นมี3 ค่า จะสร้างตัวแปรหุ่นได้2 ตัวเช่น ตัวแปรสาขาวิชามี3 สาขาวิชา คือ วิจัยการศึกษา หลักสูตรและการสอน และบริหารการศึกษาผู้วิจัย อาจจะกำหนดให้ตัวแปรหุ่นตัวที่ 1 มีค่าเป็นหนึ่ง ถ้าค่าของตัวแปรต้นคือวิจัยการศึกษา ค่าที่เหลือ (หลักสูตรและการสอน และบริหารการศึกษา) ให้มีค่าเป็นศูนย์ตัวแปรหุ่นตัวที่ 2 มีค่าเป็นหนึ่งถ้าค่าของ ตัวแปรต้นคือหลักสูตรและการสอน ค่าที่เหลือ (วิจัยการศึกษา และบริหารการศึกษา) ให้มีค่าเป็นศูนย์ สำหรับค่าของตัวแปรต้นตัวสุดท้ายคือบริหารการศึกษา จะมีค่าตัวแปรหุ่นทั้งสองตัวเป็นศูนย์ตัวอย่างของ การวิจัยที่ควรใช้การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย เช่น ผลกระทบของอัตราการมาเรียนต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน 2.2.2 การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple regression) ใช้เพื่อศึกษา ความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรต้นที่มากกว่า1 ตัว กับตัวแปรตาม 1 ตัวและการคาดคะเนค่าของ ตัวแปรตามเมื่อรู้ค่าของตัวแปรต้นทุกตัว ตัวแปรที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่ายต้องเป็นตัว แปรต่อเนื่อง บางครั้งตัวแปรต้นบางตัวเป็นตัวแปรไม่ต่อเนื่อง ต้องสร้างเป็นตัวแปรหุ่นดังที่กล่าวมาแล้วใน การวิเคราะห์การถดถอยอย่างง่าย ตัวอย่างของการวิจัยที่ควรใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ เช่น ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งปัจจัยประกอบด้วยตัวแปรหลายตัว เช่นสติปัญญา แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จำนวนหน่วยกิตที่ลงทะเบียนทั้งหมด เป็นต้น โดยมีเงื่อนไขว่าตัวแปรเหล่านี้เป็นอิสระ ต่อกัน 3. การศึกษาเปรียบเทียบ การศึกษาเปรียบเทียบเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในงานวิจัยที่ต้องการศึกษา ความแตกต่างของสัดส่วน หรือค่าเฉลี่ยของประชากร ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ หรือเปรียบเทียบกับเกณฑ์ใน ที่นี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงเฉพาะการศึกษาเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของประชากรของข้อมูลเชิงปริมาณเท่านั้น ซึ่ง สถานการณ์ที่ใช้การศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของประชากรสรุปได้ดังนี้


3.1 การเปรียบเทียบกับเกณฑ์การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยกับเกณฑ์ใช้ในกรณีที่ผู้วิจัย สนใจที่ศึกษาว่าค่าเฉลี่ยของประชากรเป้าหมายสูงกว่า ต่ำกว่า หรือเท่ากับเกณฑ์กรณีนี้ผู้วิจัยมีประชากร เป้าหมายหนึ่งกลุ่ม สุ่มตัวอย่างมาจากประชากรเป้าหมายแล้วคำนวณค่าสถิติจากกลุ่มตัวอย่าง แล้วใช้ วิธีการอ้างอิงจากกลุ่ม ตัวอย่างไปสู่ประชากร หรือจากค่าสถิติไปสู่ค่าพารามีเตอร์ด้วยการทดสอบ สมมุติฐานหรือการประมาณค่า เช่น ผู้วิจัยต้องการศึกษาว่าหลังจากการปฏิรูปการศึกษา ทักษะการคิดเชิง เหตุผลของนักเรียนที่จบการศึกษาในช่วงชั้นที่ 2 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้(ร้อยละ 80) หรือไม่ สถานการณ์ลักษณะนี้ใช้การทดสอบแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว (One sample test) ซึ่งมีสถิติให้เลือกใช้3 ค่าด้วยกันคือ One sample exact Z-test, One sample approximation Ztest และ One sample t-test 3.2 การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของประชากรสองกลุ่ม การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของ ประชากรสองกลุ่ม ใช้กับงานวิจัยที่มีตัวแปรอิสระเพียงตัวเดียวและตัวแปรอื่นๆ ไม่มีผลกระทบต่อตัวแปร ตามหรือตัวแปรเกินทั้งหลายถูกควบคุมไว้หมดแล้ว และผู้วิจัยต้องการที่จะศึกษาเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของ กลุ่มประชากรระหว่างกลุ่มเพียงสองกลุ่มเท่านั้น สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐานในกรณีนี้จัดเป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ ดังนี้ 3.2.1 การทดสอบสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (Two independent samples test) เป็นการทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรในกรณีที่ทั้งสองกลุ่มเป็นอิสระต่อกัน เช่น ในการทดลองสอนสองวิธีผู้วิจัยสุ่มตัวอย่างนักเรียนที่มีพื้นฐานความรู้ใกล้เคียงกันในวิชาที่จะทดลอง สอนมา 100 คน แล้วแบ่งนักเรียนออกเป็นสองกลุ่มโดยการสุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับการสอนโดยใช้สื่อประสม ประกอบการสอน อีกกลุ่มหนึ่งสอนโดยวิธีบรรยายอย่างเดียวโดยไม่ใช้สื่อประกอบการสอนทั้งสองกลุ่มใช้ ผู้สอนคนเดียวกัน เนื้อหาที่ใช้สอนและแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์จะเหมือนกัน ในลักษณะนี้ถือว่าทั้งสอง กลุ่มเป็นอิสระต่อกัน การที่นักเรียนแต่ละคนจะไปอยู่ในกลุ่มที่ 1 หรือ กลุ่มที่ 2 นั้น มีโอกาสเท่า ๆ กัน เนื่องจากมีการจัดสมาชิกเข้ากลุ่มโดยการสุ่ม 3.2.2 การทดสอบสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน (Two dependent samples test) เป็นการทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรในกรณีที่ทั้งสองกลุ่มมีความเกี่ยวข้อง กัน ไม่เป็นอิสระจากกัน เช่น ในการทดลองสอนสองวิธีก่อนที่จะสุ่มตัวอย่างนักเรียน ผู้วิจัยอาจจะจับคู่ นักเรียนที่มีระดับสติปัญญาเท่ากัน และมีพื้นฐานความรู้ในวิชาที่จะสอนเท่ากันเสียก่อน สมมุติว่า จับคู่ได้ 100 คู่ (200 คน) แต่ผู้วิจัยจะใช้กลุ่มตัวอย่างในการทดลองสอนเพียง 100 คน คือ กลุ่มละ 50 คนเท่านั้น ผู้วิจัยสุ่มตัวอย่างจากคู่ที่จัดไว้โดยการสุ่มมาเป็นคู่ จำนวน 50 คู่ หลังจากนั้นผู้วิจัยจัดสมาชิกในแต่ละคู่เข้า กลุ่มโดยการสุ่ม เช่น นาย ก คู่กับ นาย ข นาย ก และ นาย ข มีโอกาสเท่าๆ กัน ที่จะอยู่ในกลุ่มที่ 1 หรือ 2 แต่ถ้านาย ก อยู่ในกลุ่มที่ 1 แล้ว นาย ข จะต้องไปอยู่ในกลุ่มที่ 2 ลักษณะเช่นนี้เป็นลักษณะของกลุ่ม ตัวอย่างสองกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ตัวอย่างของกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกัน อีกลักษณะหนึ่งคือการทดสอบกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวกันสองครั้งก่อนการทดลองและหลังการทดลอง คะแนนที่ได้สองชุดนั้นถือเป็นกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่มีความเกี่ยวข้องกัน สถิติที่ใช้ในการทดสอบ สมมุติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรสองกลุ่มนั้น 3.3 การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของประชากรมากกว่าสองกลุ่ม การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ของประชากรมากกว่าสองกลุ่ม ใช้กับงานวิจัยที่มีตัวแปรอิสระเพียงตัวเดียวและตัวแปรอื่นๆ ไม่มี ผลกระทบต่อตัวแปรตามหรือตัวแปรเกินทั้งหลายถูกควบคุมไว้หมดแล้ว และผู้วิจัยต้องการที่จะศึกษา เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มประชากรระหว่างกลุ่มที่จำนวนกลุ่มมากกว่าสองกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้


การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-way analysis of variance) เช่นต้องการศึกษา เปรียบเทียบวิธีการสอนสามวิธีว่าจะทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนิสิแตกต่างกันหรือไม่ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ความแปรปรวนจะให้ผลถูกต้องกว่าการทดสอบโดย เปรียบเทียบเป็นคู่ๆ หลายๆ ครั้ง เนื่องจาก 3.3.1 โอกาสที่จะเกิดความคลาดเคลื่อนชนิดที่ I (Type-I error) จะเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีการทดสอบหลายๆ ครั้ง จากการใช้เทคนิควิเคราะห์ความแปรปรวนโอกาสที่จะเกิดความ คลาดเคลื่อนชนิดที่ I จะน้อยลง 3.3.2 ถ้าใช้เทคนิคการวิเคราะห์ความแปรปรวน กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล จะไม่ซ้ำซ้อนกันเหมือนกับใช้การเปรียบเทียบทีละคู่การใช้เทคนิคการวิเคราะห์ความแปรปรวน ข้อมูลที่ นำมาวิเคราะห์ควรจะมีลักษณะตามข้อตกลงเบื้องต้นดังต่อไปนี้ 1. กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการสุ่มมาจากกลุ่มประชากรที่ มีการแจกแจงเป็นโค้งปกติ 2. ค่าความแปรปรวนของกลุ่มประชากรทุกๆ กลุ่มมีค่าเท่ากัน 3. ค่าของตัวแปรตามแต่ละหน่วยนั้นเป็นอิสระต่อกันทั้งภายในกลุ่ม และระหว่างกลุ่มถ้าผลจากการวิเคราะห์ความแปรปรวนพบว่ามีนัยสำคัญทางสถิติแสดงว่าอย่างน้อย ค่าเฉลี่ยของประชากรหนึ่งกลุ่มจะต่างไปจากกลุ่มอื่น ๆ ดังนั้นผู้วิจัยต้องตรวจสอบต่อโดยการ เปรียบเทียบภายหลัง


กิจกรรมการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขั้นตอนการเรียนการสอนหรือกิจกรรมของ นักเรียน 1. ครูทบทวนเรื่อง วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล 1. นักเรียนช่วยกันสรุปทบทวนวิธีการเก็บ รวบรวมข้อมูล 2. ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็น 2. นักเรียนร่วมมือกันค้นคว้าแล้วสรุป กลุ่มประมาณ 5 – 6 คน ให้ศึกษารายงานวิจัย แล้วค้นหารูปแบบการหาคุณภาพเครื่องมือวิจัย 3. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง การหาคุณภาพของ เครื่อง 3.นักเรียนศึกษาใบความรู้ แล้วสรุป จดบันทึก มือวิจัย 4. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง สถิติที่ใช้ในการ 4. นักเรียนศึกษาใบความรู้ แล้วสรุป จดบันทึก วิเคราะห์ข้อมูล 5. ครูแจกใบงาน เรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูล 5. นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูลจากโจทย์ ของข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม แล้วให้แต่ละ ที่กำหนด แล้วสรุปและนำเสนอหน้าชั้นเรียน กลุ่มนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ละกลุ่ม 6. ครูนำเสนอวิธีการแปรผลข้อมูล โดยให้นักเรียน 6. นักเรียนศึกษาใบความรู้ ศึกษาจากใบความรู้ 7. ครูมอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผล 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำผล การวิเคราะห์ข้อมูล ของ การวิเคราะห์ข้อมูลของตนเองมาแปรผล และ ตนเองมาแปรผล และ อภิปรายผลข้อมูล การอภิปรายผลข้อมูล และให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม พร้อมนำเสนอผลงาน นำเสนอผลงาน 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการหาคุณภาพ 8. นักเรียนร่วมกันสรุปและจดบันทึก เครื่องมือวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปร ผล ข้อมูล สื่อการเรียนการสอน และ แหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 1.1 เรื่อง การหาคุณภาพเครื่องมือวิจัย


1.2 เรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูล 1.3 เรื่อง การแปรผลข้อมูล 1.4 รายงานวิจัย เรื่อง การพัฒนาชุดฝึกประสบการณ์รายวิชาปฏิบัติยานยนต์ 1 2. หนังสือ 2.1 การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่ 2.2 พื้นฐานการวิจัยการศึกษา 3. เอกสาร การจัดทำโครงการโดยใช้กระบวนการวิจัย 4. ใบงาน เรื่อง การวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม การวัดและประเมินผล 1. ผลงาน 2. แบบสังเกตและแบบบันทึกพฤติกรรมการปฏิบัติและกิจนิสัยในการเรียน 2.1 ความตั้งใจเรียน 2.2 ความร่วมมือกันในกลุ่ม งานที่มอบหมาย ให้แต่ละกลุ่มดำเนินการหาคุณภาพของเครื่องมือตนเอง ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตาม โครงการของตนเอง ทำการวิเคราะห์ข้อมูล แปรผลข้อมูล และสรุปอภิปรายผล บันทึกหลังการสอน ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ผลการเรียนของนักเรียน ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ผลการสอนของครู ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ………………………………………………………………………………………………………………....................................... ……………………………………………………………………………………………………………….......................................…


ใบงานที่ 4 หน่วยที่ 4 ชื่อวิชา โครงการ (Project) สอนครั้งที่ 6 - 16 ชื่อหน่วย การดำเนินงานโครงการ ชั่วโมงรวม 88 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปรผลข้อมูล จำนวนชั่วโมง 128 ชั่วโมง คำสั่ง ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างข้อมูลที่นำเสนอ แล้วให้แต่ละกลุ่มช่วยกันหาคุณภาพของเครื่องมือวิจัย ชื่อเครื่องมือวิจัย...................................................................... เรื่อง........................................................................................................................................ ผลการวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือ 1. ค่าอำนาจจำแนกรายข้อ…………………………………………………………………........................... ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 2. ค่าความเที่ยง……………………………………………………………………………............................ ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. 3. ค่าความเชื่อมั่น…………………………………………………………………………................................ ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................


ใบงานที่ 5 หน่วยที่ 4 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 6 ชื่อหน่วย การดำเนินงานโครงการ ชั่วโมงรวม 88 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การวิเคราะห์ข้อมูล และ การแปรผลข้อมูล จำนวนชั่วโมง 128 ชั่วโมง คำสั่ง ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างข้อมูลที่นำเสนอ แล้วให้แต่ละกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล และ การ แปรผล ข้อมูล ชื่อเรื่อง................................................................................................................. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. การอภิปรายผล ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ………………………………………………………………………………………………………............................................. ……………………………………………………………………………………………………….............................................


แบบประเมินพฤติกรรมการทำงาน กลุ่มที่...................... คำชี้แจง แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานฉบับนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังเกตพฤติกรรมระหว่างเรียน/การ ทำงาน ของนักเรียน โดยครูเป็นผู้ประเมิน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ระดับ 3 หมายถึง ปฏิบัติงานดี (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรและตรงต่อ เวลา) ระดับ 2 หมายถึง ปฏิบัติพอใช้ (มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรมครบวงจรแต่ไม่ตรงต่อ เวลา ) ระดับ 1 หมายถึง ปฏิบัติน้อยหรือไม่ปฏิบัติเลย (ไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมไม่ครบ และ ไม่ตรงต่อเวลา ข้อ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 2 3 ก. ด้านการทำงาน 1. การทำงานเสร็จตามเวลา 2. การทำงานตามวิธีการ และ ขั้นตอน 3. การทำงานเป็นกลุ่ม หรือ เป็นทีม 4. การนำเสนอผลงาน ข. ด้านพฤติกรรม 5. มีความรับผิดชอบ 6. มีความประณีต รอบคอบ 7. มีความขยัน หมั่นเพียร 8 มีความกระตือรือร้น 9. มีการประหยัด และ อดออม 10. มารยาทในการแสดงออกและใช้ภาษากลางในการ สื่อสาร (ลงชื่อ)............................................................ผู้ประเมิน ............/................./.........


แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 ชื่อวิชา โครงงาน (Project) สอนครั้งที่ 17 - 18 ชื่อหน่วย การเขียนรายงานโครงการ ชั่วโมงรวม 16 ชั่วโมง ชื่อเรื่องหรือชื่องาน การเขียนรายงานโครงการ จำนวนชั่วโมง 72 ชั่วโมง หัวข้อเรื่อง 1. วัตถุประสงค์การเขียนรายงานและประเมินโครงการ 2. รูปแบบการเขียนรายงานและประเมินโครงการ 3. เทคนิคการเขียนรายงานและประเมินโครงการ สาระสำคัญ การเขียนรายงานโครงการหรือรายงานวิจัย เพื่อเป็นการสนำเสนอให้ผู้อ่านได้ทราบวัตถุประสงค์ ของการทำโครงงานหรือการทำวิจัย จุดประสงค์ทั่วไป 1. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเขียนรายงานโครงการ 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการเขียนรายงานโครงการ 3. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการเขียนรายงานโครงการ 4. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. นักเรียนบอกวัตถุประสงค์การเขียนรายงานโครงการ 2. นักเรียนสามารถเขียนรายงานโครงการของตนเองได้ 3. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ด้านความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความใฝ่รู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความซื่อสัตย์ สาระการเรียนรู้ การเขียนรายงานโครงการ วัตถุประสงค์ของการเขียนรายงานโครงการ การเขียนรายงานโครงการหรือรายงานการวิจัย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอให้ผู้อ่านทราบว่า การศึกษาหรือการทำวิจัยเรื่องนี้จะศึกษาปัญหาอะไร ทำไมจึงต้องศึกษา มีกรอบแนวคิดทฤษฎีอะไรบ้างมา รองรับสิ่งที่ต้องการจะศึกษา มีวิธีการในการศึกษาปัญหานั้นอย่างไร ได้ผลการวิจัยหรือผลจากการศึกษา เป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นการเขียนรายงานวิจัยไม่ว่าจะเป็นวิชาโครงการหรือปัญหาพิเศษจึงควรเขียนให้อยู่ ในเชิงวิชาการ โดยยึดหลักการเขียนที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องด้วยตนเองได้อย่างรวดเร็วและกระจ่างชัด มากที่สุด รวมทั้งสามารถจับประเด็นผลของการศึกษาวิจัย และ ข้อสรุปจากการวิจัยนั้นได้เป็นอย่างดี


Click to View FlipBook Version