The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คณะครุศาสตร์บัณฑิตชั้นปีที่ 3 รายวิชา วิจัยและสัมมนาปัญหาในชั้นเรียน
ระดับประถมศึกษา รหัสวิชา 1104903 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by atta-pol1112, 2022-04-07 20:51:06

วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาการสร้างโจทย์ปัญหา การบวก และการลบ ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้ชุดฝึกทักษะ

คณะครุศาสตร์บัณฑิตชั้นปีที่ 3 รายวิชา วิจัยและสัมมนาปัญหาในชั้นเรียน
ระดับประถมศึกษา รหัสวิชา 1104903 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

43

ตารางท่ี 1: แสดงผลการประเมนิ ความเหมาะสมของชุดฝึกทักษะการสร้างโจทย์บวกและการลบ

จากผู้เชย่ี วชาญจำนวน 3 คน

ประเด็นท่ี รายการประเมนิ ̅ .

ประเมิน

คำชแี้ จงในการทำ ชดุ ฝึกเขา้ ใจง่าย ปฏิบัตติ ามได้ 5.00 18.71

ชดุ ฝึกใชภ้ าษาทีท่ ำ ใหเ้ ข้าใจง่าย 4.33 15.11

ชดุ ฝึกแตล่ ะกิจกรรมมีความต่อเน่อื งในด้านเนื้อหา 5.00 18.71

ด้านเน้ือหา ชุดฝกึ มีความเหมาะสมกบั ชว่ งอายุของผเู้ รียน 5.00 18.71

ชุดฝึกมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งมาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั 4.67 16.92

มคี วามเหมาะสมกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.67 16.92

รูปภาพประกอบในชุดฝึกนา่ สนใจ 4.67 16.92

ดา้ นสอื่ และ แบบฝกึ ชว่ ยกระตนุ้ ความสนใจในการเรยี น 5.00 18.71

อุปกรณ์การเรียน ขนาดของตวั อักษรมี ขนาดพอเหมาะ อ่านง่าย 5.00 18.71

การสอน การใช้สีของรปู ภาพและตวั อักษร เหมาะสม 4.67 16.92

นักเรียนอยากเรียนโดยใช้ชดุ ฝกึ เชน่ นอ้ี กี 5.00 18.71

ด้านการจัด นักเรียนทำกิจกรรมดว้ ยความต้งั ใจ 4.67 16.92

กิจกรรมการเรยี น นกั เรยี นทำกิจกรรมได้ครบตามคำชี้แจง 4.67 16.92

การสอน กจิ กรรมนา่ สนใจชวนติดตาม ไม่น่าเบื่อ 4.33 15.11

เนื้อหาในชดุ ฝกึ สามารถนำไปใชใ้ น 5.00 18.71

ดา้ นวดั ผลและ ชวี ติ ประจำวันได้

ประเมนิ ผล ขอ้ คำถามในแบบทดสอบไม่คลุมเครือ 4.67 16.92

นกั เรยี นมโี อกาสไดท้ ราบคะแนนของผลงานทท่ี ำ 5.00 18.71

ชุดฝึกชว่ ยให้ได้ทบทวนบทเรียน 5.00 18.71

นักเรยี นคิดว่าหลังการทำกจิ กรรมในชุดฝึกจะชว่ ยใหเ้ ข้าใจ 5.00 18.71

ในบทเรียนมากข้ึน

จากตารางที่ 1 พบวา่ แต่ละรายการที่ประเมนิ ของแต่ละประเด็นมีค่าเฉล่ยี ตง้ั แต่ 4.33 ซึ่งผ่านเกณฑ์
ประเมนิ ขัน้ ต่ำคือ 3.50 ดงั น้ัน จึงสรุปวา่ ชุดฝกึ ทักษะการสร้างโจทยบ์ วกและการลบมีความเหมาะสม

44

2.2 การหาประสทิ ธภิ าพเชิงประจักษ์ (Empirical Approach)วิธกี ารหาประสิทธิภาพเชิง
ประจักษ์ของ ชดุ ฝึกทกั ษะการสรา้ งโจทยบ์ วกและการลบ จะใช้วธิ ีการเทยี บกบั เกณฑป์ ระสิทธิภาพ
E1/E2=70/70 โดยนำชดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์บวกและการลบท่ีหาประสทิ ธภิ าพเชงิ เหตุผลแลว้ ไปทดลองกับ
กลุ่มนักเรียนที่เป็นคนละกลุ่มกับเปา้ หมายการวจิ ัย แตต่ ามข้อตกลงดังระบุในบทที่ 3 ว่า เน่ืองดว้ ยปัจจยั จำกดั
บางประการคือโรงเรยี นบ้านเลา่ อำเภอสงู เม่น จงั หวัดแพร่เปน็ โรงเรยี นทีม่ ีขนาดเล็กซึ่งสำหรับนักเรียน
ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีที2่ เปิดการเรยี นการสอนเพียงช้นั เดยี วและมนี กั เรนี รจำนวนท้ังสิ้น 20คน การทำวิจยั
ครัง้ น้ผี วู้ จิ ัยขอละเวน้ การหาประสทิ ธิภาพเชงิ ประจักษ์ของชุดฝึกทกั ษะการสร้างโจทยบ์ วกและการลบ ดงั
ขอ้ ตกลงแลว้ ในบทที่ 3
การพัฒนาผลสมั ฤทธก์ิ ารเรยี นรู้

1. คะแนนผลสัมฤทธ์ิการเรยี นรู้
จากการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เรื่องการสร้างโจทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ โดยทดลองใช้ชุดฝกึ ทกั ษะ

การสร้างโจทยบ์ วกและการลบ กับนักเรียนระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบ้านเหลา่ อำเภอสูงเมน่
จังหวดั แพร่ ปกี ารศึกษา2564 จำนวน 20คน คะแนนผลสัมฤทธกิ์ ารเรียนรู้ของนักเรยี นจากการจดั กจิ กรรมการ
เรยี นรดู้ ังกล่าวแสดงดงั ตารางที่ 2

ตารางที่ 2: แสดงคะแนนผลสมั ฤทธ์กิ ารเรียนรูเ้ ร่ือง การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบจากการ
จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยทดลองใช้ชดุ ฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ
กับกลมุ่ ตัวอยา่ ง เม่ือคะแนนเตม็ เทา่ กับ 30 คะแนน

ท่ี คะแนน
1 18
2 23
3 21
4 22
5 22
6 25
7 24
8 24
9 24
10 26
11 19
12 19
13 18

45

ตารางที่ 2: แสดงคะแนนผลสัมฤทธิ์การเรียนรเู้ รอ่ื ง การสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบจากการจดั
กิจกรรมการเรียนร้โู ดยทดลองใชช้ ุดฝกึ ทกั ษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ
กบั กลมุ่ ตัวอย่าง เม่ือคะแนนเตม็ เท่ากับ 30 คะแนน (ต่อ)

ท่ี คะแนน
14 24
15 26
16 22
17 20
18 18
19 21
20 25

รวม20คน รวมคะแนน 441 ̅ = 19.80 Sd = 2.966หรือ ค่าคะแนนเฉลีย่ ร้อยละ
66.00

จากตารางท่ี 2 พบวา่ ภายหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เรือ่ ง การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการ
ลบโดยทดลองใช้ชดุ ฝึกทักษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ กบั กลุม่ ตัวอย่าง
คา่ คะแนนเฉลยี่ ของผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนร้เู ท่ากบั 19.80 คะแนนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 66 และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
เท่ากบั 2.966

2. การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิการเรยี นรู้
เม่ือใชว้ ิธกี ารทางสถิติ One Sample t-Test วเิ คราะห์เปรียบเทียบระดบั ผลสมั ฤทธ์ิ การเรยี นรู้

เรอ่ื งการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ ของกลุ่มตัวอยา่ งท่ีเกิดจากการทดลองใช้ชุดฝกึ ทักษะการสร้าง
โจทยป์ ัญหาการบวกและการลบกับผลการเรียนร้ตู ั้งแต่ระดบั ดี ตามเกณฑ์ สพฐ.
(คะแนนร้อยละ 65 – 100) ผลการเปรยี บเทยี บแสดงดงั ตารางท่ี 3

ตารางท่ี 3: แสดงผลการเปรียบเทยี บระดับผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้เร่ืองการสร้างโจทย์ปัญหาการบวก
และการลบของกลมุ่ ตัวอย่างซ่ึงถูกจัดกิจกรรมการเรยี นรเู้ ร่ืองโดยทดลองใช้ชุดฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการ
บวก และการลบกับผลการเรียนรูต้ ั้งแตร่ ะดับ ดี ตามเกณฑ์ของ สพฐ. (คา่ คะแนนรอ้ ยละ 65 –100)

46

เม่ือ α = 0.05 หรือทีร่ ะดับความเชือ่ มนั่ 95%

One –Sample Statistics

จำนว คะแนน คา่ คะแนน ส่วนเบ่ยี งเบน เกณฑ์ระดับผลการเรยี นร้ขู อง สพฐ.
น เตม็ เฉล่ยี (̅ ) มาตรฐาน ทีกำหนด และระดับผลการเรียนรู้ทเ่ี ทยี บ
(คน)
( )

20 30 19.80 2.966 เกณฑ์ สพฐ. ต้ังแตร่ ะดบั ดี (65-100 %)
ผลการเรยี นรทู้ ่เี ทียบ ดี (66.00%)

One –Sample Statistics Sig. (2-tailed) Confidence Level
t df .000 (%)
95
29.850 19

จากตารางที่ 3 เมอ่ื ทำการวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบระดับผลสัมฤทธกิ์ ารเรียนรู้เรื่องการสรา้ งโจทย์ปัญหา
การบวกและการลบโดยใช้ชุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบกับผลการเรยี นรูต้ ้ังแต่ระดับ ดี
ตามเกณฑ์ ของ สพฐ. (รอ้ ยละค่าคะแนนเฉลยี่ 65-100) ด้วยวธิ ีการทางสถิติ One-Sample t-Test แบบ 2 ทาง
พบว่า t มีค่าเทา่ กบั 29.850 df มคี ่าเทา่ กบั 19 คา่ p-value

เท่ากบั .000ซง่ึ นอ้ ยกว่าคา่ α ท่ี 0.05 ดงั น้ันจึงสรปุ ว่า
1. การจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ ร่ือง การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกการลบ โดยทดลองใชช้ ดุ ฝกึ ทกั ษะ

การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ มผี ลต่อระดับผลสัมฤทธ์กิ ารเรยี นรู้ของกลุ่มตัวอยา่ งแตกต่างกนั

อย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ทิ ่ี α =0.05 หรอื ทีร่ ะดบั ความเชอื่ มัน่ 95%
2. เมื่อเปรียบเทียบระดับผลสมั ฤทธ์ิการเรียนรู้กับผลการเรียนร้ตู งั้ แตร่ ะดบั ดเี ย่ียม ตามเกณฑข์ อง

สพฐ.พบว่าการจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู รอ่ื งการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกการลบ โดยทดลองใช้ชดุ ฝึกทกั ษะการ
สรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบซงึ่ มคี ่าคะแนนเฉลี่ยคิดเปน็ รอ้ ยละ 90ซ่ึง สงู กวา่ เกณฑร์ อ้ ยละ 65 ดงั นั้น
การจัดกิจกรรม การเรยี นรเู้ รอื่ งการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบโดยใชช้ ดุ ฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์
ปัญหาการบวก ทำให้ระดบั ผลสมั ฤทธิก์ ารเรยี นรู้ของกลุ่มตัวอย่างสูงกวา่ ผลการเรยี นรู้ตัง้ แต่ระดับ ดี ตามเกณฑ์

ของ สพฐ. อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติที่ α = 0.05 หรือทรี่ ะดับความเชือ่ มัน่ 95%

47

จากผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั ตารางที3่ จึงสรุปว่าการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เร่ืองการสร้างโจทย์ปัญหา
การบวกและการลบโดยใช้ชุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบมผี ลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
การเรยี นรู้ของนักเรยี นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่2 โรงเรยี นบา้ นเหล่า อำเภอสงู เม่น จังหวดั แพร่ซึ่งสอดคล้องกบั
สมมติฐานการวจิ ยั ท่ีกำหนดวา่

1. พัฒนาชุดฝึกทักษะ กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบสาธิต ร่วมกับเทคนิค Think-Pair-Share เรื่อง การ
พฒั นาการสรา้ งโจทยป์ ญั หา การบวก และการลบ ของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยใชช้ ดุ ฝึกทักษะ
โรงเรียนบ้านเหลา่ อำเภอสูงเมน่ จังหวดั แพร่

2. เพอ่ื ทดลองและศึกษาผลการทดลองใช้ชดุ ฝกึ ทักษะ กจิ กรรมการเรียนรูแ้ บบสาธิต รว่ มกับเทคนิค
Think-Pair-Share เรอื่ ง การพฒั นาการสรา้ งโจทยป์ ญั หา การบวก และการลบ ของนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษา
ปที ่ี 2 โดยใชช้ ุดฝกึ ทกั ษะ โรงเรียนบ้านเหลา่ อำเภอสงู เม่น จงั หวัดแพร่

3. เพ่อื ศึกษาระดบั ความพึงพอใจของนักเรียนระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรียนบ้านเหลา่ อำเภอ
สงู เม่น จังหวัดแพร่ ทม่ี ีตอ่ การทดลองใชช้ ดุ ฝกึ ทักษะ กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบสาธิต ร่วมกบั เทคนิค Think-
Pair-Share จดั กิจกรรมการเรียนรู้เรอื่ งพัฒนาการสร้างโจทย์ปัญหา การบวก และการลบ ของนักเรียน
ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยใช้ชดุ ฝกึ ทกั ษะ

ผลการพฒั นาชดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบ

1. คะแนนกอ่ น-หลงั การทดลอง

จากการทำแบบทดสอบก่อนการทดลองใช้ชุดฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบ

เพื่อวัดพืน้ ฐาน เพอื่ พัฒนาการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบทีต่ ้องการพัฒนา (Post-Test)และจากการ

วัดและประเมนิ ผลภายหลังการทดลองใช้ชดุ ฝึกทักษะการสร้างโจทย์ปญั หาการบวกและการลบ เพื่อพฒั นาการ

สรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ(Post-Test)คา่ คะแนนของนักเรียนระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2โรงเรยี น

บ้านเหลา่ อำเภอสูงเม่น จังหวดั แพร่ ภาคเรียนท่2ี ปีการศึกษา2564 จำนวน 20 คน ซึ่งเป็นกลมุ่ ตัวอยา่ งแสดง

ดังตารางที่ 4

ตารางที่ 4: แสดงคะแนนจากทำแบบทดสอบก่อน และ หลัง การทดลองใช้ชดุ ฝกึ ทักษะการสร้างโจทย์ปัญหา

การบวกและการลบเพ่ือพฒั นาการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ ของกลุ่มตวั อย่างเมือ่ คะแนนเต็มของการ

ทำแบบทดสอบก่อนและหลังการใชน้ วตั กรรมเท่ากบั 30 คะแนน

ท่ี คะแนนทำแบบทดสอบก่อนการ คะแนนหลังการทดลองใชน้ วัตกรรม
ทดลอง

1 16 18

2 19 23

3 18 21

4 21 22

5 19 22

48

ตารางที่ 4: แสดงคะแนนจากทำแบบทดสอบก่อน และ หลัง การทดลองใช้ชุดฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทยป์ ัญหา
การบวกและการลบเพื่อพฒั นาการสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ ของกลุ่มตัวอย่างเมื่อคะแนนเต็มของการ
ทำแบบทดสอบก่อนและหลงั การใช้นวัตกรรมเท่ากบั 30 คะแนน (ต่อ)

ที่ คะแนนทำแบบทดสอบก่อนการ คะแนนหลงั การทดลองใช้นวัตกรรม
ทดลอง

6 24 25

7 19 24

8 20 20

9 23 24

10 26 26

11 18 19

12 17 19

13 16 18

14 18 24

15 24 26

16 20 22

17 19 20

18 16 18

19 19 21

20 24 25

รวม รวมคะแนน 396 รวมคะแนน 437
20คน ̅ 19.80 2.97หรอื คดิ เปน็ ร้อย ̅ 21.85 2.70หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ
ละ66 72.83

จากตารางท่ี 4 พบว่า คะแนนการทำแบบทดสอบก่อนการทดลองใชช้ ุดฝกึ ทักษะการสร้างโจทย์ปญั หา
การบวกและการลบเพ่อื พัฒนาการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบของกลุ่มตวั อยา่ งเทา่ กบั 396คะแนน
คิดเปน็ ร้อยละ66 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากบั 2.966 และภายหลงั การทดลองใชช้ ดุ ฝึกทกั ษะการสร้างโจทย์
ปญั หาการบวกและการลบเพ่ือพฒั นาผลการเรียนรู้ดา้ นเดยี วกัน คะแนนของกลุม่ ตัวอยา่ งเดยี วกันเท่ากบั 437
คะแนน คิดเปน็ รอ้ ยละ 72.83 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 2.700

49

2. การเปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ น-หลังการทดลอง

เม่ือใชว้ ธิ กี ารทางสถิติ Pair-Sample t-Test วิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนก่อน-หลังการทดลองใช้

ชดุ ฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบเพ่ือพฒั นาพัฒนาการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและการ

ลบของนักเรยี นระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2โรงเรียนบา้ นเหลา่ ปีการศกึ ษา 2564

จำนวน20คน ซ่ึงเป็นกลมุ่ ตวั อยา่ ง ผลการเปรยี บเทยี บแสดงดงั ตารางท่ี 5

ตารางท่ี 5: แสดงผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อน-หลังการทดลองใช้ชุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการ

บวกและการลบเพื่อพัฒนาพัฒนาการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบของกลุ่มตวั อย่างของกลมุ่ ตัวอย่าง

เดียวกนั ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นร้โู ดยทดลองใชช้ ดุ ฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบ

เมือ่ α = 0.05 หรือทรี่ ะดับความเชอ่ื มน่ั 95 %

Pair - Sample t Test

นวตั กร จำนวน คะแนน ค่าคะแนน สว่ นเบีย่ งเบน เกณฑ์ระดับผลการเรียนรู้ของ
รม (คน) เตม็ เฉลยี่ ( ̅ ) มาตรฐาน สพฐ.

( ) ทกี ำหนดและระดับผลการ
เรียนรูท้ เี่ ทียบ

A 20 30 19.80 2.966 เกณฑ์ สพฐ. ดี (65-100 %)
ผลการเรียนรู้ ดี (66.00%)

B 20 30 21.85 2.700 เกณฑ์ สพฐ. ดี (65-100 %)
ผลการเรยี นรู้ ดี (72.83%)

Pair –Sample Statistics

Pair Sample Sig. t df Sig. (2- Confidence Level (%)
Correlation 19 tailed 95
0.000
Pair…A - B -6.436

จากตารางที่ 5 วิเคราะห์ผลการเปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ น-หลังการทดลองใช้ ชุดฝกึ ทกั ษะการสรา้ ง
โจทยป์ ญั หาการบวกและการลบเพ่ือพัฒนาการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบของกลมุ่ ตัวอยา่ ง ดังนี้

1. ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อน-หลังก่อนการทดลองของกลุ่มตัวอย่างพบว่า คะแนนหลงั
การทดลองใชช้ ดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบเพื่อพัฒนาการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวก
และการลบแตกตา่ งกับคะแนนกอ่ นการทดลองใช้นวตั กรรมดังกล่าวอยา่ งมนี ัยสำคัญ

ทางสถิติที่ เมื่อ α = 0.05 หรือทีร่ ะดับความเชื่อม่ัน 95 %

50

2. เมื่อวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยพบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยหลงั การทดลองใช้ชดุ ฝึกทักษะการ

สร้างโจทย์ปญั หาการบวกและการลบเพ่ือพฒั นาพัฒนาการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ สูงกวา่ ค่า

คะแนนเฉล่ียก่อนการทดลองใชน้ วตั กรรมดังกลา่ วอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิที่ เมื่อ α = 0.05 หรือท่รี ะดับความ

เชื่อม่นั 95 %

จากผลการวิเคราะห์ตารางดงั กลา่ วขอ้ 1-2 จงึ สรุปวา่ ทีร่ ะดับนัยสำคญั ทางสถิติ สถติ ทิ ี่ α 0.05 หรอื ที่

ระดับความเช่ือมั่น 95% การทดลองใชช้ ุดฝึกทักษะการสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบมผี ลต่อการ

พฒั นาพัฒนาการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบของนักเรียนระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบ้าน

เหล่า อำเภอสูงเมน่ จังหวัดแพร่

ระดับความพงึ พอใจ

จากการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เร่ืองการสรา้ งโจทยโ์ จทยป์ ญั หาการบวกและการลบโดยทดลองชุดฝกึ

ทักษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบกบั นกั เรยี นระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

ภาคเรยี นที่ 2 จำนวน 20 คน เมอ่ื วเิ คราะห์ระดับความพึงพอใจ ผลการวิเคราะหแ์ สดงดังตารางท่ี 4

ตารางท่ี 6: แสดงระดับความพงึ พอใจของนกั เรียนระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

จำนวน 20 คนท่ีมีต่อการทดลองใชช้ ดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

เรื่องการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ

ประเด็นและรายการทปี่ ระเมิน ̅ . ระดับความพึง
พอใจ

ดา้ นเน้อื หา

ชดุ ฝกึ ทกั ษะมีการกาหนดวตั ถุประสงค์ของการเรียนไว้อยา่ ง 27.33 92.15 มากที่สุด

ชดั เจน

การออกแบบเนือ้ หาของชุดฝึกทกั ษะเหมาะสมกบั กบั ความ 25.00 83.37 มากทสี่ ดุ

สนใจ ความถนัดและความสามารถของนกั เรยี น

ชุดฝึกทักษะมเี นื้อหาชัดเจนเข้าใจงา่ ยน่าสนใจ 26.00 86.23 มากที่สดุ

ชุดฝกึ ทักษะชว่ ยให้นกั เรยี นมีความร้สู ึกว่าเรอ่ื งทเี่ รียนมคี วาม 27.67 94.29 มากท่สี ดุ

น่าสนใจ นา่ เรียนรู้

ชดุ ฝึกทกั ษะมีขั้นตอนหรือกระบวนการที่กระต้นุ ให้นักเรียน 27.67 94.29 มากทส่ี ุด

เรียนรอู้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ

ชดุ ฝกึ ทกั ษะมีความเหมาะสมกบั ระดบั ชั้น 25.67 85.58 มากที่สดุ

รวม (ระบุคา่ เฉล่ียรวม และ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานรวม) 535.94 535.91

ด้านครผู สู้ อน

ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ชัดเจน 27.67 96.99 มากที่สดุ

51

ตารางท่ี 6: แสดงระดับความพึงพอใจของนักเรยี นระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 20
คนที่มีต่อการทดลองใช้ชดุ ฝึกทักษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ รื่องการ
สร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ (ต่อ)

ประเดน็ และรายการทปี่ ระเมิน ̅ . ระดบั ความพึง
พอใจ
ดา้ นครผู ู้สอน (ต่อ)
มากทส่ี ุด
ครสู ง่ เสรมิ ให้นกั เรียนมคี วามคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรคแ์ ละรว่ มกัน 25.67 94.58
มากทส่ี ุด
อภิปราย มากทส่ี ุด
มากทส่ี ุด
ครใู ห้โอกาสนักเรียนซกั ถามปัญหา 28.00 93.33 มากท่สี ุด

ครใู ชว้ ธิ ีการสอนและใชส้ ือ่ อย่างหลากหลาย 27.67 91.70 มากที่สุด

การจดั บรรยากาศหอ้ งเรียนเอื้อตอ่ การเรยี นการสอน 27.33 93.04 มากทส่ี ุด
มากทส่ี ุด
ครูต้ังใจสอนใหค้ ำแนะนำ ชว่ ยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่ 26.67 92.80 มากทีส่ ดุ
มากที่สดุ
นกั เรียนในการทำกจิ กรรม มากที่สุด

ครูประเมนิ ผลอยา่ งยตุ ธิ รรม 27.33 93.33 มากทส่ี ุด
มากทส่ี ุด
รวม (ระบคุ ่าเฉล่ยี รวม และ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานรวม) 190.34 655.77 มากท่สี ดุ
มากทส่ี ดุ
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ

นกั เรยี นได้รูจ้ กั การทำงานแบบกระบวนการกล่มุ 27.00 93.33

นักเรยี นสามารถฝึกทักษะกระบวนการคดิ ไดด้ ีขึน้ 27.33 92.08

ช่วยให้นกั เรยี นเข้าใจ เกิดความคดิ รวบยอดรวดเร็ว 27.33 95.45

ช่วยใหน้ ักเรยี นสรุปองค์ความรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง 27.00 94.87

รวม (ระบคุ า่ เฉลีย่ รวม และ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานรวม) 108.66 375.73

ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน

กจิ กรรมน่าสนใจชวนติดตาม ไม่นา่ เบื่อ 27.67 96.71

นักเรยี นทำกจิ กรรมดว้ ยความต้ังใจ 27.67 91.78

นักเรียนทำกิจกรรมไดค้ รบตามคำชี้แจง 27.67 94.58

นักเรียนมีส่วนรว่ มในการประเมินผลการเรยี น 28.00 96.71

รวม (ระบุคา่ เฉลย่ี รวม และ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานรวม) 111.01 379.78

รวมทง้ั หมด (ระบุคา่ เฉลย่ี รวม และ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 945.95 194.71

รวม)

52

จากตารางท่ี 6 พบวา่ เมื่อวเิ คราะหโ์ ดยภาพรวม นกั เรยี นระดบั ชัน้ ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2โรงเรยี น
บ้านเหล่า ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา2564จำนวน 20 คน มีความพึงพอใชต้ อ่ การทดลองใชช้ ดุ ฝกึ ทักษะการ
สรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรือ่ งการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ
ระดบั มากที่สุด ( ̅ =945.95 . =1,94.71) แตเ่ ม่ือวิเคราะห์เป็นรายดา้ นโดยเรียงลำดบั ระดับค่าเฉล่ยี จาก
ระดบั มากสดุ ไปหาน้อยสุด 3 ลำดับ พบวา่ นักเรียนมคี วามพึงพอใจต่อดา้ นเน้ือหา ( ̅ =535.94
=535.91) สงู สุด มคี วามพงึ พอใจระดับมากท่ีสดุ รองลงมาคอื ด้านผสู้ อน ( ̅ =190.34 =655.77)
มคี วามพึงพอใจระดับ มากท่ีสดุ และลำดับสุดทา้ ยคือด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ( ̅ =111.01Sd
=194.71) มีความพึงพอใจระดบั มากทีส่ ุด

53

บทที่ 5
สรปุ อภิปราย และข้อเสนอแนะ

สรปุ ผลการวิจัย
เปา้ หมายของการวิจยั ในชนั้ เรียนเพ่อื ต้องการพฒั นาผลสัมฤทธก์ิ ารเรียนรู้เรอื่ งการสร้างโจทยป์ ญั หา

การบวกและการลบ ของนกั เรยี นระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรยี นบา้ นเหล่า อำเภอสูงเม่น จงั หวัดแพร่
โดยทดลองใช้ชุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบท่ีอาศยั แนวคดิ ทฤษฎี หลักการ วธิ กี าร
สอนแบบสาธติ ร่วมกับเทคนคิ เพื่อนค่คู ิด ท้ังน้ีเนอ่ื งการจดั กิจกรรมการเรยี นรเู้ รื่องดงั กลา่ วด้วยหนังสอื
แบบฝกึ หดั คณติ ศาสตร์พนื้ ฐานชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 เลม่ 2 พบวา่ นักเรียนระดับชั้นดงั กลา่ วมรี ะดับผลสมั ฤทธิ์
การเรียนรู้ต่ำกวา่ ต้ังแตร่ ะดับ ดี ตามเกณฑข์ อง สพฐ. ซง่ึ เป็นเกณฑ์การประเมินผลผา่ นการเรียนรู้ เม่อื จดั
กจิ กรรมการเรยี นรเู้ รอ่ื งการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบกับนักเรยี นระดบั ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2
ปีการศกึ ษา 2564จำนวน 20 คน ทเี่ ป็นกลมุ่ ตัวอยา่ งโดยทดลองใชช้ ุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวก
และการลบ แล้วเปรยี บเทยี บระดับผลการเรยี นรู้กับผลการเรียนรู้ตั้งแตร่ ะดับ ดี ตามเกณฑ์ของสพฐ. ด้วย
One – Sample t Test พรอ้ มทง้ั วดั ระดบั ความพึงพอใช้ ผลการวิจัยพบว่า

1. กลมุ่ ตวั อย่างมผี ลสัมฤทธิก์ ารเรยี นรทู้ ีร่ ะดบั ดมี ากเมื่อเทยี บกบั ตง้ั แตร่ ะดับดตี ามเกณฑ์ของ สพฐ.
ซึง่ ตีความวา่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรเู้ รอื่ งการสร้างโจทย์ปญั หาการบวกและการลบโดยทดลองใชช้ ดุ ฝกึ
ทกั ษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและการลบมีผลตอ่ การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิการเรียนรเู้ รอื่ งดงั กลา่ วของ
นักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่2ี โรงเรยี นบา้ นเหล่าอำเภอสงู เมน่ จงั หวดั แพร่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี
0.05 หรือทีร่ ะดบั ความเช่ือมั่น 95%

2. เม่ือทำการประเมินระดับความพึงพอใจซึ่งกำหนดเป็น 4 ด้าน
ประกอบดว้ ยด้านเนื้อหา ดา้ นครูผู้สอน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนพบวา่
เมื่อวิเคราะห์โดยภาพรวม นักเรียนระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่2ี โรงเรยี นบ้านเหล่าอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่มี
ความพึงพอใจโดยภาพต่อการทดลองใชช้ ุดฝกึ ทักษะการสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบทรี่ ะดบั มาก
ท่สี ดุ
อภิปรายผลการวจิ ัย

จากผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดังกล่าวในบทท่ี 4 ประเด็นทีจ่ ะหยิบยกข้นึ มาสู่การอภปิ รายผลการวจิ ยั
ประกอบด้วย ผลการพัฒนาผลสมั ฤทธิ์การเรียนรู้ของนักเรียนเรือ่ งการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ
โดยใช้ชดุ ฝึกทักษะ และการจดั การเรียนร้โู ดยกิจกรรมการสอนแบบสาธิตร่วมกับเทคนิคเพ่ือนคูค่ ิด ประเดน็
ดงั กล่าว นำมาอภิปราย ดงั น้ี

1. ผลการพฒั นาผลสัมฤทธ์ิการเรยี นรู้ของนักเรียนเรื่องการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบโดย
ใช้ชุดฝึกทักษะจากผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ในบทท่ี 4 พบว่า นกั เรียนมผี ลการเรียนรเู้ รื่องการสร้างโจทยป์ ญั การ
บวกและการลบอยใู่ นระดบั ดี ตามเกณฑ์ของสพฐ. และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการทดลองใช้ชดุ ฝึกทักษะ
การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกและการลบ เรอ่ื งการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบทร่ี ะดับมากท่สี ดุ ทง้ั นี้

54

เปน็ เพราะว่า ซง่ึ ผลดังกลา่ วสอดคล้องกบั แนวคดิ ทฤษฎี หลกั การ วิธกี ารโดยกิจกรรมการสอนแบบสาธิต
รว่ มกบั เทคนิคเพื่อนคู่คดิ ของ ทศิ นา แขมมณี อธิบายการสาธิตเปน็ การแสดงใหด้ ู ซ่ึงอาจเปน็ การแสดงให้เห็น
ถงึ ข้นั ตอน วิธีการ ผลท่ีจะเกิดขึ้นหรอื ท่าทางตา่ ง ๆ โดยอาจทำในรูปของการสาธิตทดลอง หรอื สาธติ ปฏิบัติ วิธี
สอนแบบสาธติ อาจนำไปใช้ร่วมกับวิธสี อนแบบอื่นได้ เชน่ สาธติ ประกอบการบรรยาย สาธิตประกอบการอธิป
ราย เปน็ ตน้ (2550 : 330) และ ขจรศักด์ิ หลักแกว้ เทคนคิ Think-Pair-Share จะมีข้นั ตอนสำคญั ดังน้ี ขั้นที่
1 แบ่งผูเ้ รยี นเป็นกลุ่มเล็กๆ แบบคละความสามารถกลมุ่ ละ 2 - 4 คน ข้นั ท่ี 2 ครตู ัง้ ประเด็นสนั้ ๆ หรือโจทย์
คําถาม ข้ันที่ 3 ผเู้ รียนแตล่ ะคนคิดหาคําตอบดว้ ยตนเองสัก 1-2 นาที ข้ันที่ 4 ใหผ้ ู้เรยี นจับค่กู บั เพ่อื น
แลกเปล่ยี นความคิดผลดั กนั เลา่ ความคิด หรือคาํ ตอบของตนให้เพือ่ นฟงั จนไดข้ ้อสรุปทีเ่ ห็นพอ้ งกนั ขั้นที่ 5
ผู้เรยี นคนใดคนหนง่ึ สามารถอธบิ ายคาํ ตอบให้เพื่อนฟังท้งั ช้ันไดห้ รอื ครูสุ่มบางคู่มารายงานหนา้ ชนั้ เรียน
(2551)ท่ีกล่าววา่ การสอนแบบสาธติ จะแสดงใหเ้ หน็ เป็นขน้ั ตอนร่วมกบั เทคนิคเพื่อคู่คิดเพ่ือช่วยกนั คิดและจะ
ได้ความคิดรวบยอด
นอกจากน้ีผลการวเิ คราะห์ดงั กล่าวยงั สอดคล้องกับงานวิจยั ของนางสาววนั นิสา คลงั คนเกา่ (2563) ทำการ
วิจยั เรือ่ งการใช้ชดุ ฝึกทักษะเร่ืองการคณู ท่ีมตี ่อผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปี ที่ 3
ผลการวิจยั พบวา่ ผลการเรียนร้หู ลังเรยี นสงู กว่าผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น เม่ือนา ไปคำนวณหาคา่ T ใน ตาราง
น้นั คะแนนทดสอบหลงเั รยี นมีค่ามากกว่า ทดสอบก่อนเรียน มคี า่ สถิตทิ ่ีไดเ้ ท่ากบั 1.147
นอกจากน้ยี ังสอดคลอ้ งกับงานวจิ ยั ของ เยาวมาลย์ อรญั (2561) ท่ที ำการวจิ ัยเรอ่ื งทำการวิจยั เร่อื งการพฒั นา
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นโดยใช้เทคนิคเดี่ยว-คดิ รว่ มกัน(Think-Pair-Share) เพ่อื สง่ เสริมทกั ษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6โดยใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรียนโดยใช้เทคนคิ เดยี่ ว-คดิ ร่วมกัน
(Think-Pair-Shareโดยมวี ัตถุประสงค์เพือ่ การพัฒนาชุดกจิ กรรมการเรยี นโดยใช้เทคนิคเดี่ยว-คดิ รว่ มกัน
(Think-Pair-Shareผลการวจิ ยั พบว่า 1) ประสิทธภิ าพของชุดกิจกรรมการเรยี นกบั เทคนิคคิดเดีย่ ว-คดิ คู่คิด
ร่วมกนั (Think-Pair-Share) มีค่าเทา่ กับ 80.33/80.00 2) ภาพโดยรวมนกั เรยี นสว่ นใหญ่มีทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์อยใู่ นระดับดมี าก และพฤติกรรมการเรยี นร้โู ดยใช้เทคนิคคิดเดี่ยว-คดิ คิดร่วมกนั
(Think-Pair-Share) นกั เรียนทกุ คนมคี ะแนนพฤตกิ รรมการเรยี นรรู้ ะดับดมี าก 3) นักเรยี นมีผลสมั ฤทธ์ิทางการ
เรยี นหลังใช้ชดุ กิจกรรมการเรียน ผ่านเกณฑ์ไม่ตำ่ กว่าร้อยละ 80 จำนวน 14 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 70
นอกจากนย้ี ังสอดคล้องกับงานวจิ ัยของ
นางสาวพสิ มร ชูเอม(2561) ทำการวจิ ัยเรือ่ งการพฒั นาความสามารถในการพูดของนกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปี
ท่ี 4 ด้วยการใช้เทคนิคเพ่ือนคู่คิดกับนักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ผลการวจิ ยั พบว่า 1.ความสามารถใน
การพดู ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 หลงั การจัดการเรียนร้ดู ้วยการใชเ้ ทคนิคเพ่ือนคู่คิด มคี ะแนนเฉล่ยี สูง
กวา่ กอ่ นการจัดการเรียนรู้อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05
2.ความคิดเหน็ ของนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ท่ีมีต่อการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยเทคนิคเพ่ือนค่คู ิดอยใู่ นระดับ
มาก นอกจากน้ียงั สอดคล้องกบั งานวจิ ยั ของ วรรณาภรณ์ พระเมเด (2561) ทำการวจิ ยั เรอ่ื งการพฒั นาชดุ ฝกึ
ทกั ษะการอานและการเขียนภาษาไทย เพื่อแกป้ ัญหาการอ่านไม่ออกเขยี นไม่ได้ ของนักเรียนระดับช้ัน

ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ผลการวิจยั พบวา่ โดยรวมมคี วามเหมาะสมอยู่ในระดบั มากทสี่ ุด ( ̅ =4.54, S.D. = 0.61)

55

และมปี ระสิทธภิ าพเท่ากับ 80.72/80.33 3) นักเรยี นที่เรียนรู้ดว้ ยชุดฝกึ ทกั ษะมผี ลคะแนนทกั ษะการอา่ นหลงั

เรียน ( ̅= 12.76, S.D. = 1.32) และทักษะการเขยี นหลงั เรียน ( ̅=14.27, S.D. = 1.13) สงู กวา่ ทกั ษะการอา่ น
การเขียนก่อนเรยี น อยา่ งนัยสำคัญทางสถิติ ทร่ี ะดับ .01 และผลการประเมนิ ความเหมาะสมของชดุ ฝกึ ทักษะ

โดยครูผสู้ อนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 โดยรวมอยรู่ ะดบั มากท่ีสุด ( ̅=4.63, S.D. = 0.48) นอกจากน้ียงั สอดคล้อง
กบั งานวจิ ัยของ นางสาว วิภาวี จำปาแก้ว (2560) ทำการวจิ ัยเรื่อง การพัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน เร่ือง
การบาดเจบ็ และการปฐมพยาบาล โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสาธติ ร่วมกบั ส่ือประสม กบั นกั เรียนระดับชนั้
ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) การจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง การบาดเจบ็ และการปฐมพยาบาล โดยใชก้ าร
จัดการเรยี นรู้แบบสาธิต ร่วมกับส่ือประสม ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 มีประสิทธิภาพเทา่ กับ 84.66/81.00
เป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกำหนด ค่าดัชนีประสิทธผิ ลของการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การบาดเจ็บและการปฐมพยาบาล
โดยใช้การจัดการเรียนรแู้ บบสาธิต ร่วมกับส่อื ประสม มีค่าเท่ากับ 0.7233 แสดงวา่ นกั เรยี นมคี วามก้าวหน้า
ทางการเรยี นรู้คดิ เปน็ ร้อยละ 72.33 3) ผลสมั ฤทธท์ิ างการ เรียนรู้ เร่อื ง การบาดเจบ็ และการปฐมพยาบาล ของ
นกั เรียนหลงั ใช้ โดยใชก้ ารเรยี นรูแ้ บบสาธติ รว่ มกบั ส่อื ประสม สงู กว่าก่อนเรียน อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติ
ทรี่ ะดบั .05 นอกจากน้ยี ังสอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ กมลทิพย์ บรบิ ูรณ์ (2557) ทำการวิจยั เรอ่ื ง การพฒั นา
ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เร่ือง อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี โดยใช้วธิ ีสอนแบบสาธติ สำหรบั นักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ผลการวจิ ยั พบว่า มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนทีค่ า่ เฉลยี่ ระหวา่ งก่อนเรียนและหลงั เรียนด้วย
นัยสำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 05 ความกา้ วหนา้ ทางการเรียนทั้งชนั้ เรียนอยูใ่ นระดับสงู (คา่ เทา่ กบั 0.71) นกั เรยี น
มคี วามพึงพอใจ ระดบั มากทสี่ ุดต่อเทคนิคการสอนแบบสาธิต (ค่าเฉลี่ยเทา่ กับ 4.54)

จากการอภิปรายผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั กล่าวขา้ งต้น จึงลงข้อสรปุ ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เรื่องการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ โดยการทดลองใชช้ ดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หา
คณติ ศาสตร์การบวกและการลลบมีผลต่อความสามรถในการสร้างโจทยป์ ัญหาคณติ ศาสตร์ กจิ กรรมการสอน
แบบสาธิตรว่ มกบั เทคนิค Think-Pair-Share โดยใช้ชุดฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ 1)
ซ่งึ สอดคล้องกบั สมมตฐิ านการวิจยั ทกี่ ำหนดข้ึนคือเพ่อื ทดลองและศกึ ษาผลการทดลองใช้วิธกี ารสอนแบบสาธิต
เทคนคิ Think-Pair-Share เร่อื ง การพัฒนาการสรา้ งโจทย์ปญั หา การบวก และการลบ ของนักเรยี นช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยใชช้ ุดฝกึ ทักษะ โรงเรียนบา้ นเหล่า อำเภอสูงเม่น จงั หวดั แพร่ 2) สอดคล้องกบั
สมมติฐานการวจิ ัยทีก่ ำหนดขึ้นคือเพื่อศกึ ษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2
โรงเรียนบา้ นเหลา่ อำเภอสงู เมน่ จังหวดั แพร่ ทีม่ ีต่อการทดลองใช้วธิ ีการสอนแบบสาธติ เทคนิค Think-Pair-
Share จัดกิจกรรมการเรยี นรู้เรอื่ งพฒั นาการสร้างโจทย์ปญั หา การบวก และการลบและ.สอดคล้องกบั
สมมตฐิ านการำวิจัยท่ีกำหนดข้นึ คอื พัฒนาวธิ ีการสอนแบบสาธติ เทคนิค Think-Pair-Share เรอ่ื ง การ
พัฒนาการสร้างโจทยป์ ญั หา การบวก และการลบ ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 2 โดยใช้ชดุ ฝึกทกั ษะ
โรงเรียนบา้ นเหล่า อำเภอสูงเม่น จงั หวดั แพร่

2. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบเทคนิค Think-Pair-Share มีผลต่อความคิดรวบยอดในการเรยี น
เรื่องการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกการลบ

56

ขอ้ เสนอแนะ
1. ขอ้ เสนอแนะการใช้ประโยชน์ผลการวิจยั
1.1สำหรับผูว้ ิจัยทส่ี นใจในวิจยั เร่ืองน้ี ผ้วู จิ ยั ควรศกึ ษาปัญหาที่เกิดขน้ึ ก่อนการทำวิจยั อยา่ งรอบ

ครอบและถีถ่ ้วน ท้ังน้เี พราะผู้วิจัยจะสามารถหาแนวทางการคดิ นวัตกรรมการสอนที่จะสามารถนำมาช่วยใน
การแก้ปัญหาผลการเรียนของนกั เรียนได้มีประสิทธิภาพดยี ่ิงขึน้

1.2สำหรับวจิ ยั เร่ืองนค้ี วรศกึ ษาประเด็นเร่ืองความสนใจของนักเรียนแต่ละดา้ นการเรียนการสอน
ท้งั นีเ้ พราะถ้าเราสามารถรู้ความสนใจของนักเรยี นจะทำให้เราสามารถคิดนวตั กรรมการเรียนการสอนท่ีมี
คณุ ภาพตามความต้องการของนกั เรียนได้

1.3 ครูต้องมกี ารวางแผนการใช้วิธีการสอนสาธิตรว่ มกบั เทคนิค Think-Pair-Share สลบั กันไปโดย
ใหม้ คี วามสมั พนั ธก์ นั เพ่อื ทจ่ี ะให้นักเรียนพฒั นาศักยภาพของตนเองใหเ้ พ่มิ มากข้ึน

2. ข้อเสนอแนะการศึกษาเพิม่ เติมหรอื ทำวิจยั ต่อยอด
2.1 ควรมีการศึกษาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับชุดฝกึ ทักษะโดยใชเ้ ทคนิค คดิ เด่ยี ว คดิ คู่ คิดร่วมกันกับ

ระดบั ช้นั ทใ่ี กลเ้ คียง ท้ังน้เี พราะจะสามารถพัฒนาทกั ษะและนักเรียนจะสามารถสรา้ งองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
2.2 ควรมีการศึกษาเพิม่ เติมเกยี่ วกบั การทดลองการสอนแบบสาธิตที่ใช้ในการจดั การเรียนรู้ ควรมี

หลากหลายและเปน็ รูปธรรมต้ังแต่งขั้นสร้างความสน ไปขั้นสาธิตและขัน้ สรปุ ผลการทำงานของนกั เรยี นท้ังน้ี
เพราะจะทำให้นักเรียนน้ันเข้าใจบทเรียนไดง้ ่ายมากขึน้ จากการสาธิตแบบเดมิ ทีค่ รเู ปน็ ผู้สาธติ เพยี งคนเดียว

57

บรรณานกุ รม

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวช้ีวดั และหลกั สูตรแกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551.
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐานกระทรวงศึกษาธกิ าร, กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทยจำกดั .

ขจรศักด์ิ หลกั แก้ว (2551). การจดั การเรยี นรแู้ บบ รว่ มมือดว้ ยเทคนิค Think-Pair-Share .อินเตอรเ์ นต็ .
สบื ค้นเมื่อ 9 มกราคม 2565. จาก https://www.gotoknow.org/.

จงรกั ษ์ ตรกี ลุ . (2562) ผลของการใชช้ ุดฝึกทักษะเร่ือง การคณู ทมี่ ตี ่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียน
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรยี นบ้านปากถัก. วิจยั ในช้นั เรยี น การศกึ ษาในรายวิชาการฝึกปฏิบัติ
การสอนในสถานศึกษา สาขาวิชาชีพครู วิทยาลัยเทคโนโลยภี าคใต้.

ทิศนา แขมมณี . ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพอ่ื การจดั กระบวนการเรียนรู้ทม่ี ีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครง้ั ท่ี
10. กรุงเทพฯ: สา นกพั ิมพ์เห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2552

ทศั นา จันทะเรือง. (2561). การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานของผู้เรียน ระดบั ปวช. 2/13
ในรายวชิ าคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ 2โดยใช้การจดั การเรียนรู้แบบใช้ปญั หาเปน็ ฐานรว่ มกับ เทคนิคการ
สอนแบบสาธิต. ภาควชิ าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราช
ดำเนนิ

ธัญญ์กมน โพธพิ์ นั ธ. (2562) การศึกษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตรข์ องนักเรยี นช้ัน
ประถมศึกษาปที ่ี 4 โดยใช้แบบฝกึ ทักษะ. รายงานการวจิ ัยในชัน้ เรยี น โรงเรยี นชมุ ชนวดั โพธิท์ อง
“ปกาสิตวิทยา”สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิจิตร เขต 2.

บุญชม ศรีสะอาด. การวจิ ัยเบอื้ งตน้ . พิมพ์ครั้งท่ี 7.กรงเทพฯ : สุวีริยาสาส์. 2545คณะรฐั มนตรี(2542)
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย 2542

เยาวมาลย์ อรญั . (2561) การพฒั นาชุดกิจกรรมการเรียนโดยใชเ้ ทคนิคคดิ เดี่ยว-คดิ คู่-คิดรว่ มกนั
(Think-Pair-Share) เพอื่ ส่งเสรมิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชน้ั
ประถมศึกษาปที ่ี 4. วทิ ยานิพนธ์ การศึกษาตามหลักสตู รศกึ ษาศาสตรม์ หาบัณฑติ สาขาวิชาหลกั สตู ร
และการสอน มหาวทิ ยาลัยธุรกจิ บณั ฑิตย.์

ศกั ด์ชิ าย ขวญั สนิ . (2557). การพฒั นาชุดฝึกเสริมทักษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์ เรอื่ งทักษะการแก้
โจทย์ ปญั หาคณติ ศาสตร์ สำหรบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนบ้านปงแมล่ อย. วิทยานิพนธ์
มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่

58

บรรณานกุ รม (ตอ่ )

อษุ า ภริ มยร์ กั ษ. (2562) การพฒั นาความสามารถในการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ดว้ ยการจดั การเรยี นรู้
แบบการสอนแนะใหร้ ูค้ ิด (CGI) ร่วมกับเทคนิคเพอื่ นคคู่ ิด (Think-Pair-Share) ของนกั เรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4.วิทยานิพนธ์ การศกึ ษาตามหลักสูตรศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวชิ าหลักสูตร
และการสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร.

59

ภาคผนวก

60

ภาคผนวก ก
รายนามผ้เู ช่ยี วชาญตรวจสอบเคร่ืองมอื ในการวิจยั

61

รายนามผ้เู ชี่ยวชาญตรวจสอบเคร่ืองมือในการวิจัย
รายนามผู้เช่ยี วชาญผ้เู ชีย่ วชาญประเมินความเทย่ี งตรงเชงิ เนื้อหาของเคร่ืองมือการวจิ ัย และ
ผเู้ ชี่ยวชาญประเมินความเหมาะสมของนวัตกรรม
ผู้เชยี่ วชาญประเมินความเท่ยี งตรงเชิงเน้อื หาของเครอ่ื งมือการวจิ ัย
1. ผศ.ดร.พิมผกา ธรรมสทิ ธิ์
อาจารย์สาขาการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์
2. อาจารยด์ ร.ร่งุ ทวิ า ปราบริปู
อาจารย์สาขาการประถมศึกษา คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
3. อาจารย์ สุภัตรา สาขา
อาจารยส์ าขาการประถมศกึ ษา คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
ผ้เู ช่ยี วชาญประเมินความเหมาะสมของนวัตกรรม
1. ครู ครรชติ จนั ทร์กวี
ครูชำนาญการพิเศษ (ค.ศ.3) โรงเรยี นบ้านหว้ ยใต้ จังหวัดอุตรดิตถ์
2. ครูจงจิตร พันธยุทธ์
ครชู ำนาญการพิเศษ (ค.ศ.3) โรงเรยี นบา้ นหว้ ยใต้ จงั หวดั อุตรดติ ถ์
3. ครูดวงเดอื น อานิชสรรย์
ครูชำนาญการพเิ ศษ (ค.ศ.3) โรงเรยี นบา้ นหว้ ยใต้ จงั หวดั อุตรดิตถ์

62

ภาคผนวก ข
หนงั สือทใ่ี ชใ้ นวิจยั

63

64

65

66

67

68

69

70

71

72

73

74

75

ภาคผนวก ค
การหาคณุ ภาพเครอื่ งมอื

76

แสดงผลการแบบประเมินความเหมาะสมของนวัตกรรมชดุ ฝึกทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวก
และการลบ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบา้ นเหลา่

ประเด็นท่ี รายการประเมนิ ̅ .

ประเมนิ 18.71
15.11
คำชีแ้ จงในการทำ ชดุ ฝกึ เขา้ ใจงา่ ย ปฏบิ ัตติ ามได้ 5.00 18.71
18.71
ชดุ ฝึกใช้ภาษาที่ทำ ให้เข้าใจง่าย 4.33 16.92
16.92
ชุดฝึกแต่ละกจิ กรรมมีความต่อเนอื่ งในดา้ นเนื้อหา 5.00 16.92
18.71
ดา้ นเน้ือหา ชดุ ฝึกมคี วามเหมาะสมกบั ชว่ งอายุของผู้เรยี น 5.00 18.71
16.92
ชุดฝกึ มีความเหมาะสมสอดคล้องมาตรฐาน/ตัวช้วี ัด 4.67 18.71
16.92
มีความเหมาะสมกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4.67 16.92
15.11
รปู ภาพประกอบในชดุ ฝึกน่าสนใจ 4.67 18.71

ด้านสือ่ และ แบบฝึกชว่ ยกระตุ้นความสนใจในการเรยี น 5.00 16.92
18.71
อปุ กรณ์การเรยี น ขนาดของตวั อักษรมี ขนาดพอเหมาะ อ่านง่าย 5.00 18.71
18.71
การสอน การใช้สขี องรปู ภาพและตัวอักษร เหมาะสม 4.67

นักเรียนอยากเรียนโดยใชช้ ดุ ฝึกเช่นนีอ้ กี 5.00

ดา้ นการจัด นักเรยี นทำกิจกรรมด้วยความตัง้ ใจ 4.67

กจิ กรรมการเรยี น นักเรียนทำกจิ กรรมได้ครบตามคำชแ้ี จง 4.67

การสอน กิจกรรมนา่ สนใจชวนติดตาม ไม่น่าเบื่อ 4.33

เน้อื หาในชุดฝึกสามารถนำไปใช้ใน 5.00

ด้านวดั ผลและ ชวี ิตประจำวันได้

ประเมินผล ข้อคำถามในแบบทดสอบไมค่ ลมุ เครอื 4.67

นักเรียนมโี อกาสไดท้ ราบคะแนนของผลงานท่ีทำ 5.00

ชุดฝกึ ชว่ ยให้ไดท้ บทวนบทเรียน 5.00

นักเรียนคดิ วา่ หลงั การทำกิจกรรมในชดุ ฝกึ จะช่วยใหเ้ ข้าใจ 5.00

ในบทเรยี นมากขนึ้

ผลการประเมนิ พบวา่ ชุดฝกึ ทักษะ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบสาธิต รว่ มกบั เทคนคิ Think-Pair-Share
ท่สี ร้างฉบับร่างแลว้ ไปให้ผูเ้ ชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยกี ารศึกษา ด้านภาษา และดา้ นการวิจัยหรอื การวัด
ประเมนิ ผลดา้ นละ 1 คน รวมทงั้ สิ้นจำนวน 3 คน ทำการประเมินความเหมาะสมดว้ ยแบบประเมิน แต่ละข้อ
คำถามของแตล่ ะประเดน็ ที่ประเมินต้องมีคา่ เฉลย่ี อย่างน้อย 3.50 จึงจะตดั สินว่า ข้อคำถามท่ปี ระเมิน มี
ความเหมาะสม

77

แสดงค่าดชั นีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบประเมินความเที่ยงตรงเชงิ เน้ือหา (Content Validity)

ของแบบประเมินความเหมาะสมของชดุ ฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ

ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนบา้ นเหลา่

ผลการประเมิน ผลพจิ ารณา

ด้านท่ีทำการ รายการที่ทำการประเมนิ ระดับความ ของผ้เู ช่ยี วชาญ ΣR IOC
ประเมนิ เที่ยงตรง (คนท่)ี

123

คำชแ้ี จงในการทำ ชุดฝกึ เขา้ ใจง่าย ปฏบิ ตั ิ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ตามได้

ชุดฝกึ ทักษะใช้ภาษาที่ทา ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ชดุ ฝึกทกั ษะแตล่ ะกจิ กรรมมีความตอ่ เนื่อง +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ด้านเน้ือหา ในดา้ นเนอ้ื หา +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้
ชดุ ฝกึ ทกั ษะมีความเหมาะสมกับช่วงอายุ

ของผูเ้ รียน

ชดุ ฝึกทักษะมีความเหมาะสมสอดคลอ้ ง +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด

มีความเหมาะสมกับจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

รูปภาพประกอบในชุดฝึกน่าสนใจ 0 +1 +1 2 0.66 คดั ไว้

8.ชดุ ฝกึ ทกั ษะชว่ ยกระตนุ้ ความสนใจในการ +1 0 +1 2 0.66 คดั ไว้

ดา้ นสือ่ และ เรยี น +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้
อปุ กรณ์การ ขนาดของตัวอักษรมี ขนาดพอเหมาะ อา่ น +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้
เรยี นการสอน ง่าย
การใช้สีของรปู ภาพและตวั อักษร เหมาะสม

นักเรยี นอยากเรยี นโดยใชช้ ุดฝกึ ทักษะเชน่ น้ี 0 +1 +1 2 0.66 คัดไว้

อีก

นักเรยี นทำกิจกรรมด้วยความต้ังใจ 0 +1 +1 2 0.66 คัดไว้

ดา้ นการจัด นกั เรียนทำกจิ กรรมไดค้ รบตามคำ ช้แี จง +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

กจิ กรรมการ กจิ กรรมน่าสนใจชวนติดตาม ไม่นา่ เบ่ือ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้
เรยี นการสอน

78

แสดงคา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบประเมนิ ความเที่ยงตรงเชงิ เนอ้ื หา (Content Validity)

ของแบบประเมนิ ความเหมาะสมของชุดฝึกทักษะการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ

ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นบา้ นเหลา่ (ตอ่ )

ผลการประเมิน ผลพจิ ารณา

ดา้ นทีท่ ำการ รายการที่ทำการประเมนิ ระดับความ ของผู้เชีย่ วชาญ ΣR IOC
ประเมนิ เท่ียงตรง (คนท่ี)

123

เนือ้ หาในชดุ ฝกึ ทักษะสามารถนำไปใชใ้ น +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ชวี ิตประจำวันได้

ดา้ นวัดผลและ ข้อคำถามในแบบทดสอบไม่คลมุ เครือ +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ประเมินผล นกั เรียนมีโอกาสได้ทราบคะแนนของผลงาน +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ท่ที ำ

ชดุ ฝกึ ทกั ษะชว่ ยใหไ้ ด้ทบทวนบทเรียน +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

นกั เรียนคิดว่าหลังการทำ กจิ กรรมในชุดฝึก +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจในบทเรยี นมากขึ้น

ผลการประเมินพบว่า แต่ละข้อคำถามของแบบประเมินความเหมาะสมของนวตั กรรมมีคา่ IOC ระหวา่ ง
0.66 ถึง 1.00 หรือผู้เชยี่ วชาญจำนวน 2 ใน 3 คนเหน็ วา่ มีความตรง จงึ ลงข้อสรปุ ว่า แบบสอบถามเพ่ือวดั
ความเหมาะสมของนวัตกรรมมคี วามเทย่ี งตรง ผลการประเมินความเท่ยี งตรงของแต่ละข้อคำถามของ
แบบสอบถามวัดความเหมาะสมของนวตั กรรม

79

แสดงค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบประเมนิ ความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity)

ของแบบประเมินความพึงพอใจของชดุ ฝกึ ทกั ษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวก และการลบ ชนั้ ประถมศึกษาปี

ท่ี 2 โรงเรยี นบา้ นเหล่า

ผลการประเมิน ผลพจิ ารณา

ดา้ นท่ที ำการ รายการทีท่ ำการประเมินระดับความเท่ียงตรง ของผ้เู ช่ียวชาญ ΣR IOC
ประเมนิ (คนท่)ี

-1 0 +1

ชดุ ฝึกทักษะมีการกำหนดวัตถุประสงคข์ องการ +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

เรยี นไว้อยา่ งชัดเจน

การออกแบบเนื้อหาของชดุ ฝึกทักษะเหมาะสม +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

กับกับความสนใจ ความถนัดและความสามารถ

ของนักเรียน

ด้านเน้ือหา ชดุ ฝกึ ทักษะมีเน้ือหาชัดเจนเข้าใจง่ายน่าสนใจ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ชดุ ฝกึ ทักษะช่วยใหน้ ักเรยี นมีความรสู้ กึ วา่ เร่อื งที่ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

เรยี นมีความนา่ สนใจ นา่ เรยี นรู้

ชดุ ฝกึ ทกั ษะมีขน้ั ตอนหรือกระบวนการท่ีกระตุ้น +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ให้นักเรียนเรียนรู้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

ชุดฝกึ ทักษะมีความเหมาะสมกับระดบั ชนั้ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ชัดเจน +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ครูสง่ เสรมิ ให้นักเรยี นมคี วามคดิ รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

และร่วมกันอภิปราย

ครูให้โอกาสนักเรียนซักถามปัญหา +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ดา้ นครูผ้สู อน ครูใชว้ ิธกี ารสอนและใชส้ อื่ อย่างหลากหลาย +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้
การจดั บรรยากาศห้องเรยี นเอ้ือตอ่ การเรยี นการ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

สอน

ครูตงั้ ใจสอนให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ อำนวย +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ความสะดวกแก่นักเรียนในการทำกิจกรรม

ครูประเมินผลอย่างยุติธรรม +1 0 +1 0.66 คดั ไว้

นักเรยี นได้รู้จกั การทำงานแบบกระบวนการกลุ่ม +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ดา้ นทักษะ นกั เรียนสามารถฝึกทักษะกระบวนการคดิ ไดด้ ีข้ึน +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

กระบวนการ ชว่ ยใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเกิดความคิดรวบยอด +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

รวดเรว็

80

แสดงค่าดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) ของแบบประเมินความเท่ียงตรงเชิงเนอ้ื หา (Content Validity)
ของแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของชุดฝกึ ทกั ษะการสรา้ งโจทยป์ ัญหาการบวก และการลบ ชนั้ ประถมศึกษาปี
ที่ 2 โรงเรียนบ้านเหล่า (ตอ่ )

ผลการประเมิน ผลพจิ ารณา

ดา้ นท่ีทำการ รายการทที่ ำการประเมนิ ระดับความเที่ยงตรง ของผู้เชย่ี วชาญ ΣR IOC
ประเมิน (คนท่)ี

-1 0 +1

ด้านทักษะ ชว่ ยให้นักเรยี นสรปุ องคค์ วามรู้ได้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

กระบวนการ

กิจกรรมน่าสนใจชวนติดตาม ไม่น่าเบื่อ +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

ด้านการจดั นักเรียนทำกิจกรรมด้วยความตงั้ ใจ +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

กจิ กรรมการ นกั เรยี นทำ กจิ กรรมไดค้ รบตามคำช้ีแจง +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

เรยี นการสอน นักเรียนมีส่วนร่วมในการประเมนิ ผลการเรียน +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ผลการประเมนิ พบวา่ แต่ละข้อคำถามของแบบประเมินความพึงพอใจ ของนวัตกรรมมีค่า IOC ระหวา่ ง
0.66 ถึง 1.00 หรือผ้เู ชีย่ วชาญจำนวน 2 ใน 3 คนเห็นว่ามีความตรง จึงลงข้อสรุปว่า แบบสอบถามเพ่ือวัด
ความเหมาะสมของนวัตกรรมมีความเทย่ี งตรง ผลการประเมินความเทยี่ งตรงของแตล่ ะขอ้ คำถามของ
แบบสอบถามวดั ความเหมาะสมของนวตั กรรม

81

แสดงคา่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบทดสอบชุดฝกึ ทกั ษะการสร้างโจทย์ปัญหาการบวกและ

การลบ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเหล่า

ผลการประเมินของ ผลพจิ ารณา

แบบทดสอบ ผู้เชี่ยวชาญ (คนที่) ΣR IOC

ขอ้ ท่ี

123

1 +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

2 +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

3 +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

4 +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

5 +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

6 +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

7 +1 +1 +1 3 1.00 คัดไว้

8 +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

9 +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

10 +1 +1 +1 3 1.00 คดั ไว้

ผลการประเมินพบว่า แต่ละข้อคำถามของแบบทดสอบชดุ ฝึกทักษะการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการ
ลบ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นบ้านเหล่า ของนวตั กรรมมคี ่า IOC ระหว่าง 0.66 ถึง 1.00 หรอื ผู้เชย่ี วชาญ
จำนวน 2 ใน 3 คนเห็นวา่ มคี วามตรง จึงลงขอ้ สรปุ วา่ แบบสอบถามเพื่อวัดความเหมาะสมของนวตั กรรมมี
ความเท่ียงตรง ผลการประเมินความเท่ยี งตรงของแต่ละข้อคำถามของแบบสอบถามวัดความเหมาะสมของ
นวัตกรรม

82

แสดงคะแนนจากทำแบบทดสอบก่อน และ หลงั การทดลองใชช้ ดุ ฝึกทกั ษะการสร้างโจทย์ปญั หาการ
บวกและการลบเพ่ือพัฒนาการสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ ของกลุ่มตวั อย่างเมื่อคะแนนเต็มของการทำ
แบบทดสอบก่อนและหลังการใช้นวัตกรรมเท่ากบั 30 คะแนน

ท่ี คะแนนทำแบบทดสอบก่อนการ คะแนนหลังการทดลองใช้นวัตกรรม
ทดลอง

1 16 18

2 19 23

3 18 21

4 21 22

5 19 22

6 24 25

7 19 24

8 20 20

9 23 24

10 26 26

11 18 19

12 17 19

13 16 18

14 18 24

15 24 26

16 20 22

17 19 20

18 16 18

19 19 21

20 24 25

รวม รวมคะแนน 396 รวมคะแนน 437
20คน ̅ 19.80 2.97หรอื คดิ เปน็ ร้อย ̅ 21.85 2.70หรือคดิ เป็นร้อยละ
ละ66 72.83

83

ภาคผนวก ง
เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั

84

แบบวดั ระดับความพึงพอใจ

คำชแี้ จง

1. แบบวดั ระดับความพ่งึ พอใจมีวตั ถุประสงค์เพอ่ื วัดระดับความพงึ พอใจของนกั เรียนระดบั ชั้น

ประถมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนบา้ นเหลา่ อำเภอเมอื งแพร่ จังหวดั แพร่ ทมี่ ตี ่อการจดั กจิ กรรมเพื่อพัฒนาผลการ

เรยี นรู้ด้านการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ โดยใชช้ ุดฝกึ ทกั ษะ

2. ความพึงพอใจแต่ละดา้ นท่ีวัด ประกอบด้วยข้อคำถามย่อย ๆ แต่ละข้อคำถามแบ่งความพึงพอใจ

เป็น 5 ระดับจากมากสุด-น้อยสุด ดงั นี้

5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากทส่ี ุด

4 หมายถึง มีความพึงพอใจค่อนขา้ งมาก

3 หมายถงึ มีความพึงพอใจปานกลาง

2 หมายถึง มีความพึงพอใจค่อนขา้ งน้อย

1 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยที่สดุ

3. ใหน้ กั เรียนอา่ นขอ้ คำถามของแตล่ ะด้านทวี่ ดั ความพึงพอใจ แล้วทำเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งแสดง

ระดับความพึงพอใจให้ตรงกับความคิดเห็นของตนเองมากที่สุด

ตาราง: แสดงระดับความพึงพอใจแตล่ ะดา้ นทน่ี ักเรยี นระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบา้ นเหล่า อำเภอ

เมอื งแพร่จังหวดั แพร่ ท่มี ตี ่อการทดลองใช้ชุดฝึกทักษะ จดั กิจกรรมเพ่ือพฒั นาผลการเรยี นรูด้ ้านการสร้างโจทย์

ปัญหาการบวกและการลบ

ดา้ นความพงึ รายการที่วัดความพงึ พอใจ ระดับความพึงพอใจ
พอใจ 54321

1.ชดุ ฝึกทกั ษะมีการกาหนดวัตถปุ ระสงคข์ องการ

เรยี นไวอ้ ย่างชัดเจน

2.การออกแบบเน้อื หาของชุดฝกึ ทกั ษะเหมาะสม

ดา้ นเน้ือหา กับกบั ความสนใจ ความถนัดและความสามารถ
ของนักเรียน

3.ชุดฝึกทกั ษะมีเนื้อหาชดั เจนเขา้ ใจงา่ ยนา่ สนใจ

4.ชุดฝึกทักษะชว่ ยใหน้ กั เรียนมีความรู้สกึ ว่าเร่อื ง

ท่เี รียนมีความน่าสนใจ น่าเรียนรู้

85

ตาราง: แสดงระดบั ความพงึ พอใจแตล่ ะดา้ นที่นกั เรียนระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นบา้ นเหลา่ อำเภอ

เมืองแพรจ่ ังหวัดแพร่ ท่ีมีต่อการทดลองใช้ชดุ ฝกึ ทักษะ จดั กจิ กรรมเพือ่ พัฒนาผลการเรียนร้ดู า้ นการสรา้ งโจทย์

ปัญหาการบวกและการลบ(ต่อ)

ดา้ นความพึง รายการทว่ี ดั ความพึงพอใจ ระดบั ความพึงพอใจ
พอใจ 54321

5.ชุดฝึกทักษะมขี ้ันตอน หรือกระบวนการท่ี

ด้านเนอ้ื หา กระตุ้นให้นักเรยี นเรยี นรอู้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ

6.ชดุ ฝึกทกั ษะมีความเหมาะสมกับระดับชั้น

ดา้ นครผู ู้สอน 7.ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นร้ชู ดั เจน

8.ครสู ่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนมีความคิดริเรมิ่

สร้างสรรคแ์ ละร่วมกนั อภิปราย

9.ครูใหโ้ อกาสนกั เรียนซกั ถามปัญหา

10.ครใู ช้วิธีการสอนและใชส้ ่อื อย่างหลากหลาย

11.การจดั บรรยากาศหอ้ งเรยี นเอ้อื ต่อการเรยี น

การสอน

12.ครูตง้ั ใจสอนใหค้ ำแนะนำ ช่วยเหลือ อำนวย

ความสะดวกแกน่ ักเรยี นในการทำกจิ กรรม

13.ครปู ระเมินผลอย่างยุตธิ รรม

14.นกั เรยี นได้รู้จักการทำงานแบบกระบวนการ

ด้านทักษะ กลุ่ม

กระบวนการ 15.นักเรยี นสามารถฝึกทักษะกระบวนการคดิ ไดด้ ี

ขึ้น

16. ช่วยให้นกั เรยี นเข้าใจ เกิดความคิดรวบยอด

รวดเร็ว

17.ช่วยให้นกั เรียนสรุปองค์ความรู้ไดด้ ้วยตนเอง

86

ตาราง: แสดงระดับความพึงพอใจแต่ละดา้ นท่ีนักเรยี นระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นบ้านเหล่า อำเภอ

เมอื งแพร่จงั หวัดแพร่ ทม่ี ตี ่อการทดลองใช้ชดุ ฝกึ ทกั ษะ จัดกิจกรรมเพอื่ พัฒนาผลการเรียนรู้ด้านการสรา้ งโจทย์

ปัญหาการบวกและการลบ(ต่อ)

ด้านความพงึ รายการทวี่ ดั ความพึงพอใจ ระดับความพึงพอใจ
พอใจ 54321

18.กิจกรรมนา่ สนใจชวนตดิ ตาม ไมน่ า่ เบื่อ

ด้านการจดั 19.นกั เรียนทำกิจกรรมดว้ ยความตัง้ ใจ

กจิ กรรมการ 20. นกั เรียนทำกจิ กรรมได้ครบตามคำช้ีแจง

เรยี นการสอน 21.นักเรียนมีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียน

ขอขอบใจนกั เรยี นทกุ คนทร่ี ว่ มแสดงความพงึ พอใจตอ่ กิจกรรมการเรียนคร้ังนี้

87

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1

กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 2/2564

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี เรือ่ ง การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี เร่ือง การสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวก ใชเ้ วลา 1 ชัว่ โมง

สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ.

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั
1.1 ตวั ชี้วดั
ค 1.1 ป.2/8 แสดงวิธีหาคำตอบของโจทย์ปัญหา 2 ข้นั ตอนของจำนวนนับไมเ่ กิน 1,000 และ 0

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การสรา้ งโจทย์ปญั หาจะต้อง มสี ว่ นสำคัญ 2 ส่วนคือสว่ นทีโ่ จทย์บอกและสว่ นท่ีโจทยถ์ ามที่สร้างต้องมคี วาม
เป็นไปได้
3. สาระการเรยี นรู้
การสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1) อธิบายหลักการสร้างโจทยป์ ัญหาการบวกได้ (K)
2) สรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกตามหลักการสร้างจากข้อมลู ที่กำหนดให้ (P)
3) รบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่ท่ไี ด้รับมอบหมาย (A)
5.ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
1.การส่อื สารและการส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์
2.การเช่ือมโยง
6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
7.กิจกรรมการเรียนรู้ [แบบสาธิต (Demonstration Method)]รว่ มกบั เทคนคิ (เพื่อนคู่คิด)

ขนั้ เตรยี มการสอน

1.ครทู บทวนความรเู้ ดิมเรอื่ ง การแก้โจทยป์ ญั หาการบวก
2.ครูส่มุ นกั เรียน 2 คนออกมาจับสลากโจทย์ปญั หา แลว้ ให้นกั เรยี นแสดงข้ันตอนการแก้โจทยป์ ัญหาหน้าชัน้
เรียน
3.ครอู ภิปรายรว่ มกับนักเรยี นถงึ ผลการแก้โจทยป์ ัญหา

88

ข้นั เตรยี มการสาธิต
1. ครูตดิ บัตรข้อความที่จะใช้เป็นสว่ นทโ่ี จทย์ถามและโจทย์บอกบนกระดานในการทำใหด้ ูบน
กระดาน

ขน้ั สาธติ
2.ครอู ธบิ ายวิธกี ารสร้างโจทย์ปัญหาการบวก 2 ตวั อย่างจากข้อความท่เี ตรยี มไว้บนกระดานพรอ้ มทง้ั แสดงวิธี
ทำและตรวจสอบความสมเหตสุ มผลของคำตอบเช่น

สม้ 127 ผล เงาะมากกว่าส้ม 213 ผล มังคุดมากกวา่ เงาะ 10ผล

- สร้างโจทยป์ ญั หาได้ ดงั น้ี
“แมซ่ ้ือส้ม 127 ผล ซ้ือเงาะมากกว่าสม้ 213 ผล ซอื้ มงั คดุ มากกว่าเงาะ 103 ผล แม่ซ้อื มังคดุ กีผ่ ล”
3.ครอู ธิบายให้นักเรียนเข้าใจตรงกนั วา่ คำใดบ้างท่แี สดงถึงการบวกในโจทยป์ ัญหา เชน่ รวมกนั
รวมทั้งหมด เพ่ิม ทั้งหมด มากกว่า และน้อยกวา่ ซงึ่ การสร้างโจทย์ปญั หาต้องมคี วามสอดคลอ้ งกับสิ่งท่ี
กำหนดใหแ้ ละมีความสมเหตุสมผลเหมาะสมกับสถานการณ์ในชวี ติ จรงิ
ขนั้ สรุปและวดั ผล
1.นกั เรยี นจับค่กู ัน 2 คน เทคนคิ (เพื่อนคู่คดิ )เพ่ือทำกจิ กรรมเพื่อนช่วยเพอ่ื น
2.ครตู ้งั ประเด็นใหน้ ักเรียนว่าเราจะสร้างโจทยป์ ัญหาจากข้อความไดอ้ ย่างไร
3.ให้นกั เรียนตอบโดยท่ยี ังไมม่ ีการปรกึ ษากับเพ่อื น เปน็ เวลา2-3 นาที
4.ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ ทักษะการสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวกทีค่ รูเตรียมให้ พร้อมแสดงวธิ กี ารแกโ้ จทย์
ปญั หาใหถ้ ูกตอ้ งโดยแลกเปล่ียนความคิดผลดั กนั เลา่ ความคดิ หรอื คําตอบของตนให้เพ่ือนฟังจนได้ขอ้ สรุปที่
เห็นพอ้ งกนั
5. ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี น โดยให้นกั เรยี นคนใดคนหนึ่งสามารถอธิบายคาํ ตอบใหเ้ พ่ือนฟงั ทง้ั ช้ันได้
หรือ ครูสมุ่ บางคูม่ ารายงานหนา้ ชน้ั เรียน
6.โดยครถู ามคำถามนักเรยี น ในโจทยป์ ัญหาทีส่ รา้ งต้องมีส่วนใดบ้าง นกั เรยี นตอบวา่ โจทยป์ ญั หาทส่ี ร้างต้องมี
สว่ นท่ีโจทยถ์ าม และส่วนทโี่ จทย์บอกและสงิ่ สำคญั ในการสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกคืออะไร
8.ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

- แบบฝกึ ทักษะการสร้างโจทยป์ ญั หาการบวกและการลบ
- บัตรขอ้ ความ
- บัตรตวั เลข

89

9.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การประเมนิ

1.อธิบายหลักการสร้างโจทย์ปัญหา ชดุ ฝึกทักษะการสร้าง แบบประเมินชุดฝึกทัก 60% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน
การบวกได้ (K) โจทย์ปัญหาการบวก ทักษะการสร้างโจทย์ เกณฑ์การประเมิน
และการลบ ชุดฝึกที่ ปัญหาการบวกและ
1 การลบ ชดุ ฝกึ ที่ 1

2.สร้างโจทย์ปญั หาการบวกตาม สงั เกตพฤติกรรมด้าน แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรียนได้คะแนนระดบั
หลกั การสรา้ งจากขอ้ มลู ทีก่ ำหนดให้ ทักษะกระบวนการ ด้านทกั ษะ คุณภาพดีขนึ้ ไป
(P)
กระบวนการ

3.รบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่ทีไ่ ดร้ บั สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นได้คะแนนระดบั
มอบหมาย (A) คุณภาพดีขึ้นไป
คุณลกั ษณะทีพ่ ึง ดา้ นคณุ ลักษณะ

ประสงค์ ท่ีพงึ ประสงค์

90

เกณฑก์ ารประเมินแบบฝกึ หัด/ใบงาน

ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คุณภาพ

4 3 21

1.ความถูกต้องของ เนื้อหาสาระของ เนือ้ หาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ
เนื้อหา ผลงานถูกต้อง ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ผลงานถูกต้อง ผลงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถว้ น บางประเด็น เป็นสว่ นใหญ่

2. รปู แบบการนำเสนอ การนำเสนอชดุ ฝกึ การนำเสนอชุดฝึกทักษะ การนำเสนอ การนำเสนอชุดฝกึ
ทักษะนา่ สนใจและ ถูกต้องเปน็ สว่ นใหญ่ ชุดฝกึ ทักษะ ทกั ษะไมเ่ ปน็ ไป
เหมาะสมกับ
สถานการณ์ ถูกต้องบางสว่ น ตามเกณฑ์

3. ความเป็นระเบียบ ชดุ ฝึกทักษะมีความ ชุดฝกึ ทกั ษะส่วนใหญม่ ี ชดุ ฝึกทักษะมี ชุดฝกึ ทักษะไม่มี
เปน็ ระเบยี บ ข้อบกพร่องเล็กน้อย ขอ้ บกพร่อง ความเปน็ ระเบยี บ
บางสว่ น

เกณฑ์ประเมินคุณภาพ

10 - 12 คะแนน หมายถงึ ดีมาก ระดบั 4 4 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ ระดบั 2

7 - 9 คะแนน หมายถึง ดี ระดบั 3 1-3 คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง ระดบั 1

91

เกณฑ์การให้คะแนนรบู รคิ ส์ (Rubric Score)

ประเดน็ ท่ีทำการ ตัวรบู รคิ ส์และระดับคะแนนรูบริคสท์ ที่ ำการประเมนิ

วดั และประเมนิ ผล ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรบั ปรงุ (1)
มีผลการเรยี นรู้
1. นักเรียนอธบิ าย 1. อธบิ ายหลกั การสรา้ งโจทย์ มผี ลการเรยี นรู้ มผี ลการเรยี นรู้ ตามคำอธบิ าย
เปน็ รายข้อดังท่ี
หลักการสรา้ งโจทย์ ปญั หาการบวกได้ ได้อย่างถกู ตอ้ ง ตามคำอธิบาย ตามคำอธิบาย กำหนดระดับดี
มากข้อใดๆ น้อย
ปัญหาการบวกได้ 2. อธิบายหลกั การสร้างโจทย์ เป็นรายขอ้ ดังที่ เป็นรายขอ้ ดังท่ี กว่า 2 ขอ้

(K) ปัญหาการบวกได้ กำหนดระดบั ดี กำหนดระดบั ดี มีผลการเรียนรู้
ตามคำอธบิ าย
3. มเี นอื้ หาสาระครบถ้วนตรงตาม มากข้อใดๆ มากข้อใดๆ เปน็ รายขอ้ ดังที่
กำหนดระดบั ดี
ประเด็นท่ีกำหนดทงั้ หมด จำนวน 3 ข้อ จำนวน 2 ขอ้ มากข้อใดๆ น้อย
กวา่ 2 ข้อ
4. เนอ้ื หาสาระท้ังหมดถูกตอ้ งตาม
มีผลการเรียนรู้
ข้อเทจ็ จรงิ และหลกั ตามคำอธบิ าย
เปน็ รายข้อดังที่
2. นักเรยี นสามารถ 1. สามารถสรา้ งโจทยป์ ัญหาการ มผี ลการเรยี นรู้ มีผลการเรียนรู้ กำหนดระดบั ดี
มากข้อใดๆ นอ้ ย
สร้างโจทยป์ ัญหา บวกตามหลกั การสร้างจากขอ้ มูลที่ ตามคำอธิบาย ตามคำอธิบาย กว่า 2 ขอ้

การบวกตาม กำหนดให้ ได้อยา่ งถกู ต้อง เป็นรายขอ้ ดังท่ี เป็นรายขอ้ ดังท่ี

หลักการสรา้ งจาก 2. สรา้ งโจทยป์ ญั หาการบวกตาม กำหนดระดบั ดี กำหนดระดับดี

ขอ้ มูลท่ีกำหนดให้ หลักการสร้างจากขอ้ มลู ท่ี มากข้อใดๆ มากข้อใดๆ

(P) กำหนดให้ ถูกตอ้ งเหมาะสม ตรง จำนวน 3 ขอ้ จำนวน 2 ขอ้

ประเด็น

3. มเี นือ้ หาสาระครบถ้วนตรงตาม

ประเด็นท่ีกำหนดทัง้ หมด

4. เนือ้ หาสาระทง้ั หมดถูกตอ้ งตาม

ขอ้ เท็จจริงและหลกั

3. นกั เรยี นมีความ 1. ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่และมีความ มผี ลการเรยี นรู้ มผี ลการเรยี นรู้

รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ี เพียรพยายามในการเรียนรู้ ตามคำอธิบาย ตามคำอธิบาย

ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 2. สนใจรว่ มกจิ กรรมในชน้ั เรียน เป็นรายขอ้ ดังที่ เปน็ รายขอ้ ดังท่ี

(A) และค้นคว้าหาความรู้ กำหนดระดบั ดี กำหนดระดบั ดี

3. จดบนั ทกึ และ มากข้อใดๆ มากข้อใดๆ

แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน จำนวน 3 ข้อ จำนวน 2 ขอ้

4. ตรงตอ่ เวลา

92

บันทกึ ความคดิ เหน็ ของผตู้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้
❑ ใชส้ อนได้
❑ ควรปรับปรงุ

ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................

ลงชอ่ื ..................................................

บันทึกความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลมุ่ สาระ
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................
............................................................................................................................. .........................................

ลงชื่อ..................................................


Click to View FlipBook Version