The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาภาษาไทย ป.5 เทอม 1-63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จิรพงศ์ ไมตรีจิตร, 2020-06-10 11:19:12

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาภาษาไทย ป.5 เทอม 1-63 ปก-ผสาน

โครงสร้างและแผนการสอน วิชาภาษาไทย ป.5 เทอม 1-63

คาบท่ี 2-3 3. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ พูดสรุปแนวคดิ ทไ่ี ด้จากการอ่านเร่ืองกําเนิดผิดพน้ คนท้งั หลาย
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ ประมูลเพอื่ เพมิ่ คุณค่าโดยครูใช้คําถามดงั ต่อไปนี้
การเขยี น
คาํ อวยพร - จากการศกึ ษาเร่อื งกาํ เนิดผดิ พน้ คนทั้งหลาย นกั เรยี นสามารถนําไปใชใ้ นชีวิตประจําวัน
ไดอ้ ย่างไร
ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

5. นักเรียนทาํ กิจกรรมการการถามตอบจากเรอ่ื งท่ศี กึ ษา
6. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ หลกั การอา่ นจบั ใจความดังน้ี

หลักการจับใจความสาํ คัญ
- ตัง้ จุดมงุ หมายในหารอ่านใหช้ ัดเจน
- อ่านเร่อื งราวอยา่ งคร่าวๆ พอเข้าใจและเกบ็ ใจความสาํ คัญของแต่ละยอ่ หนา้
- เมอ่ื อ่านจบให้ตงั้ คําถามตนเองว่า เรือ่ งทีอ่ า่ นมใี คร ทําอะไร ท่ไี หน เมือ่ ไหร่ อย่างไร
- นาํ สิง่ ทสี่ รุปไดม้ าเรยี บเรียงใจความสําคญั ใหมด่ ้วยสํานวนของตนเองเพื่อให้เกดิ ความ

สละสลวย
ขนั้ ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ

7. สมุ่ นกั เรียนออกมานาํ เสนอขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน โดยใชไ้ ม้เรียกเลขที่
ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ

8. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คําถามดังน้ี
- นักเรียนสามารถนาํ ความรเู้ กีย่ วกบั เรือ่ งท่เี รยี นไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อยา่ งไร

สาระสาํ คญั
การเขียนคําอวยพรในโอกาสต่าง ๆ ควรเลือกข้อความที่เขียนแสดงความยินดี หรือควา ม

ปรารถนาดใี ช้คาํ ใหเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะ
ขนั้ ท่ี 1 ขนั้ คดิ วเิ คราะหข์ อ้ มลู

1. นักเรียนดูแผนภูมิ การเขียนคําอวยพรแล้วอ่านออกเสียงพร้อมกัน แล้วให้นักเรียน
ร่วมกันสนทนาซักถามเกี่ยวกับเน้ือหาของบัตรอวยพรโดยครูถามนําเพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และ
การกระต้นุ ความสนใจของผู้เรยี นเรยี นโดยใชค้ ําถามดังตอ่ ไปน้ี

- บัตรอวยพรมกี ปี่ ระเภทคอื อะไร
- นกั เรียนใชท้ กั ษะอะไรบ้างในการเขยี นบัตรอวยพร
* ในการตอบคําถามให้ครูใชไ้ มเ้ รียกเลขที่ เพื่อใหน้ ักเรยี นตอบทีละคนโดยถามคําถามก่อนจะเรยี กเลขท่ี
เพ่ือใหท้ ุกคนไดค้ ดิ ในแต่ละคําถามควรให้นกั เรยี นนําเสนอ 4-5 คน
2. นกั เรยี นศกึ ษาวธิ กี ารเขียนบตั รอวยพรแตล่ ะประเภทจากใบความรู้ และสนทนาเก่ยี วกบั
การความสาํ คัญโดยครูใช้คําถามดังน้ี
- การเขยี นบัตรอวยพรมีความสาํ คัญคอื อะไร
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. แบ่งนักเรียนออกเป็น 5 กลุ่ม ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอ่านคําอวยพร ในหนังสือเรียน
ภาษาไทย (ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 โดยนาํ หลักการอา่ นภาษาไทยมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของนักเรียนแต่

ละคนว่าปฏบิ ัตไิ ดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นหรือไม่) แล้วรว่ มกนั สนทนาโดยครูใช้คําถามดังนี้
- ผเู้ ขียนคําอวยพรมคี วามรูส้ ึกอยา่ งไรในการเขียนคาํ อวยพร
- การเขยี นคําอวยพรควรใชค้ ําอยา่ งไร

- การเขียนคําอวยพรให้ผอู้ าวโุ สแตกต่างกบั เขียนคาํ อวยพรให้บุคคลทวั่ ไปอยา่ งไร
* ในการตอบคําถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพ่ือให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคําถามก่อนจะ

เรยี กเลขทเ่ี พือ่ ใหท้ ุกคนได้คดิ ในแตล่ ะคาํ ถามควรใหน้ ักเรียนนาํ เสนอ 4-5 คน
4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประมูลเพ่ือเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คาํ ถามดงั ต่อไปนี้
- นักเรยี นสามารถนําความรู้ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจําวนั ได้อยา่ งไร

ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
5. นักเรยี นฝึกเขียนคาํ อวยพรในโอกาสตา่ งๆ
6. นักเรียนรว่ มกนั สรปุ แนวปฏบิ ตั กิ ารเขยี นคาํ อวยพรดังน้ี

- กลา่ วแต่สิง่ ดีงามเป็นสริ มิ งคล
- อาจกล่าวอ้างถงึ ส่ิงศักดิ์สิทธ์ทิ ีผ่ ู้รบั คาํ อวยพรนบั ถือ

- สร้างบรรยากาศทด่ี ีใหผ้ ้รู ับคาํ อวยพรรสู้ ึกผ่อนคลายมี ความสุข
- ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสมกบั โอกาสสถานท่แี ละบุคคล
- นาํ สิง่ ที่สรุปได้มาเรียบเรยี งใจความสําคญั ใหม่ด้วยสํานวนของตนเองเพอื่ ให้เกดิ

ความสละสลวย

ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาํ เสนอ
7. นักเรียนนําเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน โดยครใู ช้ไม้เรยี กเลขท่ี เรยี กนักเรียนออกมา

นาํ เสนอหนา้ ช้ันเรยี นประมาณ 4-5 คน
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ําถามดังน้ี

- นกั เรียนสามารถนาํ ความรู้เก่ยี วกับเรอ่ื งทเ่ี รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อยา่ งไร

คาบที่ 4-5 สาระสาํ คญั
คําพอ้ งรปู
คําพอ้ งรูป คือ คาํ ทเี่ ขียนเหมือนกัน อา่ นออกเสยี งต่างกนั ความหมายต่างกัน

ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรียนอ่านแถบประโยคต่อไปนี้ กรีของกงุ้ ตาํ เท้ากรี แลว้ ร่วมสนทนาซกั ถาม โดย

ครใู ชค้ ําถามดงั ต่อไปน้ี
- คาํ ทพ่ี ิมพต์ ัวหนา้ ท้ังสองคาํ เรยี กว่าคําอะไร

2. นักเรียนศึกษาเรอ่ื งคําพอ้ งรปู จากหนังสือเรียนภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5

ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรยี นอา่ นแถบประโยคตอ่ ไปนี้ ชาวแขมน่งั ใตต้ น้ แขม เรอื โคลงเพราะโคลงเรอื
ให้นกั เรยี นเขยี นคําอ่านของคาํ พอ้ งรปู แล้วรว่ มกันสนทนาโดยครูใช้คาํ ถามดังนี้

- คําทพ่ี มิ พ์ตวั หนาอา่ นวา่ อย่างไร
- คําท่ีอ่านมีลักษณะเหมือนกนั อยา่ งไร
- คาํ ท่อี า่ นมีลกั ษณะต่างกันอย่างไร
4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประมลู เพื่อเพมิ่ คณุ ค่าโดยครูใช้คําถามดงั ต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนําความรู้ทีไ่ ด้รับไปใช้ในชวี ติ ประจําวันได้อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
5. นักเรยี นเขา้ กลุ่มทาํ กจิ กรรมสาํ รวจคาํ พ้องรปู จากหนงั สือเรียนภาษาไทยบทที่ 3 ตัวแทน
นาํ เสนอหนา้ ชัน้ เรยี น ครูเขียนคําพ้องรูปบนกระดานดําในคําที่ไม่เหมือนกัน เมื่อนําเสนอครบทุกกลุ่ม
ให้ทกุ คนชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง แลว้ ใหน้ กั เรยี นอา่ นคาํ พอ้ งรูปพร้อมกันหลายรอบเพื่อให้ทุกคน
ได้จดจาํ และบันทกึ คําท่ีไมม่ ีในหนงั สือเรียน
6. นกั เรยี นทาํ แบบฝึกหดั
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาํ เสนอ
7. นักเรยี นนําเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น โดยครูใช้ไมเ้ รยี กเลขที่ เรียกนักเรยี นออกมานําเสนอ
หน้าช้นั เรยี นประมาณ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คําถามดังนี้
- นักเรยี นสามารถนําความร้เู กี่ยวกบั เรอ่ื งที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมไดอ้ ยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคําถาม - คาํ ถาม
- แบบฝกึ หดั
- ทาํ แบบฝกึ หัด - แบบประเมินการอา่ นในใจ
- แบบประเมินการคดั ลายมอื
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอา่ นในใจ - แบบฝึกหัด
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการเขยี น

- ทกั ษะการอา่ น

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤตกิ รรมในการรว่ ม

คา่ นยิ ม (A) กจิ กรรม การทํางานกลมุ่

7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้ 2. บตั รคําพอ้ งรปู
4. ไมเ้ รียกเลขที่
1. แบบฝึกหัด
3. หนงั สือภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5
6. แถบประโยค

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .............................................ครูผู้สอน ลงช่ือ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผู้บรหิ าร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 5

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.่ี .…1…../.…2563... ชอ่ื ผสู้ อน …………………………………………….......………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที …ี่ ..…5....... จาํ นวน…..…5…..คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ .ี่ ....…4….…… เรอื่ ง…...............................ภยั เงยี บ..............................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ดั

มาตรฐานที่ ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพือ่ นาํ ไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาํ เนินชวี ิต และ
มีนสิ ยั รักการอา่ น

ตัวชี้วัดท่ี ป 5/1 อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 5/2 อธิบายความหมายของคํา ประโยคและขอ้ ความที่เปน็ การบรรยายและการพรรณนา
ตัวชว้ี ัดที่ ป 5/3 อธิบายความหมายโดยในจากเรื่องทอ่ี ่านอยา่ งหลากหลาย
ตวั ชี้วัดท่ี ป 5/4 แยกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคิดเห็นจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น
ตัวชีว้ ัดที่ ป 5/5 วเิ คราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั เรอื่ งท่ีอ่านเพือ่ นาํ ไปใช้ในการดําเนินชวี ติ
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 5/8 มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอื่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ
เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 5/2 เขยี นส่ือสารโดยใชค้ ําไดถ้ ูกต้องชัดเจนและเหมาะสม
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 5/9 มมี ารยาทในการเขยี น

2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด

การอ่านจับใจความสําคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลักของข้อความ หรือเร่ืองที่อ่าน
การอ่านจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพ่ือการส่ือสารมากท่ีสุด เพราะเป็นพื้นฐานสําคัญในการศึกษา
หาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความชํานาญ

การเขียนคําแนะนําอธิบายข้ันตอน คือ คําแนะนําและคําอธิบายแสดงขั้นตอนเป็นการเขียนเพ่ือให้ความรู้ ความเข้าใจ
ภาษาทใ่ี ชค้ วรเป็นภาษาทางการ เรียบเรียงขั้นตอนตามลําดับ เพื่อใหป้ ฏิบตั ิหรอื นําไปใชไ้ ดถ้ กู วิธี

คําพ้องเสยี ง คือ คาํ ทีเ่ ขยี นต่างกนั อา่ นออกเสียงเหมอื นกัน ความหมายตา่ งกนั

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความหมาย และหลักการอา่ นจับใจความสาํ คัญ (K)
2. บอกจุดมุ่งหมายของคําแนะนาํ และคําอธิบายแสดงขน้ั ตอน (K)

3. รแู้ ละเข้าใจวธิ ีการอ่าน การเขียนและลกั ษณะของคาํ พ้องเสียง (K)
4. อา่ นเร่ืองได้คลอ่ งแคลว่ รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี (P)
5. แยกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็นจากเรอื่ งทอ่ี ่าน (P)
6. เขยี นคาํ แนะนาํ และคาํ อธิบายแสดงข้ันตอน (P)
7. อ่าน เขยี นและจําแนกคําพอ้ งเสยี งได้ (P)
8. เห็นความสําคัญของการอ่านมารยาทในการอ่านและ นําความรู้และข้อคิดไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจําวัน (A)
9. กระตอื รอื ร้นและมีส่วนรว่ มกบั การจดั กิจกรรมการ (A)
10. เห็นความสาํ คญั ของการเขียนสอ่ื สาร และมมี ารยาทในการเขยี น (A)
11. มีความกระตือรอื รน้ ในการทาํ งาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. อธิบายความหมาย และหลกั การอ่านจับใจความสาํ คัญของเรื่องได้
2. บอกจดุ มุ่งหมายของคาํ แนะนําและคําอธบิ ายแสดงขั้นตอนได้
3. รแู้ ละเข้าใจวิธกี ารอ่าน การเขยี นและลกั ษณะของคาํ พ้องเสียง

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบท่ี
การอ่านจับใจความสําคัญ คือ การอ่านเพ่ือเพ่ือจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญ
คาบท่ี 1-2 หลักของการจับใจความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้
ในการอ่านเพอื่ การส่ือสารมาก เพราะเป็นพืน้ ฐานท่ีจําเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝน
การอ่าน ให้เกิดความชํานาญ
จับใจความสาํ คญั ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรียนทบทวนเกยี่ วกับการอา่ นสรปุ ใจความ โดยใช้คําถามดังต่อไปนี้
- การอ่านสรปุ ใจความคอื อะไร
- นกั เรยี นใช้ทกั ษะอะไรบ้างในการอา่ นสรุปใจความ

2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น5 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มอ่านในใจเร่ือง ภัยเงียบ จากหนังสือ
ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 โดยนําหลักการอ่านในใจมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของ
นักเรียนแต่ละคนวา่ ปฏบิ ัตไิ ดถ้ ูกต้องตามหลกั การอา่ นหรือไม่
ขนั้ ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นักเรยี นร่วมกนั วิเคราะห์ ภัยเงยี บ ท่ีนกั เรียนพบจากการอา่ นวา่ มีอะไรบา้ งและจะมี
วิธีแกไ้ ขอย่างไร

คาบท่ี 3-4 4. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ คิดประเมินเพอื่ เพิม่ คณุ ค่าโดยครูใช้คาํ ถามดังตอ่ ไปน้ี
- จากการศึกษาเรื่องภยั เงียบนักเรียนสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาํ วัน
การเขยี นคาํ แนะนาํ
อธบิ ายขน้ั ตอน ไดอ้ ยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

5. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันสรปุ ใจความสําคัญของเร่ือง ภัยเงียบและตั้งคาํ ถามกลุ่มละ
10 คาํ ถาม
ขนั้ ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ

6. นักเรียนนาํ เสนอกจิ กรรมขอ้ ที่ 5 หน้าชน้ั เรยี น โดยครูใชไ้ มเ้ รยี กเลขท่ี เรยี กนกั เรียน
ออกมานําเสนอทลี ะกล่มุ
ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

7. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ําถามดังน้ี
- นกั เรียนสามารถนําความรเู้ กีย่ วกับเร่ืองท่เี รียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมไดอ้ ย่างไร

สาระสําคญั
การเขียนคําแนะนําอธิบายขั้นตอน คือ คําแนะนําและคําอธิบายแสดงข้ันตอน เป็น

การเขียนเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ ภาษาที่ใช้ควรเป็นภาษาทางการ เรียบเรียงขั้นตอน
ตามลําดบั เพอื่ ใหป้ ฏบิ ัตหิ รือนําไปใช้ได้ถกู วธิ ี
ขนั้ ท่ี 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรียนดูวีดิโอเร่ือง “การเขียนคําแนะนําอธิบายขั้นตอน” ครูและนักเรียนร่วมกัน
สนทนาเกยี่ วกับเน้ือหาของ การเขียนคําแนะนาํ อธิบายขน้ั ตอนโดยครูถามนําเพื่อโยงเข้าสู่สาระ
การเรียนรู้และกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรียนโดยครูถามคาํ ถามดงั นี้

- การเขียนคําแนะนาํ อธบิ ายขัน้ ตอน คืออะไร
* ในการตอบคาํ ถามให้ครูใช้ไมเ้ รียกเลขท่ี เพ่อื ให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคาํ ถาม
กอ่ นจะเรียกเลขท่ีเพ่อื ให้ทุกคนไดค้ ิด ในแต่ละคําถามควรให้นักเรียนนาํ เสนอ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
2. นกั เรยี นดูตวั อย่างการเขยี นคาํ แนะนาํ อธิบายข้นั ตอน แลว้ รว่ มสนทนาซกั ถาม โดย
ครูใช้คําถาม ดังนี้

- การเขยี นคาํ แนะนําอธบิ ายขนั้ ตอนทน่ี กั เรียนอา่ นสามารถสอ่ื สารและอธบิ าย
สาระใหผ้ อู้ ่านเข้าใจไดม้ ากน้อยเพียงใด

- การเขยี นคาํ แนะนําอธิบายขน้ั ตอนมีองค์ประกอบครบหรอื ไม่
3. นักเรียนแต่ละกล่มุ คิดประมูลเพ่ือเพ่ิมคุณค่าโดยครใู ช้คําถามดังตอ่ ไปน้ี

- นกั เรียนสามารถนาํ ความรู้ท่ีได้รับไปใช้ในชวี ิตประจาํ วันไดอ้ ย่างไร
ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ

4. นกั เรียนทํากจิ กรรมฝกึ เขยี นคาํ แนะนาํ อธิบายข้นั ตอน

คาบท่ี 5 5. นักเรยี นรว่ มกันสรปุ ขน้ั ตอนการเขียนคาํ แนะนําอธบิ ายขั้นตอน ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ ดังนี้
คาํ พอ้ งเสยี ง การเขียนคาํ แนะนาํ อธิบายขน้ั ตอน คอื คําแนะนําและคาํ อธิบายแสดงข้ันตอน เปน็ การ
เขียนเพอื่ ใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจ ภาษาที่ใช้ควรเป็นภาษาทางการ เรยี บเรียงขั้นตอนตามลําดบั
เพื่อให้ปฏบิ ัตหิ รือนําไปใช้ได้ถกู วิธี
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ
6. นกั เรยี นนาํ เสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เรียกนกั เรียนออกมา
นาํ เสนอหน้าชน้ั เรยี นประมาณ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
7. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ําถามดงั นี้

- นกั เรยี นสามารถนําความรูเ้ กย่ี วกบั เรือ่ งทเ่ี รยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร
สาระสาํ คญั

คาํ พอ้ งเสยี ง คอื คําที่เขียนตา่ งกนั อ่านออกเสียงเหมอื นกนั ความหมายต่างกัน
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรียนอา่ นบัตรคําที่คุณครูตดิ บนกระดานดําดังน้ี
กาน การ การณ์ กาล กาฬ

แลว้ ร่วมสนทนาซกั ถามโดยครูใชค้ าํ ถามดังน้ี
- คาํ ท้งั หมดอ่านอย่างไร
- คําทอี่ า่ นมคี วามเหมอื นกันอย่างไร
- คาํ ทอ่ี ่านมีลกั ษณะแตกต่างกันอย่างไร
- คําทง้ั หมดเรยี กว่าคําอะไร
2. นกั เรยี นศึกษาเร่อื ง คําพ้องเสยี งจากหนังสอื เรียนภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5
ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. ครูแบง่ นกั เรยี นเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลุม่ แตง่ ประโยคจากคําพอ้ งเสียงใน
บัตรคาํ ที่ครูตดิ บนกระดาน แลว้ ออกมานําเสนอประโยคท่ีแตง่ ได้ทห่ี น้าชนั้ เรยี น บตั รคําพ้องเสียง
ทใี่ ชม้ ี ดังนี้
ตวั อย่าง พนั พันธ์ุ = ฉนั ซอื้ พนั ธไุ์ ม้ราคาพนั บาท
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประมูลเพอ่ื เพ่มิ คุณคา่ โดยครูใช้คาํ ถามดงั ต่อไปน้ี
- นกั เรียนสามารถนําความรู้ทไ่ี ดร้ บั ไปใช้ในชวี ิตประจาํ วนั ได้อย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
5. นักเรียนเล่นเกมคําพ้องเสียง โดยการหาคําพ้องเสียง มาเพ่ิมคําจากคําท่ีคุณครู
ติดบนกระดาน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้พจนานุกรมได้ กลุ่มไหนเติมได้มากท่ีสุดจะเป็นกลุ่ม
ทช่ี นะการแขง่ ขนั หลงั จากน้ันให้นกั เรียนฝึกอา่ น แล้วสนทนาเก่ียวกบั ความหมายของแตล่ ะคํา
6. นักเรียนร่วมกนั สรุปเกยี่ วกบั คําพ้องเสยี ง ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ ดงั นี้

คําพ้องเสยี งคือ คําทเ่ี ขยี นตา่ งกัน อ่านออกเสยี งเหมอื นกัน ความหมายต่างกนั
7. นักเรียนทําแบบฝกึ หดั
ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ
8. นักเรยี นนําเสนอคาํ พอ้ งเสยี งหน้าชั้นเรยี น โดยครูใชไ้ ม้เรยี กเลขที่เรยี กนักเรยี น
ออกมายกตวั อยา่ งคําพ้องเสียงและแต่งประโยคหนา้ ช้ันเรียนประมาณ 4-5 คน
ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ําถามดังนี้

- นกั เรยี นสามารถนําความร้เู กย่ี วกับเรือ่ งทเ่ี รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคาํ ถาม - คําถาม
- ทาํ แบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด
- แบบประเมินการอ่านในใจ
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอา่ นในใจ - แบบประเมนิ การคัดลายมอื
- ทกั ษะการเขยี น - แบบฝกึ หดั
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการอ่าน

ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ - สงั เกตพฤตกิ รรมในการรว่ ม

ค่านิยม (A) กิจกรรม การทํางานกล่มุ

7. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้

1. บตั รคําคําพ้องเสียง 2. ตัวอยา่ งการเขียนคําแนะนาํ อธิบายขั้นตอน

3. พจนานกุ รม 4. เกมคําพ้องเสียง

5. หนังสือเรยี นภาษาไทยชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 5

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................

ลงช่อื .............................................ครูผู้สอน ลงชือ่ ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 6

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.ี่ .…1…../.…2563... ชอ่ื ผสู้ อน …………………………………………….......………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที …่ี ..…5....... จาํ นวน…..…5…..คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี.....…4….…… เรอ่ื ง…...............................ภัยเงยี บ..............................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด

มาตรฐานท่ี ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพ่อื นําไปใชต้ ัดสนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาํ เนนิ ชวี ติ และ
มีนสิ ัยรักการอา่ น

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 5/2 อธิบายความหมายของคํา ประโยคและขอ้ ความทเ่ี ป็นการบรรยายและการพรรณนา
ตัวช้ีวัดที่ ป 5/8 มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียน เขียนส่อื สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราวในรูปแบบตา่ ง ๆ
เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ตัวชี้วัดที่ ป 5/3 เขียนแผนภาพโครงเรอื่ งและแผนภาพความคดิ เพือ่ ใช้พฒั นางานเขียน
ตวั ชี้วัดที่ ป 5/9 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา
ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัติของชาติ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 5/7 ใชส้ ํานวนได้ถูกตอ้ ง
มาตรฐานที่ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณคา่ และนํามาประยุกต์
ใช้ในชีวติ จรงิ
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 5/4 ท่องจาํ บทอาขยานตามทก่ี าํ หนดและบทร้อยกรองท่มี ีคุณคา่ ตามความสนใจ

2. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด

การอา่ นจับใจความสําคัญ คือ การอ่านเพ่ือจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลักของข้อความ หรือเรื่องที่อ่านการ
อา่ นจบั ใจความสาํ คญั ถอื เป็นทกั ษะสาํ คัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการส่ือสารมากท่ีสุด เพราะเป็นพ้ืนฐานสําคัญในการศึกษาหาความรู้
จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความชาํ นาญ

แผนภาพความคิด เปน็ วิธีที่ใชใ้ นการเตรียมงานเขียนโดยนําความรูห้ รือข้อเทจ็ จริงมาจดั ระบบ ซ่ึงแผนภาพความคิดมักใช้ใน
การวางโครงเร่ืองท่มี ตี วั ละคร ฉาก การดําเนนิ เรือ่ งตามลาํ ดบั เหตกุ ารณ์ สว่ นแผนภาพความคดิ มักใช้ในการวางโครงเร่ืองที่มีความคิดรวบ
ยอดเป็นสาํ คญั

วรรณยกุ ต์ในภาษาไทย มี 4 รูป 5 เสียง คําทุกคาํ จะต้องมีเสียงวรรณยุกต์ ซึ่งการผันวรรณยุกต์จะสัมพันธ์กับอักษร 3 หมู่
คือ อักษรสูง อักษรกลาง อกั ษรตํ่า และคําเป็น คําตาย การมีความรู้เร่ืองอักษร 3 หมู่และคําเป็น คําตาย จะช่วยให้อ่านคําและผัน
วรรณยกุ ต์ไดถ้ กู ตอ้ งย่งิ ขน้ึ

คาํ ภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย คอื ภาษาไทยมกี ารยืมคํามาจากภาษาตา่ งประเทศมาใช้ คําบางคํารับมาใชเ้ หมือนคาํ เดิม
แต่บางคํานํามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการออกเสียงของคนไทย ดังนั้นเราควรศึกษา และทําความเข้าใจเกี่ยวกับการนํามาใช้ให้
ถูกตอ้ ง

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. บอกประโยชนข์ องแผนภาพความคดิ (K)
2. อธบิ ายความหมายและหลักการอ่านจับใจความสําคญั (K)
3. เข้าใจวิธีการผนั วรรณยกุ ต์ (K)
4. บอกความหมายของคําภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย (K)
5. เขยี นแผนภาพความคดิ รูปแบบตา่ งๆ (P)
6. อ่านเร่ืองได้คลอ่ งแคล่วรวดเรว็ และถูกตอ้ งตามอกั ขระ (P)
7. อ่านเขยี นผนั วรรณยุกต์ได้ถูกตอ้ ง (P)
8. จําแนกคาํ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย (P)
9. เห็นความสําคัญของการใช้แผนภาพโครงเร่อื งในการสือ่ สาร (A)
10. กระตอื รอื ร้นและมีส่วนรว่ มกบั การรว่ มกิจกรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสําคญั ของเรือ่ งได้
2. บอกประโยชน์ของแผนภาพความคดิ ได้
3. เขา้ ใจวิธกี ารผนั วรรณยุกต์
4. บอกความหมายของคําภาษาต่างประเทศในภาษาไทยได้

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบท่ี
การอ่านจับใจความสาํ คัญ คือ การอ่านเพ่ือจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลัก
คาบที่ 1
ของข้อความ หรอื เรื่องท่ีอา่ นการอา่ นจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อ
การอา่ นจบั ใจความ
กระเชา้ นางสดี า การส่ือสารมากท่ีสุด เพราะเป็นพ้ืนฐานสําคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิด

ความชํานาญ

ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
1. ครูให้นักเรียนดูสารคดี เรื่อง กระเช้านางสีดา แล้วรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ วา่

กระเชา้ สดี าเปน็ ช่ือของอะไร มีลักษณะอยา่ งไร
2. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี นเข้าใจ แลว้ รว่ มกันสนทนาโดยครูใช้คาํ ถาม เชน่ กระเช้าสีดา

มีต้นกําเนิดมาจากท่ีไหน มีประโยชน์อะไรบา้ ง
3. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ ศกึ ษา เรอ่ื งกระเชา้ นางสดี า

ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั วิเคราะหเ์ กยี่ วกับเร่อื งท่อี า่ น โดยครูใช้คําถาม ดงั น้ี
- ตวั ละครสําคญั ในเรื่องมใี ครบ้าง แต่ละตัวมีนิสัยอย่างไร
- จากเรื่องทอี่ ่านนักเรียนไดข้ อ้ คิดอะไรบา้ ง
5. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มคิดประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคุณค่าโดยครูใช้คําถามดังตอ่ ไปน้ี
- จากการศกึ ษาเรือ่ งกระเช้านางสดี านักเรียนสามารถนาํ ไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ

ประจาํ วันไดอ้ ยา่ งไร

ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏิบตั ิ
6. นักเรยี นเข้ากลุม่ ทํากจิ กรรมการตั้งคําถามและตอบคาํ ถามจากเรือ่ งที่อ่านกลุ่มละ5ขอ้
กติกาในการต้ังคาํ ถาม คณุ ครูแบง่ จํานนวนหนา้ ท่แี ต่ละกลมุ่ จะตอ้ งรับผดิ ชอบในการ
ตง้ั คาํ ถาม เพอื่ ป้องกนั ไมใ่ หค้ าํ ถามแต่ละกลุ่มไม่ให้ซา้ํ กนั
7. นักเรียนรว่ มกนั สรุปขอ้ คิดท่ไี ดจ้ ากการอ่าน

ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ
8. ตัวแทนแต่ละกลุม่ นาํ เสนอคาํ ถามหนา้ ชั้นเรียนแล้วเรียกใหเ้ พอื่ นตอบ

ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ เพอื่ เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คําถามดังน้ี
- นักเรียนสามารถนําความร้เู ก่ยี วกับเร่อื งทเี่ รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมได้อยา่ งไร

คาบท่ี 2 สาระสาํ คญั
แผนภาพความคิด เป็นวิธีที่ใช้ในการเตรียมงานเขียนโดยนําความรู้หรือข้อเท็จจริง
การเขยี นแผนภาพ
ความคิด มาจัดระบบ ซ่ึงแผนภาพความคิดมักใช้ในการวางโครงเรื่องท่ีมีตัวละคร ฉาก การดําเนินเรื่อง
ตามลาํ ดบั เหตุการณ์ ส่วนแผนภาพความคิดมกั ใช้ในการวางโครงเรือ่ งที่มีความคดิ รวบยอดเป็นสําคญั
ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรยี นดตู วั อยา่ งแผนภาพความคดิ ของรุน่ พแี่ ลว้ สนทนาซกั ถาม โดยใช้คําถาม
ดงั ต่อไปนี้

- การเขยี นแผนภาพความคิดมีความสําคัญอยา่ งไร
- สงิ่ ทีนกั เรยี นเห็นเรียกว่าอะไร
2. ครตู ้งั คาํ ถามเพื่อกระตนุ้ ให้นักเรยี นอยากค้นหาคําตอบ เชน่
- ทาํ ไมเราต้องเรยี นเกย่ี วกบั การเขียนแผนภาพความคิด (คําถามนี้ยังไม่ต้องให้
นกั เรียนตอบแต่จะใหต้ อบขน้ั ของการสรุปความ)
* ในการตอบคาํ ถามให้ครูใชไ้ มเ้ รียกเลขที่ เพ่อื ให้นักเรียนตอบทลี ะคน โดยถามคําถาม
ก่อนจะเรียกเลขท่เี พอ่ื ให้ทุกคนได้คิด ในแต่ละคําถามควรใหน้ กั เรยี นนําเสนอ 4-5 คน
3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาเรอื่ ง แผนภาพความคดิ จากใบความรู้ทคี่ รแู จก แล้วสนทนา
แลกเปล่ยี นความคิดเห็นภายในกลุ่มของตน
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นกั เรียนดตู วั อยา่ งการเขยี นแผนภาพความคิด แล้วรว่ มกันสนทนาโดยครใู ช้คาํ ถาม
ดงั น้ี
- แผนภาพความคิดท่ีนักเรยี นดู เขยี นถกู ต้องตามหลกั การเขียนหรอื ไม่เพราะอะไร
5. นกั เรยี นคดิ ประเมนิ เพอื่ เพม่ิ คณุ ค่าโดยครูถามคาํ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามารถนาํ เรอ่ื งท่ีเรียนไปใช้ในชวี ิตประจาํ วนั ได้อย่างไร
ขนั้ ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
6. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ บทเรียน เรื่องการเขียนแผนภาพโครงเรื่อง และ
แนวทางปฏิบตั ิที่ถกู ต้องในการเล่าเร่ือง
7. นักเรียนเขียนแผนภาพความคิด
ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ
8. นักเรียนนําเสนอแผนภาพความคิดหน้าชั้นเรยี น
ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพอื่ เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ช้คาํ ถามดังนี้
- นกั เรียนสามารถนาํ ความรูเ้ ก่ยี วกบั เรื่องทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมได้
อยา่ งไร

คาบท่ี 3-4 สาระสาํ คญั
วรรณยุกต์ในภาษาไทยมี 4 รปู 5 เสยี ง คาํ ทกุ คาํ จะตอ้ งมเี สยี งวรรณยุกต์ ซงึ่ การผัน
การผนั เสยี ง
วรรณยกุ ต์ วรรณยกุ ตจ์ ะสมั พนั ธก์ ับอกั ษร 3 หมู่ คอื อกั ษรสงู อกั ษรกลาง อกั ษรตา่ํ และคําเปน็ คําตาย
การมคี วามรู้เรอื่ งอักษร 3 หมู่และคําเปน็ คําตาย จะชว่ ยใหอ้ ่านคาํ และผนั วรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกต้อง
ยิ่งขึ้น
ขนั้ ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรยี นอ่านแถบข้อความท่ีครเู ตรยี มมาให้ดังน้ี

๏ นองรองไหเสียงดงั ลันบาน ๏ พนี งั เกาอีสีฟาตัวเกา

๏ แมตมขาวตมและทาํ ไขเจยี วกับยํากงุ แหงใหคณุ ยารับประทาน

เม่ือนักเรยี นอา่ นจบครสู นทนาซักถามนักเรียน โดยใช้คําถามดงั นี้

- ขอ้ ความทั้งสามน้ี อ่านแล้วเข้าใจได้ทนั ทีหรือไม่ เพราะอะไร (ไมเ่ ขา้ ใจชดั เจน

เพราะขาดรปู วรรณยกุ ตใ์ นหลายคาํ )

- จะเติมสิง่ ใดในคําใหอ้ า่ นแลว้ เข้าใจไดช้ ดั เจนขึ้น (๐ นอ้ งรอ้ งไหเ้ สยี งดงั ลนั่ บา้ น

๐ พน่ี งั่ เกา้ อส้ี ฟี ้าตวั เกา่

๐ แม่ตม้ ขา้ วตม้ และทาํ ไข่เจยี วกบั ยาํ กงุ้ แหง้ ใหค้ ณุ ยา่ รบั ประทาน)

นักเรยี นรว่ มกนั ศึกษาเกยี่ วกับ วรรณยกุ ต์

ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั คดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ 6 กลุ่ม เพ่ือเขียนการผันวรรณยกุ ต์ เขยี นคําอักษรกลาง

2 กลุม่ เขยี นคําอกั ษรสงู 2 กลุ่ม เขียนคาํ อกั ษรตํา่ 2 กลมุ่

เช่น ไข ไข่ ไข้, คา คา่ คา้ , เกา เกา่ เก้า เกา๊ เกา๋

4. ให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ คิดประเมนิ เพือ่ เพ่ิมคุณค่าโดยครใู ช้คําถามดังตอ่ ไปน้ี

- จากการศกึ ษาเรอื่ งออมไวก้ ําไรชวี ติ นกั เรียนสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ใน

ชวี ติ ประจาํ วนั ไดอ้ ย่างไร

ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ

5. นักเรียนเลน่ เกมเขียนคําท่มี ีความหมายตรงข้ามกับคําทีค่ รูพูดให้เปน็ คาํ ทม่ี ีรปู

วรรณยกุ ต์ทุกคาํ ในกระดาษทคี่ รแู จกให้ เช่น ครูพดู ว่า ผอม นักเรียนเขียนวา่ 1) อว้ น ครูพูด

วา่ เกา่ นักเรยี น เขียนว่า 2) ใหม่ ครูพูดวา่ ของจรงิ นกั เรยี นเขียนวา่

3) ของเก๊ (4) จวิ๋ 5) กวา้ ง 6) น้อย 7) ทีโ่ หล่ .......) แลว้ ให้ตรวจพร้อมกัน โดยให้นักเรียน

ออกไปเขยี นทลี ะคําบนกระดาน ให้ทุกคนร่วมกนั พิจารณาความถูกตอ้ ง ช่วยกันแก้ไข แลว้

รวบรวมผลงานสง่ ให้ครตู รวจสอบอกี ครงั้

6. ครตู ิดบตั รคําบนกระดานดาํ แลว้ ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ แยกคําให้ตรงกับเสียง

วรรณยกุ ต์ โดยใช้บตั รคําดงั ตอ่ ไปน้ี

ป่ี ท่ี หน่ึง ครึ่ง ตน้ อ้อย ก้านกลว้ ย ร้านคา้ โต๊ะ ลกู กว๋ ยเตีย๋ ว หมวก ตดิ

ก๊บิ รอย บาน หา บบี ก่อน

เสยี งสามัญ เสยี งเอก เสยี งโท เสยี งตรี เสยี งจัตวา

ตรวจคาํ ตอบพรอ้ มกันท้ังชนั้ เรยี นโดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ สลับกันตรวจ
7. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปการผันวรรณยุกต์
8. นักเรียนทาํ แบบฝึกหัด

ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ
9. นกั เรียนนาํ เสนอการทาํ แบบฝกึ หัด โดยครใู ชไ้ มเ้ รียกเลขท่ี เพอื่ ใหน้ กั เรียน

นําเสนอทลี ะคน เพ่อื นๆชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

10. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาํ ถามดังน้ี
- นกั เรยี นสามารถนําความรู้เก่ยี วกับเรือ่ งทีเ่ รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้อย่างไร

คาบท่ี 5 สาระสาํ คญั
ภาษาไทยมีการยืมคํามาจากภาษาต่างประเทศมาใช้ คําบางคํารับมาใช้เหมือนคําเดิม

คาํ ภาษาต่างประเทศ แต่บางคํานํามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับการออกเสียงของคนไทย ดังน้ันเราควรศึกษา และ

ในภาษาไทย ทาํ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการนํามาใช้ให้ถูกต้อง

ขน้ั ท่ี 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับคําภาษาตา่ งประเทศโดยการเลน่ เกม

ให้นกั เรยี นออกมาจบั บัตรคาํ เชน่ เกีย๊ ว กว๋ ยเตี๋ยว เมล์ ไอศกรีม แล้วนําไปจัดหมวดหมู่

ตามภาษาทถ่ี กู ต้องในกลอ่ ง เช่น เก๊ียว = ภาษาจนี

2. ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเรือ่ งภาษาต่างประเทศ แล้วรว่ มกันสนทนาโดยครใู ช้คําถามดงั นี้

- ภาษาตา่ งประเทศมภี าษาอะไรบ้าง

- ยกตัวอย่างคาํ ท่ีได้จากภาษาต่างๆ เชน่ ภาษาอังกฤษ = เทคนคิ ยีราฟ

ฟตุ บอล

ขน้ั ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรยี นอ่านบทความแล้วให้นักเรยี นสํารวจวา่ มคี ําใดบ้างท่ีเป็นคําภาษาต่างประเทศ

4. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ คิดประเมินเพือ่ เพ่ิมคุณค่าโดยครูใช้คําถามดังต่อไปนี้

- นกั เรยี นสามารถนําไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจําวันไดอ้ ยา่ งไร

ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ

5. นักเรียนฝึกอ่านคาํ ทีม่ าจากภาษาตา่ งประเทศ (ใช้คาํ จากแบบฝึกหดั )

6. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกับคําที่มาจากตา่ งประเทศ

7. นักเรยี นทําแบบฝึกหัดเร่ืองคําภาษาต่างประเทศ

ขนั้ ที่ 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ

8. นักเรยี นนาํ เสนอการทําแบบฝึกหัด โดยครใู ช้ไมเ้ รยี กเลขท่ี เพือ่ ให้นักเรียนนําเสนอ

ทีละคน เพอื่ นๆชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

9. นักเรียนนาํ ความรูเ้ ร่ืองคําภาษาต่างประเทศทใี่ ช้ในภาษาไทย ทไ่ี ดเ้ รยี นรไู้ ปใช้เพอ่ื

การฝกึ ทักษะการอ่านสื่อสารและแนะนาํ เพอ่ื นๆ น้อง ๆ หรอื คนใกลช้ ิด

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมอื

ด้านความรู้ (K) - การตอบคําถาม - คําถาม
- แบบฝึกหดั
- ทาํ แบบฝกึ หัด - แบบประเมินการอา่ นในใจ
- แบบประเมินการคัดลายมือ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่านในใจ - แบบฝกึ หัด
- ทกั ษะการเขียน - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการอ่าน

ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการรว่ ม

คา่ นิยม (A) กจิ กรรม การทํางานกลมุ่

7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้

1. ใบความรู้
2. บตั รคํา (ผันวรรณยุกต์)
3. บัตรคํา (ภาษาตา่ งประเทศ)
4. หนังสอื เรยี นภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 7

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.ี่ .…1…../.…2563... ชอื่ ผสู้ อน …………………………………………….......………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที …ี่ ..…5....... จาํ นวน…..…5…..คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่.....…5….…… เรอื่ ง…...................ประชาธปิ ไตยใบกลาง.....................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานท่ี ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่อื นําไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาํ เนินชวี ติ และ
มนี สิ ัยรักการอ่าน

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 5/1 อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ตัวชี้วัดที่ ป 5/2 อธิบายความหมายของคํา ประโยคและขอ้ ความทีเ่ ป็นการบรรยายและการพรรณนา
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 5/3 อธิบายความหมายโดยในจากเร่อื งท่อี ่านอย่างหลากหลาย
ตัวชี้วัดท่ี ป 5/4 แยกข้อเท็จจริงและข้อคดิ เห็นจากเรื่องทอี่ ่าน
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 5/5 วเิ คราะห์และแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั เร่อื งทอี่ ่านเพอื่ นาํ ไปใช้ในการดาํ เนนิ ชวี ติ
ตัวช้ีวัดท่ี ป 5/8 มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวในรูปแบบต่างๆ เขียน
รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 5/3 เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคดิ เพ่อื ใช้พฒั นางานเขยี น
ตวั ชีว้ ดั ที่ ป 5/4 เขยี นย่อความจากเรื่องที่อ่าน
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 5/5 เขียนจดหมายถึงผูป้ กครองและญาติ
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 5/9 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐานที่ ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา
ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวชว้ี ัดที่ ป 5/5 บอกคําภาษาต่างประเทศในภาษาไทย

2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด

การอ่านในใจเพ่ือจับใจความ เป็นทักษะสําคัญที่คนใช้อ่านเพ่ือการสื่อสารมากที่สุด เพราะการอ่านในใจเพื่อ
จับใจความเปน็ พืน้ ฐานท่ีจําเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชํานาญจนสามารถจับใจความสําคัญในงานเขียน
ทุกประเภท การอ่านในใจที่ดีจะต้องสามารถจับใจความและเก็บเฉพาะใจความสําคัญของเร่ืองจากการอ่านเรื่องใดเร่ืองหน่ึง
แล้วนํามาเรียบเรียงใหม่เพยี งย่อ ๆ แตไ่ ด้ใจความสมบูรณ์ สามารถนาํ ไปใช้ประโยชน์ได้

การเขยี นจดหมาย คือ การเขยี นท่ีควรใช้ถ้อยคาํ ทีแ่ สดงความเคารพและสุภาพเขียนถูกต้องตามรูปแบบของจดหมายด้วย
ลายมือท่ีสวยงามอ่านงายไม่มีรอยลบ ขูดขีดฆ่าข้อความใช้กระดาษ และซองจดหมายที่สะอาดเรียบร้อยสีสุภาพ แสดงถึงการมี
มารยาทในการเขียนและการใช้จดหมาย

การเขียนย่อความ คือ หลักการเขียนย่อความจะต้องเก็บประเด็นสําคัญแต่ละตอนจากเนื้อเร่ืองท่ีอ่าน นํามาเรียบเรียงใหม่
ใหส้ อดคลอ้ งกลมกลืนเปน็ ขอ้ ความตอ่ เนือ่ งกัน โดยใช้สาํ นวนของผู้เขียนเอง และถกู ตอ้ งตามรูปแบบการเขยี นยอ่ ความ

คําควบกลํ้า คือ คําที่มีอักษรควบเป็นการนําพยัญชนะ 2 ตัวมาเรียงกันเป็นพยัญชนะต้น และประสมด้วยสระเดียวกัน
เวลาอ่านจะอ่านออกเสียงพยัญชนะต้น 2 ตัวพร้อมกัน พยัญชนะตัวท่ี 2 ท่ีนํามาควบ ได้แก่ ร ล ว การศึกษาเรื่อง คําท่ีมีอักษรควบ
จะทาํ ให้อา่ นและเขียนคําทม่ี อี กั ษรควบได้ถกู ต้อง

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. บอกความหมายของคําภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย (K)
2. อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสําคญั (K)
3. อธิบายรปู แบบการเขยี นจดหมายลาครู (K)
4. อธิบายหลักการเขยี นยอ่ ความ (K)
5. บอกลักษณะของอักษรควบไดถ้ กู ตอ้ ง (K)
6. จาํ แนกคําภาษาต่างประเทศในภาษาไทย (P)
7. อา่ นเรื่องไดค้ ลอ่ งแคล่ว รวดเร็วและถกู ต้องตามอกั ขรวิธี (P)
8. แยกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากเร่ืองทีอ่ ่าน (P)
9. เขยี นจดหมายลาครู (P)
10. เขียนยอ่ นทิ าน (P)
11. เหน็ ความสําคญั ของการอา่ นมารยาทในการอ่านและ นาํ ความรู้และขอ้ คิดไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจําวัน (A)
12. กระตือรือรน้ ในการรว่ มกิจกรรม (A)
13. เห็นความสําคัญของการอ่านมารยาทในการอา่ นและ นาํ ความร้แู ละข้อคิดไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจําวัน (A)
14. เหน็ ความสําคัญของการเขียนจดหมายและมมี ารยาทในการเขียน (A)
15. กระตือรอื ร้นในการร่วมกจิ กรรม (A)
16. บอกลักษณะของอกั ษรควบไดถ้ กู ต้อง (K)
17. กระตือรือรน้ และมสี ่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้(A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจับใจความสาํ คัญของเรอ่ื งได้
2. บอกความหมายของคําภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยได้
3. อธบิ ายรูปแบบการเขยี นจดหมายลาครูได้ถกู ต้อง

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ

4. อธบิ ายหลกั การเขียนย่อความได้ถกู ต้อง
5. บอกลักษณะของอกั ษรควบกล้ําไดถ้ ูกตอ้ ง

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบที่
การอา่ นในใจเพ่ือจบั ใจความ ถอื เป็นทักษะสําคัญทีค่ นใชอ้ ่านเพอ่ื การสอ่ื สารมากท่ีสุด เพราะ
คาบที่ 1 การอ่านในใจเพ่ือจับใจความเป็นพ้ืนฐานที่จําเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความ
ชํานาญจนสามารถจับใจความสําคัญในงานเขียนทุกประเภท การอ่านในใจท่ีดีจะต้องสามารถจับ
การอา่ นจบั ใจความและเก็บเฉพาะใจความสําคัญของเรื่องจากการอ่านเร่ืองใดเรื่อหนึ่ง แล้วนํามาเรียบเรียงใหม่
ใจความ เพียงย่อ ๆ แตไ่ ดใ้ จความสมบูรณ์ สามารถนาํ ไปใช้ประโยชน์
ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1.นักเรียนทบทวนเก่ียวกับการอา่ นสรุปใจความ โดยใช้คําถามดงั ตอ่ ไปนี้
- การอา่ นสรุปใจความคืออะไร
- นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอา่ นสรปุ ใจความ

2. นักเรียนเขา้ กลุม่ อา่ นในใจเร่ือง ภัยเงียบ จากหนงั สือภาษาพาที ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5
โดยนําหลักการอ่านในใจมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของนักเรียนแต่ละคนว่าปฏิบัติได้ถูกต้องตาม
หลกั การอา่ นหรอื ไม่
ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันสรุปใจความสําคญั ของเรอ่ื ง ภยั เงียบ
4. ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มคดิ ประเมนิ เพื่อเพิม่ คุณค่าโดยครใู ช้คําถามดงั ตอ่ ไปนี้

- จากการศึกษานักเรยี นสามารถนาํ ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาํ วนั ไดอ้ ย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ

5. นักเรียนทาํ กิจกรรมการถามตอบจากเรอื่ งทศี่ กึ ษา และต้งั คําถามกลุม่ ละ 5 คําถาม
6. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปข้อคดิ ท่ไี ดจ้ ากเรือ่ ง ภัยเงียบ
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาํ เสนอ
7. แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาํ เสนอคําถาม

* ขณะท่ีนักเรียนนําเสนอ ครพู ยายามสังเกตพฤตกิ รรมท้งั ของผู้ฟังและผนู้ ําเสนอ
เพือ่ เก็บไปเป็นขอ้ มลู ในการพัฒนาปรับปรงุ ต่อไป
พฤติกรรมท่นี ําไปเป็นเง่อื นไขพัฒนา เช่น

- มารยาทในการพูดและฟงั

- ความสนใจ ให้เกียรติ
- การซักถาม เสนอแนวคดิ แย้งหรือคล้อยตามอย่างมีเหตผุ ล
- การใช้ทกั ษะทางภาษาเพ่อื การสือ่ สาร
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คําถามดงั นี้
- นักเรียนสามารถนาํ ความร้เู กี่ยวกับเรอ่ื งทีเ่ รยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมไดอ้ ย่างไร

คาบท่ี 2 สาระสาํ คญั
การเขยี น การเขียนจดหมาย ถึงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือครูอาจารย์ ควรใช้ถ้อยคําท่ีแสดงความเคารพ
จดหมายลาครู
และสุภาพเขียนถูกต้องตามรูปแบบของจดหมายด้วยลายมือที่สวยงามอ่านงายไม่มีรอยลบ ขูดขีดฆ่า
คาบท่ี 3 ข้อความใช้กระดาษ และซองจดหมายที่สะอาดเรียบร้อยสีสุภาพ แสดงถึงการมีมารยาทในการเขียน
และการใชจ้ ดหมาย
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งจดหมายประเภทตา่ ง ๆ ทร่ี จู้ กั และบอกจุดประสงค์ของการเขียน
จดหมายเหล่านัน้ เชน่ จดหมายสว่ นตวั ถงึ เพอื่ น จดหมายลาปว่ ย และจดหมายลาครู
2. นกั เรียนชว่ ยกนั วิเคราะห์วา่ จดหมายประเภทใดทใ่ี ช้ตดิ ต่อเก่ยี วกับกิจธรุ ะ
3. นกั เรียนศึกษาเก่ยี วกบั การเขียนจดหมายลาครูจากวดี ที ศั น์
ขนั้ ที่ 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรียนจบั คกู่ ันพิจารณาจดหมายลาครจู ากตัวอยา่ งที่ครูนาํ มาใหด้ ู แล้วอภิปรายข้อผิด
พลาดของรปู แบบในการเขียนจดหมายทีละจดุ
5. นกั เรียนแต่ละกลุ่มคดิ ประเมนิ เพอ่ื เพิ่มคณุ คา่ โดยครูใช้คาํ ถามดังตอ่ ไปน้ี

- นกั เรียนสามารถนําความรทู้ ี่ไดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ได้อย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

6. นักเรยี นทํากิจกรรมท่ีเกย่ี วข้องกับเรื่องการเขยี นจดหมาย แลว้ ช่วยกนั เฉลยคาํ ตอบ
และรปู แบบทถ่ี กู ต้อง
7. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความสําคัญของการเขียนจดหมายลาครู
ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ
8.นกั เรยี นนําเสนอนําความรู้จากการศึกษาเรื่อง การเขยี นจดหมายลาครู ใหเ้ พือ่ นๆฟัง ได้
ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9.นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาํ ถามดังนี้

- นักเรยี นสามารถนําความรู้เก่ยี วกับเร่อื งทีเ่ รยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมไดอ้ ย่างไร
สาระสาํ คญั

หลักการเขียนย่อความจะต้องเกบ็ ประเดน็ สาํ คัญแต่ละตอนจากเนื้อเร่ืองทีอ่ ่าน นาํ มาเรียบเรียง

การยอ่ ความ ใหมใ่ หส้ อดคลอ้ งกลมกลืนเปน็ ขอ้ ความต่อเนือ่ งกนั โดยใช้สาํ นวนของผู้เขยี นเอง และถกู ตอ้ งตาม
( นทิ าน ) รูปแบบการเขียนย่อความ
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรียนดนู ิทานอีสป เรอื่ ง หมูสามตวั จากวดี ที ัศน์ แล้วสนทนากบั นักเรียนโดยใชค้ ําถาม
ดงั น้ี
- จากเร่อื งท่ีอ่านมตี วั ละครอะไรบ้าง
- ตัวละครสาํ คัญทาํ อะไรบ้าง
- เหตุการณเ์ กิดขึ้นทไ่ี หน
- ข้อคดิ ทไี่ ด้จากเร่ืองท่อี ่านคอื อะไร

2. นกั เรยี นศกึ ษาเร่ือง การย่อความ จากวดี ีทศั น์
ขนั้ ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นักเรียนดตู วั อย่างการเขียนย่อความ แล้วรว่ มกันวเิ คราะห์ โดยใชค้ ําถามดังนี้
- ในการเขยี นย่อความนทิ านมอี งคป์ ระกอบอะไรบา้ ง
- ภาษาที่ใชใ้ นการเขียนยอ่ ความควรมีลกั ษณะอยา่ งไร

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประเมินเพอื่ เพม่ิ คุณค่าโดยครูใช้คําถามดังต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนําความร้ทู ี่ไดร้ ับไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้อยา่ งไร

ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
5. นักเรยี นฝึกเขียนยอ่ นทิ าน
6. นกั เรียนร่วมสรปุ เกี่ยวกบั วธิ กี ารเขยี นยอ่ ความนทิ าน

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ
7. นกั เรียนนาํ เสนอการเขียนยอ่ ความนทิ าน โดยครใู ชไ้ มเ้ รียกเลขท่ีเรยี กนกั เรียนออกมา

นาํ เสนอหน้าชั้นเรยี นประมาณ 4-5 คน
ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คําถามดังน้ี
- นักเรียนสามารถนาํ ความรเู้ กี่ยวกับเร่อื งท่เี รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมไดอ้ ย่างไร

คาบที่ 4-5 สาระสาํ คญั
คาํ ท่มี อี ักษรควบเป็นการนาํ พยญั ชนะ 2 ตัวมาเรยี งกันเปน็ พยญั ชนะตน้ และประสมดว้ ย

คําควบแทแ้ ละคาํ สระเดียวกัน เวลาอ่านจะอ่านออกเสยี งพยัญชนะต้น 2 ตวั พร้อมกัน พยญั ชนะตัวที่ 2 ที่นาํ มาควบ

ควบไมแ่ ท้ ไดแ้ ก่ ร ล ว การศกึ ษาเรอ่ื ง คําทม่ี อี กั ษรควบ จะทําให้อ่านและเขยี นคาํ ท่ีมีอกั ษรควบไดถ้ ูกตอ้ ง

ข้ันท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มูล

1. นกั เรยี นอ่านคาํ ต่อไปน้ี รวดเรว็ จรวด เกรงกลัว แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยครูใช้คาํ ถามดังน้ี

- คําทน่ี กั เรียนอ่านเหมอื นกันอยา่ งไร และเรยี กว่าอะไร

2. นกั เรียนรว่ มกันศึกษาเกย่ี วกับคําควบแทแ้ ละคําควบไม่แท้

ขน้ั ที่ 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรยี นอา่ นชดุ คาํ 3 ชดุ ทค่ี รูตดิ บนกระดานพร้อมกนั ดังนี้

ชุดท่ี 1 ชุดท่ี 2

ขลาดเขลา ครนื้ เครง ไขวค่ วา้ เศรา้ โศก สรอ้ ย สรา้ ง จริง

พลาดพล้งั ปลอดโปร่ง เผาผลาญ

ไกวเปล ตรวจตรา ขว้างขวาน

นักเรียนร่วมกนั วิเคราะห์ชดุ คําทง้ั 2 ชดุ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครใู ช้คําถามดงั นี้
- ชุดขอ้ ความท้งั 2 แตกต่างและเหมือนกนั อย่างไร

4. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมินเพ่ือเพิ่มคุณค่าโดยครใู ชค้ ําถามดงั ตอ่ ไปนี้
- นักเรยี นสามารถนําความรทู้ ี่ไดร้ ับไปใชใ้ นชีวิตประจําวันไดอ้ ยา่ งไร

ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เล่นเกมกอ่ ร่างสร้างคาํ โดยครูจะบอกพยัญชนะตน้ และอักษรควบ หาก

ครูชไี้ ปท่กี ลุ่มใดใหก้ ลุ่มนนั้ บอกคาํ ทม่ี ีอักษรควบตามเง่ือนไขท่ีครูบอกภายใน 3 วินาที เชน่ ครูบอก ข ว
แลว้ ชีไ้ ปท่ีกลุ่มท่ี 3 นกั เรียนในกลุ่มที่ 3 บอกว่า ไขว้ ครชู ี้ไปท่ีกลุ่มท่ี 5 นกั เรยี นในกลุม่ บอกว่า ขวาน ให้
ครชู ส้ี ลบั ไป–มา จนกว่าจะมีกลุ่มที่บอกคาํ ไม่ได้ภายในเวลาที่ครูกําหนดให้กลุ่มน้ันออกไปทาํ ตามที่เพ่อื น
ต้องการ แลว้ ครเู ริ่มบอกตัวตง้ั ใหม่ ระยะเวลาในการเลน่ แล้วแต่ครูเหน็ เหมาะสม

6. นักเรียนฝึกอ่านคาํ ทีม่ ีอักษร ควบแท้และควบไมแ่ ท้ จากบตั รคํา (คําจากแบบฝกึ หัด) โดย
คาํ ที่ควบไมแ่ ทค้ รูตอ้ งให้นักเรียนเขียนคาํ อา่ น

7. นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เกีย่ วกับคําควบแท้ควบไมแ่ ท้ และครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ดังน้ี
คาํ ที่มอี กั ษรควบเป็นการนําพยัญชนะ 2 ตวั มาเรียงกันเป็นพยัญชนะตน้ และประสมดว้ ยสระ

เดยี วกัน เวลาอ่านจะอ่านออกเสียงพยญั ชนะต้น 2 ตวั พร้อมกนั พยัญชนะตวั ท่ี 2 ทีน่ าํ มาควบ ได้แก่ ร ล
ว การศกึ ษาเร่อื ง คําทม่ี ีอักษรควบ จะทาํ ใหอ้ ่านและเขยี นคําท่มี ีอกั ษรควบไดถ้ ูกต้อง

8. นักเรยี นทาํ แบบฝกึ หัด
ขน้ั ที่ 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ

9. นักเรยี นนาํ เสนอคาํ ควบกล้ํา โดยครูใชไ้ ม้เรียกเลขที่เรียกนกั เรยี นออกมาเขยี นคาํ ควบกล้ํา
หน้าชัน้
ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

10. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คําถามดังนี้
- นักเรียนสามารถนาํ ความรูเ้ ก่ียวกับเรือ่ งทเี่ รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมได้อยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ด้านความรู้ (K) - การตอบคาํ ถาม - คําถาม
- ทาํ แบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั
- แบบประเมนิ การอา่ นในใจ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่านในใจ - แบบประเมินการคดั ลายมือ
- ทักษะการเขยี น - แบบฝึกหดั
- แบบสังเกตพฤติกรรม
- ทักษะการอ่าน

ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการร่วม

ค่านิยม (A) กิจกรรม การทาํ งานกลุ่ม

7. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้ 2. ใบความรู้
4. แสตมป์
1. บตั รคาํ 6. บตั รคาํ (คาํ ควบกล้ํา)
3. ซองจดหมาย
5. หนังสือเรยี นภาษาไทย ป.5

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงชือ่ ................................................... ผบู้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ที่ 8

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.่ี .…1…../.…2563... ชอื่ ผสู้ อน …………………………………………….......………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที …่ี ..…5....... จาํ นวน…..…5…..คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ .่ี ....…5….…… เรอื่ ง…...................ประชาธปิ ไตยใบกลาง.....................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐานท่ี ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพื่อนาํ ไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ปญั หาในการดําเนินชวี ติ และ
มีนิสัยรกั การอา่ น

ตวั ชี้วัดท่ี ป 5/2 อธิบายความหมายของคํา ประโยคและข้อความที่เปน็ การบรรยายและการพรรณนา
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรือ่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ
เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ตัวช้ีวดั ท่ี ป 5/5 เขียนจดหมายถงึ ผปู้ กครองและญาติ
ตัวชี้วัดที่ ป 5/9 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐานท่ี ท 3.1 สามารถเลอื กฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณและพดู แสดงความร้คู วามคิดและความรูส้ ึกในโอกาสต่าง ๆ
อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 5/1 พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สกึ จากเร่อื งท่ฟี ังและดู
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 5/2 ตั้งคาํ ถามและตอบคําถามเชงิ เหตผุ ลจากเร่อื งทฟ่ี งั และดู
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 5/3 วเิ คราะห์ความนา่ เช่อื ถือจากเรื่องที่ฟงั และดอู ย่างมเี หตผุ ล
ตัวช้ีวัดท่ี ป 5/4 พดู รายงานเรือ่ งหรือประเด็นท่ศี กึ ษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 5/5 มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด

2. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด

การเขียนโน้มนา้ วใจ คือ คําพูดหรอื งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ เป็นการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เพ่ือเชิญชวน จูงใจ
ให้ผ้ฟู ังหรือผูอ้ ่านเชื่อถือ เห็นคล้อยตาม หรอื ยินดีปฏิบัติตาม

การเขียนจดหมาย คอื การเขยี นที่ควรใชถ้ อ้ ยคําทแ่ี สดงความเคารพและสุภาพเขียนถูกต้องตามรูปแบบของจดหมายด้วย
ลายมือที่สวยงามอ่านงายไม่มีรอยลบ ขูดขีดฆ่าข้อความใช้กระดาษ และซองจดหมายที่สะอาดเรียบร้อยสีสุภาพ แสดงถึงการมี
มารยาทในการเขยี นและการใชจ้ ดหมาย

อกั ษรนาํ คอื การนําพยัญชนะ 2 ตวั มาเรียงกนั ประสมดว้ ยสระเดียวกัน พยัญชนะตัวแรกจะอ่านออกเสียง อะ กึ่งเสียง
พยญั ชนะตวั หลงั จะออกเสียงตามสระท่ปี ระสม และอ่านออกเสียงวรรณยกุ ตต์ ามพยญั ชนะตวั แรก การศึกษาเรื่องอักษรนํา จะทําให้
อ่านและเขียนคําทม่ี ีอกั ษรนาํ ไดถ้ กู ต้อง

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. สามารถฟงั และอา่ นงานเขยี นประเภทโน้มนา้ วใจได้ (K)
2. อธิบายรปู แบบการเขยี นจดหมาย (K)
3. บอกลกั ษณะของอักษรนาํ ไดถ้ กู ตอ้ ง (K)
4. ร้แู ละเข้าใจการอา่ น การฟังงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ (P)
5. เขยี นจดหมายถึงผปู้ กครองและญาติ (P)
6. อ่านและเขยี นคาํ ทม่ี ีอกั ษรนําได้ถกู ต้อง (P)
7. เหน็ ความสําคญั ของการเขียนจดหมายและมมี ารยาทในการเขยี น (A)
8. เหน็ ความสําคัญของการเขียนจดหมายและมีมารยาทในการเขียน (A)
9. กระตอื รือร้นและมสี ว่ นรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนร้(ู A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. สามารถฟงั และอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจได้
2. อธิบายรปู แบบการเขยี นจดหมายได้ถกู ต้อง
3. บอกลกั ษณะของอักษรนาํ ไดถ้ ูกต้อง

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบท่ี
คําพูดหรืองานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เป็นการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เพื่อ
คาบที่ 1 เชญิ ชวน จูงใจให้ผฟู้ งั หรือผ้อู า่ นเช่อื ถอื เห็นคลอ้ ยตาม หรอื ยินดีปฏบิ ตั ิตาม
ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
การฟงั และการอ่าน
งานเขยี นประเภท 1. นักเรยี นฟงั และอา่ นงานเขียนประเภทโน้มนา้ วใจ แลว้ สนทนาซักถามโดยใช้คําถาม
ดังตอ่ ไปน้ี
โนม้ นา้ วใจ
- นกั เรยี นฟงั งานเขยี นประเภทโน้มน้าวใจแลว้ รูส้ ึกอยา่ งไร
- นักเรียนเคยอ่านงานเขียนประเภทน้จี ากท่ใี ดบ้าง
2. นักเรียนศึกษางานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความ
3. นักเรียนอา่ นงานเขียนประเภทโนม้ นา้ วจติ ใจ แล้วรว่ มกันสนทนาโดยใช้คําถามดงั นี้
- งานเขยี นทน่ี กั เรยี นอา่ นเกยี่ วกับเรื่องอะไร
- ผ้เู ขียนตอ้ งการเขยี นโนม้ นา้ วเก่ียวกบั เร่ืองอะไร
4. นักเรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมนิ เพ่ือเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คาํ ถามดงั ต่อไปนี้

- นักเรยี นสามารถนําความรูท้ ไ่ี ดร้ บั ไปใช้ในชวี ิตประจําวันไดอ้ ย่างไร
ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

5. นกั เรยี นเข้ากลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลมุ่ อา่ นงานเขียนประเภทโน้มนา้ วใจแล้วพูดแสดงความ
คิดเหน็

6. นักเรียนสรปุ ความสําคญั ของงานเขยี นโน้มนา้ วจติ ใจ
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ

7. นกั เรยี นนาํ เสนอขอ้ ดีของงานเขียนโน้มนา้ วโดยครใู ชไ้ มเ้ รยี กเลขทเี่ รยี กใหต้ อบทลี ะคน
ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ ําถามดังน้ี
- นกั เรยี นสามารถนาํ ความรูเ้ กย่ี วกับเร่ืองท่ีเรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมไดอ้ ยา่ งไร

คาบที่ 2-3 สาระสาํ คญั
การเขียนจดหมาย ถึงพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ หรือครูอาจารย์ ควรใช้ถ้อยคําที่แสดงความ

การเขยี นจดหมายถงึ เคารพและสุภาพเขยี นถูกต้องตามรูปแบบของจดหมายดว้ ยลายมือทส่ี วยงามอา่ นงายไม่มีรอยลบ

ผู้ปกครองและญาติ ขูดขีดฆ่าข้อความใช้กระดาษ และซองจดหมายท่ีสะอาดเรียบร้อยสีสุภาพ แสดงถึงการมี

ผูใ้ หญ่ มารยาทในการเขยี นและการใชจ้ ดหมาย

ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. ครูนําจดหมาย ซองจดหมาย แสตมป์ มาแสดงให้นักเรียนดหู นา้ ช้ันเรยี นแลว้

สนทนากบั นักเรยี น

2. นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง การเขียนจดหมายผ้ปู กครองและญาติผใู้ หญ่ โดยครู

อธิบายประกอบตามลําดับ เชน่

- ความหมายของคําว่าจดหมาย

- แบบการเขยี นคาํ นํา คาํ สรรพนาม และคาํ ลงท้ายของจดหมาย

- แบบการจ่าหนา้ ซองจดหมายท่ถี กู ตอ้ ง

ขน้ั ที่ 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นกั เรยี นดตู ัวอยา่ งการเขียนจดหมายถึงผปู้ กครองและญาตผิ ใู้ หญ่ แล้วรว่ มสนทนา

โดยครูใช้คําถามดังนี้

- ตัวอยา่ งทนี่ กั เรียนดูเขียนถูกต้องตามรปู แบบหรือไม่

- ข้อดีของการเขียนจดหมายถงึ ผู้ปกครองและญาตผิ ใู้ หญ่ คอื อะไร

4. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคณุ ค่าโดยครใู ช้คําถามดังต่อไปนี้

- นักเรยี นสามารถนําความรู้ทไ่ี ด้รบั ไปใช้ในชวี ติ ประจําวันไดอ้ ยา่ งไร

ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

5. นักเรยี นเขยี นจดหมายถงึ ผู้ปกครองและญาติผูใ้ หญ่ เมื่อเขยี นเสรจ็ ครตู รวจสอบ

คาบท่ี 4-5 ความถกู ต้องและนําจดหมายส่งผ้ปู กครองและญาตผิ ู้ใหญ่
อกั ษรนาํ 6. นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความสําคัญของการเขียนจดหมายถงึ ผู้ปกครองและญาตผิ ใู้ หญ่

ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาํ เสนอ
7. นกั เรยี นนําเสนอผลงานโดยการจดั แสดงผลงานที่ป้ายนเิ ทศหนา้ ช้ันเรยี น

ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ ําถามดังน้ี
- นกั เรยี นสามารถนําความรู้เก่ยี วกบั เรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อยา่ งไร

สาระสาํ คญั
อกั ษรนาํ เปน็ การนําพยัญชนะ 2 ตัว มาเรียงกัน ประสมด้วยสระเดียวกัน พยัญชนะตัว

แรกจะอ่านออกเสยี ง อะ ก่ึงเสยี ง พยัญชนะตวั หลงั จะออกเสียงตามสระท่ีประสม และอ่านออก
เสียงวรรณยุกต์ตามพยัญชนะตัวแรก การศึกษาเรื่องอักษรนํา จะทําให้อ่านและเขียนคําที่มี
อกั ษรนาํ ได้ถูกต้อง
ขนั้ ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรยี นอ่านออกเสียงแถบประโยคท่ีครตู ิดบนกระดานพรอ้ มกนั ดงั นี้
– อยา่ อยอู่ ย่างอยากจะยากนาน
– ห้องนแ้ี คบสกั หนอ่ ยค่อยหาทางขยบั ขยายทหี ลงั
– เด็ก ๆ เล่นกันอยูท่ ี่สนามหนา้ บา้ นอยา่ งสนกุ สนาน
– หนงั สอื พิมพฉ์ บบั นี้พ่อยงั ไมไ่ ดอ้ ่าน

นกั เรยี นสงั เกตคําที่พิมพ์ตัวหนาในแถบประโยคแล้วให้ร่วมกันสรุปว่าคําศัพท์ที่พิมพ์
ตัวหนาในแถบประโยคทค่ี รตู ิดบนกระดานเป็นคาํ ลักษณะใด มวี ิธีอ่านก่ีแบบ อะไรบา้ ง

2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนเข้าใจว่าคําที่พิมพ์ตัวหนาในแถบประโยคเป็นคําที่มี
อักษรนํา มวี ิธีการอา่ น 2 อย่าง คอื อา่ นออกเสยี งพยางคเ์ ดยี ว และอ่านออกเสยี ง 2 พยางค์

3. นักเรียนศึกษาเร่อื งอักษรนํา จากแบบเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 แล้วร่วมสนทนา
โดยครูใช้คําถามดงั นี้

- อกั ษรนาํ มีกปี่ ระเภท และมอี ะไรบ้าง
- อกั ษรนาํ มวี ธิ กี ารอา่ นอยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ชื่อเพ่ือนในห้องท่ีมีคําอักษรนําอยู่ในชื่อ แล้วให้ออกมา
เขียนบนกระดานดํา นักเรียนอ่านออกเสียงพร้อมกัน และบอกว่านักเรียนสังเกตแต่ละชื่อ
อย่างไรถึงบอกว่าเปน็ อกั ษรนํา
5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพือ่ เพิ่มคณุ คา่ โดยครูใช้คาํ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนําความรู้ที่ไดร้ ับไปใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วันไดอ้ ย่างไร

ขนั้ ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
6. ครแู จกภาพให้นักเรียนกล่มุ ละ 1 ภาพ แต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน นักเรียนดูภาพและ

ระดมสมองคดิ คาํ ทมี่ ีอักษรนํา 5 คํา แลว้ ตัวแทนกลุ่มอ่านคําท่กี ลมุ่ คิดไดใ้ ห้เพ่อื นฟัง
7. นกั เรยี นเลน่ เกมบอกคาํ อักษรนํา โดยครูจะสุ่มเรียกช่ือนักเรียน นักเรียนคนใดท่ีครู

เรียกต้องบอกคําที่มีอักษรนํา 1 คํา ภายในเวลา 5 วินาที หากใครตอบไม่ทันต้องออกไปทํา
ตามท่เี พอ่ื นตอ้ งการ

8. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ อกั ษรนาํ ดังน้ี
อกั ษรนําเป็นการนําพยัญชนะ 2 ตัว มาเรียงกัน ประสมด้วยสระเดียวกัน พยัญชนะ
ตัวแรกจะอ่านออกเสียง อะ กึ่งเสียง พยัญชนะตัวหลังจะออกเสียงตามสระท่ีประสม และอ่าน
ออกเสียงวรรณยกุ ตต์ ามพยัญชนะตัวแรก การศกึ ษาเรอ่ื งอักษรนํา จะทําให้อ่านและเขียนคําท่ีมี
อกั ษรนาํ ไดถ้ ูกตอ้ ง
9. นกั เรยี นทําแบบฝกึ หัด
ขนั้ ท่ี 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ
10. นกั เรียนนําเสนอคําอักษรนํา โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่เรียกนักเรียนออกมาเขียนคํา
อักษรนาํ หน้าชั้นเรยี นประมาณ 4-5 คน ใหเ้ พอื่ นตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
11. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คําถามดังน้ี

- นกั เรยี นสามารถนําความรู้เกยี่ วกับเรอ่ื งทเี่ รยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมไดอ้ ยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ด้านความรู้ (K) - การตอบคาํ ถาม - คําถาม
- แบบฝกึ หดั
- ทาํ แบบฝึกหัด - แบบประเมนิ การอ่านในใจ
- แบบประเมินการคดั ลายมือ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอ่านในใจ - แบบฝึกหัด
- แบบสังเกตพฤติกรรม
- ทกั ษะการเขียน

- ทกั ษะการอ่าน

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม

ค่านยิ ม (A) กิจกรรม การทาํ งานกลมุ่

7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้ 2. บัตรคาํ
4. ซองจดหมาย
1. ใบความรู้ (งานประเภทโน้มนา้ วใจ) 6. ไมเ้ รยี กเลขที่
3. แผนภมู เิ พลง
5. แสตมป์

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

ลงช่ือ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สัปดาห์ที่ 11

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.ี่ .…1…../.…2563... ชอ่ื ผสู้ อน ……………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที …่ี …5..... จาํ นวน……5….คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ..……5…..… เรอ่ื ง.......................รว่ มแรง ร่วมใจ......................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานท่ี ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพ่อื นําไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาํ เนนิ ชวี ิต
และมีนสิ ัยรกั การอ่าน

ตัวช้ีวดั ท่ี ป 5/1 อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง
ตัวชี้วดั ที่ ป 5/2 อธบิ ายความหมายของคํา ประโยคและข้อความท่ีเป็นการบรรยายและการพรรณนา
ตัวชี้วัดที่ ป 5/3 อธบิ ายความหมายโดยในจากเร่ืองทอ่ี า่ นอย่างหลากหลาย
ตัวช้วี ดั ท่ี ป 5/4 แยกขอ้ เท็จจรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากเร่ืองทีอ่ า่ น
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 5/5 วิเคราะห์และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั เร่ืองทีอ่ ่านเพ่อื นาํ ไปใช้ในการดําเนินชวี ติ
ตวั ช้ีวัดที่ ป 5/8 มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท.4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและ พลังของภาษา
ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตวั ชวี้ ดั ท่ี ป 5/6 แต่งบทรอ้ ยกรอง
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 5/1 ระบชุ นดิ และหนา้ ทข่ี องคาํ ในประโยค

2. สาระสาํ คญั /ความคดิ รวบยอด

การอ่านจับใจความสําคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลักของข้อความ หรือเรื่องท่ีอ่าน
การอ่านจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุด เพราะเป็นพ้ืนฐานสําคัญในการศึกษา
หาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกิดความชํานาญ

การแต่งคาํ ประพนั ธ์ ควรคาํ นงึ ถงึ คาํ ท่นี าํ มาแตง่ ให้มสี ัมผัสและมีความหมายเหมาะกับเรื่องท่ีรอ้ ย เรียงเปน็ เรื่องราว เพื่อให้
คําประพันธ์น้ันมีความไพเราะ สละสลวย มีคุณค่าอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและควรเรียนรู้ฉันทลักษณ์ของคําประพันธ์
แตล่ ะชนดิ เพือ่ ใหก้ ารแตง่ คาํ ประพันธถ์ ูกตอ้ ง

คาํ นาม คอื คาํ ท่ใี ชเ้ รียกชอ่ื คน สัตว์ สิง่ ของ สถานท่ี อาคาร สภาพ และลักษณะทงั้ สิง่ มีชีวิต และไม่มีชีวิต ท้ังที่เป็นรูปธรรม
และเป็นนามธรรม

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสําคญั (K)
2. ร้แู ละเข้าใจฉันทลักษณ์ของกาพยย์ านี 11 (K)
3. ร้แู ละเข้าใจลกั ษณะของคาํ นาม (K)
4. อ่านเรอื่ งไดค้ ลอ่ งแคลว่ รวดเร็วและถกู ต้องตามอกั ขรวิธี (P)
5. แยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเห็นจากเรือ่ งที่อ่าน (P)
6. แต่งกาพย์ยานี 11 ได้ (P)
7. อ่าน เขยี นและจําแนกคํานามได้ (P)
8. มมี ารยาทในการแต่งบทร้อยกรอง (A)
9. เหน็ ความสําคญั ของการอ่านมารยาทในการอ่านและ นาํ ความรแู้ ละขอ้ คิดไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจําวนั (A)
10. มคี วามสุขในการเรียนภาษาไทย (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1.อธบิ ายความหมายและหลกั การอา่ นจบั ใจความสําคัญได้
2.รูแ้ ละเข้าใจฉนั ทลักษณ์ของกาพย์ยานี 11
3.รแู้ ละเข้าใจลกั ษณะของคํานาม

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบท่ี
การอ่านจบั ใจความสําคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลัก
คาบท่ี 1 ของข้อความ หรือเรื่องท่ีอ่านการอ่านจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อ
การส่ือสารมากท่ีสุด เพราะเป็นพื้นฐานสําคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความ
การอ่าน ชํานาญ
จบั ใจความสาํ คญั ขนั้ ท่ี 1ขนั้ รวบรวมขอ้ มูล

1. นกั เรียนทํากจิ กรรมสนทนาถามตอบเพ่อื เชื่อมโยงเขา้ สู่บทเรยี น โดยครูใช้คําถามดงั นี้
- นักเรยี นเคยรว่ มแรงรว่ มใจในการทํากิจกรรมอะไรบา้ ง และนกั เรียนรสู้ กึ อยา่ งไร

ในการเขา้ รว่ มทาํ กจิ กรรม
2. นกั เรียนทบทวนเก่ียวกบั การอา่ นสรุปใจความ โดยใช้คําถามดังต่อไปน้ี
- การอ่านสรปุ ใจความคืออะไร

- นักเรียนใช้ทักษะอะไรบา้ งในการอา่ นสรปุ ใจความ
3. นกั เรียนศกึ ษาเร่อื งร่วมแรงร่วมใจ จากหนงั สือเรยี น
ขนั้ ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วิเคราะห์เกีย่ วกบั เร่ืองที่อา่ น โดยครูใช้คําถามดังนี้

- ตัวละครสาํ คัญในเรื่องมใี ครบ้าง แตล่ ะคนมนี ิสัยอย่างไร
- จากเรื่องท่ีอา่ นนกั เรียนได้ขอ้ คิดอะไรบ้าง
5. นักเรียนแต่ละกล่มุ คิดประเมนิ เพ่ือเพ่มิ คณุ ค่าโดยครูใชค้ ําถามดังตอ่ ไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนาํ ความรู้ทไ่ี ดร้ ับไปใชใ้ นชีวิตประจาํ วนั ไดอ้ ยา่ งไร
ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
6. นกั เรยี นเข้ากลุม่ ทํากิจกรรมการตง้ั คาํ ถามและตอบคําถามจากเรือ่ งทอ่ี า่ น กลุม่ ละ 5 ขอ้
กตกิ าในการต้ังคําถาม คุณครแู บ่งจาํ นวนหน้าที่แตล่ ะกลุ่มจะต้องรบั ผดิ ชอบในการตง้ั คาํ ถาม เพอื่
ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้การต้ังคาํ ถามของแต่ละกลมุ่ ไมใ่ ห้ซ้ํากนั
7. นักเรียนร่วมกันสรปุ ข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากการอ่าน
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ
8. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนําเสนอคาํ ถามหนา้ ช้นั เรียน แล้วใหเ้ พือ่ นตอบคําถาม
ขนั้ ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ ําถามดงั นี้
- นกั เรียนสามารถนําความร้เู ก่ยี วกบั เรื่องท่ีเรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมไดอ้ ย่างไร

คาบที่ 2-3 สาระสาํ คญั
การแต่งคําประพันธ์ ควรคํานึงถึงคําที่นํามาแต่ง ให้มีสัมผัสและมีความหมายเหมาะกับ
การเขยี น
กาพยย์ านี 11 เรื่องที่ร้อย เรียงเป็นเร่ืองราว เพ่ือให้คําประพันธ์น้ันมีความไพเราะ สละสลวย มีคุณค่าอันเป็น
ประโยชน์ต่อผู้อ่านและควรเรียนรู้ฉันทลักษณ์ของคํา ประพันธ์แต่ละชนิดเพื่อให้การแต่งคํา
ประพันธถ์ ูกตอ้ ง
ขนั้ ที่ 1ขนั้ รวบรวมขอ้ มูล

1. นกั เรยี นสงั เกตแผนภมู ิกาพยย์ านี 11 แล้วสนทนาซกั ถามโดยใชค้ ําถามดงั ต่อไปนี้
- บทกลอนดังกล่าวเป็นบทกลอนประเภทใด

2. นกั เรยี นศกึ ษาเรอ่ื ง การเขยี นกาพยย์ านี 11 แลว้ รว่ มกันสนทนาโดยครใู ช้คําถามดงั น้ี
- ทาํ ไมถงึ เรียกว่ากาพย์ยานี 11
- กาพย์ยานี 11 มบี งั คบั ทางฉนั ทลักษณ์อย่างไร

ขน้ั ที่ 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรยี นวเิ คราะหก์ าพย์ยานี 11 ตอ่ ไปน้ี

เพราะครผู นู้ าํ ทาง ใชเ่ รอื จ้างรบั เงนิ ตรา

พมุ่ พานจงึ นาํ มา กราบบชู าพระคุณครู

หญา้ แพรกแทรกดอกไม้ พรอ้ มมาลยั อนั งามหรู

เขม็ ดอกออกชอ่ ชู จากจติ หนผู รู้ คู้ ณุ

แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้คาํ ถามดังน้ี

- จากบทกลอนท่อี า่ นเก่ียวขอ้ งกบั อะไร

- สมั ผัสระหว่างวรรคของกาพยย์ านี 11 บทนี้คอื อะไร

- สัมผัสระหวา่ งบทของกาพยย์ านี 11 บทนค้ี ืออะไร

4. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพอ่ื เพ่มิ คณุ ค่าโดยครใู ช้คาํ ถามดังตอ่ ไปน้ี

- นกั เรียนสามารถนําความรู้ท่ีไดร้ ับไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้อย่างไร

ขน้ั ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรู้หลงั การปฏบิ ัติ

5. นกั เรยี นเข้ากลุ่มแต่งกาพย์ยานี 11 จํานวน 2 บท โดยให้นกั เรยี นเลือกหัวข้อที่

กําหนดใหด้ ังน้ี

1) ความสามัคคี 2) ความมีนํ้าใจ

3) การใชภ้ าษาไทย 4) ภาวะโลกรอ้ น

5) มารยาทท่ดี ีงาม

คาบที่ 4-5 6. นกั เรยี นสรปุ เรอ่ื งการแต่งกาพยย์ านี 11
คํานาม ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ

7. นกั เรยี นนาํ เสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น โดยครใู ช้ไมเ้ รียกเลขท่เี รียกนักเรยี นออกมา
นําเสนอ
ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คําถามดงั น้ี
- นักเรียนสามารถนําความร้เู ก่ยี วกับเร่ืองทเ่ี รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อย่างไร

สาระสาํ คญั
คาํ นาม คอื คําท่ีใช้เรียกชอ่ื คน สัตว์ สง่ิ ของ สถานท่ี อาคาร สภาพ และลกั ษณะท้ัง

สง่ิ มีชีวติ และไม่มีชวี ติ ท้งั ทเ่ี ปน็ รปู ธรรมและเป็นนามธรรม
ขนั้ ที่ 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรียนเขา้ กลุ่ม เล่นเกมทําท่าทําทาง โดยให้นักเรียนอาสาสมัคร 1 คน ทําท่าทาง
ตามที่ครูกําหนดใหเ้ พือ่ นในชน้ั เรยี นทายวา่ เปน็ คําใด กล่มุ ที่ทายไดถ้ ูกต้องเปน็ กลมุ่ แรกจะได้ 1
คะแนน แล้วให้ออกมาเขียนคาํ นน้ั บนกระดาน

ตวั อย่างคาทใ่ี ห้นักเรียนทาย
กระดานดา ชอลก์ เสือ ปลา กระโปรง รองเทา้

2. นักเรียนอ่านออกเสียงคําบนกระดาน แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้คําถามดังน้ี
- คําทีน่ กั เรยี นอ่านมลี ักษณะเหมอื นกันอยา่ งไร
- คําทน่ี ักเรยี นอ่านเรียกว่าอะไร

3. นกั เรียนศกึ ษาเร่ืองคํานามจากหนังสอื เรยี นแล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้คําถามดังน้ี
- คํานามหมายถงึ อะไร
- คํานามแบง่ เป็นก่ีประเภทและมีอะไรบา้ ง
- คํานามมปี ระโยชนอ์ ย่างไร

ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ประโยคตอ่ ช่วยกันบอกว่าประโยคท่ีครูยกมาประกอบด้วย

คํานามชนิดใดบา้ ง

ตวั อย่างประโยค ดาวเขยี นหนงั สอื

ดาว เป็น วิสามานยนาม

เขียน เป็น กริยา

หนังสอื เปน็ สามานยนาม

5. นักเรยี นแต่ละกลุม่ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพ่ิมคุณค่าโดยครูใชค้ ําถามดงั ต่อไปนี้

- นกั เรียนสามารถนําความรทู้ ่ไี ดร้ บั ไปใช้ในชีวิตประจําวันไดอ้ ยา่ งไร

ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ

6. นกั เรยี นเขยี นประโยคคนละ 1 ประโยค ลงในกระดาษ ครูม้วนทาํ เป็นสลากใหน้ กั เรยี น

เลน่ เกม ถอดรหัสประโยค โดยแบ่งนกั เรยี นออกเป็น 5 กลุ่ม ครูจบั สลากประโยคอา่ นใหน้ ักเรยี น

ฟัง แลว้ ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ บอกชนดิ ของคาํ นามทป่ี รากฏในประโยคใหถ้ กู ต้อง

7. นักเรียนยกตัวอยา่ งคํานามแล้วบอกชนิดของคํา และแต่งประโยคปากเปลา่

*ในการตอบคาํ ถามให้ครใู ช้ไม้เรยี กเลขที่ เพือ่ ใหน้ ักเรียนตอบทีละคน โดยถามคําถามกอ่ นจะ

เรียกเลขทเ่ี พอ่ื ใหท้ กุ คนได้คิด

8. นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความหมายของคํานามและชนดิ ของคาํ นามพรอ้ มยกตัวอย่าง

ประกอบ

9. นกั เรียนทาํ แบบฝกึ หัดเรอื่ งคาํ นาม

ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ

10. นกั เรียนนาํ เสนอคาํ นาม โดยครูใช้ไมเ้ รียกเลขทเี่ รยี กให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งคํานามแต่

ละชนิดทลี ะคน เพอ่ื นๆชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง

ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพม่ิ คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

11. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คําถามดงั น้ี

- นักเรียนสามารถนําความรเู้ กี่ยวกบั เร่ืองทีเ่ รยี นไปใช้ประโยชนใ์ นสังคมไดอ้ ย่างไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ด้านความรู้ (K) - การตอบคําถาม - คําถาม
- ทําแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หดั
-แบบประเมนิ การอ่าน
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทกั ษะการอ่านในใจ -แบบประเมนิ การเขยี นแผนผงั กาพย์ยานี 11
- ทักษะการเขยี น -แบบฝกึ หัด
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการอา่ น

ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ - สังเกตพฤติกรรมในการร่วม

คา่ นยิ ม (A) กจิ กรรม การทํางานกลุม่

7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้

1. แบบฝกึ หัด 2. แผนภูมกิ าพยย์ านี 11

3. หนังสอื ภาษาไทยช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 5 4. ไม้เรียกเลขท่ี

5. บัตรคํานาม 6. เกม

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................

ลงช่อื .............................................ครูผู้สอน ลงชอื่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)

vv ลงชือ่ ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)

สปั ดาห์ท่ี 12

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.่ี .…1…../.…2563.... ชอื่ ผสู้ อน ……………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที …่ี …5..... จาํ นวน……5….คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ..……4…..… เรอื่ ง......พอ่ ค้าจากเมาะตะมะ (วรรณคดีลํานาํ ).....

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด

มาตรฐานที่ ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรือ่ งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขยี น
รายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป 5/4 เขยี นยอ่ ความจากเรอื่ งท่อี า่ น
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 5/9 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและ พลังของภาษา ภมู ิปัญญา
ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตวั ชีว้ ัดท่ี ป 5/1 ระบุชนดิ และหนา้ ทีข่ องคาํ ในประโยค
มาตรฐานที่ ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณคา่ และนาํ มาประยกุ ตใ์ ช้
ในชวี ิตจริง
ตวั ชีว้ ดั ที่ ป 5/1 สรปุ เรื่องจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมท่ีอา่ น
ตัวช้วี ัดท่ี ป 5/2 ระบคุ วามรูแ้ ละข้อคดิ จากการอา่ นวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีสามารถนําไปใชใ้ นชีวิตจรงิ
ตัวชี้วัดที่ ป 5/8 มีมารยาทในการอ่าน
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 5/3 อธิบายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรม

2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด

การอ่านจับใจความสําคัญ คือ การอ่านเพ่ือจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลักของข้อความ หรือเร่ืองที่อ่าน
การอ่านจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญท่ีใช้ในการอ่านเพ่ือการสื่อสารมากที่สุด เพราะเป็นพ้ืนฐานสําคัญในการศึกษาหา
ความรู้ จงึ ควรฝึกฝนให้เกดิ ความชาํ นาญ

การเขยี นย่อความ เปน็ การเกบ็ ประเดน็ สาํ คัญแตล่ ะตอนจากเน้อื เรอ่ื งทอ่ี า่ น นาํ มาเรียบเรียงใหม่ให้สอดคล้องกลมกลืนเป็น
ขอ้ ความตอ่ เนือ่ งกนั โดยใชส้ ํานวนของผเู้ ขยี นเอง และถูกตอ้ งตามรปู แบบการเขยี นย่อความ

คําสรรพนาม คือ คําท่ีบอกความชี้ซ้ําใช้แทนคํานามที่กล่าวไปแล้วและสรรพนามเชื่อมประโยคใช้แทนนามท่ีมาข้างหน้า
และเชื่อมประโยคให้รวมเปน็ ประโยคเดียวกนั ซ่งึ ทําให้ข้อความมคี วามกระชับมากข้นึ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาํ คัญ (K)
2. อธิบายรปู แบบการเขยี นประกาศ (K)
3. อธิบายลักษณะของสรรพนามแตล่ ะประเภทได้ (K)
4. อา่ น เขยี นและใช้คาํ สรรพนามได้ถูกตอ้ ง (P)
5. เขียนยอ่ ประกาศ (P)
6. อา่ นเรือ่ งได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี (P)
7. แยกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็นจากเร่อื งทีอ่ า่ น (P)
8. เหน็ ความสาํ คญั ของการอ่านมารยาทในการอา่ นและเห็นคณุ ค่าของวรรณคดีไทย (A)
9. กระตือรือรน้ ในการร่วมกิจกรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. อธบิ ายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสําคญั (K)
2. อธบิ ายรูปแบบการเขยี นประกาศ (K)
3. อธบิ ายลักษณะของสรรพนามแต่ละประเภทได้ (K)

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบที่
การอา่ นจบั ใจความสําคญั คอื การอ่านเพอ่ื จบั ใจความหรือข้อคิด ความคิดสําคัญหลัก
คาบท่ี 1 ของข้อความ หรอื เร่อื งที่อ่านการอา่ นจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพ่ือ
การสือ่ สารมากท่ีสุด เพราะเป็นพื้นฐานสําคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความ
การอา่ น ชาํ นาญ
จับใจความสาํ คญั ขน้ั ที่ 1ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรียนดภู าพการค้าขาย แลว้ รว่ มสนทนาโดยครใู ช้คําถามดงั นี้
- คนสว่ นใหญ่ในภาพประกอบอาชีพอะไร
- เหตกุ ารณ์นีเ้ กิดข้ึนที่ใด
- ทบี่ า้ นใครประกอบอาชีพค้าขายบ้าง
- ในเร่ืองราชาธิราชมีพอ่ คา้ สาํ คัญซงึ่ มชี อ่ื ว่า

นกั เรียนทบทวนเกี่ยวกบั การอ่านสรุปใจความ โดยใชค้ าํ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี
- การอา่ นสรุปใจความคอื อะไร
- นกั เรียนใช้ทักษะอะไรบา้ งในการอา่ นสรุปใจความ

* ในการตอบคําถามให้ครใู ชไ้ ม้เรยี กเลขที่ เพอ่ื ให้นักเรยี นตอบทลี ะคน โดยถามคาํ ถามก่อนจะ
เรยี กเลขท่เี พื่อใหท้ กุ คนไดค้ ิด

2. นักเรียนเข้ากล่มุ ศึกษาเรอ่ื ง พอ่ คา้ เมาะตะมะ
- นักเรียนคิดวา่ เรอ่ื งราชาธิราชตอนกาํ เนดิ มะกะโท เป็นเรอ่ื งจริงหรอื ไม่
- มะกะโทเปน็ คนทะเยอทะยานใฝ่หาความเจรญิ เพราะเหตใุ ด
- สภาพภมู ศิ าสตรข์ องพม่าและมอญในอดีตเป็นอยา่ งไร

ขน้ั ที่ 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันวเิ คราะห์เกี่ยวกบั เรื่องทีอ่ ่าน โดยครใู ช้คําถามดังนี้
- ตัวละครสําคัญในเร่ืองมีใครบ้าง แตล่ ะตัวมนี ิสยั อยา่ งไร
- จากเรื่องทีอ่ า่ นนักเรียนไดข้ ้อคิดอะไรบ้าง
- นกั เรยี นจะนําลกั ษณะนิสยั ของมะกะโทมาเปน็ แบบอย่างได้อย่างไร
4. นักเรยี นแต่ละกลุม่ คิดประเมนิ เพือ่ เพมิ่ คณุ ค่าโดยครใู ชค้ ําถามดงั ต่อไปน้ี
- นกั เรยี นสามารถนาํ ความรู้ที่ได้รบั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาํ วนั ได้อย่างไร

ขนั้ ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
5. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ ทํากจิ กรรมการต้ังคาํ ถามและตอบคาํ ถามจากเรอ่ื งท่อี ่าน

กลมุ่ ละ 5 ข้อ กติกาในการต้งั คําถาม คณุ ครแู บง่ จาํ นวนหน้าทแ่ี ตล่ ะกลมุ่ จะต้องรับผดิ ชอบใน
การต้งั คาํ ถาม เพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หก้ ารต้ังคําถามของแต่ละกลุม่ ไม่ให้ซาํ้ กัน

6. นักเรียนร่วมกนั สรุปขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากการอา่ น
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ

7. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาํ เสนอคําถามหน้าชนั้ เรียน แล้วให้เพ่ือนตอบคําถาม
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพม่ิ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ําถามดังน้ี
- นกั เรียนสามารถนาํ ความรเู้ ก่ียวกบั เรื่องทีเ่ รยี นไปใช้ประโยชนใ์ นสังคมได้อยา่ งไร

คาบที่ 2-3 สาระสาํ คญั
การเขียนยอ่ ความเปน็ การเก็บประเด็นสําคัญแต่ละตอนจากเนื้อเร่อื งทีอ่ า่ น นาํ มาเรยี บ

การเขยี นยอ่ ประกาศ เรยี งใหมใ่ ห้สอดคล้องกลมกลืนเปน็ ข้อความต่อเนื่องกนั โดยใชส้ าํ นวนของผเู้ ขยี นเอง และ

ถกู ตอ้ งตามรูปแบบการเขียนย่อความ

ขนั้ ท่ี 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรยี นดตู ัวอย่างประกาศที่เขียนถูกต้องตามรปู แบบมาใหน้ กั เรียนดู แล้วร่วมสนทนา

โดยครูใช้คาํ ถามดังนี้

- เอกสารทีน่ ักเรียนอา่ นเกี่ยวข้องกับอะไร

- มีเหตุการณ์อะไรเกิดข้นึ บ้าง

- นักเรียนมีวธิ กี ารในการจําประกาศอยา่ งไรใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยและเปน็ ขอ้ ความส้ัน

2. นกั เรยี นศึกษาเร่อื งการเขยี นยอ่ ประกาศ จากตวั อย่าง แลว้ ร่วมสนทนาโดยครูใช้คําถาม

- การเขยี นย่อประกาศตอ้ งคํานึงถึงส่งิ ใดบา้ ง

- องค์ประกอบในการเขียนย่อประกาศมอี ะไรบา้ ง

ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

3. นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหก์ ารเขียนย่อประกาศจากตวั อย่าง ว่าเขียนถกู ต้องตามรปู แบบ

หรอื ไมห่ ากผิดให้แก่ไขให้ถกู ตอ้ ง

(ในตัวอย่างประกาศท่ีใหน้ กั เรยี นดูจะตอ้ งมจี ุดท่ีผิด)

4. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณค่าโดยครใู ชค้ ําถามดังต่อไปนี้

- นกั เรียนสามารถนําความรู้ที่ได้รบั ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ไดอ้ ย่างไร

ขนั้ ท่ี 3 ขน้ั ปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ

5. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ ทํากจิ กรรมเขียนย่อประกาศ โดยครูแจกประกาศใหน้ กั เรยี นแตล่ ะ

กลุม่ (ประกาศของแต่ละกลมุ่ จะต้องเป็นคนละเรื่อง)

6. นักเรียนสรุปการเขียนย่อประกาศ

ขน้ั ที่ 4 ขน้ั สอ่ื สารและนาํ เสนอ

7. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นาํ เสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น เพ่ือนๆและคณุ ครชู ่วยตรวจสอบ

ความถูกต้อง

ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

8. นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คําถามดังน้ี

- นกั เรียนสามารถนําความรู้เกยี่ วกบั เร่อื งท่ีเรยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร

คาบที่ 4-5 สาระสาํ คญั
คําสรรพนาม คําสรรพนาม คือ คําทบี่ อกความช้ีซ้ําใช้แทนคํานามที่กล่าวไปแล้วและสรรพนามเชื่อม

ประโยคใช้แทนนามท่ีมาข้างหน้าและเช่ือมประโยคให้รวมเป็นประโยคเดียวกัน ซ่ึงทําให้
ข้อความมคี วามกระชบั มากข้ึน
ขนั้ ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นกั เรยี นอ่านบัตรคําต่อไปนี้ เธอ ฉนั ทา่ น คุณ เขา เรา มัน โยม อาตมา แล้ว
รว่ มสนทนาเพอื่ โยงเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครใู ช้คําถามดังนี้

- คาํ ที่นักเรยี นอ่านทง้ั หมดมีลักษณะท่ีเหมือนกันอยา่ งไร
- คาํ ดงั กล่าวเรยี กวา่ คําชนิดใด
- นอกจากคําท่ีครยู กตัวอย่างนกั เรยี นรู้จกั คาํ อะไรอีกบา้ ง
2. นักเรยี นศึกษาเรอื่ งคําสรรพนาม แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้คําถามดังน้ี
- คาํ สรรพนามหมายถงึ อะไร
- คาํ สรรพนามมกี ี่ประเภทและมอี ะไรบ้าง
3. นักเรียนอา่ นบตั รคํา สรรพนามบุรษุ ท่ี 1 สรรพนามบุรุษที่ 2 สรรพนามบรุ ุษที่ 3
แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใชค้ าํ ถามดงั นี้
- คําสรรพนามบรุ ษุ ที่ 1 มีลักษณะอย่างไร เมอื่ นกั เรียนตอบเสร็จกใ็ ห้
ยกตวั อยา่ งคําและ ครเู ขยี นคาํ บนกระดานดํา
- คําสรรพนามบุรษุ ท่ี 2 มีลกั ษณะอย่างไร เมอื่ นกั เรียนตอบเสร็จกใ็ ห้
ยกตัวอย่างคําและ ครูเขยี นคาํ บนกระดานดาํ
- คาํ สรรพนามบุรุษที่ 3 มีลกั ษณะอย่างไร เม่ือนักเรยี นตอบเสร็จกใ็ ห้
ยกตวั อย่างคําและ ครูเขียนคําบนกระดานดํา เมอื่ ครบทกุ ทําถามใหน้ กั เรยี นอ่านพร้อมกนั

ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรียนรว่ มกนั วเิ คราะหป์ ระโยคต่อไปน้ี แล้วบอกวา่ คําใดเป็นคําสรรพนามและ

เปน็ สรรพนามบุรษุ ทีเ่ ท่าใด
- กระผมเป็นหวดั จงึ ไม่สามารถไปโรงเรยี นได้ เป็น สรรพนามบุรษุ ท่ี 1
- คณุ เป็นคณุ หมอที่ดูแลคณุ ยายหรอื เปล่าครับ เป็น สรรพนามบรุ ุษท่ี 2
- พวกเขา้ หายเข้าไปในถา้ํ หลวงหลายวนั แล้ว เป็น สรรพนามบรุ ษุ ท่ี 3

5. นักเรยี นคิดประเมินเพิม่ คุณค่า โดยครูถามคาํ ถามดังตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามารถนาํ เรือ่ งคาํ นามไปใช้ในชวี ิตประจําวันได้อย่างไร

ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
6. นกั เรยี นเขยี นประโยคทม่ี คี ําสรรพนามคนละ 1 ประโยค ลงในกระดาษ ครูมว้ นทํา

เปน็ สลากใหน้ ักเรยี นเล่นเกม ถอดรหสั ประโยค โดยแบง่ นักเรียนออกเปน็ 5 กลมุ่ ครูจับสลาก
ประโยคอ่านใหน้ ักเรยี นฟงั แลว้ ให้แต่ละกลุ่มบอกชนิดของคาํ สรรพนามท่ีปรากฏในประโยคให้
ถูกตอ้ ง

7. นกั เรยี นเขา้ กลมุ่ ทาํ กจิ กรรมแตง่ ประโยคจากคําสรรพนามท่ีกาํ หนดให้ กลุ่มละ 5
คาํ โดยคําท่ีแจกใหแ้ ตล่ ะกลุ่มจะต้องไมเ่ ทา่ กัน

8. นกั เรยี นช่วยกันสรปุ เรือ่ งคาํ สรรพนามและทาํ แบบฝึกหัด
ขนั้ ที่ 4 ขน้ั สอื่ สารและนาํ เสนอ

9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาํ เสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น เพอ่ื นๆช่วยกันตรวจสอบ
ความถกู ตอ้ ง
ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ เพอื่ เพิ่มคุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

10. นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาํ ถามดังนี้
- นักเรียนสามารถนําความรูเ้ กีย่ วกับเรื่องทเ่ี รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้

อยา่ งไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ด้านความรู้ (K) - การตอบคําถาม - คําถาม
- แบบฝกึ หดั
- ทําแบบฝกึ หัด -คาํ ถาม
-ใบงานการเขยี นยอ่ ประกาศ
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอา่ น -แบบฝกึ หัด
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
-ทกั ษะการเขยี น

-ทักษะการคิดวิเคราะห์

ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤตกิ รรมในการรว่ ม

คา่ นิยม (A) กจิ กรรม การทาํ งานกล่มุ

7. สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้

1. แบบฝึกหัด 2. ตวั อย่างประกาศ

3. ตัวอย่างการเขียนยอ่ ประกาศทถ่ี ูกต้องและตวั อยา่ งการเขยี นย่อประกาศท่ผี ิด

4. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่5 ภาษาพาทแี ละวรรณคดีลาํ นํา

5. ไมเ้ รียกเลขท่ี 6. คําถาม

7. บัตรคาํ สรรพนาม 8. แถบประโยค

8. กิจกรรมเสนอแนะ

................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .............................................ครูผูส้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)

vv ลงช่อื ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)

สัปดาห์ท่ี 13

โรงเรยี นขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท.ี่ .…1…../.…2563... ชอื่ ผสู้ อน ……………………………………………………..
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที …่ี …5..... จาํ นวน……5….คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ..……6…..… เรอื่ ง..................จากคลองสู่หอ้ งแอร์....................

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด

มาตรฐานที่ ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นําไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาํ เนินชีวิตและมี
นสิ ัยรกั การอ่าน

ตัวชว้ี ดั ที่ ป 5/1 อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป 5/2 อธบิ ายความหมายของคาํ ประโยคและขอ้ ความที่เปน็ การบรรยายและการพรรณนา
ตัวชว้ี ัดที่ ป 5/3 อธิบายความหมายโดยในจากเรื่องท่ีอ่านอย่างหลากหลาย
ตัวชว้ี ดั ท่ี ป 5/4 แยกขอ้ เท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นจากเรือ่ งท่ีอา่ น
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 5/5 วเิ คราะห์และแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับเรือ่ งท่อี ่านเพือ่ นําไปใช้ในการดาํ เนนิ ชีวติ
ตัวช้วี ดั ท่ี ป 5/8 มมี ารยาทในการอา่ น
มาตรฐานที่ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรูปแบบตา่ งๆ เขยี น
รายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

ตัวชวี้ ัดท่ี ป 5/8 เขียนเรื่องตามจินตนาการ
ตัวช้วี ัดที่ ป 5/9 มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐานที่ ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภมู ิ
ปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ

ตวั ชีว้ ดั ที่ ป 5/1 ระบชุ นดิ และหนา้ ท่ขี องคาํ ในประโยค

2. สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอด

การอา่ นจบั ใจความสําคญั คือ การอา่ นเพอื่ จับใจความหรอื ข้อคิด ความคดิ สําคญั หลกั ของขอ้ ความ หรือเร่ืองท่ีอา่ นการ
อ่านจบั ใจความสาํ คญั ถือเปน็ ทกั ษะสําคัญทใี่ ช้ในการอ่านเพ่อื การสื่อสารมากท่ีสุด เพราะเปน็ พ้นื ฐานสาํ คญั ในการศกึ ษาหาความรู้
จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความชาํ นาญ

การเขียนเรอื่ งตามจนิ ตนาการ เปน็ การเขียนเรือ่ งราวท่เี กดิ จากความคิด ความฝัน ความรู้สึกท่ีเกิดจากอารมณ์ต่าง ๆ การ
เขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการไดด้ ีจะตอ้ งฝึกการคิด การสงั เกต และมีความคิดสรา้ งสรรค์

คํากรยิ า คอื คําที่แสดงอาการของนามหรือสรรพนาม ช่วยทําใหป้ ระโยคมีใจความสมบรู ณ์

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจบั ใจความสาํ คญั (K)
2. อธบิ ายวิธเี ขียนเร่อื งตามจนิ ตนาการ (K)
3. อธิบายลักษณะของคํากริยาได้ (K)
4. อา่ นเร่ืองได้คลอ่ งแคล่ว รวดเรว็ และถูกต้องตามอกั ขรวิธี (P)
5. แยกขอ้ เท็จจริงและข้อคดิ เหน็ จากเรื่องที่อ่าน (P)
6. เขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการ (P)
7. วิเคราะหแ์ ยกแยะหนา้ ท่ขี องคําที่ปรากฏในประโยค ได้ถกู ตอ้ ง (P)
8. เห็นความสําคัญของการอา่ น มารยาทในการอ่านและ นําความรแู้ ละข้อคิดไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจําวนั (A)
9. มีมารยาทในการเขยี น (A)
10. กระตือรือร้นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1.อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจับใจความสําคัญได้
2.อธิบายวิธเี ขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการได้ถูกต้อง
3.อธิบายลักษณะของคํากริยาได้

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
สาระสาํ คญั
คาบที่
การอา่ นจับใจความสาํ คญั คอื การอ่านเพ่ือจับใจความหรอื ข้อคิด ความคิดสําคัญหลัก
คาบที่ 1 ของข้อความ หรอื เร่อื งท่อี ่านการอา่ นจับใจความสําคัญ ถือเป็นทักษะสําคัญที่ใช้ในการอ่านเพ่ือ
การสอ่ื สารมากท่ีสุด เพราะเป็นพื้นฐานสําคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความ
การอา่ น ชาํ นาญ
จบั ใจความสาํ คญั ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู

1. นักเรยี นสนทนาซักถามเพ่อื โยงเข้าสู่บทเรียน โดยใช้คาํ ถามดงั ต่อไปน้ี

- ผทู้ ่ีมีบ้านริมคลองกบั บ้านอยู่ในเมืองหลวงมีวถิ ชี วี ิตต่างกันอย่างไรบ้าง
* ในการตอบคําถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพอ่ื ให้นกั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาํ ถามก่อนจะ
เรยี กเลขทเ่ี พื่อให้ทุกคนไดค้ ิด ในแตล่ ะคําถามควรใหน้ ักเรยี นนําเสนอ 4-5 คน

2. นักเรยี นทบทวนเกีย่ วกับการอ่านสรปุ ใจความ โดยใชค้ ําถามดังต่อไปนี้
- การอ่านสรุปใจความคืออะไร
- นักเรยี นใชท้ ักษะอะไรบา้ งในการอ่านสรปุ ใจความ

3. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ อ่านเรอื่ งจากคลองสู่หอ้ งแอร์ ในหนังสอื เรียนภาษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยนําหลกั การอ่านภาษาไทยมาใช้ ครูสังเกตการอ่านของนกั เรยี นแตล่ ะ
คนว่าปฏิบตั ไิ ด้ถูกต้องตามหลักการอ่านหรือไม่
ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ

4. นกั เรยี นรว่ มกนั วิเคราะห์เกีย่ วกบั เรื่องทอ่ี า่ น โดยครใู ช้คําถามดงั นี้
- การอาศยั อยู่ริมคลองกับอยู่ห้องแอรต์ ่างกันอย่างไรมชี วี ิตความเป็นอยู่

ตา่ งกนั เพราะเหตใุ ด
5. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมนิ เพื่อเพ่ิมคณุ ค่าโดยครูใช้คําถามดงั ต่อไปน้ี
- นักเรียนสามารถนาํ ความรทู้ ีไ่ ดร้ ับไปใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ไดอ้ ยา่ งไร

ขนั้ ที่ 3 ขน้ั ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏิบตั ิ
6. นักเรียนเขา้ กล่มุ ทํากจิ กรรมถามตอบจากเร่อื ง จากคลองสหู่ อ้ งแอร์ โดยต้งั คําถามกลุ่ม

ละ 5 ข้อและตวั แทนกลุ่มอ่านคาํ ถามใหเ้ พือ่ นในช้ันเรียนชว่ ยกนั ตอบ
7. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปขอ้ คดิ ท่ีได้จากการอา่ น

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ
8. แตล่ ะกลมุ่ ออกมานําเสนอข้อคิดท่ไี ดจ้ ากเร่อื ง จากคลองสู่หอ้ งแอร์

ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอื่ เพมิ่ คณุ คา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
9. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ ําถามดงั นี้
- นักเรยี นสามารถนาํ ความรูเ้ กย่ี วกับเรอื่ งทีเ่ รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสังคมไดอ้ ยา่ งไร

คาบท่ี 2-3 สาระสาํ คญั
การเขียนเรื่องตามจินตนาการเป็นการเขียนเร่ืองราวท่ีเกิดจากความคิด ความฝัน
การเขยี นเรอ่ื ง
จากจนิ ตนาการ ความรู้สึกที่เกิดจากอารมณ์ต่าง ๆ การเขียนเรื่องตามจินตนาการได้ดีจะต้องฝึกการคิด
การสงั เกต และมีความคิดสรา้ งสรรค์

ขน้ั ท่ี 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู
1. นักเรียนอ่านตวั อย่างการเขียนจากจนิ ตนาการของรนุ่ พที่ มี่ ีต่อโรงเรยี น

แลว้ สนทนาซักถามโดยใช้คําถามดังต่อไปนี้
- นักเรยี นรสู้ ึกอย่างไรเมื่อไดฟ้ งั การเขยี นจากจินตนาการของรนุ่ พ่ี

2. นักเรยี นเข้ากล่มุ ศึกษาเนอ้ื หาของการเขยี นเร่ืองจากจินตนาการ แลว้ ร่วมสนทนา
โดยครูใช้คําถามดังน้ี

- การเขียนจากจนิ ตนาการ หมายถึงอะไร
- การเขียนจากจนิ ตนาการ ควรปฏิบัติอยา่ งไร
- การเขียนจากจนิ ตนาการ มีประโยชน์หรือไม่
ขนั้ ท่ี 2 ขนั้ คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการเขียนจากจินตนาการ
เกี่ยวกับส่ิงต่างๆ เม่ือนักเรียนนําเสนอให้ครูเขียนเป็นแผนภาพความคิดบนกระดานแล้วให้
นักเรียนอ่านพร้อมกนั
4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประเมนิ เพ่ือเพ่ิมคุณคา่ โดยครูใช้คาํ ถามดงั ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนสามารถนําความรู้ที่ไดร้ ับไปใช้ในชวี ติ ประจําวันได้อยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏิบตั ิ
5. นักเรยี นเขียนเรื่องจากจินตนาการเก่ยี วกับเรอ่ื งไอศกรมี ลดโลกรอ้ นตามความคิด
ของนักเรยี น ความยาวไม่ตาํ่ กว่า 8 บรรทัด
6. นกั เรยี นช่วยกนั สรปุ บทเรยี น ครสู รปุ เพมิ่ เกี่ยวกับความสําคัญของการเขยี นจาก
จนิ ตนาการ
ขนั้ ที่ 4 ขนั้ สอ่ื สารและนาํ เสนอ
7. นักเรียนนาํ เสนอผลงานโดยการจัดปา้ ยนเิ ทศแสดงผลงานของแต่ละคน
ขน้ั ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาํ ถามดังนี้
- นักเรียนสามารถนาํ ความรู้เกี่ยวกบั เรอ่ื งทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้อย่างไร

คาบท่ี 4-5 สาระสาํ คญั
คํากรยิ า คํากรยิ า คอื คําท่ีแสดงอาการของนามหรอื สรรพนาม ช่วยทําให้ประโยคมใี จความ

สมบูรณ์

ขน้ั ที่ 1 ขนั้ รวบรวมขอ้ มลู
1. นกั เรียนเลน่ เกมทาํ ตามคําสัง่ ครโู ดยการแสดงทา่ ทางประกอบคําท่คี รบู อกดงั น้ี

วง่ิ น่ัง เดนิ รอ้ ง ยิม้ หัวเราะ ปิดปาก ยนื กระโดด แลว้ รว่ มสนทนาโยงเข้าสู่บทเรยี นโดยครูใช้
คาํ ถามดังนี้

- คาํ ทีน่ ักเรยี นใช้ในการแสดงท่าทางเรียกวา่ คําอะไร
2. นักเรยี นศกึ ษาเรือ่ งคํากิรยิ า แล้วร่วมสนทนาโดยครูใช้คําถามดังนี้

- คํากิริยา หมายถงึ อะไรแบง่ เปน็ กช่ี นดิ มอี ะไรบ้าง
- อกรรมกริยา หมายถึงอะไรและมีลกั ษณะอยา่ งไร
- สกรรมกริยา หมายถงึ อะไรและมลี กั ษณะอยา่ งไร
- วิกตรรถกริยา หมายถงึ อะไรและมลี ักษณะอยา่ งไร
- กรยิ านุเคราะห์ หมายถึงอะไรและมีลักษณะอยา่ งไร
3. นกั เรียนทาํ กจิ กรรมการยกตวั อยา่ งคาํ กริยา โดยครูติดบตั รคําชนดิ ของคํากริยา
แลว้ ใชไ้ ม้เรียกเลขทใี่ หน้ กั เรยี นนําคาํ กริยาไปเติมใหต้ รงกับคํากรยิ าแตล่ ะชนดิ
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
4. นักเรียนร่วมกนั วเิ คราะห์ประโยคต่อไปนี้วา่ เป็นคํากริยาชนิดใด
- นักเรยี นเดินอย่างเป็นระเบยี บ
- เขารอ้ งเพลงได้ไพเราะ
- สะพานชาํ รดุ
- ถ้าเธอเป็นฉนั เธอจะทําอย่างไร
- รปู ร่างของลาเหมือนรูปร่างของมา้
- คุณต้องทําการบ้านเดยี๋ วนี้
- คุณแมก่ าํ ลงั อ่านหนังสอื อยู่
5. นักเรยี นคิดประเมนิ เพมิ่ คุณค่า โดยครูถามคําถามดังต่อไปนี้
- นกั เรียนสามารถนําเร่ืองคาํ กริยาไปใชใ้ นชวี ิตประจําวันไดอ้ ยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
6. นักเรียนเลน่ เกมชนดิ ของคาํ กริยา โดยครจู ะเรียกเลขท่ีและให้นกั เรียนบอกวา่ คาํ
ท่คี รตู ดิ บนกระดานเปน็ คํากริยาชนิดใดพรอ้ มทั้งแต่งประโยค
7. นักเรยี นช่วยกนั สรุปเรื่องคาํ กริยา ดังน้ี
คํากรยิ า คือ คาํ ทแ่ี สดงอาการของนามหรือสรรพนาม ชว่ ยทําให้ประโยคมี

ใจความสมบรู ณ์
8. นักเรยี นทาํ แบบฝึกหัดเร่ืองคาํ กรยิ า

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สอื่ สารและนาํ เสนอ
9. นักเรยี นนําเสนอคํากรยิ า โดยการอา่ นบตั รคาํ และบอกพรอ้ มกันวา่ เปน็ คาํ กรยิ า

ชนิดใด
ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คณุ ค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ

10. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาํ ถามดังน้ี
- นกั เรยี นสามารถนําความรเู้ ก่ียวกบั เรอ่ื งที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมไดอ้ ย่างไร

6. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้

การประเมนิ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื

ดา้ นความรู้ (K) - การตอบคําถาม - คําถาม
- แบบฝกึ หดั
- ทําแบบฝกึ หัด - แบบประเมินการอา่ น
- ใบงานการเขียนจากจนิ ตนาการ
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - ทักษะการอ่าน - แบบฝึกหัด
- คาํ ถาม
- ทักษะการเขยี น - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
- ทักษะการคิดวิเคราะห์

ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ - สงั เกตพฤติกรรมในการร่วม

คา่ นิยม (A) กจิ กรรม การทาํ งานกลุ่ม

7. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้ 2. นทิ าน 3. เกม
5. ไมเ้ รียกเลขที่ 6. คาํ ถาม
1. แบบฝกึ หัด 8. บตั รคํากรยิ า 9. เกมคํากริยา
4. หนังสอื ภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5
7. ตวั อย่างการเขียนแผนภาพความคิด


Click to View FlipBook Version