The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สารเคมีในชีวิตประจำวันและในงานอาชีพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทิพกฤตา อินไชย, 2022-10-17 08:52:48

สารเคมีในชีวิตประจำวันและในงานอาชีพ

สารเคมีในชีวิตประจำวันและในงานอาชีพ

สารเคมีในชีวิตประจำวัน
และในงานอาชีพ

สาระการเรียนรู้

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม
สารเคมีที่ใช้ทำความสะอาด
สารเคมีในเครื่องสำอาง
สารเคมีกำจัดแมลงและศัตรูพืช
สารเคมีในสำนักงาน

สมรรถนะ
ประจำหน่วย

แสดงความรู้เกี่ยวกับสารเคมีในชีวิตประจำวัน

วิเคราะห์ผลกระทบของสารเคมีต่อการดำรงชีวิตตามหลักการ
และกระบวนการ

พุทธิพิสัย ผลการเรียนรู้
ที่คาดหวัง

บอกความสำคัญของสารเคมีในชีวิตประจำวันได้

บอกอันตรายที่ได้รับจากสารเคมีในชีิวิตประจำวันและใน
งานอาชีพแต่ละประเภทได้

บอกอันตรายที่ได้จากสารเคมีจากงานในอาชีพได้

อธิบายถึงอันตรายและข้อควรระวังที่เกิดจากสารเคมี
ในชีวิตประจำวันและในงานในอาชีพได้

ทักษะพิสัย ผลการเรียนรู้
ที่คาดหวัง

ทดสอบสารเคมีอันตรายในอาหารบางชนิดได้

จิตพิสัย

ตั้งใจและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

สารเคมี (Chemical substance)

หมายถึง สารประกอบรูปแบบหนึ่งที่มีองค์ประกอบ
ของธาตุต่างๆคงที่ มีการรวมตัวกันด้วยพันธะเคมี

และมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ไม่สามารถแยก
องค์ประกอบได้ด้วยวิธีทางกายภาพ

เช่น ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม ผงชูรส เป็นต้น



สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

หมายถึง สารปรุงรสอาหารใช้ใส่ในอาหารเพื่อทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น
หรือเพิ่มรสชาติต่างๆ เช่น

น้ำตาล ให้รสหวาน เกลือ น้ำปลา ให้รสเค็ม

น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว ซอสมะเขือเทศ ให้รสเปรี้ยว ฯลฯ

สารปรุงแต่งที่พบบ่อย เช่น น้ำส้มสายชู ผงชูรส สีผสมอาหาร
วัตถุกันเสีย ผงกรอบ ฯลฯ

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)

ทำจากวัตถุดิบหลายประเภท เช่น ธัญพืช ผลไม้ น้ำตาลหรือกากน้ำตาล
ตามกรรมวิธีการผลิตน้ำส้มสายชูแต่ละประเภทมีรสชาติเปรี้ยว เกิดจาก

กรดอะซิติก เป็นส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1) น้ำส้มสายชูแท้ ได้แก่ น้ำส้มสายชูหมัก (Wine vinegar)
คือ ได้จากวัตถุดิบมาหมักกับส่าเหล้า แล้วนำมาหมักกับเชื้อน้ำส้มสายชู

ตามกรรมวิธีผลิต

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วิธีการสังเกตน้ำส้มสายชูหมัก

ต้องมีสีตามธรรมชาติของวัตถุดิบที่ใช้ ซึ่งผ่านกรรมวิธีการผลิต
มีกลิ่นของกรดอะซีติก และอาจมีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้หมักอยู้ด้วยก็ได้
มีความใส ไม่มีหนอนน้ำส้ม สิ่งสกปรกหรือสิ่งเจือปนอื่นใด
ไม่มีตะกอน นอกจากตะกอนที่เกิดโดยธรรมชาติ

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)
น้ำส้มสายชูกลั่น (Distilled vinegar) คือ น้ำส้มสายชูที่ได้จากการกลั่น
น้ำส้มสายชูหมัก วิธีสังเกตเหมือนกับน้ำส้มสายชูหมักทุกประการ โดยเฉพาะ

ต้องมีความใส ไม่มีสิ่งสกปรกหรือสิ่งเจือปนอื่นใด
2) น้ำส้มสายชูเทียม คือ น้ำส้มสายชูที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรม
อย่างอื่นๆ ได้กรดน้ำส้มที่มีคุณต่ำ ราคาถูก รสชาติไม่ดี และเปรี้ยวจัด
เวลาใช้ต้องผสมน้ำ

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)
3) น้ำส้มสายชูปลอม คือ เป็นน้ำส้มสายชูที่ทำจากกรดกำมะถันผสมน้ำถ้า
รับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย และทำให้เกิดแผลใน
กระเพาะอาหารได้

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)
วิธีการทดสอบและสังเกตน้ำส้มสายชูปลอม
ทดสอบด้วยผักใบบาง เช่น ผักชี ถ้าสัมผัสน้ำส้มสายชูแท้ผักชีจะสดอยู่ได้
ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นน้ำส้มสายชูปลอม ไม่เกิน 45 นาที
ผักใบชีจะมีจุดสีน้ำตาล

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)
วิธีการทดสอบและสังเกตน้ำส้มสายชูปลอม
ทดสอบโดยใช้เจนเชียนไวโอเลต (สีม่วง) โดยนำเจนเชียนไวโอเลต
มาผสมน้ำให้เจือจางแล้วหยดลงในน้ำส้มสายชู ถ้าเป็นน้ำส้มสายชูแท้
เจนเชียนไวโอเลตจะมีสีม่วงเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นน้ำส้มสายชูปลอม
สีจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินอ่อน

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

น้ำส้มสายชู (Vinegar)

อันตรายสำคัญของน้ำส้มสายชูไม่ได้มีสาเหตุมาจากน้ำส้มสายชูโดยตรง
แต่เป็นอันตรายที่เกิดจากภาชนะที่บรรจุใส่หรืออุปกรณ์ในการตักน้ำ
ส้มสายชู ข้อห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ควรใส่หรือใช้อุปกรณ์ในการตักน้ำ
ส้มที่ทำด้วยพลาสติก เพราะน้ำส้มอาจทำปฏิกิริยากับพลาสติกเป็นสารพิษ
ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงชูรสหรือสารชูรส
ผงชูรสเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (Foood additive) มีชื่อทางเคมีว่า
โมโนโซเดียมกลูตาเมต (monosodium glutamate) หรือชื่อย่อ
เอ็ม เอส จี (MSG) มีลักษณะผลึกผงสีขาว ไม่มีกลิ่น เป็นสารเพิ่มรส
ชาติอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงชูรสหรือสารชูรส
วิธีทดสอบผงชูรสปลอม

2) ตรวจหาโซเดียมเมตาฟอสเฟต ให้ละลายผงชูรสลงในน้ำสะอาดครึ่งถ้วย
จากนั้นเติมปูนขาวและกรดน้ำส้มลงไป คนให้เข้ากันแล้ววางทิ้งไว้ ซึ่งหากพบว่า
มีการตกตะกอน แสดงว่าผงชูรสนั้นมีส่วนผสมของโซเดียมเมตาฟอสเฟต
แสดงว่าเป็นผงชูรสปลอม

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงชูรสหรือสารชูรส
วิธีทดสอบผงชูรสปลอม

3) โดยการเผา นำผงชูรสครึ่งช้อนชาแล้วนำไปเผา ถ้าเป็นผงชูรสแท้จะไหม้
เป็นสีดำ แต่ถ้าเผาแล้วเป็นตะกอนสีขาว แสดงว่าอาจมีสารอื่นเจือปน เช่น
บอแรกซ์หรือโซเดียมเมตาฟอตเฟต

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

อาจเรียกว่า สารกันเสียหรือสารกันบูด เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้เพื่อการถนอม
อาจได้จากธรรมชาติ หรือเป็นสารสังเคราะห์สามารถยับยั้งหรือทำลายจุลินทรีย์
ต่างๆที่เป็นสาเหตุทำให้อาหารบูดเน่า เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ รา ที่ทำให้อาหาร
เกิดการเน่าเสีย

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

สารกันเสียหรือสารกันบูด ที่อนุญาตให้ใช้ ได้แก่
1) กลุ่มกรดอ่อนและเกลือของกรดอ่อน นิยมใช้กันมากในสินค้าอุตสาหกรรม
เพราะมีความเป็นพิษน้อย ใให้ใส่ในอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ แยม เยลลี่
ผักผลไม้ดอง น้ำหวาน และน้ำอัดลม เป็นต้น โดยสารกลุ่มนี้มีความเป็นพิษต่ำ
เมื่อบริโภคเข้าไปจะเปลี่ยนแปลงเป็นสารชนิดอื่นที่ไม่มีพิษและถูกขับถ่ายออก
ร่างกายได้

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

สารกันเสียหรือสารกันบูด ที่อนุญาตให้ใช้ ได้แก่
2) กลุ่มซัลไฟล์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีประสิทธิภาพสูงคล้ายสารกันบูดกลุ่มแรก
อนุญาตให้ใช้ใน ไวน์ เครื่องดื่ม น้ำตาลทราย วุ้นเส้น เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว
ผลิตภัณฑ์ผักผลไม้ชนิดแห้งและแช่อิ่ม ในปริมาณน้อย ร่างกายสามารถขับออกได้
แต่ในปริมาณมากสารกลุ่มนี้จะลดการใช้โปรตีนและไขมันในร่างกายและทำลาย
สารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น สารไธอามีนและวิตามินบี 1 เป็นต้น

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

สารกันเสียหรือสารกันบูด ที่อนุญาตให้ใช้ ได้แก่
3) กลุ่มไนเตรตและไนไตรท์ เป็นสารตรึงสีหรือที่หลายรู้จักกันในชื่อ ดินประสิว

อนุญาตให้ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์หมักที่ผ่านกรรมวิธีบรรจุกระป๋องและ
ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น แฮม ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง และเบคอน
เป็นต้น

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

สารกันเสียหรือสารกันบูด ที่อนุญาตให้ใช้ ได้แก่
4) กลุ่มอื่นๆ เช่น สารพาราเบนที่มีประสิทธิภาพยับยั้งหรือทำลายเชื้อรา ยีสต์ และ

แบคทีเรีย หรือสารปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพทำลายหรือยับยั้งจุลินทรีย์ เป็นต้น

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

อันตรายจากสารกันเสียหรือสารกันบูด
การบริโภคอาหารที่มีสารกันบูดติดต่อกันเป็นประจำและปริมาณมาก ทำให้ร่างกาย
ขับสารเหล่านั้นออกมาไม่ทัน จนกลายเป็นสารพิษตกค้างสะสมที่ทำให้เกิดการเจ็บ
ป่วยตามมาได้ โดยอาการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

อันตรายจากสารกันเสียหรือสารกันบูด

วิงเวียนหรือปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีปัญหาเกี่ยวกับตับและไต

ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร

ท้องเสีย เป็นโรคที่เกิดจากอาหาร เช่น อาหารเป็นพิษ เป็นต้น

กลไกการดูดซึมสารหรือการใช้สารอาหารในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป

เป็นภาวะเมทฮีโมโกลบินนีเมีย ทำให้มีอาการคลื่นไส้ หายใจไม่ออก ตัวเขียว
เป็นลมหมดสติ ซึ่งอันตรายหากเกิดในเด็กหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่เป็นโรคเลือด

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

วิธีหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารกันเสียหรือสารกันบูด

รับประทานอาหารที่ปรุงสดใหม่และไม่ผ่านการแปรรูป
เลือกซื้ออาหารที่มีฉลากบรรจุภัณฑ์ระบุรายละเอียดชัดเจน เช่น สถานที่ผลิต วันผลิต
วันหมดอายุ เครื่องหมายและเลขสาระบบอาหารของ อย. เป็นต้น
เลือกผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิค โดยเฉพาะอาหารที่มีการรับรองว่าปลอดสารกันบูด
หรือเลือกซื้ออาหารที่ใช้สารกันบูดที่ไม่เป็นอันตราย

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

วัตถุกันเสีย

วิธีหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีสารกันเสียหรือสารกันบูด

หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารประเภทเดิมซ้ำๆและรับประทานอาหารอย่างหลากหลาย
เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย
หลีกเลี่ยงการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่มีสีสดเกินไป

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงกรอบ

มีชื่อเรียกอีกอย่าง เช่น น้ำประสานทองหรือบอแรกซ์(borax) หรือที่คนจีนเรียก
เพ่งแซ ผงกรอบเป็นสารอนินทรีย์สังเคราะห์ มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมเตตราบอเรต
(Sodium Tetraborate) โซเดียมบอเรต (Sodium Borate) มีลักษณะเป็นผลึกรูป
สี่เหลี่ยมเล็กๆ ซึ่งขาวขุ่นคล้ายผงซักฟอก ละลายได้ดีในน้ำ ในประเทศไทย บอแรกซ์
ได้ถูกกำหนดเป็นวัตถุที่ห้ามใช้ในอาหาร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ปริมาณที่ยอมรับ ตามข้อกำหนดทั่วไปสามารถใส่ผงกรอบได้แต่ห้ามใส่ 1 กรัม
ในอาหาร 1,000 กิโลกรัม

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงกรอบ

บอแรกซ์ผสมลงในอาหาร เพื่อให้อาหารมีความเหนียว หรือกรุบกรอบ เช่น
ลูกชิ้น หมูยอ ทอดมัน ผักกาดเค็ม มะม่วงดอง ผลไม้ดอง อาหารชุบแป้งทอดต่างๆ
พวกถั่วทอด กล้วยทอด มันทอด อาหารหวานก็พบมีการใช้ผงกรอบเช่นกัน เช่น ลอดช่อง
รวมมิตร ทับทิมกรอบ ขนมเบื้อง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบการปลอมปนในผงชูรส
ที่ตักแบ่งขาย

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

ผงกรอบ

บอแรกซ์เป็นโทษต่อร่างกายได้ 2 ลักษณะ คือ
1) ตัวบอแรกซ์ เป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย ไม่สลายตัวแต่ส่วนใหญ่จะถูกสะสม
ไว้ที่กรวยไต ทำให้เกิดการอักเสบได้
2) พิษของบอแรกซ์ อาการที่แสดงออกจะขึ้นอยู่กับปริมาณของสารบอแรกซ์ที่รับเข้า
ไปในร่างกายและร่างกายสามารถขับถ่ายออกมาได้ ทำให้มีอาการเบื่ออาหาร อาเจียน
ท้องร่วงบ่อยๆ น้ำหนักลด และอาการผื่นคันทางผิวหนัง

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

เป็นวัตถุเจือปนอาหาร มีหลายรูปแบบทั้งของเหลว ผงเจลและสีป้าย วัตถุประสงค์การ
ใช้เพื่อ

1) แต่งสีผลิตภัณฑ์อาหารให้มีสีเป็นที่ดึงดูดใจผู้บริโภค เช่น ลูกอม ลูกกวาด ไอศกรีม
เยลลี นมปรุงแต่ง น้ำเชื่อม เครื่องดื่ม ฯลฯ
2) แต่งกลิ่นผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งอาจสูญเสียหรือเปลี่ยนไปมากในระหว่างกระบวนการ
แปรรูปอาหารหรือการเก็บรักษาอาหาร ได้แก่ แยม น้ำผลไม้ อาหารกระป๋อง
อาหารแห้ง ฯลฯ

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

3) แต่งสีผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสีธรรมชาติแปรเปลี่ยนตามฤดูกาลและสภาพภูมิอากาศ
เช่น ไขมันนมที่ได้จากน้ำนมในฤดูร้อนมักมีสีเหลืองเข้มกว่าน้ำนมในฤดูหนาว เนื่องจาก
ปริมาณบีตา-แคโรทีน (beta-carotene) ในหญ้าที่วัวบริโภคในฤดูร้อนมากกว่าใน
ฤดูหนาว จึงต้องใช้สีผสมอาหารแต่งสีไขมันนมที่มีสีแตกต่างไปจากปกติ เพื่อให้อาหาร
ที่ผลิตออกมามีสีคงที่ตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้และมิให้ผู้ซื้อเกิดความเข้าใจผิด
ในเรื่องคุณภาพของอาหารที่ผลิตขึ้นมา

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

สีผสมอาหาร แบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ คือ
1) สีธรรมชาติ ได้แก่ สีที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งสกัดได้จากส่วนประกอบของเซลล์
พืชหรือสัตว์ เช่น

สีเหลืองจนถึงแดง ได้จาก มะเขือเทศและแครอท สีในกลุ่มนี้นิยมใช้ในสีผสมอาหาร
สีเขียว ได้จาก คะน้า ใบย่านาง ใบเตย
สีแดง ได้จาก ข้าวแดง ฝาง รังครั่ง หัวบีท ดอกบานเย็น ลูกผักปบังสุก มันเลือดนก

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

สีน้ำตาล ได้จาก กาแฟ โกโก้ คาราเมล (caramel)
สีม่วง ได้จาก ข้าวเหนียวดำ ลูกผักปลัง ดอกอัญชัน
สีเหลือง ได้จาก ขมิ้น ดอกคำฝอย ไข่แดง เมล็ดคำแฝด ลูกตาลสุก น้ำส้มเขียวหวาน
ฟักทอง มันเทศชนิดสีเหลือง ลูกพุด หญ้าฝรั่น ดอกกรรณิการ์
สีดำ ได้จาก กาบมะพร้าว ดอกดิน (ใช้ส่วนของดอก)

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

2) สีสังเคราะห์ หมายถึง สีอินทรีย์ที่ได้จากการสังเคราะห์ ซึ่งมีลักษณะถูกต้องตามข้อ
กำหนดและปลอดภัยต่อการบริโภค สีสังเคราะห์ให้สีสด สม่ำเสมอ และให้สีในช่วงที่
กว้างจากสีธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายซึ่งสะดวกต่อการเลือกใช้กับอาหารชนิดต่างๆ
ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมใช้สีสังเคราะห์มากกว่าสีธรรมชาติ ถึงแม้ว่าสีธรรมชาติจะปลอดภัย
ต่อผู้บริโภคมากกว่าก็ตาม

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 551 (พ.ศ. 2524) ลงวันที่ 11 ม.ค. 2525 การใช้
สีผสมอาหารให้ใช้ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

อาหารทารกไม่ให้ใช้สีทุกชนิด
นมดัดแปลงสำหรับทารกไม่ให้ใช้สีทุกชนิด
อาหารเสริมสำหรับเด็กไม่ให้ใช้สีทุกชนิด

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

สารปรุงแต่งอาหาร

สีผสมอาหาร

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 551 (พ.ศ. 2524) ลงวันที่ 11 ม.ค. 2525 การใช้
สีผสมอาหารให้ใช้ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

ผลไม้สด ผลไม้ดอง ไม่ให้ใช้สีทุกชนิด
ผักดองไม่ให้ใช้สีทุกชนิด
เนื้อสัตว์สดทุกชนิด ระวังสีเป็นพิษ

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

เครื่องดื่ม

เครื่องดื่ม หมายถึง สิ่งที่จัดเตรียมสำหรับดื่ม และมักจะมีสีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก
บางประเภทได้คุณค่าทางโภชนาการ บางประเภทดื่มแล้วไปกระตุ้นระบบประสาท
และบางประเภทดื่มเพื่อดับกระหาย แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่

น้ำดื่มสะอาด

เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน เป็นประโยชน์ต่อกระบวนการต่างๆในร่างกาย

น้ำผลไม้

เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง ควรเป็นน้ำผลไม้สด

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

น้ำนม

นมเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและโปรตีน ช่วยให้กระดูกเจริญเติบโตและแข็งแรง

น้ำอัดลม

เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในกลุ่มอาหาร Empty Calories
หรืออาหารไร้คุณค่าทางอาหาร แต่เป็นเครื่องดื่มที่คลายร้อนดับกระหาย มีองค์ประกอบหลัก
คือ น้ำ น้ำตาล กรดคาร์บอนิก กรดฟอสฟอริก คาเฟอีน สี กลิ่นและรส

เครื่องดื่มชูกำลัง

เป็นเครื่องดืมให้พลังงานมีส่วนผสมของคาเฟอีน ทอรีน อิโนซิทอล และซูโครสหรือ
น้ำตาลทราย เป็นต้น

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

ชาและกาแฟ

ชา (tea) เป็นพืชที่ใช้ยอดหรือใบมาแปรรูปด้วยการทำแห้ง นำมาชด้วยน้ำร้อน
มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ชาเขียว ชาขาว ชาอู่หลง ชาดำ

กาแฟ (Coffee) เป็นเครื่องดื่มที่มีสารเคมีผสมอยู่มากมาย ทั้งมีประโยชน์และโทษ
Caffeine เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ไม่ควรบริโภคเกิน 100-150 มล.
Acrylamide เกิดจากกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟและการบด เป็นสารก่อมะเร็ง
Diterpines สารเร่งการสร้างคอเลสเตอรอล หากเป็นกาแฟเข้มข้นต้องระวัง
Quinic acid ทำให้กาแฟมีรสขมเล็กน้อย ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานหวัดได้
Ethylphenol สร้างกลิ่นเฉพาะของกาแฟ บริโภคมากจะทำให้มึนงง

สารเคมีในอาหารและเครื่องดื่ม

Dicaffeoylquinic Acid เป็นสารต้านออกซิเดชัน พบไม่มากแต่มีประโยชน์
Trigonelline เปลี่ยนเป็นสารอนุพันธ์ุที่ช่วยป้องกันแบคทีเรียทำลายฟัน
Niacun วิตามินบี3ที่เป้นประโยชน์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

องค์ประกอบหลักมีเอทิลแอลกอฮอล์ผสมอยู่ มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ผู้ที่ดื่มเหล้า
ในปริมาณไม่มากจะรู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากแอลกอฮอล์ไปกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุม
ตนเองอยู่ แต่หากดื่มปริมาณมากขึ้นจะทำให้อาการเสียการทรงตัว พูดไม่ชัด หรือ
หมดสติในที่สุด

ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดเพื่อจะไม่ให้รับสารบอแรกซ์
............................



สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

สารทำความสะอาด หมายถึง สารที่มีคุณสมบัติในการกำจัดความสกปรกต่างๆตลอด

จนฆ่าเชื้อโรค

ประเภทสารทำความสะอาด

แบ่งตามแหล่งกำเนิดได้ 2 ประเภท คือ
จากการสังเคราะห์ เช่น น้ำยาล้างจาน สบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพูสระผม ผงซักฟอก
สารทำความสะอาดพื้น เป็นต้น

จากธรรมชาติ เช่น น้ำมะกรูด มะขามเปียก เกลือ เป็นต้น

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

สารประเภททำความสะอาดร่างกาย

สารทำความสะอาดร่างกายและใบหน้าเกิดจากปฏิกิริยาของเบสกับไขมันพืชหรือสัตว์

และแต่งเติมด้วยสารต่างๆตามความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ น้ำหอม สี สารเพิ่มฟอง

เพื่อให้สบู่มีคุณสมบัติน่าใช้ สารเคมีที่ใช้ทำสบู่

1) ไขมัน/น้ำมัน เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสารตั้งต้นสบู่ไขมันหรือน้ำมันที่ใช้อาจได้
จากพืช และสัตว์ คุณภาพของน้ำมันที่ได้จะมีผลต่อคุณภาพของสบู่ เกล็ดสบู่ที่ได้จาก

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

น้ำมันพืชจะให้ลักษณะขาวเนียน และกลีเซอรีนจะค่อนข้างใสกว่าน้ำมันพืชจากสัตว์
มีกลิ่นหืนน้อยกว่าน้ำมันจากสัตว์ หาง่ายและราคาถูก
2) ด่างเข้มข้น นิยมใช้ คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งจะได้เนื้อสบู่สีขาวทึบเนื้อก้อนแข็ง
ให้ฟองมาก และอีกชนิด คือ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ จะได้สบู่ลักษณะเดียวกัน แต่
เนื้อสบู่มีความอ่อนตัวได้ดีกว่า นิยมทำสบู่เหลว
3) สารเติมแต่ง เป็นสารเคมีสำหรับปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่ เช่น สี น้ำหอม สมุนไพร
สารป้องกันความชื้น สารลดความเป็นด่าง สารลดแรงตึงผิว สารทำให้ฟองคงตัว สารเพิ่ม
ความแข็งแรง สารป้องกันการออกซิเดชัน สารบำรุงผิว สารฆ่าเชื้อ เป็นต้น

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

ชนิดของสบู่

1) สบู่ก้อนขุ่น มีลักษณะเป็นก้อนแข็งสีขาวขุ่นหรือสีของสารเติมแต่ง สารตั้งต้นคือ เกล็ด
สบู่ คุณสมบัติเป็นก้อนแข็ง ขาวขุ่นให้ฟองมาก

2) สบู่ก้อนใส มีลักษณะอ่อนกว่าสบู่ก้อนขุ่น มีสีใสตามสารให้สีเติมผสม สบู่ชนิดนี้ให้ฟอง
ค่อนข้างน้อยกว่าสบู่ก้อนขุ่น เนื่องจากมีกลีเซอรีนเป็นส่วนใหญ่

3) สบู่เหลว มีน้ำเป็นส่วนผสมทำให้เนื้อสบู่เหลว สีสันต่างๆตามสารเติมแต่งสบู่ชนิดนี้ใช้
สารตั้งต้นจากเกล็ดสบู่ แต่ต่างกับชนิดสบู่ก้อนขุ่นที่จะใช้ด่างเข้มข้นโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์
แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

สารประเภททำความสะอาดเสื้อผ้า

เป็นสารซักล้างที่ผลิตขึ้นมาใช้แทนสบู่ มีสารลดแรงตึงผิวชนิดสังเคราะห์และชนิด
ธรรมชาติเป็นส่วนประกอบหลัก ผงซักฟอกมีลักษณะเป็นผงเม็ดเล็กๆหรือเกล็ดอัดขึ้นรูป
กึ่งแข็งกึ่งเหลว แท่ง หรือลักษณะอื่น แต่ไม่รวมผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดเหลว

ส่วนประกอบผงซักฟอก

1) บิวเดอร์ ฟอสเฟส 2) สารลดแรงตึงผิว 3) สารอื่นๆ ได้แก่

สารเพิ่มความสดใส สารควบคุมการเกิดฟอง สารช่วยละลาย น้ำหอมและสี

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

สารประเภททำความสะอาดภาชนะ

มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว ทำให้สิ่งสกปรกและไขมันหลุดจากภาชนะและรวมตัว
เป็นอิมัลชัน (emulsion) อยู่ในน้ำหรือฟอง (Foam) แบ่งได้ 2 ชนิด คือ น้ำยาล้างจาน
สำหรับล้างด้วยมือและน้ำยาล้างจานสำหรับเครื่องล้างจาน

ส่วนประกอบของน้ำยาล้างจาน
1) สารลดแรงตึงผิวและสารทำความสะอาด
2) Compertan KD เป็นสารทำให้น้ำยาล้างจานเหนียวและข้น

สารเคมีที่ใช้ในการทำความสะอาด

3) ST.90 เป็นสารทำให้น้ำยาล้างจานใสไม่ตกตะกอน
4) ส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่ น้ำสะอาด หัวน้ำหอม สี ฯลฯ

สารประเภททำความสะอาดพื้น

น้ำยาล้างห้องน้ำ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำหรือทำความสะอาดห้องน้ำเป็นสิ่งจำเป็นในการทำความ
สะอาด เพราะทำให้ประหยัดเวลาและแรงงาน


Click to View FlipBook Version