The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลปฏิบัติงาน สกรอำเภอโพธิ์ทอง ประจำปีงบประมาณ 2566 จริง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by malijib9, 2024-01-17 22:02:37

ผลปฏิบัติงาน สกรอำเภอโพธิ์ทอง ประจำปีงบประมาณ 2566 จริง

ผลปฏิบัติงาน สกรอำเภอโพธิ์ทอง ประจำปีงบประมาณ 2566 จริง

1


2 คำนำ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕66 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ จังหวัดอ่างทอง ในฐานะสถานศึกษาที่ทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุน และจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย ได้นำเอา นโยบายและจุดเน้นการดำเนินงานของสำนักงาน กศน. ปี๒๕66 มาวิเคราะห์สู่การปฏิบัติใน พื้นที่ ตามศักยภาพและเป้าหมายในการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนและผู้รับบริการมี อัตลักษณ์ตามที่สถานศึกษากำหนด คือ “ยกระดับความรู้สู่อาชีพและชีวิตที่ยั่งยืน” ซึ่งในรอบระยะเวลาที่ผ่านมา บุคลากรของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ได้ร่วมกันดำเนินงานตามภารกิจ เพื่อตอบสนองนโยบายและ เป้าหมายของสถานศึกษา โดยดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕66 ดังนั้น เพื่อให้ ทราบผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการดำเนินงานที่กำหนดไว้ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง จึงได้ จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕66 ขึ้นเพื่อนำเสนอและรวบรวมผลการดำเนินงานจาก การมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติทุกระดับ ในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์ต่อการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และผู้เกี่ยวข้องต่อไป นางสาวกุหลาบ อ่อนระทวย ผู้อำนวยการ สกร.อำเภอโพธิ์ทอง ตุลาคม 2566


3 สารบัญ หน้า บทที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง 1 บทที่ 2 โครงสร้างและการบริหารงาน กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 16 บทที่ 3 ทิศทางการดำเนินงานของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง 18 บทที่ 4 การบริหารเชิงกลยุทธ์ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง 33 บทที่ 5 โครงการที่ปรากฏในแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2566 44 1. โครงการส่งเสริมการรู้หนังสือไทย 45 2. โครงการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 50 3. โครงการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 60 4. โครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต 71 5. โครงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน 82 6. โครงการวิชาชีพระยะสั้น (หลักสูตร 31 ชั่วโมงขึ้นไป) 88 7. โครงการวิชาชีพระยะสั้น (หลักสูตร ไม่เกิน 30 ชั่วโมง) 97 8. โครงการการจัดกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 121 9. โครงการ 1 อำเภอ 1 อาชีพ 128 10 โครงการพัฒนาห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี” อำเภอโพธิ์ทอง ให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต 132 11. โครงการส่งเสริมการอ่านสู่ชุมชน/รถห้องสมุดเคลื่อนที่ 146 12. โครงการบ้านหนังสือชุมชน 152 13. โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด 157 14. โครงการครอบครัวรักการอ่าน 168 15. โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 185 16.โครงการอาสาสมัคร กศน.ตำบล 188 17. โครงการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 195 18. โครงการนิเทศกิจกรรม กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 199 19. โครงการพัฒนาบุคลากร กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 207 20. โครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพ 217 21. โครงการปรับปรุงห้องสมุดประชาชน”เฉลิมราชกุมารี”ให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ Co-Learning Space 220 22.โครงการจัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ 229 23. โครงการอบรมประชาชนหลักสูตร Digital Literacy... 238 คณะผู้จัดทำ 248


4 แผนที่อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง


๑ บทที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง สภาพทั่วไปของสถานศึกษา ชื่อสถานศึกษา ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ที่ตั้ง/การติดต่อ เลขที่ 96 หมู่ที่ 6 ถนนโพธิ์ทอง – อ่างทอง หมู่ที่ 6 ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง รหัสไปรษณีย์ 14120 โทรศัพท์ , โทรสาร 035-691993 E-mail : [email protected] Website : www.phothongnfe.ac.th สังกัด สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดอ่างทอง กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ


๒ ประวัติอำเภอโพธิ์ทอง อำเภอโพธิ์ทอง เดิมอำเภอโพธิ์ทองตั้งอยู่ที่หมู่บ้านโพธิ์ทอง ตำบลคำหยาด ต่อมา พ.ศ. 2439 พระ ยาวิเศษไชยชาญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองในสมัยนั้นเห็นว่า ที่ตั้งอำเภออยู่ห่างไกลความเจริญการคมนาคม ไม่สะดวก จึงย้ายที่ทำการอำเภอมาตั้งที่ตำบลห้วยลิง (ปัจจุบันตำบลอ่างแก้ว) และให้เรียกที่ว่าการอำเภอใหม่ว่า ที่ว่าการอำเภอห้วยลิง ต่อมา พ.ศ. 2443 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอห้วยลิงมาสร้างใหม่ในหมู่ที่ 9 ตำบลคลองสาหร่าย บนฝั่ง ซ้ายของแม่น้ำน้อย และเปลี่ยนชื่อจากอำเภอห้วยลิง มาเป็น อำเภอโพธิ์ทอง พ.ศ. 2516 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอ มาสร้างใหม่ในหมู่ที่ 7 ตำบลอ่างแก้ว โดยเริ่มใช้ที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ปฏิบัติราชการ เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2517 จนถึงทุกวันนี้ อาณาเขตที่ตั้ง อำเภอโพธิ์ทองมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอต่าง ๆ จังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแสวงหา อำเภอท่าช้าง และอำเภอพรหมบุรี (สิงห์บุรี) ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอไชโย ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ และอำเภอสามโก้ ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอศรีประจันต์ (สุพรรณบุรี) สภาพของชุมชน อำเภอโพธิ์ทอง เป็นอำเภอหนึ่งอยู่ในจังหวัดอ่างทอง มีเนื้อที่ประมาณ 219.414 ตารางกิโลเมตร ลักษณะบ้านเรือนของประชาชนในอำเภอ มีลักษณะเป็นหมู่บ้านริมน้ำทอดไปตามลำน้ำน้อย ซึ่งเป็นลำน้ำที่สำคัญที่ใช้ เป็นเส้นทางการคมนาคมในอำเภอโพธิ์ทอง การคมนาคมระหว่างอำเภอจะมีเส้นทางติดต่อกันโดยรถยนต์ ส่วนใหญ่นับ ถือศาสนาพุทธ แบ่งการปกครองเป็น 15 ตำบล 110 หมู่บ้าน มี 5 เทศบาลตำบล 9 องค์การบริหารส่วนตำบล ได้แก่ เทศบาลตำบลโพธิ์ทอง เทศบาลตำบลรำมะสัก เทศบาลตำบลม่วงคัน เทศบาลตำบลทางพระ เทศบาลตำบล โคกพุทรา อบต.อ่างแก้ว (ตำบลอ่างแก้ว ตำบลบ่อแร่ตำบลสามง่าม ) อบต.บางพลับ (ตำบลบางพลับ ตำบลโพธิ์รังนก) อบต.บางระกำอบต.บางเจ้าฉ่าอบต.องครักษ์ อบต.ยางซ้ายอบต.อินทประมูล อบต.หนองแม่ไก่และอบต.คำหยาด การปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่อำเภอโพธิ์ทอง ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 14 แห่ง ได้แก่ • เทศบาลตำบลโพธิ์ทอง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลอ่างแก้ว บางส่วนของตำบลอินทประมูล และ บางส่วนของตำบลบางพลับ • เทศบาลตำบลรำมะสัก ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลรำมะสัก • เทศบาลตำบลโคกพุทรา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโคกพุทราทั้งตำบล • เทศบาลตำบลทางพระ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทางพระทั้งตำบล • เทศบาลตำบลม่วงคัน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลรำมะสัก (นอกเขตเทศบาลตำบลรำมะสัก) • องค์การบริหารส่วนตำบลอ่างแก้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอ่างแก้ว (นอกเขตเทศบาลตำบลโพธิ์ทอง) ตำบล บ่อแร่ ทั้งตำบล และตำบลสามง่ามทั้งตำบล


๓ • องค์การบริหารส่วนตำบลอินทประมูล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอินทประมูล (นอกเขตเทศบาลตำบล โพธิ์ทอง) • องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลับ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางพลับ (นอกเขตเทศบาลตำบลโพธิ์ทอง) และตำบลโพธิ์รังนกทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแม่ไก่ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองแม่ไก่ทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลบางระกำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางระกำทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลองครักษ์ครอบคลุมพื้นที่ตำบลองครักษ์ทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลยางช้าย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลยางช้ายทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลบางเจ้าฉ่า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางเจ้าฉ่าทั้งตำบล • องค์การบริหารส่วนตำบลคำหยาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคำหยาดทั้งตำบล ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำไหลผ่าน เหมาะแก่การประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีแหล่งน้ำที่สำคัญคือ แม่น้ำน้อย ซึ่งไหลผ่านอำเภอโพธิ์ทอง ทางทิศตะวันออก ใช้เป็นเส้นทางสัญจรขนส่งสินค้าทางเรือได้ตลอดปี ประชาชนใช้น้ำ จากแม่น้ำน้อยสำหรับอุปโภค และประกอบการเกษตรกรรม คลองชลประทานไหลผ่านทุกตำบล สามารถส่งน้ำใช้ ทำนา และเกษตรกรรมอื่น ๆ ลักษณะภูมิอากาศ จัดอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ ทำให้อากาศหนาวเย็น และแห้งแล้ง และจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ทำให้มีเมฆมากและฝนตกชุกใน ช่วงนี้ ด้านเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพ ชาวอำเภอโพธิ์ทองประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ทำนาข้าว ทำสวน อาชีพเสริม เลี้ยงสัตว์ จักสานไม้ไผ่ และอาชีพรับจ้าง ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าเกษตรกรได้พยายามดัดแปลง ที่นาไปใช้ประโยชน์อื่นเช่น ปลูก พืชผักสวนครัว ทำสวนผลไม้ และทำบ่อขุดทราย ซึ่งทำให้มีรายได้ดีขึ้นกว่าการทำนาข้าวเพียง อย่างเดียวอาชีพหลัก วัฒนธรรมพื้นบ้าน 1. หัตถกรรมพื้นบ้านเกี่ยวกับเครื่องจักสาน ที่ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลบางพลับ ตำบลบางระกำ และตำบล องครักษ์ ซึ่งมีการสานตะกร้า กระบุง กระจาด กระเป๋าถือลายดอกพิกุล เป็นต้น วัสดุที่ใช้มีทั้งไม้ไผ่สีสุก และหวาย สำหรับที่ตำบลบางเจ้าฉ่า ได้ตั้งเป็นหมู่บ้านเครื่องจักสานขึ้นที่บ้านยางทอง ใกล้วัดยางทอง และตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ เครื่องใช้ไม้ไผ่ด้วย ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอโพธิ์ทอง ไปตามถนนริมคลองชลประทานประมาณ 5 ก.ม. สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จมาเยี่ยมชม เมื่อปี พ.ศ. 2525 หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านตัวอย่างในการ พัฒนาอาชีพด้วย เพราะมีการประยุกต์รูปแบบในการผลิตให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดอยู่เสมอ 2. เพลงพื้นบ้านโดยเฉพาะเพลงกล่อมเด็ก เพราะต้องร้องเพลงกล่อมให้เด็กซึ่งเป็นลูกหลานฟังอยู่แล้ว เมื่อถึงหน้าเกี่ยวข้าว นวดข้าว มีการลงแขกกัน ก็จะร้องเพลงเกี่ยวข้าว คือ ร้องเมื่อกำลังก้มหน้าเกี่ยวข้าวพร้อมกัน เพลงเต้นกำ จะร้องเมื่อเกี่ยวข้าวไปจนตกหน้าคันนาหนึ่ง หรือเกี่ยวไปจนบ่ายคล้อยเหน็ดเหนื่อยหนักหนาก็หยุด


๔ ตั้งวงร้องเพลงเต้นกำกันขึ้น เพลงจาก ร้องเมื่อแยกย้ายกันกลับ และ เพลงสงฟาง เพลงสงคอลำพวน เพลงชัก กระดาน ซึ่งร้องกันในลานนวดข้าว แต่ปัจจุบันไม่มีการลงแขกเกี่ยวข้าวนวดข้าวกันแล้ว 3. การละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นของเด็ก เช่น การเล่นมอญซ่อนผ้า ตี่จับ ลูกช่วง ชักคะเย่อกาฟักไข่หมาก เก็บ รีรีข้าวสาร แคะขนมครก ขายของ ปืนก้านกล้วย หมากขุม การเล่นลูกข่าง เดินกะลา หม้อข้าวหม้อแกง กระโดด เชือก ยิงหนังสติ๊ก เป็นต้น การละเล่นเหล่านี้มีน้อยลงมาก เพราะเด็กมีของเล่นสมัยใหม่ 4. อาหารพื้นบ้านที่ทำรับประทานกันในสมัยก่อน เช่น แกงบอน แกงอ่อม กะปิคั่ว ปลาเจ่า ปลาร้าสับ ปลาร้า หลน ปลาตะเพียนต้มเค็ม ปลาย่างรมควัน ต้มโคล้งปลาย่าง ขนมกรวย และขนมจีน สำหรับอาหารพื้นบ้านที่หาซื้อ รับประทานได้บ้าง เช่น ขนมกง ขนมตาล ขนมกล้วย ขนมถ้วยฟู ขนมสามเกลอ เป็นต้น ประชากร ประชากรอำเภอโพธิ์ทอง แบ่งเป็น 12 ตำบล กับ 5 เทศบาล มีรายละเอียดดังตาราง ที่ ตำบล จำนวน ครัวเรือน จำนวน หมู่บ้าน ประชากร (คน) ชาย หญิง รวม 1 ตำบลบ่อแร่ 578 4 791 848 1,639 2 ตำบลอ่างแก้ว 790 7 801 839 1,640 3 ตำบลคำหยาด 1,076 9 1,501 1,675 3,176 4 ตำบลอินทประมูล 790 7 1,108 1,211 2,319 5 ตำบลองครักษ์ 1,671 8 2,307 2,548 4,855 6 ตำบลบางเจ้าฉ่า 1,187 8 1,522 1,704 3,226 7 ตำบลยางช้าย 2,015 11 2,797 3,039 5,836 8 ตำบลโพธิ์รังนก 600 3 787 871 1,658 9 ตำบลสามง่าม 589 6 904 978 1,882 10 ตำบลหนองแม่ไก่ 1,026 7 1,404 1,523 2,927 11 ตำบลบางพลับ 1,025 6 1,270 1,442 2,712 12 ตำบลบางระกำ 876 7 1,066 1,222 2,288 1 เทศบาลตำบลโคกพุทรา 927 7 1,307 1,377 2,684 2 เทศบาลตำบลทางพระ 893 8 1,268 1,355 2,623 3 เทศบาลตำบลโพธิ์ทอง - - - - - 4 เทศบาลตำบลรำมะสัก เทศบาลตำบลม่วงคัน 1,338 12 1,866 2,065 3,931 รวม 110 20,699 22,697 43,396 เทศบาลตำบลโพธิ์ทอง ประชากรอยู่ใน ตำบลอ่างแก้ว ตำบลอินทประมูล ตำบลบางพลับ (ที่มา : สถิติประชากรและบ้าน ที่ทำการปกครองอำเภอโพธิ์ทอง ณ 7 เดือนตุลาคม 2565 )


๕ ด้านการศึกษา จำนวนสถานศึกษาในสังกัดต่างๆ สังกัด จำนวนโรงเรียน(แห่ง) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (โรงเรียนประถมศึกษา) 32 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (โรงเรียนมัธยมศึกษา) 2 สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (วิทยาลัยการอาชีพโพธิ์ทอง) 1 สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง) 1 รวม 36 สถานที่ท่องเที่ยว ตามที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าอ่างทองเป็นเมืองประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุ เป็นจำนวนมากหลงเหลือให้คนในยุคนี้ได้มาชมถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมีศิลปวัฒนธรรมของอาณาจักรไทย ในอดีต ทั้งมีแหล่งผลิตงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ยอดเยี่ยมหลายแห่ง และมีสภาพความงามตามธรรมชาติและ สถานที่น่าท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนจำนวนไม่น้อย ซึ่งชาวอ่างทองภูมิใจอยากจะให้คนอื่นมาชม 1. พระนอนวัดขุนอินทประมูล พระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนขุนอินทประมูลนี้ ประดิษฐานอยู่บนโคก ดินกลางทุ่งนา ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง ห่างจากอำเภอประมาณ 2 กิโลเมตร การเดินทางจากจังหวัดไป ยังพระนอนวัดขุนอินทประมูล โดยรถโดยสารประจำทางสายอ่างทอง – โพธิ์ทอง ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร นับได้ว่าเป็นศิลปกรรมอันยิ่งใหญ่ของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าขุนอินทประมูลเป็นผู้สร้างขึ้น แต่ไม่มีหลักฐาน อ้างอิงว่าเป็นสมัยใด แต่ด้านอายุและรูปแบบขององค์พระเป็นสมัยสุโขทัย สร้างมาแล้วประมาณ 600 ปี ภายใน วัดร่มรื่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี 2. พระตำหนักคำหยาด หรือชาวบ้านเรียกกันว่า “ตึกคำหยาด” ตั้งอยู่ที่ตำบลคำหยาด อยู่ห่างจาก อำเภอโพธิ์ทอง ไปยังทิศใต้ ประมาณ 7 กิโลเมตร สภาพของตัวตำหนักยังคงเหลือผนังทั้ง 4 ด้าน เมื่อดูภายนอก แล้วยังคงเห็นความสวยงามทางด้านศิลปกรรมมากช่อประตูหน้าต่างเป็นแบบโค้งแหลมเหมือนกับสิ่งก่อสร้างใน สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 3. วัดโพธิ์ทอง ห่างจากอำเภอโพธิ์ทองประมาณ 9 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนสายอ่างทอง–โพธิ์ทอง ใน พระราชพงศาวดาร กล่าวว่าเป็นวัดที่กรมขุนพรพินิต (เจ้าฟ้าอุทุมพรหรือขุนหลวงหาวัด) ได้เสด็จมาประทับที่วัดนี้ เมื่อพระองค์ทรงผนวช 4. วังปลาวัดข่อย ตั้งอยู่หน้าวัดข่อย บริเวณแม่น้ำน้อย ตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิ์ทอง มีปลาอาศัยอยู่ เป็นจำนวนมาก ไม่น้อยกว่า 50,000 ตัว เช่น ปลาสวาย ปลาตะเพียน ปลาเทโพ ปลาแรด ปลานิล ในบริเวณวัดมี พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เช่น เรือโบราณประเภทต่าง ๆ อุปกรณ์ในการประกอบอาชีพของชาวนา เช่น ครก โม่ข้าว กระด้ง สากฯลฯ อันแสดงถึงวิถีชีวิตไทยภาคกลางเป็นอย่างดี การเดินทางไปวัดข่อย ระยะทาง จากจังหวัดอ่างทอง ไปถึงวัด ประมาณ 12 กิโลเมตร ระยะทางจากอำเภอโพธิ์ทอง ไปถึงวัดข่อย ประมาณ5 กิโลเมตร 5. ค้างคาวแม่ไก่ ค้างคาวแม่ไก่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ รวมกับนกนานาชนิด ประมาณ25,000 ตัว บริเวณ วัดจันทราราม ค้างคาวแม่ไก่ออกหากินในเวลากลางคืน กลางวันนอนห้อยหัวลงอยู่ตามกิ่งไม้อาศัยต้นไม้บริเวณวัด


๖ จันทรารามเป็นที่พักและแพร่พันธุ์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว วัดจันทราราม ตั้งอยู่บ้านช้าง หมู่ที่ 5ตำบลโคกพุทรา อำเภอโพธิ์ทอง ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 4 กิโลเมตร 6. หมู่บ้านจักสาน ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอำเภอโพธิ์ทองด้านหัตถกรรม ได้แก่ เครื่องจักสานไม้ไผ่ พิพิธภัณฑ์จักสานไม้ไผ่ ศูนย์จำหน่ายสินค้าหมู่บ้านจักสานตั้งอยู่ห่างจากอำเภอโพธิ์ทอง ไปบนถนนสาย โพธิ์ทอง – ท่าช้าง ประมาณ 5 กิโลเมตร ธนาคาร มีธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ 1. ธนาคารออมสิน 2. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ด้านการสาธารณสุข มีโรงพยาบาลอำเภอ 1 แห่ง มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 16 แห่ง ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”อำเภอโพธิ์ทอง จำนวน 1 แห่ง ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา ประวัติสถานศึกษา : จากสภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านสังคมเศรษฐกิจและ การเมือง ประชาชนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาความรู้และประสบการณ์เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป การศึกษาเป็นเครื่องมือประเภทหนึ่งในบรรดา เครื่องมือหลายประเภทที่ผู้บริหารประเทศเลือกใช้ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมโดยส่วนรวมตามนโยบาย “ การศึกษานำการพัฒนา” (บุญเลิศ มาแสง. 2536 : 55)และเพื่อประโยชน์ ในการพัฒนาประเทศ กรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ จึงจัดการศึกษาเพื่อขยายโอกาสทาง การศึกษาให้แก่เด็กเยาวชนและผู้ใหญ่ที่อยู่นอกระบบโรงเรียน ให้ได้รับการศึกษาที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีพื้นฐานใน การเรียนรู้ รู้จักคิดเป็น เห็นช่องทางในการประกอบอาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรม ได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็น ประโยชน์และทันต่อเหตุการณ์รวมทั้งมีโอกาสพัฒนาทักษะและวิชาชีพตามความจำเป็นอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (กรมการศึกษานอกโรงเรียน. 2535 : 1) การดำเนินงานการศึกษานอกโรงเรียน ให้สอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของชาติในปัจจุบัน ได้เน้นการ ส่งเสริมให้มีการกระจายอำนาจการบริหารการศึกษานอกโรงเรียนไปยังส่วนภูมิภาคเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและ มี ระบบมากขึ้น มีการเร่งรัดปรับปรุงกลไกการจัดการศึกษานอกโรงเรียนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระดับท้องถิ่น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของตนเองอย่างแท้จริง โดยใน ขั้นแรกกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้ ทดลองระบบบริหารเพื่อการกระจายอำนาจและเสริมสร้างสมรรถนะ เพื่อการส่งเสริมการประสานงานการจัดกิจกรรม การศึกษานอกโรงเรียนลงไปในระดับต่ำกว่าจังหวัดโดยดำเนินงานโครงการทดลองศูนย์บริการข่าวสารข้อมูลระดับ อำเภอ (ศบอ.)


๗ ในปีงบประมาณ 2527 เป็นการทดลองข้อมูลข่าวสารระดับอำเภอ ภาคละ1 แห่ง รวม 4 แห่ง ได้แก่ ภาคเหนือที่ศูนย์บริการข่าวสารข้อมูลอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ภาคกลางที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัด อ่างทอง ภาคใต้ที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัด นครราชสีมา(กรมการศึกษานอกโรงเรียน. 2536:1) ต่อมา กรมการศึกษานอกโรงเรียนจึงได้ดำเนินการกระจายอำนาจ การบริหารงานของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดให้เป็นสถานศึกษาที่สามารถขยายการปฏิบัติงานได้อย่าง กว้างขวาง โดยจัดให้มีหน่วยงานประสานงานการศึกษานอกโรงเรียนของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด ไปอยู่ตาม อำเภอต่างๆ เพื่อให้สามารถจัดการศึกษา ได้สอดคล้องกับปัญหาความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง และมุ่งเน้น การประสานงานในการนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีบุคลากรคือผู้ประสานงานการศึกษา นอกโรงเรียน ระดับอำเภอเป็นหัวหน้า มีครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน เจ้าหน้าที่ห้องสมุดประชาชน ครู ประจำกลุ่มและวิทยากรวิชาชีพที่ปฏิบัติงานโดยอยู่ในการกำกับดูแลของนายอำเภอ และศึกษาธิการอำเภอ ในฐานะ ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ และเรียกว่า ศูนย์ประสานงานการศึกษานอกโรงเรียนระดับอำเภอ ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 กรมการศึกษานอกโรงเรียนได้สำรวจศูนย์ประสานงานการศึกษานอกโรงเรียนระดับอำเภอที่มีความพร้อมและประกาศ จัดตั้งเป็นศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอนำร่องจำนวน 125 แห่ง ผลการศึกษาสภาพการดำเนินงานของศูนย์ ประสานงานการศึกษานอกโรงเรียนระดับอำเภอ พบว่ามีปัญหาหลายประการ เช่น ระบบการติดตามและประเมินผล การดำเนินงาน ระบบบริหารและการจัดองค์กร เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้การจัดการศึกษานอกโรงเรียนมีความคล่องตัวสามารถระดมสรรพกำลังเพื่อตอบสนอง ความต้องการจากชุมชนได้อย่างทันท่วงที การศึกษานอกโรงเรียนจึงพัฒนากลไกในการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ในระดับอำเภอ ให้ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมการปฏิบัติการ การส่งเสริมสนับสนุน และการประสานงานการศึกษา นอกโรงเรียนทุกรูปแบบ โดยกรมการศึกษานอกโรงเรียนจัดสรรบุคลากร และทรัพยากรจากหน่วยงานในระดับอำเภอ ภาคและส่วนกลาง มาเสริมกำลังให้หน่วยงานในระดับอำเภอแล้วเปลี่ยนบทบาทเปลี่ยนชื่อศูนย์การศึกษานอก โรงเรียนอำเภอที่ประกาศจัดตั้งอยู่แล้วใน 125 อำเภอ เป็นศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอต่อมาเมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2536 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอทั่ว ประเทศ จำนวน 789 แห่ง และได้มีการแต่งตั้งหัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภออย่างถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา โดยมีนายธนกฤต วงษ์ทองดี ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าศูนย์ฯ เป็นคนแรกต่อมาได้เปลี่ยนชื่อ ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอโพธิ์ทอง มาเป็น“ศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง” ประกาศตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551 เป็นสถานศึกษาอยู่ในส่วน ภูมิภาคในเขตจังหวัดอ่างทอง ในสังกัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เปลี่ยนเป็นศูนย์ ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง สังกัด สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัดอ่างทอง กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ และปัจจุบันมีนางสาวกุหลาบ อ่อนระทวย ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการ เรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง


๘ ทำเนียบผู้บริหาร ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง ระยะเวลาที่ ดำรงตำแหน่ง 1 นายธนกฤต วงษ์ทองดี หัวหน้าศูนย์ฯ 2537 – 2541 2 นายธีระพัฒน์ แก้วทับทิม ผู้อำนวยการ 2541 – 2548 3 นางชนิญา โพธิ์สุข ผู้อำนวยการ 2548 – 2552 4 นายดิลก ญาณสุภาพ ผู้อำนวยการ 2552 – 2559 5 นางอุทัยวรรณ แก้วเขียว ผู้อำนวยการ 2560 – 2562 6 นางสาวกุหลาบ อ่อนระทวย ผู้อำนวยการ 2563 - ปัจจุบัน ข้อมูลคณะกรรมการสถานศึกษา ลำดับที่ ชื่อ – สกุล ตำแหน่ง ระยะเวลาที่ ดำรงตำแหน่ง 1 นายสมควร สิงห์คะ ประธานกรรมการ 2563-2566 2 พระปลัดจีระพนธ์ อมรรังสี กรรมการ 2563-2566 3 นายสมเกียรติ อินทรดำ กรรมการ 2563-2566 4 นางจารวี จันทราภิรมย์ กรรมการ 2563-2566 5 นายประดิษฐ์ โพธิ์ศรีนาค กรรมการ 256532566 6 นายรังสรรค์ คล้ายพันธ์ กรรมการ 2563-2566 7 นางสาวอัญชลี พงษ์พานิช กรรมการ 2563-2566 8 นางผกามาศ ภู่ประดิษฐ์ กรรมการ 2563-2566 9 ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง กรรมการและเลขานุการ 10 นางสาวมะลิ จุ้ยกง ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการ


๙ ทำเนียบบุคลากร ที่ ชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง วุฒิ หน้าที่รับผิดชอบ 1 นางสาวกุหลาบ อ่อนระทวย ผู้อำนวยการ ชำนาญการ ค.ม. ผู้บริหาร บริหารงาน กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 2 นางสาวมะลิ จุ้ยกง บรรณารักษ์ ชำนาญการ พิเศษ ค.ม. หัวหน้ากลุ่มอำนวยการ/ งานงบประมาณ/ หัวหน้างานการศึกษาตามอัธยาศัย/หัวหน้า งานแผนงานและโครงการ/งานนิเทศ ภายใน/งานบุคลากร 3 นายเลิศชาย ปานมุข ครู ชำนาญการ ค.ม. หัวหน้ากลุ่มภาคีเครือข่ายและกิจกรรม พิเศษ/งานประกันคุณภาพ 4 นายนนทชัย มาพิจารณ์ ครู ค.บ. หัวหน้ากลุ่มการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย/งานการศึกษาขั้น พื้นฐาน /งานทะเบียนและวัดผล/งาน พัฒนาหลักสูตร /สื่อ/งานศูนย์บริการให้ คำปรึกษาแนะแนวและหัวหน้างานพัสดุ 5 นางสาวฤทัย ช้างพันธุ์ ครูอาสาฯ ศศ.บ. ปฏิบัติงานในพื้นที่ หัวหน้างานการศึกษาต่อเนื่อง/ งานส่งเสริมการรู้หนังสือ/ งานการเงิน 6 นางนงลักษณ์ ไหมเงิน ครูอาสาฯ ศศ.บ. ปฏิบัติงานในพื้นที่ กศน.ตำบลองครักษ์ ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย 7 นางแววตา เสือลายตลับ ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน. ตำบลบางพลับ 8 นางสาวอนุกูล ทองเติม ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน. ตำบลบางระกำ 9 นางประภาพร ประวัติวิไล ครูกศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลทางพระ/งานพัสดุ 10 นายภูบดินทร์ บ่ายเที่ยง ครู กศน.ตำบล บธ.บ. กศน. ตำบลรำมะสัก งานอาคารสถานที่งานกิจกรรมพิเศษ/งาน ลูกเสือ 11 นางสาวอรวรรณ สร้อยแสง ครูกศน.ตำบล รป.บ. กศน. ตำบลโพธิ์รังนก งานบัญชี 12 นางสาวชัญญ์ธนันท์ วันอินทร์ ครู กศน.ตำบล รป.บ. กศน.ตำบลอ่างแก้ว 13 นางสาวพรพรรณ วินิจฉัย ครู กศน.ตำบล ศ.บ. กศน.ตำบลคำหยาด งานธุรการ/สารบรรณ


๑๐ ที่ ชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง วุฒิ หน้าที่รับผิดชอบ 14 นางสาวอุทัยวรรณ พิลาศาสตร์ ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลบางเจ้าฉ่า 15 นางสาวจตุพร พวงเงิน ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลโคกพุทรา งานประชาสัมพันธ์ 16 นางสุนิศา พึ่งกัน ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลยางช้าย งานประชาสัมพันธ์/งานยุวกาชาด 17 นางชยุตา ประสมศิลป์ ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลหนองแม่ไก่ งานบุคลากร 18 นางสาวสุพัตรา หว้านหอม ครู กศน.ตำบล ค.บ. กศน.ตำบลสามง่าม 19 นางสาวสุวนันท์ กลิ่นสุคนธ์ ครูกศน.ตำบล ท.บ. กศน.ตำบลบ่อแร่ งานพัฒนาหลักสูตร 20 นางสาวตวงพร รุ่งเรืองศรี ครู กศน.ตำบล กศ.บ. กศน.ตำบลอินทประมูล 21 นางสาวสยาม ก๋งฉิน นักวิชาการ ศึกษา ค.บ. ผู้ช่วยงานการศึกษาตามอัธยาศัย งานนิเทศ 22 นางสาวกนกพร พรหมสนธิ นักวิชาการ ศึกษา วท.บ. งานพัสดุ งานธุรการ 23 นางธนพร รื่นกาญจนถาวร ครูสอนผู้พิการ ศศ.บ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 24 นางสาวรตะวัน โภควัต บรรณารักษ์ จ้าเหมาบริการ วท.บ. ผู้ช่วยงานการศึกษาตามอัธยาศัย 25 นายนพนันท์ บัวเผื่อน พนักงานบริการ ปวช. งานอาคารถานที่ห้องสมุดฯ 26 นายชูชาติ อันคล้าย พนักงานบริการ อัตราจ้าง ม.๓ งานอาคารสถานที่ จำนวนบุคลากร(ปีปัจจุบัน) ที่ ประเภท/ตำแหน่ง จำนวน ต่ำกว่า ป.ตรี ป.ตรี ป.โท ป.เอก รวมจำนวน 1. ผู้บริหาร 1 1 2 ข้าราชการครู - 1 1 - 2 3 บุคลากรทางการศึกษา - 1 - 1 4 ลูกจ้างประจำ 1 - - - 1 5 พนักงานราชการ ครูอาสาฯ - 2 - - 2 6 พนักงานราชการ ครู กศน.ตำบล - 12 2 - 14 7 พนักงานราชการ นักวิชาการศึกษา - 2 - - 2 8 ครูสอนผู้พิการ - 1 - - 1 9 อัตราจ้าง 1 1 - - 2 รวม 2 18 5 26


๑๑ แหล่งเรียนรู้และภาคีเครือข่าย ชื่อ กศน. ตำบล ที่ตั้ง ผู้รับผิดชอบ 1. กศน. ตำบลทางพระ หมู่ 1 ตำบลทางพระ อำเภอโพธิ์ทอง นางประภาพร ประวัติวิไล 2. กศน. ตำบลองครักษ์ หมู่ 5 ตำบลองครักษ์ อำเภอโพธิ์ทอง นางนงลักษณ์ ไหมเงิน 3.กศน. ตำบลบ่อแร่ หมู่ 4 ตำบลบ่อแร่ อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวสุวนันท์ กลิ่นสุคนธ์ 4. กศน. ตำบลบางเจ้าฉ่า หมู่ 8 ตำบลบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวอุทัยวรรณ พิลาศาสตร์ 5. กศน. ตำบลหนองแม่ไก่ หมู่ 4 ตำบลหนองแม่ไก่ อำเภอโพธิ์ทอง นางชยุตา ประสมศิลป์ 6. กศน. ตำบลอ่างแก้ว หมู่ 6 ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวชัญญ์ธนันท์ วันอินทร์ 7. กศน. ตำบลรำมะสัก หมู่ 3 ตำบลรำมะสัก อำเภอโพธิ์ทอง นายภูบดินทร์ บ่ายเที่ยง 8. กศน. ตำบลโพธิ์รังนก หมู่ 3 ตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวอรวรรณ สร้อยแสง 9. กศน. ตำบลสามง่าม หมู่ 6 ตำบลสามง่าม อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวสุพัตรา หว้านหอม 10. กศน. ตำบลบางระกำ หมู่ 3 ตำบลบางระกำ อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวอนุกูล ทองเติม 11. กศน. ตำบลบางพลับ หมู่ 6 ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ทอง นางแววตา เสือลายตลับ 12. กศน.ตำบลอินทประมูล หมู่ 3 ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวตวงพร รุ่งเรืองศรี 13. กศน. ตำบลคำหยาด หมู่ 1 ตำบลคำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวพรพรรณ วินิจฉัย 14. กศน.ตำบลโคกพุทรา หมู่ 6 ตำบลโคกพุทรา อำเภอโพธิ์ทอง นางสาวจตุพร พวงเงิน 15. กศน. ตำบลยางช้าย หมู่ 7 ตำบลยางช้าย อำเภอโพธิ์ทอง นางสุนิศา พึ่งกัน


๑๒ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ บุคคล(ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญา ผู้นำ) ความรู้ความสามารถ ที่อยู่/เบอร์โทร 1 นางจำเรียง เฉยเฉลียง อาหารและโภชนาการ / ขนมไทยโบราณ 61 หมู่ที่ 7 ต.ทางพระ 098-9091935 2 นางสงัด พรมเมศ แพทย์แผนไทยและสมุนไพร 136 หมู่ที่ 5 ต. รำมะสัก 3 นายประดิษฐ์ โพธิ์ศรีนาค ด้านการเกษตร/การขยายพันธุ์ต้นไม้ หมู่ที่ 1 ต.รำมะสัก 085-1851508 4 นางสมพร อุทยานิน ทำไม้กวาดดอกหญ้าการสานเปลจาก เศษผ้าการทำยาสีฟันสมุนไพร การทำยาดมสมุนไพร 38หมู่ที่5 ต.อินทประมูล 081-8511107 5 นายชัยวัฒน์ อุดมทัศน์ เกษตรผสมผสาน 60 ม.4 ต.ทางพระ 088-8511101 6 นางสุจินดา อ่วมรอต เกษตรผสมผสาน 47 หมู่ 4 ตำบลบ่อแร่086- 9005363 7 นายอำนาจ ศรีบัวทอง เกษตรผสมผสาน 37/2 หมู่ที่ 9 ต.คำหยาด 8 นางประไพ อยู่เจียม อาหารและโภชนาการ (ขนมหวาน) 95 หมู่ที่ 3 ต.โคกพุทรา 9 นางสาวอารมณ์ สุขมะนัส การถนอมอาหาร 56 หมู่ที่ 3 ต. สามง่าม 098-4168099 10 นายไชวัฒน์ นวกภูมิ ดนตรีไทย 28 ม.3 ต.ไชโย อ.ไชโย 063-1406708 11 นางบังอร เพชรสุนทร เกษตรกรรม /ทำปุ๋ยหมัก การทำขนมไทย 21 หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์รังนก 12 นายศักดิ์ ละวัลวงค์ ด้านเกษตรผสมผสาน บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 4 ตำบล ยางช้าย : 081-9919138 13 นางอาภา ปรีชากูลย์ แพทย์แผนไทยและสมุนไพรนวดแผนไทย 4/1 หมู่ที่ 6 ต.บางเจ้าฉ่า 14 นางสมพิศ ถาดทอง ศิลปหัตถกรรมการสานเปลจากเศษผ้า 69 หมู่ที่ 7 ต.หนองแม่ไก่ 15 นางประไพ อยู่เจียม ด้านอาหารและโภชนาการ /น้ำพริก 95 หมู่ที่ 3 ต.โคกพุทรา 16 นายรังสรรค์ คล้ายพันธ์ ด้านเกษตรผสมผสาน 73 ม.1 ต.บ่อแร่ 086-757-8514 17 น.ส.น้ำหวาน รอตเสถียร ด้านแปรรูปอาหาร ๒๒ หมู่ 5 ต.บางระกำ 18 นายธนู ทรัพย์ชิต ด้านการเกษตร และเศรษฐกิจพอเพียง ๖๘ หมู่ ๖ ต.บางระกำ 19 นางสุมนัส แสงนวล ด้านขนมไทย ๖๕ หมู่ ๓ ต.บางระกำ 20 นางขวัญฤดี กุลบุตร์ ด้านขนมเบเกอรี่ 11 หมู่ที่ 1 ต.อ่างแก้ว


๑๓ ที่ บุคคล(ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญา ผู้นำ) ความรู้ความสามารถ ที่อยู่/เบอร์โทร 21 นางมาลัย กิ่งไทรย์ ด้านการตัดเย็บผ้า 9 หมู่ 5 ต.หนองแม่ไก่ 063-4245161 22 นายมนูญ เอี่ยมสะอาด ด้านเกษตรผสมผสาน หมู่ที่ 3 ต.อินทประมูล 23 นางสาวสำเนา จันทร์หอม ด้านการเกษตร และเศรษฐกิจพอเพียง ๘๙/๑ หมู่ ๗ ต.หนองแม่ไก่ ๐๘๖-๑๓๗๔๑๒๐ 24 นายอำนาจ ศรีบัวทอง เกษตรกรรม /การทำเกษตรผสมผสาน ทำปุ๋ยชีวภาพ ๓๗/๒ หมู่ ๙ ตำบลคำหยาด ๐๘๑-๕๑๕๓๑๓๑ 25 นางสาวน้ำฝน ฉิมบุรุษ อาหารและโภชนาการ / ขนมไทย ๕/๑หมู่ ๑ ตำบลคำหยาด ๐๘๑-๘๕๒๙๔๐๕ 26 นางสาวดวงฤทัย นรสิงห์ อาหารและโภชนาการ / การถนอม อาหาร ๔๗ หมู่ ๕ ตำบลคำหยาด ๐๘๖-๑๒๗๖๒๙๒ 27 นางแสวง โพธิพยัคฆ์ หัตถกรรม/จักสานหวาย ๔๑/๑ หมู่ ๑ ตำบลคำหยาด ๐๘๖-๑๒๗๖๒๙๒ 28 นางสาวบุบผา ฉิมบุรุษ เกษตรกรรม /การทำเกษตรผสมผสาน ทำปุ๋ยชีวภาพ ๕ หมู่ ๑ ตำบลคำหยาด ๐๘๑-๑๐๒๒๘๓๕ 29 นางบังอร ธัญญานนท์ อาหารและโภชนาการ / การถนอมอาหาร 18/1 หมู่ที่ 2 องค์รักษ์ ๐๘๑-๕๑๕๓๑๓๑ 30 นางสีวัน ขวัญเสือ อาหาร/การถนอมอาหาร 12 หมู่ที่ 3 ต. องค์รักษ์ 086-0773034 31 นางบุบผา อินคำนึง ศิลปหัตถกรรม / รีไซเคิลกระป๋อง น้ำอัดลม ๓๕ หมู่ ๓ ตำบลบางพลับ 32 นางสายลม นิลสนธิ์ ศิลปหัตถกรรมตะกร้าเชือกมัดฟาง 32 หมู่ 6 ต. บางพลับ 089-9044930 33 นางหรินทร์รัตน์ โภคพูล ศิลปหัตถกรรม / เปลยวนจากผ้า 55/2หมู่ 2 ตำบลยางช้าย 080-8135746 34 นางพรพิมล ขันทอง ขนมเบเกอรี่ 86 ม.8 ต.บางเจ้าฉ่า 35 นางสาวสุมาลัย ฟักทอง ศิลปหัตถกรรม /การสานตะกร้าลายไทย 70 ม.2 ต.องครักษ์ 084-3413981


๑๔ แหล่งเรียนรู้อื่น ที่ ชื่อ แหล่งเรียนรู้อื่น ประเภทแหล่งเรียนรู้ ที่ตั้ง 1 แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภูมิปัญญา หมู่ 1 ต.โพธิ์รังนก 2 ศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย หมู่ 5 ต. รำมะสัก 3 หมู่บ้านจักสานหวาย ชุมชน หมู่ 12 ต.รำมะสัก 4 กลุ่มแพทย์แผนไทย ภูมิปัญญา หมู่ 10 ต.รำมะสัก 5 กลุ่มจักสานหวาย ชุมชน หมู่ 3 ต.สามง่าม 6 แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภูมิปัญญา หมู่ 6 ต.สามง่าม 7 บ้านหนังสือชุมชน แหล่งข้อมูล ทุกตำบล 30 หมู่บ้าน 8 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง แหล่งเรียนรู้ หมู่ 4 ต.บ่อแร่ 9 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ภูมิปัญญา 15 ตำบล 10 พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง วัดท่าอิฐ โบราณสถาน หมู่ 6 ต.บางพลับ 11 ศูนย์เรียนรู้ยาสมุนไพร ภูมิปัญญา หมู่ 2 ต.บางพลับ 12 การทำพลุดอกไม้ไฟ ภูมิปัญญา หมู่ 3 ต.บางพลับ 13 การทำหัวโขน ภูมิปัญญา หมู่ 3 ต.บางพลับ 14 วัดจันทร์ แหล่งเรียนรู้ หมู่1 ต.ทางพระ 15 หมู่บ้านจักสานไม้ไผ่บ้านบางเจ้าฉ่า แหล่งเรียนรู้/ภูมิปัญญา หมู่ 8 ต.บางเจ้าฉ่า 16 วัดขุนอินทประมูล วัด/โบราณสถาน หมู่ 2 ต.อินทประมูล 17 กลุ่มนานาน้ำพริก อาหาร/ขนม หมู่ 5 ต.บางระกำ 18 วัดเขาแก้ว เศรษฐกิจพอเพียง หมู่ 8 ต.องครักษ์ 19 พระตำหนักคำหยาด โบราณสถาน หมู่ 8 ต.คำหยาด 20 ค้างคาวแม่ไก่วัดจันทราราม แหล่งเรียนรู้ หมู่ 4 ต.โคกพุทรา 21 แหล่งเรียนรู้เฟอร์นิเจอร์หวาย ศิลปะหัตกรรม ต.ยางช้าย 22 ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอโพธิ์ทอง แหล่งเรียนรู้ หมู่ที่ 6 ต.อ่างแก้ว 23 กศน.ตำบล แหล่งเรียนรู้ ทุกตำบล 15 ตำบล


๑๕ ภาคีเครือข่าย ที่ ชื่อ ภาคีเครือข่าย ที่ตั้ง/ที่อยู่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบล รวม 12 แห่ง 2 เทศบาลตำบล รวม 5 แห่ง 3 วัด รวม 15 ตำบล 4 โรงเรียน รวม 15 ตำบล 5 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รวม 15 ตำบล 6 ชมรมผู้สูงอายุ รวม 19 ชมรม 7 คณะกรรมการสถานศึกษา รวม 8 คน 8 คณะกรรมการ กศน.ตำบล รวม 15 ตำบล 9 อาสาสมัคร กศน. รวม 45 คน 10 โรงพยาบาลโพธิ์ทอง ตำบลบางพลับ 11 คณะกรรมการ สคบ. รวม 15 ตำบล 12 คณะกรรมการองค์กรนักศึกษา รวม 15 ตำบล 13 ผู้นำชุมชน รวม 110 คน 14 อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน รวม 15 ตำบล 15 อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม) รวม 15 ตำบล


๑๖ บทที่ ๒ โครงสร้างและการบริหารงาน สกร.อำเภอโพธิ์ทอง ผู้อำนวยการสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา กลุ่มภาคีเครือข่าย และกิจการพิเศษ กลุ่มจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย กลุ่มอำนวยการ งานบุคลากร งานการศึกษาพื้นฐาน งานส่งเสริม สนับสนุน ภาคีเครือข่าย งานการเงิน/บัญชี งานการศึกษาต่อเนื่อง งานกิจกรรมพิเศษ งานกิจการลูกเสือ/ ยุวกาชาด งานธุรการ/สารบรรณ งานพัสดุ งานการศึกษาตามอัธยาศัย งานอาคารสถานที่ งานประชาสัมพันธ์ งานแผนงาน/โครงการ งานนิเทศภายใน งานทะเบียนและวัดผล งานศูนย์บริการให้คำปรึกษาแนะนำ โครงสร้างสถานศึกษา งานข้อมูลสารสนเทศ งานประกันคุณภาพภายใน


๑๗ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง แบ่งการบริหารงานภายในสถานศึกษาออกเป็น 3 กลุ่มงาน ดังนี้ ๑. กลุ่มอำนวยการ มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับ งานบุคลากร งานการเงิน งานบัญชีงาน ธุรการงานสารบรรณ งานพัสดุ งานอาคารสถานที่ งานแผนงานและโครงการ งานประชาสัมพันธ์ งานนิเทศ ภายใน งานข้อมูลสารสนเทศ งานประกันคุณภาพภายใน งานบริหารความเสี่ยง ๒. กลุ่มจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการ จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน งานการศึกษาต่อเนื่อง งานการศึกษาตามอัธยาศัย งานทะเบียนและวัดผล งาน ศูนย์บริการให้คำปรึกษาแนะนำ ๓. กลุ่มส่งเสริมภาคีเครือข่ายและกิจการพิเศษ มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุนภาคีเครือข่ายโดยระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐภาคเอกชนให้ทุกภาคส่วนของสังคม เป็นเครือข่ายร่วมจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยสนับสนุนโครงการพิเศษต่างๆ เช่น โครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โรคเอดส์โรคโควิด-19 โรคไข้เลือดออก กิจกรรมประชาธิปไตย งานลูกเสือและงานยุวกาชาด ฯลฯ


๑๘ บทที่ 3 ทิศทางการดำเนินงานของ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ตามที่พระราชกฤษฎีกาวด้วยหลักเกณฑ และวิธีการบริหารกิจการบานเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาตรา 9 ได้กำหนดไววา การบริหารราชการเพื่อใหเกิดผลสัมฤทธิ์ตอภารกิจของรัฐใหสวนราชการปฏิบัติคือ (1) กอนจะ ดำเนินการตามภารกิจใด สวนราชการตองจัดทำแผนปฏิบัติราชการไวเป็นการลวงหนา (2) การกกำหนด แผนปฏิบัติราชการของสวนราชการตาม (1) ตองมีรายละเอียดของขั้นตอนระยะเวลาและงบประมาณที่จะตองใช ในการดำเนินการของแต่ละขั้นตอน เป้าหมายของภารกิจ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ และตัวชี้วัดความสำเร็จของ ภารกิจ และมาตรา 16 ใหสวนราชการจัดทำแผนแผนปฏิบัติราชการของสวนราชการนั้น “ในแต่ละปงบประมาณ ใหสวนราชการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี โดยใหระบุสาระสำคัญเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบัติราชการของ สวนราชการ เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของงานรวมทั้งประมาณการรายได้และรายจ่าย และทรัพยากรอื่นที่จะต องใชเสนอตอ รัฐมนตรีเพื่อใหความเห็นชอบเมื่อรัฐมนตรีใหความเห็นชอบแผนปฏิบัติราชการของสวนราชการใด แลวใหสำนักงบประมาณดำเนินการจัดสรรงบประมาณ เพื่อปฏิบัติงานใหบรรลุผลสำเร็จในแต่ละภารกิจตาม แผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ดังนั้น เพื่อใหเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑและวิธีการบริหารกิจการบานเมืองที่ดีพ.ศ. 2546 สอดคลองกับมติคณะรัฐมนตรีกรอบยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ป (พ.ศ. 2560 - 2579) แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2579) และบริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ โพธิ์ทอง จึงได้จัดแผนปฏิบัติการประจำปงบประมาณ พ.ศ. 2566 ขึ้น เพื่อใชเป็นนกรอบแนวทางในการ ปฏิบัติงาน ประจำปงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอ โพธิ์ทอง กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติได้ดำเนินการยกร่างกรอบยุทธศาสตร์แห่งชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศในระยะ ๒๐ ปี โดยกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมายและ ยุทธศาสตร์ ดังนี้ วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” และเป็นคติพจน์ประจำชาติว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เป้าหมาย ๑. ความมั่นคง ๑.๑ การมีความมั่นคงปลอดภัย จากภัยและการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศใน ทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครัวเรือน และปัจเจกบุคคล และมีความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง


๑๙ ๑.๒ ประเทศ มีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตย มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ระบบการเมืองที่มั่นคงเป็นกลไกที่นำไปสู่การบริหาร ประเทศที่ต่อเนื่องและโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ๑.๓ สังคม มีความปรองดองและความสามัคคี สามารถผนึกกำลังเพื่อพัฒนาประเทศชุมชนมีความ เข้มแข็ง ครอบครัวมีความอบอุ่น ๑.๔ ประชาชน มีความมั่นคงในชีวิต มีงานและรายได้ที่มั่นคงพอเพียงกับการดำรงชีวิตมีที่อยู่อาศัย และความปอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ๑.๕ ฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม มี่ความมั่นคงของอาหาร พลังงาน และน้ำ ๒. ความมั่งคั่ง ๒.๑ ประเทศไทยมีการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ยกระดับเป็นประเทศในกลุ่มประเทศ รายได้สูง ความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาลดลง ประชากรได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันมาก ขึ้น ๒.๒ เศรษฐกิจมีความสามารถในการแข่งขันสูง สามารถสร้างรายได้ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ สร้างฐานเศรษฐกิจและสังคมแห่งอนาคต และเป็นจุดสำคัญของการเชื่อมโยงในภูมิภาคทั้งการคมนาคมขนส่ง การ ผลิต การค้า การลงทุน และการทำธุรกิจ มีบทบาทสำคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก เกิดสายสัมพันธ์ทาง เศรษฐกิจและการค้าอย่างมีพลัง ๒.๓ ความสมบูรณ์ในทุนที่จะสามารถสร้างการพัฒนาต่อเนื่อง ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทาง การเงิน ทุนที่เป็นเครื่องมือเครื่องจักร ทุนทางสังคม และทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. ความยั่งยืน ๓.๑ การพัฒนาที่สามารถสร้างความเจริญ รายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินพอดี ไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม จนเกิดความสามารถในการรองรับและเยียวยาของระบบนิเวศน์ ๓.๒ การผลิตและการบริโภคเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับกฎระเบียบของประชาคมโลก ซึ่งเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพดีขึ้น คนมีความ รับผิดชอบต่อสังคม มีความเอื้ออาทร เสียสละเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ๓.๓ มุ่งประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาในทุกระดับอย่างสมดุล มีเสถียรภาพ และยั่งยืน ๓.๔ ประชาชนทุกภาคส่วนในสังคม ยึดถือและปฏิบัติตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วัตถุประสงค์ ๑) เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ๒) เพื่อเพิ่ม กระจายโอกาสและคุณภาพการให้บริการของรัฐอย่างทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม ๓) เพื่อลดต้นทุนให้ภาคการผลิตและบริการ ๔) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และบริการด้วยนวัตกรรม


๒๐ ยุทธศาสตร์ของกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน กศน. ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ด้านความมั่นคง มีเป้าหมายทั้งในการสร้างเสถียรภาพภายในประเทศและช่วยลดและ ป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มประเทศอาเซียนและประชาคมโลกที่มีต่อประเทศไทย ๑.๑ การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักและการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๑.2 การรักษาความมั่นคงภายในและความสงบเรียบร้อยภายใน ตลอดจนการบริหารจัดการความมั่นคง ชายแดนและชายฝั่งทะเล 1.3 การพัฒนาระบบ กลไก มาตรการ และความร่วมมือระหว่างประเทศทุกระดับ และรักษาดุลยภาพ ความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ 1.4 การพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพผนึกกำลังป้องกันประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อย ภายในประเทศ สร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมิตรประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาไปสู่การ เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องยกระดับผลิตภาพการผลิตและการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มความสามารถใน การแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในสาขาอุตสาหกรรม เกษตรและบริการ การสร้างความมั่นคงและความ ปลอดภัยทางด้านอาหาร การเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าและการเป็นผู้ประกอบการ รวมทั้งการพัฒนา ฐานเศรษฐกิจแห่งอนาคต กรอบแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญ ประกอบด้วย 2.1. การพัฒนาการผลิตและการบริการ บนฐานของการพัฒนานวัตกรรม และมีความเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้ดิจิทัลและการค้าที่เข้มข้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายกิจกรรม การผลิตและบริการ โดย มุ่งสู่ความเป็นเลิศในระดับโลกและในระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมหลายสาขา และในภาคบริการที่หลากหลาย ตามรูปแบบการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป รวมทั้งเป็นแหล่งอาหารคุณภาพ สะอาดและปลอดภัยของ โลก 2.1.1 ภาคเกษตร โดยเสริมสร้างฐานการผลิตให้เข้มแข็งและยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันภาคการเกษตร ส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้ปรับไปสู่การทำเกษตรยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ รวมกลุ่มเกษตรกรในการพัฒนาอาชีพที่เข้มแข็ง และการพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพและอาหารคุณภาพ สะอาด และปลอดภัย 2.1.2 ภาคอุตสาหกรรม โดยพัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพ ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรม ปัจจุบันที่มีศักยภาพสูง และพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคตที่มีศักยภาพ โดยการใช้ดิจิทัลและการค้ามาเพิ่มมูลค่าและ ยกระดับห่วงโซ่มูลค่าในระดับที่สูงขึ้น 2.2. การพัฒนาผู้ประกอบการและเศรษฐกิจชุมชน พัฒนาทักษะผู้ประกอบการ ยกระดับการผลิต ศักยภาพแรงงาน และพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (SMEs) สู่สากล และพัฒนาวิสาหกิจชมชนและ สถาบันเกษตรกร 2.3. การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและเมือง พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และพัฒนาระบบเมือง ศูนย์กลางความเจริญ จัดระบบผังเมืองที่มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วม มีการจัดการการสิ่งแวดล้อมเมืองและ โครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพ


๒๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน เพื่อพัฒนาคนและสังคมไทยให้เป็นรากฐานที่ แข็งแกร่งของประเทศ มีความพร้อมทางกาย ใจ สติปัญญา มีความเป็นสากล มีทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างมี เหตุผล มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย มีคุณธรรม จริยธรรม รู้คุณค่าความเป็นไทย มีครอบครัวที่มั่นคง ๓.๑ การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิตให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศ ๓.๒ การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียม และทั่วถึง ๓.๓ การปลูกฝังระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ 3.4 การเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี 3.5 การสร้างความอยู่ดีกินดีมีสุขของครอบครัวไทยเสริมสร้างบทบาทของสถาบันครอบครัวในการบ่ม เพาะจิตใจให้เข้มแข็ง ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม เพื่อเร่งกระจายโอกาส การพัฒนา และสร้างความมั่นคงให้ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำไปสู่สังคมที่เสมอภาคและเป็นธรรม ๔.๑ การสร้างความมั่นคงและการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ๔.๒ การสร้างสภาพแวดล้อมและนวัตกรรมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตในสังคมสูงวัย ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งอนุรักษ์ฟื้นฟู และสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ และมีความมั่นคงด้านน้ำ รวมทั้งมีความสามารถในการป้องกัน ผลกระทบและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติธรรมชาติ และพัฒนามุ่งสู่การเป็นสังคมสีเขียว ๕.๔ การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมี ขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ มีสมรรถนะสูง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระจายบทบาทภารกิจไปสู่ ท้องถิ่นอย่างเหมาะสม มีธรรมาภิบาล ๖.๑ การปรับปรุงโครงสร้าง บทบาท ภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ ให้มีขนาดที่เหมาะสม ๖.๓ การพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนและพัฒนาบุคลากรภาครัฐ ๖.๔ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ๖.๕ การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ให้ทันสมัยเป็นธรรมและเป็นสากล แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ เพื่อใช้เป็นแผน ยุทธศาสตร์ระยะยาวสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของประเทศ ได้นำไปใช้เป็นกรอบแนวทางการ พัฒนาการศึกษาสำหรับพลเมืองทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิต โดยได้กำหนดสาระสำคัญไว้ ดังนี้ วิสัยทัศน์: “คนไทยได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้อง กับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ ๒๑” เป้าหมายของการจัดการศึกษา (Aspirations) ๕ ประการ ๑. ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างทั่วถึง (Access) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ประชากรกลุ่มอายุ ๖ - ๑๔ ปี ทุกคนได้เข้าเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นหรือเทียบเท่าที่ รัฐต้องจัดให้ฟรี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ผู้เรียนพิการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสม ทุกคน และประชากรวัยแรงงานมีการศึกษาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็นต้น


๒๒ ๒. ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างเท่าเทียม (Equity) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษา ๑๕ ปี เป็นต้น ๓. ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น นักเรียนมีคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) แต่ ละวิชาผ่านเกณฑ์คะแนนร้อยละ ๕๐ ขึ้นไปเพิ่มขึ้น และคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบโครงการประเมินผลนักเรียน ร่วมกับนานาชาติ (Programmer for international Student Assessment : PISA) ของนักเรียนอายุ ๑๕ ปี สูงขึ้น เป็นต้น ๔. ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการลงทุนทางการศึกษาที่คุ้มค่าและบรรลุ เป้าหมาย (Efficiency) มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ร้อยละของสถานศึกษาขนาดเล็กที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน คุณภาพภายนอกลดลง มีระบบการบริหารงานบุคล ครู และบุคลากรทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและเป็นไป ตามเกณฑ์มาตรฐาน รวมทั้งมีกลไกส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการจัดการศึกษา เป็นต้น ๕. ระบบการศึกษาที่สนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและบริบทที่เปลี่ยนแปลง (Relevancy)มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการศึกษาดีขึ้น ปัจจัยและเงื่อนไขความสำเร็จ (Key Success Factors) การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายของแต่ละยุทธศาสตร์ตามที่กำหนดไว้ในแผนการศึกษา แห่งชาติจะประสบผลสำเร็จตามที่ระบุไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาได้หน่วยงานทั้งระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติการ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค จังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาต้องยึดถือเป็น แนวทางในการดำเนินงาน และมีการทบทวน ปรับปรุงมาตรการ เป้าหมายความสำเร็จให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อการพัฒนาศักยภาพผู้เรียนในทุกช่วงวัย ซึ่งต้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และการยอมรับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาสังคมในการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาการศึกษาในลักษณะต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง มุ่งเน้นที่การจัดระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนในทุกระดับ ๒. การสร้างความเข้าใจในเป้าหมายและยุทธศาสตร์การดำเนินงานของแผนการศึกษาแห่งชาติของผู้ปฏิบัติ ทุกหน่วยงานทุกระดับ เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ มีการบริหารจัดการและการ เชื่อมโยงยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของการจัดการศึกษา มีคณะกรรมการ กำกับดูแลแต่ละยุทธศาสตร์ให้เกิดการนำไปปฏิบัติโดยมีระบบงบประมาณเป็นกลไกสนับสนุนให้บรรลุผลอย่างเป็น รูปธรรม ๓. การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของการจัดการศึกษา จากการเป็นผู้จัดการศึกษาโดยรัฐ มาเป็นการจัด การศึกษาโดยทุกภาคส่วนของสังคม ที่มุ่งการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ๔. การจัดให้แผนการศึกษาแห่งชาติเป็นเสมือนแผนงบประมาณด้านการจัดการศึกษาของรัฐ ระบบการ จัดสรรงบประมาณประจำปีให้ยึดแผนงาน โครงการ และเป้าหมายการพัฒนาที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์และแนว ทางการพัฒนาของแผนการศึกษาแห่งชาติ เป็นหลักในการพิจารณาเพื่อให้การดำเนินงานพัฒนาการศึกษาเป็นไป ในทิศทางและป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนแต่ละช่วงวัยและการพัฒนากำลังคนตามความต้องการของตลาดงานและ ประเทศ เพื่อการจัดการศึกษาบรรลุผลตามยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัดในช่วงเวลาที่กำหนด


๒๓ ๕. การปรับระบบการบริหารจัดการภาครัฐให้เกิดประสิทธิภาพ โดยปรับโครงสร้างการบริหารงานให้มี ความชัดเจนในด้านบทบาทหน้าที่ และการกระจายอำนาจและการตัดสินใจจากส่วนกลางสู่ระดับภูมิภาคและ สถานศึกษารวมทั้งการปรับระบบการบริหารจัดการ และการบริหารงานบุคคลในแต่ละระดับให้ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาในสถานศึกษาให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ ผู้เรียนได้รับบริการการศึกษาที่มีมาตรฐานอย่างเสมอภาค และเท่าเทียม ๖. การสร้างระบบข้อมูลและสารสนเทศที่บูรณาการและเชื่อมโยงกับระบบการประกันคุณภาพภายในและ การประเมินคุณภาพภายนอกผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการรายงานต่อสาธารณชนจะเป็นกลไกในการ สร้างการรับรู้ของผู้จัดการศึกษาและผู้เรียน เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และความรับผิดชอบ ต่อผู้เรียน ผ่านระบบการกำกับ ตรวจสอบติดตามและประเมินผล ๗. การปฏิรูประบบทรัพยากรและการเงินเพื่อการศึกษา เอให้รัฐสามารถใช้เครื่องมือทางการเงินในการ กำกับการดำเนินงานของสถานศึกษาให้เป็นไปตามแผนการศึกษาแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล นโยบายรัฐบาล นายกรัฐมนตรี(พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ไว้ ๑๑ ด้าน โดยมีนโยบายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน กศน. ดังนี้ นโยบายที่ ๑ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามประเพณี การปกครองของไทย รัฐบาลจึงถือเป็นหน้าที่สำคัญยิ่งยวดในอันที่จะเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและ ปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางสังคมจิตวิทยา และมาตรการทาง ระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการดำเนินการกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรืประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอน สถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สำนึกและความผูกพันภักดีของคนอีกเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเผยแพร่ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน ทั้ง จะสนับสนุนโครงการทั้งหลายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่สถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงาน ทั้งหลายของรัฐเรียนรู้เข้าใจหลักการทรงงาน สามารถนำหลักดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการและ การพัฒนา ตลอดจนเร่งขยายผลตามโครงการและแบบอย่างที่ทรงวางรากฐานไว้ให้แพร่หลายเป็นที่ประจักษ์และ เกิดประโยชน์ในวงกว้างอันจะช่วยสร้างความสมบูรณ์พูนสุขแก่ประชาชนในที่สุด นโยบายที่ ๒ การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ ๒.๒ เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนำยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนามาใช้ตามแนวทางกัลยาณมิตรแบบสันติวิธี ส่งเสริมการพูดคุยสันติสุขกับผู้มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ควบคู่กับ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นพหุสังคม ขจัดการ ฉวยโอกาสก่อความรุนแรงแทรกซ้อน เพื่อซ้ำเติมปัญหาไม่ว่าจากผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ทั้งจะเพิ่มระดับปฏิสัมพันธ์กับต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศที่อาจช่วยคลี่คลายปัญหาได้


๒๔ นโยบายที่ ๔ การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ๔.๑ จัดให้มีการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้โดยให้ความสำคัญทั้งการศึกษาในระบบและการศึกษา ทางเลือกไปพร้อมกัน เพื่อสร้างคุณภาพของคนไทยให้สามารถเรียนรู้ พัฒนาตนได้เต็มตามศักยภาพ ประกอบ อาชีพและดำรงชีวิตได้โดยมีความใฝ่รู้และทักษะที่เหมาะสมเป็นคนดีมีคุณธรรม สร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู่ โดย เน้นการเรียนรู้เพื่อสร้างสัมมาอาชีพในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนากำลังคนให้เป็นที่ต้องการเหมาะสมกับ พื้นที่ ทั้งในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจบริการ ๔.๒ ในระยะเฉพาะหน้า จะปรับเปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการศึกษา ให้สอดคล้องกับความ จำเป็นของผู้เรียนและลักษณะพื้นที่ของสถานศึกษา และปรับปรุงและบูรณาการระบบการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาให้มี ประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มโอกาสแก่ผู้ยากจนหรือด้อยโอกาส จัดระบบการสนับสนุนให้เยาวชนและประชาชนทั่วไป มีสิทธิ เลือกรับบริการการศึกษา ทั้งในระบบโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยจะพิจารณาจัดให้มีคูปองการศึกษาเป็นแนวทาง หนึ่ง ๔.๓ ให้องค์กรภาคประชาสังคม ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนทั่วไปมีโอกาส ร่วมจัดการศึกษา ที่มีคุณภาพและทั่วถึง และร่วมในการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ กระจายอำนาจการ บริหารจัดการศึกษาส่าสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตามศักยภาพและความ พร้อม โดยให้สถานศึกษาสามารถเป็นนิตอบุคคล และบริหารจัดการได้อย่างอิสระและคล่องตัวขึ้น ๔.๔ พัฒนาคนทุกช่วงวัยโดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้สามารถมีความรู้และทักษะใหม่ที่ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลายตมแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต ปรับกระบวนการเรียนรู้และหลักสูตรให้ เชื่อมโยงกับภูมิสังคม โดยบูรณาการความรู้และคุณธรรมเข้าด้วยกัน เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาผู้เรียนทั้งในด้าน ความรู้ ทักษะ การใฝ่เรียนรู้ การแก้ปัญหา การรับฟังความเห็นผู้อื่น การมีคุณธรรม จริยธรรม และความเป็น พลเมืองดี โดยเน้นความร่วมมือระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งในและนอกโรงเรียน ๔.๖ พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูที่มีคุณภาพและมีจิตวิญญาณของความเป็นครู เน้นครูผู้สอนให้ มีคุณวุฒิตรงตามวิชาที่สอนนำเทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในการเรียนการสอนเพื่อเป็น เครื่องมือช่วยครูหรือเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น การเรียนทางไกล การเรียนโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น รวมทั้งปรับระบบการประเมินสมรรถนะที่สะท้อนประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนเป็นสำคัญ นโยบายที่ ๑๐ การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการ ทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ ๑๐.๑ ปรับปรุงระบบราชการในด้านองค์กรหรือหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และ ท้องถิ่น ทบทวนการจัดโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ซ้ำซ้อนหรือลดหลั่นกันหรือมีเส้นทางการ ปฏิบัติงานที่ยืดยาว ปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการให้ทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขกฎระเบียบให้โปร่งใส ชัดเจน สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนจัดระบบอัตรากำลังและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากร ภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีการบริหารจัดการภาครัฐแบบใหม่ การ ตอบสนองความต้องการของประชาชนในฐานะที่เป็นศูนย์กลาง และการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการเพื่อ สร้างความเชื่อมั่นวางใจในระบบราชการลดต้นทุนดำเนินการของภาคธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับนานา ประเทศ และการรักษาบุคลากรภาครัฐที่มีประสิทธิภาพไว้ในระบบราชการ โดยจะดำเนินการตั้งแต่ระยะเฉพาะ หน้าไปตามลำดับความจำเป็นและตามที่กฎหมายเอื้อให้สามารถดำเนินการได้


๒๕ ๑๐.๕ ใช้มาตรการทางกฎหมาย การปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรมและจิตสำนึกในการรักษา ศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการและความซื่อสัตย์สุจริต ควบคู่กับการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ เพื่อ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับอย่างเคร่งครัด ยกเลิกหรือ แก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น สร้างภาระแก่ประชาชนเกินควร หรือเปิดช่องโอกาสการ ทุจริต เช่น ระเบียบการจัดซื้อ จัดจ้าง การอนุญาต อนุมัติและการขอรับการบริการจากรัฐ ซึ่งมีขั้นตอนยืดยาวใช้ เวลานาน ซ้ำซ้อน และเสียค่าใช้จ่ายทั้งของภาครัฐและประชาชน นโยบายเร่งด่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 1.1 พัฒนาและเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติโดยปลูกฝังและสร้างความ ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ รณรงค์เสริมสร้างความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นคน ไทยและชาติไทย น้อมนำและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงรวมถึงแนวทางพระราชดำริ ต่างๆ 1.2 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และการมีส่วนร่วมอย่างถูกต้องกับการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในบริบทของไทย มีความเป็นพลเมืองดี ยอมรับและ เคารพความหลากหลายทางความคิดและอุดมการณ์ 1.3 ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามในรูปแบบ ใหม่ ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ ภัยจากไซเบอร์ ภัยพิบัติจากธรรมชาติ โรคอุบัติใหม่ฯลฯ 1.4 ยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างเสริมโอกาสในการเข้าถึงบริการการศึกษา การพัฒนาทักษะ การสร้างอาชีพ และการใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรม ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัด ชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนอื่น ๆ 1.5 สร้างความรู้ ความเข้าใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้าน ยอมรับและเคารพในประเพณี วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ และชาวต่างชาติที่มีความหลากหลาย ในลักษณะพหุ สังคมที่อยู่ร่วมกัน 2.ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 2.1 เร่งปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพ กศน. เพื่อยกระดับทักษะอาชีพของประชาชน ให้เป็นอาชีพที่องรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (First S - curve และ New S - curve) โดยบูรณาการ ความร่วมมือในการพัฒนาและเสริมทักษะใหม่ต้านอาชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมุ่งนั้นสร้างโอกาสในการ สร้างงาน สร้างรายได้ และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานทั้งภาคอุตสาหกรรมและการบริการ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจ และเขตพัฒนาพิเศษตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศสำหรับพื้นที่ปกตีให้ พัฒนาอาชีพที่เน้นการต่อยอดศักยภาพและตามบริบทของพื้นที่ 2.2 จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก ยกระดับการศึกษาให้กับประชาชนให้จบ การศึกษาอย่างน้อยการศึกษาภาคบังคับ สามารถนำคุณวุฒิที่ไต้รับไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งพัฒนา ทักษะในการประกอบอาชีพตามความต้องการของประชาชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ตอบสนองต่อบริบทของ สังคมและชุมชน รวมทั้งรองรับการพัฒนาเขตพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)


๒๖ 2.3 พัฒนาและส่งเสริมประชาชนเพื่อต่อยอดการผลิตและจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ ออนไลน์ 1) เร่งจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ Brand กศน. เพื่อยกระดับคุณภาพของสินค้า และผลิตภัณฑ์การบริหารจัดการที่ครบวงจร (การผลิต การตลาด การส่งออก และสร้างซ่องทางจำหน่าย) รวมทั้ง ส่งแสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการเผยแพร่และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 2) พัฒนาและคัดเลือกสุดยอดสินคำและผลิตภัณฑ์กศน. ในแต่ละจังหวัด พร้อมทั้งประสาน ความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันในการเป็นซ่องทางการจำหน่ายสุดยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ กศน.ให้กว้างขวาง ยิ่งขึ้น 3. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 3.1 พัฒนาครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมและการเรียนรู้เป็นผู้เชื่อมโยงความรู้ กับผู้เรียนและผู้รับบริการ มีความเป็น "ครูมืออาชีพ" มีจิตบริการ มีความรอรู้และทันต่อการเปลี่ยนแปลของสังคม และเป็น "ผู้อำนวยการการเรียนรู้" ที่สามารถบริหารจัดการความรู้ กิจกรรม และการเรียนรู้ที่ดี 1) เพิ่มอัตราข้าราชการครูให้กับ กศน. อำเภอทุกแห่ง โดยเร่งตำเนินการเรื่องการหาอัตรา ตำแหน่งการสรรหา บรรจุ และแต่งตั้ง ข้าราชการครู 2) พัฒนาข้าราชการในรูปแบบครบวงจร ตามหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับวิทยฐานะ 3) พัฒนาครู กศน.ตำบลให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นเรื่องการพัฒนา ทักษะการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะการจัดกระบวนการเรียนรู้ 4) พัฒนาศึกษานิเทศก์ให้สมารถปฏิบัติการนิเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ 5) พัฒนาบุคลากร กศน.ทุกระดับทุกประเภทให้มีทักษะความรู้เรื่องการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล และภาษาต่างประเทศที่จำเป็น 3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้มีความพร้อม ในการให้บริการกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้ เป็นแหล่งสารสนเทศสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึง มีบรรยากาศ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นคาเฟ่พื้นที่การเรียนรู้สำหรับคนทุกช่วงวัย มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีบรรยากาศสวยงามมี ชีวิต ที่ดึงดูดความสนใจ และมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการ 1) เร่งยกระดับ กศน.ตำบลนำร่อง 928 แห่ง (อำเภอละ 1 แห่ง) ให้เป็น กศน.ตำบล 5 ดีพรี เมี่ยม ที่ประกอบด้วย ครูดี สถานที่ดี(ตามบริบทของพื้นที่)กิจกรมดี เครือข่ายดี และมีนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ดีมี ประโยชน์ 2) จัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน เพื่อยกระดับการเรียนรู้ ใน 6 ภูมิภาค เป็นพื้นที่การ เรียนรู้(Co-Learning Space) ที่ทันสมัยสำหรับทุกคน มีความพร้อมในการให้บริการต่างๆ อาทิ พื้นที่สำหรับการ ทำงาน การเรียนรู้ พื้นที่สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ มีห้องประชุมขนาดเล็ก รวมทั้งทำงานร่วมกับห้องสมุดประชาชนใน การให้บริการในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล บริการอินเทอร์เน็ต สื่อมัลติมีเดีย เพื่อรองรับการเรียนรู้แบบ Active Learning 3) พัฒนาห้องสมุดประขาชน "เฉลิมราชมรี" ให้เป็น Digital library) โดยให้มีบริการหนังสือใน รูปแบบ e-book บริการคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรวมทั้ง Fee Wi-Fi เพื่อการสืบค้นข้อมูล 3.3 ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เอื้อต่อการเรียนรู้สำหรับทุกคน สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา มีกิจกรรมที่หลากลาย น่าสนใจ สนองตอบความต้องการของชุมชน เพื่อพัฒนา ศักยภาพการเรียนรู้ของประชาชน รวมทั้งใช้ประโยชน์จากประชาชนในชุมชนในการร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนในชุมชนไปสู่การจัดการความรู้ของชุมชนอย่างยั่งยืน


๒๗ 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ปลูกฝังคุณธรรม สร้างวินัย จิตสาธารณะ ความรับผิดชอบ ต่อส่วนรวม และการมีจิตอาสา ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมลูกเสือ กศน. กิจกรรมจิตอาสา ตลอดจน สนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับบุคลากรในองค์กร 2) จัดให้มีหลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ โดยให้สำนักงาน กศน.จังหวัดทุกแห่ง/กทม. จัดตั้งกอง ลูกเสือที่ลูกเสือมีความพร้อมด้านทักษะภาษาต่างประเทศ เป็นลูกเสือมัคคุเทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพื่อส่งเสริม ลูกเสือจิตอาสาพัฒนาการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด 3.4 เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ประสาน ส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่ายทั้ง ภาครัฐเอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของ ชุมชนเพื่อสร้างความเข้าใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาและการเรียนรู้ ให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพ 1) เร่งจัดทำทำเนียบภูมิปัญญาท้องถิ่นในแต่ละตำบล เพื่อใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นใน การสร้างการเรียนรู้จากองค์ความรู้ในตัวบุคคลให้เกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญา สร้างคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน 2) ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การจัดการเรียนรู้ชุมชน 3) ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อการขยายและพัฒนาการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่มอย่างกว้างขวางและมีคุณภาพ อาทิ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม อสม. 3.5 พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและกลุ่มเป้าหมาย 1) พัฒนาการจัดการศึกษาออนไลน์ กศน. ทั้งในรูปแบบของการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนา ทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ การศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งการพัฒนาช่องทางการค้าออนไลน์ 2) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน การบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ 3) ส่งเสริมให้มีการใช้การวิจัยอย่าง่ายเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ 3.6 พัฒนาศักยภาพคนด้นทักษะและความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) 1) พัฒนาความรู้และทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อพัฒนา รูปแบบการจัดการเรียนการสอน 2) ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนมีทักษะความเข้าใจและใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งสร้างรายได้ให้กับตนเองได้ 3.7 พัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ'อย่างเป็น รูปธรรม โดยเน้นทักษะภาษาเพื่ออาชีพ ทั้งในภาคธุรกิจ การบริการ และการท่องเที่ยว รวมทั้งพัฒนาสื่อการเรียน การสอนเพื่อส่งเสริมการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและการพัฒนาอาชีพ 3.8 เตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่เหมาะสมและมีคุณภาพ 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมให้กับประชาชนเพื่อสร้างความตระหนักถึงการเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ (Aging Society) มีความเข้าใจในพัฒนาการของช่วงวัย รวมทั้งเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแล รับผิดชอบผู้สูงอายุในครอบครัวและชุมชน 2) พัฒนาการจัดบริการการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับประชาชนในการตรียมความพร้อมเข้าสู่ วัยสูงอายุที่เหมาะสมและมีคุณภาพ 3) จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับผู้สูงอายุภายใต้แนวคิด "Active Aging"การศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และพัฒนาทักษะชีวิต ให้สมารถดูแลตนเองทั้งสุภาพกายและสุขภาพจิตและรู้จักใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยี


๒๘ 4) สร้างความตระหนักถึงคุณค่าและทัศนคติของผู้สูงอายุ ปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่ภูมิปัญญา ของผู้สูงอายุ และให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านต่าง ๆ ในชุมชน เช่น ด้านอาชีพ กีฬา ศาสนาและวัฒนธรรม 5) จัดการศึกษาอาชีพเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง ในทุกระดับ 3.9 การส่งเสริมวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา 1) จัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เชิงรุก และนั้นให้ความรู้วิทยาศาสตร์อย่างง่ายกับประชาชนในชุมชน ทั้งวิทยาศาสตร์ในวิถีชีวิต และวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน 2) พัฒนาสื่อนิทรรศการและรูปแบบการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ให้มีความทันสมัย 3.10 ส่งเสริมการรู้ภาษาไทยให้กับประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขต พื้นที่สูงให้สามารถฟัง พูดอ่าน และเขียนภาษาไทย เพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจำวันได้ 4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 4.1 จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้หรับทุกช่วงวัย ที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถให้บริการ ประชาชนไต้ทุกคน ทุกช่วงวัย ที่มีกิจกรรมที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ในแต่ละวัยและเป็น ศูนย์บริการความรู้ศูนย์การจัดกิจกรรมที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย เพื่อให้มีพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมและมีความสุข กับการเรียนรู้ตามความสนใจ 1) เร่งประสานกับสำนักงานคณะกรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อจัดทำฐานข้อมูลโรงเรียนที่ถูก ยุบรวม หรือคาดว่าน่าจะถูกยุบรวม 2) ให้สำนักงาน กศน.จังหวัดทุกแห่งที่อยู่ในจังหวัดที่มีโรงเรียนที่ถูกยุบรวม ประสานขอใช้พื้นที่ เพื่อจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สำหรับทุกช่วงวัย กศน. 4.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้พิการ 1) จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ และการศึกษาตาม อัธยาศัย โดยเน้นรูปแบบการศึกษาออนไลน์ 2) ให้สำนักงาน กศน.จังหวัดทุกแห่ง/กทม. ทำความร่วมมือกับศูนย์การศึกษาพิเศษประจำ จังหวัด ในการใช้สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ต้านการศึกษา เพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้พิการ 4.3 ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มเป้หมายทหารกองประจำการ รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายพิเศษ อื่น ๆ อาทิผู้ต้องขัง คนพิการ เด็กออกกลางคัน ประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้จบการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง 4.4 พัฒนาหลักสูดรการจัดการศึกษาอาชีพระสั้น ให้มีความหลากหลาย ทันสมัย เหมาะสมกับ บริบทของพื้นที่ และตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รับบริการ 5. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5.1 ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้กับประชาชน ในการรับมือและปรับตัวเพื่อลดความเสียหายจาก ภัยธรรมชาติและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 5.2 สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสังคมสีเขียว ส่งเสริมความรู้ให้กับ ประชาชนเกี่ยวกับการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง การกำจัดขยะ และการนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดปริมาณและต้นทุนใน การจัดการขยะของเมือง และสามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย รวมทั้งการจัดการมลพิษในชุมชน 5.3 ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการ ใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รณรงค์เรื่องการลดการใช้ถุงพลาสติก การประหยัดไฟฟ้า เป็นต้น


๒๙ 6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 6.1 พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย มีความโปร่งใส ปลอดการทุจริต และประพฤติมิชอบ บริหารจัดการบนข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์มุ่งผลสัมฤทธิ์มีความโปร่งใส 6.2 นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัล ใช้ในการบริหารและพัฒนางาน สามารถเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลกลางของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งพัฒนาโปรแกรมออนไลน์ที่สามารถ เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่ทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างต่อเนื่องกันตั้งแต่ตันจนจบกระบวนการและให้ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทันที ทุกที่และทุกเวลา 6.3 ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ให้มีความรู้และทักษะตามมาตรฐาน ตำแหน่ง ให้ตงกับสายงาน ความชำนาญ และความต้องการของบุคลากร จุดเนนการดำเนินงาน สำนักงาน กศน. ประจำปงบประมาณ พ.ศ. 2566 สำนักงาน กศน. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตระหนัก ถึงความสำคัญของการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจหลักตามแผนพัฒนาประเทศ และนโยบาย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งใน ด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความปลอดภัยและมีสมรรถภาพที่สำคัญจำเป็นในศตวรรษที่ 21 และ มีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคงและยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศัย อันจะนำไปสู่การสร้างโอกาส ความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การยกระดับคุณภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ สำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความพึงพอใจ ให้กับผู้รับริการ โดยได้กำหนดนโยบายและจุดเน้นการ ดำเนินงาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ดังนี้ หลักการ กศน. เพื่อประชาชน “ก้าวใหม่ : ก้าวแห่งคุณภาพ” จุดเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 1. การจัดการศึกษาเพื่อความปลอดภัย 1.1 สร้างความปลอดภัยในหน่วยงาน/สถานศึกษา และป้องกันจากภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบ ต่างๆ ผ่านกิจกรรม “White Zone กศน. ปลอดภัย ไร้สารเสพติด”เน้นแนวทางการปฏิบัติภายใต้หลักการ 3 ป. ได้แก่ ป้องกัน ปลูกฝัง และปราบปราม โดยวางแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยจากสถานการณ์ต่าง ๆ อาทิ เช่น โรคระบาด เหตุการณ์ความไม่สงบ เป็นต้น ให้แก่ผู้เรียน ครู และบุคลากรในรูปแบบต่างๆ อย่างเข้มข้น รวมทั้งดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตามประเมินผลการดำเนินการ เพื่อปรับปรุง พัฒนา และขยายผลต่อไป 1.2 ปลูกฝังทัศนคติ พฤติกรรม และองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยบูรณาการกระบวนการจัดการ เรียนรู้ เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ และสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในเชิงบวกและ สร้างสรรค์ พร้อมทั้งหา แนวทางวิธีการปกป้องคุ้มครองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน ครูและบุคลากร ทางการศึกษา


๓๐ 1.3 เสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน และ วางแผนเตรียม ความพร้อมในการป้องกัน รับมือ และเยียวยา เหตุการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติ รวมทั้งการปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 2. การยกระดับคุณภาพการศึกษา 2.1 ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษานำหลักสูตรฐานสมรรถนะไปสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างสมรรถนะที่สำคัญจำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เรียน 2.2 พัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลในโลก ยุคใหม่ 2.3 ส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการ ปกครอง ระบอบประชาธิปไตย การเรียนรู้ที่ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม สร้างวินัย จิตสาธารณะ อุดมการณ์ความ ยึดมั่นในสถาบัน หลักของชาติ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติและท้องถิ่น เสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็น พลเมืองและมีศีลธรรม ที่เข้มแข็ง รวมถึงการมีจิตอาสา โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการเพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อ การดำรงชีวิต เช่น ทักษะความคิด สร้างสรรค์การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ การสื่อสารระหว่างบุคคล การ เตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมกับ วัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น 2.4 ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) ทั้งในสถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ รวมทั้งพัฒนา Digital Learning Platform แพลตฟอร์มการเรียนรู้ของสำนักงาน กศน. ที่ หลากหลาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ และให้มีคลังสื่อการเรียนรู้ที่เป็นสื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย เข้าถึง การสืบค้นได้ง่ายและ สะดวกรวดเร็ว และนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ตอบสนองความสนใจรายบุคคลของผู้เรียน 2.5 ส่งเสริมให้ความรู้ด้านการเงินและการออม (Financial Literacy) การวางแผนและสร้าง วินัย ทางการเงินให้กับบุคลากรและผู้เรียน กศน. โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง ธนาคาร สหกรณ์ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ โครงการ และกิจกรรมต่างๆ 2.6 ปรับโฉมศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพฯ ห้องสมุดประชาชน และแหล่ง เรียนรู้อื่นๆ ของ กศน. ให้มีความทันสมัย สวยงาม สะอาด จูงใจผู้เข้ารับบริการ มีฐานจัดการเรียนรู้ด้าน ต่างๆ อาทิ ด้าน วิทยาศาสตร์ ด้านอาชีพ มีมุมกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว พื้นที่การ เรียนรู้ในรูปแบบ Public Learning Space/ Co - learning Space ที่ผู้รับบริการสามารถรับเอกสารรับรองการ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อนำไปใช้ ประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องหรือสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) และจัดทำ ข้อมูลการก่อสร้างแหล่งเรียนรู้ กศน. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำคำของบประมาณในการปรับปรุง/ซ่อมแซม 2.7 จัดทำรายละเอียดการก่อสร้างแหล่งเรียนรู้ กศน. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำคำขอ งบประมาณในการปรับปรุง/ซ่อมแซม 2.8 ส่งเสริมให้สถานศึกษานำผลการทดสอบการศึกษาแห่งชาติ (N-net) ไปใช้วางแผนพัฒนา ประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน และยกระดับคุณภาพการศึกษาของผู้เรียน 2.9 เร่งดำเนินการเรื่อง Academic Credit-bank System ในการสะสมและเทียบโอนหน่วยกิต เพื่อการสร้างโอกาสในการศึกษา 2.10 สร้าง อาสาสมัคร กศน. เพื่อเป็นเครือข่ายในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาตลอด ชีวิตในชุมชน


๓๑ 2.11 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความพร้อมในการจัด การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชาชน 2.12 ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการอ่านเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อมและการลืมหนังสือในผู้สูงอายุ 2.13 ส่งเสริมการนำระบบประกันคุณภาพการศึกษาภายในมาใช้เป็นแนวทางในการยกระดับ คุณภาพ ให้กับผู้เรียน และผู้รับบริการของสำนักงาน กศน. 3. การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย 3.1 พัฒนาข้อมูลระบบสารสนเทศของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานรายบุคคล เพื่อใช้เป็น ฐานข้อมูลประกอบการส่งต่อผู้เรียน และการค้นหาเด็กตกหล่นและออกกลางคัน ผ่านโครงการ “พาน้องกลับมา เรียน” และ “กศน.ปักหมุด” 3.2 พัฒนาข้อมูล และวางแผนทางเลือกทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับผู้เรียน กลุ่มเป้าหมายพิเศษ และกลุ่มเปราะบาง ในการเข้าถึงการศึกษา การเรียนรู้ และการฝึกอาชีพอย่างเท่าเทียม 3.3 พัฒนาทักษะฝีมือ พัฒนาการทางร่างกายและจิตใจกลุ่มผู้สูงอายุ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ สามารถดำเนินชีวิตได้เต็มตามศักยภาพ โดยเน้นการดำเนินกิจกรรมใน 4 มิติ ได้แก่ด้านสุขภาพ ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสภาพแวดล้อมและเทคโนโลยี 4. การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 4.1 พัฒนาหลักสูตรอาชีพที่เน้น New skill Up - skill และ Re - skill ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน อาชีพ บริบทพื้นที่ และความสนใจ พร้อมทั้งสร้างช่องทางอาชีพในรูปแบบที่ความหลากหลายของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ความต้องการของตลาดแรงงาน และกลุ่มอาชีพใหม่ที่รองรับ Disruptive Technology เพื่อ การเข้าสู่การรับรอง สมรรถนะและได้รับคุณวุฒิตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนรู้และ ประสบการณ์เทียบโอนเข้าสู่ ระบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้ (Credit Bank) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีการศึกษาใน ระดับที่สูงขึ้น 4.2 ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์ให้คำปรึกษาการจัดตั้งธุรกิจ (ศูนย์ Start-up) ของ อาชีวศึกษา 4.3 ยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้า บริการจากโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน ที่เน้น “ส่งเสริมความรู้ สร้าง อาชีพ เพิ่มรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” ให้มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของตลาด ต่อยอดภูมิปัญญา ท้องถิ่นเพื่อ สร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาสู่วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์และช่องทางการจำหน่าย 5. การพัฒนาบุคลากร 5.1 ส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะแนวใหม่ (Performance Appraisal : PA) โดยใช้ระบบการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ระบบ Digital Performance Appraisal (DPA) 5.2 พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อมด้านวิชาการและทักษะการจัดการ เรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งให้คำปรึกษาเส้นทางการเรียนรู้ การประกอบอาชีพ และการดำเนินชีวิตของผู้เรียนได้ตามความสนใจและความถนัดของแต่ละบุคคล 5.3 พัฒนาขีดความสามารถของข้าราชการพลเรือนในสังกัดให้มีสมรรถนะที่สอดคล้องและ เหมาะสม กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลกอนาคต


๓๒ 5.4 จัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ของบุคลากร กศน.และกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพในการ ทำงาน ร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การแข่งขันกีฬา การอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน 5.5 เร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และจัดตั้งกองทุน สวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือบุคลากรในสังกัดสำนักงาน กศน. ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค 5.6 บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน/สถานศึกษาในสังกัด กศน. เพื่อพัฒนา บุคลากรในด้านวิชาการ อาทิ องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นหรือหลักสูตรสถานศึกษา 6. การพัฒนาระบบราชการ การบริหารจัดการ และการบริการภาครัฐ 6.1 ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาเพื่อการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น ข้อมูลการรายงานผลการดำเนินงาน ข้อมูลเด็กตกหล่นจากการศึกษาในระบบและเด็กออกกลางคัน เด็ก เร่ร่อน ผู้พิการ 6.2 ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการอย่างเต็ม รูปแบบ รองรับการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่ และนำไปปรับใช้ได้กับสถานการณ์ในภาวะ ปกติและไม่ปกติ อาทิ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยให้พิจารณาภารกิจและ ลักษณะงาน รูปแบบ ขั้นตอน วิธีการทำงาน รูปแบบการให้บริการประชาชน และเทคโนโลยีที่ใช้สนับสนุนการ ปฏิบัติงาน ให้มีความเหมาะสม 6.3 ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐสู่ระบบราชการ 4.0 และการประเมิน คุณภาพ และความโปร่งใสการดำเนินงานของภาครัฐ (ITA) 6.4 ปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับต่าง ๆ ให้มีความทันสมัย เอื้อต่อการบริหาร จัดการ และการจัดการเรียนรู้ 6.5 เร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... ควบคู่กับ การเตรียมความพร้อมในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง การนำไปสู่การปฏิบัติและการติดตามผล 1. สื่อสาร ถ่ายทอด และสร้างความเข้าใจในแนวนโยบาย จุดเน้น และทิศทางการ ดำเนินงานให้กับบุคลากร ทุกระดับทุกประเภทในหน่วยงาน/สถานศึกษาในสังกัด 2. วางแผนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติราชการ แผนปฏิบัติการ แผนพัฒนา และ แผนการใช้จ่าย ของหน่วยงานและสถานศึกษา ให้มีความชัดเจน 3. กำกับ และติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการสร้างความ ร่วมมือกับเครือข่าย ในระดับชุมชน 4. สรุปและรายงานผลการดำเนินงานเป็นระยะ และนำผลการดำเนินงานมาวิเคราะห์ เพื่อวางแผน ปรับปรุง และแก้ไขแผนการดำเนินงาน เพื่อให้การขับเคลื่อนคุณภาพทางการศึกษาเกิดประสิทธิภาพ


๓๓ บทที่ 4 การบริหารเชิงกลยุทธ์ของ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ได้ประชุมบุคลากรเพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ของหน่วยงาน โดยใช้การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพ (SWOT Analysis) ในการกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจาก สภาพแวดล้อมในหน่วยงาน รวมทั้งโอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอกหน่วยงานซึ่งเป็นจุดยืนหรือ จุดเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง อันเป็นปัจจัยต่อการ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศึกษาในสังกัด เพื่อนำผลไปใช้ในการกำหนดทิศ ทางการดำเนินงานของหน่วยงาน ซึ่งได้ผลการประเมินสถานการณ์ของหน่วยงาน ตามกรอบการบริหารเชิงกลยุทธ์ ของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยพื้นฐาน 5 ประการคือ 1) การกำหนดทิศทาง (Direction Setting) 2) การประเมินองค์กร/หน่วยงานและสภาพแวดล้อม (SWOT Analysis) 3) การกำหนดกลยุทธ์(Strategy Formulation) 4) การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ(Strategy Implementation) 5) การประเมินผลและการควบคุม (Evaluation and Control) ดังนี้ 1) การกำหนดทิศทาง (Direction Setting) การกำหนดทิศทางของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง จะประกอบด้วย ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และเป้าประสงค์ ซึ่งเป็นกรอบในการดำเนินงานที่ชัดเจนจะช่วยให้สถานศึกษาสามารถกำหนดทิศทางใน ระยะยาวซึ่งสำนักงานโดยผู้บริหารและบุคลากรในองค์กรได้ร่วมกันพิจารณาปรัชญา วิสัยทัศน์พันธกิจกลยุทธ์และ เป้าประสงค์โดยปรับจากของเดิมให้สอดคล้องกับภาระงานและบทบาทหน้าที่ของ สถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางใน การดำเนินงานดังนี้ ปรัชญา คิดเป็นและเศรษฐกิจพอเพียง วิสัยทัศน์ สกร. อำเภอโพธิ์ทอง เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกช่วงวัย ทั่วถึงและเท่าเทียม สามารถ ดำรงชีวิตที่เหมาะสม สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษ ที่ 21 อัตลักษณ์ “ ผู้เรียนได้รับการยกระดับความรู้ สู่อาชีพ และชีวิตที่ยั่งยืน ” เอกลักษณ์ “ เป็นสถานศึกษาเพิ่มพูน พัฒนาอาชีพพอเพียง ”


๓๔ พันธกิจ 1. จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพ 2. จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ ให้กับประชาชนเพื่อการมีงานทำและสร้างรายได้เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน 3. จัดการศึกษาต่อเนื่องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่สอดคล้องกับความต้องการและการ เปลี่ยนแปลงของสังคมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 4. จัดการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง 5. จัดการศึกษาสำหรับผู้พิการให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสามารถพึงตนเองและปรับตัวอยู่ในสังคมได้ อย่างเหมาะสม 6. จัดการศึกษาสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือหรือลืมหนังสือให้สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ 7. ส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมใน การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 8. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความพร้อมในการให้บริการและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการเรียนรู้ 9. พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะและสมรรถนะในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 10. วิจัยและพัฒนาคุณภาพหลักสูตร สื่อ กระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและบริบท ของสังคมอย่างต่อเนื่อง 11. พัฒนาระบบบริหารจัดการภายในองกรอย่างมีเอกภาพ และมีปรสิทธิภาพตามหลักธรรมาภิบาล 12. พัฒนาและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสในการเรียนรู้และเพิ่ม ประสิทธิภาพในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 13. พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด


๓๕ เป้าประสงค์และตัวชี้วัดความสำเร็จ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัดความสำเร็จ 1.ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับโอกาสทาง การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และเท่าเทียมกัน 1. ร้อยละของประชากรกลุ่มต่างๆ (ประชากรวัยแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และกลุ่มผู้สูงอายุ) ได้รับบริการ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่าง ทั่วถึง ครอบคลุม และเป็นธรรม 2. ร้อยละของผู้รับบริการการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย กลุ่มต่างๆ (ประชากรวัยแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ และกลุ่มผู้สูงอายุ) ที่มีความพึง พอใจต่อบริการที่ได้รับ 2.ประชาชนสามารถเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง หลากหลายตามความสนใจศักยภาพความพร้อม และโอกาสตามหลักการศึกษาตลอดชีวิตที่มีความ เชื่อมโยงระหว่างการศึกษาในระบบการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 1. จำนวนผู้รับบริการได้รับความรู้และทักษะพื้นฐานใน การแสวงหาความรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต 2. ร้อยละของผู้เรียน/ผู้รับบริการที่สามารถใช้ Internet สืบค้นข้อมูลได้หรือร้อยละของผู้เรียนที่สามารถสืบค้น ข้อมูลความรู้จากห้องสมุด/แหล่งเรียนรู้ได้ 3. ร้อยละของผู้รับบริการที่มีความพึงพอใจต่อการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารของสถานศึกษา 3.องค์กรภาคส่วนต่างๆ มาร่วมเป็นภาคีเครือข่ายใน การดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอย่างกว้างขวาง 1. ร้อยละของภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเพิ่มมากขึ้น 2. ร้อยละของภาคีเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมในการ ดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย 4.การนำเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร มาใช้ในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอย่างทั่วถึง 1. ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร องค์กร และบริการการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับ ประชาชน 2. ร้อยละของผู้รับบริการที่มีความพึงพอใจต่อการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร ขององค์กร/หน่วยงาน 5.ประชากรวัยแรงงานมีสมรรถนะในการประกอบ อาชีพ สามารถประกอบอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับ ตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน 1. ร้อยละของประชากรวัยแรงงานที่เข้ารับการศึกษา อาชีพเพื่อการมีงานทำมีสมรรถนะในการประกอบอาชีพ ที่เพิ่มขึ้น 2. ร้อยละของประชากรวัยแรงงานที่สำเร็จการศึกษา อาชีพเพื่อการมีงานทำ ที่สามารถนำความรู้ไปใช้ในการ สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว


๓๖ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัดความสำเร็จ 6.ประชาชนมีคุณธรรมดำเนินชีวิตบนพื้นฐาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงวัฒนธรรมท้องถิ่นสามารถ ปรับตัวรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง 1. ร้อยละของจำนวนกิจกรรมและหลักสูตรของ สถานศึกษาที่เน้นคุณธรรมจริยธรรมค่านิยมที่ดีงามรู้จัก สิทธิหน้าที่ของตนเอง 2. ร้อยละของผู้เรียน/ผู้รับบริการคุณธรรมและจริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ 3. ร้อยละของผู้เรียน/ผู้รับบริการสามารถปฏิบัติตัวเป็น แบบอย่างที่ดีของครอบครัวชุมชนและสามารถแก้ไข ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 4. ร้อยละของผู้เรียน/ผู้รับบริการมีความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และประเมินปัญหาหรือ สถานการณ์ที่อยู่รอบตัวที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตได้ 7.บุคลากรขององค์กร/หน่วยงานได้รับการพัฒนา เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการปฏิบัติงานการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างทั่วถึง 1. ร้อยละของบุคลากร ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่ม สมรรถนะในการปฏิบัติงานการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย 2. ร้อยละของบุคลากร ที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะใน การดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยและสามารถนำมาพัฒ นางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 8. องค์กร/หน่วยงานมีการพัฒนาระบบการบริหาร จัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 1. การพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 2. ร้อยละของผู้รับบริการที่มีความพึงพอใจต่อระบบการ บริหารจัดการในการดำเนินงานการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย การประเมินองค์กร/หน่วยงานและสภาพแวดล้อม (Environment Scanning) การประเมินสภาพแวดล้อมขององค์กร/หน่วยงานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทราบถึงจุดแข็งจุดอ่อนโอกาส และอุปสรรคซึ่งศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง ได้ดำเนินการวิเคราะห์ แบบสว็อท (SWOT Analysis) สรุปได้ดังนี้ จุดแข็ง (Strength) 1. กำหนดทิศทาง (ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าประสงค์) ของศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐและของหน่วยงานต้นสังกัดทุกระดับ 2. มีแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาและแผนปฏิบัติงานประจำปีครอบคลุมทุกพันธกิจ ของนโยบาย จุดเน้นสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ๓. ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง ได้รับมอบอำนาจตามหลักการ กระจายอำนาจทำให้การบริหารจัดการเกิดความคล่องตัว


๓๗ ๔. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง มีห้องสมุดประชาชนฯ กศน.ตำบล รวมทั้งแหล่งเรียนรู้ใน ชุมชน ที่สามารถให้ความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง บุคลากรที่มีอยู่มุ่งมั่น ในการปฏิบัติงาน มีการทำงานเป็นทีม และมี จิตสำนึกที่ดีในการให้บริการ ๕. การพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรทุกกลุ่มในองค์กรให้มีสมรรถนะในการปฏิบัติงาน อย่างมีประสิทธิภาพ มีโครงการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง และเป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา ๖. บุคลากรมีความรักและสามัคคี ทำให้การปฏิบัติงานทุกกิจกรรม/โครงการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์ ๗. ผู้บริหารให้อิสระกับบุคลากรในการแสดงความคิดเห็น และการปฏิบัติงานในอันที่จะทำให้ องค์กรมีความเจริญก้าวหน้า ๘. มีการมอบหมายงานให้บุคลากรอย่างชัดเจนตามประสบการณ์และความถนัดของแต่ละบุคคล ๙. มีการประชุมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับความรู้และข้อมูลข่าวสารและปัญหาที่เกิดขึ้น ในการปฏิบัติงาน ๑๐. ผู้บริหารให้การดูแลและให้ความเป็นกันเองกับบุคลากร ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ๑๑. มีแผนการดำเนินงาน เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ๑๒. บุคลากรทำงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ ๑3. มีการบริหารจัดการโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการทำงาน ๑๗. มีบุคลากรครู กศน.ตำบล ครูอาสาฯ ครอบคลุมทุกตำบล ๑๘. ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจในการทำงานจากภาคีเครือข่ายทุกระดับ ๑๙. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ได้นิเทศติดตาม และประเมินผลการดำเนินของสถานศึกษาอย่างสม่ำเสมอ จุดอ่อน ( Weakness) 1. บุคลากรที่เป็นลูกจ้างชั่วคราวขาดความมั่นคงในอาชีพ ทำให้มีการหมุนเวียนเข้า-ออกของบุคลากร ส่งผลให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง 2. ขาดระบบข้อมูลกลาง ทำให้การนำข้อมูลไปใช้เกิดความล่าช้า 3. การจัดระบบข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ ยังไม่เป็นหมวดหมู่ และเป็นปัจจุบัน ไม่มีความเชื่อมโยง สัมพันธ์กัน ๔. ภารกิจงาน สกร.หลากหลายส่งผลต่อการปฏิบัติงานล่าช้า 5. กิจกรรมบางกิจกรรมไม่สามารถขับเคลื่อนตามนโยบาย จุดเน้น และแนวปฏิบัติที่กำหนด 6. การจัดกิจกรรมบางกิจกรรมมีข้อจำกัดด้วยข้อระเบียบ กฎหมาย โอกาส ( Opportunities) 1. มีพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้พ.ศ. 2566 รองรับการจัดการศึกษา ทำให้ผู้รับบริการเกิดความ เชื่อถือต่อสถานศึกษา 2. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง มีทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการให้บริการประชาชน และการ คมนาคมสะดวก 3. การสนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งภาคีเครือข่ายให้ การสนับสนุนในการจัดกิจกรรมในทุกโอกาส 4. มีแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาในพื้นที่ที่หลากหลาย เอื้อต่อการส่งเสริมการจัดการศึกษา กศน.


๓๘ ๕. แสวงหาความร่วมมือจากบุคลากรในท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุน และจัด กิจกรรมการเรียนรู้ ผู้บริหาร ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน ครู กศน.ตำบล ประสานงานองค์กร บุคลากรในท้องถิ่น ร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรม อย่างต่อเนื่อง เป็นรูปธรรม ๖. การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมพื้นที่บริการ อุปสรรค (Threat) 1. การสนับสนุนเชิงนโยบายขาดความต่อเนื่อง 2. นโยบายของรัฐบาล เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้การประสานงานกับกลุ่มเป้าหมายต้องปรับเปลี่ยน ตามนโยบาย ๓. การจัดสรรงบประมาณล่าช้าส่งผลกระทบในการจัดกิจกรรมไม่เป็นไปตามแผน ๔. การระดมทรัพยากรจากชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบางตำบลสถานที่จัดตั้ง กศน.ตำบล ยังไม่เหมาะสม 5. เกิดภาวการณ์ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงจากเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ทำให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ ตามเป้าหมาย การกำหนดกลยุทธ์องค์กร/หน่วยงาน จากการวิเคราะห์ความสอดคล้องกับสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. ๒๕60-2579) และจุดเน้นการดำเนินงานกระทรวงศึกษาธิการโดยเน้นนโยบาย แนวทางหลักการดำเนินงานและโครงการที่สำคัญ ของกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้องกับ กศน. ผนวกกับยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงานสำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง ได้วิเคราะห์ และกำหนดกลยุทธ์ดังนี้ พันธกิจที่ 1 จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพ กลยุทธ์ 1.1 พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่หลากหลาย ยืดหยุ่น สอดคล้องกับ บริบท และกลุ่มเป้าหมาย 1.2 พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อการเรียนรู้ 1.3 ยกระดับองค์กรนักศึกษาให้มีศักยภาพและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา พันธกิจที่ 2 จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพให้กับประชาชน เพื่อการมีงานทำและสร้างรายได้ เพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขัน กลยุทธ์ 2.1 พัฒนาหลักสูตรอาชีพที่สอดคล้องกับบริบท ความต้องการ และตลาดแรงงาน 2.2 พัฒนาความรู้และทักษะของผู้เรียนเกี่ยวกับการขายออนไลน์


๓๙ พันธกิจที่ 3 จัดการศึกษาต่อเนื่องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่สอดคล้องกับความต้องการและการ เปลี่ยนแปลงของสังคมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลยุทธ์ 3.1 พัฒนาหลักสูตรและการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับบริบทและการเปลี่ยนแปลงของสังคม ด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม 3.2 ส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกหลักสูตรและกิจกรรม พันธกิจที่ 4 จัดการศึกษาตามอัธยาศัยเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ 4.1 พัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมและการให้บริการที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย 4.2 จัดการศึกษาตามอัธยาศัยในเชิงรุกครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 4.3 ส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ พันธกิจที่ 5 จัดการศึกษาสำหรับผู้พิการ ให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็น สามารถพึ่งตนเองและปรับตัวอยู่ใน สังคมได้อย่างเหมาะสม กลยุทธ์ 5.1 จัดการศึกษาสำหรับผู้พิการในเชิงรุกโดยจัดทำแผนการเรียนรู้รายบุคคล (IEP) 5.2 ส่งเสริมผู้พิการในการร่วมกิจกรรมทางการศึกษาเพื่อให้มีทักษะและการปรับตัวในสังคม พันธกิจที่ 6 จัดการศึกษาสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือหรือลืมหนังสือให้สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ กลยุทธ์ 6.1 สำรวจผู้ไม่รู้หนังสือหรือลืมหนังสือในพื้นที่เพื่อค้นหากลุ่มเป้าหมาย 6.2 จัดการศึกษาสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือหรือลืมหนังสือโดยใช้หลักสูตรที่สำนักงาน กศน.กำหนด พันธกิจที่ 7 ส่งเสริม สนับสนุน และประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการระดมทรัพยากรและมี ส่วนร่วมในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลยุทธ์ 7.1 จัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับภาคีเครือข่าย 7.2 ชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความสำคัญของภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษา 7.3 ระดมทรัพยากรในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย


๔๐ พันธกิจที่ 8 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความพร้อมในการให้บริการและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการ เรียนรู้ กลยุทธ์ 8.1 พัฒนาห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารีอำเภอโพธิ์ทองและแหล่งเรียนรู้ โคก หนอง นา โมเดล ให้เป็น แหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิต 8.2 พัฒนา กศน.ตำบล และบ้านหนังสือชุมชนให้มีความพร้อมในการให้บริการ 8.3 พัฒนาอาสาสมัคร กศน. ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับครู กศน. และภูมิปัญญาท้องถิ่น 8.4 จัดทำทำเนียบแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นในรูปแบบออนไลน์ พันธกิจที่ 9 พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ทักษะ และสมรรถนะ ในการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย กลยุทธ์ 9.1 พัฒนาบุคลากรในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 9.2 พัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ พันธกิจที่ 10 พัฒนาคุณภาพหลักสูตร สื่อ กระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและบริบท ของสังคมอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ 10.1 พัฒนาหลักสูตรให้มีความหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการและบริบทของชุมชน 10.2 พัฒนาสื่อและการจัดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ที่ทันสมัย พันธกิจที่ 11 พัฒนาระบบการบริหารจัดการภายในสถานศึกษาอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพตามหลัก ธรรมาภิบาล กลยุทธ์ 11.1 พัฒนาระบบการบริหารจัดการเชิงโครงสร้างให้ครอบคลุมบทบาทหน้าที่และภารกิจ 11.2 จัดทำระบบการนิเทศ ติดตามผล และประเมินผล การจัดการศึกษานอกระบบและการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับบริบทในการจัดการศึกษา 11.3 จัดทำระบบข้อมูลและสารสนเทศที่มีความพร้อมในการใช้งาน พันธกิจที่ 12 พัฒนาและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสในการเรียนรู้และ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลยุทธ์ 12.1 พัฒนาเว็บไซต์ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง ให้มีความทันสมัยรองรับการใช้งาน การจัดการเรียนรู้ การให้บริการ และการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ 12.2 พัฒนาเว็บไซต์ของ กศน.ตำบล ให้มีข้อมูลพื้นฐานที่ครบถ้วน มีสื่อการเรียนรู้ที่พร้อมในการให้บริการ


๔๑ พันธกิจที่ 13 พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด กลยุทธ์ 13.1 จัดทำแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2570 13.2 พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 13.3 เตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินทุกรูปแบบ เป้าประสงค์ 1. ประชาชนได้รับโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การศึกษาต่อเนื่อง และการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างถั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ เป็นไปตามบริบท สภาพปัญหา และความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย 2. ประชาชนได้รับการยกระดับการศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม ตามแนวทาง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. ประชาชนได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ผ่านแหล่งเรียนรู้ ช่องทางการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ มีเจตคติที่ดีทางสังคม รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และนำ ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมสร้างสรรค์ 4. ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการจัด ส่งเสริม และสนับสนุนการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งการขับเคลื่อนกิจกรรมการเรียนรู้ของสถานศึกษาและชุมชน 5. แหล่งเรียนรู้ได้รับการพัฒนาและมีความพร้อมในการให้บริการ เพิ่มโอกาสและช่องทางในการเรียนรู้ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น 6. บุคลากรของสถานศึกษาทุกตำแหน่งได้รับการพัฒนา มีความรู้ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นในการ จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ 7. สถานศึกษา มีหลักสูตร สื่อ นวัตกรรม ช่องทางการเรียนรู้ และกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบที่ หลากหลายและทันสมัย รองรับกับสภาวะการเรียนรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของ สังคมได้อย่างเหมาะสม 8. สถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และ แนวทางของสถานศึกษาพอเพียง 9. สถานศึกษาสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาเพื่อเพิ่มช่องทางในการเรียนรู้ การให้บริการ และ ยกระดับการศึกษา 10. สถานศึกษามีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาที่ชัดเจน สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ตามมาตรฐานที่กำหนด


๔๒ รายละเอียดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย 1. ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ 1.1 จำนวนผู้เรียนการศึกษานอกระบบระดับการขั้นพื้นฐานที่ลงทะเบียนเรียนทุกระดับ 1,200 คน 1.2 จำนวนผู้เรียนที่เข้ารับการพัฒนาทักษะอาชีพเพื่อการมีงานทำและสร้างรายได้ 358 คน 1.3 จำนวนผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่องที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและ ความต้องการ 846 คน 1.4 จำนวนผู้รับบริการและผู้เข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย 5,000 คน 1.5 จำนวนผู้พิการที่เข้ารับการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 คน 1.6 จำนวนผู้ไม่รู้หนังสือและลืมหนังสือที่เข้ารับการพัฒนาความรู้และทักษะ 13 คน 1.7 จำนวนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ไม่น้อยกว่า15 ฉบับ 1.8 จำนวนแหล่งเรียนรู้ที่มีความพร้อมในการให้บริการและจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย 6 แห่ง 1.9 จำนวนอาสาสมัคร กศน. ที่ได้รับการพัฒนาและมีความพร้อมในการจัดกิจกรรม 45 คน 1.10 ทำเนียบแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น 1 เล่ม 1.11 จำนวนบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพในการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย 20 คน 1.12 จำนวนหลักสูตร สื่อ ที่ได้รับการพัฒนา ไม่น้อยกว่า10วิชา 1.13 จำนวนคู่มือการพัฒนาระบบงานภายในสถานศึกษา 2 เล่ม 1.14 จำนวนเว็บไซต์ที่พัฒนาและให้บริการ 16 เว็บไซต์ 1.15 จำนวนแผนพัฒนาการจัดการศึกษา 16 เล่ม 1.16 จำนวนรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 16 เล่ม 1.17 จำนวนรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา 5 เล่ม 2. ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ 2.1 ร้อยละของผู้เรียนที่คาดว่าจะจบในทุกระดับ ที่สำเร็จการศึกษาในแต่ละภาคเรียน ร้อยละ 75 2.2 ร้อยละของผู้เรียนที่จบหลักสูตรการพัฒนาทักษะอาชีพสามารถนำความรู้ไปใช้ในการ ประกอบอาชีพหรือพัฒนาตนเองได้ ร้อยละ 80 2.3 ร้อยละของผู้เรียนที่จบหลักสูตร/กิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง ที่สามารถนำความรู้ไปใช้ พัฒนาตนเองได้ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร/กิจกรรม ร้อยละ 80 2.4 ร้อยละของผู้รับบริการ ที่เข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มีความรู้ทักษะ และเจตคติ ตามจุดมุ่งหมายของกิจกรรมที่กำหนด ร้อยละ 80 2.5 ร้อยละผู้พิการที่เข้ารับการศึกษาสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม ร้อยละ 80 2.6 ร้อยละของผู้ไม่รู้หนังสือหรือลืมหนังสือสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ ร้อยละ 60 2.7 ร้อยละของภาคีเครือข่ายที่จัดทำข้อตกลง MOU มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม ร้อยละ 80 2.8 ร้อยละของผู้ใช้บริการในแหล่งเรียนรู้มีความพึงพอใจในระดับมากขึ้นไป ร้อยละ 80 2.9 ร้อยละของบุคลากรที่ได้รับการพัฒนา มีความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะในการ ปฏิบัติงาน มีทัศนคติที่ดีมีค่านิยมที่พึงประสงค์ และมีจรรยาบรรณวิชาชีพที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ร้อยละ 90 2.10 ร้อยละของหลักสูตร สื่อ ที่ได้รับการพัฒนานำไปใช้ในการจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 80


๔๓ รายละเอียดตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย 2.11 ร้อยละของคู่มือที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงานที่ประสิทธิภาพ ร้อยละ 90 2.12 ร้อยละของเว็บไซต์ที่มีข้อมูลครบถ้วนในการให้บริการและเป็นปัจจุบัน ร้อยละ 80 2.13 ร้อยละของรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษามีความครบถ้วนสมบูรณ์เป็นไป ตามมาตรฐานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกำหนด ร้อยละ 100 การประเมินผลและการควบคุม (Evaluation and Control) การควบคุมกลยุทธ์เป็นหน้าที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการติดตามตรวจสอบประเมินผลกลยุทธ์ที่นำไปปฏิบัติ ทั้งนี้ในการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัตินั้นมักจะเกิดข้อผิดพลาดที่ต้องการการปรับปรุง เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์นั้นจะ ก่อให้เกิดผลการปฏิบัติงานที่ตรงตามแผน ที่ได้ตั้งไว้ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง จึงได้ใช้กลไกการประกันคุณภาพใน การควบคุมการบริหารเชิงกลยุทธ์เพื่อการประเมินผลการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์การตรวจสอบคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาตามมาตรฐานที่สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กำหนดใน พระราชบัญญัติการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๐ กำหนดให้สถานศึกษา ดำเนินการประกันคุณภาพภายในให้สอดคล้องกับระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ตลอดจนสร้างความเข้าใจกับบุคลากรทุกคนภายใน กศน. อำเภอโพธิ์ทอง เพื่อให้เกิดความตระหนักถึง ความสำคัญของ การทำงานโดยการใช้กระบวนการ PDCA ที่มีการตรวจสอบทบทวนการดำเนินงานดังนี้ P : Plan การวางระบบสำนักงานมีแผนพัฒนาการจัดการศึกษาที่กำหนดทิศทางในการพัฒนาไปสู่ เป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดเช่น 3-5 ปีจากแผนระยะยาวดังกล่าว นำมากำหนดเป็นแผนปฏิบัติการ ประจำปีซึ่งแผนปฏิบัติการประจำปีจะประกอบไปด้วย โครงการและกิจกรรมย่อยๆ ที่ระบุขั้นตอนวิธีปฏิบัติงาน หรือกิจกรรมที่ชัดเจนซึ่งผู้ที่รับผิดชอบแต่ละโครงการหรือแต่ละกิจกรรมจะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดกับผู้รับบริการ D : DO การปฏิบัติตามแผน ในขั้นตอนนี้ทุกคนต้องปฏิบัติงานตามแผนของสำนักงานและโครงการที่ตน รับผิดชอบผู้บริหารพึงต้องส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรทำงานอย่างมีความสุขมีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก จัดหาทรัพยากรให้เพียงพอ มีการนิเทศกำกับติดตาม ให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ C : Check การตรวจสอบหรือประเมินผลการประเมินต้องเริ่มต้นตั้งแต่การกำหนดกรอบการประเมินว่า จะประเมินอย่างไร ใครเป็นผู้ประเมินระยะเวลาประเมินเครื่องมือวิธีที่ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ดีจะทำให้ได้ ข้อมูลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประเมินสามารถนำมาวิเคราะห์รายโครงการผลการดำเนินการประจำปี แล้วนำมาสรุปผลเป็นภาพรวมของ กศน.อำเภอ A : Action การนำผลการประเมินมาปรับปรุงงานหลังจากประเมินผลการดำเนินงานตามกรอบ มาตรฐานการประเมินแล้วควรนำผลการประเมินมาวิเคราะห์หาจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละระบบ และพิจารณาว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มงานหรือกลไกใด แล้วจัดประชุมบุคลากรเพื่อแจ้งผลการวิเคราะห์ชี้แจงรายละเอียดให้บุคลากร ทุกคนทราบว่าการดำเนินงานโครงการ กิจกรรม หรือระบบการทำงานใด ผลการดำเนินงานทำได้ไม่ดี คือต้อง ปรับปรุงแก้ไขซึ่งต้องนำมาพิจารณาหรือปรับปรุง เมื่อบุคลากรผู้รับผิดชอบได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ ตนเองรับผิดชอบแล้ว ก็ควรจะต้องมีการนำเสนอแนวทางใหม่ให้บุคลากรในองค์กรพิจารณาร่วมกันเพื่อกำหนด เป็นแนวทางการปฏิบัติในภาพรวมของ กศน.อำเภอ อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพซึ่งทุกคนในองค์กรได้ เรียนรู้ร่วมกัน


๔๔ บทที่ 5 โครงการที่ปรากฏในแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สกร.อำเภอโพธิ์ทอง ได้จัดทำโครงการเพื่อรองรับนโยบาย กระทรวงศึกษาธิการ และนโยบาย สำนักงาน กศน. โดยสรุปดังนี้ 1. โครงการส่งเสริมการรู้หนังสือไทย 45 2. โครงการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 50 3. โครงการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 60 4. โครงการการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต 71 5. โครงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน 82 6. โครงการวิชาชีพระยะสั้น (หลักสูตร 31 ชั่วโมงขึ้นไป) 88 7. โครงการวิชาชีพระยะสั้น (หลักสูตร ไม่เกิน 30 ชั่วโมง) 97 8. โครงการการจัดกระบวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 121 9. โครงการ 1 อำเภอ 1 อาชีพ 128 10 โครงการพัฒนาห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี” อำเภอโพธิ์ทอง ให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต 132 11. โครงการส่งเสริมการอ่านสู่ชุมชน/รถห้องสมุดเคลื่อนที่ 146 12. โครงการบ้านหนังสือชุมชน 152 13. โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด 157 14. โครงการครอบครัวรักการอ่าน 168 15. โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 185 16.โครงการอาสาสมัคร กศน.ตำบล 188 17. โครงการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา 195 18. โครงการนิเทศกิจกรรม กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 199 19. โครงการพัฒนาบุคลากร กศน.อำเภอโพธิ์ทอง 207 20. โครงการภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพ 217 21. โครงการปรับปรุงห้องสมุดประชาชน”เฉลิมราชกุมารี”ให้เป็น ศูนย์การเรียนรู้ Co-Learning Space 220 22.โครงการจัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อพัฒนาทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ 229 23. โครงการอบรมประชาชนหลักสูตร Digital Literacy... 238


๔๕ ผลการดำเนินงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอโพธิ์ทอง 1. โครงการ ส่งเสริมการรู้หนังสือไทย 2. ความสอดคล้องกับนโยบาย นโยบายเร่งด่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ๓. เพิ่มอัตราการรู้หนังสือและยกระดับการรู้หนังสือของประชาชน ๓.๑ เร่งจัดการศึกษาเพิ่มเพิ่มอัตราการรู้หนังสือ และคงสภาพการรู้หนังสือ ให้ประชาชน สามารถอ่านออก เขียนได้และคิดเลขเป็น โดยใช้สื่อและกระบวนการที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และ กลุ่มเป้าหมาย ๓.๒ ยกระดับการรู้หนังสือของประชาชน โดยจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการเรียนรู้หนังสือในรูปแบบ ต่างๆ รวมทั้งทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน ภารกิจต่อเนื่อง ๑. ด้านการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ ๑.๒ การส่งเสริมการรู้หนังสือ ๑) พัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ไม่รู้หนังสือ ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัยและเป็นระบบ เดียวกันทั้งส่วนกลางและพื้นที่ ๒) พัฒนาหลักสูตร สื่อ แบบเรียนเครื่องมือวัดผลและเครื่องมือการดำเนินงาน การส่งเสริมการรู้ หนังสือที่สอดคล้องกับสภาพแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ๓) พัฒนา กศน. และภาคีเครือข่ายร่วมจัด ให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะกระบวนการ เรียนรู้ให้กับผู้ไม่รู้หนังสืออย่างมีประสิทธิภาพและอาจจัดให้มีอาสาสมัครการรู้หนังสือในพื้นที่ ๔) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมส่งเสริมการรู้หนังสือ การคงสภาพการรู้หนังสือ การพัฒนาทักษะการรู้หนังสือให้กับประชาชนเพื่อเป็นเครื่องมือในการศึกษาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอด ชีวิตของประชาชน 3. หลักการและเหตุผล การเรียนรู้ของผู้ใหญ่มีลักษณะที่สำคัญกล่าวคือ ผู้ใหญ่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและการตัดสินใจของ ผู้ใหญ่สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพพื้นฐานของผู้ใหญ่แต่ละคน การจัดกระบวนการเรียนรู้ในทุกกิจกรรมของ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมชาติของผู้เรียนซึ่งเป็น ผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมและศักยภาพในการเรียนรู้ที่แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียนซึ่งต้องทำความเข้าใจ เกี่ยวกับความคิด จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ ที่มีความแตกต่างระหว่างบุคคลมีความสนใจและมีลักษณะ การเรียนรู้เฉพาะของตน การส่งเสริมการรู้หนังสือซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการรู้หนังสือยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยยังมีผู้ไม่รู้ หนังสือกระจายอยู่ทั่วไปในทุกกลุ่มคน ทุกกลุ่มอายุและทุกภูมิภาค ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจโดยตรงของสถานศึกษาใน สังกัดของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่จะต้องมีการสำรวจจำนวนผู้ไม่รู้ หนังสือในพื้นที่ให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและดำเนินการจัดให้ผู้ไม่รู้หนังสือได้เรียนรู้จากหลักสูตรและสื่อ ที่เหมาะสมกับ สภาพของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มทั้งนี้โดยร่วมมือกับสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสอดคล้องกับ


๔๖ เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.๒๕๕๑ ตลอดจนแผนยุทธศาสตร์ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 ตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อร่วม ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ข้อ ๔ ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ข้อที่ ๓.เพิ่มอัตราการรู้หนังสือและยกระดับการรู้หนังสือของประชาชนและ ภารกิจต่อเนื่อง ข้อ ๑.ด้านการจัด การศึกษาและการเรียนรู้ ๑.๒ การส่งเสริมการรู้หนังสือ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพธิ์ทอง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ ผู้ไม่รู้/ผู้ลืมหนังสือ จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการรู้หนังสือไทย ปีงบประมาณ ๒๕๖6 ขึ้นเพื่อดำเนินการใน ปีงบประมาณ 2566 เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และบรรลุวัตถุประสงค์สืบเนื่องไป 4. วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้สถานศึกษาจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เข้าเรียนรู้ มีความรู้ สามารถอ่านออกเขียนได้ คิดคำนวณได้ตามหลักสูตรที่กำหนด 5. เป้าหมาย เชิงปริมาณ ประชาชน 9 คน เชิงคุณภาพ ผู้เรียน มีความรู้ ความสามารถอ่านออก เขียนได้ คิดคำนวณได้ตามที่หลักสูตรกำหนด ผลการดำเนินการ 6. แผน / ผลการดำเนินงานตามเป้าหมายโครงการทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ แผน ผล เชิงปริมาณ (ระบุหน่วยนับด้วย) เชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ (ระบุหน่วยนับด้วย) เชิงคุณภาพ ภาคเรียน2/2565 7 คน ภาคเรียน1/2566 2 คน รวม 9 คน ผู้เรียน มีความรู้ความสามารถ อ่านออกเขียนได้ คิดคำนวณ ได้ตามหลักสูตรที่กำหนด 35 คน ภาคเรียน2/2564 ผ่านการประเมิน 10 คน ภาคเรียน1/2565 ผ่านการประเมิน 22 คน รวมทั้งสิ้น 32 คน ผู้เรียนมีทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน การใช้พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และการคิดคำนวณ เบื้องต้น โดยบูรณาการอยู่ใน สภาพการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับ วิถีชีวิตของผู้เรียน ครอบครัว ชุมชน และสังคม 7. ระยะเวลาดำเนินการโครงการ : ปีงบประมาณ 2566 8. งบประมาณที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด : 8,250 บาท และงบประมาณที่ใช้ไป 8,250 บาท


Click to View FlipBook Version