แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ
รายวชิ า สขุ ศึกษาและพลศึกษา
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
เสนอ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชั รีภรณ์ บางเขยี ว
จดั ทำโดย
นางสาวฐติ พิ ร ช่วยสงค์ รหัสนกั ศึกษา ๖๑๘๑๑๒๔๐๑๓
เลขท่ี ๕ หมเู่ รียน D๕ สาขา ภาษาไทย (ค.บ.๕ปี)
ผลงานชิ้นนี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของ รายวิชาการจัดการเรยี นรแู้ ละการจัดการชน้ั เรียน
รหสั วิชา ๑๑๐๐๓๐๑ คณะครุศาสตร์
ภาคเรยี นท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บ้านสมเด็จเจา้ พระยา
ก
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา
ระดับชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑-๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จัดทำขึ้นเพื่อให้ครผู ูส้ อนใช้เปน็ แนวทาง
วางแผนจดั การเรยี นรู้แก่ผู้เรยี น ทเ่ี นน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญ อกี ท้งั มุ่งเน้นกระบวนการคดิ และการประกันคุณภาพ
ผเู้ รยี น และมีการจดั กิจกรรมและการวัดประเมินผลทหี่ ลากหลายและสอดคล้องกบั สาระการเรียนรู้และตัวช้ีวัด
แกนกลาง พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และฉบบั ปรับปรุงแกไ้ ข พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศกึ ษา
ผู้จดั ทำหวังเปน็ อยา่ งย่งิ ว่าแผนการจดั การเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓ ฉบับ
น้ีเป็นส่วนหน่งึ ในการพัฒนาการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา เพื่อสง่ เสริมการเรียนรแู้ ละเป็น
ประโยชนส์ ำหรบั ครู ผเู้ รียน และผทู้ ีส่ นใจ
ฐิตพิ ร ชว่ ยสงค์
ผ้จู ัดทำ
สารบญั ข
เรอื่ ง หนา้
คำนำ ก
สารบญั ข
แผนการจดั การเรียนรภู้ าพรวมรายปี ๑
คำอธบิ ายรายวิชา ๗
ตารางโครงสรา้ งรายวชิ า ๙
แผนการจดั การเรยี นร้รู ายหนว่ ย ๑๒
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ ๑๓
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ ๒๗
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ ๓๙
บรรณานุกรม ๕๒
๑
แผนการจัดการเรยี นรู้
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษา รายวิชา สุขศึกษาและพลศึกษา
ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง
ครูผ้สู อน นางสาวฐิตพิ ร ชว่ ยสงค์
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานท่ี พ ๑.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์
ตวั ชี้วัด
พ ๑.๑ ป. ๓/๑ อธบิ ายลกั ษณะและการ เจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์
พ ๑.๑ ป. ๓/๒ เปรยี บเทยี บการเจริญเติบโตของ ตนเองกบั เกณฑ์มาตรฐาน
พ ๑.๑ ป. ๓/๓ ระบปุ ัจจัยทีม่ ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต
มาตรฐานท่ี พ ๒.๑ เข้าใจและเห็นคุณคา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ
ตวั ชีว้ ัด
พ ๒.๑ ป ๓/๑ อธบิ ายความสำคญั และความแตกต่างของครอบครัวทม่ี ตี อ่ ตนเอง
พ ๒.๑ ป ๓/๒ อธิบายวธิ สี รา้ งสมั พันธภาพใน ครอบครวั และกลมุ่ เพ่อื น
พ ๒.๑ ป ๓/๓ บอกวธิ หี ลกี เลีย่ งพฤตกิ รรมที่ นำไปสู่การลว่ งละเมิดทางเพศ
มาตรฐานท่ี พ ๓.๑ เขา้ ใจ มีทกั ษะในการเคลอ่ื นไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม และกฬี า
ตัวช้ีวัด
พ ๓.๑ ป ๓/๑ ควบคุมการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย ขณะอย่กู ับท่ี เคลื่อนที่และใช้ อปุ กรณ์ประกอบอยา่ งมี
ทิศทาง
พ ๓.๑ ป ๓/๒ เคล่ือนไหวร่างกายทใี่ ช้ทกั ษะ การเคลอื่ นไหวแบบบงั คบั ทศิ ทาง ในการเลน่ เกมเบด็ เตล็ด
มาตรฐานท่ี พ ๓.๒ รกั การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม และการเล่นกฬี า ปฏิบัตเิ ปน็ ประจำอยา่ งสม่ำเสมอ
มวี นิ ยั เคารพสทิ ธิ กฎ กตกิ า มนี ำ้ ใจนักกฬี ามีจติ วิญญาณในการแข่งขัน และชน่ื ชมในสนุ ทรียภาพของการ
กฬี า
ตวั ชว้ี ดั
พ ๓.๒ ป ๓/๑ เลือกออกกำลงั กายการละเล่นพ้ืนเมอื ง และเล่นเกมทเ่ี หมาะสมกับ จุดเด่น จดุ ด้อย และ
ข้อจำกดั ของตนเอง
พ ๓.๒ ป ๓/๒ ปฏิบตั ติ ามกฎ กติกาและข้อตกลง ของการออกกำลังกาย การเลน่ เกม การละเลน่
๒
พืน้ เมอื งได้ด้วยตนเอง
มาตรฐานท่ี พ ๔.๑ เหน็ คณุ คา่ และมีทักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดำรงสขุ ภาพ การป้องกันโรค
และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพือ่ สขุ ภาพ
ตัวช้วี ดั
พ ๔.๑ ป ๓/๑ อธิบายการติดตอ่ และวิธกี าร ป้องกันการแพร่กระจายของโรค
พ ๔.๑ ป ๓/๒ จำแนกอาหารหลกั ๕ หมู่
พ ๔.๑ ป ๓/๓ เลอื กกนิ อาหารทหี่ ลากหลายครบ ๕ หมู่ ในสดั สว่ นทีเ่ หมาะสม
พ ๔.๑ ป ๓/๔ แสดงการแปรงฟันใหส้ ะอาด อย่างถูกวิธี
พ ๔.๑ ป ๓/๕ สรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกาย ได้ตามคำแนะนำ
มาตรฐานท่ี พ ๕.๑ ป้องกนั และหลีกเลย่ี งปจั จยั เสย่ี ง พฤตกิ รรมเสย่ี งต่อสุขภาพ อบุ ตั เิ หตุ การใช้ยา สาร
เสพตดิ และความรุนแรง
ตัวชี้วัด
พ ๕.๑ ป ๓/๑ ปฏิบัติตนเพอื่ ความปลอดภัยจาก อบุ ัตเิ หตุในบา้ น โรงเรียน และการเดนิ ทาง
พ ๕.๑ ป ๓/๒ แสดงวธิ ีขอความช่วยเหลือจาก บุคคลและแหล่งตา่ ง ๆ เม่อื เกิด เหตรุ า้ ย หรอื อุบตั ิเหตุ
พ ๕.๑ ป ๓/๓ แสดงวิธีปฐมพยาบาล เมอ่ื บาดเจบ็ จากการเลน่
๓
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. อธิบายลกั ษณะและการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์ได้ (K)
๒. นำเสนอความร้เู รอื่ งลกั ษณะและการเจริญเติบโตของรา่ งกายมนุษยไ์ ด้ (P)
๓. เอาใจใสใ่ ฝร่ ูก้ ารอธิบายลักษณะและการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนษุ ย์ (A)
๔. เปรียบเทยี บการเจรญิ เตบิ โตของตนเองกับเกณฑม์ าตรฐานได้ (K)
๕. เขียนเปรยี บเทียบการเจรญิ เตบิ โตของตนเองกับเกณฑ์มาตรฐานได้ (P)
๖. ตง้ั ใจเปรยี บเทียบการเจรญิ เตบิ โตของตนเองกบั เกณฑม์ าตรฐาน (A)
๗. ระบปุ ัจจยั ที่มผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตได้ (K)
๘. นำเสนอการระบุปัจจยั ทมี่ ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตได้ (P)
๙. กระตือรอื รน้ ในการการระบปุ จั จัยทม่ี ีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต (A)
๑๐. อธบิ ายความสำคัญและความแตกตา่ งของครอบครวั ทมี่ คี ่อตนเองได้ (K)
๑๑. นำเสนอความสำคัญและความแตกตา่ งของครอบครวั ทมี่ ตี อ่ ตนเองได้ (P)
๑๒. เหน็ คุณคา่ ความสำคญั และความแตกต่างของครอบครัวทมี่ ตี อ่ ตนเอง (A)
๑๓. อธบิ ายวธิ ีสรา้ งสมั พนั ธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพอื่ นได้ (K)
๑๔. ประยุกต์วธิ ีสรา้ งสมั พันธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพื่อนไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ (P)
๑๕. เห็นประโยชนข์ องวธิ สี ร้างสัมพันธภาพในครอบครวั และกลุม่ เพ่อื น (A)
๑๖. บอกวิธีหลีกเล่ยี งพฤติกรรมท่นี ำไปสู่การลว่ งละเมิดทางเพศได้ (K)
๑๗. ประยุกตว์ ิธหี ลีกเล่ยี งพฤติกรรมทน่ี ำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศและนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P)
๑๘. เห็นประโยชนข์ องวธิ ีหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมทนี่ ำไปสู่การล่วงละเมดิ ทางเพศไปใช้ในชวี ิตประจำวนั (A)
๑๙. บอกวิธีควบคมุ การเคล่อื นไหวรา่ งกาย ขณะอย่กู บั ทแี่ ละใช้ อปุ กรณป์ ระกอบอย่างมที ศิ ทางได้ (K)
๒๐. บอกวธิ คี วบคมุ การเคล่ือนไหวรา่ งกาย ขณะเคลือ่ นที่และใช้ อุปกรณป์ ระกอบอยา่ งมีทศิ ทางได้ (K)
๒๑. ควบคมุ การเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย ขณะอย่กู บั ทแ่ี ละใช้ อุปกรณป์ ระกอบอยา่ งมที ิศทางได้ (P)
๒๒. ควบคมุ การเคลื่อนไหวรา่ งกาย ขณะเคลอื่ นทแี่ ละใช้ อปุ กรณ์ประกอบอย่างมีทศิ ทางได้ (P)
๒๓. มีความตั้งใจในการควบคุมการเคล่ือนไหวรา่ งกาย ขณะอย่กู บั ท่ีและใช้ อปุ กรณ์ประกอบอย่างมี
ทศิ ทาง (A)
๒๔. มีความตั้งใจในการควบคมุ การเคลือ่ นไหวรา่ งกาย ขณะเคลอ่ื นทแ่ี ละใช้ อุปกรณป์ ระกอบอย่างมี
ทิศทาง (A)
๔
๒๕. บอกการเคล่ือนไหวร่างกายทีใ่ ชท้ กั ษะ การเคล่อื นไหวแบบบงั คบั ทศิ ทาง ในการเล่นเกมเบ็ดเตลด็ ได้
(K)
๒๖. เคล่อื นไหวร่างกายที่ใชท้ กั ษะ การเคล่ือนไหวแบบบงั คบั ทศิ ทาง ในการเลน่ เกมเบ็ดเตลด็ ได้ (P)
๒๗. มีความต้งั ใจในการเคล่ือนไหวรา่ งกายที่ใช้ทกั ษะ การเคลอ่ื นไหวแบบบังคบั ทิศทาง ในการเล่นเกม
เบด็ เตลด็ (A)
๒๘. บอกการเลอื กออกกำลังกายการละเล่นพ้ืนเมือง และเล่นเกมท่เี หมาะสมกบั จุดเด่น จดุ ด้อย และ
ขอ้ จำกัด ของตนเองได้ (K)
๒๙. เลือกออกกำลงั กายการละเลน่ พน้ื เมือง และเล่นเกมที่เหมาะสมกบั จุดเดน่ จุดดอ้ ย และข้อจำกัด
ของตนเองได้ (P)
๓๐. เหน็ ประโยชน์ของการเลือกออกกำลังกายการละเล่นพืน้ เมอื ง และเล่นเกมทเ่ี หมาะสมกับ จดุ เดน่ จุด
ด้อย และข้อจำกัด ของตนเอง (A)
๓๑. บอกการปฏิบตั ิตามกฎ กตกิ าและข้อตกลง ของการออกกำลังกาย การเลน่ เกม การละเล่นพน้ื เมอื งได้
ดว้ ยตนเองได้ (K)
๓๒. ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าและขอ้ ตกลง ของการออกกำลงั กาย การเลน่ เกม การละเลน่ พ้นื เมืองได้ด้วย
ตนเองได้ (P)
๓๓. มีความตั้งใจปฏิบัตติ ามกฎ กติกาและข้อตกลง ของการออกกำลงั กาย การเล่นเกม การละเล่น
พื้นเมอื งไดด้ ้วยตนเอง (A)
๓๔. อธิบายการตดิ ตอ่ และวธิ ีการปอ้ งกันการแพรก่ ระจายโรคได้ (K)
๓๕. มีสว่ นรว่ มในการนำเสนอการติดตอ่ และวิธีการปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของโรค (P)
๓๖. เหน็ ความสำคญั ของการตดิ ตอ่ และวธิ กี ารปอ้ งกันการแพรก่ ระจายของโรค (A)
๓๗. จำแนกอาหารหลัก ๕ หมูไ่ ด้ (K)
๓๘. นำเสนอการจำแนกอาหารหลัก ๕ หมไู่ ด้ (P)
๓๙. มคี วามตง้ั ใจในการจำแนกอาหารหลกั ๕ หมู่ (A)
๔๐. บอกวธิ ีการเลอื กกนิ อาหารทหี่ ลากหลายครบ ๕ หมู่ ในสดั สว่ นทเ่ี หมาะสม (K)
๔๑. ประยุกต์ไปใชโ้ ดยการเลือกกินอาหารทห่ี ลากหลายครบ ๕ หมู่ในสดั สว่ นที่เหมาะสม (P)
๔๒. เห็นคณุ คา่ ของการเลอื กกินอาหารทีห่ ลากหลายครบ ๕ หมู่ ในสดั ส่วนท่เี หมาะสม (A)
๔๓. สรุปการแสดงการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดอย่างถูกวธิ ีได้ (K)
๕
๔๔. แสดงการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดอยา่ งถกู วธิ ีได้ (P)
๔๕. เห็นประโยชน์ของการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดถูกวิธี (A)
๔๖. อธิบายการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายไดต้ ามคำแนะนำได้ (K)
๔๗. นำเสนอการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายได้ตามคำแนะนำอยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
๔๘. พงึ พอใจการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกายไดต้ ามคำแนะนำ (A)
๔๙. บอกวธิ ปี ฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยจากอุบตั เิ หตใุ นบา้ น โรงเรยี น และการเดนิ ทางได้ (K)
๕๐. ปฏบิ ัตติ นเพอ่ื ความปลอดภัยจากอุบตั เิ หตุในบ้าน โรงเรียน และการเดินทางได้ (P)
๕๑. เหน็ ความสำคัญของการปฏบิ ตั ติ นเพื่อความปลอดภัยจากอุบัตเิ หตุในบา้ น โรงเรยี น และการเดินทาง
(A)
๕๒. สรปุ การแสดงวิธีขอความชว่ ยเหลอื จากบคุ คลและแหล่งต่างๆ เมอื่ เกดิ เหตรุ ้ายหรอื อุบตั เิ หตไุ ด้ (K)
๕๓. แสดงวธิ ขี อความชว่ ยเหลือจากบุคคลและแหล่งตา่ ง ๆ เมอ่ื เกดิ เหตรุ า้ ย หรืออบุ ตั ิเหตไุ ด้ (P)
๕๔. เหน็ ประโยชน์ของการแสดงวิธีขอความช่วยเหลือจากบุคคลและแหล่งต่าง ๆ เม่อื เกดิ เหตรุ ้าย หรอื
อบุ ตั ิเหตุ (A)
๕๕. สรปุ การแสดงวธิ ปี ฐมพยาบาล เม่อื บาดเจ็บจากการเลน่ ได้ (K)
๕๖. แสดงวิธีปฐมพยาลบาล เมอื่ บาดเจ็บจากการเล่นได้ (P)
๕๗. มคี วามตั้งใจในการแสดงวิธีปฐมพยาบาล เมอ่ื บาดเจ็บจากการเลน่ (A)
สาระสำคัญ
อธิบายลกั ษณะสำคัญ และเปรียบเทียบการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์ในแต่ละวัยตรงตามเกณฑ์
มาตรฐาน ระบปุ จั จัยทมี่ ีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตขิงร่ายกาย อธบิ ายความสำคัญและความแตกต่างของครอบครัว
อธิบายวิธีสรา้ งสมั พนั ธภาพในครอบครวั และกล่มุ เพ่ือน บอกวธิ กี ารหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมท่นี ำไปสูก่ ารถูกลว่ งละเมิด
ทางเพศ มีทกั ษะในการเคลื่อนไหวควบคมุ ร่างกายในทา่ ทางท่ีถูกต้อง การเลอื กออกกำลงั กาย การละเล่นเกม
พนื้ เมอื ง การปฏบิ ัตติ ามกฎกติกาและขอ้ ตกลง เหน็ คุณคา่ มที กั ษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพขององคป์ ระกอบของ
สมรรถภาพทางกายเพอื่ สขุ ภาพ การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่อื สขุ ภาพ อธบิ ายการติดตอ่ และวธิ ีการป้องกัน
การแพรก่ ระจายของโรค แสดงการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดอย่างถกู วธิ ี การปฏบิ ัตติ นเพื่อความปลอดภยั จากอุบัตเิ หตทุ ง้ั
ในบา้ น ในโรงเรียน ในการเดินทาง แสดงวิธกี ารขอความชว่ ยเหลือเมื่อเกิดเหตรุ ้ายหรืออบุ ตั ิเหตุ และการแสดง
วธิ กี ารปฐมพยาบาลจากอบุ ัตเิ หตุจากการเลน่
๖
สาระการเรียนรู้
๑. เรียนรู้การเจรญิ เตบิ โตของเรา
๒. ลกั ษณะการเจริญเตบิ โตของรา่ งกายมนษุ ย์ที่มคี วามแตกตา่ งกันในแต่ละบคุ คล
๓. เกณฑ์มาตรฐานการเจรญิ เติบโตของเดก็ ไทย
๔. ปจั จัยที่มผี ลต่อการเจริญเตบิ โต
๕. ครอบครวั และเพ่อื นของฉนั
๖. ความสำคัญและความแตกต่างของแตล่ ะครอบครวั
๗. วิธีการสรา้ งสัมพันธภาพในครอบครวั และกลุ่มเพือ่ น
๘. การลว่ งละเมดิ ทางเพศ
๙. พฤตกิ รรมท่ีนำไปสู่การลว่ งละเมิดทางเพศ
๑๐. วธิ ีหลีกเล่ียงพฤติกรรมทน่ี ำไปสกู่ ารถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ
๑๑. โรคที่ควรรู้
๑๒. การติดต่อและวิธีการปอ้ งกัน การแพรก่ ระจายของโรค
๑๓. อาหารกับสขุ ภาพ
๑๔. การเลือกกนิ อาหารท่เี หมาะสม
๑๕. การดูแลฟนั ของเรา
๑๖. การแปรงฟันใหส้ ะอาดอยา่ งถกู วิธี
๑๗. ความปลอดภยั จากอุบตั เิ หตุ
๑๘. วิธปี ฏิบัติตนเพ่อื ความปลอดภัยจากอุบตั เิ หตใุ นบ้าน โรงเรียน และการ เดินทาง
๑๙. การขอความชว่ ยเหลือจากบคุ คลและแหล่งตา่ ง ๆ เม่ือเกดิ เหตรุ า้ ย หรอื อบุ ตั ิเหตุ
๒๐. การบาดเจบ็ และการปฐมพยาบาล
๒๑. การบาดเจบ็ จากการเลน่
๒๒. วิธีปฐมพยาบาล
๒๓. กจิ กรรมเคลือ่ นไหว
๒๔. การเคลอื่ นไหวรา่ งกาย
๒๕. วิธีการควบคุมการเคลือ่ นไหวรา่ งกายแบบตา่ ง ๆ อยา่ งมีทิศทาง
๒๖. เกมเบ็ดเตลด็
๒๗. กจิ กรรมทางกายทใ่ี ช้ทกั ษะการเคลอื่ นไหวแบบบงั คบั ทิศทาง ในการเลน่ เกม เบด็ เตลด็
๗
๒๘. การละเล่นพ้ืนเมอื ง
๒๙. แนวทางการเลอื กออกกำลงั กายการละเลน่ พ้ืนเมืองและเลน่ เกม ท่ีเหมาะสม กับจุดเด่น จดุ ดอ้ ยและ
ข้อจำกัดของแต่ละบคุ คล
๓๐. การออกกำลงั กาย เกม และการละเล่น พืน้ เมอื ง
๓๑. กฎ กตกิ าและขอ้ ตกลง ในการออกกำลงั กาย การเล่นเกม และการละเล่น พืน้ เมอื ง
๓๒. สมรรถภาพทางกาย
๓๓. การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายเพอื่ สุขภาพ
๓๔. วิธีการสรา้ งเสริมสมรรถภาพ เพอื่ สขุ ภาพ โดยการออกกำลังกาย
๓๕. วธิ ีการสรา้ งเสริมสมรรถภาพ เพอ่ื สุขภาพ โดยการพกั ผ่อน และกจิ กรรม นนั ทนาการ
คำอธบิ ายรายวชิ า
ศึกษาเกีย่ วกบั การเจริญเติบโตของมนุษย์ คุณค่าของครอบครวั และเพือ่ น การลว่ งละเมดิ ทางเพศ การ
เคลื่อนไหวร่างกายขัน้ พื้นฐาน เล่นเกมสนุกสร้างสุขทางใจ การออกกำลังกาย การสร้างเสริมและทดสอบ
สมรรถภาพทางกาย การปอ้ งกันโรคติดตอ่ อาหารหลัก 5 หมู่ และธงโภชนาการ ทนั ตสขุ ภาพ ความปลอดภัยจาก
อุบัติเหตใุ นบา้ น โรงเรยี น และการเดนิ ทาง และการปฐมพยาบาลเมอ่ื บาดเจ็บจากการเล่น
โดยการจัดกิจกรรมการเรยี นรูเ้ นน้ ให้ผู้เรียนร่วมอภิปรายแสดงความคิดเหน็ การรวมกลุ่มเพื่อสนทนา
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และศกึ ษาขอ้ มูลเพื่อจัดทำเปน็ รายงานนำเสนอตอ่ ชนั้ เรียน มกี ารวเิ คราะหส์ ถานการณ์และ
ผลทีเ่ กิดข้ึนไดอ้ ย่างมีระบบ มกี ารแสดงบทบาทสมมตุ ิเพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดท้ ดลองปฏบิ ตั จิ ริง การปฏิบัติ กิจกรรมทาง
กาย เลน่ เกม สรา้ งเสรมิ และทดสอบสมรรถภาพทางกาย ร้จู ักการประเมินตนเองและประเมินเพ่ือนในช้ันเรียน เปิด
กวา้ งให้ผูเ้ รียนได้แสวงหาความรู้ และมีการบรู ณาการกับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อ่ืน เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนได้รับความรู้ที่
หลากหลาย
เห็นคณุ ค่าของการเคล่อื นไหวในการออกกำลงั กายเพ่อื สรา้ งเสริมสุขภาพแสดงความมนี ำ้ ใจนักกีฬาและเห็น
คุณค่าของการดูแลรักษาและสรา้ งเสริมสุขภาพของตนเองด้วยการทดสอบสมรรถภาพทางกายที่เหมาะสมกับวัย
เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันและเผยแพร่ข้อมลู ความรูใ้ หก้ ับครอบครวั และชุมชน
๘
ตัวชว้ี ดั
พ๑.๑ ป๓/๑, ป๓/๒, ป๓/๓
พ๒.๑ ป๓/๑, ป๓/๒, ป๓/๓, ป๓/๔
พ๓.๑ ป๓/๑, ป๓/๒
พ๓.๒ ป๓/๑, ป๓/๒, ป๓/๓
พ๔.๑ ป๓/๑, ป๓/๒, ป๓/๓, ป๓/๔, ป๓/๕, ป๓/๖, ป๓/๗
พ๕.๑ ป๓/๑, ป๓/๒, ป๓/๓
รวมทงั้ หมด ๒๒ ตัวชีว้ ดั
๙
โครงสรา้ งรายวชิ า
รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา รหัสวิชา พ๑๓๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔ จำนวน ๘๐ ชั่วโมง / ๒ หน่วยกติ
หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชัว่ โมง)
การเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด
๑ เรียนรู้การเจรญิ เติบโตของตัวเรา ๖
๑.๑ ลกั ษณะการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย มนุษย์ท่มี คี วามแตกตา่ งกันในแต่ละ พ๑.๑ ป.๓/๑ ๓
บคุ คล
- ลกั ษณะรูปรา่ ง
- น้ำหนัก
- ส่วนสูง
๑.๒ เกณฑ์มาตรฐานการเจรญิ เติบโตของเดก็ ไทย พ๑.๑ ป.๓/๒ ๑
๑.๓ ปจั จยั ทม่ี ผี ลต่อการเจรญิ เติบโต พ๑.๑ ป.๓/๓ ๒
- อาหาร
- การออกกำลังกาย
- การพักผ่อน
๒ ครอบครวั และเพือ่ นของฉัน ๔
๒.๑ ความสำคัญและความแตกตา่ งของแตล่ ะครอบครวั พ๒.๑ ป.๓/๑ ๒
๒.๒ วธิ ีการสรา้ งสัมพนั ธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพอื่ น พ๒.๑ ป.๓/๒ ๒
๓ การลว่ งละเมิดทางเพศ ๔
๓.๑ พฤตกิ รรมทน่ี ำไปสู่การลว่ งละเมิดทางเพศ พ๒.๑ ป.๓/๓ ๒
๓.๒ วิธีหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมท่ีนำไปสกู่ ารถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ พ๒.๑ ป.๓/๔ ๒
๔ โรคที่ควรรู้ ๔
๔.๑ การติดต่อและวิธกี ารปอ้ งกัน การแพร่กระจายของโรค พ๔.๑ ป.๔/๑ ๔
๕ อาหารกบั สุขภาพ ๖
๕.๑ อาหารกับสุขภาพ พ๔.๑ ป.๔/๒ ๓
๕.๒ การเลือกกนิ อาหารที่เหมาะสม พ๔.๑ ป.๔/๓ ๓
- ความหลากหลายของชนดิ อาหารในแตล่ ะหมู่
๑๐
หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชั่วโมง)
- สัดส่วนและปรมิ าณของอาหาร การเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด
๖ การดูแลฟันของเรา ๔
๖.๑ การแปรงฟันใหส้ ะอาดอย่างถูกวธิ ี พ๔.๑ ป.๓/๔ ๔
๗ ความปลอดภัยจากอบุ ตั ิเหตุ ๑๐
๗.๑ วิธีปฏิบตั ิตนเพ่ือความปลอดภัยจากอุบัติเหตุในบา้ นโรงเรยี น และการ พ๕.๑ ป.๓/๑ ๕
เดินทาง
๗.๒ การขอความช่วยเหลอื จากบคุ คล และแหลง่ ต่าง ๆเมือ่ เกดิ เหตุร้าย หรือ พ๕.๑ ป.๓/๒ ๕
อบุ ตั ิเหตุ ๑
สอบปลายภาค ภาคเรยี นท่ี ๑
๘ การบาดเจ็บและการปฐมพยาบาล ๙
๘.๑ การบาดเจ็บจากการเลน่ พ๕.๑ ป.๓/๓ ๒
- ลักษณะของการบาดเจ็บ ๗
๘.๒ วธิ ปี ฐมพยาบาล
๙ กจิ กรรมเคล่ือนไหว ๘
๙.๑ การเคลอื่ นไหวร่างกาย พ๓.๑ ป.๓/๑ ๔
- แบบอย่กู บั ที่
- แบบเคลื่อนไหว ๔
๙.๒ วธิ กี ารควบคุมการเคลือ่ นไหวร่างกาย แบบต่างๆอยา่ งมีทศิ ทาง
๑๐ เกมเบ็ดเตลด็ ๓
๑๐.๑ กิจกรรมทางกายท่ีใช้ทักษะการเคลื่อนไหว แบบบงั คบั ทศิ ทางในการเล่นเกม พ๓.๑ ป.๓/๒ ๓
เบด็ เตลด็ ๑๐
๑๑ การละเล่นพนื้ เมือง
๑๑.๑ แนวทางการเลือกออกกำลงั กาย การละเลน่ พ้นื เมืองและเลน่ เกม ท่เี หมาะสม พ๓.๒ ป.๓/๑ ๕
กบั จดุ เดน่ จุดดอ้ ยและขอ้ จำกัดของแตล่ ะบุคคล พ๓.๒ ป.๓/๒ ๔
๑๑.๒ การออกกำลงั กาย เกม และการละเล่น พื้นเมอื ง
๑๑
หน่วยท่ี ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา (ชั่วโมง)
๑๑.๓ กฎกติกาและขอ้ ตกลง ในการออกกำลังกาย การเลน่ เกม และการละเลน่ การเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ดั
พนื้ เมอื ง
พ๓.๒ ป.๓/๓ ๑
๑๒ สมรรถภาพทางกาย
๑๒.๑ การสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย เพื่อสุขภาพ พ๔.๑ ป.๓/๕ ๑๐
๔
- วธิ ีการทดสอบสมรรถภาพทางกาย พ๔.๑ ป.๓/๖
๑๒.๒ วิธีการสร้างเสรมิ สมรรถภาพ เพ่อื สุขภาพ โดยการออกกำลงั กาย พ๔.๑ ป.๓/๗ ๓
๑๒.๓ วิธกี ารสร้างเสรมิ สมรรถภาพ เพื่อสุขภาพ โดยการพักผ่อน และกจิ กรรม ๓
นนั ทนาการ ๑
สอบปลายภาค ภาคเรยี นที่ ๒ ๘๐
รวม
๑๒
๑๓
๑๔
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑
กลุม่ สาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา รายวิชา สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ เร่อื ง ครอบครวั และเพอ่ื นของฉัน เวลา ๔ ช่ัวโมง
๑.มาตรฐานการเรยี นรู้ พ ๒.๑ เข้าใจและเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษาและทักษะใน
การดำเนนิ ชวี ิต
ตวั ช้วี ัด
พ ๒.๑ ป ๓/๑ อธิบายความสำคญั และความแตกตา่ งของครอบครัวทม่ี ตี อ่ ตนเอง
พ ๒.๑ ป ๓/๒ อธบิ ายวธิ ีสรา้ งสมั พันธภาพใน ครอบครวั และกลุ่มเพอ่ื น
๒.จดุ ประสงการเรยี นรู้
๒.๑ อธิบายความสำคญั และความแตกตา่ งของ ครอบครัวทมี่ ีคอ่ ตนเองได(้ K)
๒.๒ นำเสนอความสำคญั และความแตกตา่ งของ ครอบครวั ทมี่ ตี อ่ ตนเองได(้ P)
๒.๓ เห็นคณุ คา่ ความสำคญั และความแตกตา่ งของครอบครวั ทม่ี ตี อ่ ตนเอง(A)
๒.๔ อธิบายวิธีสร้างสมั พันธภาพในครอบครวั และ กลมุ่ เพ่อื นได(้ K)
๒.๕ ประยุกตว์ ิธีสรา้ งสัมพนั ธภาพในครอบครวั และ กลุม่ เพื่อนไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได(้ P)
๒.๖ เห็นประโยชนข์ องวิธสี รา้ งสัมพนั ธภาพใน ครอบครวั และกลมุ่ เพอ่ื น (A)
๓.สาระสำคญั
อธิบายความสำคญั และความแตกต่างของครอบครวั อธิบายวธิ กี ารสร้างสัมพันธในครอบครวั และกลุ่ม
เพ่อื น
๔.สาระการเรยี นรู้
๔.๑ ความสำคัญและความแตกต่างของครอบครวั
๔.๒ วธิ ีการสร้างสัมพนั ธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพ่อื น
๕.สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
ความสามารถในการสอื่ สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
๑๕
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๖.ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จุดเนน้ สู่การพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน)
ทักษะการอา่ น (Reading)
ทักษะการเขียน (Writing)
ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic)
ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding)
ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information and
Media Literacy)
ทักษะด้านคอมพวิ เตอรแ์ ละ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy)
ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้(Career and Learning Skills)
ทักษะการเปลีย่ นแปลง (Change)
ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills)
ภาวะผนู้ ำ (Leadership)
๗.ชิน้ งานหรอื ภาระงาน
๗.๑ ใบงานท่ี ๑ เร่อื ง ความสำคัญและความแตกตา่ งของครอบครวั
๗.๒ ใบงานที่ ๒ เรอื่ ง การสรา้ งสมั พันธในครอบครวั และกลุ่มเพอื่ น
๘.การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ ท่ี ๑ ขัน้ สังเกต รวบรวมข้อมูล
๑. ตัวแทนนกั เรยี นออกมาเล่าถึงสมาชกิ ในครอบครวั ของตนเอง วา่ มสี มาชกิ ก่ีคน ใครบ้างแล้วรว่ มกนั สนทนา
เก่ียวกับครอบครวั โดยตอบคำถาม
๒. นกั เรยี นชมคลิปวดิ โี อเรื่อง ครอบครัวของนำ้ จากนน้ั รว่ มกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๓. นักเรยี นสังเกตภาพเกย่ี วกับการปฏบิ ัติตนในครอบครวั จากน้ันรว่ มกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๑๖
๔. นักเรียนสังเกตภาพเกีย่ วกับการปฏิบัตติ นต่อเพอ่ื น จากนนั้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๕. นกั เรียนศึกษาความรู้และรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั ความสำคัญและความแตกต่างของครอบครัว และวิธีการ
สรา้ งสัมพนั ธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพ่อื น จากแหล่งการเรียนรตู้ า่ ง ๆ เช่น หนังสือเรียน อนิ เทอร์เน็ต
ขนั้ ท่ี ๒ ข้ันคดิ วเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความรู้
๖. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ แตล่ ะกลุ่มวเิ คราะห์สถานการณ์เกีย่ วกบั ลกั ษณะของครอบครัว จากน้ันแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั
แสดงความคดิ เห็น โดยตอบคำถามเก่ยี วกบั สถานการณท์ ีไ่ ด้รบั นน้ั
๗. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั วเิ คราะห์คลปิ วดิ โี อเร่อื ง ครอบครัวของน้ำ วา่ มีลักษณะอยา่ งไร แลว้ สรปุ โดยเขยี น
เป็นแผนภาพความคิด
๘. นักเรยี นสังเกตภาพเกย่ี วกบั การปฏิบัติตนในครอบครวั จากนั้นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยตอบคำถาม
๙. ตวั แทนนักเรยี นสุ่มหยบิ แถบประโยคเก่ยี วกบั การปฏิบัตติ นในกล่มุ เพอื่ นแล้วอ่าน จากนัน้ ร่วมกันแสดงความ
คดิ เห็นว่า การกระทำนั้นควรปฏิบัตหิ รอื ไมค่ วรปฏบิ ตั ิ
๑๐. นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคำถาม ดังนี้
- นกั เรยี นคิดวา่ ครอบครวั มคี วามสำคญั กับนกั เรยี นอยา่ งไรบ้าง
- นักเรียนคดิ ว่าแตล่ ะครอบครวั มพี ้ืนฐานทแี่ ตกตา่ งกนั ในดา้ นใดบา้ ง
- นักเรยี นคดิ ว่าการสร้างสัมพนั ธภาพในครอบครวั มคี วามสำคัญอยา่ งไร
- นกั เรียนคิดว่าการสรา้ งสัมพนั ธภาพในกลุ่มเพอื่ นมคี วามสำคญั อย่างไร
ขั้นท่ี ๓ ขั้นปฏิบตั ิและสรปุ ความรหู้ ลังการปฏบิ ัติ
๑๑. นักเรยี นสำรวจลักษณะครอบครวั ของตนเอง โดยบันทึกลงในแบบสำรวจ
๑๒. นักเรยี นวาดภาพครอบครวั ของตนเอง พร้อมระบายสใี หส้ วยงามลงในชิน้ งานท่ี ๑ เรื่อง ความสำคญั และ
ความแตกต่างของครอบครัว
๑๓. นักเรยี นแบ่งกล่มุ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันคดิ และฝึกซอ้ มการแสดงบทบาทสมมตุ เิ ก่ียวกบั การสร้างสัมพันธภาพ
ในครอบครัว จากนน้ั รว่ มกันแสดงบทบาทสมมตุ ทิ ีละกลุม่
๑๔. นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันเสนอวิธกี ารปฏิบตั ติ นเพ่อื สร้างสมั พนั ธภาพท่ดี ีในครอบครวั และกลุ่มเพ่อื นมา ๒
วิธี แลว้ วิเคราะหผ์ ลท่ีเกดิ ข้ึนลงในชน้ิ งานท่ี ๒ เร่อื ง การสร้างสมั พนั ธภาพในครอบครวั และกลุ่มเพือ่ น
๑๕. นกั เรียนรว่ มกนั สรุปส่งิ ทเี่ ข้าใจเป็นความรรู้ ่วมกนั ดังน้ี
ครอบครวั มคี วามสำคัญตอ่ ตัวเรา แตล่ ะครอบครวั มคี วามแตกตา่ งกัน เนื่องจากสาเหตุตา่ ง ๆ นกั เรียนตอ้ ง
ยอมรบั ครอบครัวตนเอง สร้างสัมพันธภาพทด่ี ีในครอบครัว และสร้างสัมพนั ธภาพท่ีดใี นกลุ่มเพ่อื น จะทำให้ใช้ชวี ิต
รว่ มกบั ผ้อู ่นื ในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
๑๗
ขนั้ ที่ ๔ ขั้นส่ือสารและการนำเสนอ
๑๖. นักเรยี นนำเสนอแบบสำรวจลักษณะครอบครวั ของตนเอง
๑๗. นักเรียนนำเสนอภาพวาดครอบครัวของตนเอง และรว่ มกันแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น
๑๘. ตัวแทนแตล่ ะกล่มุ นำเสนอสรุปวิธกี ารสร้างสัมพนั ธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพือ่ น
๑๙. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายสรุปเกี่ยวกบั วิธกี ารทำงานให้เหน็ การคิดเชงิ ระบบและวธิ กี ารทำงานทม่ี แี บบแผน
๙.สอ่ื สารสอน
๙.๑ สถานการณเ์ กีย่ วกบั ลักษณะของครอบครวั
๙.๒ แบบสำรวจลกั ษณะของครอบครัวของตนเอง
๙.๓ คลิปวดิ โี อเรื่อง ครอบครวั ของนำ้
๙.๔ ภาพการปฏิบตั ติ นในครอบครวั
๙.๕ ภาพเกย่ี วกบั การปฏบิ ัตติ นต่อเพ่ือน
๙.๖ แถบประโยคเกีย่ วกบั การปฏิบัตติ นในกลุม่ เพ่อื น
๑๐.แหล่งเรยี นรู้ในหรอื นอกสถานท่ี
๑๐.๑ หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
๑๐.๒ สื่ออนิ เทอร์เนต็
๑๐.๓ แหลง่ การเรียนรทู้ ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน
๑๑.การวัดและประเมินผล
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ หรอื วิธีวดั เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑ์การประเมิน
สิ่งทีต่ อ้ งการจะวัดและ คะแนน
ตรวจใบงานท่ี ๑เรอื่ ง แบบประเมนิ
ประเมินผล ความสำคัญและความ ใบงาน ๑๐ คะแนนเตม็ ๑๐ ผเู้ รียน
ใบงานท่ี ๑เร่ือง ความสำคัญ แตกต่างของครอบครวั ต้องได้คะแนน ๕ คะแนน
ขึ้นไปคิดเปน็ ร้อยละ ๕๐
และความแตกตา่ งของ
ครอบครัว
ใบงานที่ ๒เร่ือง การสร้างสมั ตรวจใบงานท่ี ๒เรอ่ื ง แบบประเมิน ๑๐ คะแนนเต็ม ๑๐ ผ้เู รยี น
พันธในครอบครัวและกล่มุ การสรา้ งสัมพันธใน ใบงาน ต้องไดค้ ะแนน๕คะแนน
ขึน้ ไปคิดเปน็ รอ้ ยละ ๕๐
เพอ่ื น ครอบครวั และกลุ่มเพือ่ น
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน วิธีวดั เครอ่ื งมอื วดั ๑๘
๑.ความสามารถในการส่อื สาร การสงั เกต แบบสงั เกต เกณฑก์ ารประเมิน
๒.ความสามารถในการคิด การสงั เกต แบบสงั เกต
๓.ความสามารถในการแกป้ ญั หา การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
๔.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
ผ่าน/ไม่ผา่ น
ผ่าน/ไม่ผ่าน
ทักษะของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ วธิ ีวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน
๑.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
และทกั ษะในการแกป้ ัญหา
๒.ทกั ษะด้านความรว่ มมือการทำงานเป็น การสงั เกต แบบสงั เกต ผา่ น/ไมผ่ า่ น
ทมี และภาวะผ้นู ำ
๓.ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศ และ การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไม่ผ่าน
การรู้เท่าทนั สื่อ
๔.ทกั ษะการเรยี นรู้ การสังเกต แบบสังเกต ผา่ น/ไมผ่ า่ น
๑๒.กจิ กรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
๑๓.บนั ทึกผลหลงั การสอน
สรุปผลการเรียนการสอน
นักเรียนท้ังหมดจำนวน...................คน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ขู อ้ ที่ จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่าน จำนวนนกั เรยี นทไี่ ม่ผา่ น
จำนวนคน รอ้ ยละ จำวนคน รอ้ ยละ
๑.
๒.
๓.
๑๙
๑๔.ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
๑๕.ข้อเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
ลงชื่อ...................................................... ครผู ู้สอน
()
ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ .......................................
ลงช่ือ................................................................ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้
()
ลงชื่อ.......................................................... รองผูอ้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ
()
๒๐
ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา
ไดท้ ำการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดังน้ี
๑.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
๒.การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยังไมเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
๓. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
ลงชื่อ...................................................................
( ……………………………………… )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น…………………………………………
๒๑
๒๒
๒๓
ท่ี เกณฑก์ ารให้คะแนนใบงาน ๒๔
๑ เนอื้ หาผลงานตรงกับเนอ้ื หาทีเ่ รยี น ๒๑๐
๒ ผลงานมคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์
๓ ผลงานมีความคิดสร้างสรรค์ เกณฑ์
๔ ผลงานมีความเปน็ ระเบยี บ ๒๑
๕ การส่งงานตรงเวลา
หมายเหตุ : ให้ ๒ คะแนน = ดีมาก
ให้ ๑ คะแนน = ปานกลาง
ให้ ๐ คะแนน = ปรับปรุง
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ท่ี พฤติกรรมทส่ี งั เกต ๓
๑ นำเสนอเนือ้ หาของผลงานได้อย่างถูกต้อง
๒ การนำเสนอมคี วามนา่ สนใจ
๓ การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ภายในกลมุ่
๔ ความกลา้ แสดงออกหน้าชั้นเรียน
๕ มกี ารพดู ทไ่ี พเราะและสภุ าพ
ลงชอื่ ______________________ประเมนิ
__________/__________/_________
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ให้ ๓ คะแนน นำเสนองานไดอ้ ย่างสมบูรณแ์ ละชดั เจน
ให้ ๒ คะแนน นำเสนองานยงั มีขอ้ บกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย
ให้ ๑ คะแนน นำเสนองานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่
๒๕
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ช่ือ-สกุล......................................................................................................................ช้ัน...............เลขท.ี่ ..................
คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วลงในช่องตรงกบั
ระดับคะแนน
ที่ รายการประเมนิ คณุ ภาพการปฏบิ ัตกิ าร
๔๓๒๑
๑ การแบง่ หนา้ ทก่ี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ การรว่ มมือในการทำงาน
๓ การแสดงความสามคั คี
๔ การฟังความคิดเหน็
๕ การมนี ำ้ ใจชว่ ยกนั
เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชือ่ ______________________ประเมิน
__________/__________/_________
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรม อยา่ งสม่ำเสมอ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรม บ่อยครั้ง ให้ ๔ คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรม บางครั้ง ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรม น้อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนนเฉล่ีย ระดบั คณุ ภาพ
๑๘-๒๐ ดมี าก
๑๔-๑๗ ดี
๑๐-๑๓ พอใช้
ต่ำกว่า ๑๐ ปรับปรุง
๒๖
เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑
พฤตกิ รรมบง่ ชี้ เกณฑก์ ารประเมิน
ผา่ น ไมผ่ า่ น
๑.ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา
๒.ทกั ษะด้านความรว่ มมือการทำงานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู ำ
๓.ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร สารสนเทศ และการร้เู ทา่ ทนั สือ่
๔.ทักษะการเรยี นรู้
เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
พฤติกรรมบ่งชี้ เกณฑก์ ารประเมิน
ผา่ น ไม่ผา่ น
๑.ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒.ความสามารถในการคดิ
๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา
๔.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๒๗
๒๘
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา รายวชิ า สุขศึกษาและพลศึกษา
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๔ เร่อื ง โรคที่ควรรู้ เวลา ๔ ชั่วโมง
๑.มาตรฐานการเรียนรู้ พ ๔.๑ เห็นคุณค่าและมีทักษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดำรงสุขภาพ
การปอ้ งกันโรค และการสร้างเสริมสมรรถภาพเพือ่ สขุ ภาพ
ตวั ชวี้ ัด
พ ๔.๑ ป ๓/๑ อธบิ ายการติดตอ่ และวธิ กี ารปอ้ งกนั การแพร่กระจายของโรค
๒.จุดประสงการเรยี นรู้
๒.๑ อธิบายการติดตอ่ และวิธีการปอ้ งกันการแพร่กระจายโรคได้ (K)
๒.๒ มีส่วนร่วมในการนำเสนอการติดตอ่ และวิธกี ารปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของโรค (P)
๒.๓ เหน็ ความสำคญั ของการตดิ ตอ่ และวิธกี ารป้องกนั การแพรก่ ระจายของโรค (A)
๓.สาระสำคัญ
โรคตดิ ตอ่ สามารถปอ้ งกันไดโ้ ดยการเรยี นรวู้ ิธีปฏิบตั ติ น เพ่ือป้องกนั โรคอยา่ งถูกต้อง และหากเจ็บป่วย
ด้วยโรคตดิ ตอ่ ควรรู้จักปฏบิ ตั ติ นเพือ่ ไม่ให้เช้อื โรคแพรก่ ระจายไปสู่ผ้อู ืน่
๔.สาระการเรียนรู้
๔.๑ ความหมายของโรคตดิ ต่อ
๔.๒ การปอ้ งกันโรคติดต่อท่ีสำคัญ
๕.สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการสอ่ื สาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๒๙
๖.ทกั ษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น)
ทักษะการอ่าน (Reading)
ทักษะการเขียน (Writing)
ทกั ษะการคดิ คำนวณ (Arithmetic)
ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะดา้ นความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding)
ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information and
Media Literacy)
ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอรแ์ ละ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Computing and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนร้(ู Career and Learning Skills)
ทักษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ภาวะผูน้ ำ (Leadership)
๗.ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
๗.๑ ใบงานท่ี ๑ เรือ่ ง การป้องกนั โรค
๘.การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ ๑ ข้ันสังเกต รวบรวมขอ้ มลู
๑. นักเรียนร่วมกันสงั เกตภาพ ๓ ภาพ ดังนี้ ภาพท่ี ๑ เดก็ ชายกำลังไอโดนเดก็ หญิง ภาพที่ ๒ เด็กหญิง
ป่วย ภาพที่ ๓ เดก็ หญิงไปพบแพทย์ แลว้ เรียงลำดับภาพทเี่ กดิ ข้นึ ก่อน-หลัง และร่วมกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๒. นกั เรียนอา่ นข้อความอาการของโรคไขห้ วดั ใหญ่ แล้วร่วมกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๓. นักเรยี นรว่ มกนั สงั เกตภาพเดก็ ผูช้ ายคนหนึ่ง (ตาแดง บวม มขี ้ีตา) แล้วร่วมกันสนทนา โดยตอบคำถาม
๔. นักเรียนรว่ มกนั ชมคลปิ วิดีโอเร่ือง กุง๋ กงิ๋ เปน็ ไข้เลอื ดออก แล้วรว่ มกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๕. นักเรยี นรว่ มกันสงั เกตภาพผู้ป่วยโรคหดั (มผี ่ืนแดงขึน้ ท่ีใบหน้าและลำตวั ) แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดยตอบ
คำถาม
๓๐
๖. ตวั แทนนักเรยี นอ่านข้อความอาการของโรคอสี กุ อีใส แลว้ ร่วมกนั สนทนา โดยตอบคำถาม
๗. นักเรยี นศกึ ษาความรู้และรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับความหมายของโรคติดตอ่ และการป้องกนั โรคตดิ ตอ่ ที่
สำคัญ จากแหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ เชน่ หนังสือเรยี น อนิ เทอร์เนต็
ข้นั ที่ ๒ ข้ันคดิ วิเคราะห์และสรปุ ความรู้
๘. นักเรยี นแบง่ กล่มุ รว่ มกนั วเิ คราะห์เก่ียวกับความหมายของโรคติดตอ่ และโรคติดต่อที่สำคญั โดยเขียน
เป็นแผนภาพความคิด
๙. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์สาเหตุการตดิ ตอ่ และวธิ ีปฏบิ ัตติ นเม่อื ป่วยเป็นโรคไข้หวดั ใหญ่ โรคตาแดง โรค
ไข้เลอื ดออก โรคหัด และโรคอีสุกอีใส โดยเขยี นเป็นแผนภาพความคดิ
๑๐. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยตอบคำถาม ดงั น้ี
➢ เม่อื นักเรยี นป่วยเป็นโรคติดตอ่ แลว้ จะส่งผลกระทบอยา่ งไรบา้ ง
➢ โรคไข้หวดั ใหญม่ ีสาเหตแุ ละการตดิ ตอ่ อยา่ งไร
➢ โรคตาแดงมสี าเหตแุ ละการตดิ ตอ่ อยา่ งไร
➢ โรคไข้เลือดออกมีสาเหตุและการติดต่ออยา่ งไร
➢ โรคหัดมสี าเหตแุ ละการตดิ ตอ่ อย่างไร
➢ โรคอสี ุกอีใสมีสาเหตแุ ละการตดิ ตอ่ อยา่ งไร
ขน้ั ท่ี ๓ ข้ันปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏิบัติ
๑๑. นักเรียนสำรวจอาการเจบ็ ป่วยของร่างกายตนเองทีน่ ักเรียนเคยเปน็ แล้วบันทึกลงในแบบสำรวจ
จากนนั้ รว่ มกนั สรปุ วา่ สมาชิกในกลุ่มเคยมอี าการเจ็บป่วยใดมากทส่ี ุด
๑๒. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั เสนอวธิ ีการปอ้ งกนั การตดิ ต่อและแพร่กระจายของโรคไขห้ วัดใหญ่ โรคตา
แดง โรคไข้เลือดออก โรคหดั และโรคอีสุกอใี ส โดยเขยี นเป็นแผนภาพความคิด
๑๓. นกั เรียนเลือกโรคตดิ ตอ่ ๑ โรค จากน้ันสรปุ เก่ยี วกบั การตดิ ต่อและวธิ ีการปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายของโรค
แล้วตอบคำถามลงในชน้ิ งานท่ี ๑ เรื่อง การป้องกนั โรคตดิ ต่อ
๑๔. นักเรียนรว่ มกันสรปุ ส่งิ ทเี่ ข้าใจเปน็ ความรู้ร่วมกัน ดงั นี้ โรคติดต่อสามารถป้องกันไดโ้ ดยการเรียนรู้วิธี
ปฏิบัติตน เพื่อป้องกันโรคอย่างถูกต้อง และหากเจบ็ ป่วยด้วยโรคติดต่อ ควรรู้จักปฏิบัติตนเพื่อไม่ให้เชื้อโรค
แพรก่ ระจายไปสู่ผูอ้ ่นื
ขนั้ ที่ ๔ ข้ันส่อื สารและการนำเสนอ
๑๕. นกั เรียนนำเสนอผลการสำรวจอาการเจบ็ ปว่ ยของร่างกายตนเองท่ีเคยเป็น
๓๑
๑๖. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั นำเสนอแผนภาพความคิด วิธีการปอ้ งกนั การติดตอ่ และแพรก่ ระจายของ
โรคไข้หวัดใหญ่ โรคตาแดง โรคไข้เลือดออก โรคหดั และโรคอสี กุ อใี สหนา้ ช้ันเรียน
๑๗. นกั เรียนนำเสนอสรปุ เกีย่ วกบั โรคติดต่อ
๑๘. นกั เรียนร่วมกันอภิปรายสรปุ เกี่ยวกับวิธีการทำงานใหเ้ หน็ การคิดเชงิ ระบบและวธิ กี ารทำงานทมี่ แี บบ
แผน
๙.สอ่ื สารสอน
๙.๑ ภาพเดก็ ชายกำลังไอโดนเด็กหญงิ
๙.๒ ภาพเดก็ หญงิ ป่วย
๙.๓ ภาพเดก็ หญิงไปพบแพทย์
๙.๔ ขอ้ ความอาการของโรคไขห้ วดั ใหญ่
๙.๕ ภาพเดก็ ผูช้ ายคนหนึง่ (ตาแดง บวม มขี ตี้ า)
๙.๖ คลปิ วดิ ีโอเร่ือง กุ๋งกิ๋งเปน็ ไขเ้ ลือดออก
๙.๗ ภาพผปู้ ่วยโรคหัด
๙.๘ ข้อความอาการของโรคอีสกุ อีใส
๑๐.แหลง่ เรยี นรใู้ นหรือนอกสถานท่ี
๑๐.๑ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
๑๐.๒ ส่อื อินเทอร์เน็ต
๑๐.๓ แหลง่ การเรียนรู้ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น
๑๑.การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ หรือ วธิ ีวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ ารประเมนิ
ส่ิงทต่ี ้องการจะวัดและ คะแนน
ประเมนิ ผล
ใบงานท่ี ๑เร่อื ง การปอ้ งกนั ตรวจใบงานท่ี ๑เรื่อง แบบประเมิน ๑๐ คะแนนเตม็ ๑๐ ผู้เรียน
โรค การป้องกนั โรค ใบงาน ต้องได้คะแนน ๕ คะแนน
ขน้ึ ไปคดิ เปน็ ร้อยละ ๕๐
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน วธิ ีวดั เคร่อื งมอื วัด ๓๒
๑.ความสามารถในการสอ่ื สาร การสงั เกต แบบสงั เกต เกณฑก์ ารประเมนิ
๒.ความสามารถในการคดิ การสงั เกต แบบสงั เกต
๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
๔.ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ การสงั เกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ ่าน
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ า่ น
ผา่ น/ไม่ผ่าน
ผ่าน/ไมผ่ า่ น
ทกั ษะของผู้เรยี นในศตวรรษที่ วธิ ีวดั เครื่องมอื วัด เกณฑ์การประเมิน
๒๑
การสังเกต แบบสังเกต ผา่ น/ไมผ่ ่าน
๑.ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมี
วิจารณญาณและทกั ษะในการ การสงั เกต แบบสงั เกต ผา่ น/ไม่ผา่ น
แกป้ ญั หา การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไม่ผา่ น
๒.ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงาน การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ า่ น
เปน็ ทีมและภาวะผู้นำ
๓.ทกั ษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศ
และการรเู้ ท่าทนั ส่ือ
๔.ทกั ษะการเรยี นรู้
๑๒.กจิ กรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
๓๓
๑๓.บันทึกผลหลงั การสอน
สรุปผลการเรยี นการสอน
นกั เรียนท้ังหมดจำนวน...................คน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูข้ อ้ ที่ จำนวนนักเรียนท่ผี ่าน จำนวนนักเรยี นท่ีไม่ผ่าน
จำนวนคน ร้อยละ จำวนคน ร้อยละ
๑.
๒.
๓.
๑๔.ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
๑๕.ขอ้ เสนอแนะ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
ลงชื่อ...................................................... ครผู ูส้ อน
()
ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ .......................................
ลงชอ่ื ................................................................ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
()
ลงชื่อ.......................................................... รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
()
๓๔
ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา
ไดท้ ำการตรวจแผนการเรียนรขู้ อง....................................................แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดังน้ี
๑.เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่
ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
๒.การจัดกจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้
เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สำคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยังไมเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
๓. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
ลงชื่อ...................................................................
( ……………………………………… )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น…………………………………………
๓๕
๓๖
วันท่ี________เดอื น_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน
ช่อื _____________________________เลขที่______ คะแนนเตม็ 10 คะแนน
ช้ัน__________
นกั เรียนแบ่งกล่มุ ตามความเหมาะสม เลอื กโรคตามท่ีกำหนดกล่มุ ละ ๑ โรค แลว้ รว่ มกนั ศกึ ษาข้อมลู เกย่ี วกับการ
ติดต่อและวธิ กี ารปอ้ งกันการแพรก่ ระจายของโรคและอธบิ ายผลท่ีเกิดขึน้ สรุปข้อมูล ลงในแผนภาพความคิด แล้ว
ออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรยี น
๑.โรคไขห้ วดั ใหญ่ ๒.โรคตาแดง ๓.โรคไข้เลอื ดออก
๔.โรคหดั ๕.โรคอสี กุ อีใส
โรค
----------------
การตดิ ตอ่ วธิ กี ารป้องกันการแพร่กระจายโรค
ท่ี เกณฑก์ ารให้คะแนนใบงาน ๓๗
๑ เนอื้ หาผลงานตรงกับเนอ้ื หาทีเ่ รยี น ๒๑๐
๒ ผลงานมคี วามถกู ต้องสมบรู ณ์
๓ ผลงานมีความคิดสร้างสรรค์ เกณฑ์
๔ ผลงานมีความเปน็ ระเบยี บ ๒๑
๕ การส่งงานตรงเวลา
หมายเหตุ : ให้ ๒ คะแนน = ดีมาก
ให้ ๑ คะแนน = ปานกลาง
ให้ ๐ คะแนน = ปรับปรุง
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
ท่ี พฤติกรรมทส่ี งั เกต ๓
๑ นำเสนอเนือ้ หาของผลงานได้อย่างถูกต้อง
๒ การนำเสนอมคี วามนา่ สนใจ
๓ การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ภายในกลมุ่
๔ ความกลา้ แสดงออกหน้าชั้นเรียน
๕ มกี ารพดู ทไ่ี พเราะและสภุ าพ
ลงชอื่ ______________________ประเมนิ
__________/__________/_________
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ให้ ๓ คะแนน นำเสนองานไดอ้ ย่างสมบูรณแ์ ละชดั เจน
ให้ ๒ คะแนน นำเสนองานยงั มีขอ้ บกพรอ่ งเลก็ นอ้ ย
ให้ ๑ คะแนน นำเสนองานมขี ้อบกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่
๓๘
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่
ช่ือ-สกุล......................................................................................................................ช้ัน...............เลขท.ี่ ..................
คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วลงในช่องตรงกบั
ระดับคะแนน
ที่ รายการประเมนิ คณุ ภาพการปฏบิ ัตกิ าร
๔๓๒๑
๑ การแบง่ หนา้ ทก่ี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ การรว่ มมือในการทำงาน
๓ การแสดงความสามคั คี
๔ การฟังความคิดเหน็
๕ การมนี ำ้ ใจชว่ ยกนั
เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชือ่ ______________________ประเมิน
__________/__________/_________
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรม อยา่ งสม่ำเสมอ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรม บ่อยครั้ง ให้ ๔ คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรม บางครั้ง ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรม น้อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนนเฉล่ีย ระดบั คณุ ภาพ
๑๘-๒๐ ดมี าก
๑๔-๑๗ ดี
๑๐-๑๓ พอใช้
ต่ำกว่า ๑๐ ปรับปรุง
๓๙
เกณฑก์ ารประเมนิ ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑
พฤตกิ รรมบง่ ชี้ เกณฑก์ ารประเมิน
ผา่ น ไมผ่ า่ น
๑.ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา
๒.ทกั ษะด้านความรว่ มมือการทำงานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู ำ
๓.ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร สารสนเทศ และการร้เู ทา่ ทนั สือ่
๔.ทักษะการเรยี นรู้
เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
พฤติกรรมบ่งชี้ เกณฑก์ ารประเมิน
ผา่ น ไม่ผา่ น
๑.ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒.ความสามารถในการคดิ
๓.ความสามารถในการแกป้ ัญหา
๔.ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
๕.ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๔๐
๔๑
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๓
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา รายวชิ า สุขศึกษาและพลศกึ ษา
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๖ เรอื่ ง การดแู ลฟันของเรา เวลา ๔ ชั่วโมง
๑.มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ ๔.๑ เหน็ คุณค่าและมีทกั ษะในการสรา้ งเสริมสุขภาพ การ
ดำรงสขุ ภาพ การป้องกันโรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพ่อื สขุ ภาพ
ตัวชว้ี ัด
พ ๔.๑ ป ๓/๔ แสดงการแปรงฟนั ให้สะอาดอย่างถูกวธิ ี
๒.จุดประสงการเรียนรู้
๒.๑ สรุปการแสดงการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดอยา่ งถกู วธิ ี ได้ (K)
๒.๒ แสดงการแปรงฟันให้สะอาดอย่างถูกวิธีได้ (P)
๒.๓ เห็นประโยชน์ของการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดถูกวิธี (A)
๓.สาระสำคญั
เหน็ ถงึ ความสำคัญของฟัน และแสดงการแปรงฟนั ใหส้ ะอาดอย่างถูกวธิ ีโดยครอบคลุมบรเิ วณขอบเหงอื ก
และไรฟนั
๔.สาระการเรยี นรู้
๔.๑ ความสำคัญของฟนั
๔.๒ ฟนั
๔.๓ การแปรงฟันอย่างถกู วิธี
๕.สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการสอ่ื สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๖.ทกั ษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑ (๓R ๘C + ๒L) (จุดเนน้ สกู่ ารพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น)
๔๒
ทกั ษะการอ่าน (Reading)
ทักษะการเขยี น (Writing)
ทกั ษะการคิดคำนวณ (Arithmetic)
ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical Thinking and Problem
Solving)
ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
ทักษะด้านความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross – cultural Understanding)
ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ และการรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information and
Media Literacy)
ทักษะด้านคอมพิวเตอรแ์ ละ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนร้(ู Career and Learning Skills)
ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ภาวะผ้นู ำ (Leadership)
๗.ชิ้นงานหรือภาระงาน
๗.๑ ใบงานที่ ๑ เรื่อง การแปรงฟันอย่างถูกวิธี
๘.การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้ันท่ี ๑ ขั้นสังเกต รวบรวมข้อมูล
๑. นักเรียนสังเกตภาพเด็กย้ิมกวา้ งคนท่ี ๑ ฟนั สวย ภาพเดก็ ยม้ิ กว้างคนท่ี ๒ ฟนั หลอ จากน้ันร่วมกัน
สนทนา โดยตอบคำถาม
๒. นักเรียนทุกคนจะได้รับฝรั่งห่ันเป็นชิน้ คนละ ๑ ชิ้น จากนั้นทกุ คนรบั ประทานพร้อมกันแลว้ ตอบ
คำถาม
3. นกั เรยี นชมคลปิ วดิ โี อ เรอ่ื ง กุ๋งกิ๋งปวดฟัน จากนนั้ ร่วมกันสนทนา โดยตอบคำถาม
4. นกั เรียนศกึ ษาความร้แู ละรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกบั ความสำคัญของฟนั ฟัน และการแปรงฟนั อย่างถกู วิธี
จากแหลง่ การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เนต็
๔๓
ข้ันท่ี ๒ ขนั้ คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความรู้
๕. นักเรียนร่วมกนั วิเคราะห์ความสำคญั ของฟนั และหนา้ ที่ของฟนั โดยตอบคำถาม
๖. นกั เรยี นร่วมกนั ขีดเส้นแบง่ กระดานออกเปน็ ๒ ฝัง่ โดยเขียนหัวข้อทางฝ่ังซ้ายวา่ ฟนั น้ำนม และหวั ข้อ
ทางฝ่งั ขวาว่า ฟนั แท้ แล้วสังเกตบัตรคำเกยี่ วกบั ฟัน จากนนั้ ร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ล้วนำบัตรคำไปตดิ บนกระดานให้
สมั พนั ธก์ ันกบั หัวขอ้ เมอ่ื ตดิ ครบร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยตอบคำถาม
๗. นักเรียนแบ่งกลุม่ แต่ละคนภายในกลุม่ เล่ากจิ กรรมการแปรงฟันอยา่ งถูกวธิ ขี องตนเอง แล้วเพ่ือนใน
กลุ่มช่วยกนั วิเคราะหว์ ธิ กี ารแปรงฟันอยา่ งถูกวิธี รวมถึงการเลอื กอปุ กรณ์การแปรงฟนั ที่ถูกต้อง โดยเขียนเป็น
แผนภาพความคิด
๘. นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยตอบคำถามกระตุ้นความคิด ดงั นี้
➢ถา้ นกั เรียนไม่มีฟันจะเปน็ อย่างไร
➢ฟันมีความสำคัญอย่างไร
➢ถ้านกั เรยี นแปรงฟันไมถ่ กู วธิ ีจะมผี ลอยา่ งไร
ขั้นท่ี ๓ ขน้ั ปฏบิ ัตแิ ละสรุปความรู้หลังการปฏบิ ัติ
๙. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันเขยี นแผนภาพความคดิ เกย่ี วกับความสำคัญ หนา้ ท่ี และประโยชนข์ องฟัน
๑๐. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สำรวจฟนั ของสมาชิกภายในกลุ่ม แล้วบันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบสำรวจฟนั
๑๑. นักเรยี นตรวจสอบอุปกรณ์การแปรงฟนั มาคนละ ๑ ชุด (แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แกว้ นำ้ ) จากนั้นนำไป
ปฏิบัติการแปรงฟันทถี่ ูกวิธี แลว้ บันทกึ ผลลงในช้ินงานท่ี ๑ เร่ือง การแปรงฟนั อย่างถกู วิธี
๑๒. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ส่งิ ทเ่ี ขา้ ใจเปน็ ความร้รู ว่ มกัน ดงั น้ี
ฟนั เป็นอวยั วะท่ีชว่ ยในการบดเคี้ยวอาหาร ทำใหอ้ อกเสียงพดู ไดช้ ัดเจน รวมท้ังทำใหใ้ บหนา้ มคี วามสวยงาม
เราจึงต้องดแู ลรกั ษาฟนั ใหแ้ ข็งแรงดว้ ยการแปรงฟันอยา่ งถกู วิธี เพ่ือให้มฟี ันไวใ้ ชย้ าวนาน
ข้นั ที่ ๔ ข้นั สื่อสารและการนำเสนอ
๑๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอแผนภาพความสำคัญ หนา้ ที่ และประโยชนข์ องฟนั
๑๔. นักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอผลการสำรวจฟนั ของสมาชิกภายในกลมุ่ ตนเอง
๑๕. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัติการแปรงฟนั อย่างถกู วธิ ี
๑๖. นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ เกย่ี วกบั วธิ ีการทำงานใหเ้ ห็นการคิดเชงิ ระบบและวธิ กี ารทำงาน
ท่ีมแี บบแผน
๔๔
๙.สอื่ สารสอน
๙.๑ ภาพเด็กยิม้ กว้างคนที่ ๑ ฟนั สวย ภาพเดก็ ยม้ิ กวา้ งคนท่ี ๒ ฟันหลอ
๙.๒ ฝรั่งหน่ั ช้ิน
๙.๓ บัตรคำเกย่ี วกบั ฟัน
๙.๔ คลปิ วดิ ีโอเรอื่ ง กุ๋งกงิ๋ ปวดฟัน
๙.๕ อปุ กรณก์ ารแปรงฟนั (แปรงสฟี ัน ยาสฟี นั แก้วนำ้ ) ทเี่ ตรยี มมา
๑๐.แหลง่ เรยี นรใู้ นหรอื นอกสถานที่
๑๐.๑ หนงั สือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๓
๑๐.๒ สอ่ื อนิ เทอรเ์ น็ต
๑๐.๓ แหลง่ การเรยี นรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
๑๑.การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ หรือ เกณฑก์ ารให้
คะแนน
สง่ิ ทต่ี ้องการจะวดั และ วธิ วี ัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน
ประเมินผล แบบประเมนิ
ใบงาน
ใบงานที่ ๑เร่อื ง การแปรง ตรวจใบงานที่ ๑เร่อื ง ๑๐ คะแนนเตม็ ๑๐ ผูเ้ รยี น
ตอ้ งได้คะแนน๕คะแนน
ฟันอย่างถูกวธิ ี การแปรงฟนั อย่างถกู วธิ ี ขนึ้ ไปคดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๐
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน วธิ ีวัด เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ
๑. ความสามารถในการส่ือสาร การสงั เกต แบบสงั เกต ผา่ น/ไมผ่ า่ น
๒.ความสามารถในการคิด การสังเกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไม่ผา่ น
๓.ความสามารถในการแก้ปัญหา การสังเกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไม่ผา่ น
๔.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต การสงั เกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไมผ่ า่ น
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไม่ผ่าน
๔๕
ทักษะของผู้เรยี นในศตวรรษที่ ๒๑ วธิ ีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน
๑.ทักษะด้านการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การสังเกต แบบสงั เกต ผ่าน/ไม่ผ่าน
และทักษะในการแกป้ ญั หา
๒.ทกั ษะด้านความรว่ มมือการทำงานเป็น การสงั เกต แบบสังเกต ผ่าน/ไม่ผ่าน
ทมี และภาวะผนู้ ำ
๓.ทกั ษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศ และ การสังเกต แบบสงั เกต ผา่ น/ไมผ่ า่ น
การรู้เทา่ ทนั ส่ือ
๔.ทกั ษะการเรยี นรู้ การสังเกต แบบสังเกต ผ่าน/ไมผ่ า่ น
๑๒.กิจกรรมเสนอแนะ
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
๑๓.บนั ทึกผลหลงั การสอน
สรปุ ผลการเรียนการสอน
นักเรยี นทง้ั หมดจำนวน...................คน
จุดประสงคก์ ารเรยี นร้ขู อ้ ท่ี จำนวนนักเรียนท่ผี า่ น จำนวนนักเรียนทไ่ี มผ่ า่ น
จำนวนคน รอ้ ยละ จำวนคน ร้อยละ
๑.
๒.
๓.
๑๔.ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................