สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
สาระการเรียนรู้และองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ซึง่ รายละเอยี ดของเนื้อหาและกิจกรรมมคี วามยากงา่ ยแตกตา่ งกนั ไป
ภาพที่ ๑๔ แสดงสมุดบันทึกขอ้ มูลการศึกษา ภาพที่ ๑๕ แสดงการศกึ ษา สังเกต สมั ผสั
พรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
พชื พรรณในพ้ืนที่ศกึ ษา
และจดบนั ทกึ ลงในสมุดบันทกึ ขอ้ มลู
นกั เรยี นจะศกึ ษาโดยการสงั เกต ดู สัมผสั พืชพรรณในพ้ืนที่ศกึ ษา
แล้วจดบันทึกลงในสมุดบันทึกข้อมูลของตน และส่งงานตามท่ีกำหนด
กิจกรรมท่ีมอบหมายให้นักเรียนปฏิบัติเป็นไปตามขอบข่ายและลำดับ
การเรียนรู้ท่ีกำหนดไว้ และได้บูรณาการระหว่างสาระการเรียนรู้ตาม
หลกั สตู รแกนกลางแล้ว ประกอบดว้ ย
๑. จัดทำป้ายช่ือพรรณไม้ โดยแบ่งพื้นที่ภายในโรงเรียนเป็น
พ้ืนทศี่ ึกษาพรรณไมข้ องนักเรียน ออกเป็น ๖ พน้ื ท่ี สำรวจพรรณไมใ้ นพ้นื ท่ี
ศึกษา จัดทำผงั พรรณไม้ ศกึ ษาพรรณไมใ้ นโรงเรียน ถา่ ยภาพและวาดภาพ
พรรณไม้ เก็บตวั อย่างพรรณไม้แบบแหง้ สงั เกตและจดบันทึกชนดิ พรรณไม้
ที่ออกดอกออกผล บันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูลทะเบียนพรรณไม
้
ของโรงเรียน ออกแบบและทำร่างป้ายชื่อพรรณไม้สมบูรณ์ ตรวจสอบ
ความถูกต้องของข้อมูลทางพฤกษศาสตร์ ทำทะเบียนพรรณไม้ ทำป้ายช่ือ
พรรณไมส้ มบูรณ์ และตดิ แสดงในพื้นท่ีศกึ ษา
42
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
๒. รวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน โดยศึกษาข้อมูล
ด้านต่าง ๆ ทั้งด้านข้อมูลพรรณไม้ ข้อมูลด้านพฤกษศาสตร์ สภาพดิน น้ำ
ทิศทางลม แสง และปัจจัยทางกายภาพอื่น ๆ ในพ้ืนที่ศึกษาท่ีกำหนดไว้
เพ่ือนำพรรณไม้มาเข้าปลูกในบริเวณที่มีลักษณะทางกายภาพท่ีเหมาะสม
ตามที่นกั เรยี นได้ศึกษาไว้
๓. ศกึ ษาขอ้ มลู ดา้ นตา่ ง ๆ โดยศกึ ษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนท่ีเป็นพ้ืนที่ศึกษาของตน ศึกษาพืชศึกษา ๒ ชนิด คือ มะกรูด
และพริกขี้หนู โดยศึกษาวงจรชีวิต แล้วบันทึกลงในสมุดบันทึก เช่น
ตอบแบบสอบถาม เขยี นแผนผงั ภาพวาด บนั ทกึ เปน็ ขอ้ ความ เขยี นสรปุ ผล
ผลการเรียนรู้ เขียนความประทับใจท่ีได้เรียนรู้ บันทึกความรู้สึกท่ีได้สนอง
พระราชดำริ ฯ เปน็ ต้น
ภาพที่ ๑๖ แสดงการศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ ในพน้ื ท่ีศกึ ษา แล้วจดั ทำรายงานผลการเรียนรู้
ในรูปแบบตา่ ง ๆ ซ่งึ ผสานทักษะทางวชิ าการด้านภาษา ศลิ ปะ และวทิ ยาศาสตร
์
43
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจดั การเรยี นรูต้ ามแนวพระราชดำริ
๔. รายงานผลการเรียนรู้ จากการศึกษาพรรณไม้และพืชศึกษา
โดยจัดทำรายงาน นำเสนอผลงานในรูปแบบต่าง ๆ ซ่ึงส่งผลให้นักเรียน
กล้าคิด กล้าแสดงออกอย่างถูกทาง สามารถเรียบเรียงสาระที่เกิดจาก
การเรยี นรู้จดั ทำเป็นเอกสาร รายงานต่าง ๆ โดยมีคณะครคู อยให้คำแนะนำ
เพ่ือให้นักเรียนมีความสามารถในเชิงวิชาการ ทั้งทักษะภาษา ศิลปะ และ
วทิ ยาศาสตร
์
๕. นำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา โดยให้นักเรียนชั้นประถม
ศึกษาตอนปลายและชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเสนอแนวคิดเพ่ือนำคุณสมบัติ
และศักยภาพของพชื ศกึ ษามาใช้ประโยชน์ และแนวทางการทำเป็นชนิ้ งาน
การเรยี นรพู้ ชื ศึกษา
การเรียนรู้พืชศึกษาเป็นกิจกรรมหนึ่งของการจัดการเรียนรู้ตาม
องค์ประกอบที่ ๓ ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนไทยนิยม
สงเคราะห์จึงได้เลือกพืชศึกษา ๒ ชนิด ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร คือ มะกรูด
และพรกิ ขห้ี นู
“มะกรูด” เป็นพืชตระกูลส้มท่ีเป็นพืชพ้ืนเมืองในแถบเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ผลและพืชผักสมุนไพรท่ีนิยมปลูกไว้เพื่อใช้
ประกอบอาหาร ใบและผลมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอมช่วยในการ
ดบั กลนิ่ คาว เพมิ่ รสใหแ้ กอ่ าหาร มอี งคป์ ระกอบของสารสำคญั หลายชนดิ ทม่ี ี
คุณสมบัติทางยาและคุณสมบัติทางด้านความงาม ส่วน “พริกขี้หนู” เป็น
ไมท้ รงพมุ่ ขนาดเลก็ มถี นิ่ กำเนดิ ในเขตรอ้ นในทวปี อเมรกิ า มหี ลายสายพนั ธ์ุ
ผลมีรสชาติเผ็ดร้อน เป็นพืชสมุนไพรท่ีนำมาใช้ประกอบการปรุงอาหาร
มีประโยชน์และสรรพคณุ ทางยาหลายอยา่ ง
44
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อย่างบทเรยี นการจัดการเรยี นร้ตู ามแนวพระราชดำริ
นักเรียนได้ศึกษาวงจรชีวิตของมะกรูดและพริกขี้หนู โดยสำรวจ
สังเกต บันทึกความเปล่ียนแปลงด้านรปู รา่ ง รปู ทรง สี ผวิ เน้อื ขนาดของ
ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ดทีเ่ ปลี่ยนแปลงในแตล่ ะชว่ งเวลา รวมทงั้
ศึกษาชีวภาพและกายภาพท่ีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช
ศึกษาท้ังสองชนิด แล้วจดบันทึกลงในสมุดบันทึกประจำตัว ขณะเดียวกัน
คณะครูยังส่งเสริมให้กลุ่มนักเรียนท่ีมีความสนใจจะศึกษาข้อมูลโดย
ละเอียดต่อเนื่อง ให้ทำการสืบค้นข้อมูลความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับพืชศึกษาจาก
หนังสือวิชาการ อินเทอร์เนต็ และแหลง่ ขอ้ มูลต่าง ๆ โรงเรียนได้ทดลองนำ
มะกรูดมาใชป้ ระโยชนโ์ ดยทดลองทำผลติ ภณั ฑ์ “สติ๊กเกอรก์ นั ยงุ จากนำ้ มนั
มะกรูด” และต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๖๐ นักเรียนจำนวนหนึ่งได้จัดทำ
โครงงานเพื่อเข้าประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับ
ประถมศึกษา ระดับชาติ ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนา
คุณภาพชีวิตคนไทย ๔.๐”
นอกเหนือจากการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการระหว่าง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระตามหลักสูตรแกนกลางกับองค์ประกอบ
และสาระการเรียนรู้ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนท่ีกล่าวมาแล้ว
โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ยังได้จัดกิจกรรมเพ่ือเสริมสร้างการเรียนรู้ใน
ลักษณะอ่ืน ๆ เช่น การจัดค่ายปฏิบัติการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
การจดั นทิ รรศการแสดงผลงานทางวชิ าการเกย่ี วกบั กจิ กรรมสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ การนำนักเรียนไปศึกษาข้อมูลชุมชน
เป็นต้น รวมท้ังได้นำคณะครูและนักเรียนไปเข้าร่วมการประชุมวิชาการ
จัดแสดง นำเสนอผลงาน/ประสบการณ์ในงานประชุมวิชาการและ
นิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนระดับภูมิภาค เพื่อสร้างเสริม
ประสบการณแ์ ละความภาคภมู ใิ จทไ่ี ดม้ สี ว่ นรว่ มในการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื
และได้ศึกษาเรียนรู้จนเข้าใจพืช รวมท้ังปัจจัยชีวภาพและกายภาพ
ที่เกี่ยวพนั กับพืชพรรณอย่างถ่องแท้
45
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตวั อย่างบทเรียนการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
การมสี ่วนร่วมของผปู้ กครองและชมุ ชน
โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก
กรุงเทพมหานครในด้านงบประมาณเพ่ือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ในการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนของนักเรียนและคณะครู
รวมท้ังได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการสถานศึกษา คณะกรรมการ
เครือข่ายผู้ปกครอง คณะกรรมการมูลนิธิเมตตาเยาวชนโรงเรียนไทยนิยม
สงเคราะห์ สมาคมผู้ปกครองและครู และชมรมศิษย์เก่าในการมีส่วนร่วม
พฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษา
นอกจากนี้ ยังมีส่วนราชการต่าง ๆ ได้แก่ กรมทหารขนส่ง
กรมทหารราบท่ี ๑๑ สำนักงานเขตบางเขน มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
วดั พระศรมี หาธาตวุ รมหาวหิ าร วดั บางบวั ทไี่ ดใ้ หก้ ารสนบั สนนุ การดำเนนิ งาน
ของโรงเรียนตลอดมา โรงเรียนได้แจ้งผลการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนในการประชุมผู้ปกครอง การประชุมสมาคมผู้ปกครองและคร
ู
การประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาเป็นประจำ รวมท้ังได้ให้บริการ
ดา้ นอาคารสถานที่ และเขา้ รว่ มกจิ กรรมทชี่ มุ ชนจดั อยา่ งสมำ่ เสมอ ในขณะที่
ผู้นำชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่นในชุมชนก็มีส่วนสำคัญในการให้ข้อมูล
ความรู้ ให้การสนับสนุนคณะครูและนักเรียนในการสำรวจและจัดทำ
ฐานทรัพยากรท้องถิ่นซ่ึงเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านกายภาพ
ชีวภาพ รวมท้ังวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ินของชุมชนโดยรอบตั้งแต่
อดีตถงึ ปจั จบุ ัน เพ่อื นำมาวิเคราะห์จดั ทำเป็นระบบฐานขอ้ มลู ต่อไป
46
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตวั อย่างบทเรยี นการจดั การเรยี นรูต้ ามแนวพระราชดำร
ิ
ภาพที่ ๑๗ แสดงการเรียนร้กู บั ปราชญช์ าวบา้ น ชมุ ชน วัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ ของนกั เรยี น
ผลทเี่ กดิ ขึ้น
๑. ด้านวิชาการ โรงเรียนมีการ
พัฒนาหลักสูตรการจัดการศึกษาแบบ
บรู ณาการสาระการเรยี นรทู้ ง้ั ๘ กลมุ่ สาระ ฯ
และจัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่ การจดั คา่ ยปฏบิ ตั กิ าร
การจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางวิชาการ ฯลฯ
นักเรียนและครูมีการออกแบบภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม
ของโรงเรียนให้มีความสะอาด เป็นระเบียบ ร่มร่ืน น่าอยู่ น่าศึกษาเรียนรู้
โรงเรยี นมแี หลง่ เรยี นรภู้ ายในสถานศกึ ษาเพม่ิ ขนึ้ หลายแหง่ เชน่ สวนสมนุ ไพร
สวนไมด้ อกไมป้ ระดบั สวนพืชผกั สวนครวั มีห้องสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
มีคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูลและสืบค้นข้อมูล เป็นต้น และยังเป็น
แบบอย่างในการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นแก่โรงเรยี นอื่น
47
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อย่างบทเรียนการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
๒. ด้านภูมิปัญญา มีการสร้างองค์ความรู้และพัฒนานวัตกรรม
ผลิตภัณฑ์ “สต๊ิกเกอร์กันยุงจากน้ำมันมะกรูด” และการพัฒนาโครงงาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา ระดับชาติ ในหัวข้อ
“วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยพี ัฒนาคณุ ภาพชีวติ คนไทย ๔.๐”
๓. ด้านคุณธรรมและจริยธรรม ผลที่เกิดกับนักเรียนนั้น พบว่า
จากการที่นักเรียนได้ใกล้ชิดกับพรรณไม้ ส่งผลให้นักเรียนมีความรักและ
เหน็ คณุ คา่ ของพชื พรรณ เขา้ ใจกระบวนการศกึ ษาคน้ ควา้ เกย่ี วกบั พชื พรรณไม้
ตา่ ง ๆ จนนบั ว่าเปน็ ผู้เชี่ยวชาญระดับท้องถนิ่ ในเร่ืองพรรณไม้ ซึ่งจะนำไปสู่
การเกิดจิตสำนึกรัก อนุรักษ์พืชพรรณและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้นักเรียน
ยงั ไดศ้ กึ ษาเรยี นรดู้ ว้ ยความเบกิ บาน มชี วี ติ ชวี า มคี วามรบั ผดิ ชอบในการดแู ล
รักษาเขตพื้นท่ีศึกษาของตน ทำงานด้วยความอดทนต่อสภาพดิน ฟ้า
อากาศ อดทนรอคอยศึกษาการเจริญเติบโตของพืช มีความเพียรรอคอยที่
จะศึกษาและบันทึกผลการเรียนรู้ให้ครบทุกส่วนประกอบของพืช สามารถ
ทำงานร่วมกันเป็นทีม ให้ความช่วยเหลือเอื้ออาทรเพ่ือนนักเรียนและ
นักเรยี นรนุ่ นอ้ ง
คณะครูมีการทำงานเป็นทีม มีความเอื้ออาทร มีการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้กันอย่างสม่ำเสมอ มีความชำนาญในการพัฒนาหลักสูตรและการจัด
กระบวนการเรียนการสอนแบบบูรณาการ และพัฒนาการจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอนอย่างต่อเน่ือง ในปีการศึกษา ๒๕๕๘ คณะครูโรงเรียนไทย
นิยมสงเคราะห์ได้ร่วมเป็นวิทยากรในการอบรมงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนให้แก่โรงเรียนสมาชิกในสังกัดกรุงเทพมหานครและสังกัดอ่ืน ๆ
ตลอดท้ังปีการศึกษา รวมทั้งได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรในประชุมวิชาการ
งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ในปี ๒๕๖๐ ดว้ ย
48
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอย่างบทเรียนการจดั การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ
บทสรุปความสำเร็จ โรงเรียนได้ขอเข้ารับการประเมินจาก
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ จากการที่
โรงเรียนมีผลการดำเนินงานเป็นท่ีประจักษ์ มีความมุ่งมั่น จึงส่งผลให้ผ่าน
การประเมิน และได้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรยี น ขน้ั ที่ ๑ “เกยี รตบิ ตั รแหง่ ความมุ่งม่นั อนรุ ักษ์สรรพสิ่ง สรรพชีวิต
ด้วยไวพจน์แห่งจิตสำนึกของเยาวชน” เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๕
รวมท้ังได้รับเชิญให้ไปจัดแสดง และนำเสนอผลงาน/ประสบการณ์ ในงาน
ประชุมวิชาการและนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนระดับภูมิภาค
หลายครง้ั นบั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๕๕ เปน็ ตน้ มา
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โรงเรยี นไดร้ บั เลอื กใหถ้ า่ ยทอดผลการดำเนนิ งาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนในสารคดี “เจา้ ฟ้านักอนุรักษ์” เฉลิมพระเกยี รติ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรม
ราชกมุ ารี พระชนมายุ ๖๐ พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๕๘
49
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตวั อย่างบทเรยี นการจดั การเรียนรูต้ ามแนวพระราชดำร
ิ
โรงเรยี นปากเกรด็
ขอ้ มูลโรงเรียน
โรงเรียนปากเกร็ด เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๓ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ต้ังอยู่ เลขท่ี ๑๒๘/๒๗ ถนนแจ้งวัฒนะ
ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก่อตั้งในปี พ.ศ. ๒๔๔๗
เดิมโรงเรียนต้ังอยู่ท่ีบริเวณวัดเสาธงทอง ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด
จงั หวดั นนทบุรี จนกระทง่ั ปี พ.ศ.๒๔๙๕ จงึ ได้ยา้ ยมาท่ีสถานทีต่ ง้ั ปจั จุบนั
50
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตัวอยา่ งบทเรียนการจดั การเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำริ
ปจั จบุ นั เปดิ สอนตงั้ แตร่ ะดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖ ในปกี ารศกึ ษา
๒๕๖๑ มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น ๓,๒๐๘ คน มีข้าราชการครู ๑๕๗ คน
ครอู ตั ราจ้างและบุคลากรอื่นอกี กว่า ๔๐ คน โรงเรียนมพี ้ืนทท่ี งั้ หมด ๒๓ ไร่
๓ งาน ๖๕ ตารางวา ตง้ั อยใู่ นเขตเทศบาลนครปากเกรด็ หรอื นครปากเกรด็
ซึ่งเป็นเทศบาลนครขนาดใหญ่ท่ีมีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ ๒ ของ
ประเทศไทย รองจากเทศบาลนครนนทบุรี สภาพพื้นท่ีในเขตเทศบาลเดิม
เป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่ปัจจุบันได้เปล่ียนสภาพเป็นท่ีรองรับการขยายตัว
ด้านเศรษฐกิจ และการขยายตัวของเขตเมืองของกรุงเทพมหานครเป็น
ที่พักอาศัย และการประกอบธุรกิจ โรงเรียนปากเกร็ดเข้าร่วมเป็นสมาชิก
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เพอื่ สนองพระราชดำริ ฯ ตง้ั แตป่ กี ารศกึ ษา ๒๕๕๔
ได้รับป้ายสนองพระราชดำริ ฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และได้รับพระราชทาน
เกียรติบัตรงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ขั้นท่ี ๑ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๘
ปัจจุบันมพี รรณไมใ้ นโรงเรียนท่ขี ึน้ ทะเบียนแลว้ จำนวน ๑๔๕ ชนิด
การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
โรงเรียนปากเกร็ดได้สนองพระราชดำริ ฯ เข้าร่วมเป็นสมาชิก
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน โดยมเี ปา้ หมาย คอื สร้างจิตสำนึกใหแ้ กเ่ ยาวชน
และบคุ คลทว่ั ไปเกย่ี วกบั การอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื เหน็ คณุ คา่ ประโยขนข์ อง
พรรณไม้ในโรงเรียนและในท้องถิน่
ผู้บริหารและคณะได้นำ “หลักการมีส่วนร่วม” มาประยุกต์ใช้เป็น
แนวทางในการบริหารจัดการงานทุกด้าน และได้ร่วมกันพัฒนาแนวคิด
“การบริหารและการจัดการแบบ ๗ สร้าง” มาใช้เพ่ือขับเคลื่อนการ
ดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและงานฐานทรัพยากรท้องถ่ินของ
โรงเรยี นใหบ้ รรลุเปา้ หมาย ครู บุคลากร และนกั เรียนมคี วามเบิกบาน
51
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจดั การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
แนวคิด “การบริหารและการจัดการแบบ ๗ สร้าง” มสี าระสำคัญ
สรปุ ได้ ดงั น้
ี
๑. สร้างศรัทธา หมายถึง ให้ผบู้ ริหาร คณะครู นกั เรยี น ได้เขา้ ใจ
ถึงแนวพระราชดำริ ฯ ในการอนุรกั ษพ์ ชื พรรณและทรพั ยากร
๒. สร้างความรู้ความเข้าใจ หมายถึง ให้ผู้บริหาร คณะครู
นักเรียน ได้เข้าใจแนวทางในการจัดการเรียนรู้และวิธีในการดำเนินงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
๓. สรา้ งกระบวนการรว่ มคดิ รว่ มวางแผน หมายถงึ ใหท้ กุ ภาคสว่ น
รว่ มประชมุ วางแผนการดำเนนิ งาน แบง่ งาน รบั ผดิ ชอบงาน และดำเนนิ งาน
ตามระยะเวลาทวี่ างแผน
๔. สร้างสรรค์ผลงานสู่การปฏิบัติ หมายถึง ให้ครูมีและใช้วิธีการ
สอนท่ีหลากหลาย มีการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนเกิด
องค์ความร้จู ากการไดล้ งมือปฏบิ ตั จิ รงิ
๕. สร้างความภาคภูมิใจในผลงาน หมายถึง ให้นักเรียนได้เรียนรู้
สามารถผลิตผลงานอย่างสร้างสรรค์ และเผยแพร่ต่อสาธารณชนให้ได้
ช่นื ชมผลงาน เพ่อื ให้เกิดความภาคภูมิใจ
๖. สร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม หมายถึง การส่งเสริมและ
สรรค์สร้างให้ทุกฝ่าย ท้ังนักเรียน คณะครูและบุคลากร มีคุณธรรม
จริยธรรม บนหลักของความดี ความงาม ความถูกต้อง ในการแสดงออก
ทงั้ กาย วาจา ใจ
๗. สร้างคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น หมายถึง นำองค์ความรู้ของ
ชาวบา้ นที่คิดเองทำเองโดยอาศัยศกั ยภาพทมี่ ีอยู่ มาใช้เพอื่ ประโยชนใ์ นการ
พฒั นาหรอื แกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชีวติ ในท้องถ่ิน
52
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
การเตรียมการด้านการบริหารและการจัดการ
โรงเรียนได้แต่งตั้งคณะกรรมการหลายคณะตามแนวทางในคู่มือ
การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ จัดทำขึ้น จากน้ันได้จัดการประชุมชี้แจง
เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย เช่น ประชุมคณะกรรมการ
สถานศึกษา ประชุมคณะครู ประชุมหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้และ
หัวหน้างาน ประชุมกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นต้น เพ่ือให้ทุกฝ่ายเข้าใจ
ในเปา้ หมาย แนวคดิ แนวทาง และวธิ ดี ำเนนิ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
โรงเรียนได้กำหนดให้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนไว้ใน
โครงสร้าง โดยให้เป็นงานหน่ึงในกลุ่มงานการบริหารวิชาการและแผนงาน
และให้จัดทำแผนการดำเนินงานด้านการบริหารงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนทแี่ สดงรายละเอยี ดงาน ระยะเวลา งบประมาณ ผ้รู บั ผดิ ชอบ และ
จดั ทำปฏทิ นิ การปฏบิ ตั งิ าน บรรจไุ วใ้ นแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจำปงี บประมาณ
ทกุ ปี
การมอบหมายหนา้ ทีร่ ับผิดชอบแกค่ ณะครูและการพัฒนาคร
ู
ผู้บริหารโรงเรียนได้แต่งต้ังและมอบหมายให้รองผู้อำนวยการกลุ่ม
การบริหารวิชาการเป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงาน หัวหน้ากลุ่ม
สาระวิทยาศาสตร์เป็นรองประธาน และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ
อีก ๗ กลุ่มสาระฯ เป็นกรรมการ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการงาน
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นเปน็ แกนกลางในการประสานงานกบั คณะกรรมการ
ทุกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้รองผู้อำนวยการท่านอื่นและ
คณะครูทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงาน โดยแต่งต้ังเป็นคณะ
กรรมการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการตามองค์ประกอบ
๕ องค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน (การจัดทำป้ายชื่อ
53
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตวั อย่างบทเรยี นการจัดการเรยี นร้ตู ามแนวพระราชดำร
ิ
พรรณไม้ การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน การศึกษาข้อมูลด้าน
ต่าง ๆ การรายงานผลการเรียนรู้ การนำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา)
และ ๓ สาระการเรียนรู้ (ธรรมชาติแห่งชีวิต สรรพสิ่งล้วนพันเก่ียว
ประโยชน์แท้แกม่ หาชน) คณะกรรมการกำหนดพืน้ ที่ศึกษา คณะกรรมการ
ดำเนินงานสาระการเรียนรู้พืชศึกษา เป็นต้น และได้มอบหมายให้ครูและ
บุคลากรฝ่ายอาคารสถานที่ของโรงเรียนร่วมวางแผน พัฒนาสภาพ
บรรยากาศและส่ิงแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการจัดการเรียนรู้ ตลอดจน
จัดหาวสั ดอุ ุปกรณ์ท่จี ำเป็นต่อการจัดการเรยี นการสอน
ภายใต้แนวคิด “การบริหารและการจัดการแบบ ๗ สร้าง”
ผบู้ ริหารและคณะผ้บู รหิ ารไดเ้ นน้ ยำ้ สง่ เสรมิ สนบั สนุน และนำพาคณะครู
ให้ทำงานรว่ มกันเป็นทีม มสี ว่ นร่วมในทกุ มติ ิ มคี วามสุข มีความเบกิ บานใน
การทำงาน คณะกรรมการ คณะทำงานด้านต่าง ๆ ได้ประชุม ปรึกษาหารือ
ประสานงานและวางแผนการขับเคลอ่ื นงานร่วมกนั เปน็ ระยะ ๆ
ในช่วงเร่ิมต้นของการดำเนินงาน ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รแกนกลาง และคณะครอู กี จำนวนหนงึ่
ได้ไปเข้าอบรมแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามองค์ประกอบและสาระ
การเรียนรู้ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ระยะเวลาการรอบรมตาม
หลักสูตร จำนวน ๕ วัน โดยมีวิทยากรจากโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ ฯ เป็นผูใ้ หก้ ารอบรม แลว้ กลับมาจดั การอบรม
ขยายผลแก่คณะครูท่านอ่ืน อบรมนักเรียนแกนนำ โดยคณะครูท่ีร่วมถอด
บทเรียนเล่าวา่
54
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจดั การเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
“ในช่วงแรกคณะครูยังมีความคิดเห็นไม่เป็นไปในทิศทาง
เดียวกันทั้งหมด อาจเป็นเพราะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ
มีครูและบุคลากรมาก การส่ือสารสาระสำคัญและแนวทาง
ขับเคลื่อนงานยังไม่ชัดเจน ดังน้ัน ผู้บริหารและคณะครูแกนนำ
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนจึงได้ช้ีแจงถึงความสำคัญและ
คุณค่าของงาน ทำความเข้าใจในแนวทางการดำเนินงาน
ในวาระการประชุมต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพ่ือเสริมสร้าง
ศรัทธาและความตระหนักให้แก่คณะครู โดยมีที่ปรึกษางาน
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น และเจา้ หนา้ ทก่ี รอบการสรา้ งจติ สำนกึ
ในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชมาให้คำแนะนำและให้กำลังใจ
อย่างตอ่ เนอ่ื ง ทำใหค้ ณะครูมีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน”
จึงกล่าวได้ว่าการเสริมสร้างความเข้าใจในคุณค่าความสำคัญของ
ภารกิจเป็นพ้ืนฐานสำคัญในการสร้างความตระหนัก ส่วนการสร้างความ
เข้าใจในเป้าหมาย การให้มีส่วนร่วมตัดสินใจในการกำหนดแนวทาง
เพื่อบรรลเุ ปา้ หมายมคี วามสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินภารกจิ
โรงเรียนได้ให้คณะครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูใหม่ท่ีรับผิดชอบ
ในแต่ละองค์ประกอบไปเข้าประชุมและอบรมเพิ่มเติมเก่ียวกับการจัด
การเรียนรู้ในองค์ประกอบท่ีเก่ียวข้อง ตามฐานอบรมโรงเรียนเครือข่าย
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามท่ีโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเน่ืองมา
จากพระราชดำริ ฯ จัดการประชุมและอบรมต่อเน่ือง การได้เข้าร่วมงาน
การประชุมวิชาการและนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและฐาน
ทรัพยากรท้องถ่ิน ระดับภูมิภาค และเข้าร่วมการประชุมกลุ่มท่ีจัดข้ึนเป็น
ระยะ ๆ ทำให้คณะครไู ด้รบั ทราบข้อมลู แนวทางการดำเนนิ งานทส่ี ามารถ
นำมาใชเ้ พอ่ื พัฒนางานต่อไปได
้
55
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตวั อยา่ งบทเรียนการจัดการเรียนร้ตู ามแนวพระราชดำริ
แนวทางการพัฒนาครูที่สำคัญประการหน่ึงของโรงเรียนปากเกร็ด
คือ การพัฒนาบุคลากรสู่การเป็นวิทยากรงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
บนหลักการ “ความรอบรู้ ความเชี่ยวชาญ ความสมดุล ความสมบูรณ์
การถ่ายทอดได้” ทั้งนี้ ผู้บริหารได้ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูที่มาบรรจุหรือ
ย้ายมาใหม่ได้ไปเข้าอบรมเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจจากครูวิทยากร
ตามฐานอบรมโรงเรียนเครือข่ายสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามที่โครงการ
อนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ฯ จัดการประชุมและ
อบรม ฝึกปฏิบัติงานกับครูวิทยากรภายในโรงเรียน เพื่อก้าวสู่การเป็น
วทิ ยากรผชู้ ว่ ยของครวู ทิ ยากร และในทสี่ ดุ กส็ ามารถเปน็ วทิ ยากรใหก้ ารอบรม
แกโ่ รงเรยี นอนื่ ๆ การพฒั นาครแู นวทางนถี้ อื เปน็ การสรา้ งทายาทครวู ทิ ยากร
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ทำให้โรงเรียนมีบุคคลท่ีจะเป็นแกนหลักในด้าน
การจดั การเรยี นรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนอยา่ งตอ่ เนื่อง และยง่ั ยืน
การบูรณาการการเรียนรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนกับ
หลกั สตู รแกนกลาง
ในระยะเตรียมการ คณะครูได้ร่วมกันจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
ที่บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนกับสาระการเรียนรู้ของหลักสูตร
แกนกลาง ทั้งน้ี คณะครูที่เป็นกรรมการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
คณะครูจากกลุ่มสาระการเรียนรู้หลักสูตรแกนกลาง และคณะครูท
่ี
รับผิดชอบในแต่ละองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ได้ร่วมกันวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้
๘ กลมุ่ สาระกบั สาระการเรยี นรู้ และองคป์ ระกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน แล้วจัดทำผังมโนทัศน์แนวทางการบูรณาการ จัดทำแผน
การจัดการเรียนรู้ พัฒนาสอ่ื ใบความรู้ ใบงาน โดยคำนึงถึงศักยภาพ และ
พัฒนาการในการเรียนรู้ของนักเรียน ความเหมาะสมของภารกิจและ
จำนวนใบงานท่ีควรมอบหมายให้นกั เรียน
56
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตัวอย่างบทเรยี นการจดั การเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
ภาพที่ ๑๘ แสดงสือ่ ใบงานทใี่ ชใ้ นการจัดการเรยี นรบู้ รู ณาการ
สาระการเรยี นรูส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
สอ่ื ใบความรู้ ใบงานทใ่ี ชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ มที งั้ ทพ่ี ฒั นาขน้ึ มาใหม่
และมีบางส่วนที่นำใบความรู้ ใบงาน ของโรงเรียนอ่ืนมาปรับประยุกต์ใช้
วิธีทำงานท่ีใช้ในการพัฒนาและจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ ใบความรู้
ใบงาน คือ การจัดประชุมปฏิบัติการไปทีละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทำให้ได้
แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการที่แสดงให้เห็นวิธีการจัดการเรียนรู้
อย่างชัดเจนในทุกระดับช้ันและทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ สอดคล้องกับ
หลักสูตรแกนกลาง จากน้ันจึงได้ประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่คณะครู
ท้ังโรงเรียน แนวทางการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้
การใช้ส่ือ ใบความรู้ ใบงาน วัสดุอุปกรณ์ท่ีเก่ียวข้อง แล้วมอบหมายให้
คณะครนู ำไปใช้จดั การเรยี นการสอน
57
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจดั การเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
การจดั การเรยี นรตู้ ามองคป์ ระกอบงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
โรงเรยี นไดแ้ บ่งพ้นื ทศี่ กึ ษาพรรณไม้ของนกั เรียน ออกเป็น ๖ พื้นที่
ประกอบด้วยสวนและพื้นที่สีเขียวหลายแบบ เช่น สวนหย่อมไม้ดอก
ไม้ประดับ แปลงพืชผักสวนครัว แนวต้นไม้ที่ประกอบด้วยพรรณไม
้
ชนดิ ตา่ ง ๆ หลายชนดิ ทงั้ ตน้ ไมป้ ระจำโรงเรยี น พรรณไมห้ ายาก พชื ทอ้ งถน่ิ
พืชศกึ ษา และอ่นื ๆ
โรงเรียนได้แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ ๑๐ คน และ
แบ่งนักเรียนในแต่ละระดับชั้นออกเป็นคณะสี ๖ สี (ฟ้า ม่วง แดง
เขียวอ่อน เหลือง เขยี วเขม้ ) นกั เรียนจะได้รับมอบหมายใหเ้ ข้าศึกษา เรยี นร
ู้
ในพนื้ ทศี่ กึ ษาเปน็ กลมุ่ ตามคณะสี โดยหมนุ เวยี นกนั ลงไปสำรวจ ศกึ ษา เรยี นรู้
พรรณไม้ในพื้นที่ศึกษาที่ได้รับมอบหมาย และศึกษาพืชศึกษาของโรงเรียน
โดยใช้เวลาตามคาบเวลาเรียนปกติตามที่ครูผู้สอนในระดับชั้นแต่ละกลุ่ม
สาระการเรียนรู้มอบหมาย ในแต่ละพื้นท่ีศึกษาจะมีนักเรียนหลายระดับชั้น
เขา้ ศึกษา นักเรยี นทุกคนจะไดร้ บั แบบบนั ทกึ ขอ้ มูล “การศกึ ษาพรรณไมใ้ น
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” ซ่ึงมีเน้ือหาสาระและกิจกรรมที่กำหนดให้
ปฏิบัติซึ่งบูรณาการระหว่างสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางกับ
สาระการเรียนรู้และองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
คณะครจู ะแนะนำแนวทางการศกึ ษา เรียนรู้ และให้นกั เรยี นเขา้ ศึกษาแบบ
“พีช่ ่วยนอ้ ง เพ่ือนชว่ ยเพอ่ื น”
ภาพท่ี ๑๙ แสดงการเรยี นร้พู ืชศกึ ษาในรายวชิ าต่าง ๆ ดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย
โดยนักเรยี นเป็นผู้ดำเนนิ การ ครเู ป็นผู้แนะนำและใหค้ ำปรกึ ษา
58
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตวั อย่างบทเรียนการจดั การเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
นักเรียนจะเรยี นรพู้ ืชพรรณในพน้ื ที่ศกึ ษา ด้วยวธิ กี ารที่หลากหลาย
ทง้ั การสงั เกต ดู สมั ผัส สำรวจแล้วจดบันทึกลงในแบบบนั ทกึ ข้อมลู ของตน
กิจกรรมที่มอบหมายให้นักเรียนปฏิบัติเป็นไปตามขอบข่ายที่ได้บูรณาการ
สาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางแล้ว โดยสรุปกิจกรรมที่นักเรียนได้
รบั มอบหมายให้ปฏิบตั ิเพอ่ื ศกึ ษาเรียนรู้ มีดงั น้ี
๑. จัดทำป้ายชื่อพรรณไม้ โดยแบ่งพ้ืนที่ภายในโรงเรียนเป็น
พนื้ ที่ศกึ ษาพรรณไม้ของนกั เรียน ออกเป็น ๖ พื้นที่ ประกอบด้วยสวนและ
พ้นื ทีส่ เี ขียวหลายแบบสำรวจพรรณไม้ในพ้ืนท่ศี กึ ษา สำรวจพรรณไม้ จดั ทำ
ผังพรรณไม้ ถ่ายภาพพรรณไม้ ศึกษาและเก็บตัวอย่างพรรณไม้ในโรงเรียน
ถา่ ยภาพและวาดภาพพรรณไม้ บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในฐานขอ้ มลู ทะเบยี นพรรณไม้
ของโรงเรียนออกแบบและทำร่างป้ายชื่อพรรณไม้สมบูรณ์ ตรวจสอบ
ความถูกต้องของข้อมลู ทางพฤกษศาสตร์ ทำป้ายชือ่ พรรณไม้สมบรู ณ์ และ
ทำทะเบียนพรรณไม
้
๒. รวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน โดยเบ้ืองต้นได้ให้
นักเรียนศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ ดิน น้ำ ทิศทางลม แสง และปัจจัยทาง
กายภาพอื่น ๆ ในพื้นที่ท่ีกำหนดไว้ เพื่อรวบรวมพรรณไม้มาเข้าปลูกใน
โรงเรียนเพิ่มเติม
๓. ศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยเรียนรู้ ดูแล พรรณไม้ในสวน
พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น และศกึ ษาพชื ศกึ ษา ๒ ชนดิ คอื อญั ชนั และลกู ใตใ้ บ
โดยศึกษาวงจรชีวิต ทงั้ ดา้ นรปู รา่ ง รูปทรง สี ผวิ เนื้อ ขนาดของราก ลำต้น
ใบ ดอก ผล เมล็ด ระบบนิเวศ การปลูก การขยายพันธ์ุ และบันทึก
ลงในแบบบันทึก ด้วยการเขียนแผนผัง ภาพวาด เขียนเป็นข้อความ เขียน
สรปุ ผลการเรยี นรู้
59
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
๔. รายงานผลการเรียนรู้ จากการศึกษาพรรณไม้และการเรียนรู้
พืชศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัดแสดงผลงานภาพวาด ภาพถ่าย
ภาพเคลอ่ื นไหว
๕. นำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา โดยวิเคราะห์ศักยภาพหรือ
คุณสมบัติของพืชศึกษาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ และแนวทางการทำเป็น
ชน้ิ งาน ตลอดจนการเรยี นรูต้ อ่ เน่ืองตามความสมัครใจของนักเรียน
การเรยี นรพู้ ืชศกึ ษา
โรงเรยี นปากเกรด็ ไดเ้ ลอื กพชื ศกึ ษา ๒ ชนดิ คอื อญั ชนั และลกู ใตใ้ บ
“อัญชัน” เป็นไม้เถาเล้ือย มีถ่ินกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ เป็นพืชสมุนไพร
ท่ีนำมารับประทานได้ อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา เป็นสมุนไพรที่ให้
ประโยชน์ได้ต้ังแต่รากจนถึงดอก ส่วน “ลูกใต้ใบ” เป็นสมุนไพรชนิดหน่ึง
ท่ีพบทั่วทุกภาคของเมืองไทย และในประเทศเขตรอ้ น มสี รรพคุณทางยา
นักเรียนได้ศึกษาวงจรชีวิตของอัญชัน และลูกใต้ใบ โดยสังเกต
และบันทกึ ความเปล่ียนแปลงลักษณะรปู ร่าง รูปทรง สี ผิว เน้อื ขนาดของ
ราก ลำตน้ ใบ ดอก ผล และเมล็ดของอญั ชันและลกู ใต้ใบที่เปล่ียนแปลงไป
ในแต่ละชว่ งเวลา รวมท้ังศกึ ษาระบบนิเวศ ชีวภาพและกายภาพทีเ่ กยี่ วข้อง
กับการเจริญเติบโต วิธีการปลูก การขยายพันธ์ุ และให้กลุ่มนักเรียนที่มี
ความสนใจที่จะศึกษาข้อมูลโดยละเอียดต่อเน่ืองทำการสืบค้นข้อมูลความรู้
ที่เกี่ยวข้องกับพืชศึกษาตามความสนใจจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น
โรงเรียนได้จัดกิจกรรมค่ายปฏิบัติการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
เพอื่ สังเกตและถ่ายภาพพชื ศึกษา รวมทงั้ ชีวภาพทีม่ าเก่ยี วข้องกบั พืชศึกษา
การประกวดวาดภาพ เป็นต้น และได้วิเคราะห์ศักยภาพและสรรพคุณแล้ว
พบว่า มีสารท่ีเป็นสรรพคุณช่วยขับสารพิษจากร่างกาย จึงทดลองนำ
ดอกอัญชันมาทำผลติ ภัณฑ์เพือ่ ขจัดสิ่งสกปรกท่ีสามารถใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
หลายชนดิ เช่น เจลลา้ งมอื นำ้ ยาซักผา้ น้ำยาถพู นื้ น้ำยาเช็ดกระจก
60
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรูต้ ามแนวพระราชดำร
ิ
ภาพที่ ๒๐ แสดงครแู ละนกั เรยี นชมรมถ่ายภาพ ภาพท่ี ๒๑ แสดงภาพวาดพรรณไมซ้ งึ่ เปน็
PK Photo ซ่ึงเปน็ กจิ กรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้ ผลงานของนักเรยี นที่ถา่ ยทอดจากการศกึ ษา
ตามทักษะ ความชอบ และความสมคั รใจ
สาระสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
นอกจากนี้ โรงเรียนได้จดั ทำห้องสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนสำหรบั
เก็บรวบรวมตัวอย่างพรรณไม้ รวบรวมเอกสารวิชาการเพ่ือการศึกษา
ค้นคว้า ใบงาน ตัวอย่างช้ินงานของนักเรียน รายงานการดำเนินงาน
โครงการ และสื่อต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนและการอนุรักษ์พืชพรรณ เพื่อให้นักเรียนและคณะครูได้ใช้สืบค้น
ค้นคว้าตามอัธยาศัย คณะครูยังส่งเสริมให้กลุ่มนักเรียนทำกิจกรรมอื่น
ทเ่ี กยี่ วขอ้ งตามทกั ษะ ความชอบ และความสมคั รใจ เช่น ต้งั ชมรมถา่ ยภาพ
“PK Photo” เพ่ือถ่ายภาพพืชศึกษาและพรรณไม้ในโรงเรียน ถ่ายภาพ
กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ทำวีดิทัศน์ประกอบการบรรยายสรุป ชมรม
ช่างสิบหมู่ศิลปะประดับมุข ชมรมเคร่ืองปั้นดินเผา ชมรมศิลปะ เป็นต้น
และท่ีสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้บริหารได้สนับสนุนให้คณะครูและ
นักเรียนไปเข้าร่วมการประชุมวิชาการ จัดแสดง และนำเสนอผลงาน/
ประสบการณ์ในงานประชุมวิชาการและนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนอย่างต่อเน่ือง เพื่อให้รับทราบความก้าวหน้าในวิทยาการและ
ผลการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน แลกเปล่ียนประสบการณ์
และเพม่ิ พนู ความรู้ด้วยการเรยี นรตู้ ามอธั ยาศยั ระหวา่ งเขา้ รว่ มกจิ กรรม
61
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตวั อย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
การมีสว่ นร่วมของผูป้ กครองและชมุ ชน
คณะกรรมการสถานศึกษา คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง
สมาคมผู้ปกครองและครู และสมาคมศิษย์เก่าเป็นองค์กรเครือข่ายท่ีม
ี
ความสำคัญและมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของ
โรงเรียน ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งท่ีมีความรู้เรื่องพืชและสรรพคุณของ
สมนุ ไพรไดเ้ ข้ามาให้ความรู้แก่นกั เรยี น และมอบตน้ ไม้หายากให้โรงเรียนนำ
ไปปลกู เพิ่มเติม
ผู้นำชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและปราชญ์ชาวบ้านในชุมชนได้ให้
ความร่วมมือ ให้ข้อมูล ความรู้แก่คณะครู และนักเรียนแกนนำจำนวน
ประมาณ ๑๕๐ คนในการสำรวจและจัดทำฐานทรัพยากรท้องถิ่น ซ่ึง
เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านกายภาพ ชวี ภาพ รวมทง้ั วัฒนธรรมและ
ภมู ปิ ญั ญาของแต่ละทอ้ งถน่ิ มีภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ท่านหน่งึ ไดอ้ นเุ คราะห์เป็น
วิทยากรถา่ ยทอดวธิ ีการทำ “ธงตะขาบ” ใหแ้ กค่ รแู ละนกั เรยี น และไดม้ อบ
อุปกรณ์โบราณที่ใช้ทำธงตะขาบให้แก่โรงเรียนด้วย ซ่ึงธงตะขาบม
ี
ความสำคัญเก่ียวโยงกับ “ประเพณีแห่หงส์-ธงตะขาบ” ท่ีถือปฏิบัติกันใน
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเป็นการนำธงตะขาบไปแขวนไว้ท่ีด้านหลัง
ของเสาหงส์หน้าเจดีย์สถานอันเป็นสัญลักษณ์ของวัดมอญ มีนัยตามคติ
ความเช่ือซ่อนอยู่ในธงตะขาบหลายประการ ประเพณีแห่หงส์-ธงตะขาบ
เป็นประเพณีที่คนไทยเช้ือสายมอญในหลายพ้ืนที่ได้สืบสานมาจนถึง
ปัจจบุ นั
62
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตัวอย่างบทเรียนการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำริ
ผลท่เี กดิ ขน้ึ
๑. ดา้ นวิชาการ นักเรียนเกดิ การเรียนรู้ จนิ ตนาการสมั ผัสเรยี นรู้
พืชพรรณ มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดย
นักเรียนได้ศึกษาวงจรชีวิตของอัญชัน และลูกใต้ใบ โดยสังเกตและบันทึก
ความเปลี่ยนแปลงลักษณะกายภาพ ชีวภาพของอัญชันและลูกใต้ใบ
ทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปในแตล่ ะชว่ งเวลา รวมทงั้ ศกึ ษาระบบนเิ วศ การเจรญิ เตบิ โต
วิธีการปลูก การขยายพันธ์ุ และให้กลุ่มนักเรียนที่มีความสนใจที่จะศึกษา
ข้อมูลโดยละเอียดต่อเน่ืองให้ทำการสืบค้นข้อมูลความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับ
พืชศึกษาตามความสนใจจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ นอกจากนี้ยังส่งเสริม
ทักษะด้านศิลปะของนักเรียนตามความชอบและความสมัครใจ โดยต้ัง
ชมรมถ่ายภาพ เพอ่ื ถา่ ยภาพพชื ศึกษาและพรรณไม้ในโรงเรียน
ด้านคณะครูและบุคลากรมีความชำนาญในการพัฒนาหลักสูตร
และการจัดกระบวนการเรียนการสอนแบบบูรณาการ มีวิธีการสอนที
่
หลากหลาย พฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สง่ ผลให้
นกั เรยี นไดเ้ รยี นรอู้ ยา่ งมคี วามสขุ คณะครทู เ่ี ปน็ แกนนำงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนของโรงเรียนปากเกร็ดจำนวนหนึ่งได้ไปเป็นวิทยากรในการอบรม
เก่ียวกับงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนให้แก่โรงเรียนสมาชิกในหลายพื้นท่ี
เช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี
กาญจนบรุ ี สพุ รรณบรุ ี เพชรบรุ ี บึงกาฬ สกลนคร ชลบรุ ี ปราจนี บรุ ี ตราด
ระยอง เปน็ ตน้ รวมทงั้ ไดร้ บั เชญิ ใหเ้ ปน็ วทิ ยากรบรรยายในการประชมุ วชิ าการ
งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
การออกแบบและจัดวางภูมทิ ศั นข์ องโรงเรยี น มีความสะอาด เปน็
ระเบียบ ร่มรื่น น่าศึกษาเรียนรู้ การมีสวนพฤกษศาสตร์และพรรณไม้ใน
พ้ืนที่ศึกษาต่าง ๆ ทำให้มีแหล่งเรียนรู้ท่ีมีชีวิตที่สามารถนำมาใช้เป็น
63
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำริ
แหล่งเรียนรู้ของนักเรียนและบุคคลท่ัวไป โรงเรียนได้ถูกใช้เป็นสถานที่จัด
กิจกรรมของส่วนราชการและองค์กรต่าง ๆ อยู่เสมอ เป็นสถานท่ีต้อนรับ
ผู้มาเย่ียม มาศึกษาดูงานจากท้ังในประเทศและจากต่างประเทศ ท้ังเร่ือง
ที่เก่ียวกับการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และเร่ืองงานด้าน
การบริหารจดั การ และการจัดการเรยี นการสอน
๒. ด้านภูมิปัญญา นักเรียนรู้จักวิธีการถ่ายทอดความรู้ มีองค์
ความรู้ใหม่ และสร้างนวัตกรรม โดยนำพืชศึกษามาทำเป็นผลิตภัณฑ์ขจัด
สิ่งสกปรกท่ีสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เจลล้างมือ น้ำยาซักผ้า
น้ำยาถูพื้นน้ำยาเช็ดกระจก นอกจากนี้โรงเรียนยังได้ส่งเสริมการมีส่วนร่วม
ของผูป้ กครองและชมุ ชน โดยเชิญปราชญภ์ มู ิปัญญาทอ้ งถิน่ มาเป็นวิทยากร
ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการทำ “ธงตะขาบ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และมีความ
สำคัญที่เก่ียวข้องกับประเพณีแห่หงส์ - ธงตะขาบที่คนในพ้ืนท่ีสืบสานมา
จนถึงปัจจุบัน การทำธงตะขาบยังทำให้นักเรียนได้เรียนรู้และมีจิตสำนึก
ด้านการรอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ทั้งตระหนักในคุณค่าและใช้ประโยชน์
ทรพั ยากรกายภาพ ชีวภาพ วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาอย่างครบถว้ น
64
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ภาพที่ ๒๒ แสดงผลการดำเ ินนงานสวนพฤกษศาสต ์รโรงเ ีรยน
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ
65
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
ภาพท่ี ๒๓ แสดงการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรขู้ องนกั เรียน
๓. ด้านคุณธรรมและจริยธรรม นักเรียนเกิดคุณธรรมจาก
กระบวนการเรียนรู้ คือ ความรับผิดชอบ ความอดทน ความพากเพียร
ความเมตตา ความเกื้อกูล ความสามัคคี นักเรียนจำนวนหนึ่งเกิดแรง
บันดาลใจและสามารถเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสาขาวิชาท่ีเก่ียวกับ
การอนุรักษ์พืชและทรัพยากร เช่น สาขาพฤกษศาสตร์ สาขาวนศาสตร์
สาขากีฏวทิ ยา สาขาเกษตร สาขาสตั ววิทยา เป็นต้น
บทสรุปความสำเร็จ ของการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนส่งผลให้โรงเรียนปากเกร็ด ได้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ข้ันท่ี ๑ (เกียรติบัตรแห่งความมุ่งม่ัน อนุรักษ์
สรรพสงิ่ สรรพชวี ติ ดว้ ยไวพจนแ์ หง่ จติ สำนกึ ของเยาวชน) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘
โรงเรียนได้รับเชิญใหไ้ ปจัดแสดง และนำเสนอผลงาน/ประสบการณ์ ในงาน
ประชุมวิชาการและนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนระดับภูมิภาค
หลายครงั้
66
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำริ
โรงเรยี นวดั บุญสมั พนั ธ
์
ขอ้ มูลโรงเรียน
โรงเรียนวัดบุญสัมพันธ์ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต ๓ ต้ังอยู่เลขท่ี
๗๗ /๑ หมู่ ๑๐ ซอยเขาตาโล ตำบลหนองปรอื อำเภอบางละมงุ จังหวดั
ชลบรุ ี โรงเรียนเร่มิ ก่อตัง้ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ปจั จุบันมพี ้ืนที่ ๗ ไร่ ๒ งาน
หมบู่ า้ นทอ่ี ยใู่ นเขตพน้ื ทบี่ รกิ ารไดแ้ ก่ หมู่ ๑๐ หมู่ ๒ หมู่ ๙ ตำบลหนองปรอื
ชมุ ชนรอบโดยรอบมี ๘ ชุมชน ประกอบดว้ ย ชุมชนเขาตาโล ๖ ชุมชน และ
67
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตวั อย่างบทเรียนการจดั การเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
ชุมชนเขาน้อย ๒ ชุมชน ที่ต้ังโรงเรียนและชุมชนโดยรอบเป็นพ้ืนท่ีรอยต่อ
ระหวา่ งเทศบาลเมืองหนองปรอื กบั เมืองพัทยา (พัทยากลาง)
แต่เดิมน้ันโรงเรียนจัดการศึกษาในระดับอนุบาลและประถมศึกษา
ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ มีนักเรียนจำนวนท้ังส้ิน ๘๖๐ คน ต่อมาใน
ปีการศึกษา ๒๕๕๘ โรงเรียนได้ยกระดับเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทาง
การศึกษา และเริ่มเปิดรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ เข้าศึกษา
จนกระท่ังปีการศึกษา ๒๕๖๐ จงึ ไดเ้ ปน็ โรงเรยี นขยายโอกาสทางการศึกษา
ท่ีจัดการเรียนการสอนครบระดับชั้น ต้ังแต่ระดับช้ันอนุบาลจนถึงระดับช้ัน
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ในปจั จุบัน ปีการศึกษา ๒๕๖๑ มีนกั เรียนจำนวนทง้ั สน้ิ
๑,๑๗๓ คน มีผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษารวมจำนวนทั้งสิ้น
๕๐ คน โดยโรงเรียนได้รับพระราชทานเกียรติบัตรงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน ขน้ั ที่ ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙
การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
โรงเรียนวัดบุญสัมพันธ์ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยผู้บริหาร คณะครู คณะกรรมการ
สถานศึกษา และเครือข่ายผู้ปกครองในขณะนั้นได้ประชุมและมีความเห็น
ร่วมกันที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกโรงเรียนสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ด้วยความมงุ่ มั่น ตงั้ ใจท่จี ะเป็นส่วนหนึ่งในการสนองพระราชดำริ ฯ
“แม้ว่าจะเป็นโรงเรียนในเขตเมือง แต่ก็อยากจะสนอง
พระราชดำริ ฯ ของพระองค์ท่าน ในการจะสร้างจิตสำนึก
สร้างความตระหนักให้เด็กและคนท่ัวไปอนุรักษ์ทรัพยากร
และพชื พรรณตา่ ง ๆ”
68
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
โดยก่อนหน้านั้นได้ศึกษาข้อมูล สอบถาม และทำความเข้าใจ
เก่ียวกับแนวทางและหลักเกณฑ์การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
จากผบู้ รหิ ารและคณะครขู องโรงเรยี นทเ่ี ปน็ สมาชกิ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ที่มีประสบการณ์มาก่อน รวมท้ังศึกษา ค้นคว้าข้อมูลจากเว็บไซต์ของ
โครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรสิ มเดจ็ พระเทพรตั น
ราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี (www.rspg.or.th) ดว้ ย
การเตรยี มความพร้อมระยะเริ่มตน้
การได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินถือเป็น
ปัจจัยเก้ือหนุนที่สำคัญของการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ปญั หาสำคญั ประการหนง่ึ ทโ่ี รงเรยี นประสบอยใู่ นขณะนนั้ คอื การขาดแคลนนำ้
ดังน้ัน ในการเตรียมการระยะเริ่มต้น ประชาคมโรงเรียน โดยผู้บริหาร
ผู้แทนครูและคณะกรรมการสถานศึกษาได้ประสานงานขอรับการสนับสนุน
งบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คือ เทศบาลเมือง
หนองปรือ เพ่ือแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของโรงเรียน โดยเทศบาล
ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้สร้างระบบประปาขึ้นภายในโรงเรียนทำให
้
โรงเรียนมีน้ำเพียงพอสำหรับการใช้ของเด็ก ครู และบุคลากรของโรงเรียน
เพียงพอตอ่ การบำรงุ รกั ษา รดน้ำพชื พรรณท่มี ีอยู่เดิมภายในโรงเรียน
“แตเ่ ดมิ น้นั เทศบาลเคยแก้ปญั หาน้ำไมพ่ อใชโ้ ดยการใหร้ ถมา
ส่งน้ำท่ีโรงเรียนอาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งก็พอแต่เพียงสำหรับการใช้
ของเด็กและครูเป็นหลัก บางปีช่วงหน้าแล้งไม่มีพอจะน้ำรดต้นไม้
โรงเรียนจึงชี้แจงสภาพความยากลำบาก รวมท้ังยกเหตุผลที่จะ
สมัครเป็นสมาชิกงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนเป็นเหตุผลหนึ่งใน
การขอรับการสนับสนนุ พอได้รบั การสนับสนนุ จาก อปท. กท็ ำให้
มคี วามพร้อมทีจ่ ะทำเรื่องงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นยง่ิ ขน้ึ ”
69
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจดั การเรียนร้ตู ามแนวพระราชดำริ
ขณะเดยี วกนั โรงเรยี นยงั ไดป้ รบั ปรงุ ระบบสาธารณปู โภคขน้ั พนื้ ฐาน
ภายในโรงเรียนหลายอย่าง เช่น ปรับปรุงระบบไฟฟ้า ระบบอินเทอร์เน็ต
ระบบน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสีย ปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างเดิมให้ม
ี
ความพร้อมในการใช้งานและการให้บริการ เป็นต้น ในการจัดการด้าน
อาคาร สถานท่ีเพื่อดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ยึดหลักว่า
“นำทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งทมี่ อี ยใู่ นโรงเรยี นมาใชเ้ พอื่ การเรยี นร”ู้ ดงั นนั้ โรงเรยี น
จึงได้จัด ปรับ และพัฒนาอาคารสถานท่ีภายในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้
ครอบคลุมพื้นท่ีทั้งหมดของโรงเรียน สำรวจ สร้าง และเสริมพ้ืนท่ีสีเขียว
เพื่อให้เป็นพ้ืนท่ีศึกษา ปรับปรุงและตกแต่งพรรณไม้ท่ีมีอยู่เดิมและนำ
พืชพรรณไม้มาปลูกเพ่ิมในพื้นที่ท่ีวางแผนไว้ เพื่อใช้เป็นส่ือในการจัด
การเรยี นรตู้ ามองคป์ ระกอบการเรยี นรทู้ กี่ ำหนดไวใ้ นแนวทางการดำเนนิ งาน
ของสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ทำให้สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนเป็นพื้นที่
ศึกษาเรียนรู้ของนักเรียนและครู ขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งเรียนร
ู้
ตามอธั ยาศยั สำหรบั ผูป้ กครองและชุมชนอีกดว้ ย
การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบแกบ่ คุ ลากร
การมอบหมายงานแก่ผู้รับผิดชอบงานพฤกษศาสตร์โรงเรียนนั้น
คณะผู้บริหารพิจารณาจากความเหมาะสม ความสอดคล้องกับหน้าท่
ี
ความรับผิดชอบของคณะครู และแต่งต้ังเป็นคณะกรรมการชุดต่าง ๆ
ตามแนวทางท่ีกำหนดไว้ในคู่มือการดำเนินงาน ได้แก่ คณะกรรมการด้าน
การบริหารและการจัดการ คณะกรรมการดำเนินงาน คณะกรรมการด้าน
ผลดำเนินงาน คณะกรรมการด้านความถูกต้องทางวิชาการ และด้าน
พฤกษศาสตร์ โดยมอบหมายให้คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ของโรงเรียน
เป็นฝ่ายเลขานุการเพื่อประสานงานการขับเคล่ือนการดำเนินงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
70
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อยา่ งบทเรียนการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำร
ิ
โรงเรียนได้แบ่งกลุ่มสายชั้นออกเป็นเสมือน “โรงเรียนเล็กใน
โรงเรียนใหญ่” เพื่อให้คณะครูมีส่วนร่วม สามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยน
เรียนรู้กันได้อย่างทั่วถึง มีความคล่องตัวในการประสานงาน ประกอบด้วย
สายชนั้ อนบุ าล สายชน้ั ประถมศกึ ษาศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๒ สายชนั้ ประถมศกึ ษา
ปีที่ ๓ – ๔ สายช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ – ๖ และสายชั้นมัธยมศึกษา
ปที ่ี ๑ - ๓
ในส่วนท่ีเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้นั้น ผู้บริหารมอบหมายให้ครู
ที่มบี ทบาท หน้าทด่ี า้ นงานสอน และความสามารถสอดคลอ้ ง เหมาะสมกบั
ภารกิจ เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะแกนหลักหรือเป็นเจ้าของเร่ืองตาม
องค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน อย่างน้อย ๒ คนต่อหน่ึง
องคป์ ระกอบ และใหค้ ณะครแู ละบุคลากรของโรงเรยี นทุกคน และนกั เรียน
ร่วมเปน็ ผทู้ ดี่ ูแลรับผดิ ชอบพชื พรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตร์ของโรงเรียน
โรงเรียนได้จัดประชุมคณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา และ
ผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและงานสำรวจและจัดทำ
ฐานทรัพยากรท้องถ่ินหลายคณะ เช่น ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา
ประชมุ คณะผปู้ กครอง ประชุมคณะผบู้ รหิ าร หวั หนา้ ฝา่ ย และหัวหนา้ กลุม่
สาระการเรียนรู้ ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสำรวจและจัดทำฐานทรัพยากร
ท้องถิ่น เป็นต้น ขณะเดียวกันยังมีการประชุมถอดบทเรียน แลกเปล่ียน
เรียนรใู้ นระดบั หัวหน้ากลุ่มสายชั้น (หัวหนา้ ฝ่าย) อยา่ งนอ้ ยสปั ดาหล์ ะคร้งั
71
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจดั การเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
การพัฒนาคร
ู
โรงเรียนพัฒนาความรู้ความสามารถของครูท่ีดูแลและรับผิดชอบ
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนหลายวิธี เช่น การส่งคณะครูไปอบรมใน
โรงเรียนที่เป็นเครือข่ายงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามองค์ประกอบ
ที่เกี่ยวข้อง การเข้าร่วมงานการประชุมวิชาการและนิทรรศการ
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นและฐานทรพั ยากรทอ้ งถนิ่ ระดบั ภมู ภิ าค การรบั
คำแนะนำจากท่ปี รึกษาประสานงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน การประชมุ
ช้ีแจง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้บริหารกับคณะครู การแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้ และภายในฝ่าย (กลุ่มสายชั้นตาม
แนวคดิ “โรงเรยี นเล็กในโรงเรียนใหญ่”) เปน็ ต้น
การมีความเข้าใจในเจตนารมณ์ วัตถุประสงค์ และแนวทาง
การดำเนนิ งานของงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นอยา่ งแทจ้ รงิ มคี วามสำคญั
อย่างยงิ่ ต่อผลสำเร็จของการดำเนนิ งาน คณะครใู หค้ วามเหน็ วา่
“การได้ไปอบรมกับครูวิทยากรของโรงเรียนเครือข่ายท่ีมีประสบ
การณ์มาก่อน และมีการจัดการเรียนการสอนแก่เด็กในระดับช้ันและมีช่วง
อายุเดียวกัน ช่วยให้ครูที่ไปเข้าอบรมมีความเข้าใจเร็วขึ้น เห็นแนวทาง
การปฏิบตั ิชดั เจน และยงั ได้ลงปฏิบตั ิในภาคสนามตามลำดบั การเรยี นรขู้ อง
แต่ละองค์ประกอบ และได้รบั คำแนะนำข้อควรปฏิบัตแิ ละขอ้ ควรหลกี เลยี่ ง
ทเ่ี ปน็ ประสบการณต์ รงอยา่ งทว่ั ถงึ คณะครบู างสว่ นยงั ไดพ้ ดู คยุ แลกเปลยี่ น
ประสบการณ์ และปรึกษาหารือแบบไม่เป็นทางการเก่ียวกับแนวทาง
ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ กั บ เ พ่ื อ น ค รู โ ร ง เ รี ย น อ่ื น ท่ี เ ป็ น โ ร ง เ รี ย น ส ม า ชิ ก
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนอย่างตอ่ เนื่องอกี ดว้ ย”
ข้อตกลงแนวปฏิบัติภายในโรงเรียนท่ีว่า “ครูหน่ึงคนรู้ ครูทุกคน
ต้องรู้” เป็นอีกแนวทางสำคัญท่ีผู้บริหารและคณะครนู ำมาใช้ โดยใหค้ รูท่ไี ป
72
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรียนรูต้ ามแนวพระราชดำริ
เข้าอบรมกลับมาจัดอบรมถ่ายทอดแก่คณะครูที่ไม่ได้ไปเข้าอบรมเพื่อสร้าง
ความรู้ความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และในกรณีท่ีครูท่านใดสืบค้นพบ
ข้อมูล ความรู้ที่น่าสนใจ หรือมีข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนก็จะนำมาเผยแพร่ในการประชุมประจำสัปดาห์
ประชุมประจำเดือนของโรงเรียน (โรงเรียนได้บรรจุวาระการประชุม/เร่ือง
ที่เกี่ยวกับงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและงานสำรวจและจัดทำฐาน
ทรพั ยากรท้องถ่ินทกุ เดือน) ดังน้นั แมใ้ นช่วงทผ่ี ่านมาจะมกี ารยา้ ยเข้า หรือ
ย้ายออกของคณะครูค่อนข้างบ่อย งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนก็ยัง
สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเน่ืองไม่ได้รับผลกระทบจากการย้ายเข้า
ย้ายออกของคร
ู
การศกึ ษาจากเอกสาร คมู่ อื แนวทางการดำเนนิ งาน ตวั อยา่ งใบงาน
และสื่ออื่น ๆ ท่ีจัดทำโดยโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่ืองมาจาก
พระราชดำริ ฯ เป็นอีกวิธีการหน่ึงท่ีผู้บริหารและคณะครูใช้เพื่อเสริมสร้าง
ความเข้าใจ นำมาใช้ประโยชน์ เป็นแนวทางเพ่ือดำเนินงานจัดการเรียนรู้
แก่นักเรียน นอกจากน้ี ยังทำความเข้าใจและนำ “มาตรฐานและคู่มือ
การประเมินการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” มาใช้เป็นเสมือน
ฐานเทียบเคียง (Benchmark) เพื่อให้การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนดำเนินไปอย่างถูกทิศทาง มุ่งสู่ผลการปฏิบัติที่ดีสอดคล้องกับ
เจตนารมณแ์ ละวตั ถุประสงคข์ องการดำเนนิ งาน
การบูรณาการการเรียนรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนกับ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน
คณะครูได้ประชุมร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่าง
ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ ฯ ในแตล่ ะระดบั ช้นั ของหลกั สูตร
แกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑) กับสาระ
การเรียนรู้และองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โดยศึกษา
73
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตัวอย่างบทเรียนการจดั การเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
จากคู่มือการดำเนนิ งานโครงการ ตวั อยา่ ง และแนวการปฏบิ ัติของโรงเรียน
ท่ีดำเนินการมาก่อน เลือกสาระจากหลักสูตรแกนกลางท่ีมีความสอดคล้อง
กับสาระและองค์ประกอบของการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนมา
จัดทำเป็นหลักสูตรบูรณาการ จัดทำผังมโนทัศน์ แผนการจัดการเรียนร
ู้
จัดทำใบงานแบบบรู ณาการแลว้ นำไปใชเ้ พื่อจัดการเรยี นการสอน
ภาพที่ ๒๔ แสดงการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้
โดยการเกบ็ ตัวอย่างพรรณไม้แบบแหง้ และแบบเปียก
คณะครูได้ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของจำนวนใบงาน
ชิ้นงานท่ีมอบหมายให้นักเรียนปฏิบัติ โดยไม่ให้มีภาระงานมากเกินไป
เฉพาะช้ินงานเก่ียวกับงานสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนกำหนดให้นักเรียน
สร้างผลงานแบบบูรณาการตามความชอบและความถนัดของตน และ
ส่งผลงานเพียงชิน้ เดยี วเพื่อรับการประเมนิ จากหลายวิชา
การจดั การเรยี นรตู้ ามองคป์ ระกอบงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ในช่วงเริ่มต้น โรงเรียนได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการระหว่างคณะครู
และนักเรียนแกนนำ เพ่ือจุดประกายความคิด เสริมพลังความมุ่งมั่นให้เห็น
ความสำคัญของการพัฒนาทักษะการเรียนรู้สู่การอนุรักษ์พืชพรรณไม้ และ
ทักษะท่ีสำคัญต่อการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem –
based Learning) และสนับสนุนให้นักเรียนและคุณครูได้ฝีกฝนการคิด
74
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรูต้ ามแนวพระราชดำร
ิ
วิเคราะห์ การค้นคว้า การจัดการข้อมูล การส่ือสารผ่านการใช้ส่ือดิจิทัล
มีการจัดตั้งชมรมสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน จากนั้นจึงได้อบรมสร้าง
ความเข้าใจเก่ียวกับแนวการดำเนินงานตามองค์ประกอบและสาระ
การเรียนรู้ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ภาพท่ี ๒๕ แสดงการจดั การเรยี นรโู้ ดยฝกึ ใหน้ กั เรียนมีทกั ษะ
การคิดวิเคราะห์ สังเกต ตลอดจนนำเสนอผลการศกึ ษา
ในการศึกษาเรียนรู้และร่วมกิจกรรมตามองค์ประกอบงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนนั้น โรงเรียนได้แบ่งนักเรียนออกเป็น ๗๗ กลุ่ม
กลุม่ ละประมาณ ๑๒ - ๑๕ คน สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ประกอบดว้ ยนักเรยี น
จากทุกช้ันเรียน หรือที่ผู้บริหารโรงเรียนเรียกว่า “การคละกลุ่มนักเรียน
แนวตงั้ ” เปน็ การวางแผนใหม้ ที ายาทนกั เรยี นแกนนำการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง
เพื่อให้ “พ่ีช่วยน้อง” ให้น้องมีส่วนร่วมการศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติอย่าง
เหมาะสมได้ทำในส่ิงท่ีถนัด สมวัย สนุกในการเรียนรู้ ต้ังแต่การสำรวจ
พรรณไม้ ทำป้ายติดป้ายรหัสประจำต้น ทำผังแสดงตำแหน่งพรรณไม้
ศึกษาโครงสร้าง ส่วนประกอบลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพรรณไม้
บันทึกภาพ/วาดภาพทางพฤกษศาสตร์ ทำตัวอย่างพรรณไม้ จัดทำป้ายชื่อ
พรรณไม้ บันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูลทะเบียนพรรณไม้ของโรงเรียน
และอืน่ ๆ
75
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรยี นร้ตู ามแนวพระราชดำร
ิ
โรงเรยี นแบ่งพ้ืนทีศ่ ึกษาออกเปน็ ๔ พ้นื ท่ี มีพรรณไม้ในแตล่ ะพืน้ ที่
หลากหลายชนิด กลุ่มนักเรยี นไดห้ มุนเวยี นใช้พนื้ ท่ศี กึ ษา เรียนรู้ ดูแล บำรงุ
รักษาพรรณไม้ และในแต่ละปีคณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน
จะร่วมกันนำพรรณไม้เข้ามาปลูกเพ่ิมในโรงเรียน ท้ังพรรณไม้หายาก
ไม้ท้องถ่ิน และอื่น ๆ พันธ์ุไม้ท่ีนำมาปลูกเพ่ิมมีทั้งท่ีได้รับบริจาคจาก
คณะครู ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานเครือข่าย ปัจจุบันมีพรรณไม
้
ในโรงเรียนทข่ี นึ้ ทะเบยี นแล้วมากกว่า จำนวน ๑๐๐ ชนิด
ภาพที่ ๒๖ แสดงผังพืน้ ทศ่ี ึกษา
นอกจากน้ียังมีการจัดทำห้องสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนสำหรับ
เก็บรวบรวมตัวอย่างพรรณไม้ แสดงแผนภาพพื้นท่ีศึกษา รวบรวมเอกสาร
วชิ าการเพื่อการศกึ ษาค้นคว้า ใบงาน ตัวอยา่ งชนิ้ งานของนักเรยี น รายงาน
การดำเนินงานโครงการ และสื่อต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และการอนรุ กั ษพ์ ืช ชีวภาพและทรัพยากรอื่น
76
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำริ
การเข้าคา่ ยสัปดาหส์ วนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ในแตล่ ะปี โรงเรยี นจะจดั คา่ ยสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ระยะเวลา
๓ วัน โดยให้กลุ่มนักเรียนเข้าศึกษา เรียนรู้ ปฏิบัติ หมุนเวียนตาม
ฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย ฐานการเรียนรู้ตามองค์ประกอบงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ๕ ฐาน และฐานการเรยี นรู้ตามสาระการเรยี นรู้
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ๓ ฐาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง
ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าร่วมกิจกรรม ในแต่ละฐานคณะครูจะเป็นที่ปรึกษา
นักเรียนแกนนำจะเป็นวิทยากรประจำฐาน ก่อนการจัดค่ายคณะคร
ู
จะอบรม สาธิต ให้คำแนะนำการเป็นวิทยากรแก่นักเรียนแกนนำ ในงาน
สัปดาห์ค่ายสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน นักเรียนได้แสดงผลงานจาก
การศกึ ษาเรียนรขู้ องตนเอง ตอ่ เพื่อนนักเรียน ผปู้ กครอง และผมู้ าร่วมงาน
รวมท้ังจัดแสดงผลงานด้านศิลปะ ส่ิงประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจาก
งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
การเรยี นรพู้ ชื ศึกษา
ภาพที่ ๒๗ แสดง “ผกั บงุ้ ทะล” พชื ศกึ ษาของโรงเรยี นวัดบุญสมั พันธ
์
ในการเลือกพืชศกึ ษา คณะครูและนักเรียนได้ร่วมกนั ตดั สนิ ใจเลอื ก
“ผักบุ้งทะเล” เป็นพืชที่ใช้ศึกษา เพื่อให้นักเรียนศึกษาลักษณะทาง
พฤกษศาสตร์ รูปลักษณ์ คุณสมบัติและศึกษาด้านพฤติกรรมสัมผัสและ
77
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจดั การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ
เรยี นรวู้ งจรชวี ติ บนั ทกึ ขอ้ มลู การเปลยี่ นแปลง ความแตกตา่ งดา้ นรปู ลกั ษณ์
และแนวทางนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้บริหารและคณะครูเล่าว่า
ผักบุ้งทะเลเป็นพรรณไม้ท้องถ่ินซ่ึงเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นทอดเล้ือยไป
ตามพน้ื ดนิ มสี รรพคณุ หลายอยา่ ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ใชท้ าแกอ้ าการอกั เสบ
แก้พิษจากแมงกะพรุนไฟ เดิมมีเป็นจำนวนมากตลอดบริเวณชายฝั่งทะเล
พทั ยา แต่ในระยะหลงั หายาก จงึ ตอ้ งการอนรุ ักษ์ไว้
คณะครูได้จัดทำ “หลักสูตรการเรียนรู้ผักบุ้งทะเล” ในลักษณะ
หลักสูตรแบบบูรณาการทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นักเรียนทุกคนศึกษา
และเรียนรู้องค์ประกอบส่วนย่อย ตั้งแต่ ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล เมล็ด
เรียนรู้วิธีการบำรุงรักษา ศึกษาศัตรูพืช ศัตรูธรรมชาติ และระบบนิเวศที่
เกื้อกูลต่อการเจริญเติบโตของผักบุ้งทะเล โดยกำหนดความยากง่าย
ความละเอียดของเน้ือหา ตามความเหมาะสมในแต่ละระดับช้ันและวัยของ
นกั เรยี น โรงเรยี นได้รว่ มกับมหาวทิ ยาลัยบรู พาทำวิจยั เรือ่ งผกั บุ้งทะเล และ
ได้ศึกษาค้นคว้าประโยชน์ของผักบุ้งทะเล และนำไปสกัด แปรรูปเป็น
ผลิตภัณฑ์ยาหม่อง
การมสี ่วนรว่ มของผปู้ กครองและชุมชน
โรงเรียนวัดบุญสัมพันธ์เป็นโรงเรียนในเขตเมืองท่ีมีความสัมพันธ์
กับชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) ในระดับดีมาก แต่ละ
ห้องเรียนจะมีผู้ปกครองท่ีอาสาสมัครเป็นผู้ปกครองเครือข่ายจำนวน
๑๐ คน ทำหนา้ ทเี่ ปน็ สอ่ื กลางในการประสานระหวา่ งโรงเรยี นกบั ผปู้ กครอง
ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุนกิจการของโรงเรียนในการดูแลความปลอดภัย
ปอ้ งกนั เฝ้าระวงั ภยั คุกคามของนักเรยี น ผู้ปกครองได้มสี ่วนรว่ มในการปลกู
ต้นไม้ บริจาคต้นไม้ เพาะพันธุ์ต้นไม้ ให้ข้อมูลพรรณไม้ท้องถ่ิน ให้ความรู้
แก่นักเรียนในการดูแลรักษาต้นไม้และเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากการเรียนรู้
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและงานสำรวจฐานทรัพยากรท้องถิ่น
78
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำริ
ของนักเรียน ขณะเดียวกันผู้ปกครองนักเรียนได้เข้ามาศึกษาเรียนร้
ู
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นเสมอื นเปน็ แหลง่ เรยี นรูข้ องชุมชน
ผลท่ีเกดิ ขน้ึ
๑. ด้านวิชาการ ผู้บริหารและคณะครูกล่าวโดยสรุปว่า นักเรียน
มคี วามเขา้ ใจและเกดิ ทกั ษะทพี่ งึ ประสงคต์ ามหลกั สตู รเพม่ิ ขนึ้ รจู้ กั เชอื่ มโยง
ความรู้ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางกับสาระ
การเรยี นรขู้ องงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นเพอื่ สรา้ งผลงานแบบบรู ณาการ
ตามความชอบและความถนัดของตน ได้เรียนรู้บนฐานของความสมัครใจ
ไม่เครียด ไม่มีภาระงานมาก เพราะส่งผลงานเพียงช้ินเดียวเพื่อรับ
การประเมนิ จากหลายกลุ่มสาระการเรยี นรู้
คณะครูลดการสอนแบบบรรยาย เพ่ิมบทบาทการเป็นผู้อำนวย
ความสะดวกในการเรียนรู้ เน้นให้นักเรียนปฏิบัติจริงมากข้ึน ให้อิสระแก่
นักเรียนในการสร้างสรรค์ชิ้นงานบูรณาการ ใช้แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน
ให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ เพ่ือการศกึ ษาคน้ ควา้ และเรียนรู้ของนักเรยี น
ผู้บริหารและคณะครทู ำงานเปน็ ทีมหน่งึ เดียวกนั มีการแลกเปลีย่ น
เรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอในด้านการวิเคราะห์ การประยุกต์ และ
การจัดทำหลักสูตรบูรณาการ การเขียนแผนการสอนแบบบูรณาการ
การจัดกระบวนการเรียนการสอนแบบบูรณาการ และการสร้างบรรยากาศ
ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน มีการพัฒนาตนเองด้านงานวิชาการ
ที่เก่ียวข้องกับงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และภารกิจด้านอ่ืน ๆ อย่าง
ต่อเน่อื ง
๒. ด้านภูมิปัญญา โรงเรียนเกิดนวัตกรรมใหม่ที่นำมาใช
้
เพื่อจัดการเรียนรู้โดยนำพืชและพ้ืนที่สีเขียวที่มีอยู่ในโรงเรียนมาจัดระบบ
79
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
ปรับปรุง พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับการศึกษา ค้นคว้า เรียนรู้ของ
นักเรียนและคณะครู โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยของผู้ปกครอง
และชุมชน โรงเรียนมีความสะอาด เป็นระเบียบ ภูมิทัศน์สวยงาม ร่มร่ืน
ด้วยพืช พรรณไม้นานาพันธ์ุ จากความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมรับผิดชอบของ
ประชาคมในโรงเรียน ท่ีผ่านมา (วันท่ี ๒๔ – ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑)
โรงเรียนได้รับเชิญให้จัดแสดงนิทรรศการแสดงผลงาน ในงานประชุม
วชิ าการและนทิ รรศการสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นและฐานทรพั ยากรทอ้ งถนิ่
ระดับภูมิภาค คร้ังท่ี ๕ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ จังหวัด
ปทุมธานี
ภาพท่ี ๒๘ แสดงการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ของนกั เรยี น
๓. ดา้ นคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม การไดใ้ กลช้ ดิ กบั พชื ไดเ้ พาะปลกู
ดูแล บำรุง รักษา และศึกษาเรียนรู้จากพรรณไม้ ทำให้นักเรียนใฝ่เรียนรู้
มีความอ่อนน้อม จิตใจอ่อนโยน อารมณ์เย็น มีความเมตตากรุณาต่อ
สิง่ มชี วี ิตตา่ ง ๆ กระตือรอื รน้ ทจี่ ะเรยี นรู้เพ่มิ ขึน้ รักต้นไม้ ไมท่ ำร้ายทำลาย
ตน้ ไม้ถือเปน็ การสรา้ งจติ สำนึกในการอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรมพชื ให้แก่นกั เรยี น
80
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตวั อยา่ งบทเรียนการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำริ
โรงเรยี นวดั ประชาระบอื ธรรม
ขอ้ มูลโรงเรียน
โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม เป็นโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด
กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่เลขท่ี ๑๕๘ ซอยวัดประชาระบือธรรม ถนน
พระราม ๕ แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เปิดรับนักเรียน
ระดบั ชนั้ อนบุ าลถงึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ มนี กั เรยี น
81
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
จำนวน ๖๐๑ คน มีครูและบุคลาการ จำนวน ๒๙ คน โรงเรียนม
ี
พื้นที่ทั้งหมด ๔ ไร่ ๑ งาน ๑๒ ตารางวา ชุมชนโดยรอบคือชุมชน
วัดประชาระบือธรรม แบ่งออกเป็น ๔ ชุมชน มีวัดประชาระบือธรรมเป็น
ศนู ยก์ ลางในการจดั พธิ กี รรมตา่ ง ๆ และเป็นสถานท่จี ัดกิจกรรมรว่ มกันของ
ชุมชน คนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเพเดิมมาจากต่างจังหวัดท่ีเคลื่อน
ย้ายเข้ามาเพื่อประกอบอาชีพ ท้ังอาชีพรับจ้างแรงงาน ค้าขาย ทำธุรกิจ
บริการ และรับราชการ โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม ได้รับป้ายสนอง
พระราชดำริ ฯ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และได้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตร
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ข้ันที่ ๑ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ปัจจุบันมี
พรรณไม้ในโรงเรียนทข่ี ึ้นทะเบยี นแลว้ จำนวน ๗๖ ชนดิ
การดำเนนิ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
จากความมงุ่ หวงั ทจี่ ะใหส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นเปน็ แหลง่ เรยี นรู้
ท่ีนักเรียนและบุคคลท่ัวไปสามารถเข้ามาศึกษาค้นคว้า เพ่ือให้เห็น
ความสำคัญของพันธุกรรมพืช รู้คุณค่าและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่
ตนเองและสังคมได้อย่างย่ังยืน โรงเรียนวัดประชาระบือธรรมได้สมัคร
เขา้ เปน็ สมาชิกสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๔๙
ในระยะเตรียมการนั้น แมพ้ นื้ ที่ของโรงเรียนจะเปน็ ท่ตี ัง้ ของอาคาร
ต่าง ๆ ทงั้ อาคารเรยี น อาคารอเนกประสงค์ และลานอเนกประสงคท์ ปี่ พู ้ืน
ด้วยพ้ืนยาง ทำให้เหลือพื้นดินท่ีจะพัฒนาเป็นพื้นท่ีสีเขียวไม่มาก แต
่
ผู้บริหารและคณะครูได้ร่วมกันวางแผนการใช้พื้นที่ที่มีอยู่ เพ่ือประโยชน์ใน
การดำเนินงานตามแนวทางงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนอย่างเต็มท่ี โดย
วางแผนนำทุกส่ิงทุกอย่างท่ีมีอยู่เดิมในโรงเรียนมาใช้เพื่อจัดการเรียนรู้แก่
นักเรียน มีการพัฒนาพ้ืนที่สีเขียวของโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ปลูกพรรณไม้
82
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อย่างบทเรยี นการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
เพ่ิมบริเวณแนวท่ีว่างและรอยต่อระหว่างอาคาร สร้างสวนหย่อมที่ม
ี
ความหลากหลายของพรรณไม้บริเวณเสาธงด้านข้างลานอเนกประสงค์
สร้างสวนผสมแนวต้ังและสวนแนวราบตามแนวรั้วของโรงเรียน ทำให้มี
พื้นที่เพียงพอต่อการศึกษาเรียนรู้ของนักเรียนและคณะครูตามแนวทาง
“จัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้พืชเปน็ ปจั จยั หลกั ชีวภาพอน่ื เปน็ ปัจจยั รอง กายภาพ
เป็นปัจจัยเสริม และวัสดุอุปกรณ์เป็นปัจจัยประกอบ” เพ่ือปูทางไปสู
่
การสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชและทรัพยากรของนักเรียน
คณะครู และบคุ คลเครอื ข่ายของโรงเรียน โดยใช้สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
เปน็ เคร่อื งมือ
ในปัจจุบัน โรงเรียนได้พัฒนาบริเวณอาคารสถานที่ภายในโรงเรียน
ใหเ้ ป็นแหลง่ เรียนรู้ทม่ี ีชีวติ โดยสำรวจ วางแผน สร้างและเสริมพืน้ ทส่ี เี ขยี ว
เพื่อให้เป็นพ้ืนท่ีศึกษา ปรับปรุงและตกแต่งพรรณไม้ท่ีมีอยู่เดิม นำพืช
พรรณไมม้ าปลกู เพ่มิ ในพ้ืนทีท่ วี่ างแผนไว้ เพอื่ ใชเ้ ปน็ สอื่ ในการจดั การเรียนรู้
ตามองค์ประกอบการเรียนรู้ของการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ทำใหม้ สี วนเปน็ พนื้ ทศ่ี กึ ษาเรยี นรขู้ องนกั เรยี น และครู ทง้ั ยงั เปน็ แหลง่ เรยี นรู้
ตามอธั ยาศยั สำหรับสมาชิกของชมุ ชนวัดประชาระบือธรรมในคราวทช่ี ุมชน
ใช้พ้ืนที่วัดประชาระบือธรรมและโรงเรียนเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมร่วมกัน
ของสมาชิกในชมุ ชน
การมอบหมายหนา้ ทร่ี ับผิดชอบแกบ่ คุ ลากร
คณะครูเล่าว่า ในระยะแรกคณะครูบางส่วนเข้าใจว่างานสวน
พ ฤ ก ษ ศ า ส ต ร์ โ ร ง เ รี ย น เ ป็ น ง า น ข อ ง ค ณ ะ ค รู ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้
วิทยาศาสตร์อย่างเดียว ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดจึงได้แบ่งบทบาท
หนา้ ท่ีกนั ใหม่ เนื่องจากโรงเรียนมคี รูจำนวนไม่มากนัก จงึ ไดม้ อบหมายงาน
แก่คณะครตู ามประสบการณ์ ความสามารถ และความสอดคล้องกบั หนา้ ท่ี
ความรับผิดชอบ และแต่งตั้งเป็นคณะทำงานด้านต่าง ๆ ตามแนวทางที่
83
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจดั การเรียนร้ตู ามแนวพระราชดำร
ิ
กำหนดไว้ในคู่มือการดำเนินงาน คือ ด้านการบริหารและการจัดการ
ด้านการดำเนินงานจัดการเรียนรู้ ด้านผลการดำเนินงาน ด้านความถูกต้อง
ทางวิชาการ และมอบหมายให้คณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ตามหลกั สตู รการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เปน็ ฝ่ายเลขานกุ าร
ทำหน้าที่ประสานการขับเคลื่อนการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
โดยมคี ณะนกั เรยี นรว่ มรบั ผดิ ชอบดแู ละรกั ษาพรรณไมใ้ นพน้ื ทศ่ี กึ ษาของตน
และมีผู้ปกครอง คนในชุมชนวัดประชาระบือธรรม สำนักงานเขตดุสิต
และกรุงเทพมหานคร เปน็ ฝ่ายสนบั สนุน
การพฒั นาคร
ู
ในช่วงเร่ิมต้นโครงการ คณะครูของโรงเรียนจำนวนหน่ึงได้ไปเข้า
อบรมแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามองค์ประกอบและสาระการเรียนรู้ของ
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หลักสูตร ๕ วัน ผู้ให้การอบรม คือ
คณะวทิ ยากรจากโครงการอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ ฯ
จากนั้น ได้มีการประชุมภายในโรงเรียนเพ่ือช้ีแจงแนวทางการปฏิบัติแก่
คณะครูทั้งโรงเรียน และได้มีการส่งตัวแทนครูที่เกี่ยวข้องในแต่ละ
องค์ประกอบ/สาระการเรียนรู้ ไปเขา้ ประชมุ และอบรมเพ่มิ เติมท่โี รงเรยี น
เครอื ขา่ ยสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามท่ีโครงการ
อนรุ กั ษพ์ ันธุกรรมพืช ฯ จดั ขนึ้
ภาพที่ ๒๕ แสดงการเขา้ รว่ มประชุมวิชาการและจัดนทิ รรศการในแตล่ ะปี
ตามทีโ่ ครงการอนุรกั ษพ์ ันธุกรรมพืชจดั ข้นึ
84
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรียนรตู้ ามแนวพระราชดำริ
คณะครูสะท้อนว่า การเข้าอบรมกับวิทยากรจากโครงการอนุรักษ์
พนั ธกุ รรมพชื อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ทำใหไ้ ดร้ บั สาระความรดู้ า้ นวชิ า
การท่ีมีความละเอียด ลุ่มลึก เกิดความเข้าใจในเจตนารมณ์ วัตถุประสงค์
และแนวทางการดำเนินงานของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนในภาพรวม
สว่ นการเขา้ อบรมกบั ครวู ทิ ยากรของโรงเรยี นเครอื ขา่ ยสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
ที่มีประสบการณ์มาก่อน ผู้เข้าอบรมสามารถเข้าถึงวิทยากรได้ง่ายกว่า
เพราะเปน็ การอบรม/ประชมุ กลุม่ ไม่ใหญเ่ กินไป ทำใหเ้ ขา้ ใจลำดบั ข้ันตอน
วิธีการเชิงปฏิบัติ ได้รับคำแนะนำ ข้อควรหลีกเล่ียงและข้อควรปฏิบัต
ิ
โดยเฉพาะคำแนะนำที่เกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติในการจัดกระบวนการเรียนรู้
ให้แก่นักเรียน ดังนั้น จึงได้มีการติดต่อพูดคุยแลกเปล่ียนประสบการณ์
และปรึกษาหารือกับเพอื่ นครจู ากโรงเรยี นเครอื ขา่ ยสมาชกิ สวนพฤกษศาสตร์
โรงเรยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยคณะครเู ลา่ วา่
“จะพูดคุยสนทนา เสวนา หรือประชุมปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยน
เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้และระดับชั้นที่รับ
ผิดชอบในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนทุกวัน ส่วนการประชุมประจำเดือนของ
โรงเรียนก็มีการบรรจุวาระการประชุมเก่ียวกับงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียนและงานสำรวจและจัดทำฐานทรัพยากรท้องถ่ินไว้ทุกคร้ัง จึงเป็น
ช่องทางหนึ่งในการเสริมสร้างความรู้ความสามารถแก่คณะครูเป็นเวที
สำหรับการปรึกษาหารือ ส่ือสารสร้างความรู้ความเข้าใจ รายงาน
ความก้าวหน้า ระดมความคิดแนวทางควรดำเนินการท่ีคณะครูท้ังโรงเรียน
ได้มีส่วนร่วมพัฒนาการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนอย่างทั่วถึง
และต่อเนื่อง”
85
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรียนการจัดการเรยี นรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
การบูรณาการการเรียนรู้งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนกับ
หลกั สตู รแกนกลาง
คณะครูได้ประชุมร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่าง
ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรู้ ๘ กลุ่มสาระ ฯ ในแตล่ ะระดับช้นั ของหลกั สูตร
แกนกลาง (หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑) กับสาระ
การเรียนรู้และองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โดยศึกษา
จากค่มู ือการดำเนนิ งานโครงการ ตัวอยา่ ง และแนวการปฏิบัติของโรงเรยี น
ท่ีดำเนินการมาก่อน เลือกสาระการเรียนรู้จากหลักสูตรแกนกลางท่ีมีความ
สอดคล้องกับสาระและองค์ประกอบของการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรยี นมาจดั ทำเปน็ หลกั สูตรบูรณาการ จัดทำผงั มโนทัศนแ์ ผนการจัดการ
เรยี นรู้ จดั ทำใบงาน ใบความรู้ และนำไปใชเ้ พื่อจัดการเรยี นการสอน
ภาพที่ ๓๐ แสดงการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรบู้ ูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
กับสาระการเรยี นร้ตู ามหลักสูตรแกนกลางขน้ั พืน้ ฐาน
ในระยะแรก คณะครูได้ศึกษาจากเอกสารคู่มือ ตัวอย่างใบงาน
ใบความรู้ และส่ืออื่น ๆ ทีจ่ ัดทำโดยโครงการอนุรักษ์พันธกุ รรมพืชอนั เนอื่ ง
มาจากพระราชดำริอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ฯ ทำความเข้าใจ และ
พิจารณานำมาใช้ประโยชน์ เพ่ือเตรียมความพร้อมด้านการจัดการเรียนรู้
แก่นักเรียน ต่อมาได้ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายงาน
แก่นักเรียน ปรับปรุงใบงานโดยคงเน้ือหาสาระสำคัญตามตัวอย่างใบงาน
86
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตัวอย่างบทเรยี นการจัดการเรยี นร้ตู ามแนวพระราชดำริ
เอาไว้ แบง่ เปน็ ใบงานสำหรับเด็กเล็ก (นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓)
และใบงานสำหรับเด็กโต (นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖) แล้วให
้
ครผู สู้ อนแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นรแู้ ละแตล่ ะระดบั ชนั้ ศกึ ษาทำความเขา้ ใจ
ใบความรู้ ใบงาน และวิธีการสอนที่จะทำให้นักเรียนสามารถทำภารกิจ
และทำใบงานที่ไดร้ ับมอบหมาย ออกมาไดต้ ามศกั ยภาพของนกั เรียน
การจดั การเรยี นรตู้ ามองคป์ ระกอบงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
โรงเรียนได้ดำเนินงานตามกรอบการดำเนินงานของงาน
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนท้ัง ๕ องค์ประกอบ และ ๓ สาระการเรียนรู้
ซึ่งแต่ละลำดับการเรียนรู้ ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โรงเรียนได้แบ่งนักเรียน
ออกเป็น ๖๓ กลุ่ม (จำนวนกลุ่มเป็นไปตามจำนวนนักเรียนช้ันประถม
ศึกษาปีที่ ๖) สมาชิกในแต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียนจากทุกระดับชั้น
เพ่ือให้ “พ่ีช่วยน้อง” และมี “ทายาทนักเรียนแกนนำ” ในรุ่นต่อ ๆ ไป
ซ่งึ การจัดการเรียนรู้แต่ละองค์ประกอบได้ดำเนินการ ดงั นี
้
๑. จัดทำป้ายช่ือพรรณไม้ โดยโรงเรียนแบ่งพื้นที่ศึกษาออกเป็น
๓ พนื้ ที่ เป็นเหมอื นพืน้ ท่สี วนหยอ่ ม ยอ่ ย ๆ ๓ สวน ทป่ี ระกอบดว้ ยพรรณ
ไมห้ ลากหลายชนดิ ทง้ั ไมย้ นื ตน้ ไมพ้ มุ่ ไมด้ อก พชื สมนุ ไพร พชื อาหาร และอนื่
ๆ เพ่ือให้กลุ่มนักเรียนหมุนเวียนไปใช้เป็นพื้นที่ศึกษา เรียนรู้ ดูแล บำรุง
รักษาพรรณไม้ ปัจจุบันมีพรรณไม้ในโรงเรียนที่ข้ึนทะเบียนแล้วมากกว่า
๗๖ ชนิดจัดทำป้ายช่ือพรรณไม้ โดยให้นักเรียนสำรวจพรรณไม้จัดทำ
ผังพรรณไม้ ศึกษาพรรณไม้ในโรงเรียน ถ่ายภาพและวาดภาพพรรณไม้
เก็บตัวอย่างพรรณไม้แห้งของพืชในปีปัจจุบันและพืชที่ออกดอกออกผล
ในชว่ งนี้ นอกจากนี้ นกั เรยี นยงั ออกแบบและทำรา่ งปา้ ยชอื่ พรรณไมส้ มบรู ณ์
เพื่อนำไปติดตามต้นไม้ท่ีได้ขึ้นทะเบียนไว้ บันทึกข้อมูลลงในฐานข้อมูล
ทะเบยี นพรรณไม้ของโรงเรยี นและจัดทำทะเบียนพรรณไม
้
87
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอยา่ งบทเรยี นการจัดการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำร
ิ
๒. รวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียน โดยในเบื้องต้นให้กลุ่ม
นักเรียนสำรวจพรรณไม้เพ่ิมเติมจากปีท่ีผ่านมา และรวบรวมพรรณไม
้
เขา้ ปลูกในโรงเรยี น โดยให้กลมุ่ นกั เรยี นศึกษาสภาพดนิ นำ้ ทศิ ทางลม แสง
และปัจจยั ทางกายภาพอื่น ๆ ในพืน้ ทศ่ี ึกษาที่กำหนดไว้ ท้ัง ๓ พื้นทีศ่ กึ ษา
และเลือกพรรณไม้ท่ีจะสามารถนำมาปลูกในโรงเรียนตามความเหมาะสม
ของสภาพทางกายภาพทนี่ กั เรียนและคณะครูไดศ้ กึ ษาไว้
๓. ศึกษาข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยมีการจัดทำแบบศึกษาพรรณไม้
ในสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ให้นักเรียนศึกษาพืชศึกษาชนิดที่ ๒ คือ
ถ่ัวฝักยาว โดยศึกษาวงจรชีวิตของถั่วฝักยาว ท้ังด้านรูปร่าง รูปทรง สี ผิว
ขนาดของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล และเมลด็
ภาพท่ี ๓๑ แสดงการเตรยี มพรรณไม้เข้าปลกู ในโรงเรียน
๔. รายงานผลการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการจัดทำในรูป
เอกสาร การจัดทำแผ่นพบั เพ่อื ใช้นำเสนอ การเล่านทิ านเกี่ยวพรรณไม้
๕. นำไปใช้ประโยชน์ทางการศึกษา โดยการจัดนิทรรศการ
การเผยแพรอ่ งคค์ วามรโู้ ดยจดั ใหน้ กั เรยี นนำเสนอผลงานทไ่ี ดจ้ ากการเรยี นรู้
88
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
ตวั อยา่ งบทเรียนการจดั การเรยี นรตู้ ามแนวพระราชดำริ
ภาพท่ี ๓๒ แสดงการศกึ ษาขอ้ มูลพรรณไมข้ องนักเรียน
การเรียนร้พู ืชศึกษา
การเรียนรู้พืชศึกษา เป็นกิจกรรมหน่ึงในการจัดการเรียนรู้ตาม
องค์ประกอบที่ ๓ ของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนที่กำหนดให้นักเรียน
ทำการศกึ ษาวงจรชวี ิตของพชื ท้งั ดา้ นรูปลกั ษณ์ คณุ สมบัติ และวธิ กี ารที่จะ
นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนศึกษา สำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพืช
ศึกษาและพรรณไม้ ท้ังส่ิงมีชีวิตที่เป็นศัตรูและเป็นมิตรว่ามีความเกี่ยวข้อง
กบั พชื อยา่ งไรบ้าง ให้โทษหรือประโยชน์กับพืชอยา่ งไร
ก่อนหน้าน้ี โรงเรียนได้เลือก “มะเขือเทศ” เป็นพืชศึกษา
เน่ืองจากเห็นว่าสามารถศึกษาได้ต้ังแต่ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด
และเป็นส่ิงที่นักเรียนมีความคุ้นเคย แต่เม่ือศึกษา เรียนรู้ไประยะหนึ่งแล้ว
พบวา่ วงจรชีวิตของมะเขอื เทศคอ่ นข้างยาว (ประมาณ ๔ เดอื น) จงึ เปล่ียน
มาเลือก “ถั่วฝักยาว” เป็นพืชศึกษาชนิดที่สอง ซ่ึงมีวงจรชีวิตส้ันกว่า
มะเขอื เทศ ซง่ึ เป็นพืชศึกษาชนิดแรก
89
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
ตัวอย่างบทเรียนการจัดการเรยี นรูต้ ามแนวพระราชดำริ
ในการศึกษาวงจรชีวิตและส่วนประกอบย่อยของถั่วฝักยาวทั้งราก
ลำต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ดน้ัน นักเรียนจะมีส่วนร่วมตั้งแต่ข้ันตอน
การเตรยี มการปลกู การเพาะ การศกึ ษาพฒั นาการและเปลย่ี นแปลงของพชื
ในแต่ส่วน แต่ละช่วงอายุ ศึกษา สังเกต ส่ิงมีชีวิตและไม่มีชีวิตท่ีเกี่ยวข้อง
กบั การเจรญิ เตบิ โตของถว่ั ฝกั ยาว (ศตั รพู ชื ของถวั่ ฝกั ยาวและศตั รธู รรมชาต)ิ
แล้วจดบันทึก วาดภาพ ถ่ายภาพ รายงานการเรียนรู้ตามใบงานท่ีได้รับ
มอบหมาย ซง่ึ การมอบหมายงานและใบงานของนกั เรยี นมจี ำนวนความยากงา่ ย
และความละเอียดของเนื้อหาการเรียนรู้แตกต่างกันในแต่ละระดับช้ัน
ในกลุ่มเด็กเล็กจะเน้นการให้ดู สัมผัส บอกเล่าส่ิงที่สังเกตได้จากการดูหรือ
สัมผัส ส่วนเด็กโตจะให้ศึกษาเพ่ิมเติมโดยให้สืบค้นข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ
จากหนังสือ อินเทอร์เน็ต และการใช้ส่ือ อุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น ให้ใช้
กล้องขยายส่องดเู พลย้ี ส่องดูลกั ษณะและอวัยวะของมด แมลงศัตรพู ืช
การมีส่วนรว่ มของผ้ปู กครองและชุมชน
ภาพที่ ๓๓ แสดงการเรยี นร้กู บั ปราชญ
์ ภาพที่ ๓๔ แสดงการเรยี นร้กู บั ป้าเทยี บ
ภูมิปญั ญาในทอ้ งถ่นิ : การทำทองคำเปลว
ปราชญภ์ มู ปิ ญั ญาในทอ้ งถนิ่ ดา้ นการนวดแผนไทย
โรงเรียนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากวัดประชาระบือธรรม และ
คณะกรรมการชุมชนรอบโรงเรียน คณะครูได้นำนักเรียนออกไปศึกษาเรียน
รู้พรรณไม้หายากในบริเวณวัดประชาระบือธรรม (อาทิ ต้นสาละ) และได้
90
สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน
ตวั อยา่ งบทเรยี นการจดั การเรียนร้ตู ามแนวพระราชดำริ
ทราบวิธีใช้ประโยชน์จากพรรณไม้เหล่านั้น รวมทั้งนำนักเรียนออกสำรวจ
พ้ืนท่ี พืช โบราณสถาน โบราณวัตถุในชุมชน เพ่ือเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติ
ของภูมิปัญญาท้องถ่ิน ข้อมูลของชุมชนโดยรอบ ทำให้นักเรียนทราบถึง
วิถีชีวิตชุมชน และเห็นคุณค่าของแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่
ในชุมชน
ผลทเ่ี กิดขึน้
๑. ด้านวิชาการ นักเรียนได้เรียนรู้ทั้งด้านพฤกษศาสตร์ ชีวภาพ
ภาษา ศิลปะ ครูได้จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการและได้ร่วมกันจัด
กระบวนการเรยี นรู้ เพ่อื เสริมสรา้ งจิตสำนกึ การอนุรักษพ์ ันธกุ รรมพชื
๒. ดา้ นภมู ปิ ัญญา นกั เรยี นมีการวางแผนการปฏิบตั งิ าน และครู
มีการจัดการในการเรียนรู้ โดยจัดให้มี “พีช่ ่วยนอ้ ง” และ “ทายาทนักเรยี น
แกนนำ” เพอื่ ตอ่ ยอดและถา่ ยทอดองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั งานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรียน มีการเรียนรู้ภูมิปัญญาในท้องถ่ินที่เกี่ยวกับพรรณพืชของชุมชน
ทำใหน้ กั เรยี นเข้าใจในวถิ ชี ุมชน วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาในท้องถิน่ ของตน
๓. ดา้ นคณุ ธรรมและจริยธรรม ผลที่เกดิ กบั นกั เรยี นทป่ี รากฏชดั
มีหลายประการ เช่น นักเรียนมีความกระตือรือร้น ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มข้ึน
มีความสุขท่ีจะเรียนรู้ รักและดูแลต้นไม้ในโรงเรียน ช่วยเหลือกันและกัน
มีระเบียบ มีความรับผดิ ชอบทง้ั ในดา้ นการเรยี นรู้และการใช้ชวี ิตในโรงเรียน
ร่วมแรงรว่ มใจกนั ในการทำกิจกรรม เออ้ื อาทรต่อเพอื่ น ตอ่ นกั เรยี นรุ่นนอ้ ง
สามารถทำงานเป็นกลุ่ม เป็นทีมได้ดีข้ึน ส่วนโรงเรียนเองก็มีความสะอาด
เป็นระเบยี บ บรรยากาศร่มร่ืน เอ้อื ตอ่ การเรียนรแู้ ละใช้ชีวิตอย่างมคี วามสุข
ในร้วั โรงเรยี นของคณะครูและนักเรียน
91