วิสยั ทศั น์กล่มุ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ โรงเรยี นสตรีราชนิ ูทิศ
การเรยี นรู้ทีย่ ึดงาน มุ่งมน่ั ในการทางาน ใฝ่เรยี นใฝร่ ู้ มคี วามสามารถในการส่อื สารและ
คิดแกป้ ญั หาเป็นสาคญั บนพนื้ ฐานของการใชห้ ลักการและทฤษฎีเปน็ หลกั ตลอดจนนาเทคโนโลยี
มาประยกุ ต์ใชใ้ นการทางาน สร้างงานไดอ้ ย่างหลากหลายโดยใชภ้ ูมิปัญญาท้องถ่ิน มีความซือ่ สัตย์
สุจริตต่องานท่ีทาและมจี ติ สาธารณะ เพอ่ื ให้นักเรยี นมที ักษะชีวิตและสามารถรดารงชีวิตอยใู่ นศตวรรษ
ท่ี 21 ได้อยา่ งมีความสุข
พันธกิจ (Mission)
1. ม่งุ ส่งเสริมการนาเทคโนโลยมี าใช้ในการจดั การ และในการพฒั นาระบบสารสนเทศ
2. มงุ่ พัฒนาคุณลกั ษณะของผู้เรยี นให้มีความรู้ ทกั ษะ มวี ินยั มศี ีลธรรม
3. มุ่งขยายและพัฒนางานโดยอาศัยภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และชมุ ชนมีส่วนร่วม
เป้าหมาย (Objective)
นักเรยี นกลมุ่ การงานอาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ ทกั ษะกระบวนการมีนิสัยรกั การทางาน
ขยนั ประหยดั ซอ่ื สตั ย์ อดทด
ตามคาขวัญที่ว่า “คิดเปน็ เหน็ งาน ทาเป็น เหน็ เงิน แก้ปัญหาเป็น เห็นอนาคต”
วสิ ัยทัศนแ์ ละคณุ ภาพผเู้ รียน
ของกลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี
วิสยั ทศั น์
วิสัยทัศนข์ องกลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เป็นสาระทเ่ี นน้ กระบวนการการทางานและ
การจัดการอย่างเป็นระบบ พัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ มที ักษะการออกแบบงานและการทางาน
อย่างมีกลยุทธ์ โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนนาเทคโนโลยีมาใช้
และประยกุ ต์ใชใ้ นการทางาน รวมทง้ั การสร้างพฒั นาผลิตภณั ฑห์ รือวิธีการใหม่ เนน้ การใช้
ทรัพยากรธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ มและพลงั งานอยา่ งประหยัดและคุ้มคา่ เพ่ือให้บรรลุวสิ ยั ทัศน์
ดังกล่าวกลมุ่ การงานอาชีพจึงกาหนดวสิ ัยทัศน์ การเรียนรูท้ ย่ี ึดงานและการแกป้ ัญหาเป็นสาคญั
บนพนื้ ฐานของการใชห้ ลกั การและทฤษฎีเป็นหลกั โดยการทางานและการแก้ปญั หา งานทน่ี ามา
ฝกึ ฝนและบรรลวุ ิสัยทศั นข์ องกลุ่มนนั้ เป็นงานเพอื่ ดารงชวี ิตในครอบครัวและสงั คมและงานเพ่อื
การประกอบอาชีพ ซึ่งงานทั้งสองประเภทนีเ้ มอื่ ผเู้ รียนไดฝ้ กึ ฝนตามกระบวนการเรยี นรู้ของกลมุ่
การงานอาชีพแลว้ ผู้เรียนจะได้รับการปลกู ฝังและพฒั นาให้มคี ุณภาพและศีลธรรม การเรยี นรู้
จากการทางานและการแกป้ ญั หาของกลมุ่ การงานอาชีพ จงึ เปน็ การเรยี นรทู้ ีเ่ กดิ จากการบรู ณาการ
ความรู้ ทักษะและความดีท่ีหลอมรวมกันจนก่อเกิดเปน็ คณุ ลักษณะของผู้เรียนตามมาตรฐาน
การเรียนรทู้ ่ีกาหนด
คุณภาพของผู้เรยี น
กล่มุ การงานอาชีพ มุ่งพัฒนาผู้เรยี นแบบองคร์ วมเพ่อื ใหเ้ ปน็ คนดมี ีความรู้ ความสามารถ
โดยมคี ุณลักษณะอนั พึงประสงค์ดงั นี้
มีความร้คู วามข้าใจ และความสามารถในการคิดแกป้ ัญหา เกีย่ วกับการดารงชวี ิตและ
ครอบครัว และการอาชีพ
มที ักษะในการทางาน การประกอบอาชพี การจัดการ การแสวงหาความรู้ เลือกใช้
เทคโนโลยีและเทคโนโลยีสารสนเทศในการทางาน สามารถทางานอยา่ งมกี ลยุทธ์ สรา้ งและพัฒนา
ผลติ ภัณฑห์ รือวิธีการใหม่
มีความรบั ผิดชอบ ซือ่ สตั ย์ ขยนั อดทน รักการทางาน ประหยดั อดออม ตรงต่อเวลา
เอ้ือเฟอื้ เสยี สละ และมวี ินยั ในการทางาน เห็นคุณค่าความสาคญั ของงานและอาชีพสจุ ริต
ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสารสนเทศ การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติส่งิ แวดลอ้ มและพลังงาน
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี มงุ่ พัฒนาผเู้ รียนให้สามารถอย่รู ่วมกับผอู้ น่ื ในสงั คมได้
อย่างมีความสุขในฐานะเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก โดยมีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ดงั น้ี
ข้อที่1 รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ หมายถึง คณุ ลกั ษณะท่แี สดงออกถงึ การเป็นพลเมืองดีของชาติ
ธารง ไว้ซงึ่ ความเป็นชาตไิ ทย ศรัทธา ยดึ มั่นในศาสนาและเคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษัตริย์
ผทู้ ี่รักชาติศาสน์ กษัตริยค์ อื ผทู้ ่ีมีลกั ษณะซึ่งแสดงออกถึงการเปน็ พลเมืองดีของชาติมคี วามสามัคคี
ปรองดอง ภมู ิใจ เชดิ ชคู วาม เปน็ ชาติไทย ปฏิบัติตนตาม หลกั ศาสนาที่ตนนับถอื และแสดงความ
จงรกั ภักดตี ่อสถาบันพระมหากษตั ริย์
ขอ้ ที่2 ซอื่ สัตย์สจุ รติ หมายถงึ คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการยดึ ม่ันในความถกู ตอ้ ง ประพฤติ
ตรงตาม ความเปน็ จรงิ ตอ่ ตนเองและผูอ้ ื่น ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ผู้ทมี่ ีความซื่อสตั ย์สุจริต คอื ผู้ที่
ประพฤตติ รงตามความ เปน็ จริงทง้ั ทางกาย วาจา ใจ และยึดหลักความจริง ความถูกต้องในการ
ดาเนนิ ชวี ิต มีความละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาผดิ
ข้อท่ี 3 มีวนิ ัย หมายถึง คุณลักษณะทแ่ี สดงออกถึงการยึดม่ันในข้อตกลง กฎเกณฑ์และ
ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม ผมู้ ีวินัย คือ ผ้ทู ่ีปฏิบตั ติ นตามข้อตกลงกฎเกณฑ์
และระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั โรงเรยี นและสงั คมเป็นปกตวิ สิ ัย ไมล่ ะเมดิ สิทธิของผู้อ่นื
ข้อที่4 ใฝเ่ รียนรู้ หมายถึง คุณลกั ษณะทแี่ สดงออกถงึ ความตงั้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี น
แสวงหา ความรู้จากแหล่งเรียนร้ทู ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น ผู้ที่ใฝ่เรียนรคู้ อื ผทู้ มี่ ีลักษณะ
แสดงออกถงึ ความต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้แสวงหาความรู้
จากแหลง่ เรียนรทู้ งั้ ภายในและ ภายนอกโรงเรียนอย่างสม่าเสมอ ด้วยการเลือกใชส้ อื่ อยา่ งเหมาะสม
บนั ทกึ ความรวู้ ิเคราะห์สรุปเป็นองค์ความรูแ้ ลกเปลีย่ นเรยี นรถู้ ่ายทอด เผยแพรแ่ ละนาไปใชใ้ น
ชีวิตประจาวันได้
ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถงึ การดาเนนิ ชีวิตอย่าง
พอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคณุ ธรรม มภี มู ิคุ้มกนั ในตัวท่ีดแี ละปรับตัวเพ่ือ อยู่ในสังคมไดอ้ ย่าง
มคี วามสขุ ผู้ท่อี ยอู่ ย่าง พอเพยี ง คือ ผู้ที่ดาเนนิ ชีวิตอย่างประมาณตน มเี หตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง
อยรู่ ่วมกบั ผู้อนื่ ด้วยความ รบั ผดิ ชอบ ไม่เบียดเบียนผู้อ่นื เหน็ คณุ ค่าของ ทรพั ยากรต่าง ๆ
มีการวางแผนป้องกนั ความเส่ยี งและพร้อมรับ การเปล่ยี นแปลง
4
ข้อท่ี 6 มงุ่ มั่นในการทางาน หมายถงึ คณุ ลกั ษณะทแี่ สดงออกถึงความตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบ
ในการทา หน้าที่การงานด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพ่อื ใหง้ านสาเร็จตาม เป้าหมาย ผู้ท่มี ุ่งม่ัน
ในการทางาน คอื ผู้ทม่ี ี ลักษณะซงึ่ แสดงออกถงึ ความตงั้ ใจปฏบิ ตั ิหน้าท่ีทีไ่ ดร้ ับมอบหมายด้วยความ
เพยี รพยายาม ทุ่มเทกาลังกาย กาลงั ใจ ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ให้สาเร็จลลุ ่วงตามเปา้ หมาย
ท่ีกาหนดดว้ ยความรบั ผดิ ชอบและมีความ ภาคภมู ิใจในผลงาน
ข้อที่7 รักความเป็นไทย หมายถงึ คุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงความภาคภูมใิ จ เหน็ คุณค่า
ร่วมอนรุ ักษ์ สืบทอดภูมิปญั ญาไทย ขนบธรรมเนยี มประเพณศี ลิ ปะและวฒั นธรรม ใช้ภาษาไทยในการ
สอื่ สารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และเหมาะสม ผู้ท่รี ักความเป็นไทย คอื ผู้ที่มคี วามภาคภมู ิใจ เห็นคุณค่า ชน่ื ชม
มีส่วนรว่ มในการอนุรกั ษ์ สบื ทอด เผยแพรภ่ ูมปิ ัญญาไทย ขนบธรรมเนยี มประเพณศี ิลปะและ
วัฒนธรรมไทย มีความกตญั ญกู ตเวทีใช้ ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม
ข้อที่8 มีจติ สาธารณะ หมายถึง คุณลักษณะทีแ่ สดงออกถึงการมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมหรือ
สถานการณ์ ที่กอ่ ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่นื ชมุ ชนและสงั คม ด้วยความเตม็ ใจ กระตือรอื ร้น โดยไม่
หวงั ผลตอบแทน ผทู้ มี่ ีจิต สาธารณะ คอื ผู้ทีม่ ีลกั ษณะเป็นผใู้ หแ้ ละช่วยเหลอื ผู้อืน่ แบ่งปันความสุข
สว่ นตนเพ่ือทาประโยชน์แก่สว่ นรวม เขา้ ใจ เห็นใจผู้ท่ีมีความเดอื ดรอ้ น อาสา ชว่ ยเหลือสังคม อนุรกั ษ์
ส่ิงแวดล้อมดว้ ยแรงกาย สติปัญญา ลงมอื ปฏิบัติเพื่อแกป้ ัญหา หรอื รว่ มสร้างสรรคส์ ง่ิ ทด่ี ีงามใหเ้ กิด
ในชมุ ชน โดยไมห่ วงั สิ่งตอบแทน กลุม่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพเป็นกลุม่ สาระทช่ี ว่ ยพฒั นา
ให้ผู้เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ มีทักษะ พน้ื ฐานทจี่ าเป็นต่อการดารงชีวติ และร้เู ท่าทันการเปลย่ี นแปลง
เพือ่ การดารงชวี ิตในปัจจุบัน สามารถนาความรู้ เกี่ยวกับการดารงชวี ติ และการอาชีพ มาใช้ประโยชน์
ในการทางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแขง่ ขนั ใน สงั คมไทยและสากลได้เหน็ แนวทางในการ
ประกอบอาชีพ รกั การทางานและมเี จตคติท่ีดีต่อการทางาน สามารถ ดารงชวี ิตอยใู่ นสงั คมได้
อย่างพอเพยี งและมีความสขุ
สมรรถนะสาคัญ 5 ประการ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ มงุ่ พฒั นาผูเ้ รียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้
ซ่ึงเป็นการพฒั นาผูเ้ รยี นใหบ้ รรลุมาตรฐานการเรียนรูท้ ่ีกาหนดนนั้ จะชว่ ยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะ
สาคญั 5 ประการ ดงั นี้
1. ความสามารถในการสือ่ สาร เป็นความสามารถในการรบั และสง่ สาร มวี ฒั นธรรมในการใช้
ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรูค้ วามเข้าใจ ความร้สู กึ และทศั นะของตนเองเพื่อแลกเปล่ยี นขอ้ มูล
ข่าวสารและ ประสบการณอ์ ันจะเป็นประโยชน์ตอ่ การพัฒนาตนเองและสงั คม รวมท้งั การเจรจา
ต่อรองเพือ่ ขจดั และลดปัญหา ความขดั แย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รบั ข้อมูลขา่ วสารดว้ ยหลกั
เหตุผลและความถกู ตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธกี ารสื่อสารท่มี ีประสิทธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบ
ท่ีมีตอ่ ตนเองและสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคิดวเิ คราะหก์ ารคิดสังเคราะหก์ ารคิด
อย่าง สร้างสรรคก์ ารคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพ่ือนาไปสกู่ ารสร้างองค์ความรู้
หรอื สารสนเทศ เพ่อื การตัดสนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคต่างๆ
ทเี่ ผชญิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจ
ความสมั พนั ธ์และการเปล่ยี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรูป้ ระยุกต์ความรู้มาใช้
ในการ ปอ้ งกนั และแก้ไขปัญหา และมีการตดั สินใจท่มี ปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถึงผลกระทบท่ีเกิดขน้ึ
ต่อตนเอง สังคมและ ส่งิ แวดลอ้ ม
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่อื ง การทางาน และการอยู่
รว่ มกันในสงั คมด้วย การสร้างเสรมิ ความสัมพนั ธ์อันดีระหวา่ งบคุ คล การจัดการปัญหาและความ
ขดั แย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การ ปรบั ตวั ใหท้ นั กับการเปล่ียนแปลงของสังคมและความขัดแย้ง
ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตัวใหท้ ันกับการ เปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อมและ
การรจู้ กั หลกี เล่ียงพฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงคท์ ส่ี ่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี
ด้านต่างๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยเี พ่อื การพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรยี นรู้
การส่ือสาร การทางาน การแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรคถ์ กู ตอ้ งเหมาะสมและมคี ุณธรรม
อา้ งถึง
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั บปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
สาระหลัก (Strands)
สาระท่ี 1 การดารงชวี ิตและครอบครวั
สาระที่ 2 การอาชีพ
มาตรฐานกลมุ่ สาระ (Standard)
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน
ทกั ษะ การจัดการ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะการทางานรว่ มกัน และทกั ษะการแสวงหา
ความรู้ มีคุณธรรม และลกั ษณะนิสยั ในการทางาน มจี ติ สานึกในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากร และ
สิ่งแวดลอ้ ม เพ่อื การดารงชวี ติ และครอบครวั
ชัน้ ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
ม.4-6 1. อธบิ ายวิธกี าร การทางานเพือ่ การ การทางานเพอื่ ดารงชวี ติ
ทางานเพอื่ การ ดารงชีวติ เช่น - การแตง่ กาย โดยการนา
ดารงชวี ิต - การเลือก ใช้ ดูแล ผ้าพนื้ เมืองมาออกแบบและ
2. สร้างผลงานอยา่ ง รกั ษา เสื้อผา้ และ ประยกุ ต์ใช้
มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ● การทางานรว่ มกัน
และมที กั ษะการทางาน เครื่องแตง่ กาย - การประดษิ ฐ์ของใชท้ ี่เน้น
ร่วมกนั การทางานร่วมกนั เช่น เอกลักษณ์ไทยในท้องถ่นิ เช่น
3. มที ักษะการจดั การ - การประดษิ ฐข์ องใช้ท่ีเปน็
เอกลักษณไ์ ทย ผา้ ขดิ ผ้าฝ้าย ผ้ายอ้ มคราม
ในการทางาน - หน้าทแี่ ละบทบาทของ ฯลฯ
4. มีทกั ษะกระบวนการ ตนเองทมี่ ีตอ่ สมาชิกใน
แกป้ ญั หาในการทางาน ครอบครวั โรงเรียน ● การจดั การ
และชุมชน - จัดทาโครงงาน โดยใช้วัสดุ
5. มที กั ษะในการ ในท้องถ่ินนามาประยกุ ตใ์ ช้ใน
แสวงหาความรเู้ พอื่ การจดั การ เชน่ บา้ นและโรงเรยี น
- การดูแลรกั ษา ทาความ
การดารงชีวติ ● การแกป้ ัญหาในการทางาน
6. มคี ุณธรรมและ สะอาด จัดตกแตง่ บา้ น - การปลกู พืช ขยายพันธพุ์ ืช
ลักษณะนสิ ัยในการ และโรงเรยี น ในทอ้ งถนิ่
- การปลูกพืช ขยายพันธุ์
ทางาน พชื หรือเลี้ยงสัตว์ - เลยี้ งสตั ว์ เศรษฐกจิ ใน
7. ใชพ้ ลังงาน - การบารุง เกบ็ รกั ษา ทอ้ งถ่ินพ้นื บ้านอีสาน
เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ และ
ทรัพยากร ในการ อปุ กรณอ์ านวยความ - ตัดเยบ็ และดัดแปลง
ทางานอย่างคมุ้ คา่ สะดวกในชีวิตประจาวนั เส้อื ผา้ ในทอ้ งถิน่ มาประยกุ ต์
และยง่ั ยืน เพ่ือการ - แปรรปู ผลผลติ ในทอ้ งถน่ิ
อนรุ กั ษส์ ่งิ แวดลอ้ ม และจาหนา่ ยเป็นสนิ ค้า OSOP
7
ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่ิน
ม.4-6 การดาเนนิ การทางธุรกจิ - ประดิษฐเ์ ครอ่ื งใช้ในท้องถน่ิ
(ตอ่ ) การแก้ปัญหาในการ เปน็ เคร่อื งไฟฟา้ และอปุ กรณ์
ทางาน อานวยความสะดวกใน
- การตดั เยบ็ และดัดแปลง ชีวติ ประจาวนั
เสือ้ ผา้ - มีความช่ืนชมในผลงาน
- การเก็บ ถนอม และ ● การแสวงหาความรู้
เพ่ือการดารงชวี ิต
แปรรูปอาหาร
- แสวงหาความรู้ ภูมิปญั ญา
- การตดิ ตัง้ ประกอบ
ซ่อมแซมอปุ กรณ์ เคร่อื งมือ ท้องถ่ินเพื่อการดารงชวี ิต เชน่
การดแู ลรักษาบา้ นโดยใช้วสั ดุ
เคร่อื งใช้
ส่งิ อานวยความสะดวก ในท้องถิ่นการเลย้ี งสัตวใ์ น
ทอ้ งถนิ่ และการปลกู พืช
ในบ้านและโรงเรียน
การแสวงหาความรู้เพอ่ื ในทอ้ งถ่นิ
พัฒนาผลิตภัณฑจ์ ากสินค้า
การดารงชีวติ เชน่
OSOP ให้มีคุณภาพสมู่ าตรฐาน
- การดแู ลรกั ษาบ้าน OTOP เพอื่ สร้างงานอาชพี
การเลี้ยงสัตว์
8
มาตรฐาน ง 2.1 เขา้ ใจ มที กั ษะที่จาเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ
ใชเ้ ทคโนโลยี เพ่อื พฒั นาอาชีพ มคี ุณธรรม และมเี จตคติท่ีดีต่ออาชพี
ชน้ั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถนิ่
ม. 4-6 1. อภปิ รายแนวทาง แนวทางสอู่ าชีพ การเลือกใชเ้ ทคโนโลยี
สู่อาชพี ที่สนใจ
- เตรยี มตวั หางานและ ทีน่ ามาใชก้ บั งานอาชีพท่ีมีอยู่
2. เลือก และใช้ พฒั นาบุคลกิ ภาพ
เทคโนโลยีอย่าง ในท้องถ่ินทีถ่ กู ต้องและเหมาะสม
เหมาะสมกบั อาชีพ - ลกั ษณะความม่นั คงและ เชน่ การใช้คอมพวิ เตอร์
3. มปี ระสบการณ์ใน ความกา้ วหนา้ ของอาชพี ในการปฎบิ ัติงาน การใช้
- การสมัครงาน เทคโนโลยดี ้านการเกษตร
อาชีพท่ีถนัดและสนใจ - การสัมภาษณ์
4. มีคณุ ลักษณะท่ดี ี การใชเ้ ทคโนโลยีในการผลติ สนิ ค้า
ตอ่ อาชพี - การทางาน ฯลฯ
- การเปลี่ยนอาชพี การใช้ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ เป็น
การเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี แหลง่ เรียนรู้ในการประกอบอาชพี
อย่างเหมาะสมกับอาชีพ เชน่ วทิ ยากรทอ้ งถน่ิ ให้ความรู้
- วิธกี าร ด้านอาชพี ตา่ ง ๆ ฯลฯ
- หลกั การ การประกอบอาชีพในท้องถ่ิน
- เหตุผล อยา่ งมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และ
ประสบการณ์ในอาชพี มีเจตคตทิ ี่ดีต่ออาชพี สร้างคา่ นิยม
- การจาลองอาชีพ ให้เกิดการรกั บา้ นเกดิ เพือ่ รกั ษา
- กิจกรรมอาชีพ ภมู ิปญั ญาชาวบา้ นคงไว้ เชน่
คุณลักษณะท่ดี ีตอ่ อาชพี การทาผา้ ย้อมคราม การทาขนม
- คุณธรรม ในท้องถิ่น การคา้ ขายสินค้า
จากทอ้ งถ่ิน สินค้าพน้ื เมอื ง
- จรยิ ธรรม งานหตั ถกรรมต่างๆ ฯลฯ
- ค่านิยม
ผงั มโนทัศนก์ ลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงาน
ประเด็นสาคัญ 1. กล่มุ สาระการเรียนรู้ฯต้องจดั ใหเ้ รยี นรคู้ รบท้งั 2 สาระ
2. กลมุ่ สาระการเรียนรู้ฯต้องจดั ใหเ้ รยี นร้คู รบท้งั 4 งาน
การงานอาชพี สาระท่ี 1
การดารงชีวิต
และครอบครวั
สาระท่ี 2
การอาชีพ
นอาชีพ ระดบั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 – 6
งานธรุ กิจ
งานเกษตร
งานคหกรรม
งานอตุ สาหกรรม
การวเิ คราะหม์ าตรฐาน
กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ า
สาระท่ี 1 การดารงชีวิตและครอบครวั
มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคดิ สร้างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะ
การแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทางาน มีจิตสานึกในการใช้พลงั งาน ทร
มาตรฐานการเรียนรู้ การวิเครา
ชนั้ ม. 4-6 ความรู้ (K) คณุ ธ
คุณล
1. อธิบายวธิ กี ารทางานเพื่อการดารงชวี ติ - ความหมาย ความสาคัญประโยชน์ - ปล
2. สร้างผลงานอยา่ งมคี วามคิด หลักการ วธิ กี าร จัดการท่ีดี ใชใ้ นช
สรา้ งสรรค์ และมีทักษะการทางานรว่ มกัน - ข้ันตอนกระบวนการทางานและการ - มีค
3. มีทกั ษะการจดั การในการทางาน จดั การทีด่ แี ละการปรับปรงุ และ ประห
4. มีทักษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทางาน พฒั นางาน - มีค
5. มีทกั ษะในการแสวงหาความรูเ้ พอื่ - การเลือกใช้และการบารงุ รกั ษาส่งิ ของ มากว
การดารงชีวติ เครอ่ื งใช้ให้เกิดประโยชนค์ มุ้ ค่าและ - มที
6. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนิสัยในการทางาน ปลอดภัย - อน
7. ใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร ในการทางาน - มีความคิดสร้างสรรค์ออกแบบงานที่ทา - มเี ห
อย่างคุ้มคา่ และยงั่ ยนื เพอื่ การอนรุ ักษ์ ประเมนิ ผลงานและปรบั ปรุงการทางาน - ปล
สงิ่ แวดล้อม - กจิ นสิ ัยที่ดีในการทางาน ประห
- การรจู้ กั ดัดแปลงทรพั ยากรในทอ้ งถิ่น - เจต
นามาใชใ้ ห้เกิดประโยชนแ์ ละคุม้ ค่า ประห
นการเรยี นรู้
ารงานอาชีพ
ะ การจดั การ ทักษะกระบวนการแกป้ ญั หา ทักษะการทางานรว่ มกัน และทกั ษะ
รัพยากร และส่งิ แวดลอ้ ม เพ่อื การดารงชีวติ และครอบครวั
าะห์คาสาคัญ สิง่ ทต่ี อ้ งเพิม่ เติมตาม
ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม กระบวนการเรียนรู้ วิสัยทศั นก์ ลุ่มวชิ า/
ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์(A) ทักษะกระบวนการ (P) โรงเรียน
ลกู ฝังคา่ นิยมนาความร้ไู ป - กระบวนการทางาน - มนี ิสยั รกั การทางาน
ชวี ิต - ทกั ษะการจดั การ - การนาไปใช้ในชวี ติ
คุณธรรม(ขยนั ซื่อสัตย์ - ทักษะการจดั การ - ใช้กระบวนการ
หยดั อดทน) - กระบวนการแก้ปญั หา เทคโนโลยมี าใชใ้ นการ
ค่านยิ มของการเปน็ ผูผ้ ลิต - กระบวนการเสรมิ สรา้ ง ทางาน
วา่ ผ้บู รโิ ภค คา่ นิยม - การแก้ปัญหา
ทัศนคติท่ีดตี อ่ การทางาน - กระบวนการฝกึ ปฏิบตั ิ - มีนสิ ัยรกั การทางาน
นรุ กั ษ์ ทางเทคโนโลยี - มคี วามคิดรเิ ร่มิ
หตุผล สรา้ งสรรค์
ลูกฝงั การทางานอยา่ ง - คิดอย่างเป็นระบบ
หยัด และมคี ณุ คา่
ตคติทด่ี ี (ขยัน ซอ่ื สัตย์
หยดั อดออม)
สาระที่ 2 การอาชีพ
มาตรฐาน ง 2.1 เขา้ ใจ มีทักษะที่จาเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโ
มาตรฐานการเรยี นรู้ ความรู้ (K) การวเิ คราะหค์ าส
ชนั้ ม. 4- 6
คุณธรรม จรยิ
คณุ ลกั ษณะท่ีพ
มาตรฐาน ง 2.1
1. อภปิ รายแนวทางสอู่ าชพี ท่ีสนใจ - วเิ คราะห์งาน วางแผนการทางาน - มีความคิดริเ
2. เลือก และใช้เทคโนโลยี - ปฏบิ ัติงานตามข้ันตอน ประยกุ ตใ์ ช้เทค
อยา่ งเหมาะสมกบั อาชีพ - ประเมิน ปรบั ปรงุ และพฒั นาผลงาน ทางาน
3. มีประสบการณใ์ นอาชีพทถี่ นัด - การปฏิบัตติ นในสภาวะผูน้ าและ - ทางานรว่ ม
และสนใจ บรหิ ารงานแบบประชาธิปไตย มีความสขุ
4. มีคณุ ลกั ษณะท่ดี ตี ่ออาชพี - วิเคราะหห์ าข้อมลู ความรูจ้ ากแหลง่ - รกั การค้นคว
เรยี นรตู้ า่ ง ๆและประยกุ ต์ใช้ข้อมลู - มเี หตุผล
ทค่ี น้ พบ - มีความคดิ ริเ
- การวิเคราะห์ปญั หาและสาเหตขุ อง ประยุกตใ์ ชเ้ ทค
ปญั หา วิธีแก้ไขปัญหาหลายทางเลือก ทางาน
- กระบวนการตัดสนิ ใจทางเลอื ก - เห็นคุณคา่ ข
ที่เหมาะสม และแก้ไขปญั หาอยา่ ง
สร้างสรรค์
- การบรู ณาการต่าง ๆ กอ่ ให้เกดิ
ชิน้ งาน
- กิจนิสัยท่ีดีในการทางาน
โลยี เพือ่ พฒั นาอาชพี มคี ุณธรรม และมเี จตคติที่ดตี อ่ อาชพี
สาคัญ สิง่ ที่ตอ้ งเพม่ิ เติมตาม
ยธรรม คา่ นิยม กระบวนการเรียนรู้ วิสยั ทศั นก์ ล่มุ วชิ า/
พึงประสงค์(A) ทกั ษะกระบวนการ (P) โรงเรียน
เริม่ สรา้ งสรรค์ - กระบวนการคิด - สร้างนสิ ยั การทางาน
คโนโลยีในการ วเิ คราะห์ อยา่ งมีระบบ
มกบั ผู้อนื่ อย่าง - ทกั ษะการจดั การ - มนี สิ ยั การทางาน
- กระบวนการกลุ่ม - การยอมรับความคดิ เหน็
วา้
- กระบวนการคดิ ของผูอ้ ืน่
เริม่ สรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ - มคี วามคิดริเรม่ิ
คโนโลยใี นการ - กระบวนการตระหนกั สรา้ งสรรค์
ของงานทผี่ ลิต - กระบวนการแกป้ ัญหา - ภาคภูมิใจ
- กระบวนการฝึกปฏบิ ตั ิ - ผลงานดเี ดน่
เทคโนโลยี - สรา้ งรายได้
- สรา้ งอาชีพ
การจัดทาหนว่ ยการเรียนรู้
รายวชิ า การงานอาชีพ 5 รหัส ง33101 ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ เวลาเรยี นทั้งสนิ้ 20 ช่วั โมง
หน่วยท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ เวลา
1 คัมภีรว์ ิถรี วย (ชั่วโมง)
1. ความสาคัญของการดาเนนิ งานทางธรุ กิจ
2 เส้นทางสู่ 10
ความสาเร็จ 2. ความสาคัญของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
10
(SMEs)
3. ประเภทของธุรกิจและลักษณะของธุรกจิ ขนาด
กลางและขนาดย่อม (SMEs)
4. แผนธุรกจิ 5
. การวางแผนและการบริหารความเสี่ยงด้วยการทา
ประกันภยั 6.
การบรหิ ารจัดการธรุ กจิ ขนาดกลางและ ขนาด
ย่อม (SMEs)
7. การเงนิ และการบัญชสี าหรับธรุ กจิ ขนาดกลาง
และขนาดยอ่ ม (SMEs)
8. ประวตั ิ ความสาคัญของระบบไอซีที
9. รูปแบบและประเภทของธรุ กจิ พาณิชย์
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
10. ประวัติ ความสาคญั ของระบบไอซที ี
11. รปู แบบและประเภทของธุรกิจพาณชิ ย์
อิเล็กทรอนกิ ส์
12. แนวทางส่อู าชพี
13. ประสบการณใ์ นอาชพี
14. การสร้าง facebook fanpage
15. การสรา้ งเว็บไซต์จาหนา่ ยสินค้า
16. การนาเสนอรายงานในรูปแบบตา่ ง ๆ
17. การจัดนทิ รรศการ
รวม 20
โครงสรา้ งรายวิชา ง33101
ลาดับ ชือ่ หน่วย จุดประสงค์ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
(ช่วั โมง) คะแนน
1 คมั ภรี ์วิถรี วย - มีความรู้ ความเขา้ ใจ ความสาคัญในการ 10 50
ในการดาเนินงานทาง ดาเนนิ งานทางธรุ กิจ
ธรุ กิจ ธุรกิจขนาดกลางและ
- มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ธรุ กจิ ขนาดยอ่ ม เป็น
ในการทาธุรกิจ SMEs ธรุ กจิ
และเตรยี มตัวในการ ท่ไี ด้รับความนยิ ม
เปน็ ผู้ประกอบการท่ีดี เพราะใช้เงินลงทนุ ไม่มาก
- ความสาคัญของ นกั และใชแ้ รงงาน
ธุรกิจขนาดกลางและ ปฏิบัตงิ านจานวนนอ้ ย
ขนาดย่อม (SMEs) การประกอบธรุ กิจ
- ประเภทของธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม
ขนาดกลางและขนาด ใหป้ ระสบความสาเรจ็
ยอ่ ม (SMEs) ผู้ประกอบการตอ้ งศกึ ษา
- ลักษณะของธุรกิจ การเขียนแผนธุรกจิ การ
ขนาดกลางและขนาด ใช้เงนิ ลงทนุ และการ
ยอ่ ม (SMEs) บรหิ ารทรัพยากรบคุ คล
- การประกอบธุรกิจ ให้เข้าใจอยา่ งแท้จริง
ขนาดกลางและขนาด เพ่ือให้ธุรกจิ เจริญเติบโต
ยอ่ ม (SMEs) ไมข่ าดทุนและเปน็ ผูท้ ี่มี
- แผนธรุ กิจ จรรยาบรรณตอ่ อาชพี
- การวางแผนและ
การบริหารความเสี่ยง
ดว้ ยการทาประกันภัย
- การบรหิ ารจดั การ
ธรุ กจิ ขนาดกลางและ
ขนาดยอ่ ม (SMEs)
- การเงินและการ
บญั ชีสาหรบั ธรุ กิจ
ขนาดกลางและขนาด
ย่อม (SMEs)
14
โครงสร้างรายวิชา ง33101 (ต่อ)
ลาดับ ชอ่ื หนว่ ย จดุ ประสงค์ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก
(ช่ัวโมง) คะแนน
2 เส้นทางสู่ 1. แนวทางการเข้าสู่ อธบิ ายหลกั การ วิธกี าร ขั้นตอน 10 50
ความสาเร็จ อาชีพ กระบวนการทาธุรกจิ พาณิชย์
- การเตรียมตัวหางาน อเิ ลก็ ทรอนิกส์ มคี วามรแู้ ละ
และพัฒนาบุคลกิ ภาพ เข้าใจเก่ียวกบั งานอาชพี ที่สนใจ
- ลักษณะความมน่ั คง และอาชีพในท้องถ่ิน มที ักษะ
และความกา้ วหนา้ กระบวนการกลุ่มในการทา
- การสมคั รงาน โครงงานอาชพี เพื่อใหน้ ักเรียน
- การสมั ภาษณ์ สามารถสรา้ งช้ินงานหรือ
- การทางาน ผลิตภัณฑท์ ท่ี าจากวตั ถุดิบใน
- การเปลีย่ นงาน ท้องถ่นิ
2. คณุ ลกั ษณะที่ดี โดยศกึ ษากระบวนการทางาน
ตอ่ อาชพี จากวทิ ยากรและปราชญ์
- คุณธรรมและจริยธรรม ชาวบา้ น หาความรเู้ พิ่มเตมิ จาก
ในการประกอบอาชพี แหลง่ เรียนรู้
- ค่านยิ มในการประกอบ ในทอ้ งถนิ่ และแหล่งเรยี นรใู้ น
อาชพี Social Network เพอ่ื ใหเ้ กิดทักษะ
3. การเลือกใช้ ท่จี าเปน็
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม ในศตวรรษที่ 21 ในการ
4. ประสบการณ์ใน จาหน่ายสินคา้ ทางออนไลน์ ซง่ึ
อาชพี เป็นการช่วยเหลอื ผูป้ กครองใน
- การจาลองอาชพี การหารายได้ระหวา่ งเรยี นใน
- กิจกรรมอาชีพ สถานการณข์ องโรคระบาดโค
5. การสรา้ ง วดิ -19 ซึ่งเข้ามามผี ลกระทบตอ่
FACEBOOK FANPAGE เศรษฐกจิ ของครอบครัวนักเรียน
6. การสร้างเวบ็ ไซต์ และนกั เรียนสามารถนอ้ มนาเอา
จาหน่ายสนิ คา้ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
7. การนาเสนอรายงาน มาแก้ปัญหาในการใช้
ชีวติ ประจาวนั และมีความ
ภาคภมู ใิ จในการสบื สานอนุรักษ์
ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ และมีเจตคตทิ ี่
ดีต่อการประกอบอาชพี สจุ ริต
กาหนดการจดั การเรยี นรู้รายวิชา ง33101
สัปดาห์ ชั่วโมง สาระการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ จานวนชว่ั โมง
1 1 1. ความสาคัญของการ การดาเนนิ งานทางธุรกจิ 1
ดาเนินงานทางธุรกจิ และความสาคัญของธุรกิจ
2 2 2. ความสาคญั ของธุรกิจ ธรุ กิจ (SMEs) มีความสาคัญ 1
ขนาดกลางและขนาดย่อม ในการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ
(SMEs) ของประเทศ
3 3 3. ประเภทของธุรกจิ และ สามารถเลือกประเภทใน 1
ลักษณะของธุรกจิ ขนาด การทาธรุ กจิ ได้อย่าง
กลางและขนาดยอ่ ม เหมาะสม
(SMEs)
4 4 4. แผนธรุ กิจ การเขยี นแผนธรุ กิจ 1
แสดงรายละเอยี ดและ
กิจกรรมตา่ ง ๆ ที่ทาให้
ธุรกิจบรรลุเปา้ หมายที่ต้ังไว้
5 5 5. การวางแผนและการ การทาประกนั ภยั เพอื่ ลด 1
บรหิ ารความเสี่ยงด้วยการ ความเสยี่ งจากความ
ทาประกนั ภยั เสยี หายของธรุ กิจ
6 6 6. การบรหิ ารจัดการธรุ กิจ การบริหารจัดการธรุ กิจ 1
ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เพอื่ ชว่ ยสนับสนุนให้ธุรกจิ
(SMEs) ประสบความสาเร็จโดยใช้
หลัก 4 P
7 7 7. การเงินและการบญั ชี การเงนิ และการบัญชีเปน็ 1
สาหรบั ธุรกจิ ขนาดกลาง การบนั ทึกรายรบั -รายจ่าย
และขนาดย่อม (SMEs) หรือการทากิจกรรมตา่ ง ๆ
เพอ่ื ใช้เป็นฐานในการจดั ทา
งบประมาณทางการเงนิ ของ
ธุรกจิ ให้บรรลเุ ปา้ หมาย
ทีว่ างไว้
8 8 8. ประวตั ิ ความสาคญั ของ เพื่อทราบประวตั แิ ละจุด 1
ระบบไอซีที กาเนิดของระบบไอซีที
9 9 9. รูปแบบและประเภทของ อธบิ ายรปู แบบและประเภท 1
ธรุ กจิ พาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์ ของธุรกิจพาณชิ ย์
อเิ ลก็ ทรอนิกส์
10 10 เก็บคะแนน สอบกลางภาค 1
16
กาหนดการจัดการเรียนรู้รายวชิ า ง33101 (ต่อ)
สปั ดาห์ ช่วั โมง สาระการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ จานวนชัว่ โมง
11 11 10. แนวทางสอู่ าชพี ค้นหาตนเองในการ 2
ประกอบอาชพี ทีส่ นใจและ
ถนัด
13 13 11. ประสบการณใ์ นอาชีพ จาลองอาชีพให้มี 2
ประสบการณ์ในอาชีพ
15 15 12. การสร้าง Facebook ช่องทางในการจาหน่าย 1
Fanpage สินค้าแบบพาณชิ ย์
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
16 16 13. การสร้างเว็บไซต์ สร้างเว็บไซตท์ ีเ่ หมาะสม 2
จาหน่ายสินคา้ ในการจาหนา่ ยสินค้าแบบ
พาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์
จากเว็บไซต์ทนี่ กั เรยี นสนใจ
และสามารถสร้างความรู้
ด้วยตนเอง,เขียนสรุปผล
การศกึ ษาตามรูปแบบการ
จดั ทารายงานโครงงานได้
ถูกตอ้ ง
18 18 14. การนาเสนอรายงาน การนาเสนอรายงาน 1
ในรปู แบบต่าง ๆ ในรปู แบบวีดทิ ัศน,์ E-Book,
Google sites ฯลฯ
19 19 15. การจดั นิทรรศการ แสดงผลงานสู่สาธารณะ 1
20 20 วัดผลและประเมินผล สอบปลายภาค 1
17
การจดั การเรียนรแู้ บบ TCAS Model เสริมดว้ ย Social Network
Standard มาตรฐานการเรยี นรู้ Task ผลงานนกั เรียน
การงานอาชีพ มฐ. ง.1.1 ม.4-6/1-7 - ชนิ้ งาน/ผลติ ภัณฑ์
ง.2.1 ม.4-6/1-4 - การสรา้ ง facebook fanpage เพื่อขาย
สินคา้ ออนไลน์
- การสรา้ งเว็บไซต์จาหน่ายสนิ คา้
Resources Scenario เหตกุ ารณ์ /สถานการณป์ ัญหา
- บทเรียน หน่วยที่ 2 เส้นทางสคู่ วามสาเร็จ ปัจจบุ นั เทคโนโลยีเขา้ มาเปล่ยี นแปลงการทา
ดว้ ย Google Sites โดยใช้ TCAS MODEL ธุรกจิ โดยคนเร่มิ มาซ้ือขายสินค้าผา่ นออนไลน์
เสรมิ ดว้ ย Social Network มากขึ้น จากสถานการณข์ องการแพร่ระบาด
- ตวั อย่างเวบ็ ไซด์ในการขายสนิ ค้าออนไลน์ ไวรสั โคโรนา ทาให้การขายออนไลน์ เปน็
- Youtube : การสรา้ ง facebook fanpage ชอ่ งทาง
หารายได้ by ครูวนิดา การจาหนา่ ยทตี่ อบสนองความตอ้ งการของการ
- ใบความรู้ท่ี 10 เรื่อง งานอาชพี ใช้ชีวติ ในยคุ New Normal นักเรยี นจึงต้อง
- ใบความรู้ท่ี 11 เรื่อง ประสบการณใ์ น สร้างเว็บไซต์และ facebook fanpage เพื่อ
อาชพี เปน็ ช่องทางในการจาหน่ายสินค้าแบบพาณชิ ย์
- ใบความร้ทู ่ี 12 เรอ่ื ง การสรา้ ง facebook อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และเปน็ ชอ่ งทางในการจาหนา่ ย
fanpage ท่สี ามารถตดิ ต่อกับลูกคา้ ไดโ้ ดยตรงอีกชอ่ งทาง
- ใบความรู้ที่ 13 เรอื่ ง การสร้างเว็บไซต์ หนึ่ง โดยใหน้ ักเรียนฝึกประสบการณ์อาชีพทา
จาหนา่ ยสินคา้ ผ้ามัดยอ้ ม ซึ่งใช้วัสดใุ นทอ้ งถิน่ หรือตาม
- ใบความร้ทู ี่ 14 เรอ่ื ง การนาเสนอรายงาน ธรรมชาติ เป็นการลดต้นทนุ คา่ ใช้จ่ายในการ
ในรูปแบบต่าง ๆ ผลิตสินค้าและสร้างมูลค่าเพิม่ ใหก้ บั สินคา้ ใน
- ใบความรู้ท่ี 15 เรอ่ื ง การจัดนทิ รรศการ ชมุ ชนและนาเอาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชีพ
เพอ่ื ทีจ่ ะสามารถปรบั ตัวและดารงชวี ิตอย่ไู ด้
อย่างมีความสุขในการใชช้ วี ิตแบบ New
Normal
Assessment การประเมินผล หมายเหตุ
- ความสามารถในการสร้างชนิ้ งาน การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก
- ความสามารถในการขายสนิ ค้าออนไลน์ กบั กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี / ศลิ ปะ/ สังคม/ภาษาไทย/
- ความสามารถในการสรา้ งเว็ปไซต์ ภาษาตา่ งประเทศ ฯลฯ
- กระบวนการทางานเปน็ กลุ่ม
- คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
18
ข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้แบบ TCAS Model เสริมดว้ ย Social Network
T = TEAM
C = CONSTRUCTIVISM
A = ACTIVE LEARNING
S = SOCIAL NETWORK
เป็นการประยกุ ต์ใช้การจดั การเรยี นรูแ้ บบโครงงานเพ่อื ใหน้ กั เรียนทางานกระบวนการกลุ่ม
และศึกษาความรูจ้ ากบทเรียนออนไลน์ท่คี รพู ัฒนาบทเรียนขึน้ มาใน google sites และแสวงหา
ความรเู้ พมิ่ เติมใน social network เพอ่ื นามาปฏิบตั งิ านและสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
นามาวดั และประเมินผลร่วมกนั ในช้นั เรียน เพอ่ื จะได้นาไปปรับปรงุ แกไ้ ขและนาผลงานเผยแพร่
สู่สาธารณะดว้ ยรูปแบบต่าง ๆ ใน social network
1. ข้นั นาเสนอ หมายถงึ ข้นั ที่ครูผูส้ อนใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรู้จากบทเรียนออนไลน์
หน่วย คัมภรี ์วถิ ีรวย กาหนดสถานการณ์ ศึกษาสถานการณ์ ดูตัวอย่างจาก รูปภาพ สอ่ื ใน Youtube
และแหล่งเรียนรู้อืน่ ๆ และครูใช้เทคนิคการตัง้ คาถามเกีย่ วกับสาระการเรียนร้ทู กี่ าหนดในแผน
การจัดการเรยี นรูแ้ ตล่ ะแผน เช่น สาระการเรียนรู้ตามหลกั สตุ รและสาระการเรียนร้ทู เี่ ปน็ ขนั้ ตอน
ของโครงงานเพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการวางแผนการเรียนรู้
2. ขน้ั วางแผน หมายถึง ขั้นทน่ี ักเรียนร่วมกนั วางแผน โดยการระดมความคิด อภิปราย
หารอื ข้อสรุปของกลุ่ม เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางในการปฏบิ ัติ
3. ขนั้ ปฏิบตั ิ หมายถึง ขัน้ ท่ีนักเรียนปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เขยี นสรปุ รายงานผลทเ่ี กดิ ขึน้ จากการ
วางแผนรว่ มกนั และทารายงานผลด้วยสอื่ เทคโนโลยี เพ่อื นาไปเผยแพร่สู่สาธารณะ
4. ข้นั ประเมนิ ผล หมายถึง ขัน้ การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง โดยใหบ้ รรลุ
จดุ ประสงค์การเรียนรทู้ ่กี าหนดไว้ในแผนการจดั การเรียนรู้ โดยมีครูผ้สู อน นกั เรยี นและเพอื่ นร่วมกนั
ประเมิน
คาช้ีแจงในการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
1. วตั ถุประสงค์
1.1 เพอ่ื ใช้เปน็ แผนในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้วิชาการงานอาชีพ 5 ง33101
1.2 เพ่ือใช้เปน็ คู่มือการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้วชิ าการงานอาชีพ 5 ง33101
1.3 เพื่อพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ใหส้ ูงขนึ้
1.4 เพอื่ พฒั นาทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 ของนักเรยี นใหส้ งู ขึ้น
1.5 เพือ่ แกป้ ัญหาการสอนแทน
2. ลักษณะของแผนการจดั การเรยี นรู้
เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงแตล่ ะแผนประกอบด้วย
- ชอ่ื แผนการจดั การเรียนรู้
- ชื่อเรอื่ ง
- จานวนช่ัวโมง
- สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้
- ตัวชีว้ ัด
- จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
- สาระการเรียนรู้
- สมรรถนะสาคญั
- คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- สาระสาคัญ
- จุดเน้นสู่การพัฒนาผเู้ รียนในความสามารถและทกั ษะของผู้เรียนศตวรรษที่ 21
- กระบวนการจดั การเรยี นรู้
- สอ่ื การเรยี นรู้ / แหล่งเรียนรู้
- การวัดผลและประเมินผล
- บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้
- ความคดิ เห็นของผบู้ ริหาร
3. ประโยชน์ทางดา้ นวิชาการ
3.1 เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ใี ช้สอนไดจ้ ริง ชว่ ยให้ครเู ตรียมสอื่ ไดง้ ่าย เน่ืองจาก
มีใบความรู้ทีส่ ามารถเรยี นไดใ้ นเว็บไซต์ ใบงาน สอ่ื ต่าง ๆ แบบทดสอบ
แบบประเมินพฤติกรรม สามารถนาไปใชไ้ ด้โดยตรงหรอื พัฒนาใชต้ ามความเหมาะสม
3.2 ทาใหผ้ เู้ ขา้ สอนแทนสามารถดาเนนิ กิจกรรมได้อย่างคล่องตัวจากแผนการจดั การเรยี นรู้
3.3 เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีนบั ว่าสมบูรณใ์ นตวั เอง ทาให้เกิดประโยชนส์ ูงสุด
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
คาช้แี จงวิธีการเข้าศกึ ษาบทเรยี นใน google sites
1. นักเรียนเข้าเวบ็ ไซต์ของโรงเรียน www.rachinuthit.ac.th แล้วเล่อื นลงไปเลอื ก
ทหี่ ้องเรยี นครูวนดิ า 2 ดงั ภาพ
2. นกั เรยี นเล่อื นลงไปเลือกท่ี หอ้ งเรียนครวู นดิ า 2 ดังภาพ
21
3. นักเรียนเข้าไปศึกษาตามเมนูในหนา้ เวบ็ ไซต์ หน่วย เสน้ ทางสู่ความสาเร็จ
หรือจาก QR Code
22
4. นกั เรียนส่งงานในหอ้ งเรียน Google Classroom
1. เชิญนกั เรยี นเข้ากลมุ่ ไลน์ห้องทุกหอ้ งทีส่ อน เพื่อช้แี จง สนทนาทาความรู้จักกบั นกั เรยี น
2. เชิญนกั เรยี นเข้าห้องเรยี นโดยใช้ Google classroom เพือ่ การมอบหมายงานตา่ งๆใหก้ บั
นกั เรียน มกี ารสอนออนไลนโ์ ดยใช้ Google Meet หรือ ใชไ้ ลนส์ อนออนไลน์ตามตารางสอน
3. แนะนาให้นักเรียนไปศกึ ษาเน้ือหาเพ่ิมเติมจากอินเทอรเ์ น็ตหรือจาก Youtube
5. ครใู ช้ Google Meet และ Line ในการสื่อสารกับนักเรยี นเสมอื นห้องเรียนจริง
2223
การใช้ Application Line ในการสอน
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 10
รหัสวิชา ง33101 รายวชิ า การงานอาชพี 5 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง เสน้ ทางสู่ความสาเรจ็ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564
เร่ือง แนวทางส่อู าชพี
เวลา 2 ช่ัวโมง
1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่ 2 : การอาชีพ
มาตรฐาน ง 2.1 เข้าใจ มีทักษะที่จาเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยี
เพือ่ พฒั นาอาชีพมีคณุ ธรรม และมีเจตคติท่ีดตี อ่ อาชพี
2. ตวั ช้วี ัด
ง 2.1 ม.4-6/1 อภปิ รายแนวทางส่อู าชพี ท่ีสนใจ
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ความรู้ (K) นกั เรียนสามารถ
1. อธบิ ายประเภทและลักษณะการทางานของแตล่ ะอาชีพได้
2. อธิบายถึงการเตรยี มตัวและแนวทางในการประกอบอาชีพที่สนใจได้
3. อธบิ ายถงึ ประโยชนข์ องการศกึ ษาขอ้ มูลและการเตรียมตวั สู่อาชีพทสี่ นใจได้
3.2 ทกั ษะกระบวนการ (P) นักเรียนมีความสามารถ
1. สามารถสบื ค้นข้อมูลใน Social Network และแหล่งเรียนรูอ้ ืน่ ๆ
2. สามารถใช้ความคดิ วเิ คราะห์ในการสรปุ องคค์ วามร้ขู องตนเอง
3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1. ใฝ่เรียนรู้
2. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
4. สาระการเรยี นรู้
1. ลักษณะของอาชพี
2. การแบง่ ประเภทของอาชพี
3. การเลือกประกอบอาชพี
4. อาชพี ที่เคล่ือนย้ายได้อยา่ งเสรใี นกลุ่มอาเซียน
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 25
1. ใฝ่เรียนรู้
2. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
7. สาระสาคัญ
การเตรียมตวั ก่อนเข้าสู่อาชีพควรมคี วามรู้ความเข้าใจในอาชีพต่าง ๆ เตรียมพร้อมจะเริ่มต้นเขา้ สูถ่ นน
สายอาชพี ในอนาคตได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม เพือ่ ความสาเร็จในการประกอบอาชพี
8. จดุ เนน้ สกู่ ารพัฒนาผ้เู รยี น
ความสามารถและทักษะของผู้เรียนศตวรรษท่ี 21 (3R 8C 2L)
R1-Reading(อา่ นออก) R2-(W)Riting(เขยี นได้) R3-(A)Rithmetics (คดิ เลขเป็น)
C-1 Critical thinking and problem solving คอื มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคดิ อยา่ ง
มวี จิ ารณญาณและสามารถแกไ้ ขปัญหาได้
C-2 Creativity and innovation คือ การคิดอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละคดิ เชงิ นวัตกรรม
C-3 Cross-cultural understanding คอื ความเขา้ ใจในความแตกต่างของวฒั นธรรมและ
กระบวนการคดิ ข้ามวัฒนธรรม
C-4 Collaboration teamwork and leadership คอื ความร่วมมือ การทางานเปน็ ทมี
และภาวะความเปน็ ผู้นา
C-5 Communication information and media literacy คอื มที กั ษะในการสอ่ื สารและการ
รู้เทา่ ทันสื่อ
C-6 Computing and IT literacy คอื มที กั ษะการใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละรู้เท่าทันเทคโนโลยี
C-7 Career and learning skills คอื มีทักษะอาชีพและการเรียนรู้
C-8 Compassion คอื มีความเมตตากรุณา มีคุณธรรม และมีระเบยี บวินัย
L-1 Learning (ทักษะการเรยี นร)ู้ L-2 Leadership (ทักษะความเปน็ ผู้นา)
ความสามารถและทกั ษะของผูเ้ รยี นศตวรรษท่ี 21 ทส่ี ง่ เสรมิ ทักษะ 3 ด้าน คอื
1.ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
2.ทักษะด้านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี
3.ดา้ นชวี ติ และอาชพี
9. กิจกรรมการเรียนรู้ 26
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั ท่ี 1 ข้ันนาเสนอ
1. ครูสอบถามนักเรียนถงึ ผลกระทบท่ีไดร้ ับจากการแพรร่ ะบาดของไวรัสโคโรนา่ และครอบครวั
ไดร้ ับผลกระทบในดา้ นใดบา้ ง
2. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรแู้ ละการเก็บคะแนนใหน้ ักเรยี นทราบ
3. ครใู ห้นกั เรียนชว่ ยกันตอบคาถามว่ามอี าชีพประเภทใดทไ่ี ด้รับผลกระทบน้อยมากจากการแพร่
ระบาดของไวรสั โคโรน่า
4. ครูเปดิ บทเรียนออนไลน์ Google Sites หนว่ ย เสน้ ทางสู่ความสาเรจ็ ในเวบ็ ไซตโ์ รงเรยี น
www.rachinuthit.ac.th ให้นกั เรียนดูผ่าน Google Meet และครแู จง้ ใหน้ กั เรียนศึกษาใบความรู้เพมิ่ เติม
นอกเวลาเรียนใน Google Classroom และจากเว็บไซต์ของโรงเรียนหรือจาก QR code ท่ีครสู ่งให้
ขั้นท่ี 2 ขนั้ วางแผน
5. ครอู ธิบายเนอ้ื หา เร่อื ง แนวทางสู่อาชีพ จากบทเรยี นออนไลน์ใน Google Sites
6. ครูเปดิ Youtube: med 44 kku ที่ครูบันทึกลงในช่อง Youtube: krupaew RN ทค่ี รสู ร้าง
ข้ึนมาเพอ่ื ให้นักเรยี นชมเปน็ แนวทางการเตรียมตวั สอบเขา้ มหาวทิ ยาลยั
7. ครูแนะนาการเตรียมตัวในการเขา้ สูอ่ าชีพของศิษยเ์ ก่าที่ประสบความสาเร็จในสาย
อาชีพตา่ ง ๆ และท่ีครไู ด้เชิญมาเปน็ วทิ ยากรในการใหค้ วามร้แู กร่ นุ่ น้องที่โรงเรียน
8. ครูเปดิ www.youtube.com/watch?v=aFAZxrEqnT8 :นางแบบคนเกง่ ศิษยเ์ ก่าสตรี
ราชนิ ทู ิศ ให้นกั เรยี นดูเพอื่ สรา้ งแรงบันดาลใจให้กับนักเรยี นทขี่ าดความเชอื่ มน่ั ในตนเองในเรอื่ งบุคลิกภาพ
และเป็นแนวทางในการประกอบอาชพี
ขั้นที่ 3 ขนั้ ปฏบิ ัติ 27
9. ครูสอบถามนกั เรยี นหลงั จากดบู ทสัมภาษณ์ของพีโ่ อปอลน์ างแบบระดบั อินเตอรท์ ี่ครูเปิดใหด้ ูว่า
ได้แนวคิดหรอื ทัศนคตใิ นการประกอบอาชพี อย่างไรบา้ ง
10. ครูสอบถามถึงทัศนคติในการประกอบอาชีพของนกั เรยี นในยุคปจั จุบันนว้ี า่ อยากรบั ราชการหรอื
ประกอบอาชพี สว่ นตวั หรอื อาชีพในด้านอื่น ๆ เพราะอะไร
ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ประเมินผล
11. ครูใหน้ กั เรียนทดสอบตนเองในโปรแกรมค้นหาอาชพี ในอนาคต www.eduzones.com
และนาผลท่ีได้จากการทาแบบทดสอบส่งให้ครใู นงานของชน้ั เรียนในห้อง Google Classroom
เพื่อทีจ่ ะได้นามาให้เพอื่ นช่วยวิเคราะห์วา่ บุคลกิ ภาพและอุปนิสยั เราควรจะประกอบอาชีพอะไรถงึ จะ
เหมาะสมในสัปดาหห์ น้า
12. ครแู จ้งให้นักเรยี นเขา้ ชม Youtube ชอ่ ง Obec Chanal ของ สพฐ ที่ทาขึ้น
Youtube: เรียนรเู้ พ่ือการสอน สอนเพือ่ การเรยี นรู้ ประจาวันศกุ รท์ ี่ 21 พฤษภาคม 2564 ในช่วง
ชั่วโมงที่ 3 เปน็ เร่ืองของอาชีพในอนาคต ตวั อย่างการเปน็ นักเต้นที่สามารถประกอบอาชีพได้จรงิ
และ Youtube : Steve Jobs’ speech at Stanford university 2005 เพ่อื เปน็ แรงบนั ดาลใจ
ในการตดั สนิ ใจประกอบอาชีพของตนเองในอนาคต
ชัว่ โมงที่ 2
ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ นาเสนอ
13. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกี่ยวกบั ผลทีไ่ ดจ้ ากการทาแบบทดสอบตนเองในโปรแกรมคน้ หาอาชีพใน
อนาคต ว่ามีความใกล้เคียงกบั อุปนิสยั บุคลิกลักษณะ ของเราหรือไม่ เพราะแบบทดสอบเปน็ เพยี งการ
ประเมินจากการตอบคาถามของเราเทา่ น้นั
14. ครสู อบถามนักเรยี นว่านกั เรียนรจู้ กั อาชพี ในอนาคตหรือไม่ มีอาชีพอะไรและดา้ นใดบา้ ง เพราะ
จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของไวรัสโคโรนา่ หรอื โควิด-19 ทาใหห้ ลายๆอาชพี ได้รบั ผลกระทบเป็นอยา่ ง
มาก แต่ในอีกหลายอาชีพจากวิกฤตกลายเปน็ โอกาสขน้ึ มาได้ แม้กระทงั่ ระบบการศกึ ษาเองก็ตอ้ งเปลี่ยนเป็น
การเรยี นการสอนเปน็ ออนไลน์ในช่วงที่ไมส่ ามารถจัดการเรยี นการสอนในสถานศึกษาได้
ขั้นท่ี 2 ข้ันวางแผน
15. ครสู อบถามนักเรียนถึงแนวคดิ ทไ่ี ดจ้ ากการดู Youtube ของ Steve Jobs และ
Youtube ช่อง Obec Chanal ของนกั เตน้ ช่อื ดงั ท่มี าให้ความรใู้ นมมุ มองของอาชีพในอนาคตวา่ เป็นอย่างไร
บ้าง และได้ทศั นคติอย่างไรกับอาชีพทีเ่ ราเคยร้จู ัก
16. ครใู หน้ ักเรยี นร่วมกนั วเิ คราะห์ข้อมลู จากผลการทดสอบโปรแกรมค้นหาอาชพี ในอนาคต วา่
เป็นอาชีพทเ่ี หมาะกับบคุ ลิกภาพของตนเองจรงิ หรอื ไม่ โดยแบ่งกลุ่มนักเรยี นท่ไี ด้ผลการทดสอบประกอบ
อาชีพในสาขาเดียวกนั เพอื่ แลกเปลย่ี นความคิดเห็นวา่ มมุ มองของเพอื่ นเราควรจะประกอบอาชพี ในด้านใดจะ
ตรงกบั สายงานท่ีเราชอบและถนัดจรงิ หรอื ไม่
ขั้นท่ี 3 ข้ันปฏิบตั ิ 28
17. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มที่ได้ผลการประกอบอาชีพสาขาเดยี วกนั เปน็ ตวั แทนในการวเิ คราะห์
เพอื่ นท่คี ดิ วา่ เหมาะสมกับสายงานหรอื อาชีพในสาขาน้นั จรงิ ๆ ตามอปุ นิสยั และบุคลกิ ภาพ
18. นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะหถ์ ึงแนวโนม้ อาชพี ท่ีขาดแคลนและอาชีพที่ผปู้ ระกอบการ
มีความตอ้ งการจา้ งงานในปัจจบุ นั และในอนาคตแตกตา่ งกันอย่างไร
19. ครสู อบถามนกั เรยี นถงึ การหาความรู้อยา่ งไรเก่ียวกบั การเตรยี มตัวศึกษาตอ่ ในระดับอดุ มศกึ ษา
หรือความรคู้ วามสามารถและทกั ษะที่จาเปน็ ในการประกอบอาชพี ต่าง ๆ ในอนาคต
ขั้นที่ 4 ขน้ั ประเมนิ ผล
20. นกั เรียนรว่ มกนั ตอบคาถามในการวเิ คราะห์แนวโนม้ อาชีพทีเ่ ปลย่ี นแปลงไปในอนาคต
21. ถา้ ตอ้ งการประกอบอาชพี ในอนาคต นักเรยี นจะตอ้ งเตรยี มตัวอย่างไร แล้วร่วมกนั
แสดงความคิดเหน็
22. นกั เรียนสรปุ ความรู้ในแนวทางการประกอบอาชพี ท่ีตนเองชอบและสนใจ โดยเขยี น
บันทกึ คาตอบของนักเรยี นเป็นแผนทคี่ วามคิด ถ่ายรูปสง่ ในงานของชนั้ เรยี นและนาแผนท่คี วามคิดฉบบั จริง
มาสง่ ครใู นชว่ งของการเปดิ การเรยี นการสอนตามปกติ
10. ส่ือการเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้
สื่อการเรียนรู้
1. ใบความรู้ที่ 10 เร่อื ง งานอาชีพ ในบทเรยี นออนไลน์ เร่ือง เส้นทางสคู่ วามสาเร็จ
ในเวบ็ ไซต์โรงเรยี น www.rachinuthit.ac.th ท่ีครูสร้างด้วยโปรแกรม google sites
และคณุ ครไู ดน้ าไปโพสต์ลงในหอ้ งเรียน Google Classroom ของนักเรยี นแต่ละหอ้ ง
2. เนือ้ หาในเวบ็ ไซตอ์ ่นื ๆ
3. ใบกจิ กรรมท่ี 10 สรปุ ความร้ใู นแผนทค่ี วามคิด
แหล่งเรียนรู้
1. www.eduzones.com
2. Facebook Fanpage: การงานอาชีพ RN
3. https://www.youtube.com/watch?v=dAKy9o3H388
Youtube: med 44 kku
4. www.youtube.com/watch?v=aFAZxrEqnT8
Youtube:นางแบบคนเกง่ ศษิ ย์เก่าสตรรี าชินูทศิ
5. Youtube: เรียนรูเ้ พอื่ การสอน สอนเพือ่ การเรียนรู้ ประจาวันศุกร์ท่ี 21 พฤษภาคม 2564
6. http://Youtube : Steve Jobs’ speech at Stanford university 2005
7. เว็บไซต์ตา่ ง ๆ
29
11. การวัดผลและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์ วิธีวดั เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ าร
ประเมนิ
การเรียนรู้ - การสงั เกตพฤตกิ รรม
การตอบคาถาม มากกวา่
ด้านความรู้(K) - การตอบคาถาม - แบบประเมินใบ ร้อยละ 80
กิจกรรม
1. อธิบายประเภท ระหวา่ งเรียน
และลกั ษณะการทางานของ - การทาใบกจิ กรรม
แต่ละอาชพี ได้
2. อธิบายถงึ การเตรยี มตัว
และแนวทางในการประกอบ
อาชพี ท่ีสนใจได้
3. อธิบายถงึ ประโยชนข์ อง
การศึกษาขอ้ มลู และการ
เตรยี มตัวสูอ่ าชพี ที่สนใจได้
ด้านทกั ษะกระบวนการ(P) - การตอบ แบบสอบถามใน มากกวา่
1. สามารถสบื ค้นข้อมูล แบบสอบถาม
ใน Social Network และ Google Classroom ร้อยละ 80
แหลง่ เรียนรอู้ น่ื ๆได้
2. สามารถคดิ วเิ คราะห์
และสรุปองคค์ วามรขู้ อง
ตนเองได้
ด้านคณุ ลักษณะ การสงั เกต แบบประเมิน มากกวา่
ท่ีพึงประสงค์(A) คุณลักษณะ คุณลกั ษณะ ร้อยละ 80
อนั พงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้
2. มุ่งมั่นในการทางาน
30
12. บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้
ชั้น...............
สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นความรู้
นักเรียนจานวน .........คนคิดเปน็ ร้อยละ.............มผี ลการเรยี นรู้อยใู่ นระดับ 1
นักเรียนจานวน .........คนคิดเป็นรอ้ ยละ.............มีผลการเรียนรอู้ ยใู่ นระดบั 2
นกั เรียนจานวน .........คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ.............มผี ลการเรียนร้อู ยใู่ นระดบั 3
นกั เรยี นจานวน .........คนคิดเป็นร้อยละ.............มผี ลการเรยี นรอู้ ยใู่ นระดบั 4
สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนดา้ นทกั ษะกระบวนการ
นักเรยี นจานวน .........คนคดิ เป็นรอ้ ยละ.............มผี ลการเรยี นรอู้ ยใู่ นระดบั 1
นักเรยี นจานวน .........คนคดิ เปน็ ร้อยละ.............มผี ลการเรียนร้อู ยใู่ นระดับ 2
นกั เรยี นจานวน .........คนคดิ เปน็ ร้อยละ.............มีผลการเรียนรอู้ ยูใ่ นระดบั 3
นักเรียนจานวน .........คนคิดเปน็ รอ้ ยละ.............มีผลการเรยี นรอู้ ยูใ่ นระดบั 4
สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
นกั เรยี นจานวน .........คนคิดเป็นร้อยละ.............มีผลการเรยี นร้อู ยู่ในระดบั 1
นกั เรยี นจานวน .........คนคิดเปน็ รอ้ ยละ.............มผี ลการเรยี นรูอ้ ยใู่ นระดบั 2
นักเรียนจานวน .........คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ.............มีผลการเรยี นรู้อยใู่ นระดบั 3
นักเรียนจานวน .........คนคิดเปน็ ร้อยละ.............มีผลการเรยี นรู้อย่ใู นระดับ 4
สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รยี น
นักเรยี นจานวน .........คนคดิ เปน็ ร้อยละ.............มีผลการเรยี นรู้อย่ใู นระดบั 1
นกั เรียนจานวน .........คนคดิ เปน็ ร้อยละ.............มผี ลการเรียนรู้อยใู่ นระดับ 2
นักเรยี นจานวน .........คนคิดเป็นรอ้ ยละ.............มีผลการเรยี นรูอ้ ยใู่ นระดบั 3
นกั เรยี นจานวน .........คนคดิ เปน็ ร้อยละ.............มีผลการเรยี นรู้อยใู่ นระดบั 4
สรปุ โดยภาพรวมมีนกั เรียนจานวน .........คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ...........ทผี่ า่ นเกณฑร์ ะดับ 2 ขึ้นไป
ซง่ึ ........ กวา่ เกณฑท์ ีก่ าหนดไวร้ อ้ ยละ 80 มีนักเรยี นจานวน ...........คนคิดเปน็ รอ้ ยละ..............
ท่ีไม่ผ่านเกณฑท์ กี่ าหนด
ลงช่อื .......................................... ผูส้ อน
(นางวนดิ า บุญพเิ ชฐวงศ์)
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู านาญการพิเศษ
วนั ท.ี่ ............เดือน..................พ.ศ. ...............
31
ข้อสังเกต/ค้นพบ
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
แนวทางแกไ้ ขปัญหาเพอื่ ปรบั ปรงุ
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ผลการพัฒนา
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ......................................... ผ้สู อน/ผ้บู นั ทึก
(นางวนิดา บุญพเิ ชฐวงศ)์
ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ
วนั ท.่ี ............เดือน..................พ.ศ. ...............
32
แบบสังเกตพฤติกรรมเป็นรายบุคคล 33
ชอื่ .....................................................ช้ัน............................. หอ้ ง ..................................
ครผู ้สู อน .............................................................................................................
สังเกตวันท.ี่ ................ เดอื น ............................ พ.ศ. .................................
*****************************************************************************
คาชแ้ี จง เพอื่ สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล ครูผู้สอนเปน็ ผู้สังเกตนกั เรยี น ในขณะ
ดาเนินการสอน แลว้ ใส่คะแนนพฤตกิ รรมท่ีเป็นจริงของนกั เรียน
รายการ พฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ รวมผล
321 การประเมนิ
12
1 ความสนใจ
2 การแสดงความคิดเหน็
3 อาสาตอบคาถาม
4 ความรับผดิ ชอบ
ลงชอื่ ............................................ผู้ประเมิน
(.........................................)
............../..................../................
34
เกณฑ์การสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นเป็นรายบคุ คล
รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพและคาอธิบายแต่ละระดบั
3 หมายถงึ ดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถึง ปรับปรุง
1. ความสนใจ ตง้ั ใจเรยี นและมีความ ตั้งใจเรียนและมคี วาม ต้ังใจเรียนและมคี วาม
กระตอื รือรน้ ที่จะมีส่วน กระตอื รือรน้ ท่จี ะมี กระตอื รอื ร้นทีจ่ ะมี
ร่วมในการเรยี น ส่วนร่วมในการเรียน สว่ นร่วมในการเรียน
สม่าเสมอ ไมส่ มา่ เสมอ นอ้ ย
2. การแสดงความ แสดงความคิดเห็นมาก แสดงความคิดเหน็ แสดงความคิดเห็น
คดิ เห็น สม่าเสมอ มีเหตุผลดี ไมส่ ม่าเสมอ มีเหตผุ ล น้อยมาก
พอใช้
3. อาสาตอบ อาสาตอบคาถาม อาสาตอบคาถาม อาสาตอบคาถาม
คาถาม เปน็ ประจา เป็นบางครั้ง นอ้ ยมาก
4. ความรับผิดชอบ ทางานสาเรจ็ อย่างดี ทางานสาเรจ็ อย่างดี ทางานสาเรจ็ แต่
และตรงเวลาทกี่ าหนด แตไ่ ม่ตรงเวลาทกี่ าหนด ไมท่ นั เวลาที่กาหนด
คะแนน เกณฑก์ ารจัดระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การประเมนิ
9 - 12 คณุ ภาพ ผา่ นเกณฑ์
5-8 ดี ผ่านเกณฑ์
1-4 ไมผ่ ่านเกณฑ์
พอใช้
ควรปรบั ปรงุ
เกณฑก์ ารผา่ น ตง้ั แต่ระดับคุณภาพพอใช้ขึน้ ไป
สรุป ผ่าน ไมผ่ า่ น
35
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
คาช้แี จง ทาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่องตรงกับใบกจิ กรรม ตามเกณฑก์ ารประเมนิ ท่กี าหนด
รายการประเมนิ
เลขที่ ชือ่ -ชอ่ื สกุล ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มัน่ สรปุ ผล
การประเมนิ
1 ในการทางาน
2 ผ่าน ไมผ่ า่ น
3 44 รวมคะแนน
4 8
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
36
ท่ี รายการประเมนิ
ชื่อ-ช่ือสกุล ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมนั่ รวม สรุปผล
ในการทางาน คะแนน การประเมิน
26
27 4 48 ผ่าน ไมผ่ า่ น
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
ลงชื่อ...........................................ผู้ประเมิน
(.........................................)
............../..................../....................
37
เกณฑ์แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ประเดน็ เกณฑ์การให้คะแนน นา้ หนกั
การประเมนิ คะแนน
(4) (3) (2) (1)
ใฝเ่ รียนรู้ 4
นกั เรียน นักเรียน นกั เรียน นักเรยี นไมม่ ี
มงุ่ ม่ันใน มีความใส่ใจ ความใส่ใจ
การทางาน กระตือรือรน้ มคี วามใส่ใจ มคี วามใส่ใจ กระตือรือร้น
ชอบซักถาม และซกั ถาม
ทุกคร้ัง กระตือรอื ร้น กระตือรอื รน้
ต้งั ใจทางาน ชอบซกั ถาม ชอบซกั ถาม
ท่ีได้รับ
มอบหมาย บ่อยครัง้ บางครงั้
พยายาม
หาคาตอบ เสนอความจรงิ เสนอเปน็ เสนอไมเ่ ปน็
สืบคน้ ขอ้ มูล ความจรงิ และ
จากแหลง่ เรียนรู้ ถงึ แม้ว่าผลท่ี ความจริง แอบอ้างขอ้ มลู
เพื่อใหไ้ ดม้ า คนอ่นื
ของคาตอบ ออกมาตรงกบั และแอบอ้าง
คนอ่นื ข้อมูลคนอืน่ 4
แตแ่ อบอ้าง บอ่ ยครัง้
ขอ้ มลู คนอ่ืน
รวม 8
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
ระดบั คณุ ภาพ
ระดับ 4 หมายถึง ดีมาก
ระดบั 3 หมายถงึ ดี
ระดบั 2 หมายถึง พอใช้
ระดับ 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
สรปุ ผลการตรวจผลงาน
7-8 คะแนน ดมี าก
5-6 คะแนน ดี
3-4 คะแนน พอใช้
0-2 คะแนน ปรับปรุง
38
เกณฑก์ ารตัดสิน
- รายบุคคล นกั เรยี นมีผลการประเมินไม่ต่ากวา่ ระดับ 2 จึงถอื วา่ ผ่าน
- รายกลมุ่ รอ้ ยละ 80 ของจานวนนกั เรยี นท้งั หมดมีผลการรยี นร้ไู ม่ต่ากวา่ ระดบั 2
เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแตร่ ะดบั คุณภาพพอใช้ข้ึนไป
สรุป ผ่าน ไมผ่ า่ น
39
แบบประเมนิ แผนทีค่ วามคิด (Mind Mapping)
คาชี้แจง ให้ครผู ูส้ อนทาเครอื่ งหมาย / ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑ์การประเมนิ
เลขท่ี ชอื่ - สกลุ รูปแบบ เน้ือหา สัญลกั ษณ์ การใช้สี รวม
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
40
เลขที่ ช่อื - สกลุ รูปแบบ เนอ้ื หา สญั ลกั ษณ์ การใช้สี รวม
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 16
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
ลงช่อื ................................................
(นางวนิดา บญุ พิเชฐวงศ)์
………./…………………./………………
41
เกณฑแ์ บบประเมนิ แผนที่ความคดิ (Mind mapping)
ประเดน็ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
การประเมิน
รูปแบบ เขยี นความคิดรวบ เขียนความคิดรวบ เขยี นความคดิ เขยี นความคิด
ยอดหลักไว้ ยอดหลักอยู่ รวบยอดหลกั ไว้ รวบยอดหลกั ไม่อยู่
ตรงกลาง
ตรงกลาง ตรงกลาง ตรงกลาง
หนา้ กระดาษ หนา้ กระดาษ หน้ากระดาษ หน้ากระดาษตัวใหญ่
ตวั ใหญ่ ความคิดท่ี ตวั ใหญ่ ความคิดที่ ความคดิ ท่สี าคญั
สาคัญน้อยลงไปอยู่ สาคญั นอ้ ยลงไป ตวั ใหญ่ความคิด น้อยลงไปอย่บู รเิ วณ
บรเิ วณรมิ ขอบ อยบู่ รเิ วณรมิ ขอบ ทสี่ าคญั น้อย ริมขอบ และขนาด
โดยทกุ กิ่งเริ่มเส้น โดยบางก่ิงเร่มิ เสน้ ลงไปอยบู่ ริเวณ เสน้ เทา่ กันตลอด
ทงั้ ก่ิง
ใหญ่แล้วคอ่ ยเรียว ใหญแ่ ล้วค่อยเรียว ริมขอบ แตข่ นาด
เลก็ ลง เลก็ ลง เส้นเทา่ กนั ตลอด
ทงั้ ก่ิง
เนอื ้ หา การนาเสนอเป็นไป การนาเสนอเปน็ ไป การนาเสนอไม่ การนาเสนอไม่
ตามลาดบั ข้ันตอน ตามลาดบั ขั้นตอน เป็นไปตามลาดับ เป็นไปตามลาดับ
ความถกู ต้องของ ความถูกต้อง ข้นั ตอน ข้นั ตอนความถกู ตอ้ ง
ความถกู ตอ้ ง ของเนอื ้ หาและ
เน้ือหาและไม่ ของเน้อื หา
แตเ่ ขียนทบั เส้น ของเน้อื หา และ เขยี นทบั เส้น
เขียนทับเส้น ไม่เขียนทบั เส้น
ความคดิ แสดงออกถงึ มีแนวคดิ แปลก มคี วามน่าสนใจ ไม่แสดงแนวคิดใหม่
สร้างสรรค์ ความคิด ใหม่ แตย่ งั ไมม่ ีแนวคดิ
สร้างสรรค์แปลก แตย่ งั ไม่เป็นระบบ แปลกใหม่
ใหม่และเป็นระบบ
การใช้สี ใชส้ ีทีช่ ว่ ยจดจา ใชส้ ีทชี่ ่วยจดจา ใช้สที ชี่ ว่ ยจดจา ไม่ใช้สที ่ชี ่วยจดจา
เพลนิ ตา แตค่ น เพลนิ ตา
เพลนิ ตา สเี ดียว เพลินตา สเี ดยี ว ละสใี นก่ิง
ตลอดก่ิง แตล่ ะกิ่ง ตลอดกิ่ง บางกิ่ง เดยี วกนั
สซี า้ กนั
สไี มซ่ า้ กนั
42
เกณฑ์การประเมินแผนที่ความคดิ (Mind mapping)
ระดบั คณุ ภาพ
ระดับ 4 หมายถึง ดมี าก
ระดับ 3 หมายถึง ดี
ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้
ระดบั 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
สรุปผลการตรวจผลงาน
14-16 คะแนน ดมี าก
11-13 คะแนน ดี
8-10 คะแนน พอใช้
ต่ากวา่ 7 คะแนน ปรับปรุง
เกณฑ์การตัดสิน
- รายบุคคล นกั เรียนมผี ลการประเมินไม่ตา่ กว่าระดับ 2 จึงถอื ว่าผา่ น
- รายกลุม่ ร้อยละ 80 ของจานวนนักเรยี นทัง้ หมดมผี ลการรียนรไู้ ม่ต่ากว่าระดับ 2
เกณฑก์ ารผา่ น ต้งั แตร่ ะดบั คุณภาพพอใช้ขึ้นไป
43
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมท่ีทาให้เกิดทกั ษะในศตวรรษที่ 21
ทกั ษะ พฤตกิ รรมที่ทาให้เกิดทักษะในศตวรรษที่ 21 ระดับคุณภาพ
ผา่ น ไมผ่ า่ น
1.ทกั ษะด้านการ การคดิ วเิ คราะห์
เรียนรู้และนวตั กรรม การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา
การสื่อสารและการรว่ มมอื
2.ทกั ษะด้าน ความรดู้ ้านสารสนเทศ
สารสนเทศ สอื่ และ ความรเู้ กีย่ วกับสอ่ื
เทคโนโลยี ความรู้ด้านเทคโนโลยี
3.ด้านชวี ิตและอาชพี ความยดื หย่นุ และการปรบั ตัว
การรเิ ริ่มสร้างสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง
ทักษะสงั คมและสงั คมขา้ มวฒั นธรรม
การเปน็ ผสู้ ร้างหรือผูผ้ ลิต (Productivity)
และความรบั ผดิ ชอบเชอ่ื ถือได้ (Accountability)
ภาวะผ้นู าและความรบั ผิดชอบ (Responsibility)
เกณฑ์แบบประเมินพฤตกิ รรมที่ทาใหเ้ กิดทกั ษะในศตวรรษท่ี 21
พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดบั คณุ ภาพ
ผ่าน ไม่ผา่ น
1.ทักษะดา้ นการ เลือกและใช้เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม เลอื กและใช้เทคโนโลยใี นการ
เรียนรแู้ ละนวตั กรรม ในการสืบคน้ ค้นควา้ รวบรวม และ สบื คน้ คน้ คว้า รวบรวม และสรุป
สรปุ ความรดู้ ว้ ยตนเองไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ความรู้ ด้วยตนเองไดแ้ ต่ต้องอาศยั
มคี วามหลากหลาย แปลกใหม่ และ ผู้อนื่ แนะนา
เปน็ ประโยชน์ ต่อตนเองและสงั คมโดย
สามารถแนะนาผอู้ ่นื ได้
2.ทกั ษะด้าน เลือกและใชเ้ ทคโนโลยีที่ เหมาะสม เลือกและใชเ้ ทคโนโลยใี ห้
สารสนเทศ ส่ือ และ ในการรบั และสง่ สารให้ผอู้ ื่นเข้าใจได้ ผอู้ ื่นเข้าใจได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
เทคโนโลยี อยา่ งถกู ตอ้ งและมคี วามหลากหลาย แต่ ไมค่ านงึ ถึงผลกระทบต่อผ้อู ืน่
แปลกใหม่ โดยไม่ทาให้ผู้อน่ื เดือดรอ้ น
และสามารถ แนะนาผอู้ ่นื ได้
3.ดา้ นชีวติ และอาชพี สรา้ งประสบการณ์ในอาชีพที่ถนดั และ สร้างประสบการณ์
สนใจรว่ มกับผู้อ่นื ในการพฒั นาให้เกดิ ในอาชีพท่ถี นัดและสนใจได้
ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวมและสามารถ ตามแบบอย่างหรอื ทาตามที่ครู
แกไ้ ขปญั หาในระหว่างการปฏิบัติได้ แนะนาเท่าน้ัน
ใบความรทู้ ่ี 1
เร่ือง อาชีพไหนทใ่ี ชเ่ รา
1. แนวทางสู่อาชพี ท่สี นใจ
ปัจจุบันนอกจากมนุษยจ์ ะตอ้ งใชป้ ัจจัยส่ีในการดารงชีพแล้วสิง่ อานวยความสะดวกจาพวก
ยานพาหนะ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เครือ่ งมือสอ่ื สาร ก็มคี วามจาเปน็ เช่นกนั เน่ืองจากยคุ สมยั และคา่ นยิ ม
ทเ่ี ปล่ียนแปลงไป ดังนนั้ มนษุ ยจ์ งึ ตอ้ งมกี ารประกอบอาชพี เพื่อหารายไดน้ ามาซอื้ หาปัจจยั ส่แี ละเคร่ือง
อปุ โภคบริโภคสนองความต้องการในชีวติ ประจาวัน ดงั น้ันการเลือกประกอบอาชพี ให้เหมาะสมกบั ตนเองจงึ
เป็นสง่ิ ท่ีทกุ คนควรตระหนัก เพราะอาชพี ท่ดี ีและผูป้ ฏิบัติมีความถนัดหรอื รักในอาชีพน้ันๆ จะก่อให้เกิด
ผลงานท่ีดี มีคุณคา่ สง่ ผลให้บคุ คลนั้นเป็นผทู้ ี่มีคุณค่า ดังคากล่าวที่วา่ “คา่ ของคนอยู่ที่ผลของงาน” เพราะ
ชีวิตของมนุษย์ใช้เวลาในการทางานมาก แทบจะเรยี กได้ว่า อาชีพคอื งาน งานคือชีวติ และชวี ติ คือการทางาน
นั่นเอง
2. ความสาคัญของอาชพี
ในอดีตครอบครัว ชมุ ชนสามารถผลติ ปัจจยั 4 ไว้ใชเ้ องโดยไม่จาเป็นตอ้ งใชเ้ งินเพื่อใหไ้ ด้มา
ในส่งิ เหลา่ น้นั แตใ่ นสงั คมไทยปัจจุบันการดารงชีวิตดงั กลา่ วได้เปลีย่ นแปลงไป การพ่งึ ตนเอง ใน
ครอบครวั และชุมชนมนี ้อยลง ปจั จยั ตา่ งๆ จาเปน็ ตอ้ งใชเ้ งินในการแลกเปลี่ยน ดงั นนั้ เงินจงึ เปน็ ปจั จัยสาคัญ
ในการดารงชีวิต และสร้างมาตรฐานให้ชีวติ จึงจาเปน็ ตอ้ งมีอาชพี ที่ดี เพ่อื สร้างรายได้ ใหเ้ กดิ ความมน่ั คง
อาชีพมีความสาคญั ดังน้ี
2.1 ความสาคัญตอ่ ตนเอง
2.1.1 ทาใหบ้ ุคคลมีคุณค่า เพราะสามารถทาประโยชน์ให้แก่ตนเอง ครอบครัว
สังคมและประเทศชาติได้จากการประกอบอาชพี
2.1.2 ทาใหร้ ู้ถึงคณุ ค่าของการประกอบอาชพี
2.1.3 เพ่อื การเล้ยี งชีพใหอ้ ยู่รอดและมีความสขุ สบาย
2.1.4 เพื่อใหค้ วามรคู้ ณุ ค่าของเงนิ เพราะการทางานเพ่ือใหไ้ ด้ค่าตอบแทนอาศัย
ความรู้ ความสามารถ ความขยนั ความอดทน อดกลนั้ และความเพียรพยายาม
2.1.5 ทาใหร้ ูจ้ กั การวางแผน การทางานตอ้ งมีการวางแผน จึงจะทาใหง้ านบรรลุ
เปา้ หมายและการวางแผนในทีน่ ีย้ ังหมายถงึ การวางแผนการใช้จา่ ยใหเ้ หมาะสม การออมเพอ่ื สรา้ งอนาคตที่
มั่นคงแกต่ นเองและครอบครวั
2.1.6 เพื่อทาหน้าทขี่ องมนุษยใ์ หส้ มบูรณ์ หมายถึง การทาหน้าท่ีเพอ่ื ตนเอง
ครอบครัว สังคมและประเทศชาติในการหารายได้ อันจะเปน็ การสรา้ งฐานะให้มน่ั คงเป็นปึกแผน่ สามารถ
พัฒนาสงั คมและประเทศชาติใหเ้ จริญรุ่งเรืองได้
2.2 ความสาคัญต่อครอบครวั
การอยู่รวมกนั เป็นครอบครวั สมาชิกตอ้ งมภี าระหนา้ ที่ ฉะนั้นมนษุ ยจ์ งึ ต้องมคี วาม
จาเป็นในการประกอบอาชีพเพือ่ หารายได้มาจนุ เจือครอบครัว เพ่อื ให้ครอบครวั มฐี านะมั่นคง เปน็ ที่
ยอมรับนับถือจากสังคม และหากมีอาชพี ท่ดี ีรายได้ดีจะสง่ ผลต่อเกียรตยิ ศศกั ดิศ์ รขี อง วงศ์ตระกูลอัน
นามาสูค่ วามภาคภมู ิใจ อกี ท้ังหากครอบครัวใดมีรายไดด้ ีจะสง่ ผลต่อการศึกษา ของบุตรหลาน และมผี ล
ต่ออาชีพในอนาคตของบุคคลเหล่านัน้ เช่นกนั
2.3 ความสาคญั ต่อชมุ ชน
หากสมาชิกในชุมชนมงี านทา มอี าชีพทสี่ ามารถสร้างรายได้ สง่ ผลให้เศรษฐกิจ ของชุมชน
ดขี ึ้น ถา้ ชุมชนมีสถานประกอบการจานวนมากจะเปน็ การสรา้ งอาชีพและรายได้แกช่ ุมชน
โดยมกี ารจ้างงาน มีการใชท้ รัพยากรในชมุ ชนมากขึน้ ทาใหเ้ กิดการใช้จ่ายเพิม่ ข้ึน และมีเงินหมุนเวยี นภายใน
ชุมชน เปน็ การพฒั นาคุณภาพชวี ติ และมาตรฐานของชมุ ชนให้ดีข้ึน
ทาให้ชมุ ชนเข้มแขง็ และสามารถพ่ึงตนเองได้ แลว้ ยงั เปน็ การลดการเกิดปญั หาตา่ งๆ
ในชุมชนหรอื สงั คม ถ้าทุกชุมชนมีอาชพี และมีรายไดส้ ามารถบรหิ ารและพัฒนาไดก้ จ็ ะทาใหส้ ่งผลที่ดีต่อการ
พฒั นาประประเทศชาติสบื ตอ่ ไป
2.4 ความสาคัญต่อประเทศชาติ
หากชุมชนมีความเข้มแข็งมีอาชีพ และมรี ายไดอ้ ย่างสมา่ เสมอสามารถทจี่ ะพ่งึ พาตนเองได้
รวมทัง้ กอ่ ใหเ้ กดิ การผลิตพฒั นาในสว่ นยอ่ ยทัง้ ระบบนั่นคอื ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชน และระดับภูมภิ าค
ทาใหร้ ายไดจ้ ากภาษีอากรที่รัฐบาลได้รบั เพ่ิมขึน้ รายได้ของรัฐทั้งหมดก็จะนาไปพฒั นาด้านต่างๆ ให้ได้
มาตรฐานสากล สามารถแขง่ ขนั กับต่างประเทศได้ ทัง้ ในระดบั ภูมิภาคและระดับโลก
3. ปจั จัยของการเลอื กอาชพี
อาชีพมหี ลากหลายและมลี ักษณะตามธรรมชาติของอาชีพที่แตกตา่ งกนั ดงั นั้นจงึ ควรศึกษา
รายละเอยี ดของแต่ละอาชีพ เพ่ือใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการเลือกอาชพี ให้เหมาะสมกับตนเอง เพราะหากเราได้
ตดั สินใจเลือกอาชพี ใดแลว้ เราจะต้องปฏบิ ัติงานนนั้ ตลอดดงั น้ันอาชพี ทเี่ ลือกควรจะเปน็ อาชีพ ท่ีตนเอง
รัก มีความถนัด จึงจะสามารถปฏบิ ัติงานไดอ้ ย่างมีความสขุ และมปี ระสิทธิภาพ อันจะสง่ ผลให้ประสบ
ความสาเรจ็ ในหน้าท่ีการงาน การเลือกอาชีพควรพิจารณาจากปัจจยั ต่างๆ ดังน้ี
3.1 ความสนใจ ควรพิจารณาว่าเรามีความรักหรือความสนใจในอาชีพใด เพราะหากปฏบิ ัติงานดว้ ย
ความเต็มใจ มคี วามรกั ในงานที่ปฏบิ ตั ิก็จะทาใหง้ านมีประสิทธิภาพสงู
3.2 ความถนดั ควรสารวจความถนดั ของตนเองว่า มีความสามารถในด้านใดเป็นพเิ ศษแล้วเลือก
ปฏิบัตอิ าชพี ท่ีเหมาะสมตามความถนดั จะทาให้ผลงานออกมาดี
3.3 แนวโน้มด้านอาชพี ควรศึกษาอาชีพในปจั จบุ นั แนวโนม้ อาชพี ในอนาคต และ
แนวโนม้ ความต้องการของสงั คม ซ่ึงจะเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาสาหรบั สาขาอาชพี ทน่ี ่าสนใจสามารถ
แบ่งได้ ดังน้ี
3.3.1 ดา้ นสอ่ื สารโทรคมนาคม การขนส่งหรอื พลงั งาน
3.3.2 ดา้ นวิทยาศาสตร์ การวิจัย
3.3.3 ดา้ นการเกษตร ดา้ นอุตสาหกรรมอาหารหรือโภชนาการ
3.3.4 ดา้ นศิลปะ อาทิ การแสดง การผลิต การตกแตง่
3.4 ทรัพยากรท้องถ่ิน จะช่วยประหยัดต้นทนุ และค่าใชจ่ า่ ย ตลอดทั้งการสรา้ งงานให้คน
ในทอ้ งถนิ่ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ทรัพยากรทไี่ ม่เป็นประโยชน์ ใหน้ ามาใชเ้ ปน็ วตั ถุดบิ หรือมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์
ในด้านอตุ สาหกรรม นอกจากนี้ยงั มี เศษวัสดุเหลือใช้ทีเ่ ป็นปญั หาด้านการกาจัดและมลภาวะกส็ ามารถนามา
ปรบั ปรุงดดั แปลงเปน็ แนวทางการสร้างอาชีพไดเ้ ช่นกนั
3.5 วิสยั ทัศน์ คนทม่ี คี วามคิดกวา้ งไกลและความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์จะได้เปรยี บคนอื่น
เพราะถ้ามวี สิ ยั ทศั นด์ ี มีความคิดแปลกใหม่ ก็จะสร้างสรรค์ส่ิงแปลกใหม่ได้ ส่งผลใหเ้ กิดการพฒั นา และ
สามารถเปลยี่ นแปลงชีวิตมนษุ ยไ์ ด้เชน่ กัน
3.6 ทกั ษะความสามารถในการประกอบอาชพี ปัจจุบันจาเปน็ อยา่ งย่งิ ตอ้ งมที ักษะความรู้
ความชานาญ เพราะสามารถแกไ้ ขป้ ญั หาตา่ งๆ และหาหนทาง ในการพัฒนาในการประกอบอาชพี
3.7 อาชพี ทีมีผลกระทบต่อสงั คมทางบวก อาชพี ทดี่ ีมีคณุ ค่าตอ่ สงั คมจะเป็นที่ยอมรบั ของ
สงั คม และมคี วามเจรญิ ก้าวหนา้ สงู ตัวอย่างอาชพี ทมี่ ผี ลกระทบทางสังคมทางบวก เชน่ ขา้ ราชการ เป็นต้น
4. การเตรยี มตัวในการประกอบอาชีพ
การเตรียมตวั ในการประกอบอาชพี เป็นจดุ เร่มิ ต้นเมือ่ เรียนจบซงึ่ จะต้องมกี ารเตรยี ม
ความพรอ้ ม ดังนี้
4.1 ตง้ั เปา้ หมายวา่ จะประกอบอาชีพอะไร
4.2 ศกึ ษาตนเองว่ามีความสามารถในด้านใด
4.3 ศกึ ษาตนเองว่ามคี วามถนดั และความสนใจในดา้ นใด
4.4 ศึกษาขอ้ มูล ลักษณะงาน แนวโนม้ ของงานในอนาคต ว่ามีความเจรญิ กา้ วหน้าหรือ มี
แนวโนม้ ว่าจะไมพ่ ฒั นาหรอื ไม่อย่างไร
4.5 เสาะแสวงหาแหลง่ งานทต่ี นเองสนใจ จากแหล่งความรู้ หรอื ผู้ทมี่ ีประสบการณ์ในสาขางาน
นั้นๆ
หากบคุ คลรู้จกั และเข้าใจลักษณะบุคลกิ ภาพของตัวเอง สารวจตนเองหรือวิเคราะหต์ นเอง
โดยคานึงถงึ ความชอบ ความสนใจ ความรู้ความสามารถ สติปญั ญา หรือแม้กระทงั่ บุคคลแวดลอ้ ม สถานภาพ
ทางเศรษฐกิจของครอบครัว บริบทของชมุ ชนจนมองตนเองไดท้ ะลปุ รโุ ปร่ง รวมถงึ การยอมรบั ความ
เปน็ จรงิ ย่อมทาใหบ้ ุคคลตัดสินใจ เลอื กแนวทางชีวิตการศึกษา และอาชพี ไดอ้ ย่างสอดคลอ้ งกับตวั เองไดม้ าก
ท่สี ุด