kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 106/2566 /2563 ---------------------------- กำรตรวจหนังสือมอบอ ำนำจ คดีความผิดอันยอมความได้ กรณีผู้เสียหายถอนค าร้องทุกข์พร้อมกับยื่นเอกสารการมอบอ านาจให้ ผู้รับมอบอ านาจ พนักงานอัยการต้องตรวจสอบเอกสารการมอบอ านาจ กล่าวคือกรณีที่ผู้เสียหายมอบอ านาจ ให้ร้องทุกข์ พนักงานอัยการต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาตรวจสอบการมอบอ านาจ การมอบอ านาจช่วง ระยะเวลาการมอบอ านาจ รวมทั้งข้อก าหนดเกี่ยวกับอ านาจของผู้รับมอบอ านาจ ปั ญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบหนังสือมอบอ านาจและหนังสือมอบอ านาจช่วงนั้ นจะมีมากยิ่งขึ้ น หากเป็ นการมอบอ านาจโดยผู้เสียหายซึ่งเป็ นนิติบุคคลและมีภูมิล าเนาอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งหนังสือ มอบอ านาจจะท าเป็ นภาษาของประเทศนั้นๆ และมีการแปลเป็ นภาษาไทย ซึ่งค าแปลดังกล่าวมิใช่หนังสือ มอบอ านาจ พนักงานอัยการเจ้าของส านวนจึงควรต้องพิจารณาทั้งข้อความที่แปลเป็ นภาษาไทยและข้อความ ในหนังสือมอบอ านาจฉบับภาษาต่างประเทศเท่าที่พอจะกระท าได้ว่ามีความถูกต้องตรงกันหรือไม่โดยให้ ได้ความว่าการมอบอ านาจดังกล่าวครอบคลุมการมอบอ านาจให้ร้องทุกข์ด าเนินคดีกับผู้ต้องหาหรือไม่หรือ มีการตั้งเงื่อนไขหรือการจ ากัดสิทธิของผู้รับมอบอ านาจไว้มากน้อยเพียงใดเนื่องจากผู้เสียหายบางราย อาจมอบอา นาจใหผู้ร้บัมอบอา นาจเฉพาะในการจา หน่ายสินคา้อนัมีลิขสิทธ์ิในประเทศไทยแต่มิไดม้อบหมาย ใหผู้ร้บัมอบอา นาจน้ันปกป้องลิขสิทธ์ิซึ่งหมายรวมถึงใหม้ ีอา นาจในการรอ้งทุกขด์า เนินคดีกรณีที่มีผูก้ระท า ละเมิดลิขสิทธ์ิในประเทศไทยดว้ย ในกรณีดังกล่าวถือว่าผูร้บัมอบอ านาจนั้นไม่มีอ านาจร้องทุกข์ด าเนินคดี แทนผู้เสียหาย หรือในกรณีผู้เสียหายบางรายไม่ได้มอบอ านาจให้ผู้รับมอบอ านาจสามารถมอบอ านาจช่วงได้ หรืออาจระบุในหนังสือมอบอ านาจว่าหากผู้รับมอบอ านาจต้องการมอบอ านาจช่วงจะต้องได้รับความยินยอม จากผู้เสียหายก่อน ซึ่งหากผู้รับมอบอ านาจไม่ได้ด าเนินการตามเงื่อนไขที่ก าหนดในหนังสือมอบอ านาจ การมอบอ านาจช่วงดังกล่าวเป็ นการมอบอ านาจช่วงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การตรวจสอบเอกสารจ าเป็ นต้องละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในคดีความผิดอันยอมความได้นั้น หากไม่รอบคอบความเสียหายจะเกิดกับผู้เสียหาย ทั้งอัยการเจ้าของส านวนอาจต้องร่วมรับผิดชอบอันเกิดจาก ความไม่ละเอียดรอบคอบ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 1 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - การตรวจพยานเอกสาร กรณีถอนค าร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางสาวสงวนศรี ทองแก้ว ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายประเมินผล นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 107/2566 /2563 ---------------------------- ข้อบกพร่องในกำรด ำเนินคดีอำญำของพนักงำนอัยกำร ข้อเท็จจริงได้ความว่า ส านวนคดี ส.1 ของส านักงานอัยการจังหวัด ฐานความผิดร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนและร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยท าอันตรายสิ่งกีดกั้นส าหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ท าขึ้ นโดยไม่ต้องให้ เป็ นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระท าผิด เพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ซึ่งคดีนี้ พิจารณาตามส านวนการสอบสวนแล้วคดีคงมีแต่ค าให้การในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสอง ส่วนพยานอื่น ทั้งผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนล้วนแต่รับฟังเรื่องมาจากผู้ต้องหาทั้งสอง คดีไม่มีพยานหลักฐานอื่นยืนยัน การกระท าผิดของจ าเลยได้แต่ปรากฏว่าภายหลังจากจ าเลยหลบหนีและถูกจับกุมได้ตามหมายจับ พนักงานอัยการ เจ้าของส านวน และอัยการจังหวัด ไม่ได้ด าเนินการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนฟ้ องคดีนี้ เพื่อให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้ นว่าจ าเลยคือผู้ที่ร่วมกระท าความผิดคดีจริง โดยจัดให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งถูกฟ้ อง เป็ นจ าเลยแล้ว และถูกจ าคุกอยู่มาท าการชี้ ตัวและสอบค าให้การของจ าเลยทั้งสองเพื่อให้เป็ นพยาน (เดิมมีแต่ค าให้การในฐานะผู้ต้องหา) และน าตัวจ าเลยทั้งสองเข้าเบิกความเป็ นพยานในชั้นศาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ศาลลงโทษจ าเลยที่ร่วมกระท าผิดในคดีนี้ ได้ แต่พนักงานอัยการเจ้าของส านวน และอัยการจังหวัด ไม่ได้ด าเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด คงฟ้ องจ าเลยตามความเห็นและค าสั่งเดิม จึงท าให้คดีไม่มีพยาน ที่จะยืนยันการกระท าของจ าเลยได้ชัดเจน จึงเป็ นข้อบกพร่องในการด าเนินคดี ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ พนักงานอัยการ และอัยการจังหวัด ไม่ได้สอบสวนเพิ่มเติมในคดีนี้ ท าให้คดีไม่มีพยานที่จะมา เบิกความยืนยันการกระท าผิดของจ าเลยได้ แม้ว่าจะครบฝากขังครั้งสุดท้าย ก็สามารถสั่งให้พนักงานสอบสวน ท าการสอบสวนได้ ผลการสอบสวนจะสอบสวนได้หรือไม่ ก็เป็ นอีกส่วนหนึ่ง ส่วนการฟ้ องศาลก็ฟ้ องไปได้ การไม่สั่งสอบสวนเพิ่มเติม จึงไม่มีพยานมายืนยันการกระท าผิดของจ าเลย คดีนี้ จึงถือเป็ นข้อบกพร่อง เห็นควรแนะน าการปฏิบัติราชการ ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาชั้นศาลสูง ของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 38 KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 1 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 38 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสุรศกัด์ิศรีสวสัด์ิต าแหน่ง อัยการศาลสูงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัด ส านักงานคดีศาลสูงภาค 1 (พระนครศรีอยุธยา) นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 108/2566 /2563 ---------------------------- กำรใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั ่นไลน์ช่วยในกำรปฏิบัติงำน ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พ.ศ.2560 มาตรา 248 บัญญัติว่า “ ...พนักงานอัยการมีอิสระในการ พิจารณาคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็ นไปโดยความรวดเร็ว เที่ยงธรรม ...” และ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 22 บัญญัติว่า "ดุลพินิจของพนักงานอัยการในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 21 ซึ่งได้แสดงเหตุผลอันสมควรประกอบแล้ว ย่อมได้รับความคุ้มครอง" ดั้งนั้นความรวดเร็วและการแสดงเหตุผลอันสมควร ในการพิจารณาสั่งคดีจึงจ าเป็ นที่พนักงานอัยการจ าต้องถือปฏิบัติเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง ในสถานการณ์ปัจจุบันจ าเป็ น อย่างยิ่งที่จะต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการช่วยปฏิบัติงานในการพิจารณาสั่งคดีเพื่อให้การพิจารณาคดีของพนักงานอัยการ เป็ นไปด้วยความรวดเร็วและแสดงเหตุผลอันสมควรประกอบการพิจารณา จากประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่พิจารณา สั่งคดีด้วยวิธีเขียน ท าให้การพิจารณาสั่งคดีเป็ นไปด้วยความล่าช้า เกิดปัญหาส านวนค้างเนื่องจากมีปริมาณคดีมาก จึงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการพิจารณาสั่งคดีโดยวิธีการพิมพ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลด าเนินการปริ้ น แต่ด้วยขาดทักษะในการพิมพ์ ท าให้ไม่คล่องตัวในการพิมพ์ แม้จะท าให้การพิจารณาสั่งคดีรวดเร็วขึ้ นบ้าง แต่ยังไม่สามารถ แก้ปัญหาส านวนค้างได้ให้เป็ นที่พอใจ ยังคงสุ่มเสี่ยงว่าการสั่งคดียังไม่รวดเร็วตามที่รัฐธรรมนูญก าหนดไว้ ท าให้ต้องคิดหา วิธีการว่าจะท าอย่างไรที่จะพิจารณาสั่งคดีด้วยวิธีพูดแบบเดียวกับแบบที่ศาลในการพิจารณาคดีแล้วส่งให้เจ้าที่พิมพ์ซึ่งเป็ นไป โดยความรวดเร็ว ต่อมาพบว่าแอพพลิเคชั่นไลน์ สามารถช่วยในการปฎิบัติงานได้โดยไม่ต้องใช้วิธีพิมพ์ โดยพบว่า ในแอพพลิเคชั่นไลน์ สามารถใช้วิธีพูดแทนการพิมพ์ โดยการกดปุ่ มรูปไมโครโฟนแล้วพูด ค าพูดจะปรากฏเป็ นข้อความ ตัวอักษรตามที่พูด จึงทดลองใช้วิธีสั่งคดีโดยพูดเนื้ อความข้อพิจารณาสั่งคดีผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ แล้วส่งผ่านช่องทางไลน์ ไปยังไลน์ของเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล ซึ่งไลน์ของเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลได้เชื่อมต่อไว้กับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการพิมพ์และ ปริ้ น เมื่อเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลได้รับข้อความที่ส่งไป ก็จะคัดลอกข้อความดังกล่าวไปวางไว้ในแบบฟอร์มและจัดเรียง ข้อความที่ได้รับทั้งหมดโดยไม่ต้องมีการพิมพ์ แล้วปริ้ นข้อความดังกล่าวมาเสนอเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและลงนาม ท าให้การพิจารณาสั่งคดีแล้วเสร็จเป็ นไปได้โดยรวดเร็วยิ่งขึ้ น ย่นระยะเวลาลงได้มาก นอกจากนี้ ในกรณีที่ส านวนคดี ที่มีลักษณะข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ใกล้เคียงกันยังสามารถคัดลอกข้อความเดิมมาปรับแต่งใช้ในการพิจารณาสั่งคดี ส านวนอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย ท าให้ประหยัดเวลาในการสั่งคดีลงไปได้มาก สามารถแก้ปัญหาส านวนค้าง ได้เป็ นอย่างดี โดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงเครื่องเดียวไม่จ าต้องใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก อีกทั้งหากเกิดกระแสไฟฟ้ าขัดข้อง ก็ยังสามารถพิจารณาสั่งคดีผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ได้อีกด้วย KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 2 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th www.kmcenter.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ เป็ นการน าเทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นไลน์ มาปรับใช้ช่วยในการปฏิบัติงานด้านการพิจารณาสั่งคดี เหมาะกับผู้ที่ ขาดความคล่องตัวในการพิมพ์และใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสามารถท าให้การพิจารณาสั่งคดีไปด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ ใช้วิธีการพูดโดยไม่ต้องใช้วิธีเขียนหรือพิมพ์ สามารถแก้ปัญหาส านวนค้างสั่งได้เป็ นอย่างดี กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 248 พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21, 22 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายโสภณ สมานเดชา ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1 ภาค 9 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 109/2566 /2563 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th ---------------------------- กำรแนบประวัติอำชญำกรของจ ำเลยไว้ท้ำยค ำฟ้ อง ด้วยหน้าที่หลักของพนักงานอัยการผู้ปฏิบัติงานในศาลชั้นต้น นอกจากพิจารณาสั่งส านวนความเห็นและร่างฟ้ อง ซึ่งมีความส าคัญในการด าเนินคดี เพื่อพิสูจน์ความผิดของจ าเลย ต้องค านึงถึงการใช้ดุลพินิจในการลงโทษของศาลด้วย เช่น กรณีที่จ าเลยเคยมีประวัติต้องโทษจ าคุกหรือรอการลงโทษจ าคุกมาก่อน แต่พนักงานอัยการผู้จัดท าค าฟ้ องไม่ได้แนบ ประวัติการกระท าความผิดของจ าเลยท้ายค าฟ้ องเพื่อประกอบดุลพินิจในการลงโทษของศาล โดยพิจารณาเห็นว่าประวัติ การต้องโทษของจ าเลยไม่เข้าเกณฑ์เพิ่มโทษ บวกโทษ หรือนับโทษต่อ เมื่อไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวจึงไม่แนบประวัติไว้ท้ายค าฟ้ อง จึงมีผลท าให้ศาลมีค าพิพากษาว่าจ าเลยมีความผิดตามฟ้ อง แต่โทษจ าคุกให้รอการลงโทษไว้ภายในก าหนด โดยวินิจฉัยว่า จ าเลยไม่เคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน เพราะไม่ได้แนบประวัติ ซึ่งอัยการศาลสูงอาจจะพิจารณาอุทธรณ์-ฎีกา ให้ศาลลงโทษ จ าคุกจ าเลยโดยไม่รอการลงโทษเนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ซึ่งอาจท าให้ศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกาไม่เห็นด้วย โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้แนบประวัติอาชญากรมาท้ายฟ้ องเป็ นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้ว ในศาลชั้นต้น ไม่ได้สอบถามจ าเลยเกี่ยวกับประวัติการกระท าความผิด ซึ่งอาจเกิดความเสียหายแก่คดีและทางราชการได้ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ สรุปในการจัดท าค าฟ้ องหากพนักงานอัยการผู้จัดท าค าฟ้ องตรวจพบว่าจ าเลยมีประวัติการกระท าความผิด แม้จะไม่เข้าเกณฑ์บวกโทษ เพิ่มโทษ หรือนับโทษต่อ ก็ให้บรรยายในค าฟ้ องว่า จ าเลยมีประวัติการกระท าความผิด ปรากฏตามรายการประวัติอาชญากรเอกสารแนบท้ายค าฟ้ อง เพื่อประกอบดุลพินิจในการลงโทษของศาล และแนบประวัติ การกระท าความผิดของจ าเลยไว้ท้ายฟ้ องด้วยทุกกรณี กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสิริพงษ์ ศรีวิศาล ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการคดีศาลสูงภาค 8 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 2 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 110/2566 /2563 ---------------------------- ขำดเจตนำกระท ำควำมผิดไม่เป็ นควำมผิดตำมกฎหมำย ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะเกิดเหตุผู้ต้องหามีต าแหน่งเป็ นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต าบล ต. และเนื่องจาก บ่อขยะเดิมของหมู่บ้านที่องค์การบริหารส่วนต าบล ต. ได้ท าการขุดให้ชาวบ้านใช้เป็ นที่ทิ้ งขยะของหมู่บ้านนั้น อยู่ในที่ดินที่สาธารณะประโยชน์ซึ่งเป็ นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน และมีการออก หนังสือส าคัญส าหรับที่หลวงแล้ว มีขนาดคับแคบและตื้ นเขินไม่เพียงพอกับปริมาณของขยะของหมู่บ้าน ที่เพิ่มมากขึ้ นทุกปี ท าให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในการน าขยะไปทิ้ งโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีขยะ จ านวนมากและล้นบ่อออกมาจนถึงทางเดินรถเข้าออกของหมู่บ้าน ผู้ต้องหาในฐานะที่เป็ นผู้ใหญ่บ้านจึงได้ท า การประชุมท าประชาคมชาวบ้าน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 โดยที่ประชุมประชาคมได้มีมติ ให้ท าการขุดขยายบ่อขยะเดิมดังกล่าว พร้อมทั้งได้มีการแจ้งกระจายข่าวให้ชาวบ้านทราบในเช้าวันรุ่งขึ้ น โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน แต่การขุดขยายบ่อขยะเดิมนั้นไม่มีงบประมาณในการด าเนินการ ทางคณะกรรมการ หมู่บ้านจึงได้มีการตกลงกันว่าจ้างผู้ที่รับจ้างขุดขนดินในหมู่บ้านให้ท าการขุดโดยให้ดินที่ขุดแทนค่าจ้าง และหากชาวบ้านของหมู่บ้านรายใดที่ต้องการดินไปถมที่ของตน ก็ติดต่อซื้ อจากผู้รับจ้าง ในราคาเที่ยวละ 200 บาท (เสมือนเป็ นค่าจ้างขุดขยายบ่อขยะแก่ผู้รับจ้าง) เริ่มท าการขุดดินขยายบ่อขยะในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ มีผู้ไปร้องเรียนนายอ าเภอ จึงได้แจ้งให้ ผู้ต้องหาหยุดซึ่งผู้ต้องหาก็ให้ผู้รับจ้างหยุดทันที และเมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายของบ่อขยะที่ท าการขุดขยายนั้น แล้วพบว่าบริเวณรอบๆ ขอบบ่อเป็ นป่ าละเมาะและเป็ นพื้ นที่โล่ง โดยพยานซึ่งเป็ นเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่ า ที่ดูแลรับผิดชอบพื้ นที่เกิดเหตุ ได้ให้การยืนยันว่าได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วไม่พบว่ามีต้นไม้ใหญ่ และไม้หวงห้ามได้รับความเสียหายแต่อย่างใด การกระท าของผู้ต้องหาดังกล่าวได้กระท าในฐานะที่เป็ น ผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีหน้าที่ต้องบ าบัดทุกข์บ ารุงสุขแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากที่ทิ้ งขยะของหมู่บ้าน ไม่เพียงพอและได้กระท าโดยผ่านการท าประชาคมชาวบ้านและมีมติร่วมกัน อีกทั้งเป็ นบ่อขยะเดิมที่องค์การ บริหารส่วนต าบล ต. ได้ขุดไว้อยู่แล้วเพียงแต่ขุดขยายขนาดใหญ่ขึ้ นเท่านั้น ผู้ต้องหาจึงไม่มีเจตนาท าลายหรือ ท าให้เสื่อมสภาพที่ดินหรือเป็ นการท าอันตรายแก่ทรัพยากรที่ดินของรัฐ และไม่มีเจตนาท าให้เสียหาย ท าลาย ท าให้เสื่อมค่าหรือท าให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์แต่อย่างใด KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 3 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ ผู้ต้องหาได้กระท าไปโดยสุจริตและมีเจตนาเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเนื่องจากขนาดบ่อขยะ ไม่เพียงพอกับปริมาณขยะของหมู่บ้านโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และโดยความเข้าใจผิดคิดว่าสามารถท าได้ การกระท าของผู้ต้องหาจึงยังไม่เป็ นความผิดตามข้อกล่าวหาเพราะขาดเจตนากระท าความผิด ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 59 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 360 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : ว่าที่พันต ารวจตรี ไพฑูรย์ พันธุ์เจริญ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1 ภาค 1 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 111/2566 /2563 ---------------------------- กำรพิจำรณำเงื่อนไขกำรระงับคดี ตำมระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุด ว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีอำญำ ของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2563 ข้อ 48 สถานีต ารวจภูธรได้ส่งส านวนการสอบสวนในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 341 ซึ่งเป็ นความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 348 โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้ องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหาไปยังส านักงานอัยการคดีศาลแขวงเพื่อพิจารณา และ ในวันดังกล่าวผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการจังหวัดคดีศาลแขวง อ้างว่าในระหว่าง สอบสวน พนักงานสอบสวน ผู้เสียหายในคดีนี้ ได้ยื่นฟ้ องผู้ต้องหา เป็ นคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ต่อศาลแขวง อันเป็ นมูลคดีเดียวกันกับมูลคดี ตามส านวนการสอบสวน ซึ่งในคดีดังกล่าวนั้นศาลแขวง ได้ท าการไต่สวนมูลฟ้ องแล้วก่อนวันที่พนักงานสอบสวนส่งส านวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการด าเนินการ โดยในวันนัดไต่สวนมูลฟ้ อง ผู้เสียหายและผู้ต้องหาร่วมกันแถลงว่าคดีพอมีทางตกลงกันได้ และหากสามารถ ตกลงกันได้แล้ว ผู้เสียหายซึ่งเป็ นโจทก์ในคดีดังกล่าวจะถอนฟ้ องในนัดหน้า โดยศาลได้ก าหนดนัดไต่สวน มูลฟ้ องนัดต่อไปแล้ว ซึ่งต่อมาอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องขอความ เป็ นธรรมและได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว พบว่าข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องขอความเป็ นธรรมนั้น มีอยู่จริงและปรากฏในส านวนการสอบสวนแล้ว จึงพิจารณาเงื่อนไขการระงับคดีก่อนเป็ นอันดับแรก เห็นว่า ข้อกล่าวหาอันเป็ นฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงตามส านวนการสอบสวนคดีดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว อันยอมความได้เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายได้ยื่นฟ้ องผู้ต้องหาเองแล้ว จึงเข้าลักษณะเงื่อนไขระงับคดี ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48(10) จึงออกค าสั่งยุติการด าเนินคดีกับผู้ต้องหา ตามระเบียบดังกล่าว จากนั้นได้เสนอส านวนผู้บังคับบัญชา ล าดับถัดไปเพื่อทราบ ซึ่งต่อมาผู้บังคับบัญชา ได้พิจารณาแล้วรับทราบค าสั่งยุติการด าเนินคดีของ อัยการจังหวัดคดีศาลแขวง จากนั้นอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงจึงได้แจ้งค าสั่งให้ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และ พนักงานสอบสวน ทราบ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 3 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เมื่อผู้เสียหายทราบค าสั่งดังกล่าวจากอัยการจังหวัดแล้ว เห็นว่า ค าสั่งยุติการด าเนินคดีดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีหนังสือถึงอธิบดีอัยการภาค ให้พิจารณาทบทวนเพิกถอนค าสั่งดังกล่าว ด้วยเหตุว่า พนักงานอัยการได้พิจารณาส านวนการสอบสวน ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนิน คดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 แล้วมีค าสั่งยุติการด าเนินคดีโดยไม่พิจารณาในเนื้ อหา แห่งความผิดของผู้ต้องหาในข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในส านวนการสอบสวน ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งส านักงานอัยการภาค ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ค าสั่งยุติการด าเนินคดีนั้น ชอบแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ยื่นฟ้ องอัยการจังหวัดคดีศาลแขวง เป็ นจ าเลยที่ 1 และผู้บังคับบัญชา เป็ นจ าเลยที่ 2 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 โดยอ้างว่าเงื่อนไขระงับคดีตามที่พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพิจารณามีค าสั่ง ตามระเบียบฯ ข้อ 48 (10) นั้น มิใช่เงื่อนไขในการระงับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 อันจะท าให้สิทธิน าคดีอาญามาฟ้ องระงับ ซึ่งต่อมาในชั้นตรวจค าฟ้ องนั้น ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค ได้ตรวจพิจารณาค าฟ้ องแล้ว เห็นว่า พนักงานอัยการคดีศาลแขวงได้พิจารณาสั่งคดี ถูกต้องชอบด้วยระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนิ นคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (10) แล้ว จึงมีค าสั่งไม่รับฟ้ อง ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การพิจารณาตรวจส านวนการสอบสวนคดีอาญาที่ถูกส่งมาโดยพนักงานสอบสวนนั้น พนักงานอัยการ พึงต้องพิจารณาเงื่อนไขการระงับคดีก่อนเป็ นอันดับแรก ว่าคดีนั้นเข้าลักษณะเงื่อนไขการระงับคดี ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 หรือไม่ เพียงใด หากส านวนคดีเข้าลักษณะเงื่อนไขแห่งการระงับคดีตามระเบียบฯ สามารถออกค าสั่งยุติ การด าเนินคดีตามระเบียบได้เลย โดยมิต้องไปพิจารณาในเนื้ อหาแห่งความผิดของผู้ด้องหาตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานในส านวน แสดงให้เห็นได้ว่าหากพนักงานอัยการได้ปฏิบัติงานถูกต้องตามระเบียบ เกี่ยวกับการค าเนินคดีโดยชอบและสุจริตแล้ว แม้ระเบียบดังกล่าวจะมิได้ระบุไว้ในกฎหมายไม่ว่าจะเป็ น ประมวลกฎหมายอาญา หรือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยชัดแจ้ง ความเห็นและค าสั่ง ของพนักงานอัยการย่อมได้รับความคุ้มครอง KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 341 มาตรา 348 - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 ข้อ 65 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสมคะเน แสงทอง ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 2 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 112/2566 /2563 ---------------------------- กำรแก้ไขปัญหำส ำนวนค้ำงในกำรขอคุ้มครองสิทธิทำงกฎหมำย กรณีพนักงำนอัยกำรผู้รับผิดชอบส ำนวนขอให้ผู้ขอรับควำมช่วยเหลือส่งพยำนหลักฐำนเพิ่มเติม แต่ผู้ขอควำมช่วยเหลือไม่ส่งเอกสำรเพิ่มเติมภำยในระยะเวลำสมควรโดยแจ้งเหตุขัดข้อง และต่อมำติดต่อไม่ได้ หัวหน้าพนักงานอัยการจ่ายส านวน สคช. 1 การขอคุ้มครองสิทธิ (เช่น ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก) ต่อมาพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบส านวนตรวจพบว่ายังขาดเอกสารส าคัญ เช่น ส าเนาทะเบียนบ้าน ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชนของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก จึงได้แจ้งให้ผู้ขอความช่วยเหลือส่งเอกสาร เพิ่มเติม แต่เวลาล่วงเลยมานานพอสมควร โดยผู้ขอความช่วยเหลือแจ้งเหตุขัดข้อง ต่อมาติดต่อผู้ขอความ ช่วยเหลือไม่ได้ท าให้ไม่สามารถยื่นค าร้องขอต่อศาลภายในเดือนที่รับส านวนได้และท าให้เป็ นส านวนค้าง ประจ าเดือน ซึ่งตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย แก่ประชาชน พ.ศ. 2562 ข้อ 40(3) ก าหนดให้ยุติความช่วยเหลือเพราะผู้ขอความช่วยเหลือไม่ให้ความ ร่วมมือในการส่งพยานหลักฐาน โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ เมื่อกรณีนี้ มีการแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงไม่อาจสั่งยุติความช่วยเหลือตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทาง กฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2562 ข้อ 40(3) ได้ อย่างไรก็ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2562 ข้อ 40(5) ก าหนดให้ยุติความช่วยเหลือ เพราะผู้ขอความช่วยเหลือไม่ประสงค์จะขอความช่วยเหลืออีกต่อไป ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องและ ไม่ให้เป็ นส านวนค้างจึงได้แก้ไขปัญหา โดยระบุข้อความไว้ที่บนหัวกระดาษค าร้องความช่วยเหลือ (สคช.8) ว่า “เมื่อผู้ร้องได้รับแจ้งให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมแล้วไม่ด าเนินการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือ เมื่อผู้ร้องเปลี่ยนแปลงที่อยู่/เบอร์โทรศัพท์ แล้วไม่แจ้งให้ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิทราบทันที จนไม่สามารถติดต่อผู้ร้องได้ภายใน 30 วัน ถือว่าผู้ร้องไม่ประสงค์ขอความช่วยเหลืออีกต่อไป ลงชื่อ...........................ผู้ร้อง ทราบ” โดยให้ผู้ร้องขอความช่วยเหลือลงชื่อรับทราบ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ร้องขอความ ช่วยเหลือได้ทราบก าหนดระยะเวลาในการจัดหาเอกสารต่าง ๆ น าส่งให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาโดยเร็ว และสอดคล้องกับภาระงานของส านักงาน ซึ่งหากพิจารณาตามเงื่อนไขที่ระบุข้อความไว้ที่บนหัวกระดาษ ค าร้องความช่วยเหลือ (สคช.8) ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าเมื่อผู้ร้องขอความช่วยเหลือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่ก าหนดไว้ดังกล่าวจะถือว่าผู้ร้องขอความช่วยเหลือไม่ประสงค์ขอความช่วยเหลืออีกต่อไป KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 8 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th www.kmcenter.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 อันเป็ นกรณีเข้าหลักเกณฑ์ที่ให้ยุติความช่วยเหลือเพราะผู้ขอความช่วยเหลือไม่ประสงค์จะขอความช่วยเหลือ อีกต่อไป ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2562 ข้อ 40(5) กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2562 ข้อ 40(3) (5) - ค าร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย (สคช. 8) ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางสาวอินธิรา ตุ้ยค าภีร์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 113/2566 /2563 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th ---------------------------- กำรจัดท ำบันทึกข้อตกลงควำมร่วมมือ (MOU : Memorandum of Understanding) ของส ำนักงำนอัยกำรสูงสุด ที่เหมำะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อควำมเป็ นอิสระในกำร พิจำรณำสั ่งคดีและกำรปฏิบัติหน้ำที่ ใหเ้ป็นไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปรำศจำกอคติท้งัปวง ของพนกังำนอยักำร การจัดท าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU : Memorandum of Understanding) ของส านักงานอัยการสูงสุด ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็ นอิสระในการพิจารณาสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็ นไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง ต้องจัดท าบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ให้เป็ นไปตามกรอบของกฎหมายโดยไม่ให้มีข้อความ หรือถ้อยค าในส่วนหนึ่งส่วนใดมีลักษณะเป็ นค าสั่งหรือเป็ นข้อสั่งการให้พนักงานอัยการปฏิบัติ และไม่ให้มีข้อความหรือ ถ้อยค าในส่วนหนึ่งส่วนใดที่แสดงให้เห็นหรืออาจให้อนุมานเอาได้ว่าเป็ นค าสั่งหรือข้อสั่งการให้พนักงานอัยการปฏิบัติ โดยข้อความหรือถ้อยค าในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯเมื่ออ่านทั้งหมดแล้วจะต้องท าให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเป็ นเพียง แนวทางในการประสานความร่วมมือระหว่างกันเท่านั้น กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 27 มาตรา 68 และมาตรา 248 - พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14 มาตรา 21 มาตรา 22 และมาตรา 23 - พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 37 และมาตรา 64 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2562 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นพนักงานอัยการ พ.ศ. 2555 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายอุดมศกัด์ิโหมดม่วง ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย ส านักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 8 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 114/2566 /2563 ---------------------------- ควำมผิดฐำนปลอมหรือเลียนเครื่องหมำยกำรค้ำ การด าเนินคดีเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้านั้น เครื่องหมายการค้าที่ได้รับความคุ้มครองจะต้องจดทะเบียน ในราชอาณาจักร มีคดีเรื่องหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต ารวจไปจับกุมสินค้า คือเสื้ อยืด ยี่ห้อหนึ่ง น าส่งพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนตรวจสอบนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าปรากฏว่ายี่ห้อที่ปรากฏนั้นไม่ได้จดทะเบียน เครื่องหมายการค้าลักษณะนี้ ไว้ในประเทศไทย จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย เจ้าของส านวนจึงสั่งไม่ฟ้ อง การพิจารณาเครื่องหมายการค้าที่ปรากฏอยู่บนสินค้าของกลางว่าเป็ นเครื่องหมายที่ปลอมหรือเลียน เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร การพิจารณาเครื่องหมายการค้าที่ปรากฏ อยู่บนสินค้าของกลาง กับเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนว่าเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ต้องดูที่เครื่องหมายการค้าที่ปรากฏอยู่ที่สินค้าของกลางกับเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ว่าเหมือน หรือต่างกันอย่างไร ถ้าเหมือนกัน ฟ้ องฐานปลอมเครื่องหมายการค้าได้ หากไม่เหมือนกันแต่มีความคล้ายคลึงกัน จนท าให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็ นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น ฟ้ องฐานเลียนเครื่องหมาย การค้า แต่หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ในราชอาณาจักร เจ้าของเครื่องหมายการค้าจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 การกระท าของผู้ต้องหาจึงไม่เป็ นความผิดฐานปลอมหรือเลียนเครื่องหมายการค้านี้ แต่เจ้าของส านวนจะยังสั่งไม่ฟ้ องไม่ได้ เนื่องจากต้องมาพิจารณาว่าเป็ นการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์มาใช้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1) เนื่องจากเครื่องหมายการค้านั้นเป็ นการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ ของเจ้าของเครื่องหมายการค้ามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หากการกระท านั้นไม่เป็ นความผิดฐานการเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ ของเจ้าของเครื่องหมายการค้ามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272(1)แล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าการกระท าดังกล่าวเป็ นการขายของโดยหลอกลวง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 อีกหรือไม่ หากพบว่าการกระท าของผู้ต้องหายังคงเป็ นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว ข้างต้น จึงสั่งไม่ฟ้ องในความผิดฐานปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าและสั่งฟ้ องตามประมวลกฎหมายอาญา ข้างต้น KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 9 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ เมื่อได้รับส านวนคดีเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า เจ้าของส านวนต้องพิจารณาว่าเป็ นความผิดฐาน ปลอมหรือเลียนเครื่องหมายการค้าหรือไม่ หากไม่เป็ นความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้านี้ แล้ว ยังต้องไปพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น ๆ ให้รอบคอบเสียก่อนที่จะสั่งส านวน กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 108 และมาตรา 109 - ประมวลกฎหมายอาญาความผิดเกี่ยวกับการค้า ตั้งแต่มาตรา 271 ถึงมาตรา 275 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางสาวอัธยา พลกนิษฐ์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายประเมินผลการฝึกอบรม สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 115/2566 /2563 ---------------------------- กำรที่ศำลยกฟ้ องคดีพนักงำนอัยกำรโจทก์เรื่องอ ำนำจฟ้ อง จ ำเป็ นที่จะต้องอุทธรณ์เฉพำะเรื่องอ ำนำจฟ้ องหรือไม่ จากคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้มีค าพิพากษายกฟ้ องโจทก์ในเรื่องอ านาจฟ้ อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ซึ่งคดีนี้ โจทก์ฟ้ องจ าเลย ในความผิดฐาน เป็ นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ข้อสรุปที่ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้วินิจฉัยว่า การด าเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวนสถานีต ารวจภูธร ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ด าเนินการสอบสวนกล่าวหาว่าจ าเลยกระท าความผิดเป็ นคดีนี้ อาศัยอ านาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 61 และมาตรา 63 ก าหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอ านาจมอบหมายเรื่องกล่าวหาที่ไม่ใช่ ความผิดร้ายแรงให้พนักงานสอบสวนด าเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่พนักงาน สอบสวนมิได้รายงานผลการสอบสวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. มิได้ พิจารณารายงานผลการสอบสวนและมีความเห็นหรือสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการด าเนินการ สอบสวนและรายงานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนดังกล่าว จึงเป็ นการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการในการสอบสวนเรื่องกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มอบหมายให้พนักงานสอบสวนด าเนินการ ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 65 และมาตรา 66 บัญญัติไว้ อันจะถือได้ว่ามีการสอบสวนโดยชอบตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ที่โจทก์จะน ามาใช้ในการยื่นฟ้ องจ าเลยเป็ นคดีนี้ ได้จึงท าให้โจทก์ไม่มี อ านาจฟ้ อง พิพากษายกฟ้ อง ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ อัยการศาลสูงมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญา ชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ในการตรวจสอบการปฏิบัติงาน การด าเนินคดีของพนักงานอัยการ ประจ าศาลชั้นต้น และการใช้ดุลพินิจของศาล และตามระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากพนักงานอัยการ ศาลสูงจะมีหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ยังมีหน้าที่ในการเขียนอุทธรณ์หรือฎีกาอีกประการหนึ่ง ซึ่งการเขียนอุทธรณ์ หรือฎีกานั้นนอกจากจะมีความรู้ด้านกฎหมายแล้ว ยังรวมถึงการจะต้องใช้ศิลปะหรือวาทศิลป์ ในการ ใช้ถ้อยค าส านวนโวหารในการเขียนอุทธรณ์ฎีกาด้วย ซึ่งพนักงานอัยการศาลสูงหลายท่านสามารถท าได้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 9 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 แต่ปัญหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีนี้ คือ กรณีคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งโดยระบบของ ศาลดังกล่าวนั้นเป็ นระบบไต่สวน การที่ศาลสามารถท าการไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงพยานหลักฐานได้ จากคู่กรณี พยานบุคคล พยานเอกสาร และอื่น ๆ เพื่อให้รู้ถึงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในทางคดีจากการ ไต่สวนของศาล และปรากฏว่าคดีนี้ ศาลได้ท าการไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริงพยานหลักฐานจากคู่กรณี พยานบุคคล พยานเอกสาร และอื่น ๆ จนได้พยานหลักฐานเป็ นที่พอใจแล้ว แต่คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ ได้วินิจฉัยคดีโดยพิพากษาเรื่องอ านาจฟ้ องของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 120 ซึ่งเป็ นปั ญหาข้อกฎหมายภายหลังที่ศาลได้ท าการไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง ในทางคดีดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายกรอบการท างานของกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับระยะเวลา การท างาน เห็นว่าการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้พิพากษายกฟ้ องโจทก์เกี่ยวกับอ านาจฟ้ อง ของโจทก์ซึ่งเป็ นปัญหาข้อกฎหมาย แต่คดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ท าการไต่สวนแสวงหา ข้อเท็จจริงพยานหลักฐานจากคู่กรณีพยานบุคคล พยานเอกสารและอื่น ๆ จนได้พยานหลักฐานเป็ นที่พอใจแล้ว ปัญหานี้ การเขียนอุทธรณ์หรือฎีกานั้นจ าเป็ นที่จะต้องเขียนอุทธรณ์หรือฎีกาในเฉพาะประเด็นที่ศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้หยิบยกเรื่องอ านาจฟ้ องมาพิจารณาแล้วมีค าพิพากษาหรือไม่ ซึ่งเห็นว่า ไม่จ าเป็ นที่จะต้องพิจารณาเขียนอุทธรณ์หรือฎีกาเฉพาะประเด็นปัญหาเรื่องอ านาจฟ้ องที่ศาลได้หยิบยก มาพิจารณาพิพากษาเท่านั้น เหตุผล เนื่องจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็ นระบบไต่สวนเป็ น การที่ศาลสามารถแสวงหาข้อเท็จจริงจากคู่กรณี พยานบุคคล พยานเอกสาร และอื่น ๆ ได้ด้วยศาลเอง หากอุทธรณ์เฉพาะที่ศาลพิพากษาเรื่องอ านาจฟ้ อง หากคดีฟังได้ว่าโจทก์มีอ านาจฟ้ องศาลอุทธรณ์อาจย้อน ส านวนให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต้องพิจารณาพิพากษาในข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเห็นว่า ไม่สอดคล้องกับนโยบายกรอบระยะเวลาในการท างานของกระบวนการยุติธรรมในปัจจุบัน คดีนี้ เมื่อศาล ใช้ระบบไต่สวน ซึ่งต่างจากระบบอื่นและคดีนี้ หรือคดีใดก็ตาม ถ้าศาลได้ไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานเอกสาร และอื่น ๆ ครบถ้วนแล้ว ควรอุทธรณ์หรือฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งพยานหลักฐานที่ศาลได้แสวงหามาแล้วประหนึ่งว่าเป็ นการแถลงปิ ดคดีเพื่อให้ศาลเห็นถึงพยานหลักฐาน พยานบุคคล และพยานเอกสารของโจทก์ที่มีอยู่ในส านวนนั้นน่าเชื่อถือและรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัย เพื่อให้ศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจ าเลยตามฟ้ องโจทก์ได้เลย หรือถึงแม้ศาลอุทธรณ์ จะย้อนส านวนมาให้ศาลชั้นต้นตัดสินก่อน ก็ถือว่าโจทก์ได้แถลงปิ ดคดีเพื่อให้ศาลเชื่อถือพยานหลักฐานของ โจทก์ซึ่งน่าจะเป็ นประโยชน์มากกว่าการที่จะอุทธรณ์หรือฎีกาในประเด็นที่ศาลได้หยิบยกมาวินิจฉัยพิพากษา ยกฟ้ องโจทก์เรื่องอ านาจฟ้ อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 จึงเห็นว่าควร อุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริงไปพร้อมกันในคราวเดียวกัน KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 61 มาตรา 63 มาตรา 65 มาตรา 66 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายวราวุฒิกรณ์ ด้วงตุ่น ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคดีศาลสูงภาค 1 (ลพบุรี) นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 116/2566 /2563 ---------------------------- แนวทำงกำรพิจำรณำฐำนควำมผิดตำมกฎหมำยยำเสพติดที่แก้ไขใหม่ สืบเนื่องมาจากมีกฎหมายยาเสพติดแก้ไขใหม่เมื่อปีพ.ศ. 2564 ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 90 ห้ามผู้ใดผลิต น าเข้า ส่งออกจ าหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษใน ประเภท 1 โดยมีบทก าหนดโทษตามมาตรา 145 ผู้ใดผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ให้โทษในประเภท 1 อันเป็ นการฝ่าฝืนมาตรา 90 ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสิบห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งล้านห้าแสนบาท และตามมาตรา 145 วรรคสอง ถ้าการกระท าผิดตามวรรคหนึ่งเป็ นการกระท าดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจ าคุกตั้งแต่สองปี ถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่ สองแสนบาทถึงสองล้านบาท ซึ่งเป็ นอัตราโทษสูงมาก (1) การกระท าเพื่อการค้า (2) การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน (3) การจ าหน่ายแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี (4) การจ าหน่ายในบริเวณสถานศึกษาสถานอันเป็ นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใดหรือสถานที่ราชการ (5) การกระท าโดยใช้ก าลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้ก าลังประทุษร้าย (6) การกระท าโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงปัญหาในการปฏิบัติงานซึ่งส่วนใหญ่จะเป็ น (1) การกระท าเพื่อการค้า เนื่องจากตามประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่มีบทนิยาม ของการกระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็ นการ กระท าเพื่อการค้า ผู้จับส่วนใหญ่เข้าใจว่าตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่แก้ไขใหม่นั้น การมีไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1โดยไม่ได้รับอนุญาต คือการกระท าเพื่อการค้า ซึ่งมีอัตราโทษสูงคือจ าคุกตั้งแต่สองปี ถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท โดยเมื่อผู้จับจับผู้ต้องหาซึ่งมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่ายฯ ผู้จับก็แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่ายเพื่อการค้าโดยไม่ได้ รับอนุญาตและจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนก็แจ้งข้อกล่าวหาตามที่ผู้จับแจ้งแก่ ผู้ต้องหา โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริงอื่นในส านวนการสอบสวน ซึ่งเป็ นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน บ่อยครั้งที่พนักงานสอบสวน ส่งส านวนการสอบสวนในท านองเดียวกันนี้ ให้พนักงานอัยการพิจารณาภายในระยะเวลาครบก าหนดฝากขังครั้งสุดท้าย ซึ่ง ก่อให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานเป็ นอย่างมาก การกระท าผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็ นการกระท าเพื่อการค้า มีความหมายแค่ไหนเพียงใดจึงต้องดูตามพฤติการณ์ แห่งคดีเป็ นเรื่อง ๆ ไป เช่น หากได้ความว่าผู้ต้องหาเป็ นผู้กระท าผิดจ าหน่ายยาเสพติดเป็ นอาจิณ จ าหน่ายยาเสพติด เป็ นอาชีพหาเลี้ ยงครอบครัว มีประวัติการกระท าผิดในการจ าหน่ายยาเสพติดหลายครั้ง มีปริมาณยาเสพติดที่มีไว้ ในครอบครองเพื่อจ าหน่ายเป็ นจ านวนมาก มีประจักษ์พยานยืนยันว่าผู้ต้องหาเป็ นผู้จ าหน่ายยาเสพติดให้กับตนโดยสามารถ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 10 พฤษภำคม 2566
www.kmcenter.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ชี้ ยืนยันข้อมูลทะเบียนราษฎร์หรือบัตรประจ าตัวประชาชน มีรายงานการสืบสวนสอบสวนของเจ้าพนักงานต ารวจเกี่ยวกับ การกระท าความผิดฐานจ าหน่ายยาเสพติดของผู้ต้องหามาก่อน มีรายการเดินบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาเกี่ยวกับการโอนเงิน ช าระค่ายาเสพติดในครั้งก่อนๆ มีรายการประวัติอาชญากรของกองทะเบียนประวัติอาชญากรว่าผู้ต้องหาเคยกระท าความผิด เกี่ยวกับการจ าหน่ายยาเสพติดให้โทษมาก่อน เป็ นต้น ก็จะฟังได้ว่าเป็ นการกระท าเพื่อการค้า มีส านวนคดีของผู้บันทึก ข้อเท็จจริงได้ความว่าก่อนเกิดเหตุผู้กล่าวหา/ผู้จับได้รับแจ้งจากสายลับว่าบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์จ าหน่ายยาเสพติดและสายลับสามารถสั่งซื้ อยาเสพติดจากผู้ต้องหาได้ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและ วางแผนจับกุมให้สายลับสั่งซื้ อยาเสพติดให้โทษเมทเเอมเฟตามีนชนิดเกล็ด จ านวน 10 กรัมในราคา 3,000 บาท นัดรับ ยาเสพติดให้โทษบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้กล่าวหากับชุดจับกุมไปที่เกิดเหตุ โดยให้เจ้าพนักงานต ารวจผู้ร่วมจับกุมขับรถยนต์ โดยมีสายลับนั่งข้างคนขับไปด้วย ต่อมาผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์มาจอด ผู้ร่วมจับกุมจึงขับรถไปจอดเทียบข้างผู้ต้องหาๆ ก็ยื่นยาเสพติดให้โทษเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดให้กับสายลับ สายลับส่งยาเสพติดให้โทษให้ผู้ร่วมจับกุมตรวจสอบเป็ น ยาเสพติดให้โทษเมทแอมเฟตามีน ผู้ร่วมจับกุมส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมที่เหลือเข้าไปในที่เกิดเหตุแสดงตัวเป็นต ารวจ ผู้ต้องหารับสารภาพว่ายาเสพติดและรถจักรยานยนต์เป็ นของตน ผู้จับน าผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนท าการ สอบสวน ในชั้นแรกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาฐานจ าหน่ายโดยมีไว้เพื่อจ าหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่รับอนุญาตและ “เป็ นการกระท าเพื่อการค้า” แม้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่เห็นว่าผู้ต้องหามีความผิดฐานจ าหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตและจ าหน่ายโดยการขายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เนื่องจาก สายลับล่อซื้ อยาเสพติดจากผู้ต้องหาครั้งนี้ เป็ นครั้งแรกโดยไม่มีพฤติการณ์อื่นใดแสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาประกอบ อาชีพจ าหน่ายยาเสพติดเป็ นปกติธุระเป็ นอาจิณหรือมีรายได้จากการจ าหน่ายยาเสพติดเพื่อเลี้ ยงดูตนเองและครอบครัว ประกอบกับคดีไม่มีรายงานการสอบสวนสืบสวนของเจ้าพนักงานต ารวจเกี่ยวกับการกระท าผิดฐานจ าหน่ายยาเสพติดของ ผู้ต้องหามาก่อนไม่มีรายการเดินบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาเกี่ยวกับการโอนเงินช าระค่ายาเสพติดในครั้งก่อนๆ ไม่มีประวัติ อาชญากรจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรว่าผู้ต้องหาเคยกระท าความผิดเกี่ยวกับการจ าหน่ายยาเสพติดให้โทษ การที่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในครั้งแรก ผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพในข้อเท็จจริงเพียงว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ ว่างงานจึงได้น าเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจ าหน่ายขายให้กับสายลับในวันเวลาเกิดเหตุจริงเท่านั้นโดยไม่ปรากฏว่า ผู้ต้องหามีการจ าหน่ายขายยาเสพติดให้โทษเป็ นปกติธุระเป็ นอาจิณดังกล่าวข้างต้นแต่อย่างใด พยานหลักฐานจึงไม่พอฟ้ อง ในส่วนความผิดฐานนี้ จึงสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหาฐานจ าหน่ายโดยมีไว้เพื่อจ าหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ใน ครอบครองโดยไม่รับอนุญาตอันเป็ นการกระท าเพื่อการค้า แย้งความเห็นพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีนี้ ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติไม่แย้งค าสั่งไม่ฟ้ องของพนักงานอัยการ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การกระท าผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็ นการกระท าเพื่อการค้าจะต้องพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีเป็ นกรณีๆ ไป ตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานข้างต้น จึงเห็นว่า ในทางปฏิบัติหากพนักงานอัยการเจ้าของส านวนสามารถให้ความรู้ ในด้านกฎหมายอธิบายให้พนักงานสอบสวนและผู้จับเข้าใจถึงการใช้กฎหมาย จะท าให้การพิจารณาสั่งส านวนของ พนักงานอัยการเป็ นไปได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด อาจจะเสียเวลาในการอธิบายข้อกฎหมายแก่ผู้จับหรือพนักงานสอบสวน ในช่วงแรกเท่านั้น แต่ผู้บันทึกเห็นว่าค าถามของผู้จับและพนักงานสอบสวนจะเป็ นการลับสมองของพนักงานอัยการให้มีความ เฉียบคมอยู่ตลอดเวลาและจะเป็ นอัยการพิเศษฝ่ายต่อไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th www.kmcenter.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 1, 22, 29, 90, 134, 145, 152 - พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดพ.ศ. 2564 มาตรา 7, 8 - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางอลิสา อภิบุณโยภาส ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 8 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 117/2566 /2563 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th ---------------------------- ช้ีขำดควำมเห็นแยง้ควำมผิดฐำนลกัทรพัยโ์ดยผ่ำนสิ่งกีดก้นัสำ หรบัคุม้ครองบุคคลหรือทรพัย์ ความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีสิ่งกีดกั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) นั้น แบ่งเป็ น 2 ลักษณะการกระท า คือ 1. ลักทรัพย์โดยการ “ท าอันตรายสิ่งกีดกั้นส าหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” หรือ 2. ลักทรัพย์โดยการ “ผ่านสิ่งกีดกั้นส าหรับ คุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้นไปด้วยประการใด ๆ” ความหมายของค าว่า “สิ่งกีดกั้น” หมายถึง สิ่งที่ขัดขวางหรือกีดขวาง มิให้เกิด อันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ซึ่งอยู่ภายในสิ่งกีดกั้นได้โดยง่าย เช่น รั้ว ก าแพง ประตู ฯลฯ การผ่านสิ่งกีดกั้นส าหรับคุ้มครองบุคคลหรือ ทรัพย์เข้าไปด้วยประการใด ๆ นั้น ไม่จ าต้องถึงขนาดที่ตัวของผู้กระท าจะต้องผ่านสิ่งกีดกั้นเข้าไปทั้งตัว เมื่อมีการใช้ไม้หรือส่วนใดส่วน หนึ่งของร่างกายล่วงล ้าผ่านสิ่งกีดกั้นย่อมถือได้ว่าเป็นการผ่านสิ่งกีดกั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ ตามองค์ประกอบของประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 335 (3) แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ต้องหาใช้ไม้ยาวประมาณ 1.50 เมตร ลอดผ่านช่องว่างของรั้วบ้านที่เกิดเหตุ แล้วเขี่ยเอากล่องพัสดุซึ่งภายในบรรจุก าไลของผู้เสียหาย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้ นภายในรั้วบ้านจนกล่องพัสดุขยับมาอยู่ใกล้บริเวณรั้วบ้านแล้ว ผู้ต้องหาใช้มือลอดผ่านช่องว่างรั้วบ้านที่เกิดเหตุหยิบเอากล่องพัสดุดังกล่าวของผู้เสียหายไป แม้ตัวผู้ต้องหาไม่ได้ผ่านรั้วบ้านซึ่งเป็ น สิ่งกัดกั้นเข้าไปภายในบ้านทั้งตัวก็ตาม แต่การที่ผู้ต้องหาใช้ไม้และมือซึ่งเป็ นวัตถุอื่นใดหรืออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายลอด ผ่านล่วงล ้าเข้าไปในช่องว่างของรั้วบ้านแล้วลักทรัพย์ที่อยู่ภายในรั้วบ้านออกมาซึ่งหากผู้ต้องหาไม่ได้ใช้ไม้และมือกระท าการลักทรัพ ย์ โดยลอดผ่านล่วงล ้าเข้าไปในรั้วบ้านดังกล่าว ผู้ต้องหาก็จะไม่สามารถลักทรัพย์ออกมาได้ส าเร็จ การกระท าของผู้ต้องหาจึงเป็ นความผิด ฐานลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นส าหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นส าหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์เข้าไปด้วยประการใด ๆ นั้น ไม่จ าต้องถึงขนาดที่ตัวของ ผู้กระท าจะต้องผ่านสิ่งกีดกั้นเข้าไปทั้งตัว เมื่อการใช้ไม้ซึ่งเป็ นวัตถุอื่นใดหรืออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายล่วงล ้าผ่านสิ่งกีดกั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการผ่านสิ่งกีดกั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ ตามองค์ประกอบของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3) แล้ว กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335 (3) ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายธรรมรัตน์ กมุทะรัตน์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ ขาดคดีอัยการสูงสุด 4 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 10 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 118/2566 /2563 ---------------------------- แนวทำงกำรร่ำงฟ้ องคดีขับรถประมำท (กรณีประมำทฝ่ำยเดียว) แนวทางในการร่างฟ้ องคดี “ขับรถโดยประมาทน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินและ เป็ นเหตุให้ (ถึงแก่ความตาย, อันตรายแก่กายหรือจิตใจ, อันตรายสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย)” (กรณีประมาทฝ่ายเดียว) จากประสบการณ์ในการร่างฟ้ อง ได้ข้อสังเกต มีแนวทางในการร่างฟ้ องประกอบกัน รวมทั้งสิ้ น 17 ข้อหลัก โดยเมื่อน า ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนมาเรียบเรียงตามล าดับในแต่ละข้อที่ก าหนดจนครบถ้วนแล้ว จะเข้าใจในการร่างฟ้ องได้โดยง่าย และสะดวกรวดเร็วในการจัดท าร่างฟ้ องและยังท าให้จ าเลยเข้าใจรายละเอียดและข้อหาได้ดี โดยมีแนวทางทั้ง 17 ข้อ ดังนี้ ข้อ 1 เมื่อวันที่ (บรรยาย วันเวลาเกิดเหตุ) ข้อ 2 จ าเลยได้ขับรถ บรรยาย (มีใครนั่งโดยสารหรือนั่งซ้อนท้ายมาด้วยหรือไม่) ข้อ 3 แล่นไปตามถนน บรรยาย (ชื่อถนน) ข้อ 4 มาจากด้าน บรรยาย (ทิศทางใด) ข้อ 5 มุ่งหน้าไป บรรยาย (ทิศทางใด) ข้อ 6 ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจ าเลยนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ กล่าวคือ จ าเลยขับรถคันดังกล่าวด้วยความเร็วสูง อันเป็ นการขับรถโดยประมาทน่า –หวาดเสียวอันอาจเกิดอันตราย แก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ข้อ 7 เมื่อขับแล่นมาถึงบริเวณ บรรยาย(ที่ใด) ที่เกิดเหตุ(บรรยายสภาพถนนที่เกิดเหตุ * หมายเหตุ) (ถ้าเป็ นเวลากลางคืน บรรยายประกอบ) อีกทั้งเป็ นเวลากลางคืนมีแสงสว่างไม่เพียงพอแก่การมองเห็นทางข้างหน้าได้ อย่างปลอดภัยเช่นเวลากลางวัน ข้อ 8 จ าเลยซึ่งประสงค์ขับรถแล่น ไปบรรยาย (ไปไหนอย่างไรเช่น ตรงไป เลี้ ยวซ้าย เลี้ ยวขวา กลับรถ) ข้อ 9 ในภาวะเช่นนั้น จ าเลยจักต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ (อย่างไรบรรยาย ** หมายเหตุ) ข้อ 10 ซึ่งจ าเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จ าเลยยังคงขับรถด้วยความเร็วสูง และ (ท าอย่างไร บรรยายพฤติการณ์ที่ตรงกันข้ามกับการที่จ าเลยต้องใช้ความระมัดระวัง) ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและ ความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 11 ซึ่งขณะนั้นเองมี บรรยาย (ใครก าลังท าอะไร อันเป็ นเหตุให้รถของจ าเลยเฉี่ยวชน) แล่นมาถึงบริเวณที่เกิด เหตุพอดี ข้อ 12 และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจ าเลยดังกล่าวเป็ นเหตุให้รถ บรรยาย (รถใครชน กับรถใคร) อย่างแรง ข้อ 13 จนเป็ นเหตุให้ (อะไรเสียหาย เช่น รถ หรือสิ่งของในที่เกิดเหตุ ของใคร บรรยาย) ได้รับความ เสียหาย (พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157) KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 11 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อ 14 และเป็ นเหตุให้ (ใคร ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390) ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณ (บรรยาย ตามรายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์) เป็ นอันตรายแก่กาย ข้อ 15 และเป็ นเหตุให้ (ใคร ได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300) ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณ (บรรยายตามรายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์) เป็ นอันตรายสาหัส และต้องป่ วยเจ็บด้วยอาการ ทุกขเวทนา จนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ข้อ 16 และเป็นเหตุให้ (ใคร ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291) ถึงแก่ความตายเนื่องจาก (อะไรบรรยายตามรายงานการตรวจศพ) รายละเอียดบาดแผล (ตาม ข้อ 14, ข้อ 15, ข้อ 16) ปรากฏตามรายงานชันสูตร พลิกศพ, รายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้ อง ข้อ 17 ค าขอท้ายฟ้ อง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 * หมายเหตุ ลักษณะตัวอย่างสภาพถนนที่เกิดเหตุ (พอสังเขป) (1) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสองช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นสวนทางกัน เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสองช่องทางเดินรถ ก าหนดให้รถแล่นสวนทางกัน และมีเส้นปะแบ่งกึ่งกลางถนน (2) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสองช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นไปในทิศทางเดียวกัน มีไหล่ทางเป็ นช่องทางส าหรับ เดินรถจักรยานยนต์ (3) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสองช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นสวนทางกันก่อนถึงทางแยกเข้าถนน ซึ่งมาบรรจบ กับช่องทางเดินรถของจ าเลย อันเป็ นทางร่วมทางแยก และมีป้ ายเครื่องหมายจราจรสีเหลืองกากบาท ติดตั้งไว้บริเวณริมถนน ก่อนถึงทางแยกทั้งสองช่องทาง แสดงบอกทางข้างหน้าเป็ นทางสี่แยกให้ผู้ขับขี่รถสัญจรไปมาใช้ความระมัดระวัง (4) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสี่ช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นไปในทิศทางเดียวกันสองช่องทางและแล่นสวนทางกลับ อีกสองช่องทางมีไหล่ทางทั้งสองฝั่งข้างทาง (5) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสี่ช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นไปในทิศทางเดียวกันสองช่องทางและแล่นสวนทางกลับ อีกสองช่องทาง มีเส้นทแยงสีเหลือง (แนวเขตปลอดภัย) แบ่งกึ่งกลางช่องทางเดินรถไปกลับ (6) เป็ นทางตรงแบ่งเป็ นสี่ช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นไปในทิศทางเดียวกันสองช่องทางและแล่นสวนทาง กลับสองช่องทาง มีเส้นปะแบ่งช่องทางเดินรถแต่ละช่องทาง และมีเครื่องหมายจราจรเส้นทแยงสีเหลืองทึบเป็ นเกาะกลาง ถนนแบ่งระหว่างช่องทางเดินรถไปกลับ (7) เป็ นทางโค้งแบ่งเป็ นสองช่องทางเดินรถก าหนดให้รถแล่นสวนทางกันโดยมีเส้นปะแบ่งกึ่งกลางถนน (8) เป็ นทางร่วมทางแยกโดยเป็ นสี่แยกขนาดใหญ่ถนนตัดกันระหว่างถนนสาย – กับถนนสาย - มีสัญญาณจราจร ทั้งสี่ด้าน ** หมายเหตุ ลักษณะตัวอย่างในการใช้ความระมัดระวัง (พอสังเขป) ข้อ 1 (กรณีชนรถที่จอดอยู่ข้างทาง) ต้องไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกินสมควรและระมัดระวังและควบคุมรถ มิให้รถของจ าเลยส่วนหนึ่งส่วนใดเฉี่ยวชนรถที่จอดหยุดอยู่ได้ ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 2 (กรณีชนในบริเวณทางโค้ง) ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ โดยไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกินสมควร จนไม่สามารถหยุดรถหรือชะลอความเร็วของรถให้ช้าลงพอที่จะขับหลบหลีกไม่ให้เฉี่ยวชนรถคันอื่นหรือสิ่งกีดขวางทาง ข้างหน้าหรือหยุดรถได้ทันอย่างปลอดภัย ในเมื่อจ าเป็ นต้องหยุดรถ และไม่ขับรถแซงขึ้ นหน้ารถคันอื่นในบริเวณทางโค้ง ดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อ 3 (กรณีชนคนเดินเท้า) ต้องไม่ขับขี่รถด้วยความเร็วสูงจนเกินสมควร และระมัดระวังมิให้รถที่จ าเลยขับแล่นเข้า เฉี่ยวชนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทาง ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 4 (กรณีเลี้ ยวขวาชน) ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ โดยต้องเปิ ดสัญญาณไฟรถให้สัญญาณเลี้ ยวขวา ก่อนถึงบริเวณที่จะเลี้ ยวรถ และก่อนเลี้ ยวรถจ าเลยต้องมองดูความปลอดภัยในช่องทางเดินรถที่สวนทางมาให้ปลอดภัย เสียก่อนว่า ขณะนั้นมีรถคันอื่นก าลังแล่นสวนทางมาในระยะใกล้หรือไม่ หากมีจ าเลยต้องรอให้รถนั้นแล่นผ่านไปเสียก่อน เพื่อป้ องกันมิให้รถชนกันได้ในขณะเลี้ ยว และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว จ าเลยจึงจะสามารถขับรถเลี้ ยวขวาแล่นผ่านช่อง ทางเดินรถที่แล่นสวนทางมาไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 5 (กรณีเลี้ ยวซ้ายชน) ต้องใช้ความระมัดระวังโดยต้องชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง และต้องให้สัญญาณไฟ ยกเลี้ ยวสีเหลืองอ าพันที่ติดอยู่ท้ายรถไปในทิศทางที่จะเลี้ ยวก่อนถึงจุดเลี้ ยวรถเป็ นระยะทางไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร และต้องมองดูรถทางด้านซ้ายให้ปลอดภัยเสียก่อนว่ามีรถคันอื่นก าลังแล่นตามมาในระยะใกล้หรือไม่ หากมีจ าเลยต้องรอให้ รถที่แล่นตามมานั้นผ่านไปก่อน และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว จ าเลยจึงจะสามารถขับรถเลี้ ยวซ้ายได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อป้ องกันมิให้รถที่ก าลังแล่นตามหลังรถจ าเลยมาเฉี่ยวชนรถกับรถของจ าเลยได้ ข้อ 6 (กรณีชนท้ายรถคันหน้า) ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ โดยต้องไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกินสมควร และจักต้องขับรถเว้นระยะให้ห่างจากรถซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้าพอสมควรในระยะที่จะขับหลบหลีกมิให้เฉี่ยวชนหรือหยุดรถ ได้โดยปลอดภัยในเมื่อจ าเป็ นต้องหยุดรถ ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 7 (กรณีแซงล ้าชนรถสวนทาง) ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ โดยต้องไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง จนเกินสมควร และต้องมองดูช่องทางเดินรถที่สวนทางมาข้างหน้าให้ปลอดภัยเสียก่อนว่า มีรถคันอื่นก าลังแล่นสวนทาง มาในระยะใกล้หรือไม่หากมีจ าเลยต้องรอให้รถที่แล่นสวนทางมานั้น แล่นผ่านไปเสียก่อนและเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว จ าเลยจึงจะสามารถขับรถแล่นล ้าเข้าไปในช่องทางเดินรถที่แล่นสวนมาเพื่อแซงขวาขึ้ นหน้ารถซึ่งแล่นอยู่ด้านหน้ารถของ จ าเลยไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อ 8 (กรณีชนบริเวณทางร่วมทางแยก) ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ โดยต้องชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง และหยุดรถในช่องทางเดินรถของจ าเลยมองดูรถในช่องทางเดินรถที่แล่นมาตามถนนดังกล่าวทั้งสองช่องทางที่ตัดผ่าน ให้ปลอดภัยเสียก่อนว่า มีรถคันอื่นก าลังจะแล่นผ่านไปมาในระยะใกล้หรือไม่ หากมีจ าเลยต้องรอให้รถที่แล่นมานั้นแล่น ผ่านพ้นไปเสียก่อน และเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว จ าเลยจึงจะสามารถขับรถแล่นเข้าทางร่วมทางแยกดังกล่าวเพื่อเลี้ ยวขวา ตรงไปตามถนนดังกล่าวได้ทั้งนี้ เพื่อป้ องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นในบริเวณทางร่วมทางแยกดังกล่าว ข้อ 9 (กรณีขับรถในขณะหย่อนความสามารถเมา) ต้องใช้ความระมัดระวังโดยจ าเลยต้องหยุดรถและไม่ขับรถแล่น ต่อไปจนกว่าจ าเลยจะหายเมาและสามารถขับรถและควบคุมรถให้แล่นไปอย่างปลอดภัยได้ทั้งนี้ เพื่อค านึงถึงความปลอดภัย และความเดือดร้อนของผู้อื่น ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การร่างฟ้ องคดีขับรถประมาท ปัจจุบันยังคงเป็ นปัญหาแก่พนักงานอัยการในการร่างฟ้ อง โดยยังไม่มีแนวทาง ในการร่างฟ้ องให้เป็ นไปในมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อให้เข้าใจในแนวทางการร่างฟ้ องและเพื่อให้การร่างฟ้ องสะดวกรวดเร็ว จึงเห็นว่า แนวทางการร่างฟ้ องดังกล่าว อันเกิดจากประสบการณ์ในการท างานตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่มา โดยตลอด น่าจะเป็ นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน สมควรจะบันทึกไว้และเผยแพร่เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ของบุคลากร ตลอดจนเก็บรักษาและต่อยอดองค์ความรู้ให้เพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157 - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390 - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายพิศิษฐ์ เจริญรักษ์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 119/2566 /2563 ---------------------------- กำรเข้ำร่วมชันสูตรพลิกศพและร่วมท ำส ำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้แก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการชันสูตร พลิกศพและการไต่สวนการตาย เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลยิ่งขึ้ น โดยให้พนักงานอัยการเข้า ร่วมชันสูตรพลิกศพและร่วมท าส านวนชันสูตรพลิกศพ อัยการสูงสุดจึงออกระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่า ด้วยการชันสูตรพลิกศพ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีข้อสังเกตและข้อควรระวังในการปฏิบัติหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ดังนี้ ในการเข้าร่วมชันสูตรพลิกศพกรณีที่มีความตายเกิดขึ้ นโดยการกระท าของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่า ปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการ ตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสาม ก าหนดให้พนักงานอัยการ พนักงานฝ่ ายปกครองเป็ นผู้ชันสูตรพลิกศพร่วมกับพนักงานสอบสวน และแพทย์ในทางปฏิบัติการ ร่วมชันสูตรพลิกศพในส่วนกลางพื้ นที่กรุงเทพหานคร พบว่าพนักงานสอบสวนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ส านักงานเขตท้องที่ ที่ศพนั้นอยู่เป็ นผู้ร่วมชันสูตรพลิกศพ ซึ่งไม่ใช่พนักงานฝ่ ายปกครองตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (17) และตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการปฏิบัติ หน้าที่ชันสูตรพลิกศพของพนักงานฝ่ ายปกครอง พ.ศ. 2543 ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 นอกจากนี้ ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ พ.ศ. 2565 ข้อ 29 วรรคสอง ระบุว่าหากเป็ นกรณี ตรวจสอบพบว่า ไม่มีพนักงานอัยการ พนักงานฝ่ ายปกครอง หรือแพทย์เข้าร่วมชันสูตรพลิกศพ ให้หัวหน้าพนักงานอัยการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมหรือคืนส านวนชันสูตรพลิกศพดังกล่าวเพื่อให้พนักงาน สอบสวนด าเนินการให้ถูกต้อง ดังนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ร่วมชันสูตรพลิกศพเป็ นไปโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับดังกล่าว พนักงานอัยการผู้เข้าร่วมชันสูตรพลิกศพจะต้องตรวจสอบ ในส่วนของการแจ้งพนักงานฝ่ ายปกครองแล้วแจ้งพนักงานสอบสวนด าเนินการให้ถูกต้องต่อไป และ เพื่อป้ องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการท าส านวนชันสูตรพลิกศพอีกชั้นหนึ่งด้วย ในส่วนของการร่วมท า ส านวนชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคสี่ ก าหนดให้ พนักงานอัยการเข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนท าการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ พ.ศ. 2565 ข้อ 26 ระบุว่าเมื่อพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนเห็นร่วมกัน ว่าการท าส านวนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้ นแล้ว พนักงานสอบสวนจะเป็ นผู้ท ารายงานความเห็นทางคดี โดยพนักงานอัยการไม่ต้องลงลายมือชื่อในรายงาน เสร็จแล้วพนักงานสอบสวนก็จะส่งส านวนชันสูตรพลิกศพ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 11 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ให้พนักงานอัยการท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ยื่นค าร้องต่อศาลเพื่อท าการไต่สวนและท าค าสั่ง ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคห้า ในการท าส านวนชันสูตรพลิกศพ หากตรวจพบว่าไม่มีพนักงาน อัยการเข้าร่วมท าส านวนชันสูตรพลิกศพ หรือไม่มีพนักงานอัยการ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือแพทย์เข้าร่วม ชันสูตรพลิกศพให้หัวหน้าพนักงานอัยการสั่งคืนส านวนหรือสั่งสอบสวนเพิ่มเติมตามระเบียบ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ นอกเหนือจากการมีหนังสือแจ้งเวียนให้พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนทราบเกี่ยวกับการ ปฏิบัติหน้าที่ชันสูตรพลิกศพแล้ว เพื่อเป็ นการป้ องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการร่วมชันสูตรพลิกศพและร่วม ท าส านวนชันสูตรพลิกศพ ในการร่วมชันสูตรพลิกศพ พนักงานอัยการจะต้องสอบถามพนักงานสอบสวนว่าได้ แจ้งพนักงานฝ่ายปกครอง หรือแพทย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 วรรคสาม แล้วหรือไม่ โดยเฉพาะต้องตรวจสอบว่าได้แจ้งพนักงานฝ่ายปกครองตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย ระเบียบ และ ข้อบังคับ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ชันสูตรพลิกศพหรือไม่ เพื่อให้การชันสูตรพลิกศพเป็ นไปโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย และกรณีมีความจ าเป็ นเร่งด่วนหรือมีเหตุขัดข้องต้องจดบันทึกหมายเหตุไว้ด้วย กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (17) มาตรา 150 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการชันสูตรพลิกศพ พ.ศ. 2565 ข้อ 26 ข้อ 29 - ข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ชันสูตรพลิกศพของพนักงาน ฝ่ายปกครอง พ.ศ. 2543 ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 5 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางนาตยา สาลักษณ์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 4 ส านักงานการสอบสวน นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 120/2566 /2563 ---------------------------- ปัญหำขอ้กฎหมำยในกำรไกล่เกลี่ยหน้ีนอกระบบของอยักำรและเสนอแนวทำงแกไ้ข จากการปฏิบตัิงานเป็นอยัการจงัหวดัคุม้ครองสิทธ์ิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน จงัหวดัเชียงราย และ ในฐานะประคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบประจ าจังหวัด ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ ซึ่งยังไม่มีในหนังสือคู่มือการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ ของสา นักงานอยัการคุม้ครองสิทธ์ิสา นักงานอยัการสงูสุดซึ่งพบว่า 1. ตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็ นความผิดอาญาแผ่นดินอันยอมความไม่ได้ อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบของ พนักงานอัยการ คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่มีมาตรการทางกฎหมาย กรณีที่ เมื่อพนักงานอัยการ หรือคณะอนุ กรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ สามารถไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีคือ เจ้าหนี้ นอกระบบและลูกหนี้ สามารถตกลงกันได้ และ ยอมความกันได้แล้ว โดยมีความ ประสงค์ที่จะไม่น าคดีขึ้นสู่ศาล แต่ตามหลักกฎหมายที่กล่าวถึงเมื่อเป็ นความผิดอันยอมความไม่ได้ ถึงแม้จะมีการตกลงยอม ความกันแล้วก็ยังต้องน าคดีขึ้ นสู่ศาล แต่ในทางปฏิบัติขณะนี้ เมื่อคู่กรณีสามารถตกลงกันได้คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบและคณะท างานจะยุติดีโดยไม่น าคดีส่งพนักงานสอบสวนเพื่อด าเนินคดีกับเจ้าหนี้ นอกระบบซึ่งขัดแย้งกับกฎหมาย 2. ผลกระทบต่อหน่วยงานที่ท าหน้าที่ไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบเนื่องจากหลายหน่วยงานเช่น ส านักงานอัยการ คุม้ครองสิทธ์ิเป็ นคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ ส านักงานต ารวจแห่งชาติโดยมีผู้บัญชาการต ารวจนครบาลหรือ ผู้แทน เป็ นอนุกรรมการ ในคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ นอกระบบประจ ากรุงเทพมหานคร และผู้บังคับการ ต ารวจภูธรจังหวัดหรือผู้แทน เป็ นอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ นอกระบบประจ าจังหวัด ซึ่งเมื่อพบเห็นการกระท าความผิดต้องด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจของตนในการด าเนินคดีอาญาฐานเรียกดอกเบี้ ย เกินอัตราตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 กับเจ้าหนี้ นอกระบบเนื่องจากเป็ นความผิดอาญา แผ่นดิน ซึ่งไม่สามารถยอมความกันได้ ซึ่งอาจเป็ นการกระท าความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้ จึงเห็นว่าการท างานปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบ มีปัญหาในทางปฏิบัติ 3. ผลกระทบต่อการเจรจาไกล่เกลี่ยของอัยการ หรือ คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบและคณะท างาน เนื่องจากหากเป็ นคดีความผิดอันยอมความไม่ได้แล้วลูกหนี้ ยังสามารถด าเนินคดีในฐานความผิดเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ. ศ. 2560 กับเจ้าหนี้ นอกระบบได้ถึงแม้จะมีการตกลงประนีประนอมยอม ความกันแล้วก็ตามเนื่องจากเป็ นคดีความผิดอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความกันได้ จึงมีผลต่อการตัดสินใจที่จะเจรจา ประนีประนอมยอมความของเจ้าหนี้ จะท าให้การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบมีความยากขึ้ นเนื่องจากถึงแม้จะเจรจา ได้ก็ยังต้องด าเนินคดีกับเจ้าหนี้ อยู่ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 12 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 4. ผลกระทบเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประนีประนอมหรือข้อตกลงกรณีที่เจ้าหนี้ นอกระบบและลูกหนี้ สามารถ ตกลงระงับข้อพิพาทกันได้โดยการท าสัญญาประนีประนอมยอมความหรือข้อตกลง และระบุว่าจะไม่น าคดีไปฟ้ องร้องหรือ ด าเนินคดีอาญากับเจ้าหนี้ ฐานเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราอีกในสัญญานี้จะใช้บังคับได้หรือไม่ในเมื่อคดีดังกล่าวเป็ นความผิดอัน ยอมความไม่ได้ซึ่งสามารถด าเนินคดีอาญาได้อีก จึงท าให้คู่พิพาทยังลังเลใน ทางเลือกที่จะบังคับตามสัญญาประนีประนอม หรือข้อตกลงได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากกฎหมายและค าสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และอ านาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการแล้ว แต่กฎหมายฉบับนี้ ยังไม่พูดถึงกระบวนการไกล่เกลี่ยทางอาญา ซึ่งในความผิดฐานห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา ตามพระราชบัญญัติเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ.ศ. 2562 อันเป็ นความผิดอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความกันได้ กรณีที่อัยการ หรือ คณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันส าเร็จแล้ว จนผลทางคดี เป็ นที่พอใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จึงไม่ควรน าข้อพิพาททั้งทางแพ่งและทางอาญามาฟ้ องคดีต่อศาลอีกครั้ง อันจะเป็ น การส่งเสริมให้ประชาชนมีความนิยมในกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมากกว่าที่จะนิยมการน าข้อพิพาทมาฟ้ องคดีต่อศาล จึงขอเสนอแนะแนวทางในการก าหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อพัฒนากระบวนการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท ในทางอาญาเกี่ยวกับความผิดฐานเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราหรือหนี้ นอกระบบดังนี้ ควรมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนให้พนักงานอัยการ และคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ นอก ระบบท าหน้าที่ในการไกล่เกลี่ยหนี้ นอกระบบให้แก่ประชาชนที่พิพาทกัน อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ขัดกับกฎหมาย พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา โดยมีมาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการให้สิทธิแก่คู่กรณีที่สามารถตกลงประนีประนอมยอมความหนี้ นอกระบบ หรือในความผิดฐานห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราโดยผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย และเมื่อคู่กรณีท าข้อตกลงระงับข้อพิพาท ทางอาญากันแล้วให้ถือว่าการน าคดีอาญามาฟ้ องระงับลง เฉพาะคู่กรณีซึ่งท าข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันกับ การไกล่เกลี่ยของผู้ไกล่เกลี่ย ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ซึง ในหมวด 3 มาตรา 35 ซึ่งการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาททางอาญาให้กระท าได้ในกรณีในอนุ 2 ระบุว่า ความผิดลหุโทษตามมาตรา มาตรา 391 มาตรา 392 มาตรา 393 มาตรา 394 มาตรา 395 มาตรา 397 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และ ความผิดลหุโทษอื่นที่ไม่กระทบ ต่อส่วนรวม ให้ถือว่าสิทธิในการน าคดีอาญามาฟ้ องระงับเฉพาะคู่กรณีซึ่งท าข้อตกลงดังกล่าว ในความผิดฐานห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราตามพระราชบัญญัติเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 นั้นไม่ได้เป็ น ความผิดลหุโทษ แต่หากให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐและผู้ใช้กฎหมาย จึงสามารถระบุเป็ นข้อยกเว้นไว้เช่นเดียวกัน กับความผิดลหุโทษดังกล่าว ซึ่งในความผิดลหุโทษนั้นก็เป็ นความผิดอันยอมความไม่ได้เช่นเดียวกันกับความผิดห้ามเรียก ดอกเบี้ ยเกินอัตรา เมื่อตามพระราชบัญญัติไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ระบุยกเว้นให้สิทธิน าคดีอาญามาฟ้ องระงับลง ในความผิดลหุโทษ เมื่อท าข้อตกลงระงับข้อพิพาทกันแล้ว ในความผิดฐานห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราก็ควรท าข้อตกลงระงับ ข้อพิพาทกันแล้ว ระบุยกเว้นให้สิทธิน าคดีอาญามาฟ้ องระงับได้เช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ ไม่ควรให้เป็ นคดีที่เป็ นความผิดต่อส่วนตัวที่ยอมความกันได้ แต่ควรเป็ นข้อยกเว้น เนื่องจากหากเป็ น ความผิดที่ยอมความกันได้ ต้องมีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด และ รู้ตัวผู้กระท าความผิด มิฉะนั้นคดีจะขาดอายุความ ซึ่งจะเห็นว่ากว่าลูกหนี้ จะมาขอความช่วยเหลือให้เจรจาไกล่เกลี่ยเวลา ก็ล่วงเลยกว่า 3 เดือนแล้ว คดีฐานห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตราอาจขาดอายุความได้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 อนึ่ง จะเห็นได้ว่าส านักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ใช้พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 เนื่องจาก ส านักงานอัยการสูงสุดมีระเบียบการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทอยู่แล้ว จึงเข้าข้อยกเว้นของพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งในระเบียบการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทของส านักงานอัยการสูงสุดดังกล่าวควรมีการแก้ไขให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 มาตรา 35 จะเป็ นประโยชน์ด้วย กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 5, 6 - พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 มาตรา 35 - หนังสือค่มูือแนวทางไกล่เกลี่ยประนอมหน้ีนอกระบบสา นักงานอยัการคุม้ครองสิทธ์ิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ ประชาชน ส านักงานอัยการสูงสุด ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นางสาวกรภัทร นิษฐาอัครากุล ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการภาค 5 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 121/2566 /2563 ---------------------------- หลักเกณฑ์และวิธีกำรยื่นค ำขอระยะเวลำยื่นฎีกำหรือแก้ฎีกำในคดียำเสพติด ข้อเท็จจริงได้ความว่า หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีค าพิพากษาว่าจ าเลยกระท าความผิดตามประมวลกฎหมาย ยาเสพติดแล้ว จ าเลยได้ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านค าพิพากษาศาลชั้นต้น ต่อมาศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด ได้มีค าพิพากษากลับค าพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกฟ้ องของพนักงานอัยการโจทก์ พนักงานอัยการประจ า ศาลชั้นต้นได้ส่งส านวนคดีดังกล่าวมาเพื่อให้อัยการศาลสูงเพื่อพิจารณาว่าจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านค าพิพากษาศาล อุทธรณ์หรือไม่ และพนักงานอัยการประจ าศาลชั้นต้นได้ยื่นค าร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาไว้เนื่องจากยังไม่ได้รับ เอกสารที่ยื่นค าร้องขอคัดถ่ายไว้ โดยมิได้ยื่นค าร้องเพื่อขออนุญาตฎีกาไปในค าร้องฉบับเดียวกัน ตามระเบียบ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค าขอการพิจารณา และมีค าสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต ให้ฎีกาในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2551 และระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดี ชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 26 ต่อมาอัยการศาลสูงยื่นค าร้องเพื่อขออนุญาตฎีกาพร้อมกับฎีกา และศาลฎีกามีค าสั่งไม่รับฎีกาของพนักงานอัยการโจทก์ไว้วินิจฉัย ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ พนักงานอัยการประจ าศาลชั้นต้นได้ยื่นค าร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาไว้เพียง อย่างเดียว โดยมิได้ยื่นค าร้องเพื่อขออนุญาตฎีกาไปในค าร้องฉบับเดียวกัน ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 26 แม้ต่อมาอัยการศาลสูงจะได้ยื่นค าขอโดยท า เป็ นค าร้อง เพื่อขออนุญาตฎีกาต่อศาลฎีกาพร้อมกับฎีกาภายในก าหนดระยะเวลาที่พนักงานอัยการประจ า ศาลชั้นต้นได้ยื่นค าร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาไว้ก็ตามศาลฎีกาก็มีค าสั่งไม่รับฎีกาของพนักงานอัยการโจทก์ไว้วินิจฉัย ทั้งนี้ เนื่องจากพนักงานอัยการประจ าศาลชั้นต้นมิได้ยื่นค าร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาและขออนุญาตขยาย ระยะเวลาเพื่อยื่นค าขออนุญาตฎีกาไปในค าร้องฉบับเดียวกัน อันเป็ นกรณีที่พนักงานอัยการประจ าศาลชั้นต้น มิได้ปฏิบัติให้เป็ นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 19 ระเบียบที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค าขอการพิจารณา และมีค าสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต ให้ฎีกาในคดี ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2551 ข้อ 4 และระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดี ชั้นศาลสูงของ พนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 26 กรณีจึงเป็ นข้อบกพร่องในการด าเนินคดีของพนักงานอัยการประจ าศาลชั้นต้น ที่ถึงขนาดที่จะเกิดความเสียหายและไม่อาจแก้ไขได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดี ชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 37 (เทียบเคียงค าพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2561) KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 12 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีชั้นศาลสูงของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 26 - ระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นค าขอ การพิจารณา และมีค าสั่งอนุญาต หรือไม่อนุญาต ให้ฎีกาในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2551 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสิริมงคล สุวรรณธาดา ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคดีศาลสูงภาค 4 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 122/2566 /2563 ---------------------------- กำรสั ่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลำง ในควำมผิดฐำนใชร้ถยนตบ์รรทุกน้ำ หนักเกินอตัรำ ข้อเท็จจริงตามทางสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา กล่าวหา กับพวก เจ้าหน้าที่ต ารวจทางหลวง พบผู้ต้องหาขับรถยนต์บรรทุก บรรทุกดินแล่นไปตามถนนทางหลวงหมายเลข 232 กิโลเมตรที่ 23-24 น่าสงสัยว่าจะมีน ้าหนักเกินกว่าที่กฎมายก าหนด ผู้กล่าวหากับพวกจึงแสดงตัวเป็ นเจ้าหน้าที่ ต ารวจทางหลวง และได้น ารถยนต์บรรทุกดังกล่าวเข้าชั่งน ้าหนักได้ 25,295 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมาย ก าหนดไว้ 295 กิโลกรัม ผู้กล่าวหากับพวกจึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดรถยนต์บรรทุก จ านวน 1 คันดังกล่าว เป็ นของกลาง น าส่งพนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้ องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา อัยการจังหวัดประจ าส านักงานอัยการสูงสุด มีค าสั่งฟ้ องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา และเห็นควรไม่ริบรถยนต์ บรรทุกของกลาง เห็นควรให้เจ้าพนักงานจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 อัยการจังหวัด ทราบค าสั่งฟ้ องผู้ต้องหา และมีค าสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง และให้เจ้าพนักงาน จัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 อัยการจังหวัด ส่งส านวนคดี กรณีมีค าสั่งไม่ริบของกลาง เสนออธิบดีอัยการภาค 4 เพื่อตรวจสอบตาม หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 พิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏว่า รถยนต์บรรทุกของกลางมีชื่อบริษัท A จ ากัด นิติบุคคลตามกฎหมาย เป็นเจา้ของกรรมสิทธ์ิและผูประกอบการขนส่ง ตามส าเนาหนังสือรับรองบริษัท และส าเนารายการจดทะเบียน ้ รถยนต์บรรทุกของกลาง เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/12 และ 6/22 ต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ได้ให้นาย ก. เช่าซื้ อ ในราคา 900,000 บาท ช าระในวันท าสัญญา 100,000 บาท ส่วนค่าเช่าซื้ อที่เหลือตกลงผ่อนช าระเป็ นรายปี ปี ละ 400,000 บาท รวม 2 งวด เริ่มช าระงวดแรก วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีกรรมการของบริษัท A จ ากัด ลงลายมือชื่อในฐานะผู้ให้เช่าซื้ อแต่อย่างใด คงปรากฏแต่การเขียนชื่อ บริษัท เซ็นทรัล A จ ากัด ในช่องผู้ให้เช่าซื้ อ พร้อมประทับตราบริษัทเท่านั้น นอกจากนั้น ตามสัญญาเช่าฉบับดังกล่าว ข้อ 3 ผู้เช่าซื้ อให้สัญญาว่า ก่อนการช าระค่าเช่าซื้ อครบถ้วน จะไม่น ารถที่เช่าซื้ อไปให้ คนอื่นเช่าช่วง หรือให้ผู้อื่นยืม ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้ อ เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/16 ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2565 นาย ก. ได้น ารถยนต์บรรทุกของกลางออกให้ นาย ข. เช่า โดยคิดค่าเช่า วันละ 2,000 บาท ก าหนดระยะเวลาเช่าตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2565 โดยไม่ก าหนดระยะเวลาสิ้ นสุดของ สัญญาเช่า โดยมี นาย ค. ลงลายมือชื่อเป็ นพยานในสัญญาเช่าดังกล่าว ตามหนังสือสัญญาเช่า เอกสารในส านวน ล าดับที่ 6/21 KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 15 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 และวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็ นวันเดียวกันดังกล่าว นาย ค. ได้ว่าจ้างให้ นาย ข. ถมดินที่ดินในอัตรา ค่าจ้างจ านวน 70,000 บาท โดยให้ถมดินให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 ตามหนังสือสัญญาจ้าง เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/17-18 ต่อมาวันที่ 5 เมษายน 2565 นาย ข. ได้ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาขับรถยนต์บรรทุกบรรทุกดินไปขนดิน เพื่อถมดินให้กับนาย ค. ที่ ที่ดินโฉนดเลขที่... ซึ่งมีน ้าหนัก ได้ 25,295 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายก าหนดไว้ 295 กิโลกรัม ผู้กล่าวหากับพวกจึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดรถยนต์บรรทุก จ านวน 1 คันดังกล่าวเป็ นของกลาง น าส่งพนักงานสอบสวน พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีปรากฏตามเอกสารรายการจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกของกลาง เอกสารในส านวน ล าดับที่ 6/22 ผูถ้ือกรรมสิทธ์ิและผูป้ระกอบการขนส่ง คือ บริษัท A จ ากัด นิติบุคคลตามกฎหมาย ซึ่งเป็นบุคคล ภายนอก และปรากฏหลักฐานว่า บริษัท A จ ากัด นิติบุคคลตามกฎหมาย ได้ให้นาย ก. เช่าซื้ อรถยนต์บรรทุก ของกลาง ระยะเวลาการเช่าซื้ อมีก าหนด 2 งวด ตกลงผ่อนช าระเป็ นรายปี ปี ละ 400,000 บาท รวม 2 งวด เริ่มช าระงวดแรกวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ตามสัญญาเช่าซื้ อลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งไม่ปรากฏว่า มีกรรมการของบริษัท A จ ากัด ลงลายมือชื่อในฐานะผู้ให้เช่าซื้ อแต่ใด คงปรากฏแต่การเขียนชื่อ บริษัท A จ ากัด ในช่องผู้ให้เช่าซื้ อ พร้อมประทับตราบริษัทเท่านั้น นอกจากนั้นตามสัญญาเช่าฉบับดังกล่าว ข้อ 3 ผู้เช่าซื้ อให้สัญญา ว่า ก่อนการช าระค่าเช่าซื้ อครบถ้วน จะไม่น ารถที่เช่าซื้ อไปให้คนอื่นเช่าช่วง หรือให้ผู้อื่นยืม ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้ อ เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/16 สัญญาเช่าซื้ อดังกล่าวจึงมีพิรุธ นอกจากนั้น เหตุกระท าความผิดคดีนี้ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 ซึ่งน่าจะครบตามสัญญาเช่าซื้ อ งวดที่ 2 ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 แล้ว ประกอบกับสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2565 เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/21 ที่ นาย ก. ผู้เช่าซื้ อ รถยนต์บรรทุกของกลางได้น ารถยนต์บรรทุกของกลางออกให้นาย ข. เช่า โดยไม่ก าหนดระยะเวลาสิ้ นสุดของ สัญญาเช่า โดยมีนาย ค. ผู้ว่าจ้างให้ นาย ข. ผู้เช่ารถยนต์บรรทุกของกลางให้ถมที่ดินตามหนังสือสัญญาจ้าง เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/17-18 นั้น ได้ลงลายมือชื่อเป็ นพยานในสัญญาเช่าดังกล่าวด้วย อีกทั้งหนังสือสัญญาจ้าง ฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2565 เอกสารในส านวนล าดับที่ 6/17-18 และสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม 2565 เอกสารส านวนล าดับที่ 6/21 จึงมีพิรุธน่าสงสัยว่า ได้จัดขึ้ นในคราวเดียวกัน ต่อเนื่องกัน จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จะเห็นได้ว่า สัญญาเช่าซื้ อระหว่างบริษัท A จ ากัด นิติบุคคลตามกฎหมาย และ นาย ก. ฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เป็ นการท าสัญญาเช่าซื้ อที่ไม่มีกรรมการลงลายมือชื่อ อีกทั้งภายหลัง จากที่สัญญาเช่าซื้ อครบก าหนดการเช่าซื้ อ นาย ก. ผู้เช่าซื้ อได้น ารถยนต์บรรทุกของกลางออกให้นาย ข. เช่าช่วง โดยฝ่าฝืนข้อก าหนดในสัญญาเช่าซื้ อ ข้อ 3 ที่ก าหนดห้ามไม่ให้ผู้เช่าซื้ อน ารถที่เช่าไปให้คนอื่นเช่าช่วง อีกทั้งสัญญาเช่า ระหว่างนาย ก. และ นาย ข. ไม่มีก าหนดระยะเวลาสิ้ นสุด จึงมีข้อให้พิจารณาว่า สัญญาเช่าซื้ อมีผลตามกฎหมายหรือไม่ มีการเช่าซื้ อกันจริงหรือไม่อย่างไร เมื่อครบก าหนดสัญญาเช่าซื้ อ เหตุใดนาย ก. จึงไม่คืนรถยนต์บรรทุกของกลาง ที่เช่าซื้ อให้แก่บริษัท A จ ากัด และเหตุใดบริษัท A จ ากัด จึงไม่ติดตามรถยนต์บรรทุกคืนจากนาย ก. และเหตุใด นาย ก. จึงปฏิบัติผิดข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้ อที่น ารถไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วง โดยบริษัท A จ ากัด ไม่ทักท้วง ทั้งเป็ น การให้นาย ข. เช่าช่วงเมื่อพ้นก าหนดสัญญาเช่าซื้ อแล้ว อีกทั้งสัญญาเช่าและสัญญาจ้างถมดินได้กระท าในวันเดียวกัน และเป็ นการท าสัญญาเช่าไม่มีก าหนดระยะเวลาสิ้ นสุด KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ดังนั้นสัญญาเช่าซื้ อ สัญญาเช่า และสัญญาว่าจ้าง ดังกล่าวจึงเป็ นพิรุธ ขัดต่อเหตุผล และขาดความน่าเชื่อถือ ท าให้เชื่อได้ว่า บริษัท A จา กดัเจา้ของกรรมสิทธ์ิรถยนต์บรรทุกของกลาง น่าจะรเู้ห็นเป็นใจในการกระท าความผิด ของผู้ต้องหา ควรที่จะด าเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้สิ้ นสงสัย ดังนั้น การที่อัยการจังหวัดประจ าส านักงาน อัยการสูงสุด และอัยการจังหวัด... มีความเห็นและค าสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง โดยให้เหตุผลว่าเจ้าของ กรรมสิทธ์ิมิไดม้ ีส่วนเกี่ยวขอ้งหรือมีส่วนรูเ้ห็นเป็ นใจในการกระท าผิดกับผู้ต้องหาแจ้งพนักงานสอบสวนให้จัดการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 จึงไม่ชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เป็ นการ สัง่คดีโดยมีขอ้เท็จจริงเกี่ยวกับของกลางยงัไม่ส้ินกระแสความในประเด็นส าคัญว่า เจา้ของกรรมสิทธ์ิมีส่วนรูเ้ห็น เป็ นใจในการกระท าความผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งหากเจา้ของกรรมสิทธ์ิมีพฤติการณ์ร่วมรูเ้ห็นเป็นใจในการกระท าผิด กับผู้ต้องหาแล้ว พนักงานอัยการจะต้องมีค าสั่งขอริบรถยนต์บรรทุกของกลาง แต่การพิจารณาวินิจฉัยและมีค าสั่ง ในประเด็นที่ว่าเจา้ของกรรมสิทธ์ิรูเ้ห็นเป็นใจในการกระท าความผิดของผูต้อ้งหาหรือไม่ขอ้เท็จจริงยังไม่เพียงพอ ที่จะมีค าสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง เป็ นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย การสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง จึงไม่สอดคล้องกับระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 32, 33, 58 หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิด ฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา และหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส(สฝปผ.)0018/ว 166 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2544 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนัก เกินอัตรา อธิบดีอัยการภาค 4 จึงมีค าสั่งให้มีหนังสือก าชับการปฏิบัติราชการแก่อัยการจังหวัดประจ าส านักงานอัยการ สูงสุด และอัยการจังหวัด... ให้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความ ละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบส านวนให้ครบถ้วนให้เป็ นไปตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนิน คดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 32, 33, 58 หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนัก เกินอัตรา และหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส(สฝปผ.)0018/ว 166 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2544 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา อย่างเคร่งครัดในโอกาสต่อไป และรายงานส านักงานอัยการสูงสุดต่อไป ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ในความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา ต้องปรากฏ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับของกลางในประเด็นส าคัญว่า เจา้ของกรรมสิทธ์ิมีส่วนรูเ้ห็นเป็นใจในการกระท าความผิดดว้ย หรือไม่ซึ่งหากเจา้ของกรรมสิทธ์ิมีพฤติการณ์ร่วมรูเ้ห็นเป็นใจในการกระท าผิดกับผูต้อ้งหาแลว้พนักงานอัยการ จะต้องมีค าสั่งขอริบรถยนต์บรรทุกของกลาง แต่การพิจารณาวินิจฉัยและมีค าสั่งในประเด็นที่ว่า เจ้าของกรรมสิทธ์ิรเู้ห็นเป็นใจในการกระท าความผิดของ ผู้ต้องหาหรือไม่ หากข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะมีค าสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง เป็ นการพิจารณาที่ไม่ชอบ ด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย การสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลางจึงไม่สอดคล้องกับ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 32, 33, 58 หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทาง ปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา และหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส(สฝปผ.)0018/ว 166 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2544 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ คดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ32,33,58 - หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและ แนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา - หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส(สฝปผ.)0018/ว 166 ลงวันที่ 20 สิงหาคม 2544 เรื่อง ซักซ้อม ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 - ผู้จัดท า KCJ : นางปัญจพัฒน์ วรรณไพบูลย์ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1 ภาค 4 ส านักงานอัยการภาค 4 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 123/2566 /2563 ---------------------------- ส ำนวนขออนุญำตฟ้ องที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแขวง กรณีกำรกระท ำของผู้ต้องหำยังเป็ นควำมผิดฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน ส ำนวนขออนุญำตฟ้ องเป็ นส ำนวนคดีที่กฎหมำยก ำหนดอัตรำโทษอย่ำงสูงไว้ให้จ ำคุกไม่เกินสำมปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบำทหรือทั้งจ ำทั้งปรับ จึงเป็ นคดีที่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำได้ ตำมพระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 (5) หำกรองอัยกำรสูงสุดหรือ อธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำยพิจำรณำแล้วเห็นว่ำ กำรกระท ำของผู้ต้องหำยังเป็ นควำมผิดฐำนอื่น ที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน รองอัยกำรสูงสุดซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำยมีอ ำนำจด ำเนินคดีได้ทุกศำล หรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำยมีอ ำนำจด ำเนินคดีได้ทุกศำลภำยในภำค จะมีควำมเห็นและ ค ำสั่ง โดยอำศัยอ ำนำจตำมระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีอำญำของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2563 ข้อ 92 ประกอบข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ องและกำรอนุญำตฟ้ อง คดีอำญำที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 13 ข้อ 14 และข้อ 15 พระรำชบัญญัติองค์กร อัยกำรและพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2553 มำตรำ 15, ค ำสั่งส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดที่ 1758/2565 สั่ง ณ วันที่ 3 ตุลำคม พ.ศ. 2565 เรื่อง กำรมอบหมำยให้รองอัยกำรสูงสุดและอธิบดีอัยกำรภำคอนุญำตฟ้ อง (ค ำสั่งปั จจุบัน) และพระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 ในกรณีควำมผิดฐำนอื่นเป็ นคดีที่ไม่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำ และเป็ นคดีที่อยู่ ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำได้ดังนี้ 1. คดีที่ไม่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำ เมื่อรองอัยกำรสูงสุดหรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ ควำมผิด ฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนนั้น มีก ำหนดอัตรำโทษอย่ำงสูงไว้ให้จ ำคุกเกินสำมปี หรือปรับ เกินหกหมื่นบำท หรือทั้งจ ำทั้งปรับ จึงเป็ นควำมผิดที่เกินอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำได้ ตำมพระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 (5) รองอัยกำรสูงสุดหรือ อธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย จะมีค ำสั่งให้ส่งส ำนวนคืนส ำนักงำนอัยกำรที่ส่งเรื่องมำ ขออนุญำตฟ้ อง เพื่อให้แจ้งพนักงำนสอบสวนสอบค ำให้กำรผู้ต้องหำใหม่ โดยให้แจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ กำรกระท ำที่กล่ำวหำว่ำผู้ต้องหำกระท ำผิดแล้วแจ้งข้อหำเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหำ โดยปฏิบัติให้ถูกต้อง ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำที่แก้ไขแล้ว ให้ส่งส ำนวนไปยังส ำนักงำนอัยกำรที่มีอ ำนำจ พิจำรณำคดีในศำลจังหวัดโดยไม่ต้องขออนุญำตฟ้ อง ตำมข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ อง และกำรอนุญำตฟ้ องคดีอำญำที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 14 KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 15 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 2. คดีที่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำได้ใกล้จะขำดอำยุควำม หรือมีเหตุ จ ำเป็ นจะต้องรีบฟ้ อง เมื่อรองอัยกำรสูงสุดหรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ ควำมผิดฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนนั้น มีก ำหนดอัตรำโทษอย่ำงสูงไว้ให้จ ำคุกไม่เกินสำมปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบำท หรือทั้งจ ำทั้งปรับ จึงเป็ นควำมผิดที่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำ พิพำกษำได้ตำมพระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 (5) หำกควำมผิด ฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน หรือควำมผิดที่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนนั้นใกล้จะขำดอำยุควำม หรือมีเหตุจ ำเป็ นจะต้องรีบฟ้ อง รองอัยกำรสูงสุดหรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย จะใช้อ ำนำจสั่งฟ้ องและอนุญำตให้ฟ้ องผู้ต้องหำในควำมผิดฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน โดยอำศัย อ ำนำจตำมพระรำชบัญญัติองค์กรอัยกำรและพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2553 มำตรำ 15 และอนุญำตให้ฟ้ อง ผู้ต้องหำในควำมผิดที่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน ตำมข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ อง และกำรอนุญำตฟ้ องคดีอำญำที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 13 ข้อ 15 แล้วให้ พนักงำนอัยกำรที่เกี่ยวข้องแจ้งพนักงำนสอบสวนสอบค ำให้กำรผู้ต้องหำใหม่ โดยแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำร กระท ำที่กล่ำวหำว่ำผู้ต้องหำกระท ำผิด แล้วแจ้งข้อหำเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหำ โดยปฏิบัติให้ถูกต้องตำมประมวล กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำที่แก้ไขก่อนยื่นฟ้ อง ตำมข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ อง และกำรอนุญำตฟ้ องคดีอำญำที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 14 3. คดีที่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำพิพำกษำได้ ยังไม่ขำดอำยุควำม หรือไม่มีเหตุ จ ำเป็ นจะต้องรีบฟ้ อง เมื่อรองอัยกำรสูงสุดหรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย พิจำรณำแล้วเห็นว่ำ ควำมผิดฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนนั้น มีก ำหนดอัตรำโทษอย่ำงสูงไว้ให้จ ำคุกไม่เกินสำมปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบำท หรือทั้งจ ำทั้งปรับ จึงเป็ นควำมผิดที่อยู่ในอ ำนำจของศำลแขวงที่จะพิจำรณำ พิพำกษำได้ตำมพระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 (5) หำกควำมผิด ฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวน และควำมผิดที่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนนั้น ยังไม่ขำดอำยุควำม หรือไม่มีเหตุจ ำเป็ นจะต้องรีบฟ้ อง รองอัยกำรสูงสุดหรืออธิบดีอัยกำรภำคซึ่งอัยกำรสูงสุดมอบหมำย จะมีค ำสั่งให้ส่งส ำนวนคืนส ำนักงำนอัยกำรที่ส่งเรื่องมำขออนุญำตฟ้ อง แล้วให้พนักงำนอัยกำรที่เกี่ยวข้องแจ้ง พนักงำนสอบสวนสอบค ำให้กำรผู้ต้องหำใหม่ โดยแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำรกระท ำที่กล่ำวหำว่ำ ผู้ต้องหำ กระท ำผิดแล้วแจ้งข้อหำเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหำ โดยปฏิบัติให้ถูกต้องตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำม อำญำที่แก้ไข แล้วให้พนักงำนอัยกำรที่เกี่ยวข้องมีควำมเห็นในทำงคดีว่ำ สั่งฟ้ องหรือสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหำ ในควำมผิดฐำนอื่นที่ไม่ปรำกฏในส ำนวนสอบสวนเสียก่อน หำกมีเหตุต้องขออนุญำตฟ้ อง ให้ส่งส ำนวนมำ ขออนุญำตฟ้ องอีกครั้ง ตำมข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ องและกำรอนุญำตฟ้ องคดีอำญำ ที่อยู่ในอ ำนำจพิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 14 KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th กฎหมำยหรือระเบียบที่เกี่ยวกับควำมรู้นี้ 1. พระรำชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศำลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มำตรำ 25 2. พระรำชบัญญัติองค์กรอัยกำรและพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2553 มำตรำ 15 3. ระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีอำญำของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2563 ข้อ 92 4. ข้อบังคับของอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรขออนุญำตฟ้ องและกำรอนุญำตฟ้ องคดีอำญำที่อยู่ในอ ำนำจ พิจำรณำของศำลแขวง พ.ศ. 2559 ข้อ 14 5. ค ำสั่งส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดที่ 1758/2565 เรื่อง กำรมอบหมำยให้รองอัยกำรสูงสุดและอธิบดี อัยกำรภำคอนุญำตฟ้ อง สั่ง ณ วันที่ 3 ตุลำคม พ.ศ. 2565 (ค ำสั่งปัจจุบัน) ที่มำ : - กำรท ำ KCJ (Knowledge Capturing on Job) จำกกำรท ำ Workshop ของโครงกำรอบรมหลักสูตรนักบริหำรงำนยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรกำรอบรมอัยกำรพิเศษฝ่ำย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566)ในหัวข้อวิชำ กำรบริหำรจัดกำรควำมรู้เพื่อเสริมสร้ำงสมรรถนะ ผู้บริหำร เมื่อวันที่ 2 มีนำคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท ำ KCJ: นำยณพร เกิดประดิษฐ์ต ำแหน่ง อัยกำรผู้เชี่ยวชำญพิเศษ สังกัด ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยคดีกิจกำรอัยกำรสูงสุด 1 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 124/2566 /2563 ---------------------------- เจ้ำหน้ำที่รับฟ้ องของศำลกรอกหมำยเลขคดีในค ำฟ้ องตัวจริงฉบับที่อยู่กับศำลสลับกันกับส ำเนำค ำฟ้ อง ที่คืนให้กับพนักงำนอัยกำร เนื่องจำกพนักงำนอัยกำรยื่นฟ้ องจ ำเลยคนเดียวกันในวันเดียวกันพร้อมกันหลำยคดี โดยทรำบในวันสืบพยำน จะแก้ปัญหำอย่ำงไร พนักงานอัยการ ยื่นฟ้ องจ าเลยคนเดียวกันต่อศาลพร้อมกันสองคดี ในฐานความผิดเดียวกัน คือ ความผิดเกี่ยวกับ มีไม้หวงห้ามประเภท ก ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุทั้งสองส านวนต่างกัน โดยส านวนหนึ่งมีจ านวนไม้หวงห้าม จ านวน 20 ท่อน อีกส านวนหนึ่งมีจ านวนไม้หวงห้ามจ านวน 50 ท่อน โดยเจ้าหน้าที่ รับฟ้ องของศาลกรอกหมายเลขคดีในส าเนาค าฟ้ องของพนักงานอัยการในส านวนที่มีไม้หวงห้ามจ านวน 20 ท่อน เป็ นคดีอาญาหมายเลขด าที่ 1/2551 ส่วนส านวนคดีที่มีไม้หวงห้ามจ านวน 50 ท่อน กรอกหมายเลขคดีในส าเนาค าฟ้ อง ของพนักงานอัยการเป็ นคดีอาญาหมายเลขด าที่ 2/2551 (หมายเลขคดีและจ านวนไม้หวงห้ามสมมติขึ้ น) แล้วเจ้าหน้าที่ รับฟ้ องของศาลก็คืนส าเนาค าฟ้ องทั้งสองส านวนให้แก่เจ้าหน้าที่ของส านักงานอัยการ จากนั้น พนักงานอัยการเจ้าของส านวน ก็ยื่นบัญชีระบุพยานแต่ละส านวนต่อศาลภายในเวลาที่กฎหมายก าหนด เมื่อถึงวันนัดพร้อมของแต่ละส านวน โจทก์ จ าเลย และทนายความจ าเลยมาศาล จ าเลยให้การปฏิเสธทั้งสองส านวน ศาลก าหนดวันสืบพยานโจทก์และจ าเลย แล้วโจทก์ได้ ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ตามวันเวลานัดสืบพยานในแต่ละส านวน จากนั้นพนักงานอัยการเจ้าของส านวนได้ย้ายไปปฏิบัติราชการที่ส านักงานอัยการอื่น ข้าพเจ้าได้ย้ายไปปฏิบัติราชการที่ ส านักงานอัยการจังหวัดอ านาจเจริญ และได้รับมอบส านวนดังกล่าวทั้งสองส านวน เมื่อถึงวันนัดสืบพยานคดีอาญาหมายเลขด าที่ 1/2551 ข้าพเจ้าก็น าพยานบุคคลที่ศาลออกหมายเรียกไว้เข้าสืบ โดยพยานได้เบิกความตรงตามค าฟ้ องทุกประการทั้งวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ และจ านวนไม้หวงห้าม แต่ปรากฏว่า ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีบอกกับข้าพเจ้าว่า พยานเบิกความไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายฟ้ องเลย ทั้งวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ และจ านวนไม้หวงห้าม ข้าพเจ้าจึงขอดูค าฟ้ องฉบับที่อยู่กับศาล เมื่อตรวจดูก็เป็ นความจริงตามที่ผู้พิพากษาบอก ข้าพเจ้า จึงแจ้งต่อศาลว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้ องในส านวนของศาลที่สืบพยานในวันนี้ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้ อง ในอีกส านวน ซึ่งนัดสืบพยานในสัปดาห์ต่อไป ผู้พิพากษาบอกว่าพนักงานอัยการกรอกหมายเลขคดีในส าเนาค าฟ้ องสลับกัน กับค าฟ้ องตัวจริงที่อยู่กับศาล ข้าพเจ้าจึงแย้งว่า พนักงานอัยการไม่ได้เป็ นผู้กรอกหมายเลขคดีในส าเนาค าฟ้ อง ผู้ที่กรอกคือ เจ้าพนักงานรับฟ้ องของศาล โดยกรอกตอนยื่นฟ้ องแล้วคืนกลับมาให้เจ้าหน้าที่ส านักงานอัยการที่น าค าฟ้ องไปยื่นต่อศาล ผู้พิพากษาจึงเรียกเจ้าหน้าที่รับฟ้ องของศาลมาสอบถาม เจ้าหน้าที่รับฟ้ องของศาลรับว่าเป็ นลายมือของตนจริง แต่ผู้พิพากษาบอกว่าจะให้ศาลแก้ไขหมายเลขคดีไม่ได้ เพราะจะท าให้สารบบคดีของศาลเสียหาย และบอกอีกว่า พนักงานอัยการต้องไปแก้ปัญหาเอง ข้าพเจ้าจึงแถลงต่อศาลขอเลื่อนการสืบพยานออกไปก่อน เพื่อหารือกับผู้บังคับบัญชา ซึ่งศาลก็อนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อม โดยน าส านวนอีกคดีมายกเลิกวันนัดสืบพยานและก าหนดวันนัดพร้อมวันเดียว กับคดีที่พิจารณาในวันนี้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 16 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้าพเจ้าน าปัญหาไปปรึกษาท่านอัยการจังหวัดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ท่านอัยการจังหวัดเสนอว่าต้องปรึกษา ส านักงานที่ให้ความรู้แก่พนักงานอัยการ คือ ส านักงานวิชาการ เพราะเป็ นส านักงานที่น่าจะเป็ นศูนย์รวมของพนักงานอัยการ ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการท างานคดีอย่างช ่าชอง (ในขณะนั้นไม่มีส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายบริหาร จัดการความรู้เหมือนในปัจจุบัน) ข้าพเจ้าจึงโทรศัพท์ถึงเพื่อนอัยการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ส านักงานวิชาการ เพื่อแนะน า ให้ท าหนังสือขอค าปรึกษาและวิธีแก้ปัญหาถึงส านักงานวิชาการ ท่านอัยการจังหวัดจึงได้ท าหนังสือหารือไปยังส านักงาน วิชาการ ต่อมาข้าพเจ้าก็ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากส านักงานวิชาการว่าให้ท าหนังสือขอเรื่องปรึกษาหารือคืน เนื่องจาก ส านักงานวิชาการไม่มีหน้าที่ให้ความรู้ ค าปรึกษาหรือแก้ปัญหาการท าคดีให้กับพนักงานอัยการ ข้าพเจ้าไม่รู้จะแก้ปัญหา เรื่องนี้อย่างไร จะท าอย่างไร ถึงจะไม่ให้คดีทั้งสองส านวนเกิดความเสียหาย อันจะส่งผลเสียหายแก่ราชการ (ถ้าขณะนั้น มีส านักงาน KM ก็คงจะช่วยแก้ปัญหาให้ข้าพเจ้าได้) ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ขอค าปรึกษาจากอัยการรุ่นพี่หลายท่าน แต่ละท่าน ก็ไม่สามารถให้ค าชี้ แนะได้ เนื่องจากไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้ ข้าพเจ้าครุ่นคิดเพื่อหาทางแก้ปัญหาอยู่หลายวัน ในที่สุด เมื่อถึงวันนัดพร้อม ข้าพเจ้าก็แถลงต่อศาลว่า ตามปัญหาที่เกิดขึ้ นเป็ นกรณีที่หมายเลขคดีสลับกัน อันมิใช่ความผิดของพนักงานอัยการ จนท าให้ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้ องฉบับที่อยู่กับศาลไม่ตรงกับฉบับที่อยู่กับพนักงานอัยการ และพยานบุคคล พยานเอกสาร วัตถุพยานที่โจทก์ระบุในบัญชีพยานฉบับที่อยู่กับศาลไม่ตรงกับฉบับที่อยู่กับพนักงานอัยการ โจทก์ จึงขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม โดยน าพยานทั้งหมดในส านวนคดีอาญาหมายเลขด าที่ 1/2551 ไปยื่นเพิ่มเติม ในส านวนคดีอาญาหมายเลขด าที่ 2/2551 และน าพยานทั้งหมดในส านวนคดีอาญาหมายเลขด าที่ 2/2551 ไปยื่นเพิ่มเติม ในส านวนคดีอาญาหมายเลขด าที่ 1/2551 ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ซึ่งผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีก็เห็นด้วย และเมื่อศาลสอบถามจ าเลยและทนายความจ าเลยแล้ว แถลงไม่ค้าน ศาลจึงให้เลื่อนคดีไปนัดพร้อมใหม่ เพื่อให้โจทก์มีเวลา ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้าพเจ้าจึงได้ด าเนินการยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมทั้งสองส านวนดังที่กล่าว เมื่อศาลก าหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จ าเลย ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคลตามที่ได้ยื่นบัญชีพยาน เพิ่มเติมให้มาเบิกความต่อศาล และได้อ้างบรรดาพยานเอกสาร วัตถุพยาน ตามที่ได้ระบุไว้ในบัญชีพยานเพิ่มเติมแต่ละส านวน ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ หากเกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่รับฟ้ องของศาลกรอกหมายเลขคดีในค าฟ้ องตัวจริงฉบับที่อยู่กับศาลสลับกันกับส าเนาค า ฟ้ องที่คืนให้กับพนักงานอัยการ เนื่องจากพนักงานอัยการยื่นฟ้ องจ าเลยคนเดียวกันพร้อมกันหลายคดี จนท าให้บัญชีระบุ พยานที่พนักงานอัยการยื่นต่อศาลแต่ละส านวนไม่ถูกต้องตรงกับพยานในส านวนสอบสวน เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้ พนักงาน อัยการไม่ต้องเรียกร้องให้ศาลแก้ไขเลขคดีในสารบบของศาลให้ตรงกับเลขคดีที่เจ้าหน้าที่รับฟ้ องของศาลกรอกในส าเนาค า ฟ้ องที่คืนให้พนักงานอัยการ เนื่องจากศาลจะไม่ท าอย่างนั้นอย่างแน่นอน แต่พนักงานอัยการสารมารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้โดยยื่นค าร้องต่อศาลขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวพบในวันสืบพยานโจทก์ ก็ให้แถลง เลื่อนคดีไปนัดพร้อมก่อน เพื่อให้มีระยะเวลายื่นบัญชีพยานโดยถูกต้องตามกฎหมาย KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173/1, มาตรา 229/1 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายเชาวฤทธ์ิ จันทร์สนาม ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 125/2566 /2563 ---------------------------- กำรตรวจพิจำรณำส ำนวนสอบสวนคดีในเรื่องอ ำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ผู้รับผิดชอบในคดีควำมผิดนอกรำชอำณำจักร ส ำนักงำนอัยกำรที่มีหน้ำที่ในกำรด ำเนินคดีอำญำ กำรตรวจพิจำรณำส ำนวนสอบสวนเบื้ องต้น ในส่วนที่เกี่ยวกับ อ ำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำรนั้นเป็ นกำรตรวจพิจำรณำเกี่ยวกับอ ำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ก็เพื่อทรำบว่ำส ำนวน คดีที่รับไว้นั้นพนักงำนอัยกำรผู้รับผิดชอบส ำนวนมีอ ำนำจหน้ำที่ที่จะท ำควำมเห็นและสั่งคดีนั้นหรือไม่และเมื่อท ำควำมเห็น และสั่งคดีแล้วจะฟ้องคดีในเรื่องนั้นต่อศำลที่มีเขตอ ำนำจได้หรือไม่ ในกำรใช้อ ำนำจหรือกระท ำหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำรผู้รับผิดชอบนั้น จะต้องเป็ นไปตำมโครงสร้ำงกำรแบ่งส่วน รำชกำรของส ำนักงำนอัยกำรสูงสุด ซึ่งก ำหนดอ ำนำจหน้ำที่และควำมรับผิดชอบในกำรด ำเนินคดีตำมลักษณะของควำมผิด และเขตพื้นที่ที่ก ำหนด และตำมค ำสั่งของอัยกำรสูงสุดที่ออกค ำสั่งเฉพำะเรื่อง หรือ วำงระเบียบไว้ให้พนักงำนอัยกำรปฏิบัติ ได้ รวมทั้งอ ำนำจกำรสั่งคดีและอ ำนำจกำรด ำเนินคดีของพนักงำนอัยกำรในแต่ละชั้น กำรตรวจในชั้นนี้ หำกพบว่ำคดีใดไม่อยู่ ในเขตอ ำนำจให้ส่งส ำนวนคดีนั้นคืนพนักงำนสอบสวน เพื่อส่งไปยังพนักงำนอัยกำรประจ ำศำลที่คดีนั้นอยู่ในเขตอ ำนำจ ดังนั้น ในกำรตรวจพิจำรณำส ำนวนคดีในเรื่องอ ำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำรผู้รับผิดชอบจึงต้องพิจำรณำถึง ก. ส ำนักงำนอัยกำรที่ตนสังกัดอยู่ ว่ำมีอ ำนำจหน้ำที่ในกำรชี้ ขำดคดีตำมที่ก ำหนดไว้ในกฎหมำยและระเบียบ ดังที่กล่ำวไว้ในเรื่องปัจจัยในกำรตรวจส ำนวนและสั่งคดีอำญำทั่วไปหรือไม่ ข. เขตอ ำนำจศำลต้องพิจำรณำถึงอำยุผู้ต้องหำ อัตรำโทษ ตลอดจนสถำนภำพของผู้ต้องหำและลักษณะควำมผิด ว่ำเป็ นคดีที่อยู่ในเขตอ ำนำจของศำลเยำวชนและครอบครัว ศำลแขวง ศำลจังหวัด ศำลอำญำ ศำลทหำร ศำลทรัพย์สิน ทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศฯลฯ หรือไม่ ค. ส ำนวนคดีนั้นที่ผู้ต้องหำถูกคุมขังอยู่ในคดีอื่นที่เรือนจ ำอยู่ในเขตอ ำนำจศำลอื่นหรือไม่ ง. ส ำนวนคดีที่มีผู้ต้องหำเป็ นเจ้ำหน้ำที่ของรัฐเป็ นผู้กระท ำควำมผิดว่ำอยู่ในอ ำนำจไต่สวนของคณะกรรมกำรป้ องกัน และปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติหรือไม่ เมื่อเห็นว่ำคดีใดไม่อยู่ในเขตอ ำนำจก็ให้รีบค ำเนินกำรส่งส ำนวนคดีนั้นคืนพนักงำนสอบสวนเพื่อส่งไปยังพนักงำนอัยกำร ที่คดีนั้นอยู่ในเขตอ ำนำจทันทีซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่ำวข้ำงต้นยังคงใช้ได้อยู่ แต่เห็นว่ำในสภำพกำรณ์ปัจจุบันนี้กำรถือปฏิบัติ ตำมหลักเกณฑ์ดังกล่ำวเท่ำนั้นจะท ำให้เกิดปัญหำและควำมผิดพลำดคลำดเคลื่อนได้ โดยเฉพำะปัจจุบันกำรกระท ำควำมผิด อำญำนั้นมีลักษณะเป็ นอำชญำกรรมข้ำมชำติ หรือมีสถำนที่กระท ำผิดเกี่ยวข้องกับต่ำงประเทศอันเป็ นกำรกระท ำควำมผิด นอกรำชอำณำจักร KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 16 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ดังนั้น ในกำรตรวจพิจำรณำส ำนวนสอบสวนเบื้ องต้น ในประเด็นส ำคัญเรื่องอ ำนำจหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ผู้รับผิดชอบในคดีควำมผิดนอกรำชอำณำจักร ต้องพิจำรณำส ำนวนสอบสวนนั้น เป็ นกรณีอัยกำรสูงสุดหรือผู้รักษำกำรแทน เป็ นพนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบ หรือไม่ ซึ่งควรตรวจพิจำรณำเสียแต่ต้นหำกพบว่ำเป็ นกรณีพนักงำนสอบสวนจะต้อง ด ำเนินกำรดำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ 20 โดยขอให้อัยกำรสูงสุดหรือผู้รักษำกำรแทนมอบหมำย พนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบพนักงำนสอบสวนได้ปฏิบัติมำถูกต้องหรือไม่ หำกพนักงำนอัยกำรที่รับส ำนวนพบว่ำเป็ นกรณี กำรสอบสวนในคดีควำมควำมผิดซึ่งมีโทษตำมกฎหมำยไทย ได้กระท ำลงนอกรำชอำณำจักรไทยต้องให้พนักงำนสอบสวน ปฏิบัติตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ 20 เสียก่อนซึ่งอัยกำรสูงสุดได้วำงแนวทำงปฏิบัติไว้ว่ำพนักงำน อัยกำรต้องคืนส ำนวนให้พนักงำนสอบสวน แล้วให้พนักงำนสอบสวนเป็ นผู้ร้องขอต่ออัยกำรสูงสุด พนักงำนอัยกำรจะส่ง ส ำนวนต่อมำยังอัยกำรสูงสุดโดยตรงเสียเองเพื่อขอให้พิจำรณำด ำเนินกำรตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ 20 มิได้ กำรที่จะพิจำรณำว่ำคดีใดเป็ นคดีควำมผิดซึ่งมีโทษตำมกฎหมำยไทยได้กระท ำลงนอกรำชอำณำจักรไทยหรือไม่นั้น ต้องพิจำรณำจำกกำรกระท ำของผู้ต้องหำว่ำ ได้มีกำรกระท ำทั้งหมด หรือบำงส่วน เกิดขึ้ นนอกประเทศไทยหรือไม่ ตัวอย่ำงเช่น เมื่อพิจำรณำจำกพยำนหลักฐำนแล้วเห็นว่ำ แม้ข้อเท็จจริงจะปรำกฏว่ำผู้ต้องหำได้ลงข้อควำมทำงอินเตอร์เน็ต โปรแกรมเฟซบุ๊ค ซึ่งอำจมีควำมเป็ นไปได้ว่ำกำรกระท ำบำงส่วนของผู้ต้องหำเกิดขึ้ นนอกประเทศไทย โดยกำรส่งข้อควำม ผ่ำนเชิฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่ำงประเทศ ไปยังผู้กล่ำวหำแต่เมื่อตรวจดูพยำนหลักฐำนในส ำนวนแล้ว ไม่ปรำกฏพยำนหลักฐำนใด ที่แสดงถึงกำรกระท ำของผู้ต้องหำว่ำได้กระท ำผ่ำนเชิฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่ำงประเทศ มีเพียงพยำนหลักฐำนที่แสดงว่ำ กำรกระท ำของผู้ต้องหำที่ลงข้อควำมทำงอินเตอร์เน็ตผ่ำนโปรแกรมเฟซบุ๊ค ได้เกิดขึ้ นขณะผู้ต้องหำอยู่ในประเทศไทย และ ผู้กล่ำวหำได้ตรวจพบข้อควำมขณะอยู่ในประเทศไทยเช่นกัน ดังนั้น ในชั้นนี้ พยำนหลักฐำนในส ำนวนจึงยังไม่เพียงพอที่จะพิจำรณำว่ำ กำรกระท ำของผู้ต้องหำได้เกิดขึ้ น นอกประเทศไทย อันจะเป็ นคดีควำมผิดซึ่งมีโทษตำมกฎหมำยไทยได้กระท ำลงนอกรำชอำณำจักรไทย กรณีจึงไม่เข้ำ หลักเกณฑ์ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ 20 ต้องคืนส ำนวนให้พนักงำนสอบสวนเป็ นผู้ร้องขอ ต่ออัยกำรสูงสุดต่อไป ข้อสรุปสำระส ำคัญ/แก่นควำมรู้ ส ำนักอัยกำรคดีอำญำที่ตรวจรับส ำนวนจะต้องพิจำรณำว่ำเป็ นคดีควำมผิดส่วนหนึ่งส่วนใดเกี่ยวเนื่องกับกำรกระท ำ ควำมผิดนอกรำชอำณำจักรหรือไม่ พนักงำนอัยกำรผู้ตรวจรับส ำนวนยังไม่ใช่พนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบ หรือได้รับ มอบหมำยจำกอัยกำรสูงสุด ต้องให้อัยกำรสูงสุดชี้ ขำดมอบหมำยเป็ นผู้รับผิดชอบท ำกำรสอบสวนแทนเสียก่อนหำกเป็ นกรณี ที่อัยกำรสูงสุดชี้ ขำดว่ำเป็ นคดีควำมผิดนอกรำชอำณำจักรและมอบหมำยหน้ำที่นั้นให้พนักงำนอัยกำรเป็ นผู้รับผิดชอบท ำกำร สอบสวนแทนก็จะต้อง ปฏิบัติตำมระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีอำญำของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2563 หมวด 2 เรื่อง กำรด ำเนินคดีเกี่ยวกับควำมผิดที่ได้กระท ำลงนอกรำชอำณำจักร ข้อ 207, 208, 209, 210 ควำมส ำคัญ ที่สุดจึงอยู่ที่กำรพิจำรณำรับส ำนวนของพนักงำนอัยกำรตั้งแต่ชั้นต้น หำกเก็บส ำนวนไว้นำนไม่พิจำรณำ ก็อำจมีผลกระทบต่อ อ ำนำจกำรสอบสวน อ ำนำจฟ้ อง อำยุควำมซึ่งจะท ำให้คดีเสียหำยได้ ซึ่งหำกรับส ำนวนแล้วพิจำรณำสรุปสั่งฟ้ องคดีก็จะท ำให้ เป็ นกำรสอบสวนไม่ชอบ มีผลต่ออ ำนำจกำรสอบสวน อ ำนำจฟ้ อง และเมื่อทรำบภำยหลังจะแก้ไขให้ถูกต้อง ก็อำจท ำให้ ล้วงพ้นเวลำจนขำดอำยุควำมได้ แนวทำงปฏิบัติ พนักงำนอัยกำรผู้ตรวจรับส ำนวนจะต้องคืนส ำนวนให้พนักงำนสวบสวน เพื่อให้พนักงำนสวบสวนเป็ นผู้ร้องขอต่ออัยกำรสูงสุด โดยพนักงำนอัยกำรจะส่งส ำนวนต่อมำยังอัยกำรสูงสุดโดยตรงมิได้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมำยหรือระเบียบที่เกี่ยวกับควำมรู้นี้ - ประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำมำตรำ 20 - คู่มือกำรสอบสวนและท ำกำรสอบสวนร่วม คดีควำมผิดนอกรำชอำณำจักรไทยของพนักอัยกำร พ.ศ. 2557 - ระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีอำญำของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2563 หมวด 2 ข้อ 207, 208, 209, 210 ที่มำ : - กำรท ำ KCJ (Knowledge Capturing on Job) จำกกำรท ำ Workshop ของโครงกำรอบรมหลักสูตรนักบริหำรงำนยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรกำรอบรมอัยกำรพิเศษฝ่ำย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชำ กำรบริหำรจัดกำรควำมรู้เพื่อเสริมสร้ำงสมรรถนะผู้บริหำร เมื่อวันที่ 2 มีนำคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท ำ KCJ : นำยไกรพันธุ์ พรหมำนุกูล ต ำแหน่ง อัยกำรผู้เชี่ยวชำญพิเศษ สังกัด ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษผ่ำยคดีอำญำ8 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 126/2566 /2563 ---------------------------- นโยบำยและแนวทำงปฏิบตัใินกำรดำ เนินคดีควำมผิดฐำนใชร้ถยนตบ์รรทุกน้ำ หนกัเกินอตัรำ และกำรท ำควำมเห็นและค ำสั ่ง ต้องท ำตำมแบบพิมพ์ที่ส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดก ำหนดไว้ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ชนิดลากจูงและรถกึ่งพ่วง (SEMI-TRILER) ตัวรถลากจูง ยี่ห้อ CHENGLONG หมายเลขทะเบียน ... ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ยาง 10 เส้น และรถกึ่งพ่วง หมายเลขทะเบียน ... ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ยาง 12 เส้น บรรทุกหินจากประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาวผ่านมาที่ด่านชายแดนนครพนมที่เกิดเหตุ โดยขณะเข้าชั่งน ้าหนักเพลา ของรถกึ่งพ่วง จ านวน 1 เพลา ได้ถูกยกขึ้ น เนื่องจากสายไฟควบคุมการยกเพลาเกิดขาดขึ้ นระหว่างทาง จึงท าให้รถกึ่งพ่วงดังกล่าวขณะชั่งน ้าหนัก เหลือล้อลงสัมผัสพื้ น 2 เพลา 4 ล้อ ยาง 8 เส้น เพลารถกึ่งพ่วง จ านวน 1 เพลา ได้ยกตัวลอยขึ้ นจนล้อยางไม่สัมผัสพื้ นเครื่องชั่ง และผลการชั่งได้น ้าหนัก รวม 50,290 กิโลกรัม ซึ่งตามกฎหมายก าหนดให้ รถยนต์บรรทุก ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ยาง 10 เส้น และรถกึ่งพ่วง 2 เพลา 4 ล้อ ยาง 8 เส้น ก าหนดน ้าหนักไว้ที่น ้าหนัก 45,000 กิโลกรัม แต่รถยนต์บรรทุกของกลางชั่งน ้าหนัก ได้รวม 50,290 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายก าหนด 5,290 กิโลกรัม ว่าที่ ร.อ. ม. นายช่างโยธาช านาญงาน กรมทางหลวง ผู้กล่าวหา จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดรถยนต์บรรทุกเป็ นของกลาง น าส่งพนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ รถยนต์บรรทุกของกลาง เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา อัยการจังหวัดประจ าส านักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน พิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีนี้รถกึ่งพ่วงของกลางยังคงสภาพเป็ นรถกึ่งพ่วง ชนิด 3 เพลา 6 ล้อ ยาง 12 เส้น การค านวณหรือ การคิดน ้าหนักบรรทุกต้องเป็ นไปตามประกาศผู้อ านวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อ านวยการทางหลวงแผ่นดิน และผู้อ านวยการทางหลวงสัมปทาน เรื่อง ห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน ้าหนัก น ้าหนักบรรทุกหรือน ้าหนักลงเพลา เกินกว่าที่ได้ก าหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจท าให้ทางหลวงเสียหาย เดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวง แผ่นดินและทางหลวงสัมปทาน ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2548 ข้อ 15 และ ข้อ 19(5) ซึ่งก าหนดให้มีน ้าหนัก บรรทุกรวมไม่เกิน 50,500 กิโลกรัม ขณะเกิดเหตุคดีนี้ รถลากจูงและกึ่งพ่วงของกลางชั่งน ้าหนักขณะบรรทุกหิน ได้น ้าหนักรวม 50,290 กิโลกรัม ซึ่งน้อยกว่าน ้าหนักบรรทุกตามประกาศผู้อ านวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อ านวยการทางหลวงแผ่นดินและผู้อ านวยการทางหลวงสัมปทาน ข้างต้น จ านวน 210 กิโลกรัม KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 18 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 จึงมีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ องผู้ต้องหา ฐานใช้ยานพาหนะที่มีน ้าหนักบรรทุกรวม น ้าหนักรถหรือบรรทุก น ้ าหนักเกินกว่าที่อัตราที่กฎหมายก าหนดเดินบนทางหลวง ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มาตรา 61 และมาตรา 73/2 พระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2549 และมีค าสั่งไม่ริบรถยนต์ บรรทุกของกลาง และแจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 อัยการจังหวัดทราบค าสั่ง ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของ พนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 41 แล้ว อัยการจังหวัด...ได้เสนอบัญชีแสดงคดีที่มีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ อง (อ.ก.54) และบัญชีแสดงคดีที่มี ค าสั่งเกี่ยวกับของกลางที่มีผลไม่ขอริบ (อ.ก.55) ต่ออธิบดีอัยการภาค 4 แล้ว และได้ส่งส านวน ส.2 เลขรับที่ 236/2565 กรณีมีค าสั่งไม่ริบของกลาง เสนออธิบดีอัยการภาค 4 เพื่อตรวจสอบตามหนังสือ ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ เป็ นกรณีที่พนักงานอัยการพิจารณามีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ องในเนื้ อหาคดี กรณีจึงไม่เข้าเกณฑ์ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003(วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา เนื่องจาก ตามหนังสือดังกล่าวเป็ นกรณีที่มีการยื่นฟ้ องผู้ต้องหาต่อศาลในความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกิน อัตรา และมีการสั่งไม่ริบรถยนต์ของกลาง ซึ่งก าหนดว่า “ให้หัวหน้าพนักงานอัยการเป็ นผู้มีอ านาจสั่งคดี ในกรณีไม่ขอริบรถยนต์ของกลาง และด าเนินการยื่นฟ้ องคดีต่อศาลไปได้ก่อน และเมื่อมีค าพิพากษาเสร็จ เด็ดขาดจึงให้ส่งส านวนไปให้อธิบดีอัยการฝ่ายหรืออธิบดีอัยการเขตตรวจสอบการสั่งคดี” กรณีจึงไม่เข้าเกณฑ์ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนัก เกินอัตรา ที่ให้หัวหน้าพนักงานอัยการเป็ นผู้มีอ านาจสั่งคดีในกรณีไม่ขอริบรถยนต์ของกลาง แต่คดีนี้ อยู่ในอ านาจการด าเนินคดีของข้าราชการอัยการชั้น 4 อัยการจังหวัดประจ าส านักงาน อัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้กลั่นกรองงาน มีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ องผู้ต้องหาในความผิดฐานใช้ ยานพาหนะรถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตราที่กฎหมายก าหนด ในเนื้ อหาของคดี และอัยการจังหวัด...ทราบ ค าสั่งดังกล่าว ถูกต้องตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 41 แล้ว ดังนั้น ค าสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง และแจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 จึงชอบด้วยเหตุผลตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว เมื่อกรณีไม่เข้าเกณฑ์ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนัก เกินอัตรา จึงไม่ต้องส่งส านวนไปให้อธิบดีอัยการฝ่ายหรืออธิบดีอัยการเขตตรวจสอบการสั่งคดี แต่อย่างใด KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)