kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 อธิบดีอัยการภาค 4 จึงมีค าสั่งดังนี้ (1) คืนส านวนไปยังอัยการจังหวัด... เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดี ความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา (2) แจ้งอัยการจังหวัด... พนักงานอัยการ ส านักงานอัยการจังหวัด... ให้ทราบว่าในการท าความเห็น และค าสั่ง ต้องท าตามแบบพิมพ์ที่ส านักงานอัยการสูงสุดก าหนดไว้ ซึ่งคดีนี้ เป็ นส านวน ส .2 ที่ต้องท า ความเห็นและค าสั่งใน อ.ก.2 ไม่ใช่ อ.ก.4 ซึ่งในโอกาสต่อไปให้ท าความเห็นและค าสั่งในแบบพิมพ์ ที่ส านักงานอัยการสูงสุดก าหนดไว้ให้ถูกต้องด้วย เนื่องจากคดีนี้ ส านักงานอัยการจังหวัด....รับส านวนคดีเป็ น ส านวน ส.2 ซึ่งพนักงานอัยการต้องท า ความเห็นและค าสั่งใน อ.ก.2 แต่พนักงานอัยการ ส านักงานอัยการจังหวัด.... กลับท าความเห็นและค าสั่ง ในแบบพิมพ์ อ.ก.4 ซึ่งไม่ถูกต้อง อนึ่งอัยการจังหวัด...ได้เสนอบัญชีแสดงคดีที่มีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ อง (อ.ก.54) และบัญชีแสดงคดีที่มี ค าสั่งเกี่ยวกับของกลางที่มีผลไม่ขอริบ (อ.ก.55) ต่ออธิบดีอัยการภาค 4 แล้ว ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ 1. กรณีที่พนักงานอัยการพิจารณามีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ องในเนื้ อหาคดี กรณีจึงไม่เข้าเกณฑ์ ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003(วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและ แนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา เนื่องจากตามหนังสือ ดังกล่าวเป็ นกรณีที่มีการยื่นฟ้ องผู้ต้องหาต่อศาลในความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา และ มีการสั่งไม่ริบรถยนต์ของกลาง ซึ่งก าหนดว่า “ให้หัวหน้าพนักงานอัยการเป็ นผู้มีอ านาจสั่งคดีในกรณีไม่ขอ ริบรถยนต์ของกลาง และด าเนินการยื่นฟ้ องคดีต่อศาลไปได้ก่อน และเมื่อมีค าพิพากษาเสร็จเด็ดขาด จึงให้ส่งส านวนไปให้อธิบดีอัยการฝ่ายหรืออธิบดีอัยการเขตตรวจสอบการสั่งคดี” ดังนั้นคดีไม่เข้าเกณฑ์ตามหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว 213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนัก เกินอัตรา ที่ให้หัวหน้าพนักงานอัยการเป็ นผู้มีอ านาจสั่งคดีในกรณีไม่ขอริบรถยนต์ของกลาง และไม่ต้องส่ง ส านวนไปให้อธิบดีอัยการฝ่ายหรืออธิบดีอัยการเขตตรวจสอบการสั่งคดี แต่อย่างใด ซึ่งอัยการจังหวัด... ได้เสนอบัญชีแสดงคดีที่มีค าสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้ อง (อ.ก.54) และบัญชีแสดงคดีที่มี ค าสั่งเกี่ยวกับของกลางที่มีผลไม่ขอริบ (อ.ก.55) ต่ออธิบดีอัยการภาค 4 แล้ว 2. การท าความเห็นและค าสั่ง ต้องท าตามแบบพิมพ์ที่ส านักงานอัยการสูงสุดก าหนดไว้ ซึ่งคดีนี้ เป็ น ส านวน ส.2 ที่ต้องท าความเห็นและค าสั่งใน อ.ก.2 ไม่ใช่ อ.ก.4 ซึ่งในโอกาสต่อไปให้ท าความเห็นและค าสั่ง ในแบบพิมพ์ที่ส านักงานอัยการสูงสุดก าหนดไว้ให้ถูกต้องด้วย KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ซึ่งส านวน ส.2 พนักงานอัยการต้องท าความเห็นและค าสั่งใน อ.ก.2 แต่พนักงานอัยการ ส านักงาน อัยการจังหวัด... กลับท าความเห็นและค าสั่งในแบบพิมพ์ อ.ก.4 ซึ่งไม่ถูกต้อง กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - หนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0003 (วน)/ว.213 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2542 เรื่อง นโยบายและแนวทางปฏิบัติในการด าเนินคดีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกน ้าหนักเกินอัตรา ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 - ผู้จัดท า KCJ : นางปัญจพัฒน์ วรรณไพบูลย์ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1 ภาค 4 ส านักงานอัยการภาค 4 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 127/2566 /2563 ---------------------------- กำรบรรยำยฟ้ องประวัติอำชญำกรของผู้ต้องหำ การด าเนินคดีอาญากับผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยานหลักฐาน ท าเป็ นส านวนสอบสวน แล้วมีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้ อง หรือเห็นควรสั่งไม่ฟ้ อง ส่งให้ พนักงานอัยการพิจารณาสั่งคดีตามอ านาจหน้าที่ ซึ่งส านวนการสอบสวนที่พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้ อง และมีตัวผู้ต้องหา จะมีประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาว่า เคยมีประวัติการกระท าความผิดคดีอาญามาแล้ว หรือไม่ เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือนับโทษต่อได้ หรือไม่ กรณีผู้ต้องหามีประวัติการกระท าความผิดเคยถูกจ าคุกคดีถึงที่สุดและพ้นโทษก่อน หรือในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ที่มีประกาศใช้พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ถือว่าไม่เคยมีประวัติการกระท าความผิด มาก่อน เพราะได้รับการล้างมลทินแล้ว แต่ประวัติการกระท าความผิดของผู้ต้องหาที่เคยถูกจ าคุกคดีถึงที่สุด และพ้นโทษหลังจากวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และได้มากระท าความผิดอีก ซึ่งพนักงานอัยการผู้ตรวจ ส านวนมักจะพิจารณาเพียงว่าประวัติการกระท าความผิดของผู้ต้องหาอยู่ในเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือนับโทษต่อได้หรือไม่ เท่านั้น หากไม่อยู่ในเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งเลย ก็จะไม่มีการบรรยาย ฟ้ องเพื่อประกอบดุลยพินิจของศาล เพราะเห็นว่าไม่ได้มีการก าหนดให้ต้องบรรยายฟ้ อง ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 และระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญา ของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 94 จากการตรวจประวัติอาชญากรจึงพบเสมอว่าผู้ต้องหาเคยถูกศาล พิพากษาคดีถึงที่สุดให้จ าคุกมาก่อน แต่ต่อมาคดีหลังศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจ าคุก ท าให้คิดว่าเป็ น เพราะเหตุใด จากการคิดวิเคราะห์สาเหตุดังกล่าวก็เนื่องจากคดีหลังผู้ต้องหา/จ าเลย กระท าความผิดในฐาน ความผิดที่มีพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง และศาลไม่ได้มีการสั่งสืบเสาะความประพฤติของจ าเลยก่อนมีค าพิพากษา เมื่อพนักงานอัยการไม่ได้มีการบรรยายฟ้ องว่า จ าเลยมีประวัติเคยถูกศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จ าคุกมาก่อน ท าให้ศาลไม่ทราบ จึงพิพากษาลงโทษโดยใช้ดุลยพินิจรอการลงโทษจ าคุกจ าเลยไว้ ทั้งที่ขัดต่อประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 56 เพราะฉะนั้น ในการด าเนินคดีอาญาหากผู้ต้องหามีประวัติเคยถูกศาลพิพากษา คดีถึงที่สุดให้จ าคุกมาก่อน แม้ว่าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะขอให้ศาลเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือนับโทษต่อได้ ก็ยังมีความจ าเป็ นที่จะต้องบรรยายฟ้ องให้ศาลทราบ เพื่อใช้ประกอบดุลยพินิจในการพิจารณาพิพากษา ลงโทษจ าเลยโดยไม่รอการลงโทษจ าคุก KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 18 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 94 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสมพร เกตนะ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 128/2566 /2563 ---------------------------- วิธีกำรเผยแพร่ควำมรู้กฎหมำยที่ท ำให้ประชำชนสนใจติดตำม ภารกิจประการหนึ่งของส านักงานอัยการสูงสุดคือ คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งเป็ นภารกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมาก และด้วยภารกิจนี้ ท าให้ประชาชนรู้จักพนักงานอัยการและชื่นชม พนักงานอัยการเป็ นอย่างมาก ซึ่งในภารกิจดังกล่าวนั้น นอกจากพนักงานอัยการจะให้ค าปรึกษากฎหมายแก่ประชาชน ช่วยเหลือประชาชนในการยื่นค าร้องต่างๆ ต่อศาลแล้ว ยังมีการเผยแพร่ความรู้กฎหมายแก่ประชาชนด้วย โดยมีหลักคิดว่า เมื่อประชาชนมีความรู้กฎหมายแล้วก็จะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ หรือไม่ไปกระท าความผิดต่าง ๆ วิธีการที่ส านักงานอัยการสูงสุดใช้ในการเผยแพร่ความรู้กฎหมายสู่ประชาชนที่ปรากฏในปัจจุบันคือ พิมพ์หนังสือ ความรู้กฎหมายแจกจ่ายแก่ประชาชน จัดอบรมความรู้กฎหมายแก่ชาวบ้าน จัดรายการวิทยุ จัดรายการโทรทัศน์ หรือส่งบทความ เกี่ยวกับกฎหมายไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หรือวารสารต่าง ๆ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็เคยจัดรายการวิทยุเผยแพร่ความรู้กฎหมาย แก่ประชาชนมากกว่าสิบปี จัดรายการโทรทัศน์เผยแพร่ความรู้กฎหมายสี่ปี โดยน าเรื่องราวในเพลงลูกทุ่งมาชี้ ให้ผู้ฟังผู้ชม ได้รู้และเข้าใจกฎหมาย โดยมีผู้ติดตามรับชมทางโทรทัศน์ และรับฟังทางวิทยุจ านวนมาก ปัจจุบันมีสื่อโซเชียลเกิดขึ้ นมากมาย ซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงสื่อดังกล่าวได้ง่าย เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ มีโทรศัพท์มือถือ พนักงานอัยการบางท่านได้สร้างเพจเฟซบุ๊ก เพื่อตอบปัญหากฎหมายให้กับประชาชน ซึ่งนับว่าเป็ นการใช้ สื่อที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย และมีผู้ติดตามในช่องทางดังกล่าวมากมาย แต่การน าเสนอความรู้ในสื่อดังกล่าวก็มี การน าเสนอคล้าย ๆ กับสื่อวิทยุ โทรทัศน์ คือ บรรยายไปด้วย ตอบค าถามไปด้วย ประชาชนอาจจะรู้สึกซ ้าซากจ าเจ หรือรู้สึกเบื่อจนไม่น่าติดตาม เนื่องจากข้าพเจ้าชอบเขียนเรื่องสั้น ก็เลยเขียนเรื่องสั้นที่แฝงความรู้กฎหมาย ลงในเฟซบุ๊ก ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ติดตาม อ่านเรื่องสั้นในเฟซบุ๊กของข้าพเจ้ามากมาย ผู้ที่เข้ามาอ่านต่างชื่นชมว่า เป็ นเรื่องสั้นที่สนุก มีข้อคิดมากมาย ทั้งได้ความรู้ด้วย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องสั้นสัปดาห์ละหนึ่งเรื่องลงในเฟซบุ๊กของข้าพเจ้าทุกวันอาทิตย์ ใช้ชื่อว่า “เรื่องสั้นวันอาทิตย์” โดยเชาวฤทธ์ิ จันทร์สนาม นี่คือตัวอย่างเรื่องสั้นวันอาทิตย์ที่ข้าพเจ้าเผยแพร่ให้ประชาชนได้อ่านในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็ นการให้ความรู้เกี่ยวกับ การริบทรัพย์ที่จ าเลยได้ใช้ในการกระท าความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 เรื่องส้นัวนัอาทิตย์โดย เชาวฤทธ์ิจนัทรส์นาม เรื่องที่ 6. ริบหยาดเหงื่อของแม่ “เวียน” หญิงหม้ายวัย 45 ปี มรดกที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่าตายายจนมาหล่นใส่สองบ่าของเวียน คือ ความจน และตอนนี้ ก็มีหนี้ นอกระบบ เพิ่มอีก จ านวน 100,000 บาท ที่เวียนต้องกระเสือกกระสนดิ้ นรนท างานเก็บของเก่าขายเพื่อปลดภาระจากมรดกความจน และหนี้ นอกระบบก้อนนี้ เวียนยังมีมรดกหัวใจจากสามีคือ “โจ” ลูกชายวัย 19 ปี ก าลังเรียน ปวส. ปี 2 สาขาช่างยนต์ ซึ่งสามีทิ้ งไว้ให้เวียนเลี้ ยงเพียงล าพังเมื่อห้าปี ที่ผ่านมาโดยสามีกระโดดให้รถไฟชนขณะปั่นรถซาเล้งออกหาเก็บขยะ ด้วยสามีทนต่อการบังคับข่มขู่ของเจ้าหนี้ เงินกู้นอกระบบไม่ไหว KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 19 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 จากนั้นมาภาระปลดเปลื้ องมรดกความจนกับหนี้ นอกระบบและเลี้ ยงดูมรดกหัวใจก็ตกอยู่กับเวียนเพียงคนเดียว ทุกวันหลังจากลูกไปโรงเรียนแล้วเวียนจะปั่นซาเล้งออกไปตามถนน ตามซอกตามซอย ตลอดทั้งข้างทางรถไฟ เพื่อเก็บขยะทุกอย่างที่พอเปลี่ยนเป็ นเงินได้ ทุกครั้งที่ปั่นรถซาเล้งผ่านจุดตัดทางรถไฟ น ้าตาจากความน้อยเนื้ อต ่าใจที่สามี มาชิงตายไปก่อนก็จะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เวียนจะกลับถึงบ้านตอนห้าโมงเย็น ระหว่างที่รอข้าวในหม้อหุงข้าวไฟฟ้ าสุก เวียนก็น าขยะที่เก็บมาแยกใส่ถุง เป็ นชนิด ๆ ขวดพลาสติกบางอย่างก็จะล้างท าความสะอาดก่อนเพื่อให้ขายได้ราคา กระป๋ องเบียร์ กระป๋ องน ้าอัดลม ก็จะน ามาทุบหรือเหยียบให้แบนเสียก่อน หลังจากกินข้าวมื้ อเย็นกับลูกอิ่มแล้ว เวียนก็จะปล่อยให้ลูกชายท าการบ้านและ อ่านหนังสือ หรือไม่ก็แชตกับเพื่อน ๆ ตามประสาวัยรุ่น ส่วนตัวเธอก็จะปั่นรถซาเล้งพร้อมไฟฉายกระบอกหนึ่งออกจากบ้าน เพื่อไปคุ้ยขยะตามถังขยะข้างถนนที่ชาวบ้านน ามาทิ้ ง เวียนต้องคุ้ยให้เสร็จก่อนที่รถเก็บขยะจะมายกไป การท างานในรอบ กลางคืนนี้ เวียนจะกลับถึงบ้านประมาณหกทุ่ม ซึ่งเมื่อเวียนกลับถึงบ้านลูกชายก็จะหลับเป็ นตายไปแล้ว หลังจากคัดแยกขยะ เสร็จเธอก็จะอาบน ้าเปลี่ยนเสื้ อผ้าเข้านอน เธอกางมุ้งหลังเล็ก ๆ ข้าง ๆ มุ้งลูกชาย และเปิ ดโคมไฟใช้ผ้าคลุมบังคับทิศทาง แสงไม่ให้กระจายไปรบกวนการนอนของลูกชาย เธอนั่งพับเพียบลงกับฟูกบางที่ปูนอนแล้วใช้เศษกระจกที่แตกเป็ นสามเหลี่ยม ที่เก็บมาจากกองขยะพิงกับขวดน ้าดื่ม แล้วส่องกระจกทาแป้ งที่ใบหน้า เวียนมองดูหน้าตัวเองในกระจกเงาสามเหลี่ยม เธอเห็นริ้ วรอยของความตรากตร าบนใบหน้าตัวเองได้อย่างชัดเจน ขอบตาที่ช ้าเพราะนอนน้อย ต้อลมที่โคนตาทั้งสองข้างคืบคลานมาเกือบถึงตาด า รอยย่นบนใบหน้า กับฝ้ าที่แก้มทั้งสองข้างที่ เกิดจากแดดเผา เธอเฝ้ าคิดหลายครั้งที่จะซื้ อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เคยเห็นกล่องมันตามกองขยะมากินให้หน้าขาวให้ผิวขาว เนียนบ้าง แต่เธอก็เสียดายเงิน ตอนที่ซื้ อสมาร์ทโฟนให้ลูกสี่พันบาท ก็กล ้ากลืนฝืนทนเต็มที่แล้ว “ตื่นแล้วเหรอลูก” เธอร้องทักลูกชายขณะที่แปรงฟันอยู่ที่ก็อกน ้าหน้าห้องเช่า เมื่อเห็นลูกชายออกมาจากมุ้ง “ครับแม่” ลูกชายตอบแล้วรีบปลดมุ้งลง พับผ้าห่มเก็บวางไว้บนหมอน และปิดพัดลมข้างที่นอน “อาบน ้าแล้วมากินข้าวพร้อมกันนะลูกข้าวสุกละ เดี๋ยวแม่จะอุ่นพะโล้” เวียนบอกลูกชาย “ครับแม่” โจตอบแม่แล้วเดินเข้าห้องน ้าที่ท าด้วยสังกะสีข้างห้องเช่า เวียนล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็กลับเข้าไปในห้อง เปิดตู้เย็นเก่าๆตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา เก่าเสียจนมอเตอร์มันครางหึ่ง ๆ ที่ท าให้เธอนอนแทบไม่หลับเพราะเสียงของมัน เธอจ าได้ว่าใช้มันมาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ห้องเช่าใหม่ ๆ ตอนโจอายุ 2-3 ขวบ เธอหยิบถุงพะโล้ออกมา ในถุงมีไข่สามฟอง เต้าหู้ 3 ก้อน ที่เธอซื้ อมาจากปากซอยเมื่อวานเย็น เธอแกะหนังยางรัดออกแล้ว เทมันลงกระทะ น าไปวางบนเตาแก๊ส เปิดแก๊สแล้วจุดไฟ โจเป็ นเด็กไม่ดื้ อ แต่ค่อนข้างขี้ น้อยใจ ซึ่งจะน่าได้นิสัยมาจากพ่อ โจตั้งใจเรียน จนผลการเรียนอยู่ในล าดับต้น ๆ ของชั้นเรียน “แม่” โจเรียกแม่ในขณะที่เคี้ ยวข้าว แล้วจ้องหน้าแม่ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 “มีอะไรลูก” เวียนตอบแล้วจ้องหน้ารอค าพูดต่อไปของลูก “โจอยากได้มอไซค์สักคันอ่ะแม่” โจบอกความต้องการกับแม่ โดยไม่กล้ามองหน้าแม่ เอาแต่จ้องจานข้าวแล้วใช้ช้อน เขี่ยเม็ดข้าวไปมา อาการเหมือนคนกลัวความผิด “แม่ก็อยากซื้ อให้ลูกนะ แต่ตอนนี้ เงินไม่พอ ไหนต้องจ่ายค่าเทอมอีก เรียนจบแล้วแม่จะซื้ อให้นะ อีกแค่เทอมเดียวเอง” เวียนตอบลูกและอธิบายเหตุผลให้ลูกฟัง “ครับแม่” โจตอบแม่สั้น ๆ ไม่กล้าพูดอะไรกับแม่ในเรื่องนี้ ให้ยาวกว่านั้น หลังจากลูกออกไปโรงเรียนแล้วเวียนก็เก็บล้างจานชามแล้วปิ ดประตูบ้าน จากนั้นก็ปั่นซาเล้งคู่ใจออกไปเก็บขยะ วันนี้ เธอตั้งใจจะปั่นไปให้ไกลกว่าเดิม ตั้งใจจะเก็บขยะที่พอจะขายได้ให้ได้มากกว่าเดิม จะต้องหาเงินให้ได้มากกว่าเดิม เหลือจากผ่อนหนี้ นอกระบบ ค่าเช่าบ้าน ค่าน ้า ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายจ าเป็ นอื่น ๆ แล้วเธอตั้งใจจะเก็บไว้ซื้ อรถมอเตอร์ไซค์ มือสองให้ลูกชายขับไปท างาน ต่อมาโจเรียนจบ ปวส. แล้วได้งานในศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ และเวียนก็ซื้ อรถมอเตอร์ไซค์มือสองให้ลูกตามสัญญา ที่ให้ไว้ ซึ่งเธอซื้ อด้วยเงินสดราคาหมื่นกว่าบาท โดยให้ลูกชายลงชื่อเป็ นเจ้าของรถในสมุดคู่มือทะเบียนรถ และในเดือนนั้นเอง เธอเหลือเงินติดตัวเพียงห้าร้อยกว่าบาท ไม่พอจ่ายดอกเบี้ ยให้เจ้าหนี้ เงินกู้ จ านวน 7,000 บาท เธอจึงถูกผู้ชายที่มาเก็บเงินแทน เจ้าของเงินใช้สมุดสีน ้าเงินเล่มแข็งที่ใช้จดบันทึกการรับเงินตบที่หน้าเธออย่างแรงจนหน้าสะบัด เป็ นเหตุให้ศีรษะเธอกระแทกกับ ขอบประตูบ้านเช่า เธอพนมมือไหว้ขอโอกาส แต่ถูกชายที่มาเก็บเงินพูดข่มขู่ว่า ถ้าเดือนหน้าไม่จ่ายสองหมื่นจะถูกกระทืบ หลังจากคนทวงหนี้ กลับไปแล้ว เวียนก็ปิ ดประตูบ้านนั่งทรุดลงกับพื้ นห้องเช่าเอามือกุมหน้าแล้วร้องไห้ ความเจ็บปวดจากการถูกท าร้ายและข่มขู่ ประกอบกับความน้อยเนื้ อต ่าใจในโชคชะตาของชีวิตท าให้เธอปล่อยโฮออก มาสุดแรง จนแว้บหนึ่งของความคิดเธออยากฆ่าตัวตายตามสามี เธอมองหาวัตถุสิ่งของบางอย่างในห้องพอที่จะท าให้เธอตาย ได้อย่างที่ความคิดน าพาในตอนนี้ เธอเห็นเชือกฟางสีขาวสองม้วน ซึ่งเธอใช้มัดกระสอบใส่ขยะ จึงหยิบมันขึ้ นมากุมไว้ บนอกทั้งสองม้วนแล้วซบหน้าลงไปกับม้วนเชือกฟาง แล้วสะอึกสะอื้ น เธอทบเชือกฟางให้ใหญ่ขึ้ นพอที่จะรับน ้าหนักเธอ กับชื่อห้องเช่าได้ จากนั้นก็น าเก้าอี้ พลาสติกแบบมีพนักพิงที่ลูกชายเคยนั่งท าการบ้านมาวางเพื่อจะขึ้ นเหยียบไปแขวน เชือกฟางกับขื่อห้องเช่า แต่พอเธอขึ้ นไปยืนจะผูกเชือกบนเก้าอี้ เธอก็เห็นรูปถ่ายลูกชายในชุดช่างยนต์ยืนยิ้ มวางอยู่บนโต๊ะ ที่ลูกเคยนั่งท าการบ้าน เธอถึงกับนั่งทรุดลงบนเก้าอี้ “โจ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ แม่จะไม่ทิ้ งลูกไปไหน” เธอพูดออกมาพร้อมกับน ้าตาที่ไหลพรั่งพรู เวียนรีบหุงข้าวมื้ อเย็นไว้ให้ลูก แต่ตัวเธอกินข้าวไม่ลงจึงไม่กิน จากนั้นเธอก็ปั่นซาเล้งออกไปเก็บขยะรอบกลางคืน เหมือนเดิม คืนนี้ เธอปั่นไปไกลกว่าเดิม คุ้ยเขี่ยถังขยะมากกว่าเดิม ได้ขยะมากกว่าเดิม เธอรู้สึกดีใจ ขณะที่เธอปั่นซาเล้งจะกลับ บ้านตอนตีหนึ่งนั่นเอง ถนนสายนั้นมีสี่เลน ฝั่งละสองเลน มีเกาะกลางถนนคั่นกลาง ก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เป็ น กลุ่มมาทางด้านหลังของเธอ รถมอเตอร์ไซค์ขับแซงเธอขึ้นไปเกือบห้าสิบคัน หลายคนนอนขับเครื่องยนต์แผดเสียงจนเจ็บหู “มันน่าจะตายๆ เสียให้หมดไอ้พวกเด็กแว้นพวกนี้ พ่อแม่มันคงไม่มีเวลาสั่งสอน” เธอพูดกับตัวเอง KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 สักพักรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มนั้นก็แล่นย้อนกลับมา สวนทางเดินรถ จนมีรถยนต์หลายคันที่แล่นมาต้องหักหลบเกือบ เฉี่ยวชนกัน จากนั้นกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ก็แล่นไปยังจุดกลับรถตรงเกาะกลางถนน แล้วไปแล่นในถนนอีกฝั่ง เธอเห็นรถยนต์ ต ารวจหลายคันแล่นอยู่บนถนนอีกฝั่งตามกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ไป เธอพบว่าด้านหน้าเธอมีจุดสกัดของต ารวจ ซึ่งเป็ นสาเหตุที่ เด็กแว้นวนรถกลับแล่นย้อนเลน เวียนกลับถึงห้องเช่าเกือบตีสอง กุญแจบ้านยังคล้องอยู่ พอไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปก็ไม่มีลูกชาย ข้าวในหม้อไม่มี รอยตัก เธอเริ่มเป็ นห่วงลูกชายจนน ้าตาไหลอีกรอบ เธอนั่งมองข้าวในหม้อ จะตักกินก็คงกลืนไม่ลง เพราะขนาดน ้าลายยังติดคอ คืนนั้นเธอนั่งพิงโต๊ะท าการบ้านเก่าๆของลูก เธอหมดเรี่ยวหมดแรง แต่หลับตาไม่ลง ยุงรุมเจาะเลือดตามขาและ แขนเธอก็ไม่มีแรงจะตบหรือปัดมัน ฟ้ ายังไม่สาง เวียนปั่นซาเล้งคู่ใจและยังคงสวมใส่เสื้ อผ้าชุดเดิมเมื่อคืน มุ่งหน้าไปสถานีต ารวจเพื่อจะไปแจ้งความ แต่พอไปถึงเธอ เห็นผู้คนเป็ นร้อยอยู่ที่สถานีต ารวจ เวียนจอดซาเล้งไว้ข้างรั้วแล้วเดินเข้าไปข้างใน เธอไปยืนอยู่ตรงหน้าเสมียนเวร “เป็ นผู้ปกครองใครครับ” นายดาบต ารวจถามเวียน “ไม่ได้เป็ นผู้ปกครองใครหรอกค่ะ” เวียนตอบนายดาบต ารวจ “งั้นมาท าอะไรครับ” นายดาบต าราจถามเวียน “พอดีว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาลูกชายฉันไม่กลับบ้าน” เธอตอบนายดาบต ารวจไป ในขณะที่สายตาก็มองไปที่หน้าห้องขัง ที่มีคนยืนออกันจนแน่น “ท าไมคนเยอะจังค่ะ” เธอถามนายดาบต ารวจ “อ้อ เมื่อคืนมีการจับเด็กแว้นมาเป็ นร้อยครับ พวกอายุเกินสิบแปดอยู่ในห้องขังครับ ส่วนเยาวชนจะอยู่อีกห้อง เช้านี้ ผู้ปกครองเลยมากันเยอะครับ” นายดาบต ารวจตอบพร้อมอธิบาย เวียนมองเข้าไปในห้องขัง เธอเห็นโจกวักไม้กวักมือเรียกเธอ เวียนเป็ นลมล้มไปตรงนั้นทันที โจถูกต ารวจจับข้อหาร่วมกันแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ ค านึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น วันต่อมาโจกับพวกหลายคนถูกพนักงานอัยการฟ้ องต่อศาล โจรับค าฟ้ องมาอ่าน ในตอนท้ายของค าฟ้ องอัยการ ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของโจด้วย โจให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจ าคุกและปรับ โทษจ าคุกให้รอไว้ 1 ปี ให้คุมความประพฤติมีก าหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ส่วนรถจักรยานยนต์ศาลริบตามค าขอของพนักงานอัยการ “แม่ โจขอโทษ ขอโทษที่โจท าตัวไม่ดี ขอโทษที่ท าให้แม่เดือดร้อน ขอโทษที่ท าให้รถมอเตอร์ไซค์ของแม่ ถูกริบ” โจพูดกับแม่ขณะที่นั่งซ้อนท้ายซาเล้งแม่กลับบ้านหลังจากฟังค าพิพากษาเสร็จ “ไม่เป็ นไรลูก ไม่เป็ นไรหรอก มันผ่านไปแล้ว และแม่เชื่อว่าลูกแม่จะไม่ท าแบบนั้นอีก ส่วนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ เป็ นเพียงเศษเหงื่อของแม่ แม่ยังมีก าลังและมีเม็ดเหงื่อเพื่อลูกอีกมากมาย” เวียนพูดจบก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ า เวียนไม่ได้ ยินเสียงใด ๆ จากปากของลูกชาย แต่รับรู้ว่าลูกชายกอดเธอจากด้านหลังแน่นขึ้น เหมือนส านึกผิดจากส่วนลึกของหัวใจ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ กฎหมายก็เหมือนยาขมที่แม้จะมีประโยชน์แต่ก็เป็ นการยากที่ประชาชนอยากจะเรียนรู้ ดังนั้น หน้าที่ของอัยการ ซึ่งเป็ นผู้ที่มีความรู้กฎหมายจะต้องหาวิธีการที่จะท าให้ประชาชนได้รู้กฎหมายได้โดยง่ายเหมือนที่ผู้ผลิตยาน าน ้าเชื่อม มาผสมกับยาเพื่อให้คนกินยาที่ขมได้โดยง่าย เรื่องสั้นก็เป็ นเหมือนน ้าเชื่อมที่ท าให้ประชาชนเรียนรู้กฎหมายได้อย่างสนุก เข้าใจกฎหมายได้โดยง่ายและอยากเรียนรู้กฎหมายโดยไม่รู้จบ ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายเชาวฤทธ์ิ จันทร์สนาม ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 129/2566 /2563 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th ---------------------------- กำรตรวจสอบถ่วงดุลอ ำนำจของคณะกรรมกำร ป.ป.ช. กรณีไม่ช้ีมูลควำมผิดผถู้กูกลำ่วหำ งานคดีปราบปรามการทุจริต พบว่า ในคดีทุจริตทั่วไปของพนักงานสอบสวน กรณีที่พนักงานสอบสวนมีความเห็น ควรสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนจะต้องส่งส านวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการพิจารณาก่อน หากพนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้ อง กรณีเหตุเกิดในต่างจังหวัดจะส่งส านวนไปให้ผู้บังคับการต ารวจภูธรภาค พิจารณา ส่วนกรณีเหตุเกิด ในกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติจะเป็ นผู้พิจารณา หากเห็นพ้องกับพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะมีค าสั่ง เด็ดขาดไม่ฟ้ องต่อไป หากไม่เห็นพ้องกับพนักงานอัยการ จะส่งส านวนให้อัยการสูงสุดพิจารณามีความเห็นชี้ แย้งต่อไป โดยเป็ นไปตามหลักการตรวจสอบถ่วงดุลอ านาจกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ซึ่งแตกต่างกับคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็ นผู้จัดท าส านวนการไต่สวน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อมีความเห็นไม่ชี้ มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาแล้ว คดีเรื่องกล่าวหาจะยุติทันที โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่เพียง เปิดเผยเหตุผลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ประชาชนทราบเป็ นการทั่วไปเท่านั้น ไม่มีการตรวจตรวจสอบถ่วงดุลอ านาจกัน ระหว่างหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น การด าเนินการในส านวนคดีทุจริตกรณีพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ อง กับกรณีไม่ชี้ มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีความแตกต่างกัน ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ เห็นควรให้แก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยให้มีหน่วยงานอื่นตรวจสอบถ่วงดุลอ านาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 58 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสุกิจ นาพุก ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 6 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 19 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 130/2566 /2563 ---------------------------- ขอบเขตอ ำนำจกำรขอให้อัยกำรสูงสุดลงลำยมือชื่อรับรองในฎีกำ ตำมพระรำชบัญญัติวิธีพิจำรณำคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มำตรำ 46 วรรคสี่ จากการปฏิบัติงาน ในการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 42 บัญญัติให้ค าพิพากษา หรือค าสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบ เป็ นที่สุด เว้นแต่ผู้ฎีกาจะได้ยื่นค าร้องตามมาตรา 44 พร้อมค าฟ้ องฎีกา แสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้ พิจารณาตามมาตรา 46 กล่าวคือ เมื่อเห็นว่าปัญหาตามฎีกานั้น เป็ นปัญหาส าคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย ดังต่อไปนี้ (1) ปัญหาที่เกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะ (2) เมื่อค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ส าคัญขัดกันหรือขัดกับแนวบรรทัดฐานของค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลฎีกา (3) ค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ส าคัญซึ่งยังไม่มี แนวค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลฎีกามาก่อน (4) เมื่อค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบขัดกับค าพิพากษาหรือค าสั่งอันถึงที่สุดของศาลอื่น (5) เมื่อจ าเลยต้องค าพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนก คดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้ประหารชีวิตหรือจ าคุกตลอดชีวิต (6) เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วอาจมี ผลเปลี่ยนแปลงสาระส าคัญในค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (7) ปัญหา ส าคัญอื่นตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ---ในกรณีที่อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการ ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยให้ถือว่าเป็ นปัญหาส าคัญและให้ศาลฎีการับฎีกา จะเห็นได้ว่าในกรณีที่เป็ นฎีกาของพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกานั้น เป็ นบทบังคับว่า ให้ศาลฎีกาต้องรับฎีกาไว้พิจารณาและการยื่นค าร้อง ตามมาตรา 44 ก็ไม่จ าเป็ นต้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้ พิจารณา ตามมาตรา 46 (1)-(7) เพียงแต่แสดงในค าร้องให้ศาลเห็นว่าอัยการสูงสุดได้ลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของ พนักงานอัยการว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยเท่านั้น ตามที่ก าหนดไว้ในข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วย วิธีการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ข้อ 29 แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วย วิธีการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ข้อ 4 ซึ่งส าหรับคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็ นโจทก์นั้น ย่อมไม่มีปั ญหาในทางปฏิบัติ เพราะฎีกาของโจทก์นั้น เป็ น “ฎีกาของพนักงานอัยการ” ตามตัวบทกฎหมายที่ได้บัญญัติ ไว้ในมาตรา 46 วรรคสี่ โดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างกับบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ที่ให้อ านาจอธิบดีกรมอัยการ (อัยการสูงสุด) ลงลายมือรับรองในฎีกาได้ไม่ว่าจะเป็นฎีกาของคู่ความฝ่ายใด แต่ส าหรับ ในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ กฎหมายมิได้บัญญัติให้อัยการสูงสุดมีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของจ าเลย แต่อย่างใด KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 22 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 แต่ปัญหาว่าในกรณีที่พนักงานอัยการรับแก้ต่างคดีให้แก่จ าเลยนั้น เมื่อพนักงานอัยการด าเนินคดีแก้ต่าง ในชั้นฎีกาและยื่นฎีกาให้แก่จ าเลยที่พนักงานอัยการรับแก้ต่างตามอ านาจหน้าที่นั้นจะขอให้อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อ รับรองในฎีกาของจ าเลยนั้นได้หรือไม่ เห็นว่าในคดีที่พนักงานอัยการเข้ารับแก้ต่างคดีในแก่จ าเลย ย่อมมีฐานะเป็น ทนายความของจ าเลย และเป็ นคู่ความในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (11) ประกอบ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 6 ดังนั้นฎีกาของจ าเลยในคดีที่ พนักงานอัยการรับแก้ต่างคดี จึงถือได้ว่าเป็ น “ฎีกาของพนักงานอัยการ” ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 46 วรรคสี่ด้วย อัยการสูงสุดจึงมีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกานั้นได้ซึ่งปรากฏว่าพนักงานอัยการ ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ าย คดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 8 ได้รับแก้ต่างคดีให้แก่จ าเลยที่ 1 - 3 ในคดีหมายเลขด า ที่ อท1/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 40/2562 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ระหว่าง นาย จ. โจทก์ นาย ก ที่ 1 นาย ณ. ที่ 2 นาย ธ. ที่ 3 จ าเลย และได้ให้อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาให้แก่จ าเลยที่ 1– 3 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ต่อมาได้ยื่นค าร้อง แสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณา พร้อมค าฟ้ องฎีกา ฉบับลงวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ซึ่งต่อมาศาลฎีกาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้มีค าสั่งอนุญาตให้จ าเลยทั้งสามฎีกา และรับฎีกาของจ าเลยทั้งสามไว้พิจารณา ตามค าสั่งที่ คร.อท.6552/2564 ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 แต่ปรากฏว่าปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีค าวินิจฉัยที่ 22/2565 (เรื่องพิจารณาที่ 9/2565) ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ระหว่างศาลฎีกา ผู้ร้อง – ผู้ถูกร้อง ว่า “---การที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 46 วรรคสี่ บัญญัติหลักเกณฑ์ในการฎีกาค าพิพากษาของศาลอุทธรณ์ระหว่างพนักงานอัยการกับจ าเลย ไว้แตกต่างกันและก าหนดให้ศาลฎีการับฎีกาโดยไม่สามารถใช้ดุลพินิจสั่งเป็ นประการอื่นได้ย่อมท าให้หลักประกันสิทธิ ในการฎีกาของคู่ความในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบระหว่างพนักงานอัยการกับจ าเลยได้รับการคุ้มครองที่แตกต่างกัน ไม่เสมอภาคกันในกฎหมาย ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน เป็ นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็ นธรรม ต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งความแตกต่างกันในเรื่องสถานะของบุคคลและขัดต่อหลักความเสมอภาคจึงขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ง และก าหนดค าบังคับให้ค าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลเมื่อพ้นสามร้อย หกสิบวัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีค าวินิจฉัย” ดังนั้นเมื่อค าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีผลบังคับ (ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 เป็ นต้นไป) ท าให้บทบัญญัติตามมาตรา 46 วรรคสี่ ไม่สามารถบังคับใช้ต่อไปได้ การยื่นฎีกาของพนักงานอัยการจึงต้องยื่นค าร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาตาม มาตรา 46 (1) – (7) ด้วย เพราะไม่สามารถขอให้อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการ ตามมาตรา 46 วรรคสี่ ได้อีก หรือมิฉะนั้นส านักงานอัยการสูงสุดควรเร่งหาแนวทางเพื่อแก้ไขกฎหมายให้อัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรอง ในฎีกาของคู่ความได้ทุกฝ่ายเพื่อความเสมอภาคกันในกฎหมาย และให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม กัน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ต่อไป ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ สรุป อัยการสูงสุดมีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัย โดยให้ถือว่าเป็นปัญหาส าคัญและให้ศาลฎีการับฎีกา ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 46 วรรคสี่ โดยต้องยื่นค าร้องขอฎีกา พร้อมค าฟ้ องฎีกาตามมาตรา 44 แต่ค าร้องขอฎีกาดังกล่าวนั้น KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ไม่ต้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาตามมาตรา 46 (1) – (7) เพียงแต่แสดงให้ศาลเห็นว่าอัยการสูงสุด ได้ลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยแล้วเท่านั้น และค าว่า “ในฎีกาของพนักงานอัยการ” นั้น หมายรวมถึง “ในฎีกาของจ าเลยที่พนักงานอัยการรับแก้ต่างคดีให้” ด้วย แต่ไม่รวมถึง ในฎีกาของราษฎรที่เป็ นโจทก์และในฎีกาของจ าเลยที่พนักงานอัยการเป็ นโจทก์ซึ่งแตกต่างจากที่บัญญัติไว้ในประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ที่อัยการสูงสุดมีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของคู่ความทุกฝ่าย แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญได้มีค าวินิจฉัยที่ 22/2565 (เรื่องพิจารณาที่ 9/2565) ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ซึ่งมีผลบังคับเมื่อพ้น 360 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีค าวินิจฉัยดังกล่าว (มีผลตั้งแต่ วันที่ 10 ธันวาคม 2566 เป็ นต้นไป)ว่าบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 46 วรรคสี่ นั้ น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 วรรคหนึ่ งจึงไม่สามารถบังคับใช้ได้ต่อไป ดังนั้น อัยการสูงสุดจึงไม่มีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาของพนักงานอัยการ ตามมาตรา 46 วรรคสี่ ดังกล่าวได้อีก การยื่นฎีกา จึงต้องยื่นค าร้องแสดงเหตุตามมาตรา 46 (1)–(7) ด้วย หรือไม่ ส านักงานอัยการสูงสุดต้องควรเร่ง หาทางแก้ไขกฎหมายให้อัยการสูงสุดมีอ านาจลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้แก่คู่ความ ได้ทุกฝ่ายดังเช่นในคดีอาญาทั่วไป ท านองเดียวกับที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ต่อไป กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 6, 42, 44, 45, 46 - ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ข้อ 29 แก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ข้อ 4 - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(11) - ค าวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 22/2565 (เรื่องพิจารณาที่ 9/2565 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2565) - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีของพนักงานอัยการในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2562 ข้อ 24 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 - ผู้จัดท า KCJ : นายพงคศ์กัด์ิวฒันกิจ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 8 ส านักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 131/2566 /2563 ---------------------------- กำรตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องขอควำมเป็ นธรรมต่ออัยกำรสูงสุด ข้อเท็จจริง กรณีผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาหรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ใช้สิทธิตาม รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ยื่นหนังสือร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในส านวนคดีของ ส านักงานอัยการในพื้ นที่รับผิดชอบของส านักงานอัยการภาค 6 ซึ่งส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดจะแจ้งให้อธิบดีอัยการ ภาค 6 ด าเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมพิจารณาให้ความเห็นตามล าดับชั้นเกี่ยวกับการสั่งคดีของพนักงานอัยการว่า ชอบด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 หรือไม่ และพิจารณาตามประเด็นในหนังสือขอความเป็ นธรรม หากมีกรณีต้องสอบสวนเพิ่มเติม หรือพิจารณา กลับความเห็น หรือกลับค าสั่ง ให้พิจารณาด าเนินการตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของ พนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 65 เมื่อด าเนินการแล้วให้แจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นดังกล่าวไปยัง ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดพร้อมส าเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาสั่งคดี และให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่า นอกจาก ผู้ร้องร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุดในครั้งนี้ ผู้ร้องเคยร้องขอความเป็ นธรรมต่อพนักงานอัยการส านักงานอัยการใด มาแล้วบ้างหรือไม่ เมื่อใด ในประเด็นใด และได้รับการพิจารณาแล้วหรือไม่ ผลเป็ นอย่างไร ขอให้ชี้ แจงรายละเอียดพร้อม เอกสารที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าในการร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด เป็ นการร้องขอความเป็ นธรรมในประเด็นที่ ผู้ร้องเคยขอความเป็ นธรรม และพนักงานอัยการเคยพิจารณาไว้แล้ว หรือมีลักษณะเป็ นการประวิงคดีให้ล่าช้า ตามระเบียบ ข้อ 65 วรรคสองหรือไม่ ทั้งนี้ ให้รีบด าเนินการและแจ้งไปยังส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับหนังสือ เพื่อพิจารณาเรื่องความเป็ นธรรมเสนออัยการสูงสุดต่อไป สภำพปัญหำ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการสั่งคดีของพนักงานอัยการ รวมทั้งการถ่ายส าเนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ไม่ปรากฏว่ามีการก าหนดรูปแบบในการน าเสนองานตามล าดับชั้นจนถึงอธิบดี อัยการภาค 6 และแนวทางการด าเนินการของพนักงานอัยการในส านักงานอัยการภาค 6 บางครั้งจะส่งเรื่องไปยัง ส านักงานอัยการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและท าความเห็นเกี่ยวกับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในเบื้ องต้น แล้วส่งผล การตรวจสอบและส านวนคดีมายังส านักงานอัยการภาค 6 แต่บางครั้งจะเรียกส านวนมาตรวจสอบเอง ท าให้เกิดภาระงาน แก่ส านักงานอัยการในพื้ นที่และเกิดความล่าช้า (มีระยะเวลาเพียง 30 วัน ซึ่งแต่เดิมได้ถูกก าหนดเป็ นตัวชี้ วัดของ ส านักงานอัยการสูงสุด) เกิดการท างานซ ้าซ้อน และการท างานไม่เป็ นไปในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บังคับบัญชาตามล าดับชั้น อาจขาดข้อมูลที่จ าเป็ นและส าคัญในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเห็นในการเสนอเรื่อง ต่ออัยการสูงสุด กำรแก้ไขปัญหำ ส านักงานอัยการภาค 6 โดยผู้บริหาร พนักงานอัยการ นิติกร และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้จัดการ ประชุมร่วมกันเพื่อก าหนดรูปแบบรายงานและแนวทางการท างานให้เป็ นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้การรายงานไปยัง ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดเป็ นไปตามก าหนดระยะเวลาที่ก าหนด ดังนี้ 1. ในส่วนสำ นักงำนอัยกำรในพ้ืนที่(ส ำนักงำนอัยกำรจังหวัด/ส ำนักงำนอัยกำรคดีศำลแขวง/ส ำนักงำน อัยกำรคดีเยำวชนและครอบครัวจังหวัด) KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 22 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ส านักงานอัยการภาค 6 ได้ก าหนดให้ส านักงานอัยการในพื้ นที่ จัดท าสรุปข้อเท็จจริงส านวนคดีร้องขอความ เป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยให้กรอกข้อความและท าเครื่องหมายในช่องว่างที่ก าหนด (มี 6 ข้อ) ภายในกระดาษแผ่นเดียว ได้แก่ ข้อ 1 ข้อมูลเบื้ องต้นเกี่ยวกับส านวน (ส านวน ส./เลขรับ/ส านักงาน/ผู้กล่าวหา/ผู้ต้องหา/ข้อหา/สถานีต ารวจ/ เมื่อวันที่/ผู้ตรวจส านวน/โทรศัพท์) ข้อ 2 การด าเนินการ (สั่งฟ้ องวันที่/สั่งไม่ฟ้ องวันที่/เสนอ ผวจ./ผบช.6 เมื่อวันที่/อยู่ระหว่างพิจารณาสั่ง/สอบสวน เพิ่มเติมวันที่ (เร่งรัดผลการสอบสวนเพิ่มเติมตามระเบียบ/ไม่เร่งรัดผลการสอบสวนเพิ่มเติมตามระเบียบ)/มีค าสั่งเด็ดขาด ไม่ฟ้ องแล้ว) ข้อ 3 เกี่ยวกับการร้องขอความเป็ นธรรมในส านวนคดีนี้ (ไม่เคยร้องขอความเป็ นธรรม/เคยร้องขอความเป็ นธรรมต่อ เมื่อวันที่) ข้อ 4 ผลการสั่งคดีร้องขอความเป็ นธรรมตามข้อ 3 (ไม่มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมเพราะไม่มีประเด็นต้องสอบสวน เพิ่มเติม/สั่งสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นที่ร้องขอความเป็ นธรรม) ข้อ 5 ตามหนังสือร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด ข้าพเจ้ามีความเห็นดังนี้ ข้อ 5.1 ไม่จ าเป็ นต้องสอบสวนเพิ่มเติม (สามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) เพราะข้อเท็จจริงปรากฏในส านวน การสอบสวนแล้ว/เพราะได้ท าการสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นร้องขอความเป็ นธรรมไว้แล้ว/เพราะการร้องขอความเป็ นธรรม มีลักษณะเป็ นการประวิงคดีให้ล่าช้า/เพราะได้ร้องขอความเป็ นธรรมในประเด็นเดิมที่ได้มีค าวินิจฉัยแล้ว/เพราะ (อื่นๆ) ข้อ 5.2 เห็นควรสอบสวนเพิ่มเติมตามประเด็นที่ร้องขอความเป็ นธรรม ข้อ 6 ความเห็นอื่นๆ ทั้งนี้ ในการกรอกข้อความและท าเครื่องหมายดังกล่าวได้ระบุให้พนักงานอัยการเจ้าของ ส านวนเป็ นผู้ด าเนินการ ทั้งนี้ ก าหนดให้ส านักงานอัยการในพื้ นที่ภาค 6 ส่งสรุปข้อเท็จจริงส านวนคดีร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด มาทางโทรสารภายใน 3 วัน ส่วนต้นฉบับให้ส่งมาพร้อมส านวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องไปยังส านักงานอัยการภาค 6 เพื่อด าเนินการต่อไป 2. ในส่วนส ำนักงำนอัยกำรภำค 6 2.1 ก าหนดให้พนักงานอัยการผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในชั้นต้น ได้แก่ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ อัยการผู้เชี่ยวชาญ หรืออัยการอาวุโสผู้รับผิดชอบ จัดท ารายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอผู้บังคับบัญชาตามล าดับชั้นถึงอธิบดีอัยการ ภาค 6 ตามรูปแบบที่ก าหนด ดังนี้ (มี4 ข้อหลัก) ข้อ 1 ประเด็นที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาให้ความเห็น(เป็ นไปตามประเด็นที่ส านักงานคดีกิจการ อัยการสูงสุดแจ้ง) ข้อ 2 ขั้นตอนและระยะเวลาการด าเนินการเกี่ยวกับส านวนของพนักงานอัยการ (พนักงานอัยการรับส านวน ไว้ด าเนินการเมื่อใด/มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่/มีการร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการจังหวัดหรือไม่/ค าสั่งทางคดี ของพนักงานอัยการผู้มีอ านาจ) ข้อ 3 ข้อเท็จจริงตามทางสอบสวนได้ความว่าอย่างไร ข้อ 4 พิจารณาแล้วมีความเห็นแยกตามประเด็น ดังนี้ ข้อ 4.1 การสั่งคดีของพนักงานอัยการ (ชอบแล้วหรือไม่ หากมีกรณีต้องสอบสวนเพิ่มเติม หรือพิจารณากลับ ความเห็น หรือกลับค าสั่งหรือไม่ อย่างไร พร้อมเหตุผลตามระเบียบกฎหมาย) ข้อ 4.2 การสั่งคดีตามหนังสือร้องขอความเป็ นธรรมเป็ นอย่างไร (ตามประเด็นของหนังสือร้องขอความเป็ นธรรม) และให้มีความเห็นว่าเห็นควรยุติเรื่องหรือไม่ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อ 4.3 นอกจากผู้ร้องร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุดในครั้งนี้ ผู้ร้องเคยร้องขอความเป็ นธรรมต่อพนักงาน อัยการ ส านักงานอัยการใดมาแล้วบ้างหรือไม่ เมื่อใด ในประเด็นใด และได้รับการพิจารณาแล้วหรือไม่ ผลเป็ นอย่างไร ข้อ 4.4 ในการร้องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการสูงสุด เป็ นการร้องขอความเป็ นธรรมในประเด็นที่ผู้ร้องเคยขอ ความเป็ นธรรมและพนักงานอัยการเคยพิจารณาไว้แล้ว หรือมีลักษณะเป็ นการประวิงคดีให้ล่าช้าตามระเบียบข้อ 65 วรรคสอง หรือไม่ จากนั้นส านักงานอัยการภาค 6 จะรายงานไปยังส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด และส่งส านวนคืนส านักงาน อัยการในพื้ นที่ต่อไป 2.2 ก าหนดให้มีปกส านวนคดีร้องขอความเป็ นธรรมที่ต้องรายงานอัยการสูงสุดตามก าหนด โดยระบุประเภทส านวน เลขรับ ผู้กล่าวหา ผู้ต้องหา ข้อหา รับจากส านักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ ผู้ตรวจส านวน ครบก าหนด 30 วัน (55 วัน) วันที่ด าเนินการ ครั้งที่ 1 ฯลฯ รายงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ (เป็ นการจัดท าปกส านวนในท านองเดียวกับส านวนคดีอื่น ๆ) ท าให้เกิดความสะดวกในการติดตามและเร่งรัดงานของนิติกรและพนักงานอัยการในส านักงานอัยการภาค 6 ผลที่ได้รับ การตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นของอธิบดีอัยการภาค 6 และส่งส าเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยัง ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด เป็ นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่ก าหนด (ภายใน 30 วัน หรือ 55 วัน) และการปฏิบัติงานของผู้รับผิดชอบมีมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็ นการลดภาระงานของส านักงานอัยการในพื้ นที่ ที่จะต้องมาพิจารณาเรื่องขอความเป็ นธรรมซ ้าซ้อนอีกด้วย ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การก าหนดรูปแบบและแนวทางการท างานที่ชัดเจน กระชับ รวดเร็ว และครบถ้วนสมบูรณ์ อันเกิดจากการท างาน เป็ นทีม ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ร่วมรับผิดชอบในการท างาน และผลส าเร็จของงานร่วมกัน ก่อให้เกิด ความสามัคคีและประสิทธิผลของงาน และผู้บริหารระดับสูงมีข้อมูลที่ครบถ้วนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมพิจารณา ให้ความเห็นเกี่ยวกับการสั่งคดีของพนักงานอัยการ และกราบเรียนอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาเรื่องความเป็ นธรรมต่อไป ส่งผล ให้เกิดความเป็ นธรรมต่อประชาชนผู้เกี่ยวข้องกับอรรถคดี อันเป็ นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายในส านักงานอัยการภาค 6 ซึ่งยังไม่เคย ได้รับการจัดท ามาก่อน ทั้งนี้ องค์ความรู้หน้างานฉบับนี้ สามารถน ามาใช้ในการด าเนินงานเรื่องขอความเป็ นธรรมต่ออัยการ สูงสุดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ส านักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดก าหนดได้เป็ นอย่างดี กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 65 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายพนัศกัด์ิอภิสิทธ์ิศกัด์ิต าแหน่ง ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 6 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 132/2566 /2563 ---------------------------- กำรรวบรวมข้อเท็จจริงและบันทึกถ้อยค ำพยำนคดีทำงกำรแพทย์ ในการแก้ต่างคดีทางการแพทย์ให้กับส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งถูกฟ้ องเป็ นจ าเลยในคดีผู้บริโภค จากกรณีแพทย์พยาบาลซึ่งเป็ นเจ้าหน้าที่ในสังกัด ถูกกล่าวหาว่าประมาทเลินเล่อในการรักษาพยาบาลนั้น พระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 24 ก าหนดให้จ าเลยยื่นค าให้การเป็ นหนังสือ ก่อนวันนัดพิจารณา และ ตามระเบียบส านักงานอัยการ สูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2560 ข้อ 20 ก าหนดให้พนักงาน อัยการหรือนิติกร หรือเจ้าพนักงานคดีที่ได้รับมอบหมาย บันทึก ค าพยานที่เกี่ยวข้องไว้ในแบบ (อ.ก.22) เมื่อมีเหตุสมควร พนักงานอัยการมีอ านาจเรียกบุคคลที่เชื่อว่าค าให้การ จะเป็ นประโยชน์แก่คดีมาซักถามแล้วบันทึกไว้ก็ได้ โดยในทางปฏิบัติ พนักงานอัยการจะเรียกให้แพทย์พยาบาล มาพบเพื่อซักถามถ้อยค าพยานเนื่องจากเป็ นคดีที่มีความยุ่งยากและมีหลักวิชาทาง การแพทย์ และการพยาบาล ที่ยากต่อการท าความเข้าใจ หลายครั้งที่ต้องเรียกให้พยานมาพบเพื่อซักถามเพิ่มเติม ท าให้ต้อง ใช้เวลาในการ รวบรวมข้อเท็จจริงและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวกับคดี แต่เนื่องจาก ข้อจ ากัดเรื่องระยะเวลาในจัดท าค าให้การ แก้ต่างคดีที่มีไม่มาก คดีแต่ละเรื่องที่มีการกล่าวหาว่าแพทย์พยาบาลกระท าการประมาทเลินเล่อในการรักษา พยาบาลนั้น ต่างปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาล สังกัดส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ แพทย์พยาบาลมีภาระ งานที่ต้องรับผิดชอบจ านวนมากในการรักษาพยาบาล ผู้ป่ วยนั้นมีแพทย์เวรพยาบาลเวร เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาจ านวน หลายคน ท าให้มีพยานที่เกี่ยวข้อง จ านวนมากตามไปด้วย ข้อมูลการรักษา พยาบาลรวมทั้งวิธีการรักษาเป็ นหลักวิชาทาง การแพทย์และหลักวิชาทางการพยาบาลที่มีความยุ่งยากซับซ้อน จ าเป็ นที่พนักงานอัยการต้องสอบข้อเท็จจริงพยานดังกล่าว ด้วยตนเอง และบางครั้งต้องสอบพยานเพิ่มเติมเพื่อให้ ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แพทย์พยาบาลซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ จังหวัดห่างไกลต้องลางานพร้อมกันเพื่อร่วม เดินทางมาให้ถ้อยค าต่อพนักงานอัยการ ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่ง 2 จังหวัดนนทบุรี (เนื่องจากโจทก์ ฟ้ องคดีต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ตามภูมิล าเนาจ าเลย) ซึ่งใช้เวลาเดินทางเป็ นวัน พยานที่อยู่ จังหวัดห่างไกลมาก ต้องมาพักค้างก่อนมาพบพนักงานอัยการและพยานที่มาพร้อมกัน เมื่อพบพนักงานอัยการแล้วต้องรอ อัยการ ซักถามข้อเท็จจริงคราวละคนเพื่อซักถามและบันทึกถ้อยค าพยานไว้ใน แบบ (อ.ก.22) ตามระเบียบส านักงาน อัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2560 ข้อ 20 ท าให้เกิดปัญหาความล่าช้า เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย และมีความเสี่ยงภัยต่ออุบัติเหตุในการเดินทาง แพทย์พยาบาลต้องขาดงานไม่ได้ท าหน้าที่ ดูแลรักษาผู้ป่ วย ทั้งที่ประสบปัญหาขาดแคลนอัตราก าลังบุคลากรทางการแพทย์ประกอบกับในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 23 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เชื้ อไวรัสโคโรนา การเดินทางข้ามจังหวัดหรือการพบปะพูดคุยกับพยานเป็ นเรื่องยุ่งยาก เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงได้น า ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แอปพลิเคชันไลน์ และซูม มาใช้เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุดในขั้นตอนการซักถามถ้อยค า พยานและรวบรวม พยานหลักฐานทางคดีโดยจัดให้มีการ ประชุมกลุ่มร่วมกันระหว่างแพทย์ พยาบาล นิติกรผู้ประสานงานคดี และพนักงานอัยการผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และซูม ตามวันเวลาและสถานที่ที่ทุกฝ่ายสะดวก โดยก าหนดให้มีการบันทึกภาพ และเสียงไว้ ซึ่งการประชุมกลุ่ม ในรูปแบบนี้ มีความสะดวกสามารถจัดประชุมกลุ่มได้หลายครั้งเมื่อต้องการสอบถามเพิ่มเติม ในการประชุมกลุ่ม มีการซักถามให้อธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ในคดี พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ มาตรฐานหลักวิชาการแพทย์ และการพยาบาลพร้อมแสดงพยานเอกสารที่สแกนเข้าระบบให้ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ประกอบการให้ถ้อยค า ท าให้การอธิบายเอกสารเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น หลังจากประชุมกลุ่มแล้วจะมีการ ตั้งประเด็นค าถาม ผ่านแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มคดีเพื่อให้พยานมีเวลาไปจัดเตรียมหาข้อมูลเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล และตอบอธิบายเหตุการณ์ขณะปฏิบัติหน้าที่และแนวทางการรักษาผู้ป่ วยว่าเป็ นไป ตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่เพื่อใช้ ในการต่อสู้คดีแล้วให้บันทึกลงในบันทึกถ้อยค าพยานแบบ (อ.ก.22) โดยก่อนที่จะส่งบันทึกถ้อยค าพยานแบบ (อ.ก.22) มาให้พนักงานอัยการจะมีการโทรผ่านแอปพลิเคชันไลน์ พูดคุยกับพยานเป็ นรายบุคคลอีกครั้ง รวมทั้งให้ส่งไฟล์ร่างบันทึก ถ้อยค าพยานเพื่อตรวจสอบก่อน เมื่อบันทึก ถ้อยค าพยานดังกล่าวมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ดีแล้วจึงให้พยานลงชื่อ และให้ส่งเข้ารวมส านวนคดี พร้อมส่งไฟล์บันทึกภาพและเสียงการประชุมกลุ่มเพื่อรวมในส านวนด้วย เพื่อให้พนักงานอัยการ เปิดดูไฟล์บันทึก ภาพและเสียงการประชุมกลุ่มทบทวนเรื่องราวซ ้าได้ และหากมีการเปลี่ยนตัวพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบ คดี พนักงานอัยการที่เข้ามารับส านวนคดีก็สามารถเปิดดูไฟล์บันทึกภาพและเสียงการประชุมกลุ่ม เพื่อศึกษา ท าความเข้าใจ ในเนื้ อหาคดีได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งการจัดการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ผลลัพธ์อย่างดียิ่ง แม้จะไม่มีการก าหนดวิธีการ ดังกล่าวไว้ในระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งของพนักงาน อัยการ พ.ศ. 2560 อย่างชัดเจนก็ตาม แต่ได้อ้างอิงจากข้อ 12 ของระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วย การด าเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2560 ที่ก าหนดในเรื่องการอุดช่องว่างของระเบียบ ในกรณีที่ ระเบียบนี้ ไม่ได้กล่าวถึงไว้ หรือมีเหตุจ าเป็ นอื่นใดที่จะต้องรีบปฏิบัติ ให้ทันก าหนดระยะเวลา มิฉะนั้นจะเสียหาย แก่ราชการ ให้พนักงานอัยการใช้ดุลพินิจพิจารณาปฏิบัติไปตามที่เห็นสมควร โดยไม่ให้เสียหายแก่ราชการ ซึ่งเป็ นข้อก าหนดในระเบียบที่ใช้เป็ นช่องทางในการแก้ปัญหาท าให้สามารถรวบรวมข้อเท็จจริง ทางคดี บันทึก ถ้อยค าพยานและเอกสารหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับคดีจนจัดท าค าให้การเสร็จสิ้ นยื่นต่อศาลได้ทันภายในก าหนดนัด ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การน าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แอปพลิเคชันไลน์ และซูม มาใช้เพื่อแก้ ปัญหาการรวบรวมข้อเท็จจริง และ บันทึกถ้อยค าพยานแบบ (อ.ก.22) ที่มีข้อจ ากัดเรื่องเวลา ระยะทาง ค่าใช้จ่าย ความเสี่ยงภัยต่ออุบัติเหตุ ในการเดินทาง การเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อป้ องกันโรคติดต่อ และความคุ้มค่ากับภารกิจหน้าที่ของแพทย์ พยาบาลที่ต้องรักษาพยาบาล ผู้ป่ วยอื่น นับว่ามีประสิทธิภาพได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่ง ทั้งนี้ ควรมีการทบทวนแก้ไข ปรับปรุงระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2560 เกี่ยวกับ การน าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ แอปพลิเคชันไลน์ และซูม มาใช้เพื่อแก้ปัญหาการรวบรวมข้อเท็จจริงทางคดี การบันทึกถ้อยค าพยาน และอื่นๆที่เป็ นไปได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการท างานของพนักงานอัยการด้วย KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 24 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2560 ข้อ 12, 20 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายไพรวัลย์ จันทรสิทธิผล ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ ขาดคดีอัยการสูงสุด 1 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 133 /2566 /2563 องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th ---------------------------- กำรพิจำรณำสั ่งคดีอำญำ การพิจารณาสั่งคดีอาญาในกรณีที่ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาท าร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ซึ่งพนักงาน สอบสวนแยกส านวนด าเนินคดีแต่ละฝ่ ายนั้น เมื่อได้รับส านวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว จะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและไม่รีบสั่งคดีไปตามความเห็นของพนักงานสอบสวนในแต่ละส านวน ไปเลย แต่ควรใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีให้รอบคอบโดยให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมโดยดูส านวนการสอบสวน จากคดีที่ผู้เสียหายถูกด าเนินคดีอาญาเสียก่อนเพื่อให้มีพยานหลักฐานชัดเจนมากขึ้ นเพื่อให้เกิดความ เป็ นธรรมต่อประชาชนอย่างแท้จริง กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143, 232 - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 31, 32, 33 และ 35 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายมนตรี สิงหะ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการคดีศาลสูงจังหวัดอุทัยธานี นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 23 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 134/2566 /2563 ---------------------------- กำรสืบพยำนประกอบค ำรับสำรภำพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ความว่า “ในชั้นพิจารณาถ้าจ าเลยให้ การรับสารภาพตามฟ้ อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิด ซึ่งจ าเลยรับสารภาพนั้นกฎหมายก าหนดอัตราโทษอย่างต ่าไว้ให้จ าคุกตั้งแต่ห้าปี ขึ้ นไปหรือโทษสถานที่หนัก กว่านั้น ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจ าเลยได้กระท าผิดจริง” ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีอยู่ว่า ผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธปื นยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีไม่มีประจักษ์พยาน ไม่มีอาวุธปื น ผู้ต้องหาและผู้ตาย เป็ นชาวเขามีบ้านพักอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน พบเพียงกระสุนปื น 1 ลูก อยู่ในบ้านพักของผู้ต้องหา และ มีพยานให้การว่าผู้ต้องหากับผู้ตายมีสาเหตุทะเลาะกันจากการชอบผู้หญิงคนเดียวกัน พนักงานอัยการโจทก์ ได้ยื่นฟ้ องจ าเลยในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งจ าเลยให้การ ปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณา แต่เนื่องจากคดีมีอัตราโทษอย่างต ่าให้จ าคุก ตั้งแต่ห้าปี ขึ้ นไป พนักงานอัยการโจทก์จึงต้องสืบพยานประกอบค ารับสารภาพของจ าเลย ซึ่งพยานหลักฐาน ในคดีนี้ มีน ้าหนักให้รับฟังได้น้อยมาก เมื่อสืบพยานโจทก์และจ าเลยเสร็จสิ้ นแล้ว ศาลชั้นต้นมีค าพิพากษาให้ ยกฟ้ อง ต่อมาพนักงานสอบสวนกลับค้นพบอาวุธปื นที่ใช้ในการยิงผู้ต้องหาและน ามาส่งมอบให้ภายหลังจากที่ ศาลชั้นต้นมีค าพิพากษาแล้ว พนักงานอัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์โดยอาศัยเหตุเพียงค ารับสารภาพของจ าเลย ในชั้นพิจารณาและอ้างอาวุธปื นที่ค้นพบในภายหลังจากศาลชั้นต้นมีค าพิพากษาแล้วยื่นต่อศาลอุทธรณ์ ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษากลับค าพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็ นให้ลงโทษจ าเลย ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ แก่นความรู้ที่ได้รับจากคดีนี้ คือ ก่อนที่จะยื่นฟ้ องคดีพนักงานอัยการเจ้าของส านวนจะต้องตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคดีมีพยานหลักฐานมั่นคงเพียงพอที่จะฟ้ องคดีได้หรือไม่ โดยเฉพาะในคดีนี้ จ าเลยได้ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนในคดีฆ่าคนตายโดยใช้อาวุธปื น ถึงอย่างไรก็ควรจะมี อาวุธปื นที่ใช้ในการก่อเหตุเป็ นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจ าเลย หรือหากไม่มีก็ควรจะมี ประจักษ์พยานพบเห็นจ าเลยขณะลงมือกระท าความผิด เมื่อพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจนเพียงพอ จะต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้เสร็จสิ้ นกระบวนความเสียก่อน ไม่ควรรีบด่วนฟ้ องคดีไป คดีนี้ หากจ าเลยยังคง ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ศาลย่อมยกฟ้ องอย่างแน่นอน ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่คดีอย่างมาก KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 24 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ที่ไม่สามารถน าคนผิดมาลงโทษได้และในคดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีค าพิพากษายกฟ้ อง พนักงานสอบสวน กลับสามารถสืบหาอาวุธปื นที่ใช้ในการกระท าความผิดมาส่งมอบให้ได้ในภายหลัง ซึ่งการสอบสวนได้เสร็จสิ้ น ไปแล้ว จึงเป็ นข้อบกพร่องของพนักงานอัยการที่มิได้มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้สิ้ นกระแสความก่อนฟ้ องคดี กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 - ผู้จัดท า KCJ : นายวารินทร์ เจริญสุข ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคณะกรรมการอัยการ 1 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 135/2566 /2563 ---------------------------- กำรยื่นบัญชีระบุพยำนหลักฐำนในคดีอำญำ พยานหลักฐานที่รับฟังในคดีอาญา มีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ พยานหลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ส่วนใหญ่เป็ นพยานบุคคล ซึ่งเป็ นประจักษ์พยาน เห็นข้อเท็จจริง พยานแวดล้อมใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุและเวลาการกระท าความผิด ทั้งค าให้การของผู้เสียหาย และอีกส่วนหนึ่งที่ส าคัญ คือ พยานเอกสารที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมจากการ สอบสวนหรือผู้เสียหาย ทั้งหมดนี้ ใช้การสืบพยานของโจทก์นอกจากต้องเตรียมไว้ถามค้านเพื่อท าลาย น ้าหนักพยานด้วย บัญชีระบุพยานที่ส าคัญ . 1. ตัวคู่ความ (โจทก์: ผู้เสียหาย : ประจักษ์พยาน : จ าเลย) 2. บันทึกค าให้การพยานทุกปาก (เอกสาร) 3. พยานแวดล้อม (บุคคล) 4. รายงานผลการตรวจพิสูจน์ (เอกสาร) 5. ภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ (เอกสาร) 6. บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ (เอกสาร) 7. ภาพถ่ายสภาพความเสียหาย (เอกสาร) 8. บันทึกการจับ (เอกสาร) 9. บันทึกการค้น (เอกสาร) 10. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (เอกสาร) 11. แผนที่เกิดเหตุ (เอกสาร) 12. สัญญาทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง (เอกสาร) 13. ผู้จับกุม (บุคคล) 14. พนักงานสอบสวน (บุคคล) KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 24 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ กฎหมายบังคับให้คู่ความในคดีอาญา ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก็เพื่อให้ต้องเปิ ดเผยพยานหลักฐาน ของทุกฝ่ายออกมาให้คู่ความทุกฝ่ายที่ประสงค์จะน าพยานหลักฐานของตนไม่ว่าชนิดใด ๆ ที่ตนประสงค์ที่จะ น าสืบในคดีนั้น ต้องเปิ ดเผยพยานหลักฐานของตนออกมาให้ปรากฏล่วงหน้าก่อนที่จะถึงก าหนดวันสืบพยาน โดยเหตุที่กฎหมายบังคับให้คู่ความทุกฝ่ ายต้องเปิ ดเผยพยานหลักฐานของตนโดยการยื่นบัญชีระบุพยาน เพื่อให้ศาลและคู่ความได้ทราบ ดังนั้น ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ได้ก าหนดให้พนักงานอัยการเจ้าของส านวน ต้องปฏิบัติการยื่นบัญชีระบุพยานได้น าพยานหลักฐานเข้าสืบ เพื่อพิสูจน์ความผิดของจ าเลย ให้ระบุในบัญชีพยานและยื่นต่อศาลภายในระยะเวลาที่กฎหมายก าหนด กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 100 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายธรรมภณ จิรธรรมประดับ ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 12 สังกัดส านักงานคดียาเสพติด นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 136/2566 /2563 ---------------------------- กำรแนบประวัติอำชญำกรและรำยงำนกำรตรวจพิสูจน์ยำเสพติดของจ ำเลยไว้ท้ำยค ำฟ้ อง พนักงานอัยการมีอ านาจหน้าที่ตามที่กฎหมายได้ก าหนดอ านาจหน้าที่ไว้ เช่นตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา เป็ นต้น การปฏิบัติหน้าที่นอกจากจะปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังต้องปฏิบัติ ตามระเบียบ และหนังสือเวียนต่าง ๆ ที่ส านักงานอัยการสูงสุดก าหนดไว้ให้ปฏิบัติตามระเบียบ และ หนังสือเวียนด้วย เช่นตามหนังสือเวียนของส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0007 (สอ)/ว.282 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ที่ก าหนดให้บรรยายหรือแนบประวัติอาชญากรของจ าเลยไปในค าฟ้้ อง หรือแนบไป ในท้ายฟ้้ องด้วย แต่มีพนักงานอัยการอีกจ านวนมากที่ไม่ได้ปฏิบัติตามนัยของหนังสือเวียนดังกล่าว โดยที่ปรากฏในส านวนแล้วว่าจ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน แต่ไม่เป็ นข้อห้ามที่ไม่ต้องบรรยาย หรือ แนบประวัติอาชญากรของจ าเลยไปในค าฟ้้ อง เมื่อไม่ได้บรรยาย หรือแนบประวัติอาชญากรของจ าเลยไป ในค าฟ้้ องเป็ นเหตุให้ศาลรอการลงโทษให้แก่จ าเลย ทั้ง ๆ ที่จ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน กรณีดังกล่าว ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรอการลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากนี้ ยังมีประเด็น ส าคัญที่พนักงานอัยการควรจะแนบไปในท้ายฟ้้ องด้วย คือผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดเป็ นพยานหลักฐาน ส าคัญในคดี ที่ผ่านมาเคยมีพนักงานอัยการในหลายส านักงานบรรยายในค าฟ้้ องโดยที่จ านวนยาเสพติด น ้าหนักสารเสพติด และ หรือ น้ าหนักสารบริสุทธ์ิของยาเสพติด ไม่ตรงกบั ที่ปรากฏในรายงานผลการตรวจ พิสูจน์ยาเสพติด เป็ นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ เมื่อครั้งที่ด ารงต าแหน่งอัยการจังหวัด ข้าพเจ้าได้ ให้แนบผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ในคดีที่มีปริมาณสารยาเสพติดเป็ นจ านวนมากและในคดีที่มี ความยุ่งยาก สลับซับซ้อน ส่วนประวัติอาชญากรของจ าเลยถ้าพบว่าเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนแม้จะไม่เกิน 10 ปี ก็ได้แนบประวัติอาชญากรไว้ท้ายค าฟ้้ องทุกคดี เว้นแต่ในกรณีที่มีการล้างมลทิน ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ สรุปในการจัดท าค าฟ้้ องหากพนักงานอัยการผู้จัดท าค าฟ้้ องพิจารณาแล้วพบว่าจ าเลยมีประวัติ อาชญากร เคยต้องโทษจ าคุกมาก่อนก็ให้บรรยายในค าฟ้้ อง พร้อมแนบประวัติอาชญากรท้ายฟ้้ องด้วย ส่วนคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ในคดีที่มีปริมาณสารยาเสพติดเป็ นจ านวนมากและในคดีที่มีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน ต้องแนบผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดไว้ท้ายฟ้้ องด้วยทุกกรณี KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 25 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายชัย จันเฮียงมิ่ง ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการคดีศาลสูงภาค 4 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 137/2566 /2563 ---------------------------- กำรแจ้งข้อกล่ำวหำ ในกรณีผู้ถูกกล่ำวหำเป็ นนิติบุคคล คดีปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในการไต่สวนหรือไต่สวนเบื้ องต้น หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ คณะกรรมการไต่สวน เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิด ให้กรรมการ ป .ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ กรณีนี้ เป็ นกรณีที่มีการด าเนินคดีกับนิติบุคคล และผู้แทนนิติบุคคลในฐานะส่วนตัว ด้วย ในความผิด สนับสนุนเจ้าพนักงานและพระราชบัญญัติว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยขณะเกิดเหตุ ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. มีนาย ม. เป็ นหุ้นส่วนผู้จัดการ จากการตรวจส านวนพบว่า ในขณะที่คณะไต่สวนเบื้ องต้น แจ้งข้อกล่าวหาแก่ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร.นั้น นาย ม. ไม่ได้ เป็ นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. แล้ว และจากการตรวจเอกสารพบว่า ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ได้มอบอ านาจให้ ทนายความ เป็ นผู้รับมอบอ านาจไปรับทราบข้อกล่าวหาและให้ถ้อยค าต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้ องต้น โดยหลักฐานการมอบอ านาจ ของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. มี นาย ม. ลงชื่อและประทับตราของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. เป็ นผู้มอบอ านาจ ทั้ง ๆ ที่ในขณะที่ ลงนามในหนังสือมอบอ านาจ นาย ม. ไม่ใช่หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. แล้ว จากการตรวจสอบเอกสารประกอบหนังสือมอบอ านาจพบว่า มีการขอคัดเอกสารหนังสือรับรองจากส านักงาน ทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทฯ ก่อนวันที่ลงในหนังสือมอบอ านาจ 2 วัน แสดงว่าผู้ขอคัดส าเนาเอกสารดังกล่าวมีเจตนา ที่จะขอคัดส าเนาเฉพาะในช่วงที่ นาย ม. ยังเป็ นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. อยู่ ทั้งที่ในความเป็ นจริงแล้ว ขณะที่มีการขอคัดส าเนาเอกสารนั้น นาย ม. ไม่ได้เป็ นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. แล้วและขณะนั้นห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. มี นางสาว จ. เป็ นหุ้นส่วนผู้จัดการ ดังนั้น ทนายความ ผู้รับมอบอ านาจ จึงไม่ใช่ผู้รับมอบอ านาจที่ถูกต้องตามกฎหมาย จากห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ไม่มีอ านาจที่จะด าเนินการแทนห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร.ตามที่ระบุในหนังสือมอบอ านาจได้ ประกอบกับในคดีอาญา การแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหา ไม่อาจมอบอ านาจให้บุคคลอื่น ไปรับทราบข้อกล่าวหาแทนได้ ดังนั้น การที่คณะไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ห้าง หุ้นส่วนจ ากัด ร. โดยมีทนายความผู้รับอ านาจเป็ นผู้รับทราบข้อกล่าวหาแทน จึงเป็ นการไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในเรื่องนี้ อัยการสูงสุด ได้มีค าสั่งตั้งข้อไม่สมบูรณ์ เกี่ยวกับการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว และคณะไต่สวนเบื้ องต้นได้ ด าเนินการ แจ้งข้อกล่าวหากับห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ใหม่ให้ถูกต้อง โดยเรียกหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. คนปัจจุบัน คือนางสาว จ. มารับทราบข้อกล่าวหา ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ การตรวจส านวนในคดีที่มีการด าเนินคดีกับนิติบุคคล ให้พึงระมัดระวังตรวจการแจ้งข้อกล่าวหากับนิติบุคคล ดังกล่าว ว่าบุคคลที่มารับทราบข้อกล่าวหานั้นเป็ นผู้แทนที่มีอ านาจจัดการแทนนิติบุคคลในขณะนั้นหรือไม่ และหากมี การมอบอ านาจให้บุคคลอื่นมาด าเนินการแทนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น (ยกเว้นการรับทราบข้อกล่าวหา) ก็ให้พึง ระมัดระวังด้วยว่า ผู้มอบอ านาจ มีอ านาจที่จะมอบให้กับผู้รับมอบอ านาจหรือไม่ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 25 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เพราะในกรณีนี้ หากไม่มีการตรวจสอบ หรือไม่ได้ตรวจสอบอย่างระมัดระวังแล้ว จะกลายเป็ นว่า การแจ้ง ข้อกล่าวหาแก่ห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ในคดีนี้ เป็ นการแจ้งข้อกล่าวหาที่ไม่ชอบ ผู้แทนผุ้มีอ านาจจัดการแทนห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา และหากมีการยื่นฟ้ องต่อศาล และความปรากฏในชั้นพิจารณาว่า ขณะแจ้งข้อกล่าวหาและ ขณะยื่นฟ้ อง นาย ม. ไม่ใช่หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอ านาจกระท าการแทนห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. ศาลก็คงจะพิพากษาได้เป็ น อย่างเดียวว่า พิพากษายกฟ้ องห้างหุ้นส่วนจ ากัด ร. แล้วอะไรที่จะเกิดขึ้นกับพนักงานอัยการที่ด าเนินคดีนี้ กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7 - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 70 - ระเบียบคณะกรรมการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561 ข้อ 72, 73 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : พันตรี วีรวิทย์ เจริญชาศรีต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 138/2566 /2563 ---------------------------- กำรมอบอ ำนำจด ำเนินคดี ด้วยส ำนักงำนคดีปกครองระยองได้รับหนังสือจำกอ ำเภอวังจันทร์ขอควำมอนุเครำะห์พิจำรณำ ด ำเนินคดีปกครอง่ออาำปปกครองระยอง เป็ นข้อพิพำทระหวอำงจังหวัดระยอง กับ บริษัท พี. จ ำกัด ที่จังหวัดระยองขอให้เพิกถอนค ำชี้ ขำดของคณะอนุญำโุ่่ปำกำร จำกกำร่รวจสอบเบื้ อง่้นพบวอำ หนังสือที่มีถึง อธิบดีอัยกำร ส ำนักงำนคดีปกครองระยอง เพื่อขอให้ด ำเนินกำรดังกปอำว พบวอำนำยอ ำเภอ วังจันทร์ เป็ นผู้มีหนังสือถึง อธิบดีอัยกำร ส ำนักงำนคดีปกครองระยอง ซึ่งนำยอ ำเภอวังจันทร์ ไมอใชอผู้แทน ของหนอวยงำนรัฐที่จะสำมำรถแสดงเจ่นำแทนหนอวยงำนของรัฐ ในคดีนี้ หนอวยงำนรัฐคือจังหวัดระยอง ผู้แทนหรือผู้ที่ใช้อ ำนำจแทนจังหวัดระยองคือผู้วอำรำชกำรจังหวัดระยอง แม้วอำจะมีกำรจัดสองใบมอบอ ำนำจ ที่ปงปำยมือชื่อของผู้วอำรำชกำรจังหวัดระยองมำด้วยก็่ำม แ่อยังไมออำจถือได้วอำผู้แทนของหนอวยงำนรัฐได้ ยินยอมให้พนักงำนอัยกำร ส ำนักงำนคดีปกครองระยอง ด ำเนินคดีแทนจังหวัดระยอง จึงได้แจ้งประสำนให้ ผู้ประสำนคดีด ำเนินกำรแก้ไขโดยดอวน โดยให้ผู้วอำรำชกำรจังหวัดระยองเป็ นผู้มีหนังสือขอควำมอนุเครำะห์ ให้ด ำเนินคดีแทน ภำยหปังจำกได้รับหนังสือที่ขอให้ด ำเนินคดีแทนที่ปงปำยมือชื่อของผู้วอำรำชกำร จังหวัดระยองแป้วทำงส ำนักงำนคดีปกครองระยองจึงได้ด ำเนินกำรยื่น่ออาำปปกครองระยอง ในกำรยื่นค ำร้องขอให้าำปเพิกถอนค ำชี้ ขำดของคณะอนุญำโุ่่ปำกำรนั้นเป็ นคดีพิพำทเกี่ยวกับ เรื่องที่มีกฎหมำยก ำหนดให้อยูอในเข่อ ำนำจาำปปกครอง มำ่รำ 9 วรรคหนึ่ง (6) แหอง พระรำชบัญญั่ิ จัด่ั้งาำปปกครองแปะวิธีพิจำรณำคดีปกครอง พ.า. 2542 ประกอบมำ่รำ 9 แปะมำ่รำ 40 วรรคหนึ่ง แหองพระรำชบัญญั่ิอนุญำโุ่่ปำกำร พ.า. 2545 ดังนั้น คดีจึงไมอจ ำ่้องเสียคอำธรรมเนียมาำป ่ำมมำ่รำ 45 วรรคหนึ่ง แหองพระรำชบัญญั่ิจัด่ั้งาำปปกครองแปะวิธีพิจำรณำคดีปกครอง พ.า. 2542 แปะ่ำมนัย ค ำพิพำกษำของาำปปกครองสูงสุด คดีหมำยเปขด ำที่ อ.553/2557 คดีหมำยเปขแดงที่ อ.305/2561 ข้อสรุปสำระส ำคัญ/แกอนควำมรู้ ในกำร่รวจส ำนวนจะ่้อง่รวจสอบถึงอ ำนำจกำรด ำเนินคดีให้ถูก่้อง นอกเหนือจำกเอกสำรที่่้องใช้ ในกำรวอำ่อำงหรือแก้่อำง เพื่อป้ องกันกำรด ำเนินคดีโดยไมอมีอ ำนำจ ในกำรยื่นค ำร้องขอให้าำปเพิกถอนค ำชี้ ขำดของคณะอนุ ญำโ ุ่่ปำกำร่้องยื่นค ำร้อง เกี่ยวกับคอำธรรมเนียมาำปเข้ำไปพร้อมกันด้วย แปะควรมีข้อควำมในค ำร้องเกี่ยวกับคอำธรรมเนียม าำปวอำ หำกาำปเห็นวอำ่้องเสียคอำธรรมเนียมาำป่ำมกฎหมำย ขอาำปได้โปรดให้ผัดสองคอำธรรมเนียมาำปด้วย KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 26 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมำยหรือระเบียบที่เกี่ยวกับควำมรู้นี้ - ระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดวอำด้วยกำรด ำเนินคดีปกครองของพนักงำนอัยกำร พ.า. 2560 - พระรำชบัญญั่ิองค์กรอัยกำรแปะพนักงำนอัยกำร พ.า. 2553 มำ่รำ 14 - พระรำชบัญญั่ิอนุญำโุ่่ปำกำร พ.า. 2545 มำ่รำ 9 แปะ 40 วรรคหนึ่ง - พระรำชบัญญั่ิจัด่ั้งาำปปกครองแปะวิธีพิจำรณำคดีปกครอง พ.า. 2542 มำ่รำ 9 วรรคหนึ่ง (6), 45 วรรคสี่ - ค ำพิพำกษำาำปปกครองสูงสุด คดีหมำยเปขด ำที่ อ.553/2557 คดีหมำยเปขแดงที่ อ.305/2561 ที่มำ : - กำรท ำ KCJ (Knowledge Capturing on Job) จำกกำรท ำ Workshop ของโครงกำรอบรมหปักสู่รนักบริหำรงำนยุ่ิธรรมระดับสูง “หปักสู่รกำรอบรมอัยกำรพิเาษฝอำย” รุอนที่ 10 (พ.า. 2566) ในหัวข้อวิชำ กำรบริหำรจัดกำรควำมรู้เพื่อเสริมสร้ำงสมรรถนะผู้บริหำร เมื่อวันที่ 2 มีนำคม 2566 - ผู้จัดท ำ KCJ : นำงสำวฐิ่ิรั่น์ ชปำยน ่ ำแหนอง อัยกำรผู้เชี่ยวชำญพิเาษ สังกัด ส ำนักงำนคดีปกครองระยอง นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 139/2566 /2563 ---------------------------- กำรสั ่งยุติกำรด ำเนินคดี กรณีมำตรำ 256 แห่งพระรำชบัญญัติศุลกำกร พ.ศ. 2560 สืบเนื่องจากความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 กรณี ผู้ต้องหายินยอมและใช้ค่าปรับ หรือได้ท าความตกลง หรือท าทัณฑ์บน หรือให้ประกัน ตามมาตรา 256 อันเป็ นเงื่อนไขระงับคดี หัวหน้า พนักงานอัยการ สั่งคดีว่า “ยุติการด าเนินคดีเพราะมีเหตุสิทธิน าคดีอาญามาฟ้ องระงับตามกฎหมายอื่น” ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (12) เทียบเคียงกับหนังสือส านักงานอัยการสูงสุดที่ อส (สฝพก)0018/ว 94 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2549 เรื่อง การออกค าสั่ง กรณีสิทธิฟ้ องคดีอาญาระงับตามกฎหมายศุลกากร แจ้งแนวทางปฏิบัติ กรณีที่อธิบดี กรมศุลกากร หรือผู้มีอ านาจตามกฎหมายศุลกากรสั่งงดการฟ้ องร้องผู้กระท าผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ เนื่องจากผู้ต้องหายินยอมและใช้ค่าปรับหรือได้ท าความตกลง หรือท าทัณฑ์บนหรือให้ประกัน อันเป็ นเงื่อนไขระงับคดี โดยหากมีเงื่อนไขระงับคดีดังกล่าว ให้พนักงาน อัยการออกค าสั่งว่า “ยุติการด าเนินคดีเพราะเหตุสิทธิฟ้ องคดีอาญาระงับไปตามกฎหมายในกรณีอื่น” แล้วเสนอส านวนให้ผู้บังคับบัญชาถัดขึ้ นไปหนึ่งชั้นทราบโดยเร็ว ซึ่งตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 256 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 257 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ถ้าบุคคลนั้น ยินยอมใช้ค่าปรับหรือได้ท าความตกลงหรือท าทัณฑ์บนหรือให้ประกันตามที่อธิบดีเห็นสมควร แล้ว อธิบดีจะงดการฟ้ องร้องก็ได้ และให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา” สอดคล้องกันกับระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (3) บัญญัติว่า “คดีเลิกกันตามมาตรา 37 (1) และ(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา” ทั้งนี้ มาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มิได้มีบทบัญญัติว่า “ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” กรณีเช่นนี้ การสั่งยุติการด าเนินคดี ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 กรณีมาตรา 256 เข้าเงื่อนไขระงับคดีตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (3) หรือ (12) KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 26 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ มิได้มีบทบัญญัติว่า “ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” และระเบียบส านักงาน อัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 ข้อ 54 (การออกค าสั่งกรณีสิทธิ ฟ้ องคดีอาญาระงับ) มิได้มีบทบัญญัติเงื่อนไขระงับคดี กรณี “มีเหตุสิทธิน าคดีอาญามาฟ้ องระงับ ตามกฎหมายอื่น” ส านักงานอัยการสูงสุดจึงมีหนังสือ ที่ อส(สฝพก)0018/ว 94 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2549 เป็ นแนวทางปฏิบัติการสั่งคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 102 และมาตรา 102 ทวิ ต่อมาพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ และมาตรา 3 บัญญัติว่า ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติ ศุลกากร พุทธศักราช 2469 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เท่ากับหนังสือส านักงานอัยการสูงสุด ที่ อส (สฝพก) 0018/ว 94 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2549 บังคับใช้ไม่ได้ ซึ่งมาตรา 256 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มีบทบัญญัติ “ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา” ทั้งนี้ ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (3) บัญญัติ เงื่อนไขระงับคดีว่า “คดีเลิกกันตามมาตรา 37 (1) และ(4) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 37 บัญญัติว่า คดีอาญาเลิกกันได้ ดังต่อไปนี้ (4) ในคดีซึ่งเปรียบเทียบได้ตามกฎหมายอื่น เมื่อผู้ต้องหาได้ช าระค่าปรับตามค าเปรียบเทียบของ พนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว” ดังนั้น ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 กรณีตามมาตรา 256 จึงเข้าเงื่อนไขระงับคดีตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 48 (3) โดยให้ส านักงานอัยการสูงสุดยกเลิกหนังสือ ที่ อส (สฝพก) 0018/ว 94 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2549 เพื่อให้พนักงานอัยการสั่งคดีไปในแนวทางเดียวกัน กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายนิทน เกตุลุนสงค์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 1 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 140/2566 /2563 ---------------------------- กำรพิจำรณำรับว่ำต่ำงคดีแพ่ง ส ำนวนชี้ ขำดควำมเห็นแย้งคดีได้ควำมว่ำ ส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินจังหวัด อ. ได้ท ำกำรจัดสรรที่ดินให้นำง ท. เข้ำท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนำยน พ.ศ. 2543 ต่อมำมีกำรตรวจสอบพบว่ำมีกำรลักลอบขุดหน้ำดิน ในที่แปลงดังกล่ำวไปประมำณ 49, 192 ลูกบำศก์เมตร ค่ำเสียหำยเป็ นเงินจ ำนวน 7,466,361.76 บำท ส ำนักงำนปฏิรูป ที่ดินได้แจ้งให้นำง ท. ท ำที่ดินดังกล่ำวกลับสู่สภำพเดิมภำยใน 30 วัน นำง ท. แจ้งว่ำได้ขำยที่ดินแปลงดังกล่ำวให้แก่ นำง ด. เมื่อประมำณ 17 ปีที่แล้ว คณะกรรมกำรปฏิรูปที่ดินจังหวัดได้มีมติเพิกถอนสิทธิและได้มีหนังสือแจ้งค ำสั่งให้สิ้ นสิทธิกำรเข้ำ ท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยนำง ท. รับทรำบแล้วมิได้อุทธรณ์โต้แย้งค ำสั่ง และได้แจ้งควำมร้องทุกข์ต่อพนักงำน สอบสวนให้ด ำเนินคดีกับนำง ท. ในข้อหำลักทรัพย์ และท ำให้เสียทรัพย์ กับขอให้พนักงำนอัยกำรว่ำต่ำงฟ้ องนำง ท. ให้ชดใช้ ค่ำเสียหำยกรณีลักลอบขุดดินในที่ดินที่ได้รับอนุญำตให้เข้ำท ำประโยชน์ตำมหนังสืออนุญำตให้เข้ำท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูป ที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) อธิบดีอัยกำร ส ำนักงำนคดีแรงงำนภำค เห็นว่ำคดีไม่มีพยำนหลักฐำนใดยืนยันรับฟังได้ว่ำ นำง ท. เป็ นผู้ลักขุดดิน คดีจึงขำดพยำนหลักฐำนอันเป็ นสำระส ำคัญและขำดอำยุควำมทั้งในคดีอำญำและคดีแพ่ง ตัวควำมอยู่ในฐำนะเสียเปรียบ ไม่สำมำรถชนะคดีได้ จึงไม่รับด ำเนินคดีและให้แจ้งฐำนะคดีแก่ตัวควำม ส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดิน มีควำมเห็นแย้งกับควำมเห็นของพนักงำนอัยกำร และยืนยันให้ฟ้ องคดีอธิบดีอัยกำร ส ำนักงำนแรงงำนภำค ไม่เห็นพ้องกับควำมเห็นของตัวควำมที่ยืนยันให้ฟ้ อง จึงเสนอส ำนวนให้อัยกำรสูงสุดชี้ ขำดควำมเห็น แย้ง ตำมระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีแพ่งของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2560 ข้อ 29 อัยกำรสูงสุดวินิจฉัยชี้ ขำดว่ำ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ำ ส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินจังหวัด อ. ได้ท ำกำรจัดสรรที่ดิน ที่พิพำทและได้อนุญำตให้ นำง ท. เข้ำท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินตำมหนังสืออนุญำตให้เข้ำท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนำยน พ.ศ. 2543 จนถึงวันที่ 9 กันยำยน 2562 ซึ่งคณะกรรมกำรปฏิรูปที่ดินจังหวัด ได้มีค ำสั่งให้สิ้ นสิทธิและให้ออกจำกที่ดิน ประกอบกับ นำง ท.ไม่เคยแจ้งสละสิทธิท ำประโยชน์ไปยังส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดิน จังหวัด นำง ท. จึงยังคงเป็ นผู้มีสิทธิครอบครองท ำประโยชน์และสิทธิท ำกินในที่ดินแปลงพิพำทจนถึงวันที่คณะกรรมกำร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุดรธำนีได้มีค ำสั่งให้สิ้ นสิทธิและออกจำกที่ดิน แม้นำง ท.จะอ้ำงว่ำได้มีกำรซื้ อขำยที่ดินให้กับบุคคลอื่นไป แล้ว แต่ก็ไม่ปรำกฏพยำนหลักฐำนที่แน่ชัดว่ำมีกำรซื้ อขำยที่ดินพิพำทกันในช่วงวันเวลำใด ประกอบกับหำกมีกำรซื้ อขำยกัน จริงดังข้ออ้ำงก็ย่อมต้องห้ำมตำมมำตรำ 39 แห่งพระรำชบัญญัติกำรปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ตกเป็ นโมฆะ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 150 (เทียบเคียงกับค ำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 9780 /2539) ข้ออ้ำงของ นำง ท. จึงไม่มีน ้ำหนักให้รับฟัง และเมื่อกำรตรวจสอบภำพถ่ำยทำงอำกำศและรำยงำนเจ้ำหน้ำที่บันทึกสภำพที่ดินพิพำท พบว่ำระหว่ำงปี พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2557 มีร่องรอยกำรขุดหน้ำดินบริเวณที่ดินพิพำทในขณะที่นำง ท. เป็ นผู้ได้รับสิทธิ ครอบครองท ำประโยชน์ในที่ดิน จึงต้องรับฟังว่ำ นำง ท. เป็ นผู้กระท ำละเมิดและต้องรับผิดในควำมเสียหำยที่เกิดขึ้น KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 29 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 และกำรละเมิดขุดดินในที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธ์ิของส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินเช่นน้ีกำรฟ้องคดีจึงเป็นกำรใชส้ิทธิติดตำม เอำทรัพย์สินคืนตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 1336 (เทียบเคียงค ำพิพำกษำศำลฎีกำ 1760/2548) ไม่มีอำยุควำม จึงวินิจฉัยชี้ ขำดให้ส ำนักงำนอัยกำรจังหวัด อ. รับว่ำต่ำงให้ส ำนักงำนกำรปฏิรูปที่ดินด ำเนินกำรว่ำต่ำงฟ้ อง นำง ท. ให้ชดใช้ค่ำเสียหำยกรณีลักลอบขุดดินในที่ดินที่ได้รับอนุญำตให้เข้ำท ำประโยชน์ตำมหนังสืออนุญำตให้เข้ำ ท ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-1) และให้ส่งส ำนวนคืนเพื่อด ำเนินกำรต่อไป ข้อสรุปสำระส ำคัญ/แก่นควำมรู้ ในกำรพิจำรณำวินิจฉัยคดีแพ่งในฐำนะพนักงำนอัยกำรนั้น มีหลักในกำรตรวจพิจำรณำส ำนวนตำมระเบียบ ส ำนักงำนอัยกำรสูงสุด ว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีแพ่งของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2560 ข้อ 17 วรรคแรก “ให้พนักงำนอัยกำร เจ้ำของส ำนวนตรวจพิจำรณำในประเด็นแห่งคดีที่ส ำคัญ เช่น เขตอ ำนำจ อำยุควำม ควำมประสงค์ของตัวควำม ข้ออ้ำง ข้อเถียง พยำนหลักฐำน ประเด็นปัญหำข้อเท็จจริง ประเด็นปัญหำข้อกฎหมำยและอื่น ๆ ที่จ ำเป็ นในกำรวินิจฉัยสั่งคดี” ซึ่งตำมส ำนวนที่ยกมำดังกล่ำวข้ำงต้นนี้ เห็นได้ว่ำกำรวินิจฉัยว่ำคดีขำดอำยุควำม ย่อมมีผลเป็ นกำรตัดสิทธิเรียกร้องของ ตัวควำมในอันจะเรียกร้องต่อคู่กรณี จึงจ ำต้องพิจำรณำโดยละเอียดรอบคอบและรอบด้ำน ซึ่งผู้เขียนได้องค์ควำมรู้ในกำร พิจำรณำส ำนวนดังกล่ำว ดังนี้ 1. หลักในกำรรับฟังพยำนหลักฐำน ส ำนวนดังกล่ำวนำง ท. อ้ำงว่ำได้ขำยที่ดินที่ได้รับจัดสรรจำก สปก. ให้ผู้อื่น ไปแล้ว เพื่อให้พ้นควำมรับผิด โดยในกำรซื้ อขำยไม่มีพยำนเอกสำรที่ใช้เป็ นหลักฐำน คงมีแต่ถ้อยค ำพยำนที่รับสมอ้ำงว่ำ เป็ นผู้ซื้ อที่ดิน แต่ทั้งผู้ซื้ อและพยำนที่น ำมำให้ถ้อยค ำเป็ นบุตรและหลำน ซึ่งเป็ นบุคคลใกล้ชิดของคู่กรณี และให้ถ้อยค ำ ไม่ตรงกัน จึงต้องรับฟังด้วยควำมระมัดระวังอย่ำงยิ่งโดยเฉพำะจะอำศัยแค่ถ้อยค ำพยำนเหล่ำนั้นเพื่อรับฟังว่ำคดีขำด อำยุควำมหำได้ไม่ 2. กำรปรับข้อเท็จจริงให้เข้ำกับหลักกฎหมำย เห็นว่ำข้อเท็จจริงอย่ำงหนึ่งอำจเกี่ยวพันกับหลักกฎหมำยหลำย ๆ เรื่อง ดังนั้นจึงต้องพิจำรณำด้วยควำมรอบคอบ ดังตัวอย่ำงเจ้ำของส ำนวนพิจำรณำเฉพำะประเด็นเกี่ยวกับกำรขำยที่ดิน ให้บุคคลภำยนอก โดยไม่ได้พิจำรณำว่ำที่ดิน สปก. มีเพียงสิทธิท ำกินไม่อำจได้กรรมสิทธ์ิในที่ดินดังกล่ำวได้ หำกมีกำร ซื้ อขำยจริงย่อมตกเป็ นโมฆะตำมกฎหมำย อีกประเด็นคือ กำรต้องน ำหลักกฎหมำยที่หลำกหลำยมำพิจำรณำข้อเท็จจริงในส ำนวน ดังเรื่องนี้ ที่พิจำรณำเฉพำะ เรื่องกำรกระท ำละเมิดขุดดิน ซึ่งละเมิดมีอำยุควำมสั้นเพียง 1 ปี หำกน ำเรื่องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอำญำมำปรับใช้ ย่อมเห็นได้ว่ำคดียังไม่ขำดอำยุควำม หรือที่อัยกำรสูงสุดเห็นว่ำเป็ นกำรฟ้ องเรื่องติดตำมเอำทรัพย์คืน ย่อมไม่มีก ำหนด อำยุควำม 3. ควรค้นคว้ำคดีที่เคยเกิดขึ้ นในลักษณะเดียวกันกับส ำนวนที่ก ำลังพิจำรณำจำกค ำพิพำกษำศำลฎีกำ หรือ ตัวอย่ำงค ำวินิจฉัยอื่น ๆ ย่อมท ำให้สำมำรถแก้ปัญหำที่ติดขัด หรือจะท ำให้กำรพิจำรณำส ำนวนเป็ นไปด้วยควำมละเอียด รอบคอบ ลดควำมผิดพลำดบำงประกำรได้ หรืออำจท ำให้มีควำมคิดต่อยอดในกำรปรับกฎหมำยเพื่อใช้ในกำรพิจำรณำ ไดด้ีข้นึท้งัน้ีเพื่อจะไดท้ำ หน้ำที่พนักงำนอยักำรใหส้มัฤทธ์ิผลในกำรอำ นวยควำมยุติธรรมอย่ำงแท้จริง KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมำยหรือระเบียบที่เกี่ยวกับควำมรู้นี้ - ระเบียบส ำนักงำนอัยกำรสูงสุดว่ำด้วยกำรด ำเนินคดีแพ่งของพนักงำนอัยกำร พ.ศ. 2560 ข้อ 17, 29 ที่มำ : - กำรท ำ KCJ (Knowledge Capturing on Job) จำกกำรท ำ Workshop ของโครงกำรอบรมหลักสูตรนักบริหำร งำนยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรกำรอบรมอัยกำรพิเศษฝ่ำย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชำ กำรบริหำรจัดกำรควำมรู้เพื่อเสริมสร้ำงสมรรถนะผู้บริหำร เมื่อวันที่ 2 มีนำคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท ำ KCJ : นำงศจีมำส บัวรอด ต ำแหน่ง อัยกำรผู้เชี่ยวชำญพิเศษ สังกัด ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ำยกำรยุติกำรด ำเนินคดีแพ่ง 2 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 141/2566 /2563 ---------------------------- ข้นัตอนกำรรบัสำ นวนอุทธรณ์ช้นัศำลสูง งานอัยการศาลสูง มีอ านาจหน้าที่และรับผิดชอบการด าเนินคดีอาญาในชั้นอุทธรณ์ที่ได้รับเสนอ ส านวนจากส านักงานอัยการจังหวัด ทั้งส านวนที่ศาลพิพากษาลงโทษจ าเลยเต็มตามฟ้ อง ไม่เต็มตามฟ้ อง และที่พิพากษายกฟ้ องโจทก์ บางคดีอยู่ในอ านาจของอัยการศาลสูงที่จะพิจารณามีค าสั่งได้ทันที บางคดีอยู่ใน อ านาจการพิจารณาสั่งคดีของอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลสูง หรืออธิบดีอัยการศาลสูง โดยจะต้องพิจารณาให้ เสร็จสิ้ นภายในก าหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์หรือฎีกา คือ 1 เดือนนับแต่วันที่ศาลอ่านค าพิพากษาให้คู่ความ ฝ่ายที่จะอุทธรณ์ฟัง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198, 216 หากพิจารณาไม่ทันก็ จ าเป็ นต้องด าเนินการขออนุญาตศาลขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต่อไป และยังมีขั้นตอนที่จะต้องส่งส านวน ไปยังผู้มีอ านาจท าความเห็นแย้งตามกฎหมายเพื่อตรวจสอบดุลพินิจในการสั่งคดีของพนักงานอัยการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145, 145/1 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 12 ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ เมื่อได้รับส านวนคดีจากส านักงานอัยการจังหวัดแล้ว ให้ตรวจสอบคดีที่ได้รับว่าได้มีปริมาณครบถ้วน ตามบัญชีควบคุมส านวนหรือไม่ ตรวจสอบค าพิพากษาของศาลชั้นต้นว่าศาลมีค าพิพากษาว่าอย่างไร ลงโทษ จ าเลยเต็มตามฟ้ องไม่เต็มตามฟ้ อง หรือยกฟ้ องหรือไม่ และตรวจสอบค าพิพากษาในส่วนของการค านวณ โทษจ าคุก โทษปรับ และค าขอท้ายฟ้ องศาลพิพากษาเพิ่มโทษ บวกโทษ หรือนับโทษจ าคุกต่อและลงโทษปรับ ตลอดจนเกี่ยวกับของกลาง ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ กรณีศาลพิพากษาลงโทษจ าเลยเฉพาะบางฐาน ความผิดไม่เต็มตามฟ้ องหรือยกฟ้ อง ให้ยื่นค าร้องขอคัดค าพิพากษาและเอกสารต่าง ๆ ต่อศาลด้วย ตรวจสอบผู้มีอ านาจความเห็นแย้งว่า ส านวนที่ได้รับมาแต่ละส านวนอยู่ในอ านาจพิพากษาของศาลยุติธรรม ในระหว่างศาลแขวงหรือศาลจังหวัดหรือไม่ หากอยู่ในอ านาจพิจารณาของศาลแขวงเมื่อมีค าสั่งไม่อุทธรณ์ ก็เสนอส านวนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ถ้าอยู่ในอ านาจของศาลจังหวัดก็เสนอส านวนไปยังผู้บัญชาการ ต ารวจภูธรภาค KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 29 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198, 193 ทวิ 193 ตรี 216 มาตรา 145, 145/1 - พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 12 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายประสงค์ เป็ งค ามา ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานคดีศาลสูงภาค 1 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 142/2566 /2563 ---------------------------- กำรมีค ำสั ่งฟ้ องผู้ต้องหำกรณีส ำนวน ส.2 ที่พนักงำนสอบสวนมีควำมเห็นควรสั ่งไม่ฟ้ อง ข้อเท็จจริงได้ความว่า พนักงานสอบสวน สน. ประเวศ ได้ส่งส านวน ส.2 ข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ อง ส่งมายังพนักงานอัยการ ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ าย คดีอาญาพระโขนง 2 และพนักงานอัยการเจ้าของส านวนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระท าของผู้ต้องหาเป็ น ความผิดตามข้อกล่าวหาและได้มีความเห็นควรสั่งฟ้ องผู้ต้องหาและเสนอส านวนต่ออัยการพิเศษฝ่ ายฯ เพื่อทราบและอัยการพิเศษฝ่ายได้มีความเห็นและค าสั่งว่าทราบ และคดีนี้ เป็ นคดีที่ผู้เสียหายได้ร้องขอความ เป็ นธรรม อัยการพิเศษฝ่ายจึงได้ท าบันทึกข้อความส่งค าร้องขอความเป็ นธรรม ส าเนาความเห็นและค าสั่ง พร้อมส าเนารายงานผลการสอบสวน เสนอ อธิบดีอัยการ ส านักงานคดีอาญาพระโขนง เพื่อโปรดทราบ ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 65 ต่อมา อธิบดีอัยการ ส านักงานคดีอาญาพระโขนง เห็นว่า ความเห็นและค าสั่งของพนักงานอัยการเจ้าของ ส านวนและอัยการพิเศษฝ่ ายฯที่มีความเห็นและค าสั่งเพียงควรสั่งฟ้ องผู้ต้องหายังมิได้มีค าสั่งให้ฟ้ องคดี จึงยังไม่ถูกต้องตาม ป.วิอาญา มาตรา 142,143 อธิบดีอัยการ ส านักงานคดีอาญาพระโขนง จึงมีความเห็น และค าสั่งให้ย้อนส านวนคดีนี้ กลับไปให้พนักงานอัยการเจ้าของส านวนและอัยการพิเศษฝ่ายฯเพื่อให้พิจารณา สั่งคดีใหม่ให้ถูกต้องต่อไป….. ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ คดี ส.2 ที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหา หากพนักงานอัยการไม่เห็นชอบด้วย กับความเห็นดังกล่าว พนักงานอัยการต้องมีความเห็นและค าสั่งว่าสั ่งฟ้ องผู้ต้องหา ทั้งนี้ เป็ นไปตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142 ที่ได้บัญญัติว่าถ้ารู้ตัวผู้กระท าความผิดและผู้นั้นถูกควบคุม หรือขังอยู่หรือปล่อยชั่วคราวหรือเชื่อว่าคงได้ตัวมาเมื่อออกหมายเรียก ให้พนักงานสอบสวนท าความเห็น ตามท้องส านวนการสอบสวนว่าควรสั่งฟ้ องหรือสั่งไม่ฟ้ องส่งไปยังพนักงานอัยการพร้อมด้วยส านวน ในกรณีที่ เสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ องให้ส่งแต่ส านวนพร้อมด้วยความเห็นไปยังพนักงานอัยการ ส่วนตัวผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวนมีอ านาจปล่อยหรือปล่อยชั่วคราว... KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 30 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 มาตรา 143 ได้บัญญัติว่าเมื่อได้รับความเห็นและส านวนจากพนักงานสอบสวนดังกล่าวในมาตรา ก่อนให้พนักงานอัยการปฏิบัติดังนี้ (1) ในกรณีที่มีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้ องให้ออกค าสั่งไม่ฟ้ อง แต่ถ้าไม่เห็นชอบด้วยก็ให้สั่งฟ้ องและ แจ้งให้พนักงานสอบสวนส่งตัวผู้ต้องหามาเพื่อฟ้ องต่อไป ข้อควรระวัง อย่าคิดว่าเมื่อเป็ นส านวน ส.2 แล้ว การมีความเห็นและค าสั่งจะใช้ค าว่า “ควร” เพียงอย่างเดียวนะครับ กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 142, 143 (1) - ระเบียบส านักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2563 ข้อ 65 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 - ผู้จัดท า KCJ : ร้อยต ารวจเอกวสันต์ จันทร์อินทร์ ต าแหน่ง อัยการศาลสูงจังหวัดพัทยา สังกัด ส านักงานอัยการศาลสูงภาค 2 นำยวิรัช เนติธรรมำภิมุข อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 143/2566 /2563 ---------------------------- กำรรับแก้ต่ำงคดีแก่ข้ำรำชกำรซึ่งได้ปฏิบัติตำมหน้ำที่, กำรอุทธรณ์ค ำพิพำกษำคดีแรงงำน คดีนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ขอความอนุเคราะห์ ขอให้อธิบดีอัยการส านักงานคดีแรงงานภาค มอบหมายพนักงานอัยการเป็ นทนายแก้ต่าง กรณีพนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและ คุ้มครองแรงงานจังหวัด ซึ่งเป็ นข้าราชการ ถูกลูกจ้างบริษัทเป็ นโจทก์ยื่นฟ้ อง เป็ นจ าเลยที่ 1 ต่อศาลจังหวัด สืบเนื่องจากพนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ได้มีค าสั่งพนักงาน ตรวจแรงงานจังหวัด เรื่อง ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ว่าลูกจ้างผู้ร้องไม่มีสิทธิได้รับค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ลูกจ้างจึงได้ยื่นฟ้ องพนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด เป็ นจ าเลยที่ 1 และฟ้ องบริษัทนายจ้างเป็ นจ าเลยที่ 2 ต่อศาลแรงงานภาค พนักงานอัยการพิเศษฝ่ ายคดีแรงงานภาค ได้พิจารณาแล้วเป็ นกรณี พนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด เป็ นข้าราชการ ถูกฟ้ องเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้ออกค าสั่งว่าลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าบอกกล่าว ล่วงหน้า พนักงานอัยการพิเศษฝ่ ายคดีแรงงานภาค จึงรับเป็ นทนายแก้ต่างให้แก่พนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ในฐานะทนายจ าเลยที่ 1 คดีนี้ ภายหลังศาลไต่สวนพยาน โจทก์และพยานจ าเลยทั้งสองแล้ว ศาลแรงงานภาคได้มีค าพิพากษายกฟ้ องโจทก์ซึ่งเป็ นลูกจ้าง ต่อมาโจทก์ได้ ยื่นอุทธรณ์คัดค้านค าพิพากษาของศาลแรงงานภาค ซึ่งศาลแรงงานภาคมีค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์ค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลแรงงานภาค ศาลได้มีหมายนัดแจ้งให้พนักงานตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด จ าเลยที่ 1 ยื่นค าคัดค้านภายในก าหนด 7 วัน พนักงานอัยการพิเศษฝ่ ายคดีแรงงานภาค ในฐานะทนายจ าเลยที่ 1 ได้ยื่นค าร้องแก้อุทธรณ์ค าสั่ง ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ประเด็นว่า การอุทธรณ์ค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลแรงงาน ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า “การอุทธรณ์ ค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลแรงงาน ให้อุทธรณ์ได้เฉพาะในข้อกฎหมายไปยังศาลอุทธรณ์คดีช านัญพิเศษ ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ แต่ในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับ ให้น าบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม” เมื่อคดีนี้ การด าเนิน กระบวนพิจารณาคดีของศาลแรงงานภาค ได้ด าเนินกระบวนพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ดังนั้น การยื่นอุทธรณ์คัดค้านค าพิพากษาของศาลแรงงานภาค จะต้องเป็ นการยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลอุทธรณ์คดีช านัญพิเศษวินิจฉัยในปั ญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ห้ามคู่ความอุทธรณ์ในปั ญหาข้อเท็จจริง แต่อุทธรณ์ของโจทก์ที่ยื่นต่อศาลอุทธรณ์คดีช านัญพิเศษ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 30 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เป็ นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลยพินิจของศาลแรงงานภาค ในการวินิจฉัยถึงการท าหน้าที่ของโจทก์ที่บกพร่อง ต่อหน้าที่ในการท างาน อันเป็ นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ใช่การอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ดังนั้น ที่ศาลแรงงานภาค ได้มีค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยพิจารณาว่าเป็ นการอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ค าสั่งของศาลแรงงานภาค จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว จ าเลยที่ 1 จึงขอให้ศาลอุทธรณ์ คดีช านัญพิเศษมีค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ค าสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14 บัญญัติว่า “พนักงานอัยการ มีอ านาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้ .... (4) ในคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือคดีอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกฟ้ อง ในเรื่องการที่ได้กระท าไปตามหน้าที่ก็ดี หรือในคดีแพ่ง หรือคดีอาญา ที่ราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดถูกฟ้ องในเรื่องที่ได้ กระท าตามค าสั่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้สั่งการโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าร่วมหรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ของรัฐซึ่งกระท าการในหน้าที่ราชการก็ดีเมื่อเห็นสมควรพนักงานอัยการจะรับแก้ต่างให้ก็ได้” คดีนี้ พนักงาน ตรวจแรงงาน ส านักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ซึ่งเป็ นข้าราชการ ถูกลูกจ้างบริษัทเป็ นโจทก์ ยื่นฟ้ อง เป็ นจ าเลยที่ 1 ต่อศาลแรงงานภาค สืบเนื่องจากการปฏิบัติตามหน้าที่ในการออกค าสั่งพนักงาน ตรวจแรงงาน พนักงานอัยการจึงมีอ านาจรับแก้ต่างคดีให้ได้ กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14(4) - พระราชบัญญัติจัดตั้งแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ ผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายปรีดา โมรินทร์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแรงงานภาค 2 นำงสำวณฤดี เกียรติคงยิ่ง อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 144/2566 /2563 ---------------------------- มำตรกำรแก้ไขปัญหำกำรส่งส ำนวนกำรไต่สวนของคณะกรรมกำรป.ป.ช. มำยังอัยกำรสูงสุด ในระยะเวลำใกล้จะครบอำยุควำม จากการปฏิบัติงานในส านักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) “เมื่อคณะกรรม ป.ป.ช. ไต่สวนแล้วมีมติวินิจฉัยว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐกระท าความผิดฐานทุจริต ต่อหน้าที่ หรือกระท าความผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือความผิด ที่เกี่ยวข้องกันให้ด าเนินการดังต่อไปนี้ (1) ถ้ามีมูลความผิดทางอาญาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงานส านวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส าเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค าวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด ภายใน สามสิบวัน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้ อง คดีต่อไป___” มาตรา 92 “เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งส านวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดเพื่อด าเนินคดีอาญาให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งผู้ถูกกล่าวหาให้ไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุด ตามวันเวลาที่ก าหนด หากผู้ต้องหาไม่ไปรายงานตัว ตามก าหนด ให้คณะกรรมการป.ป.ช. ด าเนินการตาม มาตรา 39 ต่อไป” และมาตรา 77 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง “เมื่ออัยการสูงสุดได้รับส านวนคดีอาญาแล้วให้อัยการสูงสุดด าเนินการฟ้ องคดีต่อศาล ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน” นับแต่วันที่ได้รับส านวน ในกรณีที่อัยการสูงสุด เห็นว่าส านวนการไต่สวนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะด าเนินคดีได้ให้แจ้ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยระบุข้อไม่สมบูรณ์ในครบถ้วนในคราวเดียวกัน ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องในกรณีนี้ ให้อัยการสูงสุดและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการร่วมฝ่ายละเท่ากันโดยมีผู้แทนของแต่ละฝ่ายไม่เกินฝ่ายละห้าคน ภายในสิบห้าวัน นับแต่วันรับแจ้งจากอัยการสูงสุด เพื่อด าเนินการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์รวมทั้งด าเนินการอื่นใด ให้ส านวนการไต่สวนครบถ้วนสมบูรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน เก้าสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง เพื่อส่งให้อัยการสูงสุดฟ้ องคดี ต่อไป--- ในกรณีที่คณะกรรมการร่วมไม่อาจหาข้อยุติได้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด าเนินการต่อไปตามที่เห็นสมควร โดยจะยื่นฟ้ องคดีเองก็ได้ แต่ในกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรฟ้ องคดีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องด าเนินการฟ้ องคดี ภายในก าหนดอายุความแต่ต้องไม่ช้ากว่าเก่าสิบวัน นับแต่วันที่หาข้อยุติไม่ได้ จะเห็นว่าปัจจุบันยังไม่มีบทบัญญัติของกฎหมาย ก าหนดกรอบเวลาไว้ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องท าการ ไต่สวน มีมติ และ ส่งส านวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยังอัยการสูงสุดก่อนครบก าหนดอายุความต ่าสุด ภายในกี่วัน จึงมีปัญหาเกิดขึ้ นในทางปฏิบัติในปัจจุบันนี้ อยู่บ่อยครั้ง และหลายคดีว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งส านวน การไต่สวนให้อัยการสูงสุด ด าเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้ มูลความผิดในระยะเวลากระชั้นชิด ใกล้ครบก าหนดอายุความ ในบางคดีพนักงานอัยการเหลือระยะเวลาในการตรวจส านวนพิจารณาสั่งคดีไม่ถึง หนึ่งร้อยแปดสิบวัน ตามกรอบเวลาที่มาตรา 77 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 93 วรรคสองก าหนดไว้ บางคดีหากพนักงาน งานเห็นว่าส านวนการไต่สวนยังไม่สมบูรณ์ เพียงพอที่จะรับด าเนินคดีได้ก็ต้องมีความเห็นตามล าดับชั้นเสนออัยการสูงสุด เพื่อแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเก้าสิบวัน เพื่อด าเนินการตั้งคณะกรรมการร่วมรวบรวม พยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์และหาข้อยุติในการด าเนินการฟ้ องคดี ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาด าเนินการพอสมควร KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 31 พฤษภำคม 2566
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 แต่เมื่อการส่งส านวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มายังอัยการสูงสุดใกล้ครบก าหนดอายุความ ซึ่งบางคดีก่อนครบอายุความ ไม่ถึงเก้าสิบวัน ก็ไม่อยู่ในวิสัยที่จะด าเนินการแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ และตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เพิ่มเติมและหาข้อยุติได้ทันภายในอายุความ และบางคดีที่หาข้อยุติไม่ได้ก็ไม่สามารถส่งส านวนคืนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้ องคดีได้ทันภายในอายุความ ซึ่งท าให้เกิดความเสียหายในการด าเนินคดีอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เป็ นทราบกันดีว่า ส านวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ในแต่ละคดีนั้น เป็ นคดีที่มีข้อเท็จจริงสลับซับซ้อน ผู้ถูกกล่าวหาจ านวนหลายรายพยานหลัก ฐานในคดีมีจ านวนมาก การพิจารณาส านวน การมีความเห็นและค าสั่งคดีจึงต้องใช้ระยะเวลาในการด าเนินการมากขึ้ น เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ในการพิจารณาด าเนินคดีและเกิดความเป็ นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องในคดีทุกฝ่าย และการเสนอส านวนคดีในทุกขั้นตอนต้อง เริ่มต้นจากการเสนอความเห็นจากพนักงานอัยการผู้ตรวจพิจารณาส านวน เสนออัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต, รองอธิบดีอัยการ ส านักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค, อธิบดีอัยการ ส านักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค, ผู้ตรวจการอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมาย ถึงอัยการสูงสุด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาด าเนินคดีมากยิ่งขึ้ น ในการเสนอตามล าดับชั้นดังกล่าว ต่อมาแม้กระทั่งอัยการสูงสุดมีค าสั่งรับด าเนินคดีอาญาฟ้ องผู้้ถูกกล่าวหา ก็ยังไม่สามารถ ยื่นฟ้ องผู้ถูกกล่าวหาได้ทันที เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ส่งผู้ถูกกล่าวหามาพร้อมส านวนการไต่สวนอย่างเช่น คดีอาญาทั่วไป พนักงานอัยการจะต้องมีหนังสือแจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้ อง ตามมาตรา 92 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่งเช่นกัน ซึ่งในบางคดีผู้ถูกกล่าวหาไม่มารายงานตัว ก็ต้องด าเนินการให้มี การออกหมายจับ ในบางรายผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าคดีใกล้ครบก าหนดอายุความ ก็ไม่มารายงานตัวและหลบหนีไปจน ขาดอายุความ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ท าให้เสียหายแก่คดี แนวทางแก้ไขเกี่ยวกับปัญหานี้ เห็นว่า ส านักงานอัยการสูงสุดควรเร่งด าเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการทางกฎหมายเพื่อก าหนดกรอบระยะเวลา บังคับให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งส านวนมายังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้ องคดีอาญา ไม่น้อยกว่า 270 วัน ก่อนคดีจะขาดอายุความต ่าสุด เพื่อให้พนักงานอัยการทุกระยะได้พิจารณากลั่นกรอง ส านวนการไต่สวนและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดรอบคอบ ให้เกิดความเป็ นธรรมแก่ทุกฝ่าย และสามารถด าเนิน คดีอาญาได้ทันภายในกรอบเวลาที่กฎหมายก าหนด และภายในอายุความต่อไป ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ สรุป เห็นได้ว่าสภาพปัญหาปัจจุบันในการด าเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบแก่เจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็ นผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนชี้ มูลความผิด และส่งส านวนมายังอัยการสูงสุดพิจารณา ซึ่งยังไม่มี กฎหมายบัญญัติกรอบเวลาบังคับไว้ว่าให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องส่งส านวนมายังอัยการสูงสุดก่อนครบก าหนด อายุความต ่า สุด ภายในเวลาเท่าไรเป็ นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งส านวนมายังอัยการสูงสุดในหลายคดีในระยะเวลา กระชั้นชิดใกล้ขาดอายุความและนับวันจะเพิ่มมากขึ้ นเป็ นผลให้หลาย ๆ คดี พนักงานอัยการ ไม่สามารถฟ้ องคดีได้ภายใน กรอบเวลา 180 วัน ตามที่มาตรา 77 วรรคหนึ่งก าหนดไว้ไม่สามารถตั้งข้อไม่สมบูรณ์และตั้งคณะกรรมการร่วม ได้ทันภายในเวลา 90 วัน ตามที่มาตรา 77 วรรคสองก าหนดไว้และไม่พิจารณาเสนออัยการสูงสุดคืนส านวนไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อฟ้ องคดีได้ทันภายในอายุความตามมาตรา 77 วรรคสามประกอบมาตรา 93 วรรคสอง ซึ่งท าให้เกิดความเสียหายในการด าเนินคดีอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเห็นควรที่ส านักงานอัยการสูงสุด เร่งด าเนินการประสานงานกับ หน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อก าหนดมาตรการทางกฎหมายให้มีกรอบระยะเวลาบังคับให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องส่งส านวน มายังส านักงานอัยการสูงสุดอย่างน้อยภายในเวลา 270 วันก่อนคดีจะครบอายุความต ่าสุดต่อไป KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ - พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริต พ .ศ. 2561 มาตรา 77, 91, 92, 93 วรรคสอง ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหาร งานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายสุเวช จอมพงค์ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 8 นำงสมสุข มีวุฒิสม อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)
kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนย์รำชกำรเฉลิมพระเกียรติฯ อำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 เรื่องที่ 145/2566 /2563 ---------------------------- กำรสั ่งคดีอำญำที่จะไม่เป็ นประโยชน์แก่สำธำรณชน หรือจะมีผลกระทบต่อควำมปลอดภัยหรือควำมมั ่นคงของชำติ หรือต่อผลประโยชน์อันส ำคัญของประเทศ ข้อเท็จจริงตามทางสอบสวนรับฟังเป็ นที่ยุติแล้วว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุผู้ต้องหาซึ่งเป็ นสามีของผู้ตาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยมีภรรยา (ผู้ตาย) นั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อขับรถมาถึงบริเวณสี่แยกที่เกิดเหตุฯ ซึ่งมีการวางแผง กั้นชะลอความเร็วไว้กลางถนน และก่อนถึงแผงกั้นดังกล่าวได้มีแมลงบินเข้าตาผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้ใช้มือข้างซ้ายปัดที่ตาท า ให้รถเสียหลักชนเข้ากับแผงกั้น ท าให้รถล้มและภรรยาพลัดตกจากรถศีรษะกระทบกับพื้ นถนน ท าให้มีเลือดออกในสมอง เป็ นเหตุให้ถึงแก่ความตาย พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาว่า ขับรถโดยประมาทเป็ นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย และผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ข้อสรุปสาระส าคัญ/แก่นความรู้ เห็นว่าแม้การกระท าของผู้ต้องหาจะเป็ นความผิดตามข้อกล่าว และคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้ องก็ตาม แต่การที่จะสั่งฟ้ องผู้ต้องหานี้ จะเป็ นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือไม่อย่างไรนั้น เห็นว่าเมื่อพิจารณาจากสาเหตุหรือมูลเหตุ จูงใจในการกระท าผิด อายุ ความประพฤติ สภาพร่างกาย ความสัมพันธ์ทางครอบครัว ความร้ายแรงของความผิด ความเห็นของฝ่ ายผู้เสียหายต่อผู้ต้องหา และประโยชน์ของรัฐที่จะได้จากการฟ้ องผู้ต้องหา แล้วเห็นว่าขณะเกิดเหตุนี้ ผู้ต้องหามีอายุ 81 ปี แล้ว ทั้งยังเกี่ยวข้องเป็ นสามีของผู้ตาย โดยทั้งคู่อยู่กินฉันท์สามีภรรยาและดูแลกันมาเป็ นเวลากว่าสิบปี เศษ ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ โดยผู้ต้องหาเป็ นผู้อุปการะเลี้ ยงดูผู้ตายตลอดมาขณะยังมีชีวิตอยู่ จึงย่อมไม่มีเหตุใดที่ผู้ต้องหาประสงค์ จะให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้ น และเมื่อดูถึงความประพฤติของผู้ต้องหา ก็ไม่ปรากฏว่ามีประวัติในการกระท าความผิดใด ๆ มาก่อน อันพอจะบงชี้ ได้ว่าผู้ต้องหามิใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใด และมีเมื่อพิจารณาถึงสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจรวมถึง ความร้ายแรงแห่งความผิดแล้ว เห็นได้ว่าคดีนี้ เป็ นเรื่องของการกระท าโดยความประมาทเท่านั้น มิใช่เป็ นการกระท าโดยมี เจตนาชั่วร้ายอันมีเถรจิตรเป็ นโจร และมิใช่เป็ นคดีที่ร้ายแรงแต่อย่างไร ซึ่งการขับขี่รถโดยประมาทนั้นเป็ นคดีที่ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยทั่วไปก็ย่อมเกิดขึ้ นได้เช่นเดียวกัน ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหามีมูลเหตุใดเป็ นพิเศษที่จะประสงค์จะให้เกิดเหตุ ในคดีนี้ และการที่ภรรยาของผู้ต้องหาเสียชีวิตผู้ต้องหาก็หาได้ประโยชน์จากเสียชีวิตดังกล่าวไม่ ประกอบกับผู้ต้องหาและ ญาติของผู้ต้องหาได้เข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพของผู้ตายจนเสร็จพิธี และได้ช่วยเหลือค่าปลงศพและเยียวยา จนเป็ นที่พอใจของทางฝ่ายผู้เสียหายแล้ว ประกอบกับบุตรผู้ตายคนอื่น ๆ ต่างก็ ให้การยืนยันว่ามิได้ติดใจถึงการเสียชีวิตของ ผู้ตาย เนื่องจากเป็ นอุบัติเหตุและเป็ นเรื่องของความประมาทของผู้ต้องหา ทั้งการฟ้ องผู้ต้องหาก็ไม่ก่อประโยชน์แก่รัฐ หรือต่อบุคคลใดแต่อย่างไร แต่กลับจะเป็ นการเพิ่มภาระในการจัดการเสียยิ่งกว่า ประกอบกับคดีนี้ เป็ นความผิดซึ่งไม่เกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด ดังนั้นพิจารณาแล้วเห็นว่าการสั่งฟ้ องผู้ต้องหา จึงย่อมไม่เป็ นประโยชน์แก่สาธารณชน KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P) ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ ขอเสนอเทคนิค ข้อสังเกตกำรว่ำต่ำง แก้ต่ำง คดีอำญำ คดีแพ่ง เป็ นเกร็ดควำมรู้ เพื่อทบทวนและเพิ่มศักยภำพ ในกำรปฏิบัติหน้ำที่ของพนักงำนอัยกำร ประจ ำวันที่ 31 พฤษภำคม 2566
องค์ควำมรู้ที่เผยแพร่ใน Line KM : 3P ท้งัหมด อัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KMS : คลังควำมรู้ คลังกฎหมำยและเอกสำร ควำมรู้ ตอบข้อหำรือ คลังสมอง กำรเข้ำใช้งำนระบบสำรสนเทศกำรจัดกำรควำมรู้ (KMS) kms.ago.go.th kms.ago.go.th Knowledge Management System : KMS ส ำนักงำนวิชำกำร ศูนย์กฎหมำยและเอกสำรวิชำกำร คลังควำมรู้ แหล่งรวมควำมรู้เพื่อกำรท ำงำน ศูนยร์ำชกำรเฉลิมพระเกียรตฯิอำคำรรำชบุรีดิเรกฤทธิ์ช้นั3 เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหำนคร 10210 โทร 0 2142 1499 โทรสำร 0 2143 9475 จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหา ในความผิดฐาน ขับรถโดยประมาทจนเป็ นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ. มาตรา 291 ที่แก้ไขแล้ว, พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4),157 ที่แก้ไขแล้ว หลักการพิจารณาในกรณีที่จะมีค าสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหา ในลักษณะที่ไม่เป็ นประโยชน์แก่สาธารณชน นั้น จ าต้องน าเอาหลักเกณฑ์ตามระเบียบส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็ นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันส าคัญของประเทศ พ.ศ. 2554 ข้อ 6 มาประกอบ และจะต้องวินิจฉัยให้ปรากฏในการพิจารณาสั่งคดี เนื่องจากเป็ นการสั่งคดีที่แตกต่างจากการสั่งไม่ฟ้ อง ในคดีอาญาทั่วไป คือเป็ นการมีสั่งไม่ฟ้ องผู้ต้องหา ในกรณีที่คดีมีพยานหลักฐานพอฟ้ อง โดยอาศัยระเบียบของ ส านักงานอัยการสูงสุด ซึ่งถือว่าเป็ นช่องทางพิเศษ ดังนั้นในการพิจารณาสั่งส านวนจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็ นพิเศษและ มีข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนพอสมควรแก่การพิจารณา กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวกับความรู้นี้ พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21 วรรคสอง ประกอบระเบียบ ส านักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็ นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันส าคัญของประเทศ พ.ศ. 2554 ข้อ 5, 6, 9 ที่มำ : - การท า KCJ (Knowledge Capturing on Job) จากการท า Workshop ของโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอัยการพิเศษฝ่าย” รุ่นที่ 10 (พ.ศ. 2566) ในหัวข้อวิชา การบริหารจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ที่มำ : - ผู้จัดท า KCJ : นายไชยยศ สุขใส ต าแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สังกัด ส านักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 9 นำยปริญญำ จิตรกำรนทีกิจ อัยกำรอำวุโส ส ำนักงำนอัยกำรพิเศษฝ่ ำยบริหำรจัดกำรควำมรู้ KM : Perfect Public Prosecutor (KM : 3P)