เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 1 สรุปการอบรมวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 วิทยากร นายแพทย์ไกรสุข เพชรบูรนิน นพ.สสจ.พิษณุโลก ขอบข่ายการบรรยาย : ผู้บริหารยุคใหม่ กับการบริหารสาธารณสุขในยุคปัจจุบัน ผุ้บริหารต้องมีความพร้อม 4 ด้าน คือ 1. ตัวพร้อม : ผู้บริหารต้องมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 2. ครอบครัวพร้อม : ครอบครัวต้องให้การสนับสนุน 3. เศรษฐานะทางสังคม : เนื่องจากผู้บริหารต้องมีการพบปะสังคมและมีการเดินทางมากขึ้น 4. จิตเข้มแข็ง ไม่ใจน้อย : ใจต้องชอบ หลักการบริหารให้มีความสุข คือ 1. เตรียมตน บริหารตน 2. บริหารคน : ต้องเรียนรู้คน สร้างแรงจูงใจ เป็นแบบอย่าง ยุติธรรม รับฟัง ระวังการสื่อสาร 3. บริหารงาน : ลงแรงน้อย แต่ได้ผลงานมาก ควรมีที่ปรึกษา จัดทีมอำนวยการ กำหนดเป้าหมายชัดเจน เน้นการสื่อสาร ควบคุมกำกับ 4. บริหารเงิน : ยึดระเบียบเป็นหลัก มีแผนทางการเงิน โปร่งใส ตรวจสอบได้ 5. บริหารพัสดุ : มีการทำแผน ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุโดย เคร่งครัด 6. บริหารเวลา : มีเป้าหมายและแผนงาน ทันท่วงที พูดเรื่องไม่ยืดยาว ไม่เล่นเสียคนเดียว - ภาวะผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ กล้าตัดสินใจ ยุติธรรม มีความรอบรู้ มีความรับผิดชอบ ไม่เห็นแก่ตัว มีความมั่นใจ - สิ่งผู้นำควรยึดถือและสังวรไว้ คือ ระวังคำพูด เลี่ยงการคิดดัง ไม่แสดงความรู้อารมณ์ออกมา เข้าใจถึงการสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป เผชิญกับการโดดเดี่ยว แยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน ฟังให้เป็น - ผู้นำที่ไม่พึ่งประสงค์ มีลักษณะคือ หูเบา เอาแต่ความดีใส่ตัว ความชั่วให้ลูกน้อง ขี้กลัว ถือตัว ไม่ติดดิน ไม่รอบรู้ ชอบรู้ผิดๆ ย้ำคิด ย้ำทำ ลำเอียง แบ่งพวก ผีการพนัน ประหยัดเกินเหตุ ขี้โม้ โอ้อวด อิจฉาลูกน้อง คำพูดขัดแย้งกับการกระทำ โลเล ประจานลูกน้อง ข้าแน่ ข้าเก่งที่สุด ภาวะผู้นำ การบริหารองค์กร - คุณลักษณะของขุนพลที่ดี (ซุนวู) ได้กล่าวไว้ ต้องมีความฉลาด มีปัญญา มีความจริงใจ มีมนุษย์สัมพันธ์ กล้าตัดสินใจ ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่าง - คุณลักษณะผู้บริหารที่สำคัญ ● เป็นผู้นำที่ดี ● สร้างความมีชีวิตชีวาให้องค์กร ● เก่งในการแก้ปัญหา ● ไม่เป็นตัวปัญหา ● รู้จักยืดหยุ่น
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 2 ● กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง ● มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ● มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทันสมัย ● รู้จักปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ ● รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ● มีความคิดริเริ่ม - นักบริหารควรปฏิบัติ ● อย่าจู้จี้ ควบคุมเกินไป ● เมื่อมีปัญหา ให้คำปรึกษาช่วยชี้ปัญหา ● ให้ความคุ้มครอง เมตตา ให้ความอบอุ่น ● มอบหมายงานแล้วอย่าแย่งงานมาทำเอง ● มั่นใจในตนเอง ทำงานอย่าโลเล ● ประสานประโยชน์ทุกฝ่ายขององค์กร ● จัดสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ● จัดสภาพแวดล้อม สะอาด สะดวกสบาย ● ฝึกลูกน้องให้ใช้ความคิดในการทำงาน ลักษณะผู้บริหารยุคใหม่ : ควรละเว้นระบบเผด็จการ การตัดสินใจที่สามารถอธิบายได้ เน้นผู้รับบริการ สร้างความศรัทธา ให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ รู้ทิศทางขององค์กรในอนาคต สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารในยุคการเปลี่ยนแปลง ● การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาต้องมีการวางแผน ความคิดสร้างสรรค์ มีความร่วมมือ นำไปใช้ ● ต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ● VUCA World ความเป็นปกติแบบใหม่ (The New Normal) **V-Volatility ความผันผวนสูง>Vision(ปรับมุมมอง เปิดรับวิธีแบบใหม่) ดังนั้น ผู้นำต้องรู้เท่าทันเหตุการณ์ **U-Uncertainความไม่แน่นอนสูง>Understanding(รับรู้และเข้าใจ) ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ดังนั้น ผู้นำต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เปิดรับข้อมูลและแนวคิดใหม่ **C-Complexความซับซ้อน>Complexity(การทำให้ง่ายและชัดเจน) ดังนั้น ผู้นำต้องคิดอย่างเป็นระบบ มีการปรับการทำงานให้ง่ายและมีความชัดเจน **A-Ambiguous ความคลุมเครือ ดังนั้น ผู้นำต้องกล้าตัดสินใจ มีการใช้แนวคิดใหม่และนวัตกรรมใหม่
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 3 หลักการบริหารผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอายุมากกว่า ดังนี้ 1. ใช้หลักวิชาการโดยการสร้าง TRUST โดยการสร้างศรัทธา ความไว้ใจ ความเชื่อมั่น ความรัก ต้องมีและต้องมีทักษะความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการ - ต้องทำผลงานวิชาการ เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ - ต้องมีตำแหน่งรองรับ เพื่อมีสายการบังคับบัญชา - ต้องศึกษา เรียนรู้ให้มาก เพื่อพัฒนาตนเอง และตีช้องเรียนรู้จากแหล่งต่างๆ และอ่านหนังสือให้มาก - มีการมอบหมายงานที่ให้อิสระในการปฏิบัติงาน โดยมีการติดตามงานโดยไม่ลงรายละเอียดนานๆครั้ง 2. ใช้หลักการครองตน ครองคน ครองงาน โดยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ใต้บังคับบัญชา มีพฤติกรรมที่ไม่เสื่อมเสีย ใช้ปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง และให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสุข เช่น การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต./สอน.เฉลิมพระเกียรติไปกับ อบต.ซึ่งใช้หลักการถ่ายโอนใช้หลัก 5 ข้อ 1. ด้วยความสมัครใจไม่บังคับ 2. มีความพร้อมทั้งสองฝ่าย ฝ่ายรับโอน ฝ่ายถ่ายโอน 3. ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง 4. ต้องมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน 5. ต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวม หรือประชาชน ● ในอนาคต 1. การส่งมอบ รพ.สต./สอนครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้าง การลงนาม MOU พัฒนาระบบบริการ 2. การเตรียมงานในการถ่ายโอน รพ.สต./ สอน 3. บทบาทหน้าที่ สสจ./สสอ. ควบคุมกำกับ พรบ.ปฐมภูมิ ● การถ่ายโอนต้องประกอบด้วย 3 ส่วน 1. โครงสร้าง 2. บุคลากร 3. ระบบงานบริการ ● การยื่นเรื่องการถ่ายโอนไปอบจ.ด้วยความสมัครใจนั้น การยื่นเรื่องต้องผ่านผู้บังคับบัญชาก่อน โดยตำแหน่งที่ไปจะถูกตัดตำแหน่งไปเลย และไปใช้เงินของรัฐบาลกลางแทนในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งยังมีปัญหาติดขัด ในกรณีที่ประสงค์จะกลับมานั้น ทางท้องถิ่นไม่สามารถตัดตำแหน่งคืนกลับมาได้ เนื่องด้วยกระทรวงจะสงวนตำแหน่งไว้สำหรับคนที่จะบรรจุในกระทรวงเท่านั้น การบริหารผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดสารเสพติด ดำเนินการตามหลักการดังนี้
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 4 1. การป้องกันปราบปราม โดบใช้กฏหมายบังคับ 2. การคัดกรอง โดยสามรถคัดกรองได้โดยที่ไม่ให้รู้ตัว หรือแจ้งเย็นวันนี้และตรวจพรุ่งนี้ทันที 3. การบำบัดรักษา ตามความสมัครใจ โดยไม่มการบังคับ 4. การฟื้นฟู ยาเสพติดแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 1. เสพ 2. ติด โดยข้อ 1 และ 2 แยกเป็นระยะ เขียว เหลือง แดง ซึ่งการบำบัดขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู่เสพ 3. ค้า : โทษให้ออกจากงาน วิทยากร ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ ขอบข่ายการบรรยาย : ธรรมภิบาลสำหรับผู้บริหาร หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ต้อง ยึดหลักธรรมาภิบาล ราชการใสสะอาด มนุษย์มี 6 ต. คือ 1. ตัวตน : คือ รากเหง้า มาจากไหน เกิดอย่างไร ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ 2. ตักศิลา : แหล่งเรียนรู้ เพื่อเติมเต็มวิชาความรู้ต่างๆ 3. ตำรา : ทฤษฎี หลักการแนวคิด ในการเรียนรู้ 4. ตำหรับ : ต้นแบบ 5. ตำแหน่ง : ต้องมีองค์ความรู้ และคุณธรรม (ISMART) 6. ตำนาน : สร้างผลงานไว้เป็นที่ประจักษ์ (จิตอาสา ทำดีด้วยหัวใจ ให้ตราไว้ในแผ่นดิน) ธรรมมาภิบาล ประกอบด้วย ธรรม และ อภิบาล ธรรม คือ หลักธรรมทางศาสนา , หลักคุณธรรม/นิติธรรม/เที่ยงธรรม ซึ่งทำให้เกิดคุณธรรม คือ ความถูกต้อง,ความดี,ความงาม,ความจริง อภิบาล คือ จริยธรรม กิริยา/ความประพฤติ =ที่ดีงาม,ยุติธรรม,ถูกต้อง,สมควร ธรรมมาภิบาล คือ คุณธรรมและจริยธรรม =กิริยา/ความประพฤติที่ดีงามทั้งต่อหน้าและลับหลัง หลักธรรมมาภิบาลทำให้บริหารจัดการที่ดีได้ โดยยึด 4 หลักสำคัญ 10 หลักย่อย ประกอบด้วย 1. การบริหารจัดการแนวใหม่ 1) ประสิทธิภาพ 2) ประสิทธิผล 3) การตอบสนอง 2. ค่านิยมประชาธิปไตย 4) รับผิดชอบ ตรวจสอบได้ 5) เปิดเผย โปร่งใส 6) หลักนิติธรรม 7) เสมอภาค 3. ประชารัฐ 8) การมรส่วนร่วมในการแสวงหาฉันทามติ 9) การกระจายอำนาจ 4. ความรับผิดชอบทางบริหาร
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 5 10) คุณธรรม / จริยธรรม กระบวนการเสริมสร้างการบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมมาภิบาล ประกอบด้วย 1. การวางแผนกำหนดยุทธศาสตร์ 2. การบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ 3. การบริหารกระบวนการ 4. การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ 5. การบริหารต้นทุนฐานกิจกรรม 6. การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร 7. การบริหารทรัพยากรบุคคล หลักธรรมมาภิบาล ประกอบด้วย 1. นิติธรรม โดยยึดระเบียบ กฏหมายเป็นที่ตั้ง 2. คุณธรรม 3. มนุษยธรรม 4. โปร่งใส 5. การมีส่วนร่วม 6. ความรับผืดชอบ 7. ความคุ้มค่า 8. ผลประโยชน์ .พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 6 การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ได้แก่การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังนี้ 1. เกิดประโยชน์สุขของประชาชน 2. เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ 3. มีประสิทธิภาพและการเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจรัฐ 4. ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น 5. มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์ 6. ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ 7. มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ จิตสำนึกผู้ให้บริการสาธารณะ ประกอบไปด้วย I – Integrity คือ ความซื่อสัตย์ ยืนหยัดบนฐานที่ถูกต้อง A – Activeness คือ ทำงานเชิงรุก / คิดบวก / จิตอาสาบริการ M -Morality- มีศีลธรรม คือ คุณธรรม - จริยธรรม R- Responsiveness คือ คิดถึงประโยชน์สุขผู้รับบริการ
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 6 E- Efficiency คือ มุ่งประสิทธิภาพ A – Accountability คือ ตรวจสอบได้ -โปร่งใส D-Democracy คือ ยึดมั่นประชาธิปไตย การมีส่วนร่วม -นิติธรรม /เสมอภาค / เท่าเทียม Y – Yield คือ มุ่งผลสัมฤทธิ์ 4.การรักษาจรรยาบรรณข้าราชการ หมวด 5 มาตรา 78 พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2551 ประกอบด้วย 1) การยึดมั่นและยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง 2) ความซื่อสัตย์สุจริต และความรับผิดชอบ 3) การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ 4)การปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่เลือกปฏิบัติ อย่างไม่เป็นธรรม 5)การมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน 5. ประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน 1) ยึดมั่นในจริยธรรม ทำในสิ่งที่ถูกต้อง 2) มีจิตสำนึกดี 3) แยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่งหน้าที่ 4) ละเว้นการแสวงหาประโยชน์ 5) ปฏิบัติตสมรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 6) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม 7) มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน 8) แบบอย่างที่ดีในการดำรงตน 6. ธรรมาภิบาลคนทำงานเพื่อแผ่นดิน ประกอบด้วย 1. อาจาระงดงามคือมีพฤติกรรมที่งดงาม 2. ความพยายามไม่ขาดสาย 3. เป้าหมายชัดเจน 4. หลักเกณฑ์ถูกต้อง 5. มันสมองเพื่อสังคม 6. ค่านิยมเรียบง่าย 7. ใจที่สงบ 8. เคารพในกติกาโดยมีการคิดนอกกรอบได้แต่อย่าปฏอบัตินอกกฏ 9. ดวงตาเห็นธรรม และ 10. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วย 3 เงื่อนไข
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 7 1. หลักวิชา 2. หลักคุณธรรม 3. หลักการดำเนินชีวิต การประยุกต์นำไปใช้สำหรับผู้บริหารระดับต้น รุ่นที่ 33 / 1 ประจำวันที่ 20 พ.ค. 2567 1. สำหรับผู้จะเป็นผู้บริหารในอนาคต ทำให้มีความรู้ในการเตรียมตัวและความพร้อมในการขึ้นเป็นผู้บริหารด้านสาธารณสุขในยุคปัจจุบัน และสำหรับผู้ที่เป็นผู้บริหารในปัจจุบันแล้ว ก็มีการทบทวนบทบาทในฐานะผู้บริหารที่ผ่านมา เพื่อนำไปปรับปรุงให้เป็นผู้บริหารด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 2. สามารถนำหลักการที่เรียนรู้ไปใช้ในการบริหารในยุคการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การนำหลัก VUCA ไปเป็นแนวทางในการปรับวิธีการบริหาร โดยเราที่จะเป็นผู้บริหารต้องมีการปรับมุมมองให้ทันเหตุการณ์ แล้วเรียนรู้ด้วยการเก็บข้อมูลใหม่ๆ แล้วนำมาทบทวนวางแผนจัดแนวทางการการบริหารด้วยการคิดเชิงระบบ และมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการบริหารได้ ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่ผู้บริหารต้องนำไปฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะของผู้บริหารของตนให้มากขึ้น 3. การบริหารผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ ผู้บริหารยุคใหม่ต้องมีการเพิ่มศักยภาพของตนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยการใช้หลัก TRUST เพื่อเพิ่มความรู้ทางวิชาการและหลักการครองตน ครองคน ครองงาน ซึ่งหลักการทั้ง 2 ด้านเป็นหลักการที่เป็นรูปธรรม ทำให้เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติตามได้จริง 4. การเป็นผู้บริหารมีการนำหลักพระเดชและพระคุณมาใช้ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ของงานตามเป้าหมายที่กำหนด แต่หากต้องทำงานโดยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องที่ไม่มีอำนาจสายบังคับบัญชา ต้องใช้หลักพระคุณ ร่วมกับการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน โดยการให้ความช่วยเหลือให้งานเค้าลำเร็จ ดังคำกล่าวว่า “ลงแขก ลงขัน สร้างบารมี” ซึ่งจะทำให้งานเราสำเร็จด้วยเช่นกัน 5. การเป็นผู้บริหารที่ดี เราต้องมีธรรมาภิบาล ต้องมีทั้งคุณธรรมและจริยธรรม และยึดหลักความพอเพียง ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแนวคิดของรัชกาลที่ 9 6. การบริหารยึดตามหลักกฏหมาย ดังนั้น ผู้บริหารควรมีความรู้ด้านกฏหมายด้านสาธารณสุขในฐานะข้าราชการไทย ซึ่งส่วนมากเราไม่ได้สนใจศึกษากฏหมาย ดังนั้น ผู้บริหารควรมีการเรียนรู้และควรอ่านกฏหมายที่เกี่ยวข้อง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 8 เพื่อให้เกิดการบริหารที่ถูกต้องไม่ใช่การบริหารแบบตามแนวทางที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการบริหารและอาจผิดกฏหมายได้ 7. การที่เราจะเป็นผู้บริหารที่มีธรรมาภิบาล ต้องมีจิตสำนึกผู้ให้บริการสาธารณะ โดยต้องมีจิตอาสา คือ ต้องมีใจที่จะทำ ซึ่งจะทำให้ปฏิบัติต่อเนื่องจนเกิดการจารึกผลงานไว้เป็นต้นแบบต่อไป ดังคำกล่าว “จิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ ตราไว้ในแผ่นดิน” สรุปการเรียนรู้ 1. ขอตัวแทนสำหรับสรุปการเรียนรู้ในแต่ละวัน 2. ขอตัวแทนสำหรับเป็นพิธีกรแทนอาจารย์ในแต่ละวัน สมัครใจก็ได้ อาจจะช่วงเช้า 1 ท่านและบ่าย 1 ท่าน 3. ร่างคำสั่งคณะกรรมการรุ่น ของผู้เข้าอบรม 4. การทำข้อตกลง กฎกติการ่วมกัน ตลอดการเรียน ผบต. 4.1 เวลาในการเข้าชั้นเรียน พร้อมกันไม่เกิน 8.30 น. พร้อมเช็คชื่อ พร้อมกับมีการแคปภาพหน้าจอ ช่วงเช้า 1 ครั้ง เวลา 8.30-8.40 น. และบ่าย 1 ครั้ง เวลา 13.00-13.10 น. 4.2 คนทำหน้าที่เช็คชื่อ 4.3 คนทำหน้าที่พิธีกร 4.4 คนทำหน้าที่บริหารจิต เช่น นำสวดมนต์ไหว้พระ, หรืออื่นๆก็ได้ 4.5 มีการออกกำลังกายตั้งแต่เวลา 06.00 น. (ตามแต่ละท่านสะดวก) 4.6 มีการเตรียมชุดเต้นออกกำลังกายตามวันที่ระบุ ใส่ชุดออกกำลังกายด้วย 4.7 ตัวแทนสรุปบทเรียนประมาณ 15-20 นาที ก่อนไปเปลี่ยนชุดในการออกกำลังกาย
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 9 สรุปการอบรมวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 แนะนำตัวช่วงเช้า ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น รุ่น 33 อบรมรุ่นที่ 1 ทุกคน ระเบียบการเงินการคลัง วิทยากร : อ.สายฝน ทองเกิด ขอบเขตการบรรยาย : การบริหารความเสี่ยงด้านการเงิน 1.พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 2....ปี2562 ประกอบด้วย 11 หมวด หมวดที่ 1 ความทั่วไป หมวดที่ 2 การใช้งานในระบบ หมวดที่ 3การเบิกเงิน หมวดที่ 4 การจ่ายเงินของส่วนราชการ หมวดที่ 5 การเบิกจ่ายเงินยืมของส่วนราชการ หมวดที่ 6 การรับเงินของส่วนราชการ หมวดที่ 7 การเก็บรักษาเงินของส่วนราชการ หมวดที่ 8 การนำเงินส่งคลังและฝากคลัง หมวดที่ 9 การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี หมวดที่ 10 หน่วยงานย่อย หมวดที่ 11 การควบคุมและตรวจสอบของหน่วยงานผู้เบิกเป็นส่วนราชการ 3.หลักเกณฑ์ทั่วไปของการเบิกเงิน 3.1 ค่าเบี้ยเลี้ยง 3.2ค่าเช่าที่พัก 3.3 ค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลา 3.4 ค่าเดินทางไปราชการ 3.5 การเปิดบัญชีเงินนอกจากรัฐวิสาหกิจ 3.6 การสร้างข้อมูลหลักผู้ขายในระบบ GFMIS –ตรวจสอบความถูกต้องของคำขอเบิกเงินตรวจสอบการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารว่าต้องมีการเคลื่อนไหวภายใน 6 เดือน(หากผิดพลาดต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมด) การจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง 3.7 การขอเบิกเงินทุกกรณี หน่วยงานผู้เบิกมีหน้าที่ตามกฎหมายในการหักภาษี ณ ที่จ่าย - บุคคลธรรมดาไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 1% จะหักเฉพาะนิติบุคคลเท่านั้น ข้อควรระวัง การเบิกเงินเพื่อการใดวัตถุประสงค์ใดต้องจ่ายเพื่อวัตถุประสงค์นั้นเท่านั้น
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 10 4. การเบิกเงินของส่วนราชการ 4.1 หนี้ต้องถึงกำหนดชำระหรือใกล้จะถึงกำหนดชำระ หมายความว่า หลังการตรวจรับแล้วต้องทำการเบิกจ่ายเงินภายใน 5 วันทำการหลังจากตรวจรับ 4.2 ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณใดให้เบิกจากงบในปีนั้นๆเว้นแต่ - การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี 1.ก่อหนี้ผูกพันก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2.วงเงินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป - ค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปี ตัวอย่างเช่น ใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าเดือน ก.ค.2566 จนท.การเงินได้รับใบแจ้งหนี้แล้ว ปรากฏว่าใบแจ้งหนี้หาย จนวันที่ 30 ก.ย. ยังไม่ได้วางเบิกเงิน จนข้ามไปถึงเดือนต.ค.66 การไฟฟ้าโทรมาทวงถาม ปรากฏว่าไม่ได้จ่าย เนื่องด้วยเป็นงบข้ามปี การแก้ไข้ คือ โทรถามกรมว่ามีเงินกลางคงเหลือสำหรับจ่ายมั๊ย โดยแจ้งเฉพาะยอด และรับรองยอด เนื่องด้วยการใช้ยอดเงินปี67 จะได้ตรงตามกรอบจัดสรรในปีงบประมาณ - รายการต่อไปนี้ถ้าค้างเบิกให้นำมาเบิกจากงบกลางในปีต่อๆไป ไม่ต้องรับรองยอด ประกอบด้วย ● เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ● เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานรัฐ ● เงินสำรอง เงินสมทบ เงินชดเชยของข้าราชการ ● ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ แต่ข้อควรระวัง ใบเสร็จจะมีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 43 วรรคสอง ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกเงินจากคลังได้ภายในปีงบประมาณ ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังได้เฉพาะในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมา ณ และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว วรรคสาม การขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังตามวรรคสอง ให้ขยายออกไปได้อีกไม่เกินหกเดือนของปีงบประมาณถัดไป เว้นแต่มีความจำเป็นต้องขอเบิกเงินไม่ทันเวลาที่ขอขยายให้ทำเรื่องไปที่กระทรวงการคลังขอขยายเวลาต่ออีก 6 เดือน(ภายใน 30 กันยายน) 5. ทะเบียนคุมการขอเบิก ควรมีไว้ควบคุมการเบิกและจ่ายเงินให้ตรงตามวันและปีงบประมาณ 6.ระยะเวลาการยืมเงินคาบเกี่ยว เช่นระยะเวลาเดินทางเดือนก.ย.- ต.ค. จะคาบเกี่ยวปีงบประมาณ - 90 วัน กรณีเดินทางไปราชการ นับจากปีงบประมาณ 1 ต.ค.ของปีถัดไป - 30 วัน กรณีปฏิบัติราชการอื่น (นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีงบประมาณถัดไป)
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 11 - กรณี 120 วัน จะจ่ายได้แค่ 90 วันของปีนั้นและจ่ายอีก 30 วันในปีงบประมาณถัดไป 7. การขอเบิกเงินของส่วนราชการกรณีซื้อ/จ้าง/เช่า - กรณีตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปต้องมีการทำจัดซื้อจัดจ้างคีย์ใน EGP ตั้งเบิกใน GFMIS - กรณี ไม่เกิน 5,000 บาท ไม่ต้องคีย์ EGP หน่วยงานสามารถเบิกจ่ายได้เลย 8. การขอเบิกเงินของส่วนราชการกรณีที่ไม่ใช่ซื้อ/จ้าง/เช่า ให้จ่ายเข้าบัญชีให้กับเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินของส่วนราชการโดยตรง ยกเว้น - 1. ค่าไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ค่าบริการสื่อสารโทรคมนาคม ที่ส่วนราชการได้รับเงินสมทบ - 2.เงินสวัสดิการ ค่าตอบแทน หรือกรณีอื่นใดที่ กค. กำหนดให้ส่วนราชการจ่ายผ่านระบบ e-Payment (KTB corporate Online) 9. การเบิกจ่ายเงินยืม (ข้าราชการ ,พนักงานราชการ) -เงินงบประมาณ -เงินนอกงบประมาณ - แบบฟอร์มยืมเงินต้องเป็นตามที่กำหนดเท่านั้น ทำไว้ 2 ฉบับ ตัวจริงหน่วยงานเก็บไว้และสำเนาไว้ให้กับผู้ยืม และต้องมีการเขียนล้างเงินยืมด้านหลังให้เรียบร้อย ทั้งสองฉบับต้องเป็นลายเซ็นจริง - รายละเอียดการยืมเงิน ต้องมีการประมาณการยอดเงินยืมด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ - ห้ามให้ยืมครั้งใหม่ หากยังไม่ล้างครั้งเก่า - การจ่ายเงินยืมเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักรไม่กิน 90 น เว้นแต่ขอตกลงกับ กระทรวงการคลัง - การจ่ายเงินยืมให้จ่ายผ่านระบบ e-Payment โดยผู้ยืมไม่ต้องลงลายมือชื่อรับเงินในสัญญาการยืมเงิน แล้วปริ้นใบ e-statement มาแนบไว้ - วิธีการคืนเงินยืมเหลือจ่าย ให้คืนผ่านระบบ e-Payment 10. ผู้มีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินยืม -ส่วนราชการในภูมิภาค ให้หัวหน้าส่วนราชการในภูมิภาค เป็นผู้อำนาจอนุมัติ 11. การจ่ายเงินผ่านระบบ KTB จ่ายได้ตาม กรณีดังต่อไปนี้ -หนังสือ ว140 ลว.19... 12.กำหนดส่งใบสำคัญ - เดินทางไปราชการอื่น ส่งภายใน 15 วัน นับจากวันกลับมาถึง 13.การชดใช้เงินยืม
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 12 - รับคืนเงินยืมให้ออกใบรับใบสำคัญ/พิมพ์หลักฐานการรับคืนเงินจากระบบ e-Payment และบันทึกการรับคืน -เก็บรักษาสัญญายืมที่ยังไม่ชำระเงินคืนให้ปลอดภัย -เร่งรัดชดใช้เงินยืม กรณีที่ผู้ใช้ส่งใช้เงินยืมเกินระยะเวลาที่กำหนด อย่างช้าไม่ควรเกิน 30 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดชำระ โดยผู้อำนวยกองคลังต้องมีหนังสือทวงถาม ถ้าเกิน 30วันแล้วยังไม่ส่งใช้เงินยืม ต้องเสนอผู้บังคับบัญชา สามารถหักเงินที่รับจากส่วนราชการได้เลยเช่น เงินเดือน ฯ ซึ่งความผิดที่ใช้เงินคืนไม่ตามกำหนด ผู้อำนวยกองคลังก็จะมีความผิดไปด้วย 14. หลักฐานการจ่ายเงิน - รายงานการจ่ายในระบบ New GFMIS Thai ซึ่งเป็นการจ่ายตรงเข้าบัญชีเจ้าหนี้โดยตรง - e-Payment ให้ใช้รายงานสรุปผลการโอนเงิน (Detail Report และ Summary Report/Transaction History) ที่ได้จากระบบ KTB Corporate Online (ว.140) 15. ใบเสร็จรับเงิน ต้องประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ 1. ชื่อ สถานที่อยู่ หรือที่ทำการของผู้รับเงิน 2.วัน เดือน ปี ที่รับเงิน 3.รายการสินค้า 4.จำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวอักษร 5.ลงชื่อผู้รับเงิน ***กรณีที่ใบเสร็จไม่ครบทั้ง 5 องค์ประกอบ สามารถทำใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงินได้ โดยในส่งของ การลงชื่อ (เจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ยืมเงินเป็นคนซึ่งมีหน้าที่จ่ายเงินนั้น) *** ใบสำคัญรับเงิน เป็นการออกในนามของหน่วยงานหรือนิติบุคคลไม่ใช่เจ้าหน้าที่ และคนที่เซ็นต์รับรองคือ (เจ้าหน้าที่การเงิน) *** ข้อแตกต่าง ระหว่าง ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน กับใบสำคัญรับเงิน คือ คนที่เซ็นต์นั่นเอง และตามระเบียบไม่ได้มีระบุว่าต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน 16. การจ่ายเงิน 1. มี กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่งมติ ครม.หรือได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง 2. เป็นรายจ่ายในการดำเนินงานตามปกติ 3. ผู้มีอำนาจได้อนุมัติ 4. มีหลักฐานการจ่าย 5. ห้ามเรียกใบเสร็จหรือให้ผู้รับเงินลงชื่อโดยมิได้จ่าย 6. ไม่มารับเงินให้ทำใบมอบฉันทะ/มอบอำนาจ 7. การโอนสิทธิ์เรียกร้องให้ปฎิบัติตาม กระทรวงการคลังกำหนด
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 13 8. บันทึกการจ่ายในวันที่จ่าย 9. สิ้นวันตรวจสอบ 17. การเขียนเช็ค 1. ซื้อ เช่า จ้าง สั่งจ่ายในนามเจ้าหนี้- ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ/ขีดคร่อมเช็ค 2. นอกจาก 1 สั่งจ่ายในนามเจ้าหนี้- ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ/ขีดคร่อมเช็คหรือไม่ก็ได้ 3. รับเงินสด สั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ- ขีดฆ่าคำว่า หรือผู้ถือ อกก/ห้ามสั่งจ่ายเช็คเงินสด 18. การรับเงิน -ออกใบเสร็จรับเงิน หรือ พิมพ์รายงานจากระบบ e-Payment ตามที่ กค.กำหนด - ใบเสร็จเล่มเดียวรับเงินทุกประเภท -บันทึกการรับเงินภายในวันที่รับเงิน - ต้องมีการตรวจสอบทุกสิ้นวัน 19. ใบเสร็จรับเงิน -ถ้าทำเล่มใบเสร็จหาย ต้องแจ้งความนับจากทราบว่าหาย แล้วติดประกาศยกเลิกไว้ในที่พบเห็นและตรวจสอบได้ง่าย ทำหนังสือแจ้งเวียนยกเลิกให้ส่วนราชการต่างๆ ทราบ เพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นจากการนำใบเสร็จไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง - เล่มใบเสร็จรับเงินใช้เฉพาะปีงบประมาณ - เก็บรักษาใบเสร็จรับเงินไว้ 10 ปี 20. วิธีปฏิบัติในการรับเงิน -ควรใช้ผ่านระบบ e-Payment ข้อยกเว้น ถ้าใช้ระบบนี้ไม่ได้ จ่ายเงินสดหรือเช็ค 21.การเก็บรักษาเงินของส่วนราชการ 1.ตู้นิรภัย - ตู้เหล็กมั่นคง -ต้องมีลูกกุญแจอย่างน้อย 2 ดอก แต่ละดอกมีลักษณะต่างกัน -กุญแจลูกหนึ่งกรรมการถือ อีกดอกหนึ่งเก็บไว้ในหีบห่อ 2.กรรมการต้องมีอย่างน้อย 2 คน 3.วิธีการเก็บรักษาเงิน ต้องรายงานเงินคงคลังประจำวันพร้อมตรวจสอบเงินสดทุกวัน(กรรมการตรวจสอบ) 22.การนำเงินส่งคลังหรือฝากคลัง - เงินนอกงบประมาณ เป็นเงินฝากคลัง 23. กำหนดเวลานำเงินส่งคลังหรือฝากคลังของส่วนราชการ 1.เช็ค/เอกสารแทนตัวเงินอื่น ส่งในวันที่ได้รับหรืออย่างช้าภายในวันทำการถัดไป
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 14 2.เงินรายได้แผ่นดินที่รับเป็นเงินสด แนวทางปฏิบัติงานด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ วิทยากร: อ.รัชนีวรรณ ประดิษฐ์โดยสำนักงานคลังเขต6 ขอบเขตการบรรยาย : การบริหารความเสี่ยงด้านการบริหารพัสดุ 1. คัมภีร์นักพัสดุ 1.1 พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หลักการและเหตุผล พ.ร.บ.2560 1.2 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 1.3 กฎกระทรวงต่างๆที่ออกตามใน พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หลักเกณฑ์มีการปรับปรุง 1.3.1 ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุดได้ 1.3.2 ใช้เกณฑ์การประเมินประสิทธิภาพร่วมกับราคา(ซึ่งอาจไม่ใช่ราคาต่ำสุด) หมายเหตุ วงเงินหนึ่งพันล้านบาทใช้หลักการภาคคุณธรรม TOR จึงจะทำการตรวจรับและกระทำโดยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างเท่านั้น 2. การจัดซื้อจัดจ้าง การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุ 2.1 ซื้อ 2.2 จ้าง 2.3 เช่า 2.4 แลกเปลี่ยน หรือโดยนิติกรรมอื่นตามที่กำหนดในกฏกระทรวง 3. พัสดุ 3.1 สินค้า หมายถึง วัสดุ ,ครุภัณฑ์, ที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง 3.2 ถ้าสินค้ามีมูลค่ามากกว่างานบริการ จะถูกตีความเป็นสินค้า 3.3 งานบริการ 3.4 งานก่อสร้าง -งานก่อสร้างอาคาร มีหนังสือ เวียน ว.259 จะตีความว่า อะไรจะถูกตีความในงานก่อนสร้าง ประกอบด้วยอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ ซึ่งถ้าถูกตีความเป็นการก่อสร้าง จะต้องเป็นสัญญาก่อสร้างใช้ระเบียบสัญญาของงานก่อสร้างไม่ใช่จ้างเหมา 2.4.1 กระทบต่อโครงสร้าง 2.4.2 กระทบต่อความปลอดภัย 24.3 จำเป็นต้องมีคนควบคุมกำกับ
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 15 ยกตัวอย่าง งานทาสี ต้องตีความว่า ไม่กระทบโครงสร้าง ไม่กระทบความปลอดภัยละไม่ต้องมีผู้ควบคุม ก็ไม่ถือว่าเป็นงานก่อสร้าง เป็นต้น 3.5 งานจ้างเหมา 3.6 สาธารณูปโภค 3.7 การปรับปรุงซ่อมแซม 4. เงินงบประมาณ ต้องใช้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงการคลัง 5. เงินนอกงบประมาณ 6. การจัดซื้อจัดจ้างต้องดำเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ e-GP แต่มีข้อยกเว้น ยกเว้นการดำเนินการตาม หนังสือ ว.322 ( 79วรรค 2) 7. กระบวนการซื้อหรือจ้าง 7.1 ต้องมีงบประมาณดำเนินการ 7.2 มีแผนการจัดซื้อจัดจ้าง (ม.11 ข้อ11-13) 7.3 ทำรายงานขอซื้อ/จ้าง (ข้อ22 ม.4) TORข้อ21 วรรค1,3+ราคากลาง (ม.4) - หัวหน้าหน่วยงานต้องแต่งตั้งคณะกรรมการ TOR โดยระบุหน้าที่ให้เสนอเกณฑ์ในการคัดเลือก เช่น เกณฑ์ราคา - งานจ้างก่อสร้าง พิจารณาที่เกณฑ์ราคาเกณฑ์เดียวเท่านั้น 7.4 ดำเนินการจัดหา 7.5 ขออนุมัติสั่งซื้อ/จ้าง/ประกาศผู้ชนะ (ข้อ42 ม.66วรรค2) - อำนาจหน่วยงานของรัฐตามอนุมัติตามวงเงิน 7.6 การทำสัญญา (พรบ.หมวด 9+ ระเบียบฯ หมวด 5) หัวหน้าหน่วยงานมีอำนาจลงนามไม่จำกัดวงเงิน 7.7 การตรวจรับพัสดุ พรบ.หมวด9+ระเบียบ หมวด5) 7.8 การบริหารพัสดุ (พรบ.หมวด13,ระเบียบฯหมวด9) 8. การวางแผนและเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง 9. การจัดทำแผนจัดซื้อจัดจ้าง (ระเบียบข้อ 11-13) 10. การจัดทำ TOR หรือ Spec หรือแบบรูปรายการงานก่อสร้าง หัวหน้าหน่วยงานของรัฐแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งก็ได้ อาจขึ้นอยู่ความซับซ้อนของงานหรืองบประมาณก็ได้ 10.1 กรณีมิใช่งานก่อสร้าง 10.2 การจ้างก่อสร้าง แต่งตั้งคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทำหน้าที่ จัดทำแบบรูปรายการงานก่อสร้างหรือ จะดำเนินการจ้างตามความในหมวด 4
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 16 งานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก็ได้ (อาจใช้แบบมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว หรือจ้างเขียนแบบใหม่ก็ได้) 11. แนวทางการทำTOR( TERMS OF REFERENCE) 11.1 แนวทางที่ 1 คณะกรรมการหรือจนท.หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งดำเนินการจัดทำร่างขอบเขตของงาน หรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่จะดำเนินการซื้อหรือก่อสร้าง จ้างแล้วแต่กรณีตาม ม.65 11.2 แนวทางที่ 2 คณะกรรมการหรือจนท.หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งดำเนิการจัดทำTORอย่างละเอียด และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันจะต้องมี TERM OF REFERENCE ว.159 ลว.20/3/2566 11.3 ข้อห้าม ในการทำTOR ยกตัวอย่างเช่น การซื้อกระดาษ ห้ามกำหนดยี่ห้อ 12. มาตรฐานกำหนดspecวัสดุก่อสร้าง สามารถกำหนดตามมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว เช่น มอก.,ISO เป็นต้น แต่ไม่ควร ล็อกspec 13. การซื้อกระดาษA4 ในวงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ต้องใช้ราคากลางของกรมบัญชีกลางกำหนดเท่านั้น แต่ถ้าซื้อวงเงินไม่ถึง ไม่ต้องใช้ราคากลาง 14. ราคากลาง หมายถึง ราคาเพื่อใช้เป็นฐานในการเปรียบเทียบราคากับผู้ที่เสนอราคาซึ่งสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้จริงตามลำดับ 14.1 ราคาที่ประกาศโดยคณะกรรมการราคากลางฯเมื่อ ต.ค.2560งานก่อสร้าง 4ประเภท ดังนั้นหากงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์นี้เท่านั้น 14.2 ฐานข้อมูลราคาอ้างอิงกรมบัญชีกลางจัดทำ 14.3 ราคามาตรฐานอื่นที่สำนักงบฯหรือหน่วยงานราชการอื่นกำหนด 14.4 ราคาสืบจากท้องตลาด(3รายขึ้นไปแล้วมาหาค่าเฉลี่ย) 14.5 ราคาที่เคยจ้าง/ซื้อภายใน2ปีงบฯย้อนหลัง 14.6 วิธีอื่นๆตามแนวปฏิบัติของหน่วยงานรัฐนั้น 15. คณะกรรมการเปิดซอง จัดซื้อ จัดจ้างห้ามเป็นกรรมการตรวจรับเด็ดขาด 16. กรรมการตรวจรับต้องมีมติเป็นเอกฉันฑ์ หากมีความเห็นแย้งต้องทำบันทึกแย้งแล้วเสนอหัวหน้าหน่วยราชการพิจารณารับหรือไม่รับพัสดุ 17. การตรวจรับงานก่อสร้างไม่มีการตรวจรับบางส่วนมีเพียง ไม่ถูกต้อง/ถูกต้อง/ และ บางคนไม่รับมอบ ต่างจากตรวจรับพัสดุที่มีถูกต้องบางส่วนแล้วรับมอบเฉพาะที่ถูกต้อง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 17 การประยุกต์นำไปใช้สำหรับผู้บริหารระดับต้น รุ่นที่ 33 / 1 ประจำวันที่ 21 พ.ค. 2567 1. จากบทเรียนทำให้มีความรู้ และเข้าใจการบริหารด้านการเงินและด้านพัสดุ ทำให้ทราบแนวทาง ระเบียบวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องด้านการเงินและด้านพัสดุ 2. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินการพัสดุตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 3. สำหรับผู้บริหารที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน เช่น หัวหน้า รพ.สต. สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปบริหารจัดการด้านการเงินการพัสดุได้อย่างถูกต้อง ทำให้มีแนวทางการบริหารที่เหมาะสมกับบริบทของหน่วยงานของตน 4. ทำให้เข้าใจบริบท กฏ ข้อบังคับ ของหน่วยงานด้านการเงิน ด้านการพัสดุ และทำให้ดำเนินงานร่วมกับฝ่ายการเงินและฝ่ายพัสดุด้วยความเข้าใจทำให้การประสานงานราบรื่นมา กขึ้น 5. ทำให้ทราบความเสี่ยงที่เกิดขึ้นบ่อย จากการปฏิบัติที่ผ่านมาว่าเป็นความเสี่ยงซึ่งต้องมีการปรับแก้วิธีการแฏิบัติให้ถูกต้องมากขึ้น เช่น - ด้านการเงิน มีความเสี่ยงจากการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการ การเบิกค่าใช้จ่ายในการประชุมอบรมต่างๆ การเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง - ส่วนด้านพัสดุ มีความเสี่ยงที่เกิดจากการปฏิบัติตามแนวทางที่เคยปฏิบัติกันต่อๆมาในการตรวจรับพัสดุ โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้องตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้อย่างละเอียด
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 18 สรุปการอบรมวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 วิทยากร : นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอบเขตการบรรยาย : ยุทธศาสตร์สาธารณสุข 20 ปี การปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข การปลูกฝังค่านิยม MOPH ยุทธศาสตร์= แผนหรือแนวทางที่จะทำให้มุ่งไปสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่กำหน โดยทุกคนใช้แนวทางเดียวกัน เป้าหมายของประเทศไทย คือ 1. มั่นคง : เพื่อบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับและทุกมิติ และพัมฯาไปพร้อมกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 2. มั่งคั่ง : ระบบเศรษฐกิจที่ดีในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ไม่ใช่แบบเดิม เน้นการสร้างมูลค่า ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ตามอัตภาพ 3. ยั่งยืน : ระบบสิ่งแวดล้อมน่าอยู่ กรอบแนวคิดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข (พ.ศ.2560-2579) ซึ่งมาจากหลายๆแนวคิด เพื่อมาผสมผสานกันแล้วกลั่นมาเป็นยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 9 ประเด็น คือ 1. Sustainable development GOALS (SDGs) 2. รัฐธรรมนูญ 3. นโยบายรัฐ 4. Thailand 4.0 5. แผนปฏิรูปประเทศ 6. ประชารัฐ 7. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 8. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 20 ปี ฉบับที่ 13 9. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยมีรายละเอียดดังนี้ Sustainable development GOALS (SDGs) Sustainable development GOALS (SDGs) หมายถึง เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีนักวิชาการและภาคส่วนอื่นๆในประเทศมามีส่วนร่วมในการกำหนด ซึ่งเกิดจากนานาประเทศมาร่วมพูดคุยกันและกำหนด เป็นเรื่องๆ ซึ่งประเทศไทยได้หยิบในส่วนของหัวข้อที่เกี่ยวกับสุขภาพมาใช้
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 19 รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพ ● หมวด 3 สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ● มาตรา 47 บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ - “บุคคลยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด” -บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ● มาตรา 48 - สิทธิของมารดาในช่วงระหว่างก่อนและหลังการคลอดบุตร ย่อมได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำบัญญัติ - บุคคลซึ่งอายุเกิน หกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญั ติ (ต้นเหตุที่มีการบัญญัติเรื่องนี้ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุซึ่งมีผู้สูงอายุโดยเฉลี่ยเกิน ร้อยละ 20) ● หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ● มาตรา 54 - รัฐต้องดำเนินการให้เด็กเล็กได้รับการดูแลพัฒนา ก่อนเข้ารับการศึกษาเพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย - ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในก ารดำเนินการ ● มาตรา 55 - รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง (ประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การดำเนินการจนบรรลุสิ่งที่ต้องการหรือสำเร็จแล้วใช้ทรัพยากรน้อยหรือ ความสำเร็จของงาน หารด้วย ทรัพยากร ยิ่งถ้างานสำเร็จโดยใช้ทรัพยากรน้อย ประสิทธิภาพยิ่งสูง) - เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค (สื่อสารให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้องและเข้าใจ) - ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 20 ● มาตรา 58 - การดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาให้ผู้ใดดำเนินการถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่ อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม อนามัย.... ● หมวดที่ 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ ● มาตรา 71 - รัฐพึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวอันเป็นองค์ขั้นพื้นฐานของสังคม - จัดให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม - ส่งเสริมและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรงมีจิตใจที่เข้ มแข็ง ● หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ● มาตรา 258 - จัดให้มีระบบจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านอื่นๆได้ - ปรับระบบหลักประกันสุขภาพให้ประชาชนได้รับสิทธิและประโยชน์จากการบริหารจัดกา ร การเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและสะดวกทัดเทียมกัน หลักประกันสุขภาพ หลัก 3 ระบบประกอบด้วย 1. หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าUC (30บาท) เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลพรรคการเมืองหนึ่งที่ได้นำเสนอ ซึ่งมาจากแนวคิดของนักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่ทดลองนำไปใช้แล้วเกิดผล จึงได้นำมาเข้าสู่นโยบาย ประมาณปี 2546 แล้วออกกฎหมายพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ 2. ประกันสังคม โดยยึดหลักว่า ประชาชนที่ทำงานและมีรายได้จากการทำงานให้ส่งเงินสมทบไปที่กองทุนประกันสัง คมส่วนจึงและให้นายจ้างส่งสมทบอีกส่วนหนึ่งโดยมีรัฐบาลสมทบอีกส่วน เพื่อเป็นกองทุนในการดูแลสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งเรื่องการรักษาพยาบาล 3. กองทุนสวัสดิการข้าราชการ โดยมีการใช้งบประมาณเป็นรายปี เก็บไว้ที่งบกลาง เมื่อใดที่มีการใช้จะมีการเบิกจ่ายโดยกรมบัญชีกลาง บุคคลที่มีสิทธิ์คือ ข้าราชการ บิดามารดา บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและคู่สมรส (ประมาณการค่าใช้จ่ายจากกองทุนสวัสดิการข้าราชการปีที่ผ่าน ใช้ไป 98,000 ล้านบาท) และคาดว่าอนาคตจะมีการใช้งบประมาณนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุอาจมาจาก ผู้ใช้สิทธิ์ที่มากขึ้น สูงอายุมากขึ้น
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 21 - ให้มีระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ดูแลประชาชนในสัดส่วนที่เหมาะสม ● มาตรา 65 - รัฐจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ เกิดการผลักดันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน นโยบายรัฐบาล นโยบายรัฐบาล ด้านกระทรวงสาธารณสุขปี2567 ประกอบด้วย 1) โครงการพระราชดำริ และโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2) ราชทัณฑ์ปันสุข เพื่อดูแลสุขภาพให้ดีออกจากราชทันฑ์สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ดีขึ้น - สุขศาลาพระราชทาน - รพร./รพท.อัจฉริยะต้นแบบ 3) รพ.กทม.50เขต 50 รพ.และปริมณฑล (กรุงเทพมหานคร ไม่ใช่จังหวัด แต่ถือว่าเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการปกครองรูปแบบพิเศษ) ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่มีรพ.ที่สังกัดกับสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดียวกับรพ.ในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งประสบปัญหาช่วงโควิดระบาด ไม่สามารถสั่งการได้เช่นเดียวกับรพ.ในจังหวัดต่างๆ จึงมีแนวคิดจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นมา - จัดตั้งรพ. 120 เตียงในเขตดอนเมือง/อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 4) สุขภาพจิต/ยาเสพติด - ศูนย์ธัญญรักษ์ 5) มะเร็งครบวงจร - ให้วัคซีน HPV 1 ล้านคน - คัดกรองพยาธิใบไม้ตับ 1 แสนคน - มี Cancer Warrior ทุกจังหวัด 6) สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร - การบรรจุบุคลากร 7) การแพทย์ปฐมภูมิ - บริการตรวจเลือด รับยา Telemedicine ใกล้บ้าน - เสริมสร้างอนามัยโรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียน 8) สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่ 9) สถานชีวาภิบาล - สถานชีวาภิบาล จังหวัดละ 1 แห่ง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 22 10) การพัฒนา รพช.แม่ข่าย 11) ดิจิทัลสุขภาพ - บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ 12) ส่งเสริมการมีบุตร - วาระแห่งชาติ “ เพิ่มอัตราการเกิดของเด็กคุณภาพ” - คลินิกส่งเสริมการมีบุตร จังหวัดละ 1 แห่ง - คัดกรองโรคหายากในทารก 24 โรค 13) เศรษฐกิจสุขภาพ - Blue zone เขตสุขภาพละ 1 แห่ง 14) นักท่องเที่ยวปลอดภัย นโยบายรัฐมนตรีท่านกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 ท่านใหม่ “ชาวสาธารณสุขน้อมนำการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริฯโครงการเฉลิมพระเกียรติ ” เร่งรัด 4 เรื่อง 15) ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 16) การแก้ไขปัญหายาเสพติด 17) ควบคุมกัญชา 18) พัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพร/ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 19) สุขภาพจิต 20) สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร/อสม. (เช่น พรบ.ข้าราชการ) 21) สถานชีวาภิบาล 22) มูลนิธิส่งสู่สวรรค์ 23) ควบคุมโรค - ค้นหา คัดกรองผู้ป่วย TB/ดื้อยา - ลดป่วย ลดตายจากไข้เลือดออก 24) การแพทย์ปฐมภูมิ - ทศวรรษพัฒนา รพ.สต.ของชุมชนทุกสังกัด - ถ่ายโอน รพ.สต. ให้ท้องถิ่น (กฎหมายต้นทางที่มีผลต่อการถ่ายโอนรพ.สต.สู่ท้องถิ่นคือ พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542) 25) พัฒนาหน่วยบริการทุกระดับ 26) ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 23 - ATMPs: Advance Therapy Medicinal Products) ผลิตภัณฑ์ชั้นสูงที่จะนำมาใช้ในการดุแลรักษาผู้ป่วยไม่ใช่แค่การใช้ยาอย่างเดียว เช่น เซลล์บำบัด, ยีนส์บำบัด ,วิศวกรรมบำบัด เป็นต้น - พัฒนาต่อยอดร่วมกันระหว่างรัฐ/เอกชน 27) การแพทย์แผนไทย - การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand 4.0 Thailand 4.0 ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ ในภาพรวม ด้านหลักคือเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปตามยุค เช่น ยุค 1.0 ด้านเกษตรกรรม ต่อมา ยุค 2.0 ยุคอุตสาหกรรมเล็กๆ , ยุค 3.0 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่พบปัญหาว่ามีต้นทุนที่เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมกระทบสังคม จึงพัฒนามาถึงยุค 4.0 การพัฒนาประเทศด้วยเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าหรือบริการ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ประกอบด้วย 6 ด้าน) 1. ด้านความมั่นคง เพื่อบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัยและมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับและทุกมิติ 2. ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เน้นการยกระดับศักยภาพด้านเทคโนโลยี 3. ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย 7 ประเด็นหลัก 3.1 ปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม 3.2 พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต 3.3 ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 3.4 ตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย 3.5 เสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีเป็นข้อที่เน้นมาก โดย 3.5.1 สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชน (health literacy) โดยส่งเสริมให้ประชาชนรับรู้สุขภาพที่ถูกต้อง มีความตระหนักและเลือกสิ่งที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพ 3.5.2 การป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่คุกคามสุขภาวะ ให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า และวางแผนจัดการก่อนจะเกิดปัญหา 3.5.3 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี 3.5.4 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัยสนับสนุนการสร้างสุขภาวะที่ดี เช่น ระบบ IT การใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย 3.5.5 การส่งเสริมให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่ 3.6 สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 24 3.7 เสริมสร้างศักยภาพการกีฬาในการสร้างคุณค่าทางสังคมและพัฒนาประเทศ 4. ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5. ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 6. ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชน เพื่อประชาชน และประโยชน์ส่วนรวม” ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แบ่งการดำเนินงาน เป็น 4ระยะ ระยะที่ 1 ปี 2560-2564 : ปฏิรูประบบ ระยะที่ 2 ปี 2565-2569 : สร้างความเข้มแข็ง ระยะที่ 3 ปี 2570-2574 : สู่ความยั่งยืน ระยะที่ 4 ปี 2575-2579 : เป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย รัฐธรรมนูญ กำหนดแผนเพื่อให้ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน โดยมีเป้าหมายคือ 1. อายุคาดเฉลี่ยของการมีสุขภาพดี 75 ปี : เป็นอายุที่ทำนายล่วงหน้า ว่าอยากให้คนไทยมีอายุของการมีสุขภาพดี 75 ปี และมีช่วงเวลาที่ดูแลตัวเองไม่ได้แค่ช่วงระยัเวลาสั้นๆ 2. อายุคาดเฉลี่ยของทารกแรกเกิด 85 ปี : มีอายุยืนเฉลี่ย 85 ปี โดยคาดการณ์จากความพร้อมในการดูแลสุขภาพ และทำนายจากด้านสาธารณสุขที่จะสามารถทำอย่างไรให้มีอายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและมีสุขภาพดีไป ด้วย ไม่ใช่อายุมากแต่มีโรคต้องนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อายุขัยเฉลี่ย คือ การเก็บสถิติว่าอายุเฉลี่ยทั้งประเทศกี่ปี เพื่อสะท้อนภาพอดีต ซึ่งต้องมีการปรับเพื่อความเป็นเลิศ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน (health promotion / health prevention) - แผนงานที่ 1:การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยทุกกลุ่มวัย (ด้านสุขภาพ) ซึ่งการดูแลแต่ละกลุ่มวัยจะแตกต่างกันไป - แผนงานที่ 2 การพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ เนื่องจาก ผลการศึกษาพบว่า ระดับอำเภอเป็นขอบเขตที่มีความใกล้ชิดไม่ห่างเหินกันเกินไปกับประชาชน มีความเหมาะสมและครบถ้วนในการดูแลด้านสุขภาพ ซึ่งใน อำเภอจะประกอบด้วย โรงพยาบาลและหน่วยบริการปฐมภูมิ(รพ.สต.)ทุกตำบล อีกทั้ง อสม.ที่สามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดทั้งประชาชนและหน่วยงาน **DHS (District Health System) การพัฒนาระบบสุขภาพระดับอำเภอ เกิดการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างโรงพยาบาล กับ รพ.สต. และ อสม.
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 25 แต่ยังมีปัญหาบางจุดที่ยังปฏิบัติได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งผลจากการวิเคราะห์ เกิดจาก เน้นการปฏิบัติงานเฉพาะภาคสาธารณสุขเท่านั้น อีกทั้งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพยังมาจากปัจจัยอื่นๆด้านชีวิตความเป็นอยู่ร่วมด้วย รวมทั้งควรส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆที่ดีด้วย จึงมีการเปลี่ยนแนวความคิด ให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี นั่นคือ แนวคิด “ พชอ.” - “พชอ.” คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่ดูแลคุณภาพชีวิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน มีนายอำเภอเป็นประธาน - แผนงานที่ 3 การป้องกันควบคุมโรคและลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ ** พัฒนาระบบการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและภัยสุขภาพ ทั้งในระดับบุคคลและกลุ่มบุคคล ** ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ **คุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและบริการสุขภาพ - แผนงานที่ 4 การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม 2. ด้านบริการเป็นเลิศ (Service Excellence) แผนงานที่ 1: การพัฒนาระบบการแพทย์ปฐมภูมิ - พัฒนาระบบการแพทย์ปฐมภูมิ - พัฒนาเครือข่ายกำลังคนด้านสุขภาพ และ อสม. ซึ่ง พัฒนาให้อสม.เป็น หมอคนที่ 3 มีการใช้เครื่องมือดิจิตอลในการดูแลสุขภาพ “สมาร์ท อสม.” พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพ อสม.นักวิทย์ฯ ในการใช้ชุดตรวจเบื้องต้นเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังด้านการใช้สารเคมีต่างๆในด้านการคุ้มค รองผู้บริโภค แผนงานที่ 2 : การพัฒนาระบบริการสุขภาพ (Service Plan) การดำเนินงานร่วมกันของโรงพยาบาล แต่ระดับเชื่อมโยงระบบการส่งต่อ - พัฒนาระบบบริการสาขาต่างๆ ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลลงมาสู่ระดับ รพ.สต. - กัญชาทางการแพทย์ แผนงานที่ 3: การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินครบวงจรและระบบการส่งต่อ แผนงานที่ 4: การพัฒนาตามโครงการพระราชดำริ โครงการเฉลิมพระเกียรติ และพื้นที่เฉพาะ แผนงานที่ 5: อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 26 3. ด้านบุคลากรเป็นเลิศ (People Excellence) แผนงานที่ 1: การพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ - การผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพสู่... 4. ด้านบริหารเป็นเลิศด้วยธรรมาภิบาล (Governance Excellence) ** พัฒนาและสร้างศักยภาพคนไทยทุกกลุ่มวัย ** พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน แผนงานที่ 1: การพัฒนาระบบธรรมาภิบาลและองค์กรคุณภาพ - ประเมินคุณธรรมความโปร่งใส - พัฒนาองค์กรคุณภาพ - Happy MOPH กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแห่งความสุข แผนงานที่ 2: การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศด้านสุขภาพแห่งชาติ - พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพแห่งชาติ - โครงสร้าง Smart Hospital แผนงานที่ 3: การบริหารจัดการด้านการเงินการคลังสุขภาพ - ลดความเหลื่อมล้ำของ 3 กองทุน - บริหารจัดการด้านการเงินการคลัง แผนงานที่ 4: การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับยุคปัจจุบัน ซึ่งปัญหาของประเทศไทย คือ ขาดทุนสนับสนุน และเป็นวิจัยขึ้นหิ้ง คือ พัฒนาแล้วไม่สามารถนำไปดำเนินการปฏิบัติต่อได้ แผนงานที่ 5:การปรับโครงสร้างและการพัฒนากฎหมายด้านสุขภาพ บริบทที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันที่มีผลต่อด้านสาธารณสุข ได้แก่ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของมนุษย์มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีปัจจัยแห่งความเปลี่ยนแปลง ดังนี้ - ความตระหนักถึงสิทธิพลเมือง - ข้อจำกัดด้านงบประมาณของภาครัฐ - ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ - การแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุน - การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร - ความไร้พรมแดน ซึ่งบริบทที่เปลี่ยนแปลงมีประเด็นที่น่าจับตา ดังนี้ 1. การเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ และจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอดในไม่ช้า (ซึ่ง พรบ.สุขภาพกำหนดว่าผู้สูงอายุ มีอายุ 60ปีขึ้นไป)
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 27 - สังคมสูงอายุ (Aged society) สังคมที่มีประชาการอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากรอายุ 65ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 7) - สังคมสาอายุอย่างสมบูรณ์ (Complete-aged society) สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากรอายุ 65ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 14) - สังคมสูงอายุระดับสุดยอด( Super-aged society)สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด (หรือประชากรอายุ 65ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 20) 2. ความเป็นเมือง เมื่อมีการย้ายถิ่นฐานจากชนบทมาอาศัยในเมืองมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความ แออัด - Urbanization ความเป็นเมือง 3. ความท้าทายด้านสุขภาพ 3.1 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและความแตกต่างทางความคิดระหว่างวัย - จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องเข้าสู่สังคมสูงวัย 3.2 การเปลี่ยนแปลงทางระบาดวิทยาของโรคและปัญหาสุขภาพ - ปัญหาโรคNCDsแนวโน้มสูงขึ้น - โรคอุบัติใหม่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ - การเข้าถึงระบบสาธารณสุขไม่เป็นธรรมในกลุ่มเปราะบาง (คนชรา,คนพิการ) 3.3 การเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นเมือง - การขยายเมือง 3.4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว - สังคมเหลื่อมล้ำมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีซึ่งต้องมีต้นทุน - เกิดความไม่เท่าเทียมด้านโอกาสและความเป็นธรรมในสังคม - ความท้าทายจากการไหลบ่าของข้อมูลข่าวสาร ความรอบรู้-เท่าทัน 3.5 การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน - ไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน 3.6 การขาดแคลนทรัพยากร 3.7 การแบ่งฝ่ายทางการเมืองของโลกและการค้าระหว่างประเทศ แผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ประชาชนทุกภาคส่วนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพมีส่วนร่วมในการวางระบบในการดูแลสุขภาพ ได้รับโอกาส ที่เท่าเทียมกัน ในการเข้าถึงริการสาธารณสุขที่จำเป็น
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 28 และอยู่ในสาภพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้ระบบสาธารณสุ ขที่เป็นเอกภาพลการอภิบาล ระบบที่ดี การเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น ดั้งด้าน การส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟู - หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ได้เจ็บป่วยแต่ต้องได้รับการดูแลการฝากครรภ์ให้ครบ 5 ครั้ง - เด็กเกิดใหม่ ต้องได้รับบริการวัคซีน พัฒนาการ แผนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข มีดังนี้ ประเด็นการปฏิรูปที่ 1 ระบบบริหารจัดการด้านสุขภาพ ประเด็นการปฏิรูปที่ 2 ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศสุขภาพ ประเด็นการปฏิรูปที่ 3 กำลังคนด้านสุขภาพการผลิตกำลังคนต้องสอดคล้องกับแผนและความต้องการ ประเด็นการปฏิรูปที่ 4 การปฏิรูปบริการปฐมภูมิ ประเด็นการปฏิรูปที่ 5 การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ ประเด็นการปฏิรูปที่ 6 การแพทย์ฉุกเฉิน ประเด็นการปฏิรูปที่ 7 การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ประเด็นการปฏิรูปที่ 8 ความรอบรู้ด้านสุขภาพ ประเด็นการปฏิรูปที่ 9 การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ประเด็นการปฏิรูปที่ 10 ระบบหลักประกันสุขภาพ นโยบายกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 : 10 นโยบายเน้นหนัก ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค (Quick win 100 วัน) ประกอบด้วย 1. โครงการพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2. รพ.กทม. 50 เขต 50 รพ. 3. สุขภาพจิต / ยาเสพติด 4. มะเร็งครบวงจร 5. สร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร 6. พัฒนา รพ. แม่ข่าย : สถานชีวาภิบาล 7. ดิจิทอลสุขภาพ : บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ 8. ส่งเสริมการมีบุตร 9. เศรษฐกิจสุขภาพ 10. นักท่องเที่ยวปลอดภัย นโยบายรัฐมาตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 เร่งรัด 4 เรื่อง คือ 1) ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 2) แก้ไขปัญหายาเสพติด 3) ควบคุมกัญชา
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 29 4) พัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรแก้ปัญหา 2 ด้าน 5) ด้านสุขภาพจิต 6) สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร วางรากฐาน 8 ทิศ 7) สถานชีวาภิบาล 8) มูลนิธิส่งสู่สวรรค์ 9) ควบคุมโรค 10) การแพทย์ปฐมภูมิ 11) พัฒนาหน่วยบริการทุกระดับ 12) ส่งเสริมการมีบุตร 13) มะเร็งครบวงจร 14) ผลิตภัณฑ์การแพทย์ชั้นสูง สร้างเศรษฐกิจ 2 งาน 15) การแพทย์แผนไทย 16) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ระบบราชการ 4.0 ระบบราชการ 4.0 ยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน(Better Governance, Happier Citizens) 1. ยุทธศาสตร์ต่างจากนโยบายอย่างไร ต่างกันที่ช่วงเวลา ระยะยาว และระยะสั้น ** ยุทธศาสตร์เปรียบเหมือนหนังสือ 1 เล่ม ที่มุ่งในระยะยาว ** นโยบาย เหมือน การเลือกขีดเส้นใต้บางบท หรือบางข้อในหนังสือยุทธศาสตร์ที่ต้องการในช่วงเวลานั้นๆ ** นโยบายบางอย่างต้องใช้ระยะเวลายาว ซึ่ง ต้องใช้ยุทธศาสต์เข้ามาช่วย 2. ภาครัฐต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนและเชื่อถือไว้วางใจได้ Credible & Trusted Government ** ภาครัฐที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน Open and Connected Government ** ภาครัฐที่มีขีดสมรรถนะสูง Smart and High Performance Government **ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง Citizen-Centric and Service-Oriented Government 3. เครื่องมือที่จะใช้ คือ Innovation (นวัตกรรม), Collaboration(การประสานความร่วมือกับภาคส่วนอื่นๆ), Digitization(การแปลงข้อมูลให้เป็นรูปแบบดิจิทอล) ค่านิยม MOPH ค่านิยม MOPH (Ministry of Public Health) ร่วมขับเคลื่อน ค่านิยม กระทรวงสาธารณสุข
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 30 ** ค่านิยม คือ ความคิดความเชื่อที่ปรากฏอยู่ (ตัวบุคคล หรือ องค์กร) และแสดงออกมาเป็นพฤติกรรม M = Mastery ประกอบด้วย - เป็นนายตัวเอง คือ การกระทำที่เกิดจากการสำนึกดีไม่ใช่ถูกบังคับให้กระทำ เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นได้ แต่เราสารถควบคุมตัวเรา - ซื่อสัตย์ - ชีวิตพอเพียง ความสุขคือ การชอบสิ่งที่ทำ ไม่ใช่ทำในสิ่งที่ชอบ อย่ายอมให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้มารบกวนสิ่งที่คุณทำได้ คุณจะไม่มีวันที่สมบูรณ์สักครั้งในชีวิต ถ้ามิได้ทำอะไรให้ใคร ใครก็ตามที่มีความรู้น้อย มักจะมีตัวตนสูง O = Originality เร่งสร้างสิ่งใหม่ คือ -It is better to fail in …มันดีกว่า ถ้าจะต้องล้มเหลวในการคิดสิ่งใหม่ มากกว่าการประสบความสำเร็จจากการลอกเรียนแบบ P = People Centered Approach ใส่ใจประชาชน คือ การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สองมารฐาน -การที่เราจะดูแลประชาชน เราต้องเข้าใจคนที่เราดูแลจากมุมมองของเค้า ไม่ใช่มุมมองของเรา -ผู้คนอาจจะลืมสิ่งที่คุณเคย พูด หรือ เคยทำ แต่จะไม่มีวันลืมสิ่งที่เค้ารู้สึก -Access การเข้าถึงทุกกิจกรรม -Safety ความปลอดภัยจากการรับบริการ -Quality คุณภาพการบริการ -Affordability -Satisfaction ความพึงพอใจ -ต้องเลือกใช้ ความเท่าเทียม และความเป็นธรรม ให้เหมาะสม H = Humility ถ่อมตน อ่อนน้อม -ปัญญาที่เราจะยอมรับว่าความจริงแล้ว เราอาจผิดพลาดในบางเรื่อง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 31 การประยุกต์นำไปใช้สำหรับผู้บริหารระดับต้น รุ่นที่ 33 / 1 ประจำวันที่ 22 พ.ค. 2567 1. ทำให้ผู้อบรมทราบและมีความเข้าใจเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ และแผนยุทธศาสตร์ทางสาธารณสุข 20 ปี ที่มีเป้าหมายในการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับประชาชน ได้เรียนรู้โครงการระดับประเทศ โครงการตามนโยบายต่างๆ ทางสาธารณสุข ซึ่งสามารถนำมาเป็นต้นแบบและปรับให้เหมาะกับบริบทของหน่วยงานและสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วปรับเป็นกลยุทธ์ โครงการ หรือแนวปฏิบัติเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สาธารณสุขได้ 2. เข้าใจบริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นสังคมผู้สูงอายุ และสังคมเมือง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปัญหาสำคัญ ดังนั้น ผู้บริหารต้องคาดการณ์ถึงสถานการณ์หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มารับบริการที่หน่วยงาน และควรมีการวางแผนเพื่อกำหนดแนวทางและมีการฝึกซ้อมทำความเข้าใจและทบทวนการปฏิบัติ เพื่อช่วยความรุนแรงของเหตุการณ์จะที่เกิดขึ้นในอนาคต 3.ทำให้ทราบนโยบายและการดำเนินกิจกรรมที่เป็นกลยุทธ์ในการดำเนินงานของรัฐมนตรีกระทรวงสา ธารณสุขและสามารถนำไปจัดเป็นโครงการและกิจกรรมในการดูแลผู้รับบริการในพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับยุท ธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุขได้ 4. ได้เรียนรู้การขอสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย ดังนี้ กรณีงานไม่ใหญ่และสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาการปฏิบัติงานประจำได้จริง ให้เขียนโครงการการดำเนินกิจกรรมเพื่อสนุบสนุนงบประมาณมาใช้ในการดำเนินงานได้ แต่สำหรับกรณีงานวิจัยเป็นเชิงระบบที่มีภาพใหญ่ สามารถขอแหล่งทุนจากจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ เช่น สวรส แต่คำตอบด้านงานวิจัยต้องเปนรูปธรรมและสามารถนำไปใช้ได้จริง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 32 สรุปการอบรมวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 วิทยากร :นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอบเขตการบรรยาย : การบริหารยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข การบริหารยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข Strategic Management ประกอบด้วย 1. Strategic Analysis การวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ 2. Strategic Formulation การสร้างยุทธศาสตร์ 3. Strategic Implementation and Control การปฏิบัติ 4. Strategic Evaluation ประเมินผล ยุทธศาสตร์ชาติ เปรียบเสมือน ถนนใหญ่สุด ● ยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุข ● ยุทธศาสตร์,นโยบายเขตสุขภาพ - มติเขตสุขภาพเพื่อประชาชน - เขตสุขภาพจะมีความแตกต่างเฉพาะพื้นที่ ลักษณะพื้นที่หรือบริบทที่แตกต่าง จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ในการตอบสนองนโยบายเฉพาะของแต่ละเขต ● ยุทธศาสตร์, นโยบายสาธารณสุขจังหวัด - มติสมัชชาสุขภาพ ● กลยุทธ์, นโยบาย CUP (คปสอ.) - มติคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) กระทรวงและหน่วยงานระดับชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุขทั้งหมด ● สป.และกรมในกระทรวงสาธารณสุข ● เขตสุขภาพ ● สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ● โรงพยาบาล สสอ. ● รพ.สต. ● หน่วยงานฝ่ายปกครอง/หน่วยราชการอื่นๆ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/หน่วยงานภาคเอกชน/ภ าคประชาชนและชุมชน การดูแลสุขภาพต้องประกอบด้วย 2 ส่วนควบคู่กันเสมอ 1. สุขภาพคน(Individual Health) เช่น แพทย์ดูแลการฝากครรภ์รายคน 2. สุขภาพหมู่คน(Public Health) ซึ่งในบางกรณี หรือ บางบริการ ถ้าให้บริการเพียงรายคน อาจได้คำนึงถึงผลกระทบในภาพรวม
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 33 การดูแลสุขภาพ 4 มิติ(Integrated Care) ประกอบด้วย 1. สุขภาวะทางร่างกายที่สมบูรณ์ (Physical Wellbeing) ในกลุ่มปกติ ไม่เจ็บป่วย ไม่มีโรค ดูแลสุขภาพโดยใช้หลักการส่งเสริม 2. ป้องกัน ในกลุ่มเสี่ยง สุขภาพวะทางจิตใจที่สมบูรณ์ (Mental Wellbeing) ในกลุ่มเสี่ยง ดูแลสุขภาพโดยใช้หลักการป้องกัน 3. สุขภาวะทางสังคมที่สมบูรณ์ (Social Wellbeing) สุขภาวะทางสังคมที่สมบูรณ์ ในกลุ่มป่วย ดูแลสุขภาพโดยใช้หลักการรักษา 4. ฟื้นฟู ในกลุ่มหายป่วย สุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือปัญญา (Spiritual or Wisdom Wellbeing) ในกลุ่มหายป่วย ดูแลสุขภาพโดยใช้หลักการฟื้นฟู หมายถึง ลึกๆในใจสามารถเข้าใจ รู้ถึงความถูกผิดชอบชั่วดี ยกตัวอย่างเช่น เห็นคนตกน้ำเสียชีวิต แต่มีความรู้สึกสุนก หรือ ฆาตกรฆ่าคน เมื่อถูกจับยังยิ้มได้โดยไม่มีความสำนึกว่าสิ่งที่ทำเป็นความเลว เป็นต้น ซึ่งคนที่จะสามารถรู้ชอบรู้ดีได้ ต้องประกอบด้วยปัญญา ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ 1. กลุ่มปัจจัยด้านบุคคล เริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิจากยีนส์ฝ่ายแม่และพ่อ ซึ่งส่งผลในเรื่องของ 1.1 พันธุกรรม เป็นตัวกำหนด แต่จะก่อให้เกิดโรคเร็วหรือช้า ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของบุคคลนั้นๆด้วย 1.2 พฤติกรรม 2. ปัจจัยสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย 2.1 สภาพแวดล้อม ดิน น้ำ อากาศ 2.2 สภาพแวดล้อมทางสังคม 3. ระบบบริการสุขภาพ ประกอบด้วย โรงพยาบาล แพทย์ ระบบการแพทย์เป็นต้น สรุป เราไม่สามารถกำหนดปัจจัยเดียวแล้วสุขภาพจะดีขึ้น ต้องดูหลายๆปัจจัยร่วมกัน สุขภาพดี ต้องมีการส่งเสริมสุขภาพ ● ระยะมีความไวต่อการเกิดโรค ต้องมีการป้องกันเฉพาะโรค ● ระยะก่อนมีอาการของโรค (ระยะฟักตัว) ต้องมีการวินิจฉัยแต่แรกเริ่มและรักษาทันที ● ระยะมีอาการทางคลินิก ต้องจำกัด disability หรือ การรักษา เพื่อให้หายจากโรคและจำกัดไม่ให้หลงเหลือสิ่งผิดปกติจากโรค ● ระยะมี disability จากโรค ● ก Public Health ● World Health Organization (WHO)
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 34 นิยามจากองค์การอนามัยโลก การสาธารณสุข หมายถึง มาตรการที่จัดขึ้นทั้งหมด ทั้งส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู อื่นๆ ทั้งหมด ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชน เพื่อยืดอายุขัยของประชากรโดยรวม มีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้คนสามารถมีสุขภาพที่ดีและมุ้งเน้นไปที่ประชากรทั้งหมด ไม่ใช่ผู้ป่วยหรือโรคเฉพาะราย ● การสาธารณสุขคือแนวปฏิบัติในการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพที่ดีภายในกลุ่มคน ตั้งแต่ชุมชนเล็กๆไปจนถึงทั้งประเทศ ● ระบบสาธารณสุขมักถูกนิยาม หน่วยงานของรัฐ เอกชน และอาสาสมัครทั้งหมดที่มีส่วนร่วมในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นภายในขอบเขตอำนาจ Public Health Functions หน้าที่ของการสาธารณสุข 1. Monitor health status ติดตามสถานะสุขภาพ(รายบุคคล,ประชากร) เพื่อระบุปัญหาสุขภาพของชุมชน ซึ่งสาธารณสุขต้องเข้าใจสถานะทางสุขภาพในชุมชนนั้นๆ 2. Diagnose and investigate health problems and health hazards in the community วินิจฉัย,สอบสวนปัญหาสุขภาพและภัยสุขภาพในชุมชน เพื่อนำปัญหามาวิเคราะห์ - ปัญหาสุขภาพ ต้องมีองค์ประกอบดังนี้ ** อัตราการเกิดปัญหาเทียบกับค่าที่คาดหวังถ้าไม่ได้ค่าตามที่คาดหวังถือว่าเป็นปัญหา เช่น อัตราการป่วยไข้เลือดออกถ้าเกินค่ามาตรฐานที่กำหนด คือว่าเป็นปัญหา **ความตระหนัก หรือความใส่ใจในเรื่องนั้นๆด้วย เช่น บุคคลที่มีรอบเอว เกิน 90 ซม. แต่เจ้าตัวไม่ตะหนัก ก็ยังไม่ระบุปัญหา 3. Evaluate effectiveness, accessibility, and quality of personal and population based health services ประเมินประสิทธิผล การเข้าถึง และคุณภาพของบริการสุขภาพส่วนบุคคลและบริการสุขภาพในหมู่ประชากร - ประเมินผลการให้บริการว่าประสบผลหรือไม่ 4. Research for new insights innovative solutions to health problems ค้นคว้าโซลูชั่นการแก้ปัญหาสุขภาพใหม่ๆในนวัตกรรมเชิงลึก 5. Develop policies, plans that support individual and community healthจัดทำนโยบาย แผนงาที่สนับสนุนสุขภาพส่วนบุคคลและชุมชนให้ดีขึ้น 6. Inform, educate and empower people with health issues แจ้งข้อมูล ให้ความรู้ และเสริมพลังอำนาจ ในประเด็นที่เกี่ยวกับสุขภาพแก่ประชาชน - Empower หมายถึง การชี้ให้บุคคลมองเห็นพลังอำนาจในตัวของบุคคล หรือบางคนที่อาจไม่มีพลังอำนาจในตัวบุคคล แต่เราไปชี้หรือกระตุ้นให้เค้ามีพลังอำนาจมากขึ้นและใช้มันออกมา ดังนั้น การจะเริ่ม
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 35 empower ต้องมาหาพลังอำนาจที่แฝงในตัวบุคคลนั้นให้ได้ก่อน แล้วจึงกระตุ้นให้แสดงออกมา 7. Mobilize community partnerships to identify and solve health problems ระดมความร่วมมือในชุมชนเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ 1. ผู้บริหารต้องเข้าใจและผลักดันให้มีการดำเนินงานตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอ 2. เผยแพร่และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ สาระสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทราบอย่างกว้างขวาง 3. หน่วยงานย่อยจัดทำแผนระยะกลางและแผนปฏิบัติการ (Action Plan)และดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ 4. การประสานงานกันของหน่วยงานย่อยที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5. กำหนดภารกิจความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยให้ชัดเจน เพื่อความสอดคล้องและขจัดความซ้ำซ้อนของงาน 6. พัฒนาระบบการกำกับติดตามและการประเมินผลที่มุ้งเน้น.... บริการสุขภาพ ● กิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสุขภาพ คือรักษา สร้างเสริม และฟื้นฟูสภาพรวมถึงการป้องกันไม่ให้สุขภาพเสียไป ● บริการสุขภาพ อาจหมายถึง - เฉพาะตัวกิจกรรม - กิจกรรม+วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกิจกรรม - กิจกรรม + วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ประกอบกิจกรรม และอาจรวมสิ่งอื่นๆด้วย เช่น เวลาของผู้รับบริการ ทักษะของผู้รับบริการ การปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้รับบริการ ฯลฯ บริการสุขภาพ:ลักษณะพิเศษ 1. บริการสุขภาพมีส่วนประกอบหลักที่เป็นความรู้(knowledge)และข้อมูลสารสนเทศ(information)ทำ ให้เกิด (asymmetric information) ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ - ผู้รับบริการทางการแพทย์ไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ว่าจะเลือกซื้อบริการสุขภาพใดที่เ หมาะสมกับตนเอง ดังนั้น ผู้ให้บริการต้องมีความรู้ที่ถูกต้องและปัจจุบัน แล้วให้ข้อมูลให้ผู้รับบริการเพื่อเข้าใจและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจการรักษาด้วย - ผู้ให้บริการสุขภาพเป็นผู้ตัดสินใจเลือกบริการสุขภาพแก่ผู้รับบริการ 2. บริการสุขภาพเผชิญกับความไม่แน่นอน(uncertainty) - ผู้รับบริการไม่ทราบว่าจะรับบริการสุขภาพเมื่อใด
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 36 - ผู้ให้บริการสุขภาพประสบความไม่แน่นอนว่าผลการบริการจะให้ผลเช่นเดียวกันทุกครั้งหรือไ ม่ 3. บริการสุขภาพเกี่ยวข้องกับผลกระทบภายนอก(externality) เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ใช่จุดหมายหลักของการให้บริการสุขภาพ - Positive externality ผลที่เกิดขึ้นกับผู้รับบริการทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นหรือต่อสังคม ยกตัวอย่าง นายก.มารับยารักษาวัณโรค และได้รับคำแนะนำการปฏิบัติตัวการกินยาให้ถูกต้อง ไม่บ้วนน้ำลายตามแหล่งชุมชน หากนาย ก.หายป่วย ผลกระทบทางบวกต่อชุมชนคือ ไม่เกิดการติดต่อหรือระบาดของโรค - Negative externality ผลที่เกิดขึ้นกับผู้รับบริการทำให้เกิดต้นทุนหรือความเสียหายต่อคนอื่นหรือต่อสังคม ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ป่วยเจ็บคอมารับบริการ แล้วได้รับการจ่ายยาantibiotic ทั้งที่เป็นไวรัส ผลที่ตามมาคือ อาจเกิดการดื้อยามีผลต่อชุมชนในการไม่สามารถใช้ยาได้เป็นต้น 4. บริการสุขภาพได้รับการแทรกแซงจากรัฐ(government involvement - อยู่ภายใต้การชี้นำจากรัฐ - ผุ้ให้บริการต้องได้รับการอนุญาต ควบคุมคุณภาพ - รัฐ อุดหนุนทางการเงิน (ผลิตบุคลากร การวิจัย งบประมาณ..ง 5. บริการสุขภาพไม่สามารถแบ่งย่อยได้ - ผู้รับบริการสุขภาพ จำต้องได้รับการบริการเป็น ชุด(package) - ไม่สามารถแยกผู้ได้รับ ไม่ได้รับ ระบบบริการสุขภาพในประเทศไทย Health Service System in Thailand : ถูกออกแบบให้บริการแบบ ส่งเสริม ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู เสมอ เพียงแต่จะออกแบบให้ทำในสัดส่วนที่แตกต่างกันไปขึ้นกับระดับหน่วยบริการ ยึดพื้นที่เป็นหลัก มีความเป็นภาครัฐมากกว่าภาคเอกชน การนำนโยบายสาธารณสุขไปสู่การปฏิบัติต้องมีองค์ประกอบ คือ 1. องค์กรมีความพร้อมและความสามาถนำนโยบายสู่การปฏิบัติ 2. มีการควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของนโยบายหรือการปฏิบัติ 3. ต้องมีระบบการติดต่อสท่อสารและประชาสัมพันธ์ 4. ประสานการสนับสนุนจากองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านสาธารณสุข ดำเนินการตามขั้นตอน 1. Development 2. Execution 3. Monitoring & Evaluation
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 37 หลักการ เขตสุขภาพ คือการร่วมกันทำงานของหลายๆจังหวัด เพื่อลดความซ้ำซ้อน 1. ขนาดพื้นที่เหมาะสม 4-8 จังหวัด 4-6 ล้านคน 2. การส่งต่อไร้รอยต่อ (ลดการปฏิเสธการส่งต่อ) 3. การเพิ่มคุณภาพ, ประสิทธิภาพ(ใช้ทรัพยากรร่วม ลดต้นทุน) 4. การกระจายอำนาจจากส่วนกลาง บริหารร่วม บริการร่วม 5. การสร้างกลไกที่มีเอกภาพระหว่าง ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ และผู้กำกับควบคุม 6. เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนอย่างเท่าเทียม การวางแผนบริการสุขภาพ Service plan มีเป้าหมายคือ 1. ลดป่วย ลดตายลดแออัดลดเวลารอคอย 2. การพัฒนาระบบบริการมีทิศทางที่ชัดเจน 3. ศักยภาพ คุณภาพ มาตรฐานบริการ seamless network 4. เพิ่มการเขาถึงบริการ 5. เพิ่มประสทธภาพ แผนบริการสุขภาพ SERVICE PLAN: 18 สาขา กรอบแนวคิด คือ - ระบบบริการเป็นแบบไหน - กำลังคน ใครทำหน้าที่อะไร ต้องมีกำลังคนแบบใด มากแค่ไหน กระจายอยู่ที่ใดบ้าง - การจัดการระบบข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยีทางการแพทย์ เครื่องมือในการใช้ดูแลบริการในสาขานั้นๆ - ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ - ภาวะผู้นำและธรรมาภิบาล DHS : ระบบสุขภาพอำเภอ - การทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนอื่นกับภาคส่วนสาธารณสุข DHS พัฒนามาสู่ “พชอ.” หมอประจำตัวประชาชน 3 คน หมอคนที่ 1 หมอประจำบ้าน หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข หมอคนที่ 3 หมอครอบครัว การสร้างเสริมสุขภาพ( Ottawa Charter,1986) กระบวนการสนับสนุนให้ ประชาชนสามารถควบคุมพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง สังคม และสิ่งแวดบ้อมเพื่อให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน มีสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตที่ดี
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 38 กฎบัตรออตตาวาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ 1. การสร้างนโยบายสาธารณะ ที่มีผลต่อคนหมู่มาก - นโยบาย คือ แนวทางการปฏิบัติสำหรับคนที่เกี่ยวข้อง - นโยบายสาธารณะ คือ แนวทางการปฏิบัติสำหรับคนหมู่มาก ชุมชน 2. การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ 3. การเพิ่มศักยภาพของชุมชน ใกล้เคียงกับการไป empower ชุมชน การค้นหาจุดเด่นหรือทรัพัยากรในชุมชนที่สามารถนำมาสร้างจุดเด่นในการสร้างเสริมสุขภาพในชุ มชน 4. การพัฒนาทักษะชีวิต 5. การปรับระบบบริการให้เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งต้องใช้ 3 กลยุทธ์ ดังนี้ - Enable สร้างสรรค์ ชักชวน จูงใจ - Advocacy การชี้แนะด้านสุขภาพ - Mediate เชื่อมประสานไกล่เกลี่ย การเขียนโครงการ โครงการ คือ กิจกรรม หรือ กลุ่มกิจกรรม เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างผลผลิต ให้แก่บุคคลหรือพื้นที่ ได้รับผลดีในด้านสุขภาพ ชื่อโครงการ : ต้องบอกได้ว่าจะทำอะไรกับใครและสถานที่ใด หลักการและเหตุผล : ต้องแสดงเหตุที่ต้องทำโครงการ เช่น ต้องการแก้ปัญหา หรือมุ่งพัฒนางานให้ดีขึ้นตามแนวยุทธศาสตร์ วัตถุประสงค์ : สิ่งที่คิดว่าต้องการให้เกิดขึ้น ตัวชี้วัด : สิ่งที่เป็นรูปธรรม เพื่อบอกผลของโครงการจะเกิดอะไร โดยต้องมีความสอดคล้องกับวัตถประสงค์ เป้าหมาย : ระดับผลจากโครงการ ที่เพื่อแสดงถึงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย : คนที่ได้รับผลจากโครงการ วิธีดำเนินการ : แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ กิจกรรมหลักตามโครงการ และ การดำเนินงานเพื่อบริหารจัดการโครงการ ต้องมีการกำหนด Timeline และเนื้อหากิจกรรมให้ชัดเจน การประเมินผล : มีการวัดตามตัวชี้วัดด้วยวิธีการอย่างไร ใช้เครื่องมือใด ใช้แบบวัดใด เช่น โครงการ ไข้เลือดออก มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพิ่มความรู้ ตัวชี้วัดคือ ระดับคะแนนจากแบบทดสอบการวัดความรู้ เป้าหมายคือ 80% และประเมินผล โดยการบรรยายว่า นำแบบวัดความรู้ไปใช้วัดเมื่อไหร่ ด้วยวิธีการใด
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 39 ข้อแตกต่างของ Indicators / Performance Indicators / KPI * Indicators คือ ตัวชี้วัดเบื้องต้นทั่วๆไป * Performance Indicators คือ การวัดผลที่แสดงผลงานที่ควรจะเป็น และที่คาดหวังของหน่วยงานนั้น * Key Performance Indicators (KPI) คือ ตัวชี้วัดสำคัญในการวัดผลงานนั้นๆ ผู้บริหารต้องมีหน้าที่ 4 ประการ คือ POLC 1. P : Planing : วางแผน : การวางแผน หรือกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ การนำแผนสู่การปฏิบัติ 2. O : Oraganizing : การจัดองค์กร : การจัดโครงสร้างองค์กร สายงานบังคับบัญชา 3. L : Leading : การจูงใจ : การจูงใจให้ทุกคนร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ 4. C : controlling : การควบคุม : ตรวจสอบการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหา เพื่อให้เป้นไปตามแผน ผู้บริหารจชต้องเข้าใจเรื่อง การใช้ทรัพยากร (Resources) ซึ่งมี 2 ส่วน คือ 1. ทรัพยากรที่เป็นรูปธรรม มีตัวตน จับต้องได้ (Tangible resources) : คน เงิน วัสดุ สิ่งของ เครื่องมือ การสื่อสารต่างๆ 2. ทรัพยากรที่เป็นนามธรรม ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ (Intangible resources) : ความรู้ ทักษะ ความคิด ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ การมีส่วนร่วมในชุมชน คือ การสนับสนุนให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือโครงการเดียวกัน แรงจูงใจในการมีส่วนร่วม ได้แก่ 1. การตระหนักถึงประโยชน์ 2. ภาระหน้าที่ 3. เห็นโอกาสปรับปรุงชีวิต 4. ค่าตอบแทนเป็นเงิน หัวข้อ : การบริหารการเปลี่ยนแปลง วงจรชีวิตขององค์กร : เกิด (Birth) เจริญเติบโต (Growth) เจริญสมบูรณ์เต็มวัย (Maturity) และล่มสลาย (Death) ซึ่งหน้าที่ของผู้บริหารคือ ต้องทำให้ความ Maturity คงอยู่ต่อไป (Revitalsation) ด้วยการเปลี่ยนแปลง แรงผลักดันที่มำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มี 2 ส่วนคือ แรงผลักดันภายนอก และแรงผลักดันภายใน ผู้บริหารต้องรู้จักผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยการพิจารณาคนในองค์กร ซึ่งมี 4 แบบ คือ 1. Questionable กลุ่มขี้สงสัย มี 10-15 % 2. Talant / Star กลุ่ม…. มี 10-20 % 3. Cash-cow กลุ่มอดทน มี 60-70 %
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 40 4. Deadwood กลุ่มที่ไม่ทำอะไร มี 5 % ผู้บริหารต้องนำทฤษฎี 2 ปัจจัยมาใช้ในการเปลี่ยนแปลง คือ 1. ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ได้แก่ ค่าตอบแทน สภาพการทำงาน สวัสดิการ เป็นต้น เพื่อให้กำจัดความไม่พอใจ ให้เป็นความรู้สึกเฉยๆ 2. ปัจจัยจูงใจ ได้แก่ ความสำเร็จ ความก้าวหน้า เป็นต้น เพื่อสร้างแรงจูงใจ ทำให้เกิดความพึงพอใจ จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การบริหารยุคใหม่ ต้องยึดหลัก 1. สร้างการมีส่วนร่วม แทน การใช้คำสั่ง 2. สร้างแรงบันดาลใจ แทน การควบคุม 3. ถามให้ใช้ความคิด แทน การออกคำสั่ง 4. สนใจใช้ตุดแข็งเพิ่มขึ้น แทน การมุ่งแก้จุดอ่อน 5. เพิ่มการโค้ช แทน การอบรมอย่างเดียว การบริหารงานยุคใหม่ ต้องใช้หลักการดังนี้ 1. Equity ความเป็นธรรม คือ การให้ตามความจำเป็น 2. Efficiency and Effectiveness ประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ การปฏิบัติแล้วได้ผลตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ 3. Integration การมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน คือ ทำหน้าที่ของแต่ละคนในบทบาทและความถนัดของตนและหน่วยงานของตน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน 4. Innovation นวัตกรรมและเทคโนโลยี คือ การนำสิ่งใหม่ๆที่สามารถแก้ปัญหาได้จริงมาใช้ 5. Integrity ความซทชื่อสัตย์ และโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ความแตกต่างระหว่าง ผู้บริหาร และ ผู้นำ คือ ผู้บริหาร : ใช้อำนาจหน้าที่ มีตำแหน่งรับรอง ทำงานเพื่อองค์กร โดยใช้กระบวนการเดิม ผู้นำ : ใช้อำนาจและอิทธิพล มีตำแหน่งหรือไม่มีก็ได้ ทำงานเพื่อตัวเองหรือองค์กร และเป็นผู้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ผู้บริหารยุคใหม่ต้องเป็นทั้งผู้บริหารและผู้นำ ผู้บริหารต้องทำความเข้าใจคนแต่ละรุ่นแต่ละวัย โดยใช้ทักษะการสื่อสารเพื่อเชื่อมคน ● Baby Boomer มีความอดทนสูง รักครอบครัว ● Gen X ทุ่มเททำงาน ● Gen Y ไม่อยากทำงานหนัก ทำงานสบาย ยึดผลสำเร็จ ● Gen Z เก่งเทคโนโลยี ชอบค้นคว้า เท่าเทียม ● Gen alpha เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี เปิดกว้างรับความแตกต่าง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 41 คุณลักษณะสี่ประการที่โดดเด่นออกมาสำหรับผู้นำยุคปัจจุบัน คือ 1. ความอ่อนน้อมถ่อมตน เปิดรับฟังคนอื่น 2. การปรับตัว 3. การมีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า 4. การเข้าไปมีส่วนในการร่วมทำงาน พฤติกรรมที่สำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. มีความตระหนักในเหตุการณ์ 2. การตัดสินใจบนพื้นฐานการมีข้อมูล 3. การจัดการด้วยความรวดเร็ว องค์กรที่ประสบผลสำเร็จ เป็นองค์กรที่เริ่มต้นจาก Start with “WHY” หมายความว่า ต้องมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ขององค์การว่า ทำไปเพื่ออะไร การเรียนรู้ คนเราต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดย ● Lecture การจด เมื่อเวลาผ่านไป จดจำได้ 5% ● Reading การอ่านควบคู่กับการจด จดจำได้ 10% ● เสียงด้วย 20 ● 30 ● Discussion Group การพูดคุยถกเถียงในกลุ่ม จดจำได้ 50% ● Practice by Doing การเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติ จดจำได้ 75% ● Teach Others การสอนคนอื่น จดจำได้ 90% ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 ● การสื่อสารและความร่วมมือ ● ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม สิ่งใหม่ๆ ทักษะที่ผู้บริหารควรมี คือ การคิดเชิงระบบ Systems Thinking การคิดเชิงระบบ หมายถึง การคิดจนเห็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เห็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องแล้วมุ่งไปสู่จุดหมายใด มีองค์ประกอบ คือ 1. การคิดอย่างมีวิจารณญานและคิดอย่างเป็นระบบ 2. มีทักษะการสื่อสารและมีความร่วมมือ 3. มีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม นอกจากนี้ผู้บริหารต้องทักษะด้านการตัดสินใจ โดยต้องมีรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องร่วมกับการตัดสินใจ โดยต้องคำนึงถึงกฏหมาย ทรัพยากร ความเร่งด่วน ความผูกพัน และข้อเท็จจริง โดยการตัดสินใจมี 2 แบบ คือ
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 42 1. การตัดสินใจอย่างมีแบบแผน Programmed Decision โดยมีกรอบในการตัดสินใจที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แนวปฏิบัติ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ นโยบาย 2. การตัดสินใจอย่างไม่มีแบบแผน Non-programmed Decision เป็นการตัดสินใจในเรื่องพิเศษนอกเหนือจากเหตุการณ์ปกติ เป็นเรื่องที่มักมีความสลับซับซ้อน เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน อยู่นอกขอบเขตของระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ และนโยบาย ผู้ตัดสินใจจะต้องใช้ความสามารถในการแก้ปัญหา หัวข้อ : การจัดการกำลังคนในองค์กรและเครือข่าย องค์กรจะมีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ ของการเกิดชัดเจน แบ่งเป็น 2 พวกคือ เหตุผลในการเกิดถูกระบุเอาไว้ในกฎหมาย เหตุผลในการเกิดถูกระบุเอาไว้ในคำสั่ง 2. มีโครงสร้าง การแบ่งองค์กรว่ามีกี่ด้าน กี่ฝ่าย กี่กลุ่ม เป็นต้น 3. ต้องมีกระบวนการปฏิบัติงาน เช่นในรพ.มีฝ่ายอะไรบ้าง ทำหน้าที่อะไรบ้าง 4. ต้องมีความรู้ เทคโนโลยีและข้อมูล ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของหน่วยงานนั้นๆ ทั้ง 4 องค์ประกอบถูกจัดการโดย “คน” โดยองค์กรต้องทำงานร่วมกันกับผู้อื่น จนเกิดมีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม การจัดการคน มี 3 ประเด็น คือ 1. การวางแผนกำลังคน 2. การจัดการกำลังคน 3. การพัฒนาคน การจัดการคน ต่องเริ่มมชที่การวิเคราะห์ภาระงาน โดยมีแนวคิดในการวิเคราะห์อัตรากำลังโดยคำนวณหา Workload จากสูตร อัตรากำลังที่ต้องการ = เวลาที่ต้องการใช้ในการทำงาน ใน 1 ปี(WL) เวลาที่พนักงาน 1 คนมาทำงานใน 1ปี Work life balance คือ การทำงานโดยให้เกิดความสมดุลกันระหว่าง ประโยชน์ราชการ กับ ความผาสุกของคนทำงาน ผู้บริหารต้องกระตุ้นและสนับสนุนให้หน่วยงานเกิดการเรียนรู้ตลอด โดย 1. การสร้างแรงบันดาลใจ 2. การเป็นต้นแบบ 3. การสนับสนุนโดยสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ โดยเมื่อพบปัญหา ผู้บริหารและลูกน้องในทีม ต้องทำงานร่วมกัน และสร้างการพัฒนางานขึ้นมาใหม่
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 43 กฎของ Maslow’s Hierarchy of Needs คือ ลำดับชั้นของความต้องการในชีวิตมนุษย์ ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 Physiology ความต้องการพื้นฐาน ต้องการหายใจ อาหาร การพักผ่อน การขับถ่าย ชั้นที่ 2 Safety ความต้องการความปลอดภัย ในทรัพย์สิน การงาน สุขภาพฯลฯ ชั้นที่ 3 Love, Belonging ความต้องการ ความรัก ครอบครัว ชั้นที่ 4 Esteem ความต้องการคามภาคภูมิใจ ชั้นที่ 5 Self-Actualization ความต้องการตอบสนองสิ่งที่ลึกที่สุดในใจ การประยุกต์ใช้ในงาน: หากปัจจัยแรกมนุษย์ยังมีไม่พอ จะทำให้ไม่สามารถพัฒนาไปขั้นต่อไปได้ เช่น ต้องการให้ผู้ที่มีเงินเดือนน้อย ทำเพื่อองค์กร อาจจะทำให้ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ ทฤษฎี X และ Y ● X เป็นมุมมองในเชิงลบ ขับเคลื่อนด้วยการบังคับ การลงโทษ เหมาะสำหรับสถานการณ์วิกฤติ ฉุกเฉิน ต้องอาศัยความเป็นผู้นำ หรือกฎระเบียบบังคับให้องค์กรเดินตามกำหนดไว้ ● Y เป็นมุมมองในเชิงบวก ขับเคลื่อนด้วยการสนับสนุนให้พนักงานมีความรับผิดชอบ เหมาะสำหรับการทำงานในเชิงพัฒนา กระบวนการน่าจะเป็นการมีส่วนร่วมระดมความคิดเห็น มีความไว้เนื้อเชื่อใจ ในพนักงานว่ามีความคิดสร้างสรรค์ หมายเหตุ : ผู้บริหารสามารถใช้ได้ทั้ง 2 ทฤษฎี โดยเลือกใช้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การสร้างเสริมพลังอำนาจ Empowerment เป็นการกระตุ้นให้รู้สึกถึงศักยภาพของแต่ละบุคคล และส่งเสริมให้ใช้ศักยภาพที่มีในการแสดงออกมา ซึ่งทำได้โดย 1. ถ่ายโอนพลังอำนาจให้อิสระในการตัดสินใจ พร้อมจัดหาทรัพยากร 2. การจัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้ิต่อการปฏิบัติงาน 3. การส่งเสริมให้บุคลากรเกิดความสามารถในการทำงานและแก้ปัญหาต่างๆได้บรรลุผลสำเร็จของตนเองและอง ค์กร Type of Power อำนาจมี 7 ชนิด คือ 1. อำนาจที่ติดมากับหน้าที่หรือตำแหน่งที่ดำรงอยู่ หมดไปเมื่อพ้นจากตำแหน่ง เช่น ตำแหน่ง ผอ.รพ.สต. 2. อำนาจที่ทำให้มีสิทธิหรือความสามารถที่จะให้รางวัลผู้อื่น 3. อำนาจที่ใช้บังคับ ข่มขู่ ที่จะลงโทษผู้ไม่ทำตามที่สั่ง 4. อำนาจที่เกิดจากการเป็นผู้ชำนาญการ หรือรอบรู้ในด้านใดด้านหนึ่งจนเหนือกว่าผู้อื่น 5. อำนาจที่เกิดจากการที่เป็นที่เคารพรักของผู้อื่น จากการมีลักษณะหรือบุคลิกภาพส่วนตัวบางอย่าง เป็นที่ชื่นชอบและมีอิทธิพล 6. อำนาจที่เกิดจากการจูงใจด้านเหตุผล
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 44 7. อำนาจที่เกิดขึ้นจากการมีข้อมูล การมีข้อมูลที่ผู้อื่นไม่มีย่อมมีอำนาจเหนือผู้อื่น ผู้นำต้องมีบุคลิก คือ 1. เรียนรู้ตลอดเวลา 2. ทันต่อการเปลี่ยนแปลง 3. มีความสามารถในการสอนงาน/การโคช 4. มีการสื่อสารโดยการฟัง 5. มีความกล้าหาญ 6. มีความซื่อสัตย์ 7. มีการสร้างแรงบันดาลใจและจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา 8. เป็นต้นแบบหรือแบบอย่างที่ดี 9. ให้ค่าและให้ความสำตชคัญต่อความหลากหลายต่างๆ เครือข่ายและการสร้างเครือข่าย - เครือข่าย (Network) เป็นรูปแบบทางสังคมที่เปิดโอกาสให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์กรเพื่อการแลกเปลี่ยน การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและการร่วมกัน ทำงานโดยเท่าเทียมกัน - สมัครใจ แลกเปลี่ยนข่าวสารร่วมกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกัน - มีการจัดระเบียบโครงสร้างของคนในเครือข่ายด้วยความเป็นอิสระ เคารพสิทธิ เชื่อถือ เอื้ออาทร ซึ่งกันและกัน -เชื่อมโยงเฉพาะกิจตามความจำเป็น หรืออย่างต่อเนื่อง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 45 การประยุกต์นำไปใช้สำหรับผู้บริหารระดับต้น รุ่นที่ 33 / 1 ประจำวันที่ 23 พ.ค. 2567 1. ยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุข เขตสุขภาพจะนำนโยบายประเทศมาปรับให้เกิดกลยุทธ์และแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ ซึ่งการทำงานจะสำเร็จได้ต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่สำคัญคือชุมชน ซึ่งจะเป็นเครือข่ายในการสร้างเสริมให้สุขภาพของหมู่คนดี โดยเริ่มที่สุขภาพของบุคคลดีก่อน เราในฐานะผู้บริหาร สามารถนำกลยุทธ์มาจัดทำเป็นโครงการและแนวทางต่างๆ ที่เหมาะสมกับปัญหาของพื้นที่ โดยการระดมความคิดจากเครือข่ายต่างๆ เช่น โครงการการป้องกันไข้เลือดออก โครงการท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น เป็นต้น ซึ่งต้องมีการนำหลักแรงจูงใจมาใช้เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากชุมชน 2. สามารถนำหลักการค้นหาภาวะสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ และให้การดูแลตามสุขภาวะของแต่ละกลุ่ม โดยการดูแลสุขภาพบุคคลจะประกอบด้วย 4 มิติคือสุขภาพกายดี หมายถึง การมีอวัยวะครบ 32 สามารถใช้งานได้ปกติ สุขภาพจิตที่ดี คือ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเจอเหตุการณ์ใดๆ ก้อตามเขาสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม สุขภาพสังคมที่ดีคือ สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นได้ปกติ และสุขภาพจิตวิญญาณที่ดีคือ เข้าใจในสิ่งที่ผิดชอบชั่วดี ลึกๆในใจลึกๆรู้ว่าสิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำ ถ้าคนเรามี 4 ส่วนปกติ คือสุขภาพดี ถ้ามีบกพร่องไปบางส่วน เช่นมีความเครียด จะเข้าสู่ภาวะกลุ่มเสี่ยง การดูแลสุขภาพหมุ่คนเราจะเริ่มจากดแลสุขภาพทางกาย ถ้าปกติเราจะใช้การส่งเสริมสุขภาพ เริ่มเสี่ยงจะใช้กระบวนการคัดกรอง เริ่มป่วยใช้กระบวนการรักษา และหลังจากป่วยจะได้รับการฟื้นฟู ซึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในแต่ละกลุ่มจะมีความแตกต่างกัน เช่น การปฏิบัติงานเพื่อดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดและสมอง ในกลุ่มผู้ป่วยที่ OPD ต้องจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การส่งเสริมและป้องกัน แต่สำหรับหอผู้ป่วยหลอดเลือดและสมอง ต้องจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การรักษาและฟื้นฟู เป็นต้น 3. การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ เรื่อง service plane แผนสุขภาพ เวลาที่เราจะทำงานเพื่อสุขภาพจะเกี่ยวข้องกับองค์กรต่างๆมากมาย เรื่องระบบสุขภาพระดับอำเภอ DHS เครื่องมือที่ใช้คือ 3 หมอ หัวใจสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพคือกระบวนกาสนับสนุนให้ประชาชนสามารถควบคุมฟฤติกรรมสุขภาพตน เอง สังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บุคคลครอบครัวชุมชนมีสุขภาพดี 4. สามารถนำความรู้ที่ได้เรื่องหลักการเขียนโครงการ ไปเขียนโครงการที่ถูกต้อง ที่สามารถเสนอให้ผู้บริหารสนใจและตัดสินใจอนุมัติให้ดำเนินโครงการได้ โดยตั้งชื่อโครงการให้ชัดเจน เขียนหลักการและเหตุผลให้เห็นจุดปัญหาสำคัญที่ทำให้ต้องดำเนินโครงการ โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 46 และตัวชี้วัดที่สอดคล้องกันและเหมาะสมกับโครงการ มีการกำหนดระดับของเป้าหมายที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ และมีการประเมินผลที่สามารถบอกได้ว่าวัดผลด้วยวิธีการใด และใช้แบบวัดหรือเครื่องมือชนิดใด 5. การเรียนครั้งนี้ ทำให้เข้าใจการบริหารงานยุคใหม่ต้องรู้จักภาระงานและกำลังคนขององค์กรก่อน แล้วบริหารคนโดยเน้นการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นร่วมกับการใช้หลักการโคช มาใช้ในการบริหารหน่วยงาน ควบคู่กับหลักระดับความต้องการของมาสโลว์ ซึ่งต้องดูแลความต้องการด้านพื้นฐานของผู้ใต้บังคับบัญชาก่อน เพื่อกำจัดความไม่พึงพอใจต่างๆ ก่อนที่จะแรงจูงใจด้านต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการตนและการพัฒนางานขึ้นตามเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 47 สรุปผลการอบรมวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ช่วงเช้า วิทยากร : อาจารย์อัญชลี พิมพ์ประสานต์ ข้าราชการบำนาญ/ที่ปรึกษาด้านการเงินและบัญชี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ขอบเขตการบรรยาย : การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ความเป็นเลิศ 4 ด้าน (4Excellence) ● Phase 1 (2560-2564) ร้อยละ 20 ของหน่วยรับตรวจในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จัดส่งข้อมูล ● Phase 2 (2565-2569) ร้อยละ 40 ของหน่วยรับตรวจในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จัดส่งข้อมูล ● Phase 3 (2570-2574) ร้อยละ60 ของหน่วยรับตรวจในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จัดส่งข้อมูล ● Phase 4 (2575-2579) ร้อยละ80 ของหน่วยรับตรวจในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จัดส่งข้อมูล การกำกับดูแลองค์กร : Governance เป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขมองในภาพรวมคือ ต้องมีเครื่องมือในการตรวจสอบความโปร่งใสต่างๆ ในการจัดการความเสี่ยง กำกับการดูแลการบริหารจัดการที่ดี หลักเกณฑ์และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมภายใน ● พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ● พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 79 บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการตรวจสอบภายใน การควบคุมภายใน และการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลั งกำหนด ● หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายใน สำรหับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2561 ● แนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงสำหรับหน่วยงานของรัฐ เรื่องหลักการบริหารความเสี่ยงระดับองค์ พ.ศ.2564 หน่วยงานของรัฐ หมายถึง 1. ส่วนราชการ 2. รัฐวิสาหกิจ 3. หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 48 4. องค์การมหาชน 5. ทุนหมุนเวียนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล 6. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7. หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กฎหมายกำหนด ผู้กำกับดูแล หมายถึง บุคคลหรือคณะบุคคล ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล หรือบังคับบัญชาของหน่วยงานรัฐ ฝ่ายบริหาร หมายถึง ผู้บริหารทุกระดับของหน่วยงานของรัฐ หัวหน้าฝ่ายบริหารของหน่วย ทุกหน่วยงาน จะเป็นเลขานุการส่งรายงานให้กับหัวหน้าฝ่ายที่สูงกว่าเพื่อประเมินความเสี่ยงการควบคุมภายในตามระเบียบ ผู้ตรวจสอบภายใน หมายถึง ผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจสอบภายในของหน่วยงาน หรือดำรงตำแหน่งที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ตรวจสอบภายใจของหน่วยงานของรัฐ ในจังหวัดจะมีผู้ตรวจสอบภายในประจำจังหวัด แต่หน่วยงานสามารถแต่งตั้งผู้ตรวจสอบภายในทำหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ตรวจสอบภายในของรัฐได้ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนภายในให้มีการส่งรายงานให้ได้ในทุกสิ้นปีงบประมาณ หรือ 90 วัน การควบคุมภายใน หมายถึง กระบวนการปฏิบัติงานที่ผู้กำกับดูแล หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ ฝ่ายบริหาร และบุคลากรของหน่วยงานของรัฐจัดให้มีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่าการดำเนินงนของหน่วยงานของรัฐจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ การควบคุมภายในมี 2 ลักษณะ 1. Hard Control - นโยบาย ระเบียบปฏิบัติ - โครงสร้างองค์กร - ขั้นตอนการปฏิบัติงาน - การกำหนดหน้าที่ - การมอบอำนาจ ฯลฯ 2. Soft Control - การปลูกฝังจิตสำนึก - การสร้างวัฒนธรรมความซื่อสัตย์สุจริต - การบ่มเพาะให้เกิดจิตสำนึกสาธารณะ - ภาวะผู้นำ - การชื่นชม ยกย่อง กรอบแนวคิดของ COSO 2013 (สหรัฐอเมริกา) การควบคุมภายใน มี 5 องค์ประกอบ
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 49 สตง.นำมาใช้ในการควบคุมภายใน การควบคุมความเสี่ยงต่างๆ COSO ERM การบริหารความเสี่ยง มี 8 องค์ประกอบ ความแตกต่างระหว่าการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง การควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยง วัตถุประสงค์ 1.การดำเนินงาน 2.การายงานทางการเงินและไม่ใช่การเงิน 3.การปฏิบัติตามข้อกำหนด 1.เชิงยุทธศาสตร์ 2.การดำเนินงาน 3.การเงินและไม่ใช่การเงิน 4.การปฏิบัติตามข้อกำหนด องค์ประกอบ 1.สภาพแวดล้อมของการควบคุม 2.การประเมินความเสี่ยง 3.กิจกรรมการควบคุม 4.สารสนเทศและการสื่อสาร 5.กิจกรรมการติดตามผล 1.สภาพแวดล้อมภายใน 2.การกำหนดวัตถุประสงค์ 3.การบ่งชี้เหตุการณ์ 4.การประเมินความเสี่ยง 5.การตอบสอนงความเสี่ยง 6.กิจกรรมการควบคุม 7.สารสนเทศและการสื่อสาร 8.การติดตามและประเมินผล ขอบเขต ความเสี่ยงในกระบวนการปฏิบัติงาน ความเสี่ยงทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อองค์กร ลักษณะงาน เน้นการควบคุมภายใน เน้นการประเมินความเสี่ยง การจัดการ ทำความเข้าใจและจัดการ กระบวนการควบคุมภายใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานปกติ ทำความเข้าใจและจัดการความเสี่ยงจากปัจ จัยภายในและภายนอก ที่มีผลกระทบต่อองค์กรโดยอาจจัดทำเป็นแผ นแยกต่างหากจากการดำเนินงานปกติหรือเ ป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามปกติก็ได้ วัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน 1. วัตถุประสงค์ด้านการดำเนินงาน ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ การบรรลุเป้าหมายด้านการดำเนินงาน ด้านการเงิน การใช้ทรัพยากร การดูแลรักษาทรัพย์สิน การป้องกัน หรือลดความผิดพลาดของหน่วยงาน 2. วัตถุประสงค์ด้านการรายงาน
เอกสารสรุปการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสาธารณสุขระดับต้น( ผ.บ.ต.) รุ่นที่ 33 (อบรม รุ่น 1 ) วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขร่วมกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนนีพุทธชินราช 50 การรายงานทางการเงินและไม่ใช่การเงินที่ใช้ภายในและภายนอกหน่วยงาน ซึ่งต้องเชื่อถือได้ ทันเวลา โปร่งใส หรือข้อกำหนดอื่นของทางราชการ 3. วัตถุประสงค์ด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ และข้อกำหนดอื่นของทางราชการ องค์ประกอบของการควบคุมภายใน 5 องค์ประกอบ 1. สภาพแวดล้อมการควบคุม (Control Environment) หมายถึง ปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินงานที่ส่งผลให้มีการควบคุมภายในมาปฏิบัติทั่วทั้งหน่วยงาน 1.1 แสดงให้เห็นถึงความซื่อตรงและจริยธรรม 1.2 แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร 1.3 จัดให้มีโครงสร้างองค์กร สายการบังคับบัญชา หน้าที่ และความรับผิดชอบที่เหมาะสม 1.4 แสดงให้เห็นถึงการสร้างแรงจูงใจ พัฒนา และรักษาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ 1.5 กำหนดให้บุคลากรมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติงานตามระบบการควบ คุมภายในให้บรรลุวัตถุประสงค์ **ต้องสร้างบรรยากาศให้ทุกระดับตระหนักถึงความสำคัญของการควบคุมภายใน** 2. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) หมายถึง กระบวนการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ เพื่อระบุและวิเคราะห์ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน 1.6 ศึกษา ทำความเข้าใจ วัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย 1.7 ระบุ ความเสี่ยงอะไร ส่งผลกระทบอย่างไร โดย นำ โครงสร้าง,ระบบงาน,คน,ทรัพย์สิน,งบประมาณ มาช่วยในการระบุความเสี่ยง 1.8 วิเคราะห์/จัดลำดับ เพื่อดูโอกาส หรือผลกระทบที่เกิดขึ้น 1.9 การจัดการว่าสามารถ ยอมรับ/ป้องกัน/ควบคุม ,ถ่ายโอน/กระจาย,หลีกเลี่ยง เช่น หากยอมรับไม่ได้ต้องเขียนโครงการในการปรับปรุง เป็นต้น การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ประกอบด้วย 4 หลักการ 1. ระบุวัตถุประสงค์การควบคุมภายในที่ชัดเจน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์องค์กร 2. ระบุและวิเคราะห์ความเสี่ยงครอบคลุมทั้งองค์กร และนำไปสู่การจัดการความเสี่ยงนั้น 3. ประเมินความเสี่ยงโอกาสที่จะเกิดทุจริตและมีผลต่อความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ขององค์กร 4. ระบุและประเมินความเปลี่ยนแปลงที่อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบการควบคุมภายใน การระบุความเสี่ยง ตามกระบวนการ 1. Input - บุคลากร(จำนวนความรู้ ทักษาการปฏิบัติงาน) - งบประมาณ