การประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั ราชภฏั ภูเก็ต ครง้ั ท่ี 14
“การพัฒนางานวิจยั และนวัตกรรมในยคุ โควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
สงั คมเกษตรกรรมทที่ ำไร่ ทำนา ที่ตอ้ งใชม้ อื เท้าเป็นสำคญั ดงั น้นั มือเท้าต้องแขง็ แรง ลกั ษณะดงั กล่าวนี้เป็นตัวอย่าง
ลกั ษณะของทอ้ งถ่นิ ซงึ่ จะพบเห็นอยูใ่ นกลุม่ งานชา่ งพื้นบ้านเป็นสว่ นใหญ่ (ติ๊ก แสนบุญ, ม.ป.ป.: 16) พระนาสิกใหญ่
พระศอเป็นปล้อง 1 ปล้อง พระโอษฐ์เล็ก ยิ้มเล็กน้อย ริมพระโอษฐ์ใหญ่ พระหัตถ์และนิ้วพระหัตถ์ใหญ่ เรียว
เล็กน้อย และปลายนิ้วพระหัตถ์เท่ากันคล้ายกับศิลปะสุโขทัย (สันติ เล็กสุขุม, 2547: 9) ดังที่พระครูสารภัทรกิจ
(พานิช ดวงมณี) ให้ข้อสรุปว่า พระพุทธรูปในจังหวัดศรีสะเกษส่วนใหญ่จะนิยมสร้างเลียนแบบศิลปะสุโขทัย
ผสมผสานกับศิลปะแบบพ้ืนถนิ่ (พระครูสารภทั รกิจ (พานิช ดวงมณ)ี , 2562: 99-100) สังฆาฏเิ ปน็ แผน่ ใหญ่ ยาวลง
มาจรดพระนาภแี ละปลายตัดตรง พระวรกายค่อนข้างอวบอ้วน พระพักตร์และพระเกตุมาลามีขนาดสูงใหญ่ดูไม่สม
สว่ นกบั พระวรกาย ตลอดทัว่ ทัง้ พระวรกายทาทบั ดว้ ยสีทอง ประทบั นัง่ เหนอื ฐานซกุ ชขี นาดเลก็ ท่ีรองรบั เพยี งแค่องค์
พระและอย่เู หนือฐานซกุ ชีขนาดใหญ่ ซ่งึ มีการทำข้ึนใหมภ่ ายหลงั เพื่อประดิษฐานพระพทุ ธรูปสำริดปางมารวิชัยอีก
สององคข์ นาดใหญ่ใกลเ้ คียงกับองค์พระประธานโดยมีการสร้างเลียนแบบพุทธศิลป์แบบสโุ ขทยั (พระเกตุมาลาเป็น
เปลวเพลิง) และพุทธศลิ ป์แบบล้านนา (พระเกตมุ าลาเปน็ ทรงดอกบัวตูม) (กติ ิสันต์ ศรรี ักษา และ นยิ ม วงศพ์ งษ์ดำ,
2557: 6, กวินวฒั น์ หิรัญบูรณะ, 2562: 96 และ ชวลติ อธิปตั ยกุล, 2559: 43-44) ซ่ึงมีคนนำมาถวายเป็นพทุ ธบูชา
ภายหลังแทนท่ีพระพทุ ธรปู ปางประทานพรองคเ์ ลก็ หลายองค์ท่มี อี ยู่กอ่ นหน้านี้
ภาพท่ี 2 ลกั ษณะพทุ ธศลิ ป์ของหลวงพ่อพระพทุ ธเจา้ ใหญ่ (พระเจา้ พืด) (สว่ นพระวรกาย)
ท่ีมา : คณะผศู้ ึกษา
34
การประชุมวชิ าการระดบั ชาติมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏภูเกต็ ครง้ั ท่ี 14
“การพัฒนางานวิจยั และนวัตกรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ภาพที่ 3 ลกั ษณะพุทธศิลปข์ องหลวงพอ่ พระพทุ ธเจา้ ใหญ่ (พระเจ้าพืด) (ส่วนพระเศียร)
ท่มี า : คณะผศู้ กึ ษา
ภาพที่ 4 ด้านหนา้ และหลงั ขององคพ์ ระประธาน
ท่ีมา : คณะผศู้ ึกษา
35
การประชุมวชิ าการระดับชาติมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ภูเกต็ คร้ังท่ี 14
“การพฒั นางานวิจัยและนวตั กรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
เมื่อพจิ ารณาจากรปู แบบพทุ ธศลิ ปท์ ่ปี รากฏในปัจจบุ ัน พระพุทธรปู หลวงพอ่ พระพุทธเจ้าใหญ่ (พระเจา้
พืด) มีลกั ษณะทางพทุ ธศิลปใ์ กลเ้ คยี งกบั พระพทุ ธรปู ปูนปั้นในศลิ ปะลา้ นช้าง แตม่ ีความเป็นฝมี ือช่างพื้นบา้ นค่อนข้าง
สูง สันนิษฐานว่าหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 23-24 และเมื่อพิจารณาจากข้อมูล
ท่วั ไปของพระพทุ ธรูปโบราณท่ีพบในเขตชมุ ชนโบราณเมืองศรีสะเกษพบว่า หลวงพ่อพระพุทธเจา้ ใหญ่ (พระเจ้าพืด)
ถือเป็นพระพทุ ธรูปปูนปนั้ ที่มีขนาดเล็กใกล้เคยี งกับหลวงพ่อโตวัดบ้านจอมพระ อำเภอยางชมุ นอ้ ย จงั หวัดศรสี ะเกษ
แต่มีสภาพศิลปกรรมทค่ี ่อนข้างสมบรู ณ์ เป็นทเ่ี คารพสกั การะของผู้คนชาวเมืองศรีสะเกษมาชา้ นาน
2.ประวัตคิ วามเป็นมาของหลวงพอ่ พระเจ้าใหญ่ (พระเจ้าพืด)
หลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ไม่ปรากฏหลกั ฐานการสรา้ งที่ชัดเจน ทีบ่ ริเวณขอบประตูหนา้ โบสถม์ ีแผน่ หินทราย
ศลิ าจารกึ หรือใบเสมาฝงั อยู่ ลักษณะราบเรียบ แต่ไมป่ รากฏร่องรอยของตัวอกั ษรจารกึ มคี วามเป็นไปได้ว่าแผ่นหิน
ทรายนอ้ี าจเป็นศลิ าจารกึ มาก่อน แต่ภายหลงั แผน่ หนิ ดา้ นหนา้ อาจผกุ ร่อน ทำให้ตวั อักษรเลือนรางก็เป็นได้ (ทศพล
จังพานิชยก์ ุล, 2547: 17)
พระครูสวุ จั นจ์ นั ทคณุ เจา้ อาวาสวดั บ้านเมอื งจนั ทร์รูปปจั จุบนั ซ่งึ เปน็ ชาวบา้ นเมืองจันทร์โดยกำเนดิ ไดใ้ ห้
ข้อมลู ว่า ผ้เู ฒ่าผู้แก่เคยเลา่ ให้ฟงั วา่ แต่เดมิ บริเวณวัดเปน็ ดงหญ้าคารกชัฎในเขตป่าชา้ ต่อมาจึงเกดิ ไฟปา่ ลามมาจนถึง
บรเิ วณโบสถ์วดั ในปัจจุบนั ท่ีตงั้ อยู่ใกล้กับธาตุเจดีย์ ไฟปา่ ลอ้ มบรเิ วณดงั กลา่ วจนเกิดเป็นดอนหญา้ คา ชาวบ้านสงสัย
จึงเขา้ มาดู ปรากฏวา่ บริเวณดงั กลา่ วมซี ากโบสถเ์ ก่า และมพี ระพุทธรูปปูนป้ันจากดินเผา หรอื ปนู ปน้ั ศิลาท่ีสลักจาก
ศิลาแลงเพอื่ ทำเปน็ โกลน (การขน้ึ ปูเปน็ เคา้ โครงอย่างกว้างๆ แลว้ ข้ึนปูนทับ) มีตน้ ไม้เถาวลั ย์ปกคลุม และในขณะท่ี
ชาวบา้ นมาเหน็ พระพุทธรปุ องค์นี้พบว่า มรี อยคล้ายรอยนำ้ พระเนตรไหลออกจากพระเนตรท้งั สองข้างด้วย โดยเชื่อ
ว่าพระพุทธรูป พระพทุ ธรปู ร้องไห้เน่อื งจากฝ่ายชายบา้ นตาโกนไปช่วยฝา่ ยหญิงบ้านปราสาทสรา้ งปราสาทสามหลัง
สำเรจ็ จนครบ 3 หลัง สว่ นของตนเองสร้างไมส่ ำเร็จ (ธันยพงศ์ สารรตั น์, 2564: 45) ต่อมาชาวบ้านจึงช่วยกันเก่ียว
หญ้าคาท่อี ยู่ในบรเิ วณน้ันมาถกั เป็นตับแล้วทำเป็นเพงิ มงุ หลงั คาให้กบั องค์พระพุทธรปู พร้อมท้งั ไดต้ ัดถางต้นไม้ ทำ
ความสะอาดรอบบริเวณใหโ้ ล่งเตยี น พระพทุ ธรูปองค์นีช้ าวบ้านในอดีตเรียกว่า “พระพุทธเจ้าใหญ่” “พระเจ้าพืด”
หรือ “พระเจาพืด” ภาษาส่วยเมืองจันทร์แปลวา่ “ใหญ่” หรือแปลว่า “พระเจ้า” “สิ่งศักดิ์สิทธ์ิ” (สภาวัฒนธรรม
ตำบลเมอื งจันทร์, 2561: 26-27) และต่อมาก็พัฒนาจากวดั รา้ งจนกลายเปน็ วัดทมี่ ีพระภกิ ษุจำพรรษา (พระครูสุวัจน์
จันทคณุ , สมั ภาษณ)์
จากข้อมลู ที่ปากฎในป้ายประวัตวิ ดั บ้านเมอื งจันทร์ทีด่ ้านหน้าโบสถ์ ซ่ึงเปน็ การรวบรวมขอ้ มลู ของชุมชน
พบว่า อารามหรืออุโบสถแห่งนี้มีการสร้างครอบองค์พระเมื่อราว พ.ศ.2512 โดยทดแทนของเดิม กล่าวคือ ได้มี
ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยการนำของนายบุญมี สัมโย ผู้ใหญ่บ้านเมืองจันทร์ นาย
ทอง แซ่โซว และพระอาจารย์บุญเรือง ธินทัมโม ได้ประชุมชาวบ้านและตกลงที่จะรื้อพระอารามหลังเก่า โดย
ชาวบ้านไดช้ ว่ ยกับบรจิ าคหลังคาละ 500 บาท แล้วสร้างอโุ บสถหลงั ปัจจุบนั ทับท่เี ดิม มีขนาดกวา้ ง 8 เมตร ยาว 12
เมตร ไว้ เพื่อการประดิษฐานพระเจ้าใหญ่ในฐานเดิม โดยมีพระเทพรัตนโมลี เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม เขต
บางกอกใหญ่ กรงุ เทพมหานคร เป็นบคุ คลทม่ี ีคณุ ูปการอนั สูงย่งิ ในการจัดหาทุนมาบรู ณปฏสิ งั ขรณ์อโุ บสถ ตลอดจน
ถาวรวัตถุอน่ื ๆ จนกระทงั่ กอ่ สร้างพระอโุ บสถเสร็จเรียบรอ้ ย
หลวงพอ่ พระพทุ ธเจ้าใหญ่ (พระเจา้ พืด) เคยไดร้ ับการบูรณะครัง้ ใหญเ่ มื่อประมาณ พ.ศ.2480 – 2490
โดยหลวงพ่อเกษ เจ้าอาวาสวัดบ้านเมืองจันทร์คนท่ี 2 ร่วมกับนายทองเปลว สิงห์ชัย ข้าราชการในเขตเมืองศรสี ะ
เกษ ได้เป็นผู้นำในการบรู ณปฏิสังขรณ์ ซึ่งสันนิษฐานว่าไดม้ ีการบูรณะในส่วนพระเศยี รเป็นหลัก โดยบูรณะในสว่ น
ของพระเกตุมาลาทรงกลีบบัวและพระกรรณดา้ นขวาที่เคยหักชำรุด จนมีเรื่องเล่าของชาวบ้านว่า การบูรณะพระ
36
การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยราชภัฏภเู ก็ต คร้งั ท่ี 14
“การพฒั นางานวจิ ัยและนวตั กรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
กรรณของหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่ของนายทองเปลวนน้ั ได้ทำใหน้ ายทองเปลวถงึ กับพิการ หูหนวก และมีอาการ
ปวดศรี ษะตลอดชีวติ เช่ือกนั วา่ เกิดจากการท่ีนายทองเปลวได้ให้ช่างทำการบรู ณะโดยไมแ่ สดงอาการอันเคารพนอบ
น้อมตอ่ หลวงพอ่ ทัง้ โดยการปีนปา่ ยบริเวณพระพาหา การทำอุปกรณ์ซ่อมวางท้งิ ไวบ้ รเิ วณพระหัตถ์ เปน็ ตน้ (ภราดร
ศรปญั ญา และคณะ, 2558: 17 และ นายบำรงุ บวั ไข, 2564: สัมภาษณ์)
ภาพท่ี 5,6 อาณาบริเวณวัดบา้ นเมอื งจันทรแ์ ละองคห์ ลวงพ่อพระพทุ ธเจา้ ใหญใ่ นอดีต
ทม่ี า : ธงชัย เมอื งจนั ทร์ (2549), น.96,98
สว่ นทม่ี าของชอื่ หลวงพ่อพระพทุ ธเจ้าใหญ่ (พระเจา้ พดื ) ไมท่ ราบท่มี าแนช่ ดั แต่เปน็ ช่ือท่ชี าวบ้านใชเ้ รียก
ควบคู่กบั “พระเจ้าพดื ” หรือ “พระเจาพืด” ในภาษาสว่ ย ซึง่ เป็นกลุ่มชาตพิ นั ธุ์เด่นในทอ้ งถ่นิ แถบน้ี และถอื เป็นกลุ่ม
ชาตพิ ันธุ์กลมุ่ ใหญก่ ลุ่มหน่ึงทอ่ี าศัยในเขตอีสานใต้ตอนลา่ งมาก่อนกลุ่มอื่นๆ (บูรณเ์ ชน สุขคมุ้ , 2564: 5) ในภาพถ่าย
เก่าที่มีอายุราว 60 ปีมาแล้ว และวัตถุมงคลเหรียญรุ่นแรก พ.ศ.2513 ก็มีการเรียกชื่อว่า “หลวงพ่อพระพุทธเจา้
ใหญ่วัดบ้านเมืองจันทร์” แล้วนอกจากนี้ยังปรากฏข้อมูลจากทางราชการที่ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจาก
นักวิชาการส่วนกลางที่มีการเรียกชื่อหลวงพ่อองค์น้ีว่า “พระพุทธมิ่งเมืองจันทร์” หรือ “พระพุทธธรรมเจดีย์”
(คณะกรรมการประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544: 12, กระทรวงมหาดไทย, 2529: 47, กรมวิชาการ
กระทรวงศึกษาธิการ, 2544: 64, สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษและภาคีเครือข่าย, 2549: 47 และ สภาวัฒนธรรม
จังหวัดศรีสะเกษ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ, 2548: 12) แต่ชื่อนี้ไม่เป็นที่นิยมเรียกขานในหมู่
ชาวบา้ น
3.วิถศี รัทธาและปาฏหิ ารยิ ห์ ลวงพอ่ พระพุทธเจ้าใหญ่ (พระเจา้ พดื )
หลวงพอ่ พระพทุ ธเจ้าใหญน่ อกจากจะเป็นพระพุทธรปู ปูนปน้ั โบราณทีม่ คี ณุ คา่ ทางด้านประวัตศิ าสตร์และ
พทุ ธศลิ ป์ลาว พระพุทธเจ้าใหญย่ งั เป็นทเี่ คารพศรัทธาจากชาวบา้ นเมอื งจันทร์และชมุ ชนใกล้เคียงอย่างมาก โดยใน
การประกอบพิธีกรรมมักจะทำควบค่กู บั ประเพณกี ารไหว้พระธาตุดว้ ย (ธงชัย เมอื งจันทร,์ 2559: 91) ทัง้ นี้เนื่องจาก
หลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญเ่ ปน็ พระพุทะศักดิส์ ิทธ์ิ มีเร่ืองเลา่ ถงึ อิทธปิ าฏิหาริย์ และยังมคี วามสัมพันธ์กับวิถีชีวิตและ
ความเชื่อของชุมชนบ้านเมอื งจนั ทร์ดว้ ย
37
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติมหาวิทยาลัยราชภฏั ภูเก็ต คร้งั ที่ 14
“การพฒั นางานวจิ ัยและนวัตกรรมในยุคโควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
เรอื่ งราวความศักด์สิ ิทธิ์และปาฏิหารยิ ์ของหลวงพ่อพระพุทธเจา้ ใหญ่เร่ิมข้ึนพร้อมๆกบั การคน้ พบองค์พระ
ทอ่ี ยู่ทามกลางปา่ หญ้าคาที่ไมถ่ ูกไฟไหม้ ทงั้ ทหี่ ญ้าคาเป็นเชื้อเพลิงอยา่ งดี ขณะทชี่ าวบา้ นมาพบพระพทุ ธรูปองค์นี้ก็มี
รอยคลา้ ยรอยนำ้ พระเนตรไหลออกจากพระเนตรท้งั สองขา้ งด้วย เพราะชุมชนแหง่ น้ีชอื่ เดิมคอื “บา้ นตาโกน” ผชู้ าย
บ้านตาโกนไปช่วยผู้หญิงบ้านปราสาทเพราะโดนหลอกล่อ ทำให้ธาตุของตนเองสร้างได้เพียงองค์เดียว เพราะเมื่อ
เทียบกบั ผหู้ ญงิ แลว้ มีทงั้ 3 องค์ รวมไปถงึ การซอ่ มแซมพระเกตมุ าลาและพระกรรณด้านขวาของหลวงพ่อท่ีชาวบ้าน
เชื่อว่าเป็นสาเหตุท่ีทำใหน้ ายทองเปลว ข้าราชการเมืองศรีสะเกษตอ้ งหูหนวกและปวดศีรษะตลอดชวี ิต ซึ่งนำมาสู่
ความศรัทธาของชาวบา้ นเป็นอย่างมาก (บำรงุ บัวไข, สัมภาษณ์)
เช่นกนั กบั ในคราวท่ีเกิดจากฤทธาภนิ หิ ารจากความศักดสิ์ ทิ ธ์ขิ ององค์หลวงพอ่ ในวนั ทเ่ี ป็นวันพระขนึ้ 15
ค่ำ ขณะเวลาค่ำคืนผู้คนละแวกน้ันมกั จะไดย้ ินเสียงพึมพำอยู่ในวิหารคล้ายเสียงสวดมนต์ ครั้นเมื่อเข้าไปดกู ็ไม่พบ
เห็นผ้ใู ดอยใู่ นนนั้ เลย นอกจากพระพุทธรูปหลวงพ่อทีป่ ระดิษฐานอยดู่ ้วยพระพักตร์อ่อนโยนและแย้มพระโอษฐ์อย่าง
ผ่องใส จนผู้คนที่พบเห็นเข้าไปดูเกิดความศรัทธาและอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง และกล่าวขานกันว่าในบางคราว
พระภิกษุและสามเณรภายในวัดมกั จะพบเห็นพระภิกษชุ ราหม่ จีวรเก่าคร่ำคร่า ในมอื ถือไม้เท้าเดินออกมาจากวิหาร
และยืนสงบนิ่งเพื่อทำสมาธิอยู่หน้าวิหารนั่นเอง ผู้พบเห็นตางพากันประหลาดใจว่าเป็นพระภิกษุ มาจากที่ใดจึง
รวมตัวกันมาดู และหลังจากนั้นพระภิกษุชรารูปนัน้ ก็เดินหายไปในวิหารขององค์หลวงพ่อนัน่ เอง (สมศักดิ์ บัวไข,
2564: สมั ภาษณ์)
นอกจากนี้ ชาวบ้านเล่าว่าเทวดาทค่ี มุ้ ครองรกั ษาองค์หลวงพ่อชอบคนทซ่ี ่ือสตั ยแ์ ละรักษาคำพูด ดังนัน้ เมอื่
เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นในชุมชน ไม่ว่าจะเปน็ การลักขโมยหรือทำผิด ไม่ว่าจะด้วยกายหรือวาจาอนั กระทำให้คนอ่นื
เดือดร้อน ผู้นำชุมชนหรือคู่กรณีมักจะมาทำการตั้งสัจจะอธิษฐานดื่มน้ำสาบานกันที่หน้าองค์หลวงพ่ออยู่เสมอ
ชาวบ้านยงั เลา่ ต่อว่าคนท่ีกระทำผิดหลังจากดม่ื นำ้ สาบานไปแล้วมกั จะเสียชีวิตด้วยอาการประหลาดและอุปัทวเหตุ
อันผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสบอุบัติเหตุและมีอาการท้องบวม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลจากการดื่มนำ้
สาบาน (สุพจน์ เมืองจนั ทร,์ สัมภาษณ์) และยังมีขอ้ มูลจากเอกสารบางเล่ม และข้อมูลจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
เฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดอุบลราชธานีระบุว่าก่อนการปฏิรูปการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เปน็
ระบอบประชาธิปไตยในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 หลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่คงใช้เป็นพระประธานในพิธีถือ
นำ้ พระพิพฒั น์สตั ยาของเจา้ เมอื งเชน่ เดียวกันกบั ศาลหลกั เมอื งอำเภออุทมุ พรพสิ ัยในบริเวณใกล้เคียง สำหรบั ขุนนาง
ท้าวเพี้ย และข้าราชการแถบพื้นที่ชุมชนเมืองจันทร์ด้วย (หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ จังหวัด
อุบลราชธานี, เอกสารกระทรวงมหาดไทย จังหวัดศรีสะเกษ เรื่องข้าราชการถอื น้ำพระพิพัฒน์สัตยาเบือ้ งหน้าพระ
เจ้าใหญ่เมืองจันทร์ 157/258. วันที่ 10 ธันวาคม 2474. เอกสารไมโครฟิล์ม) และ คณะกรรมการเอกสารหอ
จดหมายเหต,ุ 2544: 59)
เชน่ เดยี วกนั กับอกี กรณีเก่ยี วกับอภินหิ ารและความศักด์สิ ทิ ธ์แิ หง่ องค์หลวงพ่อ คือ ในสระนำ้ ขนาดใหญต่ รง
ข้ามวหิ าร มกั จะมผี ู้พบเหน็ ปลาเงินปลาทองหรือตะเพียนเงินปลาตะเพยี นทองขนาดใหญ่ 2 ตวั ปรากฏให้เห็นลอย
เล่นน้ำคู่กันอยู่ในสระน้ัน ซึ่งอันที่จริงแล้วสระน้ำน้ันไม่เคยมีปลาตะเพียนมาก่อนเลย ด้วยนิมิตอันดีนี้ทางวัดจงึ ได้
จดั ทำปลาตะเพยี นเงนิ ปลาตะเพยี นทองไวส้ ำหรับร้านค้าและบ้านเรือน เพื่อนำไปสักการะบชู าเพอื่ ใหป้ ระสบลาภผล
อย่างดียิ่งในการประกอบสัมมาอาชพี การค้าขาย และโชคลาภ ประชาชนที่ศรัทธาต่างเช่ือถือว่าปลาตะเพียนเงิน
ปลาตะเพียนทองคู่น้ีเป็นปลาคู่บารมีของหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่ดว้ ย ซ่งึ มผี ูค้ นต่างนำไปบชู ามากมายจนประสบ
ผลกำไรอยา่ งล้นหลาม (บุญจง ขันติวงษ์, 2564: สัมภาษณ)์
38
การประชมุ วิชาการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั ราชภฏั ภูเกต็ ครัง้ ท่ี 14
“การพฒั นางานวิจยั และนวตั กรรมในยคุ โควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ภาพท่ี 7 วตั ถมุ งคลเหรยี ญหลวงพอ่ พระพทุ ธเจา้ ใหญ่ (พระเจา้ พดื ) รุ่นแรก พ.ศ.2513
ท่มี า : คณะผศู้ ึกษา
ความศกั ด์ิสทิ ธ์ทิ แ่ี สดงผา่ นปาฏิหารยิ ต์ ่างๆ ทำให้ชาวบ้านท่ปี ระสบความเดอื ดร้อน มีทุกข์ มโี ศก มีโรคภยั
ไข้เจ็บที่ยากต่อการรักษา หรือมาขอบนบานศาลกล่าว ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่า “บะ” หรือ “บ๋า” ได้ประสบ
ความสำเร็จหายทกุ ขห์ ายโศกตามท่ีขอบนบานไวอ้ ยา่ งน่าอัศจรรย์เป็นอนั มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหายจากอาการ
เจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บท่ีแม้แต่แพทย์ยังวินิจฉัยว่ายากที่จะรักษาใหห้ ายเป็นปกติได้ หริการสอบแข่งขันเข้ารบั
ราชการหรือเข้าทำงานในหนว่ ยงานต่างๆ จนเป็นทเี่ ลอ่ื งลือของชาวบ้าน การบนบานศาลกล่าวจะนิยมนำ “ธปู เทียน
แพ” และ “ขัน 5” ซ่งึ ประกอบด้วยดอกไมแ้ ละเทยี นอยา่ งละ 5 คู่ มาลยั พร้อมท้ัง “ดอกไม้หมก” ในวฒั นธรรมชาว
ส่วย พร้อมบอกกล่าวต่อหน้าองค์พระหรือเขียนเรื่องท่ีต้องการบนใส่ในกระดาษวางใส่พานหรอื จากทีใ่ สข่ ัน 5 แล้ว
นำไปวางบนฐานซุกชีหรือบนหน้าตักขององค์พระ นอกจากนั้น หลวงพ่อยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เจ็บป่วย
ทั้งหลายทมี่ าบอกเล่าบนบานกราบนมัสการองค์หลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่ บางท่านไดน้ ำน้ำมนต์ขององค์หลวงพ่อ
ไปเพื่อเปน็ สิริมงคลและเปน็ กำลังใจในการรกั ษาโรคภัยไข้เจ็บ และได้ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจบ็ ที่เปน็ นั้นกลับหายวัน
หายคนื (สงวน รพี ล, 2564: สัมภาษณ์)
ภาพที่ 8,9 ธูปเทียนแพ บายศรีดอกไมห้ มก และมาลัย พร้อมคำบอกหลา่ วบนบานหรอื ขอพรทถี่ กู นำมาไว้
เบ้อื งหนา้ องค์พระประธาน
ที่มา : คณะผศู้ กึ ษา
39
การประชมุ วิชาการระดบั ชาติมหาวิทยาลยั ราชภฏั ภเู กต็ ครง้ั ท่ี 14
“การพัฒนางานวิจัยและนวตั กรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
เม่อื เรือ่ งทเ่ี ดือดเน้ือรอ้ นใจหรอื เร่อื งท่บี นบานศาลกล่าวสำเรจ็ ผลแล้ว ชาวบ้านกจ็ ะมาทำการถวายเครอ่ื ง
บูชาหรอื แกบ้ นตามทีไ่ ด้แจง้ ปวารณาต่อหลวงพ่อ การแก้บนมกั จะมาทำการแกบ้ นเป็นการส่วนตัว ส่วนใหญ่มักจะ
นยิ มแก้บนดว้ ยดอกบัวตูม 9 ดอก พวงมาลยั ดอกไม้สด 9 พวง ผลไม้ 9 อย่าง และนำ้ 3 สี นอกจากนั้น ในวนั ขน้ึ 15
ค่ำ เดอื น 6 ของทุกปี ยงั มพี ธิ แี ก้บนใหญซ่ ึ่งจะมพี ธิ บี วงสรวงบชู าและแก้บนหลวงพ่อเปน็ ประจำทุกปี ตอนเชา้ จะเป็น
พิธีทำบุญตกั บาตร ตอนสายจะเป็นพิธีถวายเครื่องบูชาและเคร่ืองแกบ้ นต่างๆ ตามท่ีไดบ้ นบานไว้ เม่ือถวายของแก้
บนแลว้ ชาวบ้านก็มกั จะทำการบนบานตอ่ เพ่ือให้ชีวิตมีความสุข สขุ ภาพแข็งแรง คา้ ขายร่ำรวย เจริญในหน้าที่การ
งาน แคลว้ คลาดปลอดภยั จากภยนั ตรายท้ังปวงในรอบปีต่อไป ซง่ึ ในวนั ขึ้น 15 ค่ำ เดอื น 6 ของปีถัดไปกจ็ ะมาแก้บน
และบนบานในลักษณะเช่นเดียวกันน้ีตอ่ ไปอกี สงิ่ ของที่นำมาถวานแกบ้ นนั้น พระสงฆใ์ นวดั บา้ นเมืองจันทร์ก็จะทำ
การสวดเจริญพระพุทธมนต์และบทสวดต่างๆ เปน็ พทุ ธบชู าและเป็นการแจง้ ให้เทวดาอารักษ์ทค่ี ุ้มครองรักษาหลวง
พ่อได้รับทราบและร่วมอนุโมทนาเป็นเวลา 3 คืนติดต่อกัน นอกจากนี้ช่วงงานแกบ้ นใหญ่ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
แล้ว ช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหมแ่ ละเทศกาลสงกรานตก์ ็จะมชี าวบ้านในละแวกใกล้เคยี งเดินทางมาสักการะขอพรและ
แก้บนเปน็ จำนวนมาก จนทำใหผ้ คู้ นแน่นขนัดเตม็ ลานวดั บ้านเมืองจนั ทรเ์ ลยทีเดียว
การมากราบไหวข้ อพรหลวงพอ่ พระพทุ ธเจ้าใหญก่ จ็ ะมีคำบูชาท่มี ผี ้รู ู้ทา่ นหนง่ึ แตง่ ขึน้ ไว้ เริม่ ตน้ จากการต้ัง
นะโม หรอื กล่าวบทนมสั การ 3 จบ แลว้ ตามดว้ ยคำกล่าวซงึ่ เปน็ คาถาภาบาลวี า่ “นะโม พุทธายะ นะชาลีติ นิมามานิ
ชัยยะ ชัยยัง มหาลาภัง ภะวันตุ เต” ชาวบ้านเชื่อกันว่าใครมีรูปภาพหรอื วัตถุมงคลหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่ให้
กราบไวแ้ ละสวดคาถานี้กอ่ นเข้านอนทุกๆ คืน จะเป็นสริ มิ งคล ศตั รูหมมู่ ารจะแพพ้ า่ ยไป ความสวัสดี มีชัยด้วยลาภ
ยศ สรรเสรญิ จะเกิดมีเพิ่มพนู แกผ่ กู้ ราบไหว้นัน้
ความศักด์ิสทิ ธ์ทิ ป่ี รากฏนำมาซึ่งการสร้างวตั ถมุ งคลหลวงพ่อพระพทุ ธเจา้ ใหญ่รุ่นแรกขน้ึ เป็นเหรียญโลหะ
หลายชนิด สร้างข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2513 ในครั้งนั้นกล่าวกนั ว่านอกจากจะมพี ระเกจิอาจารย์ที่อยู่ในละแวกชุมชนเมอื ง
อุทุมพรพสิ ยั มาร่วมพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ยงั มีหลวงปูม่ ุม แห่งวัดปราสาทเยอ อำเภอไพรบึง หลวงป่หู มุน วัดบ้านจาน
อำเภอกันทรารมย์ หลวงป่เู ครอื่ ง วดั ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ที่เดนิ ทางโดยรถสามลอ้ มาร่วมอธิษฐานจติ ในพิธีพุทธา
ภเิ ษกวัตถุมงคลด้วย (เวนิ พทุ ธสุข, 2564: สัมภาษณ์)
วัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่รุน่ แรกนนั้ ไดแ้ สดงอทิ ธปิ าฏหิ าริย์ให้เป็นท่ีประจักษ์แกบ่ ุคคลท่ี
นำไปบูชาติดตัวมานับไม่ถ้วน ทั้งด้านแคล้วคลาดปลอดภัย โชคลาภและการค้าขายเป็นที่เลื่องลือทั่วไป เช่น เกษม
พทิ กั ษ์ชัย ชาวบา้ นเมืองจันทร์ได้ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์ตกลงไปในคลอง นำ้ เข้าไปในหอ้ งผ้โู ดยสาร ไม่สามารถ
เปิดประตรู ถได้ จึงได้นำเหรียญหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่รุ่นแรกที่ห้อยคออยู่มาประนมมือและอธษิ ฐานขอใหร้ อด
ปลอดภยั ปรากฏวา่ เม่ือน้ำทว่ มเข้ารถมากข้ึน คุณเกษมกใ็ กล้ขาดใจก็มีความรสู้ กึ วา่ เหมือนมีอะไรสักอย่างมาดึงร่าง
ออกจากรถ พอรู้สึกตัวได้คณุ เกษมก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่บนกอไผ่เหนือผิวน้ำ ซึ่งเชือ่ ว่าเป็นอิทธิปาฏิหาริยข์ อง
หลวงพอ่ พระพทุ ธเจา้ ใหญ่ (เกษม พิทักษ์ชัย, 2564: สัมภาษณ)์
คุณสงวน รีพล ชาวบ้านบา้ นเมอื งจนั ทร์เลา่ ว่า เคยมชี ายชาวบา้ นเมอื งจันทรค์ นหน่ึงไปทำงานเปน็ พอ่ คา้ เร่
ท่กี รุงเทพมหานคร ตอ่ มาไดถ้ ูกคนรา้ ยใชม้ ีดจ้ีชงิ ทรัพย์ ชายคนดงั กลา่ วก็ยน่ื กระเปา๋ เงนิ ซง่ึ มีเงินอยู่ประมาณหน่ึงพัน
กว่าบาทให้พร้อมกับการร้องขอชีวิต ในระหว่างนั้นก็นำเหรียญหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่รุ่นแรกที่ห้อยคออยู่มา
ประนมมือแลว้ อธิษฐานของให้มีชีวิตรอดปลอดภัย ปรากฏว่าคนร้ายเปิดกระเป๋าเจอเฉพาะธนบัตรใบละ 100 บาท
และใบละ 20 บาท เมื่อหยิบเอาธนบัตรดังกล่าวแล้วก็โดยกระเป๋าเงินคืนให้แล้วหลบหนีไป โดยที่คนร้ายไม่เห็น
ธนบัตรใบละ 1,000 บาทที่ซ่อนอยู่อีกช่องหนึ่ง เหตุการณ์นี้ชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ
พระพุทธเจ้าใหญ่ (สงวน รพี ล, 2564: สมั ภาษณ์)
40
การประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภัฏภูเก็ต ครัง้ ท่ี 14
“การพัฒนางานวจิ ยั และนวตั กรรมในยุคโควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ตัวอย่างความเชอื่ เรอ่ื งอทิ ธิปาฏหิ าริย์เหลา่ น้ที ำใหห้ ลงั จากนั้นก็มกี ารสรา้ งวตั ถุมงคลหลวงพอ่ พระพทุ ธเจ้า
ใหญ่รุ่นอื่นๆ ออกมาอีกหลายรุ่น ทั้งทเี่ ปน็ เหรียญและรูปหล่อลอยองค์ แตล่ ะรนุ่ ก็จะมีผู้ศรทั ธามาทำบุญเช่าไปบูชา
เพอื่ ความเปน็ สิริมงคลจนหมดภายในเวลาไมน่ าน
อภปิ รายผล
หลวงพอ่ พระพุทธเจ้าใหญ่ (พระเจา้ พดื ) ถือเป็นพระพทุ ธรูปเก่าแกท่ ค่ี กู่ บั ชมุ ชนโบราณบา้ นเมืองจันทรเ์ ปน็
เวลากวา่ 300 ปมี าแล้ว วัดบ้านเมืองจันทร์ยังเปน็ อารามสำคัญที่เก่ียวขอ้ งกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ท้องถ่ิน
ชุมชนโบราณบ้านเมืองจันทร์และชุมชนโบราณบ้านปราสาท แม้เวลาผ่านไปกว่า 300 ปีมาแล้ว แต่ความเป็น
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชน ทำให้หลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่ (พระเจ้าพืด) ยังเป็นที่เคารพสักการะของ
พุทธศาสนิกชนชาวบ้านบา้ นเมืองจนั ทร์ ชาวจังหวดั ศรีสะเกษและจังหวัดใกลเ้ คยี งมาโดยตลอด ซึง่ สะทอ้ นให้เห็นถึง
ศรัทธาความเชื่อทางพระพุทธศาสนาหรือความศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกปลูกฝังและถ่ายทอดจากบรรพชนมาจนถึงปัจจุบัน
ดงั กล่าวสอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ อดลุ ย์ หลานวงศ์ และ คณะ (2563ก) เร่ือง “พทุ ธศลิ ป์ : คุณค่าและอิทธิพลต่อ
การดำรงชีวิตของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่ว่า พระพุทธรูปจะส่งผลต่อความเชื่อความเลื่อมใส
ศรัทธาของคนในชุมชนยึดถือเปน็ พระพุทธรูปคู่บ้านคเู่ มอื งของพื้นที่นัน้ ๆ ทำใหเ้ กดิ ความสันติสุขสงบร่มเย็นเกิดขึ้น
ในชมุ ชนและสังคม เกดิ ความสมัครสมานสามคั คขี องคนในชุมชน เกดิ จติ อาสาในการร่วมกันช่วยทำงานบญุ ประเพณี
ที่จัดขึ้นทุกปี เกิดรายได้จากการขายของชำร่วย ของที่ระลึก และการจ้างคนในชุมชนขึ้นเพื่อช่วยจัดสถานที่ให้
เหมาะสมกับแหล่งท่องเทีย่ ว เกิดการท่องเที่ยวกนั เปน็ ผลจากวัฒนธรรมประเพณีที่มกี ารจดั ติดต่อกันมาต้ังแต่อดีต
จนถึงปัจจุบัน เป็นผลให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้นมีรายได้หมุนเวียน ประชาชนมีพื้นที่เลีย้ งชีพนอกเหนือจากอาชพี
หลกั ดา้ นเกษตรกรรม เช่นเดยี วกนั กบั งานของพระครสู ารภัทรกิจ (พานชิ ดวงมณ)ี (2562) เร่ือง “ศึกษาคตกิ ารสร้าง
พระพุทธรูปขนาดใหญ่ในสังคมไทย : กรณีศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ” ที่กล่าวว่า การสร้างพระพุทธรูปได้สะท้อนถงึ
ความเจริญของพระพุทธศาสนาและยงั บ่งบอกถึงความเจริญรงุ่ เรอื งของบา้ นเมืองในสมัยน้ีไดเ้ ป็นอย่างดี
หลวงพอ่ พระพุทธเจา้ ใหญจ่ ึงมีความสำคญั เป็นมรดกทางวฒั นธรรมและถอื ว่าเปน็ แหล่งโบราณคดีของ
ชุมชนทมี่ คี วามเกา่ แก่ มีประวตั คิ วามเป็นมาทีเ่ ปน็ ประโยชน์ทางด้านศิลปะ ประวตั ศิ าสตร์หรือโบราณคดี ทค่ี วรคู่ต่อ
การศึกษา อนุรักษ์ และพัฒนาอย่างยิง่ องค์ความรู้หรือข้อมูลที่เกิดขึน้ จากการศกึ ษาพฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์
โบราณคดี ศิลปกรรมและความเชื่อเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าใหญ่ (พระเจ้าพืด) วัดบ้านเมืองจันทร์ และชุมชน
โบราณบ้านเมืองจันทร์ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านบ้านเมืองจันทร์ควรนำไปต่อยอดขยายผลและบูรณาการโดย
แปลงองค์ความรู้เหลา่ น้นั มาเป็น “ทนุ ทางวัฒนธรรม” เพือ่ การพฒั นาทอ้ งถ่นิ ให้มัง่ คั่งและยง่ั ยืน และมีส่วนสำคัญใน
การช่วยสบื สานพระพุทธศาสนาใหเ้ จริญรุ่งเรอื งขึ้นมาได้จนถึงปัจจบุ ัน ซึง่ สอดรบั กับงานวิจยั ของ จนั ทน์ ภิ า ดวงวิไล
(2549) ที่ไดศ้ กึ ษาวิจยั เรือ่ ง “ตำนานพระพุทธรูปในชุมชนชายแดนไทย-ลาว : การส่อื ความหมายทางวัฒนธรรมและ
บทบาทการสร้างความสมั พนั ธ์ทางสังคม” พบว่า ตำนานพระพุทธรูปเป็นเรื่องเล่าศักดิส์ ิทธ์ิที่กลา่ วถึงประวตั ิความ
เปน็ มา อิทธฤิ ทธ์ิ ปาฏหิ ารยิ ์ ตลอดจนประเพณี พิธกี รรม อนั เก่ียวขอ้ งกับพระพทุ ธรูปสำคญั ทป่ี ระดาฐานอยู่ในชุมชน
ชายแดนไทย-ลาว ซึ่งคนในชุมชนให้ความเคารพศรัทธาและเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แทนองค์สมเด็จพ ระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า การถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธรูปนอกจากจะสื่อความหมายทางวัฒน ธรรมแล้ว
พระพุทธรูปยังมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมในชุมชนชายแดนไทย-ลาว อีกทั้งยังสร้างเครือข่าย
วัฒนธรรมพทุ ธศาสนาในชมุ ชนอษุ าคเนย์
41
การประชมุ วชิ าการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลยั ราชภัฏภเู ก็ต ครั้งท่ี 14
“การพฒั นางานวจิ ยั และนวัตกรรมในยคุ โควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
แตอ่ ยา่ งไรก็ดี เนือ่ งจากความขาดแคลนของเอกสารหลกั ฐานประวัติศาสตรแ์ ละขอ้ มูลทางด้านโบราณคดี
ผลการวิเคราะห์ศึกษาของผู้เขียนที่ปรากฏในประเด็นการศึกษาวิเคราะห์ปฏิมากรรมหลวงพ่อพระพุทธเจ้าใหญ่
(พระเจา้ พืด) ในฐานะพระพุทธรูปศกั ดิ์สิทธิ์แห่งเมอื งศรสี ะเกษนี้ จึงยงั ไมใ่ ช่ข้อยุติทางวิชาการ และจำเป็นที่จะต้อง
ศึกษาค้นคว้ากันต่อไปตามระเบียบวิธีวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี และอาจเชื่อมโยงกับประเด็น
ความสมั พันธ์กับชมุ ชนใหม้ ากข้นึ
6. ข้อเสนอแนะ
1.ขอ้ เสนอแนะท่ีไดจ้ ากการศึกษา
1) การศึกษาพฒั นาการของการสรา้ งพระพุทธรปู สำคญั ในสงั คมไทยในปัจจุบัน ควรศกึ ษามิตดิ า้ นการสรา้ ง
พระพุทธรูปตามศรัทธาที่แตกต่างกันไปจากสมัยก่อน มีการสร้างเพื่อชำระหนี้สงฆ์ สะสมบุญ และเกื้อกูลกับการ
เจริญสมาธิภาวนาในพุทธานสุ ตกิ รรมฐาน เปน็ ตน้
2) การศกึ ษาประวัติและลักษณะพุทธศลิ ปข์ องพระพุทธรปู สำคญั ในสงั คมไทย ควรศกึ ษาพระพุทธรปู
สำคัญองค์อ่ืนและพระพทุ ธรูปสำคญั ร่วมสมัยในปจั จุบันร่วมด้วย ซ่งึ อาจเห็นบรบิ ทการเคลอื่ นย้ายของประชากรท่ีมี
ผลตอ่ รปู แบบพทุ ธศลิ ป์ของพระพุทธรูปไดอ้ กี ทางหนงึ่
2.ข้อเสนอแนะในการศึกษาในครั้งตอ่ ไป
1) ควรศึกษาพฒั นาการของการสร้างพระพุทธรปู สำคญั ในสงั คมไทยตามคติความเช่ือเพื่อชำระหน้ีสงฆ์
สะสมบญุ และเก้อื กลู กบั การเจริญสมาธิภาวนาในพุทธานุสตกิ รรมฐาน
2) ควรศึกษาพัฒนาการพทุ ธศิลป์ของพระพทุ ธรปู ทอ้ งถนิ่ ในสมยั รัตนโกสนิ ทรอ์ งค์อืน่ ๆ หรืออาจ
เปรียบเทียบองค์ที่ประดิษฐานต่างจังหวัดใกล้เคียงในวัฒนะรรมไทยลาว และเปรียบเทียบเชื่อมโยงในบริบทการ
ท่องเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรม เพ่ือเกบ็ รวบรวมอย่างเป็นระบบในรูปแบบเอกสาร หนงั สือ สง่ิ พิมพ์ วดี ิทัศน์ เว็บไซต์ เพ่ือ
นำมาเผยแพรส่ ่สู าธารณชน และเป็นแนวทางในการพฒั นาใหเ้ ป็นแหล่งทอ่ งเทีย่ วทางวัฒนธรรมต่อไป
3) ศกึ ษาคุณคา่ เร่อื งราว ความหมาย ความเกี่ยวขอ้ ง และวตั ถุประสงคท์ แี่ ฝงอยู่ในผลงานพทุ ธปฏิมาในแง่
ประวัติศาสตร์ ความเชื่อความศรัทธามนสิ่งเร้นลับ วัฒนธรรม ประเพณี การเมืองการปกครอง วรรณคดี นิทาน
พื้นบ้าน และคุณค่าที่สามารถสะท้อนเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ท้ัง
ธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อม รวมไปถึงการใชภ้ มู ิปญั ญาในการปรบั ตัวตามยุคสมยั ของพทุ ธศาสนิกชนในทอ้ งถนิ่
4) ควรมกี ารทบทวนใหม่เกย่ี วกับพฒั นาการของการสร้างพระพทุ ธรูปสมัยต่างๆ เนอ่ื งจากอาจมหี ลักฐาน
เพม่ิ เติมท่ีสามารถให้คำอธิบายท่แี ตกตา่ งและเปน็ ประโยชนต์ ่อไปได้
7. กติ ตกิ รรมประกาศ
บทความวชิ าการนีส้ ำเร็จลงได้ดว้ ยความเมตตากรณุ าของพระครูสุวจั น์จันทคุณ เจ้าอาวาสวัดบา้ นเมอื ง
จันทร์ คณะผู้เขยี นขอขอบพระคุณ ผศ.ดร.สมชาติ มณีโชติ และ ผศ.สาวิตรี พิสณพุ งศ์ ท่ไี ดป้ ระสาทความรู้ เปิดโลก
ทัศน์ และชี้แนะแนวทางการศึกษาด้านโบราณคดีแก่ผู้เขียน ขอบคุณลูกศิษย์ธีรวัฒน์ กันยาสาย ที่ช่วยออกแบบ
ภาพประกอบบทความอย่างเตม็ ใจ ขอบคุณลกู ศิษย์ธงชัย ชำนิกุล อัษฎา พิศนอก ศรชัย กันทอง ภัคพล ทวี ที่เป็น
กำลังใจในการทำงานตลอดมา ซึ่งคุณคา่ และประโยชน์อันพึงมจี ากบทความน้ี ผู้เขียนขอถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์
หลวงพอ่ พระพุทธเจา้ ใหญ่ในฐานะพุทธปฏิมาศักดส์ิ ทิ ธิ์ของจังหวัดศรีสะเกษ และขอมอบเปน็ เครอื่ งบชู าบิดา มารดา
42
การประชมุ วชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภัฏภเู กต็ คร้งั ท่ี 14
“การพฒั นางานวจิ ยั และนวตั กรรมในยุคโควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ทีเ่ ลี้ยงดลู ูกมาอยา่ งเต็มความสามารถ ตลอดจนบูรพาจารย์ทกุ ท่านท่ไี ด้ใหก้ ารศึกษา อบรมส่ังสอนให้เกิดสติปัญญา
และคณุ ธรรมทั้งหลาย อนั เปน็ เครือ่ งชที้ างส่องสวา่ งไปสู่ความสำเร็จในชวี ิตของผู้เขยี น
8. บรรณานกุ รม
เอกสาร
กิติสันต์ ศรีรักษา และ นิยม วงศ์พงษ์ดำ. (2557). อัตลักษณ์ทางสุนทรียภาพของงานพุทธปฏิมาลุ่มล้ำชี.วารสาร
งานวิจัยและพฒั นา มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรสี ะเกษ ปที ่ี 1, 1-22.
กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ. (2534). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 10. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
การศาสนา.
กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นศรีสะเกษ. กรุงเทพมหานคร : กรมวิชาการ
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
กระทรวงมหาดไทย. (2529). ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดศรีสะเกษ. กรุงเทพมหานคร :
กระทรวงมหาดไทย.
กวินวัฒน์ หิรัญบูรณะ. (2562). ร่องรอยของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพระพุทธศาสนาในพื้นทีจ่ ังหวัดศรสี ะเกษ
สมยั กอ่ นพุทธศตวรรษท่ี 23. วารสารมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ปที ่ี 5, 115-
132.
การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทย. (2552). ศรสี ะเกษ. กรงุ เทพมหานคร : การทอ่ งเทีย่ วฯ.
คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ. (2544). วฒั นธรรม พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ เอกลักษณ์
และภูมิปัญญาจงั หวัดศรสี ะเกษ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพร้าว.
จันทน์ ภิ า ดวงวิไล. (2556). ตำนานพระพุทธรปู ในชุมชนชายแดนไทย-ลาว : การส่ือความหมายทางวัฒนธรรมและ
บทบาทการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม. วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม.
ชวลติ อธิปัตยกลุ . (2559). งานศลิ ปกรรมเม่ือแรกคร้ังพทุ ธศาสนาเข้ามาในอสี าน. อุดรธานี : สำนกั พมิ พเ์ ตา้ โล้.
ติ๊ก แสนบุญ. (ม.ป.ป.). ลักษณะอีสาน : ว่าด้วยเรื่องศิลปะและวัฒนธรรม. อุบลราชธานี : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย
อุบลราชธานี.
ทศพล จังพานชิ ยก์ ุล. (2547). พระพทุ ธปฏมิ าล้ำค่า. กรุงเทพมหานคร : คอมมา่ .
ธงชัย เมืองจันทร์. (2549). คติธรรมไทยกูยจากประเพณีการไหว้พระธาตุเมืองจันทร์. วิทยานิพนธ์ปริญญา
มหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ธันยพงศ์ สารรัตน.์ (2564). แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว กรณีศึกษาวัดบ้านเมืองจันทร์ อ.เมอื งจันทร์. จ.ศรี
สะเกษ. รายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนา
สถาบนั ไทยคดศี ึกษา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 91-114.
ธันยพงศ์ สารรัตน์ (2564). รูปแบบทางศิลปกรรมของพระพุทธรูปศิลปะพื้นถิ่นอีสาน : กรณีศึกษาหลวงพอ่ โตวัด
บ้านจอมพระ อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารทีทัศน์วัฒนธรรม สำนักศิลปวัฒนธรรม
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏบ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา ปที ่ี 20, 121-145.
43
การประชุมวชิ าการระดับชาติมหาวทิ ยาลัยราชภัฏภเู ก็ต ครัง้ ท่ี 14
“การพัฒนางานวิจยั และนวัตกรรมในยคุ โควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ธันยพงศ์ สารรัตน์ ดร.คนึงชัย วิริยะสนุ ทร และปิยวรรณ กันทอง. (2563). ประวัติและลักษณะรูปแบบพุทธปฏิมา
“หลวงพ่อโต” วดั มหาพทุ ธาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองฯ จงั หวดั ศรีสะเกษ. รายงานสืบเน่ืองจาก
การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครั้งที่ 3 : สั่งสม หล่อหลอม สร้างสรรคม์ รดกทางวัฒนธรรมเพือ่ ลูกหลาน
สถาบันวจิ ัยศิลปะและวัฒนธรรมอสี าน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 97-115.
ธันยพงศ์ สารรัตน์ (2563). ประวัติ รูปแบบศิลปกรรม และความสัมพันธ์กับหลักฐานด้านประวัติศาสตร์ของพุทธ
ปฏมิ า “หลวงพอ่ โต” วัดเขยี นบูรพาราม อำเภอขขุ ันธ์ จังหวดั ศรีสะเกษ. รายงานสบื เนอื่ งจากการประชุม
วิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 3 : พลงั ภาคประชาสังคมกับการพัฒนาท่ยี ่งั ยืน พลังกลมุ่ พลังชุมชนสู่การปรับตัว
ทย่ี ่งั ยนื ในสถานการณ์ New Normal. 164 – 193.
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ อดศิ ักด์ิ องอาจ ธวัชชัย ครองยุทธ และศิวกร อร่ามเรือง. (2564). ความเช่ือและพิธกี รรมเกยี่ วกับ
พระพุทธรปู หลวงพ่อโตสองพี่น้อง : กรณศี กึ ษาอำเภอยางชุมนอ้ ย จงั หวัดศรสี ะเกษ. การประชุมวิชาการ
ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ ศลิ ปวัฒนธรรมในวิถีร่วมสมยั ณ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั พระนคร. 328-339
ธันยพงศ์ สารรัตน์ (2564). บทบาทของผู้หญิงและผู้ชายในตำนานการสร้างพระธาตุเมืองจันทร์และปราสาทบ้าน
ปราสาท. การประชมุ วิชาการระดบั ชาตคิ รง้ั ท่ี 4 คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏ
ศรสี ะเกษ. 125-142.
บูรณ์เชน สุขคุ้ม. (2564). เรื่องเล่าของชาวกูย. ศรีสะเกษ : หนังสือที่ระลึกงานศพคุณแม่เสมอ สมนาค 13-18
เมษายน 2564 ณ บ้านอาวธุ ตำบลสำโรงทาบ อำเภอสำโรงทาบ จงั หวดั สรุ ินทร.์
ประภสั สร์ ชูวิเชียร. (2557). ศลิ ปะลาว. กรุงเทพมหานคร : มติชน.
พระครูสารภัทรกจิ (พานิช ดวงมณี). (2561). ศึกษาคติการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในสังคมไทย : กรณีศึกษา
จงั หวดั ศรีสะเกษ. วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาเดช มีภาพ. (2556). พธิ กี รรมและความเช่อื ของชาวกูย ตำบลตาโกน อำเภอเมอื งจนั ทร์ จังหวัดศรีสะเกษ.
วทิ ยานิพนธป์ ริญญามหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช.
พระมหาวเิ ชียร สิริวฑฺโน (ไกรฤกษศ์ ลิ ป์) และ ภูริทตั ศรอี รา่ ม. (2560). การศึกษาวเิ คราะห์ประวตั ิและลกั ษณะพุทธ
ศลิ ปข์ องพระพุทธรูปสำคญั ในสังคมไทย. วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต, วทิ ยาลัยสงฆ์พุทธโสธร.
ภราดร ศรปัญญา และคณะ. (2558). ศรีสะเกษ จังหวัดของเรา 1 : ประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม. อบุ ลราชธานี : ยงสวสั ดิอ์ นิ เตอรก์ รุป๊ .
ศกั ด์ชิ ัย สายสิงห.์ (2555). เจดยี ์ พระพุทธรปู ฮปู แตม้ สมิ ศิลปะลาวและอสี าน. กรงุ เทพมหานคร : มิวเซยี มเพรส.
ศิริ ฮามสุโพธิ์. (2543). สังคมวิทยาการทอ่ งเท่ยี ว. กรงุ เทพมหานคร : โอเดยี นสโตร์.
ศกั ดช์ิ ัย สายสิงห์. (2561). พุทธศลิ ป์ไทยในอาเซียน. กรุงเทพมหานคร : มตชิ น.
สงวน รอดบุญ. (ม.ป.ป.). พทุ ธศลิ ปลาว. ม.ป.ท..: ม.ป.พ..
สภาวัฒนธรรมจงั หวัดศรสี ะเกษ และสำนกั งานวัฒนธรรมจงั หวัดศรีสะเกษ. (2543). ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และ
ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ินอันเป็นเอกลักษณจ์ งั หวดั ศรีสะเกษ. ศรีสะเกษ : ม.ป.พ..
สภาวฒั นธรรมตำบลเมืองจนั ทร์ (ม.ป.ป.). คำศพั ท์ภาษากยู เมอื งจนั ทร์เทราะมอฮาย. ม.ป.ป. : ม.ป.พ..
สันติ เล็กสุขุม. (2547). ศิลปะสุโขทัย. กรุงเทพมหานคร : เมืองโบราณ.สันติ เล็กสุขุม. (2548). ศิลปะอยุธยา.
กรุงเทพมหานคร : เมืองโบราณ.
สำนักงานจังหวดั ศรีสะเกษและภาคเี ครือข่าย. (2543). ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิน่ : ประวัติ
อำเภอ ตำบล หมูบ่ า้ น ของจังหวัดศรสี ะเกษ. ศรสี ะเกษ : ศรีสะเกษการพมิ พ.์
44
การประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวิทยาลยั ราชภัฏภูเก็ต คร้ังท่ี 14
“การพฒั นางานวิจยั และนวัตกรรมในยุคโควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ อุบลราชธานี. เอกสารกระทรวงมหาดไทย จังหวัดศรีสะเกษ.เรื่อง
ข้าราชการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเบื้องหน้าองค์พระเจ้าใหญ่เมืองจันทร์ 157/258. วันที่ 10 ธันวาคม
2474. (เอกสารไมโครฟลิ ์ม).
อดุลย์ หลานวงศ์ และคณะ. (2563ก). พุทธศิลป์ : คุณค่า และอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ. Journal of Buddhist Education and reseach JBER ปที ่ี 6, 265-272.
อดุลย์ หลานวงศ์ และคณะ. (2563ข). พุทธศลิ ปใ์ นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : แนวคดิ พัฒนาการ อัตลักษณ์สำคัญ
ของพระพุทธรูปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ . Journal of Buddhist Education and reseach JBER
ปที ่ี 6, 286-290.
สัมภาษณ์
เกษม พิชติ ชัย. (14 ธันวาคม 2564). ปราชญ์ทอ้ งถน่ิ อำเภอเมอื งจันทร์ จังหวัดศรสี ะเกษ. สัมภาษณ์.
บุญจง ขันตวิ งษ์. (14 ธนั วาคม 2564). ปราชญท์ ้องถิน่ อำเภอเมอื งจันทร์ จงั หวัดศรสี ะเกษ. สัมภาษณ์.
บำรงุ บวั ไข. (20 ธันวาคม 2564). ปราชญท์ ้องถน่ิ อำเภอเมอื งจนั ทร์ จงั หวัดศรีสะเกษ. สัมภาษณ์.
พระครสู วุ ัจนจ์ ันทคุณ. (20 ธนั วาคม 2564). เจา้ อาวาสวัดบ้านเมืองจนั ทร์ อำเภอเมืองจนั ทร์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ.
สมั ภาษณ.์
เวิน พุทธสุข. (14 ธันวาคม 2564). ปราชญท์ ้องถน่ิ อำเภอเมอื งจนั ทร์ จังหวดั ศรสี ะเกษ. สัมภาษณ์.
สงวน รพี ล. (14 ธันวาคม 2564). ปราชญ์ท้องถ่ิน อำเภอเมืองจันทร์ จังหวดั ศรสี ะเกษ. สมั ภาษณ์.
สพุ จน์ เมอื งจันทร์. (14 ธนั วาคม 2564). ปราชญท์ อ้ งถน่ิ อำเภอเมืองจันทร์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ. สัมภาษณ์.
สมศกั ด์ิ บัวไข. (14 ธนั วาคม 2564). ปราชญ์ท้องถ่ิน อำเภอเมืองจันทร์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ. สมั ภาษณ์.
45
การประชุมวชิ าการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภัฏภูเก็ต คร้งั ที่ 14
“การพฒั นางานวจิ ัยและนวัตกรรมในยุคโควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
1. ประวัตสิ ่วนตัว ประวตั ผิ ูว้ ิจัย
ชอ่ื -นามสกลุ
ตำแหน่งปัจจบุ ัน นายธันยพงศ์ สารรัตน์
วนั เดอื น ปี เกิด อาจารย์
วนั อาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2529
ท่อี ยู่ปัจจบุ ัน 257 ม.15 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี 34000
เบอร์โทรศัพท์ -
เบอร์โทรสาร -
เบอรโ์ ทรศัพทม์ อื ถือ 081-0731516
2. ประวัตกิ ารศึกษา
ปี พ.ศ.ทจ่ี บ วฒุ ิการศึกษา สาขาวิชา สถาบนั ที่จบ
2551 ศศ.บ. ประวัตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม
(เกียรตนิ ยิ มอันดับ2)
2557 ศศ.ม. ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทร
วโิ รฒ
3. ประวัตกิ ารทำงาน
ชว่ งปี พ.ศ. ตำแหนง่ หนว่ ยงาน
2551-2553
2557-2558 นกั วชิ าการสังคมศกึ ษา บรษิ ัท สำนักพมิ พอ์ ักษรเจรญิ ทศั น์ อจท.จำกัด
2558-ปัจจบุ ัน
กองบรรณาธิการ บริษัท ชนนยิ ม จำกัด
อาจารย์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏศรสี ะเกษ
4. ผลงานด้านการวิจัยทง้ั ภายในและภายนอกประเทศ
งานวิจยั ทท่ี ำเสร็จแล้ว
ธันยพงศ์ สารรัตน์. (2564). แนวทางการพฒั นาแหลง่ ท่องเทีย่ ว กรณีศกึ ษาวดั บ้านเมอื งจนั ทร์ อ.เมือง
จันทร์. จ.ศรีสะเกษ. รายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การ
สถาปนาสถาบนั ไทยคดีศึกษา มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 91-114.
ธันยพงศ์ สารรัตน์ (2564). รูปแบบทางศิลปกรรมของพระพุทธรูปศิลปะพื้นถิ่นอีสาน : กรณีศึกษา
หลวงพอ่ โตวัดบ้านจอมพระ อำเภอยางชุมน้อย จงั หวัดศรสี ะเกษ. วารสารทีทัศนว์ ฒั นธรรม สำนกั ศลิ ปวัฒนธรรม
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเด็จเจา้ พระยา ปีที่ 20, 121-145.
46
การประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภัฏภเู ก็ต ครงั้ ที่ 14
“การพฒั นางานวจิ ยั และนวัตกรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ ดร.คนงึ ชยั วริ ิยะสนุ ทร และปิยวรรณ กนั ทอง. (2563). ประวตั แิ ละลกั ษณะ
รปู แบบพุทธปฏมิ า “หลวงพ่อโต” วดั มหาพทุ ธาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองฯ จงั หวัดศรสี ะเกษ. รายงาน
สืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 3 : สั่งสม หล่อหลอม สร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมเพื่อ
ลกู หลาน สถาบนั วิจยั ศลิ ปะและวฒั นธรรมอีสาน มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 97-115.
ธันยพงศ์ สารรตั น์ (2563). ประวัติ รปู แบบศิลปกรรม และความสัมพันธ์กบั หลักฐานดา้ นประวัตศิ าสตร์
ของพุทธปฏิมา “หลวงพ่อโต” วัดเขียนบูรพาราม อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ. รายงานสืบเนื่องจากการ
ประชุมวิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 3 : พลังภาคประชาสงั คมกบั การพฒั นาท่ีย่ังยืน พลงั กลุ่มพลงั ชมุ ชนสู่การปรบั ตวั
ทีย่ ง่ั ยนื ในสถานการณ์ New Normal. 164 – 193.
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ อดิศักดิ์ องอาจ ธวัชชัย ครองยทุ ธ และศิวกร อร่ามเรอื ง. (2564). ความเชอื่ และ
พธิ ีกรรมเกีย่ วกบั พระพุทธรูปหลวงพอ่ โตสองพ่ีน้อง : กรณศี กึ ษาอำเภอยางชุมน้อย จงั หวดั ศรสี ะเกษ. การประชุม
วิชาการระดับชาตแิ ละนานาชาติ ศิลปวัฒนธรรมในวิถรี ่วมสมยั ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. 328-339
ธันยพงศ์ สารรัตน์ (2564). บทบาทของผหู้ ญงิ และผ้ชู ายในตำนานการสรา้ งพระธาตุเมืองจันทรแ์ ละ
ปราสาทบ้านปราสาท. การประชมุ วิชาการระดับชาติครง้ั ท่ี 4 คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ราชภฏั ศรีสะเกษ. 125-142.
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ (วิจัยร่วม). (2560). รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ ตามรอยโครงการตาม
พระราชดำรขิ องพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ในพ้นื ทจี่ ังหวดั ศรสี ะเกษ. ศรี
สะเกษ: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ศรีสะเกษ.
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ (วิจัยร่วม). (2562). รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบรู ณ์ ปราสาทพระวหิ าร ความทรงจำ
ของผู้คนบนแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา พ.ศ.2502 – 2506. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมวฒั นธรรม กระทรวง
วัฒนธรรม.
ธันยพงศ์ สารรตั น์ และนันทพร บุญพรหม. (2562). รายงานการวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ การพฒั นาหอ้ งสมดุ
สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั ศรสี ะเกษ. ศรีสะเกษ: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ราชภฏั ศรสี ะเกษ.
ธนั ยพงศ์ สารรัตน์ (2563). รายงานการวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ การศกึ ษาสถานภาพความรู้ประวตั ศิ าสตร์
เมอื งศรีสะเกษเพอื่ พัฒนาองคค์ วามรูด้ ้านประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถิ่นกับการท่องเท่ยี ว. ศรีสะเกษ: มหาวิทยาลัยราชภัฏ
ศรีสะเกษ.
งานวจิ ัยทก่ี ำลังดำเนนิ การ
-การพฒั นาระบบสารสนเทศฐานขอ้ มลู ผา้ แส่วพืน้ เมืองศรีสะเกษ (ปีงบประมาณ 2565) (ทนุ ววน)
(วิจยั ร่วม)
-สงั เคราะห์องค์ความรู้จากวจิ ยั คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรีสะเกษ ประจำปีงบประมาณ
2562-2563 (ปงี บประมาณ 2565 ทุนคณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏศรสี ะเกษ)
47
การประชุมวิชาการระดบั ชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภฏั ภูเกต็ ครั้งท่ี 14
“การพฒั นางานวิจยั และนวตั กรรมในยคุ โควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
ประวตั ิผ้วู ิจยั
1. ประวัตสิ ่วนตัว นางสาวกิตติธรา พวงธนะสาร รปู ถ่าย
ชอ่ื -นามสกลุ
ตำแหน่งปจั จบุ นั อาจารย์
วนั เดือน ปี เกิด
ทีอ่ ยูป่ จั จุบนั 24 พฤษภาคม 2533
517 ม.18 ถ.อบุ ล-ตระการ ต.ไรน่ ้อย อ.เมืองฯ จ.อบุ ลราชธานี
เบอร์โทรศัพท์ -
เบอรโ์ ทรสาร -
เบอรโ์ ทรศัพท์มอื ถือ 084-4575171
2. ประวตั กิ ารศึกษา
ปี พ.ศ.ทจี่ บ วุฒิการศกึ ษา สาขาวิชา สถาบันที่จบ
2560 M.A. Linguistics and Tianjin University (China)
Applied Linguistics
2554 ศศ.บ. มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนันทา
ภาษาจีน
3. ประวตั ิการทำงาน
ช่วงปี พ.ศ. ตำแหน่ง หนว่ ยงาน
2560- ปัจจบุ ัน อาจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรสี ะเกษ
4. ผลงานดา้ นการวิจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ
งานวิจัยที่ทำเสร็จแล้ว
-
งานวจิ ัยทก่ี ำลังดำเนินการ
ช่ือหวั ขอ้ วิจัย : การพัฒนารปู แบบฝึกทักษะการใช้คำภาษาจนี กลาง ‘bu’ และ ‘mei (you)’ สำหรบั นกั ศึกษา
ชนั้ ปีท่ี 1 สาขาวชิ าการสอนภาษาจีน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรสี ะเกษ
48
การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวิทยาลยั ราชภฏั ภูเกต็ ครั้งท่ี 14
“การพัฒนางานวิจัยและนวตั กรรมในยุคโควดิ -19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
1. ประวตั ิส่วนตวั ประวตั ิผู้วิจัย
ชอ่ื -นามสกุล
นาย ชนกพงศ์ ราตรี
ตำแหนง่ ปัจจุบนั อาจารย์
วนั เดือน ปี เกิด 21 กนั ยายน พศ. 2530
32 ซ.หลวง 2 ถ.หลวง ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี
ที่อยปู่ ัจจุบัน
เบอรโ์ ทรศัพท์ 0950466640
เบอรโ์ ทรสาร -
เบอรโ์ ทรศพั ท์มอื ถอื 0950466640
2. ประวตั ิการศึกษา
ปี พ.ศ.ทจี่ บ วฒุ กิ ารศกึ ษา สาขาวชิ า สถาบันที่จบ
2555 ดรุ ยิ างคศาสตร แขนงดนตรแี จ๊ส มหาวทิ ยาลยั รังสิต
บณั ฑิต
2565 ดรุ ยิ างคศาสตร ดนตรีศึกษา มหาวิทยาลยั มหาสารคาม
มหาบัณฑิต
3. ประวัตกิ ารทำงาน
ชว่ งปี พ.ศ. ตำแหน่ง หนว่ ยงาน
มหาวทิ ยาลัยการจดั การและเทคโนโลยีอีสเทริ น์ (UMT)
2564 อาจารยพ์ เิ ศษ
4. ผลงานด้านการวจิ ัยทัง้ ภายในและภายนอกประเทศ
งานวจิ ยั ท่ีทำเสร็จแลว้
การพฒั นาชดุ การสอนเทคนคิ อิมโพรไวส์เซชน่ั แซกโซโฟนแจส๊ ตามแนวคดิ ของ ชารล์ ี ปารค์ เกอร์
งานวิจัยทีก่ ำลังดำเนนิ การ
49
การประชมุ วิชาการระดับชาตมิ หาวทิ ยาลัยราชภฏั ภูเก็ต ครงั้ ท่ี 14
“การพฒั นางานวิจัยและนวตั กรรมในยุคโควิด-19” “Research and Innovation Development during COVID–19”
1. ประวตั สิ ่วนตัว ประวัตผิ ูว้ ิจัย รูปถา่ ย
ชอ่ื -นามสกุล
ตำแหน่งปจั จบุ ัน นายธีรวัฒน์ กันยาสาย
วัน เดอื น ปี เกดิ ครูผชู้ ว่ ย
ทอี่ ยู่ปจั จบุ นั วนั อาทิตยท์ ี่ 23 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ.2540
307 ม.15 ต.บเุ ปอื ย อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 34260
เบอร์โทรศัพท์ -
เบอร์โทรสาร -
เบอร์โทรศพั ท์มอื ถือ 081-7302584
2. ประวตั ิการศึกษา
ปี พ.ศ.ที่จบ วฒุ ิการศกึ ษา สาขาวชิ า สถาบันท่จี บ
2553 ประถมศึกษาปที ่ี 6 - โรงเรยี นบา้ นเก่าขาม
2559 มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นนำ้ ยืนวิทยา
2564 สายวทิ ย์-คณติ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั ศรสี ะเกษ
ปริญญาตรี คบ.การประถมศึกษา
3. ประวตั ิการทำงาน ตำแหน่ง หน่วยงาน
ครผู ชู้ ว่ ย โรงเรยี นบา้ นหนองขอน อำเภอนำ้ ยืน จังหวดั อบุ ลราชธานี
ช่วงปี พ.ศ.
2564
4. ผลงานดา้ นการวิจัยท้งั ภายในและภายนอกประเทศ
งานวิจัยทท่ี ำเสรจ็ แลว้
ธันยพงศ์ สารรัตน์ ธรี วฒั น์ กันยาสาย บัญชาพล ใยแสง และ สถิตย์ จอมใส. (2563, กรกฎาคม –
ธนั วาคม). การศกึ ษาวเิ คราะหค์ ตคิ วามเช่ือของประชาชนชาวศรีสะเกษท่ีมตี อ่ อนุสาวรีย์แมศ่ รสี ระผม อำเภอเมือง
ฯ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารคณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ศรีสะเกษ. 3(2); 1 – 21.
งานวิจยั ท่กี ำลังดำเนินการ
50
งานประชุมวชิ าการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ข่ายศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครงั้ ที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยนื ในบรบิ ทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
สยามกับการใชอ้ ำนาจละมนุ เป็นเคร่ืองมือในการผนวกอาณาจกั รล้านนา
How Siam using its soft power to merge Lanna
ปัจจัย ปยิ ะชน1
1หัวหนา้ หลกั สตู รการจดั การ คณะบรหิ ารธุรกิจและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนานาชาตแิ สตมฟอรด์ อ.ชะอำ จ.เพชรบรุ ี
โทร 027694000 ต่อ 3030 อเี มล [email protected]
บทคดั ย่อ
ปจั จุบันมีการกลา่ วถึงคำวา่ soft power กันอย่างแพรห่ ลายในทกุ วงการ รวมถึงภาครฐั และภาคเอกชน
ยังสง่ เสริมใหใ้ ช้ soft power เปน็ เครอื่ งในการสง่ เสรมิ เศรษฐกจิ ของประเทศโดยเฉพาะในดา้ นการทอ่ งเทย่ี ว และ
การส่งออกสินค้าของไทย ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ soft power เป็นเครื่องมือทางด้านรัฐศาสตร์
การเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจปรากฎให้เห็นมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยเฉพาะประเทศ
ตะวนั ตกที่เปน็ ประเทศผลู้ ่าอาณานิคม นอกจากจะใชเ้ ครอื่ งมอื ต่าง ๆ ทจี่ ดั อยูใ่ นประเภทของ hard power เช่น
กำลังทหาร หรือกำลังทางเศรษฐกิจ ในการปกครอง หรือควบคุมประเทศอาณานิคมของตนแล้ว ประเทศเจ้า
อาณานิคมเหล่านี้ ยังใช้ soft power ผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น ศาสนา การศึกษา การสร้างสาธารณปู โภค และ
วัฒนธรรม ควบคู่กันไปอีกด้วย สยามในอดีตซึ่งมีประเทศราชอยู่เป็นจำนวนมาก ก็นำเอารูปแบบของ soft
power มาใช้ร่วมกับ hard power ในการปกครองประเทศราชด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกับอาณาจักรล้านนา ซ่ึง
ถอื วา่ เปน็ อาณาจกั รท่ีใหญ่ และอย่คู อ่ นขา้ งไกลจากศูนยก์ ลางการปกครองของสยาม ซ่งึ การใช้ soft power ของ
สยามในขณะนั้นจงึ มคี วามสำคญั มาก และก็ประสบผลสำเรจ็ เปน็ อย่างดี ทัง้ ในระยะสั้นคือสามารถรวมอาณาจักร
ล้านนาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย และระยะยาว โดยดูได้จากในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีปัญหาเรือ่ ง
ความมั่นคง หรือการเรียกร้อง การขอปกครองตนเอง การแบ่งแยกดินแดน ของจังหวัดต่าง ๆ ที่เคยอยู่ใน
อาณาจกั รลา้ นนาเลย ดังน้นั จึงเป็นเรอ่ื งทนี่ ่าจะศึกษาวา่ สยามมีกระบวนการ และกรรมวิธีในการใช้ soft power
อย่างไรในขณะนนั้
คำสำคญั : สยามกบั ล้านนา soft powerของสยาม การผนวกล้านนา
Abstract
Many nations use soft power as a political and economical tool to take advantage from
other countries. Some governments may think that this is a new and efficiency method to
promote their countries especially for economic purpose such as to promote their tourisms and
exported goods. Nevertheless, the soft power is not a new tool. It was normally used to control
or merge colonies for several hundred years ago. The good example is the soft power using by
Siam in order to control and eventually merge its colony- Lanna. This is because this kingdom
can control and merge the Lanna perfectly and smoothly. Nowadays, there is no significant sign
51
งานประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ เครือข่ายศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครั้งที่ 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และศิลปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
to show that Lanna people would like to be independence. Hence, it is interesting to know that
how Siam using its soft power at that time.
Keyword: Siam and Lanna, Siam’s soft power , Merging Lanna
บทนำ
Soft power หรือ อำนาจละมุน เป็นแนวคดิ ที่รบั การพัฒนาและเผยแพรโ่ ดยศาสาตราย์จารย์ Joseph S.
Nye นักวิชาการด้านรัฐศาสาตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 (ชิษณุพงศ์ ด้วงสุข และคณะ,
2553) เป็นที่ได้ความสนใจจากทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรณีของนักร้องสาว
น.ส. ดนุภา คณีรกิจ หรือ มิลลิ ที่ได้ไปแสดงการขับร้องบทเวที “โคลเชลลา 2022” พร้อมทั้งสาธิตการกินข้าว
เหนียวมะม่วง ทำให้ข้าวเหนียวมะม่วงได้รับความสนใจทั้งชาวต่างประเทศ และชาวไทยภายในช่วงข้ามคืน มีการ
หยบิ ยกประเดน็ ดังกล่าวข้ึนมาพูดถงึ ว่า เป็นรปู แบบหน่งึ ของ soft power ท่ปี ระเทศไทยควรจะตอ้ งทำการส่งเสริม
เพือ่ ที่จะนำมาใช้เป็นเครอ่ื งมอื ในการพฒั นาเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม หากเรากลา่ วถงึ ความหมายของคำ
วา่ soft power หรือทน่ี กั วิชาการแตล่ ะทา่ นไดใ้ ห้คำจำกัดความไว้ บางทา่ นถงึ กับบัญญัตศิ พั ท์ไว้วา่ “อำนาจละมุน”
นนั้ มคี วามหมายค่อนข้างจะเปน็ ไปในแนวทางเดียวกัน คอื หมายถงึ รปู แบบการใช้อำนาจ หรือ เครือ่ งมอื ต่าง ๆ เพื่อ
การโน้มนา้ วหรอื ชักจูงให้ประเทศใดประเทศหนึ่ง รวมถึงประชาชนในประเทศน้นั ๆ ปฏิบตั ิตามความตอ้ งการ และ/
หรือ นโยบายของประเทศเรา เพื่อผลประโยชน์ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม หรืออาจจะหมายถึง
รูปแบบการใช้อำนาจหรอื เครอ่ื งมอื ต่าง ๆ ท่ีทำให้ประเทศอ่นื ๆ ปฏบิ ตั ิตามความตอ้ งการโดยสมัครใจ หรอื เปน็ การ
ใชอ้ ำนาจในเชงิ ดงึ ดูดให้คล้อยตามมากกวา่ การใช้อำนาจในเชิงบบี บงั คับ หรอื ขูเ่ ข็ญ (รุยาภรณ์ สุคนธทรัยพย์, 2561)
แต่หากเราพูดถึงกระบวนการ หรือเครื่องมือทีจ่ ะทำใหเ้ กิด soft power แล้วนั้น มีกระบวนการ วิธีการ
หรือเครื่องมือที่ค่อนข้างจะหลากหลาย แต่รูปแบบที่เป็นที่นิยมในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาก็คือ การส่งออก
วฒั นธรรม ผา่ นสื่อตา่ ง ๆ ในรูปของบทเพลง ภาพยนต์ หนงึ่ ในประเทศที่ประสบความสำเรจ็ อยา่ งมากในการส่งออก
วฒั นธรรมคือ ประเทศเกาหลีใต้ ซง่ึ ไดน้ ำมาใชใ้ นชว่ งเวลา 20 ปที ่ีผา่ น โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือผลประโยชน์ทางด้าน
เศรษฐกิจเปน็ หลัก โดยเปน็ การส่งออกวัฒนธรรมรว่ มสมัยผา่ นสื่อตา่ ง ๆ เชน่ ละคร ภาพยนต์ ดนตรีและเพลง อีกทัง้
ยังมกี ารส่งออกวัฒนธรรมดงั เดิมของตนอกี ด้วย ไมว่ า่ จะเป็นไปในรูปแบบของการส่งเสริมอาหารเกาหลี เคร่ืองแต่ง
กายประจำชาติ ซงึ่ เปน็ การส่งออกวัฒนธรรมโดยภาคเอกชน แตไ่ ด้รบั การสนับสนุนจากหน่วยงานของรฐั บาลเกาหลี
ใต้ ผ่านนโยบาย Korea: Culture, Creativity and content
อยา่ งไรกต็ าม ในอดตี หรือในช่วงสองสามศตวรรษที่ผ่านมา รปู แบบของการใช้ soft power ของประเทศ
หนง่ึ ต่ออีกประเทศหนง่ึ โดยเฉพาะประเทศเจ้าอาณานคิ มกับประเทศอาณานิคมของตนนั้น นิยมใช้รปู แบบของการ
เผยแพร่ความเชื่อทางศาสนา การส่งเสริมการศึกษา รวมถึงการส่งออกเทคโนโลยี่ การสร้างความเจริญทางด้าน
โครงสรา้ งพืน้ ฐานมากกว่าการสง่ ออกวัฒนธรรมผ่านสื่อตา่ ง ๆ ซ่งึ ก็เป็นเร่อื งท่ีเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะในช่วงเวลาใน
ขณะนัน้ การคมนาคมขนสง่ และการสื่อสารระหวา่ งประเทศเป็นไปด้วยความอยากลำบาก และลา่ ชา้ ซ่ึงการใช้ soft
power ของชาติตะวันตกกับประเทศอาณานิคมของตนเองในอดีตที่ผ่านมานัน้ ส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเรจ็
ซึ่งดูได้จากหลงั จากเสรจ็ ส้ินสงครามโลกคร้ังท่ีสอง ประชาชนในประเทศอาณานิคมต่าง ๆ ของอังกฤษและฝร่ังเศส
ได้เรียกรอ้ งเอกราชจากประเทศแม่ ซึ่งแสดงใหเ้ ห็นว่าในช่วงที่องั กฤษและฝรัง่ เศส พยายามใช้ soft power ควบคู่
กับการใช้ hard power หรืออำนาจทางดา้ นการทหารกับประชาชนในประเทศอาณานิคมของตน ไม่สามารถที่จะ
52
งานประชุมวชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ครง้ั ท่ี 12
ภายใต้หวั ขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และศลิ ปวฒั นธรรม อยา่ งยง่ั ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
หลอมรวมความเปน็ อันหนง่ึ อนั เดียวกันระหวา่ งประชาชนในประเทศอาณานคิ มกับประเทศแมไ่ ด้แตอ่ ย่างใด ผิดกับ
การที่สยามในอดีตสามารถใช้ soft power ควบคู่ไปกับการใช้ hard power ในการปกครอง และผนวกดินแดน
ประเทศราชต่าง ๆ ของตนเองได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยเฉพาะกบั อาณาจักรล้านนา ซึง่ ถอื วา่ เป็นอาณาจักรที่ใหญ่
ซึ่งการท่ีสยามจะใช้ hard power แตเ่ พยี งอยา่ งเดียวในการปกครองอาณาจกั รล้านนานั้น อาจจะไม่เพียงพอเพราะ
นอกจากจะอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจและการปกครองของสยามในขณะนั้น ชาติ
ตะวันตกโดยเฉพาะองั กฤษซ่ึงไดย้ ึดพม่าเขา้ มาเป็นอาณานิคมของตนได้แล้ว กม็ ีความตอ้ งการท่ีจะผนวกอาณาจักร
ลา้ นนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนด้วย
ดังนั้นจงึ เป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่งว่า สยามประเทศในขณะนั้น มีวิธีการ เครื่องมือ และรูปแบบใน
การใช้ soft power อยา่ งไรในการปกครองอาณาจักรล้านนา และท้ายทีส่ ดุ สามารถผนวกอาณาจกั รลา้ นนาเข้าเป็น
ส่วนหนึ่งของตนได้อย่างเบ็ดเสร็จและราบรื่น ซึ่งประเทศไทยในปัจจุบันสามารถถอดบทเรียนการใช้ soft power
ดังกลา่ วมาประยกุ ต์ใช้เป็นนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจ โดยเฉพะอยา่ งยงิ่ ในเรือ่ งของการท่องเที่ยวและส่งเสริม
การส่งออกสนิ คา้ เกษตรของไทยได้เปน็ อยา่ งดี
รปู แบบของการใช้ soft power ของประเทศเจา้ อาณานคิ มในอดีต
หากจะกลา่ วถงึ ประเทศทเ่ี ปน็ ตน้ แบบของประเทศเจา้ อาณานคิ ม ก็คงจะตอ้ งกล่าวถึงประเทศในยุโรปเป็น
สำคญั ไมว่ ่าจะเปน็ องั กฤษ ฝร่งั เศส โปรตุเกส หรอื สเปน ซงึ่ ประเทศเจา้ อาณานคิ มส่วนใหญเ่ หล่าน้ี มีประเทศอาณา
นคิ มของตนอย่ใู นเกือบทกุ ทวปี ต้ังแต่อเมริกา แอฟรกิ า ไมเ่ ว้นแม้ในทวีเอเชยี ซ่งึ รวมถงึ ประเทศเพอ่ื นบ้านของสยาม
ในอดีตอย่างเชน่ พม่า และอนิ เดีย
อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะทำการศึกษาถึงรูปแบบในการใช้ soft power ในการปกครองประเทศอาณา
นิคมของบรรดาประเทศเจ้าอาณานิคมเหลา่ นี้ เราควรจะทำความเข้าใจถึงมูลเหตุ หรือ เหตุจูงใจที่บรรดาประเทศ
มหาอำนาจยุโรปในอดีตตอ้ งแสวงหา และออกล่าอาณานคิ มในประเทศตา่ ง ๆ ที่อยหู่ ่างไกลคนละทวีป ช่วงเวลาท่ี
ประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ในทวีปยุโรปออกลา่ อาณานิคมกันมากที่สุดคือเริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 จนถึงศตวรรษท่ี
19 โดยมีมูลเหตุที่สำคัญคือ การที่โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในยุปโรปในขณะนั้น ได้มีการเปลีย่ น
ผ่านการจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรมเป็นผลสืบเนื่องมาจากปฏิวัติอตุ สาหกรรม (ศักดิภัท เชาวน์
ลักณ์สกุล และคณะ, 2560) ซึ่งผลพวงจากการที่โครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเปลี่ยนแปลงไปดังกลา่ ว
ทำให้เกิดแรงกดดนั ต่อประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ในทวปี ยุโรปอยู่ 2 ประการ ประการแรกคอื ตอ้ งหาวัตถุดิบและ
แรงงานเปน็ จำนวนมากมาป้อนใหก้ ับโรงงานอุตสาหกรรมของตน ซึ่งวัตถุดบิ ที่สำคัญนอกจากถ่านหินที่ใช้เป็นแหล่ง
เชื้อเพลิงหลักในโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สินแร่อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินแรเ่ หล็ก ทองแดง
ดบี ุก ก็มคี วามตอ้ งการไม่นอ้ ยเพ่ือใช้ในการผลติ สินคา้ ตา่ ง ๆ รวมถงึ ประเทศยุโรปยังต้องการพน้ื ที่เพาะปลูกจำนวน
มาก เพือ่ ใช้ในการเพาะปลกู ธญั พชื อาหารต่าง ๆ อาทิเช่น ข้าวสาลี ขา้ วโพด มันฝรั่ง เพอื่ ใช้ปอ้ นโรงงานอตุ สาหกรรม
ของตนและการบรโิ ภคในประเทศอกี ดว้ ย ซ่งึ แหลง่ วตั ถุดิบ แรงงาน และพื้นท่ีเพาะปลูกในประเทศของตนไม่เพยี งพอ
จึงเป็นแรงกดดนั ใหต้ ้องออกสำรวจและแสวงหาแหล่งวัตถดุ ิบในประเทศอ่ืน ๆ ประการท่สี อง คอื แรงกดดันท่ีต้อง
หาตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศเพื่อใช้เป็นแหล่งระบาย แหล่งรับซื้อสินค้าอตุ สาหกรรมที่ประเทศตนผลิตได้ ทั้งนี้
เนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมไดก้ ่อให้เกิดการเปลยี่ นแปลงรูปแบบการผลิตในรปู แบบที่แตกต่างจากการผลิต
สินค้าในระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมเกษตรกรรม กล่าวคอื การผลติ แบบอตุ สาหกรรมทำให้สามารถผลิตสินค้าต่าง ๆ
53
งานประชมุ วิชาการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ข่ายศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใตห้ วั ข้อ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และศิลปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
ได้เป็นจำนวนมาก และต้นทุนในการผลิตลดลงเป็นอย่างมากอีกด้วย ดังนั้นประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่ทำปฏิวัติ
อตุ สาหกรรมแล้วมองประเทศในทวีปเอเชียเป็นตลาดทีส่ ำคัญของสินคา้ ตน เน่ืองมาจากมีประชากรเป็นจำนวนมาก
มคี วามมั่งค่ัง รวมถงึ มที รัพยากรธรรมชาติ เชน่ แร่ธาตุ ปา่ ไม้ และสนิ คา้ เกษตรต่าง ๆ ที่จะสามารถนำมาแลกเปลี่ยน
สนิ ค้าอตุ สาหกรรมท่ีตนเองผลิตไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
จากแรงกดดันทั้งสองแรงกดดันข้างตน้ เป็นผลให้ประเทศมหาอำนาจยุโรปในขณะนัน้ แข่งขันกันเข้ายึด
ครองประเทศต่าง ๆ ทั้งในทวปี แอฟริกา และเอเชยี เข้าเป็นอาณานคิ มของตน ซง่ึ ในการเขา้ ยึดครองประเทศต่าง ๆ
เขา้ เปน็ อาณานคิ มของตนนั้น กโ็ ดยอาศัยกำลงั เข้าบงั คับ หรอื การใช้ hard power นน้ั เอง ในการใช้ hard power
เข้ายึดครองประเทศอื่น ๆ ของชาวยุโรปนั้น เป็นไปโดยไม่ลำบากมานัก เนื่องจากมีศักยภาพในด้านการทหารที่
เหนือกว่าประเทศต่าง ๆ ในแอฟรกิ า และเอเชยี แตห่ ลงั จากเขา้ ยึดครองประเทศอ่ืนเป็นอาณานิคมของตนแล้วนั้น
ประเทศเจ้าอาณานิคมเหล่านี้ ก็ตระหนักว่า การที่จะปกครองประชาชนในดินแดนอาณานิคมนั้น ไม่สามารถใช้
hard power แต่เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องใช้ soft power ควบคู่กันไปด้วย โดยรูปแบบการใช้ soft power
ควบคไู่ ปกับการใช้ hard power ในการปกครองประชาชนในประเทศอาณานคิ มท่ีเป็นแบบอยา่ งใหส้ ยามใช้ในการ
ปกครองอาณาจักรล้านนาในอดีตก็คือ การใช้ soft power ของอังกฤษในการปกครองอินเดยี และพม่า เนื่องจาก
อินเดียและพม่านั้นอยูใ่ กล้สยาม ทำให้รัฐสยามสามารถรับรู้ และเรียนรู้รปู แบบท่ีอังกฤษใช้ในการปกครองดนิ แดน
อาณานิคมของตนแห่งนี้ได้เปน็ อย่างดี อีกทั้งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว อังกฤษกับสยามก็มีความสัมพันธ์ต่อกันท้งั
ทางดา้ นเศรษฐกจิ และการฑตู อีกดว้ ย
รูปแบบของ soft power ที่อังกฤษนำมาใช้ในการปกครองประชนชนในอินเดียและพม่าในอดีตอาจจะ
จำแนกไดต้ ามมิตติ า่ ง ๆ ทใ่ี ชก้ ารทำ soft power ได้ดังนี้
1.) มติ ิทางเศรษฐกจิ
สำหรบั รปู แบบของการทำ soft power ในมิติทางเศรษฐกจิ ของประเทศอังกฤษในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
จะมจี ดุ มุ่งหมายในการยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของคนอินเดียและพมา่ ใหส้ ูงข้ึน ซึ่งนอกจากจะทำให้ภาพลักษณ์
ขององั กฤษดูดีข้นึ ในสายตาของประชาชนในดินแดนอาณานคิ มแลว้ อังกฤษยงั ใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างในการเข้ายึด
ครองประเทศอาณานิคมต่าง ๆ อีกด้วย โดยข้ออ้างหนึ่งที่อังกฤษมักจะหยิบยกขึ้นมาใช้สร้างความชอบธรรมให้
ตนเองในการยึดครองประเทศอื่น ๆ ก็คือ ต้องการนำความเจริญมายกระดับมาตราฐานชีวิตความเป็นอยู่ของ
ประชาชนในประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางรถไฟในประเทศอินเดีย ที่อังกฤษใช้เป็นเครื่องมือในการ
ปกครองแลว้ ยังแสดงใหเ้ หน็ ว่าประชาชนอนิ เดียมชี วี ิตความเปน็ อยทู่ ดี่ ีขึน้ เปรยี บเสมอื นอังกฤษนำอารยะมาให้
การปรับปรุงพฒั นาการคมนาคมขนส่งในประเทศอาณานิคม โดยการสร้างทางรถไฟเชื่อมตอ่ เมอื งสำคญั
เมืองทา่ ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากคนอินเดยี และพมา่ จะได้ประโยชนจ์ ากการคมนาคมขนส่งทส่ี ะดวกขึ้นแล้วนนั้ อังกฤษเอง
ก็ยังไดใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากทางรถไฟในการสง่ เสรมิ การค้าของตน และเป็นเครอ่ื งมือในการปกครองอีกด้วย เพราะการท่ี
คนองั กฤษในฐานะเจา้ อาณานิคม สามารถติดต่อสอื่ สาร และเดนิ ทางระหวา่ งหัวเมอื งตา่ ง ๆ ในอาณานิคมของตนได้
สะดวกก็มีส่วนช่วยในการบริหาร การปกครอง และการทหารของอังกฤษเป็นไปด้วยความราบรื่น นอกจากนั้น
รปู แบบการสอื่ สารรูปแบบใหม่ทีม่ าพร้อมกับการสร้างทางรถไฟก็คือ ระบบไปรษณีย์ และโทรเลข ทั้งน้ีเน่ืองมาจาก
องั กฤษสามารถวางสายโทรเลขขนานไปกับทางรถไฟ ซ่ึงประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการลงทุนและบำรงุ รักษา นอกจากนั้น
รถไฟยงั ถกู นำมาใชใ้ นการขนส่งจดหมายและพัสดุอกี ด้วย
54
งานประชมุ วิชาการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ข่ายศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครง้ั ที่ 12
ภายใต้หัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบรบิ ทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
2.) มิตทิ างสังคม
ในด้านมิติทางสังคม อังกฤษทราบดีว่า วิถีชีวิตของคนพื้นเมืองในอินเดีย และพม่ายึดโยงเข้ากับศาสนา
อย่างแนบแน่น และเป็นเรื่องยากที่เจ้าอาณานิคมจะมาทำลายความสัมพันธ์ดังกลา่ ว แต่อย่างไรก็ตามการใช้ soft
power ของอังกฤษตอ่ ชาวพม่าในมิติทางสงั คม ทีพ่ อจะเห็นอยู่บา้ งกค็ ือเรื่องการนำระบบการศึกษาแบบใหม่เข้าไป
ในยงั ประเทศดังกล่าว ผา่ นโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนของเหล่ามชิ ชนั นารี โดยมมี ลู เหตสุ ำคัญคอื อังกฤษตอ้ งการที่
จะผลิตคนงานท้องถน่ิ ชาวพม่า เพ่ือใชเ้ ป็นกำลงั แรงงานให้กบั โรงงานอุตสาหกรรม และธรุ กิจการคา้ ต่าง ๆ ของชาว
อังกฤษและชาวยโุ รปในพม่า ซ่งึ ระบบการศกึ ษาของชาวพม่าในช่วงเวลาดงั กล่าวยงั ไมส่ ามารถตอบสนองกับรูปแบบ
การค้าและการทำธรุ กจิ สมยั ใหม่ได้ดีนกั
นอกจากนั้นระบบการศึกษาที่นำเข้ามาสู่ประเทศพม่านั้น ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงชาวพม่าได้มี
โอกาสเข้าถึงการศกึ ษาอีกด้วย ทัง้ น้เี นอ่ื งมาจากโรงเรียนของพมา่ ในรูปแบบด้งั เดมิ นั้นคือ โรงเรียนวดั ซ่ึงสว่ นใหญ่จะ
ไม่เปดิ รับสตรเี ขา้ ศึกษา ดังน้ันในชว่ งระยะเวลาดังกลา่ ว ผู้ปกครองของเดก็ หญงิ ในพมา่ จึงนิยมส่งบตุ รสาวของตนเข้า
เรียนในโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนของมิชชันนารี โดยหวังว่าลูกหลานของตนจะได้มีโอกาสเข้ารับราชการ และ
ทำงานในธรุ กจิ การคา้ ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะในเมอื งย่างกุ้ง ซ่ึงการส่งเสริมการศึกษาในรปู แบบใหมข่ ององั กฤษข้างต้นนั้น
ยังผลให้เกิดความเสื่อมศรัทธาของประชาชนชาวพม่าต่อศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก คือทำให้ศาสนาพุทธ หรือ
โรงเรียนวัดดูเหมือนว่าจะหมดความสำคัญในการสัง่ สอนเด็ก ๆ ชาวพม่าบางคนดูถูกพระสงฆ์ด้วยว่ายังยดึ คำสอน
แบบเดิม ทำให้ความเคารพ ความศรทั ธาทีเ่ ยาวชนมตี ่อพระพทุ ธศาสนาลดนอ้ ยลงไปด้วย
ในอีกแงม่ มุ การที่ชาวพม่ายอมรบั ระบบการศกึ ษาสมัยใหม่ขององั กฤษ รวมถึงชาวพม่าบางคนเรม่ิ หันมานับ
ถอื ศาสนาครสิ ต์ ซ่งึ เป็นผลมาจากการได้คำอบรมสั่งสอนจากการเผยแพรศ่ าสนาขอเหล่ามิชชันนารใี นโรงเรียน และ
การที่ชาวพม่าบางส่วน เริ่มเสื่อมศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาก็อาจมองได้ว่า การศึกษาและการเผยแพร่ศาสนาเป็น
รปู แบบหนง่ึ ของ soft power ท่ีองั กฤษใชเ้ ป็นเคร่ืองมอื ในการปกครองพมา่ ในยคุ น้ัน เป็นเสมือนหนึ่งเครอ่ื งมอื ทช่ี ว่ ย
สง่ เสรมิ ภาพลักษณข์ องอังกฤษ และทำลายความเช่ือ ความศรัทธาด่งั เดิม พรอ้ ม ๆ กบั การที่องั กฤษสามารถใช้เป็น
อีกขอ้ อ้างหนง่ึ ในการยึดครองพมา่
สยามกบั อาณาจกั รล้านนาในสมยั รชั กาลท่ี 5
ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 อาณาจักรล้านนา ซึ่งถือเปน็ ประเทศราชของสยามมีอสิ ระในการปกครองตนเองใน
ระดับที่สูงมาก มีการจัดเก็บภาษเี ป็นของตนเอง เพียงแต่จะมหี น้าที่ส่งบรรณาการให้สยามทุก ๆ สามปี หรือ หาก
ทางการสยามตอ้ งการสงิ่ ใดก็จะมคี ำสั่งแจง้ ไปใหท้ างอาณาจักรล้านนาปฏิบตั ิตามเป็นคร้ัง ๆ ไป เช่น เกณฑ์ไพรพ่ ลไป
ชว่ ยสยามรบ หรือ ส่งไม้ซุงมาช่วยสร้างพระเมรุ เปน็ ตน้ ซ่งึ การปกครองรูปแบบดงั กลา่ วน้ี อาจเรียกได้ว่าเป็นรปู แบบ
การปกครองแบบเคา้ สนามหลวง
รูปแบบการปกครองแบบเค้าสนามหลวง หรือรูปแบบที่คล้ายกันนี้เป็นรูปแบบที่อาณาจักรต่าง ๆ ใน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ปกครองประเทศราชของตนมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี โดยเป็นรูปแบบการ
ปกครองที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าครอบครอง หรือยึดเอาดินแดนประเทศราชมาเป็นของตนอย่างเบ็ดเสร็จ
เดด็ ขาด ทงั้ น้กี ็อาจจะเนือ่ งมาจากอาณาเขตของแตล่ ะประเทศก็ไมส่ ามารถระบุ หรอื มีเสน้ แบง่ ได้อย่างชัดเจนเหมือน
เชน่ ปจั จบุ ัน อีกทัง้ ความม่ังค่ังของอาณาจกั รใดอาณาจักรหน่ึง ไม่ได้ขึ้นอยู่กบั ขนาดกวา้ งใหญ่ของพ้ืนแผ่นดินของแต่
ละอาณาจกั ร แต่ความมงั่ ค่ังมักจะวัดหรือข้ึนอยู่กับจำนวนประชากรวา่ มีมากน้อยเพียงใด ดังน้ันวัตถุประสงค์หลัก
55
งานประชุมวชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย คร้ังที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และศิลปวฒั นธรรม อยา่ งยง่ั ยืนในบริบทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ในการที่ประเทศหน่ึงประเทศใดเขา้ ยดึ ครองอีกประเทศหนง่ึ นั้น ก็เพอ่ื ทีจ่ ะปอ้ งปรามประเทศราชไม่ใหท้ ำการแข็งข้อ
หรือเป็นภยั คุมคามประเทศของตนในอนาคต
อยา่ งไรก็ตามในสมัยรัชกาลท่ี 5 สถานการณก์ ารเมืองระหวา่ งประเทศในภูมิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้
เร่ิมเปลี่ยนไปจากการเข้ามาของจักรวรรดินิยมตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและฝรง่ั เศส โดยเฉพาะเม่ือพม่าเป็นฝ่าย
แพ้สงครามกับองั กฤษบอ่ ยครั้ง ทำให้อังกฤษเริ่มที่จะเขา้ มีบทบาทในการทำไม้ในอาณาจักรลา้ นนามากขึ้น ซึ่งไม้สัก
ในอาณาจกั รลา้ น ถือไดว้ ่าเป็นทรัพยากรทีม่ ูลคา่ มหาศาลในสมัยน้ัน ไม้สักของล้านนา ส่งออกไปขายในเมืองท่าต่าง
ๆ ท่อี ยูใ่ นการปกครองของอังกฤษ อย่างเช่นเมืองทา่ มะละแม่ง
จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้สยามต้องทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการครองในอาณาจักร
ล้านนาเสยี ใหม่ โดยมีเหตผุ ลหลกั ๆ ดงั ตอ่ ไปนี้
1.) เพื่อที่จะแสดงให้จักรวรรดินิยมตะวันตกเห็นว่า อาณาจักรล้านนาเป็นส่วนหนึ่งของสยาม เพราะใน
ขณะนั้น อังกฤษก็มีความต้องการทีจ่ ะเข้าครอบครองอาณาจักรล้านนาหลงั จากท่ียึดพม่าเป็นส่วนหนึ่งของตนแลว้
เนื่องจากต้องการเข้ามาทำไม้สักในอาณาบริเวณดังกล่าว ซึ่งไม้สักเป็นที่ต้องการของอังกฤษเป็นอย่างมาก
เนื่องมาจากอังกฤษต้องการไม้ที่ใช้ในการต่อเรือที่ใช้ในการพาณิชย์และการทำศึกสงคราม ซึ่งแต่เดิมอุตสาหกรรม
การตอ่ เรอื ของอังกฤษใช้ไม้โอ๊คเปน็ หลัก อย่างไรกต็ ามในเวลาต่อไม้โอ๊คเริม่ ขาดแคลน และเร่ิมมกี ารค้นพบว่า ไม้สัก
ซง่ึ เปน็ ไม้เนือ้ แข็งนั้นมคี ุณสมบัติหลายอย่างท่ีเหมาะสำหรบั การใช้ในการตอ่ เรือแทนไม้โอค๊ กลา่ วคือ มีความคงทน
แข็งแรง ยดื หยนุ่ และติดไฟได้ยากกว่าไม้ประเภทอื่น ๆ ซ่งึ การท่ีไมส้ ักตดิ ไฟไดช้ ้าจึงเปน็ ไม้ทเี่ หมาะมากในการใช้ต่อ
เรือรบ (อารยา ฟ้ารงุ้ สาง, 2564)
2.) สยามเริม่ ท่จี ะมีการปรบั โครงสร้างรฐั จากรูปแบบรฐั จารตี มาเป็นรฐั ชาติสมยั ใหม่แบบเดยี วกับประเทศ
ตะวันตก ซึ่งการปรับโครงสร้างรัฐดังกล่าวนั้น การสะสมทุนหรือรายได้ของรัฐมีความสำคัญมาก สยามจึงมองว่า
ทรัพยากรไมส้ ักในดินแดนล้านนานั้น นา่ จะเปน็ แหลง่ รายได้ทส่ี ำคัญของสยามในขณะน้ันได้ ทง้ั นี้เน่ืองมาจากมีการ
คำนวณกนั ว่า ปรมิ าณไม้สักในอาณาจักรล้านนามจี ำนวนมากกวา่ ปริมาณไมส้ ักในพม่าและอนิ เดียรวมกันเสียอีก ซึ่ง
การปกครองอาณาจกั รลา้ นนาในรปู แบบเดิมนัน้ ค่าสัปทานป่าไม้ของบรษิ ทั ชาวตะวันตก จะตกอยกู่ บั เจ้าผคู้ รองนคร
ต่าง ๆ เป็นเสยี สว่ นใหญ่
การใช้ soft power ควบค่กู ับ hard power ในการผนวกอาณาจักรล้านนา
กระบวนการในการผนวกอาณาจักรล้านนาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสยามอย่างสมบรูณ์ สยาม
ดำเนนิ การอย่างคอ่ ยเปน็ ค่อยไป โดยเรม่ิ ตง้ั แต่รัชสมยั ของรชั กาลที่ 5 เรอ่ื ยมา โดยสยามใช้อำนาจทงั้ 2 รูปแบบคือ
hard power หรือการใชอ้ ำนาจทางการเมอื งและการทหาร การใช้อำนาจในรูปแบบ hard power ของสยามนั้น มี
การใชใ้ นหลายรปู แบบ ไมว่ า่ จะเปน็ การส่งข้าหลวงจากทางกรงุ เทพฯ ขึน้ ไปปกครองหัวเมอื งต่าง ๆ ในล้านนา หรือ
การจัดเก็บภาษีอากรเขา้ ส่วนกลาง ไม่ให้เจ้านายของทางล้านนาจัดเก็บเองอีกตอ่ ไป หรือแม้แต่กระทั่งการใช้กำลัง
ทหารและตำรวจเขา้ ปราบปรามกบฏหรือผูท้ ีม่ ีความคดิ จะแยกตวั เป็นอิสระ ดังมีตวั อยา่ งทเี่ หน็ เด่นชัดก็คอื การปราบ
กบฏเง้ยี วเมอื งแพรใ่ นสมัยรชั กาลที่ 5
อย่างไรก็ตามสยามตระหนักดีว่า การให้ hard power แต่เพียงอย่างเดียวในการปกครอง และผนวก
อาณาจักรล้านนานั้น อาจจะไม่เพียงพอ ดังเช่นในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงทราบถึงปัญหาดังกล่าวดีว่า มี
ความรู้สึกแปลกแยกระหว่างคนสยามหรือที่คนท้องถิ่นนิยมเรยี กว่า คนไทย กับชาวล้านนาพื้นเมือง หรือคนเมือง
56
งานประชมุ วิชาการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย คร้งั ที่ 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยืนในบรบิ ทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
ดังนั้นรัชกาลที่ 5 จงึ ไดท้ รงกำชับใหข้ า้ ราชการชาวสยามปฏิบัตแิ ละให้ความเปน็ ธรรมต่อคนเมืองเฉกเช่นเดียวกับคน
ไทย ดว้ ยเหตนุ ้ีเอง สยามจงึ ใช้อำนาจในรปู แบบของ soft power ควบคู่กันไปด้วยในการปกครอง และค่อย ๆ ผนวก
อาณาจักรล้านนาเป็นดนิ แดนของตนอยา่ งสมบรณู ใ์ นเวลาตอ่ มา
เครื่องมือและรูปแบบในการใช้ soft power ของสยามต่ออาณาจักรล้านนา อาจจะแบ่งได้เป็น 2 มิติ
เหมอื นเชน่ ท่จี ักรวรรดินยิ มอังกฤษนำมาใชใ้ นการปกครองพม่าและอนิ เดยี น้ันเอง
1.) มติ ทิ างดา้ นเศรษฐกจิ
สยามพยายามท่ีจะยกระดบั ชีวติ ความเป็นอยู่และเศรษฐกิจโดยรวมของประชาชนในอาณาจักรลา้ นนาให้ดี
ข้นึ โดยการพัฒนาด้านการคมนาคมและการสือ่ สารต่าง ๆ ที่ใหไ้ ด้อย่างเดน่ ชัดก็คอื การทางสรา้ งทางรถไฟสายเหนือ
จากหวั ลำโพง มายงั จงั หวัดเชียงใหม่ ซ่ึงถอื ว่าเป็นเสน้ ทางรถไฟทสี่ ร้างได้ยากท่ีสุดของสยามในขณะนั้น เนอื่ งจากตอ้ ง
ตัดผ่านหุบเขา และหน้าผาที่สูงชันโดยเฉพาะช่วงระหว่างจังหวัดลำปางและเชียงใหม่ ที่จะต้องทำการเจาะอุโมงค์
เพ่อื ลอดผา่ นภเู ขาขนุ ตาน ซ่งึ เฉพาะการเจาะอโุ มงค์ขุนตาลกใ็ ช้เวลานานถงึ 11 ปี โดยทางการรถไฟสามารถเจาะอุป
โมงคข์ ุนตาลให้แล้วเสรจ็ ในปี พ.ศ. 2461 อยา่ งไรกต็ ามหลงั จากทางรถไฟสามารถเช่ือมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ที่เป็น
ศูนยก์ ลางอำนาจการปกครองของสยามกับเชียงใหม่ท่ีเปรียบเสมอื นเปน็ ศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาไดส้ ำเร็จ ก็
ทำใหเ้ ศรษฐกิจของเชยี งใหม่ และหวั เมอื งต่าง ๆ ทเ่ี ส้นทางรถไฟพาดผ่านดีข้ึนเป็นอยา่ งมาก การซ้อื ขายแลกเปลี่ยน
สนิ ค้าระหวา่ งกนั เพิ่มข้นึ อย่างรวดเร็ว คา่ ขนสง่ สนิ คา้ ถกู ลง และนำมาซ่งึ การทอ่ งเท่ียวในเวลาต่อมา
สง่ิ ทมี่ าพรอ้ มกบั ทางรถไฟกค็ อื ระบบโทรเลข และการขนส่งไปรษณยี ์ท่รี วดเร็วข้นึ ซึ่งเปน็ ทยี่ อมรบั กันแล้ว
ว่า หากการสอ่ื สารพฒั นาข้ึนกจ็ ะทำใหเ้ กิดผลดีตอ่ ระบบเศรษฐกจิ ไปด้วย จึงทำใหส้ ยามกับอาณาจักรลา้ นนาในขณะ
คา้ ขายกันไดส้ ะดวกมากขึ้น และชีวติ ความเป็นอย่ขู องผูค้ นในอาณาจกั รล้านนาก็ดขี นึ้ ไปโดยปริยาย
2.) มิตทิ างดา้ นสังคม
ทางรถไฟไมเ่ พียงแตจ่ ะใชใ้ นการขนส่งส่งสนิ ค้าระหวา่ งสยามกับอาณาจกั รลา้ นนาเท่านั้น ยงั ทำหน้าท่ีหลัก
ที่สำคัญคอื การขนส่งผู้คนระหว่างอาณาจักรล้านนากับกรงุ เทพฯ หรือแม้แต่ระหว่างหัวเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักร
ลา้ นนาเอง การมาถึงของทางรถไฟสายเหนอื ทำใหเ้ กิดการเดินทางที่สะดวกขึ้นระหว่างเชียงใหม่ ลำปาง แพร่ หรือ
เมืองอื่น ๆ ในลา้ นนากบั กรงุ เทพฯ จากเดิมการทางเดินโดยใชเ้ รอื หางแมงปอ่ งระหวา่ งเชยี งใหมก่ ับกรุงเทพฯ อาจจะ
ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาเพยี งชั่วข้ามคืน ดังนั้นเม่ือการเดินทางสะดวกขึ้น ผู้คนก็
เดินทางไปมาหาสู่กันมาขึ้นตามไปด้วย คหบดีชาวเชียงใหม่และลำปาง นิยมส่งบุตรหลานของตนไปเรียนต่อใน
กรุงเทพฯ คนกรงุ เทพฯ และหลายจังหวดั ในภาคกลางเร่ิมเข้าทำมาหากนิ ตัง้ รกฐานในภาคเหนือมากขนึ้ และในทาง
กลับกันคนเมือง หรือคนลา้ นนาก็เข้าไปหางานทำหรือตั้งรกในกรุงเทพฯ มากขึ้นดว้ ยเช่นกัน ปรากฏการณ์ข้างต้นก็
อาจจะกล่าวได้ว่า สยามได้ใช้ทางรถไฟไปในการส่งออกวัฒนธรรมของตนไปยังล้านนา หรือใช้เป็นเครื่องมือใน
รปู แบบของ soft power ในการกลืนอาณาจักรล้านนาอย่างช้า ๆ ค่อยเปน็ ค่อยไป
ส่วนรูปแบบอืน่ ๆ ของการใช้ soft power ของสยามกับ อาณาจกั รล้านทเ่ี หน็ ได้เด่นชัดกค็ อื การส่งเสริม
ใหค้ ณะมิชชันนารชี าวตะวนั ตกเข้าไปเผยแพรศ่ าสนาในอาณาจักรล้านนา ซึง่ การเผยแพรศ่ าสนาของคณะมิชชันนารี
มักจะมาพร้อมกับการนำมาซึ่งระบบการศึกษาและการรักษาพยาบาลแบบตะวนั ตก มกี ารกอ่ ตงั้ โรงเรียนท่ีใช้รูปแบบ
การเรียนการสอนแบบตะวันตก ร่วมถึงการสร้างโรงพยาบาลต่าง ๆ ด้วย โดยตัวอย่างหนึ่งที่ดีในกรณีน้ีก็คือ
โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ซ่งึ อาจถือได้ว่าเปน็ โรงพยาบาลแผนปัจจุบนั แห่งแรกของจงั หวัดเชียงใหม่ กอ่ ต้ังโดยคณะมัช
ชันนารชี าวอเมรกิ นั ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2410 และในปี พ.ศ. 2463 ได้ยา้ ยทีต่ ้ังพรอ้ มท้งั กอ่ สรา้ งอาคารแหง่ ใหม่ โดยมพี ระ
เจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงอดิศรอุดมเดช เป็นผู้ทำพิธีวางศิลาหัวมุม (corner stone) ซึ่งการที่สมาชิกในราชวงศ์
57
งานประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย คร้งั ท่ี 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยืนในบรบิ ทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
พระองคใ์ ดพระองคห์ น่ึงเสดจ็ มาทรงเปน็ ประธานในพธิ ีดงั กลา่ ว อาจจะแสดงให้เห็นวา่ สยามในยุคน้ัน ให้ความสำคัญ
ของการสนบั สนุนกิจการงานตา่ ง ๆ ของคณะมิชชนั นารีเป็นอยา่ งมาก นอกจากน้นั ในเร่ืองของระบบการศึกษาทาง
สยามเองก็ได้มีการส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนแบบสมัยใหม่ ใช้หลักสูตรจากส่วนกลาง ยกเลิกการสอนโดยใช้
ภาษาพืน้ เมอื ง และจดั ต้ังโรงเรียนประจำจงั หวัดข้นึ อกี ดว้ ย
ที่กล่าวมาข้างต้นดูเหมือนว่าสยามจะเลือกใช้ soft power ที่เป็นรูปแบบใหม่ ที่อังกฤษนำมาใช้กับพมา่
และอินเดีย แต่รปู แบบและจารีตดงั เดิมก็ถกู นำมาใช้ด้วยเช่นกัน ไมว่ ่าจะเป็นการแตง่ งานระหว่างสองราชวงศ์ เพื่อ
เชื่อมความสัมพันธ์ทางเครือญาติซึ่งกันและกัน หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองสงฆ์ให้มีลักษณะแบบ
เดียวกับที่สยามใชเ้ ป็นตน้ ซึง่ หากเปรียบเทียบกันระหวา่ งการใช้ soft power ของสยามกับอังกฤษต่อประเทศอาณา
นคิ มหรือประเทศราชของตนนั้น ดูเหมอื นวา่ สยามจะประสบความสำเรจ็ มากกว่า ทัง้ นีอ้ าจจะสืบเนอ่ื งมาจากสาเหตุ
หลายประการไม่วา่ จะเป็นรูปแบบของการใช้ soft power ทเ่ี ปน็ การผสมผสานวธิ ีดง่ั เดมิ เขา้ กบั วธิ สี มยั ดังท่ีกล่าวไป
แล้วในตอนต้น หรืออาจจะเป็นเพราะเนื่องด้วยชาวสยามกับชาวล้านนามีความใกล้ชิดกันทางด้านชาติพันธ์ุ
ขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อทางศาสนามากกว่าชาวอังกฤษกับชาวอินเดียหรือชาวพม่า ซึ่งมีความ
แตกตา่ งกันอย่างมากในดา้ นชาติพนั ธ์ุ ศาสนา ภาษาและความเชอื่ ตา่ ง ๆ นัน้ เอง
ข้อเสนอแนะ
จากศกึ ษาเร่อื งการใช้อำนาจในรปู แบบของ soft power ของสยามตอ่ อาณาจกั รลา้ นนาในอดีตนั้น เราจะ
พบว่า สยามมีการหยิบยืมรูปแบบส่วนหนึ่งมาจากเจ้าอาณานิคมอย่างประเทศอังกฤษ และรูปแบบการใช้อำนาจ
บางส่วนสยามก็เลือกที่จะใช้แบบจารีตประเพณีดังเดิม ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สยามสามารถผนวก
อาณาจกั รล้านนาเขา้ เป็นสว่ นหน่งึ ของสยามหรอื ประเทศไทยในปจั จุบนั ได้อยา่ งสมบรูณ์ ไมป่ รากฏวา่ มีความขัดแย้ง
หรอื รสู้ ึกแบ่งแยกระหว่างผคู้ นในภาคเหนือตอนบนกบั ภาคกลางหรือภาคอนื่ ๆ ของประเทศไทยอย่างชดั เจน
ดังนนั้ จงึ เป็นเร่ืองที่นา่ ศึกษาและทำการวิจัยเชงิ ลึกเพม่ิ เป็นอยา่ งยงิ่ เราจะสามารถถอดบทเรียนในการใช้
soft power ของสยามในอดีตมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศในปัจจุบันได้
อย่างไรบ้าง
บรรณานกุ รม
รยุ าภรณ์ สคุ นธทรยั พย.์ (2561). การบริหารจัดการทรัพยากร Soft Power ของไทย.วารสารรฏั ฐาภริ ักษ์ ปีที่ 60
ฉบบั ที่ 3 กนั ยายน – ธันวาคม 2561.
ชัยพงษ์ สำเนยี ง. (2553). การสร้างตำแหน่งแห่งทส่ี อง “เมืองแพร่” ในประวตั ศิ าสาตร์ “ชาติไทย” : จากเมืองกบฏ
สเู่ มอื งทีจ่ งรกั ภักด.ี วารสารมหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ฉบับภาษาไทย ปที ่ี 30 ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2563.
ชษิ ณุพงศ์ ดว้ งสุข และปรลิ ักษณ์ กลิน่ ชา้ ง. (2563). อำนาจละมุน (Soft Power) ที่สะท้อนในภาพยนต์เยอรมัน
Good Bye, Lenin! : การใช้มุมมองทางรฐั ศาสตร์วเิ คราะหภ์ าษาและสัญลักษณ์ในภาพยนต์. วารสาร
มนุษยศาสาต์ ฉบับบณั ฑิตศกึ ษา มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ พ.ศ. 2563.
ทินกฤต สริ รี ตั น.์ (2564). สมมติวา่ มี “ล้านนา”: พ้นื ที่ อำนาจ-ความรู้ และมรดกของอาณานิคมสยาม. วารสาร
ประวัติศาสาตร์ ธรรมศาสาตร์ ปที ่ี 8 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2564).
ศักดิภทั เชาวนล์ ักณส์ กลุ และสุภทั รา อำนวยสวัสดิ.์ (2560). สยามกบั การล่าอาณานคิ มสมยั รชั กาลที่ 5 ( พ.ศ.
2511 -2453). วารสารชอ่ พะยอม ปีท่ี 28 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – พฤษภาคม) พ.ศ. 2560.
58
งานประชุมวิชาการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครือข่ายศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย คร้งั ที่ 12
ภายใต้หวั ขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ศรญั ญา ประสพชิงชนะ. (2563). การขยายตัวของเมืองกลั กตั ตาและการสรา้ งสถาปัตยกรรมภายใตอ้ ทิ ธิพลของ
อังกฤษต้งั แต่ ค.ศ. 1690-1911. วารสารวชิ าการมนษุ ยศาสาตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา ปที ี่
28 ฉบบั ที่ 3 กนั ยายน – ธันวาคม 2563.
อารยา ฟา้ รุ้งสาง. (2564). ไม้สัก : ลทั ธจิ กั วรรดินยิ ม และบทบาทขององั กฤษในความสัมพันธร์ ะหวา่ งสยาม –
ล้านนากอ่ น พ.ศ. 2442. มนุษยศาสตร์สาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปที ่ี 22 ฉบบั ท่ี 3 พ.ศ. 2564.
59
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาติและนานาชาติ เครอื ขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครัง้ ที่ 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยืนในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ประวตั ิผู้วจิ ยั
1. ประวตั สิ ่วนตวั ปจั จัย ปยิ ะชน รปู ถ่าย
ชอ่ื -นามสกุล หัวหนา้ สาขาวิชาการจดั การ มหาวิทยาลยั
ตำแหนง่ ปจั จบุ นั นานาชาติแสตมฟอร์ด วิทยาเขตชะอำ จ.
เพชรบุรี
วนั เดอื น ปี เกดิ 8 มิถุนายน 2515
ท่ีอยูป่ จั จบุ ัน 1458 ถนนเพชรเกษม ต.ชะอำ อ.ชำอำ จ.เพชรบรุ ี
เบอร์โทรศัพท์ 027694000 ตอ่ 3030
เบอร์โทรสาร 0869147799
เบอรโ์ ทรศัพท์มอื ถือ
2. ประวัตกิ ารศึกษา
ปี พ.ศ.ทจ่ี บ วฒุ กิ ารศกึ ษา สาขาวิชา สถาบันท่ีจบ
2539 ศ.บ. เศรษฐศาสาตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่
2549 M.I.B. International Business University of Tasmania
3. ประวตั ิการทำงาน
ช่วงปี พ.ศ. ตำแหนง่ หน่วยงาน
มหาวิทยาลยั นานาชาติแสตมฟอรด์
2557 –ปจั จุบัน อาจารย์
4. ผลงานด้านการวจิ ยั ท้งั ภายในและภายนอกประเทศ
งานวจิ ัยทท่ี ำเสรจ็ แลว้
Jarujan Songsakul, Maturos Mathurasai & Patjai Piyachon (2018). The factors Effecting Foreigner
How to Choose Restaurants in Hua-hin. Proceedings of RTUNC 2018 the 3rd National Conference
Ubonratchathani. Ubonratchathani University May 25, 2018. 1028-1037.
ปรญิ ญา บรรจงมณี เรวติ า สายสดุ และ ปัจจยั ปยิ ะชน. (2562). การรับรู้และพฤตกิ รรมการตดั สินใจใช้ของ
ผบู้ รโิ ภคทม่ี ตี ่อ ATV Sport Park ในพ้นื ทอ่ี ำเภอชะอำ จงั หวัดเพชรบุรี. วารสารวจิ ัยและพฒั นา วไลยอลงกรณ์ใน
พระบรมราชปู ถมั ภ์ สาขามนุษย์ศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์. ปีที 14 ฉบับท่ี 3 กันยายน – ธันวาคม พ.ศ.2562. หน้า
272-284.
60
งานประชุมวชิ าการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ขา่ ยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ครั้งท่ี 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยืนในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
บทความวิชาการเรื่อง กระบวนการพฒั นาองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินในยุค 4.0
กรณีศึกษาเทศบาลตำบลปรกิ อำเภอสะเดา จงั หวัดสงขลา
The process of developing local government organizations in the 4.0 era.
A case study of Prik Sub-District Municipality, Sadao District, Songkhla Province.
อรทยั ไพยรัตน์
Orathai Paiyarat
คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฎั สงขลา 90000
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 และปัจจัย
ของกระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ในยุค 4.0 ของเทศบาลตำบลปริก อำเภอสะเดา จงั หวดั สงขลา
โดยใชก้ ารวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ เลอื กพน้ื ทก่ี ารวิจยั แบบเจาะจง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเบอ้ื งต้นจากเอกสาร และคำให้
สัมภาษณ์ของนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปริกผ่านช่องทางยูทูป (Youtube) บนหน้าเว๊ปไซต์ของทางเทศบาล
ตำบลปริกเปน็ หลกั เน่อื งจากเปน็ การศกึ ษาในเชงิ เอกสาร และนำมาขอ้ มูลมาวเิ คราะห์เนอื้ หา ให้เห็นกระบวนการ
และปจั จัยจากกระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในยคุ 4.0 พบวา่ กระบวนการพัฒนาองค์กรปกครอง
สว่ นทอ้ งถ่ินในยุค 4.0 แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คอื (1) กระบวนการพัฒนาภายในองค์กร ดว้ ยรปู แบบไตรพลังอนุภาค
แห่งความยั่งยืน (2) การพัฒนาองค์กรร่วมกับภาคีเครือข่าย บนฐานของแนวความคิดในการสานพลังของภาค
ประชาชน ภาคีหุ้นส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สมาชิกสภาทุกคน ฝ่ายบริหาร ตลอดจนข้าราชการและ
พนักงานทุกคน ส่วนปัจจัยทีส่ ่งผลต่อกระบวนการพัฒนา คือ 1) ผู้นำมีบทบาทสำคญั ต่อการพัฒนาเทศบาลตำบล
ปริก 2) เทศบาลตำบลปริกให้ความสำคัญกบั บริบทท่ีเปลีย่ นแปลงไปตัง้ แต่ระดับโลกลงมาจนถึงระดับพื้นที่ในการ
พัฒนาองค์กร 3) ความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร 4) คำนึงถึงเป้าหมายการนำนโยบาย
เช่ือมโยงไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ข้อเสนอแนะคอื เทศบาลตำบลปรกิ ควรมีการพฒั นาศักยภาพโดยการสนบั สนุนและส่งเสริม
กระบวนการคดิ และวางแผนนโยบายที่มีความรอบด้านและเทา่ ทันกับสถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน เพ่ือเป็นแนวทางการ
พัฒนาองค์กรและการสรา้ งผนู้ ำการเปล่ยี นแปลงในอนาคต
คำสำคญั : กระบวนการ, การพัฒนา, องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน, ยุค 4.0
ABSTRACT
The objectives of this study were to study the process of developing local government
organizations in the 4.0 era and the factors of the development process of local government
organizations in the 4.0 era of Prik Sub-District Municipality, Sadao District, Songkhla Province. Using
61
งานประชุมวชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และศิลปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยืนในบริบทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
qualitative research, select a specific research area. Preliminary data collection from documents
and interviews of the mayor of Prik Subdistrict Municipality mainly via YouTube channel (Youtube)
on the website of Prik Subdistrict Municipality. Because it is a documented study and use the data
to analyze the content to see processes and factors from the development process of local
government organizations in the 4.0 era. It was found that the development process of local
government organizations in the 4.0 era is divided into 2 parts: (1) internal development processes;
with the Sustainability Tri-Particle Model (2) Organization development with network partners Based
on the concept of empowering the people's sector various partners both public and private All
members of the council, the administration, as well as all government officials and employees.
The factors affecting the development process are; 1) Leaders play an important role in the
development of Prik Sub-District Municipality. 2) Prik Subdistrict Municipality focuses on the
context that has changed from the global level down to the local level of organizational
development. 3) The importance of human resource development in the organization 4) Take
into account the goals of implementing the linkage policy into practice. The suggestion is Prik
Subdistrict Municipality should develop potential by supporting and promoting the thinking
process. and planning policies that are well-rounded and keep pace with the situation as a guideline
for organizational development and creating future change leaders.
Keywords: Process, development, Local government organization, 4.0 era
บทนำ
การพัฒนาองค์กรมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน เนื่องจากองค์กรเป็นหน่วยงาน
พื้นฐานที่เกีย่ วข้องกับผูค้ นมากมาย การบริหารและการพัฒนาองคก์ รจึงเป็นศลิ ปะอย่างหนึ่งในการดำเนินงานให้
ประสบผลสำเร็จ ทง้ั น้ีการบริหารหรือการพฒั นาองค์กรขึ้นอยู่กบั หลายองคป์ ระกอบ เชน่ ความยืดหยุน่ การสอ่ื สาร
สภาพแวดล้อม คนในองค์กร การบรหิ ารจัดการ รวมท้งั เร่ืองของเทคโนโลยี (ณฏั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ทน์, 2551) ท้ังนี้
การพฒั นาองคก์ รสว่ นใหญเ่ ริ่มตน้ ในส่วนของภาคเอกชนเปน็ หลักเพอ่ื นำองค์กรสู่การพฒั นาอย่างยัง่ ยืน แต่อยา่ งไรก็
ตามในปัจจุบันการพัฒนาองค์กรได้ขยายแนวคิดมาสู่ภาครัฐมากขึ้น เพื่อให้ภาครัฐมีสมรรถนะสูงรองรับการ
เปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะฉะนั้นกระบวนการพัฒนา
องค์กรภาครัฐจึงมีความสำคัญในการพัฒนาองค์กรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้องค์ กรมีการพัฒนาที่มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นองคก์ รภาครัฐต้องมีการปรับสภาพการทำงานให้
สอดคล้องกับบริบทปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้
องค์กรมมี าตรฐานในการบริหารจัดการ ทั้งนีอ้ งค์กรต่างๆ ได้รับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว เช่น
62
งานประชุมวชิ าการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ครง้ั ที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยืนในบรบิ ทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
การแขง่ ขันท่ีสงู ข้นึ ระหว่างหนว่ ยงานหรอื องคก์ ร ความจำเป็นในการยกระดบั การทำงาน และสร้างความโปรง่ ใสใน
การทำงาน โดยใชห้ ลกั ธรรมาภิบาลในการบรหิ ารงานภาครัฐ (พรี พล ไทยทอง, 2560) เพอ่ื มุ่งประโยชน์สูงสุดของ
ประชาชนและประเทศชาติ แต่อย่างไรกต็ ามการบริหารงานภาครัฐนอกจากยึดหลักธรรมาภบิ าลแล้ว จำเป็นต้อง
เน้นกระบวนการพัฒนาองค์กรเพื่อให้องค์กรมีประสทิ ธิภาพมากข้ึน ซึ่งในปัจจุบันองคก์ รภาครัฐตา่ งต้องเผชิญกับ
การเปลี่ยนแปลงทุกมิติ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบด้านบวก คือ ทำให้หน่วยงานมีการพัฒนาท่ี
สอดคลอ้ งกบั ยคุ สมัย และทำใหร้ ะบบการพฒั นาองค์กรมีประสิทธภิ าพมากข้ึน แตใ่ นทางกลับกันการเปล่ียนแปลง
ดังกล่าวส่งผลกระทบกับคนทำงานในองค์กร และจำเป็นต้องมีการปรับตัวโดยการพัฒนาศักยภาพในการทำงาน
วิธีการทำงาน และมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคนในองค์กร (สุนันทา เลาหนันท์, 2551) ดังนั้นด้วยการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกองค์กร จึงนำมาสู่การตั้งคำถามว่ากระบวนการพัฒนาองค์กรของ
องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นในยุค 4.0 มีกระบวนการพัฒนาอย่างไร เพื่อให้การพัฒนาองค์กรสอดคล้องกับบริบท
การทำงานขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ซ่งึ เป็นองคก์ รภาครัฐในปจั จบุ ัน
วัตถปุ ระสงค์การวิจัย
1. เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 กรณีศึกษาเทศบาลตำบลปริก
อำเภอสะเดา จังหวดั สงขลา
2. เพื่อศึกษาปัจจัยของกระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 กรณีศึกษาเทศบาล
ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
การทบทวนวรรณกรรม
การวิจัยเรื่องกระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
กระบวนการพฒั นาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น และศกึ ษาปัจจัยเงอ่ื นไขของการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน
ในยคุ 4.0 ซึ่งภายใต้กระบวนการพฒั นาองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ิน มีการดำเนนิ งานตามลำดับข้ันตอนเพื่อให้เห็น
การพัฒนาทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ โดยมปี จั จยั เง่อื นไขท่สี ง่ ผลตอ่ การพัฒนาองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ประกอบด้วย ผนู้ ำ
(Ibarra et al., 2011) บริบทไทยแลนด์ 4.0 (เพ็ญประภา ศรีประสม, 2563) ทรัพยากรมนุษย์ เป้าหมายและ
นโยบาย เพอื่ นำไปสู่แนวทางการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในยุค 4.0 ทั้งน้ีกรอบแนวคิดการวิจัยดังกล่าว
เป็นกรอบการศึกษาเบื้องตน้ ซึง่ สามารถปรับเปล่ียนตามสถานการณใ์ นพ้นื ท่ีท่ีเปลีย่ นแปลงไป
63
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศลิ ปวฒั นธรรม อยา่ งยง่ั ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ปจั จยั เงอ่ื นไข กระบวนการพัฒนาองค์กร แนวทางการพฒั นาองค์กร
- บริบทไทยแลนด์ 4.0 ปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ปกครองส่วนท้องถ่ินในยคุ
- ทรพั ยากรมนุษย์ 4.0
- เปา้ หมายและนโยบาย - รับรปู้ ญั หาและความต้องการ
- ผู้นำทด่ี ี ในการพัฒนาองคก์ ร
- การวนิ ิจฉัยและเก็บรวบรวม
ข้อมูล
- การใหข้ อ้ มูลปอ้ นกลบั และ
วนิ จิ ฉยั ร่วมกนั
- การวางแผนและปฏบิ ัติการ
วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย
การศึกษาครั้งนเ้ี ปน็ การศึกษาเชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) โดยในการศกึ ษาเบื้องต้นครั้งน้ี เลือก
พื้นที่การวิจัยแบบเจาะจง โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้นำในการพัฒนาองคก์ ร ผู้นำมีวิสัยทศั น์
และกลยุทธใ์ นการนำพาองค์กร และมผี ลงานเชิงรปู ธรรมในการพฒั นาองคก์ ร เช่น การมีแผนหรือยุทธศาสตร์แบบ
บรู ณาการระหวา่ งประเทศและพื้นที่ รวมทั้งสามารถนำกลยุทธไ์ ปปรบั ใช้กบั พ้นื ท่ไี ด้ การเก็บรวบรวมข้อมูลเบอ้ื งต้น
จากเอกสาร (Documentary Collection) (สารต้นปริก, 2564) และคำให้สัมภาษณ์ของนายกเทศมนตรีเทศบาล
ตำบลปริกผ่านชอ่ งทางยูทปู (Youtube) บนหน้าเว๊ปไซต์ของทางเทศบาลตำบลปริกเป็นหลัก (เทศบาลตำบลปริก,
2565) เนื่องจากเป็นการศึกษาเบื้องต้น และประกอบด้วยสถานการณ์โควิดที่ส่งผลต่อการเข้าถึงกลุ่มเ ป้าหมาย
และนำมาข้อมูลมาวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ให้เห็นกระบวนการและปัจจัยจากกระบวนการพัฒนา
องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในยุค 4.0 ที่สอดคล้องกับดำเนนิ งานขององค์กรในบรบิ ทปัจจุบัน
ผลการวจิ ัย
กระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 ของเทศบาลตำบลปรกิ มีความมงุ่ มนั่ ในการสร้าง
องค์กรโดยใหป้ ระชาชาชนเข้ามามีสว่ นร่วมในการพัฒนาในแต่ละมิติ เพื่อขับเคลือ่ นไปสูก่ ารสรา้ งสังคมสนั ติสุขให้
เกดิ ขึน้ ร่วมกนั บนค่านิยมของคำว่า “ท้องถ่นิ เป็นธรรม สังคมเป็นสุข” ทัง้ นี้ในกระบวนการพฒั นาองค์กรปกครอง
สว่ นท้องถน่ิ แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คือ (1) กระบวนการพฒั นาภายในองคก์ ร ดว้ ยรูปแบบไตรพลงั อนุภาคแหง่ ความ
ยั่งยืน (2) การพัฒนาองค์กรร่วมกับภาคส่วนต่างๆ บนฐานของแนวความคิดในการสานพลังของภาคประชาชน
ภาคหี ุน้ ส่วนต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน สมาชิกสภาทุกคน ฝ่ายบรหิ าร ตลอดจนข้าราชการและพนักงานทุกคน
ซ่งึ มีรายละเอยี ดดังต่อไปน้ี
1) กระบวนการพัฒนาภายในองค์กร
1.1 การรับรูป้ ัญหาและความตอ้ งการในการพฒั นาองค์กร โดยการพัฒนาเทศบาลตำบลปริกให้
เป็นองคก์ รธรรมาภบิ าล อาศัยรปู แบบไตรพลังอนภุ าคแหง่ ความย่ังยืนขององค์กรท่มี ีกลมุ่ พีเ่ ลี้ยง (Coaching) เพื่อน
64
งานประชุมวิชาการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ข่ายศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครง้ั ท่ี 12
ภายใต้หัวขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบรบิ ทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
หนนุ พ่นี ำ (Tandem) และภมู บิ ตุ รา (Bhumi-Buttra) เปน็ กลไกหลกั ในการขบั เคลอื่ น รวมทงั้ การใช้นวัตกรรมการ
บริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Management and Development) ด้วย
กระบวนการพฒั นาศักยภาพให้กบั คนในองค์กร การจัดการอบรม หรือฝึกอบรมเพ่ือสนบั สนุนส่งเสริมให้ขา้ ราชการ
และพนักงานปฏิบัติตามระเบียบแบบแผน วินัยข้าราชการ เสริมสร้างและพัฒนาทัศนคติ จิตสำนึก และ
พฤติกรรมการบริการสาธารณะ โดยองค์กรมีบทบาทในเชิงยุทธศาสตร์ระดับพื้นที่ พัฒนากำลังบุคลากร องค์
ความรใู้ นการแกไ้ ขปญั หา พัฒนาพ้ืนที่ท้งั ในมิตเิ ศรษฐกจิ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม และมิติอ่นื ๆ ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นท่ี
คำนงึ ถึงผลประโยชนแ์ ละความต้องการของพลเมอื งเทศบาลตำบลปริกเปน็ สำคญั
1.2 การวินิจฉัยและเก็บรวบรวมข้อมูลขององค์กร เทศบาลตำบลปริกให้ความสำคัญกับการ
พัฒนาองค์ความรู้ (Knowledge Management) ให้กับบุคลากรในองค์กร โดยการอบรมหรือฝกึ อบรม การสร้าง
และพัฒนาบคุ คลากรให้เป็นคนดี มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มจี ติ สำนึกแหง่ การบริการ (Service Mind) เป็นคนเก่งมี
ความรู้ ความสามารถในการทำงานรับใชพ้ ี่นอ้ งประชาชน และใหบ้ ริการอยา่ งสะดวก รวดเร็ว โปรง่ ใส ชว่ ยเหลือ
กันในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ มีระบบการบรหิ ารจัดการทีท่ นั สมัย มีประสทิ ธภิ าพ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โดยการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบการทำงานทีเ่ ป็นดิจิทัลเขา้ มาประยุกตใ์ ช้อย่างคมุ้ ค่า เพอ่ื ให้
ประชาชนและผู้รับบริการทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส ประชาชน
สามารถเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง ตรวจสอบได้ ไม่มีข้อจำกัดของเวลา พื้นที่ เสียค่าใช้จ่ายน้อย เช่น การ
ให้บริการสาธารณะด้านต่างๆ บนเว๊ปไซต์หลักของเทศบาล และพัฒนาระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการบริการ
สาธารณะ เป็นต้น พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ ทำงานในเชิงรุกและสามารถบูรณาการการทำงาน
ร่วมกบั ภาคส่วนอ่ืนๆ ได้
1.3 การให้ข้อมลู ป้อนกลบั และวนิ จิ ฉยั รว่ มกนั เทศบาลตำบลปรกิ มเี ปา้ หมายการปฏิบัติราชการ
เพ่ือให้เกดิ ความผาสุกและความเป็นอยทู่ ่ีดีของประชาชน โดยถอื วา่ ประชาชนเป็นศนู ยก์ ลางในการไดร้ บั บริการจาก
เทศบาลตำบลปรกิ และเปดิ โอกาสใหภ้ าคสว่ นทเ่ี กี่ยวขอ้ งเข้ามามสี ว่ นร่วมในการดำเนินการสาธารณะ พัฒนาเมือง
ให้น่าอยู่อย่างยั่งยนื เป็นเมืองแห่งนวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร เป็นเครื่องมอื เพื่อพัฒนา
คุณภาพชีวิตของประชาชน ประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานและการบริการทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดล้อม โดยกำหนดผ่านยุทธศาสตร์ นโยบายของเทศบาล วิธีการทำงาน ตลอดจนแผนงานโครงการให้
สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองไปสู่ความยั่งยืน ทั้งนี้มีการให้ข้อมูลป้อนกลับโดยการประเมินความพึงพอใจในการ
บริการสาธารณะของเทศบาลตำบลปริก ซึ่งประกอบด้วยประเด็น 1) การกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการ
ให้บริการแกป่ ระชาชน 2) การให้บริการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ 3) การ
เลอื กใช้ช่องทางการให้บรกิ ารทีเ่ หมาะสมกบั การใหบ้ รกิ าร 4) การจัดใหม้ ชี ่องทางและกลไกในการแก้ไขปัญหาเร่ือง
ร้องเรียนของประชาชน 5) การจัดทำระบบข้อมูลทางสถิติและสรุปผลการให้บริการแก่ประชาชน โดยผลการ
ประเมินในภาพรวมทั้ง 5 ด้าน พบวา่ ผรู้ บั บริการมคี วามพงึ พอใจต่อการให้บรกิ ารอยู่ในระดับมาก ซ่ึงสะท้อนให้
เห็นว่าการพฒั นาองคก์ รท่มี คี วามชดั เจนในด้านวิสยั ทัศน์ พนั ธกจิ ยุทธศาสตร์ นโยบาย วิธีการทำงาน ตลอดจน
65
งานประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ข่ายศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใต้หัวข้อ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
แผนงานโครงการ รวมทั้งการพฒั นาศักยภาพทรพั ยากรมนษุ ย์ในองคก์ รทีท่ างเทศบาลให้ความสำคัญ ส่งผลให้ได้
ข้อมลู ปอ้ นกลบั ที่เป็นประโยชนต์ อ่ การพัฒนาองค์กรในระยะต่อไป
1.4 การวางแผนและปฏบิ ัติการ เทศบาลตำบลปริกใหค้ วามสำคัญกบั นโยบายทสี่ ามารถนำไปสู่
การปฏิบัติได้ โดยทำให้เกิดความสอดคล้องเชื่อมโยงจากระดับลา่ งขึ้นสู่ระดับบน (Bottom up) และระดับบนลง
ด้านล่าง (Top down) และสอดประสานกับทิศทางการพัฒนาประเทศชาติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แหง่ ชาติฉบับที่ 12 และฉบบั ที่ 13 ทก่ี ำลังจะมีข้นึ ในขณะเดยี วกันก็คำนงึ ถึงความเชื่อมโยงกบั ยุทธศาสตร์ชาติ 20
ปี นโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล นโยบายระดบั จังหวัด นโยบายของอำเภอสะเดา และนโยบายสาธารณะ
จากพี่น้องประชาชน รวมทั้งประการสำคัญคือ การน้อมนำเอาแนวพระราชดำรัสว่าด้วย “ปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี ง” มาประยุกตใ์ ชใ้ นพน้ื ท่ีและเป็นแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาลตำบลปริกท่บี รู ณาการกับแนวคิด
ในระดับสากล คือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ซึ่งอาศัยกรอบ
ดังกล่าวมองการพัฒนาทั้งในมติ ิเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มีความเช่ือมโยงกัน เพื่อให้การวางแผนและ
การปฏิบัติดงั กล่าวเปน็ ทิศทางในการพัฒนาเมอื งท่ยี ่ังยืนตอ่ ไป
2) การพัฒนาองค์กรร่วมกับภาคสว่ นต่างๆ บนฐานของแนวความคิดในการสานพลังของภาคประชาชน
ภาคหี ุ้นสว่ นต่างๆ ทง้ั ภาครฐั และเอกชน สมาชิกสภาทุกคน ฝ่ายบรหิ าร ตลอดจนข้าราชการและพนักงานทุกคน
เพื่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลงทางสังคม (Social Change Agent) ในการขยายผลความร่วมมือ โดยชักชวนหัวหน้า
ส่วนราชการ พนกั งานเทศบาล คณะครูโรงเรียนเทศบาลปรกิ มาร่วมกันเป็นผ้นู ำการเปลย่ี นแปลงเพือ่ พฒั นาสงั คม
เทศบาลตำบลปริกตามรูปแบบการทำงานบนฐานความร่วมมือ สานพลังเพื่อชุมชนท้องถิ่น (Collaborate
Connected Community)
ปจั จัยของกระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในยุค 4.0
1. ผู้นำมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเทศบาลตำบลปริก เนื่องจากผู้นำมีลักษณะเป็นผู้นำเชิงการ
เปลี่ยนแปลง (Change Agent) คอื สามารถปรับเปลยี่ นตนเองและพัฒนาบคุ คลากรในองคก์ รไปตามสภาพแวดล้อม
หรือสถานการณท์ ี่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยผู้นำพยายามให้การสนับสนุนและส่งเสรมิ ศักยภาพของบุคลากรในด้าน
ต่างๆ เพื่อให้บุคลากรมีจิตสำนึกแห่งการบริการ ซึ่งผู้นำมีการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านทุจริต
สร้างมาตรฐานการใช้ดุลยพินิจในการใช้อำนาจหน้าที่ให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good
Governance) นอกจากนั้นผู้นำของเทศบาลนครปริกยังมีลักษณะผู้นำเชิงกลยุทธ์ (Strategic Leadership) คือ
เป็นผู้นำที่มองการไกลถึงส่ิงที่องค์กรจะต้องเผชญิ ในอนาคต มีการวางวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ นโยบาย
วธิ กี ารทำงาน ตลอดจนแผนงานโครงการที่สอดคลอ้ งกับการพัฒนาเมืองไปส่คู วามยั่งยืน รวมทั้งมีลักษณะผู้นำใน
ปัจจุบันคือเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความร่วมมือ (Collaborative Leadership) ให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่
ร่วมกัน
66
งานประชุมวชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย คร้งั ท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยืนในบริบทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
2. บริบทไทยแลนด์ 4.0 (ผู้นำมีวธิ ีคิดท่ีสามารถเช่อื มโยงมติ ติ า่ งๆ ในระดับท้องถ่ินสู่ระดบั โลกได้ หรอื รู้เท่า
ทันโลก) เทศบาลตำบลปรกิ ใหค้ วามสำคัญกับบริบทที่เปล่ียนแปลงไปตั้งแต่ระดับโลกลงมาจนถึงระดับพื้นท่ีในการ
พฒั นาองคก์ รโดยเฉพาะบคุ ลากรในองคก์ รให้เทา่ ทันกับสถานการณ์ พรอ้ มท้งั พฒั นาบคุ ลากรของเทศบาลในทุกมิติ
เพื่อใหส้ ามารถรองรับการบรกิ ารให้กับประชาชนได้อย่างทวั่ ถึงและเท่าทันสถานการณ์
3. ความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ยใ์ นองค์กร ถอื วา่ เปน็ ปัจจยั สำคญั ทอ่ี งคก์ รให้การสนับสนุน
และสง่ เสรมิ เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ซ่งึ เป็นแหล่งพลังงานหลกั จะช่วยหนเุ สรมิ การทำงานของเทศบาลให้
มีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลมากยิ่งขึ้น ดังนั้นองค์กรจึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษยใ์ นองค์กร
ทุกๆ ดา้ น เพ่ือรองรบั ทศิ ทางของนโยบายและการเปลยี่ นแปลงท่ีเกดิ ขน้ึ ในระดับพน้ื ทแี่ ละระดบั ประเทศ
4. คำนึงถึงเป้าหมายการนำนโยบายเชื่อมโยงไปสู่การปฏิบัติ ปัจจัยความสำเร็จอีกประการของ
กระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 คือการวางนโยบายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
นโยบายของจังหวดั และนโยบายสาธารณของพ้นื ท่ี
อภปิ รายผลการวจิ ัย
การศกึ ษาครัง้ นีส้ ะท้อนให้เห็นวา่ กระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นในยุค 4.0 มกี ระบวนการ
เกดิ ขน้ึ ท้งั กระบวนการภายในองค์กร และการพัฒนาองค์กรรว่ มกบั ภาคสว่ นตา่ งๆ บนฐานของแนวความคิดในการ
สานพลังของภาคประชาชน ภาคีหุ้นส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สมาชิกสภาทุกคน ฝ่ายบริหาร ตลอดจน
ข้าราชการและพนักงานทุกคน ทั้งนี้กระบวนการพฒั นาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 ของเทศบาลตำบล
ปริกยงั มีปัจจัยเง่ือนไขที่น่าสนใจหลายประการในกระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินในคร้ังน้ี ซ่ึงจะยก
ประเดน็ มาอภปิ รายโดยมรี ายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้
จากการศกึ ษาแสดงใหเ้ ห็นว่ากระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ในยคุ 4.0 ของเทศบาลตำบล
ปริก ขึ้นอยู่กับผู้นำเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้นำของเทศบาลตำบลปริกมีลักษณะของผู้นำที่มีวิสัยทัศน์
(Visionary) มคี วามศกั ยภาพด้านความรู้และความสามารถทหี่ ลากหลาย สอดคลอ้ งกับลกั ษณะผู้นำองค์กรภาครัฐ
สมยั สมยั (เสกสรรค์ สนวา และคณะ, 2561) ทีก่ ลา่ วว่าลักษณะของผู้นำองค์กรภาครัฐควรมีบคุ ลิกภาพท่ีดี (Good
Personality) มีวิสัยทัศน์ (Visionary) มีศักยภาพ (Potential) ที่หลากหลาย รวมทั้งเป็นนักกลยุทธ์ (Strategist)
ทส่ี ามารถออกแบบกลไกในการพัฒนาองค์กรทั้งภายในและภายนอกได้ แต่อยา่ งไรกต็ ามกระบวนการพัฒนาองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 จำเป็นต้องอาศัยผู้นำท่ีมีลักษณะสง่ เสริมความร่วมมือท้ังในระดับหน่วยงานภายใน
และสามารถสรา้ งความรว่ มมอื กับองค์กรภาคีภาคสว่ นภายนอกได้ โดยผู้นำจำเปน็ ต้องเขา้ ใจบรบิ ทหรอื สถานการณ์
ท่ีเกดิ ขึน้ ในปัจจุบนั ท่มี ีความซบั ซ้อนและเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ จงึ ทำใหส้ ามารถพฒั นาองค์กรไปสคู่ วามย่งั ยืนได้
67
งานประชุมวิชาการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ข่ายศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใต้หวั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม และศิลปวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
สรุปผลการวจิ ยั
บทความนี้เป็นการศึกษากระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัจจัยเงื่อนไขของ
กระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินในยุค 4.0 พบว่า กระบวนการพัฒนาองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินใน
ยคุ 4.0 แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คอื (1) กระบวนการพัฒนาภายในองคก์ ร ด้วยรปู แบบไตรพลงั อนุภาคแห่งความยั่งยืน
(2) การพัฒนาองค์กรร่วมกับภาคส่วนต่างๆ บนฐานของแนวความคิดในการสานพลังของภาคประชาชน ภาคี
หุ้นสว่ นต่างๆ ทง้ั ภาครฐั และเอกชน สมาชกิ สภาทุกคน ฝ่ายบรหิ าร ตลอดจนข้าราชการและพนักงานทุกคน และ
มีปัจจยั สำคัญท่ีส่งผลต่อกระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินคือ (1) ผู้นำมีบทบาทสำคญั ต่อการพัฒนา
(2) บรบิ ทไทยแลนด์ 4.0 (3) ความสำคญั ของการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ในองคก์ ร และ (4) คำนึงถงึ เปา้ หมายการ
นำนโยบายเชื่อมโยงไปสู่การปฏบิ ัติ ซึ่งมีขอ้ เสนอต่อกระบวนการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในยุค 4.0 คือ
เทศบาลตำบลปริกควรมีการพฒั นาศกั ยภาพโดยการสนับสนุนและส่งเสรมิ กระบวนการคดิ และวางแผนนโยบายท่ีมี
ความรอบด้านและเท่าทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาองค์กรและการสร้างผู้นำการ
เปลย่ี นแปลงทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ในพ้นื ทใี่ นอนาคต
เอกสารอา้ งอิง
ณัฏฐพนั ธ์ เขจรนันทน์. (2551). พฤติกรรมองคก์ ร. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
เทศบาลตำบลปรกิ . (2565). ปริก เมืองสบาย สบาย. ออนไลน์ : เข้าถึงไดจ้ าก http://www.tonprik.go.th/
frontpage 10 มกราคม 2565.
ประชาสัมพันธเ์ ทศบาลตำบลปริก ปที ่ี 22 ฉบับท่ี 2 เดือนพฤษภาคม-สงิ หาคม 2564.
พีรพล ไทยทอง. (2560). ธรรมาภิบาลกบั การบรหิ ารงานภาครัฐยุคใหม่ไทยแลนด์ 4.0. วารสาร มจร
เพญ็ ประภา ศรปี ระสม. (2563). ประเทศไทยยุค 4.0 เป็นอยา่ งไร. ออนไลน์ : เข้าถงึ ไดจ้ าก
http://ced.sci.psu.ac.th/km/km/experience-km/2560/thailand4.0#:~:text. วันที่ 14 ตุลาคม
2563.
สงั คมศาสตรป์ รทิ รรศน์ ปที ่ี 6 ฉบบั ที่ 2 (ฉบับพิเศษ เล่มท่ี 3) พฤษภาคม 2560.
สารตน้ ปริก. (2564). พลเมืองปริก ไมป่ ระมาท การด์ ไมต่ ก ไมต่ รกหนก แต่ตอ้ งตระหนัก. วารสารเพื่อการ
สนุ ันทา เลาหนันท์ (2551). การพฒั นาองค์การ. บรษิ ทั ทวีรตั น์ เอ็ดดูเคชัน่ จำกัด. กรงุ เทพฯ.
เสกสรร สนวา ฉัตรณรงค์ศกั ดิ์ สธุ รรมดี และวิไลลักษณ์ ขาวสะอาด. (2561). คณุ ลกั ษณะของผนู้ ำองค์การภาครัฐ
สมยั ใหม.่ Vol.20 Special Issue (September-October) 2018-JHSSRRU.
Herminia Ibarra, Morten T. Hansen. (2011). Are you a collaborative leader? HBR’s 10 must read on
collaboration. Published by Harvard Business Review Press.
68
งานประชุมวิชาการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ครั้งท่ี 12
ภายใต้หวั ข้อ“แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยืนในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
กระบวนการสร้างแผนทวี่ ัฒนธรรมรว่ มกับชมุ ชน:
กรณศี ึกษาอำเภอเขมราฐ จังหวัดอบุ ลราชธานี
Collaborative Cultural Mapping Process with Local Community:
Khemarat, Ubon Ratchathani
วรงศ์ นัยวินิจ1 จรยิ าภรณ์ อ่นุ วงษ์2
คำลา่ มุสกิ า3 วศิน โกมุท3 จักเรศ อิฐรตั น์3 วชิ ลุ ดา พไิ ลพันธ์3 อนิ ทิรา ซาฮรี ์3
1 คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั กาญจนบรุ ี [email protected]
2 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
3 คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
บทคดั ย่อ
การสรา้ งแผนที่ทางวฒั นธรรมเป็นกระบวนการที่จำเปน็ จะต้องมีชุมชนเจ้าของวัฒนธรรมเข้ามามีส่วน
รว่ มต้งั แตต่ ้น เพราะถอื เปน็ การเก็บรวบรวมและบันทกึ ข้อมูลทกี่ ระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในชุมชนใหเ้ ป็นระเบียบ
ในเชิงประจักษ์เพื่อใช้กำหนดแนวทางการพัฒนาเมืองบนพื้นฐานด้านวัฒนธรรม กระบวนการสร้างแผนท่ี
วัฒนธรรมร่วมกับชุมชน กรณีศึกษาอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี มีวัตถุประสงค์คือสร้างแผนที่ทาง
วัฒนธรรมอำเภอเขมราฐ ด้วยกระบวนการสร้างแผนท่ีวัฒนธรรมร่วมกับชมุ ชนโดยนำเทคโนโลยสี ารสนเทศทาง
ภูมิศาสตร์มาช่วยในกระบวนการสร้างแผนที่ ผลที่ได้จากกระบวนการนี้ประกอบไปด้วยโครงสร้างและ
ความสัมพันธ์ของระบบที่มีแผนที่วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือร่วมในการนำไปต่อยอดสร้างพื้นที่วัฒนธรรมและ
ยกระดับศิลปะและวัฒนธรรมในอำเภอเขมราฐสู่แผนพัฒนาผู้ประกอบการทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ผลที่ได้คือ
ระบบฐานขอ้ มูลด้านวฒั นธรรมท่มี ีส่วนขอ้ มูลท่ัวไปและขอ้ มลู เชงิ วิเคราะห์ เชอื่ มกบั พกิ ัดที่ตั้งของวัฒนธรรมเป็น
ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตรด์ า้ นวฒั นธรรมของอำเภอเขมราฐ อยา่ งไรกต็ ามระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ที่
ได้ควรจะตอ้ งเพมิ่ ขอ้ มลู ท้ังเชิงปรมิ าณและเชิงคุณภาพ เพ่อื ใหไ้ ด้ข้อมูลวัฒนธรรมทส่ี มบรู ณม์ ากขึ้น
คำสำคัญ: แผนทีว่ ฒั นธรรม ฐานขอ้ มูล เขมราฐ
Abstract
Cultural mapping is a collaborative process which demands the active involvement of
local people in communities where the collected cultures are found. A cultural map features
an organized, structured, and geo-tagged cultural database making it useful to support designing
a culture-based development strategy. This project aims at building a cultural map
collaboratively with the Khamarat community in Ubon Ratchathani Province. The collaborative
process to build Khemarat cultural map is applied and the collected data is integrated into the
Geographic Information System. The outputs of this collaborative process are the analytic
structure and relationship of the system’s components under study guiding the research team
69
งานประชุมวิชาการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และศลิ ปะวฒั นธรรม อยา่ งยง่ั ยืนในบริบทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
and local collaborators to create cultural spaces and strengthen the local artists and cultural
entrepreneurs. The cultural database consists of general and analytic information which is
transferred into the geographic information system. The improvement of the cultural map
suggested by users includes quantitative and qualitative issues regarding cultural data.
Keyword: Cultural map, Database, Khemarat
1. บทนำ
วัฒนธรรมคือความซับซ้อนเช่ือมโยงหลายด้านท้ังทางจิตวิญญาณ ด้านวัตถุ ด้านคุณลักษณะทางปัญญา
และอารมณ์ทีเ่ ป็นลักษณะเฉพาะของสงั คมนั้น ซึง่ ไม่ใชแ่ ค่เพยี งศลิ ปะและวรรณกรรม แตย่ งั รวมถงึ วถิ ีชวี ติ ประเพณี
และความเชื่อ วัฒนธรรมและประสบการณ์นั้นมีผลต่อการก่อรูปร่างของความเชื่อรวมไปถึงทิศทางในการศึกษา ,
สื่อกลาง, การท่องเที่ยว, การพัฒนาชุมชน, การวางแผน และ อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งเหล่าน้ีเป็นปจั จัย
และมีผลต่อการรบั รูข้ องผคู้ นเกย่ี วกับสถานท่นี ้นั ๆ โดยเฉพาะการใหค้ วามสนใจเกี่ยวกบั เรอ่ื งของบคุ คลและชุมชนท่ี
สื่อความหมายของวัฒนธรรม (Fukuda-Parr & Office, 2004; Maraña, 2010; UN Committee on Economic
Social and Cultural Rights (CESCR), 2009) “แผนทที่ างวฒั นธรรม” เปน็ เครอื่ งมอื หนึ่งทส่ี ามารถนำมาใช้ท้ังใน
เชิงการตคี วามหมายที่แท้จรงิ และเชิงอุปมาอุปมัยที่นอกเหนือจากการทำแผนที่ แต่เป็นการรวบรวมทรัพยากรทาง
วฒั นธรรมและข้อมูลที่ถกู บนั ทึกไว้ด้วยเทคนคิ ต่าง ๆ
การสร้างแผนท่ีทางวฒั นธรรมเป็นกระบวนการที่จำเป็นจะต้องมีชุมชนเจ้าของวฒั นธรรมเข้ามามีส่วนร่วม
ตัง้ แตต่ น้ เพราะถอื เป็นการเกบ็ รวบรวมและบันทึกข้อมลู ท่ีกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในชุมชนให้เป็นระเบียบในเชิง
ประจักษ์ นอกจากนี้การทำแผนที่วัฒนธรรมในระดับชุมชนยังเป็นการรวบรวมข้อมูลประวัติศาสตร์โดยผ่านการ
สอบถามและเล่าเรื่องจากคนในชุมชน ข้อมูลเหล่านีส้ ามารถใช้แสดงถงึ การเปล่ียนแปลงตามช่วงเวลาต่อเนื่องจาก
อดีตจนถึงปัจจุบนั และเป็นแนวโน้มการเปล่ียนแปลงทีจ่ ะเกิดขึ้นในอนาคต (Hooper, 2005) ดว้ ยกระบวนการสร้าง
แผนที่วัฒนธรรมองค์ประกอบทางวัฒนธรรมจะได้รับการบันทึก วิเคราะห์ และสังเคราะห์อย่างเป็นระบบร่วมกบั
ชมุ ชน แล้วนำขอ้ มูลท่ไี ด้บนแผนท่ที างวฒั นธรรมไปใช้ในการเริม่ กิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ของชุมชน เป้าหมาย
ขั้นพื้นฐานที่สดุ ของการสร้างแผนที่วฒั นธรรมคือการช่วยให้ชุมชนรับรู้ เข้าใจ และสนับสนุนความหลากหลายทาง
วัฒนธรรม เพ่ือการพฒั นาเศรษฐกจิ ระดบั ชมุ ชน (Longley & Duxbury, 2016) โดยประเภทขอ้ มูลแผนท่วี ฒั นธรรม
สามารถแบ่งออกเป็น 2 หมวดหมู่คือ วัฒนธรรมที่จับต้องได้ (Tangible) เช่น สถาปัตยกรรม โบราณสถาน
โบราณวัตถุ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่จับตอ้ งไม่ได้ (Intangible) เช่น ความเชื่อ, ภูมิปัญญา,
ประเพณีพิธีกรรม ความทรงจำ ทศั นคติและคุณคา่ ตา่ ง ๆ นอกจากนีแ้ ผนท่ีวัฒนธรรมยังถกู ใช้เพ่ือในการพฒั นาระดับ
เมือง ดว้ ยการเก็บรวบรวมขอ้ มูลสถานการณ์ของเมอื ง ณ ปจั จุบัน เพ่ือศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงของเมอื งและวิเคราะห์
ศกั ยภาพและข้อจำกดั ของการพัฒนาเมือง ซง่ึ ขอ้ มลู เหล่านี้ถือเป็นองค์ความรู้และฐานขอ้ มลู ทส่ี ำคัญต่อการกำหนด
แนวทางการพัฒนาเมืองบนพนื้ ฐานวัฒนธรรมของชุมชน
จังหวัดอุบลราชธานเี ปน็ จงั หวัดทมี่ ีประวัตศิ าสตรย์ าวนาน มกี ารสืบทอดศิลปวฒั นธรรมมาหลายชว่ั อายุคน
เทศกาลสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานีเป็นงานระดับชาติที่ได้รับความสนใจจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็น
70
งานประชุมวชิ าการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ข่ายศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครง้ั ที่ 12
ภายใต้หวั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
จำนวนมาก คอื ประเพณแี ห่เทยี นพรรษาเป็นประเพณีทางพทุ ธศาสนา สนิ ค้าหัตถกรรม ผลติ ภณั ฑ์พื้นบ้านอันเป็น
เอกลักษณ์ของท้องถิ่น อาทิเช่น ผ้ากาบบัว เป็นสินค้าหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองอุบลราชธานีถือเป็นผา้
ประจำจงั หวัด เน่ืองจากมลี วดลายสวยงามเฉพาะตวั และไดร้ บั คำชมจากพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รชั กาลที่ 5 ผ้าไหมผนื เรียบ ผลติ ภณั ฑร์ ะดับ 5 ดาวเปน็ การทอผา้ ไหมนำมายอมด้วยสีจากธรรมชาตหิ รอื สีเคมี ด้วย
ฝมี อื การทออยา่ งประณตี ทำให้เนอ้ื ผา้ สมำ่ เสมอและผวิ มันวาว เครื่องทองเหลือง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีสืบทอด
กันมาจากบรรพชนบ้านปะอาว อำเภอเมอื งอบุ ลราชธานี เป็นหมูบ่ ้านทีใ่ ช้วชิ าหลอมท่ีสืบทอดมากว่า 4,500 ปีด้วย
วธิ ีการหลอ่ แบบขีผ้ งึ้ หายสรา้ งผลิตภัณฑ์ทส่ี วยงาม จังหวดั อบุ ลราชธานเี ปน็ อีกจังหวัดของประเทศไทยท่ีมีแม่น้ำโขง
ไหลผ่านเป็นระยะทาง 130 กิโลเมตร ในเขต 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอ
ศรีเมอื งใหม่ และอำเภอโขงเจยี ม ซ่งึ ทำใหพ้ ื้นที่ 5 อำเภอน้ีมลี กั ษณะทางวฒั นธรรมทีส่ มั พนั ธ์กับผู้คนอกี ฝ่ังของแม่น้ำ
โขง โดยเฉพาะอำเภอเขมราฐนับเป็นอีกหน่ึงอำเภอสำคัญของจังหวัดอุบลราชธานีทีม่ ีประวัติความเป็นมายาวนาน
รว่ ม 200 ปี และยงั เป็นพื้นท่ีท่ีมีลักษณะทางวฒั นธรรมท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเองหลายด้าน ความสำคัญของอำเภอ
เขมราฐ เกดิ จากทีต่ งั้ ของอำเภอเขมราฐที่ตดิ กบั แม่น้ำโขงเป็นระยะทางกวา่ 40 กิโลเมตร ซ่งึ ฝง่ั ตรงข้ามคอื เมืองสอง
คอน แขวงสะหวันนะเขต ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสาย
สำคัญของภูมภิ าคลุ่มน้ำโขงเชือ่ มโยงคนกลุม่ ต่างๆ ให้เคลื่อนย้ายอพยพจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงมายังฝั่งขวาแม่น้ำโขง
อย่างต่อเนื่องเกิดการสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นโดยเฉพาะในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้แม่น้ำโขงยังเปน็ เส้นทาง
การค้าโบราณที่พ่อค้าจะนำสินค้าจากภายในและภายนอกมาแลกเปล่ียนกันในพ้ืนที่ของเมืองเขมราฐ จากเอกสาร
ทางประวัติศาสตร์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวว่า เมืองเขมราฐทำการค้ากับเมืองละคอน
(เมอื งนครพนม) สนิ คา้ ออกทีส่ ำคญั ของเขมราฐ คอื วัว ควาย ม้า และนำเขา้ บุหร่ี และปนู จากเมืองละคอน เขมราฐ
ในอดตี ถือเป็นเมอื งชุมทางการคา้ ในเขตลมุ่ นำ้ โขงตอนล่างทำหนา้ ทรี่ วบรวมสินคา้ จากสองฝ่งั แมน่ ำ้ โขงและทำการค้า
กบั เมืองนครพนมและเมอื งหนองคายในเขตลุ่มนำ้ โขงตอนกลาง ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของเมอื งเขมราฐยังคงมี
อย่างต่อเน่ืองถึงปจั จุบันเน่ืองจากอำเภอเขมราฐเป็นที่ตงั้ ของจุดผอ่ นปรนดา่ นอำเภอเขมราฐ - บา้ นนาปากซนั เมือง
สองคอน แขวงสะหวนั นะเขต เช่ือมการค้าชายแดนระหวา่ งไทยกับสปป.ลาว นอกจากความสำคญั ของแม่น้ำโขงต่อ
การสรา้ งบ้านแปงเมอื ง และด้านการคา้ แลว้ แมน่ ำ้ โขงยังเป็นเสน้ ทางการส่งตอ่ ทางดา้ นวัฒนธรรมและความเช่ือร่วม
ระหว่างผคู้ นสองฝง่ั แม่น้ำโขง เชน่ การรบั วัฒนธรรมการรำตงั หวายจากแขวงสะหวันนะเขตมายังเมืองเขมราฐก่อน
จะเผยแพร่ไปยงั พืน้ ท่ีอนื่ ๆของอีสาน ความศรัทธาร่วมตอ่ พระเจ้าใหญอ่ งค์ต้อื ของประชาชนสปป.ลาวและประชาชน
ในอำเภอเขมราฐและใกล้เคียง รวมถึงประเพณีทางศาสนาที่สัมพันธ์กับแม่น้ำโขง คือ การแข่งเรือยาวในวันออก
พรรษาซงึ่ อำเภอเขมราฐจัดเปน็ ประจำทุกปใี นชว่ งเดือนตลุ าคม
อำเภอเขมราฐ ถอื เปน็ อำเภอทม่ี ปี ระวัติความเป็นมายาวนานนับ 200 ปี เดมิ มฐี านะเปน็ เมืองท่ีมีบทบาท
สำคญั ในภูมภิ าคเทียบเท่ากบั เมืองช้ันเอก ขนึ้ ตรงกับกรงุ เทพมหานคร โดยไดร้ บั การโปรดเกลา้ ฯ จากพระบาทสมเดจ็
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ให้ตั้งบ้านโคกกงพะเนียงเป็นเมืองเขมราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ. 2357 มีความหมายว่า
“ดินแดนแห่งความเกษมสขุ ” และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอปุ ฮาดก่ำที่อพยพมาจากเมอื งอุบลราชธานเี ป็นเจ้าเมอื งคน
แรก มีนามว่า “พระเทพวงศา″ ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเทพมหานครกับเมืองเขมราษฏร์ธานีคือ เมืองเขมราษฎร์
ธานีมีหน้าที่ส่งสว่ ยตามทีท่ างกรุงเทพมหานครกำหนด ภายหลังเม่ือ พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อย่หู วั ทำการปฏิรูปการปกครอง จดั การปกครองภายใตร้ ูปแบบมณฑลเทศภิบาล แบ่งมณฑลในภาคอสี านเป็น 3
มณฑลได้แก่ มณฑลอีสาน มณฑลนครราชสีมา มณฑลอุดร และเนื่องด้วยมณฑลอสี านเป็นมณฑลขนาดใหญ่จงึ ถูก
แบง่ ออกเป็น 5 บรเิ วณ ไดแ้ ก่ บรเิ วณอบุ ล บริเวณขุขนั ธ์ บรเิ วณสุรินทร์ บริเวณร้อยเอด็ และบริเวณจำปาศกั ด์ิ เมอื ง
71
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย คร้งั ที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ“แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยืนในบรบิ ทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
เขมราฏรธ์ านอี ยู่ในบรเิ วณอุบล เมืองเขมราษฎรธ์ านอี ย่ภู ายใต้การปกครองของเมืองอบุ ลราชธานมี าโดยตลอดต้ังแต่
การปฏิรปู การปกครองแบบมณฑลเทศาภบิ าลจนถงึ ปัจจุบัน ปัจจุบนั อำเภอเขมราฐมีพนื้ ที่ 526.75 ตารางกิโลเมตร
มีประชากร 79,525 คน แบ่งเขตการปกครองเป็น 9 ตำบล 123 หมู่บ้าน มีเทศบาลตำบล 6 แห่ง องค์การบริหาร
ส่วนตำบล 4 แห่ง ประชากรร้อยละ 90 ประกอบอาชพี เกษตรกรรม ทำนา ทำสวน ทำไร่ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ได้แก่ เกาะแก่งในลำน้ำโขง เช่น หาดทรายสูง แก่งช้างหมอบ พระพุทธรูปศกั ดิ์สิทธิ์เชน่ พระเจ้าองคห์ มืน่ พระเจา้
องค์แสน พระหยกมรกต พระพุทธเขมรัฐวรมงคล พระเจ้าใหญ่องต้ือ สถานที่สำคัญทางศาสนาเช่น หอแสง สำนัก
สงฆ์ภูเขาเงิน ศาลหลักเมอื งพระเทพวงศา เจ้าเมืองเขมราฐ งานประเพณี ไดแ้ ก่ งานแข่งเรอื นานาชาติ งานแห่งเทียน
เขา้ พรรษา และศลิ ปะการแสดงพืน้ บา้ นท่ีสำคัญคอื “รำตงั หวาย” เพื่อเปน็ การสง่ เสริมการท่องเท่ียวและทำนุบำรุง
ศิลปวฒั นธรรม อำเภอเขมราฐจัดให้มีตลาดนัดถนนคนเดินทกุ วันเสาร์ท่ี 2 และวันเสาร์ท่ี 4 ของทกุ ๆ เดือน โดยมี
การแสดงสินคา้ และศิลปะการแสดงพน้ื บา้ น คือ การฟอ้ นรำตงั หวาย ซงึ่ เปน็ เอกลกั ษณ์ประจำทอ้ งถน่ิ โดยผู้สูงอายุ
ทมี่ จี ิตอาสาของอำเภอเขมราฐ เพอ่ื เปน็ การตอ้ นรับผูท้ ีม่ าทอ่ งเทยี่ ว อาจกลา่ ววา่ ตลอดระยะเวลา 200 ปีตง้ั แต่การ
ตั้งเมืองเขมราฏร์ธานีจนถึงปัจจุบัน อำเภอเขมราฐเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
เศรษฐกิจ การเมอื งการปกครอง และคนในพนื้ ที่ตระหนกั ถึงความสำคัญของพื้นท่ีเป็นอย่างดีและมีความพยายามท่ี
จะฟื้นฟูวฒั นธรรมด้ังเดิมที่สะทอ้ นเอกลกั ษณ์ของเมืองเขมราษฎรธ์ านใี นอดตี ขน้ึ มาอีกคร้งั
จากความสำคญั ดา้ นวัฒนธรรมท่ีมีต่อการพัฒนาพ้ืนทที่ ่ีกล่าวมา ทำให้คณะวจิ ัยเห็นถึงศักยภาพของพ้ืนที่
เมืองเขมราฐที่จะสามารถนำเป็นจุดเร่ิมต้นในการพัฒนาด้านศิลปะและวัฒนธรรมเชิงพื้นท่ี เนื่องจากข้อมูลด้าน
วฒั นธรรมของอำเภอเขมราฐไม่ไดม้ กี ารจัดเกบ็ อยา่ งเปน็ ระบบ มีข้อมลู แบบกระจดั กระจาย บางชุดขอ้ มลู กเ็ ปน็ ความ
ทรงจำของแหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคล การจัดเก็บข้อมูลด้านวัฒนธรรมอย่างเป็นระบบด้วยกระบวนการสร้างแผนที่
วฒั นธรรมจงึ เป็นข้ันตอนทีจ่ ำเป็น ทจี่ ะนำไปสกู่ ารวเิ คราะหร์ ูปแบบของการพัฒนาท่ีมีวัฒนธรรมเป็นแกนหลัก และ
สดุ ท้ายสามารถใช้แผนท่ีวฒั นธรรมเป็นเครอื่ งมือในการกำหนดแนวทางการพัฒนาเมืองบนข้อมลู ทางวัฒนธรรมของ
อำเภอเขมราฐ และคาดวา่ จะสามารถใช้เป็นมาตรฐานในการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจเพือ่ สร้างเปน็ วฒั นธรรมการผลิต
และการบริโภค รวมทงั้ เป็นการอนรุ ักษม์ รดกทางวัฒนธรรมในที่อ่ืน ๆ
2. วตั ถุประสงค์
สร้างแผนท่ีทางวัฒนธรรมอำเภอเขมราฐร่วมกันกับชุมชนเพือ่ นำแผนที่วัฒนธรรมไปใชใ้ นการสร้างพื้นที่
ทางวัฒนธรรมและยกระดบั ศิลปะและวัฒนธรรมในอำเภอเขมราฐส่แู ผนพฒั นาผปู้ ระกอบการทางวัฒนธรรมในพ้ืนท่ี
3. วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ยั
การพัฒนาพื้นที่อำเภอเขมราฐเป็นการพัฒนาที่ใช้พื้นที่เป็นหลัก (Area Based) ที่มีจุดดึงดูดลูกค้าใน
ลักษณะของการทองเที่ยวคือถนนคนเดินที่มีการดำเนินการโดยชุมชนเป็นถนนที่ขายสินค้าทางวัฒนธรรม เป็น
เส้นทางผ่านสถานท่ีท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวดั อุบลราชธานผี นวกกับการพฒั นาทีใ่ ชภ้ มู คิ วามรูและวัฒนธรรมใน
การผลิตสินค้าเป็นหลัก (Product Base) เช่น การลำตั่งหวาย ผ้าย้อมคราม กล้วยตาก และปลาแม่น้ำโขง พื้นท่ี
อำเภอเขมราฐจึงมีทุนทางสังคม (Social Capital) ที่สร้างการมีส่วนร่วม(Participation) และสร้างระบบความคดิ
ของ “การเป็นเจา้ ของรว่ มกัน” ซง่ึ จะทำใหเ้ กิดการอนุรกั ษ์ มีทนุ ทางสงั คมท่เี ข้มแขง็ ทำให้เกิดโอกาสการเรียนรูและ
72
งานประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ เครือข่ายศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ครง้ั ท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยืนในบริบทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
การถ่ายทอดความรู้ ตลอดจนความสำเร็จได้ง่าย อย่างไรก็ตามในบทความนี้จะเน้นถึงกระบวนการสร้างแผนที่
วัฒนธรรมและผลที่ได้รบั คอื ตวั แผนทีว่ ฒั นธรรมเทา่ นัน้
1. กระบวนการสรา้ งเครือข่ายความรว่ มมอื
เนื่องจากการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและการพัฒนาพื้นที่มี
ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม คณะวิจัยจึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือก่อนดำเนิน
กระบวนการวิจยั โดยประกอบไปดว้ ย
1.1 ชมุ ชนมีความเขา้ ใจสภาพแวดล้อมและทรัพยากรท่ีมอี ยแู่ ละสามารนำมาสรา้ งเป็นเอกลักษณ์สร้าง
มูลค่าเพิ่มก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม มีการส่งเสริมตั้งแต่กระบวนการสร้างความรู้ ความเข้าใจและเปิด
โอกาสให้คนในชุมชนเปน็ ผู้ประกอบการ
1.2 องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ มคี วามสำคญั ในการขับเคล่อื น
1.3 ศิลปินในพื้นที่เช่น หมอลำ มลฤดี พรหมจักร ต้นตำรับขับลำพื้นถิ่นของประเทศไทยที่พร้อมจะ
ขยายเครอื ขา่ ย
1.4 ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี ด้านงานวชิ าการและการวางแผน การบ่มเพาะวสิ าหกจิ
1.5 ภาคเอกชนเขา้ ร่วมดำเนินการ
2. กระบวนการสร้างแผนทีว่ ฒั นธรรม
แผนท่วี ฒั นธรรมของอำเภอเขมราฐ จงั หวดั อบุ ลราชธานีเป็นเครือ่ งมือท่ีใช้ในการรวบรวมรายละเอียดของ
วฒั นธรรมท่ีโดดเด่นที่พบในอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานอี ยา่ งเป็นระบบ และเปน็ เครื่องมอื ท่ีนำชุดข้อมูลเชิง
ปริมาณและเชิงคุณภาพที่ได้จากองค์ความรู้และการสืบค้นของนักวิชาการหลายสาขา (ประวัติศาสตร์ ปรัชญา
รัฐศาสตร์ ศิลปะการแสดง วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ฯลฯ) มาวิเคราะห์ร่วมกับชมุ ชนทีม่ ขี ้อมูลอีกชุดที่เป็นภูมิปญั ญา
ทอ้ งถน่ิ ถา่ ยทอดจากรุ่นสรู่ นุ่ ผา่ นประสบการณ์และความทรงจำของคนในชุมชน แผนทวี่ ัฒนธรรมนจี้ งึ เปน็ ระบบการ
จัดการฐานองค์ความรู้จากการผสมผสานข้อมูลเชิงวัฒนธรรมของข้อมูลทั้งสองชุด กระบวนการสร้างแผนที่
วัฒนธรรมของอำเภอเขมราฐ จงั หวดั อบุ ลราชธานี มี 4 ข้นั ตอนหลกั (ภาพที่ 1) คือ
2.1 การเก็บข้อมูลของวัฒนธรรมที่น่าสนใจที่เป็นผลจากการะดมสมองร่วมกับชุมชนผ่าน i) การใช้
ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อกำหนดพิกัดของวัฒนธรรมกับตัวแทนของชุมชน (Gonzalez, 2002) ii) การวิเคราะห์
โครงสร้างและความสัมพันธข์ องระบบ iii) การจัดกิจกรรมการเกบ็ ข้อมูลด้านวัฒนธรรมร่วมกันกับชุมชน โดยเฉพาะ
บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียนของโรงเรียนเขมราฐพิทยาคม iv) การสัมภาษณ์ด้วย Semi-Structure
Guideline การสัมภาษณ์เชิงลกึ และการสืบค้นข้อมูลมอื สอง v) การเก็บข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตรข์ องวัฒนธรรม
ด้วยเคร่อื งระบตุ ำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (GPS) โดยคณะวิจยั (ภาพท่ี 2)
2.2 การนำข้อมลู ท่ีไดใ้ นขนั้ ตอนที่ 1 จดั เก็บลงในระบบฐานข้อมลู ท่ีออกแบบไว้ โดยมีหมวดวัฒนธรรม
ที่จัดเก็บทั้งหมด 9 หมวด1 ได้แก่ แหล่งธรรมชาติ (Natural resource) สถาปัตยกรรม (Architecture)
ศลิ ปะการแสดง (Performing arts) งานช่างฝีมือด้ังเดิม (Traditional craftsmanship) วรรณกรรมพน้ื บ้าน (Folk
Literature) แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล (Social practices, ritual and festive events)
ความรู้และแนวปฏิบัตเิ กีย่ วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล (Knowledge and practices concerning nature and the
1 อา้ งอิงจากมรดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรมโดยกระทรวงวฒั นธรรม http://ich.culture.go.th/index.php/en/home จะมกี ารจัดหมวดหมเู่ ฉพาะ
วฒั นธรรมที่จับต้องไมไ่ ด้ (Intangible culture) เทา่ นั้น ไม่มกี ารกล่าวถงึ วฒั นธรรมที่จบั ตอ้ งได้ (Tangible culture)
73
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ครั้งท่ี 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สังคม และศิลปะวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
universe) กฬี าพนื้ บ้าน (Folk sport game and martial arts) และ ภาษา (Thai local and ethnic languages)
ในขนั้ ตอนน้ีจะรวมถึงการตรวจสอบข้อมลู ทัง้ ด้านปรมิ าณและคณุ ภาพ เพื่อจะใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู ที่ขาดหายเพ่ิมเติม
และแก้ไขข้อมลู ท่มี ีให้ถูกต้อง
2.3 การนำขอ้ มลู ในระบบฐานข้อมลู เชอื่ มต่อกับข้อมลู พกิ ัดทางภมู ิศาสตร์ของวัฒนธรรมเพ่ือสร้างเป็น
แผนทว่ี ฒั นธรรมในรูปแบบระบบสารสนเทศทางภมู ิศาสตร์ดว้ ยโปรแกรม QGIS2 สำหรบั วิเคราะห์ข้อมลู เก่ยี วกับการ
สร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมและการยกระดับศิลปะและวัฒนธรรมในอำเภอเขมราฐสู่แผนพัฒนาผู้ประกอบการทาง
วฒั นธรรมในพืน้ ท่ี
2.4 นำระบบสารสนเทศทางภมู ิศาสตร์เข้าระบบออนไลน์ (Google My Map) เพอื่ ให้เกดิ ความสะดวก
ต่อชมุ ชนสำหรับการให้ขอ้ แนะนำเก่ยี วกับขอ้ มูลท่ีถกู จดั เก็บ
ภาพท่ี 1 กระบวนการสรา้ งแผนที่วฒั นธรรม อำเภอเขมราฐ จังหวดั อบุ ลราชธานี
2 โปรแกรม Freeware สำหรบั สร้างระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ https://www.qgis.org/en/site/
74
งานประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ครัง้ ที่ 12
ภายใตห้ วั ข้อ“แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยืนในบรบิ ทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
ภาพที่ 2 กิจกรรมการเก็บข้อมูลด้านวัฒนธรรมร่วมกันกับชุมชน การสัมภาษณ์ด้วย Semi-Structure Guideline
และการสัมภาษณ์เชิงลกึ ขอ้ มลู ทง้ั หมดจะมกี ารระบพุ ิกัดทางภมู ศิ าสตร์ด้วยเครอื่ งระบุตำแหนง่ ทางภูมศิ าสตร์ (GPS)
โดยคณะวจิ ยั
4. ผลการวิจัยและอภปิ รายผล
ผลการวิเคราะห์โครงสร้างและความสัมพนั ธ์ของระบบ
คณะวจิ ัยใช้เครื่องมือ Unified Modeling Language (UML) Class Diagram (Rumbaugh, Jacobson,
& Booch, 1999; สุนทริน วงศ์ศิริกุล & ชัยวัฒน์ สิทธิโอฬารกุล, 2550) วิเคราะห์โครงสร้างและความสัมพันธ์ของ
ระบบทที่ ำการศกึ ษาพบวา่ โครงสร้างของระบบมีทัง้ หมดดังนี้
CultureKMR: ประเภทของวัฒนธรรมที่พบแยกเป็น ElementaryCulture เป็นวัฒนธรรมเชิงเดี่ยวที่มี
คุณสมบัติ (attributes) ที่เฉพาะตัวแบ่งเป็น 9 หมวด เมื่อมีการนำวัฒนธรรมเชิงเดี่ยวมาผสมผสานเพื่อสร้าง
วฒั นธรรมที่เกิดจากการนำมาใชร้ ่วมกันจะถูกจัดใหเ้ ป็น DiversifiedCulture ทป่ี กตจิ ะพบได้ในการจัดงานกิจกรรม
เชงิ วฒั นธรรมตา่ ง ๆ โดย Diversified culture ประกอบด้วย RegularActivity เชน่ งานถนนคนเดินทีจ่ ัดทกุ วนั เสาร์
กบั SpecialEvent เช่น งานแฟช่นั โชว์ นอกจากน้วี ฒั นธรรมแต่ละวัฒนธรรมนัน้ กจ็ ะมคี วามสมั พันธก์ ับประเภทของ
วัฒนธรรม (CulturalType) วา่ เป็น วัฒนธรรมทจี่ บั ตอ้ งได้ (Tangible) หรือ วฒั นธรรมทจ่ี บั ต้องไมไ่ ด้ (Intangible)
Database: องค์ประกอบของกลุ่มนี้คือระบบฐานข้อมูลที่สร้างด้วยโปรแกรม MS Access และ QGIS
ประกอบด้วย Interface, Table, Modification และ Report สำหรับข้อมูลแต่ละชุดในตาราง (Table) และกลุ่ม
ขอ้ มลู (Fields)3 จะมีรหัสของตวั เอง (code) ฐานข้อมูลท่สี ร้างใน MS Access จะถกู นำไปเชอ่ื มกับข้อมูลพิกัดทาง
ภูมศิ าสตรเ์ พ่ือสรา้ งระบบสารสนเทศทางภมู ิศาสตร์
3 ประยกุ ต์จากระบบฐานขอ้ มูลด้านวฒั นธรรมของ India Gandhi National Centre for the arts
75
งานประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครั้งที่ 12
ภายใต้หัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
CulturalMap: เปน็ องค์ประกอบที่สรา้ งขึน้ จากขอ้ มูลในระบบฐานขอ้ มลู และทำการพัฒนาปรับปรุงแก้ไข
เพม่ิ เตมิ ขอ้ มลู ดา้ นวัฒนธรรมร่วมกบั ชุมชน ซ่งึ ในกรณนี ้ีแผนท่ีวัฒนธรรม (CulturalMap) ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการ
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกิจกรรมเวทีสาธารณะ โดยตัวแทนของชุมชนจะเป็นผู้ตรวจทานข้อมูล และ
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขเพมิ่ เติมข้อมลู ดา้ นวัฒนธรรม
Tool: เป็นผลผลิตของงานวิจัยที่ตั้งไว้โดยแบ่งเป็นสองประเภทคือ Game และ Application ที่ประกอบ
ไปด้วย WebBased Application กับ Mobile Application ซึ่ง Tool ที่สร้างขึ้นจะต้องใช้ข้อมูลจาก Database
และ CulturalMap
StrategicDevelopment: ผังแม่บทของเมือง (PhysicalMasterPlan) จะเป็นตัวระบุพื้นที่วัฒนธรรม
ในขณะท่ีแผนแมบ่ ทการจัดการเมอื ง (ManagementMasterPlan) เปน็ องคป์ ระกอบย่อยของยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา
เมอื ง (StrategicDevelopment) ผปู้ ระกอบการเชงิ วัฒนธรรมจะเป็นสว่ นหน่ึงขององค์ประกอบนเี้ นอ่ื งจากเกย่ี วข้อง
กับแผนการจดั การเมอื ง
Stakeholder: ผู้มสี ว่ นไดเ้ สยี ถือว่าเปน็ องค์ประกอบทส่ี ำคัญมาก แบง่ เปน็ 4 ประเภทคอื StateAgency,
Community, PrivateSector, Visitor กิจกรรมการทำแผนที่วัฒนธรรมจะต้องให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้ร่วมกันสร้าง
และช่วยตรวจทานเพื่อเพิ่มเติมและปรับแก้ไขข้อมูลทางวัฒนธรรมผ่านการใช้สื่อกลางคือ CulturalMap และใน
ขณะเดยี วกนั กร็ ่วมชว่ ยกนั วางผังแม่บทของเมืองและแผนแม่บทการจดั การเมอื ง
HistoricalProfile: เป็นองค์ประกอบที่ใช้เพื่อทำเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่เป็นผลจากปฎิ
สัมพนั ธข์ องการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพชวี ภาพเช่น การขยายของเมือง การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสงั คม และ
การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นท้ังการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการสร้าง
CulturalMap
ภาพที่ 3 UML Class diagram แสดงโครงสร้างและองค์ประกอบในการสร้างแผนที่วัฒนธรรมและการนำไป
ประยุกตใ์ ช้
76
งานประชุมวชิ าการระดับชาติและนานาชาติ เครือข่ายศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย คร้ังที่ 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
รายละเอียดข้อมลู ทางวฒั นธรรมทจี่ ัดเก็บ
คณะวิจัยนำข้อมูลที่สำรวจมาวิเคราะห์ คัดกรองแลว้ นำข้อมูลลงระบบฐานข้อมูลทีส่ ร้างไว้ด้วยโปรแกรม
Microsoft Access 2010 ข้อมูลที่จัดเก็บมีทั้งหมด 74 ชุด แบ่งเป็น แหล่งธรรมชาติ 2 ข้อมูล สถาปัตยกรรม 41
ขอ้ มลู ศลิ ปะการแสดง 3 ขอ้ มลู งานชา่ งฝมี ือดงั้ เดิม 2 ขอ้ มูล วรรณกรรมพ้ืนบา้ น 16 ขอ้ มลู แนวปฏิบัติทางสังคม
พิธีกรรม และงานเทศกาล 1 ข้อมูล ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล 8 ข้อมูล และ ภาษา 1
ขอ้ มลู ซึ่งสามารถพมิ พ์ออกเปน็ รายงานได้เพื่อใช้เปน็ เอกสารในการสือ่ สารกับชุมชนได้ โครงสร้างของขอ้ มูลแต่ละตัว
จะประกอบไปด้วย
1. Code ข้อมูลแต่ละตัวถูกำหนดให้มี Code โดยผู้ที่ใส่ข้อมูลโดย Code จะเป็นอักษรภาษาอังกฤษ
ประกอบด้วย ช่อื ย่อของหมวดวฒั นธรรม-ชื่อยอ่ ของตำบลตามด้วยชือ่ ย่อของอำเภอ-ชอ่ื ยอ่ ของช่ือขอ้ มลู ที่นำเข้า เช่น
Code: PM-KK-SUK มาจาก Architecture (PM) เทศบาลตาบลเขมราฐ (K) อำเภอเขมราฐ (K) ข้อมูลของโรงแรม
สขุ สงวน (SUKsanguan Hotel)
2. ช่ือภาษาองั กฤษและภาษาไทย
3. วันทที่ ำการเก็บข้อมลู (dateOfRecord)
4. ประเภทของวัฒนธรรมที่บันทึกแบ่งเป็น วัฒนธรรมที่จับต้องได้ (tangible) และวัฒนธรรมที่จับต้อง
ไมไ่ ด้ (intangible)
5. พิกดั เสน้ รุ้ง (latitude) เสน้ แวง (longitude)
6. อตั ลกั ษณข์ องวัฒนธรรมทท่ี ำการบนั ทกึ (identity)
7. ท่ตี ั้ง (address)
8. สภาพหรือสถานะของวัฒนธรรมที่ทำการบันทึก จะมี 4 ระดับคือ อยู่ในภาวะเสีย่ งต่อการสญู เสียหรอื
สญู หายมาก (High risk) อยูใ่ นภาวะเสี่ยงตอ่ การสูญเสียหรือสูญหายปานกลาง (Medium risk) อยูใ่ นภาวะเส่ียงต่อ
การสูญเสียหรอื สูญหายน้อย (Low risk) ไมอ่ ยู่ในภาวะเสี่ยง (Fine)
9. ผใู้ หข้ ้อมลู และข้อมลู การตดิ ต่อ (keyPerson)
10. ศักยภาพของวัฒนธรรมทีบ่ นั ทกึ ท่สี ามารถนามาใชใ้ นการพัฒนาเมือง (potential)
11. ข้อจำกดั ของวัฒนธรรมท่บี ันทกึ ถ้าจะนามาใชใ้ นการพฒั นาเมอื ง (limitation)
12. ข้อเสนอแนะอื่น ๆ (notes)
13. สามารถแนบรปู ภาพและเอกสารตน้ ฉบับลงในระบบฐานขอ้ มลู ได้
ผลการตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อมลู
การสร้างแผนที่วัฒนธรรมที่สมบูรณ์จะต้องมีกระบวนการนำข้อมูลทั้งสองส่วนคือ ข้อมูลในระบบ
ฐานข้อมูลและขอ้ มลู พิกดั ทางภมู ศิ าสตร์มารวมเป็นขอ้ มูลชุดเดยี วกันเพอ่ื สร้างระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์แสดง
ถึงพกิ ัดท่ีตงั้ หรอื พกิ ัดท่พี บวฒั นธรรมท้งั ทจี่ ับตอ้ งได้และจับต้องไมไ่ ด้ ในงานวิจัยนก้ี ารรวมขอ้ มูลทางวัฒนธรรมท่ีโดด
เดน่ ของอำเภอเขมราฐ จงั หวัดอุบลราชธานี จะใช้ code เปน็ ตัวกลางเชื่อมข้อมลู ทั้งสองชุดเข้าด้วยกัน โดยทำการ
รวมข้อมูลสองชุดนี้ในโปรแกรม QGIS Version 2.18.4 (ภาพที่ 5) และแปลงไฟล์ให้สามารถนำเข้า Web-based
map ชื่อ Google My Map (ภาพท่ี 6) แล้วทำการปรบั แกไ้ ขและเพ่ิมรูปภาพใน Google My Map
เน่ืองจากขอ้ มลู ทมี่ ีค่อนข้างมาก การตรวจสอบข้อมลู โดยชมุ ชนเองจะตอ้ งใช้เวลาพอสมควร การท่ีนำแผน
ที่วัฒนธรรมลงใน Google My Map ก็เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลได้สะดวก เมื่อมีข้อผิดพลาดก็
77
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาติและนานาชาติ เครอื ข่ายศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครง้ั ท่ี 12
ภายใต้หวั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
สามารถแจ้งคณะวิจัยผ่านเครือข่ายงานวิจัยและสังคมออนไลน์ได้ รวมทั้งถ้าต้องการเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่พบใน
Google My Map สามารถส่งข้อมูลได้ด้วย Google Form ที่ได้จัดทำไว้ให้ โดยคณะวิจัยไดจ้ ัดการฝกึ อบรมการใช้
งาน Google My Map และ Google Form ใหก้ ับตัวแทนชุมชนในวันที่ 7 ตุลาคม 2560 อย่างไรก็ตามทางชุมชนก็
ยังสามารถใช้ช่องทางปกติเช่น โทรศัพท์และ e-mail รวมทั้งเมื่อมีการจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อแจ้งข้อผิดพลาดและ
เพิม่ เติมขอ้ มูลได้
จากการรว่ มกันตรวจสอบข้อมูลพบวา่ มีขอ้ ผดิ พลาดไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะข้อมลู ทีจ่ ดั เกบ็ น้ันส่วนมาก
เปน็ ขอ้ มลู ปฐมภมู ทิ ี่จัดเก็บจากการสัมภาษณ์โดยตรง และในส่วนของขอ้ มลู ทุติยภมู ิกม็ เี อกสารท่ใี ชอ้ า้ งอิงชัดเจน ทำ
ให้มีการแก้ไขข้อมูลค่อนข้างน้อย แต่มีข้อเสนอแนะให้จัดเก็บข้อมูลเชิงปริมาณให้มากขึ้น รวมทั้งแก้ไขข้อมูลใ น
ส่วนข้อมลู เชิงวเิ คราะห์ใหส้ มบรู ณ์มากขน้ึ
ภาพที่ 4 ระบบฐานข้อมูลด้านวัฒนธรรมอำเภอเขมราฐ จังหวดั อบุ ลราชธานี บนโปรแกรม MS Access
78
งานประชมุ วชิ าการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครอื ขา่ ยศิลปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครัง้ ที่ 12
ภายใตห้ วั ขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยนื ในบรบิ ทหลงั การระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
5. ขอ้ เสนอแนะ
การทำแผนทีว่ ัฒนธรรมเป็นการดำเนนิ การโดยเฉพาะเพื่อระบุตรวจสอบหรือค้นหาศกั ยภาพของวฒั นธรรม
ที่พบในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นขององค์กรหรือส่วนบุคคล เมื่อสามารถระบุศักยภาพเหล่านี้แล้วก็จะนำไปใช้เพื่อสร้าง
ผลลัพธท์ ีห่ ลากหลาย ในอดตี การทำแผนทวี่ ฒั นธรรมเป็นเทคนคิ ท่ีถกู นำมาใชโ้ ดยผเู้ ชี่ยวชาญใน “การพัฒนาชุมชน”
เป็นวิธกี ารของการทำแผนท่สี นิ ทรัพย์ชมุ ชน วธิ กี ารดำเนินการน้นั ข้ึนอยู่กับวา่ ใครเปน็ ผูท้ ำและสาเหตสุ ่วนใหญ่มักใช้
เปน็ เคร่อื งมือในการระบุทรัพยากรของชมุ ชนและถกู เรียกว่า “การทำแผนทีช่ มุ ชน” การทำแผนทีว่ ัฒนธรรมจะเป็น
การบง่ บอกเก่ียวขอ้ งกับอตั ลกั ษณ์ของใครหรอื ของอะไร เป็นของชนเผา่ , ขององค์กร, ของชุมชน, ของกลุม่ โรงเรียน,
ของสมาคมธรุ กจิ หรือของบุคคล ท้ังนี้เพ่อื ค้นหาสนิ ทรพั ย์หรอื ศกั ยภาพท่เี ปน็ เอกลกั ษณข์ องตนเอง
ระบบฐานข้อมูลและแผนที่วัฒนธรรมอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานีถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์
(http://www.khemarat.ubu.ac.th/) และใช้ในการสร้างเครื่องมือ “เกมเปลี่ยนเมือง” เพื่อใช้สำหรับการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนชุมชนในการร่วมกันวางแผนการพัฒนาเมืองบนพื้นฐานวัฒนธรรมท้องถิ่น
อย่างไรก็ตามเครื่องมือดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเมื่องานวิจัยระยะที่ 1 เสร็จสิ้น ในงานวิจัยระยะต่อไป
จุดมุ่งหมายหลักคือการพฒั นาเศรษฐกิจท้องถิ่นบนฐานวัฒนธรรมทีม่ ีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทำให้เครื่องมอื ท่ี
สร้างไว้ไม่สามารถนำมาใช้ไดโ้ ดยตรง จำเป็นจะตอ้ งมกี ารปรบั ปรุงแก้ไขให้เหมาะสม และจากขอ้ เสนอแนะท่ีได้รับ
เกี่ยวกับแผนที่วฒั นธรรมทีค่ วรจะต้องเพิ่มขอ้ มูลทั้งเชงิ ปริมาณ (จำนวนชุดข้อมูลด้านวฒั นธรรม) และเชิงคณุ ภาพ
(หมวดหมแู่ ละข้อมลู เชิงวเิ คราะห์) เพ่ือใหไ้ ดแ้ ผนท่วี ัฒนธรรมทสี่ มบูรณ์มากขึ้น
การเพิ่มหมวดสงิ่ อำนวยความสะดวกเช่น ที่พกั จดุ บริการ ร้านคา้ รา้ นอาหาร เป็นการเพมิ่ ข้อมูลลงแผนท่ี
วัฒนธรรมเพอ่ื ให้เกิดการประโยชน์ตอ่ การเชื่อมต่อข้อมูลทางวัฒนธรรมกับช่องทางการเพิม่ มูลค่าของวัฒนธรรมให้
สะดวกตอ่ ผู้ทส่ี นใจ เมอ่ื ขอ้ มูลเดมิ และข้อมลู ใหมท่ ่ีอยู่ในแผนท่ีวัฒนธรรมมคี วามสมบูรณ์ การนำแผนที่วัฒนธรรมชุด
นี้มาวิเคราะห์ร่วมกับชุมชนเพ่ือรว่ มกันกำหนดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ จะทำให้แนวทางดังกล่าวตัง้ อยู่บนพน้ื
ฐานข้อมูลที่ถูกต้องที่ผ่านการตรวจสอบโดยชุมชน นอกจากนี้การปรับปรุงบ้านขุนภูรีประศาสตร์ให้เป็นพื้นที่
วัฒนธรรมที่ตั้งอยู่บนถนนคนเดินเขมราฐในระยะต่อไปถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะนำแผนที่วัฒนธรรมไปใช้
ประโยชนอ์ ย่างเปน็ รูปธรรมมากขึ้น
อยา่ งไรกต็ ามการจดั หมวดหมวู่ ฒั นธรรมโดยเฉพาะหมวดแหลง่ ธรรมชาติซงึ่ ทจ่ี ับต้องได้น้ันเป็นการกำหนด
โดยคณะวิจยั เองเนื่องจากไม่มีในเอกสารทางวิขาการใดๆ กลา่ วถงึ แตจ่ ากการพิจารณาพบว่าแหล่งธรรมชาติมีส่วน
สำคัญต่อวิถีชีวิต เช่น การทำประมงพื้นบ้าน และในปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธณรมของ
พื้นที่เป็นอย่างมาก การที่มีหมวดแหล่งธรรมชาติระบบฐานข้อมูลและกำหนดลงในแผนที่วัฒนธรรมจะช่วยให้
มองเห็นความสัมพนั ธ์ทั้งเชิงพนื้ ท่ี และเชงิ เนื้อหาระหว่างแหล่งธรรมชาติกับวฒั นธรรมอนื่ ๆ
นอกจากนี้ยังพบประเด็นปัญหาเกี่ยวกับของระบบฐานข้อมูลที่สร้างขึ้นนั้นไม่มีมาตรฐานกลางที่ให้ใช้
รว่ มกัน ทำให้ระบบฐานขอ้ มูลของโครงการวิจัยทีไ่ ดร้ ับทุนเดียวกนั มีเปา้ หมายเดยี วกัน แต่มีพื้นที่ทำวิจัยต่างกัน ไม่
สามารถนำมารวมกันให้เป็นระบบฐานข้อมูลด้านวัฒนธรรมที่สูงกว่าระดับท้องถิ่นได้ ดังนั้นการพัฒนาระบบ
ฐานข้อมลู และแผนที่วฒั นธรรมรว่ มจึงมคี วามจำเปน็ อยา่ งมาก เพอื่ ช่วยให้กระบวนการจดั เกบ็ ข้อมูลสะดวกขึ้น และ
เพิ่มศักยภาพในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ให้ได้มากขึ้น ทั้งในเชิงกว้างคือจำนวนผู้ใช้งาน และเชิงลึกคือการวาง
นโยบายการบรหิ ารจดั การดา้ นวัฒนธรรมระดบั ประเทศ
79
งานประชมุ วิชาการระดบั ชาติและนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ครงั้ ที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ“แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สังคม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ภาพที่ 5 ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์โปรแกรม QGIS แสดงข้อมูลด้านวัฒนธรรมของอำเภอเขมราฐ จังหวัด
อุบลราชธานี
ภาพท่ี 6 Google My Map แสดงข้อมลู ด้านวัฒนธรรมของอำเภอเขมราฐ จงั หวัดอุบลราชธานี บน Chrome Web
Browser
80
งานประชมุ วชิ าการระดับชาติและนานาชาติ เครอื ขา่ ยศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั แหง่ ประเทศไทย ครั้งท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และศลิ ปะวฒั นธรรม อย่างยง่ั ยืนในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
7. บรรณานุกรม
Fukuda-Parr, S., & Office, U. (2004). Human Development Report 2004: Cultural Liberty in Today's
Diverse World. http://lst-iiep.iiep-unesco.org/cgi-
bin/wwwi32.exe/[in=epidoc1.in]/?t2000=019772/(100).
Gonzalez, R. M. (2002). Joint learning with GIS: multi-actor resource management. Agricultural
Systems, 73, 99-111.
Hooper, A. (2005). Culture and Sustainable Development in the Pacific: ANU E Press and Asia
Pacific Press.
Longley, A., & Duxbury, N. (2016). Introduction: Mapping cultural intangibles. City, Culture and
Society, 7(1), 1-7. doi:http://dx.doi.org/10.1016/j.ccs.2015.12.006
Maraña, M. (2010). Culture and Development: Evolution and Prospects (t. U. N. D. P. (UNDP) Ed.).
Bilbao, Spain: UNESCO Center of the Basque Country.
Rumbaugh, J., Jacobson, I., & Booch, G. (1999). The unified modeling language reference manual.
Massachusetts: Addison Wesley Longman.
UN Committee on Economic Social and Cultural Rights (CESCR). (2009). General comment no. 21,
Right of everyone to take part in cultural life (art. 15, para. 1a of the Covenant on
Economic, Social and Cultural Rights). Retrieved from
http://www.refworld.org/docid/4ed35bae2.html. (E/C.12/GC/21). Retrieved 13 July 2016
http://www.refworld.org/docid/4ed35bae2.html
สนุ ทริน วงศ์ศิรกิ ุล, & ชัยวัฒน์ สทิ ธิโอฬารกลุ . (2550). UML 2.0 Unified Modeling Language. กรงุ เทพ: บรษิ ัท
ซคั เซส มเี ดีย จำกดั .
81
งานประชมุ วชิ าการระดับชาตแิ ละนานาชาติ เครือข่ายศิลปะและวฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั แห่งประเทศไทย ครัง้ ที่ 12
ภายใตห้ ัวข้อ“แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และศลิ ปะวฒั นธรรม อยา่ งยงั่ ยนื ในบริบทหลงั การระบาดโควิด-19 (Covid-19)”
ประวตั ิผ้วู จิ ยั
1. ประวตั ิสว่ นตวั วรงศ์ นัยวินิจ
ชอ่ื -นามสกลุ -
ตำแหนง่ ปจั จุบนั 26 สิงหาคม 2512
วัน เดอื น ปี เกิด
154 ถนนปากแพรก ตำบลบ้านเหนอื
ท่ีอยูป่ ัจจบุ ัน อำเภอเมือง จังหวดั กาญจนบุรี 71000
-
เบอรโ์ ทรศพั ท์ -
เบอร์โทรสาร 091-828-7485
เบอรโ์ ทรศัพท์มอื ถือ
2. ประวัติการศกึ ษา
ปี พ.ศ.ทีจ่ บ วฒุ กิ ารศกึ ษา สาขาวิชา สถาบนั ท่ีจบ
2552 Doctor of Agricultural Technology จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
Philosophy
2552 Doctor of Géographie humaine, Université Paris Ouest
Philosophy économique et regional Nanterre-La Défense,
Paris, France
2540 Master of Landscape Architecture The University of
Oklahoma, OK, USA
Landscape
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Architecture
2535 วทิ ยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ (พชื สวน)
บณั ฑิต
3. ประวัติการทำงาน
ชว่ งปี พ.ศ. ตำแหนง่ หนว่ ยงาน
2563-2565 อาจารย์ คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี
2540-2562 อาจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
82
งานประชุมวิชาการระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เครือขา่ ยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั แห่งประเทศไทย ครงั้ ท่ี 12
ภายใตห้ ัวขอ้ “แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจ สงั คม และศิลปะวฒั นธรรม อย่างยงั่ ยนื ในบริบทหลังการระบาดโควดิ -19 (Covid-19)”
4. ผลงานด้านการวิจัยทงั้ ภายในและภายนอกประเทศ
งานวิจยั ท่ีทำเสร็จแลว้
โครงการการวิเคราะหค์ วามเสี่ยงด้วยกระบวนการสร้างแบบจำลองรว่ มกนั ของผมู้ สี ่วนไดส้ ว่ นเสยี : กรณี
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติป่าบงุ่ ปา่ ทามกบั ความมนั่ คงทางอาหาร. สกว. 2557.
โครงการการพัฒนาระบบการบริหารจัดการกลมุ่ ใหเ้ กิดประสิทธภิ าพของกลุ่มเกษตรชลประทานระบบท่อ ตำบล
บุ่งมะแลง อำเภอสวา่ งวรี ะวงศ์ จงั หวัดอุบลราชธาน.ี อุบลราชธานี. สกว. 2557.
โครงการการขบั เคลอื่ นศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพนื้ ที่อำเภอเขมราฐ จงั หวัดอุบลราชธานี ระยะท่ี
1. สกว. 2561
โครงการการขบั เคล่ือนศิลปะและวฒั นธรรมเพอื่ การพัฒนาเชงิ พื้นท่ีอำเภอเขมราฐ จงั หวัดอบุ ลราชธานี ระยะที่
2. สกว. 2563
งานวิจัยทก่ี ำลงั ดำเนินการ
โครงการการขบั เคลือ่ นศลิ ปะและวฒั นธรรมเพือ่ การพฒั นาเชิงพื้นท่อี ำเภอเขมราฐ จังหวดั อบุ ลราชธานี ระยะที่
3. บพท. 2564
โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านด้านวฒั นธรรมและแผนทว่ี ฒั นธรรม. บพท. 2564
83