ชุดแบบฝกึ อ่านเป็น เหน็ ผล
เล่มที่ 4
ยลยนิ ขอ้ คดิ
นางพรพมิ ล คานวณศลิ ป์
ครูชานาญการพิเศษ
โรงเรยี นสตรีระนอง อาเภอเมืองระนอง จงั หวดั ระนอง
สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 14
ก
คํานํา
ชุดแบบฝึกอ่านเป็น เห็นผล นี้ เป็นแบบฝึกทักษะการอ่านโดยนา SQ4R มาประยุกต์ใน
การจัดทา สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรูภาษาไทย เป็นชุดฝึกทักษะ
การอ่านที่มีวัตถปุ ระสงคเ์ พื่อ
1. เพือ่ ยกระดับผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าภาษาไทย สาระที่ 1 การอา่ น
2. เพ่อื เพมิ่ ผลสัมฤทธ์ิ O-NET
3. เพ่อื ส่งเสริมนิสยั รักการอ่าน
4. เพอ่ื สง่ เสรมิ ทกั ษะการอา่ นจับใจความ
โดยผู้จัดทาได้เน้นบทอ่านและข้อสอบจาก O-NET ของสถาบันทดสอบการศึกษาแห่งชาติ
(องค์การมหาชน) (สทศ.) เพ่ือให้นักเรียนได้ฝึกทาข้อสอบจริง รักการอ่านและสามารถอ่านในใจ
จับใจความสาคัญ ตอบคาถาม วิเคราะห์ วิจารณ์ ตีความ แปลความ และขยายความ คาดคะเน
เหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน ประเมินค่าเพื่อนาความรู้ ความคิดไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต
คาดคะเนเหตุการณ์ และ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านมาพัฒนาตนเอง พัฒนาการเรียน และพัฒนา
ความรู้ทางอาชีพ รวมถึงส่งเสริมทักษะการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยได้ปรับใชรูปแบบ SQ4R
ซ่ึงมีข้ันตอน 6 ข้ันตอนคือ ๑. ข้ันสารวจ (S-Survey) ๒. ขั้นตั้งคาถาม (Q-Question) ๓. ข้ันอ่าน (R-
Read) ๔. ขั้นบันทึก (R-Record) 5. ขั้นสรุปใจความ (R-Recite) 6. ขั้นวิเคราะห์ วิจารณ์ ทบทวน
(Reflect) ซ่ึงแต่ละข้ันตอนมีการปรับเปล่ียนเพ่ือให้เหมาะสมกับการทาข้อสอบการอ่าน เวลา และวัย
ของผู้เรียน อีกทั้งยังใช้เทคนิคการเรียนร่วมมือแบบเพ่ือนคู่คิด (Think-Pair-Share) มาใช้ประกอบแบบ
ฝกึ ทกั ษะชดุ น้ดี ว้ ย แบบฝกึ ทกั ษะ อ่านเปน็ เห็นผลนม้ี ีท้งั หมด 5 เล่มคือ
เล่มท่ี 1 เคลด็ ลบั การอ่าน
เลม่ ท่ี 2 งดงามวิเคราะห์
เลม่ ท่ี 3 เสนาะวรรณศิลป์
เล่มท่ี 4 ยลยินขอ้ คิด
เลม่ ที่ 5 พิชติ โอเนต็
แต่ละเล่มมีคาช้ีแจงในการใช้แบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แบบฝึกทักษะ เฉลย
แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน แนวการตอบคาถามจากแบบฝึกทักษะ และเกณฑ์การให้คะแนน
เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถประเมนิ ตนเองได โดยเนือ้ หาแบบฝึกทักษะ และแบบทดสอบผู้จัดทาพยายามให้
สอดคล้องกับมาตรฐานและตัวช้ีวัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
ผูจัดทาหวังเปนอยางย่ิงวา ชุดแบบฝึกทักษะ อ่านเป็น เห็นผล โดยใช SQ4R สาหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทยน้ีจะเป็นประโยชนกับนักเรียน ครูผูสอน และผูที่
สนใจต่อไป
พรพิมล คานวณศลิ ป์
สารบญั ข
เรอ่ื ง หน้า
คาแนะนาสาหรบั ครู 1
คาแนะนาสาหรับนักเรียน 2
แผนผังขนั้ ตอนการเรียนโดยใช้แบบฝึกทกั ษะ 3
สาระการเรียนรู้/สาระสาคัญ/มาตรฐานการเรียนรู้ 4
ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 5
สมรรถนะ/คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6
แบบทดสอบก่อนเรยี น 7
ใบความรู้ เรือ่ งยลยินขอ้ คดิ 12
แบบฝกึ ทกั ษะเร่ืองยลยินข้อคิด ตอนท่ี 1 24
แบบฝึกทักษะเร่ืองยลยนิ ข้อคิด ตอนที่ 2 29
แบบทดสอบหลงั เรยี น 33
บรรณานุกรม 38
ภาคผนวก 39
40
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 41
เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น 42
เฉลยแบบฝึกทักษะยลยนิ ขอ้ คิด
1
คำแนะนำสำหรับครู
ชุดแบบฝึกทักษะ อ่านเป็น เห็นผล โดยใช SQ4R สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6
กลุ่มสาระการเรียนรูภาษาไทยเป็นแบบฝึกทักษะที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน การติว และการเรียน
เสริม ในรายวิชาภาษาไทย โดยนักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ประกอบด้วยแบบฝึกทักษะ
จานวน 5 เลม่ คือ
เล่มท่ี 1 เคล็ดลบั การอ่าน
เลม่ ท่ี 2 งดงามวิเคราะห์
เลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศิลป์
เล่มท่ี 4 ยลยินขอ้ คดิ
เล่มที่ 5 พชิ ิตโอเน็ต
ข้นั ตอนการใช้แบบฝกึ ทักษะ มีดังน้ี
๑. ศึกษาเนอ้ื หาลว่ งหน้าอยา่ งละเอียดกอ่ นจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
๒. ครูเตรยี มแบบฝึกทักษะ ให้ครบตามจานวนนกั เรยี น
๓. กอ่ นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ตอ้ งช้แี จงบทบาทของนักเรยี นในการใชแ้ บบฝึกทกั ษะ
4. ใหน้ ักเรียนนั่งเปน็ คู่ คือ มีคนเก่ง 1 คนออ่ น 1 (ตามทคี่ รูจดั ไว้)
๔. ดาเนินกิจกรรมการเรยี นรู้ตามลาดับขน้ั ตอน โดยใชเ้ วลา ๒ ชัว่ โมง
๕. ครูสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทกั ษะของนกั เรียนอยา่ งใกลช้ ดิ และพยายาม
ปลูกฝงั ความซ่ือสตั ยใ์ นการเรียนแก่นกั เรียนเพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองไดอ้ ย่าง
แท้จริง
๖. หลงั จากเสรจ็ ส้ินกระบวนการการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ ครูควรสรุป
สาระสาคัญอกี ครั้งและควรให้นกั เรยี นกลับไปทบทวนเพิม่ เตมิ ในเวลาว่าง
2
คำแนะนำสำหรบั นักเรยี น
ชดุ แบบฝกึ อา่ นเป็น เห็นผล โดยใช SQ4R ประกอบดว้ ยแบบฝึกทักษะจานวน 5 เลม่ คือ
เลม่ ที่ 1 เคลด็ ลับการอ่าน
เลม่ ที่ 2 งดงามวิเคราะห์
เลม่ ที่ 3 เสนาะวรรณศิลป์
เล่มท่ี 4 ยลยินขอ้ คิด
เล่มที่ 5 พชิ ิตโอเน็ต
ใหน้ กั เรียนอ่านคาแนะนาและปฏิบตั ติ ามขั้นตอนในแบบฝึกทกั ษะด้วยความต้ังใจและซอ่ื สัตย์ดังนี้
1. นั่งเป็นคตู่ ามท่คี รูแบ่งไว้
2. ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนทาแบบทดสอบกอนเรียน เพือ่ วัดความรูพื้นฐาน
3. แต่ละคู่ชว่ ยกันเรียนรูจ้ ากแบบฝกึ ทักษะไปทีละขั้นตอน
4. แตล่ ะคู่ชว่ ยกนั ทาแบบฝกเสริมทักษะ แตละเลม โดยอานคาช้แี จงใหเขาใจกอนเสมอ
5. ตรวจสอบผลของการทาแบบฝกเสรมิ ทักษะจากเฉลยทายเลม
6. นกั เรียนแตล่ ะคน ทาแบบทดสอบหลังเรียน เมอ่ื เรียนจบในแตละเลม
7. ตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบกอนเรยี น-หลังเรยี น จากเฉลย
8. เปรียบเทยี บผลคะแนนการทาแบบทดสอบกอนเรยี น - หลังเรียน เพื่อประเมินความเขาใจ
ของตนเอง
9. นักเรียนสามารถใชแบบฝกเสรมิ ทักษะ เพอ่ื ทบทวนความรูนอกเวลาเรยี นได้
3
แผนผงั ข้นั ตอนกำรเรยี น
แบบฝกึ ทกั ษะอ่าน คิด พินจิ ภาษา โดยใช SQ4R
เลม่ ท่ี 4 ยลยินขอ้ คิด
ศึกษาคาํ แนะนาํ การใช้แบบฝึกทักษะ
ทาํ แบบทดสอบก่อนเรยี นและตรวจเฉลย
ศกึ ษาสาระ – มาตรฐานการเรยี นรู้ – ตวั ชวี้ ดั - จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
สาระสาํ คัญ– สมรรถนะ- คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ศึกษำเนอ้ื หำให้เข้ำใจและเม่ือศึกษำเนอ้ื หำจบลงแลว้ ให้นกั เรียนตอบ
คำถำมในแบบฝึกทกุ แบบฝึกโดยปฏบิ ตั ติ ามขน้ั ตอน ดังน้ี
๑. ขั้นสารวจ (S-Survey)
๒. ขัน้ ตงั้ คาถาม (Q-Question)
๓. ขนั้ อา่ น (R-Read)
๔. ขัน้ บนั ทึก (R-Record)
5. ขน้ั สรุปใจความ (R-Recite)
6. ขัน้ ทบทวน วเิ คราะห์ วิจารณ์ (R-Review)
ทําแบบทดสอบหลงั เรยี นพรอ้ มท้ัง
ตรวจแบบฝกึ ทกุ แบบฝึก
ผ่านเกณฑ์ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
ศึกษำแบบฝกึ ทกั ษะชุดใหม่ ทบทวนแบบฝกึ ทกั ษะใหม่
4
สาระการเรยี นรู้/สาระสําคญั /
มาตรฐานการเรยี นรู้
เล่มที่ 4 ยลยินขอ้ คิด
สาระการเรียนรู้
สาระท่ี ๑ การอ่าน
สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม
สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด
การสงั เคราะหข์ ้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมจาเป็นต้องอ่านหลาย ๆ ครงั้ ใช้ประสบการณ์
ความสามารถทางภาษาในการวิเคราะห์ตคี วาม ทาความเข้าใจเนื้อหาแลว้ สงั เคราะห์ออกมาเป็นข้อคดิ
คตเิ ตอื นใจ เพ่ือนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั การอ่านจบั ใจความจะทาให้สามารถวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดง
ความคดิ เหน็ โต้แยง้ และเสนอความคดิ ใหม่อย่างมีเหตผุ ล
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา
ในการดาเนินชวี ิตและมีนสิ ัยรกั การอ่าน
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม
ไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
5
ตวั ช้วี ดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
เลม่ ท่ี 4 ยลยนิ ขอ้ คิด
ตัวชวี้ ัด
ท ๑.๑ ม. ๔–๖/๖ ตอบคาถามจากการอา่ นงานเขียนประเภทต่าง ๆ ภายในเวลาที่กาหนด
ท ๑.๑ ม. ๔–๖/๗ อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผงั ความคดิ บนั ทึก ยอ่ ความและรายงาน
ท ๕.๑ ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคณุ คา่ ด้านวรรณศิลปข์ องวรรณคดแี ละวรรณกรรมในฐานะท่ี
เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ
ท ๕.๑ ม.๔-๖/4 สังเคราะห์ข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่อื นาไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรยี นวิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศลิ ปจ์ ากวรรณคดวี รรณกรรมท่ีอ่านได้ (K,P)
2. นักเรียนตระหนกั และเห็นคณุ ค่าด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีวรรณกรรม (A)
3. นาความรจู้ ากการอ่านส่ือต่าง ๆ มาพฒั นาตนและการเรียนได้ (P)
4. อธบิ ายคุณค่าของเรื่องท่ีอ่านได้ (K, P)
5. นาสารประโยชน์ที่ได้รบั จากเรอ่ื งที่อ่านไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวันได้ (K, P)
6. เหน็ คณุ ค่าของภมู ิปญั ญาทางภาษา (A)
6
สมรรถนะสําคัญของผเู้ รียน/
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ชดุ ท่ี 4 ยลยนิ ข้อคดิ
สมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการตีความ
2) ทกั ษะการวิเคราะห์
3) ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ
4) ทกั ษะการสรา้ งความรู้
5) ทกั ษะการให้เหตุผล
6) ทกั ษะการสรุปลงความเหน็
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมั่นในการทางาน
4. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
7
แบบทดสอบก่อนเรยี น
คําชี้แจง :
1. แบบทดสอบก่อนเรียนเล่มท่ี 4 ยลยินขอ้ คิดน้เี ปน็ แบบปรนยั 5 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ
คะแนน 10 คะแนนใช้เวลา 10 นาที
2. ให้นักเรยี นทาเครอื่ งหมายกากบาท (X) ทบั ตวั เลอื กท่ีถูกตอ้ งที่สดุ เพยี งข้อเดียวลงใน
กระดาษคาตอบ
1. ข้อใดเปน็ แนวคดิ ของข้อความตอ่ ไปน้ี
“การท่องเที่ยวเพ่ือการดูนกในเปรูเป็นที่นิยมมากข้ึนและเพ่ิมตัวเลขทางเศรษฐกิจให้สูงข้ึน
ประชาชนทอ่ี าศัยอยใู่ นพื้นที่ใกล้กับเขตอนรุ กั ษพ์ ันธ์สุ ตั ว์กพ็ ลอยมีรายได้ดีบรรดาบริษัททัวร์มักใช้จุดขาย
นี้พานักท่องเที่ยวไปถึงตัวนกหายากหรือใกล้สูญพันธ์ุ ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนจากการ
ท่องเทยี่ วเข้าไปรกุ ล้าพื้นท่ีของสัตว์ป่า เป็นเหตุให้นกหายากและสัตว์ป่าลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว จนมี
การต้งั คาถามว่าเราจะปักหมดุ การอนุรกั ษ์เพ่อื อะไร”
1. นกทใ่ี กลส้ ญู พนั ธ์ุลดจานวนลงโดยลาดับเป็นเรอื่ งธรรมดา
2. การท่องเท่ียวดูนกในเปรูเพ่ิมรายไดเ้ ขา้ ประเทศอยา่ งเห็นไดช้ ัด
3. เปรคู วรยอมลดรายไดข้ องประเทศทีม่ าจากท่องเท่ยี วดนู กหายาก
4. การอนุรกั ษ์นกหายากมีความสาคญั กวา่ การสง่ เสรมิ การท่องเทย่ี วดนู ก
5. การเติบโตทางเศรษฐกิจของเปรูเกิดขน้ึ ควบคู่กับการเพ่ิมรายได้ของประชาชน
2. ขอ้ ใดเป็นแนวคดิ ของคาประพนั ธ์ต่อไปน้ี
งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคนื
คากล่าวสาธชุ นยนื อย่างน้ัน
ทุรชนกล่าวคาฝนื คาเล่า
หวั เต่ายาวแลว้ สั้น เล่ห์ลิ้นทรชน
1. ทุกคนควรทาตามอย่างคนดที ่ียดึ มน่ั ในคาพูดของตนเอง
2. คนชว่ั มักจะใช้คาพูดทาเล่หก์ ลหลอกล่อใหค้ นอนื่ หลงเชื่อ
3. คนชว่ั พดู อยา่ งใดอยา่ งหนึ่งออกไปอาจเปลย่ี นเปน็ อย่างอนื่ ได้
4. คาพดู ของคนดเี ปรียบเหมือนงาช้างท่งี อกยาวแล้วไม่กลับสนั้ ไดอ้ ีก
5. คาพดู ของคนชว่ั เปรยี บเหมอื นกับหวั เตา่ ที่ยืดออกและหดเขา้ ในกระดองได้
8
3. ขอ้ ความต่อไปนี้แสดงแนวคดิ เรื่องใด
ต้นไมเ้ กดิ จากดนิ ต่อให้ลาตน้ เตบิ โตสูงเสยี ดฟ้า รากกย็ ังคงยดื เกาะตดิ ดนิ ผลแตล่ ะผล ใบแต่
ละใบ กงิ่ กา้ นแตล่ ะก่งิ ทุกส่วนของลาต้นนอกเหนือจากประโยชนท์ ่มี นษุ ย์หรอื สตั ว์อนื่ ต้องการแลว้ มัน
ย่อมร่วงสู่ดินกลายเป็นปยุ๋ เป็นอาหาร และเปน็ เนื้อเดยี วกับดนิ ทดแทนที่มนั ดูดซึมมาเลี้ยงลาต้นใหม้ ี
ชีวิตอย่างท่ีเป็นอยู่
๑. ความเสยี สละ
๒. ความเออื้ เฟือ้
๓. ความไมล่ ืมตวั
๔. ความไม่แน่นอน
๕. ความกตัญญกู ตเวที
4. ขอ้ ใดเป็นแนวคดิ จากข้อความต่อไปนี้
ชีวิตผมมีวันนไ้ี ด้กเ็ พราะความลม้ เหลว จริงอยู่คนมักจะเอาเร่ืองของคนท่ีประสบความสาเร็จมา
เป็นกรณีศึกษา แต่ผมเช่ือการเรียนรู้จากกรณีของความผิดพลาดมากกว่าซึ่งเป็นสิ่งท่ีไม่ต้องมีใครพูดถึง
เคล็ดลับของการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือเราอย่าไปทาแบบเดิมอีกเพราะมันจะก ลับไป
เหมือนเดมิ
๑. ความสาเรจ็ คือยาชกู าลงั
๒. อปุ สรรคไมใ่ ชเ่ ร่ืองนา่ กลวั
๓. คนที่โชคร้ายคอื คนท่ไี มร่ ู้ว่าตนโชคดี
๔. คนฉลากเท่านัน้ ที่ประสบความสาเร็จ
๕. ชวี ติ รงุ่ เรอื งไดถ้ ้ารจู้ กั ใช้อดีตเป็นบทเรยี น
5. ข้อใดเป็นประเดน็ สาคญั ของคาประพันธต์ อ่ ไปนี้
อนั หญา้ แพรกแตกหน่อก่อกง่ิ ก้าน แดนกันดารแหง้ แลง้ ทุกแหง่ หน
ถึงถกู เหยยี บทาลายซา้ กจ็ าทน ยงั แตกตน้ งอกใหม่ไมร่ ู้วาย
๑. ความทรหด
๒. ความอดกลนั้
๓. ความตา่ ต้อย
๔. ความทุกข์ยาก
๕. ความเปล่ยี นแปลง
9
6. ขอ้ ใดไม่มคี วามเช่ือ
๑. ย่งิ คิดยิ่งแค้นแนน่ ฤทยั โอว้ า่ เวรใดมาตามทัน
๒. ไดส้ าเรจ็ เสรจ็ สมปรารถนา ด้วยบพุ เพนวิ าสาสง่ ให้
๓. ส่งั บ่าวให้ลงจากอาชา ขา้ วสารเสกมากซ็ ัดไป
๔. จงึ เป่าคาถามหาสะเดาะ กลอนหลดุ ผดุ เผลาะดงั คนถอน
๕. อนั เดนิ ทางกลางน้าจะลาบาก ต้องพลัดพรากยากแค้นถึงแสนสา
7. ข้อใดไม่กลา่ วถงึ ค่านยิ ม
๑. อน่ึงไมท่ รยศเจา้ ขา้ วแดงตน ก็เปน็ คนเลิศโลกย่อมลือชา
๒. จะตายตามความสัตย์ปฏิญญา มิใหผ้ ดิ มาถึงเท้าเจา้ คณุ
๓. ลกู หมายว่าจะตายกับฝา่ เท้า แทนคุณแม่เจ้าจนเป็นผี
๔. จึงปราศรัยไต่ถามความบรุ าณ ขอเชิญท่านช้แี จงให้แจง้ ใจ
๕. สามิภกั ดิ์รักกษตั รยิ ส์ วัสดี จะไดม้ เี กียรติยศปรากฏไป
8. ขอ้ ใดเปน็ แนวคิดของคาประพันธต์ ่อไปนี้
อันเสาหนิ แปดศอกตอกเป็นหลงั ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายงั ไหว
จงฟงั หไู วห้ ูคอยดูไป เช่ือน้าใจดกี วา่ อยา่ เช่อื ยุ
1. ความอดทนต่อการย่ัวยขุ องผู้อ่ืนชว่ ยให้พ้นภัย
2. ความเช่ือคนง่ายทาใหป้ ระสบกับความหายนะ
3. ความมีใจคอหนักแน่นเปน็ ส่ิงทค่ี วรยดึ ถอื ไวเ้ ป็นคติ
4. ความไวว้ างใจคนงา่ ยอาจทาให้เกิดความผิดพลาดได้
5. ความพยายามในการทากิจการใดๆอยา่ งแข็งขันย่อมเกิดผลดี
9. คาประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ีแสดงแนวคิดเกยี่ วกบั เรื่องใด
อักษรเรียบร้อยถ้อย คาเพราะ
ผรู้ ูอ้ ่านสารเสนาะ เร่อื ยหร้ี
บ่รอู้ ่านไม่เหมาะ ตรงเท่ิง ไปนา
ทาให้โครงทัง้ นี้ ช่ัวช้าเสียไป
๑. รสของวรรณคดี
๒. การอ่านกวีนพิ นธ์
๓. การแตง่ คาประพนั ธ์
๔. การศกึ ษาของผู้อา่ น
๕. ความประณีตดา้ นการใชภ้ าษา
10
10. ขอ้ ใดเป็นแนวคดิ สาคญั ท่ผี ู้แตง่ ตอ้ งการนาเสนอ
กาน้าดาดิ่งด้น เอาปลา
กาบกคิดใคร่หา เสพบา้ ง
ลองดาสา่ มจั ฉา ชลชาติ
สวะปะคอคา้ ง คร่งึ น้าจาตาย
1. คนเราไม่ควรแก่งแยง่ ชงิ ดีกบั ผ้อู ื่น
2. ธรรมดาของชีวติ มเี กิดแล้วยอ่ มมดี ับ
3. แต่ละคนตา่ งมีความสามารถเฉพาะตน
4. การทาสง่ิ ท่ีเกินความสามารถอาจทาให้เกดิ ผลเสีย
5. การดถู กู เหยียดหยามผู้อนื่ ท่ตี า่ ตอ้ ยกวา่ ตนทาให้เกดิ ศตั รู
เสรจ็ แลว้ ไปตรวจเฉลย
หนา้ ๔๐ เลยค่ะ
11
ชือ่ ..............................................................ชั้น.................เลขท.ี่ ....................
กระดาษคาํ ตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น
ขอ้ ตวั เลือก
12345
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
- ตอบถูก ขอ้ ละ 1 คะแนน
- ตอบผดิ / ไม่ตอบหรือตอบมากกว่า 1 ขอ้ ข้อละ 0 คะแนน
แปลผลคะแนน เปน็ ไงบ้างคะผลการทดสอบ
หากคะแนนไม่ดกี ไ็ มต่ อ้ งเสียใจ
8 – 10 คะแนนดี นะคะเราจะมาศกึ ษาใบความรู้
5 – 7 คะแนนพอใช้
0 – 4 คะแนนปรบั ปรุง ไปพร้อมกนั คะ่
12
ใบความรู้เร่ืองยลยนิ ขอ้ คิด
ทบทวน/ทําความเขา้ ใจ
การพิจารณาคณุ ค่าวรรณคดวี รรณกรรม
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดวี รรณกรรมโดยทว่ั ไปแบง่ การพิจารณาเป็น ๓ ด้านดงั น้ี
๑. คุณค่าดา้ นเนอื้ หา
๒. คณุ ค่าด้านวรรณศิลป์
๓. คณุ ค่าด้านสังคม
ซ่ึงในแบบฝึกทักษะเล่มท่ี 3 เสนาะวรรณศิลป์นักเรียนได้เรียนรู้ในเร่ืองของคุณค่าด้าน
วรรณศิลป์ไปแล้ว เล่มน้ี ครูจึงอยากให้นักเรียนได้ศึกษาการพิจารณาคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม
ด้านเนื้อหาและด้านสังคม เพราะสาระที่ 1 การอ่าน และสาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม จะมี
สดั ส่วนคะแนนในการสอบ O-NET ค่อนขา้ งมาก
เดยี๋ วเราจะมาเรียนรู้ไปร่วมกัน
จากนั้นจะฝกึ ทาข้อสอบโดยใช้
เทคนคิ SQ4R เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การทา
แบบทดสอบด้วยนะคะ
13
คุณคา่ ดา้ นเนือ้ หา
เนื้อหา หมายถงึ ใจความของเรื่อง รายละเอียดท่ีปรากฏอยใู่ นเหตุการณ์ต่าง ๆ ของวรรณคดีและ
วรรณกรรม
เน้ือหาประกอบด้วย ฉาก ตวั ละคร เหตุการณต์ า่ ง ๆ บทสนทนาของตัวละคร
การพิจารณาคุณค่าด้านเน้ือหา จึงต้องพิจารณาองค์ประกอบเหล่าน้ีว่ามีครบถ้วนหรือไม่สมจริง
อยา่ งไร มีเหตุผลเพียงใด มีคณุ ค่าต่อผู้อ่านอยา่ งไร
ในดา้ นเนือ้ หานอกจากเนื้อเร่ืองสนุกสนานแล้วยังต้องมีความไพเราะของคาประพันธ์ด้วย เน้ือหา
ท่ีดีจะต้องอ่านแล้วประทับใจในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งท่ีทาให้วรรณคดีเร่ืองน้ันเป็นอมตะ คือ ได้รับความ
นิยมและมีผู้ชื่นชอบมาตลอดจนถึงปัจจุบัน เช่น วรรณคดีเร่ืองพระอภัยมณีท่ียังมีผู้สนใจนามาดัดแปลง
เป็นการ์ตูน สร้างเป็นละครโทรทัศน์และนาไปสอดแทรกในนวนิยาย วรรณคดีบางเร่ืองทาให้ผู้อ่านรู้สึก
อ่ิมอารมณ์อิ่มใจเพราะมีเนื้อหาน่าประทับใจ เช่น กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีเนื้อหาเล่าเร่ือง
การเดินทางไปพระพทุ ธบาทในจังหวดั สระบุรี และชมธรรมชาติอนั งดงามระหวา่ งทาง ชมสัตว์บกสัตว์น้า
ชมนกชมไม้ คณุ คา่ ด้านเน้ือหาจึงให้ความรเู้ ร่ืองธรรมชาติอนั เป็นลักษณะเด่นของวรรณคดเี รอ่ื งน้ี
การพิจารณาคุณค่าด้านเนื้อหา จะมุ่งไปพิจารณาองค์ประกอบของเน้ือหาว่ามีคุณค่าหรือเป็น
ประโยชน์อย่างไร เชน่
ชายขา้ วเปลอื กหญงิ ข้าวสารโบราณว่า น้าพ่งึ เรอื เสือพ่ึงป่าอัชฌาสยั
เรากจ็ ิตคดิ ดเู ลา่ เขากใ็ จ รักกนั ไวด้ กี วา่ ชงั ระวังการ
อศิ รญาณภาษติ : หมอ่ มเจ้าอศิ รญาณ
อิศรญาณภาษิตช้ีให้เห็นว่า มนุษย์ควรพ่ึงพาซ่ึงกันและกันเพราะไม่อาจอยู่คนเดียวในโลกได้การ
เหน็ อกเหน็ ใจ รจู้ ักเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นส่ิงดีท่ีควรมีให้กันการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมนอกจาก
จะได้ความรู้แลว้ ยงั ทาใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลนิ บันเทิงใจ วรรณคดแี ละวรรณกรรมบางเร่อื ง
เชน่ พระอภยั มณี มีตวั ละครทั้งฤๅษี ผีเส้อื สมทุ รชีเปลือย มา้ นลิ มังกร นางเงือก มีฉากท้ังในนา้
และบนบก มเี น้อื เร่ืองสนุกสนาน ตื่นเต้นโลดโผนและมขี อ้ คิดเตอื นใจอกี ด้วย หรือรามเกียรติ์
มีตัวละครท้ังมนุษย์ ยักษ์ ลิง เทวดา มีการเหาะเหินและอภินิหารต่าง ๆ ส่ิงเหล่านี้จะทาให้ผู้อ่าน
วรรณคดีและวรรณกรรมเพลดิ เพลินใจ
14
คุณค่าด้านแนวคดิ
คุณค่าด้านแนวคิด ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แนวคิด หมายถึง ความคิดที่มี
แนวทางปฏิบัติ แนวคิดทางวรรณคดีและวรรณกรรมจึงหมายถึง สารหรือความคิดสาคัญที่ผู้เขียน
ต้องการสื่อมาให้ผู้อ่านเพ่ือเป็นแนวทางปฏิบัติ อาจจะสื่อผ่านพฤติกรรมตัวละคร เนื้อหาหรือเหตุการณ์
ตา่ ง ๆ โดยใหผ้ ูอ้ ่านพิจารณาเร่ืองท้ังหมด แลว้ สรปุ ออกมาเปน็ แนวคิดสาคญั
วรรณคดีและวรรณกรรมที่ดีมักจะให้แนวคิดที่ส่งเสริมคุณธรรมแก่ผู้อ่าน ให้ข้อคิดสอนใจเสนอ
แนวทางการดาเนินชีวิตอย่างมีความสุข โดยอาจสะท้อนจากการกระทาของตัวละครท้ังด้านดีและด้าน
ไม่ดี หรือให้ผู้อ่านตัดสินใจเองว่าควรจะทาเช่นใด จึงจะถูกต้องและประสบความสาเร็จ เช่น ไตรภูมิ
พระร่วงให้แนวคิดเกี่ยวกับการทาความดีละเว้นความชั่ว ซึ่งผู้แต่งมักจะแฝงคาสอนต่าง ๆ ไว้ในคาพูด
ของตัวละครดว้ ยเสมอ
การสอนเรอ่ื งความกตญั ญกู ตเวที เชน่
ทรลักษณ์อกตญั ญุตาเขา เทพเจา้ กจ็ ะแช่งทุกแหง่ หน
ใหท้ กุ ข์ร้อนงอนหงอ่ ทรพล พระเวทมนตรเ์ สือ่ มคลายทาลายยศ
พระอภยั มณี : พระสุนทรโวหาร (ภู่)
การสอนเกี่ยวกบั ความรัก
วรรณคดีและวรรณกรรมหลายเร่ืองสอดแทรกแนวคิดเก่ียวกับความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักของ
แม่ เช่น พระนางมัทรี จากมหาเวสสันดรชาดก ความรักชาติ เช่น เลือดสุพรรณ รามเกียรต์ิลิลิตตะเลง
พ่าย หรือแม้แต่ความเจ็บปวดอันเนื่องมาจากความรัก เช่น มัทนะพาธา ล้วนจรรโลงใจให้ผู้อ่านได้
แนวคดิ เก่ยี วกับความรักในแง่มุมตา่ งๆ เช่น
ความรักเหมอื นโรคา บนั ดาลตาให้มดื มน
ไมย่ ินและไม่ยล อุปสรรคใดใด
ความรกั เหมอื นโคถกึ กาลงั คึกผิขงั ไว้
กโ็ ลดออกจากคอกไป บ ยอมอยู่ ณ ท่ขี งั
ถึงหากจะผูกไว้ กด็ งึ ไปดว้ ยกาลัง
ยิ่งห้ามกย็ งิ่ คล่งั บ หวนคดิ ถงึ เจ็บกาย
มทั นะพาธา : พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั
15
การสอนเก่ียวกบั การดาเนนิ ชวี ิต
วรรณคดที ี่สะท้อนแนวคิดในด้านการดาเนินชีวิต เช่น โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ พระราชนิพนธ์
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ข้อคิดเรื่อง การคิดก่อนพูด การไม่นินทาว่าร้ายการฟัง
ความกอ่ นตัดสนิ หรอื การงดพูดในเวลาโกรธ หากนาไปปฏิบัติแล้วจะเป็นผลดีต่อชีวิตและผู้ประพฤติจะ
ไมม่ ีคาว่าเสยี ใจ ซ่งึ เป็นความจริงในการดาเนนิ ชีวติ
คณุ ค่าดา้ นสังคม
คุณค่าด้านสังคม คือ ภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่สะท้อนมาจากวรรณคดีและ
วรรณกรรมโดยกวีนยิ มแทรกไว้ในเน้ือเร่ือง เช่น ประเพณี ความเชื่อ ค่านิยม ความเป็นอยู่การประกอบ
อาชีพ วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเป็นเสมือนกระจกสะท้อนสภาพสังคมในแต่ละยุคสมัยซึ่งเป็น
หลกั ฐานทบี่ อกเลา่ เรอ่ื งราวในอดีตแกค่ นรุ่นหลงั ไดเ้ ปน็ อย่างดี
ตวั อยา่ งคณุ คา่ ดา้ นสังคมท่ปี รากฏในเสภาเรื่อง ขุนชา้ ง-ขุนแผน
ครั้นรงุ่ เชา้ ข้นึ พลันเป็นวันดี ทองประศรีจดั เรือกญั ญาใหญ่
เอาขนั หมากลงบรรทุกขลุกขลยุ่ ไป หามโหรใี ส่ทา้ ยกญั ญา
ขนั หมากเอกเลือกเอาทีร่ ูปสวย นุ่งยกหม่ ผวยจับผิวหน้า
ก็ออกเรอื ด้วยพลนั ทันเวลา ครู่หนงึ่ ถึงทา่ ศรปี ระจนั
จง่ึ จอดเรือเข้าหนา้ สะพานใหญ่ ตาผลวิ่งไปเอาไมก้ น้ั
เสยี เงนิ ทองให้ขนึ้ ไปพลัน ขนขนั หมากขนึ้ บนบนั ได
ยายเปา้ เถา้ แกอ่ ยูท่ บี่ ้าน ก็นบั ขานเงินตราแลผ้าไหว้
ครบจานวนถว้ นท่ีสญั ญาไว้ ใหข้ นเขา้ ไปในเรือนพลัน
แถมพกยกของมาเลีย้ งดู คร้นั กนิ อยูอ่ ิม่ ดีขมขี มัน
กก็ ลับเรือมาพรอ้ มหนา้ กนั ถึงพลันจอดท่าพากันไป
เสภาเร่ือง ขุนชา้ ง-ขุนแผน ตอน พลายแก้วแตง่ งานกบั นางพิม : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั
16
การนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจําวนั
งานประพนั ธ์ย่อมประกอบดว้ ยถ้อยคา เน้ือหาสาระและกลวธิ ีการเขียนแบบต่าง ๆ ซ่ึงสามารถนา
งานประพันธ์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น ในแง่จดจาถ้อยคาสานวนไปใช้เพื่อความสนุกสนาน ความ
ไพเราะ ส่วนเนื้อหาสาระอาจนาไปใช้ในแง่ได้คติข้อเตือนใจ ได้ความคิดเห็นท่ีมีประโยชน์ต่อชีวิต
ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ การนาคุณค่าของงานประพันธ์ไปใช้ได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ
ความสามารถและ ประสบการณ์ของผู้อ่าน ที่จะวิเคราะห์เพื่อเลือกจดจา คิดและนาไปใช้ตามกาลัง
ความคิดของตน
สรุปการพจิ ารณาคณุ คา่ วรรณคดีวรรณกรรม
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีวรรณกรรมโดยท่วั ไปแบง่ การพิจารณา
เป็น ๓ ด้านคอื
๑. คณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์ (ซงึ่ นักเรียนได้เรยี นรู้ในแบบฝกึ ทกั ษะเล่มที่ 3 ไป
แลว้ )
๒. คุณค่าด้านเน้ือหาจะมุ่งไปพิจารณาองค์ประกอบของเนื้อหาว่ามีคุณค่า
หรือเป็นประโยชนอ์ ยา่ งไร
๓. คุณค่าด้านแนวคิดแนวคิดที่ส่งเสริมคุณธรรมแก่ผู้อ่าน ให้ข้อคิดสอนใจ
เสนอแนวทางการดาเนินชีวิตอย่างมีความสุข โดยอาจสะท้อนจากการกระทาของ
ตัวละครทั้งด้านดีและด้านไม่ดี หรือให้ผู้อ่านตัดสินใจเองว่าควรจะทาเช่นใด จึงจะ
ถูกตอ้ งและประสบความสาเรจ็
๔. คุณค่าด้านสังคมภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่สะท้อนมาจาก
วรรณคดีและวรรณกรรมโดยกวีนิยมแทรกไว้ในเนื้อเรื่อง เช่น ประเพณี ความเช่ือ
ค่านิยม ความเปน็ อย่กู ารประกอบอาชีพ
17
เมื่อเราเรยี นเรอื่ งคณุ ค่าวรรณศิลปไ์ ปแล้ว คราวนี้ เรา
สามารถนาหลัก SQ4R มาใชใ้ นการทาข้อสอบ O-NET
การอ่านเพอ่ื พิจารณาคุณค่าด้านเนอ้ื หา แนวคดิ และสงั คม
นกั เรียนยังคงจาหลัก SQ4R ได้ใชไ่ หมคะ
๑. S = ข้นั สารวจ (Survey)
๒. Q = ข้ันต้ังคาถาม (Question)
๓. R๑ = ข้นั อ่าน (Read)
๔. R๒ = ข้นั บันทกึ (R-Record)
๕. R๓ = ข้ันสรุปใจความ (Recite)
๖. R๔ = ขนั้ วิเคราะห์ วิจารณ์ (Reflect)
หรือจะปรับใช้แบบนใี้ นการทา
ขอ้ สอบกไ็ ด้นะ
๑. S = อ่านสารวจ
๒. Q = ด,ู ต้งั คาถาม
๓. R1 = อา่ นหาคาตอบ
๔. R2 = ขีดเขียนหาประเดน็
๕. R3 = โยงเสน้ หรอื สรุป
๖. R4 = ทบทวน ตรวจสอบ
18
ตัวอยา่ งการอา่ นเพื่อพิจารณา
คุณค่าพิจารณาคณุ ค่าด้านเนอ้ื หา แนวคิด และสังคม
โดยใช้ SQ4R
คาํ ชแ้ี จง ต่อไปน้จี ะเปน็ การนาขอ้ สอบ O-NET มาวเิ คราะหโ์ ดยใช้ SQ4R เพอ่ื หาคาตอบกนั นะคะ
คําถามข้อท่ี 1 ผู้เขยี นต้องการสือ่ ความหมายตามข้อใดมากทสี่ ุด
“การทาบญุ ใหท้ านน้ันเป็นสิ่งท่ีคนไทยนิยมถือปฏิบัติมาอย่างยาวนานเป็นความเชื่อความศรัทธา
ทมี่ ีรากฐานมาจากพระพทุ ธศาสนา ในความเปน็ จริงแล้วทานหรือการให้ก็คือการทาบุญอย่างหน่ึงแต่คน
มกั จะเข้าใจวา่ เมอ่ื ทากบั พระสงฆเ์ รียกว่า ทาบญุ เม่อื ให้แกค่ นทวั่ ไปหรอื ใหแ้ กส่ ตั ว์เรยี กวา่ ให้ทาน แต่ถ้า
ศึกษาใหล้ ะเอียดจะทราบว่า การให้ไม่ว่าจะให้แก่ผู้ใดจัดเป็นทานท้ังสิ้นและเข้าใจให้ถูกเสียใหม่ว่า ทาน
เปน็ การทาบญุ รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ยังมีการทาบุญด้วยวิธีการอ่ืนอีกหลายวิธีตามท่ีพระพุทธศาสนาสอน
ไว้
1. การถวายของแดพ่ ระสงฆ์เรียกวา่ การทาบุญ
2 การให้ส่ิงของแกบ่ คุ คลธรรมท่ีเป็นฆราวาสเรียกว่า การทาทาน
3. การให้ทานเป็นการทาบุญวธิ ีหนึง่ เทา่ น้ัน
4. พระพทุ ธศาสนาเนน้ การทาบญุ วธิ หี นง่ึ เทา่ นนั้
5. การทาบญุ ไดอ้ านสิ งส์มากกวา่ การใหท้ าน
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณ์โดยใช้ SQ4R
๑. S (ขั้นสาํ รวจ) เนื้อหาโดยรวมเป็นเรือ่ งเกย่ี วกบั การทาบุญ
๒. Q (ข้นั ต้งั คําถาม) คาถามท่ีสงสยั
- เป็นเรอ่ื งเก่ยี วกับอะไร
- ผู้เขยี นตอ้ งการส่ือความหมายตามข้อใดมากท่สี ุด
๓. R1 (ข้ันอา่ น) – ผเู้ ขยี นต้องการสื่อความหมายตามขอ้ 3. การใหท้ านเป็นการทาบญุ วธิ หี นงึ่ เทา่ น้นั
๔. R2 (ขนั้ ประมวลความรู้) คาตอบ 3. การให้ทานเปน็ การทาบญุ วิธีหน่งึ เทา่ น้นั
ตอ่ หน้าตอ่ ไปนะคะ
19
5. R3 (โยงเส้น,สรุป)
ผ้เู รยี นสามารถทําโดยการโยงเสน้ ได้ ดังน้ี
ข้อที่ 1 “การทาบุญให้ทานน้ันเป็นส่ิงที่คนไทยนิยมถือปฏิบัติมาอย่างยาวนานเป็นความเช่ือความ
ศรัทธาท่ีมีรากฐานมาจากพระพุทธศาสนา ในความเป็นจริงแล้วทานหรือการให้ก็คือการทาบุญอย่าง
หนึ่งแตค่ นมักจะเขา้ ใจว่าเมือ่ ทากบั พระสงฆ์เรยี กวา่ ทาบญุ เมื่อให้แก่คนทั่วไปหรือให้แก่สัตว์เรียกว่า ให้
ทาน แต่ถ้าศึกษาให้ละเอียดจะทราบว่า การให้ไม่ว่าจะให้แก่ผู้ใดจัดเป็นทานทั้งสิ้นและเข้าใจให้ถูกเสีย
ใหม่ว่า ทานเป็นการทาบุญรูปแบบหน่ึงเท่าน้ัน ยังมีการทาบุญด้วยวิธีการอื่นอีกหลายวิธีตามท่ี
พระพทุ ธศาสนาสอนไว้
1. การถวายของแดพ่ ระสงฆเ์ รียกวา่ การทาบุญ
2 การใหส้ ่งิ ของแกบ่ ุคคลธรรมทีเ่ ป็นฆราวาสเรียกวา่ การทาทาน
3. การใหท้ านเป็นการทาบญุ วิธีหน่ึงเท่าน้นั
4. พระพทุ ธศาสนาเนน้ การทาบญุ วิธีหน่งึ เทา่ นนั้
5. การทาบุญได้อานิสงส์มากกวา่ การใหท้ าน
6. R4 (ข้ันทบทวน )คาตอบคือข้อ 3. การใหท้ านเปน็ การทาบญุ วิธีหนึ่งเท่านน้ั
เหตุผลสอดคลอ้ งกับขอ้ ความ ทานหรือการให้กค็ ือการทาบุญอย่างหนึ่ง
เป็นไงบ้างคะ พอเข้าใจไหม
20
ข้อที่ 2 ข้อใดมคี วามหมายสอดคลอ้ งกบั ข้อความทย่ี กมา
“การสะกดคาได้ถูกต้องเป็นเครื่องหมายสาคัญอย่างหนึ่งของผู้ได้รับการศึกษาอย่างดีแล้ว ผู้ที่
เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วไม่ควรสะกดคาผิดเพราะหากไม่ทราบ หรือไม่แน่ใจคาใดก็สามารถเปิด
พจนานุกรมดไู ด้ คนทีเ่ ขียนผดิ นา่ จะเปน็ คนทม่ี ีการศึกษาน้อยหรือคนท่ีมักงา่ ยเท่านน้ั ”
1. ลูกผูช้ ายลายมอื นัน้ คือยศ
2. สาเนยี งส่อภาษา กริ ยิ าส่อสกลุ
3. เมอ่ื เล็กใฝศ่ ึกษา เม่อื หน้าเตบิ ใหญ่จะมีผล
4. ปากเป็นเอก เลขเปน็ โท หนงั สอื เปน็ ตรี
5. คนไทย คาไทย เขียนใหไ้ ด้ ใชใ้ หถ้ ูก
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณ์โดยใช้ SQ4R
๑. S (ขน้ั สํารวจ) เนื้อหาโดยรวมเป็นเรอ่ื งเก่ยี วกบั การสะกดคา
๒. Q (ข้นั ตั้งคาํ ถาม) คาถามทีส่ งสยั
- เป็นเรือ่ งเก่ยี วกบั อะไร
- ขอ้ ใดมีความหมายสอดคล้องกับข้อความที่ยกมา
๓. R1 (ขน้ั อา่ น) ข้อความท่ีสอดคล้องกบั ขอ้ ความทย่ี กมาคือ ปากเป็นเอก เลขเปน็ โท หนงั สอื เป็นตรี
๔. R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบ 4. ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนงั สือเป็นตรี
5. R3 (โยงเสน้ , สรุป)
คาํ ถามข้อที่ 2ข้อใดมีความหมายสอดคล้องกับข้อความที่ยกมา
“การสะกดคาได้ถูกต้องเป็นเครื่องหมายสาคัญอย่างหนึ่งของผู้ได้รับการศึกษาอย่างดีแล้ว ผู้ท่ี
เรียนจบช้ันมัธยมศึกษาแล้วไม่ควรสะกดคาผิดเพราะหากไม่ทราบ หรือไม่แน่ใจคาใดก็สามารถเปิด
พจนานุกรมดูได้ คนทเี่ ขียนผิดนา่ จะเปน็ คนท่มี ีการศึกษานอ้ ยหรือคนทม่ี ักง่ายเทา่ น้นั ”
1. ลกู ผู้ชายลายมือนนั้ คือยศ
2. สาเนยี งส่อภาษา กิรยิ าส่อสกุล
3. เมื่อเล็กใฝศ่ ึกษา เม่อื หน้าเติบใหญ่จะมผี ล
4. ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนงั สอื เปน็ ตรี
5. คนไทย คาไทย เขยี นให้ได้ ใชใ้ หถ้ กู
6. R4 (ขน้ั ทบทวน) คาตอบ ขอ้ 4. ปากเป็นเอก เลขเปน็ โท หนงั สือเปน็ ตรี
เหตุผล เพราะสอดคล้องกบั ข้อความ การสะกดคาได้ถูกต้องเปน็ เครือ่ งหมายสาคัญอยา่ งหนงึ่ ของผู้ได้รับ
การศึกษาอยา่ งดีแล้ว
21
ขอ้ ท่ี 3 ข้อความต่อไปนเ้ี สนอแนวคิดเรอื่ งใด
ปา่ ชมุ ชนคอื ปา่ ท่ีประชาชนในท้องถน่ิ ไดร้ ับมอบหมายใหด้ แู ลจดั การ ทุกคนในปา่ ชมุ ชนมีสทิ ธ์ิใช้
ประโยชนจ์ ากป่าอย่างเป็นธรรม ป่าชมุ ชนทาใหเ้ กิดการพัฒนาแบบยงั่ ยนื แก่ชุมชน เพราะประชาชน
ชาวบา้ นป่าต้องการความม่ันคงในเรือ่ งที่อยู่ทีท่ ากิน ถึงแม้ท่ดี ินปา่ เปน็ ของรัฐก็ขอให้เขาไดอ้ ยู่อาศยั เขา
จะดแู ลรกั ษาปา่ ให้ด้วยความเตม็ ใจ
๑. ความพยายามรักษาป่า
๒. การแสวงประโยชนจ์ ากปา่
๓. ความปรารถนาท่ดี นิ ทากิน
๔. ความเปน็ ธรรมในการดแู ลป่า
๕. การพฒั นาป่าและสิง่ แวดล้อม
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณโ์ ดยใช้ SQ4R
๑. S (ข้นั สาํ รวจ) ภาพรวมเป็นเรอ่ื งเกีย่ วกับปา่ ชุมชน
๒. Q (ขั้นตงั้ คาํ ถาม) คาถามท่ีสงสยั
- เปน็ เร่อื งเกี่ยวกับอะไร
- เสนอแนวคดิ เรื่องใด
๓. R1 (ขน้ั อา่ น) เสนอแนวคิดเรอ่ื ง ความพยายามรักษาป่า
๔. R2 (ขั้นประมวลความรู้) คาตอบ 2. การเล่นคา
5. R3 (โยงเสน้ , สรุป)
ผเู้ รยี นสามารถทาํ โดยการโยงเสน้ ได้ ดังน้ี
ป่าชุมชนคือป่าที่ประชาชนในท้องถิน่ ไดร้ บั มอบหมายใหด้ แู ลจัดการ ทกุ คนในป่าชุมชนมีสิทธิ์ใช้
ประโยชนจ์ ากป่าอย่างเปน็ ธรรม ป่าชมุ ชนทาใหเ้ กิดการพัฒนาแบบยั่งยนื แก่ชุมชน เพราะประชาชน
ชาวบา้ นป่าต้องการความมัน่ คงในเร่อื งที่อย่ทู ี่ทากิน ถงึ แม้ทด่ี ินปา่ เป็นของรัฐก็ขอให้เขาได้อยู่อาศยั
เขาจะดูแลรักษาป่าใหด้ ้วยความเต็มใจ
1. ความพยายามรกั ษาปา่
2. การแสวงประโยชนจ์ ากป่า
3. ความปรารถนาทด่ี นิ ทากนิ
4. ความเปน็ ธรรมในการดูแลปา่
5. การพฒั นาป่าและส่ิงแวดล้อม
6. R4 (ข้ันทบทวน) ตอบข้อ 1. ความพยายามรักษาป่า
เหตุผล สอดคล้องกับข้อความ เขาจะดูแลรักษาปา่ ให้ดว้ ยความเตม็ ใจ
22
ข้อที่ 4 ขอ้ ใดอนุมานไดว้ า่ เป็นความคดิ ของผ้เู ขียนข้อความตอ่ ไปน้ี
วรรณคดีมีบทบาทเหมือนงานศิลปะประเภทอื่นๆ คือสร้างความบันเทิงใจและจรรโลงใจ ความ
บันเทิงใจคือความอิ่มใจ อิ่มอารมณ์เม่ือได้เสพรสงานศิลปะ เช่นเดียวกับความอิ่มท้องเมื่อได้เสพรส
อาหาร ส่วนความจรรโลงใจ หมายถึงความผ่องแผ้ว ช่ืนบานและร่าเริง หายจากความหมกมุ่นกังวล
และมอี ารมณ์ทข่ี ดั เกลาแล้ววรรณคดีจงึ นบั ได้วา่ เป็นสง่ิ ท่กี ลอ่ มเกลามนุษย์ให้รู้จักความงาม ความดี และ
ความเป็นจรงิ ของชีวติ
๑. คนท่อี ่านวรรณคดแี ลว้ เขา้ ใจย่อมดศู ิลปะอื่นๆให้เข้าใจได้
๒. ถา้ ไม่ได้อา่ นวรรณคดีคนเราจะมีความหมกมุ่น กงั วลใจ
๓. ถ้าผใู้ ดต้องการรจู้ ักความเปน็ จรงิ ของชีวิต ผูน้ ั้นตอ้ งอา่ นวรรณคดี
๔. การอา่ นวรรณคดีอาจทาให้คนเกิดความพึงพอใจและมีจิตใจสูงขึน้ ได้
๕. วรรณคดคี วรจดั ให้รวมอยู่ในกลุ่มเดยี วกบั ศิลปะประเภทอน่ื
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณโ์ ดยใช้ SQ4R
๑. S (ข้นั สํารวจ) ภาพรวมเปน็ เร่ืองเกย่ี วกับ วรรณคดี
๒. Q (ขัน้ ตัง้ คาํ ถาม) คาถามทส่ี งสยั
- เป็นเร่ืองเก่ยี วกับอะไร - ขอ้ ใดเป็นความคิดของผู้เขียนขอ้ ความ
๓. R1 (ขน้ั อา่ น)ข้อทเ่ี ปน็ ความคดิ ของผู้เขียน คอื ขอ้ 4 การอา่ นวรรณคดีอาจทาใหค้ นเกิดความพึง
พอใจและมีจิตใจสงู ข้ึนได้
๔. R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบ 4.การอ่านวรรณคดีอาจทาใหค้ นเกิดความพงึ พอใจและมจี ิตใจ
สูงขึ้นได้
5. R3 (โยงเสน้ ,สรุป)
ผเู้ รียนสามารถทาํ การขดี เส้นได้ ดงั นี้
คาถามขอ้ ท่ี 4 ข้อใดอนุมานได้ว่าเป็นความคดิ ของผูเ้ ขยี นข้อความต่อไปน้ี
วรรณคดีมบี ทบาทเหมือนงานศลิ ปะประเภทอื่นๆ คอื สรา้ งความบันเทงิ ใจและจรรโลงใจ ความ
บนั เทงิ ใจคือความอมิ่ ใจ อม่ิ อารมณ์เม่ือได้เสพรสงานศิลปะ เช่นเดียวกบั ความอม่ิ ทอ้ งเม่ือไดเ้ สพรส
อาหาร ส่วนความจรรโลงใจ หมายถงึ ความผอ่ งแผว้ ช่ืนบานและร่าเรงิ หายจากความหมกม่นุ กงั วล
และมีอารมณ์ทีข่ ัดเกลาแล้ววรรณคดจี ึงนับได้วา่ เป็นส่งิ ท่ีกล่อมเกลามนุษยใ์ หร้ ู้จักความงาม ความดี
และความเป็นจรงิ ของชวี ิต
1. คนท่อี า่ นวรรณคดีแลว้ เข้าใจยอ่ มดูศลิ ปะอื่นๆให้เข้าใจได้
2. ถา้ ไมไ่ ด้อา่ นวรรณคดีคนเราจะมคี วามหมกมุ่น กังวลใจ
3. ถ้าผใู้ ดตอ้ งการรจู้ ักความเป็นจรงิ ของชีวติ ผูน้ นั้ ต้องอ่านวรรณคดี
4. การอา่ นวรรณคดีอาจทาให้คนเกิดความพงึ พอใจและมีจิตใจสูงข้ึนได้
5. วรรณคดีควรจัดให้รวมอยู่ในกลุม่ เดยี วกบั ศลิ ปะประเภทอ่นื
6. R4 (ข้นั ทบทวน) ตอบข้อ 4. การอา่ นวรรณคดอี าจทาใหค้ นเกดิ ความพึงพอใจและมีจิตใจสงู ขน้ึ ได้
เหตผุ ล วรรณคดีมบี ทบาทเหมือนงานศลิ ปะประเภทอื่นๆ คือสรา้ งความบนั เทิงใจและจรรโลงใจ ความ
บนั เทิงใจคือความอ่มิ ใจ
23
ขอ้ ท่ี 5 ขอ้ ใดเปน็ แนวคดิ ของคาประพันธต์ อ่ ไปนี้
ส่ิงหลอ่ เล้ียงหวั ใจครูหนูรูไ้ หม คอื ศิษย์ได้สง่ิ งดงามตามใฝฝ่ ัน
ชีวิตครจู ะอยไู่ ดอ้ ยา่ งไรกัน หากศิษยน์ ั้นอ่อนแอแพ้ภัยพาล
๑. ครูทกุ คนย่อมปรารถนาดีต่อศิษย์
๒. ศษิ ยย์ ่อมต้องการกาลังใจจากครู
๓. ความสาเรจ็ ของศิษย์คือความสุขของครู
๔. หน้าทข่ี องครูคอื สง่ั สอนศิษยใ์ ห้เปน็ คนดี
๕. ไมม่ คี รคู นใดปรารถนาให้ศิษยล์ ม้ เหลว
หลักการวเิ คราะห์วิจารณ์โดยใช้ SQ4R
๑. S (ขน้ั สํารวจ) ภาพรวมเปน็ เรือ่ งเก่ียวกับ ครู-ศษิ ย์
๒. Q (ข้นั ตั้งคาํ ถาม) คาถามท่ีสงสัย
- เป็นเร่อื งเก่ียวกับอะไร - ขอ้ ใดเปน็ แนวคิด
๓. R1 (ข้นั อ่าน)แนวคดิ ของผูเ้ ขียน คือ ความสาเร็จของศิษยค์ ือความสขุ ของครู
๔. R2 (ขน้ั ประมวลความรู้) คาตอบ ๓. ความสาเรจ็ ของศิษย์คือความสุขของครู
5. R3 (โยงเส้น, สรปุ )
ผู้เรียนสามารถทาํ การขดี เส้นได้ ดงั น้ี
คําถามข้อท่ี 5 ข้อใดเปน็ แนวคิดของคาประพันธต์ อ่ ไปนี้
สงิ่ หลอ่ เลยี้ งหัวใจครูหนูร้ไู หม คือศิษย์ไดส้ ่ิงงดงามตามใฝฝ่ ัน
ชีวติ ครจู ะอยไู่ ด้อย่างไรกัน หากศษิ ยน์ ั้นอ่อนแอแพ้ภยั พาล
๑. ครทู ุกคนย่อมปรารถนาดีต่อศษิ ย์
๒. ศิษย์ย่อมต้องการกาลงั ใจจากครู
๓. ความสาเร็จของศิษยค์ ือความสุขของครู
๔. หนา้ ที่ของครูคอื สงั่ สอนศษิ ย์ใหเ้ ปน็ คนดี
๕. ไมม่ ีครูคนใดปรารถนาให้ศิษยล์ ม้ เหลว
6. R4 (ขั้นทบทวน) ตอบข้อ ๓. ความสาเรจ็ ของศิษย์คือความสขุ ของครู
เหตุผล สอดคล้องกบั วรรค คือศิษย์ไดส้ ง่ิ งดงามตามใฝ่ฝนั
เอาละ่ คราวนล้ี อง เป็นไงบ้างคะ พอเข้าใจไหมคะ นักเรยี นจะเหน็ ได้
ไปทาแบบฝึกดูนะคะ ว่าการประเมนิ คณุ คา่ อะไรก็ตามคาตอบสว่ นใหญ่
จะอยู่ในข้อความตลอดเลยค่ะ เพราะฉะนน้ั
นักเรียนต้องสังเกตขอ้ ความให้ดีนะคะ
24
แบบฝึกทักษะยลยนิ ขอ้ คดิ
คําชีแ้ จง แบบฝึกทักษะชุดนี้มี 2 ตอน ตอนที่ 1 มี 5 ขอ้ ๆละ 6 คะแนน รวม 30 คะแนน
ตอนที่ 2 มี 10 ขอ้ ๆ ละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน รวม 2 ตอน 50 คะแนน
นกั เรยี นจะต้องทาแบบฝึกทักษะชดุ นีใ้ ห้ไดค้ ะแนน 35 คะแนนขนึ้ ไป จงึ จะถือวา่ ผา่ นเกณฑ์
ตอนท่ี 1
คาํ สง่ั ให้นกั เรียนอา่ นคาถามแต่ละขอ้ จากนนั้ ให้แสดงวิธีทาโดยใช้ SQ4R ลงในชอ่ งว่างทเ่ี ว้นไวใ้ ห้
(ขอ้ ละ 6 คะแนน)
ข้อท่ี 1ขอ้ ใดไม่มีความเชื่อ
1. เป็นเคราะห์กรรมจาพลดั พราก เอง็ พ้นจากเบญจเพสแล้วหรือหลาน
2. แล้วทาผงอิทธิเจเขา้ เจมิ พักตร์ คนเหน็ คนทักรกั ทุกหนา้
3. จ่งึ อา่ นอาคมขลังตง้ั ใจ สะกดใหน้ ทิ ราทง้ั ธานี
4. วันพฤหัสวนั นี้ดีนักหนา อยั กาจะสอนหนงั สือให้
5. ลูกเอย๋ เป็นกาพร้าพระบดิ า สรุ ยิ ์วงศ์พงศาไม่เห็นพกั ตร์
หลกั การวิเคราะห์วิจารณ์โดยใช้ SQ4R
1.๑ S (ขั้นสํารวจ) เปน็ เร่ืองเกยี่ วกับ (หากเนื้อหาไมต่ ่อเนื่องกนั นักเรยี นสามารถตอบว่า
เป็นร้อยแกว้ หรือร้อยกรอง ก็ได้ค่ะ ........................................................................................................
1.๒ Q (ขัน้ ตั้งคําถาม) คาถามที่สงสัย..........................................................................................
.......................................................................................................................................................
1.๓ R1 (ขน้ั อ่าน) ข้อความทสี่ มั พนั ธก์ บั คาตอบคือ .....................................................................
1.๔ R2 (ข้นั ประมวลความรู้) คาตอบทเ่ี ลอื กคือข้อ......................................................................
1.5 R3 (โยงเส้น, ขดี เสน้ ,สรปุ )
ขอ้ ที่ 1 ข้อใดไม่มคี วามเชื่อ
1. เปน็ เคราะหก์ รรมจาพลดั พราก เอ็งพ้นจากเบญจเพสแล้วหรอื หลาน
2. แล้วทาผงอทิ ธเิ จเขา้ เจมิ พักตร์ คนเหน็ คนทักรกั ทุกหน้า
3. จึ่งอ่านอาคมขลงั ตง้ั ใจ สะกดให้นิทราทงั้ ธานี
4. วนั พฤหสั วันน้ีดนี ักหนา อยั กาจะสอนหนงั สือให้
5. ลกู เอย๋ เป็นกาพรา้ พระบิดา สุรยิ ว์ งศพ์ งศาไม่เหน็ พักตร์
1.6 R4 (ขัน้ ทบทวน) เหตทุ ี่ตอบข้อ..............................................................................................
เหตุผล.......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
25
ขอ้ ที่ 2 ขอ้ ใดแสดงคา่ นิยม
1. ถงึ กูตายภายหลงั ใหล้ ือชือ่ วา่ ใจซ่อื ถือสตั ยบ์ ริสุทธิ์
2. ประเพณตี งี ูใหห้ ลังหัก มันก็มักทารา้ ยเม่ือภายหลงั
3. อันเจบ็ ปวดยวดยิ่งทุกส่ิงมี ไม่เทา่ ทีเ่ จ็บซ้าระการัก
4. คดิ คะนงึ ถึงมติ รแต่ก่อนเก่า นจิ จาเจ้าเหินห่างรา้ งพิสมัย
5. ใครจะอยู่ค้าฟ้าทง้ั ตาปี ถึงพระศุลีอนิ ทร์จันทรย์ อ่ มบรรลัย
หลักการวเิ คราะห์วิจารณโ์ ดยใช้ SQ4R
2.1 S (ขั้นสํารวจ)เปน็ เร่ืองเกี่ยวกับ (หากเน้ือหาไมต่ ่อเนื่องกัน นกั เรยี นสามารถตอบว่า
เป็นร้อยแก้ว หรือร้อยกรอง ก็ได้ค่ะ ........................................................................................................
2.๒ Q (ขั้นต้ังคําถาม)คาถามที่สงสัย...........................................................................................
.......................................................................................................................................................
2.๓ R1 (ขน้ั อา่ น)ข้อความที่สมั พนั ธก์ ับคาตอบคือ .....................................................................
2.๔ R2 (ขน้ั ประมวลความรู้)คาตอบทเ่ี ลือกคือขอ้ ......................................................................
2.5 R3 (โยงเสน้ , ขดี เส้น,สรปุ )
ข้อท่ี 2 ข้อใดแสดงคา่ นิยม
1. ถงึ กตู ายภายหลังให้ลอื ชื่อ วา่ ใจซ่อื ถือสตั ยบ์ รสิ ุทธ์ิ
2. ประเพณีตงี ูใหห้ ลังหัก มนั กม็ ักทารา้ ยเมื่อภายหลงั
3. อนั เจบ็ ปวดยวดย่งิ ทุกส่ิงมี ไมเ่ ทา่ ทเี่ จบ็ ซ้าระการัก
4. คิดคะนงึ ถึงมติ รแต่ก่อนเก่า นจิ จาเจา้ เหินหา่ งรา้ งพิสมัย
5. ใครจะอยคู่ ้าฟ้าทงั้ ตาปี ถึงพระศุลีอินทร์จนั ทร์ย่อมบรรลัย
2.6 R4 (ขัน้ ทบทวน)เหตทุ ่ีตอบข้อ..............................................................................................
เหตุผล.......................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
26
ข้อท่ี 3 ข้อใดเปน็ แนวคิดของคาประพันธ์ต่อไปน้ี
งาสารฤาหอ่ นเหี้ยน หดคนื
คากล่าวสาธุชนยนื อยา่ งนนั้
ทุรชนกลา่ วคาฝืน คาเลา่
หวั เต่ายาวแล้วสน้ั เล่หล์ ้นิ ทรชน
1. ทกุ คนควรทาตามอย่างคนดที ย่ี ดึ มนั่ ในคาพูดของตนเอง
2. คนชั่วมักจะใช้คาพูดทาเล่ห์กลหลอกล่อใหค้ นอนื่ หลงเชอื่
3. คนชว่ั พดู อย่างใดอยา่ งหน่ึงออกไปอาจเปลี่ยนเป็นอย่างอนื่ ได้
4. คาพดู ของคนดเี ปรียบเหมือนงาชา้ งท่ีงอกยาวแลว้ ไมก่ ลับสั้นได้อีก
5. คาพดู ของคนชว่ั เปรยี บเหมือนกบั หวั เตา่ ที่ยืดออกและหดเขา้ ในกระดองได้
หลักการวเิ คราะห์วจิ ารณ์โดยใช้ SQ4R
3.๑ S (ขน้ั สํารวจ) เป็นเรื่องเก่ียวกบั .............................................................................................
3.๒ Q (ขน้ั ตัง้ คําถาม) คาถามท่ีสงสยั ...........................................................................................
.......................................................................................................................................................
3.๓ R1 (ขน้ั อ่าน) ขอ้ ความท่ีสมั พนั ธก์ ับคาตอบคือ .....................................................................
3.๔ R2 (ข้ันประมวลความรู้) คาตอบทเ่ี ลือกคือข้อ......................................................................
3.5 R3 (โยงเสน้ , ขดี เส้น,สรุป)
ขอ้ ท่ี 3 ข้อใดเปน็ แนวคิดของคาประพนั ธต์ อ่ ไปนี้
งาสารฤาห่อนเหย้ี น หดคนื
คากล่าวสาธชุ นยนื อย่างนน้ั
ทรุ ชนกลา่ วคาฝนื คาเล่า
หัวเต่ายาวแลว้ ส้นั เลห่ ล์ ้ินทรชน
1. ทุกคนควรทาตามอยา่ งคนดีทย่ี ดึ ม่ันในคาพูดของตนเอง
2. คนช่วั มกั จะใชค้ าพูดทาเล่ห์กลหลอกลอ่ ใหค้ นอืน่ หลงเชือ่
3. คนชวั่ พูดอยา่ งใดอย่างหน่ึงออกไปอาจเปล่ยี นเป็นอยา่ งอ่ืนได้
4. คาพูดของคนดเี ปรยี บเหมือนงาช้างทง่ี อกยาวแล้วไมก่ ลับสัน้ ได้อีก
5. คาพูดของคนชว่ั เปรียบเหมอื นกับหวั เต่าทย่ี ดื ออกและหดเขา้ ในกระดองได้
3.6 R๔ (ข้นั ทบทวน) เหตุที่ตอบข้อ........ เพราะ..........................................................................
................................................................................................................ ...................................................
............................................................................................................................. ......................................
27
ข้อท่ี 4 คาประพันธต์ อ่ ไปน้ผี ู้แตง่ รังเกยี จเร่ืองใดมากทีส่ ดุ
ได้เคืองแคน้ แสนยากลาบากบอบ มาสมประกอบทรัพยส์ นิ ก็ขดั สน
แมน้ กลับชาตเิ กิดใหม่เปน็ กายคน ชื่อว่าจนแล้วจงจากกาจดั ไกล
1. ความขัดสน
2. ความลาบาก
3. การเกดิ ใหม่
4. ความเคืองแคน้
5. การพรากจากกนั
หลกั การวิเคราะห์วิจารณโ์ ดยใช้ SQ4R
4.๑ S (ขั้นสํารวจ) เป็นเรื่องเก่ยี วกบั .............................................................................................
4.๒ Q (ขนั้ ตัง้ คาํ ถาม) คาถามท่ีสงสัย...........................................................................................
.......................................................................................................................................................
4.๓ R1 (ขัน้ อ่าน) ขอ้ ความที่สมั พันธ์กบั คาตอบคือ .....................................................................
4.๔ R2 (ขั้นประมวลความรู้) คาตอบท่เี ลือกคือข้อ......................................................................
4.5 R3 (โยงเสน้ , ขีดเส้น,สรุป)
ข้อที่ 4 คาประพนั ธต์ ่อไปนี้ผู้แต่งรงั เกยี จเรื่องใดมากทีส่ ุด
ไดเ้ คืองแคน้ แสนยากลาบากบอบ มาสมประกอบทรพั ย์สินกข็ ดั สน
แม้นกลบั ชาตเิ กิดใหมเ่ ป็นกายคน ชอื่ ว่าจนแลว้ จงจากกาจัดไกล
1. ความขัดสน
2. ความลาบาก
3. การเกดิ ใหม่
4. ความเคืองแค้น
5. การพรากจากกัน
4.6 R4 (ขั้นทบทวน) เหตุท่ีตอบข้อ........ เพราะ..........................................................................
............................................................................................................................. ......................................
........................................................................................................................................ ...........................
28
ขอ้ ท่ี 5 ข้อใดเปน็ แนวคดิ ของข้อความตอ่ ไปนี้
การท่องเที่ยวเพื่อการดูนกในเปรูเป็นท่ีนิยมมากขึ้นและเพ่ิมตัวเลขทางเศรษฐกิจให้สูงข้ึน
ประชาชนทอี่ าศัยอยู่ในพืน้ ที่ใกลก้ ับเขตอนุรกั ษพ์ นั ธ์ุสตั ว์ก็พลอยมรี ายได้ดีบรรดาบริษัททัวร์มักใช้จุดขาย
น้ีพานักท่องเท่ียวไปถึงตัวนกหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนจากการ
ท่องเท่ยี วเข้าไปรกุ ล้าพ้นื ที่ของสัตว์ป่า เป็นเหตุให้นกหายากและสัตว์ป่าลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว จนมี
การตั้งคาถามว่าเราจะปกั หมุดการอนุรักษ์เพื่ออะไร
1. นกท่ใี กล้สูญพนั ธุ์ลดจานวนลงโดยลาดับเป็นเรอ่ื งธรรมดา
2. การทอ่ งเท่ยี วดูนกในเปรูเพิม่ รายได้เขา้ ประเทศอย่างเห็นได้ชดั
3. เปรคู วรยอมลดรายได้ของประเทศทม่ี าจากท่องเที่ยวดูนกหายาก
4. การอนุรกั ษน์ กหายากมคี วามสาคัญกวา่ การส่งเสรมิ การท่องเทยี่ วดูนก
5. การเติบโตทางเศรษฐกจิ ของเปรูเกิดข้ึนควบค่กู ับการเพิ่มรายได้ของประชาชน
หลกั การวิเคราะห์วจิ ารณ์โดยใช้ SQ4R
5.๑ S (ขั้นสํารวจ) เป็นเรื่องเกยี่ วกับ.............................................................................................
5.๒ Q (ขน้ั ตงั้ คําถาม) คาถามท่ีสงสัย...........................................................................................
.......................................................................................................................................................
5.๓ R1 (ข้นั อา่ น) ข้อความท่ีสัมพันธก์ ับคาตอบคือ .....................................................................
5.๔ R2 (ขนั้ ประมวลความรู้) คาตอบที่เลอื กคือข้อ......................................................................
5.5 R3 (โยงเส้น, ขีดเสน้ ,สรุป)
ข้อที่ 6 การท่องเท่ียวเพ่ือการดูนกในเปรูเป็นท่ีนิยมมากขึ้นและเพิ่มตัวเลขทางเศรษฐกิจให้
สูงขน้ึ ประชาชนทอี่ าศัยอยู่ในพ้ืนที่ใกลก้ บั เขตอนุรักษ์พันธ์ุสัตว์ก็พลอยมีรายได้ดีบรรดาบริษัททัวร์มักใช้
จุดขายนี้พานักทอ่ งเท่ยี วไปถงึ ตวั นกหายากหรือใกลส้ ูญพนั ธ์ุ ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนจากการ
ท่องเท่ียวเข้าไปรุกลา้ พ้นื ทข่ี องสตั ว์ป่า เป็นเหตุให้นกหายากและสัตว์ป่าลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว จนมี
การต้งั คาถามว่าเราจะปักหมุดการอนรุ ักษเ์ พ่ืออะไร
1. นกท่ใี กลส้ ูญพันธ์ลุ ดจานวนลงโดยลาดบั เป็นเร่ืองธรรมดา
2. การท่องเทีย่ วดูนกในเปรูเพมิ่ รายไดเ้ ขา้ ประเทศอยา่ งเห็นได้ชดั
3. เปรคู วรยอมลดรายได้ของประเทศท่มี าจากท่องเท่ียวดูนกหายาก
4. การอนรุ ักษน์ กหายากมีความสาคัญกว่าการส่งเสริมการท่องเทย่ี วดนู ก
5. การเตบิ โตทางเศรษฐกิจของเปรเู กิดขึน้ ควบคกู่ ับการเพิ่มรายได้ของประชาชน
5.6 R๔ (ขนั้ ทบทวน) เหตทุ ี่ตอบข้อ........ เพราะ..........................................................................
.................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. ......................................
29
ตอนที่ 2
คาํ สั่ง ให้นักเรียนอ่านข้อสอบแต่ละข้อ จากนน้ั ใช้หลกั SQ4R หาคาตอบแบบรวบรดั โดยการโยงเส้น
ตัวเลอื กใหส้ ัมพันธ์กับข้อความ หรือขดี เสน้ ตรงประเดน็ ท่ีเปน็ ตัวบง่ ชคี้ าตอบ จากนน้ั ทาเคร่อื งหมาย X
ยังตวั เลอื กท่ีเป็นคาตอบท่ีถกู ด้อง(ข้อละ 2 คะแนน)
1. ขอ้ ใดเป็นแนวคดิ ทีผ่ ู้แตง่ ต้องการนาเสนอในคาประพนั ธต์ ่อไปนี้
1) มองชีวิตทง้ั เทศไทยในโลกกว้าง
2) เหน็ เรอ่ื งราวหลายอยา่ งเหมอื นหนงั ฉาย
3) สว่ นชีวติ จริงจรงิ ยิ่งนยิ าย
4) ทง้ั บทดีบทร้ายมากมายครัน
5) ทางเดินนนั้ มีไวใ้ หเ้ ลือกเอง
๑. ชวี ติ คนทั้งโลกมีความหลากหลาย
๒. ชวี ิตจริงเหมือนอินนิยายหรือภาพยนตร์
๓. คนในโลกไมว่ ่าชาติใดมที ั้งคนดีและคนชั่ว
๔. คนเราสามารถเลือกทจี่ ะเป็นคนดีหรือคนชัว่ ได้ดว้ ยตนเอง
๕. ไมว่ า่ จะเป็นชีวิตของคนไทยหรือชาตอิ ื่นลว้ นประกอบด้วยความดีและความช่ัว
2. ขอ้ ใดไมก่ ลา่ วถึงคา่ นยิ ม ไมย่ ่อทอ้ จะแทนพระคุณไป
๑. ทา่ นจะใชต้ กั นาหรอื หามวอ รกั ษาสัตยส์ จุ รติ จนวายปราณ
๒. ขอเป็นขา้ บาทบงส์พุ ระทรงฤทธิ์ ไปชั่วกัลปาฟา้ ดนิ
๓. จะปรากฏยศเกียรติเดชา ทุกค่าเชา้ นึกไวจ้ ะให้ผล
๔. อนึ่งความกตัญญรู ู้คุณเจา้ ไม่เทา่ ทีเ่ จ็บชาระการัก
๕. อันเจบ็ ปวดยวดยิง่ ทกุ ส่ิงมี
3. ขอ้ ใดไมม่ คี วามเช่ือ
๑. เดชะบญุ เราสรา้ งแต่ปางก่อน คงมีวันผันผ่อนที่ครวญคร่า
๒. น้อยใจเวรใดมาดลจติ ให้หมอ่ มพลายวายคดิ ทีแ่ ค้นหนอ
๓. แลว้ นิง่ ระงับดบั ใจ ดใู นฤกษ์ยามตามนาที
๔. ถา้ ทาราชการนานไป ใครตงั ใจใหด้ จี ะมผี ล
๕. เจ้าพลายฉวยชักมดี หมอมนตร์ แทงป๋ังหนงั ย่นไม่เขา้ มัน
30
4. แนวคิดตามขอ้ ใดไมส่ อดคล้องกับคาประพนั ธต์ อ่ ไปนี
อนั ทจี่ รงิ คนเขาอยากใหเ้ ราดี
แตถ่ ้าเดน่ ขึนทกุ ทเี ขาหมนั่ ไส้
จงทาดแี ต่อยา่ เด่นจะเป็นภยั
ไม่มใี ครอยากเหน็ เราเดน่ เกนิ
๑. คนท่ัวไปชอบใหค้ นอ่ืนทาความดี
๒. คนทงั หลายในสงั คมชอบคบคนดี
๓. คนเราควรทาสิง่ ที่ดแี ต่พอสมควร
๔. คนที่ทาตวั โดดเดน่ มากๆจะสรา้ งศตั รู
๕. คนอน่ื หมน่ั ไสเ้ ราเพราะเราทาตวั เดน่ กว่าเขา
5. ขอ้ ใดมคี วามหมายสอดคล้องกับความคิดของผแู้ ตง่ คาประพนั ธต์ ่อไปนี
“ถึงยา่ นซื่อสมชื่อด้วยซ่ือสุด ใจมนุษยเ์ หมือนกระนีแลว้ ดีเหลือ
๑. ผู้แต่งยกย่องคนในย่านซ่ือทีม่ ีจิตใจซอื่ ท่สี ุดเทา่ ท่ีเคยพบ
๒. คนในย่านซ่ือคงจะมีจติ ใจซ่ือตรงสมกับชอื่ ตาบลทอ่ี าศัย
๓. ไมน่ ่าเช่ือว่าจะมมี นุษย์ที่ไหนมจี ิตใจจิตใจซื่อตรงอย่างกบั ช่ือย่านซ่ือ
๔. ถ้าคนเรามจี ิตใจซื่อตรงเหมือนกบั ช่ือยา่ นซ่ือก็นบั วา่ เป็นส่ิงประเสรฐิ ที่สดุ
๕. ผู้แต่งเชือ่ ม่ันวา่ จิตใจของตนเองซื่อตรงท่สี ดุ สมกบั ชอ่ื ย่านซื่อทกี่ ลงั เดนิ ทางผา่ น
6. ในคาประพนั ธ์ต่อไปนีข้อใดไมป่ รากฏอยูจ่ ริงในเหตุการณท์ ผี่ ู้แต่งประสบอยู่
จักจ่ันหว่ันแว่วแจว้ แจว้ เสยี ง เหมอื นสาเนยี งวนดิ านาตาไหล
หนาวนาคา้ งพรา่ งพรมพนมไพร โอ้เจียนใจพ่จี ะขาดอนาถนึก
๑. จกั จัน่
๒. นางผูเ้ ป็นทร่ี กั
๓. นาตา
๔. นาค้าง
๕. ปา่ ไม้
31
7. ขอ้ ใดไม่ใช่ความคดิ ของผู้เขยี นในข้อความต่อไปนี
เพอื่ นๆ ทม่ี าพบกันในงานเลียงร่นุ แม้วัยและสภาพรา่ งกายจะเปล่ยี นไปบา้ งแตใ่ นความรู้สกึ
แลว้ ยงั เปน็ เด็กไมเ่ ปล่ยี นแปลง ทุกคนมเี ส้นทางชวี ิตเปน็ ของตนเองสาเร็จมากบา้ งน้อยบา้ ง ลม้ เหลวก็มี
ทีย่ ังดินรนสู้กับอปุ สรรคต่างๆ กไ็ ม่น้อย แตส่ ่งิ ท่ีเหมือนเดิมคอื มิตรภาพระหว่างกันแมจ้ ะไม่ไดพ้ บกนั
นานแต่พอพบหน้ากนั ก็ต่อตดิ และมคี วามเป็นเพื่อนที่หยิบยื่นให้กนั เชน่ เดิม
๑. ชีวติ คนย่อมต้องมีอุปสรรค
๒. เวลาทาให้บางอย่างเปลีย่ นแปลง
๓. มิตรภาพไม่อาจถูกทาลายด้วยเวลา
๔. เสน้ ทางชีวติ ของคนยอ่ มแตกต่างกนั
๕. ความสาเร็จและความลม้ เหลวคือบทเรยี น
8. ผกู้ ล่าวขอ้ ความต่อไปนมี ีลักษณะนิสยั หลายประการยกเวน้ ขอ้ ใด
“ทกุ วนั นีฉันทางานหลายอย่าง และทาทุกวนั แทบไม่ไดห้ ยุด แตฉ่ ันกม็ ีความสุขและไมร่ ้สู กึ
เหน่ือยหนา่ ยเลย เพราะฉนั พอใจส่ิงทีท่ าอยู่”
๑. ขยนั
๒. อดทน
๓. รกั งาน
๔. สจุ รติ
๕. มองโลกในแง่ดี
9. ขอ้ ความต่อไปนผี ้เู ขียนต้องการเน้นสาระเรื่องใดเปน็ สาคญั
เมอ่ื ไฟเร่ิมไหม้บ้านเรือน คนแรกๆ ทเ่ี ห็นรีบกดสญั ญาณแจ้งเตือน เมื่อได้ยินสัญญาณพนักงาน
ดบั เพลงิ รบี รดุ ไปยงั ทเี่ กิดเหตุพรอ้ มรถนา อปุ กรณ์และนายาเคมีแลว้ เรม่ิ ปฏิบัติการดบั ไฟอยา่ งรวดเร็ว
แต่โทสะไมส่ ามารถใชส้ งิ่ ใดๆ ดับได้เหมือนไฟ นอกจากเจ้าของโทสะนันจะมีขันติ ความอดทนอดกลัน
และการรู้อภัยต่อผู้อ่ืน
๑. เหตกุ ารณข์ ณะเกดิ ไฟไหม้
๒. ระบบท่ใี ชเ้ มื่อเกิดไฟไหม้
๓. ขันตอนการดบั เพลงิ
๔. วิธีระงับความโกรธ
๕. คณุ ธรรมทีท่ ุกคนควรมี
32
10. ข้อใดเป็นประเดน็ สาคญั ของข้อความต่อไปนี
คาพูดของพ่อแม่อาจทาให้ลูกเกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน และทาให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น
พ่อแม่รักและเปน็ หว่ งลูกเรือ่ งการทาการบ้าน หรือการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่ถ้าคาพูดของ
พ่อแม่เป็นไปในลักษณะพร่าบ่น ลูกอาจเข้าใจผิดคิดว่าพ่อแม่เค่ียวเข็ญและก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมาก
เกนิ ไป จงึ ต้องมกี ารอธบิ ายเพอ่ื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจซึ่งกนั และกัน ลูกจะไดเ้ ขา้ ใจวา่ พ่อแม่หวงั ดตี ่อตน
๑. หนา้ ที่ของลกู ทด่ี ี
๒. การอบรมสัง่ สอนลกู
๓. โลกส่วนตัวของเดก็
๔. ความหวงั ดีของพ่อแม่
๕. การสื่อสารในครอบครัว
เสร็จแลว้ ไปตรวจเฉลย
หน้า ๔๒ เลยนะคะ
33
แบบทดสอบหลงั เรยี น
คําช้แี จง :
1. แบบทดสอบก่อนเรียนเลม่ ทเ่ี ลม่ ท่ี 4 ยลยินข้อคดิ น้ีเป็นแบบปรนัย5ตัวเลอื กจานวน
10 ข้อคะแนน 10 คะแนนใช้เวลา 10 นาที
2. ให้นักเรียนทาเครื่องหมายกากบาท (X) ทบั ตัวเลอื กที่ถกู ต้องทสี่ ดุ เพียงข้อเดยี วลงใน
กระดาษคาตอบ
1. ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อความตอ่ ไปน้ี
“การท่องเท่ียวเพ่ือการดูนกในเปรูเป็นที่นิยมมากขึ้นและเพ่ิมตัวเลขทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
ประชาชนท่ีอาศยั อยู่ในพืน้ ท่ีใกลก้ บั เขตอนรุ ักษ์พันธ์ุสตั ว์กพ็ ลอยมีรายได้ดีบรรดาบริษัททัวร์มักใช้จุดขาย
นี้พานักท่องเที่ยวไปถึงตัวนกหายากหรือใกล้สูญพันธ์ุ ประกอบกับการขยายตัวของชุมชนจากการ
ท่องเท่ยี วเขา้ ไปรกุ ลา้ พนื้ ทข่ี องสตั ว์ป่า เป็นเหตุให้นกหายากและสัตว์ป่าลดจานวนลงอย่างรวดเร็ว จนมี
การตั้งคาถามว่าเราจะปักหมดุ การอนุรักษเ์ พ่ืออะไร”
1. นกทีใ่ กลส้ ญู พันธุล์ ดจานวนลงโดยลาดับเปน็ เร่อื งธรรมดา
2. การท่องเทยี่ วดูนกในเปรเู พม่ิ รายได้เข้าประเทศอยา่ งเห็นไดช้ ดั
3. เปรคู วรยอมลดรายไดข้ องประเทศที่มาจากท่องเทย่ี วดนู กหายาก
4. การอนรุ ักษ์นกหายากมคี วามสาคัญกวา่ การส่งเสริมการท่องเทย่ี วดูนก
5. การเตบิ โตทางเศรษฐกิจของเปรูเกิดข้นึ ควบค่กู บั การเพ่ิมรายได้ของประชาชน
2. ข้อใดเปน็ แนวคิดของคาประพันธต์ ่อไปน้ี
งาสารฤาหอ่ นเหี้ยน หดคนื
คากลา่ วสาธชุ นยนื อย่างนัน้
ทรุ ชนกลา่ วคาฝนื คาเล่า
หัวเต่ายาวแล้วส้ัน เล่หล์ น้ิ ทรชน
1. ทุกคนควรทาตามอย่างคนดที ่ยี ึดม่ันในคาพูดของตนเอง
2. คนช่ัวมกั จะใชค้ าพูดทาเล่หก์ ลหลอกล่อให้คนอืน่ หลงเช่ือ
3. คนชวั่ พดู อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงออกไปอาจเปลย่ี นเปน็ อยา่ งอื่นได้
4. คาพูดของคนดีเปรยี บเหมือนงาช้างทีง่ อกยาวแล้วไม่กลับสัน้ ได้อีก
5. คาพดู ของคนชัว่ เปรียบเหมอื นกบั หวั เตา่ ที่ยดื ออกและหดเข้าในกระดองได้
34
3. ขอ้ ความต่อไปน้แี สดงแนวคิดเรอ่ื งใด
ตน้ ไม้เกดิ จากดิน ต่อให้ลาตน้ เตบิ โตสงู เสียดฟา้ รากกย็ ังคงยดื เกาะติดดนิ ผลแต่ละผล ใบแต่
ละใบ ก่ิงก้านแต่ละกิ่ง ทุกส่วนของลาต้นนอกเหนือจากประโยชน์ทมี่ นษุ ย์หรอื สัตว์อน่ื ต้องการแล้ว มนั
ยอ่ มร่วงส่ดู ินกลายเป็นปยุ๋ เป็นอาหาร และเป็นเน้ือเดียวกับดิน ทดแทนที่มนั ดูดซึมมาเล้ียงลาต้นใหม้ ี
ชวี ติ อยา่ งที่เป็นอยู่
๑. ความเสยี สละ
๒. ความเออ้ื เฟอื้
๓. ความไม่ลืมตวั
๔. ความไมแ่ น่นอน
๕. ความกตญั ญกู ตเวที
4. ข้อใดเป็นแนวคิดจากข้อความต่อไปน้ี
ชวี ติ ผมมีวันนไ้ี ดก้ ็เพราะความลม้ เหลว จริงอยู่คนมักจะเอาเรื่องของคนที่ประสบความสาเร็จมา
เป็นกรณีศึกษา แต่ผมเชื่อการเรียนรู้จากกรณีของความผิดพลาดมากกว่าซึ่งเป็นสิ่งท่ีไม่ต้องมีใครพูดถึง
เคล็ดลับของการเรียนรู้จากประสบการณ์ท่ีผ่านมาคือเราอย่าไปทาแบบเดิมอีกเพราะมันจะกลับไป
เหมอื นเดิม
๑. ความสาเร็จคือยาชกู าลัง
๒. อุปสรรคไมใ่ ช่เรอ่ื งนา่ กลวั
๓. คนท่ีโชครา้ ยคือคนทไ่ี มร่ ู้ว่าตนโชคดี
๔. คนฉลากเทา่ นัน้ ทป่ี ระสบความสาเร็จ
๕. ชวี ิตรงุ่ เรอื งไดถ้ า้ รูจ้ ักใช้อดีตเปน็ บทเรยี น
5. ข้อใดเปน็ ประเดน็ สาคัญของคาประพนั ธต์ ่อไปน้ี
อันหญ้าแพรกแตกหน่อก่อก่งิ กา้ น แดนกนั ดารแห้งแล้งทุกแห่งหน
ถงึ ถูกเหยียบทาลายซ้าก็จาทน ยังแตกต้นงอกใหม่ไมร่ ู้วาย
๑. ความทรหด
๒. ความอดกล้ัน
๓. ความตา่ ต้อย
๔. ความทกุ ขย์ าก
๕. ความเปลย่ี นแปลง
35
6. ข้อใดไม่มคี วามเชอ่ื
๑. ย่ิงคดิ ย่งิ แค้นแนน่ ฤทัย โอว้ า่ เวรใดมาตามทนั
๒. ไดส้ าเรจ็ เสร็จสมปรารถนา ดว้ ยบุพเพนิวาสาสง่ ให้
๓. ส่งั บา่ วใหล้ งจากอาชา ขา้ วสารเสกมากซ็ ดั ไป
๔. จงึ เปา่ คาถามหาสะเดาะ กลอนหลุดผุดเผลาะดังคนถอน
๕. อนั เดนิ ทางกลางน้าจะลาบาก ต้องพลดั พรากยากแคน้ ถึงแสนสา
7. ข้อใดไม่กลา่ วถึงค่านยิ ม
๑. อน่ึงไม่ทรยศเจ้าขา้ วแดงตน ก็เป็นคนเลิศโลกย่อมลือชา
๒. จะตายตามความสตั ย์ปฏิญญา มใิ ห้ผดิ มาถึงเท้าเจา้ คณุ
๓. ลกู หมายว่าจะตายกับฝา่ เทา้ แทนคุณแมเ่ จ้าจนเปน็ ผี
๔. จงึ ปราศรัยไตถ่ ามความบุราณ ขอเชญิ ทา่ นช้แี จงให้แจง้ ใจ
๕. สามิภักดิ์รกั กษัตรยิ ์สวสั ดี จะได้มีเกียรตยิ ศปรากฏไป
8. ข้อใดเป็นแนวคิดของคาประพันธต์ ่อไปน้ี
อันเสาหินแปดศอกตอกเปน็ หลัง ไปมาผลกั บ่อยเขา้ เสายงั ไหว
จงฟังหูไวห้ ูคอยดูไป เชือ่ น้าใจดกี วา่ อย่าเช่อื ยุ
1. ความอดทนต่อการย่ัวยขุ องผู้อื่นชว่ ยให้พ้นภยั
2. ความเช่ือคนง่ายทาให้ประสบกับความหายนะ
3. ความมีใจคอหนักแน่นเป็นสิง่ ทค่ี วรยดึ ถือไว้เปน็ คติ
4. ความไว้วางใจคนงา่ ยอาจทาใหเ้ กิดความผดิ พลาดได้
5. ความพยายามในการทากิจการใดๆอย่างแข็งขันย่อมเกิดผลดี
9. คาประพันธ์ต่อไปนแ้ี สดงแนวคิดเกยี่ วกบั เรื่องใด
อักษรเรยี บร้อยถ้อย คาเพราะ
ผรู้ อู้ ่านสารเสนาะ เรอื่ ยหร้ี
บร่ ู้อ่านไมเ่ หมาะ ตรงเทิ่ง ไปนา
ทาใหโ้ ครงทั้งน้ี ช่วั ช้าเสยี ไป
๑. รสของวรรณคดี
๒. การอ่านกวีนิพนธ์
๓. การแตง่ คาประพันธ์
๔. การศกึ ษาของผู้อา่ น
๕. ความประณตี ด้านการใช้ภาษา
36
10. ขอ้ ใดเป็นแนวคดิ สาคญั ท่ผี แู้ ตง่ ตอ้ งการนาเสนอ
กาน้าดาดิ่งด้น เอาปลา
กาบกคิดใคร่หา เสพบา้ ง
ลองดาสา่ มจั ฉา ชลชาติ
สวะปะคอคา้ ง ครึ่งนา้ จาตาย
1. คนเราไม่ควรแก่งแย่งชิงดีกบั ผู้อน่ื
2. ธรรมดาของชีวติ มเี กิดแลว้ ย่อมมีดบั
3. แต่ละคนตา่ งมีความสามารถเฉพาะตน
4. การทาสง่ิ ทเี่ กินความสามารถอาจทาใหเ้ กดิ ผลเสีย
5. การดถู กู เหยียดหยามผู้อืน่ ที่ตา่ ตอ้ ยกว่าตนทาให้เกิดศตั รู
เสร็จแลว้ ไปตรวจเฉลย
หน้า ๔๑ เลยคะ่
37
ช่ือ..............................................................ชน้ั .................เลขท่ี.....................
กระดาษคําตอบแบบทดสอบหลังเรียน
ขอ้ ตวั เลือก
12345
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เกณฑก์ ารประเมนิ
- ตอบถูก ขอ้ ละ 1 คะแนน
- ตอบผดิ / ไม่ตอบหรอื ตอบมากกวา่ 1 ข้อ ข้อละ 0 คะแนน
แปลผลคะแนน
8 – 10 คะแนนดี เปน็ ไงคะ คะแนนดีข้ึน
5 – 7 คะแนนพอใช้ กวา่ กอ่ นเรยี นใช่ไหมคะ
0 – 4 คะแนนปรับปรุง
38
บรรณานุกรม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๒). หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑.
กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
__________. (๒๕๕๕). วรรณคดีวจิ กั ษ์. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ สกสค.
จิรวฒั น์ เพชรรัตน์. (๒๕๕๖). การอา่ นเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพชีวติ . กรงุ เทพฯ: โอ.เอส.พริ้นติ้งเฮา้ ส์.
ปิง เจรญิ ศิรวิ ัฒน์. (2561). คลังขอ้ สอบภาษาไทย 1,000 ขอ้ . พมิ พ์ครง้ั ที่ 58. กรุงเทพฯ: รุง่ เรอื ง
สาส์นการพิมพ์.
ฝา่ ยวิชาการบรษิ ทั สานกั พิมพ์เอมพนั ธ์ จากัด. (๒๕๕๗) .คูม่ ือครูภาษาไทย ๖ เล่ม ๒. นนทบรุ ี: เอมพนั ธ์.
เพญ็ ศรี จันทรด์ วง. (๒๕๕๕). ภาษาไทยชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖. กรงุ เทพฯ: แม็ค.
ภาสกร เกิดอ่อน และคณะ. (ม.ป.ป.). วรรณคดีและวรรณกรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖. พิมพ์คร้งั ที่ ๕.
กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.
___________. (๒๕๕๖). คูม่ ือครูรายวชิ าภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.๖. กรงุ เทพฯ:
อกั ษรเจริญทัศน์.
วรี ะ สุดสังข.์ (2550). การคิดวเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และคิดสรา้ งสรรค์. กรงุ เทพฯ:
สวุ ีริยาสาส์น.
วราวรรณ จนั ทรนวุ งศ์ และกิ่งฟูสนิ ธุวงษ์. (๒๕๕๗). การคิดและการคดิ เกย่ี วกับการรู้: แนวการจัดการ
เรยี นรู้เพ่ือพฒั นาการคดิ ของผู้เรยี น. ขอนแก่น: คลงั นานาวิทยา.
สถาบันพฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) ( 2560). หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5.
กรุงเทพฯ: สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)
__________. (๒๕๕๕). วรรณคดแี ละวรรณกรรม. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ.
สอางค์ ดาเนนิ สวัสด์ิ. (ม.ป.ป.). สรปุ ความรู้รวบยอดพิชติ O-NET ม. 6. กรงุ เทพฯ: อมรการพิมพ์ .
สวุ ฒั น์ ววิ ัฒนานนท์. (๒๕๕๐). ทักษะการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน. พิมพ์คร้ังที่ ๒. นนทบุรี: ซี.ซ.ี
นอลลดิ จ์ลิงคส์.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๐). การจดั การเรียนการสอนภาษาไทยเพือ่ พัฒนาทกั ษะการคดิ .
กรุงเทพมหานคร: สถาบนั ภาษาไทย สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน.
เอมอร เนียมนอ้ ย. (2551). พัฒนาการอ่านอยา่ งมีวจิ ารณญาณด้วยวธิ ี SQ4R. กรงุ เทพฯ:
สรุ ีวยิ าสาสน.์
อรุณรชั ช์ แสงพงษ์. (2018). ตปี ้อม ไทย 9 วชิ าสามญั ม.ปลาย. กรุงเทพฯ: GANBATTE.
39
ภาคผนวก
40
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
1. 4
2. 1
3. 2
4. 5
5. 1
6. 5
7. 4
8. 3
9. 2
10. 4
เปน็ ไงบ้างคะ ได้ก่ีคะแนนเอย่
ไมต่ ้องเสยี ใจนะคะ เดยี๋ วเราเรยี น
จากแบบฝกึ ทกั ษะแล้ว คะแนน
ย่อมดขี ้นึ แน่นอนค่ะ
41
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น
1. 4
2. 1
3. 2
4. 5
5. 1
6. 5
7. 4
8. 3
9. 2
10. 4
เหน็ ไหม ไดค้ ะแนนเพิ่มขน้ึ จากเดิม
ตั้งเยอะ ครูอยากให้นักเรียน
พยายามฝกึ ทาข้อสอบให้บ่อย ๆ
จะได้เกดิ ความชานาญย่ิงขึน้ นะคะ
42
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะ ตอนที่ 1
เกณฑก์ ารให้คะแนน
แบบฝึกทักษะ ตอนท่ี 1 มี 5 ข้อ แต่ละข้อมี 6 ข้อย่อย ขอ้ ละ 1 คะแนน
ข้อ 1
1.1 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเด็นหรือคําตอบมีนัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี
- รอ้ ยกรอง หรอื - ความเชือ่
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ใหค้ าํ ตอบที่ไมเ่ ก่ียวขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
1.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมีนัยเดยี วกับข้อความต่อไปนี้
- เปน็ เร่ืองเกีย่ วกบั อะไร –ข้อใดไม่มีความเชอื่
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ให้คําตอบท่ีไมเ่ กย่ี วขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
1.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกับขอ้ ความต่อไปน้ี
- ลูกเอ๋ยเป็นกาพรา้ พระบดิ า สุริยว์ งศ์พงศาไม่เหน็ พกั ตร์
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คําตอบที่ไม่เกยี่ วขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
1.4 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี
- 5.ลูกเอย๋ เป็นกาพรา้ พระบิดา สุรยิ ว์ งศ์พงศาไมเ่ หน็ พกั ตร์
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่ือใหค้ ําตอบทไ่ี มเ่ กี่ยวข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
1.5 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ขีดเส้นตามนี้
1. ใหน้ กั เรยี นขีดเสน้ ข้อความทีม่ ีความเช่ือในแตล่ ะตวั เลือกเพื่อแสดงการหาคาตอบ
ข้อท่ี 1ข้อใดไม่มคี วามเช่ือ
1. เป็นเคราะหก์ รรมจาพลัดพรากเอ็งพน้ จากเบญจเพสแลว้ หรือหลาน
2. แลว้ ทาผงอทิ ธเิ จเข้าเจมิ พักตร์ คนเห็นคนทักรกั ทุกหนา้
3. จ่ึงอา่ นอาคมขลงั ต้ังใจ สะกดใหน้ ทิ ราท้ังธานี
4. วนั พฤหสั วนั นี้ดีนักหนา อัยกาจะสอนหนังสอื ให้
5. ลกู เอย๋ เป็นกาพรา้ พระบิดา สรุ ิยว์ งศ์พงศาไมเ่ ห็นพกั ตร์
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนนเมอื่ ขีดเส้นไม่ครบทุกข้อ,ขดี เสน้ ไมถ่ ูกต้องหรือไม่ขีดเสน้
1.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่อื ตอบในประเด็นหรือคาํ ตอบมีนัยเดียวกบั ข้อความต่อไปน้ี
- เหตุทตี่ อบ ข้อ 5. ลกู เอ๋ยเป็นกาพร้าพระบิดา สรุ ิย์วงศพ์ งศาไมเ่ หน็ พกั ตร์
เหตผุ ล ตัวเลอื กอืน่ มีคาบง่ ชี้ความเชอ่ื ทกุ ขอ้ คือ ข้อ 1) มีคาว่าเคราะห์กรรม 2) ทาผงอิทธเิ จเข้าเจมิ พักตร์
3) อาคมขลัง 4) วันพฤหสั วนั นีด้ ีนักหนา
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอื่ ใหค้ าํ ตอบที่ไม่เกยี่ วขอ้ ง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไม่
ตอบ
43
เกณฑก์ ารให้คะแนน
แบบฝึกทักษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ขอ้ 2
2.1 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดยี วกับข้อความต่อไปน้ี
- รอ้ ยกรองหรือ
- ร้อยกรองท่เี กยี่ วกบั คา่ นิยม
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ให้คําตอบที่ไม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
2.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปนี้
- เปน็ เรือ่ งเกย่ี วกบั อะไรหรอื
– ข้อใดแสดงค่านยิ ม
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คาํ ตอบทีไ่ ม่เกี่ยวข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
2.3 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเด็นหรอื คาํ ตอบมีนัยเดยี วกับขอ้ ความต่อไปนี้
- ถงึ กตู ายภายหลังให้ลอื ชื่อ ว่าใจซอื่ ถอื สัตยบ์ รสิ ุทธิ์
- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบท่ไี ม่เกยี่ วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
2.4 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมนี ัยเดยี วกับข้อความต่อไปน้ี
1. ถึงกตู ายภายหลงั ให้ลอื ชอื่ วา่ ใจซื่อถือสตั ย์บริสทุ ธ์ิ
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอื่ ใหค้ าํ ตอบท่ีไม่เกีย่ วข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
2.5 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่อื ขีดเส้นตามนี้
ขอ้ ท่ี 2 ข้อใดแสดงค่านิยม
1. ถึงกูตายภายหลังใหล้ ือชือ่ วา่ ใจซอ่ื ถือสตั ย์บริสุทธิ์
2. ประเพณตี งี ูใหห้ ลงั หกั มันกม็ ักทาร้ายเมื่อภายหลัง
3. อันเจบ็ ปวดยวดยง่ิ ทุกส่งิ มี ไมเ่ ทา่ ที่เจบ็ ซา้ ระการัก
4. คิดคะนึงถึงมิตรแต่ก่อนเก่า นจิ จาเจา้ เหนิ ห่างรา้ งพสิ มัย
5. ใครจะอยคู่ ้าฟ้าทง้ั ตาปี ถึงพระศลุ อี ินทร์จันทรย์ ่อมบรรลัย
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่อื ไมโ่ ยงหรอื โยงไมถ่ ูกตอ้ ง
2.6 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอื่ ตอบในประเด็นหรือคําตอบมีนยั เดยี วกบั ขอ้ ความตอ่ ไปนี้
- เหตทุ ต่ี อบข้อ 1. ถงึ กูตายภายหลังใหล้ ือชื่อ วา่ ใจซ่อื ถือสัตย์บรสิ ทุ ธ์ิ
เหตผุ ล มีข้อความ “ใจซื่อถือสตั ยบ์ รสิ ุทธ์ิ”
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ใหค้ าํ ตอบท่ไี มเ่ ก่ยี วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
44
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
แบบฝึกทกั ษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ข้อ 3
3.1คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกบั ขอ้ ความต่อไปนี้
- บทรอ้ ยกรอง หรือ – คาพูด, คากล่าว
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมอื่ ใหค้ ําตอบทีไ่ มเ่ กยี่ วขอ้ ง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไม่ตอบ
3.2 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกับข้อความต่อไปน้ี
- เป็นเรอ่ื งเกี่ยวกบั อะไรหรือ
– ข้อใดเปน็ แนวคิดของคาประพันธน์ ้ี
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คําตอบทไี่ มเ่ กยี่ วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไมต่ อบ
3.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเด็นหรือคําตอบมีนัยเดยี วกบั ขอ้ ความตอ่ ไปนี้
- คากล่าวสาธุชนยนื อยา่ งน้นั หรือ
- ทุกคนควรทาตามอยา่ งคนดีทยี่ ดึ ม่นั ในคาพูดของตนเอง
- ไม่ไดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ าํ ตอบท่ีไม่เกีย่ วข้อง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
3.4 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดียวกบั ข้อความต่อไปนี้
- 1.ทกุ คนควรทาตามอยา่ งคนดีท่ยี ึดมัน่ ในคาพูดของตนเอง
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมือ่ ใหค้ ําตอบที่ไมเ่ ก่ียวข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไม่ตอบ
3.5 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอื่ โยงเสน้ ตามนี้
ขอ้ ท่ี 3 ข้อใดเป็นแนวคิดของคาํ ประพันธ์ตอ่ ไปน้ี
งาสารฤาหอ่ นเหยี้ น หดคืน
คากล่าวสาธชุ นยืน อย่างนน้ั
ทุรชนกลา่ วคาฝนื คาเล่า
หวั เตา่ ยาวแล้วสัน้ เลห่ ล์ น้ิ ทรชน
1.ทกุ คนควรทาตามอย่างคนดที ่ยี ดึ มน่ั ในคาพูดของตนเอง
2.คนชั่วมกั จะใช้คาพดู ทาเล่ห์กลหลอกล่อให้คนอืน่ หลงเช่ือ
3.คนชว่ั พูดอยา่ งใดอย่างหน่งึ ออกไปอาจเปล่ียนเป็นอยา่ งอื่นได้
4.คาพดู ของคนดีเปรยี บเหมือนงาชา้ งท่ีงอกยาวแลว้ ไม่กลบั สนั้ ไดอ้ ีก
5.คาพดู ของคนชัว่ เปรียบเหมือนกบั หวั เต่าทยี่ ืดออกและหดเข้า
ในกระดองได้
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ไมโ่ ยงหรือโยงไมถ่ ูกต้อง
45
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
แบบฝกึ ทักษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ข้อ 4
4.1 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมอื่ ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนยั เดียวกับข้อความต่อไปน้ี
- บทร้อยกรอง
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ าํ ตอบที่ไม่เกี่ยวขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
4.2 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเด็นหรือคําตอบมนี ัยเดียวกับข้อความต่อไปนี้
- เปน็ เรื่องเกีย่ วกบั อะไร
– ผูแ้ ต่งรงั เกียจเรอ่ื งใดมากท่ีสุด
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คาํ ตอบท่ีไมเ่ กีย่ วข้อง หรือไมส่ มบูรณ์ หรือไม่ตอบ
4.3 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเดน็ หรอื คาํ ตอบมีนยั เดยี วกบั ข้อความตอ่ ไปนี้
- ชอื่ วา่ จนแล้วจงจากกาจดั ไกล= ความขดั สน
- ไม่ได้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เม่อื ให้คาํ ตอบทีไ่ ม่เกย่ี วข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
4.4 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมือ่ ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมนี ัยเดยี วกบั ข้อความต่อไปน้ี
- 1.ความขัดสน
- ไม่ได้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่ือใหค้ ําตอบทไ่ี มเ่ ก่ียวข้อง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไมต่ อบ
4.5 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมือ่ โยงเสน้ ตามน้ี
ข้อท่ี 4คาํ ประพันธ์ตอ่ ไปนผ้ี ู้แตง่ รังเกียจเรื่องใดมากทสี่ ุด
ได้เคืองแคน้ แสนยากลาบากบอบ มาสมประกอบทรัพย์สนิ ก็ขัดสน
แมน้ กลบั ชาติเกิดใหมเ่ ป็นกายคน ชื่อวา่ จนแลว้ จงจากกาจัดไกล
1.ความขดั สน
2.ความลาบาก
3.การเกดิ ใหม่
4. ความเคืองแค้น
5.การพรากจากกัน
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ไม่โยงหรือโยงไม่ถูกต้อง
4.6 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเด็นหรอื คําตอบมีนยั เดียวกบั ขอ้ ความต่อไปนี้
- เหตทุ ต่ี อบ 1. ความขัดสน เหตผุ ล มขี อ้ ความทส่ี อดคล้องกบั ตัวเลือก คอื ช่ือว่าจนแล้วจง
จากกาจดั ไกล = ความขดั สน
- ไมไ่ ด้คะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ ําตอบท่ไี มเ่ ก่ียวขอ้ ง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
46
เกณฑก์ ารให้คะแนน
แบบฝกึ ทกั ษะตอนที่ 1 ข้อละ 1 คะแนน
ขอ้ 5
5.1 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเม่ือตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนัยเดยี วกบั ขอ้ ความต่อไปน้ี
- การท่องเทยี่ วหรอื - การอนรุ ักษส์ ัตวป์ ่า
- ไมไ่ ด้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อใหค้ าํ ตอบท่ีไมเ่ ก่ียวข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.2 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อ ตอบในประเดน็ หรือคาํ ตอบมีนัยเดียวกบั ข้อความต่อไปนี้
- เป็นเรอื่ งเกย่ี วกบั อะไร
– แนวคิดของข้อความคืออะไร
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอื่ ให้คาํ ตอบท่ไี ม่เกยี่ วขอ้ ง หรือไมส่ มบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.3 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมอื่ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดียวกบั ข้อความตอ่ ไปน้ี
- เป็นเหตุให้นกหายากและสัตว์ป่าลดจานวนลงอยา่ งรวดเร็ว จนมกี ารต้ังคาถามว่าเราจะปกั
หมุดการอนุรักษเ์ พ่ืออะไร
- ไม่ไดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอื่ ให้คาํ ตอบท่ีไม่เกีย่ วขอ้ ง หรือไม่สมบูรณ์ หรือไม่ตอบ
5.4 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเม่ือ ตอบในประเดน็ หรือคําตอบมนี ัยเดียวกับข้อความต่อไปน้ี
4. การอนรุ กั ษน์ กหายากมีความสาคญั กวา่ การส่งเสริมการทอ่ งเท่ียวดูนก
- ไม่ได้คะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมื่อให้คาํ ตอบทไี่ ม่เกี่ยวข้อง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ
5.5 คะแนนเต็ม 1 คะแนนเมื่อ โยงเสน้ ตามน้ี
การท่องเที่ยวเพ่ือการดูนกในเปรูเป็นท่ีนิยมมากขึ้นและเพ่ิมตัวเลขทางเศรษฐกิจให้สูงข้ึน
ประชาชนที่อาศัยอยใู่ นพ้นื ทใ่ี กลก้ บั เขตอนรุ กั ษ์พนั ธส์ุ ัตวก์ พ็ ลอยมีรายไดด้ บี รรดาบรษิ ัททวั ร์มักใช้
จุดขายนีพ้ านักทอ่ งเท่ยี วไปถงึ ตัวนกหายากหรือใกล้สญู พันธ์ุ ประกอบกับการขยายตวั ของชุมชน
จากการทอ่ งเท่ยี วเขา้ ไปรุกล้าพนื้ ท่ีของสัตว์ป่า เป็นเหตุใหน้ กหายากและสัตวป์ า่ ลดจานวนลงอย่าง
รวดเร็ว จนมกี ารตัง้ คาถามวา่ เราจะปกั หมุดการอนรุ กั ษเ์ พอ่ื อะไร
1. นกทใ่ี กลส้ ญู พนั ธล์ุ ดจานวนลงโดยลาดบั เปน็ เร่ืองธรรมดา
2. การทอ่ งเท่ียวดูนกในเปรเู พ่มิ รายไดเ้ ขา้ ประเทศอยา่ งเห็นได้ชัด
3. เปรูควรยอมลดรายได้ของประเทศท่ีมาจากท่องเท่ยี วดนู กหายาก
4. การอนุรักษน์ กหายากมีความสาคัญกวา่ การสง่ เสริมการท่องเท่ียวดูนก
5. การเตบิ โตทางเศรษฐกิจของเปรูเกิดข้ึนควบคกู่ ับการเพ่ิมรายไดข้ องประชาชน
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรอื ได้ 0 คะแนน เม่ือไม่โยงหรือโยงไม่ถูกต้อง
5.6 คะแนนเตม็ 1 คะแนนเมื่อตอบในประเด็นหรือคําตอบมีนัยเดยี วกบั ขอ้ ความต่อไปน้ี
- เหตุทต่ี อบ ข้อ 4. การอนรุ ักษน์ กหายากมีความสาคญั กว่าการส่งเสริมการทอ่ งเทีย่ วดนู ก
เหตุผล เพราะมีขอ้ ความสอดคล้องกับคาตอบคือเปน็ เหตุให้นกหายากและสัตว์ปา่ ลดจานวนลงอยา่ ง
รวดเร็ว จนมีการตั้งคาถามว่าเราจะปักหมุดการอนรุ ักษ์เพ่ืออะไร
- ไมไ่ ดค้ ะแนน หรือ ได้ 0 คะแนน เมอ่ื ใหค้ ําตอบที่ไมเ่ กี่ยวขอ้ ง หรือไม่สมบรู ณ์ หรือไมต่ อบ