แผนการจดั การเรยี นรู้
วิชา ภาษาไทยเพ่มิ เตมิ
ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2
พระรพี ติสฺสโร
โรงเรยี นโสภณวรคุณวทิ ยา
ตำบลแมส่ อด อำเภอแมส่ อด จังหวัดตาก
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565
สงั กัดสำนกั เขตการศึกษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา เขต 4
สำนกั งานการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา
โรงเรียนโสภณวรคุณวิทยา ได้มอบหมายให้คณะครูจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อกำหนดหรือ
วางแผนการสอนให้เป็นระบบ สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาและตรงตามมาตรฐานการเรียนรู้ของวชิ าที่
สอน โดย พระรพี ตสิ สฺ โร ได้รบั สอนวชิ า ภาษาไทยเพ่ิมเตมิ
โดยได้รับความเหน็ ชอบจาก
……………………………………………….……ประธาน
(พระมหาอำพล สมฺปนฺนพาโล)
ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นโสภณวรคณุ วิทยา
……………………………………………..กรรมการ
(นางสาวศศิวมิ ล จนั น้อย)
รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนโสภณวรคณุ วิทยา
……………………………………………..กรรมการ
(นายประยรู อปุ สอด)
รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนโสภณวรคุณวทิ ยา
ก
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ภาษาไทยเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2565 จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดหรือวางแผนรายวิชาท่ีสอนอย่างเป็นระบบ ให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา
มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชีว้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยเนน้ ผเู้ รยี นเป็น
สำคัญ ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้คิดและปฏิบัติด้วยตนเองตามสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียน คิด ออกแบบ
จัดหา จดั ซอื้ สือ่ อปุ กรณ์ที่เหมาะกับสาระการเรียนรู้ วัดและประเมินผลด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับ
จุดประสงคใ์ นการเรยี นรู้และวยั ของผูเ้ รียน
แผนการจัดการเรียนรู้ให้ประโยชน์หลายประการ นอกจากจะช่วยทำให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจใน
การสอนและการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรยู้ งั มสี ่วนช่วยในการวางแผนการจัดการเรียนการ
สอนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่ึงการสอนทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ จะสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ คุณภาพของผเู้ รยี น เมอื่ พบข้อบกพร่อง
และปัญหาในการจดั การเรียนการสอนจากการเขียนบันทกึ หลังแผนการสอน ผู้สอนไดน้ ำประเด็นปัญหาทีพ่ บ
เจอมาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้การจัดการ
เรียนรู้มีประสิทธิภาพมากข้ึน อันจะส่งผลไปถึงศักยภาพการเรยี นรู้ของผู้เรียนให้มคี ุณภาพตามเป้าหมายการ
เรยี นรู้
แผนการจดั การเรียนรู้ฉบับน้ี ประกอบไปด้วย มาตรฐานการเรียนรู้และ คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน
โครงสร้างรายวิชา โครงสร้างรายชั่วโมง ในการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทยเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 การประเมินและการให้คะแนน รวมทั้ง
แผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมด 18 แผน สื่อ ใบงาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ใช้ในการประเมินความรู้
ความสามารถของผูเ้ รยี น วิธีการและเกณฑ์การประเมินการเรียนรูข้ องผเู้ รียน
ผู้สอนขอขอบพระคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำ
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อการจัดการเรียนการสอน อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อตัว
ผู้เรียนไว้ ณ โอกาสนี้
พระรพี ติสสฺ โร
ผจู้ ัดทำ
สารบญั ข
เรือ่ ง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
คำอธิบายรายวิชาเพม่ิ เตมิ (สถานศกึ ษา) 1
โครงสรา้ งรายวิชา 2
โครงสร้างรายชัว่ โมงในการจดั การเรยี นรู้ 4
หน่วยท่ี 1 การแต่งคำประพันธ์ 6
- แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 6
- แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 12
- แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 16
- แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 20
- แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 5 23
- แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 28
- แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 34
- แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 40
หนว่ ยท่ี 2 อ่านเอาเร่อื ง 47
- แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 9 47
- แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 52
- แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 58
- แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 63
หนว่ ยท่ี 3 การเขียนสร้างสรรค์ 69
- แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 69
- แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 14 75
- แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 15 80
- แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16 84
- แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 17 88
หนว่ ยที่ 3 วาทะการ 93
- แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18
93
ค
ภาคผนวก
- แบบบันทกึ หลงั แผนการสอน
- คำสงั่ เรอ่ื ง การจดั แผนการสอนของรายวชิ าในแผนกสามญั ศกึ ษา/โครงสร้างรายวิชา แผนกธรรม
และแผนกบาลี ปกี ารศึกษา 2565
5
คำอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม (สถานศึกษา)
รหสั วชิ า ท 22202 วิชา ภาษาไทยเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลาเรียน 20 ชัว่ โมงจำนวน 0.5 หน่วยกิต
คำอธบิ ายรายวชิ า
นักเรยี นเลือกอา่ นหนังสืออ่านเพิ่มเตมิ หรือหนังสอื อา่ นนอกเวลาตามความสนใจ ศึกษาความหมาย
ของคำศัพท์ที่ยากขึ้น แล้วแปลความ ถอดคำประพันธ์ สรุปความจากเรื่องที่อ่าน วิเคราะห์ ตีความ
แสดงความคิดเห็น ประเมินคุณค่า และอภิปรายในเรื่องที่อ่าน ที่ได้ฟังมา ถอดคำประพันธ์จากวรรณคดี
มรดกที่เลือกอ่านตามความสนใจ ศึกษาเร่ืองคำศัพท์ยาก แปลความ ตีความ จากเรื่องท่ีอ่าน ตลอดจนการ
แสดง ความคดิ เห็นในเร่อื งที่ตนไดอ้ ่านมา ศกึ ษาและถอดคำประพันธ์ออกมาเปน็ ภาษาร้อยแกว้ ให้ได้ใจความ
สละสลวย ฝึกเขียนสะกดคำยากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความถูกต้องชัดเจนในการอ่านเขียนหนังสือไทย ฝึก
เขยี นสรุปความหรือขยายความ จากเรือ่ งทีก่ ำหนดไว้ เปน็ ประโยชน์ในการเขียนตอบข้อสอบ และอ่านเพ่ือ
ความรู้ความจำ ศึกษาและฝึกฝนเขียนเรยี งความ ในแนวสร้างสรรค์ ที่แสดงความรู้ความคิดได้เหมาะสมกบั
วัยของตน ฝึกฝนเขียนบทร้อยกรอง เพื่อแสดงความรู้ความคิดจินตนาการในเรื่องราวต่าง ๆ ตามความ
เหมาะสม ฝึกอภิปรายกลุ่มโดยกำหนดสถานการณ์ขึ้น ให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ศึกษาและฝึก
อภปิ รายในท่ปี ระชมุ ชน เพอื่ สรา้ งประสบการณ์ตรงให้เกดิ ข้ึน ฝกึ วธิ ีการดำเนินการการโตว้ าทีและเป็นผรู้ ่วมโตว้ าทไี ด้
โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการ
ปฏิบตั ิ กระบวนการเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการกลมุ่ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการเรยี นรู้ความ
เขา้ ใจ เพื่อใหเ้ กิดความรู้ มีมารยาทในการอา่ น การเขียน การฟัง การพดู และการดู มคี วามสามารถใน
การสอื่ สาร ในการคดิ การใช้ทักษะชีวิต ในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ผู้ใฝ่ร้ใู ฝเ่ รยี น มุง่ มั่นในการทำงาน รักความ
เปน็ ไทย มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมท่เี หมาะสม
ผลการเรียนรู้
1. อา่ นหนงั สืออ่านเพิ่มเติม หรือหนงั สืออา่ นนอกเวลาตามความสนใจ แล้วแปลความ ถอดคำ
ประพันธ์ สรุปความจากเรอื่ งที่อ่าน
2. วิเคราะห์ ตีความ แสดงความคดิ เหน็ และประเมินคณุ คา่ ของเรื่องทีอ่ า่ น
3. ถอดคำประพนั ธ์จากวรรณคดมี รดกที่เลอื กอ่านตามความสนใจ
4. เขยี นสรปุ ความหรือขยายความจากเรื่องทีก่ ำหนด
5. เขยี นความเรยี งเชิงสรา้ งสรรคแ์ สดงความนกึ คิดเหมาะกบั วยั
6. เขียนบทร้อยกรอง เพอ่ื แสดงความรูแ้ ละความคดิ
7. เม่อื กำหนดสถานการณส์ มมตติ า่ ง ๆ ขึ้น นักเรียนสามารถร่วมการอภิปรายกลมุ่
8. ดำเนนิ การโต้วาทีและร่วมโตว้ าที
รวมทง้ั หมด 8 ผลการเรียนรู้
โครงสร้างรายวชิ า 6
วชิ าภาษาไทยเพ่ิมเติม (ท 22202) กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลาเรยี น 20 ช่ัวโมง 0.5 หน่วยกติ
หน่วยท่ี ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
1 การแตง่ คำประพันธ์ อา่ นหนังสอื อา่ น กลอนแปด คอื คำ 8 10
เพ่ิมเติม หรอื ประพนั ธช์ นดิ หนง่ึ ทีไ่ ดร้ ับ 10
หนังสืออา่ น ความนิยมกันท่วั ไป เพราะ
นอกเวลาตาม เป็นร้อยกรองชนิดท่มี ี
ความสนใจ ความเรียบเรียงงา่ ยต่อการ
แล้วแปลความ สือ่ ความหมาย และ
ถอดคำ สามารถสอื่ ไดอ้ ยา่ งไพเราะ
ประพนั ธ์ สรปุ ซ่ึงกลอนแปดมีการกำหนด
ความจากเรอื่ งท่ี พยางคแ์ ละสมั ผัส หน่ึงใน
อา่ น รปู แบบของกลอนแปดก็คือ
รูปแบบกลอนแปดของ
สุนทรภู่ ซึ่งความแพรว
พราวดว้ ยสมั ผัสใน และ
ขนบดังกล่าวน้กี ็ได้รบั การ
สบื ทอดตอ่ มาในงานกวี
นพิ นธ์ยุคหลังๆ กระทง่ั
ปจั จุบัน
2 อา่ นเอาเรอื่ ง วเิ คราะห์ การอ่านจบั ใจความสำคญั เป็น 4
ตคี วาม แสดง ทกั ษะการอ่านท่ีควร
ความคดิ เหน็ ฝึกฝน ชว่ ยให้ผ้อู ่านเข้าใจ
และประเมนิ เรอ่ื งได้อย่างรวดเร็วและเป็น
คุณค่าของเรื่อง พนื้ ฐานท่ีสำคญั ในการอา่ นท่ี
ท่อี ่าน ดี
สอบกลางภาคเรยี นท่ี 2 1 20
7
หน่วยท่ี ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
3 การเขียนสร้างสรรค์ เขียนความ การเขียนสรุปความเป็น 4 25
เรยี งเชิง การเขียนสิง่ ท่สี รุปเอา 5
สรา้ งสรรคแ์ สดง ใจความสำคัญ ท่ไี ด้จาก
ความนึกคดิ การอา่ นการฟังและการดู
เหมาะกับวัย จากสอ่ื ต่างๆสามารถนำ
เขียนบทร้อย ความรทู้ ่ไี ดไ้ ปประยุกตใ์ ช้
กรอง เพอ่ื แสดง ในชวี ติ และทำใหไ้ ด้รับ
ความรแู้ ละ ความรจู้ ากเรอ่ื งทีอ่ า่ น ฟงั
ความคดิ ดู จากส่ือต่างๆ ไดเ้ ป็น
อย่างดี และสามารถ
นำไปใชอ้ า้ งองิ ในการ
ส่อื สารได้
4 วาทะการ เม่อื กำหนด เป็นการพูดโต้แย้งหน้าท่ี 1
สถานการณ์ ประชุม โดยแบ่งผู้พูดเป็น
สมมติตา่ ง ๆ 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายเสนอ
ขึน้ นกั เรียน ญัตติ และฝ่ายคัดค้าน
สามารถรว่ ม ญัตติ เรียกสั้นๆ ว่าฝ่าย
การอภปิ ราย เสนอ และฝ่ายต้น มีผู้
กลุม่ ตัดสินชี้ขาดให้ฝ่ายใดฝ่าย
ดำเนินการ หนึง่ ชนะ
โตว้ าทีและรว่ ม
โต้วาที
สอบปลายภาคเรียนที่ 2 1 30
รวมเวลาเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 20 100
8
โครงสรา้ งรายช่ัวโมงในการจดั การเรยี นรู้
วชิ าภาษาไทยเพิ่มเตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2
หน่วยการเรยี นรู้/ เร่ือง จำนวน
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ัวโมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การแตง่ คำประพนั ธ์ 8
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 1 แต่งกลอนแปด 1
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 ถอดความบทประพนั ธก์ ลอนแปด 1
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 กลอนบทละคร 1
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 กลอนบทละคร 1
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 การแต่งกาพย์ยานี 11 1
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 6 การถอดความกาพย์ยานี 11 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 การแต่งโคลงส่ี 1
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 การถอดโคลงสี่ 1
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 อา่ นเอาเรอ่ื ง 4
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 การอา่ นจับใจความสำคญั จากเรือ่ งที่อ่าน 1
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 การตีความคำยาก 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 การพดู วเิ คราะห์ วิจารณ์ จากเร่ืองทีฟ่ งั และดู 1
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 12 การอ่านเพือ่ ประเมนิ คา่ 1
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การเขยี นสร้างสรรค์ 4
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 13 การเขียนสรปุ ความ 1
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 14 การเขียนบรรยาย 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 15 การเขยี นอภปิ ราย 1
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 16 การเขยี นสั้น 1
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 17 สรา้ งสรรคง์ านเขียน 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี วาทะการ 1
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 18 โต้วาที 1
สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2 1
รวมเวลาเรียน ภาคเรียนท่ี 2 20
9
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
10
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1
รายวชิ า ภาษาไทยเพิ่มเติม รหัส ท 22202 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โสภณวรคณุ วิทยา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การแตง่ คำประพนั ธ์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 แต่งกลอนแปด เวลา 1 ช่วั โมง/คาบ
ผู้สอน พระรพี ตสิ ฺสโร
วันท่ีสอน : วนั .................. ท่ี..................................... เดอื น ....................................... พทุ ธศกั ราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
กลอนแปด คือ คำประพันธ์ชนิดหนึง่ ที่ได้รับความนิยมกนั ทว่ั ไป เพราะเปน็ รอ้ ยกรองชนิดท่ีมีความ
เรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และ
สัมผัส หนึ่งในรูปแบบของกลอนแปดก็คือ รูปแบบกลอนแปดของสุนทรภู่ ซึ่งความแพรวพราวด้วยสัมผัสใน
และขนบดังกล่าวน้ีกไ็ ด้รบั การสืบทอดตอ่ มาในงานกวนี ิพนธ์ยุคหลังๆ กระท่งั ปัจจบุ ัน
2. ผลการเรียนรู้ / จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ผลการเรยี นรู้
1. เขยี นบทรอ้ ยกรอง เพ่ือแสดงความรแู้ ละความคดิ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถบอกลักษณะของกลอนแตล่ ะชนิดได้
2. นกั เรยี นสามารถแต่งกลอนได้ถกู ตองตามฉนั ทลักษณ
3. สาระการเรยี นรู้
การแตง่ คำประพนั ธป์ ระเภทกลอนแปด
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั ที่ 1 นำเข้าสบู่ ทเรียน
1. นักเรียนรว่ มกนั ร้องเพลงอนุบาลรำลกึ จากแผนภมู ิบทรอ้ ยกรองกลอนแปดดงั น้ี
เพลงอนบุ าลรำลึก
ดอกนกยงู บานเดน่ เดอื นเมษา สะดุดตาดอกใบแผ่ไพศาล
นัน่ และคอื สญั ลักษณ์อนุบาล ดอกแสดเด่นชูก้านเขยี วขจี
เรานี้ดงั พน่ี อ้ งปองรักใคร่ สามัคครี ว่ มใจกันเต็มที่
รกั กนั ไว้ด้วยน้ำใจและไมตรี จากไปแล้วก็ยังมใี จสมั พันธ์
คราใดเหน็ ดอกนกยงู บาน เหมอื นเปน็ สัญญาณเรียกขวญั
อนุบาล อนุบาล จะรักกัน รกั กนั มัน่ รกั กนั นิรันดร
1. นักเรียนรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับบทรอ้ ยกรอง และครูโยงไปสรู่ ปู แบบฉนั ทลกั ษณ์
11
ขนั้ ที่ 2 ลงมือปฏิบตั ิ
2. ครูใชค้ ำถามเพ่อื ทดสอบความรูค้ วามเข้าใจบทรอ้ ยกรองจากการอ่าน ดังน้ี
1) บทร้อยกรองในแผนภูมเิ ปน็ คำประพันธ์ใด ( กลอนแปด)
2) กลอนแปด 1 บท มจี ำนวนกวี่ รรค ( 4 วรรค)
3) บทร้อยกรองแต่ละวรรคมีจำนวนคำวรรคละก่ีคำ (มวี รรคละ 8 คำ บางวรรคมี 9 คำ)
3. นกั เรียนและครูรว่ มกันสนทนาถึง บทร้อยกรองทีอ่ ่านเรียกอีกอย่างหน่งึ ว่า กลอนแปด เนอ่ื งจาก
วรรคหนึ่งจะมี 8 คำ แต่บางวรรคอาจมี 7 คำ หรือ 9 คำก็ได้ สัมผัสนอก สัมผัสใน ซึ่งเป็นลักษณะบังคับส่วน
หน่งึ ในการเขยี นกลอนแปด ถา้ นักเรียนจะฝึกแตง่ กลอนแปดจำเป็น ตอ้ งเรยี นรรู้ ูปแบบของฉันทลักษณ์กลอนแปด
4. นักเรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 6 คน คละความสามารถนักเรียนเกง่ ปานกลาง อ่อน ร่วมกันศึกษา
รปู แบบฉนั ทลักษณจ์ ากบทกลอนแปดท่ีครกู ำหนดให้ แลว้ ส่งตวั แทนโยงคำสัมผัส บทรอ้ ยกรอง จากนั้นช่วยกัน
เติมคำในบทร้อยกรองทค่ี รกู ำหนดให้
5. นักเรียนทำใบงานเร่อื ง การแตง่ คำประพันธก์ ลอนสุภาพ เมอ่ื เสรจ็ แล้วนำส่งครูตรวจ
ขัน้ ท่ี 3 สรุป
1. นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ รูปแบบฉนั ทลกั ษณแ์ ผนผังของกลอนแปดเพมิ่ เตมิ
5. ชิน้ งานหรือภาระงาน
- ใบงานเร่อื ง การแต่งคำประพนั ธ์กลอนสภุ าพ
6. ส่อื การเรียนรู้
1. แผนภูมิบทรอ้ ยกรอง
2. ใบความรู้เรอ่ื ง กอลนสุภาพ
7. การวดั ผลประเมินผล
วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานเรอื่ ง การแตง่ คำ ใบงานเรือ่ ง การแต่งคำประพันธ์ รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประพนั ธ์กลอนสุภาพ กลอนสภุ าพ
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
กลมุ่
สงั เกตการใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มนั่ ในการ แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงุ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ทำงาน และรกั ความเป็นไทย ประสงค์
12
ใบความรู้เรือ่ ง กลอนสภุ าพ
แผนผังกลอนสภุ าพ
ตวั อยา่ งคำประพันธ์
กลอนสภุ าพพึงจำมกี ำหนด กลอนหน่ึงบทสว่ี รรคกรองอกั ษร
อาจยง่ิ หยอ่ นเจด็ หรอื เก้าเข้าหลกั การ
วรรคละแปดพยางค์นบั สนุ ทร สลับจัดรับรองสง่ ประสงคส์ มาน
เป็นกลอนกานท์ครบครนั ฉันนเ้ี อย
ห้าแหง่ คำคลอ้ งจองตอ้ งสัมผสั
เสียงสูงต่ำต้องเรียงเยี่ยงโบราณ
ข้อบงั คบั ของกลอนสุภาพ
กลอนสภุ าพ 1 บท มี 2 คำกลอน
1 คำกลอน มี 2 วรรค
1 วรรค มี 7-9 คำ
แตล่ ะวรรคมีชื่อดังนี้
วรรคท่ี 1 ชอ่ื วรรคสดบั หรือสลบั
วรรคที่ 2 ชอ่ื วรรครับ
วรรคที่ 3 ชอ่ื วรรครอง
วรรคท่ี 4 ชื่อ วรรคส่ง
13
วรรคสดับ และ วรรครบั เรียกวา่ บาทเอก
วรรครอง และ วรรคส่ง เรียกวา่ บาทโท
สมั ผสั ของกลอนสุภาพ
สัมผสั คอื เสียงสระ หรอื เสียงพยัญชนะทค่ี ล้องจองกันช่วยในการแต่งคำประพันธใ์ ห้ถูกต้องและไพเราะ
สัมผัส แบง่ เป็น 2 ชนิด คือ สมั ผัสนอก และสัมผสั ใน
สัมผัสนอก คือ สัมผัสบังคับที่จะต้องส่งสัมผัสระหว่างวรรค และระหว่างบทให้สังเกตจากแผนผังของ
กลอนสุภาพ
สัมผสั ใน คือ สมั ผัสภายในวรรคเดียวกัน จะมหี รือไมม่ ีก็ได้ ไม่บังคับ แต่ถ้าขาดไป กลอนวรรคนนั้ ก็จะขาด
ความไพเราะ ดงั นนั้ แต่ละวรรคควรมีสัมผสั ในอยา่ งน้อย 1 แห่ง
สมั ผสั ระหวา่ งวรรค
ไดแ้ ก่ คำสุดทา้ ยของวรรคที่ 1 ส่งสมั ผสั ไปยังคำที่ 3 หรอื 5 ของวรรคที่ 2
คำสดุ ทา้ ยของวรรคท่ี 2 ส่งสมั ผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ 3 และสัมผสั กบั คำท่ี 3 หรือ 5 ในวรรคท่ี 4
ถ้าจะแตง่ ตอ่ ไปวรรคท่ี 1 ของบทตอ่ ไปน้นั ตอ้ งเปน็ วรรคอิสระคอื ไมต่ ้องรบั สัมผสั จากบทต้น
สัมผัสระหว่างบท
ได้แก่ คำสุดทา้ ยของบทท่ี 1 ส่งสัมผสั ไปยังคำสุดทา้ ยของวรรคที่ 2 ในบทต่อไป
การใชเ้ สียงวรรณยุกตล์ งท้ายวรรค
การเขยี นกลอนให้ไพเราะ ควรคำนงึ ถึงเสยี งวรรณยุกต์ในคำสดุ ทา้ ยของแตล่ ะวรรคตามความนยิ มดังนี้
วรรคสดับหรือวรรคสลบั ใช้เสียงวรรณยุกต์ได้ทุกเสียง เสยี งทถี่ อื ว่าไพเราะน้อยคอื เสยี งสามญั
วรรครับ นิยมใชเ้ สยี งจตั วา หรอื เสียงเอก, เสยี งโท ไม่ควรใช้เสียงสามัญ
วรรครองนยิ มเสยี งสามญั ไม่ควรใช้เสียงจัตวา
วรรคส่ง นยิ มเสยี งสามัญ ไม่ควรใชเ้ สยี งจัตวา
14
ใบงานเรือ่ ง การแต่งคำประพันธ์กลอนสภุ าพ
คำช้แี จง : โยงคำสัมผัสของกลอนสุภาพให้ถกู ต้องตามฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง บทกวมี ากมายหลายรอ้ ยเรือ่ ง ไทยฟเู ฟอื่ งเลอ่ื งลือสอื่ ประสาน
1. จรรโลงใจด้วยภาษามาชา้ นาน เราเบกิ บานเพราะกวที ่านนพิ นธ์
2.
3. หากรักชาตจิ งภูมใิ จใช้ภาษา อยา่ งรคู้ ่าอย่าประดษิ ฐจ์ นผดิ หู
4. ใชภ้ าษาไทยแทเ้ ถดิ โปรดเชิดชู ให้โลกรูค้ ุณคา่ ภาษาไทย
5.
ทกุ วันนี้โลกใหญ่ไรข้ อบเขต อินเตอรเ์ น็ทมเี รอื่ งลกึ ให้ศึกษา
คน้ ความรอู้ ยา่ งสนุกทุกวชิ า ทกุ วิชามใี หเ้ ลอื กตามสบาย
อนั คนเราเกิดมาบนผนื โลก สขุ กับโศกคกู่ นั ฉะนนั้ หนอ
วันนี้สุขสำราญกันจนพอ พรุ่งนี้ทอ้ มีทกุ ขไ์ ม่สุขเลย
หนขู อกราบกลางใจฤทยั แนบ หวังอิงแอบไออุน่ คุณครขู า
มอบตัวเปน็ ศษิ ยไ์ วใ้ ครบูชา ใหว้ ิชาทุกชนิดตดิ ตวั ตน
เราคนไทยโชคดีมีศาสนา ได้พึ่งพาพระธรรมคำสงั่ สอน
ใหร้ ู้ชวั่ ร้ดู ีมีข้ตั อน ละนิวรณพ์ น้ ทุกขพ์ บสขุ เอย
ชือ่ .................................................................................................................ชั้น...............เลขที่................
15
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ท่ีตรงกับระดบั คะแนน
การมี
การแสดง การ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม
ยอมรบั ตามทไ่ี ด้รับ น้ำใจ การ 5
ลำดบั ชือ่ -สกุล ความ ฟงั คนอ่นื มอบหมาย
ปรบั ปรงุ คะแนน
ท่ี ของผรู้ ับการประเมนิ คิดเหน็
ผลงานกลมุ่
43214321 43 2 1 4321 432 1
ลงชอ่ื ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................ /................ /................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 4 - 5 ดีมาก
3 ดี
2 พอใช้
ตำ่ กวา่ 2 ปรับปรุง
16
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2
รายวิชา ภาษาไทยเพิ่มเตมิ รหัส ท 22202 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรยี น โสภณวรคณุ วทิ ยา ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง การแต่งคำประพันธ์
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 ถอดความบทประพนั ธก์ ลอนแปด เวลา 1 ชว่ั โมง/คาบ
ผูส้ อน พระรพี ติสฺสโร
วนั ทีส่ อน : วนั .................. ท่.ี .................................... เดือน ....................................... พุทธศกั ราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
กลอนแปด คือ คำประพนั ธ์ชนดิ หนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทวั่ ไป เพราะเปน็ รอ้ ยกรองชนิดที่มีความ
เรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และ
สัมผัส หนึ่งในรูปแบบของกลอนแปดก็คือ รูปแบบกลอนแปดของสุนทรภู่ ซึ่งความแพรวพราวด้วยสัมผัสใน
และขนบดงั กลา่ วนี้กไ็ ดร้ ับการสืบทอดต่อมาในงานกวีนพิ นธ์ยุคหลังๆ กระทัง่ ปัจจบุ นั
2. ผลการเรยี นรู้ / จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้
1. ถอดคำประพนั ธจ์ ากวรรณคดมี รดกทเี่ ลอื กอ่านตามความสนใจ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรียนสามารถบอกลกั ษณะของการถอดคำประพันธ์ได้
2. นักเรียนสามารถถอดคำประพันธ์ได้ถกู
3. สาระการเรยี นรู้
การแตง่ คำประพันธป์ ระเภทกลอนแปด
4. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 นำเขา้ ส่บู ทเรยี น
1. ครูทบทวนความรเู้ ดิม จากชวั่ โมงทแี่ ลว้ เรอื่ ง การแตง่ กลอนแปด
2. ครูให้นักเรียนออกมาโยงสัมผัส ลกั ษณะฉันทลักษณข์ องกลอนแปด
ข้นั ที่ 2 ลงมือปฏิบตั ิ
1. ครูให้นักเรียนจับกลุ่ม 4-5 คน เพื่อระดับความคิดช่วยกัน ถอดคำประพันธ์ จากบทความที่ครู
เตรียมมาให้
2. เมื่อนักเรียนถอดคำประพนั ธเ์ สรจ็ แล้ว ครูสุ่มจบั กล่มุ ใดกลมุ่ หน่ึง เพ่อื ออกมานำเสนอผลงาน
3. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงาน ทบทวนความรู้
ขั้นท่ี 3 สรปุ
1. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุป การถอดคำประพนั ธ์เพ่ิมเติม
17
5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน เกณฑ์
- ใบงานเร่ือง การถอดคำประพันธ์กลอนแปด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
6. สื่อการเรยี นรู้ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
- ใบความรู้ เรื่องการถอดคำประพันธ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
7. การวัดผลประเมินผล
วิธีการ เครือ่ งมือ
ตรวจใบงานเร่ือง การถอดคำ ใบงานเร่ือง การถอดคำประพนั ธ์
ประพนั ธ์
สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลุ่ม
สงั เกตการใฝเ่ รียนรู้ มุง่ มัน่ ในการ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงุ
ทำงาน และรักความเป็นไทย ประสงค์
18
ใบงาน เรือ่ ง การถอดคำประพนั ธ์
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนถอดคำประพันธ์ ดงั ต่อไปนใ้ี ห้ไดใ้ จความ
หนึ่งในพระราชดาํ รสั ท่ีตรสั สั่ง เพื่อสร้างหวงั สร้างสุขไทยทุกส่วน
เพ่ือแผน่ ดินถนิ่ ไทยไม่เรรวน ให้ไทยล้วนรู้รักสามคั คี
เพราะรู้รกั สามคั คีเป็นที่ตง้ั ก่อให้เกดิ พลงั อย่างเตม็ ที่
ทำการใดสำเร็จตามงดงามดี บงั เกดิ ผลทุกคนมีสุขมั่นคง
ถอดควาวมได้วา่
…………………………………………………………………………………………………………………………….………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………….…………………
…………………………………………………………………………….………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
19
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
คำชแี้ จง : ให้ ผูส้ อน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง
ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
การมี
การแสดง การ การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม
ยอมรบั ตามทีไ่ ด้รับ น้ำใจ การ 5
ลำดบั ชื่อ-สกลุ ความ ฟงั คนอ่ืน มอบหมาย
ปรับปรุง คะแนน
ท่ี ของผรู้ บั การประเมิน คดิ เหน็
ผลงานกลุม่
43214321 43 2 1 4321 432 1
ลงชื่อ....................................................ผปู้ ระเมิน
................ /................ /................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
3 ดี
2 พอใช้
ต่ำกวา่ 2 ปรบั ปรงุ
20
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3
รายวชิ า ภาษาไทยเพ่ิมเติม รหสั ท 22202 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
โรงเรยี น โสภณวรคณุ วิทยา ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง การแต่งคำประพนั ธ์
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 กลอนบทละคร เวลา 1 ชัว่ โมง/คาบ
ผู้สอน พระรพี ตสิ ฺสโร
วนั ทสี่ อน : วนั .................. ที่..................................... เดอื น ....................................... พทุ ธศักราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
การแต่งคำประพันธ์จากบทประพันธ์ในบทละครเร่ืองรามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เป็น
การฝึกให้ผู้เรียนวิเคราะห์และจบั ใจความจากงานเขียนที่เป็นบทร้อยกรอง สามารถอธิบายได้ว่าใคร ทำอะไร
ท่ไี หน เมอ่ื ไหร่ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด อกี ทั้งยังฝกึ ให้ผ้เู รียนเรียนรู้บทประพันธ์ที่เปน็ กลอนบทละครวา่ มีลักษณะ
อย่างไร และได้ทราบถงึ คำศัพท์ทผ่ี ู้เรียนไม่ทราบความหมาย ซึ่งหากผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรจู้ ะทำให้สามารถอ่าน
เน้ือหาจากบทประพนั ธไ์ ด้และจบั ใจความจากบทประพันธ์ไดอ้ ย่างเขา้ ใจ
2. ผลการเรยี นรู้ / จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ผลการเรียนรู้
1. ถอดคำประพันธจ์ ากวรรณคดีมรดกทีเ่ ลือกอา่ นตามความสนใจ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั เรียนสามารถบอกลักษณะของการแต่งกลอนบทละครได้
2. นกั เรียนสามารถแตง่ กลอนบทละครไดถ้ กู
3. สาระการเรยี นรู้
การแตง่ กลอนบทละคร
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั ที่ 1 นำเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ครกู ลา่ วทกั ทายนกั เรียนและทบทวนความรูเ้ ดิม จากช่วั โมงทีแ่ ลว้
2. ครูให้นกั เรียนทำสมาธิก่อนเรียน เพอื่ สำรวม กาย วาจา และ ใจ
ขั้นท่ี 2 ลงมือปฏบิ ัติ
1. ครูใหน้ กั เรยี นแบ่งกลมุ่ ๆ ละ 4-5 คน เพ่อื ระดับความคิดช่วยกนั ในการแตง่ กลอนบทละครที่กลุ่มสนใจ
2. เมอ่ื นักเรยี นแตง่ กลอนบทละครเสร็จแล้ว ใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงาน
3. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงาน ทบทวนความรู้
ขัน้ ที่ 3 สรปุ
1. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุป เรอ่ื ง การแต่งกลอนบทละคร
21
5. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน
-
6. สื่อการเรยี นรู้
- ใบความรู้ เรอ่ื งการแต่งกลอนบทละคร
7. การวดั ผลประเมนิ ผล
วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานเร่ือง การแตง่ กลอน ใบงานเรอ่ื ง การแต่งกลอนบท
ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
บทละคร ละคร
ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน
กลุ่ม
สงั เกตการใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พุง
ทำงาน และรักความเปน็ ไทย ประสงค์
22
ใบความรู้ เร่อื ง การแตง่ กลอนบทละคร
กลอนบทละคร
กลอนบทละคร คือ คำกลอนที่แต่งขึ้นเพื่อแสดงละครรำ เช่น พระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง
รามเกยี รติ์, พระราชนพิ นธ์ บทละครเรื่องอเิ หนา เปน็ ต้น
หลักเกณฑ์ในการแต่งโดยทั่วไปก็เหมือนกับการแต่งกลอนสุภาพแต่ละวรรคมีคำได้ตั้งแต่
6-9 คำ การนับกลอนบทละครจะนับเป็นคำกลอนคือ 2 วรรคเท่ากับ 1 คำกลอน การจะใช้คำมากน้อย
ขน้ึ อยู่กบั ทำนองรอ้ งเป็นสำคัญ
กฎของกลอนบทละคร
1. กลอนบทละครใช้คำในวรรคหน่งึ ไดต้ ง้ั แต่ 6 - 9 คำ แตน่ ิยมกนั มกั เป็น 6 หรือ 7 คำ เพราะเข้า
จังหวะและทำนองร้องได้ดีกว่า แต่ที่ใช้ 8 คำก็มี การที่จะใช้คำมากหรือน้อยนั้นต้องถือทำนองเพลงที่จะใช้
ร้องเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น การแต่งบทละครออกแสดงจริงๆ จึงต้องซ้อมบทให้เข้ากับทำนองร้องและปี่
พาทย์ เพราะเหตนุ ้ีคำทีใ่ ช้ในวรรคหนึง่ ๆ ของกลอนบทละครจงึ มมี ากบ้างน้อยบา้ งไมเ่ ทา่ กัน
2. สัมผัสให้ถือหลักเกณฑ์ดงั กล่าวในกลอนสุภาพ เพราะกลอนบทละครเป็นกลอนผสมในบทหน่งึ
อาจจะมีกลอน 6,7,8 หรอื 9 คำรวมกนั กไ็ ด้ ถา้ วรรคไหนใช้กลอนอะไรก็ให้ใชส้ ัมผสั ตามกฎของกลอน
3. กลอนบทละครอิงอาศัยทำนองร้องและปี่พาทย์เป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นเสียงนิยมที่ใช้ท้าย
วรรค จงึ ไมส่ ู้จะพิถพี ิถันเคร่งครัดตามระเบยี บมากนกั
4. วรรคแรกของกลอนบท ละครนิยมใช้ คำนำ หรือ คำขึ้นต้น เช่น เมื่อนั้น , บัดนั้น, น้องเอ๋ย
น้องรัก หรือมาจะกล่าวบทไป เป็นต้น เพื่อจะขึ้นความใหม่หรือเปลี่ยนทำนองร้องใหม่ คำนำบางคำ
เช่น เมื่อน้ัน , บัดนั้น เป็นต้น ยังเป็นประโยชน์ในการเตือนให้ตวั ละครรูต้ วั ว่า ถึงคราวของตนที่ตอ้ งแสดง
บทบาทแล้ว คำนำนี้บางทีก็ใช้ 2 พยางค์ บางทีก็ใช้ 4 พยางค์ แต่ก็ต้องนับเปน็ หนึง่ วรรคเต็ม เพราะเวลา
รอ้ งตอ้ งเออ้ื นเสียงให้ยาวมจี งั หวะเทา่ กับวรรคธรรมดา
ตัวอยา่ ง
เม่อื น้นั สำหรับใช้ขึน้ ต้นตอนทีก่ ล่าวถึงตวั
ละครสำคัญของเร่อื งหรอื ของตอนหรอื ตวั ละครทอ่ี ยใู่ น
ช้นั กษตั รยิ เ์ ปน็ พระเอกนางเอก
บดั นัน้ สำหรบั ใช้ขึ้นตน้ ตอนทกี่ ลา่ วถงึ ตัว
ละครที่ไมส่ ำคญั ทอี่ ยู่ในช้ันข้าราชบริพาร เชน่ ตวั เสนา ตวั ตลก ยกั ษ์ หรือทหาร เปน็ ตน้
มาจะกลา่ วบทไป สำหรบั เมื่อจะเปลย่ี นเรอ่ื งมาเล่าเร่อื งใหม่
นอ้ งเอ๋ยน้องรกั สำหรบั กล่าวถงึ นางอนั เป็นท่ีรัก
23
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
คำชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ท่ตี รงกับระดับคะแนน
การมี
การแสดง การ การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม
ยอมรับ ตามทไี่ ด้รบั นำ้ ใจ การ 5
ลำดับ ช่ือ-สกุล ความ ฟังคนอ่นื มอบหมาย
ปรบั ปรงุ คะแนน
ท่ี ของผ้รู บั การประเมนิ คดิ เห็น
ผลงานกล่มุ
43214321 43 2 1 4321 432 1
ลงชื่อ....................................................ผ้ปู ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดีมาก
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ำกว่า 2 ปรับปรงุ
24
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 4
รายวชิ า ภาษาไทยเพ่ิมเตมิ รหัส ท 22202 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
โรงเรยี น โสภณวรคณุ วิทยา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง การแตง่ คำประพนั ธ์
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 4 ถอดกลอนบทละคร เวลา 1 ชวั่ โมง/คาบ
ผ้สู อน พระรพี ติสฺสโร
วนั ที่สอน : วัน.................. ที่..................................... เดอื น ....................................... พทุ ธศกั ราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
การแต่งคำประพันธ์จากบทประพันธ์ในบทละครเรื่องรามเกยี รติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เป็น
การฝึกให้ผู้เรียนวิเคราะห์และจบั ใจความจากงานเขียนที่เป็นบทร้อยกรอง สามารถอธิบายได้ว่าใคร ทำอะไร
ที่ไหน เมอื่ ไหร่ อยา่ งไร เพราะเหตใุ ด อีกทง้ั ยังฝกึ ใหผ้ เู้ รียนเรยี นรู้บทประพันธท์ ี่เป็นกลอนบทละครวา่ มีลักษณะ
อย่างไร และได้ทราบถึงคำศัพท์ที่ผู้เรียนไม่ทราบความหมาย ซ่ึงหากผ้เู รยี นเกิดการเรยี นรู้จะทำให้สามารถอ่าน
เนอ้ื หาจากบทประพนั ธไ์ ด้และจับใจความจากบทประพนั ธ์ได้อยา่ งเขา้ ใจ
2. ผลการเรยี นรู้ / จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ผลการเรียนรู้
1. ถอดคำประพันธจ์ ากวรรณคดมี รดกท่เี ลอื กอ่านตามความสนใจ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักเรยี นสามารถบอกความหมายของการถอดกลอนบทละครได้
2. นกั เรยี นสามารถถอดกลอนบทละครได้ถกู
3. สาระการเรยี นรู้
การถอดกลอนบทละคร
4. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นท่ี 1 นำเข้าสู่บทเรยี น
1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรู้เดิม จากชวั่ โมงท่แี ลว้
2. ครใู ห้นักเรยี นทำสมาธกิ อ่ นเรยี น เพื่อสำรวม กาย วาจา และ ใจ
ขั้นที่ 2 ลงมอื ปฏบิ ัติ
1. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุม่ ๆ ละ 4-5 คน เพือ่ ระดับความคิดช่วยกนั ในการถอดกลอนบทละครที่กลุ่มสนใจ
2. เมอ่ื นกั เรยี นแตง่ กลอนบทละครเสร็จแล้ว ใหส้ มาชิกในกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงาน
3. ครูใหน้ กั เรยี นทำใบงาน ทบทวนความรู้
ขนั้ ท่ี 3 สรปุ
1. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุป เรอ่ื ง การถอดกลอนบทละคร
25
5. ช้นิ งานหรือภาระงาน
-
6. สอื่ การเรียนรู้
- ใบความรู้ เรอ่ื งการถอดกลอนบทละคร
7. การวัดผลประเมินผล
วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานเรือ่ ง ใบงานเรอ่ื ง ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
กลมุ่
สังเกตการใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการ แบบประเมินคุณลักษณะอันพงุ
ทำงาน และรกั ความเป็นไทย ประสงค์
26
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม
คำชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง
ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน
การมี
การแสดง การ การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม
ยอมรบั ตามท่ีได้รับ น้ำใจ การ 5
ลำดับ ชื่อ-สกุล ความ ฟังคนอ่ืน มอบหมาย
ปรับปรุง คะแนน
ท่ี ของผู้รับการประเมนิ คิดเห็น
ผลงานกลุม่
43214321 43 2 1 4321 432 1
ลงชอื่ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................ /................ /................
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ำกวา่ 2 ปรบั ปรงุ
27
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 5
รายวชิ า ภาษาไทยเพิ่มเติม รหัส ท 22202 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โสภณวรคุณวทิ ยา ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การแตง่ คำประพนั ธ์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 การแต่งกาพยย์ านี 11 เวลา 1 ชั่วโมง/คาบ
ผสู้ อน พระรพี ติสสฺ โร
วันท่สี อน : วนั .................. ท.่ี .................................... เดือน ....................................... พุทธศกั ราช ...................
1. สาระสำคญั / ความคดิ รวบยอด
กาพย์ยานี 11 เปน็ บทร้อยกรองชนิดหนงึ่ บทหนง่ึ มี 2 บาท คอื บาทเอกและบาทโท ใน 1 บาท
มี 2 วรรค วรรคหนา้ มี 5 คำ วรรคหลังมี 6 คำ รวมเปน็ 11 คำ จงึ เรยี ก กาพย์ยานี 11 และมสี มั ผสั บังคับ 2 คู่
คือ คำท่ี 5 วรรคท่ี 1 สัมผสั คำที่ 1 หรือ 2 หรอื 3 ของวรรคที่ 2 คำท่ี 6 วรรคท่ี 2 สัมผัสคำท่ี 5 ของวรรคท่ี 3
ส่วนคำท่ี 5 ของวรรคท่ี 3 จะสัมผัสหรือไม่สมั ผัสกับคำที่ 1 หรือ 2 หรอื 3 ของวรรคท่ี 4 กไ็ ด้ แต่ถ้าจะแต่งบท
ต่อไปต้องมีสัมผัสระหว่างบท คือ คำที่ 6 ของวรรคที่ 4 สัมผัสกับคำที่ 6 ในวรรคที่ 2 ของบทต่อไป การเห็น
คณุ ค่าของกาพยย์ านี 11 เป็นการช่วยสบื สานวฒั นธรรมทางภาษา
2. ผลการเรียนรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
1. ถอดคำประพันธ์จากวรรณคดีมรดกท่เี ลือกอ่านตามความสนใจ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของการแตง่ กาพย์ยานี 11 ได้
2. นกั เรยี นสามารถแตง่ กาพย์ยี 11 ไดถ้ กู
3. สาระการเรียนรู้
การแตง่ กาพยย์ านี 11
4. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นท่ี 1 นำเข้าสู่บทเรยี น
1. ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรูเ้ ดิม จากชัว่ โมงทีแ่ ลว้
2. ครูใหน้ ักเรยี นทำสมาธิกอ่ นเรียน เพอ่ื สำรวม กาย วาจา และ ใจ
ข้นั ที่ 2 ลงมอื ปฏบิ ัติ
1. ครูอธบิ ายความเปน็ มาของกาพย์ยานี 11 ให้นกั เรยี นฟงั
2. ครใู หน้ ักเรียนเขยี นแผนผงั กาพย์ยานี 11 ส่งท้ายชวั่ โมง
ขัน้ ท่ี 3 สรุป
1. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เร่อื ง การแต่งกาพยย์ านี 11
28
5. ช้ินงานหรือภาระงาน
- ใบงาน เร่ือง กาพยย์ านี 11
6. ส่อื การเรียนรู้
- ใบความรู้ เรอื่ ง การแตง่ กาพย์ยยานี 11
7. การวัดผลประเมินผล
วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์
ตรวจใบงานเรื่อง การแต่งกาพย์ ใบงาน เรื่อง การแต่งกาพย์ยานี รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ยานี 11 11
สังเกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล รายบุคคล
สงั เกตการใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มัน่ ในการ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงุ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทำงาน และรกั ความเปน็ ไทย ประสงค์
29
ใบความรู้ เร่อื ง กาพย์ยานี 11
กาพย์ยานี 11 เป็นคำประพนั ธ์ประเภทกาพย์ชนดิ หน่ึง ใน 1 บท มี 2 บาท 1 บาท มี
2 วรรค วรรคหนา้ มี 5คำ วรรคหลัง มี 6 คำ รวมเปน็ 11 คำเรียกวา่ กาพยย์ านี 11 ซ่ึงในการ
แต่งน้นั ต้องแต่งอยา่ งนอ้ ย 1 บท หรอื 4 วรรคเสมอกาพย์ยานี 1 บท จะมี 22 คำ
ลักษณะสมั ผสั บงั คบั ของการพยย์ านี 11
พยางค์สดุ ท้ายของ วรรคท่ี 1 สัมผัสกบั พยางค์ท่ี 3 ของวรรคที่ 2
พยางคส์ ุดท้ายของ วรรคที่ 2 สัมผัสกับ พยางค์สุดทา้ ย ของวรรท่ี 3
พยางค์สดุ ท้ายของ วรรคท่ี 3 อาจสัมผัสกับ พยางคท์ ี่ 1 2 หรอื 3 ของวรรคที่ 4
พยางค์สุดทา้ ยของ วรรคที่ 4 สมั ผัสกบั พยางค์สุดทา้ ย ของวรรคท่ี 2 ของบทต่อไป
30
ใบงาน เรอ่ื ง กาพยย์ านี 11
คำช้ีแจง จากบทกลอนน้ใี ห้นักเรยี นเขยี นแผนผงั บงั คับและสัมผัสของกาพยย์ านี 11 ใหถ้ กู ต้อง
ตามฉันทลักษณ์
ข้ึนกกตกทุกข์ยาก แสนลำบากจากดวยี งไชย
มันเผือกเลอื กเผาไฟ กนิ ผลไม้ได้เปน็ แรง
พระสรุ ิยงเยน็ ยอแสง
รอนรอนอ่อนอัสดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ชว่ งดั่งน้ำครั่งแดง
กาพย์พระไชยสรุ ยิ า
แผนผังบังคบั กาพยย์ านี 11
........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
.......................................................................................................................................
........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
........................................................................................................................................
ชือ่ -สกุล..............................................................................................................ชั้น...................เลขที่...................
31
แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ ง
ทต่ี รงกับระดบั คะแนน
ลำดั ช่อื -สกลุ ความมี ความมี การรบั ฟัง การแสดง การตรง รวม
บ ที่ ของผู้รบั การ วินัย น้ำใจ ความ ความ ต่อเวลา 5
ประเมิน เอือ้ เฟอื้ คดิ เหน็ คิดเห็น คะแน
เสยี สละ น
43214321432143214321
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ำกว่า 2 ปรับปรุง
32
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 6
รายวิชา ภาษาไทยเพ่ิมเตมิ รหสั ท 22202 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โสภณวรคณุ วิทยา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การแต่งคำประพันธ์
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 6 การถอดความกาพยย์ านี 11 เวลา 1 ชั่วโมง/คาบ
ผู้สอน พระรพี ตสิ ฺสโร
วันทส่ี อน : วัน.................. ท.ี่ .................................... เดือน ....................................... พุทธศักราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคดิ รวบยอด
กาพย์ยานี 11 เปน็ บทร้อยกรองชนิดหน่งึ บทหนึ่ง มี 2 บาท คือ บาทเอกและบาทโท ใน 1 บาท
มี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 6 คำ รวมเปน็ 11 คำ จึงเรียก กาพยย์ านี 11 และมีสัมผสั บังคับ 2 คู่
คอื คำท่ี 5 วรรคท่ี 1 สมั ผัสคำท่ี 1 หรอื 2 หรือ 3 ของวรรคที่ 2 คำที่ 6 วรรคท่ี 2 สัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่ 3
สว่ นคำท่ี 5 ของวรรคที่ 3 จะสัมผัสหรือไม่สัมผัสกับคำที่ 1 หรอื 2 หรือ 3 ของวรรคที่ 4 กไ็ ด้ แต่ถ้าจะแต่งบท
ต่อไปต้องมีสัมผัสระหว่างบท คือ คำที่ 6 ของวรรคที่ 4 สัมผัสกับคำที่ 6 ในวรรคที่ 2 ของบทต่อไป การเห็น
คุณค่าของกาพย์ยานี 11 เป็นการชว่ ยสืบสานวฒั นธรรมทางภาษา
2. ผลการเรยี นรู้ / จุดประสงค์การเรียนรู้
ผลการเรยี นรู้
1. ถอดคำประพันธจ์ ากวรรณคดมี รดกทีเ่ ลอื กอ่านตามความสนใจ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของคำศัพท์ได้
2. นักเรียนสามารถถอดคำประพนั ธ์ได้ถกู
3. สาระการเรียนรู้
การถอดคำประพนั ธ์กาพยย์ านี 11
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ที่ 1 นำเขา้ ส่บู ทเรียน
1. ครูกลา่ วทกั ทายนักเรยี นและทบทวนความรเู้ ดิม จากชัว่ โมงทีแ่ ลว้
2. ครใู หน้ กั เรียนทำสมาธกิ อ่ นเรยี น เพื่อสำรวม กาย วาจา และ ใจ
ขนั้ ท่ี 2 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ
1. ครูอธบิ ายความเป็นมาของกาพยย์ านี 11 ให้นกั เรยี นฟัง
2. ครูใหน้ ักเรียนเขยี นถอดคำประพันธ์ กาพย์ยานี 11 ที่ครูเตรียมมาให้ สง่ ช่ัวโมงหนา้
ข้นั ท่ี 3 สรุป
1. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เรอ่ื ง การถอดคำประพนั ธ์
33
5. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
- ใบงาน เรอื่ งการถอดคำประพนั ธ์
6. สื่อการเรยี นรู้
- ใบความรู้ เร่อื ง การถอดคำประพันธ์
7. การวดั ผลประเมินผล
วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานเรื่อง การถอดคำ ใบงาน เรอ่ื ง การถอดคำประพนั ธ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประพนั ธ์
สังเกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล รายบคุ คล
สงั เกตการใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มนั่ ในการ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ทำงาน และรักความเปน็ ไทย ประสงค์
34
ใบความรู้ เรือ่ ง การถอดคำประพนั ธ์
การถอดคําประพันธ์ คอื การถอดความจากรอ้ ยกรอง เป็นร้อยแก้ว ซึ่งต้องอาศัย ความสามารถใน
การอ่านและการเขยี นเรียบเรียง ข้อความให้สละสลวย เพือ่ ให้สามารถถ่ายทอด ใจความในบท
รอ้ ยกรอง เปน็ รอ้ ยแกว้ ได้อย่าง ถูกตอ้ งครบถว้ น
หลกั ในการถอดคาํ ประพันธ์
1. ต้องทำความเข้าใจวา่ คําประพนั ธน์ ้ันวา่ มาจากเร่ือง อะไร ตอนไหน ใครทำอะไร เมอื่ ใด
2. อ่านคาํ ประพันธน์ ั้นโดยตลอด ทำความเข้าใจคำศพั ท์ ตา่ ง ๆ ให้กระจ่าง
3. ถอดคาํ ทกุ ๆ คาํ ท่ีเปน็ คำศัพท์ แล้วนาํ ถ้อยคํามา เรียบเรยี งใหมใ่ ห้สละสลวย
4. ถ้าใจความยังไม่สละสลวย เพิ่มเติมคําได้บ้าง แต่ไม่ควร ขยายความโดยไม่จำเป็นควร
เรยี บ เรียงใหก้ ะทัดรดั หลีกเลยี งการใช้คาํ ซ้ำ ๆ
5. ถา้ มคี าํ ราชาศพั ท์ ก็ต้อง เรียบเรียงใจความให้เป็นร้อยแก้วและใช้คาํ ราชาศพั ท์ ใหถ้ ูกต้องด้วย
35
ใบงาน
เรื่อง เล่าเรอ่ื งรามเกยี รตจ์ิ ากร้อยกรองสูร่ อ้ ยแกว้
คำช้แี จง ให้นกั เรียนถอดคำประพนั ธจ์ ากบทประพนั ธ์ท่กี ำหนดให้ ดงั ตอ่ ไปนี้
มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทกน้ำใจกล้าหาญ
ต้ังแต่พระสยมภูวญาณ ประทานให้ล้างเทา้ เทวา
อยู่บันไดไกรลาสเปน็ นจิ สรุ าฤทธ์ติ บหัวแล้วลูบหน้า
บา้ งให้ตกั น้ำล้างบาทา บ้างถอนเสน้ เกศาวุน่ ไป
จนผมโกร๋นโล้นเกลีย้ งถงึ เพยี งหู ดูเงาในนำ้ แลว้ รอ้ งไห้
ฮึกฮดั ขัดแคน้ แน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟ
เป็นชายดดู ๋มู าหม่นิ ชาย มติ ายก็จะไดเ้ ห็นหนา้
คิดแล้วกเ็ ดินมา เฝ้าพระอิศราธบิ ดี
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................
ช่ือ-สกลุ .....................................................................................................................ช้นั ................เลขท.ี่ ..............
36
เฉลยใบงาน
เรอื่ ง เลา่ เรื่องรามเกยี รตจ์ิ ากร้อยกรองสู่รอ้ ยแก้ว
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นถอดคำประพนั ธจ์ ากบทประพันธ์ที่กำหนดให้ ดังตอ่ ไปนี้
มาจะกลา่ วบทไป ถึงนนทกน้ำใจกล้าหาญ
ตั้งแตพ่ ระสยมภูวญาณ ประทานใหล้ า้ งเทา้ เทวา
อยู่บันไดไกรลาสเป็นนิจ สรุ าฤทธิต์ บหัวแลว้ ลูบหนา้
บา้ งให้ตักน้ำล้างบาทา บ้างถอนเส้นเกศาว่นุ ไป
จนผมโกรน๋ โลน้ เกลยี้ งถงึ เพยี งหู ดูเงาในน้ำแลว้ รอ้ งไห้
ฮึกฮดั ขดั แคน้ แน่นใจ ตาแดงด่ังแสงไฟ
เปน็ ชายดูดมู๋ าหม่ินชาย มติ ายกจ็ ะได้เห็นหนา้
คิดแลว้ กเ็ ดนิ มา เฝ้าพระอศิ ราธบิ ดี
นนทกนั่งอยู่ที่บันไดเขาไกลลาส มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่เข้าเฝ้า
พระอิศวรเหล่าเทวดาให้นนทกล้างเท้าให้แล้วแกล้งแหย่เย้าล้อนนทกอยู่เป็น
ประจำ ลูบหัวบ้าง ถอนผมบ้าง จนกระทั่งหัวของนนทกโล้นทั้งศีรษะ นนทก
แคน้ ใจมาก แต่ตนไม่มีกำลงั จะสู้ได้ จงึ ไปเขา้ เฝา้ พระอศิ วร
37
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง
ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน
ลำดั ช่ือ-สกุล ความมี ความมี การรบั ฟงั การแสดง การตรง รวม
บ ท่ี ของผูร้ ับการ วินยั น้ำใจ ความ ความ ต่อเวลา 5
ประเมนิ เออื้ เฟอ้ื คิดเห็น คดิ เห็น คะแน
เสยี สละ น
43214321432143214321
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ากวา่ 2 ปรบั ปรงุ
38
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7
รายวิชา ภาษาไทยเพ่มิ เติม รหสั ท 22202 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โสภณวรคณุ วทิ ยา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง การแตง่ คำประพนั ธ์
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 7 การแตง่ โคลงส่ี เวลา 1 ช่ัวโมง/คาบ
ผ้สู อน พระรพี ตสิ สฺ โร
วนั ที่สอน : วนั .................. ท่.ี .................................... เดือน ....................................... พุทธศักราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
การแตง่ โคลงส่ีสุภาพให้ถูกต้องสมบรู ณ์เหมือนโคลงครดู ังกลา่ วแตง่ ได้ค่อนข้างยาก เพราะบางคร้ัง
ต้องรักษาเนื้อความไว้ จึงอนุโลมให้ใช้คำที่บังคับรูปวรรณยุกต์เอกหรือโทตรงตามแผนผังฉันทลักษณ์อย่าง
เคร่งครดั สว่ นคำอืน่ ทมี่ ไิ ดบ้ ังคับรูปวรรณยกุ ตจ์ ะใช้คำท่มี รี ปู วรรณยุกตห์ รอื ไมก่ ็ได้ ข้ึนอยูก่ ับเน้อื ความในโคลง
2. ผลการเรยี นรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
1. ถอดคำประพนั ธจ์ ากวรรณคดมี รดกที่เลอื กอ่านตามความสนใจ
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลกั การแต่งโคลงสีส่ ุภาพได้
2. แต่งบทร้อยกรอง โคลงส่ีสภุ าพได้
3. สาระการเรียนรู้
การถอดคำประพนั ธ์กาพยย์ านี 11
4. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั ที่ 1 นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี นและทบทวนความร้เู ดิม จากช่วั โมงทแ่ี ลว้
2. ครใู ห้นกั เรยี นทำสมาธิก่อนเรียน เพอ่ื สำรวม กาย วาจา และ ใจ
ขัน้ ท่ี 2 ลงมือปฏบิ ัติ
1. ครูอธบิ ายความเปน็ มาของโคลงส่ี ใหน้ ักเรียนฟงั
2. ครใู ห้นกั เรียนเขียนแผนผงั โคลงส่ี ทคี่ รูเตรียมมาให้ สง่ ช่ัวโมงหนา้
ข้นั ท่ี 3 สรปุ
1. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ เรื่อง การแต่งโคลงส่ี
5. ชิ้นงานหรือภาระงาน
- ใบงาน การแต่งโคลงสี่
39
6. สอื่ การเรยี นรู้
- ใบความรู้ เรอื่ ง การแต่งโคลงสี่
7. การวดั ผลประเมินผล
วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานเร่อื ง การแต่งโคลงสี่ ใบงาน เรื่อง การแตง่ โคลงสี่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมการทำงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล รายบคุ คล
สังเกตการใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่นในการ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพุง
ทำงาน และรักความเปน็ ไทย ประสงค์
40
ใบความรเู้ ร่ือง การแตง่ โคลงสีส่ ุภาพ
ตัวอยา่ ง
จากมามาลิ่วล้ำ ลำบาง
บางยเี่ รอื ราพลาง พีพ่ รอ้ ง
เรอื แผงชว่ ยพานาง เมยี งม่าน มานา
บางบ่รับค้าคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ
ตัวอย่างที่ยกมานนี้ เป็นโคลงบทที่ 22 ในนิราศนรินทร์ ซึ่งถือกันว่าเป็น “โคลงครู”
หมายความว่าเป็น โคลงสี่สุภาพที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบทุกประการ กล่าวคือ ใช้คำที่มีรูป
วรรณยุกต์ กำกับเฉพาะค้าทีบ่ ังคับ รปู วรรณยกุ ต์เอกและรปู วรรณยุกต์ตามแผนผงั เท่านั น ส่วน
ค้าอน่ื ๆ ไมม่ ีรูปวรรณยุกต์เอกและรูปวรรณยุกต์โท กำกบั อยู่(ซึง่ เรยี กว่าค้าสุภาพ) ตามแผนผัง
ทกุ ประการ
การแต่งโคลงสส่ี ุภาพให้ถูกตอ้ งสมบูรณ์เหมอื นโคลงครดู ังกล่าวแต่งไดค้ ่อนข้างยาก เพราะ
บางครั้ง ต้องรักษาเนื้อความไว้ จึงอนุโลมให้ใช้คำที่บังคับรูปวรรณยุกต์เอกหรือโทตรงตาม
แผนผังฉันทลกั ษณ์อยา่ ง เครง่ ครัด สว่ นค้าอืน่ ทีม่ ไิ ด้บงั คับรูปวรรณยกุ ตจ์ ะใชค้ ำทมี่ รี ปู วรรณยุกต์
หรือไมก่ ็ได้ ขน้ึ อย่กู บั เน้ือความในโคลง
โคลงนิราศนรินทร์ เป็นวรรณกรรมค้าโคลงชั้นยอดเรื่องหนึ่งในบรรดาโคลงสี่สุภาพที่แต่ง
เป็นนริ าศ เปลื อง ณ นคร กล่าวยกย่องโคลงเรอ่ื งนี้ ว่า “โคลงทกุ บทเปรยี บเสมอื นเพชรท่ีนาย
ช่างเจียระไนแล้ว อย่างงดงาม และหากจะฝึกเขียนกลอนตลาดให้ไดด้ ี ควรอ่านเรื่องพระอภัย
มณีให้จบเกือบขึ้นใจฉันใด ถ้าจะฝึก เขียนโคลงสี่สุภาพให้ได้ดี ก็ควรอ่านโคลงนิราศนรินทร์ให้
เกอื บขน้ึ ใจฉนั น้ัน
ข้อบังคบั ของโคลงสี่สภุ าพ
จำนวนคำ
1. โคลงบทหน่ึงมี 4 บาท 2. บาทหนง่ึ มี 2 วรรค วรรคหนา้ มี 5 ค้า และวรรคหลังของบาทที่ 1 บาท
ท่ี 3 และบาทท่ี 3 มีวรรค ละ 2 ค้า สว่ นวรรคหลงั ของบาทที่ 4 มี 4 ค้า
41
คำเอก คำโท
1. บังคับให้ใชค้ ้าท่ีมรี ปู วรรณยุกต์เอกกำกับ 7 ตำแหนง่ และคา้ ทม่ี ีรปู วรรณยกุ ต์โทกำกับ 4 ตำแหน่ง
- คำทีม่ รี ูปวรรณยุกตเ์ อกกำกบั น้นั อาจเปน็ เสียงวรรณยกุ ต์เอกหรือเสียงวรรณยุกตโ์ ทก็ได้ เชน่
รปู เอก เสียง เอก : กวา่ ปี่ กู่ ใหญ่ เขย่ี เป็นต้น รูปเอก เสียง โท : นา่ คู่ โล่ เรอ่ื ย เป็นต้น
- คำท่ีมีรปู วรรณยุกตโ์ ทกำกบั อาจเปน็ เสยี งวรรณยุกต์โทหรอื เสยี งวรรณยุกตต์ รีก็ได้ เชน่ รปู โท
เสียง โท : กล้า ให้ ขัน้ บ้าน เปน็ ต้น รปู โท เสียง ตรี : เล้ือย ค้าน โน้น ช้ัน เป็นต้น
ดังนั้น ในการแต่งโคลงตรงคา้ ท่บี งั คับเอก หรอื ค้าทบี่ ังคับโท ก็ไมจ่ ้าเปน็ ต้องเป็นเสียงเอก หรือเสยี งโท เพยี ง
อยา่ งเดยี วดังกลา่ วแล้ว
2. ตำแหนง่ คำเอกและคำโท ในวรรคหนา้ บาทที่ 1 (ค้าท่ี 4 และ 5) สลบั กันได้ ดงั นี้
00000 00(00)
3. ตำแหนง่ คำเอกอาจใช้คำตาย (คอื ค้าที่ประสมสระเสยี งสนั้ ในแม่ ก กา หรือมตี วั สะกดในแม่ กก กด กบ) เชน่
ดุ ติ จาก ตดั เกบ็ หรือใช้ค้าเอกโทษแทนได้ (ค้าเอกโทษ คือค้าที่ใช้วรรณยุกตเ์ อกในตำแหน่ง
บังคับ เช่น หนา้ เขียนเปน็ น่า เพื่อให้ไดค้ า้ ทบ่ี ังคับรูปวรรณยุกต์เอกตามแผนผังฉันทลกั ษณ์)
ตำแหน่งโท อาจใชค้ ำโทโทษแทนได้ (คำโทโทษ คอื ค้าท่ีใช้วรรณยกุ ต์โทในตำแหนง่ บงั คบั เชน่ เล่น เขยี น
เปน็ เหล้น ทว่ ม เขยี นเปน็ ถ่วม เพอื่ ให้ได้คำท่บี งั คบั รปู วรรณยกุ ตโ์ ทตามแผนผังฉันทลกั ษณ์)
ตวั อย่าง
ผิวขาวใบนา่ หยง้ิ ขาวนวล
นา่ เปน็ คำเอกโทษ ทถี่ ูกต้องคือคำ หน้า (ใบหนา้ ) แตต่ ้องการใช้รปู เอกในตำแหน่งท่ีบังคับเอก หยิง้ เป็นคำ
โทโทษ ที่ถูกต้องคือคำ ยิ่ง แต่ต้องการใช้รปู โทในตำแหน่งทบี่ งั คบั โทสมั ผัส
1. สมั ผสั บงั คับ
- คำสุดท้ายวรรคหลังในบาทท่ี 1 สง่ สัมผัสไปยงั คำสุดท้ายวรรคหนา้ ในบาทที่ 2 และคำสดุ ท้าย
วรรคหน้าในบาทที่ 3
- คำสดุ ท้ายวรรคหลังในบาทท่ี 2 ส่งสัมผัสไปยังคำสดุ ท้ายของวรรคหน้าในบาทท่ี 4
- คำสดุ ทา้ ยของบทที่ 1 ส่งสัมผัสไปยังคำที่ 1, 2 หรอื 3 ของบทตอ่ ไป คำที่สง่ และรับสมั ผัสไม่
นยิ มใชค้ ำท่ีมรี ปู วรรณยกุ ต์
2. สัมผสั ไม่บงั คบั (สัมผัสพิเศษหรือสมั ผัสใน) ถ้ามกี ็จะชว่ ยเพ่ิมความไพเราะใหโ้ คลง ไดแ้ ก่ การใช้ สัมผัส
พยญั ชนะในแตล่ ะวรรค
42
ใบงาน เรือ่ ง การแตง่ โคลงสสี่ ุภาพ
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนทบทวนความรเู้ กี่ยวกบั โคลงสสี่ ุภาพ
1. ใหเ้ ติมวรรณยุกตเ์ อก ( ) วรรณยุกต์โท ( ) และโยงสมั ผัสตามขอ้ บังคับของโคลงสี่สุภาพใแผนภูมิ ต่อไปน้ี
00000 00(00)
00000 00
00000 00
00000 00000
2. ใหน้ ักเรยี นเตมิ คำลงในชอ่ งว่างใหถ้ กู ตอ้ งตามขอ้ บังคับของโคลงสี่สุภาพ
2.1 หนง่ึ บทมี .......................... บาท
2.2 แต่ละบาทมี ...................... วรรค
2.3 วรรคหนา้ มี ....................... คำ
2.4 วรรคหลังบาทท่ี 1, 2 และ3 มีวรรคละ ................. คำ
2.5 วรรคหลังบาทท่ี 4 มี ......................... คำ
2.6 คำเอกมี ......................... แหง่
2.7 คำโทมี ......................... แห่ง
2.8 คำสร้อยมที ้ายบาทท่ี ...................... และ บาทท่ี .........................
2.9 คำท้ายบาทที่ 1 สัมผสั กับคำทา้ ยวรรคหนา้ บาทท่ี ......................... และบาทท่ี ....................
2.10 คำทา้ ยบาทท่ี 2 สัมผสั กับคำท้ายวรรคหนา้ บาทที่ .......................
3. ใหน้ กั เรยี นช่วยกันแตง่ โคลงสส่ี ภุ าพ 1 บท โดยเลือก 1 เรื่อง จากเร่อื งทก่ี ำหนดให้
3.1 เพอ่ื นรัก
3.2 โทรศัพท์
3.3 บุพเพสนั นวิ าส
3.4 หนังสอื คอื สมบตั ิ
3.5 ประหยดั พลงั งาน
…..............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.…………………….……….................................................................................................................................
ชื่อ - สกลุ ………..........................................................................ช้ัน..........................เลขท่ี...................................
43
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ ง
ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน
ลำดั ช่ือ-สกุล ความมี ความมี การรบั ฟงั การแสดง การตรง รวม
บ ท่ี ของผูร้ ับการ วินยั น้ำใจ ความ ความ ต่อเวลา 5
ประเมนิ เออื้ เฟอ้ื คิดเห็น คดิ เห็น คะแน
เสยี สละ น
43214321432143214321
ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน 4 - 5 ดมี าก
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
3 ดี
2 พอใช้
ต่ากวา่ 2 ปรบั ปรงุ
44
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8
รายวิชา ภาษาไทยเพ่ิมเตมิ รหสั ท 22202 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
โรงเรียน โสภณวรคณุ วทิ ยา ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง การแตง่ คำประพันธ์
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 8 การถอดโคลงส่ี เวลา 1 ชว่ั โมง/คาบ
ผสู้ อน พระรพี ติสสฺ โร
วนั ท่สี อน : วัน.................. ท.่ี .................................... เดือน ....................................... พทุ ธศักราช ...................
1. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด
การแตง่ โคลงส่ีสุภาพใหถ้ ูกต้องสมบูรณ์เหมอื นโคลงครดู ังกล่าวแต่งได้ค่อนข้างยาก เพราะบางคร้ัง
ต้องรักษาเนื้อความไว้ จึงอนุโลมให้ใช้คำที่บังคับรูปวรรณยุกต์เอกหรือโทตรงตามแผนผังฉันทลักษณ์อย่าง
เคร่งครัด สว่ นคำอืน่ ท่ีมไิ ด้บงั คบั รูปวรรณยุกต์จะใชค้ ำที่มีรูปวรรณยกุ ตห์ รือไมก่ ็ได้ ข้ึนอย่กู บั เน้อื ความในโคลง
2. ผลการเรียนรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ผลการเรียนรู้
1. ถอดคำประพันธจ์ ากวรรณคดมี รดกท่เี ลอื กอา่ นตามความสนใจ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายหลักการถอดโคลงสี่สภุ าพได้
2. ถอดโคลงส่ีสุภาพได้
3. สาระการเรยี นรู้
การถอดคำประพันธ์โคลงส่สี ุภาพ
4. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นท่ี 1 นำเขา้ สบู่ ทเรยี น
1. ครูกลา่ วทักทายนกั เรยี นและทบทวนความรเู้ ดิม จากช่ัวโมงทแ่ี ล้ว
2. ครูใหน้ ักเรยี นทำสมาธกิ อ่ นเรียน เพอื่ สำรวม กาย วาจา และ ใจ
ข้นั ที่ 2 ลงมือปฏิบตั ิ
1. ครูอธิบายความเป็นมาของโคลงสี่ ใหน้ ักเรยี นฟงั
2. ครูให้นกั เรยี นเขยี นถอดคำประพนั ธโ์ คลงส่ี ทค่ี รเู ตรียมมาให้ ส่งช่วั โมงหนา้
ขั้นที่ 3 สรุป
1. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุป เรื่อง การถอดคำประพนั ธ์โคลงสี่สุภาพ
5. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
- ใบงาน การถอดคำประพนั ธ์
6. สื่อการเรยี นรู้
- ใบความรู้ เร่อื ง การถอดคำประพันธ์โคลงสสี่ ุภาพ
45
7. การวดั ผลประเมนิ ผล
วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานเรื่อง การถอดคำ ใบงาน เรื่อง การถอดคำประพันธ์ รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประพนั ธ์โคลงสีส่ ภุ าพ โคลงสสี่ ภุ าพ
สังเกตพฤติกรรมการทำงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล รายบคุ คล
สงั เกตการใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการ แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึง ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทำงาน และรกั ความเปน็ ไทย ประสงค์
46
ใบความรู้ เร่ือง การถอดคำประพนั ธโ์ คลงส่สี ภุ าพ
ความรู้เกี่ยวกับโคลงส่สี ภุ าพ
ความเป็นมมา
โคลงสี่สุภาพ ปรากฏในวรรณกรรมไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา ปรากฏในมหาชาติคำหลวง เป็นเรื่อง
แรกและมีวรรณกรรมที่แตง่ ด้วยโคลงสี่สุภาพ 3 เรื่อง ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย โคลงมังทราตีเชียงใหม่และ
ลลิ ติ พระลอ
สมัยอยุธยาตอนกลาง วรรณกรรมทใ่ี ช้โคลงสี่สุภาพ ได้แก่โครงเร่ืองพาลีสอนน้อง โคลง ทศรถสอน
พระราม และโคลงราชสวัสดิ์พระราชนพิ นธส์ มเด็จพระนารายณม์ หาราช โคลงเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระนารายณ์
มหาราช โคลงนิราศนครสวรรคก์ าพย์ห่อโคลงและโคลงอักษรสามของ
พระศรีมโหสถ
สมยั อยุธยาตอนปลาย ได้แกโ่ คลงนิราศพระบาท โคลงนริ าศเจ้าฟา้ อภัย และกาพย์หอ่
สมยั อยุธยาตอนปลาย ไดแ้ กโ่ คลงนริ าศพระบาท โคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัย และกาพย์หอ่ โคลงพระราช
นพิ นธเ์ จ้าฟ้าธรรมาธเิ บศร
สมัยธนบรุ ีได้แก่โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรีและลิลิตเพชรมงกุฎ สมัยรัตนโกสินทร์วรรณกรรมท่ีใช้โคลง
ส่สี ภุ าพทเ่ี ด่น ๆ ไดแ้ กล่ ลิ ิตะเลงพ่าย โคลงนิราศนรินทร์ โคลงนิราศสพุ รรณ โคลงโลกนิติ สามกรุง
โคลงสีส่ ุภาพเปน็ คาประพันธ์ที่กวชอี บแต่งและผ่านการพัฒนามายาวนานจนมีฉนั ทลักษณ์ท่ีลงตัวและเปน็ แบบฉบบั
ดงั ทย่ี ึดถือกันในปัจจุบนั
ลักษณะคำประพันธ์
1. บท บทหนึ่งมี 4 บาท (หน่ึงบรรทัดคือหนึ่งบาท) แต่ละบาทแยกเป็น 2 วรรค เรียกวรรค หน้า
กับวรรคหลังแบ่งเปน็ วรรคหน้า 5 คำวรรคหลัง 2 คำ เฉพาะบาทท่ี 4 หรอื บาทสดุ ทา้ ยกำหนดให้ วรรคหลังมี 4 คำ
2. คำสร้อย คำ สร้อยซ่ึงใช้ต่อท้ายโคลงสี่สุภาพในบาทท่ี1 และบาทที่ 3 นั้น จะใช้ต่อเมื่อ ความ
ขาด หรือยังไม่สมบูรณ์หากได้ใจความอยู่แล้วไม่ต้องใส่ เพราะจะทำให้ "รกสร้อย" คำ สร้อยที่นิยมใช้กันเป็น
แบบแผนมีทั้งหมด 12 คำ
1. พอ่ ใช้ขยายความเฉพาะบคุ คล
2. แม่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรอื เป็นคำรอ้ งเรียก
3. พี่ ใชข้ ยายความเฉพาะบคุ คลอาจใช้เปน็ สรรพนามบุรษุ ที่ 1 หรอื บุรษุ ที่ 2 กไ็ ด้
4. เทอญ มคี วามหมายเชงิ ขอใหม้ หี รอื ขอให้เปน็
5. นา มคี วามหมายว่า ดังน้ัน เช่นน้นั
6. นอ มคี วามหมายเชน่ เดียวกบัคา อุทานว่า หนอ หรือ นนั่ เอง
7. บารนี สร้อยคำนี้นิยมใชม้ ากในลิลิตพระลอ มคี วามหมายว่าดงั นี้ เชน่ น้ี
8. รา มีความหมายวา่ เถอะ เถดิ
47
9. ฤา มีความหมายเชิงถาม เหมอื นกบัคา วา่ หรือ ครบตามบังคับ
10. แล มีความหมายวา่ อย่างนั้น เป็นเช่นนัน้
11. แฮ มคี วามหมายว่า เปน็ อย่างนัน้ นัน่ เอง ทำนองเดียวกบคั า สร้อยแล
12. เอย ใชเ้ ม่อื อยู่หลังคำ รอ้ งเรยี กเหมอื นคา ว่า เอย๋ ในคำประพันธอ์ ่ืน หรอื วางไวใ้ ห้คำ
3. เอก– โท คอื คา กำหนดบงั คับ เสยี งอัน เป็นลกษั ณะพเิ ศษของโคลง คำ เอกคอื คำ ทีก่ ำกับ ด้วย
รูปวรรคยุกตเ์ อก เชน่ แก่คา่ ป่า เฉพาะคำ เอกนี้ในโคลงอนญุ าตให้ใช้คำตายแทนได้ คำตาย คอื คำ ทสี่ ะกด
ในแมก่ ก กด กบ เชน่ ปิด ฉาก นดั พบ คำโท คือ คำ ท่ีกำกบั ดว้ ยรปู วรรณยกุ ตโ์ ท เชน่ รอ้ ง ไห้ ไม้ ล้ม ต้ม
ข้าว โคลงสีส่ ภุ าพ กำหนดบงั คบั ใหแ้ ตล่ ะบทตอ้ งใชค้ ำ เอก-โท กรณที ีไ่ ม่ สามารถหาพยางค์ท่มี รี ูปวรรณยุกต์
ตามต้องการไดใ้ ห้ใช้
คำเอก และคำโท เอกโทษและโทโทษ คอื อะไร?
คำเอกคำโท หมายถึงพยางค์ทีบ่ ังคับดว้ ยรูปวรรณยุกต์เอก และรูปวรรณยุกต์โท กำกบั อยู่ ในคำน้ัน
โดยมีลกัษณะบังคับไวด้ งั นี้
คำเอก ไดแ้ ก่ พยางค์ท่ีมรี ูปวรรณยกุ ต์เอกบังคับ เช่น ลา่ เก่า กอ่ น น่า ว่าย ไม่ ฯลฯ และให้รวมถึงคำตาย
ทั้งหมดไมว่ ่า จะมีเสยี งวรรณยุกตใ์ ดก็ตาม เช่น ปะ พบ รึ ขดั ชดิ
คำตาย คือ
1. คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่กกา (ไม่มีตัวสะกด) เช่น กะทิ สินะ เละ เปรี๊ยะ เลอะ ฯลฯ
2. คำทีส่ ะกดดว้ ยแม่กกกบ กด เช่น เลข วัด สารท โจทย์ วทิ ย ศษิ ย์ มาก โชคลาภ ฯลฯ
คำโท ไดแ้ ก่ พยางค์ท่มี ีรปู วรรณยุกตโ์ ทบังคับ ไม่วา่ จะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใดกต็ าม เช่น ข้าล้ม เศรา้ คา้ น
คำเอกคำ โท ใชใ้ นการแต่งคำ ประพันธป์ ระเภท “โคลง” และ “ร่าย”และถอื วา่ เป็นข้อบังคับ ของ
ฉันทลักษณท์ ี่สำคญั มากถงึ กับยอมให้เอาคำ ทไี่ ม่เคยใช้รูปเอกรูปโท แปลงมาใช้เอกและโท ได้ เช่น เล่น นำมา
เขียนใชเ้ ป็น เหล้น ได้ เรียกวา่ “โทโทษ” ห้าม ขอ้ น นำมาเขยี นเป็น ฮา่ ม คอ่ น เรยี กวา่ “เอกโทษ”
4. สัมผสั คำของโคลงส่ีสภุ าพ
ก. สมั ผสั นอก หรือสมั ผัสระหว่างบท อันเปน็ สัมผัส บงั คับ คำ สุดท้ายของบาทหน่ึงคือคำ ท่ี 7 สง่
สมั ผสั ไปรบั สมั ผัสกับคำ ที่5 ของบาทสองกับบาทสาม (ดแู ผนผัง)คำ สุดทา้ ยของบาทสองคือ คำท่ี 7 สง่ สมั ผัส
ไปรบั กับคำ ที่5 ของบาทสี่ (ซ่ึงตกในท่ีบงั คบั คำ โท จงึ ต้องส่ง-รับด้วยคำ โททงั้ คู่)
ข. สมั ผัสระหว่างบท โคลงสี่สุภาพไมเ่ คร่งสมั ผัสระหว่างบท จะมีหรอื ไมม่ กี ็ได้หากจะมี กำหนดให้
คำ สุดท้ายของบทคอื คำที่ 7 ของบาทส่ี สง่ -รับสัมผัสไปยังคำที่ 1 หรอื 2 หรอื 3 ของบาท หน่ึงในบทถดั ไป
48
ตวั อยา่ งแผนผังโคลงสี่สุภาพ
ตวั อย่างโคลงสี่สุภาพ
เสียงลอื เสยี งเล่าอ้าง อันใด พเ่ี อย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขอื พ่หี ลับใหล ลมื ตน่ื ฤๅพี่
สองพ่คี ิดเองอ้า อยา่ ได้ถามเผือ
“ลิลิตพระลอ”
49
ใบงาน เรือ่ ง การถอดคำประพนั ธ์
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นหาคำสมั ผัส ถอดความคำ ประพันธ์ใหเ้ ปน็ ร้อยแก้ว และหาข้อคิดทจ่ี ากบททกี่ ำหนดให้
เชอ้ื วงศว์ายรกั ร้อย รษิ ยา กัน เฮย
ปรปักษเบ์ ยี นบฑี า ง่ายแท้
รว่ มสู้รว่ มรกั ษา จิตรว่ ม รวมกัน
หม่นื อมิตร บ มแิ พ้ เพราะพร้อมเพียงผจญ
................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
………………...............................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
ชอื่ -สกลุ ........................................................................................ชน้ั ..................เลขท.ี่ .................